• Prusa เปิดตัว Open Community License

    Josef Prusa และทีมงาน Prusa Research ประกาศเปิดตัว OCL (Open Community License) ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กใหม่สำหรับการแชร์ไฟล์ฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้สร้างสามารถแบ่งปันงานออกแบบกับผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างอิสระ แต่ยังคงมีข้อกำหนดที่ป้องกันไม่ให้บริษัทนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ขออนุญาต

    ปัญหาที่นำไปสู่การสร้าง OCL
    ในอดีตงานออกแบบของ Prusa เช่น MMU1 multiplexer ถูกบริษัทอื่นนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิตหรือแบ่งปันการปรับปรุงกลับคืน ทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สเสียประโยชน์ และบางครั้งถึงขั้นถูกโจมตีด้วยการจดสิทธิบัตรทับงานที่เผยแพร่ฟรี เช่นกรณีโมเดล Lucky 13 ที่ถูก “patent troll” ขโมยไปจดสิทธิบัตรและเรียกค่าลิขสิทธิ์

    สิทธิและข้อกำหนดใน OCL
    OCL อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปและนักออกแบบสามารถ แก้ไข, แชร์, และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ ได้ เช่น การใช้ในโรงงานผลิตหรือการสร้างอะไหล่ แต่ห้ามขายเครื่องพิมพ์หรือดีไซน์ที่ดัดแปลงโดยตรงโดยไม่ทำสัญญาเพิ่มเติม ข้อกำหนดนี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการเปิดกว้างกับการปกป้องสิทธิของผู้สร้าง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    OCL ถือเป็นการยกระดับการปกป้องงานโอเพ่นซอร์สในเชิงกฎหมาย โดยเพิ่มเครื่องมือให้ผู้สร้างสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ง่ายขึ้นหากมีการละเมิด นอกจากนี้ยังรวมถึง สิทธิในการซ่อม (Right-to-Repair) และการป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ฝึก AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นประเด็นร้อนในวงการเทคโนโลยีปัจจุบัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเปิดตัว OCL โดย Prusa Research
    เฟรมเวิร์กใหม่เพื่อแชร์งานออกแบบโอเพ่นซอร์สอย่างปลอดภัย
    ป้องกันการนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิต

    ปัญหาที่นำไปสู่ OCL
    งานออกแบบถูกบริษัทอื่นนำไปใช้โดยไม่แบ่งปันกลับ
    กรณี Lucky 13 ถูกจดสิทธิบัตรทับและเรียกค่าลิขสิทธิ์

    สิทธิและข้อกำหนดใน OCL
    ใช้, แก้ไข, แชร์ และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ได้
    ห้ามขายเครื่องหรือดีไซน์ดัดแปลงโดยตรง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    เพิ่มเครื่องมือทางกฎหมายให้ผู้สร้างโอเพ่นซอร์ส
    รวมสิทธิในการซ่อมและการป้องกันการใช้ข้อมูลฝึก AI

    คำเตือนและข้อจำกัด
    หากบริษัทละเมิด OCL อาจถูกดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์ที่ใช้ยังอยู่ภายใต้ OCL

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/prusa-research-introduces-the-open-community-license-to-protect-open-source-3d-printing-hardware-new-rules-aimed-at-addressing-industry-abuses
    🖨️ Prusa เปิดตัว Open Community License Josef Prusa และทีมงาน Prusa Research ประกาศเปิดตัว OCL (Open Community License) ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์กใหม่สำหรับการแชร์ไฟล์ฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์ส จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้สร้างสามารถแบ่งปันงานออกแบบกับผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างอิสระ แต่ยังคงมีข้อกำหนดที่ป้องกันไม่ให้บริษัทนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ขออนุญาต ⚡ ปัญหาที่นำไปสู่การสร้าง OCL ในอดีตงานออกแบบของ Prusa เช่น MMU1 multiplexer ถูกบริษัทอื่นนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิตหรือแบ่งปันการปรับปรุงกลับคืน ทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สเสียประโยชน์ และบางครั้งถึงขั้นถูกโจมตีด้วยการจดสิทธิบัตรทับงานที่เผยแพร่ฟรี เช่นกรณีโมเดล Lucky 13 ที่ถูก “patent troll” ขโมยไปจดสิทธิบัตรและเรียกค่าลิขสิทธิ์ 🌍 สิทธิและข้อกำหนดใน OCL OCL อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปและนักออกแบบสามารถ แก้ไข, แชร์, และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ ได้ เช่น การใช้ในโรงงานผลิตหรือการสร้างอะไหล่ แต่ห้ามขายเครื่องพิมพ์หรือดีไซน์ที่ดัดแปลงโดยตรงโดยไม่ทำสัญญาเพิ่มเติม ข้อกำหนดนี้ช่วยสร้างสมดุลระหว่างการเปิดกว้างกับการปกป้องสิทธิของผู้สร้าง ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม OCL ถือเป็นการยกระดับการปกป้องงานโอเพ่นซอร์สในเชิงกฎหมาย โดยเพิ่มเครื่องมือให้ผู้สร้างสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ง่ายขึ้นหากมีการละเมิด นอกจากนี้ยังรวมถึง สิทธิในการซ่อม (Right-to-Repair) และการป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ฝึก AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นประเด็นร้อนในวงการเทคโนโลยีปัจจุบัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเปิดตัว OCL โดย Prusa Research ➡️ เฟรมเวิร์กใหม่เพื่อแชร์งานออกแบบโอเพ่นซอร์สอย่างปลอดภัย ➡️ ป้องกันการนำไปใช้เชิงพาณิชย์โดยไม่ให้เครดิต ✅ ปัญหาที่นำไปสู่ OCL ➡️ งานออกแบบถูกบริษัทอื่นนำไปใช้โดยไม่แบ่งปันกลับ ➡️ กรณี Lucky 13 ถูกจดสิทธิบัตรทับและเรียกค่าลิขสิทธิ์ ✅ สิทธิและข้อกำหนดใน OCL ➡️ ใช้, แก้ไข, แชร์ และใช้ภายในเชิงพาณิชย์ได้ ➡️ ห้ามขายเครื่องหรือดีไซน์ดัดแปลงโดยตรง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ เพิ่มเครื่องมือทางกฎหมายให้ผู้สร้างโอเพ่นซอร์ส ➡️ รวมสิทธิในการซ่อมและการป้องกันการใช้ข้อมูลฝึก AI ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ หากบริษัทละเมิด OCL อาจถูกดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์ที่ใช้ยังอยู่ภายใต้ OCL https://www.tomshardware.com/3d-printing/prusa-research-introduces-the-open-community-license-to-protect-open-source-3d-printing-hardware-new-rules-aimed-at-addressing-industry-abuses
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Prusa Research introduces the Open Community License to protect open source 3D Printing hardware — new rules aimed at addressing industry abuses
    Full STEP and Fusion CAD files for the CORE One+ and CORE One L are now available on Printables under the new OCL license.
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • การตัดสินคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี

    ศาลกลางเมืองเซินเจิ้นได้ตัดสินลงโทษผู้ต้องหาทั้งหมด 27 คนในคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี โดยผู้ต้องหาหลัก หวัง อู่ปิน (Wang Wubin) ถูกตัดสินจำคุก 12 ปี และปรับเป็นเงิน 1 ล้านหยวน ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่น ๆ ได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 4 เดือนถึง 5 ปี พร้อมค่าปรับตามระดับการมีส่วนร่วมและปริมาณที่ลักลอบส่งออก

    ความสำคัญของแอนติโมนี
    แอนติโมนีถือเป็น แร่เชิงกลยุทธ์ ที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น เซมิคอนดักเตอร์, ชิปอิเล็กทรอนิกส์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และการใช้งานด้านกลาโหม โดยเฉพาะการผสมกับซิลิคอนเพื่อผลิตไดโอดและทรานซิสเตอร์ หรือการผสมกับอินเดียมและแกลเลียมเพื่อสร้างเซ็นเซอร์อินฟราเรดและเซลล์แสงอาทิตย์ ทำให้การควบคุมการส่งออกมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    บริบททางการค้าและการเมือง
    จีนเพิ่งมีการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ และยกเลิกการห้ามส่งออกแร่บางชนิด เช่น แกลเลียม, เจอร์เมเนียม และแอนติโมนี แต่ยังคงต้องมีใบอนุญาตการส่งออกอย่างเข้มงวด การลักลอบครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบบควบคุมของรัฐ และเชื่อมโยงกับการลักลอบนำเข้าที่ฮ่องกงและเส้นทางผ่านไทยและเม็กซิโก

    ผลกระทบและคำเตือน
    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้าน ห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์ ที่อาจถูกลักลอบเพื่อเลี่ยงข้อจำกัดทางการค้า หากไม่มีการควบคุมเข้มงวด อาจกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงระดับโลก

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การตัดสินคดีในจีน
    ผู้ต้องหาหลักถูกจำคุก 12 ปี และปรับ 1 ล้านหยวน
    ผู้ต้องหาอีก 26 คนถูกลงโทษจำคุก 4 เดือนถึง 5 ปี

    ความสำคัญของแอนติโมนี
    ใช้ในเซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และกลาโหม
    เป็นแร่เชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    บริบททางการค้าโลก
    จีนยกเลิกการห้ามส่งออกบางแร่ แต่ยังต้องมีใบอนุญาต
    มีการลักลอบผ่านฮ่องกง ไทย และเม็กซิโก

    คำเตือนและผลกระทบ
    การลักลอบส่งออกบั่นทอนระบบควบคุมของรัฐ
    เสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์
    อาจกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-convicts-27-people-for-smuggling-antimony-166-tons-of-mineral-used-for-semiconductor-manufacturing-exported-without-licenses-court-decides
    ⚖️ การตัดสินคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี ศาลกลางเมืองเซินเจิ้นได้ตัดสินลงโทษผู้ต้องหาทั้งหมด 27 คนในคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี โดยผู้ต้องหาหลัก หวัง อู่ปิน (Wang Wubin) ถูกตัดสินจำคุก 12 ปี และปรับเป็นเงิน 1 ล้านหยวน ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่น ๆ ได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 4 เดือนถึง 5 ปี พร้อมค่าปรับตามระดับการมีส่วนร่วมและปริมาณที่ลักลอบส่งออก 🧪 ความสำคัญของแอนติโมนี แอนติโมนีถือเป็น แร่เชิงกลยุทธ์ ที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น เซมิคอนดักเตอร์, ชิปอิเล็กทรอนิกส์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และการใช้งานด้านกลาโหม โดยเฉพาะการผสมกับซิลิคอนเพื่อผลิตไดโอดและทรานซิสเตอร์ หรือการผสมกับอินเดียมและแกลเลียมเพื่อสร้างเซ็นเซอร์อินฟราเรดและเซลล์แสงอาทิตย์ ทำให้การควบคุมการส่งออกมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี 🌍 บริบททางการค้าและการเมือง จีนเพิ่งมีการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ และยกเลิกการห้ามส่งออกแร่บางชนิด เช่น แกลเลียม, เจอร์เมเนียม และแอนติโมนี แต่ยังคงต้องมีใบอนุญาตการส่งออกอย่างเข้มงวด การลักลอบครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบบควบคุมของรัฐ และเชื่อมโยงกับการลักลอบนำเข้าที่ฮ่องกงและเส้นทางผ่านไทยและเม็กซิโก ⚠️ ผลกระทบและคำเตือน เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้าน ห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์ ที่อาจถูกลักลอบเพื่อเลี่ยงข้อจำกัดทางการค้า หากไม่มีการควบคุมเข้มงวด อาจกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงระดับโลก 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การตัดสินคดีในจีน ➡️ ผู้ต้องหาหลักถูกจำคุก 12 ปี และปรับ 1 ล้านหยวน ➡️ ผู้ต้องหาอีก 26 คนถูกลงโทษจำคุก 4 เดือนถึง 5 ปี ✅ ความสำคัญของแอนติโมนี ➡️ ใช้ในเซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และกลาโหม ➡️ เป็นแร่เชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี ✅ บริบททางการค้าโลก ➡️ จีนยกเลิกการห้ามส่งออกบางแร่ แต่ยังต้องมีใบอนุญาต ➡️ มีการลักลอบผ่านฮ่องกง ไทย และเม็กซิโก ‼️ คำเตือนและผลกระทบ ⛔ การลักลอบส่งออกบั่นทอนระบบควบคุมของรัฐ ⛔ เสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์ ⛔ อาจกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-convicts-27-people-for-smuggling-antimony-166-tons-of-mineral-used-for-semiconductor-manufacturing-exported-without-licenses-court-decides
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่เมนบอร์ดเปิดทางโกงเกม

    Riot Games ตรวจพบว่ามีบั๊กในระบบ IOMMU (Input-Output Memory Management Unit) ของเมนบอร์ดจาก Asus, Gigabyte, MSI และ ASRock ที่ไม่ถูกเปิดใช้งานเต็มที่ตั้งแต่บูตเครื่อง แม้ BIOS จะแสดงว่ามีการเปิด Pre-Boot DMA Protection แต่จริง ๆ แล้วระบบยังไม่ถูกป้องกันเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ DMA devices แทรกโค้ดเข้าไปใน RAM ได้โดยตรง และหลบเลี่ยงระบบ anti-cheat ของเกม Valorant

    วิธีการโกงที่ซับซ้อน
    DMA devices เป็นอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับ PCIe slot และสามารถเข้าถึงหน่วยความจำโดยตรงโดยไม่ผ่านระบบปฏิบัติการหรือซีพียู เทคนิคนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปใช้ แต่เป็นวิธีการของผู้เล่นระดับแข่งขันที่ต้องการความได้เปรียบใน eSports โดยเฉพาะเมื่อมีเงินรางวัลเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถแก้ไขข้อมูลเกมได้โดยไม่ถูกตรวจจับ

    การตอบสนองของ Riot และผู้ผลิต
    เมื่อพบช่องโหว่ Riot Games ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อออก BIOS update ปิดช่องโหว่ดังกล่าวทันที หากผู้เล่นไม่อัปเดต BIOS จะถูกบล็อกไม่ให้เข้าเกม Valorant โดย Riot แนะนำให้เปิดใช้งานฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Secure Boot, VBS และ IOMMU ให้ทำงานอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการถูก exploit

    ผลกระทบและคำเตือน
    แม้การอัปเดต BIOS อาจไม่ใช่เรื่องที่ผู้ใช้ทั่วไปให้ความสำคัญ แต่ในกรณีนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการโกงและรักษาความยุติธรรมในเกม การละเลยอัปเดตอาจทำให้ผู้เล่นถูกบล็อกจากเกม และยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมัลแวร์ที่ใช้ช่องโหว่เดียวกัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ช่องโหว่ที่ค้นพบ
    IOMMU ไม่ถูกเปิดใช้งานเต็มที่ตั้งแต่บูตเครื่อง
    เปิดทางให้ DMA devices เข้าถึง RAM โดยตรง

    ผลกระทบต่อเกม Valorant
    ผู้เล่นสามารถโกงโดยไม่ถูกตรวจจับจาก anti-cheat
    Riot บังคับให้อัปเดต BIOS ก่อนเข้าเกม

    การแก้ไขจากผู้ผลิต
    Asus, Gigabyte, MSI และ ASRock ออก BIOS update
    Riot แนะนำเปิด Secure Boot, VBS และ IOMMU

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/critical-motherboard-flaw-allows-game-cheats-riot-games-blocks-valorant-players-that-dont-update-bios-security-patches-pushed-live-by-all-major-motherboard-vendors
    🎮 ช่องโหว่เมนบอร์ดเปิดทางโกงเกม Riot Games ตรวจพบว่ามีบั๊กในระบบ IOMMU (Input-Output Memory Management Unit) ของเมนบอร์ดจาก Asus, Gigabyte, MSI และ ASRock ที่ไม่ถูกเปิดใช้งานเต็มที่ตั้งแต่บูตเครื่อง แม้ BIOS จะแสดงว่ามีการเปิด Pre-Boot DMA Protection แต่จริง ๆ แล้วระบบยังไม่ถูกป้องกันเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ DMA devices แทรกโค้ดเข้าไปใน RAM ได้โดยตรง และหลบเลี่ยงระบบ anti-cheat ของเกม Valorant ⚡ วิธีการโกงที่ซับซ้อน DMA devices เป็นอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับ PCIe slot และสามารถเข้าถึงหน่วยความจำโดยตรงโดยไม่ผ่านระบบปฏิบัติการหรือซีพียู เทคนิคนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปใช้ แต่เป็นวิธีการของผู้เล่นระดับแข่งขันที่ต้องการความได้เปรียบใน eSports โดยเฉพาะเมื่อมีเงินรางวัลเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถแก้ไขข้อมูลเกมได้โดยไม่ถูกตรวจจับ 🛡️ การตอบสนองของ Riot และผู้ผลิต เมื่อพบช่องโหว่ Riot Games ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อออก BIOS update ปิดช่องโหว่ดังกล่าวทันที หากผู้เล่นไม่อัปเดต BIOS จะถูกบล็อกไม่ให้เข้าเกม Valorant โดย Riot แนะนำให้เปิดใช้งานฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น Secure Boot, VBS และ IOMMU ให้ทำงานอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการถูก exploit ⚠️ ผลกระทบและคำเตือน แม้การอัปเดต BIOS อาจไม่ใช่เรื่องที่ผู้ใช้ทั่วไปให้ความสำคัญ แต่ในกรณีนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการโกงและรักษาความยุติธรรมในเกม การละเลยอัปเดตอาจทำให้ผู้เล่นถูกบล็อกจากเกม และยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมัลแวร์ที่ใช้ช่องโหว่เดียวกัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ช่องโหว่ที่ค้นพบ ➡️ IOMMU ไม่ถูกเปิดใช้งานเต็มที่ตั้งแต่บูตเครื่อง ➡️ เปิดทางให้ DMA devices เข้าถึง RAM โดยตรง ✅ ผลกระทบต่อเกม Valorant ➡️ ผู้เล่นสามารถโกงโดยไม่ถูกตรวจจับจาก anti-cheat ➡️ Riot บังคับให้อัปเดต BIOS ก่อนเข้าเกม ✅ การแก้ไขจากผู้ผลิต ➡️ Asus, Gigabyte, MSI และ ASRock ออก BIOS update ➡️ Riot แนะนำเปิด Secure Boot, VBS และ IOMMU https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/critical-motherboard-flaw-allows-game-cheats-riot-games-blocks-valorant-players-that-dont-update-bios-security-patches-pushed-live-by-all-major-motherboard-vendors
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • วิธีติดตั้ง Linux Kernel 6.18 LTS บน Ubuntu 25.10 และ 25.04
    Linux Kernel 6.18 ได้รับการประกาศเป็น LTS (Long-Term Support) ซึ่งจะได้รับการดูแลจนถึงเดือนธันวาคม 2027 ทำให้ผู้ใช้ Ubuntu รุ่นใหม่อย่าง 25.10 (Questing Quokka) และ 25.04 (Plucky Puffin) สามารถอัปเดตไปใช้ kernel รุ่นนี้เพื่อความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุดได้

    ขั้นตอนการติดตั้ง
    1️⃣ เพิ่ม Ubuntu Mainline Kernel PPA Archive ดาวน์โหลดไฟล์ .deb ที่เกี่ยวข้องจาก PPA ของ Ubuntu mainline kernel

    2️⃣ ไฟล์ที่ต้องติดตั้ง
    linux-image-unsigned-6.18.0-061800-generic_amd64.deb
    linux-modules-6.18.0-061800-generic_amd64.deb
    linux-headers-6.18.0-061800-generic_amd64.deb
    linux-headers-6.18.0-061800_all.deb

    3️⃣ ติดตั้งด้วย dpkg ใช้คำสั่ง:

    sudo dpkg -i *.deb

    4️⃣ รีบูตเครื่อง หลังการติดตั้ง ให้รีบูตเพื่อเข้าสู่ kernel ใหม่

    สิ่งที่ได้รับจาก Kernel 6.18 LTS
    รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ รวมถึงอุปกรณ์จาก Intel และ AMD
    ปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบไฟล์
    แก้ไขบั๊กและเพิ่มความปลอดภัยในระดับ kernel
    ได้รับการดูแลระยะยาวจนถึงปี 2027

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Linux Kernel 6.18 ได้รับสถานะ LTS
    จะได้รับการดูแลจนถึงเดือนธันวาคม 2027

    รองรับ Ubuntu 25.10 และ 25.04
    สามารถติดตั้งผ่านไฟล์ .deb จาก mainline PPA

    ขั้นตอนติดตั้งง่าย
    ดาวน์โหลดไฟล์, ใช้ dpkg -i, และรีบูตเครื่อง

    ประโยชน์จาก Kernel ใหม่
    รองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุด, ปรับปรุงเสถียรภาพ และเพิ่มความปลอดภัย

    คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป
    การติดตั้ง kernel mainline อาจทำให้บาง driver หรือโมดูลไม่เข้ากันกับระบบ

    ความเสี่ยงด้านระบบ production
    ควรทดสอบบนเครื่องทดลองก่อนนำไปใช้จริง เพื่อหลีกเลี่ยง downtime

    https://9to5linux.com/how-to-install-linux-kernel-6-18-lts-on-ubuntu-25-10-and-ubuntu-25-04
    🐧 วิธีติดตั้ง Linux Kernel 6.18 LTS บน Ubuntu 25.10 และ 25.04 Linux Kernel 6.18 ได้รับการประกาศเป็น LTS (Long-Term Support) ซึ่งจะได้รับการดูแลจนถึงเดือนธันวาคม 2027 ทำให้ผู้ใช้ Ubuntu รุ่นใหม่อย่าง 25.10 (Questing Quokka) และ 25.04 (Plucky Puffin) สามารถอัปเดตไปใช้ kernel รุ่นนี้เพื่อความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุดได้ ⚙️ ขั้นตอนการติดตั้ง 1️⃣ เพิ่ม Ubuntu Mainline Kernel PPA Archive ดาวน์โหลดไฟล์ .deb ที่เกี่ยวข้องจาก PPA ของ Ubuntu mainline kernel 2️⃣ ไฟล์ที่ต้องติดตั้ง 🎗️ linux-image-unsigned-6.18.0-061800-generic_amd64.deb 🎗️ linux-modules-6.18.0-061800-generic_amd64.deb 🎗️ linux-headers-6.18.0-061800-generic_amd64.deb 🎗️ linux-headers-6.18.0-061800_all.deb 3️⃣ ติดตั้งด้วย dpkg ใช้คำสั่ง: sudo dpkg -i *.deb 4️⃣ รีบูตเครื่อง หลังการติดตั้ง ให้รีบูตเพื่อเข้าสู่ kernel ใหม่ 🛡️ สิ่งที่ได้รับจาก Kernel 6.18 LTS 🎗️ รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ รวมถึงอุปกรณ์จาก Intel และ AMD 🎗️ ปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบไฟล์ 🎗️ แก้ไขบั๊กและเพิ่มความปลอดภัยในระดับ kernel 🎗️ ได้รับการดูแลระยะยาวจนถึงปี 2027 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Linux Kernel 6.18 ได้รับสถานะ LTS ➡️ จะได้รับการดูแลจนถึงเดือนธันวาคม 2027 ✅ รองรับ Ubuntu 25.10 และ 25.04 ➡️ สามารถติดตั้งผ่านไฟล์ .deb จาก mainline PPA ✅ ขั้นตอนติดตั้งง่าย ➡️ ดาวน์โหลดไฟล์, ใช้ dpkg -i, และรีบูตเครื่อง ✅ ประโยชน์จาก Kernel ใหม่ ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุด, ปรับปรุงเสถียรภาพ และเพิ่มความปลอดภัย ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป ⛔ การติดตั้ง kernel mainline อาจทำให้บาง driver หรือโมดูลไม่เข้ากันกับระบบ ‼️ ความเสี่ยงด้านระบบ production ⛔ ควรทดสอบบนเครื่องทดลองก่อนนำไปใช้จริง เพื่อหลีกเลี่ยง downtime https://9to5linux.com/how-to-install-linux-kernel-6-18-lts-on-ubuntu-25-10-and-ubuntu-25-04
    9TO5LINUX.COM
    How to Install Linux Kernel 6.18 LTS on Ubuntu 25.10 and Ubuntu 25.04 - 9to5Linux
    You can now install the latest and greatest Linux 6.18 LTS kernel series on your Ubuntu 25.04 and Ubuntu 25.10 distributions. Here’s how!
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • Firefox เตรียมเพิ่ม “AI Kill Switch” ปิดการทำงาน AI ได้ทั้งหมด

    Mozilla ประกาศว่า Firefox เวอร์ชันใหม่จะมาพร้อม AI Kill Switch ซึ่งเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์ AI ได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการให้เบราว์เซอร์มีการประมวลผลหรือแนะนำด้วย AI โดยค่าเริ่มต้น ฟีเจอร์ AI ทั้งหมดจะเป็นแบบ opt-in คือผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ

    แนวทางการออกแบบและการควบคุม
    Mozilla ยืนยันว่าการเพิ่ม AI Kill Switch เป็นการสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ โดยทุกฟีเจอร์ AI ที่มีใน Firefox จะสามารถปิดได้จากการตั้งค่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเขียนข้อความ, การสรุปเนื้อหา, หรือการแนะนำการใช้งาน ผู้ใช้จึงมีอำนาจควบคุมเต็มที่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ AI ในเบราว์เซอร์ของตนเอง

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาดเบราว์เซอร์
    การตัดสินใจของ Mozilla อาจสร้างแรงกดดันให้เบราว์เซอร์รายอื่น เช่น Chrome หรือ Edge ต้องพิจารณาเพิ่มตัวเลือกที่คล้ายกัน เพราะผู้ใช้จำนวนมากเริ่มกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล การมี Kill Switch จึงเป็นจุดขายที่สะท้อนถึงแนวทาง “ผู้ใช้มาก่อน” ของ Firefox และอาจช่วยดึงดูดผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ AI เข้ามาในทุกมิติของการใช้งานเว็บ

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การเพิ่ม AI Kill Switch ไม่ได้หมายถึง Mozilla ปฏิเสธ AI แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่าง นวัตกรรมและการควบคุม ผู้ใช้ที่สนใจ AI ยังสามารถเปิดใช้งานได้ แต่ผู้ที่กังวลก็มีทางเลือกในการปิดทั้งหมดทันที กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงการรักษาอัตลักษณ์ของ Firefox ในฐานะเบราว์เซอร์ที่เน้น ความเป็นอิสระและความโปร่งใส

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Firefox เพิ่ม AI Kill Switch
    ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ AI ได้ทั้งหมดจากการตั้งค่า

    ฟีเจอร์ AI เป็นแบบ opt-in
    ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ

    ผลกระทบเชิงตลาด
    อาจกดดันเบราว์เซอร์อื่นให้เพิ่มตัวเลือกคล้ายกัน

    กลยุทธ์ Mozilla
    สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการควบคุมผู้ใช้

    คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป
    หากปิด AI อาจไม่ได้รับฟีเจอร์ช่วยเหลือ เช่น การสรุปเนื้อหา หรือการแนะนำอัจฉริยะ

    ความเสี่ยงเชิงการแข่งขัน
    หากผู้ใช้จำนวนมากเลือกปิด AI อาจทำให้การพัฒนา AI ใน Firefox ถูกจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

    https://9to5linux.com/firefox-will-ship-with-an-ai-kill-switch-to-completely-disable-all-ai-features
    🦊 Firefox เตรียมเพิ่ม “AI Kill Switch” ปิดการทำงาน AI ได้ทั้งหมด Mozilla ประกาศว่า Firefox เวอร์ชันใหม่จะมาพร้อม AI Kill Switch ซึ่งเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถปิดการทำงานของฟีเจอร์ AI ได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการตอบสนองต่อความกังวลของผู้ใช้ที่ไม่ต้องการให้เบราว์เซอร์มีการประมวลผลหรือแนะนำด้วย AI โดยค่าเริ่มต้น ฟีเจอร์ AI ทั้งหมดจะเป็นแบบ opt-in คือผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ 🔧 แนวทางการออกแบบและการควบคุม Mozilla ยืนยันว่าการเพิ่ม AI Kill Switch เป็นการสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ โดยทุกฟีเจอร์ AI ที่มีใน Firefox จะสามารถปิดได้จากการตั้งค่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเขียนข้อความ, การสรุปเนื้อหา, หรือการแนะนำการใช้งาน ผู้ใช้จึงมีอำนาจควบคุมเต็มที่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ AI ในเบราว์เซอร์ของตนเอง 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาดเบราว์เซอร์ การตัดสินใจของ Mozilla อาจสร้างแรงกดดันให้เบราว์เซอร์รายอื่น เช่น Chrome หรือ Edge ต้องพิจารณาเพิ่มตัวเลือกที่คล้ายกัน เพราะผู้ใช้จำนวนมากเริ่มกังวลเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล การมี Kill Switch จึงเป็นจุดขายที่สะท้อนถึงแนวทาง “ผู้ใช้มาก่อน” ของ Firefox และอาจช่วยดึงดูดผู้ใช้ที่ไม่ต้องการ AI เข้ามาในทุกมิติของการใช้งานเว็บ 📈 มุมมองเชิงกลยุทธ์ การเพิ่ม AI Kill Switch ไม่ได้หมายถึง Mozilla ปฏิเสธ AI แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่าง นวัตกรรมและการควบคุม ผู้ใช้ที่สนใจ AI ยังสามารถเปิดใช้งานได้ แต่ผู้ที่กังวลก็มีทางเลือกในการปิดทั้งหมดทันที กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงการรักษาอัตลักษณ์ของ Firefox ในฐานะเบราว์เซอร์ที่เน้น ความเป็นอิสระและความโปร่งใส 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Firefox เพิ่ม AI Kill Switch ➡️ ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์ AI ได้ทั้งหมดจากการตั้งค่า ✅ ฟีเจอร์ AI เป็นแบบ opt-in ➡️ ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดเอง ไม่ได้เปิดอัตโนมัติ ✅ ผลกระทบเชิงตลาด ➡️ อาจกดดันเบราว์เซอร์อื่นให้เพิ่มตัวเลือกคล้ายกัน ✅ กลยุทธ์ Mozilla ➡️ สร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการควบคุมผู้ใช้ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป ⛔ หากปิด AI อาจไม่ได้รับฟีเจอร์ช่วยเหลือ เช่น การสรุปเนื้อหา หรือการแนะนำอัจฉริยะ ‼️ ความเสี่ยงเชิงการแข่งขัน ⛔ หากผู้ใช้จำนวนมากเลือกปิด AI อาจทำให้การพัฒนา AI ใน Firefox ถูกจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง https://9to5linux.com/firefox-will-ship-with-an-ai-kill-switch-to-completely-disable-all-ai-features
    9TO5LINUX.COM
    Firefox Will Ship with an "AI Kill Switch" to Completely Disable all AI Features - 9to5Linux
    Mozilla is working on an AI kill switch for the Firefox open-source web browser to let users completely disable all AI features.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • OpenZFS 2.4: รองรับ Linux 6.18 LTS พร้อมฟีเจอร์ใหม่

    OpenZFS 2.4 ได้รับการปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 โดยเป็นการอัปเดตใหญ่ที่เพิ่มการรองรับ Linux Kernel 6.18 LTS และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการระบบไฟล์ ZFS ซึ่งเป็นที่นิยมในงานเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูล

    ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ
    Uncached I/O: เพิ่มกลไก fallback สำหรับ direct I/O ที่ไม่จัด alignment โดยใช้ lightweight uncached I/O ช่วยให้การอ่าน–เขียนข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นในบาง workload
    Quota Improvements: ปรับปรุงระบบ quota ให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายราย
    Fragmentation Algorithm ใหม่: ใช้อัลกอริทึมที่ออกแบบมาเพื่อลดการ fragmentation ของ vdev ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีความเสถียรมากขึ้น

    การแก้ไขและปรับปรุงเพิ่มเติม
    นอกจากฟีเจอร์ใหม่แล้ว OpenZFS 2.4 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงหลายจุด เช่น การทำงานร่วมกับระบบ RAIDZ, การจัดการ deduplication และการปรับปรุงประสิทธิภาพของ snapshot รวมถึงการรองรับการอัปเดตจากเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างราบรื่น

    ความสำคัญต่อผู้ใช้และองค์กร
    การรองรับ Linux 6.18 LTS ทำให้ OpenZFS 2.4 เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบไฟล์ที่มีความเสถียรและปลอดภัยในระยะยาว ฟีเจอร์ใหม่อย่าง uncached I/O และ quota improvements ยังช่วยตอบโจทย์ workload ที่ซับซ้อน เช่น ระบบฐานข้อมูลและคลาวด์สตอเรจ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รองรับ Linux Kernel 6.18 LTS
    ทำให้ OpenZFS ใช้งานได้กับระบบล่าสุดที่มีการสนับสนุนระยะยาว

    เพิ่มฟีเจอร์ Uncached I/O
    ช่วยให้ direct I/O ที่ไม่ align ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ปรับปรุงระบบ Quota และ Fragmentation Algorithm
    ลดปัญหา fragmentation และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการ quota

    แก้ไขบั๊กและปรับปรุง RAIDZ, deduplication, snapshot
    เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบไฟล์

    คำเตือนต่อผู้ใช้ที่อัปเดตทันที
    ควรทดสอบบนระบบ staging ก่อนนำไปใช้จริงใน production

    ความเสี่ยงจากการ migration
    หากอัปเดตจากเวอร์ชันเก่าโดยไม่ตรวจสอบ compatibility อาจเกิดปัญหากับ workload เฉพาะทาง

    https://9to5linux.com/openzfs-2-4-released-with-linux-6-18-lts-support-quotas-uncached-io-and-more
    💾 OpenZFS 2.4: รองรับ Linux 6.18 LTS พร้อมฟีเจอร์ใหม่ OpenZFS 2.4 ได้รับการปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 โดยเป็นการอัปเดตใหญ่ที่เพิ่มการรองรับ Linux Kernel 6.18 LTS และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการระบบไฟล์ ZFS ซึ่งเป็นที่นิยมในงานเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูล ⚙️ ฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญ 🎗️ Uncached I/O: เพิ่มกลไก fallback สำหรับ direct I/O ที่ไม่จัด alignment โดยใช้ lightweight uncached I/O ช่วยให้การอ่าน–เขียนข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นในบาง workload 🎗️ Quota Improvements: ปรับปรุงระบบ quota ให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายราย 🎗️ Fragmentation Algorithm ใหม่: ใช้อัลกอริทึมที่ออกแบบมาเพื่อลดการ fragmentation ของ vdev ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีความเสถียรมากขึ้น 🛠️ การแก้ไขและปรับปรุงเพิ่มเติม นอกจากฟีเจอร์ใหม่แล้ว OpenZFS 2.4 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงหลายจุด เช่น การทำงานร่วมกับระบบ RAIDZ, การจัดการ deduplication และการปรับปรุงประสิทธิภาพของ snapshot รวมถึงการรองรับการอัปเดตจากเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างราบรื่น 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้และองค์กร การรองรับ Linux 6.18 LTS ทำให้ OpenZFS 2.4 เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบไฟล์ที่มีความเสถียรและปลอดภัยในระยะยาว ฟีเจอร์ใหม่อย่าง uncached I/O และ quota improvements ยังช่วยตอบโจทย์ workload ที่ซับซ้อน เช่น ระบบฐานข้อมูลและคลาวด์สตอเรจ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รองรับ Linux Kernel 6.18 LTS ➡️ ทำให้ OpenZFS ใช้งานได้กับระบบล่าสุดที่มีการสนับสนุนระยะยาว ✅ เพิ่มฟีเจอร์ Uncached I/O ➡️ ช่วยให้ direct I/O ที่ไม่ align ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ปรับปรุงระบบ Quota และ Fragmentation Algorithm ➡️ ลดปัญหา fragmentation และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการ quota ✅ แก้ไขบั๊กและปรับปรุง RAIDZ, deduplication, snapshot ➡️ เพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบไฟล์ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ที่อัปเดตทันที ⛔ ควรทดสอบบนระบบ staging ก่อนนำไปใช้จริงใน production ‼️ ความเสี่ยงจากการ migration ⛔ หากอัปเดตจากเวอร์ชันเก่าโดยไม่ตรวจสอบ compatibility อาจเกิดปัญหากับ workload เฉพาะทาง https://9to5linux.com/openzfs-2-4-released-with-linux-6-18-lts-support-quotas-uncached-io-and-more
    9TO5LINUX.COM
    OpenZFS 2.4 Released with Linux 6.18 LTS Support, Quotas, Uncached IO, and More - 9to5Linux
    OpenZFS 2.4 file system and volume manager is now available for download with support for Linux kernel 6.18 LTS and several new features.
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • PeerTube v8: ก้าวใหม่ของวิดีโอแบบกระจายศูนย์

    PeerTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอแบบ decentralized และ open source ได้ออกเวอร์ชันใหม่ PeerTube v8 พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์และองค์กรใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่ม team collaboration และการปรับปรุงดีไซน์ของ video player ให้ทันสมัยมากขึ้น

    Team Collaboration และการจัดการช่อง
    หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกเรียกร้องมากที่สุดคือการให้สิทธิ์ Editors ในช่อง PeerTube ผู้ดูแลสามารถเพิ่มคนเข้ามาช่วยจัดการเนื้อหาได้ เช่น การอัปโหลดวิดีโอ, แก้ไข, จัดการ playlist และคอมเมนต์ โดยไม่ต้องให้สิทธิ์เต็มเหมือนเจ้าของช่อง ฟีเจอร์นี้เหมาะกับองค์กรหรือทีมที่มีหลายคนดูแลคอนเทนต์ร่วมกัน

    Video Player ดีไซน์ใหม่และระบบนำเข้าที่ดีขึ้น
    PeerTube v8 มาพร้อมธีมใหม่ชื่อ Lucide ที่ลดความเทอะทะของปุ่มเดิม ๆ และทำให้ผู้ชมโฟกัสกับเนื้อหามากขึ้น นอกจากนี้ระบบนำเข้าวิดีโอ (video import) ก็ถูกปรับปรุงให้เสถียรขึ้น หากการนำเข้าล้มเหลว ผู้ใช้สามารถ retry ได้เองโดยไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังรองรับการ retry อัตโนมัติระหว่างการ sync ช่อง

    Mobile App กับ Creator Mode
    หลังจากการระดมทุนในเดือนพฤษภาคม 2025 ทีมงานได้เพิ่ม Creator Mode ในแอปมือถือ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดวิดีโอจากมือถือได้โดยตรง ทั้งจาก gallery หรือการถ่ายใหม่ พร้อมระบบแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ background upload และยังมีหน้า Creator ใหม่ที่ช่วยจัดการ ดาวน์โหลด หรือจัดการ playlist ได้สะดวกขึ้น แม้ฟีเจอร์ live streaming และ URL imports ยังไม่มา แต่ทีมงานยืนยันว่ากำลังพัฒนาอยู่

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    PeerTube v8 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่
    เน้นการทำงานร่วมกันและปรับปรุง video player

    Team Collaboration สำหรับช่อง
    เพิ่มสิทธิ์ Editors เพื่อช่วยจัดการคอนเทนต์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ

    Video Player ดีไซน์ใหม่ Lucide
    ปุ่มเรียบง่ายขึ้นและระบบนำเข้าวิดีโอเสถียรขึ้น

    Mobile App ได้ Creator Mode
    อัปโหลดจากมือถือ, background upload, และจัดการ playlist ได้ง่าย

    คำเตือนเรื่องฟีเจอร์ที่ยังไม่พร้อมใช้
    Live streaming และ URL imports ยังไม่เปิดให้ใช้งานในเวอร์ชันนี้

    https://itsfoss.com/news/peertube-8-release/
    📺 PeerTube v8: ก้าวใหม่ของวิดีโอแบบกระจายศูนย์ PeerTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอแบบ decentralized และ open source ได้ออกเวอร์ชันใหม่ PeerTube v8 พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์และองค์กรใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่ม team collaboration และการปรับปรุงดีไซน์ของ video player ให้ทันสมัยมากขึ้น 👥 Team Collaboration และการจัดการช่อง หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกเรียกร้องมากที่สุดคือการให้สิทธิ์ Editors ในช่อง PeerTube ผู้ดูแลสามารถเพิ่มคนเข้ามาช่วยจัดการเนื้อหาได้ เช่น การอัปโหลดวิดีโอ, แก้ไข, จัดการ playlist และคอมเมนต์ โดยไม่ต้องให้สิทธิ์เต็มเหมือนเจ้าของช่อง ฟีเจอร์นี้เหมาะกับองค์กรหรือทีมที่มีหลายคนดูแลคอนเทนต์ร่วมกัน 🎨 Video Player ดีไซน์ใหม่และระบบนำเข้าที่ดีขึ้น PeerTube v8 มาพร้อมธีมใหม่ชื่อ Lucide ที่ลดความเทอะทะของปุ่มเดิม ๆ และทำให้ผู้ชมโฟกัสกับเนื้อหามากขึ้น นอกจากนี้ระบบนำเข้าวิดีโอ (video import) ก็ถูกปรับปรุงให้เสถียรขึ้น หากการนำเข้าล้มเหลว ผู้ใช้สามารถ retry ได้เองโดยไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังรองรับการ retry อัตโนมัติระหว่างการ sync ช่อง 📱 Mobile App กับ Creator Mode หลังจากการระดมทุนในเดือนพฤษภาคม 2025 ทีมงานได้เพิ่ม Creator Mode ในแอปมือถือ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดวิดีโอจากมือถือได้โดยตรง ทั้งจาก gallery หรือการถ่ายใหม่ พร้อมระบบแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ background upload และยังมีหน้า Creator ใหม่ที่ช่วยจัดการ ดาวน์โหลด หรือจัดการ playlist ได้สะดวกขึ้น แม้ฟีเจอร์ live streaming และ URL imports ยังไม่มา แต่ทีมงานยืนยันว่ากำลังพัฒนาอยู่ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ PeerTube v8 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ➡️ เน้นการทำงานร่วมกันและปรับปรุง video player ✅ Team Collaboration สำหรับช่อง ➡️ เพิ่มสิทธิ์ Editors เพื่อช่วยจัดการคอนเทนต์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ ✅ Video Player ดีไซน์ใหม่ Lucide ➡️ ปุ่มเรียบง่ายขึ้นและระบบนำเข้าวิดีโอเสถียรขึ้น ✅ Mobile App ได้ Creator Mode ➡️ อัปโหลดจากมือถือ, background upload, และจัดการ playlist ได้ง่าย ‼️ คำเตือนเรื่องฟีเจอร์ที่ยังไม่พร้อมใช้ ⛔ Live streaming และ URL imports ยังไม่เปิดให้ใช้งานในเวอร์ชันนี้ https://itsfoss.com/news/peertube-8-release/
    ITSFOSS.COM
    Decentralized YouTube Alternative PeerTube Adds Creator Mode
    The open source YouTube alternative offers some welcome updates for content creators.
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • Docker เปิดซอร์ส Hardened Images: ความปลอดภัยที่ทุกคนเข้าถึงได้

    Docker ประกาศครั้งสำคัญด้วยการ เปิดซอร์ส Docker Hardened Images (DHI) ที่ก่อนหน้านี้สงวนไว้สำหรับลูกค้าองค์กรเท่านั้น โดยปล่อยภายใต้ Apache License 2.0 ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ฟรี จุดเด่นคือการลดช่องโจมตี (attack surface) ลงถึง 95% เมื่อเทียบกับ images มาตรฐาน พร้อมมี SBOM (Software Bill of Materials), SLSA Build Level 3 provenance, และรายงานช่องโหว่ที่โปร่งใส

    DHI: ความปลอดภัยในระดับระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน
    Docker Hardened Images ถูกสร้างบน Alpine และ Debian โดยปรับแต่งให้มีความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ Docker ยังเปิดตัว Hardened MCP Servers สำหรับงาน AI และระบบที่นิยมใช้ เช่น MongoDB, Grafana และ GitHub สิ่งเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการ harden ระบบเอง

    Tiered Model: จากฟรีสู่ Enterprise และ Extended Lifecycle
    Docker แบ่ง DHI ออกเป็น 3 ระดับ:
    Free Open Source: ให้ทุกคนเข้าถึง hardened images พร้อม SBOM และ provenance
    Enterprise: เพิ่ม SLA 7 วันสำหรับการแก้ไข CVE, FIPS-enabled images และ STIG-ready configurations
    Extended Lifecycle Support (ELS): บริการเสริมที่ขยายการอัปเดตความปลอดภัยได้นานถึง 5 ปีหลังจาก upstream หมดอายุการสนับสนุน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้พัฒนา
    การเปิดซอร์สครั้งนี้ถือเป็น “watershed moment” ตามคำกล่าวของ Christian Dupuis, Senior Principal Engineer ของ Docker เพราะเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการสร้างแอปพลิเคชันที่ “ปลอดภัยโดยค่าเริ่มต้น” (secure by default) ให้ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่เฉพาะองค์กรใหญ่เท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในวงการซอฟต์แวร์โดยรวม

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Docker เปิดซอร์ส Hardened Images (DHI)
    ลดช่องโจมตีลงถึง 95% และมี SBOM + provenance

    รองรับระบบยอดนิยม
    Hardened MCP Servers สำหรับ MongoDB, Grafana, GitHub และอื่น ๆ

    Tiered Model ของ DHI
    Free, Enterprise (SLA + compliance), และ Extended Lifecycle Support

    ผลกระทบเชิงกลยุทธ์
    ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่จำกัดองค์กรใหญ่

    คำเตือนต่อผู้ใช้งานทั่วไป
    แม้จะเป็น hardened images แต่ผู้ใช้ยังต้องอัปเดตและตรวจสอบการตั้งค่าเอง

    ความเสี่ยงของระบบ legacy
    หากไม่ใช้ Extended Lifecycle Support อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่หลัง upstream หมดอายุ

    https://itsfoss.com/news/docker-hardened-images-open-sourced/
    🐳 Docker เปิดซอร์ส Hardened Images: ความปลอดภัยที่ทุกคนเข้าถึงได้ Docker ประกาศครั้งสำคัญด้วยการ เปิดซอร์ส Docker Hardened Images (DHI) ที่ก่อนหน้านี้สงวนไว้สำหรับลูกค้าองค์กรเท่านั้น โดยปล่อยภายใต้ Apache License 2.0 ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ฟรี จุดเด่นคือการลดช่องโจมตี (attack surface) ลงถึง 95% เมื่อเทียบกับ images มาตรฐาน พร้อมมี SBOM (Software Bill of Materials), SLSA Build Level 3 provenance, และรายงานช่องโหว่ที่โปร่งใส 🔐 DHI: ความปลอดภัยในระดับระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน Docker Hardened Images ถูกสร้างบน Alpine และ Debian โดยปรับแต่งให้มีความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ Docker ยังเปิดตัว Hardened MCP Servers สำหรับงาน AI และระบบที่นิยมใช้ เช่น MongoDB, Grafana และ GitHub สิ่งเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการ harden ระบบเอง 🏢 Tiered Model: จากฟรีสู่ Enterprise และ Extended Lifecycle Docker แบ่ง DHI ออกเป็น 3 ระดับ: 💠 Free Open Source: ให้ทุกคนเข้าถึง hardened images พร้อม SBOM และ provenance 💠 Enterprise: เพิ่ม SLA 7 วันสำหรับการแก้ไข CVE, FIPS-enabled images และ STIG-ready configurations 💠 Extended Lifecycle Support (ELS): บริการเสริมที่ขยายการอัปเดตความปลอดภัยได้นานถึง 5 ปีหลังจาก upstream หมดอายุการสนับสนุน 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้พัฒนา การเปิดซอร์สครั้งนี้ถือเป็น “watershed moment” ตามคำกล่าวของ Christian Dupuis, Senior Principal Engineer ของ Docker เพราะเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการสร้างแอปพลิเคชันที่ “ปลอดภัยโดยค่าเริ่มต้น” (secure by default) ให้ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่เฉพาะองค์กรใหญ่เท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในวงการซอฟต์แวร์โดยรวม 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Docker เปิดซอร์ส Hardened Images (DHI) ➡️ ลดช่องโจมตีลงถึง 95% และมี SBOM + provenance ✅ รองรับระบบยอดนิยม ➡️ Hardened MCP Servers สำหรับ MongoDB, Grafana, GitHub และอื่น ๆ ✅ Tiered Model ของ DHI ➡️ Free, Enterprise (SLA + compliance), และ Extended Lifecycle Support ✅ ผลกระทบเชิงกลยุทธ์ ➡️ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่จำกัดองค์กรใหญ่ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้งานทั่วไป ⛔ แม้จะเป็น hardened images แต่ผู้ใช้ยังต้องอัปเดตและตรวจสอบการตั้งค่าเอง ‼️ ความเสี่ยงของระบบ legacy ⛔ หากไม่ใช้ Extended Lifecycle Support อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่หลัง upstream หมดอายุ https://itsfoss.com/news/docker-hardened-images-open-sourced/
    ITSFOSS.COM
    Docker Makes Enterprise-Grade Hardened Images Free for All Developers
    Previously enterprise-only hardened images go open source under Apache License 2.0.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • Gift Card Roulette: ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ใน Apple Gift Cards

    กรณีล่าสุดที่ถูกพูดถึงในวงการเทคโนโลยีคือเหตุการณ์ของ Paris Buttfield-Addison ผู้ใช้ที่สูญเสียการเข้าถึงบัญชี iCloud และคลังสื่อดิจิทัลทั้งหมด หลังจากพยายามใช้ Apple Gift Card มูลค่า 500 ดอลลาร์ที่ถูกดัดแปลง เขาซื้อจากร้านค้าปลีกใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่าการ์ดนั้นเป็นของปลอมและทำให้บัญชีถูกล็อกทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบที่ควรจะปลอดภัยที่สุด

    สิ่งที่น่ากังวลคือแม้ Apple จะมีทีม Executive Relations ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนระดับสูงเข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับการสูญเสียข้อมูลและสิทธิ์การเข้าถึงที่สำคัญ เหตุการณ์นี้จึงถูกเปรียบเทียบว่าเหมือน “Russian Roulette ดิจิทัล” เพราะผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการ์ดที่ได้รับจะปลอดภัยหรือไม่

    จากมุมมองที่กว้างขึ้น ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัลโดยทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะ Apple เท่านั้น หลายแพลตฟอร์มเคยเจอกรณีบัตรถูกปลอมแปลงหรือถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน ทำให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังมากขึ้นในการซื้อหรือรับบัตรของขวัญ โดยเฉพาะเมื่อซื้อจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ

    ในเชิงกลยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่าบริษัทเทคโนโลยีควรสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น เช่น การยืนยันรหัสแบบหลายชั้น หรือการจำกัดวงเงินที่สามารถใช้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    เหตุการณ์ผู้ใช้ Apple Gift Card ถูกล็อกบัญชี
    Paris Buttfield-Addison สูญเสียการเข้าถึง iCloud และคลังสื่อหลังใช้บัตรที่ถูกดัดแปลง

    การตรวจสอบจากทีม Executive Relations ของ Apple
    แม้ทีมสนับสนุนระดับสูงเข้ามา แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที

    ความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัล
    ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะ Apple แต่เกิดขึ้นในหลายแพลตฟอร์ม

    ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    การตรวจสอบรหัสหลายชั้น และการจำกัดวงเงินเป็นแนวทางที่ควรนำมาใช้

    คำเตือนต่อผู้บริโภค
    การซื้อบัตรจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการอาจเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลง

    ความเสี่ยงในการให้บัตรเป็นของขวัญ
    ผู้รับอาจสูญเสียบัญชีหรือข้อมูลสำคัญหากบัตรถูกดัดแปลง

    https://daringfireball.net/linked/2025/12/17/are-apple-gift-cards-safe-to-redeem
    🛡️ Gift Card Roulette: ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ใน Apple Gift Cards กรณีล่าสุดที่ถูกพูดถึงในวงการเทคโนโลยีคือเหตุการณ์ของ Paris Buttfield-Addison ผู้ใช้ที่สูญเสียการเข้าถึงบัญชี iCloud และคลังสื่อดิจิทัลทั้งหมด หลังจากพยายามใช้ Apple Gift Card มูลค่า 500 ดอลลาร์ที่ถูกดัดแปลง เขาซื้อจากร้านค้าปลีกใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่าการ์ดนั้นเป็นของปลอมและทำให้บัญชีถูกล็อกทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบที่ควรจะปลอดภัยที่สุด สิ่งที่น่ากังวลคือแม้ Apple จะมีทีม Executive Relations ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนระดับสูงเข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับการสูญเสียข้อมูลและสิทธิ์การเข้าถึงที่สำคัญ เหตุการณ์นี้จึงถูกเปรียบเทียบว่าเหมือน “Russian Roulette ดิจิทัล” เพราะผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการ์ดที่ได้รับจะปลอดภัยหรือไม่ จากมุมมองที่กว้างขึ้น ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัลโดยทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะ Apple เท่านั้น หลายแพลตฟอร์มเคยเจอกรณีบัตรถูกปลอมแปลงหรือถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน ทำให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังมากขึ้นในการซื้อหรือรับบัตรของขวัญ โดยเฉพาะเมื่อซื้อจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ ในเชิงกลยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่าบริษัทเทคโนโลยีควรสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น เช่น การยืนยันรหัสแบบหลายชั้น หรือการจำกัดวงเงินที่สามารถใช้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ เหตุการณ์ผู้ใช้ Apple Gift Card ถูกล็อกบัญชี ➡️ Paris Buttfield-Addison สูญเสียการเข้าถึง iCloud และคลังสื่อหลังใช้บัตรที่ถูกดัดแปลง ✅ การตรวจสอบจากทีม Executive Relations ของ Apple ➡️ แม้ทีมสนับสนุนระดับสูงเข้ามา แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ✅ ความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัล ➡️ ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะ Apple แต่เกิดขึ้นในหลายแพลตฟอร์ม ✅ ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ➡️ การตรวจสอบรหัสหลายชั้น และการจำกัดวงเงินเป็นแนวทางที่ควรนำมาใช้ ‼️ คำเตือนต่อผู้บริโภค ⛔ การซื้อบัตรจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการอาจเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลง ‼️ ความเสี่ยงในการให้บัตรเป็นของขวัญ ⛔ ผู้รับอาจสูญเสียบัญชีหรือข้อมูลสำคัญหากบัตรถูกดัดแปลง https://daringfireball.net/linked/2025/12/17/are-apple-gift-cards-safe-to-redeem
    DARINGFIREBALL.NET
    Are Apple Gift Cards Safe to Redeem?
    Link to: https://tidbits.com/2025/12/17/compromised-apple-gift-card-leads-to-apple-account-lockout/
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline

    FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง
    https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558

    ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail
    ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy

    YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader
    นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้
    https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links

    Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม
    มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย
    https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers

    ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด
    ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie

    VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้
    เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
    https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats

    The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029
    วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี
    https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029

    Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update
    ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี
    https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives

    Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters

    WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว
    https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls

    Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log
    Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง
    https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption

    Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts
    Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts

    Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel
    นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel

    The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle
    TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ
    https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group

    Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน
    เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล
    https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant

    The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory
    OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน”
    https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life

    Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook
    Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก
    https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators

    Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI
    Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก
    https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response

    FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026
    หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก
    https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup

    Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption
    กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา
    https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline 🛡️ FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6 เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง 🔗 https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558 📧 ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy 🎥 YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้ 🔗 https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links 💰 Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย 🔗 https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers 💻 ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie 🛡️ VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้ เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง 🔗 https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats 🎬 The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029 วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี 🔗 https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029 ⚠️ Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี 🔗 https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives ☸️ Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters 🛡️ WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว 🔗 https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls 🔒 Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง 🔗 https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption 📊 Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts 🦀 Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel 🇺🇸 The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ 🔗 https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group ⚡ Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล 🔗 https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant 🤖 The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน” 🔗 https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life 💸 Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก 🔗 https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators 🛡️ Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response 🎮 FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026 หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup 🔒 Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา 🔗 https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • Professional Fire Door Maintenance Services
    City Fire Proofing provides certified fire door maintenance services nationwide, ensuring doors remain compliant, safe, and fully functional. Our experienced team carries out inspections, repairs, and ongoing maintenance for internal and external fire doors in residential and commercial buildings. Regular fire door maintenance helps meet legal requirements, extend door lifespan, and maintain effective fire protection throughout your property. For more visit here - https://www.cityfp.co.uk/fire-doors
    Professional Fire Door Maintenance Services City Fire Proofing provides certified fire door maintenance services nationwide, ensuring doors remain compliant, safe, and fully functional. Our experienced team carries out inspections, repairs, and ongoing maintenance for internal and external fire doors in residential and commercial buildings. Regular fire door maintenance helps meet legal requirements, extend door lifespan, and maintain effective fire protection throughout your property. For more visit here - https://www.cityfp.co.uk/fire-doors
    WWW.CITYFP.CO.UK
    Certified Fire Door Maintenance, Installation and Inspection Companies
    CityFP is one of the trusted fire door maintenance companies, delivering certified fire door maintenance, inspections, and installation to ensure safety, compliance, and long-term durability.
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar

    มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้
    เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า
    https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about

    ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว
    Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน
    https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix

    สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI
    บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots

    ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน
    CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe

    กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+
    Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น
    https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting

    ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว
    Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day

    รีวิว Agile CRM ปี 2026
    Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้
    https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review

    จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ
    บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ
    https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront

    โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์
    รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา
    https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output

    รีวิว Geekom AX8 Max mini PC
    Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง
    https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review

    Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini
    ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted

    Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์
    Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน
    https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity

    คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel
    ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated

    Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว
    รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง
    https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review

    ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails

    Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้
    มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe

    Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น
    Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices

    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar 🖥️ มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้ เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า 🔗 https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about ⚠️ ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix 🤖 สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots 🔒 ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe 🏠 กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+ Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day 📊 รีวิว Agile CRM ปี 2026 Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review 🌐 จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront 🐞 โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์ รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output 💻 รีวิว Geekom AX8 Max mini PC Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง 🔗 https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review 🗺️ Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted 🔋 Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์ Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity 📈 คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated 🎮 Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง 🔗 https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review 💳 ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails 🌐 Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้ มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe 🐧 Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline


    Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI
    Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge
    https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse

    Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน
    Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก
    https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่
    https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover

    หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน
    ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account

    Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows
    ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน
    https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users

    OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon
    มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์
    https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch

    Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19%
    รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์
    https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge

    Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด
    https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining

    Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT
    รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ
    https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures

    “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้
    https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls

    Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม
    กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ
    https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes

    Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ
    นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์
    https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports

    GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner
    เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้
    https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry

    ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที
    Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่
    https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers

    CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains

    แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email
    Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น
    https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit

    SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root
    SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline 🦊 Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge 🔗 https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse 🔒 Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์ เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover 🚦 หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account 💻 Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users 💰 OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์ 🔗 https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch 🌐 Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19% รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์ 🔗 https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge 🖥️ Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด 🔗 https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining 📧 Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ 🔗 https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures 🔐 “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้ 🔗 https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls 🐉 Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ 🔗 https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes 📚 Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports 🛠️ GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้ 🔗 https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers 🚨 CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 🔗 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains 🐚 แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น 🔗 https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit 🔒 SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • Pixel 10: Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตเพิ่มประสิทธิภาพ

    รายงานจาก Wccftech ระบุว่า Google Pixel 10 ที่ใช้ชิป Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้การประมวลผล AI และการจัดการพลังงาน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขข้อจำกัดที่ผู้ใช้บางส่วนพบในช่วงแรกของการเปิดตัว

    Tensor G5 ถูกออกแบบโดย Google และผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่ใช้ Samsung Foundry จุดเด่นของ G5 คือการรวมหน่วยประมวลผล AI เข้ากับ CPU และ GPU เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Pixel เช่น การถ่ายภาพอัจฉริยะ การประมวลผลเสียง และการทำงานแบบเรียลไทม์ที่ต้องใช้ Machine Learning

    การอัปเดตล่าสุดช่วยให้ Pixel 10 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งในด้านการตอบสนองและการจัดการพลังงาน โดยผู้ใช้คาดว่าจะเห็นการปรับปรุงในงานประจำวัน เช่น การเปิดแอปเร็วขึ้น การประมวลผลภาพที่ลื่นไหลกว่าเดิม และการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งานให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงจากคู่แข่งรายใหญ่

    อย่างไรก็ตาม แม้ Tensor G5 จะได้รับการปรับปรุง แต่ Google ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Apple และ Qualcomm ที่มีชิป A-series และ Snapdragon รุ่นล่าสุดซึ่งโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน การอัปเดตครั้งนี้จึงเป็นเพียงก้าวแรกของ Google ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้และนักพัฒนา

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน

    Tensor G5 ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์
    เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการพลังงานใน Pixel 10

    การออกแบบและการผลิต
    ผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm แทน Samsung Foundry

    การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
    เปิดแอปเร็วขึ้น ประมวลผลภาพลื่นไหล และใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน
    ต้องเผชิญกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ที่มีชิปประสิทธิภาพสูง

    คำเตือนด้านการแข่งขัน
    แม้จะปรับปรุงแล้ว แต่ Tensor G5 ยังต้องพิสูจน์ความสามารถเทียบกับ A-series และ Snapdragon
    หากการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้ Pixel เสียเปรียบในตลาดเรือธงccftech.com/pixel-10s-tensor-g5-soc-gets-a-performance-boost/
    📱 Pixel 10: Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตเพิ่มประสิทธิภาพ รายงานจาก Wccftech ระบุว่า Google Pixel 10 ที่ใช้ชิป Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้การประมวลผล AI และการจัดการพลังงาน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขข้อจำกัดที่ผู้ใช้บางส่วนพบในช่วงแรกของการเปิดตัว Tensor G5 ถูกออกแบบโดย Google และผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่ใช้ Samsung Foundry จุดเด่นของ G5 คือการรวมหน่วยประมวลผล AI เข้ากับ CPU และ GPU เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Pixel เช่น การถ่ายภาพอัจฉริยะ การประมวลผลเสียง และการทำงานแบบเรียลไทม์ที่ต้องใช้ Machine Learning การอัปเดตล่าสุดช่วยให้ Pixel 10 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งในด้านการตอบสนองและการจัดการพลังงาน โดยผู้ใช้คาดว่าจะเห็นการปรับปรุงในงานประจำวัน เช่น การเปิดแอปเร็วขึ้น การประมวลผลภาพที่ลื่นไหลกว่าเดิม และการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งานให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงจากคู่แข่งรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้ Tensor G5 จะได้รับการปรับปรุง แต่ Google ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Apple และ Qualcomm ที่มีชิป A-series และ Snapdragon รุ่นล่าสุดซึ่งโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน การอัปเดตครั้งนี้จึงเป็นเพียงก้าวแรกของ Google ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้และนักพัฒนา 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Tensor G5 ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการพลังงานใน Pixel 10 ✅ การออกแบบและการผลิต ➡️ ผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm แทน Samsung Foundry ✅ การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ ➡️ เปิดแอปเร็วขึ้น ประมวลผลภาพลื่นไหล และใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน ➡️ ต้องเผชิญกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ที่มีชิปประสิทธิภาพสูง ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขัน ⛔ แม้จะปรับปรุงแล้ว แต่ Tensor G5 ยังต้องพิสูจน์ความสามารถเทียบกับ A-series และ Snapdragon ⛔ หากการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้ Pixel เสียเปรียบในตลาดเรือธงccftech.com/pixel-10s-tensor-g5-soc-gets-a-performance-boost/
    WCCFTECH.COM
    Pixel 10's Tensor G5 SoC Gets A Performance Boost
    Imagination's IMG PowerVR DXT-48-1536 GPU within Pixel 10's Tensor G5 chip is now finally getting a critical driver update.
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • AI ใช้พลังงานและน้ำมากกว่า Bitcoin Mining

    รายงานจาก Alex de Vries-Gao นักวิจัยจาก VU Amsterdam Institute for Environmental Studies ระบุว่า ความต้องการพลังงานของ AI อาจสูงถึง 23 กิกะวัตต์ในปี 2025 ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานของ Bitcoin mining ทั้งปี 2024 นอกจากนี้ยังคาดว่า AI จะใช้น้ำระหว่าง 312.5 ถึง 764.6 พันล้านลิตร สำหรับการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล เทียบเท่ากับปริมาณน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภคในหนึ่งปี

    แม้ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นการประมาณ แต่ก็สะท้อนถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูล AI ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้ทรัพยากรจริงในรายงานความยั่งยืน ทำให้การประเมินต้องอาศัยการคาดการณ์จากข้อมูลการลงทุนและการติดตั้งฮาร์ดแวร์

    ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมยังรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงมาก โดยคาดว่า AI อาจสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศในปี 2022 นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน เช่น การขุดแร่ การผลิตชิป และการกำจัดอุปกรณ์

    นักการเมืองในสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อการใช้ทรัพยากรของ AI โดยมีการเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำอย่างละเอียด รวมถึงข้อเสนอให้ชะลอการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การใช้พลังงานของ AI
    คาดว่าจะสูงถึง 23GW ในปี 2025 มากกว่า Bitcoin mining ปี 2024

    การใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน
    อยู่ระหว่าง 312.5–764.6 พันล้านลิตร เทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภค

    การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ใกล้เคียงกับการปล่อยของประเทศสิงคโปร์ในปี 2022

    ความโปร่งใสของบริษัทเทคโนโลยี
    ยังไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำในรายงานความยั่งยืน

    คำเตือนด้านสิ่งแวดล้อม
    ตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน
    การขยายศูนย์ข้อมูล AI อาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำและพลังงานของประชาชนในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-surpasses-2024-bitcoin-mining-in-energy-usage-uses-more-h20-than-the-bottles-of-water-people-drink-globally-study-claims-says-ai-demand-could-hit-23gw-and-up-to-764-billion-liters-of-water-in-2025
    ⚡ AI ใช้พลังงานและน้ำมากกว่า Bitcoin Mining รายงานจาก Alex de Vries-Gao นักวิจัยจาก VU Amsterdam Institute for Environmental Studies ระบุว่า ความต้องการพลังงานของ AI อาจสูงถึง 23 กิกะวัตต์ในปี 2025 ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานของ Bitcoin mining ทั้งปี 2024 นอกจากนี้ยังคาดว่า AI จะใช้น้ำระหว่าง 312.5 ถึง 764.6 พันล้านลิตร สำหรับการระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล เทียบเท่ากับปริมาณน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภคในหนึ่งปี แม้ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นการประมาณ แต่ก็สะท้อนถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของศูนย์ข้อมูล AI ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้ทรัพยากรจริงในรายงานความยั่งยืน ทำให้การประเมินต้องอาศัยการคาดการณ์จากข้อมูลการลงทุนและการติดตั้งฮาร์ดแวร์ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมยังรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงมาก โดยคาดว่า AI อาจสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศในปี 2022 นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน เช่น การขุดแร่ การผลิตชิป และการกำจัดอุปกรณ์ นักการเมืองในสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อการใช้ทรัพยากรของ AI โดยมีการเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำอย่างละเอียด รวมถึงข้อเสนอให้ชะลอการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การใช้พลังงานของ AI ➡️ คาดว่าจะสูงถึง 23GW ในปี 2025 มากกว่า Bitcoin mining ปี 2024 ✅ การใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน ➡️ อยู่ระหว่าง 312.5–764.6 พันล้านลิตร เทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่คนทั้งโลกบริโภค ✅ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ➡️ เฉลี่ย 56 ล้านตันต่อปี ใกล้เคียงกับการปล่อยของประเทศสิงคโปร์ในปี 2022 ✅ ความโปร่งใสของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ยังไม่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและน้ำในรายงานความยั่งยืน ‼️ คำเตือนด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ ตัวเลขจริงอาจสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากไม่ได้รวมผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทาน ⛔ การขยายศูนย์ข้อมูล AI อาจกระทบต่อทรัพยากรน้ำและพลังงานของประชาชนในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-surpasses-2024-bitcoin-mining-in-energy-usage-uses-more-h20-than-the-bottles-of-water-people-drink-globally-study-claims-says-ai-demand-could-hit-23gw-and-up-to-764-billion-liters-of-water-in-2025
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • จีนกับความพยายาม Reverse Engineering เครื่อง EUV Lithography

    รายงานจาก Reuters และ Tom’s Hardware ระบุว่า จีนได้ตั้งห้องแล็บลับในเซินเจิ้นเพื่อสร้างเครื่อง EUV Lithography ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก โดยอ้างว่าใช้วิธี Reverse Engineering จากเครื่องของ ASML บริษัทเนเธอร์แลนด์ที่เป็นผู้ผลิตรายเดียวในโลกที่สามารถทำเครื่อง EUV ได้สำเร็จ ปัจจุบันเครื่องต้นแบบของจีนสามารถสร้างแสง EUV ที่ความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตรได้ แต่ยังไม่สามารถใช้ผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้

    เครื่องดังกล่าวใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML โดยยิงเลเซอร์ไปที่หยดดีบุกขนาดไมครอนเพื่อสร้างพลาสมาที่ปล่อยแสง EUV อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักอยู่ที่ระบบออปติกที่ซับซ้อนมาก เช่น กระจกสะท้อนที่เคลือบด้วยชั้น Mo/Si และระบบ Projection Optics ที่ต้องการความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์

    รัฐบาลจีนตั้งเป้าว่าจะมีต้นแบบที่สามารถผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความเป็นจริงอาจต้องรอถึงปี 2030 หรือหลังจากนั้น เนื่องจากการสร้างเครื่อง EUV ต้องอาศัยการบูรณาการมากกว่า 100,000 ชิ้นส่วน และความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ซึ่งปัจจุบันจีนยังต้องพึ่งพาอดีตวิศวกรจาก ASML และนักวิจัยมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบใหม่

    หากจีนสามารถพัฒนาเครื่อง EUV ได้สำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพราะปัจจุบันจีนถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จากมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐและพันธมิตร แต่ในทางกลับกัน หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาด้านออปติกและระบบกลไกได้ ความพยายามนี้อาจกลายเป็นเพียงการทดลองที่ไม่สามารถใช้จริงในเชิงพาณิชย์

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การสร้างเครื่อง EUV ในจีน
    ห้องแล็บลับในเซินเจิ้นสร้างเครื่องต้นแบบที่สามารถผลิตแสง EUV ได้แล้ว

    เทคนิคที่ใช้
    ใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML

    เป้าหมายรัฐบาลจีน
    ต้องการให้มีต้นแบบที่ผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจช้ากว่านั้น

    ความท้าทายด้านเทคนิค
    ระบบออปติกและกลไกที่ซับซ้อนยังไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์

    คำเตือนด้านความเป็นจริง
    การสร้างเครื่อง EUV ต้องใช้มากกว่า 100,000 ชิ้นส่วนและความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้
    แม้จะมีความก้าวหน้า แต่ยังไม่สามารถผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-may-have-reverse-engineered-euv-lithography-tool-in-covert-lab-report-claims-employees-given-fake-ids-to-avoid-secret-project-being-detected-prototypes-expected-in-2028
    🔬 จีนกับความพยายาม Reverse Engineering เครื่อง EUV Lithography รายงานจาก Reuters และ Tom’s Hardware ระบุว่า จีนได้ตั้งห้องแล็บลับในเซินเจิ้นเพื่อสร้างเครื่อง EUV Lithography ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก โดยอ้างว่าใช้วิธี Reverse Engineering จากเครื่องของ ASML บริษัทเนเธอร์แลนด์ที่เป็นผู้ผลิตรายเดียวในโลกที่สามารถทำเครื่อง EUV ได้สำเร็จ ปัจจุบันเครื่องต้นแบบของจีนสามารถสร้างแสง EUV ที่ความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตรได้ แต่ยังไม่สามารถใช้ผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ เครื่องดังกล่าวใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML โดยยิงเลเซอร์ไปที่หยดดีบุกขนาดไมครอนเพื่อสร้างพลาสมาที่ปล่อยแสง EUV อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักอยู่ที่ระบบออปติกที่ซับซ้อนมาก เช่น กระจกสะท้อนที่เคลือบด้วยชั้น Mo/Si และระบบ Projection Optics ที่ต้องการความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์ รัฐบาลจีนตั้งเป้าว่าจะมีต้นแบบที่สามารถผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความเป็นจริงอาจต้องรอถึงปี 2030 หรือหลังจากนั้น เนื่องจากการสร้างเครื่อง EUV ต้องอาศัยการบูรณาการมากกว่า 100,000 ชิ้นส่วน และความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ซึ่งปัจจุบันจีนยังต้องพึ่งพาอดีตวิศวกรจาก ASML และนักวิจัยมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจบใหม่ หากจีนสามารถพัฒนาเครื่อง EUV ได้สำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพราะปัจจุบันจีนถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จากมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐและพันธมิตร แต่ในทางกลับกัน หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาด้านออปติกและระบบกลไกได้ ความพยายามนี้อาจกลายเป็นเพียงการทดลองที่ไม่สามารถใช้จริงในเชิงพาณิชย์ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การสร้างเครื่อง EUV ในจีน ➡️ ห้องแล็บลับในเซินเจิ้นสร้างเครื่องต้นแบบที่สามารถผลิตแสง EUV ได้แล้ว ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ ใช้วิธี Laser-Produced Plasma (LPP) เช่นเดียวกับ ASML ✅ เป้าหมายรัฐบาลจีน ➡️ ต้องการให้มีต้นแบบที่ผลิตชิปได้ภายในปี 2028 แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจช้ากว่านั้น ✅ ความท้าทายด้านเทคนิค ➡️ ระบบออปติกและกลไกที่ซับซ้อนยังไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์ ‼️ คำเตือนด้านความเป็นจริง ⛔ การสร้างเครื่อง EUV ต้องใช้มากกว่า 100,000 ชิ้นส่วนและความแม่นยำระดับนาโนเมตร ซึ่งจีนยังไม่สามารถทำได้ ⛔ แม้จะมีความก้าวหน้า แต่ยังไม่สามารถผลิตชิปเชิงพาณิชย์ได้ในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-may-have-reverse-engineered-euv-lithography-tool-in-covert-lab-report-claims-employees-given-fake-ids-to-avoid-secret-project-being-detected-prototypes-expected-in-2028
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • วิกฤติหน่วยความจำ: Micron เตือน DRAM ขาดตลาดยาวถึงปี 2026

    Micron รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 พร้อมยืนยันว่าแม้จะปิดแบรนด์ Crucial ไปแล้ว แต่ความต้องการ DRAM และ NAND ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะจากศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัททำรายได้สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่าจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เต็มที่ และคาดว่าการขาดแคลนจะยืดเยื้อต่อไปหลังปี 2026

    หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึงสามเท่า ทำให้ทรัพยากรการผลิตตึงตัวมากขึ้น Micron คาดว่าตลาด HBM จะมีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งจะกลายเป็นตลาดใหญ่กว่าทั้ง DRAM ในปี 2024 การแข่งขันด้านการผลิตจึงเข้มข้นขึ้น และผู้ผลิตหลายรายเริ่มทำสัญญาระยะยาวเพื่อรักษาซัพพลาย

    Micron กำลังลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในไอดาโฮและนิวยอร์ก โดยโรงงานแรกจะเริ่มผลิตกลางปี 2027 ส่วนอีกแห่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2026 และคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายกำลังผลิต บริษัทก็ยังคาดว่าจะสามารถตอบสนองได้เพียงครึ่งถึงสองในสามของความต้องการลูกค้าหลักเท่านั้น

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคเริ่มเห็นชัดเจนแล้ว ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตบางรายเช่น Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงปรับขึ้น ส่วน Sapphire คาดว่าราคาจะเริ่มทรงตัวในอีก 6–8 เดือน แต่ก็อาจไม่ใช่ระดับราคาที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสินค้าปลอมและการฉ้อโกงในตลาดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ผลประกอบการ Micron
    รายได้ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57%

    การขาดแคลน DRAM ต่อเนื่อง
    Micron คาดว่าปัญหาจะยืดเยื้อไปหลังปี 2026 และตอบสนองได้เพียง 50–66% ของความต้องการ

    การเติบโตของตลาด HBM
    ใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึง 3 เท่า และคาดว่ามูลค่าตลาดจะถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028

    การลงทุนโรงงานใหม่
    โรงงานในไอดาโฮจะเริ่มผลิตปี 2027 และโรงงานนิวยอร์กคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้น และผู้ผลิตบางรายเตือนว่าราคาจะยังคงเพิ่มต่อไป

    คำเตือนด้านราคาและตลาด
    ราคาหน่วยความจำอาจไม่กลับไปสู่ระดับที่ผู้ใช้คาดหวัง แม้จะเริ่มทรงตัว
    ความเสี่ยงจากสินค้าปลอมและการฉ้อโกงออนไลน์เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-outlines-grim-outlook-for-dram-supply-in-first-earnings-call-since-killing-crucial-memory-and-ssd-brand-ceo-says-it-can-only-meet-half-to-two-thirds-of-demand
    🖥️ วิกฤติหน่วยความจำ: Micron เตือน DRAM ขาดตลาดยาวถึงปี 2026 Micron รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 พร้อมยืนยันว่าแม้จะปิดแบรนด์ Crucial ไปแล้ว แต่ความต้องการ DRAM และ NAND ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะจากศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัททำรายได้สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่าจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เต็มที่ และคาดว่าการขาดแคลนจะยืดเยื้อต่อไปหลังปี 2026 หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึงสามเท่า ทำให้ทรัพยากรการผลิตตึงตัวมากขึ้น Micron คาดว่าตลาด HBM จะมีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งจะกลายเป็นตลาดใหญ่กว่าทั้ง DRAM ในปี 2024 การแข่งขันด้านการผลิตจึงเข้มข้นขึ้น และผู้ผลิตหลายรายเริ่มทำสัญญาระยะยาวเพื่อรักษาซัพพลาย Micron กำลังลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในไอดาโฮและนิวยอร์ก โดยโรงงานแรกจะเริ่มผลิตกลางปี 2027 ส่วนอีกแห่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2026 และคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายกำลังผลิต บริษัทก็ยังคาดว่าจะสามารถตอบสนองได้เพียงครึ่งถึงสองในสามของความต้องการลูกค้าหลักเท่านั้น ผลกระทบต่อผู้บริโภคเริ่มเห็นชัดเจนแล้ว ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตบางรายเช่น Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงปรับขึ้น ส่วน Sapphire คาดว่าราคาจะเริ่มทรงตัวในอีก 6–8 เดือน แต่ก็อาจไม่ใช่ระดับราคาที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสินค้าปลอมและการฉ้อโกงในตลาดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ผลประกอบการ Micron ➡️ รายได้ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57% ✅ การขาดแคลน DRAM ต่อเนื่อง ➡️ Micron คาดว่าปัญหาจะยืดเยื้อไปหลังปี 2026 และตอบสนองได้เพียง 50–66% ของความต้องการ ✅ การเติบโตของตลาด HBM ➡️ ใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึง 3 เท่า และคาดว่ามูลค่าตลาดจะถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028 ✅ การลงทุนโรงงานใหม่ ➡️ โรงงานในไอดาโฮจะเริ่มผลิตปี 2027 และโรงงานนิวยอร์กคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้น และผู้ผลิตบางรายเตือนว่าราคาจะยังคงเพิ่มต่อไป ‼️ คำเตือนด้านราคาและตลาด ⛔ ราคาหน่วยความจำอาจไม่กลับไปสู่ระดับที่ผู้ใช้คาดหวัง แม้จะเริ่มทรงตัว ⛔ ความเสี่ยงจากสินค้าปลอมและการฉ้อโกงออนไลน์เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-outlines-grim-outlook-for-dram-supply-in-first-earnings-call-since-killing-crucial-memory-and-ssd-brand-ceo-says-it-can-only-meet-half-to-two-thirds-of-demand
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • Fresh – Terminal Editor รุ่นใหม่ที่ง่ายกว่า Nano

    โลกของ Linux เต็มไปด้วย text editor ใน terminal เช่น Vim, Emacs และ Nano แต่หลายตัวมี learning curve สูงสำหรับผู้เริ่มต้น Fresh จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา Rust เพื่อให้ใช้งานง่ายเหมือน GUI editor แต่ทำงานใน terminal โดยใช้ standard keybindings ที่ผู้ใช้คุ้นเคย เช่น Ctrl+S สำหรับบันทึก, Ctrl+F สำหรับค้นหา และ Ctrl+Z สำหรับ undo.

    สิ่งที่ทำให้ Fresh “สดใหม่” คือ mouse support เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อวาง cursor หรือ drag เพื่อเลือกข้อความได้เหมือนใน editor บน desktop นอกจากนี้ยังมี command palette (Ctrl+P) สำหรับค้นหาคำสั่ง และ file explorer (Ctrl+E) ที่เปิดด้านซ้ายเพื่อจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ได้สะดวก พร้อม split-pane layout ที่ช่วยให้ทำงานหลายไฟล์ได้ง่ายขึ้น.

    Fresh ยังรองรับ Language Server Protocol (LSP) ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง go-to-definition, hover documentation และ diagnostics ได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม รองรับไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 10 GB และมีฟีเจอร์เสริม เช่น line numbers, word wrap, embedded terminal และ markdown preview อีกทั้งยังมีระบบ plugin ที่ใช้ TypeScript และทำงานใน sandboxed Deno environment.

    การติดตั้ง Fresh ทำได้ง่ายบน Debian, Ubuntu และดิสโทรอื่น ๆ ผ่าน .deb package หรือ App Center โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานด้วยคำสั่ง fresh หลังติดตั้งเสร็จ มีธีมให้เลือกหลายแบบ เช่น “Dark” ที่ได้รับความนิยม และมีเอกสารประกอบที่ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว.

    สรุปสาระสำคัญ
    Fresh: Terminal Editor รุ่นใหม่
    เขียนด้วย Rust ใช้ง่ายกว่า Nano
    ใช้ keybindings มาตรฐาน เช่น Ctrl+S, Ctrl+F, Ctrl+Z

    ฟีเจอร์ทันสมัยแบบ GUI
    รองรับ mouse support เต็มรูปแบบ
    มี command palette และ file explorer

    ความสามารถขั้นสูง
    รองรับ LSP สำหรับการเขียนโค้ด
    จัดการไฟล์ใหญ่กว่า 10 GB ได้ มี plugin system ด้วย TypeScript

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่
    ยังเป็น editor ใหม่ อาจมีบั๊กหรือ ecosystem plugin ที่ยังไม่สมบูรณ์
    ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Vim/Emacs อาจต้องปรับตัวกับ workflow ที่ต่างออกไป

    https://itsfoss.com/fresh-terminal-text-editor/
    ✨ Fresh – Terminal Editor รุ่นใหม่ที่ง่ายกว่า Nano โลกของ Linux เต็มไปด้วย text editor ใน terminal เช่น Vim, Emacs และ Nano แต่หลายตัวมี learning curve สูงสำหรับผู้เริ่มต้น Fresh จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา Rust เพื่อให้ใช้งานง่ายเหมือน GUI editor แต่ทำงานใน terminal โดยใช้ standard keybindings ที่ผู้ใช้คุ้นเคย เช่น Ctrl+S สำหรับบันทึก, Ctrl+F สำหรับค้นหา และ Ctrl+Z สำหรับ undo. สิ่งที่ทำให้ Fresh “สดใหม่” คือ mouse support เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อวาง cursor หรือ drag เพื่อเลือกข้อความได้เหมือนใน editor บน desktop นอกจากนี้ยังมี command palette (Ctrl+P) สำหรับค้นหาคำสั่ง และ file explorer (Ctrl+E) ที่เปิดด้านซ้ายเพื่อจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ได้สะดวก พร้อม split-pane layout ที่ช่วยให้ทำงานหลายไฟล์ได้ง่ายขึ้น. Fresh ยังรองรับ Language Server Protocol (LSP) ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง go-to-definition, hover documentation และ diagnostics ได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม รองรับไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 10 GB และมีฟีเจอร์เสริม เช่น line numbers, word wrap, embedded terminal และ markdown preview อีกทั้งยังมีระบบ plugin ที่ใช้ TypeScript และทำงานใน sandboxed Deno environment. การติดตั้ง Fresh ทำได้ง่ายบน Debian, Ubuntu และดิสโทรอื่น ๆ ผ่าน .deb package หรือ App Center โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานด้วยคำสั่ง fresh หลังติดตั้งเสร็จ มีธีมให้เลือกหลายแบบ เช่น “Dark” ที่ได้รับความนิยม และมีเอกสารประกอบที่ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Fresh: Terminal Editor รุ่นใหม่ ➡️ เขียนด้วย Rust ใช้ง่ายกว่า Nano ➡️ ใช้ keybindings มาตรฐาน เช่น Ctrl+S, Ctrl+F, Ctrl+Z ✅ ฟีเจอร์ทันสมัยแบบ GUI ➡️ รองรับ mouse support เต็มรูปแบบ ➡️ มี command palette และ file explorer ✅ ความสามารถขั้นสูง ➡️ รองรับ LSP สำหรับการเขียนโค้ด ➡️ จัดการไฟล์ใหญ่กว่า 10 GB ได้ ➡️ มี plugin system ด้วย TypeScript ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่ ⛔ ยังเป็น editor ใหม่ อาจมีบั๊กหรือ ecosystem plugin ที่ยังไม่สมบูรณ์ ⛔ ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Vim/Emacs อาจต้องปรับตัวกับ workflow ที่ต่างออกไป https://itsfoss.com/fresh-terminal-text-editor/
    ITSFOSS.COM
    Easier Than Nano! Fresh is a 'Fresh' New Rust-based Terminal Editor for Linux
    Rust-based editor combines fast performance with GUI-style shortcuts that just work.
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • แนวคิด “No Graphics API” – ลดความซับซ้อนของกราฟิก API

    Sebastian Aaltonen นักพัฒนาเกมที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี อธิบายว่าการเปลี่ยนผ่านจาก DirectX 11 และ OpenGL ไปสู่ API รุ่นใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan และ Metal เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ AAA games ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด หลายเกมเมื่อพอร์ตไปยัง API ใหม่กลับมีประสิทธิภาพลดลง เพราะโครงสร้างของ engine เดิมไม่สอดคล้องกับ persistent objects ที่ API ใหม่บังคับใช้.

    เขาชี้ว่า GPU ปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปไกล เช่น coherent last-level caches, bindless texture samplers และการรองรับ 64-bit GPU pointers ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ retained mode objects ที่ซับซ้อนอีกต่อไป ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ PSO permutation explosion ที่ทำให้ cache ของผู้ใช้กินพื้นที่มากกว่า 100GB และต้องพึ่งพา cloud servers ของ vendor เพื่อเก็บ pipeline state objects.

    Aaltonen เสนอว่าหากออกแบบ API ใหม่โดยยึดตามสถาปัตยกรรม GPU ปัจจุบัน เราสามารถลดความซับซ้อนลงอย่างมาก เช่น ใช้ pointer-based memory management แบบ CUDA และ Metal, รองรับ wide loads และ coherent memory โดยตรง รวมถึงการจัดการ descriptor heap ที่โปร่งใสและง่ายต่อการเขียน shader.

    แนวคิด “No Graphics API” จึงไม่ใช่การลบ API ออกไปทั้งหมด แต่เป็นการลด abstraction ที่ไม่จำเป็น และให้ GPU ทำงานตรงกับหน่วยความจำและ pointer โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพและความซับซ้อนที่สะสมมานานกว่า 20 ปีในวงการกราฟิก API.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ปัญหาของ API รุ่นใหม่ (DX12/Vulkan/Metal)
    ซับซ้อนเกินไปสำหรับ engine เดิม
    เกิด PSO permutation explosion และ cache ขนาดมหาศาล

    วิวัฒนาการของ GPU ปัจจุบัน
    มี coherent caches และ bindless samplers
    รองรับ 64-bit GPU pointers และ direct memory access

    แนวคิด “No Graphics API”
    ลด abstraction ที่ไม่จำเป็น
    ใช้ pointer-based memory และ descriptor heap ที่โปร่งใส

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม
    หากยังยึดติดกับ API รุ่นเก่า จะสร้างภาระ cache และ pipeline state ที่ไม่จำเป็น
    ความซับซ้อนที่สะสมอาจทำให้การพัฒนาเกมและกราฟิกช้าลงและสิ้นเปลืองทรัพยากร

    https://www.sebastianaaltonen.com/blog/no-graphics-api
    🖥️ แนวคิด “No Graphics API” – ลดความซับซ้อนของกราฟิก API Sebastian Aaltonen นักพัฒนาเกมที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี อธิบายว่าการเปลี่ยนผ่านจาก DirectX 11 และ OpenGL ไปสู่ API รุ่นใหม่อย่าง DirectX 12, Vulkan และ Metal เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ AAA games ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด หลายเกมเมื่อพอร์ตไปยัง API ใหม่กลับมีประสิทธิภาพลดลง เพราะโครงสร้างของ engine เดิมไม่สอดคล้องกับ persistent objects ที่ API ใหม่บังคับใช้. เขาชี้ว่า GPU ปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปไกล เช่น coherent last-level caches, bindless texture samplers และการรองรับ 64-bit GPU pointers ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ retained mode objects ที่ซับซ้อนอีกต่อไป ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ PSO permutation explosion ที่ทำให้ cache ของผู้ใช้กินพื้นที่มากกว่า 100GB และต้องพึ่งพา cloud servers ของ vendor เพื่อเก็บ pipeline state objects. Aaltonen เสนอว่าหากออกแบบ API ใหม่โดยยึดตามสถาปัตยกรรม GPU ปัจจุบัน เราสามารถลดความซับซ้อนลงอย่างมาก เช่น ใช้ pointer-based memory management แบบ CUDA และ Metal, รองรับ wide loads และ coherent memory โดยตรง รวมถึงการจัดการ descriptor heap ที่โปร่งใสและง่ายต่อการเขียน shader. แนวคิด “No Graphics API” จึงไม่ใช่การลบ API ออกไปทั้งหมด แต่เป็นการลด abstraction ที่ไม่จำเป็น และให้ GPU ทำงานตรงกับหน่วยความจำและ pointer โดยตรง เพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพและความซับซ้อนที่สะสมมานานกว่า 20 ปีในวงการกราฟิก API. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ปัญหาของ API รุ่นใหม่ (DX12/Vulkan/Metal) ➡️ ซับซ้อนเกินไปสำหรับ engine เดิม ➡️ เกิด PSO permutation explosion และ cache ขนาดมหาศาล ✅ วิวัฒนาการของ GPU ปัจจุบัน ➡️ มี coherent caches และ bindless samplers ➡️ รองรับ 64-bit GPU pointers และ direct memory access ✅ แนวคิด “No Graphics API” ➡️ ลด abstraction ที่ไม่จำเป็น ➡️ ใช้ pointer-based memory และ descriptor heap ที่โปร่งใส ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม ⛔ หากยังยึดติดกับ API รุ่นเก่า จะสร้างภาระ cache และ pipeline state ที่ไม่จำเป็น ⛔ ความซับซ้อนที่สะสมอาจทำให้การพัฒนาเกมและกราฟิกช้าลงและสิ้นเปลืองทรัพยากร https://www.sebastianaaltonen.com/blog/no-graphics-api
    WWW.SEBASTIANAALTONEN.COM
    No Graphics API — Sebastian Aaltonen
    Graphics APIs and shader languages have significantly increased in complexity over the past decade. It’s time to start discussing how to strip down the abstractions to simplify development, improve performance, and prepare for future GPU workloads.
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python

    Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production.

    จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา.

    นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”.

    ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เปิดตัว ty Beta โดย Astral
    เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance
    ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral

    ความเร็วเหนือคู่แข่ง
    เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า
    Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms

    ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic
    Intersection types, type narrowing, reachability analysis
    Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข

    รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem
    รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ)
    เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม
    การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release

    https://astral.sh/blog/ty
    🚀 Astral เปิดตัว ty – Type Checker ที่เร็วที่สุดสำหรับ Python Astral ผู้พัฒนาเครื่องมือดังอย่าง uv (package manager) และ Ruff (linter/formatter) ประกาศเปิดตัว ty ในสถานะ Beta รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเป็น extremely fast Python type checker และ language server เขียนด้วย Rust เพื่อเป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright และ Pylance โดยทีมงานยืนยันว่าได้ใช้ ty ในโปรเจกต์จริงแล้ว และพร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงนำไปใช้ใน production. จุดเด่นของ ty คือ ความเร็วเหนือชั้น โดยไม่ใช้ caching ก็ยังเร็วกว่า mypy และ Pyright ถึง 10–60 เท่า และเมื่อใช้งานใน editor ความต่างยิ่งชัดเจน เช่น การแก้ไขไฟล์สำคัญใน PyTorch repository ty ใช้เวลาเพียง 4.7ms ในการ recompute diagnostics เทียบกับ Pyright ที่ใช้ 386ms และ Pyrefly ที่ใช้ 2.38 วินาที นั่นหมายถึงการตอบสนองแบบ real-time ที่แทบไม่สะดุดสำหรับนักพัฒนา. นอกจากความเร็วแล้ว ty ยังมาพร้อม ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีขั้นสูง เช่น intersection types, type narrowing และ reachability analysis ที่ช่วยลด false positives และให้ feedback ที่แม่นยำกว่าเดิม ระบบ diagnostic ได้แรงบันดาลใจจาก Rust compiler โดยสามารถอธิบายปัญหาแบบ cross-file และเสนอแนวทางแก้ไข ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทั้ง “อะไรผิด” และ “ทำไมผิด”. ty รองรับ Language Server Protocol เต็มรูปแบบ เช่น Go to Definition, Auto-Complete, Semantic Highlighting และ Inlay Hints พร้อม extension สำหรับ VS Code และ Cursor ทีม Astral ตั้งเป้าออก Stable release ในปีหน้า โดยจะเพิ่มการรองรับ third-party libraries อย่าง Pydantic และ Django รวมถึงฟีเจอร์เชิง semantic เช่น dead code elimination, CVE reachability analysis และ type-aware linting เพื่อผลักดัน Python ให้เป็น ecosystem ที่ productive ที่สุด. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เปิดตัว ty Beta โดย Astral ➡️ เขียนด้วย Rust เป็นทางเลือกแทน mypy, Pyright, Pylance ➡️ ใช้งานจริงแล้วในโปรเจกต์ของทีม Astral ✅ ความเร็วเหนือคู่แข่ง ➡️ เร็วกว่า mypy และ Pyright 10–60 เท่า ➡️ Recompute diagnostics ใน PyTorch repository เพียง 4.7ms ✅ ฟีเจอร์เชิงทฤษฎีและระบบ Diagnostic ➡️ Intersection types, type narrowing, reachability analysis ➡️ Diagnostic อธิบายปัญหาแบบ cross-file พร้อมแนวทางแก้ไข ✅ รองรับการใช้งานใน Editor และ Ecosystem ➡️ รองรับ LSP เต็มรูปแบบ (Auto-Complete, Go to Definition ฯลฯ) ➡️ เตรียมเพิ่มการรองรับ Pydantic, Django และฟีเจอร์ semantic อื่น ๆ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังอยู่ในสถานะ Beta อาจมีบั๊กและต้องการเสถียรภาพเพิ่ม ⛔ การใช้งานกับ third-party libraries ยังไม่สมบูรณ์ ต้องรอ Stable release https://astral.sh/blog/ty
    ASTRAL.SH
    ty: An extremely fast Python type checker and language server
    ty is an extremely fast Python type checker and language server, written in Rust, and designed as an alternative to mypy, Pyright, and Pylance.
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • AWS CEO ชี้ AI ไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาใหม่ได้

    ในโลกเทคโนโลยีที่หลายบริษัทกำลังมอง AI เป็นเครื่องมือแทนแรงงานมนุษย์ Matt Garman CEO ของ Amazon Web Services ออกมาโต้แย้งอย่างหนัก โดยเขาให้สัมภาษณ์ใน WIRED’s The Big Interview ว่า การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด เพราะคนรุ่นใหม่มักจะเชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือ AI มากกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำให้พวกเขาสามารถดึงประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่.

    เขาอธิบายว่า นักพัฒนาใหม่มักมีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและสวัสดิการต่ำกว่าพนักงานอาวุโส การตัดพวกเขาออกจึงไม่ได้ช่วยลดต้นทุนมากนัก ในทางกลับกัน ข้อมูลจาก Deloitte ยังชี้ว่า 30% ของบริษัทที่ปลดพนักงานเพื่อหวังลดค่าใช้จ่าย กลับต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ภายหลัง ซึ่งสะท้อนว่าการลดคนโดยเฉพาะระดับเริ่มต้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง.

    อีกประเด็นสำคัญคือ การสร้างท่อส่งบุคลากร (talent pipeline) หากไม่มีการจ้างนักพัฒนาใหม่ บริษัทจะขาดคนรุ่นใหม่ที่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคต การเปรียบเทียบของ Garman คือเหมือนทีมกีฬาที่มีแต่ผู้เล่นเก่าโดยไม่รับมือใหม่ เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นเก่าเลิกเล่น ทีมก็จะไม่มีใครสืบทอดต่อ ส่งผลให้บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว.

    แม้ Garman จะยอมรับว่า AI จะเปลี่ยนแปลงงานของนักพัฒนาอย่างมาก แต่เขามองว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างงานใหม่มากกว่าที่จะทำลายงานเดิม เขาย้ำว่า การมีนักพัฒนาใหม่ที่เข้าใจพื้นฐานวิทยาการคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ในอนาคต.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    นักพัฒนาใหม่เชี่ยวชาญ AI มากกว่า
    Gen Z ใช้ AI tools เป็นประจำ และช่วยสอนพนักงานอาวุโส
    55.5% ของนักพัฒนาใหม่ใช้ AI ทุกวันในการทำงาน

    การลดนักพัฒนาใหม่ไม่ช่วยประหยัดจริง
    เงินเดือนและสวัสดิการต่ำอยู่แล้ว
    30% ของบริษัทที่ปลดคนกลับมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและต้องจ้างใหม่

    ท่อส่งบุคลากรคือหัวใจขององค์กร
    การไม่จ้างคนใหม่ทำให้ขาดผู้นำในอนาคต
    บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรเมื่อโครงการขยายตัว

    คำเตือนจาก AWS CEO
    การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI อาจทำลายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
    บริษัทที่พึ่งพา AI อย่างเดียวจะเสี่ยงต่อการไม่มีบุคลากรที่มีทักษะพื้นฐานในอนาคต

    https://www.finalroundai.com/blog/aws-ceo-ai-cannot-replace-junior-developers
    💻 AWS CEO ชี้ AI ไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาใหม่ได้ ในโลกเทคโนโลยีที่หลายบริษัทกำลังมอง AI เป็นเครื่องมือแทนแรงงานมนุษย์ Matt Garman CEO ของ Amazon Web Services ออกมาโต้แย้งอย่างหนัก โดยเขาให้สัมภาษณ์ใน WIRED’s The Big Interview ว่า การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด เพราะคนรุ่นใหม่มักจะเชี่ยวชาญการใช้เครื่องมือ AI มากกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำให้พวกเขาสามารถดึงประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่. เขาอธิบายว่า นักพัฒนาใหม่มักมีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและสวัสดิการต่ำกว่าพนักงานอาวุโส การตัดพวกเขาออกจึงไม่ได้ช่วยลดต้นทุนมากนัก ในทางกลับกัน ข้อมูลจาก Deloitte ยังชี้ว่า 30% ของบริษัทที่ปลดพนักงานเพื่อหวังลดค่าใช้จ่าย กลับต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ภายหลัง ซึ่งสะท้อนว่าการลดคนโดยเฉพาะระดับเริ่มต้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง. อีกประเด็นสำคัญคือ การสร้างท่อส่งบุคลากร (talent pipeline) หากไม่มีการจ้างนักพัฒนาใหม่ บริษัทจะขาดคนรุ่นใหม่ที่สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคต การเปรียบเทียบของ Garman คือเหมือนทีมกีฬาที่มีแต่ผู้เล่นเก่าโดยไม่รับมือใหม่ เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นเก่าเลิกเล่น ทีมก็จะไม่มีใครสืบทอดต่อ ส่งผลให้บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรในระยะยาว. แม้ Garman จะยอมรับว่า AI จะเปลี่ยนแปลงงานของนักพัฒนาอย่างมาก แต่เขามองว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างงานใหม่มากกว่าที่จะทำลายงานเดิม เขาย้ำว่า การมีนักพัฒนาใหม่ที่เข้าใจพื้นฐานวิทยาการคอมพิวเตอร์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ในอนาคต. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ นักพัฒนาใหม่เชี่ยวชาญ AI มากกว่า ➡️ Gen Z ใช้ AI tools เป็นประจำ และช่วยสอนพนักงานอาวุโส ➡️ 55.5% ของนักพัฒนาใหม่ใช้ AI ทุกวันในการทำงาน ✅ การลดนักพัฒนาใหม่ไม่ช่วยประหยัดจริง ➡️ เงินเดือนและสวัสดิการต่ำอยู่แล้ว ➡️ 30% ของบริษัทที่ปลดคนกลับมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและต้องจ้างใหม่ ✅ ท่อส่งบุคลากรคือหัวใจขององค์กร ➡️ การไม่จ้างคนใหม่ทำให้ขาดผู้นำในอนาคต ➡️ บริษัทเสี่ยงต่อการขาดแคลนบุคลากรเมื่อโครงการขยายตัว ‼️ คำเตือนจาก AWS CEO ⛔ การแทนที่นักพัฒนาใหม่ด้วย AI อาจทำลายความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ⛔ บริษัทที่พึ่งพา AI อย่างเดียวจะเสี่ยงต่อการไม่มีบุคลากรที่มีทักษะพื้นฐานในอนาคต https://www.finalroundai.com/blog/aws-ceo-ai-cannot-replace-junior-developers
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/y3x8vXILPlo?si=QATBBBrHFPrn0kK1
    https://youtu.be/y3x8vXILPlo?si=QATBBBrHFPrn0kK1
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • Acne Treatment – Understanding the Path to Clearer Skin

    Acne treatment is a multifaceted process that addresses one of the most common skin conditions affecting people of all ages. Acne develops when hair follicles become clogged with oil, dead skin cells, and bacteria, leading to blackheads, whiteheads, pimples, or deeper cysts. Effective treatment requires understanding both the causes of acne and the individual nature of each person’s skin.

    The foundation of acne treatment lies in proper skincare. Gentle cleansing removes excess oil and impurities without stripping the skin’s natural barrier. Overwashing or using harsh products can worsen inflammation and trigger more breakouts. A balanced routine supports skin health while reducing acne severity.

    Topical treatments play a central role in managing mild to moderate acne. Ingredients such as salicylic acid help unclog pores, while benzoyl peroxide reduces acne-causing bacteria. Retinoids encourage skin cell turnover, preventing future blockages and improving skin texture over time.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/acne-treatment-market-5675
    Acne Treatment – Understanding the Path to Clearer Skin Acne treatment is a multifaceted process that addresses one of the most common skin conditions affecting people of all ages. Acne develops when hair follicles become clogged with oil, dead skin cells, and bacteria, leading to blackheads, whiteheads, pimples, or deeper cysts. Effective treatment requires understanding both the causes of acne and the individual nature of each person’s skin. The foundation of acne treatment lies in proper skincare. Gentle cleansing removes excess oil and impurities without stripping the skin’s natural barrier. Overwashing or using harsh products can worsen inflammation and trigger more breakouts. A balanced routine supports skin health while reducing acne severity. Topical treatments play a central role in managing mild to moderate acne. Ingredients such as salicylic acid help unclog pores, while benzoyl peroxide reduces acne-causing bacteria. Retinoids encourage skin cell turnover, preventing future blockages and improving skin texture over time. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/acne-treatment-market-5675
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Acne Treatment Market Size, Share, Growth Report 2035
    Acne Treatment Market industry is projected to grow from USD 10.40 billion in 2025 to USD 18.21 billion by 2035, With CAGR of 5.30% during 2025 to 2035.
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • Anti-Acne Dermal Patch – A Modern Solution for Targeted Acne Care

    Anti-acne dermal patches have emerged as a convenient and effective solution for managing individual acne lesions. Designed to adhere directly to the skin, these patches deliver active ingredients precisely where they are needed, offering targeted treatment without affecting surrounding healthy skin.

    Unlike traditional creams or gels that spread across a broader area, dermal patches focus on a single pimple or inflamed spot. Many patches are made using hydrocolloid materials, which absorb excess oil, pus, and impurities from the acne lesion. This creates a clean, protected environment that supports faster healing.

    One of the key advantages of anti-acne dermal patches is their ability to act as a physical barrier. By covering the blemish, the patch prevents picking, scratching, or exposure to external bacteria, all of which can worsen acne and increase the risk of scarring. This protective function is particularly beneficial for individuals prone to touching their face.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/anti-acne-dermal-patch-market-11038
    Anti-Acne Dermal Patch – A Modern Solution for Targeted Acne Care Anti-acne dermal patches have emerged as a convenient and effective solution for managing individual acne lesions. Designed to adhere directly to the skin, these patches deliver active ingredients precisely where they are needed, offering targeted treatment without affecting surrounding healthy skin. Unlike traditional creams or gels that spread across a broader area, dermal patches focus on a single pimple or inflamed spot. Many patches are made using hydrocolloid materials, which absorb excess oil, pus, and impurities from the acne lesion. This creates a clean, protected environment that supports faster healing. One of the key advantages of anti-acne dermal patches is their ability to act as a physical barrier. By covering the blemish, the patch prevents picking, scratching, or exposure to external bacteria, all of which can worsen acne and increase the risk of scarring. This protective function is particularly beneficial for individuals prone to touching their face. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/anti-acne-dermal-patch-market-11038
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Anti-Acne Dermal Patch Market Size, Share, Trends, 2035
    Anti-Acne Dermal Patch Market share is projected to reach USD 1.28 Billion By 2035, at a 7.45 % CAGR by driving industry size, top company analysis, segments research, trends and forecast report 2025 to 2035 | MRFR
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • Mild Cognitive Impairment – Understanding the Early Signs of Cognitive Change

    Mild Cognitive Impairment (MCI) is a neurological condition characterized by noticeable changes in memory, thinking, or reasoning that are greater than expected for a person’s age but not severe enough to interfere significantly with daily life. Individuals with MCI often remain independent, yet they may sense that something is not quite right with their cognitive abilities.

    One of the most common symptoms of MCI is memory difficulty, particularly with recalling recent events or conversations. People may misplace items more frequently, struggle to find words, or have difficulty concentrating. Unlike dementia, these challenges do not prevent individuals from managing their daily responsibilities, such as handling finances or maintaining personal care.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/mild-cognitive-impairment-market-10916
    Mild Cognitive Impairment – Understanding the Early Signs of Cognitive Change Mild Cognitive Impairment (MCI) is a neurological condition characterized by noticeable changes in memory, thinking, or reasoning that are greater than expected for a person’s age but not severe enough to interfere significantly with daily life. Individuals with MCI often remain independent, yet they may sense that something is not quite right with their cognitive abilities. One of the most common symptoms of MCI is memory difficulty, particularly with recalling recent events or conversations. People may misplace items more frequently, struggle to find words, or have difficulty concentrating. Unlike dementia, these challenges do not prevent individuals from managing their daily responsibilities, such as handling finances or maintaining personal care. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/mild-cognitive-impairment-market-10916
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Mild Cognitive Impairment Market Size, Share, Trends 2035
    Mild Cognitive Impairment Market is expected to reach USD 3.87 Billion by 2035 at 5.95% CAGR during the forecast period, 2025-2035,
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
More Results