• “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด

    SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center

    X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ

    ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน

    SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด

    การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive
    เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM
    X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT
    X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน
    รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่
    Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar
    รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions
    มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput

    การใช้งานในโลกจริง
    X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ
    X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s
    ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก
    ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้
    SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ
    IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026
    SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara

    คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร
    IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์
    การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ
    การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX
    หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่
    การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน

    https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    🧠 “SiFive เปิดตัว RISC-V Gen 2 IP — ชิปใหม่ที่รวมพลัง Scalar, Vector และ Matrix เพื่อเร่ง AI ตั้งแต่ IoT จนถึง Data Center!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพัฒนาอุปกรณ์ IoT ที่ต้องการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์ หรือคุณเป็นผู้ดูแลระบบในศูนย์ข้อมูลที่ต้องรันโมเดล LLM ขนาดมหึมา — ตอนนี้ SiFive ได้เปิดตัวชุด IP ใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ด้วยการรวมพลังการประมวลผลแบบ scalar, vector และ matrix เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม RISC-V รุ่นล่าสุด SiFive เปิดตัว “2nd Generation Intelligence IP” ซึ่งประกอบด้วย 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ X160 Gen 2, X180 Gen 2, X280 Gen 2, X390 Gen 2 และ XM Gen 2 โดย X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด ส่วนอีกสามรุ่นเป็นการอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้า จุดเด่นคือการรองรับการประมวลผลแบบเวกเตอร์และเมทริกซ์ที่เหมาะกับงาน AI ทุกระดับ ตั้งแต่ edge computing ไปจนถึง data center X160 และ X180 ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ฝังตัวที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและพื้นที่ เช่น รถยนต์อัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และระบบ IoT อัจฉริยะ ส่วน XM Gen 2 มาพร้อม matrix engine ที่ปรับขนาดได้ เหมาะกับงาน inference โมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLM และ AI ด้านภาพ ทุก IP ในซีรีส์นี้สามารถทำหน้าที่เป็น Accelerator Control Unit (ACU) เพื่อควบคุม accelerator ภายนอกผ่านอินเทอร์เฟซ SSCI และ VCIX ซึ่งช่วยลดภาระของซอฟต์แวร์และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลแบบขนาน SiFive ยังชี้ว่า vector engine มีข้อได้เปรียบเหนือ CPU แบบ scalar โดยสามารถประมวลผลข้อมูลหลายชุดพร้อมกัน ลด overhead และใช้พลังงานน้อยลง — เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด ✅ การเปิดตัว IP ใหม่ของ SiFive ➡️ เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ Gen 2: X160, X180, X280, X390 และ XM ➡️ X160 และ X180 เป็นรุ่นใหม่สำหรับ edge และ IoT ➡️ X280, X390 และ XM เป็นรุ่นอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อน ➡️ รองรับ scalar, vector และ matrix compute ในสถาปัตยกรรมเดียว ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ XM Gen 2 มี matrix engine ที่ปรับขนาดได้ รองรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ Vector engine ลด overhead และใช้พลังงานน้อยกว่าการประมวลผลแบบ scalar ➡️ รองรับ datatype ใหม่ เช่น BF16 และ vector crypto extensions ➡️ มี memory subsystem ที่ลด latency และเพิ่ม throughput ✅ การใช้งานในโลกจริง ➡️ X160 และ X180 เหมาะกับรถยนต์อัตโนมัติ, หุ่นยนต์, IoT อัจฉริยะ ➡️ X390 Gen 2 รองรับ 4-core cache-coherent complex และ bandwidth สูงถึง 1 TB/s ➡️ ทุก IP สามารถทำหน้าที่เป็น ACU เพื่อควบคุม accelerator ภายนอก ➡️ ใช้ SSCI และ VCIX interface เพื่อเชื่อมต่อกับ co-processor ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deloitte คาดการณ์ว่า edge AI จะเติบโตถึง 78% ในปีนี้ ➡️ SiFive ได้รับการยอมรับจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ Tier 1 ในสหรัฐฯ ➡️ IP ทั้งหมดพร้อมให้ license แล้ว และจะมี silicon ตัวแรกใน Q2 2026 ➡️ SiFive จะโชว์ผลิตภัณฑ์ในงาน AI Infra Summit ที่ Santa Clara ‼️ คำเตือนสำหรับผู้พัฒนาและองค์กร ⛔ IP เหล่านี้ยังอยู่ในช่วง pre-silicon — ประสิทธิภาพจริงต้องรอการพิสูจน์ ⛔ การใช้งาน matrix engine ต้องมีการออกแบบซอฟต์แวร์ที่รองรับโดยเฉพาะ ⛔ การเชื่อมต่อกับ accelerator ภายนอกต้องใช้ interface เฉพาะ SSCI/VCIX ⛔ หากใช้ในระบบที่ไม่รองรับ vector หรือ matrix compute อาจไม่เห็นประโยชน์เต็มที่ ⛔ การนำไปใช้ใน edge device ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดด้านพลังงานและความร้อน https://www.techpowerup.com/340788/sifives-new-risc-v-ip-combines-scalar-vector-and-matrix-compute-to-accelerate-ai-from-the-far-edge-iot-to-the-data-center
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SiFive's New RISC-V IP Combines Scalar, Vector and Matrix Compute to Accelerate AI from the Far Edge IoT to the Data Center
    Further expanding SiFive's lead in RISC-V AI IP, the company today launched its 2nd Generation Intelligence family, featuring five new RISC-V-based products designed to accelerate AI workloads across thousands of potential applications. The lineup includes two entirely new products—the X160 Gen 2 an...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบรกเกอร์ธรรมดาสู่ผู้ช่วยบ้านอัจฉริยะ: เมื่อความปลอดภัยและประหยัดพลังงานรวมอยู่ในชิ้นเดียว

    ในยุคที่บ้านกำลังกลายเป็น “สมาร์ทโฮม” หลายคนมองข้ามอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเบรกเกอร์ไฟฟ้า แต่ตอนนี้ Smart Circuit Breaker กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะมันสามารถควบคุมไฟฟ้าได้จากแอปมือถือ แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้พลังงานผิดปกติ และช่วยลดค่าไฟได้จริง

    ตัวอย่างเช่น Leviton LB120-ST รุ่นที่สอง สามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ และสั่งปิดวงจรได้ทันทีผ่านแอป นอกจากนี้ยังสามารถระบุว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าใดกินไฟมากเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับบ้านที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

    ผู้ใช้หลายคนรีวิวว่า Smart Circuit Breaker ใช้งานง่ายและเชื่อถือได้ เช่นรุ่น Marstek ที่มีฟีเจอร์วัดพลังงาน และรุ่น Ensoft ที่สามารถแจ้งเตือนเมื่อปลั๊กหรืออุปกรณ์ใดใช้ไฟเกินระดับปลอดภัย พร้อมสั่งปิดจากระยะไกลได้ทันที

    แต่แน่นอนว่าเทคโนโลยีใหม่ก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะเรื่อง “ราคา” ที่สูงกว่ารุ่นธรรมดาหลายเท่า และ “การติดตั้ง” ที่บางคนบ่นว่าเอกสารคู่มืออ่านยาก หรือหาข้อมูลออนไลน์ไม่เจอ นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง “ความปลอดภัยไซเบอร์” เพราะอุปกรณ์เหล่านี้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

    ในภาคอุตสาหกรรม Smart Circuit Breaker ยังถูกพัฒนาให้ใช้ AI และ IoT เพื่อวิเคราะห์การใช้ไฟฟ้าแบบล่วงหน้า ป้องกันความเสียหายก่อนเกิดขึ้น และปรับการทำงานแบบ “self-healing” ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ของระบบไฟฟ้าอัจฉริยะในโรงงานและอาคารขนาดใหญ่

    ความสามารถของ Smart Circuit Breaker
    ควบคุมการตัดไฟผ่านแอปมือถือแบบเรียลไทม์
    ตรวจสอบการใช้พลังงานของแต่ละอุปกรณ์
    แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้ไฟเกินระดับปลอดภัย
    ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    รุ่นที่ได้รับความนิยม
    Leviton LB120-ST รุ่นที่สอง: ควบคุมผ่านมือถือและตรวจสอบพลังงาน
    Marstek: มีระบบวัดพลังงานและควบคุมวงจร
    Ensoft: แจ้งเตือนและสั่งปิดอุปกรณ์ที่ใช้ไฟเกิน

    การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม
    ใช้ AI วิเคราะห์การใช้ไฟฟ้าและป้องกันความเสียหาย
    มีระบบ self-healing ที่ปรับการทำงานอัตโนมัติ
    ใช้ IoT และ cloud dashboard เพื่อควบคุมจากระยะไกล

    https://www.slashgear.com/1958961/smart-circuit-breakers-worth-installing/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบรกเกอร์ธรรมดาสู่ผู้ช่วยบ้านอัจฉริยะ: เมื่อความปลอดภัยและประหยัดพลังงานรวมอยู่ในชิ้นเดียว ในยุคที่บ้านกำลังกลายเป็น “สมาร์ทโฮม” หลายคนมองข้ามอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเบรกเกอร์ไฟฟ้า แต่ตอนนี้ Smart Circuit Breaker กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะมันสามารถควบคุมไฟฟ้าได้จากแอปมือถือ แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้พลังงานผิดปกติ และช่วยลดค่าไฟได้จริง ตัวอย่างเช่น Leviton LB120-ST รุ่นที่สอง สามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ และสั่งปิดวงจรได้ทันทีผ่านแอป นอกจากนี้ยังสามารถระบุว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าใดกินไฟมากเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับบ้านที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผู้ใช้หลายคนรีวิวว่า Smart Circuit Breaker ใช้งานง่ายและเชื่อถือได้ เช่นรุ่น Marstek ที่มีฟีเจอร์วัดพลังงาน และรุ่น Ensoft ที่สามารถแจ้งเตือนเมื่อปลั๊กหรืออุปกรณ์ใดใช้ไฟเกินระดับปลอดภัย พร้อมสั่งปิดจากระยะไกลได้ทันที แต่แน่นอนว่าเทคโนโลยีใหม่ก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะเรื่อง “ราคา” ที่สูงกว่ารุ่นธรรมดาหลายเท่า และ “การติดตั้ง” ที่บางคนบ่นว่าเอกสารคู่มืออ่านยาก หรือหาข้อมูลออนไลน์ไม่เจอ นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง “ความปลอดภัยไซเบอร์” เพราะอุปกรณ์เหล่านี้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ในภาคอุตสาหกรรม Smart Circuit Breaker ยังถูกพัฒนาให้ใช้ AI และ IoT เพื่อวิเคราะห์การใช้ไฟฟ้าแบบล่วงหน้า ป้องกันความเสียหายก่อนเกิดขึ้น และปรับการทำงานแบบ “self-healing” ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ของระบบไฟฟ้าอัจฉริยะในโรงงานและอาคารขนาดใหญ่ ✅ ความสามารถของ Smart Circuit Breaker ➡️ ควบคุมการตัดไฟผ่านแอปมือถือแบบเรียลไทม์ ➡️ ตรวจสอบการใช้พลังงานของแต่ละอุปกรณ์ ➡️ แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้ไฟเกินระดับปลอดภัย ➡️ ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ รุ่นที่ได้รับความนิยม ➡️ Leviton LB120-ST รุ่นที่สอง: ควบคุมผ่านมือถือและตรวจสอบพลังงาน ➡️ Marstek: มีระบบวัดพลังงานและควบคุมวงจร ➡️ Ensoft: แจ้งเตือนและสั่งปิดอุปกรณ์ที่ใช้ไฟเกิน ✅ การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์การใช้ไฟฟ้าและป้องกันความเสียหาย ➡️ มีระบบ self-healing ที่ปรับการทำงานอัตโนมัติ ➡️ ใช้ IoT และ cloud dashboard เพื่อควบคุมจากระยะไกล https://www.slashgear.com/1958961/smart-circuit-breakers-worth-installing/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Are Smart Circuit Breakers Really Worth Installing? Here's What Users Say - SlashGear
    Along with smart technology used throughout your home appliances, upgrading your breaker box with smart circuit breakers is essential to modernizing your home.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก 11.5 Tbps: เมื่อ DDoS ไม่ใช่แค่การโจมตี แต่คือการทดสอบโครงสร้างพื้นฐานของโลกออนไลน์

    ในเดือนกันยายน 2025 Cloudflare ประกาศว่าได้ป้องกันการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial-of-Service) ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ โดยมีความแรงถึง 11.5 Tbps และกินเวลาราว 35 วินาที แม้จะสั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต “สะเทือน” หากไม่มีระบบป้องกันที่แข็งแกร่ง

    การโจมตีครั้งนี้มาในรูปแบบ UDP flood ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลแบบไร้การเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็ก เช่น IoT และ cloud VM จากหลายผู้ให้บริการ โดยในช่วงแรกมีการระบุว่า Google Cloud เป็นแหล่งหลักของทราฟฟิก แต่ภายหลังพบว่าเป็นการรวมกันจากหลายแหล่งที่ถูกควบคุมโดย botnet

    เพื่อให้เห็นภาพ—11.5 Tbps เทียบเท่ากับการสตรีมภาพยนตร์ HD หลายพันเรื่องพร้อมกัน หรือการดาวน์โหลดข้อมูลหลายสิบเทราไบต์ในเวลาไม่ถึงนาที

    แม้จะเป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุด แต่ Cloudflare ระบุว่า “ขนาด” ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด การโจมตีที่อันตรายจริงคือแบบ multi-vector ที่มีความซับซ้อนและต่อเนื่อง ซึ่งสามารถทำให้ API ล่ม, เว็บไซต์ไม่ตอบสนอง หรือธุรกิจหยุดชะงักได้

    RETN ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกเสริมว่า สิ่งที่วัดผลได้จริงคือ “ระบบยังออนไลน์อยู่หรือไม่” และพวกเขาได้เพิ่มความสามารถในการกรองข้อมูล (scrubbing capacity) มากกว่า 5000% เพื่อรับมือกับการโจมตีระดับนี้

    รายละเอียดของการโจมตี
    เป็น DDoS แบบ UDP flood ที่มีความแรงสูงสุด 11.5 Tbps
    กินเวลาประมาณ 35 วินาทีโดยไม่มีผลกระทบต่อบริการของ Cloudflare
    ทราฟฟิกมาจากอุปกรณ์ IoT และ cloud VM ที่ถูกควบคุมโดย botnet

    ความหมายของขนาดการโจมตี
    เทียบเท่าการสตรีมภาพยนตร์ HD หลายพันเรื่องพร้อมกัน
    เป็นการทดสอบความสามารถของระบบอินเทอร์เน็ตระดับโลก
    Cloudflare เคยรับมือกับการโจมตี 7.3 Tbps ในเดือนมิถุนายน และ 5.6 Tbps ในปี 2024

    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    William Manzione จาก RETN ระบุว่า “ขนาดไม่ใช่ทุกอย่าง”
    การโจมตีที่อันตรายคือแบบ multi-vector ที่มีความซับซ้อนและต่อเนื่อง
    RETN เพิ่ม scrubbing capacity มากกว่า 5000% เพื่อรับมือกับ multi-terabit flood

    ประสิทธิภาพของระบบป้องกัน
    Cloudflare ใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจจับและบล็อกการโจมตี
    ไม่มีการหยุดชะงักของเว็บไซต์หรือ API ของลูกค้า
    แสดงถึงความสามารถในการป้องกันแบบ real-time ที่มีประสิทธิภาพสูง

    https://hackread.com/cloudflare-mitigates-largest-ddos-attack-11-5-tbps/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก 11.5 Tbps: เมื่อ DDoS ไม่ใช่แค่การโจมตี แต่คือการทดสอบโครงสร้างพื้นฐานของโลกออนไลน์ ในเดือนกันยายน 2025 Cloudflare ประกาศว่าได้ป้องกันการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial-of-Service) ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ โดยมีความแรงถึง 11.5 Tbps และกินเวลาราว 35 วินาที แม้จะสั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต “สะเทือน” หากไม่มีระบบป้องกันที่แข็งแกร่ง การโจมตีครั้งนี้มาในรูปแบบ UDP flood ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลแบบไร้การเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ที่ถูกแฮ็ก เช่น IoT และ cloud VM จากหลายผู้ให้บริการ โดยในช่วงแรกมีการระบุว่า Google Cloud เป็นแหล่งหลักของทราฟฟิก แต่ภายหลังพบว่าเป็นการรวมกันจากหลายแหล่งที่ถูกควบคุมโดย botnet เพื่อให้เห็นภาพ—11.5 Tbps เทียบเท่ากับการสตรีมภาพยนตร์ HD หลายพันเรื่องพร้อมกัน หรือการดาวน์โหลดข้อมูลหลายสิบเทราไบต์ในเวลาไม่ถึงนาที แม้จะเป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุด แต่ Cloudflare ระบุว่า “ขนาด” ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด การโจมตีที่อันตรายจริงคือแบบ multi-vector ที่มีความซับซ้อนและต่อเนื่อง ซึ่งสามารถทำให้ API ล่ม, เว็บไซต์ไม่ตอบสนอง หรือธุรกิจหยุดชะงักได้ RETN ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกเสริมว่า สิ่งที่วัดผลได้จริงคือ “ระบบยังออนไลน์อยู่หรือไม่” และพวกเขาได้เพิ่มความสามารถในการกรองข้อมูล (scrubbing capacity) มากกว่า 5000% เพื่อรับมือกับการโจมตีระดับนี้ ✅ รายละเอียดของการโจมตี ➡️ เป็น DDoS แบบ UDP flood ที่มีความแรงสูงสุด 11.5 Tbps ➡️ กินเวลาประมาณ 35 วินาทีโดยไม่มีผลกระทบต่อบริการของ Cloudflare ➡️ ทราฟฟิกมาจากอุปกรณ์ IoT และ cloud VM ที่ถูกควบคุมโดย botnet ✅ ความหมายของขนาดการโจมตี ➡️ เทียบเท่าการสตรีมภาพยนตร์ HD หลายพันเรื่องพร้อมกัน ➡️ เป็นการทดสอบความสามารถของระบบอินเทอร์เน็ตระดับโลก ➡️ Cloudflare เคยรับมือกับการโจมตี 7.3 Tbps ในเดือนมิถุนายน และ 5.6 Tbps ในปี 2024 ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ William Manzione จาก RETN ระบุว่า “ขนาดไม่ใช่ทุกอย่าง” ➡️ การโจมตีที่อันตรายคือแบบ multi-vector ที่มีความซับซ้อนและต่อเนื่อง ➡️ RETN เพิ่ม scrubbing capacity มากกว่า 5000% เพื่อรับมือกับ multi-terabit flood ✅ ประสิทธิภาพของระบบป้องกัน ➡️ Cloudflare ใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจจับและบล็อกการโจมตี ➡️ ไม่มีการหยุดชะงักของเว็บไซต์หรือ API ของลูกค้า ➡️ แสดงถึงความสามารถในการป้องกันแบบ real-time ที่มีประสิทธิภาพสูง https://hackread.com/cloudflare-mitigates-largest-ddos-attack-11-5-tbps/
    HACKREAD.COM
    Cloudflare Mitigates Largest Ever Recorded DDoS Attack at 11.5 Tbps
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศบ.ทก.เห็นชอบจังหวัดสระแก้วเตรียมดำเนินคดีชาวกัมพูชา ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ฐานบุกรุกพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว เตรียม สมช.อนุมัติต่อไป เผยคณะ IOT ลงพื้นที่ตราดวานนี้ดูหลักเขต 73 เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศูนย์ราชการุณเขาล้าน ไม่ตัดสินใครผิดผูก แต่จะเสนอรายงานต่อ ผบ.ทสส.- รมว.กห. 2 ประเทศ เตรียมประชุม GBC ที่เกาะกง 7-10 ก.ย.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084250

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศบ.ทก.เห็นชอบจังหวัดสระแก้วเตรียมดำเนินคดีชาวกัมพูชา ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ฐานบุกรุกพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว เตรียม สมช.อนุมัติต่อไป เผยคณะ IOT ลงพื้นที่ตราดวานนี้ดูหลักเขต 73 เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศูนย์ราชการุณเขาล้าน ไม่ตัดสินใครผิดผูก แต่จะเสนอรายงานต่อ ผบ.ทสส.- รมว.กห. 2 ประเทศ เตรียมประชุม GBC ที่เกาะกง 7-10 ก.ย.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084250 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก ConcreteSC: เมื่อการสื่อสารไร้สายเรียนรู้ที่จะ “เข้าใจ” มากกว่าแค่ “ส่ง”

    ในอดีต การส่งข้อมูลไร้สายคือการพยายามถ่ายทอดทุกบิตให้ตรงที่สุด—ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือข้อความ ทุกพิกเซลต้องถูกส่งอย่างแม่นยำ แต่ในยุคที่ AI และอุปกรณ์ IoT กำลังครองโลก แนวคิดนี้เริ่มล้าสมัย เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ข้อมูลดิบ” แต่คือ “ความหมายที่เข้าใจได้”

    ทีมวิจัยจาก Seoul National University of Science and Technology นำโดย Dr. Dong Jin Ji ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า ConcreteSC ซึ่งเป็น framework สำหรับ “semantic communication” ที่ไม่ส่งข้อมูลแบบเดิม แต่ส่ง “สิ่งที่ข้อมูลนั้นหมายถึง” โดยตรง

    ConcreteSC ไม่ใช้ codebook ขนาดใหญ่แบบ vector quantization (VQ) ซึ่งมักมีปัญหาเรื่อง noise และความซับซ้อนในการฝึกโมเดล แต่ใช้ distribution แบบ “concrete” ที่สามารถแปลงข้อมูลต่อเนื่องให้เป็นบิตได้โดยตรง และรองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวน

    เมื่อทดสอบกับชุดข้อมูล ImageNet ภายใต้เงื่อนไข Rayleigh และ Rician fading ซึ่งจำลองสภาพแวดล้อมไร้สายจริง ConcreteSC ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน structural similarity และ peak signal-to-noise ratio พร้อมลดความซับซ้อนของระบบลงอย่างมาก

    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้สาย, หรือในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ที่ต้องการความแม่นยำแต่ไม่สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากได้

    แนวคิดหลักของ ConcreteSC
    เป็น framework สำหรับ semantic communication ที่เน้นการส่ง “ความหมาย” มากกว่าข้อมูลดิบ
    ใช้ concrete distribution แทน codebook ขนาดใหญ่แบบ VQ
    รองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มี noise

    ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ
    ทดสอบกับ ImageNet ภายใต้ Rayleigh และ Rician fading
    ให้ผลลัพธ์ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน SSIM และ PSNR
    ลดความซับซ้อน เพราะ scaling ตาม bit length ไม่ใช่ขนาด codebook

    การนำไปใช้ในอุตสาหกรรม
    เหมาะกับ smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมาก
    ใช้ในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุ
    รองรับการทำงานของ AI บนอุปกรณ์ขนาดเล็กโดยไม่ต้องใช้ bandwidth สูง

    ความก้าวหน้าทางเทคนิค
    สามารถฝึกโมเดลแบบ multi-feedback-length ด้วย masking scheme ที่เรียบง่าย
    เป็น framework ที่ fully differentiable และสามารถ integrate กับระบบอื่นได้ง่าย
    เปิดทางให้ใช้ semantic communication เป็นแกนหลักของ 6G

    https://www.techradar.com/pro/korean-researchers-develop-new-technology-that-could-boost-processing-unit-by-being-more-human-semantic-communication-focuses-on-the-bigger-picture-literally
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ConcreteSC: เมื่อการสื่อสารไร้สายเรียนรู้ที่จะ “เข้าใจ” มากกว่าแค่ “ส่ง” ในอดีต การส่งข้อมูลไร้สายคือการพยายามถ่ายทอดทุกบิตให้ตรงที่สุด—ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือข้อความ ทุกพิกเซลต้องถูกส่งอย่างแม่นยำ แต่ในยุคที่ AI และอุปกรณ์ IoT กำลังครองโลก แนวคิดนี้เริ่มล้าสมัย เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ข้อมูลดิบ” แต่คือ “ความหมายที่เข้าใจได้” ทีมวิจัยจาก Seoul National University of Science and Technology นำโดย Dr. Dong Jin Ji ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า ConcreteSC ซึ่งเป็น framework สำหรับ “semantic communication” ที่ไม่ส่งข้อมูลแบบเดิม แต่ส่ง “สิ่งที่ข้อมูลนั้นหมายถึง” โดยตรง ConcreteSC ไม่ใช้ codebook ขนาดใหญ่แบบ vector quantization (VQ) ซึ่งมักมีปัญหาเรื่อง noise และความซับซ้อนในการฝึกโมเดล แต่ใช้ distribution แบบ “concrete” ที่สามารถแปลงข้อมูลต่อเนื่องให้เป็นบิตได้โดยตรง และรองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวน เมื่อทดสอบกับชุดข้อมูล ImageNet ภายใต้เงื่อนไข Rayleigh และ Rician fading ซึ่งจำลองสภาพแวดล้อมไร้สายจริง ConcreteSC ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน structural similarity และ peak signal-to-noise ratio พร้อมลดความซับซ้อนของระบบลงอย่างมาก เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้สาย, หรือในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุและเด็กเล็ก ที่ต้องการความแม่นยำแต่ไม่สามารถส่งข้อมูลจำนวนมากได้ ✅ แนวคิดหลักของ ConcreteSC ➡️ เป็น framework สำหรับ semantic communication ที่เน้นการส่ง “ความหมาย” มากกว่าข้อมูลดิบ ➡️ ใช้ concrete distribution แทน codebook ขนาดใหญ่แบบ VQ ➡️ รองรับการฝึกแบบ end-to-end แม้ในสภาพแวดล้อมที่มี noise ✅ ผลการทดสอบและประสิทธิภาพ ➡️ ทดสอบกับ ImageNet ภายใต้ Rayleigh และ Rician fading ➡️ ให้ผลลัพธ์ดีกว่า VQ ทั้งในด้าน SSIM และ PSNR ➡️ ลดความซับซ้อน เพราะ scaling ตาม bit length ไม่ใช่ขนาด codebook ✅ การนำไปใช้ในอุตสาหกรรม ➡️ เหมาะกับ smart factory ที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมาก ➡️ ใช้ในอุปกรณ์ดูแลสุขภาพที่ใช้พลังงานต่ำ เช่นเซนเซอร์สำหรับผู้สูงอายุ ➡️ รองรับการทำงานของ AI บนอุปกรณ์ขนาดเล็กโดยไม่ต้องใช้ bandwidth สูง ✅ ความก้าวหน้าทางเทคนิค ➡️ สามารถฝึกโมเดลแบบ multi-feedback-length ด้วย masking scheme ที่เรียบง่าย ➡️ เป็น framework ที่ fully differentiable และสามารถ integrate กับระบบอื่นได้ง่าย ➡️ เปิดทางให้ใช้ semantic communication เป็นแกนหลักของ 6G https://www.techradar.com/pro/korean-researchers-develop-new-technology-that-could-boost-processing-unit-by-being-more-human-semantic-communication-focuses-on-the-bigger-picture-literally
    WWW.TECHRADAR.COM
    ConcreteSC is a new idea from South Korean scientists that could make 6G networks work better
    ConcreteSC tech could deliver 39x speed boost for next-gen wireless networks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Zero Trust: เมื่อแนวคิด “ไม่เชื่อใครเลย” กลายเป็นสิ่งที่องค์กรยังไม่พร้อมจะเชื่อ

    ในรายงานล่าสุดจาก Accenture ที่สำรวจ CISO และ CIO จากองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก พบว่า 88% ของผู้บริหารด้านความปลอดภัยพบว่าการนำ Zero Trust มาใช้จริงนั้น “ยากมาก” และอีก 80% ยังไม่สามารถปกป้องระบบ cyber-physical ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Zero Trust ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรจาก “เชื่อภายใน perimeter” ไปสู่ “ไม่เชื่อใครเลยแม้แต่ในระบบของตัวเอง” ซึ่งขัดกับวิธีคิดที่องค์กรใช้มานานหลายสิบปี

    Prashant Deo จาก Tata Consultancy Services อธิบายว่า Zero Trust คือการเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่การติดตั้งระบบแบบ tactical และต้องใช้การวางแผนแบบ phased และ use-case centric ที่ใช้เวลานานถึง 10–12 ปีในการสร้าง foundation ที่แท้จริง

    ปัญหาหลักคือ Zero Trust ไม่มีนิยามที่ชัดเจน—บางคนคิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ บางคนคิดว่าเป็น buzzword และบางคนคิดว่าเป็นแค่แนวทางการออกแบบระบบ ทำให้เกิดความสับสนทั้งในระดับผู้บริหารและทีมเทคนิค

    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ทำให้ Zero Trust ถูกละเลย เช่น ไม่มี incentive ที่ชัดเจน, ไม่สามารถวัด ROI ได้ทันที, และ compensation ของ CISO ไม่ผูกกับเป้าหมายด้าน Zero Trust โดยตรง

    สถิติจากรายงาน Accenture
    88% ของ CISO พบว่าการนำ Zero Trust มาใช้เป็นเรื่องยาก
    80% ยังไม่สามารถปกป้องระบบ cyber-physical ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    Zero Trust ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์มากกว่าการติดตั้งระบบ

    ความซับซ้อนของ Zero Trust
    ไม่มีนิยามที่ชัดเจน—บางคนมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ บางคนมองว่าเป็นแนวคิด
    ต้องปรับ mindset จาก “เชื่อภายในระบบ” ไปสู่ “ไม่เชื่อใครเลย”
    ต้องใช้การวางแผนแบบ phased และ use-case centric

    ปัจจัยที่ทำให้การนำ Zero Trust ล่าช้า
    ไม่มี incentive ที่ชัดเจนสำหรับผู้บริหาร
    ROI ไม่สามารถวัดได้ทันที ทำให้ไม่ถูก prioritize
    Compensation ของ CISO ไม่ผูกกับเป้าหมายด้าน Zero Trust

    ความแตกต่างของแต่ละองค์กร
    Compliance, geography, vertical, partner ecosystem ต่างกันมาก
    ทำให้ไม่สามารถใช้ template เดียวกันได้ในการ implement
    ต้องปรับตาม on-prem, cloud, IoT, legacy และ remote site

    https://www.csoonline.com/article/4048002/88-of-cisos-struggle-to-implement-zero-trust.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Zero Trust: เมื่อแนวคิด “ไม่เชื่อใครเลย” กลายเป็นสิ่งที่องค์กรยังไม่พร้อมจะเชื่อ ในรายงานล่าสุดจาก Accenture ที่สำรวจ CISO และ CIO จากองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก พบว่า 88% ของผู้บริหารด้านความปลอดภัยพบว่าการนำ Zero Trust มาใช้จริงนั้น “ยากมาก” และอีก 80% ยังไม่สามารถปกป้องระบบ cyber-physical ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Zero Trust ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรจาก “เชื่อภายใน perimeter” ไปสู่ “ไม่เชื่อใครเลยแม้แต่ในระบบของตัวเอง” ซึ่งขัดกับวิธีคิดที่องค์กรใช้มานานหลายสิบปี Prashant Deo จาก Tata Consultancy Services อธิบายว่า Zero Trust คือการเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่การติดตั้งระบบแบบ tactical และต้องใช้การวางแผนแบบ phased และ use-case centric ที่ใช้เวลานานถึง 10–12 ปีในการสร้าง foundation ที่แท้จริง ปัญหาหลักคือ Zero Trust ไม่มีนิยามที่ชัดเจน—บางคนคิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ บางคนคิดว่าเป็น buzzword และบางคนคิดว่าเป็นแค่แนวทางการออกแบบระบบ ทำให้เกิดความสับสนทั้งในระดับผู้บริหารและทีมเทคนิค นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ทำให้ Zero Trust ถูกละเลย เช่น ไม่มี incentive ที่ชัดเจน, ไม่สามารถวัด ROI ได้ทันที, และ compensation ของ CISO ไม่ผูกกับเป้าหมายด้าน Zero Trust โดยตรง ✅ สถิติจากรายงาน Accenture ➡️ 88% ของ CISO พบว่าการนำ Zero Trust มาใช้เป็นเรื่องยาก ➡️ 80% ยังไม่สามารถปกป้องระบบ cyber-physical ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ Zero Trust ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์มากกว่าการติดตั้งระบบ ✅ ความซับซ้อนของ Zero Trust ➡️ ไม่มีนิยามที่ชัดเจน—บางคนมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ บางคนมองว่าเป็นแนวคิด ➡️ ต้องปรับ mindset จาก “เชื่อภายในระบบ” ไปสู่ “ไม่เชื่อใครเลย” ➡️ ต้องใช้การวางแผนแบบ phased และ use-case centric ✅ ปัจจัยที่ทำให้การนำ Zero Trust ล่าช้า ➡️ ไม่มี incentive ที่ชัดเจนสำหรับผู้บริหาร ➡️ ROI ไม่สามารถวัดได้ทันที ทำให้ไม่ถูก prioritize ➡️ Compensation ของ CISO ไม่ผูกกับเป้าหมายด้าน Zero Trust ✅ ความแตกต่างของแต่ละองค์กร ➡️ Compliance, geography, vertical, partner ecosystem ต่างกันมาก ➡️ ทำให้ไม่สามารถใช้ template เดียวกันได้ในการ implement ➡️ ต้องปรับตาม on-prem, cloud, IoT, legacy และ remote site https://www.csoonline.com/article/4048002/88-of-cisos-struggle-to-implement-zero-trust.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    88% of CISOs struggle to implement zero trust
    Vaguely defined, minimally incentivized, and often unending, the zero trust journey is notably challenging and complex. Says one authentication manager: ‘I want to meet the 12% who have not found it a struggle.’
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Nanjing: เมื่อ TSMC ต้องขออนุญาตทุกครั้งเพื่อส่งเครื่องมือไปยังโรงงานของตัวเอง

    ในช่วงปลายปี 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกสิทธิ์ Validated End User (VEU) ของ TSMC สำหรับโรงงาน Fab 16 ที่เมืองหนานจิง ประเทศจีน ซึ่งเดิมทีอนุญาตให้ TSMC สามารถนำเข้าเครื่องมือผลิตชิปจากบริษัทอเมริกัน เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตรายครั้ง

    เมื่อ VEU ถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2025 เป็นต้นไป ทุกการส่งออกเครื่องมือ, อะไหล่, หรือสารเคมีไปยัง Fab 16 จะต้องผ่านการตรวจสอบแบบรายรายการจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมี “แนวโน้มปฏิเสธ” เป็นค่าเริ่มต้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการดำเนินงานของโรงงานนี้

    แม้ TSMC จะยืนยันว่าจะพยายามดำเนินงานต่อไปโดยไม่สะดุด แต่การเปลี่ยนแปลงนี้อาจบีบให้บริษัทต้องหันไปใช้เครื่องมือจากผู้ผลิตจีน เช่น AMEC, Naura, Kingsemi หรือ Piotech ซึ่งแม้จะมีความก้าวหน้าในบางด้าน แต่ยังไม่สามารถทดแทนเครื่องมือระดับ 16nm ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของ lithography ที่ยังไม่มีผู้ผลิตจีนรายใดสามารถทำได้ในระดับที่ TSMC ต้องการ

    ผลกระทบต่อ TSMC อาจไม่รุนแรงเท่ากับ Samsung หรือ SK hynix ที่มี footprint ในจีนมากกว่า แต่การลดกำลังผลิตของ Fab 16 จะส่งผลดีต่อผู้ผลิตจีนอย่าง SMIC และ HuaHong ที่อาจได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และช่วยผลักดันนโยบาย self-sufficiency ของรัฐบาลจีนให้เดินหน้าเร็วขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-govt-revokes-tsmcs-authorization-to-ship-tools-to-its-fabs-in-china-special-export-license-to-be-pulled-by-end-of-2025
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Nanjing: เมื่อ TSMC ต้องขออนุญาตทุกครั้งเพื่อส่งเครื่องมือไปยังโรงงานของตัวเอง ในช่วงปลายปี 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกสิทธิ์ Validated End User (VEU) ของ TSMC สำหรับโรงงาน Fab 16 ที่เมืองหนานจิง ประเทศจีน ซึ่งเดิมทีอนุญาตให้ TSMC สามารถนำเข้าเครื่องมือผลิตชิปจากบริษัทอเมริกัน เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตรายครั้ง เมื่อ VEU ถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2025 เป็นต้นไป ทุกการส่งออกเครื่องมือ, อะไหล่, หรือสารเคมีไปยัง Fab 16 จะต้องผ่านการตรวจสอบแบบรายรายการจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมี “แนวโน้มปฏิเสธ” เป็นค่าเริ่มต้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการดำเนินงานของโรงงานนี้ แม้ TSMC จะยืนยันว่าจะพยายามดำเนินงานต่อไปโดยไม่สะดุด แต่การเปลี่ยนแปลงนี้อาจบีบให้บริษัทต้องหันไปใช้เครื่องมือจากผู้ผลิตจีน เช่น AMEC, Naura, Kingsemi หรือ Piotech ซึ่งแม้จะมีความก้าวหน้าในบางด้าน แต่ยังไม่สามารถทดแทนเครื่องมือระดับ 16nm ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของ lithography ที่ยังไม่มีผู้ผลิตจีนรายใดสามารถทำได้ในระดับที่ TSMC ต้องการ ผลกระทบต่อ TSMC อาจไม่รุนแรงเท่ากับ Samsung หรือ SK hynix ที่มี footprint ในจีนมากกว่า แต่การลดกำลังผลิตของ Fab 16 จะส่งผลดีต่อผู้ผลิตจีนอย่าง SMIC และ HuaHong ที่อาจได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และช่วยผลักดันนโยบาย self-sufficiency ของรัฐบาลจีนให้เดินหน้าเร็วขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-govt-revokes-tsmcs-authorization-to-ship-tools-to-its-fabs-in-china-special-export-license-to-be-pulled-by-end-of-2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะ IOT ให้ความสนใจพิพิธภัณฑ์ศูนย์ราชการุณย์ จุดอพยพชาวกัมพูชาใน จ.ตราด ที่ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ 9 ชื่นชมสถานการณ์ชายแดนจันทบุรี-ตราดสงบเรียบร้อย หน่วยงานพื้นที่บริหารจัดการดี อนาคตอาจนำสู่การเปิดด่านฯในจุดที่มีความสงบได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084033

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    คณะ IOT ให้ความสนใจพิพิธภัณฑ์ศูนย์ราชการุณย์ จุดอพยพชาวกัมพูชาใน จ.ตราด ที่ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ 9 ชื่นชมสถานการณ์ชายแดนจันทบุรี-ตราดสงบเรียบร้อย หน่วยงานพื้นที่บริหารจัดการดี อนาคตอาจนำสู่การเปิดด่านฯในจุดที่มีความสงบได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084033 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • แต่...
    .
    ติดต่อ "ลุงคนนั้น" ไปสินะ...
    .
    ติ่งลุงจ๊า จะว่ายังไงหล่ะเนี่ย...???
    .

    .
    ชัดไม่รู้จะชัดยังไง....
    .
    Elliott Wave เนี่ยถ้า เลเบลผิด ก็สามารถปรับแก้ได้
    .
    Elliott Wave เนี่ยถ้า มีข้อเท็จจริงใหม่เกิดขึ้น ทรงคลื่นใหม่ที่เกิดขึ้นชัดเจนจนเห็นรูปแบบ ก็สามารถ ก็สามารถปรับแก้ เลเบล ใหม่ได้...
    .
    แต่ไม่รู้ว่า บรรดา "ติ่งนักการเมือง" จะสามารถปรับความรับรู้ ตามข้อเท็จจริง ตามสถานการณ์ ได้รึเปล่านะ....???
    แต่... . ติดต่อ "ลุงคนนั้น" ไปสินะ... . ติ่งลุงจ๊า จะว่ายังไงหล่ะเนี่ย...??? . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣 . ชัดไม่รู้จะชัดยังไง.... . Elliott Wave เนี่ยถ้า เลเบลผิด ก็สามารถปรับแก้ได้ . Elliott Wave เนี่ยถ้า มีข้อเท็จจริงใหม่เกิดขึ้น ทรงคลื่นใหม่ที่เกิดขึ้นชัดเจนจนเห็นรูปแบบ ก็สามารถ ก็สามารถปรับแก้ เลเบล ใหม่ได้... . แต่ไม่รู้ว่า บรรดา "ติ่งนักการเมือง" จะสามารถปรับความรับรู้ ตามข้อเท็จจริง ตามสถานการณ์ ได้รึเปล่านะ....???
    แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เผยตั้งแต่แพทองธารหลุดเก้าอี้ ไม่มีใครติดต่อมาหาให้เตรียมตัวเลย แต่ไม่ว่าอะไร ใช้ให้ทำถ้าทำได้ก็ยินดีทำ แต่แย้มอาจมีอัศวินม้าขาวจากพรรคอื่นก็ได้ เตือนพรรคเพื่อไทยตกลงอะไรต้องบอกก่อน รับปากซี้ซั้วไม่ได้ มีผลเสียหาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083842

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19 Rare And Obscure Color Words Unlike Any Others

    Do you know all of your colors? No, we aren’t just talking about red and green. We mean color words like quercitron, puce, and dragon’s blood. There are so many unique and fascinating words that describe shades of color in our language. If you stop at the basics, you might just miss out on some of the most vivid and historically interesting shades that exist. Luckily, we’re here to prevent that. To celebrate all of the colors of the rainbow, and then some, we’ve put together a list of rare color words that are unlike any other. Keep reading for 19 obscure color words you may not have heard before.

    1. dragon’s blood
    This shade of red has a great name, but we’re sorry to disappoint you: it doesn’t actually come from dragons. Dragon’s blood is also sometimes called Pompeian red, and it’s a “dull, grayish red.” The color is associated with the deep-red resin that exudes from the fruit of palms, like the Malaysian palm and the dragon tree. It was first recorded in English in the 1590s.

    2. quercitron
    Quercitron might sound like a new type of robot technology, but it’s actually a shade of yellow. It’s named for the yellow dye produced by the bark of an oak tree that’s native to eastern North America. The word is a combination of the Latin quercus, or “oak,” and citron, “a grayish-green yellow color.”

    3. ultramarine
    If you’re imagining ultramarine as “a deep-blue color,” you are correct. In Medieval Latin, from which this word derives, ultramarinus literally means “beyond the sea.” This is because, historically, pigment from the mineral lapis lazuli was needed to make ultramarine dye, and this mineral had to be imported to Europe from Asia. Ultramarine has been in use in English since the late 1500s.

    4. annatto
    Annatto is a yellowish-red color, named for the dye that can be obtained from the pulp enclosing the seeds of the tree of the same name. This tree is also sometimes called the lipstick tree, and its dye is still used today to color cosmetics, butter, and cheese. The word annatto was borrowed into English from Carib.

    5. Tyrian purple
    Looking for “a vivid, purplish red”? Tyrian purple is your color. Tyrian purple was highly prized during the Byzantine empire, in part because of how difficult it was to obtain. The base to create this shade of purple had to be obtained from the secretions of a predatory sea snail. The term Tyrian purple has been in use in English since the late 1500s.

    6. Mazarine
    Mazarine is “a deep, rich blue,” most commonly associated with textiles and ceramics. The word first entered English between 1665 to 1675, but its origins aren’t fully known. The name may be an homage to a famous Italian cardinal, Cardinal Mazarin, who was culturally influential.

    7. cerulean
    Speaking of shades of blue, what about cerulean? Cerulean is best described as “deep blue; sky blue; azure.” In fact, it comes from the Latin caeruleus, meaning “dark blue.” The word has been in use in English since the mid-1600s, though the artist’s cerulean blue emerged closer to the late 1800s.

    8. greige
    What do you call “a warm beige color with gray undertones”? Greige, of course. This may sound like a trendy compound word that was invented by HGTV in the 2000s, but the color greige has actually been around for a while. Its name was first recorded in English as early as 1925, and it actually comes from the French grège, meaning “raw,” which was used to describe silk.

    9. citreous
    If the word citreous gives you visions of lemons and limes, you’re on the right track. This color is “lemon-yellow” or “greenish-yellow.” As you may have guessed, it is closely associated with citrus. In Latin, citreus means “of the citrus tree.” We’ve been using this term in English since at least 1865.

    10. ponceau
    You might see ponceau during a sunset. It means “a vivid reddish-orange color.” It may also make you think of poppies, as it likely derives from the Old French pouncel, or “poppy.” It was first recorded in English as early as 1825.

    11. sepia
    If you’ve ever used an Instagram filter, you’re probably familiar with sepia. This “brown, grayish brown, or olive brown” is often used in photography to give photos an old-fashioned vibe. The Latin sēpia, from which this word originates, means “cuttlefish” (and this is the creature that secretes the pigment used to create sepia).

    12. gamboge
    Gamboge is a “yellow or yellow-orange” color. It’s named for the yellow color of gum resin that comes from a type of tree native to Cambodia. Gamboge comes from Modern Latin cambogium, which is the Latin version of the place name Cambodia. This distinctive color name first appeared in English in the early 1600s.

    13. lovat
    Lovat doesn’t just describe one color. It means “a grayish blend of colors, especially of green, used in textiles, as for plaids.” First recorded between 1905 and 1910, lovat is likely named after Thomas Alexander Fraser, also known as Lord Lovat, who helped popularize tweeds in muted colors as attire for hunters.

    14. smaragdine
    If something is “emerald-green in color,” you can call it smaragdine. While this term is more rare, smaragd actually means “emerald” in Middle English. It’s likely that English speakers borrowed the term from the Greek smarágdinos, which was probably itself borrowed from Sanskrit marakata. The term has a long history and was first recorded in English as early as 1350.

    15. puce
    In French, puce means “flea” or “flea-colored.” In English, it’s most often used to describe “a dark or brownish purple.” Historically, it may also have been associated with the color of the scab or mark that a flea bite leaves behind. In any case, this creepy, crawly color word has existed in English since the 1780s.

    16. Viridian
    Let’s talk about green things, like Kermit the Frog, grass, or viridian. Viridian is the color of “a long-lasting bluish-green pigment.” Its name comes from the Latin viridi or viridis, which literally means “green.” Viridian entered English in the 1800s.

    17. heliotrope
    Heliotrope may sound like a chemical compound, but it’s actually a color that comes from a plant. It means “a light tint of purple; reddish lavender,” as found on the flowers of several plants belonging to the genus Heliotropium. These plants turn their leaves to the sun, hence their name, which can be traced to the Greek god Helios, or “sun.”

    18. sable
    Sable is another word for the color black. Typically it describes something “very dark or black,” that resembles the fur of an actual sable, an Old World weasel-like mammal. Sable entered English in the late 1200s or early 1300s.

    19. wheaten
    What color is wheaten? It might not surprise you to find out that this color word is pretty literal. It means “of the color of wheat, especially a pale yellow-brown color.” It’s also among the oldest words on our list, appearing in English before the year 900.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    19 Rare And Obscure Color Words Unlike Any Others Do you know all of your colors? No, we aren’t just talking about red and green. We mean color words like quercitron, puce, and dragon’s blood. There are so many unique and fascinating words that describe shades of color in our language. If you stop at the basics, you might just miss out on some of the most vivid and historically interesting shades that exist. Luckily, we’re here to prevent that. To celebrate all of the colors of the rainbow, and then some, we’ve put together a list of rare color words that are unlike any other. Keep reading for 19 obscure color words you may not have heard before. 1. dragon’s blood This shade of red has a great name, but we’re sorry to disappoint you: it doesn’t actually come from dragons. Dragon’s blood is also sometimes called Pompeian red, and it’s a “dull, grayish red.” The color is associated with the deep-red resin that exudes from the fruit of palms, like the Malaysian palm and the dragon tree. It was first recorded in English in the 1590s. 2. quercitron Quercitron might sound like a new type of robot technology, but it’s actually a shade of yellow. It’s named for the yellow dye produced by the bark of an oak tree that’s native to eastern North America. The word is a combination of the Latin quercus, or “oak,” and citron, “a grayish-green yellow color.” 3. ultramarine If you’re imagining ultramarine as “a deep-blue color,” you are correct. In Medieval Latin, from which this word derives, ultramarinus literally means “beyond the sea.” This is because, historically, pigment from the mineral lapis lazuli was needed to make ultramarine dye, and this mineral had to be imported to Europe from Asia. Ultramarine has been in use in English since the late 1500s. 4. annatto Annatto is a yellowish-red color, named for the dye that can be obtained from the pulp enclosing the seeds of the tree of the same name. This tree is also sometimes called the lipstick tree, and its dye is still used today to color cosmetics, butter, and cheese. The word annatto was borrowed into English from Carib. 5. Tyrian purple Looking for “a vivid, purplish red”? Tyrian purple is your color. Tyrian purple was highly prized during the Byzantine empire, in part because of how difficult it was to obtain. The base to create this shade of purple had to be obtained from the secretions of a predatory sea snail. The term Tyrian purple has been in use in English since the late 1500s. 6. Mazarine Mazarine is “a deep, rich blue,” most commonly associated with textiles and ceramics. The word first entered English between 1665 to 1675, but its origins aren’t fully known. The name may be an homage to a famous Italian cardinal, Cardinal Mazarin, who was culturally influential. 7. cerulean Speaking of shades of blue, what about cerulean? Cerulean is best described as “deep blue; sky blue; azure.” In fact, it comes from the Latin caeruleus, meaning “dark blue.” The word has been in use in English since the mid-1600s, though the artist’s cerulean blue emerged closer to the late 1800s. 8. greige What do you call “a warm beige color with gray undertones”? Greige, of course. This may sound like a trendy compound word that was invented by HGTV in the 2000s, but the color greige has actually been around for a while. Its name was first recorded in English as early as 1925, and it actually comes from the French grège, meaning “raw,” which was used to describe silk. 9. citreous If the word citreous gives you visions of lemons and limes, you’re on the right track. This color is “lemon-yellow” or “greenish-yellow.” As you may have guessed, it is closely associated with citrus. In Latin, citreus means “of the citrus tree.” We’ve been using this term in English since at least 1865. 10. ponceau You might see ponceau during a sunset. It means “a vivid reddish-orange color.” It may also make you think of poppies, as it likely derives from the Old French pouncel, or “poppy.” It was first recorded in English as early as 1825. 11. sepia If you’ve ever used an Instagram filter, you’re probably familiar with sepia. This “brown, grayish brown, or olive brown” is often used in photography to give photos an old-fashioned vibe. The Latin sēpia, from which this word originates, means “cuttlefish” (and this is the creature that secretes the pigment used to create sepia). 12. gamboge Gamboge is a “yellow or yellow-orange” color. It’s named for the yellow color of gum resin that comes from a type of tree native to Cambodia. Gamboge comes from Modern Latin cambogium, which is the Latin version of the place name Cambodia. This distinctive color name first appeared in English in the early 1600s. 13. lovat Lovat doesn’t just describe one color. It means “a grayish blend of colors, especially of green, used in textiles, as for plaids.” First recorded between 1905 and 1910, lovat is likely named after Thomas Alexander Fraser, also known as Lord Lovat, who helped popularize tweeds in muted colors as attire for hunters. 14. smaragdine If something is “emerald-green in color,” you can call it smaragdine. While this term is more rare, smaragd actually means “emerald” in Middle English. It’s likely that English speakers borrowed the term from the Greek smarágdinos, which was probably itself borrowed from Sanskrit marakata. The term has a long history and was first recorded in English as early as 1350. 15. puce In French, puce means “flea” or “flea-colored.” In English, it’s most often used to describe “a dark or brownish purple.” Historically, it may also have been associated with the color of the scab or mark that a flea bite leaves behind. In any case, this creepy, crawly color word has existed in English since the 1780s. 16. Viridian Let’s talk about green things, like Kermit the Frog, grass, or viridian. Viridian is the color of “a long-lasting bluish-green pigment.” Its name comes from the Latin viridi or viridis, which literally means “green.” Viridian entered English in the 1800s. 17. heliotrope Heliotrope may sound like a chemical compound, but it’s actually a color that comes from a plant. It means “a light tint of purple; reddish lavender,” as found on the flowers of several plants belonging to the genus Heliotropium. These plants turn their leaves to the sun, hence their name, which can be traced to the Greek god Helios, or “sun.” 18. sable Sable is another word for the color black. Typically it describes something “very dark or black,” that resembles the fur of an actual sable, an Old World weasel-like mammal. Sable entered English in the late 1200s or early 1300s. 19. wheaten What color is wheaten? It might not surprise you to find out that this color word is pretty literal. It means “of the color of wheat, especially a pale yellow-brown color.” It’s also among the oldest words on our list, appearing in English before the year 900. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำมันไทยลดกี่โมง
    ..หากทหารยึดอำนาจ สิ่งแรกที่อยากให้ทำคือยึดสัมปทานน้ำมันทั้งหมดกลับคืนสู่แผ่นดินไทย,โมฆะสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดทันทีให้เป็นอธิปไตยไทยจริงทั้งหมด,เราถูกต่างชาติปล้นไปนานเกินพอแล้ว,กอบโกบผลประโยชน์จากประชาชนคนไทยพอแล้ว,คนไทยยากจนนานพอแล้ว,ก่อนไปพลังงานทางเลือกใหม่ที่เสถียร บ่อน้ำมันยังสำคัญอยู่แน่นอนและอีกนาน.,เพื่อเป็นวัตถุดิบพัฒนาชาติไทยเราจริงๆรอบด้าน, แค่น้ำมันขายลิตรละ1บาทนะ โลจิสต์ทั่วไทยพลิกมีกำไรเลย,ค่าครองชีพลดทันที,ต้นทุนที่เชื่อมโยงน้ำมันลดร่วมกันหมด,เครื่องจักรต่างๆในทุกๆภาคส่วนจะลดต้นทุนขนาดไหน,เราจะฟื้นฟูกำลังภายในเราทันทีด้วย.
    ..นี้คือสิ่งแรกที่ประเทศไทยเราต้องปฏิวัติทันทีด้วย.,คูเวตยึดอำนาจสำเร็จจากพวกนักการเมืองที่คตโกงชาติประชาชน.

    https://youtube.com/shorts/A1pKIB4bdtA?si=zMal2s-XIOtskFh3
    https://youtube.com/shorts/A1pKIB4bdtA?si=zMal2s-XIOtskFh3
    น้ำมันไทยลดกี่โมง ..หากทหารยึดอำนาจ สิ่งแรกที่อยากให้ทำคือยึดสัมปทานน้ำมันทั้งหมดกลับคืนสู่แผ่นดินไทย,โมฆะสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดทันทีให้เป็นอธิปไตยไทยจริงทั้งหมด,เราถูกต่างชาติปล้นไปนานเกินพอแล้ว,กอบโกบผลประโยชน์จากประชาชนคนไทยพอแล้ว,คนไทยยากจนนานพอแล้ว,ก่อนไปพลังงานทางเลือกใหม่ที่เสถียร บ่อน้ำมันยังสำคัญอยู่แน่นอนและอีกนาน.,เพื่อเป็นวัตถุดิบพัฒนาชาติไทยเราจริงๆรอบด้าน, แค่น้ำมันขายลิตรละ1บาทนะ โลจิสต์ทั่วไทยพลิกมีกำไรเลย,ค่าครองชีพลดทันที,ต้นทุนที่เชื่อมโยงน้ำมันลดร่วมกันหมด,เครื่องจักรต่างๆในทุกๆภาคส่วนจะลดต้นทุนขนาดไหน,เราจะฟื้นฟูกำลังภายในเราทันทีด้วย. ..นี้คือสิ่งแรกที่ประเทศไทยเราต้องปฏิวัติทันทีด้วย.,คูเวตยึดอำนาจสำเร็จจากพวกนักการเมืองที่คตโกงชาติประชาชน. https://youtube.com/shorts/A1pKIB4bdtA?si=zMal2s-XIOtskFh3 https://youtube.com/shorts/A1pKIB4bdtA?si=zMal2s-XIOtskFh3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก “แค่โปรเจกต์เล่นๆ” สู่ระบบปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนโลก — 34 ปีของ Linux

    ย้อนกลับไปวันที่ 25 สิงหาคม 1991 Linus Benedict Torvalds นักศึกษาวัย 21 ปีจากฟินแลนด์ โพสต์ข้อความใน newsgroup ชื่อ comp.os.minix ว่าเขากำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการฟรีสำหรับเครื่อง 386/486 AT clones โดยย้ำว่า “มันเป็นแค่โปรเจกต์เล่นๆ ไม่ใหญ่โตหรือมืออาชีพแบบ GNU”

    เขาเรียกมันว่า Freax — มาจากคำว่า Free + Freak + Unix — แต่เพื่อนร่วมงานที่ดูแล FTP server กลับเปลี่ยนชื่อเป็น “Linux” โดยไม่ได้บอกเขา และชื่อนี้ก็กลายเป็นตำนานตั้งแต่นั้น

    ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน Linux เวอร์ชัน 0.01 ถูกปล่อยออกมา มีเพียง 10,000 กว่าบรรทัดของโค้ด และรองรับเฉพาะฮาร์ดดิสก์แบบ AT เท่านั้น แต่จุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้ได้กลายเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์

    วันนี้ Linux ขับเคลื่อนทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟน Android, เซิร์ฟเวอร์เว็บ, ซูเปอร์คอมพิวเตอร์, ไปจนถึงสถานีอวกาศ ISS และแม้แต่ตู้เย็นอัจฉริยะในบ้านคุณ

    มันกลายเป็นหัวใจของอินเทอร์เน็ต, คลาวด์, AI, และ IoT โดยมีนักพัฒนากว่า 25,000 คนทั่วโลกที่ร่วมกันสร้างและปรับปรุงโค้ดกว่า 40 ล้านบรรทัดใน kernel ปัจจุบัน

    แม้จะเริ่มต้นจากความถ่อมตัว แต่ Linux ได้พิสูจน์แล้วว่าความร่วมมือแบบโอเพ่นซอร์สสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้จริง

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-is-34-years-old-today-linus-torvalds-meekly-announced-this-free-new-os-in-the-comp-os-minix-newsgroup-on-this-day-in-1991
    🎙️ จาก “แค่โปรเจกต์เล่นๆ” สู่ระบบปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนโลก — 34 ปีของ Linux ย้อนกลับไปวันที่ 25 สิงหาคม 1991 Linus Benedict Torvalds นักศึกษาวัย 21 ปีจากฟินแลนด์ โพสต์ข้อความใน newsgroup ชื่อ comp.os.minix ว่าเขากำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการฟรีสำหรับเครื่อง 386/486 AT clones โดยย้ำว่า “มันเป็นแค่โปรเจกต์เล่นๆ ไม่ใหญ่โตหรือมืออาชีพแบบ GNU” เขาเรียกมันว่า Freax — มาจากคำว่า Free + Freak + Unix — แต่เพื่อนร่วมงานที่ดูแล FTP server กลับเปลี่ยนชื่อเป็น “Linux” โดยไม่ได้บอกเขา และชื่อนี้ก็กลายเป็นตำนานตั้งแต่นั้น ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน Linux เวอร์ชัน 0.01 ถูกปล่อยออกมา มีเพียง 10,000 กว่าบรรทัดของโค้ด และรองรับเฉพาะฮาร์ดดิสก์แบบ AT เท่านั้น แต่จุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้ได้กลายเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ วันนี้ Linux ขับเคลื่อนทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟน Android, เซิร์ฟเวอร์เว็บ, ซูเปอร์คอมพิวเตอร์, ไปจนถึงสถานีอวกาศ ISS และแม้แต่ตู้เย็นอัจฉริยะในบ้านคุณ มันกลายเป็นหัวใจของอินเทอร์เน็ต, คลาวด์, AI, และ IoT โดยมีนักพัฒนากว่า 25,000 คนทั่วโลกที่ร่วมกันสร้างและปรับปรุงโค้ดกว่า 40 ล้านบรรทัดใน kernel ปัจจุบัน แม้จะเริ่มต้นจากความถ่อมตัว แต่ Linux ได้พิสูจน์แล้วว่าความร่วมมือแบบโอเพ่นซอร์สสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้จริง https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-is-34-years-old-today-linus-torvalds-meekly-announced-this-free-new-os-in-the-comp-os-minix-newsgroup-on-this-day-in-1991
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Linux is 34 years old today — Linus Torvalds meekly announced this free new OS in the comp.os.minix newsgroup on this day in 1991
    From its roots of being 'just a hobby, [which] won’t be big and professional like GNU' it has come a long way.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • UltraRAM — หน่วยความจำแห่งอนาคตที่อาจเปลี่ยนโลกดิจิทัลไปตลอดกาล

    ลองจินตนาการถึงหน่วยความจำที่เร็วเท่า DRAM แต่เก็บข้อมูลได้ยาวนานกว่าพันปี และทนทานกว่านานด์แฟลชถึง 4,000 เท่า — นั่นคือ UltraRAM ที่กำลังจะกลายเป็นจริง

    เทคโนโลยีนี้เริ่มต้นจากงานวิจัยในมหาวิทยาลัย Lancaster และพัฒนาโดยบริษัท Quinas Technology ซึ่งร่วมมือกับ IQE plc ผู้เชี่ยวชาญด้านเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสร้างกระบวนการผลิตแบบ epitaxy ด้วยวัสดุแปลกใหม่อย่าง gallium antimonide และ aluminum antimonide ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมสำหรับหน่วยความจำ

    UltraRAM ใช้หลักการ quantum resonant tunneling ในการสลับสถานะข้อมูล ซึ่งใช้พลังงานต่ำมาก (ต่ำกว่า 1 femtojoule) และสามารถสลับสถานะได้ในเวลาเพียง 100 นาโนวินาที ทำให้มันเป็นหน่วยความจำที่มีศักยภาพจะรวมข้อดีของ DRAM และ NAND ไว้ในชิ้นเดียว

    หลังจากการทดสอบต้นแบบในปี 2023 ตอนนี้ UltraRAM ได้เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมผลิตในปริมาณมาก โดยมีแผนจะร่วมมือกับโรงงานผลิตชิปและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อเข้าสู่ตลาดจริง

    หากประสบความสำเร็จ UltraRAM อาจกลายเป็น “หน่วยความจำสากล” ที่ใช้ได้ทั้งในอุปกรณ์ IoT สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องแยกหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile อีกต่อไป

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    UltraRAM เป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ที่รวมข้อดีของ DRAM และ NAND
    มีความเร็วระดับ DRAM, ความทนทานสูงกว่า NAND 4,000 เท่า และเก็บข้อมูลได้นานถึง 1,000 ปี
    ใช้พลังงานต่ำมากในการสลับสถานะข้อมูล (<1 femtojoule) และทำงานเร็ว (100 ns)
    พัฒนาโดย Quinas Technology ร่วมกับ IQE plc และมหาวิทยาลัย Lancaster
    ใช้วัสดุ gallium antimonide และ aluminum antimonide ในกระบวนการ epitaxy
    กระบวนการ epitaxy ที่พัฒนาได้ถูกยกระดับเป็นระดับอุตสาหกรรมแล้ว
    UltraRAM ได้รับรางวัลจาก WIPO และ Flash Memory Summit ในปี 2025
    มีแผนเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ร่วมกับโรงงานและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์
    เป้าหมายคือการสร้าง “หน่วยความจำสากล” สำหรับทุกอุปกรณ์ดิจิทัล
    โครงการนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษในการสร้างอธิปไตยด้านเซมิคอนดักเตอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DRAM ต้องใช้พลังงานในการรีเฟรชข้อมูลตลอดเวลา ขณะที่ UltraRAM ไม่ต้องรีเฟรช
    NAND มีข้อจำกัดด้านความเร็วและความทนทานในการเขียนข้อมูลซ้ำ
    Quantum resonant tunneling เป็นหลักการที่ใช้ใน UltraRAM ซึ่งยังไม่เคยถูกใช้ในหน่วยความจำเชิงพาณิชย์มาก่อน
    หาก UltraRAM เข้าสู่ตลาดได้สำเร็จ อาจลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกอย่างมหาศาล
    การรวมหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile จะช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบคอมพิวเตอร์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/ultraram-scaled-for-volume-production-memory-that-promises-dram-like-speeds-4-000x-the-durability-of-nand-and-data-retention-for-up-to-a-thousand-years-is-now-ready-for-manufacturing
    🎙️ UltraRAM — หน่วยความจำแห่งอนาคตที่อาจเปลี่ยนโลกดิจิทัลไปตลอดกาล ลองจินตนาการถึงหน่วยความจำที่เร็วเท่า DRAM แต่เก็บข้อมูลได้ยาวนานกว่าพันปี และทนทานกว่านานด์แฟลชถึง 4,000 เท่า — นั่นคือ UltraRAM ที่กำลังจะกลายเป็นจริง เทคโนโลยีนี้เริ่มต้นจากงานวิจัยในมหาวิทยาลัย Lancaster และพัฒนาโดยบริษัท Quinas Technology ซึ่งร่วมมือกับ IQE plc ผู้เชี่ยวชาญด้านเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อสร้างกระบวนการผลิตแบบ epitaxy ด้วยวัสดุแปลกใหม่อย่าง gallium antimonide และ aluminum antimonide ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมสำหรับหน่วยความจำ UltraRAM ใช้หลักการ quantum resonant tunneling ในการสลับสถานะข้อมูล ซึ่งใช้พลังงานต่ำมาก (ต่ำกว่า 1 femtojoule) และสามารถสลับสถานะได้ในเวลาเพียง 100 นาโนวินาที ทำให้มันเป็นหน่วยความจำที่มีศักยภาพจะรวมข้อดีของ DRAM และ NAND ไว้ในชิ้นเดียว หลังจากการทดสอบต้นแบบในปี 2023 ตอนนี้ UltraRAM ได้เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมผลิตในปริมาณมาก โดยมีแผนจะร่วมมือกับโรงงานผลิตชิปและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อเข้าสู่ตลาดจริง หากประสบความสำเร็จ UltraRAM อาจกลายเป็น “หน่วยความจำสากล” ที่ใช้ได้ทั้งในอุปกรณ์ IoT สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องแยกหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile อีกต่อไป 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ UltraRAM เป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ที่รวมข้อดีของ DRAM และ NAND ➡️ มีความเร็วระดับ DRAM, ความทนทานสูงกว่า NAND 4,000 เท่า และเก็บข้อมูลได้นานถึง 1,000 ปี ➡️ ใช้พลังงานต่ำมากในการสลับสถานะข้อมูล (<1 femtojoule) และทำงานเร็ว (100 ns) ➡️ พัฒนาโดย Quinas Technology ร่วมกับ IQE plc และมหาวิทยาลัย Lancaster ➡️ ใช้วัสดุ gallium antimonide และ aluminum antimonide ในกระบวนการ epitaxy ➡️ กระบวนการ epitaxy ที่พัฒนาได้ถูกยกระดับเป็นระดับอุตสาหกรรมแล้ว ➡️ UltraRAM ได้รับรางวัลจาก WIPO และ Flash Memory Summit ในปี 2025 ➡️ มีแผนเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ร่วมกับโรงงานและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ➡️ เป้าหมายคือการสร้าง “หน่วยความจำสากล” สำหรับทุกอุปกรณ์ดิจิทัล ➡️ โครงการนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษในการสร้างอธิปไตยด้านเซมิคอนดักเตอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DRAM ต้องใช้พลังงานในการรีเฟรชข้อมูลตลอดเวลา ขณะที่ UltraRAM ไม่ต้องรีเฟรช ➡️ NAND มีข้อจำกัดด้านความเร็วและความทนทานในการเขียนข้อมูลซ้ำ ➡️ Quantum resonant tunneling เป็นหลักการที่ใช้ใน UltraRAM ซึ่งยังไม่เคยถูกใช้ในหน่วยความจำเชิงพาณิชย์มาก่อน ➡️ หาก UltraRAM เข้าสู่ตลาดได้สำเร็จ อาจลดการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกอย่างมหาศาล ➡️ การรวมหน่วยความจำแบบ volatile และ non-volatile จะช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบคอมพิวเตอร์ https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/ultraram-scaled-for-volume-production-memory-that-promises-dram-like-speeds-4-000x-the-durability-of-nand-and-data-retention-for-up-to-a-thousand-years-is-now-ready-for-manufacturing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน?

    ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน

    ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้

    อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม

    อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด

    ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง

    #Newskit
    ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน? ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อแฟลชเมมโมรีกลายเป็นหน่วยความจำใกล้ GPU – ก้าวใหม่ของ Kioxia สู่ยุค AI

    ลองจินตนาการว่า SSD ที่คุณรู้จักไม่ใช่แค่ที่เก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่กลายเป็นหน่วยความจำที่อยู่ใกล้ GPU มากพอที่จะช่วยประมวลผลโมเดล AI ขนาดมหึมาได้แบบทันทีทันใด นั่นคือสิ่งที่ Kioxia กำลังทำอยู่กับโมดูลต้นแบบ High Bandwidth Flash (HBF) ขนาด 5TB ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64 GB/s

    ต่างจาก HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ DRAM เป็นหลัก HBF ใช้ NAND flash ซึ่งมีความจุมากกว่า 8–16 เท่า และยังคงข้อมูลได้ถาวร ทำให้เหมาะกับงาน AI ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่แบบต่อเนื่อง โดยใช้พลังงานน้อยลง

    โมดูลนี้เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 ซึ่งมีแบนด์วิดธ์รวมถึง 128 GB/s แบบ bidirectional โดยใช้เทคนิค PAM4 เพื่อเพิ่มความเร็วการส่งข้อมูล และลดปัญหาการรบกวนสัญญาณด้วยการจัดวาง controller แบบ daisy-chain ข้าง NAND โดยตรง

    แม้จะมีข้อจำกัดเรื่อง latency เพราะ NAND ยังช้ากว่า DRAM หลายเท่า แต่ Kioxia ใช้เทคนิค prefetching และ caching เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลต่อเนื่องเร็วขึ้นพอสำหรับงาน AI อย่างการวิเคราะห์กราฟขนาดใหญ่หรือ checkpoint โมเดล

    ที่น่าสนใจคือ โมดูลนี้ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ซึ่งมีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่าระบบ SSD แบบเดิมมาก และสามารถขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม ทำให้สามารถสร้างระบบที่มี 80TB และแบนด์วิดธ์รวมกว่า 1TB/s ได้ในอนาคต

    นี่ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยระดับชาติของญี่ปุ่น (NEDO) เพื่อรองรับยุค post-5G/6G และการประมวลผล AI ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วใน MEC (Mobile Edge Computing)

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Kioxia เปิดตัวโมดูลแฟลช HBF ขนาด 5TB ความเร็ว 64 GB/s
    ใช้ NAND flash แทน DRAM เพื่อเพิ่มความจุ 8–16 เท่า
    เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 พร้อม PAM4 signaling ความเร็ว 128 Gbps ต่อ link
    ใช้ controller แบบ daisy-chain ลดปัญหาคอขวดและสัญญาณรบกวน
    latency สูงกว่า DRAM แต่แก้ด้วย prefetching และ caching
    ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ต่อโมดูล มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูง
    ขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม
    รองรับการใช้งานใน MEC, AI checkpoint, Big Data และ IoT
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย NEDO เพื่อรองรับ post-5G/6G
    โมดูลยังอยู่ในขั้นต้นแบบ แต่มี roadmap สำหรับการใช้งานจริงในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PCIe 6.0 มีแบนด์วิดธ์รวม 128 GB/s bidirectional บน x16 lanes
    PAM4 เพิ่มความเร็วต่อสัญญาณแต่ไวต่อ noise ต้องใช้ error correction
    HBM2E มี throughput ต่อ stack ประมาณ 1024 GB/s แต่ใช้ DRAM
    MEC servers ช่วยลด latency โดยประมวลผลใกล้ผู้ใช้มากขึ้น
    Kioxia มีแผนขยายโรงงานในญี่ปุ่นเพื่อรองรับความต้องการ flash ที่เพิ่มขึ้น
    โมดูลนี้อาจกลายเป็น “near-memory” ที่อยู่ใกล้ GPU มากกว่าที่เคย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/kioxias-new-5tb-64-gb-s-flash-module-puts-nand-toward-the-memory-bus-for-ai-gpus-hbf-prototype-adopts-familiar-ssd-form-factor
    🎙️ เมื่อแฟลชเมมโมรีกลายเป็นหน่วยความจำใกล้ GPU – ก้าวใหม่ของ Kioxia สู่ยุค AI ลองจินตนาการว่า SSD ที่คุณรู้จักไม่ใช่แค่ที่เก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่กลายเป็นหน่วยความจำที่อยู่ใกล้ GPU มากพอที่จะช่วยประมวลผลโมเดล AI ขนาดมหึมาได้แบบทันทีทันใด นั่นคือสิ่งที่ Kioxia กำลังทำอยู่กับโมดูลต้นแบบ High Bandwidth Flash (HBF) ขนาด 5TB ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64 GB/s ต่างจาก HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ DRAM เป็นหลัก HBF ใช้ NAND flash ซึ่งมีความจุมากกว่า 8–16 เท่า และยังคงข้อมูลได้ถาวร ทำให้เหมาะกับงาน AI ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่แบบต่อเนื่อง โดยใช้พลังงานน้อยลง โมดูลนี้เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 ซึ่งมีแบนด์วิดธ์รวมถึง 128 GB/s แบบ bidirectional โดยใช้เทคนิค PAM4 เพื่อเพิ่มความเร็วการส่งข้อมูล และลดปัญหาการรบกวนสัญญาณด้วยการจัดวาง controller แบบ daisy-chain ข้าง NAND โดยตรง แม้จะมีข้อจำกัดเรื่อง latency เพราะ NAND ยังช้ากว่า DRAM หลายเท่า แต่ Kioxia ใช้เทคนิค prefetching และ caching เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลต่อเนื่องเร็วขึ้นพอสำหรับงาน AI อย่างการวิเคราะห์กราฟขนาดใหญ่หรือ checkpoint โมเดล ที่น่าสนใจคือ โมดูลนี้ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ซึ่งมีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่าระบบ SSD แบบเดิมมาก และสามารถขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม ทำให้สามารถสร้างระบบที่มี 80TB และแบนด์วิดธ์รวมกว่า 1TB/s ได้ในอนาคต นี่ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยระดับชาติของญี่ปุ่น (NEDO) เพื่อรองรับยุค post-5G/6G และการประมวลผล AI ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วใน MEC (Mobile Edge Computing) 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Kioxia เปิดตัวโมดูลแฟลช HBF ขนาด 5TB ความเร็ว 64 GB/s ➡️ ใช้ NAND flash แทน DRAM เพื่อเพิ่มความจุ 8–16 เท่า ➡️ เชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 พร้อม PAM4 signaling ความเร็ว 128 Gbps ต่อ link ➡️ ใช้ controller แบบ daisy-chain ลดปัญหาคอขวดและสัญญาณรบกวน ➡️ latency สูงกว่า DRAM แต่แก้ด้วย prefetching และ caching ➡️ ใช้พลังงานต่ำกว่า 40W ต่อโมดูล มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูง ➡️ ขยายระบบได้แบบ linear โดยไม่กินแบนด์วิดธ์เพิ่ม ➡️ รองรับการใช้งานใน MEC, AI checkpoint, Big Data และ IoT ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย NEDO เพื่อรองรับ post-5G/6G ➡️ โมดูลยังอยู่ในขั้นต้นแบบ แต่มี roadmap สำหรับการใช้งานจริงในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PCIe 6.0 มีแบนด์วิดธ์รวม 128 GB/s bidirectional บน x16 lanes ➡️ PAM4 เพิ่มความเร็วต่อสัญญาณแต่ไวต่อ noise ต้องใช้ error correction ➡️ HBM2E มี throughput ต่อ stack ประมาณ 1024 GB/s แต่ใช้ DRAM ➡️ MEC servers ช่วยลด latency โดยประมวลผลใกล้ผู้ใช้มากขึ้น ➡️ Kioxia มีแผนขยายโรงงานในญี่ปุ่นเพื่อรองรับความต้องการ flash ที่เพิ่มขึ้น ➡️ โมดูลนี้อาจกลายเป็น “near-memory” ที่อยู่ใกล้ GPU มากกว่าที่เคย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/kioxias-new-5tb-64-gb-s-flash-module-puts-nand-toward-the-memory-bus-for-ai-gpus-hbf-prototype-adopts-familiar-ssd-form-factor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบทหารกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย หน่วย BHQ ดักซุ่มพร้อมลอบวางทุ่นระเบิดเนิน 350 วันนี้พบอีก 2 ลูก รวมเป็น 3 ลูก พร้อมตะปูเรือใบ กองทัพบกชี้ชัดละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง เตรียมรายงานหลักฐานต่อคณะ IOT

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080470

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พบทหารกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย หน่วย BHQ ดักซุ่มพร้อมลอบวางทุ่นระเบิดเนิน 350 วันนี้พบอีก 2 ลูก รวมเป็น 3 ลูก พร้อมตะปูเรือใบ กองทัพบกชี้ชัดละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง เตรียมรายงานหลักฐานต่อคณะ IOT อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080470 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/_KSP-b6tkzE?si=0Y-biPkLiOt9sFaO
    https://youtube.com/shorts/_KSP-b6tkzE?si=0Y-biPkLiOt9sFaO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากมือถือสู่มอเตอร์ – Xiaomi กับภารกิจเปลี่ยนโลกยานยนต์

    ถ้าคุณรู้จัก Xiaomi จากมือถือราคาดีฟีเจอร์ครบ คุณอาจไม่ทันรู้ว่าแบรนด์นี้กำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ใช่แค่ “ลองทำดู” แต่เป็นการลงทุนเต็มตัวกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์

    Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 และตามด้วย YU7 SUV ในกลางปี 2025 ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดจองกว่า 240,000 คันภายใน 18 ชั่วโมง ด้วยดีไซน์ที่หลายคนเปรียบเทียบว่า “เหมือน Porsche แต่ราคาพอ ๆ กับ Toyota Camry”

    ยอดขายพุ่งทะลุ 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 และรายได้จากธุรกิจ EV ก็แตะ 20.6 พันล้านหยวนในไตรมาสเดียว แม้จะยังขาดทุนอยู่ แต่ก็ใกล้จุดคุ้มทุนแล้ว

    Xiaomi ไม่หยุดแค่ในจีน พวกเขาวางแผนบุกตลาดยุโรปในปี 2027 โดยเริ่มจากการทดสอบ SU7 Ultra บนสนาม Nürburgring ที่เยอรมนี ซึ่งทำสถิติเร็วที่สุดในกลุ่มรถ EV ผลิตจำนวนมาก

    แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายนัก เพราะในสหรัฐฯ Xiaomi ถูกกีดกันด้วยภาษีนำเข้า 100% จากนโยบายสงครามการค้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ตลาดใหญ่นี้ยังเข้าไม่ถึง

    แม้จะมีอุปสรรค แต่ Xiaomi ก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ว่า “แซงหน้า Tesla ในหลายด้าน” โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์และราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ในเดือนธันวาคม 2023
    ตามด้วยรุ่น YU7 SUV ในเดือนมิถุนายน 2025 ยอดจอง 240,000 คันใน 18 ชั่วโมง
    ราคาของ YU7 อยู่ที่ประมาณ 253,500 หยวน (US$35,360)
    Xiaomi วางแผนเข้าสู่ตลาดยุโรปในปี 2027
    SU7 Ultra ทำสถิติเร็วที่สุดในสนาม Nürburgring สำหรับรถ EV ผลิตจำนวนมาก
    Xiaomi ส่งมอบรถ EV ได้กว่า 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025
    รายได้จากธุรกิจ EV ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 20.6 พันล้านหยวน
    บริษัทตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลก
    Xiaomi ยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เพราะภาษีนำเข้า 100%
    นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า Xiaomi แซง Tesla ในหลายด้าน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SU7 ได้รับคำชมว่า “เหมือน Porsche Taycan” แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า
    Xiaomi ใช้ประสบการณ์จากธุรกิจมือถือและ IoT มาปรับใช้ในรถยนต์
    การออกแบบรถเน้น software-defined vehicle (SDV) ที่คล้ายสมาร์ตโฟนมากกว่ารถยนต์ดั้งเดิม
    Xiaomi มีแผนเปิดโรงงาน EV แห่งที่สองเพื่อเพิ่มกำลังผลิต
    ตลาดยุโรปมีภาษีนำเข้าต่ำกว่าสหรัฐฯ และเปิดรับแบรนด์จีนมากขึ้น


    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/chinas-xiaomi-is-betting-big-on-electric-cars
    🎙️ จากมือถือสู่มอเตอร์ – Xiaomi กับภารกิจเปลี่ยนโลกยานยนต์ ถ้าคุณรู้จัก Xiaomi จากมือถือราคาดีฟีเจอร์ครบ คุณอาจไม่ทันรู้ว่าแบรนด์นี้กำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ใช่แค่ “ลองทำดู” แต่เป็นการลงทุนเต็มตัวกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 และตามด้วย YU7 SUV ในกลางปี 2025 ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดจองกว่า 240,000 คันภายใน 18 ชั่วโมง ด้วยดีไซน์ที่หลายคนเปรียบเทียบว่า “เหมือน Porsche แต่ราคาพอ ๆ กับ Toyota Camry” ยอดขายพุ่งทะลุ 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 และรายได้จากธุรกิจ EV ก็แตะ 20.6 พันล้านหยวนในไตรมาสเดียว แม้จะยังขาดทุนอยู่ แต่ก็ใกล้จุดคุ้มทุนแล้ว Xiaomi ไม่หยุดแค่ในจีน พวกเขาวางแผนบุกตลาดยุโรปในปี 2027 โดยเริ่มจากการทดสอบ SU7 Ultra บนสนาม Nürburgring ที่เยอรมนี ซึ่งทำสถิติเร็วที่สุดในกลุ่มรถ EV ผลิตจำนวนมาก แต่เส้นทางนี้ไม่ง่ายนัก เพราะในสหรัฐฯ Xiaomi ถูกกีดกันด้วยภาษีนำเข้า 100% จากนโยบายสงครามการค้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ตลาดใหญ่นี้ยังเข้าไม่ถึง แม้จะมีอุปสรรค แต่ Xiaomi ก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ว่า “แซงหน้า Tesla ในหลายด้าน” โดยเฉพาะเรื่องดีไซน์และราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Xiaomi เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SU7 ในเดือนธันวาคม 2023 ➡️ ตามด้วยรุ่น YU7 SUV ในเดือนมิถุนายน 2025 ยอดจอง 240,000 คันใน 18 ชั่วโมง ➡️ ราคาของ YU7 อยู่ที่ประมาณ 253,500 หยวน (US$35,360) ➡️ Xiaomi วางแผนเข้าสู่ตลาดยุโรปในปี 2027 ➡️ SU7 Ultra ทำสถิติเร็วที่สุดในสนาม Nürburgring สำหรับรถ EV ผลิตจำนวนมาก ➡️ Xiaomi ส่งมอบรถ EV ได้กว่า 157,000 คันในครึ่งปีแรกของ 2025 ➡️ รายได้จากธุรกิจ EV ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 20.6 พันล้านหยวน ➡️ บริษัทตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกของโลก ➡️ Xiaomi ยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ เพราะภาษีนำเข้า 100% ➡️ นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า Xiaomi แซง Tesla ในหลายด้าน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SU7 ได้รับคำชมว่า “เหมือน Porsche Taycan” แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า ➡️ Xiaomi ใช้ประสบการณ์จากธุรกิจมือถือและ IoT มาปรับใช้ในรถยนต์ ➡️ การออกแบบรถเน้น software-defined vehicle (SDV) ที่คล้ายสมาร์ตโฟนมากกว่ารถยนต์ดั้งเดิม ➡️ Xiaomi มีแผนเปิดโรงงาน EV แห่งที่สองเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ➡️ ตลาดยุโรปมีภาษีนำเข้าต่ำกว่าสหรัฐฯ และเปิดรับแบรนด์จีนมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/chinas-xiaomi-is-betting-big-on-electric-cars
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China's Xiaomi is betting big on electric cars
    Xiaomi may not be a household name in the US, but in China its products are everywhere. Already one of the world's top mobile phone manufacturers, the technology company also makes everything from toothbrushes to watches – even mattresses. Now it's betting big on electric vehicles, having already succeeded where even Apple failed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านโอดอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็ว เข้าไปทำกินในพื้นที่ตัวเองไม่ได้ ด้าน กต.ยืนยันอยู่ในอาณาเขตของไทย เคยยื่นหนังสือประท้วงหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080251

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านโอดอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็ว เข้าไปทำกินในพื้นที่ตัวเองไม่ได้ ด้าน กต.ยืนยันอยู่ในอาณาเขตของไทย เคยยื่นหนังสือประท้วงหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080251 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพไทยนำคณะ IOT 8 ชาติลงพื้นที่ “บ้านหนองจาน” ชาวบ้านโชว์โฉนดยันชัด พื้นที่รุกล้ำเป็นของไทย!
    https://www.thai-tai.tv/news/21086/
    .
    #บ้านหนองจาน #ชายแดนไทยกัมพูชา #IOT #ข่าวความมั่นคง #ข่าวชายแดน #ไทยไท
    กองทัพไทยนำคณะ IOT 8 ชาติลงพื้นที่ “บ้านหนองจาน” ชาวบ้านโชว์โฉนดยันชัด พื้นที่รุกล้ำเป็นของไทย! https://www.thai-tai.tv/news/21086/ . #บ้านหนองจาน #ชายแดนไทยกัมพูชา #IOT #ข่าวความมั่นคง #ข่าวชายแดน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก

    Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service)

    เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที

    Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย

    การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot
    Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง
    ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet
    มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ
    ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS
    เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
    ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ
    การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire
    หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม
    Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที
    ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง
    Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ
    Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot”
    การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    🎙️ Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot ➡️ Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง ➡️ ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet ➡️ มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ ➡️ ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS ➡️ เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ➡️ ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ ➡️ การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire ➡️ หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม ➡️ Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที ➡️ ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง ➡️ Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ ➡️ Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot” ➡️ การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงการนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว(IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ได้แสดงให้เห็นเจตนาและข้อควรพิจารณา 3 เรื่องหลัก คือ 1.การโจมตีของกัมพูชามายังโรงพยาบาล บ้านเรือนประชาชน 2.ข่าวปลอม ส่งผลให้เกิดความรุนแรงความขัดแย้งมากกว่าใช้อาวุธ และ 3.การยั่วยุที่ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ การเติมกำลังช่องอานม้าที่ยังคงตอบโต้กันไปมาให้หมดความอดกลั้น และ การลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งชี้ให้เห็นเจตนาของกัมพูชาอย่างชัดเจน

    -มีหลายอย่างไม่คาดคิด
    -คลิปทหารเขมรหลักฐานชั้นดี
    -ผวาสงครามแห่ขายโค-กระบือ
    -ขอพื้นที่ทำมาหากิน
    พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงการนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว(IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ได้แสดงให้เห็นเจตนาและข้อควรพิจารณา 3 เรื่องหลัก คือ 1.การโจมตีของกัมพูชามายังโรงพยาบาล บ้านเรือนประชาชน 2.ข่าวปลอม ส่งผลให้เกิดความรุนแรงความขัดแย้งมากกว่าใช้อาวุธ และ 3.การยั่วยุที่ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ การเติมกำลังช่องอานม้าที่ยังคงตอบโต้กันไปมาให้หมดความอดกลั้น และ การลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งชี้ให้เห็นเจตนาของกัมพูชาอย่างชัดเจน -มีหลายอย่างไม่คาดคิด -คลิปทหารเขมรหลักฐานชั้นดี -ผวาสงครามแห่ขายโค-กระบือ -ขอพื้นที่ทำมาหากิน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ ยังพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา รถบรรทุกและรถยนต์หลายคันวิ่งเข้ามาแนวชายแดน ตรวจพบโดรน 5 ลำ บางพื้นที่ยั่วยุ คุยเสียงดัง ตะโกนบอกทหารไทย “หากเข้ามาระวังเหยียบกับระเบิด” ทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่น พา IOT ดู รพ.พนมดงรัก สถานที่ควบคุมเชลยศึก ตรวจพื้นที่จุ๊บตะโมก จุดทหารพรานไทยเหยียบทุ่นระเบิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079476

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ ยังพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา รถบรรทุกและรถยนต์หลายคันวิ่งเข้ามาแนวชายแดน ตรวจพบโดรน 5 ลำ บางพื้นที่ยั่วยุ คุยเสียงดัง ตะโกนบอกทหารไทย “หากเข้ามาระวังเหยียบกับระเบิด” ทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่น พา IOT ดู รพ.พนมดงรัก สถานที่ควบคุมเชลยศึก ตรวจพื้นที่จุ๊บตะโมก จุดทหารพรานไทยเหยียบทุ่นระเบิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079476 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทูตทหารมาเลเซีย” ชื่นชม “ทหารไทย” หลังลงพื้นที่ “ภูมะเขือ”...พบหลักฐาน “ทุ่นระเบิด” เพียบ...ยันไทยควบคุมพื้นที่สำเร็จ
    https://www.thai-tai.tv/news/21043/
    .
    #ภูมะเขือ #IOT #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #ข่าวทหาร #ไทยไท
    “ทูตทหารมาเลเซีย” ชื่นชม “ทหารไทย” หลังลงพื้นที่ “ภูมะเขือ”...พบหลักฐาน “ทุ่นระเบิด” เพียบ...ยันไทยควบคุมพื้นที่สำเร็จ https://www.thai-tai.tv/news/21043/ . #ภูมะเขือ #IOT #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #ข่าวทหาร #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กองทัพไทย” นำคณะ IOT “อาเซียน” ลงพื้นที่ชายแดน...เปิดหลักฐาน “จรวด-ทุ่นระเบิด” ...ยันโปร่งใส-หวังคลี่คลายสถานการณ์
    https://www.thai-tai.tv/news/21041/
    .
    #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #IOT #ความมั่นคง #อาเซียน #ไทยไท
    “กองทัพไทย” นำคณะ IOT “อาเซียน” ลงพื้นที่ชายแดน...เปิดหลักฐาน “จรวด-ทุ่นระเบิด” ...ยันโปร่งใส-หวังคลี่คลายสถานการณ์ https://www.thai-tai.tv/news/21041/ . #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #IOT #ความมั่นคง #อาเซียน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts