• หุ้น MRDIYT ประกันสังคมอาจเจ็บตัว

    ทำเอานักลงทุนใจหายใจคว่ำ เมื่อหุ้น MRDIYT ของบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ สัญชาติมาเลเซีย เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เป็นวันแรก ปรากฎว่าเปิดการซื้อขายที่ 7.05 บาท ต่ำกว่าราคาจองซื้อแบบ IPO ซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.60 บาท หรือประมาณ 18% ก่อนที่ราคาจะขยับในระดับ 8 บาท สูงที่สุด 8.70 บาท ก่อนปิดการซื้อขายที่ราคา 8.60 บาท เท่ากับราคาจองซื้อ มูลค่าการซื้อขาย 4,698.30 ล้านบาท

    MRDIYT ประกอบธุรกิจร้านมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ในไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2559 ปัจจุบันมีสาขา 1,027 แห่ง ใน 77 จังหวัด ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นครั้งแรก 5,600 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้สินและเงินกู้ยืมที่มีอยู่ของบริษัทฯ รวมถึงเงินกู้ยืมจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 2,058.40 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขา ลงทุนบริษัทย่อย ซื้อที่ดินสำหรับคลังสินค้าเพิ่มเติม 500 ล้านบาท และใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน 721.30 ถึง 845.40 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่ระดมทุนสูงที่สุดในรอบ 3 ปี

    บทความของ สุนันท์ ศรีจันทรา ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้น MRDIYT ได้รับความสนใจสูง เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ขนาดใหญ่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่การนำหุ้นจำนวน 655 ล้านหุ้น เสนอขายในราคา 8.60 บาท โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ประมาณ 23 เท่า "ถือว่าเป็นราคาขายที่ไม่ถูกนัก"

    อีกด้านหนึ่ง ยังมีประเด็นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่บางรายนำหุ้น 553 ล้านหุ้น จาก 1,230 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 21% ของทุนจดทะเบียน ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับข้อตกลงทางการเงินส่วนบุคคล หรือ "นำหุ้นไปจำนำ" และเตรียมขายหุ้นในวันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายอีก 4.07% ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายนักลงทุน นอกจากนั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังเป็นต่างชาติ ซึ่งนักลงทุนหุ้นมูลค่าเพิ่มรายใหญ่บางคนจะหลีกเลี่ยง เพราะกลัวความเสี่ยงจากต่างชาติขายหุ้นทิ้ง หรือถ่ายเทเงินกลับบ้าน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในหุ้นหลายตัว

    สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากหุ้น MRDIYT ต่ำกว่าราคาจองแล้ว พบว่าหนึ่งในผู้ถิอหุ้น คือ สำนักงานประกันสังคม จองซื้อผ่านทาง บลจ.ทาลิส 8,678,100 หุ้น และ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) อีก 1,225,400 หุ้น รวมแล้ว 9,903,500 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 85,170,100 บาท คนที่เจ็บตัวมากที่สุดคือผู้ประกันตนกว่า 24.8 ล้านราย เพราะกลายเป็นการนำเงินของผู้ประกันตนไปซื้อหุ้นที่ไม่รู้อนาคตว่าจะรุ่งหรือร่วง

    #Newskit
    หุ้น MRDIYT ประกันสังคมอาจเจ็บตัว ทำเอานักลงทุนใจหายใจคว่ำ เมื่อหุ้น MRDIYT ของบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ สัญชาติมาเลเซีย เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เป็นวันแรก ปรากฎว่าเปิดการซื้อขายที่ 7.05 บาท ต่ำกว่าราคาจองซื้อแบบ IPO ซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.60 บาท หรือประมาณ 18% ก่อนที่ราคาจะขยับในระดับ 8 บาท สูงที่สุด 8.70 บาท ก่อนปิดการซื้อขายที่ราคา 8.60 บาท เท่ากับราคาจองซื้อ มูลค่าการซื้อขาย 4,698.30 ล้านบาท MRDIYT ประกอบธุรกิจร้านมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ในไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2559 ปัจจุบันมีสาขา 1,027 แห่ง ใน 77 จังหวัด ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นครั้งแรก 5,600 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้สินและเงินกู้ยืมที่มีอยู่ของบริษัทฯ รวมถึงเงินกู้ยืมจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 2,058.40 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขา ลงทุนบริษัทย่อย ซื้อที่ดินสำหรับคลังสินค้าเพิ่มเติม 500 ล้านบาท และใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน 721.30 ถึง 845.40 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่ระดมทุนสูงที่สุดในรอบ 3 ปี บทความของ สุนันท์ ศรีจันทรา ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้น MRDIYT ได้รับความสนใจสูง เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ขนาดใหญ่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่การนำหุ้นจำนวน 655 ล้านหุ้น เสนอขายในราคา 8.60 บาท โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ประมาณ 23 เท่า "ถือว่าเป็นราคาขายที่ไม่ถูกนัก" อีกด้านหนึ่ง ยังมีประเด็นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่บางรายนำหุ้น 553 ล้านหุ้น จาก 1,230 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 21% ของทุนจดทะเบียน ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับข้อตกลงทางการเงินส่วนบุคคล หรือ "นำหุ้นไปจำนำ" และเตรียมขายหุ้นในวันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายอีก 4.07% ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายนักลงทุน นอกจากนั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังเป็นต่างชาติ ซึ่งนักลงทุนหุ้นมูลค่าเพิ่มรายใหญ่บางคนจะหลีกเลี่ยง เพราะกลัวความเสี่ยงจากต่างชาติขายหุ้นทิ้ง หรือถ่ายเทเงินกลับบ้าน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในหุ้นหลายตัว สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากหุ้น MRDIYT ต่ำกว่าราคาจองแล้ว พบว่าหนึ่งในผู้ถิอหุ้น คือ สำนักงานประกันสังคม จองซื้อผ่านทาง บลจ.ทาลิส 8,678,100 หุ้น และ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) อีก 1,225,400 หุ้น รวมแล้ว 9,903,500 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 85,170,100 บาท คนที่เจ็บตัวมากที่สุดคือผู้ประกันตนกว่า 24.8 ล้านราย เพราะกลายเป็นการนำเงินของผู้ประกันตนไปซื้อหุ้นที่ไม่รู้อนาคตว่าจะรุ่งหรือร่วง #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • KKV สโตร์แบรนด์จีน ใต้ปีกมิสเตอร์ดีไอวาย

    การเปิดร้าน KKV ไลฟ์สไตล์สโตร์จากประเทศจีน สาขาแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ซึ่งจะจัดงานปาร์ตี้สำหรับแขกรับเชิญพิเศษในวันที่ 29 ต.ค. ก่อนวันเปิดร้านจริง และยังเตรียมเปิดสาขาเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์จากประเทศจีน ที่จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดร้านค้าไลฟ์สไตล์ในไทย แต่เบื้องหลังพบว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (Mr. D.I.Y.) ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติมาเลเซีย ที่มีสาขากว่า 800 แห่งใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ

    ก่อนหน้านี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เคเควี ซัพพลาย เชน จำกัด (KKVSC) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 190 ล้านบาท และบริษัท เคเควี บิสซิเนส แมเนจเมนท์ จำกัด (KKVBM) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 172 ล้านบาท มีนายชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. และนางสาวฐิตานันท์ ซุน รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. เป็นกรรมการบริษัท

    ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 เว็บไซต์ The Edge Malaysia ระบุว่า บริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (เอ็ม) เบอร์ฮัด เปิดเผยครั้งแรกวันที่ 13 ส.ค. 2567 ว่า ได้ลงทุน 9.6 ล้านริงกิต (ประมาณ 73 ล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้น 49% ในธุรกิจของ KKV เครือข่ายร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์จากจีนในมาเลเซียเมื่อเดือน พ.ค. 2567 ขณะนั้นเปิดสาขามาแล้ว 3 สาขา โดยพบว่าสามารถสร้างรายได้มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของร้านของ Mr DIY ถึงสามเท่า

    อีกด้านหนึ่ง ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) พบว่าโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. หนึ่งในนั้นคือ KKVSC ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ การซื้อมาขายไป (Trading) สำหรับจำหน่ายในร้านค้าภายใต้แบรนด์ “KKV” และ KKVBM ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจร้านค้าปลีกภายใต้แบรนด์ “KKV” แต่วันที่ของเอกสารยังไม่มีการประกอบกิจการใดๆ ซึ่งบริษัทฯ ตั้งใจที่จะดำเนินร้านค้าปลีกที่จำหน่ายของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้าน เครื่องครัว ของเล่น และอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “KKV”

    ด้วยประสบการณ์ในการขยายสาขามากกว่า 800 แห่ง ภายในระยะเวลา 8 ปี และก่อนหน้านี้ KKV ได้ขยายสาขาในมาเลเซียแล้ว 7 แห่ง จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ร้าน KKV ในประเทศไทยจะมีผลตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน

    #Newskit #KKVThailand #MrDIY
    KKV สโตร์แบรนด์จีน ใต้ปีกมิสเตอร์ดีไอวาย การเปิดร้าน KKV ไลฟ์สไตล์สโตร์จากประเทศจีน สาขาแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ซึ่งจะจัดงานปาร์ตี้สำหรับแขกรับเชิญพิเศษในวันที่ 29 ต.ค. ก่อนวันเปิดร้านจริง และยังเตรียมเปิดสาขาเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์จากประเทศจีน ที่จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดร้านค้าไลฟ์สไตล์ในไทย แต่เบื้องหลังพบว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เจ้าของร้านมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (Mr. D.I.Y.) ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติมาเลเซีย ที่มีสาขากว่า 800 แห่งใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เคเควี ซัพพลาย เชน จำกัด (KKVSC) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 190 ล้านบาท และบริษัท เคเควี บิสซิเนส แมเนจเมนท์ จำกัด (KKVBM) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 172 ล้านบาท มีนายชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. และนางสาวฐิตานันท์ ซุน รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. เป็นกรรมการบริษัท ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 เว็บไซต์ The Edge Malaysia ระบุว่า บริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (เอ็ม) เบอร์ฮัด เปิดเผยครั้งแรกวันที่ 13 ส.ค. 2567 ว่า ได้ลงทุน 9.6 ล้านริงกิต (ประมาณ 73 ล้านบาท) เพื่อซื้อหุ้น 49% ในธุรกิจของ KKV เครือข่ายร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์จากจีนในมาเลเซียเมื่อเดือน พ.ค. 2567 ขณะนั้นเปิดสาขามาแล้ว 3 สาขา โดยพบว่าสามารถสร้างรายได้มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของร้านของ Mr DIY ถึงสามเท่า อีกด้านหนึ่ง ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) พบว่าโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. หนึ่งในนั้นคือ KKVSC ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ การซื้อมาขายไป (Trading) สำหรับจำหน่ายในร้านค้าภายใต้แบรนด์ “KKV” และ KKVBM ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจร้านค้าปลีกภายใต้แบรนด์ “KKV” แต่วันที่ของเอกสารยังไม่มีการประกอบกิจการใดๆ ซึ่งบริษัทฯ ตั้งใจที่จะดำเนินร้านค้าปลีกที่จำหน่ายของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้าน เครื่องครัว ของเล่น และอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “KKV” ด้วยประสบการณ์ในการขยายสาขามากกว่า 800 แห่ง ภายในระยะเวลา 8 ปี และก่อนหน้านี้ KKV ได้ขยายสาขาในมาเลเซียแล้ว 7 แห่ง จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ร้าน KKV ในประเทศไทยจะมีผลตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน #Newskit #KKVThailand #MrDIY
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1514 มุมมอง 0 รีวิว