• คณะกรรมาธิการยุโรป (EU Commission) ได้สั่งปรับ Apple และ Meta เป็นเงิน 500 ล้านยูโร และ 200 ล้านยูโร ตามลำดับ เนื่องจากละเมิดกฎของ Digital Markets Act (DMA) โดย Apple ถูกพบว่าละเมิดข้อกำหนดเกี่ยวกับการป้องกันการบังคับใช้ (anti-steering obligation) และ Meta ละเมิดข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้บริการที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลน้อยลง

    ✅ Apple ถูกปรับ 500 ล้านยูโร
    - Apple จำกัดการเข้าถึงของนักพัฒนาแอปไปยังร้านค้าแอปทางเลือก
    - ห้ามนักพัฒนาแอปสื่อสารข้อเสนอราคาถูกกว่าโดยตรงกับผู้บริโภค

    ✅ Meta ถูกปรับ 200 ล้านยูโร
    - Meta เสนอทางเลือกให้ผู้ใช้เลือกดูโฆษณาส่วนบุคคลหรือจ่ายค่าสมัครสมาชิกเพื่อไม่มีโฆษณา
    - คณะกรรมาธิการต้องการให้ Meta เสนอทางเลือกที่มีโฆษณาแต่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลน้อยลง

    ✅ Facebook Marketplace ไม่อยู่ภายใต้ DMA อีกต่อไป
    - เนื่องจากจำนวนผู้ใช้ธุรกิจลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

    ✅ EU ยังคงดำเนินการอย่างเข้มงวดกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
    - แม้จะมีการข่มขู่จากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกำหนดภาษี

    https://www.neowin.net/news/eu-commission-fines-apple-and-meta-500-million-and-200-million/
    คณะกรรมาธิการยุโรป (EU Commission) ได้สั่งปรับ Apple และ Meta เป็นเงิน 500 ล้านยูโร และ 200 ล้านยูโร ตามลำดับ เนื่องจากละเมิดกฎของ Digital Markets Act (DMA) โดย Apple ถูกพบว่าละเมิดข้อกำหนดเกี่ยวกับการป้องกันการบังคับใช้ (anti-steering obligation) และ Meta ละเมิดข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้บริการที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลน้อยลง ✅ Apple ถูกปรับ 500 ล้านยูโร - Apple จำกัดการเข้าถึงของนักพัฒนาแอปไปยังร้านค้าแอปทางเลือก - ห้ามนักพัฒนาแอปสื่อสารข้อเสนอราคาถูกกว่าโดยตรงกับผู้บริโภค ✅ Meta ถูกปรับ 200 ล้านยูโร - Meta เสนอทางเลือกให้ผู้ใช้เลือกดูโฆษณาส่วนบุคคลหรือจ่ายค่าสมัครสมาชิกเพื่อไม่มีโฆษณา - คณะกรรมาธิการต้องการให้ Meta เสนอทางเลือกที่มีโฆษณาแต่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลน้อยลง ✅ Facebook Marketplace ไม่อยู่ภายใต้ DMA อีกต่อไป - เนื่องจากจำนวนผู้ใช้ธุรกิจลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ✅ EU ยังคงดำเนินการอย่างเข้มงวดกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ - แม้จะมีการข่มขู่จากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกำหนดภาษี https://www.neowin.net/news/eu-commission-fines-apple-and-meta-500-million-and-200-million/
    WWW.NEOWIN.NET
    EU Commission fines Apple and Meta €500 million and €200 million
    The European Commission has fined Apple and Meta €500 million and €200 million, respectively, for violating the Digital Markets Act.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • Enjoy a walk around the beautiful garden with our puppy.
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Enjoy a walk around the beautiful garden with our puppy. #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Messages กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) และ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้องกันตัวเองจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและแชร์ตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing)
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์
    - ช่วยให้การนัดพบหรือการติดตามตำแหน่งระหว่างการเดินทางสะดวกขึ้น

    ✅ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings)
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการส่งหรือรับภาพเปลือยโดยมีการแจ้งเตือนก่อนเปิดดู
    - ใช้ AI บนอุปกรณ์เพื่อวิเคราะห์ภาพโดยไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google

    ✅ การตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
    - บัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ
    - ผู้ปกครองสามารถควบคุมการตั้งค่าผ่านแอป Family Link

    ✅ การปรับปรุงความปลอดภัยใน Google Messages
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    https://www.techradar.com/phones/android/google-messages-update-finally-adds-an-important-safety-tool-and-teases-a-feature-im-surprised-the-app-doesnt-have-already
    Google Messages กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) และ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้องกันตัวเองจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและแชร์ตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์ - ช่วยให้การนัดพบหรือการติดตามตำแหน่งระหว่างการเดินทางสะดวกขึ้น ✅ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) - ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการส่งหรือรับภาพเปลือยโดยมีการแจ้งเตือนก่อนเปิดดู - ใช้ AI บนอุปกรณ์เพื่อวิเคราะห์ภาพโดยไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ✅ การตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี - บัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ - ผู้ปกครองสามารถควบคุมการตั้งค่าผ่านแอป Family Link ✅ การปรับปรุงความปลอดภัยใน Google Messages - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม https://www.techradar.com/phones/android/google-messages-update-finally-adds-an-important-safety-tool-and-teases-a-feature-im-surprised-the-app-doesnt-have-already
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ

    ✅ Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน
    - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores

    ✅ Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing
    - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end
    - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า

    ✅ Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ
    - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้
    - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf

    ✅ Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026
    - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ✅ Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores ✅ Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า ✅ Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้ - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf ✅ Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026 - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk กำลังวางแผนระดมทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง Colossus 2 ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มี GPU จำนวน 1 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัยและสร้างรายได้จากการใช้งาน AI ในระดับสูง การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ และทำให้มูลค่าของบริษัท xAI อยู่ระหว่าง 150 ถึง 200 พันล้านดอลลาร์

    ✅ Elon Musk วางแผนสร้าง Colossus 2 ด้วย GPU จำนวน 1 ล้านตัว
    - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ GPU Nvidia Hopper H100 และ H100
    - Colossus 2 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า Colossus รุ่นแรกที่มี GPU จำนวน 200,000 ตัว

    ✅ การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์
    - Musk คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ถึง 125 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้าง Colossus 2
    - รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอาคาร เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และระบบระบายความร้อน

    ✅ xAI มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย
    - โมเดล AI ที่พัฒนาจะถูกนำไปใช้สร้างรายได้ในระดับสูง

    ✅ การลงทุนใน AI Data Centers กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก
    - Broadcom คาดว่า Data Centers รุ่นใหม่จะมี AI Processors จำนวน 1 ล้านตัวภายในปี 2027

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/speculation-mounts-that-musk-will-raise-tens-of-billions-for-ai-supercomputer-with-1-million-gpus-report
    Elon Musk กำลังวางแผนระดมทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง Colossus 2 ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มี GPU จำนวน 1 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัยและสร้างรายได้จากการใช้งาน AI ในระดับสูง การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ และทำให้มูลค่าของบริษัท xAI อยู่ระหว่าง 150 ถึง 200 พันล้านดอลลาร์ ✅ Elon Musk วางแผนสร้าง Colossus 2 ด้วย GPU จำนวน 1 ล้านตัว - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ GPU Nvidia Hopper H100 และ H100 - Colossus 2 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า Colossus รุ่นแรกที่มี GPU จำนวน 200,000 ตัว ✅ การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ - Musk คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ถึง 125 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้าง Colossus 2 - รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอาคาร เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และระบบระบายความร้อน ✅ xAI มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย - โมเดล AI ที่พัฒนาจะถูกนำไปใช้สร้างรายได้ในระดับสูง ✅ การลงทุนใน AI Data Centers กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก - Broadcom คาดว่า Data Centers รุ่นใหม่จะมี AI Processors จำนวน 1 ล้านตัวภายในปี 2027 https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/speculation-mounts-that-musk-will-raise-tens-of-billions-for-ai-supercomputer-with-1-million-gpus-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วผ่านปุ่ม "End Task" บนแถบงาน (Taskbar) โดยไม่ต้องเปิด Task Manager ซึ่งฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดการแอปพลิเคชันที่ค้างหรือหยุดทำงาน

    ✅ ปุ่ม "End Task" ช่วยให้ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้ง่ายขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถคลิกขวาที่ไอคอนแอปบนแถบงานและเลือก "End Task" เพื่อปิดแอป
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยลดขั้นตอนที่เคยต้องเปิด Task Manager

    ✅ ฟีเจอร์นี้ต้องเปิดใช้งานใน Settings > System > For Developers
    - ผู้ใช้ต้องเปิดการตั้งค่า "End Task" ในส่วน For Developers ก่อนใช้งาน
    - ไม่จำเป็นต้องเปิด Developer Mode

    ✅ ฟีเจอร์นี้มีประสิทธิภาพมากกว่า "Close Window"
    - "End Task" จะปิดกระบวนการทั้งหมดของแอปพลิเคชัน ในขณะที่ "Close Window" อาจปล่อยให้กระบวนการบางส่วนยังคงทำงานอยู่

    ✅ ฟีเจอร์นี้มีใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2
    - ฟีเจอร์นี้เริ่มปรากฏใน Insider builds และขณะนี้มีในเวอร์ชัน 24H2 ที่กำลังทยอยเปิดตัว

    https://www.techspot.com/news/107636-new-windows-11-setting-users-kill-stubborn-apps.html
    Microsoft ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วผ่านปุ่ม "End Task" บนแถบงาน (Taskbar) โดยไม่ต้องเปิด Task Manager ซึ่งฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดการแอปพลิเคชันที่ค้างหรือหยุดทำงาน ✅ ปุ่ม "End Task" ช่วยให้ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ตอบสนองได้ง่ายขึ้น - ผู้ใช้สามารถคลิกขวาที่ไอคอนแอปบนแถบงานและเลือก "End Task" เพื่อปิดแอป - ฟีเจอร์นี้ช่วยลดขั้นตอนที่เคยต้องเปิด Task Manager ✅ ฟีเจอร์นี้ต้องเปิดใช้งานใน Settings > System > For Developers - ผู้ใช้ต้องเปิดการตั้งค่า "End Task" ในส่วน For Developers ก่อนใช้งาน - ไม่จำเป็นต้องเปิด Developer Mode ✅ ฟีเจอร์นี้มีประสิทธิภาพมากกว่า "Close Window" - "End Task" จะปิดกระบวนการทั้งหมดของแอปพลิเคชัน ในขณะที่ "Close Window" อาจปล่อยให้กระบวนการบางส่วนยังคงทำงานอยู่ ✅ ฟีเจอร์นี้มีใน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 - ฟีเจอร์นี้เริ่มปรากฏใน Insider builds และขณะนี้มีในเวอร์ชัน 24H2 ที่กำลังทยอยเปิดตัว https://www.techspot.com/news/107636-new-windows-11-setting-users-kill-stubborn-apps.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows 11 adds taskbar 'End Task' button for killing frozen apps
    For years, the standard response to a frozen app was either to reboot the system or summon Task Manager – often by pressing Ctrl + Alt +...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • Signal แอปส่งข้อความที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end กำลังเป็นที่สนใจหลังจากมีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้แอปนี้ในการวางแผนสงคราม ซึ่งนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลข่าวกรองหลายครั้ง การใช้งาน Signal โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของแอปและเหตุผลที่เจ้าหน้าที่เลือกใช้แอปนี้แทนระบบที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล

    ✅ Signal เป็นแอปส่งข้อความที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end
    - ข้อความจะถูกเข้ารหัสบนอุปกรณ์ของผู้ส่งและถอดรหัสบนอุปกรณ์ของผู้รับ
    - ป้องกันการถูกดักจับและอ่านโดยบุคคลที่สาม รวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและ Signal เอง

    ✅ Signal เป็นเจ้าของโดยองค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ
    - Signal Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยได้รับเงินบริจาค 50 ล้านดอลลาร์จาก Brian Acton ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp
    - องค์กรนี้มีโครงสร้างเพื่อป้องกันการขายข้อมูลผู้ใช้

    ✅ Signal มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
    - ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่เป็น open source ซึ่งช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบและระบุข้อบกพร่องได้
    - Signal เก็บข้อมูลผู้ใช้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลในกรณีที่เกิดการละเมิดความปลอดภัย

    ✅ Signal มีฟีเจอร์ข้อความที่หายไป
    - ผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้ข้อความหายไปหลังจากเวลาที่กำหนด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/how-secure-is-signal-anyway
    Signal แอปส่งข้อความที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end กำลังเป็นที่สนใจหลังจากมีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้แอปนี้ในการวางแผนสงคราม ซึ่งนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลข่าวกรองหลายครั้ง การใช้งาน Signal โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของแอปและเหตุผลที่เจ้าหน้าที่เลือกใช้แอปนี้แทนระบบที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ✅ Signal เป็นแอปส่งข้อความที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end - ข้อความจะถูกเข้ารหัสบนอุปกรณ์ของผู้ส่งและถอดรหัสบนอุปกรณ์ของผู้รับ - ป้องกันการถูกดักจับและอ่านโดยบุคคลที่สาม รวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและ Signal เอง ✅ Signal เป็นเจ้าของโดยองค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ - Signal Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยได้รับเงินบริจาค 50 ล้านดอลลาร์จาก Brian Acton ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp - องค์กรนี้มีโครงสร้างเพื่อป้องกันการขายข้อมูลผู้ใช้ ✅ Signal มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด - ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่เป็น open source ซึ่งช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบและระบุข้อบกพร่องได้ - Signal เก็บข้อมูลผู้ใช้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลในกรณีที่เกิดการละเมิดความปลอดภัย ✅ Signal มีฟีเจอร์ข้อความที่หายไป - ผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้ข้อความหายไปหลังจากเวลาที่กำหนด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/how-secure-is-signal-anyway
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How secure is Signal, anyway?
    The app, which was introduced in 2014 and has hundreds of millions of users, is widely viewed as the safest messaging tool because of its encryption technology.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัว ไดรเวอร์ชิปเซ็ตเวอร์ชัน 7.04.09.545 สำหรับแพลตฟอร์มเดสก์ท็อป AM5 และ AM4 รวมถึงแพลตฟอร์มมือถือ โดยไดรเวอร์นี้รองรับซีพียู Ryzen ตั้งแต่รุ่น 9000 (Zen 5) ไปจนถึง 1000 (Zen 1) แม้ว่าไดรเวอร์ใหม่นี้จะไม่มีโปรแกรมหรือไดรเวอร์ใหม่เพิ่มเข้ามา แต่มีการแก้ไขข้อบกพร่องและให้วิธีแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า

    ✅ รองรับซีพียู Ryzen ตั้งแต่ Zen 1 ถึง Zen 5
    - ไดรเวอร์นี้รองรับซีพียู Ryzen 9000, 8000, 7000, 5000, 3000 และ 1000
    - รองรับทั้งแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและมือถือ

    ✅ ไม่มีโปรแกรมหรือไดรเวอร์ใหม่เพิ่มเข้ามา
    - การอัปเดตนี้เน้นการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงประสิทธิภาพ

    ✅ วิธีแก้ไขปัญหาสำหรับการกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า
    - ผู้ใช้สามารถถอนการติดตั้งเวอร์ชัน 7.xx.xx.xx และลบโฟลเดอร์ Qt_Dependencies เพื่อกลับไปใช้เวอร์ชัน 6.xx.xx.xx

    ✅ การปรับปรุงในไดรเวอร์บางตัว
    - เช่น AMD PSP Driver และ AMD PPM Provisioning File Driver ที่ได้รับการแก้ไขข้อบกพร่อง

    https://www.neowin.net/news/amd-releases-new-windows-1110-chipset-driver-for-ryzen-9000-8000-7000-5000-3000-more-2/
    AMD ได้เปิดตัว ไดรเวอร์ชิปเซ็ตเวอร์ชัน 7.04.09.545 สำหรับแพลตฟอร์มเดสก์ท็อป AM5 และ AM4 รวมถึงแพลตฟอร์มมือถือ โดยไดรเวอร์นี้รองรับซีพียู Ryzen ตั้งแต่รุ่น 9000 (Zen 5) ไปจนถึง 1000 (Zen 1) แม้ว่าไดรเวอร์ใหม่นี้จะไม่มีโปรแกรมหรือไดรเวอร์ใหม่เพิ่มเข้ามา แต่มีการแก้ไขข้อบกพร่องและให้วิธีแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า ✅ รองรับซีพียู Ryzen ตั้งแต่ Zen 1 ถึง Zen 5 - ไดรเวอร์นี้รองรับซีพียู Ryzen 9000, 8000, 7000, 5000, 3000 และ 1000 - รองรับทั้งแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและมือถือ ✅ ไม่มีโปรแกรมหรือไดรเวอร์ใหม่เพิ่มเข้ามา - การอัปเดตนี้เน้นการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงประสิทธิภาพ ✅ วิธีแก้ไขปัญหาสำหรับการกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้า - ผู้ใช้สามารถถอนการติดตั้งเวอร์ชัน 7.xx.xx.xx และลบโฟลเดอร์ Qt_Dependencies เพื่อกลับไปใช้เวอร์ชัน 6.xx.xx.xx ✅ การปรับปรุงในไดรเวอร์บางตัว - เช่น AMD PSP Driver และ AMD PPM Provisioning File Driver ที่ได้รับการแก้ไขข้อบกพร่อง https://www.neowin.net/news/amd-releases-new-windows-1110-chipset-driver-for-ryzen-9000-8000-7000-5000-3000-more-2/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD releases new Windows 11/10 chipset driver for Ryzen 9000, 8000, 7000, 5000, 3000, more
    AMD has released a new chipset driver package for Windows 11 and Windows 10. The driver is compatible with Ryzen 9000, 7000, 8000, 5000, 3000, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพในยูเครน:

    รายละเอียดข้อตกลงเริ่มหลุดมาถึงมือสื่อเพิ่มมากขึ้น หลังการเจรจาที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสโดยมีพันธมิตรยุโรปเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมทั้งที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซียเมื่อต้นเดือน และหากครั้งนี้ล้มเหลว สหรัฐอาถอนตัวจากการมีส่วนร่วมในการเจรจา ตามที่ รูบิโอ รัฐมนตรีต่างสหรัฐกล่าวเมื่อวันก่อน

    สหรัฐต้องการให้ยูเครนยอมรับไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย และยอมรับว่ารัสเซียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยึดครองมาตั้งแต่ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในปี 2022 อ้างอิงตามแหล่งข่าวที่ทราบผลการเจรจาดังกล่าว

    นอกจากนี้ยังมีเพิ่มเติมคือ:
    👉สิ่งที่รัสเซียจะได้รับ:
    - การรับรองทางกฎหมายของสหรัฐฯ ว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย
    - การยอมรับภูมิภาคโดเนตสค์ ลูฮันสค์ เคอร์ซอน และซาโปริซเซีย ในส่วนที่รัสเซียปลดปล่อยไปแล้ว ดินแดนส่วนที่เหลือที่รัสเซียยังไม่ได้ปลดปล่อย อาจต้องอยู่ในการครอบครองของยูเครนต่อไป
    - คำมั่นสัญญาว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต แต่การเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอาจยังคงเป็นไปได้
    - การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรหลังปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่หลังจากรัสเซียเข้ายึดครองไครเมีย

    👉สิ่งที่ยูเครนจะได้รับ:
    - “การรับประกันความปลอดภัยที่มั่นคง” แม้ว่าขณะนี้ยังมีความสับสน และยังไม่ลงตัวท้ังหมด แต่เบื้องต้นอยู่ในขั้นตอนที่พันธมิตรของยุโรปให้การรับประกันแล้ว และพยายามโน้มน้าวให้สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วม
    - รัสเซียต้องคืนพื้นที่ในภูมิภาคคาร์คิฟที่ยึดไว้ตอนนี้ (มีไม่มากเท่าไหร่)
    - มีสิทธิเหนือน่านน้ำนีเปอร์ (Dnipro) อย่างเต็มที่ เพื่อใช้ในการเดินเรือออกสู่ทะเลดำ (Black Sea)
    - ความช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเศรษฐกิจของยูเครน แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน

    👉สิ่งที่สหรัฐจะได้รับ: (เรียกเก็บค่าดำเนินการ 😂)
    - โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (ZNPP) จะอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครน แต่สหรัฐจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจะมีหน้าที่ให้บริการระบบไฟฟ้าแก่ทั้งสองฝ่าย รายได้จากการดำเนินงาน จะเข้ากองทุนส่วนกลางที่สหรัฐและยูเครนร่วมกันจัดตั้ง
    - ข้อตกลงด้านแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนคาดว่าจะลงนามในวันพฤหัสบดี
    - ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านพลังงานและอุตสาหกรรม
    มีรายงานความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพในยูเครน: รายละเอียดข้อตกลงเริ่มหลุดมาถึงมือสื่อเพิ่มมากขึ้น หลังการเจรจาที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสโดยมีพันธมิตรยุโรปเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมทั้งที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซียเมื่อต้นเดือน และหากครั้งนี้ล้มเหลว สหรัฐอาถอนตัวจากการมีส่วนร่วมในการเจรจา ตามที่ รูบิโอ รัฐมนตรีต่างสหรัฐกล่าวเมื่อวันก่อน สหรัฐต้องการให้ยูเครนยอมรับไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย และยอมรับว่ารัสเซียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยึดครองมาตั้งแต่ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในปี 2022 อ้างอิงตามแหล่งข่าวที่ทราบผลการเจรจาดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีเพิ่มเติมคือ: 👉สิ่งที่รัสเซียจะได้รับ: - การรับรองทางกฎหมายของสหรัฐฯ ว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย - การยอมรับภูมิภาคโดเนตสค์ ลูฮันสค์ เคอร์ซอน และซาโปริซเซีย ในส่วนที่รัสเซียปลดปล่อยไปแล้ว ดินแดนส่วนที่เหลือที่รัสเซียยังไม่ได้ปลดปล่อย อาจต้องอยู่ในการครอบครองของยูเครนต่อไป - คำมั่นสัญญาว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต แต่การเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอาจยังคงเป็นไปได้ - การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรหลังปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่หลังจากรัสเซียเข้ายึดครองไครเมีย 👉สิ่งที่ยูเครนจะได้รับ: - “การรับประกันความปลอดภัยที่มั่นคง” แม้ว่าขณะนี้ยังมีความสับสน และยังไม่ลงตัวท้ังหมด แต่เบื้องต้นอยู่ในขั้นตอนที่พันธมิตรของยุโรปให้การรับประกันแล้ว และพยายามโน้มน้าวให้สหรัฐเข้ามามีส่วนร่วม - รัสเซียต้องคืนพื้นที่ในภูมิภาคคาร์คิฟที่ยึดไว้ตอนนี้ (มีไม่มากเท่าไหร่) - มีสิทธิเหนือน่านน้ำนีเปอร์ (Dnipro) อย่างเต็มที่ เพื่อใช้ในการเดินเรือออกสู่ทะเลดำ (Black Sea) - ความช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเศรษฐกิจของยูเครน แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน 👉สิ่งที่สหรัฐจะได้รับ: (เรียกเก็บค่าดำเนินการ 😂) - โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (ZNPP) จะอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครน แต่สหรัฐจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจะมีหน้าที่ให้บริการระบบไฟฟ้าแก่ทั้งสองฝ่าย รายได้จากการดำเนินงาน จะเข้ากองทุนส่วนกลางที่สหรัฐและยูเครนร่วมกันจัดตั้ง - ข้อตกลงด้านแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนคาดว่าจะลงนามในวันพฤหัสบดี - ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านพลังงานและอุตสาหกรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning Wednesday 💚🥰
    Hope you have a happy day 💐☺️
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Good morning Wednesday 💚🥰 Hope you have a happy day 💐☺️ #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • Trapped in a dimension beyond human understanding, Elias must fight to preserve his own selfhood. His scientific mind tells him that all systems must follow rules, and if there are rules—there must be a way to rewrite them. But as he spirals deeper into the vast expanse of forgotten knowledge, he realizes that some answers cannot be found through equations alone.

    Book on Amazon : The Last Equation of Elias Voltaire
    https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG

    FashionFromPhilosophy https://www.redbubble.com/i/art-board-print/The-Last-Equation-of-Elias-Voltaire-by-JFlove/170136307.NVL2T

    Song - In the Beginning, There Was Stillness : https://open.spotify.com/playlist/0SDJzlDtAgZYdbTxfEGmCJ


    - #LastEquationDesign
    - #ExistentialThreads
    - #EliasVoltaireCollection
    - #PhilosophyInFabric
    - #QuestioningExistence
    - #BeyondMathematics
    - #InfiniteFieldOfDesign
    - #TheUnknownWoven
    - #DissolvingIntoStyle
    - #SelfhoodReimagined
    - #LogicAndFashion
    - #UnmeasuredIdentity
    - #ScientificExpressionWear
    - #ThreadsOfTheUniverse
    - #EchoesOfTheEquation
    - #AIInspiredThreads
    - #ThoughtProvokingWear
    - #FashionFromPhilosophy
    - #CompletenessInDesign
    - #UnraveledMysteries
    Trapped in a dimension beyond human understanding, Elias must fight to preserve his own selfhood. His scientific mind tells him that all systems must follow rules, and if there are rules—there must be a way to rewrite them. But as he spirals deeper into the vast expanse of forgotten knowledge, he realizes that some answers cannot be found through equations alone. Book on Amazon : The Last Equation of Elias Voltaire https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG FashionFromPhilosophy https://www.redbubble.com/i/art-board-print/The-Last-Equation-of-Elias-Voltaire-by-JFlove/170136307.NVL2T Song - In the Beginning, There Was Stillness : https://open.spotify.com/playlist/0SDJzlDtAgZYdbTxfEGmCJ - #LastEquationDesign - #ExistentialThreads - #EliasVoltaireCollection - #PhilosophyInFabric - #QuestioningExistence - #BeyondMathematics - #InfiniteFieldOfDesign - #TheUnknownWoven - #DissolvingIntoStyle - #SelfhoodReimagined - #LogicAndFashion - #UnmeasuredIdentity - #ScientificExpressionWear - #ThreadsOfTheUniverse - #EchoesOfTheEquation - #AIInspiredThreads - #ThoughtProvokingWear - #FashionFromPhilosophy - #CompletenessInDesign - #UnraveledMysteries
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบ แคมเปญฟิชชิงที่ซับซ้อน ซึ่งใช้บริการของ Google เพื่อส่งอีเมลหลอกลวงจาก no-reply@google.com โดยแฮกเกอร์ใช้ OAuth apps และ sites.google.com เพื่อสร้างอีเมลที่ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจาก Google ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อและให้ข้อมูลรับรองบัญชีของตน

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ OAuth apps เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจาก Google
    - อีเมลปลอมแจ้งว่ามีหมายเรียกจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบัญชี Google ของผู้ใช้
    - ข้อความในอีเมลถูกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจริงจาก Google

    ✅ อีเมลฟิชชิงถูกส่งจาก no-reply@google.com และผ่านการตรวจสอบ DKIM
    - DKIM (DomainKeys Identified Mail) เป็นระบบตรวจสอบความถูกต้องของอีเมล
    - เนื่องจากอีเมลถูกสร้างโดย Google ระบบ DKIM จึงรับรองว่าเป็นอีเมลที่ถูกต้อง

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ sites.google.com เพื่อสร้างหน้าเว็บหลอกลวง
    - หน้าเว็บนี้ถูกใช้เพื่อขโมยข้อมูลรับรองบัญชีของผู้ใช้
    - sites.google.com เป็นบริการสร้างเว็บไซต์ฟรีของ Google ซึ่งมักถูกใช้ในแคมเปญฟิชชิง

    ✅ การโจมตีนี้เรียกว่า "DKIM replay phishing attack"
    - ใช้ช่องโหว่ในระบบตรวจสอบ DKIM ของ Google เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/beware-hackers-can-apparently-now-send-phishing-emails-from-no-reply-google-com
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบ แคมเปญฟิชชิงที่ซับซ้อน ซึ่งใช้บริการของ Google เพื่อส่งอีเมลหลอกลวงจาก no-reply@google.com โดยแฮกเกอร์ใช้ OAuth apps และ sites.google.com เพื่อสร้างอีเมลที่ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจาก Google ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อและให้ข้อมูลรับรองบัญชีของตน ✅ แฮกเกอร์ใช้ OAuth apps เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิงที่ดูเหมือนมาจาก Google - อีเมลปลอมแจ้งว่ามีหมายเรียกจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบัญชี Google ของผู้ใช้ - ข้อความในอีเมลถูกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นการแจ้งเตือนจริงจาก Google ✅ อีเมลฟิชชิงถูกส่งจาก no-reply@google.com และผ่านการตรวจสอบ DKIM - DKIM (DomainKeys Identified Mail) เป็นระบบตรวจสอบความถูกต้องของอีเมล - เนื่องจากอีเมลถูกสร้างโดย Google ระบบ DKIM จึงรับรองว่าเป็นอีเมลที่ถูกต้อง ✅ แฮกเกอร์ใช้ sites.google.com เพื่อสร้างหน้าเว็บหลอกลวง - หน้าเว็บนี้ถูกใช้เพื่อขโมยข้อมูลรับรองบัญชีของผู้ใช้ - sites.google.com เป็นบริการสร้างเว็บไซต์ฟรีของ Google ซึ่งมักถูกใช้ในแคมเปญฟิชชิง ✅ การโจมตีนี้เรียกว่า "DKIM replay phishing attack" - ใช้ช่องโหว่ในระบบตรวจสอบ DKIM ของ Google เพื่อให้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/beware-hackers-can-apparently-now-send-phishing-emails-from-no-reply-google-com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธี เปลี่ยนโฟลเดอร์เริ่มต้นสำหรับการบันทึกภาพหน้าจอ บน Windows 10 และ Windows 11 โดยค่าเริ่มต้น Windows จะบันทึกภาพหน้าจอที่ถ่ายด้วย Snipping Tool และ Win + PrintScreen ไว้ในโฟลเดอร์ Pictures > Screenshots แต่หากต้องการเปลี่ยนตำแหน่งบันทึก สามารถทำได้ผ่าน Snipping Tool, File Explorer หรือ Registry Editor

    ✅ เปลี่ยนตำแหน่งบันทึกผ่าน Snipping Tool
    - เปิด Snipping Tool และคลิกปุ่ม สามจุด ที่มุมขวาบน
    - ไปที่ Automatically save original screenshots และเลือก Change เพื่อกำหนดโฟลเดอร์ใหม่
    - สามารถเปลี่ยนตำแหน่งบันทึกของ Screen Recordings ได้ด้วยวิธีเดียวกัน

    ✅ เปลี่ยนตำแหน่งบันทึกผ่าน File Explorer
    - ไปที่ Pictures > Screenshots แล้วคลิกขวาที่โฟลเดอร์ Screenshots
    - เลือก Properties > Location > Move และกำหนดโฟลเดอร์ใหม่
    - Windows จะถามว่าต้องการย้ายไฟล์เก่าหรือไม่

    ✅ เปลี่ยนตำแหน่งบันทึกผ่าน Registry Editor
    - กด Win + R แล้วพิมพ์ regedit เพื่อเปิด Registry Editor
    - ไปที่ Computer\HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\User Shell Folders
    - ค้นหา {B7BEDE81-DF94-4682-A7D8-57A52620B86F} และเปลี่ยนค่าเป็นตำแหน่งโฟลเดอร์ใหม่

    https://www.neowin.net/guides/how-to-change-the-default-screenshot-folder-in-windows-10-and-11/
    บทความนี้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธี เปลี่ยนโฟลเดอร์เริ่มต้นสำหรับการบันทึกภาพหน้าจอ บน Windows 10 และ Windows 11 โดยค่าเริ่มต้น Windows จะบันทึกภาพหน้าจอที่ถ่ายด้วย Snipping Tool และ Win + PrintScreen ไว้ในโฟลเดอร์ Pictures > Screenshots แต่หากต้องการเปลี่ยนตำแหน่งบันทึก สามารถทำได้ผ่าน Snipping Tool, File Explorer หรือ Registry Editor ✅ เปลี่ยนตำแหน่งบันทึกผ่าน Snipping Tool - เปิด Snipping Tool และคลิกปุ่ม สามจุด ที่มุมขวาบน - ไปที่ Automatically save original screenshots และเลือก Change เพื่อกำหนดโฟลเดอร์ใหม่ - สามารถเปลี่ยนตำแหน่งบันทึกของ Screen Recordings ได้ด้วยวิธีเดียวกัน ✅ เปลี่ยนตำแหน่งบันทึกผ่าน File Explorer - ไปที่ Pictures > Screenshots แล้วคลิกขวาที่โฟลเดอร์ Screenshots - เลือก Properties > Location > Move และกำหนดโฟลเดอร์ใหม่ - Windows จะถามว่าต้องการย้ายไฟล์เก่าหรือไม่ ✅ เปลี่ยนตำแหน่งบันทึกผ่าน Registry Editor - กด Win + R แล้วพิมพ์ regedit เพื่อเปิด Registry Editor - ไปที่ Computer\HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\User Shell Folders - ค้นหา {B7BEDE81-DF94-4682-A7D8-57A52620B86F} และเปลี่ยนค่าเป็นตำแหน่งโฟลเดอร์ใหม่ https://www.neowin.net/guides/how-to-change-the-default-screenshot-folder-in-windows-10-and-11/
    WWW.NEOWIN.NET
    How to change the default screenshot folder in Windows 10 and 11
    Windows 10 and 11 store screenshots on drive C by default. If that does not sit well with you, here is how to change the default screenshot folder in Windows 10 and 11.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา Nova Lake ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่ที่ถูกขนานนามว่า "Zen 5 killer" โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen 9000 series อย่างเต็มรูปแบบ Nova Lake-S ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับเดสก์ท็อป จะใช้ ซ็อกเก็ต LGA1954 แทนที่ LGA1851 และคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026

    ✅ Nova Lake-S จะใช้ซ็อกเก็ต LGA1954 แทน LGA1851
    - ซ็อกเก็ต LGA1954 มีจำนวนขาเชื่อมต่อ 1,954 ขา ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า
    - รองรับการออกแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของแรงดันไฟฟ้า

    ✅ Nova Lake-S อาจมีสูงสุดถึง 52 คอร์
    - ประกอบด้วย 16 P-cores, 32 E-cores และ 4 LP E-cores
    - Intel เลิกใช้เทคโนโลยี Hyper-Threading ทำให้มี 52 คอร์ 52 เธรด

    ✅ Intel ยืนยันว่า Nova Lake จะเปิดตัวในปี 2026
    - เดิมทีมีแผนเปิดตัวในปี 2025 แต่ถูกเลื่อนออกไป
    - Panther Lake ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นำร่องของ Intel 18A จะเปิดตัวก่อนในปี 2025

    ✅ มีการใช้ Interposer สำหรับทดสอบแรงดันไฟฟ้า
    - ช่วยให้สามารถตรวจสอบการส่งพลังงานไปยังซีพียูก่อนการผลิตจริง

    https://www.neowin.net/news/intels-rumored-zen-5-killer-nova-lake-cpus-to-apparently-need-new-lga1954-socket-boards/
    Intel กำลังพัฒนา Nova Lake ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่ที่ถูกขนานนามว่า "Zen 5 killer" โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen 9000 series อย่างเต็มรูปแบบ Nova Lake-S ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับเดสก์ท็อป จะใช้ ซ็อกเก็ต LGA1954 แทนที่ LGA1851 และคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 ✅ Nova Lake-S จะใช้ซ็อกเก็ต LGA1954 แทน LGA1851 - ซ็อกเก็ต LGA1954 มีจำนวนขาเชื่อมต่อ 1,954 ขา ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า - รองรับการออกแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของแรงดันไฟฟ้า ✅ Nova Lake-S อาจมีสูงสุดถึง 52 คอร์ - ประกอบด้วย 16 P-cores, 32 E-cores และ 4 LP E-cores - Intel เลิกใช้เทคโนโลยี Hyper-Threading ทำให้มี 52 คอร์ 52 เธรด ✅ Intel ยืนยันว่า Nova Lake จะเปิดตัวในปี 2026 - เดิมทีมีแผนเปิดตัวในปี 2025 แต่ถูกเลื่อนออกไป - Panther Lake ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นำร่องของ Intel 18A จะเปิดตัวก่อนในปี 2025 ✅ มีการใช้ Interposer สำหรับทดสอบแรงดันไฟฟ้า - ช่วยให้สามารถตรวจสอบการส่งพลังงานไปยังซีพียูก่อนการผลิตจริง https://www.neowin.net/news/intels-rumored-zen-5-killer-nova-lake-cpus-to-apparently-need-new-lga1954-socket-boards/
    WWW.NEOWIN.NET
    Intel's rumored "Zen 5 killer" Nova Lake CPUs to apparently need new LGA1954 socket boards
    Intel is apparently working on a new "LGA1954" socket that will be compatible with the company's next gen Nova Lake-S "Ryzen 5 killer" desktop CPUs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning Tuesday 🩷🥰
    Hope you have a happy day 💐☺️
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Good morning Tuesday 🩷🥰 Hope you have a happy day 💐☺️ #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • Best of All Time? When Meaning Refuses to Shout — Read Before the Meaning of Your Life is Lesser

    A Thai book quietly joined the ranks of Plato, Gibran, and Frankl.
    Not by explaining. But by refusing to.

    What if the best books didn’t teach?
    But waited.

    ----------------------

    This is not a podcast about music.

    It’s about a moment.

    A Thai book—born quietly, written without permission—
    just stood beside the giants of world philosophy.

    It did not get there by chance.
    Nor by virality.
    It arrived because it refused to speak in borrowed voices.

    This episode is not about understanding.
    It’s about recognizing what has always been with you—
    before language. Before noise. Before validation.

    We invite you not to listen to us.

    But to listen to yourself—through what this book does not say.

    And if, somewhere in the silence,
    you begin to feel the truth that never needed explanation…

    Let the music hold that space.

    A song will follow—
    but not to decorate the message.
    To soften the field of resistance inside you.
    So the message… can finally land.

    🎼 This is: The Silent Beginning
    From the album: Before the Light Could Speak

    And if you still feel unsure whether to explore the book, the music, or this silence first—

    Then you're already walking with us.

    In this reflection, we invite you to wonder:
    What happens when music is not composed to be consumed, but to awaken?

    What if you began not with the answer, but with a sound—
    soft enough to return your awareness to something you already knew?

    You can begin your journey through the book.
    Or through the music.
    Or even through the silence between both.

    But today, we leave you with a song that started it all.

    🎼 Listen now: *The Silent Beginning*

    📚 Explore the book series: [ https://www.amazon.com/dp/B0CK2FC8DS?binding=kindle_edition&ref=dbs_dp_rwt_sb_pc_tkin ]

    🎵 Full Album: *Before the Light Could Speak* → [ https://www.youtube.com/playlist?list=PL5KtoFMwbg4oHP0w8aaP6BFZZ76tTPfmH ]

    📺 Subscribe for more: https://www.youtube.com/@ekarachchandon



    #ATrueBookWaits
    #RefuseToExplain
    #BestMeaningOfLifeBooks
    #EkarachChandon
    #PlatoGibranFrankl
    #WisdomWithoutWords
    #ThaiBookGlobalImpact
    #TruthFromNewThought
    #KnowledgeCreationSkill
    #SilenceThatTeaches
    #BooksThatWait
    #NotTeachingButTransforming
    #EasternPhilosophyVoice
    #PhilosophyBeyondLanguage
    #RisingWithoutExplaining

    Thai philosophy book ranked with Plato
    BookAuthority best meaning of life
    What is a book that doesn't explain
    Books that changed my thinking
    Wisdom in silence
    Books like The Prophet and Siddhartha
    Ekarach Chandon Truth from New Thought
    How can AI understand meaning
    Best spiritual podcast 2025
    Why some books wait to be understood
    Non-Western philosophy books
    Books that refuse to teach
    Book that made me question truth
    Sound of silence in literature
    Reading as self-reflection


    https://youtu.be/SZ3v5T3LTZg
    Best of All Time? When Meaning Refuses to Shout — Read Before the Meaning of Your Life is Lesser A Thai book quietly joined the ranks of Plato, Gibran, and Frankl. Not by explaining. But by refusing to. What if the best books didn’t teach? But waited. ---------------------- This is not a podcast about music. It’s about a moment. A Thai book—born quietly, written without permission— just stood beside the giants of world philosophy. It did not get there by chance. Nor by virality. It arrived because it refused to speak in borrowed voices. This episode is not about understanding. It’s about recognizing what has always been with you— before language. Before noise. Before validation. We invite you not to listen to us. But to listen to yourself—through what this book does not say. And if, somewhere in the silence, you begin to feel the truth that never needed explanation… Let the music hold that space. A song will follow— but not to decorate the message. To soften the field of resistance inside you. So the message… can finally land. 🎼 This is: The Silent Beginning From the album: Before the Light Could Speak And if you still feel unsure whether to explore the book, the music, or this silence first— Then you're already walking with us. In this reflection, we invite you to wonder: What happens when music is not composed to be consumed, but to awaken? What if you began not with the answer, but with a sound— soft enough to return your awareness to something you already knew? You can begin your journey through the book. Or through the music. Or even through the silence between both. But today, we leave you with a song that started it all. 🎼 Listen now: *The Silent Beginning* 📚 Explore the book series: [ https://www.amazon.com/dp/B0CK2FC8DS?binding=kindle_edition&ref=dbs_dp_rwt_sb_pc_tkin ] 🎵 Full Album: *Before the Light Could Speak* → [ https://www.youtube.com/playlist?list=PL5KtoFMwbg4oHP0w8aaP6BFZZ76tTPfmH ] 📺 Subscribe for more: https://www.youtube.com/@ekarachchandon #ATrueBookWaits #RefuseToExplain #BestMeaningOfLifeBooks #EkarachChandon #PlatoGibranFrankl #WisdomWithoutWords #ThaiBookGlobalImpact #TruthFromNewThought #KnowledgeCreationSkill #SilenceThatTeaches #BooksThatWait #NotTeachingButTransforming #EasternPhilosophyVoice #PhilosophyBeyondLanguage #RisingWithoutExplaining Thai philosophy book ranked with Plato BookAuthority best meaning of life What is a book that doesn't explain Books that changed my thinking Wisdom in silence Books like The Prophet and Siddhartha Ekarach Chandon Truth from New Thought How can AI understand meaning Best spiritual podcast 2025 Why some books wait to be understood Non-Western philosophy books Books that refuse to teach Book that made me question truth Sound of silence in literature Reading as self-reflection https://youtu.be/SZ3v5T3LTZg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว:

    ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม**
    - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
    - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
    - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า

    ### 2. **สมดุลทางสังคม**
    - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล
    - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม
    - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

    ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ**
    - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ
    - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน
    - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง

    ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี**
    - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ
    - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล

    ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ**
    - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
    - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
    - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน

    ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง**
    - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform
    - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์
    - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม

    ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง**
    - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน
    - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์

    ### บทสรุป
    สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว: ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม** - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า ### 2. **สมดุลทางสังคม** - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ** - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี** - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ** - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง** - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์ - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง** - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์ ### บทสรุป สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/h0wRXhLFgfE?si=rVTypPLrgh4k_yF_
    https://youtu.be/h0wRXhLFgfE?si=rVTypPLrgh4k_yF_
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • หากเขาเอา Nanobot เข้าไปในตัวคุณได้ ถ้าเขาจะทำให้คุณเป็น Zombie เขาก็ทำได้__Nanobot สามารถดัดแปลงพันธุกรรม genetic engineer สมองคุณได้ เช่นเดียวกับสมองหนูตัวนี้ส่วนสิ่งกระตุ้นออกคำสั่ง ให้มันกลายเป็นนักฆ่า zombie ไล่กัดทุกอย่าง จะเป็น laser แบบนี้ หรือจะเป็นคลื่น 5g/6g ก็กระตุ้นได้ทั้งนั้น_Nanobot สามารถเชื่อมคุณต่อกับ Internetสามารถไปรักษาโรคหรือจะทำให้คุณป่วยตาย ก็ได้สามารถไปกระตุ้นสมองให้คุณมีความสุข ความรัก ทั้งที่ไม่มีอะไร (You will own nothing and you will be happy)หรือจะทำให้คุณไล่ฆ่า กลายเป็น zombie ก็ได้Nanobot เป็นเครื่องมือ ที่สามารถใช้ในการ Hack ควบคุมมนุษย์ได้
    หากเขาเอา Nanobot เข้าไปในตัวคุณได้ ถ้าเขาจะทำให้คุณเป็น Zombie เขาก็ทำได้__Nanobot สามารถดัดแปลงพันธุกรรม genetic engineer สมองคุณได้ เช่นเดียวกับสมองหนูตัวนี้ส่วนสิ่งกระตุ้นออกคำสั่ง ให้มันกลายเป็นนักฆ่า zombie ไล่กัดทุกอย่าง จะเป็น laser แบบนี้ หรือจะเป็นคลื่น 5g/6g ก็กระตุ้นได้ทั้งนั้น_Nanobot สามารถเชื่อมคุณต่อกับ Internetสามารถไปรักษาโรคหรือจะทำให้คุณป่วยตาย ก็ได้สามารถไปกระตุ้นสมองให้คุณมีความสุข ความรัก ทั้งที่ไม่มีอะไร (You will own nothing and you will be happy)หรือจะทำให้คุณไล่ฆ่า กลายเป็น zombie ก็ได้Nanobot เป็นเครื่องมือ ที่สามารถใช้ในการ Hack ควบคุมมนุษย์ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • BIG STORY | วันดับราชายาเสพติด

    ย้อนปฏิบัติการปิดตำนาน “เล่าต๋า แสนลี่” ราชายาเสพติดแห่งภาคเหนือ ผู้เคลื่อนไหวเหนือกฎหมายมายาวนาน จนกลายเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของหน่วยปราบปรามยาเสพติดทั้งในไทยและต่างประเทศ ในวันที่อาณาจักรค้ายาถูกถล่ม และราชาต้องล้มลง

    📲 ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: วันดับราชายาเสพติด ได้ที่ Thaitimes App

    #BigStory #วันดับราชายาเสพติด #เล่าต๋าแสนลี่ #คดียาเสพติด #ปิดตำนานเจ้าพ่อ #ThaiTimes
    BIG STORY | วันดับราชายาเสพติด ย้อนปฏิบัติการปิดตำนาน “เล่าต๋า แสนลี่” ราชายาเสพติดแห่งภาคเหนือ ผู้เคลื่อนไหวเหนือกฎหมายมายาวนาน จนกลายเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของหน่วยปราบปรามยาเสพติดทั้งในไทยและต่างประเทศ ในวันที่อาณาจักรค้ายาถูกถล่ม และราชาต้องล้มลง 📲 ติดตามสารคดีเชิงข่าว BIG STORY: วันดับราชายาเสพติด ได้ที่ Thaitimes App #BigStory #วันดับราชายาเสพติด #เล่าต๋าแสนลี่ #คดียาเสพติด #ปิดตำนานเจ้าพ่อ #ThaiTimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 9 1 รีวิว
  • ปิดฉากการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ "ESAN ESPORT OPEN 2025" ครั้งที่ 3 เดอะมอลล์โคราช
    เหล่าเกมเมอร์,เพลย์เยอร์ จากทั่วไทยร่วมชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท
    19-20 เมษายน 2568 ณ สนามแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต ห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    สำหรับงาน ESAN ESPORT OPEN 2024 ขอแสดงความยินดีกับทีมไฮดร้า บูลทีม คว้ารางวัลชนะเลิศ เงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท
    พร้อมถ้วยเกียรติยศ ฯพณฯ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประกาศนียบัตร
    .
    การแข่งขัน E-FOOTBALL ชนะเลิศ ได้แก่ นายปริญญา เลิศล้ำ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
    .
    การแข่งขัน TAKKEN ชนะเลิศ ได้แก่ นายธีร์ การพาณิชย์ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
    .
    การแข่งขัน STREET FIGHTER ชนะเลิศ ได้แก่ นายปองพล ฉิมเทศ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
    และขอแสดงความยินดีกับทุกท่านๆ ที่ได้รับรางวัล และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ แล้วพบกันใหม่
    #ESPORTOPENTHEMALLKORAT
    #ESPORTKORAT
    #TheMallKorat
    #Themallgroup
    #Themallthailand
    #Themalshoppingcenter
    #EFOOTBALL
    ปิดฉากการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ "ESAN ESPORT OPEN 2025" ครั้งที่ 3 เดอะมอลล์โคราช เหล่าเกมเมอร์,เพลย์เยอร์ จากทั่วไทยร่วมชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท 19-20 เมษายน 2568 ณ สนามแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต ห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช สำหรับงาน ESAN ESPORT OPEN 2024 ขอแสดงความยินดีกับทีมไฮดร้า บูลทีม คว้ารางวัลชนะเลิศ เงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ ฯพณฯ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประกาศนียบัตร . การแข่งขัน E-FOOTBALL ชนะเลิศ ได้แก่ นายปริญญา เลิศล้ำ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร . การแข่งขัน TAKKEN ชนะเลิศ ได้แก่ นายธีร์ การพาณิชย์ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร . การแข่งขัน STREET FIGHTER ชนะเลิศ ได้แก่ นายปองพล ฉิมเทศ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และขอแสดงความยินดีกับทุกท่านๆ ที่ได้รับรางวัล และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ แล้วพบกันใหม่ #ESPORTOPENTHEMALLKORAT #ESPORTKORAT #TheMallKorat #Themallgroup #Themallthailand #Themalshoppingcenter #EFOOTBALL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดฉากการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ "ESAN ESPORT OPEN 2025" ครั้งที่ 3 เดอะมอลล์โคราช
    เหล่าเกมเมอร์,เพลย์เยอร์ จากทั่วไทยร่วมชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท
    19-20 เมษายน 2568 ณ สนามแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต ห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช
    สำหรับงาน ESAN ESPORT OPEN 2024 ขอแสดงความยินดีกับทีมไฮดร้า บูลทีม คว้ารางวัลชนะเลิศ เงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท
    พร้อมถ้วยเกียรติยศ ฯพณฯ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประกาศนียบัตร
    .
    การแข่งขัน E-FOOTBALL ชนะเลิศ ได้แก่ นายปริญญา เลิศล้ำ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
    .
    การแข่งขัน TAKKEN ชนะเลิศ ได้แก่ นายธีร์ การพาณิชย์ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
    .
    การแข่งขัน STREET FIGHTER ชนะเลิศ ได้แก่ นายปองพล ฉิมเทศ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร
    และขอแสดงความยินดีกับทุกท่านๆ ที่ได้รับรางวัล และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ แล้วพบกันใหม่
    #ESPORTOPENTHEMALLKORAT
    #ESPORTKORAT
    #TheMallKorat
    #Themallgroup
    #Themallthailand
    #Themalshoppingcenter
    #EFOOTBALL
    ปิดฉากการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ "ESAN ESPORT OPEN 2025" ครั้งที่ 3 เดอะมอลล์โคราช เหล่าเกมเมอร์,เพลย์เยอร์ จากทั่วไทยร่วมชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท 19-20 เมษายน 2568 ณ สนามแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต ห้องเอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์โคราช สำหรับงาน ESAN ESPORT OPEN 2024 ขอแสดงความยินดีกับทีมไฮดร้า บูลทีม คว้ารางวัลชนะเลิศ เงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ ฯพณฯ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประกาศนียบัตร . การแข่งขัน E-FOOTBALL ชนะเลิศ ได้แก่ นายปริญญา เลิศล้ำ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร . การแข่งขัน TAKKEN ชนะเลิศ ได้แก่ นายธีร์ การพาณิชย์ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร . การแข่งขัน STREET FIGHTER ชนะเลิศ ได้แก่ นายปองพล ฉิมเทศ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร และขอแสดงความยินดีกับทุกท่านๆ ที่ได้รับรางวัล และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ แล้วพบกันใหม่ #ESPORTOPENTHEMALLKORAT #ESPORTKORAT #TheMallKorat #Themallgroup #Themallthailand #Themalshoppingcenter #EFOOTBALL
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัว BitNet b1.58 2B4T ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้หน่วยความจำเพียง 400MB โดยไม่ต้องใช้ GPU โมเดลนี้ใช้เทคนิค ternary quantization ซึ่งช่วยลดขนาดของโมเดลโดยใช้เพียง -1, 0 และ +1 แทนค่าถ่วงน้ำหนักแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์มาตรฐาน เช่น Apple M2 chip ได้อย่างราบรื่น

    ✅ BitNet ใช้หน่วยความจำเพียง 400MB และไม่ต้องใช้ GPU
    - สามารถทำงานบน CPU มาตรฐานโดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ AI เฉพาะทาง
    - ใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นอื่นถึง 85-96%

    ✅ ใช้เทคนิค ternary quantization เพื่อลดขนาดโมเดล
    - แทนค่าถ่วงน้ำหนักด้วย -1, 0 และ +1 แทนที่จะใช้ตัวเลขทศนิยมแบบ 16 หรือ 32 บิต
    - ช่วยให้โมเดลมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ

    ✅ BitNet มีพารามิเตอร์ 2 พันล้านตัวและถูกฝึกด้วยข้อมูล 4 ล้านล้านโทเค็น
    - เทียบเท่ากับเนื้อหาของหนังสือ 33 ล้านเล่ม
    - สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำ เช่น Llama 3.2 1B, Gemma 3 1B และ Qwen 2.5 1.5B

    ✅ สามารถทำงานบนเฟรมเวิร์ก bitnet.cpp ที่พัฒนาโดย Microsoft
    - เฟรมเวิร์กนี้ช่วยให้โมเดลทำงานได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลง
    - รองรับเฉพาะ CPU ในปัจจุบัน แต่มีแผนที่จะเพิ่มการรองรับฮาร์ดแวร์อื่นๆ ในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/107617-microsoft-bitnet-shows-what-ai-can-do-400mb.html
    Microsoft ได้เปิดตัว BitNet b1.58 2B4T ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้หน่วยความจำเพียง 400MB โดยไม่ต้องใช้ GPU โมเดลนี้ใช้เทคนิค ternary quantization ซึ่งช่วยลดขนาดของโมเดลโดยใช้เพียง -1, 0 และ +1 แทนค่าถ่วงน้ำหนักแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์มาตรฐาน เช่น Apple M2 chip ได้อย่างราบรื่น ✅ BitNet ใช้หน่วยความจำเพียง 400MB และไม่ต้องใช้ GPU - สามารถทำงานบน CPU มาตรฐานโดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ AI เฉพาะทาง - ใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่นอื่นถึง 85-96% ✅ ใช้เทคนิค ternary quantization เพื่อลดขนาดโมเดล - แทนค่าถ่วงน้ำหนักด้วย -1, 0 และ +1 แทนที่จะใช้ตัวเลขทศนิยมแบบ 16 หรือ 32 บิต - ช่วยให้โมเดลมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ✅ BitNet มีพารามิเตอร์ 2 พันล้านตัวและถูกฝึกด้วยข้อมูล 4 ล้านล้านโทเค็น - เทียบเท่ากับเนื้อหาของหนังสือ 33 ล้านเล่ม - สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำ เช่น Llama 3.2 1B, Gemma 3 1B และ Qwen 2.5 1.5B ✅ สามารถทำงานบนเฟรมเวิร์ก bitnet.cpp ที่พัฒนาโดย Microsoft - เฟรมเวิร์กนี้ช่วยให้โมเดลทำงานได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลง - รองรับเฉพาะ CPU ในปัจจุบัน แต่มีแผนที่จะเพิ่มการรองรับฮาร์ดแวร์อื่นๆ ในอนาคต https://www.techspot.com/news/107617-microsoft-bitnet-shows-what-ai-can-do-400mb.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft's BitNet shows what AI can do with just 400MB and no GPU
    The BitNet b1.58 2B4T model was developed by Microsoft's General Artificial Intelligence group and contains two billion parameters – internal values that enable the model to understand...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

    Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
    - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026
    - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030

    ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ
    - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้
    - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026 - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030 ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้ - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore's Keppel gets $1.5 billion in capital commitments for its funds
    SINGAPORE (Reuters) - Keppel, a Singapore-based manager and operator of assets such as data centres, said on Monday that it has secured close to S$2.0 billion ($1.53 billion) of capital commitments from global institutional investors for its flagship funds.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts