• แผนชั่ว ตอนที่ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 4
    ปฏิบัติการต่างๆ ของอเมริกาหลังจากนั้น จึงเป็นปฏิบัติการพรางตัว จะอ้างว่าเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่แท้จริงเป็นความพยายามที่จะ “กัน” ไม่ให้จีนมีโอกาสแทรกตัว แหย่ขา เข้ามาในอาฟริกาได้ง่ายๆ หรือไม่ได้เลยยิ่งดี เพราะอเมริการู้ดีว่า อาฟริกานั้นเต็มไปด้วยแร่มีค่าสาระพัด อเมริกานึกไม่ถึงว่า อาเฮียจากแดนมังกรจะหาญกล้า ข้ามน้ำข้ามภูเขา มาฉกของดีตัดหน้าอเมริกา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกได้ นึกว่าอาเฮียทำเป็น แค่ดีดลูกคิด….
    สาธารณารัฐคองโก หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสาธารณรัฐแซร์ Republic of Zaire ในปี คศ 1997 เมื่อกองกำลังของ โลรอง-เดซิเร คาบิล่า Laurent-Desire Kabila โค่นประธานาธิบดีตลอดกาล เซเซ เซกู หรือ โจเซฟ- โลรอง โมบูตู Sese Seku Joseph-Laurent Mobutu ที่ปกครองคองโก มาถึง 32 ปี ร่วงหล่นลงไปได้ ชาวอาฟริกาเรียกประเทศใหม่นี้ว่า คองโก-คินชาซา Congo-Kinshasa หรือคองโกใหญ่ ให้ต่างกับ คองโก-บราซาวิล Congo-Brazzaville ที่เล็กกว่า
    คองโกเคยอยู่ในอิทธิพลของเบลเยี่ยมมานาน ตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.1885 จนในที่สุด ก็ตกเป็นอาณานิคมของเบลเยี่ยมใน ปี ค.ศ.1908 มาได้รับการปลดปล่อยเป็นไท เอาเมื่อปี ค.ศ.1960 นี้เอง
    เบลเยี่ยมเป็นแหล่งศูนย์กลางเจียรนัยเพชร ค้าเพชร กำหนดราคาเพชร และปริมาณเพชร ที่จะให้กระจายในตลาดเพชรแต่ละปี เพื่อควบคุมราคาเพชรในโลก และเป็นศูนย์กลางค้าเพชรใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งตลาดสว่าง และตลาดมืด ทำให้เบลเยี่ยมเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยของยุโรป
    คองโกมีแหล่งเพชรเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของโลก คงไม่ต้องบอกว่า เบลเยี่ยมเอาเพชรมาจากไหน
    นอกจากมีแหล่งเพชรมากมายแล้ว แถบบริเวณ คิวู Kivu ในคองโก ที่มีเขตแดนยาวต่อกับรวันดาRwanda และ ยูกันดา Uganda นั้น นักธรณีวิทยา เชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรแร่มีค่า ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะใน บริเวณที่เรียกว่า Great African Rift Valley
    นอกจากนี้ คองโกยังมีแหล่งทรัพยากรโคบอลท์ cobalt มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของแร่โคบอลท์ที่มีทั้งหมดในโลก และที่สำคัญ คองโกมีแร่แทนทาไลท์ หรือโคลแทน ถึง 3 ใน 4 ของโลก โคลแทน เป็นโลหะสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์ชิพ และแผงวงจรไฟฟ้า ที่จำเป็นมากสำหรับอุปกรณ์มือถือ เครื่องคอม และเครื่องมืออีเลคโทรนิคทั้งปวง และเชื่อกันว่า คองโกก็มีแหล่งน้ำมันแยะมากด้วย
    แต่มันเหลือเชื่อ และน่าเศร้าใจว่า จนถึงปัจจุบันชาวคองโกส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตที่ลำบาก และประเทศยังยากจน
    ช่วงแรกๆ ที่โมบูตูปกครองคองโก เป็นช่วงสงครามเย็น อเมริกาจึงทำหวานเชื่อมกับโมบูตู เขาเป็นชาวอาฟริกันคนแรก ที่เป็นแขกเชิญของทำเนียบขาว โมบูตู เป็นนักการเมืองจอมแสบ เขาคบทั้งสหภาพโซเวียตและจีน เพื่อไว้ต่อรองกับอเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับโมบูตู จึงทั้งหวานทั้งขมปนกัน อเมริกาคงยอมไม่ได้ ถ้าคองโกประเทศใหญ่ในอาฟริกา จะกลายเป็นพรรคพวกของคอมมิวนิสต์ เสียหน้าพี่เบิ้มใหญ่ แห่งค่ายประชาธิปไตยโรเนียวหมด
    โมบูตูจึงฉวยโอกาสสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเองและพรรคพวก เขารวยอย่างมหาศาล และเป็นเผด็จการอย่างเข้มข้น หลายครั้งที่เขาถูกรัฐประหาร แต่ก็รอดมาได้ ด้วยอาวุธที่อเมริกาจัดส่งให้ เพื่อเอาไว้ขู่ ไม่ให้โซเวียตกับจีนเข้ามาในคองโก แต่หลังจากสงครามเย็นใกล้จบ ความต้องการที่จะง้อโมบูตู ก็คงหมดตามไปด้วย
    และก็มีคนช่างคิด ช่างสงสัย ว่าโรคเอดส์นั้น ทำไมไปเกิดอยู่ที่คองโกเป็นแห่งแรก ก่อนจะระบาดเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วโลก และก็น่าแปลกใจว่า ลูกชาย 2 คน ในจำนวนลูก 14 คนของโมบูตู ก็เสียชิวิตด้วยโรคเอดส์ และ 1 ใน 2 นั้น เป็นที่มุ่งหวังของโมบูตู ที่จะให้เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองคองโกต่อจากเขา
    American Minerals Fields, Inc บริษัทอเมริกันที่เป็นผู้ลงทุน และสนับสนุนให้ คาบิลาโค่นโมบูตู มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐอาร์แคนซอร์ ฐานใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน บิล คลินตัน คนนิยมเด็กฝึกงาน ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทนี้เป็นคนใกล้ชิดของคนนิยมเด็กฝึกงาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้ว่าการรัฐ อาแคนซอร์ แหม ใครเขาจะเอาชื่อตัวเองมาใส่
    ก่อนการโค่น มูบูตู ลงจากแท่นไม่กี่เดือน คาบิลา เริ่มทบทวนสัญญาสัมปทานขุดแร่ และทำการเจรจาเงื่อนไขกับพวกบริษัท อเมริกัน อังกฤษ ที่มาลงทุนทำเหมืองในคองโกเสียใหม่ รวมทั้งเจรจากับ American Minerals ด้วย คาบิลาคงเข้าใจอะไรผิด หรือประเมินผู้สนับสนุนตัวเองผิด อย่างไม่น่าเป็นไปได้
    แบบนี้ วอชิงตันคงไม่เลี้ยงเขาไว้นาน แล้วในปี ค.ศ.2001 คาบิลาก็ถูกฆ่าตาย ใครฆ่าเขา ผมไม่รู้
    มีรายงานออกมาในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1997 ว่า หลังจากโมบูตูถูกโค่นไปไม่กี่เดือน IMF ก็แนะนำให้รัฐบาลคองโกหยุดการพิมพ์ธนบัตรอย่างกระทันหัน และสิ้นเชิง ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจคองโกของ IMF และเมื่อ คาบิลา ขึ้นมาปกครอง IMF แนะนำให้คาบิลาระงับการจ่ายเงินเดือนพนักงานรัฐ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ไม่รู้แปลว่าอะไร !) ซ้ำเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักในคองโก ค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยของชาวคองโกตกประมาณเดือนละ 3 หมื่นแซร์ หรือประมาณเดือนละ 1 เหรียญสหรัฐ …
    นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ชาวแคนาดา นาย Michael Chossudovsky บอกว่า เงื่อนไขที่ IMF กำหนดให้รัฐบาลคองโกปฏิบัติมีผลเป็นการรักษาระดับความยากจนของประชาชนชาวคองโก ให้คงทนถาวรตลอดไป คองโกเป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรอย่างมาก แต่ชาวคองโกถูกแผนชั่วกำหนด ไม่ให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาประเทศตนเอง และต้องวนเวียนอยู่กับการสู้รบฆ่าฟันกันเอง จนมีคนตายไปเกือบ 2 ล้านคน
    เมื่อคาบิลา คนพ่อถูกเก็บ โจเซฟ ลูกชายเขาก็ถูกเอามาขึ้นแท่นแทนพ่อ เขาเป็นประธานาธิบดีของคองโกคนแรก ที่มาจากการ (สั่งให้มี) เลือกตั้ง และดูเหมือนจะไม่ (กล้า) สนใจที่จะพัฒนาประเทศตนเอง แต่อย่างใด
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    17 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 4 ปฏิบัติการต่างๆ ของอเมริกาหลังจากนั้น จึงเป็นปฏิบัติการพรางตัว จะอ้างว่าเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่แท้จริงเป็นความพยายามที่จะ “กัน” ไม่ให้จีนมีโอกาสแทรกตัว แหย่ขา เข้ามาในอาฟริกาได้ง่ายๆ หรือไม่ได้เลยยิ่งดี เพราะอเมริการู้ดีว่า อาฟริกานั้นเต็มไปด้วยแร่มีค่าสาระพัด อเมริกานึกไม่ถึงว่า อาเฮียจากแดนมังกรจะหาญกล้า ข้ามน้ำข้ามภูเขา มาฉกของดีตัดหน้าอเมริกา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกได้ นึกว่าอาเฮียทำเป็น แค่ดีดลูกคิด…. สาธารณารัฐคองโก หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสาธารณรัฐแซร์ Republic of Zaire ในปี คศ 1997 เมื่อกองกำลังของ โลรอง-เดซิเร คาบิล่า Laurent-Desire Kabila โค่นประธานาธิบดีตลอดกาล เซเซ เซกู หรือ โจเซฟ- โลรอง โมบูตู Sese Seku Joseph-Laurent Mobutu ที่ปกครองคองโก มาถึง 32 ปี ร่วงหล่นลงไปได้ ชาวอาฟริกาเรียกประเทศใหม่นี้ว่า คองโก-คินชาซา Congo-Kinshasa หรือคองโกใหญ่ ให้ต่างกับ คองโก-บราซาวิล Congo-Brazzaville ที่เล็กกว่า คองโกเคยอยู่ในอิทธิพลของเบลเยี่ยมมานาน ตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.1885 จนในที่สุด ก็ตกเป็นอาณานิคมของเบลเยี่ยมใน ปี ค.ศ.1908 มาได้รับการปลดปล่อยเป็นไท เอาเมื่อปี ค.ศ.1960 นี้เอง เบลเยี่ยมเป็นแหล่งศูนย์กลางเจียรนัยเพชร ค้าเพชร กำหนดราคาเพชร และปริมาณเพชร ที่จะให้กระจายในตลาดเพชรแต่ละปี เพื่อควบคุมราคาเพชรในโลก และเป็นศูนย์กลางค้าเพชรใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งตลาดสว่าง และตลาดมืด ทำให้เบลเยี่ยมเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยของยุโรป คองโกมีแหล่งเพชรเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของโลก คงไม่ต้องบอกว่า เบลเยี่ยมเอาเพชรมาจากไหน นอกจากมีแหล่งเพชรมากมายแล้ว แถบบริเวณ คิวู Kivu ในคองโก ที่มีเขตแดนยาวต่อกับรวันดาRwanda และ ยูกันดา Uganda นั้น นักธรณีวิทยา เชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรแร่มีค่า ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะใน บริเวณที่เรียกว่า Great African Rift Valley นอกจากนี้ คองโกยังมีแหล่งทรัพยากรโคบอลท์ cobalt มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของแร่โคบอลท์ที่มีทั้งหมดในโลก และที่สำคัญ คองโกมีแร่แทนทาไลท์ หรือโคลแทน ถึง 3 ใน 4 ของโลก โคลแทน เป็นโลหะสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์ชิพ และแผงวงจรไฟฟ้า ที่จำเป็นมากสำหรับอุปกรณ์มือถือ เครื่องคอม และเครื่องมืออีเลคโทรนิคทั้งปวง และเชื่อกันว่า คองโกก็มีแหล่งน้ำมันแยะมากด้วย แต่มันเหลือเชื่อ และน่าเศร้าใจว่า จนถึงปัจจุบันชาวคองโกส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตที่ลำบาก และประเทศยังยากจน ช่วงแรกๆ ที่โมบูตูปกครองคองโก เป็นช่วงสงครามเย็น อเมริกาจึงทำหวานเชื่อมกับโมบูตู เขาเป็นชาวอาฟริกันคนแรก ที่เป็นแขกเชิญของทำเนียบขาว โมบูตู เป็นนักการเมืองจอมแสบ เขาคบทั้งสหภาพโซเวียตและจีน เพื่อไว้ต่อรองกับอเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับโมบูตู จึงทั้งหวานทั้งขมปนกัน อเมริกาคงยอมไม่ได้ ถ้าคองโกประเทศใหญ่ในอาฟริกา จะกลายเป็นพรรคพวกของคอมมิวนิสต์ เสียหน้าพี่เบิ้มใหญ่ แห่งค่ายประชาธิปไตยโรเนียวหมด โมบูตูจึงฉวยโอกาสสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเองและพรรคพวก เขารวยอย่างมหาศาล และเป็นเผด็จการอย่างเข้มข้น หลายครั้งที่เขาถูกรัฐประหาร แต่ก็รอดมาได้ ด้วยอาวุธที่อเมริกาจัดส่งให้ เพื่อเอาไว้ขู่ ไม่ให้โซเวียตกับจีนเข้ามาในคองโก แต่หลังจากสงครามเย็นใกล้จบ ความต้องการที่จะง้อโมบูตู ก็คงหมดตามไปด้วย และก็มีคนช่างคิด ช่างสงสัย ว่าโรคเอดส์นั้น ทำไมไปเกิดอยู่ที่คองโกเป็นแห่งแรก ก่อนจะระบาดเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วโลก และก็น่าแปลกใจว่า ลูกชาย 2 คน ในจำนวนลูก 14 คนของโมบูตู ก็เสียชิวิตด้วยโรคเอดส์ และ 1 ใน 2 นั้น เป็นที่มุ่งหวังของโมบูตู ที่จะให้เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองคองโกต่อจากเขา American Minerals Fields, Inc บริษัทอเมริกันที่เป็นผู้ลงทุน และสนับสนุนให้ คาบิลาโค่นโมบูตู มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐอาร์แคนซอร์ ฐานใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน บิล คลินตัน คนนิยมเด็กฝึกงาน ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทนี้เป็นคนใกล้ชิดของคนนิยมเด็กฝึกงาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้ว่าการรัฐ อาแคนซอร์ แหม ใครเขาจะเอาชื่อตัวเองมาใส่ ก่อนการโค่น มูบูตู ลงจากแท่นไม่กี่เดือน คาบิลา เริ่มทบทวนสัญญาสัมปทานขุดแร่ และทำการเจรจาเงื่อนไขกับพวกบริษัท อเมริกัน อังกฤษ ที่มาลงทุนทำเหมืองในคองโกเสียใหม่ รวมทั้งเจรจากับ American Minerals ด้วย คาบิลาคงเข้าใจอะไรผิด หรือประเมินผู้สนับสนุนตัวเองผิด อย่างไม่น่าเป็นไปได้ แบบนี้ วอชิงตันคงไม่เลี้ยงเขาไว้นาน แล้วในปี ค.ศ.2001 คาบิลาก็ถูกฆ่าตาย ใครฆ่าเขา ผมไม่รู้ มีรายงานออกมาในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1997 ว่า หลังจากโมบูตูถูกโค่นไปไม่กี่เดือน IMF ก็แนะนำให้รัฐบาลคองโกหยุดการพิมพ์ธนบัตรอย่างกระทันหัน และสิ้นเชิง ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจคองโกของ IMF และเมื่อ คาบิลา ขึ้นมาปกครอง IMF แนะนำให้คาบิลาระงับการจ่ายเงินเดือนพนักงานรัฐ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ไม่รู้แปลว่าอะไร !) ซ้ำเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักในคองโก ค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยของชาวคองโกตกประมาณเดือนละ 3 หมื่นแซร์ หรือประมาณเดือนละ 1 เหรียญสหรัฐ … นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ชาวแคนาดา นาย Michael Chossudovsky บอกว่า เงื่อนไขที่ IMF กำหนดให้รัฐบาลคองโกปฏิบัติมีผลเป็นการรักษาระดับความยากจนของประชาชนชาวคองโก ให้คงทนถาวรตลอดไป คองโกเป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรอย่างมาก แต่ชาวคองโกถูกแผนชั่วกำหนด ไม่ให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาประเทศตนเอง และต้องวนเวียนอยู่กับการสู้รบฆ่าฟันกันเอง จนมีคนตายไปเกือบ 2 ล้านคน เมื่อคาบิลา คนพ่อถูกเก็บ โจเซฟ ลูกชายเขาก็ถูกเอามาขึ้นแท่นแทนพ่อ เขาเป็นประธานาธิบดีของคองโกคนแรก ที่มาจากการ (สั่งให้มี) เลือกตั้ง และดูเหมือนจะไม่ (กล้า) สนใจที่จะพัฒนาประเทศตนเอง แต่อย่างใด สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 17 ก.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/HpZVkMPUbiE?si=o49eZZZEmqkYiJDQ
    https://youtu.be/HpZVkMPUbiE?si=o49eZZZEmqkYiJDQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้

    นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาล (cosmic filament) ที่ยาวกว่า 49 ล้านปีแสง และกำลังหมุนรอบแกนกลางของมันเอง ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบว่ามีการหมุนในเอกภพ

    การค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้
    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ในแอฟริกาใต้ และการสำรวจท้องฟ้า Sloan Digital Sky Survey พบเส้นใยจักรวาลที่ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี เรียงตัวเป็นเส้นตรงยาว และมีการหมุนคล้าย “ทอร์นาโดจักรวาล”

    หลักฐานการหมุน
    นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบการเลื่อนสีของแสง (redshift และ blueshift) จากกาแล็กซีที่อยู่สองฝั่งของเส้นใย พบว่าฝั่งหนึ่งเคลื่อนเข้าหาเรา ส่วนอีกฝั่งเคลื่อนออกไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าโครงสร้างทั้งหมดกำลังหมุนด้วยความเร็วราว 110 กิโลเมตรต่อวินาที

    ความหมายต่อทฤษฎีจักรวาล
    การค้นพบนี้สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ที่เสนอว่าความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกสามารถถ่ายโอนโมเมนตัมเชิงมุมให้กับเส้นใยจักรวาล ทำให้มันหมุนได้ การหมุนนี้ยังอาจเป็นตัวกำหนดการหมุนของกาแล็กซีที่ก่อตัวอยู่ภายในเส้นใยด้วย

    ผลต่อการศึกษาจักรวาล
    เส้นใยจักรวาลหมุนได้ไม่เพียงช่วยอธิบายการกระจายตัวของกาแล็กซี แต่ยังชี้ให้เห็นว่า เอกภพเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เราคิด การศึกษานี้อาจช่วยไขปริศนาว่ากาแล็กซีได้รับการหมุนและเชื้อเพลิงในการก่อตัวดาวฤกษ์จากโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างไร

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ค้นพบเส้นใยจักรวาลยาว 49 ล้านปีแสง
    เป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่พบว่ามีการหมุน

    ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี
    เรียงตัวเป็นเส้นตรงคล้ายทอร์นาโดจักรวาล

    หลักฐานจาก redshift และ blueshift
    ยืนยันการหมุนด้วยความเร็ว ~110 กม./วินาที

    สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory
    ความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกทำให้เส้นใยหมุน

    ผลต่อการศึกษากาแล็กซีและเอกภพ
    ช่วยอธิบายการหมุนและการก่อตัวของกาแล็กซี

    ยังไม่เข้าใจกลไกทั้งหมดของการหมุน
    ต้องการการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีและผลกระทบต่อเอกภพ

    https://www.sciencealert.com/tornado-of-galaxies-could-be-the-longest-spinning-structure-ever-seen
    🌀 นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้ นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาล (cosmic filament) ที่ยาวกว่า 49 ล้านปีแสง และกำลังหมุนรอบแกนกลางของมันเอง ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบว่ามีการหมุนในเอกภพ 🌌 การค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ในแอฟริกาใต้ และการสำรวจท้องฟ้า Sloan Digital Sky Survey พบเส้นใยจักรวาลที่ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี เรียงตัวเป็นเส้นตรงยาว และมีการหมุนคล้าย “ทอร์นาโดจักรวาล” 🔬 หลักฐานการหมุน นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบการเลื่อนสีของแสง (redshift และ blueshift) จากกาแล็กซีที่อยู่สองฝั่งของเส้นใย พบว่าฝั่งหนึ่งเคลื่อนเข้าหาเรา ส่วนอีกฝั่งเคลื่อนออกไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าโครงสร้างทั้งหมดกำลังหมุนด้วยความเร็วราว 110 กิโลเมตรต่อวินาที 🧩 ความหมายต่อทฤษฎีจักรวาล การค้นพบนี้สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ที่เสนอว่าความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกสามารถถ่ายโอนโมเมนตัมเชิงมุมให้กับเส้นใยจักรวาล ทำให้มันหมุนได้ การหมุนนี้ยังอาจเป็นตัวกำหนดการหมุนของกาแล็กซีที่ก่อตัวอยู่ภายในเส้นใยด้วย 🚀 ผลต่อการศึกษาจักรวาล เส้นใยจักรวาลหมุนได้ไม่เพียงช่วยอธิบายการกระจายตัวของกาแล็กซี แต่ยังชี้ให้เห็นว่า เอกภพเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เราคิด การศึกษานี้อาจช่วยไขปริศนาว่ากาแล็กซีได้รับการหมุนและเชื้อเพลิงในการก่อตัวดาวฤกษ์จากโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างไร 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ค้นพบเส้นใยจักรวาลยาว 49 ล้านปีแสง ➡️ เป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่พบว่ามีการหมุน ✅ ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี ➡️ เรียงตัวเป็นเส้นตรงคล้ายทอร์นาโดจักรวาล ✅ หลักฐานจาก redshift และ blueshift ➡️ ยืนยันการหมุนด้วยความเร็ว ~110 กม./วินาที ✅ สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ➡️ ความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกทำให้เส้นใยหมุน ✅ ผลต่อการศึกษากาแล็กซีและเอกภพ ➡️ ช่วยอธิบายการหมุนและการก่อตัวของกาแล็กซี ‼️ ยังไม่เข้าใจกลไกทั้งหมดของการหมุน ⛔ ต้องการการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีและผลกระทบต่อเอกภพ https://www.sciencealert.com/tornado-of-galaxies-could-be-the-longest-spinning-structure-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    'Tornado' of Galaxies Could Be The Longest Spinning Structure Ever Seen
    A team of astronomers studying the distribution of galaxies in nearby space has discovered something truly extraordinary: a huge strand of galaxies, twisting around as though caught up in a slow-motion cosmic tornado.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวฤกษ์สองดวงจากกลุ่มดาว Canis Major (สุนัขใหญ่) เคยเฉียดใกล้ระบบสุริยะของเราในระยะเพียง 32 ปีแสง

    นักดาราศาสตร์พบหลักฐานว่าเมื่อราว 4.5 ล้านปีก่อน ดาวฤกษ์สองดวงจากกลุ่มดาว Canis Major (สุนัขใหญ่) เคยเฉียดใกล้ระบบสุริยะของเราในระยะเพียง 32 ปีแสง และผลกระทบจากการผ่านครั้งนั้นยังคงเห็นได้ในปัจจุบัน

    ดาวฤกษ์ Epsilon Canis Majoris และ Beta Canis Majoris ซึ่งปัจจุบันอยู่ห่างออกไป 400–500 ปีแสง เคยเคลื่อนผ่านใกล้ระบบสุริยะเมื่อหลายล้านปีก่อน ตอนนั้นพวกมันสว่างกว่าดาวซิริอุส (ดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า) ถึง 4–6 เท่า ทำให้ท้องฟ้าในยุคนั้นสว่างไสวอย่างน่าทึ่ง

    ผลกระทบต่อเมฆก๊าซรอบระบบสุริยะ
    การผ่านใกล้ของดาวฤกษ์ร้อนทั้งสองดวงได้ปล่อยพลังงานมหาศาล ทำให้ก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียมใน Local Interstellar Clouds รอบระบบสุริยะเกิดการแตกตัวเป็นไอออนในระดับสูง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เคยสงสัยว่าเกิดจากอะไร การค้นพบนี้จึงช่วยเติมเต็ม “จิ๊กซอว์” ของปริศนาการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมจักรวาลใกล้โลก

    การเคลื่อนที่ของดวงดาวและระบบสุริยะ
    นักวิจัยเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือน “จิ๊กซอว์ที่ทุกชิ้นเคลื่อนไหว” เพราะทั้งดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ และเมฆก๊าซต่างเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ การจำลองแสดงให้เห็นว่าพลังงานจากดาว Canis Major มีส่วนสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ระบบสุริยะอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

    อนาคตของระบบสุริยะ
    นักวิทยาศาสตร์คาดว่าในอีกไม่ถึง 2,000 ปี ระบบสุริยะจะเคลื่อนออกจาก Local Interstellar Clouds ซึ่งอาจทำให้โลกได้รับรังสีจากสภาพแวดล้อมจักรวาลมากขึ้น การศึกษาครั้งนี้จึงไม่เพียงย้อนอดีต แต่ยังช่วยทำนายอนาคตของสภาพแวดล้อมที่โลกจะต้องเผชิญ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ดาวฤกษ์จากกลุ่ม Canis Major เคยเฉียดใกล้ระบบสุริยะ
    ระยะใกล้ที่สุดเพียง 32 ปีแสงเมื่อ 4.5 ล้านปีก่อน

    ความสว่างมหาศาลในอดีต
    สว่างกว่าดาวซิริอุส 4–6 เท่า

    พลังงานจากดาวฤกษ์ทำให้ก๊าซรอบระบบสุริยะเกิดการแตกตัวเป็นไอออน
    อธิบายปริศนาการเปลี่ยนแปลงใน Local Interstellar Clouds

    การเคลื่อนที่ของดวงดาวคือจิ๊กซอว์ที่เปลี่ยนตลอดเวลา
    ดาวและเมฆก๊าซต่างเคลื่อนที่และส่งผลต่อกัน

    ระบบสุริยะจะออกจาก Local Interstellar Clouds ในอนาคตอันใกล้
    โลกอาจได้รับรังสีจักรวาลมากขึ้น

    https://www.sciencealert.com/close-brush-with-cosmic-dog-may-still-be-seen-at-solar-systems-edge
    ✨ ดาวฤกษ์สองดวงจากกลุ่มดาว Canis Major (สุนัขใหญ่) เคยเฉียดใกล้ระบบสุริยะของเราในระยะเพียง 32 ปีแสง นักดาราศาสตร์พบหลักฐานว่าเมื่อราว 4.5 ล้านปีก่อน ดาวฤกษ์สองดวงจากกลุ่มดาว Canis Major (สุนัขใหญ่) เคยเฉียดใกล้ระบบสุริยะของเราในระยะเพียง 32 ปีแสง และผลกระทบจากการผ่านครั้งนั้นยังคงเห็นได้ในปัจจุบัน ดาวฤกษ์ Epsilon Canis Majoris และ Beta Canis Majoris ซึ่งปัจจุบันอยู่ห่างออกไป 400–500 ปีแสง เคยเคลื่อนผ่านใกล้ระบบสุริยะเมื่อหลายล้านปีก่อน ตอนนั้นพวกมันสว่างกว่าดาวซิริอุส (ดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า) ถึง 4–6 เท่า ทำให้ท้องฟ้าในยุคนั้นสว่างไสวอย่างน่าทึ่ง 🔬 ผลกระทบต่อเมฆก๊าซรอบระบบสุริยะ การผ่านใกล้ของดาวฤกษ์ร้อนทั้งสองดวงได้ปล่อยพลังงานมหาศาล ทำให้ก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียมใน Local Interstellar Clouds รอบระบบสุริยะเกิดการแตกตัวเป็นไอออนในระดับสูง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เคยสงสัยว่าเกิดจากอะไร การค้นพบนี้จึงช่วยเติมเต็ม “จิ๊กซอว์” ของปริศนาการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมจักรวาลใกล้โลก 🧩 การเคลื่อนที่ของดวงดาวและระบบสุริยะ นักวิจัยเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือน “จิ๊กซอว์ที่ทุกชิ้นเคลื่อนไหว” เพราะทั้งดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ และเมฆก๊าซต่างเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ การจำลองแสดงให้เห็นว่าพลังงานจากดาว Canis Major มีส่วนสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ระบบสุริยะอาศัยอยู่ในปัจจุบัน 🚀 อนาคตของระบบสุริยะ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าในอีกไม่ถึง 2,000 ปี ระบบสุริยะจะเคลื่อนออกจาก Local Interstellar Clouds ซึ่งอาจทำให้โลกได้รับรังสีจากสภาพแวดล้อมจักรวาลมากขึ้น การศึกษาครั้งนี้จึงไม่เพียงย้อนอดีต แต่ยังช่วยทำนายอนาคตของสภาพแวดล้อมที่โลกจะต้องเผชิญ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ดาวฤกษ์จากกลุ่ม Canis Major เคยเฉียดใกล้ระบบสุริยะ ➡️ ระยะใกล้ที่สุดเพียง 32 ปีแสงเมื่อ 4.5 ล้านปีก่อน ✅ ความสว่างมหาศาลในอดีต ➡️ สว่างกว่าดาวซิริอุส 4–6 เท่า ✅ พลังงานจากดาวฤกษ์ทำให้ก๊าซรอบระบบสุริยะเกิดการแตกตัวเป็นไอออน ➡️ อธิบายปริศนาการเปลี่ยนแปลงใน Local Interstellar Clouds ✅ การเคลื่อนที่ของดวงดาวคือจิ๊กซอว์ที่เปลี่ยนตลอดเวลา ➡️ ดาวและเมฆก๊าซต่างเคลื่อนที่และส่งผลต่อกัน ‼️ ระบบสุริยะจะออกจาก Local Interstellar Clouds ในอนาคตอันใกล้ ⛔ โลกอาจได้รับรังสีจักรวาลมากขึ้น https://www.sciencealert.com/close-brush-with-cosmic-dog-may-still-be-seen-at-solar-systems-edge
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Close Brush With 'Cosmic Dog' May Still Be Seen at Solar System's Edge
    About 4.5 million years ago, a great cosmic dog kicked past our Solar System – and its effects may still be seen today.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พฤติกรรมการขับรถ” อาจเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของภาวะสมองเสื่อมในอนาคต

    นักวิจัยติดตามพฤติกรรมการขับรถของผู้สูงอายุ 298 คน (อายุเฉลี่ย 75 ปี) เป็นเวลา 40 เดือน พบว่า ผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย (MCI) มักจะขับรถน้อยลง เลือกเส้นทางที่ง่ายและคุ้นเคย และมีแนวโน้มลดการขับรถเร็วหรือเดินทางไกล เมื่อเทียบกับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาด้านสมอง

    การใช้ข้อมูล GPS และการทดสอบสมอง
    ทีมวิจัยใช้ GPS ติดตามการขับรถ ร่วมกับการทดสอบความจำและการทำงานของสมอง ผลลัพธ์สามารถทำนายภาวะ MCI ได้แม่นยำถึง 82–87% ซึ่งสูงกว่าการใช้ข้อมูลอายุหรือปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว

    ความสำคัญต่อสาธารณสุข
    การตรวจจับสัญญาณเตือนจากพฤติกรรมขับรถถือเป็นวิธีที่ ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจช่วยให้แพทย์สามารถแทรกแซงได้เร็วขึ้น ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุหรืออาการสมองเสื่อมรุนแรง การวิจัยนี้ยังเปิดทางให้ใช้ข้อมูลจากรถยนต์อัจฉริยะหรือระบบติดตามเพื่อช่วยวินิจฉัยในอนาคต

    ข้อควรระวังและจริยธรรม
    แม้การติดตามพฤติกรรมขับรถจะมีประโยชน์ แต่ก็ต้องคำนึงถึง ความเป็นส่วนตัวและสิทธิในการตัดสินใจของผู้สูงอายุ นักวิจัยย้ำว่าการใช้ข้อมูลต้องอยู่บนพื้นฐานของความยินยอมและมาตรฐานจริยธรรมที่เข้มงวด

    สรุปเป็นหัวข้อ
    พฤติกรรมขับรถสะท้อนภาวะสมองเสื่อม
    ขับน้อยลง เลือกเส้นทางง่าย และลดการขับเร็ว

    GPS และการทดสอบสมองช่วยทำนาย MCI ได้แม่นยำ
    ความแม่นยำสูงถึง 82–87%

    วิธีตรวจจับที่ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน
    ช่วยให้แพทย์แทรกแซงได้เร็วขึ้น

    ศักยภาพการใช้เทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ
    อาจช่วยวินิจฉัยและติดตามสุขภาพในอนาคต

    ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว
    ต้องได้รับความยินยอมและเคารพสิทธิผู้สูงอายุ

    การตีความข้อมูลต้องระมัดระวัง
    พฤติกรรมขับรถอาจเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลอื่น เช่น สุขภาพกายหรือสภาพแวดล้อม

    https://www.sciencealert.com/your-driving-choices-could-be-hiding-signs-of-future-cognitive-decline
    🚗 “พฤติกรรมการขับรถ” อาจเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของภาวะสมองเสื่อมในอนาคต นักวิจัยติดตามพฤติกรรมการขับรถของผู้สูงอายุ 298 คน (อายุเฉลี่ย 75 ปี) เป็นเวลา 40 เดือน พบว่า ผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย (MCI) มักจะขับรถน้อยลง เลือกเส้นทางที่ง่ายและคุ้นเคย และมีแนวโน้มลดการขับรถเร็วหรือเดินทางไกล เมื่อเทียบกับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาด้านสมอง 🧠 การใช้ข้อมูล GPS และการทดสอบสมอง ทีมวิจัยใช้ GPS ติดตามการขับรถ ร่วมกับการทดสอบความจำและการทำงานของสมอง ผลลัพธ์สามารถทำนายภาวะ MCI ได้แม่นยำถึง 82–87% ซึ่งสูงกว่าการใช้ข้อมูลอายุหรือปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว 🌍 ความสำคัญต่อสาธารณสุข การตรวจจับสัญญาณเตือนจากพฤติกรรมขับรถถือเป็นวิธีที่ ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจช่วยให้แพทย์สามารถแทรกแซงได้เร็วขึ้น ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุหรืออาการสมองเสื่อมรุนแรง การวิจัยนี้ยังเปิดทางให้ใช้ข้อมูลจากรถยนต์อัจฉริยะหรือระบบติดตามเพื่อช่วยวินิจฉัยในอนาคต ⚖️ ข้อควรระวังและจริยธรรม แม้การติดตามพฤติกรรมขับรถจะมีประโยชน์ แต่ก็ต้องคำนึงถึง ความเป็นส่วนตัวและสิทธิในการตัดสินใจของผู้สูงอายุ นักวิจัยย้ำว่าการใช้ข้อมูลต้องอยู่บนพื้นฐานของความยินยอมและมาตรฐานจริยธรรมที่เข้มงวด 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ พฤติกรรมขับรถสะท้อนภาวะสมองเสื่อม ➡️ ขับน้อยลง เลือกเส้นทางง่าย และลดการขับเร็ว ✅ GPS และการทดสอบสมองช่วยทำนาย MCI ได้แม่นยำ ➡️ ความแม่นยำสูงถึง 82–87% ✅ วิธีตรวจจับที่ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน ➡️ ช่วยให้แพทย์แทรกแซงได้เร็วขึ้น ✅ ศักยภาพการใช้เทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ ➡️ อาจช่วยวินิจฉัยและติดตามสุขภาพในอนาคต ‼️ ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ ต้องได้รับความยินยอมและเคารพสิทธิผู้สูงอายุ ‼️ การตีความข้อมูลต้องระมัดระวัง ⛔ พฤติกรรมขับรถอาจเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลอื่น เช่น สุขภาพกายหรือสภาพแวดล้อม https://www.sciencealert.com/your-driving-choices-could-be-hiding-signs-of-future-cognitive-decline
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Your Driving Choices Could Be Hiding Signs of Future Cognitive Decline
    Early signs of cognitive decline may influence our driving habits, making our choices in travel times and routes a potential indicator of future mental health.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Carreras Pampa, Torotoro National Park ประเทศโบลิเวีย มีรอยเท้ามากกว่า 18,000 รอย ซึ่งบันทึกพฤติกรรมการเดิน วิ่ง และแม้แต่การว่ายน้ำของไดโนเสาร์เมื่อราว 70 ล้านปีก่อน

    การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์
    นักวิจัยนับได้กว่า 16,600 รอยเท้าแบบสามนิ้ว กระจายอยู่ใน 1,321 เส้นทาง พร้อมกับรอยเท้าเดี่ยว 289 รอย และรอยว่ายน้ำ 1,378 รอยใน 280 เส้นทาง ทั้งหมดเป็นของ ไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด (Theropods) ซึ่งรวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนกในปัจจุบัน

    สภาพแวดล้อมที่ช่วยเก็บรักษา
    พื้นที่นี้เคยเป็นชายฝั่งทะเลสาบน้ำจืดตื้น ๆ ที่มีดินโคลนคาร์บอเนตอุดมสมบูรณ์ ทำให้รอยเท้าถูกกดลงไปลึกพอที่จะคงรูป ก่อนถูกตะกอนทับและกลายเป็นฟอสซิลในเวลาต่อมา สภาพแวดล้อมที่ “พอดี” นี้ทำให้รอยเท้าหลากหลายชนิดถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์

    พฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้
    นอกจากรอยเท้าเดินและวิ่งแล้ว ยังพบรอยลากหาง รอยเล็บ และรอยขูดพื้นจากการว่ายน้ำ ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของไดโนเสาร์ในยุคนั้น ขนาดรอยเท้ามีตั้งแต่เล็กกว่า 10 ซม. ไปจนถึงใหญ่กว่า 30 ซม. บ่งบอกถึงการอยู่ร่วมกันของไดโนเสาร์หลายขนาดในพื้นที่เดียวกัน

    ความสำคัญต่อโลกวิทยาศาสตร์
    Carreras Pampa ได้รับการจัดว่าเป็น Lagerstätte หรือแหล่งฟอสซิลที่มีการเก็บรักษาอย่างพิเศษ เพราะไม่เพียงแต่มีจำนวนรอยเท้ามากที่สุด แต่ยังบันทึกพฤติกรรมที่หลากหลาย ทำให้เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดในการศึกษาชีวิตและสิ่งแวดล้อมของไดโนเสาร์ช่วงปลายยุคครีเทเชียส

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์กว่า 18,000 รอย
    เป็นแหล่งรอยเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    ทั้งหมดเป็นของไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด
    รวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนก

    สภาพแวดล้อมทะเลสาบน้ำจืดช่วยเก็บรักษา
    ดินโคลนคาร์บอเนตทำให้รอยเท้าถูกคงรูปและกลายเป็นฟอสซิล

    บันทึกพฤติกรรมหลากหลาย
    เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ลากหาง และขูดพื้น

    Carreras Pampa จัดเป็น Lagerstätte สำคัญ
    มีทั้งจำนวนและคุณภาพการเก็บรักษาที่โดดเด่น

    การตีความพฤติกรรมยังมีข้อจำกัด
    ต้องใช้การศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ารอยเท้าแต่ละแบบเกิดจากพฤติกรรมใดแน่ชัด

    ความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพของแหล่งฟอสซิล
    ต้องมีมาตรการอนุรักษ์เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

    https://www.sciencealert.com/18000-tracks-discovered-in-worlds-largest-dinosaur-tracksite
    🦕 พบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Carreras Pampa, Torotoro National Park ประเทศโบลิเวีย มีรอยเท้ามากกว่า 18,000 รอย ซึ่งบันทึกพฤติกรรมการเดิน วิ่ง และแม้แต่การว่ายน้ำของไดโนเสาร์เมื่อราว 70 ล้านปีก่อน 🦖 การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์ นักวิจัยนับได้กว่า 16,600 รอยเท้าแบบสามนิ้ว กระจายอยู่ใน 1,321 เส้นทาง พร้อมกับรอยเท้าเดี่ยว 289 รอย และรอยว่ายน้ำ 1,378 รอยใน 280 เส้นทาง ทั้งหมดเป็นของ ไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด (Theropods) ซึ่งรวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนกในปัจจุบัน 🌊 สภาพแวดล้อมที่ช่วยเก็บรักษา พื้นที่นี้เคยเป็นชายฝั่งทะเลสาบน้ำจืดตื้น ๆ ที่มีดินโคลนคาร์บอเนตอุดมสมบูรณ์ ทำให้รอยเท้าถูกกดลงไปลึกพอที่จะคงรูป ก่อนถูกตะกอนทับและกลายเป็นฟอสซิลในเวลาต่อมา สภาพแวดล้อมที่ “พอดี” นี้ทำให้รอยเท้าหลากหลายชนิดถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ 🧩 พฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้ นอกจากรอยเท้าเดินและวิ่งแล้ว ยังพบรอยลากหาง รอยเล็บ และรอยขูดพื้นจากการว่ายน้ำ ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของไดโนเสาร์ในยุคนั้น ขนาดรอยเท้ามีตั้งแต่เล็กกว่า 10 ซม. ไปจนถึงใหญ่กว่า 30 ซม. บ่งบอกถึงการอยู่ร่วมกันของไดโนเสาร์หลายขนาดในพื้นที่เดียวกัน 🌍 ความสำคัญต่อโลกวิทยาศาสตร์ Carreras Pampa ได้รับการจัดว่าเป็น Lagerstätte หรือแหล่งฟอสซิลที่มีการเก็บรักษาอย่างพิเศษ เพราะไม่เพียงแต่มีจำนวนรอยเท้ามากที่สุด แต่ยังบันทึกพฤติกรรมที่หลากหลาย ทำให้เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดในการศึกษาชีวิตและสิ่งแวดล้อมของไดโนเสาร์ช่วงปลายยุคครีเทเชียส 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์กว่า 18,000 รอย ➡️ เป็นแหล่งรอยเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ✅ ทั้งหมดเป็นของไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด ➡️ รวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนก ✅ สภาพแวดล้อมทะเลสาบน้ำจืดช่วยเก็บรักษา ➡️ ดินโคลนคาร์บอเนตทำให้รอยเท้าถูกคงรูปและกลายเป็นฟอสซิล ✅ บันทึกพฤติกรรมหลากหลาย ➡️ เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ลากหาง และขูดพื้น ✅ Carreras Pampa จัดเป็น Lagerstätte สำคัญ ➡️ มีทั้งจำนวนและคุณภาพการเก็บรักษาที่โดดเด่น ‼️ การตีความพฤติกรรมยังมีข้อจำกัด ⛔ ต้องใช้การศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ารอยเท้าแต่ละแบบเกิดจากพฤติกรรมใดแน่ชัด ‼️ ความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพของแหล่งฟอสซิล ⛔ ต้องมีมาตรการอนุรักษ์เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ https://www.sciencealert.com/18000-tracks-discovered-in-worlds-largest-dinosaur-tracksite
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    18,000 Tracks Discovered in World's Largest Dinosaur Tracksite
    An expanse of ancient rock in the high-altitude Torotoro National Park in Bolivia has been revealed as the largest dinosaur tracksite ever recorded.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเดินทางมนุษย์โบราณไปที่ดินแดน Sahul (ออสเตรเลีย-นิวกินี-แทสเมเนีย) เมื่อราว 60,000 ปีก่อน

    นักวิจัยวิเคราะห์ DNA มัยโตคอนเดรียกว่า 2,500 ตัวอย่าง จากชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย นิวกินี โอเชียเนีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบหลักฐานชัดเจนว่า การเข้ามาของมนุษย์ใน Sahul ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเส้นทางเดียว แต่มีทั้งสายพันธุ์ที่เดินทางผ่าน เส้นทางใต้ (Southern Route) และ เส้นทางเหนือ (Northern Route)

    เส้นทางใต้และเหนือ
    เส้นทางใต้: ผ่านมาเลเซีย ชวา และติมอร์ เข้าสู่ Sahul ทางฝั่งเมืองดาร์วินในปัจจุบัน
    เส้นทางเหนือ: ผ่านฟิลิปปินส์และสุลาเวสี เข้าสู่ปาปัวนิวกินีและตอนเหนือของควีนส์แลนด์

    การวิเคราะห์พบว่า 64% ของสายพันธุ์แรกเริ่มมาจากเส้นทางใต้ และ 36% จากเส้นทางเหนือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มที่มาจากเส้นทางเหนือยังคงแพร่กระจายต่อไปถึงหมู่เกาะบิสมัคและโซโลมอน

    ความหมายต่อประวัติศาสตร์มนุษย์
    ผลการศึกษานี้สนับสนุนทฤษฎี “Long Chronology” ที่เชื่อว่ามนุษย์เข้ามาในออสเตรเลียตั้งแต่ราว 60,000 ปีก่อน ไม่ใช่ 45,000–50,000 ปีตามทฤษฎีเดิม การค้นพบยังสะท้อนถึงความสามารถในการเดินเรือและการปรับตัวของมนุษย์ยุคแรกที่น่าทึ่ง

    ก้าวต่อไป
    นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการขาดแคลน DNA โบราณจากเอเชียใต้และ Sahul ยังเป็นข้อจำกัด หากได้ข้อมูลเพิ่มเติม จะช่วยยืนยันรายละเอียดของการอพยพและการผสมพันธุ์ระหว่างกลุ่มมนุษย์ในภูมิภาคนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    มนุษย์โบราณเข้าสู่ Sahul ราว 60,000 ปีก่อน
    สนับสนุนทฤษฎี Long Chronology

    มีสองเส้นทางหลักในการอพยพ
    เส้นทางใต้ผ่านชวา–ติมอร์
    เส้นทางเหนือผ่านฟิลิปปินส์–สุลาเวสี

    สัดส่วนการอพยพ
    64% จากเส้นทางใต้ และ 36% จากเส้นทางเหนือ

    เส้นทางเหนือแพร่กระจายต่อไปยังหมู่เกาะบิสมัคและโซโลมอน
    แสดงถึงการเดินเรือและการปรับตัวของมนุษย์ยุคแรก

    ยังขาดข้อมูล DNA โบราณจากบางภูมิภาค
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันรายละเอียดการอพยพ

    https://www.sciencealert.com/dna-analysis-reveals-two-routes-ancient-humans-used-to-reach-australia
    👣 การเดินทางมนุษย์โบราณไปที่ดินแดน Sahul (ออสเตรเลีย-นิวกินี-แทสเมเนีย) เมื่อราว 60,000 ปีก่อน นักวิจัยวิเคราะห์ DNA มัยโตคอนเดรียกว่า 2,500 ตัวอย่าง จากชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย นิวกินี โอเชียเนีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบหลักฐานชัดเจนว่า การเข้ามาของมนุษย์ใน Sahul ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเส้นทางเดียว แต่มีทั้งสายพันธุ์ที่เดินทางผ่าน เส้นทางใต้ (Southern Route) และ เส้นทางเหนือ (Northern Route) 🌍 เส้นทางใต้และเหนือ 🧭 เส้นทางใต้: ผ่านมาเลเซีย ชวา และติมอร์ เข้าสู่ Sahul ทางฝั่งเมืองดาร์วินในปัจจุบัน 🧭 เส้นทางเหนือ: ผ่านฟิลิปปินส์และสุลาเวสี เข้าสู่ปาปัวนิวกินีและตอนเหนือของควีนส์แลนด์ การวิเคราะห์พบว่า 64% ของสายพันธุ์แรกเริ่มมาจากเส้นทางใต้ และ 36% จากเส้นทางเหนือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มที่มาจากเส้นทางเหนือยังคงแพร่กระจายต่อไปถึงหมู่เกาะบิสมัคและโซโลมอน 🔬 ความหมายต่อประวัติศาสตร์มนุษย์ ผลการศึกษานี้สนับสนุนทฤษฎี “Long Chronology” ที่เชื่อว่ามนุษย์เข้ามาในออสเตรเลียตั้งแต่ราว 60,000 ปีก่อน ไม่ใช่ 45,000–50,000 ปีตามทฤษฎีเดิม การค้นพบยังสะท้อนถึงความสามารถในการเดินเรือและการปรับตัวของมนุษย์ยุคแรกที่น่าทึ่ง 🚀 ก้าวต่อไป นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการขาดแคลน DNA โบราณจากเอเชียใต้และ Sahul ยังเป็นข้อจำกัด หากได้ข้อมูลเพิ่มเติม จะช่วยยืนยันรายละเอียดของการอพยพและการผสมพันธุ์ระหว่างกลุ่มมนุษย์ในภูมิภาคนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ มนุษย์โบราณเข้าสู่ Sahul ราว 60,000 ปีก่อน ➡️ สนับสนุนทฤษฎี Long Chronology ✅ มีสองเส้นทางหลักในการอพยพ ➡️ เส้นทางใต้ผ่านชวา–ติมอร์ ➡️ เส้นทางเหนือผ่านฟิลิปปินส์–สุลาเวสี ✅ สัดส่วนการอพยพ ➡️ 64% จากเส้นทางใต้ และ 36% จากเส้นทางเหนือ ✅ เส้นทางเหนือแพร่กระจายต่อไปยังหมู่เกาะบิสมัคและโซโลมอน ➡️ แสดงถึงการเดินเรือและการปรับตัวของมนุษย์ยุคแรก ‼️ ยังขาดข้อมูล DNA โบราณจากบางภูมิภาค ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันรายละเอียดการอพยพ https://www.sciencealert.com/dna-analysis-reveals-two-routes-ancient-humans-used-to-reach-australia
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    DNA Analysis Reveals Two Routes Ancient Humans Used to Reach Australia
    The first humans arrived upon the landmass now known as Australia around 60,000 years ago along two distinct routes, according to a new genomics study.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • “การเรืองแสงในสิ่งมีชีวิต (Bioluminescence)” เกิดขึ้นบนโลกตั้งแต่กว่า 500 ล้านปีก่อน

    นักวิทยาศาสตร์จาก Smithsonian Institution และ Nagoya University พบว่า Octocorallia ซึ่งเป็นปะการังโบราณในทะเลลึก มีความสามารถเรืองแสงตั้งแต่ราว 540 ล้านปีก่อน ถือเป็นการยืนยันว่าการเรืองแสงเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยเชื่อไว้เดิม (267 ล้านปี) เกือบสองเท่า

    วิธีการศึกษา
    ทีมวิจัยใช้ข้อมูลพันธุกรรมจากกว่า 185 สายพันธุ์ของ Octocorallia และวิเคราะห์ด้วยวิธี ancestral state reconstruction เพื่อย้อนหาความน่าจะเป็นของการเรืองแสงในบรรพบุรุษ ผลลัพธ์ชี้ว่า บรรพบุรุษร่วมของ Octocorallia มีโอกาสสูงที่จะเรืองแสงได้ และการค้นพบนี้ยังสอดคล้องกับการมีสัตว์ทะเลที่มีดวงตาในยุคเดียวกัน ซึ่งสามารถตรวจจับแสงได้

    ความหมายต่อระบบนิเวศโบราณ
    การเรืองแสงอาจถูกใช้เพื่อดึงดูดเหยื่อหรือสร้างเงื่อนไขให้ผู้ล่ามากินสัตว์ที่ทำร้ายปะการัง ซึ่งสะท้อนถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในทะเลลึกตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของโลก การศึกษานี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ต่อวิวัฒนาการของการสื่อสารและการเอาตัวรอดในสิ่งมีชีวิตโบราณ

    คำถามที่ยังค้างคา
    แม้บรรพบุรุษของ Octocorallia จะเรืองแสง แต่ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่สายพันธุ์ที่ยังคงคุณสมบัตินี้อยู่ นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งคำถามว่า ทำไมสิ่งมีชีวิตจำนวนมากจึงสูญเสียความสามารถในการเรืองแสงไป และนี่คือเป้าหมายการวิจัยต่อไป

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเรืองแสงเกิดขึ้นกว่า 500 ล้านปีก่อน
    ต้นกำเนิดจากกลุ่มปะการัง Octocorallia ในยุคแคมเบรียน

    การวิเคราะห์พันธุกรรมยืนยันบรรพบุรุษเรืองแสงได้
    ใช้ข้อมูลจาก 185 สายพันธุ์และวิธี ancestral state reconstruction

    การเรืองแสงมีบทบาทต่อระบบนิเวศโบราณ
    อาจใช้ล่อเหยื่อหรือสร้างเงื่อนไขให้ผู้ล่า

    การค้นพบช่วยขยายความเข้าใจวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิต
    สะท้อนการสื่อสารและการเอาตัวรอดในทะเลลึกยุคแรก

    ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลายสายพันธุ์สูญเสียการเรืองแสง
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบ

    https://www.sciencealert.com/bioluminescence-on-earth-evolved-over-500-million-years-ago-study-finds
    💡 “การเรืองแสงในสิ่งมีชีวิต (Bioluminescence)” เกิดขึ้นบนโลกตั้งแต่กว่า 500 ล้านปีก่อน นักวิทยาศาสตร์จาก Smithsonian Institution และ Nagoya University พบว่า Octocorallia ซึ่งเป็นปะการังโบราณในทะเลลึก มีความสามารถเรืองแสงตั้งแต่ราว 540 ล้านปีก่อน ถือเป็นการยืนยันว่าการเรืองแสงเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยเชื่อไว้เดิม (267 ล้านปี) เกือบสองเท่า 🔬 วิธีการศึกษา ทีมวิจัยใช้ข้อมูลพันธุกรรมจากกว่า 185 สายพันธุ์ของ Octocorallia และวิเคราะห์ด้วยวิธี ancestral state reconstruction เพื่อย้อนหาความน่าจะเป็นของการเรืองแสงในบรรพบุรุษ ผลลัพธ์ชี้ว่า บรรพบุรุษร่วมของ Octocorallia มีโอกาสสูงที่จะเรืองแสงได้ และการค้นพบนี้ยังสอดคล้องกับการมีสัตว์ทะเลที่มีดวงตาในยุคเดียวกัน ซึ่งสามารถตรวจจับแสงได้ 🐠 ความหมายต่อระบบนิเวศโบราณ การเรืองแสงอาจถูกใช้เพื่อดึงดูดเหยื่อหรือสร้างเงื่อนไขให้ผู้ล่ามากินสัตว์ที่ทำร้ายปะการัง ซึ่งสะท้อนถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในทะเลลึกตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของโลก การศึกษานี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ต่อวิวัฒนาการของการสื่อสารและการเอาตัวรอดในสิ่งมีชีวิตโบราณ 🚀 คำถามที่ยังค้างคา แม้บรรพบุรุษของ Octocorallia จะเรืองแสง แต่ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่สายพันธุ์ที่ยังคงคุณสมบัตินี้อยู่ นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งคำถามว่า ทำไมสิ่งมีชีวิตจำนวนมากจึงสูญเสียความสามารถในการเรืองแสงไป และนี่คือเป้าหมายการวิจัยต่อไป 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเรืองแสงเกิดขึ้นกว่า 500 ล้านปีก่อน ➡️ ต้นกำเนิดจากกลุ่มปะการัง Octocorallia ในยุคแคมเบรียน ✅ การวิเคราะห์พันธุกรรมยืนยันบรรพบุรุษเรืองแสงได้ ➡️ ใช้ข้อมูลจาก 185 สายพันธุ์และวิธี ancestral state reconstruction ✅ การเรืองแสงมีบทบาทต่อระบบนิเวศโบราณ ➡️ อาจใช้ล่อเหยื่อหรือสร้างเงื่อนไขให้ผู้ล่า ✅ การค้นพบช่วยขยายความเข้าใจวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิต ➡️ สะท้อนการสื่อสารและการเอาตัวรอดในทะเลลึกยุคแรก ‼️ ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหลายสายพันธุ์สูญเสียการเรืองแสง ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบ https://www.sciencealert.com/bioluminescence-on-earth-evolved-over-500-million-years-ago-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Bioluminescence on Earth Evolved Over 500 Million Years Ago, Study Finds
    In the darkest corners of the planet, where the light of the Sun never touches, eerie glows can yet be found, illuminating the shadows.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมองเชื่อมโยงกันเมื่อทำงานร่วมกัน

    นักวิจัยจาก Western Sydney University ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 24 คู่ทำงานร่วมกันในการจัดหมวดหมู่รูปทรงที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผลการตรวจ EEG พบว่า สมองของคู่ที่ทำงานร่วมกันมีการปรับคลื่นสมองให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะหลังจาก 200 มิลลิวินาทีที่สิ่งเร้าปรากฏขึ้น ซึ่งต่างจากคู่ที่ไม่ได้ร่วมมือจริง ๆ

    ความแตกต่างระหว่าง “คู่จริง” และ “คู่จำลอง”
    นักวิจัยเปรียบเทียบข้อมูล EEG ของคู่ที่ทำงานร่วมกันจริงกับคู่จำลองที่ถูกจับคู่แบบสุ่ม พบว่า การซิงค์ของสมองในคู่จริงมีความเข้มข้นและต่อเนื่องมากกว่า แม้จะใช้กติกาการจัดหมวดหมู่คล้ายกันก็ตาม แสดงให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ใช่เพียงการทำงานตามกติกา

    ผลต่อการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร
    การค้นพบนี้ชี้ว่า การทำงานร่วมกันช่วยสร้างการเชื่อมโยงทางประสาท ซึ่งอาจอธิบายว่าทำไมทีมที่มีความสามัคคีจึงทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยยังเสนอว่าแนวทางนี้สามารถนำไปใช้ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการทำงานกลุ่มในระดับองค์กรหรือการเรียนรู้ร่วมกันได้

    ก้าวต่อไปของการวิจัย
    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการทำความเข้าใจการซิงค์ของสมองจะช่วยพัฒนา วิธีการเสริมสร้างการทำงานเป็นทีม และอาจนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา การแพทย์ และการพัฒนาทักษะการสื่อสารในอนาคต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สมองซิงค์กันเมื่อทำงานร่วมกัน
    EEG แสดงการปรับคลื่นสมองภายใน 200 มิลลิวินาที

    คู่จริงมีการซิงค์มากกว่าคู่จำลอง
    ปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

    การซิงค์สมองช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทีม
    อธิบายว่าทำไมทีมที่สามัคคีจึงทำงานได้ดี

    การประยุกต์ใช้ในอนาคต
    ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการเรียนรู้ร่วมกัน

    การตีความผลวิจัยต้องระวัง
    ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการซิงค์สมองทำให้ผลลัพธ์ดีกว่าเสมอ

    ข้อจำกัดของการทดลอง
    ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และต้องการการศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.sciencealert.com/our-brains-really-do-sync-up-when-we-collaborate-study-reveals
    🧠 สมองเชื่อมโยงกันเมื่อทำงานร่วมกัน นักวิจัยจาก Western Sydney University ทดลองให้ผู้เข้าร่วม 24 คู่ทำงานร่วมกันในการจัดหมวดหมู่รูปทรงที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผลการตรวจ EEG พบว่า สมองของคู่ที่ทำงานร่วมกันมีการปรับคลื่นสมองให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะหลังจาก 200 มิลลิวินาทีที่สิ่งเร้าปรากฏขึ้น ซึ่งต่างจากคู่ที่ไม่ได้ร่วมมือจริง ๆ 🔬 ความแตกต่างระหว่าง “คู่จริง” และ “คู่จำลอง” นักวิจัยเปรียบเทียบข้อมูล EEG ของคู่ที่ทำงานร่วมกันจริงกับคู่จำลองที่ถูกจับคู่แบบสุ่ม พบว่า การซิงค์ของสมองในคู่จริงมีความเข้มข้นและต่อเนื่องมากกว่า แม้จะใช้กติกาการจัดหมวดหมู่คล้ายกันก็ตาม แสดงให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ใช่เพียงการทำงานตามกติกา 🌍 ผลต่อการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร การค้นพบนี้ชี้ว่า การทำงานร่วมกันช่วยสร้างการเชื่อมโยงทางประสาท ซึ่งอาจอธิบายว่าทำไมทีมที่มีความสามัคคีจึงทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น งานวิจัยยังเสนอว่าแนวทางนี้สามารถนำไปใช้ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการทำงานกลุ่มในระดับองค์กรหรือการเรียนรู้ร่วมกันได้ 🚀 ก้าวต่อไปของการวิจัย นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการทำความเข้าใจการซิงค์ของสมองจะช่วยพัฒนา วิธีการเสริมสร้างการทำงานเป็นทีม และอาจนำไปสู่การประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา การแพทย์ และการพัฒนาทักษะการสื่อสารในอนาคต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สมองซิงค์กันเมื่อทำงานร่วมกัน ➡️ EEG แสดงการปรับคลื่นสมองภายใน 200 มิลลิวินาที ✅ คู่จริงมีการซิงค์มากกว่าคู่จำลอง ➡️ ปัจจัยสำคัญคือการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ✅ การซิงค์สมองช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทีม ➡️ อธิบายว่าทำไมทีมที่สามัคคีจึงทำงานได้ดี ✅ การประยุกต์ใช้ในอนาคต ➡️ ศึกษาการสื่อสาร การตัดสินใจ และการเรียนรู้ร่วมกัน ‼️ การตีความผลวิจัยต้องระวัง ⛔ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการซิงค์สมองทำให้ผลลัพธ์ดีกว่าเสมอ ‼️ ข้อจำกัดของการทดลอง ⛔ ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และต้องการการศึกษาเพิ่มเติม https://www.sciencealert.com/our-brains-really-do-sync-up-when-we-collaborate-study-reveals
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Our Brains Really Do 'Sync Up' When We Collaborate, Study Reveals
    Ever experienced a moment of flow when working with another human to achieve a common goal, almost as if you and your collaborator are tuned in to each other's brains? You may have literally been 'in sync' on a neurological level, new research shows.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • การค้นพบที่ไม่คาดคิด

    เมื่อ Curiosity Rover เคลื่อนตัวผ่านหินในช่องทาง Gediz Vallis Channel หินก้อนหนึ่งแตกออก เผยให้เห็นผลึกสีเหลืองสดของ กำมะถันบริสุทธิ์ (elemental sulfur) ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบซัลเฟตที่เคยพบมาก่อนบนดาวอังคาร การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบกำมะถันในรูปแบบบริสุทธิ์บนดาวเคราะห์สีแดง

    ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์
    ซัลเฟต (sulfates) มักเกิดจากการที่กำมะถันผสมกับแร่ธาตุในน้ำแล้วตกผลึกเมื่อระเหย แต่ กำมะถันบริสุทธิ์ ต้องการเงื่อนไขเฉพาะที่ยังไม่เคยถูกบันทึกในพื้นที่ดังกล่าว การพบกำมะถันจำนวนมากในพื้นที่นี้จึงบ่งชี้ว่าอาจมีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ และอาจเป็นเบาะแสสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์น้ำบนดาวอังคาร

    ความเชื่อมโยงกับชีวิต
    กำมะถันเป็นธาตุจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ใช้สร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีน แม้การค้นพบนี้ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิต แต่ก็เพิ่มข้อมูลว่า ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำ แร่ธาตุ และสภาพที่เคยเอื้อต่อการอยู่อาศัยในอดีต

    ก้าวต่อไปของการสำรวจ
    นักวิทยาศาสตร์วางแผนใช้แบบจำลองทางธรณีวิทยาเพื่ออธิบายว่ากำมะถันบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้อย่างไรบนดาวอังคาร ขณะเดียวกัน Curiosity จะยังคงสำรวจเส้นทางใน Gediz Vallis Channel ต่อไป เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดาวอังคารและความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Curiosity Rover พบกำมะถันบริสุทธิ์บนดาวอังคาร
    เป็นครั้งแรกที่พบธาตุนี้ในรูปแบบบริสุทธิ์ ไม่ใช่สารประกอบซัลเฟต

    กำมะถันบริสุทธิ์ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการเกิด
    บ่งชี้ว่ามีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ

    กำมะถันเป็นธาตุสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต
    ใช้สร้างกรดอะมิโนและโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

    การค้นพบเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของชีวิตบนดาวอังคาร
    ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำและแร่ธาตุ

    ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิตโดยตรง
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิต

    ความเข้าใจปัจจัยทางธรณีวิทยายังไม่สมบูรณ์
    ต้องใช้แบบจำลองและการสำรวจต่อเนื่องเพื่อหาคำตอบ

    https://www.sciencealert.com/curiosity-cracked-open-a-rock-on-mars-and-revealed-a-big-surprise
    🚀 การค้นพบที่ไม่คาดคิด เมื่อ Curiosity Rover เคลื่อนตัวผ่านหินในช่องทาง Gediz Vallis Channel หินก้อนหนึ่งแตกออก เผยให้เห็นผลึกสีเหลืองสดของ กำมะถันบริสุทธิ์ (elemental sulfur) ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบซัลเฟตที่เคยพบมาก่อนบนดาวอังคาร การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบกำมะถันในรูปแบบบริสุทธิ์บนดาวเคราะห์สีแดง 🔬 ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์ ซัลเฟต (sulfates) มักเกิดจากการที่กำมะถันผสมกับแร่ธาตุในน้ำแล้วตกผลึกเมื่อระเหย แต่ กำมะถันบริสุทธิ์ ต้องการเงื่อนไขเฉพาะที่ยังไม่เคยถูกบันทึกในพื้นที่ดังกล่าว การพบกำมะถันจำนวนมากในพื้นที่นี้จึงบ่งชี้ว่าอาจมีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ และอาจเป็นเบาะแสสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์น้ำบนดาวอังคาร 🌍 ความเชื่อมโยงกับชีวิต กำมะถันเป็นธาตุจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ใช้สร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีน แม้การค้นพบนี้ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิต แต่ก็เพิ่มข้อมูลว่า ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำ แร่ธาตุ และสภาพที่เคยเอื้อต่อการอยู่อาศัยในอดีต 🛰️ ก้าวต่อไปของการสำรวจ นักวิทยาศาสตร์วางแผนใช้แบบจำลองทางธรณีวิทยาเพื่ออธิบายว่ากำมะถันบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้อย่างไรบนดาวอังคาร ขณะเดียวกัน Curiosity จะยังคงสำรวจเส้นทางใน Gediz Vallis Channel ต่อไป เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดาวอังคารและความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Curiosity Rover พบกำมะถันบริสุทธิ์บนดาวอังคาร ➡️ เป็นครั้งแรกที่พบธาตุนี้ในรูปแบบบริสุทธิ์ ไม่ใช่สารประกอบซัลเฟต ✅ กำมะถันบริสุทธิ์ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการเกิด ➡️ บ่งชี้ว่ามีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ ✅ กำมะถันเป็นธาตุสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต ➡️ ใช้สร้างกรดอะมิโนและโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ✅ การค้นพบเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของชีวิตบนดาวอังคาร ➡️ ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำและแร่ธาตุ ‼️ ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิตโดยตรง ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิต ‼️ ความเข้าใจปัจจัยทางธรณีวิทยายังไม่สมบูรณ์ ⛔ ต้องใช้แบบจำลองและการสำรวจต่อเนื่องเพื่อหาคำตอบ https://www.sciencealert.com/curiosity-cracked-open-a-rock-on-mars-and-revealed-a-big-surprise
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Curiosity Cracked Open a Rock on Mars And Revealed a Big Surprise
    A rock on Mars spilled a surprising yellow treasure after Curiosity accidentally cracked through its unremarkable exterior.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาที่อุจจาระอยู่ในร่างกายบอกสุขภาพได้
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนพบว่า คนที่มีการเคลื่อนผ่านของอุจจาระเร็ว (fast transit) และ ช้า (slow transit) มีความแตกต่างของจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสารเมตาโบไลต์และสมดุลกรดในลำไส้ การเคลื่อนที่เร็วเกินไปอาจทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่ ขณะที่การเคลื่อนที่ช้าเกินไปอาจก่อให้เกิดการหมักและสารพิษสะสม

    ข้อมูลจากงานวิจัยสากล
    การศึกษาในวารสาร BMJ Gut ระบุว่า เวลาการเดินทางของอาหารทั้งระบบ (Whole Gut Transit Time) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ชั่วโมง แต่สามารถแตกต่างได้ตั้งแต่ 10–73 ชั่วโมง ขึ้นกับอาหาร อายุ และกิจกรรม คนที่มีเวลานานเกินไปมักเสี่ยงต่อโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ส่วนคนที่เร็วเกินไปเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง

    ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน
    งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันมักเริ่มมีอาการท้องผูกนานหลายสิบปีก่อนโรคแสดงออกทางสมอง การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อการผลิตวิตามินบีและกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและการอักเสบ การดูแลสุขภาพลำไส้จึงอาจช่วยชะลอหรือบรรเทาอาการของโรคได้

    ปัจจัยที่ปรับได้ในชีวิตประจำวัน
    นักโภชนาการแนะนำว่า การกินไฟเบอร์ 25–50 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำ 2–3 ลิตร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยปรับเวลาเคลื่อนผ่านของอุจจาระให้อยู่ในระดับเหมาะสม นอกจากนี้การใช้โปรไบโอติกและการลดอาหารแปรรูปก็มีส่วนช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุลมากขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Gut Transit Time มีผลต่อสุขภาพโดยตรง
    ค่าเฉลี่ยในคนปกติ ~28 ชั่วโมง แต่มีความแปรผันสูง

    การเคลื่อนที่เร็วเกินไป
    เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง

    การเคลื่อนที่ช้าเกินไป
    เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS

    ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน
    การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อระบบประสาท

    การปรับพฤติกรรมช่วยได้
    เพิ่มไฟเบอร์ ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และใช้โปรไบโอติก

    สัญญาณเตือนจากระบบขับถ่าย
    ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออุจจาระแข็ง/เหลวผิดปกติ

    ความเสี่ยงจากการละเลยสุขภาพลำไส้
    อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น เมตาบอลิกซินโดรม และโรคทางสมอง

    https://www.sciencealert.com/how-long-poop-stays-in-your-body-could-impact-your-health-study-finds
    🧬 เวลาที่อุจจาระอยู่ในร่างกายบอกสุขภาพได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนพบว่า คนที่มีการเคลื่อนผ่านของอุจจาระเร็ว (fast transit) และ ช้า (slow transit) มีความแตกต่างของจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสารเมตาโบไลต์และสมดุลกรดในลำไส้ การเคลื่อนที่เร็วเกินไปอาจทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่ ขณะที่การเคลื่อนที่ช้าเกินไปอาจก่อให้เกิดการหมักและสารพิษสะสม 🩺 ข้อมูลจากงานวิจัยสากล การศึกษาในวารสาร BMJ Gut ระบุว่า เวลาการเดินทางของอาหารทั้งระบบ (Whole Gut Transit Time) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ชั่วโมง แต่สามารถแตกต่างได้ตั้งแต่ 10–73 ชั่วโมง ขึ้นกับอาหาร อายุ และกิจกรรม คนที่มีเวลานานเกินไปมักเสี่ยงต่อโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ส่วนคนที่เร็วเกินไปเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง 🧠 ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันมักเริ่มมีอาการท้องผูกนานหลายสิบปีก่อนโรคแสดงออกทางสมอง การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อการผลิตวิตามินบีและกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและการอักเสบ การดูแลสุขภาพลำไส้จึงอาจช่วยชะลอหรือบรรเทาอาการของโรคได้ 🍎 ปัจจัยที่ปรับได้ในชีวิตประจำวัน นักโภชนาการแนะนำว่า การกินไฟเบอร์ 25–50 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำ 2–3 ลิตร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยปรับเวลาเคลื่อนผ่านของอุจจาระให้อยู่ในระดับเหมาะสม นอกจากนี้การใช้โปรไบโอติกและการลดอาหารแปรรูปก็มีส่วนช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุลมากขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Gut Transit Time มีผลต่อสุขภาพโดยตรง ➡️ ค่าเฉลี่ยในคนปกติ ~28 ชั่วโมง แต่มีความแปรผันสูง ✅ การเคลื่อนที่เร็วเกินไป ➡️ เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง ✅ การเคลื่อนที่ช้าเกินไป ➡️ เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ✅ ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน ➡️ การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อระบบประสาท ✅ การปรับพฤติกรรมช่วยได้ ➡️ เพิ่มไฟเบอร์ ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และใช้โปรไบโอติก ‼️ สัญญาณเตือนจากระบบขับถ่าย ⛔ ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออุจจาระแข็ง/เหลวผิดปกติ ‼️ ความเสี่ยงจากการละเลยสุขภาพลำไส้ ⛔ อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น เมตาบอลิกซินโดรม และโรคทางสมอง https://www.sciencealert.com/how-long-poop-stays-in-your-body-could-impact-your-health-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    How Long Poop Stays in Your Body Could Impact Your Health, Study Finds
    Whether poop speeds through your gut like a bullet train or takes a more smell-the-roses approach could have more profound implications for your overall health than a first glance would suggest.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar

    Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ
    เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized

    ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech”
    https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split

    AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง
    Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera

    รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้
    Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา
    https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review

    หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel
    มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch

    Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5
    เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset

    รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication
    หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป
    https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are

    โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก
    Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป
    https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring

    ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI
    AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง
    https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era

    Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ
    แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่
    https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized

    Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น
    แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s

    กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ
    มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure

    รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC
    บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ
    https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review

    ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac
    ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app

    กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech
    กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill

    Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review
    เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้
    https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review

    OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ
    OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus

    รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล”
    รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block

    Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า
    Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้
    https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories

    Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer
    Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders

    Zettlab D6 NAS Review
    นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review

    ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด
    บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze

    ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว
    ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions

    ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล
    รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban

    กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว
    รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน
    https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency



    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar 🤖 Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized 🏛️ ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech” 🔗 https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split ☁️ AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models 🕵️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera 💻 รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้ Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review ⚙️ หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch 📱 Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5 เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset 🔐 รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are 🎄 โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring 🤖 ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era 💰 Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized 📖 Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s 🎮 กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure 💻 รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review 🌐 ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app ⚖️ กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill 📡 Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review 📱 OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus 🚫 รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล” รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block 🤖 Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories 💻 Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders 💾 Zettlab D6 NAS Review นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review 🧩 ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze 📢 ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions 🛡️ ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban 🛍️ กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline

    React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182
    ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components

    WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว
    WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา
    Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที
    https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0

    AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ
    ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน
    https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops

    AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data
    AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว
    https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data

    Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI
    Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง
    https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models

    Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ
    Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต
    https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite

    AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2
    AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง
    https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476)
    มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders

    แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python
    นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น
    https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm

    Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่
    มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available

    Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware
    มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง
    https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access

    ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย
    มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน
    https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates

    ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites

    อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram
    รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่
    https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours

    OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini
    OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน
    https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat

    Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028
    เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม
    https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028

    อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว
    ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร
    https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch

    Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่
    https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up

    AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่
    Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่
    https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security

    AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI
    AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง
    https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers

    AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises
    AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล
    https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty

    AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI
    AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก
    https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline 🛡️ React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components ⚠️ WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 🚨 Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที 🔗 https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0 🧑‍💻 AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน 🔗 https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops 📦 AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว 🔗 https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data 💾 Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง 🔗 https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models 📱 Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite ⚙️ AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2 AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง 🔗 https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models 🛠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476) มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders 🐍 แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm 🐝 Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่ มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available 🔒 Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง 🔗 https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access 🕵️ ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites 📱 อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours 🚨 OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน 🔗 https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat 🔒 Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม 🔗 https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028 💻 อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร 🔗 https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch 📞 Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up ☁️ AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่ Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ 🔗 https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security ⚡ AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง 🔗 https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers 🏭 AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล 🔗 https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty 🤖 AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • Titanload สายพาวเวอร์รุ่นใหม่จาก Segotep

    Segotep ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จากจีนเปิดตัวสาย Titanload 12V-2x6 ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหัวต่อพาวเวอร์การ์ดจอที่หลอมละลาย โดยใช้ ขั้วต่อที่รองรับกระแสสูงกว่า มาตรฐาน ATX 3.0 (9.2A) โดยรุ่น Titanload ใช้ขั้ว 12A และ Titanload EX ใช้ขั้ว 14A ทำให้มี Margin ความปลอดภัยสูงขึ้นถึง 52% เมื่อเทียบกับมาตรฐานเดิม ผลการทดสอบพบว่าอุณหภูมิลดลงได้มากกว่า 70% ในบางกรณี ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาแบบ “Brute-force” ที่เน้นความแข็งแรงของวัสดุ

    ปัญหาที่แท้จริงของหัวต่อ 12VHPWR/12V-2x6
    แม้ Segotep จะพยายามแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มความทนทาน แต่รายงานจากหลายสำนักยังชี้ว่า หัวต่อ 12VHPWR มีข้อบกพร่องเชิงโครงสร้าง เช่นการกระจายกระแสไม่สม่ำเสมอ และพื้นที่สัมผัสที่เล็กเกินไป ทำให้บางขั้วรับกระแสมากเกินจนเกิดความร้อนสูงและหลอมละลาย ปัญหานี้ถูกพบทั้งใน RTX 4090 และล่าสุด RTX 5090/5080 ซึ่งกินไฟสูงสุดถึง 600W และบางครั้งพุ่งไปถึง 644W ในการทดสอบ ทำให้หัวต่อทำงานใกล้ขีดจำกัดตลอดเวลา

    ความเสี่ยงที่ยังคงอยู่
    นักรีวิวและผู้เชี่ยวชาญหลายราย เช่น Der8auer และ JayzTwoCents พบว่าแม้จะใช้สายคุณภาพสูงก็ยังเกิดการหลอมละลายได้ เนื่องจาก การออกแบบที่ไม่สมบูรณ์ และการตัดวงจรตรวจสอบโหลดออกจาก GPU รุ่นใหม่ ทำให้ไม่สามารถบาลานซ์กระแสระหว่างขั้วได้ หากมีการเสียบไม่แน่นหรือเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย ก็อาจทำให้ขั้วบางจุดรับกระแสเกินพิกัดจนเกิดความเสียหายรุนแรง

    ทางเลือกและข้อเสนอแนะ
    บางผู้เชี่ยวชาญเสนอว่าอาจต้องกลับไปใช้หัวต่อ 8-pin แบบเดิมหลายชุด ซึ่งมี Margin ความปลอดภัยสูงกว่า และไม่เคยมีรายงานการหลอมละลายภายใต้การใช้งานปกติ หรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่นหัวต่อที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับกระแสต่อขั้ว เพื่อแจ้งเตือนก่อนเกิดความร้อนสูงเกินไป อย่างไรก็ตาม Segotep Titanload ถือเป็นหนึ่งในความพยายามที่น่าสนใจในการแก้ปัญหานี้

    สรุปสาระสำคัญ
    Segotep Titanload เปิดตัวสายพาวเวอร์ใหม่
    ใช้ขั้วต่อ 12A และ 14A เพิ่ม Margin ความปลอดภัยสูงสุด 52%
    ลดอุณหภูมิได้ถึง 72% เมื่อเทียบกับสายมาตรฐาน

    ผลการทดสอบจริง
    Titanload EX ลดความร้อน Hotspot ได้มากกว่า 53%
    ภายใต้โหลดสูงยังคงรักษาอุณหภูมิไม่เกิน 95°C

    ปัญหาหัวต่อ 12VHPWR/12V-2x6 ยังไม่หมดไป
    กระแสไม่กระจายสม่ำเสมอ ทำให้บางขั้วรับโหลดเกินพิกัด
    มีรายงานการหลอมละลายทั้งใน RTX 4090, 5080 และ 5090

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้งาน
    หากเสียบไม่แน่นหรือเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย อาจทำให้ GPU เสียหาย
    การตัดวงจรตรวจสอบโหลดออกจาก GPU รุ่นใหม่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการล้มเหลว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/segoteps-titanload-12v-2x6-cables-use-heavier-duty-pins-to-prevent-meltdowns-brute-force-approach-purportedly-drops-peak-temps-by-up-to-72-percent
    🔌 Titanload สายพาวเวอร์รุ่นใหม่จาก Segotep Segotep ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จากจีนเปิดตัวสาย Titanload 12V-2x6 ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหัวต่อพาวเวอร์การ์ดจอที่หลอมละลาย โดยใช้ ขั้วต่อที่รองรับกระแสสูงกว่า มาตรฐาน ATX 3.0 (9.2A) โดยรุ่น Titanload ใช้ขั้ว 12A และ Titanload EX ใช้ขั้ว 14A ทำให้มี Margin ความปลอดภัยสูงขึ้นถึง 52% เมื่อเทียบกับมาตรฐานเดิม ผลการทดสอบพบว่าอุณหภูมิลดลงได้มากกว่า 70% ในบางกรณี ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาแบบ “Brute-force” ที่เน้นความแข็งแรงของวัสดุ ⚡ ปัญหาที่แท้จริงของหัวต่อ 12VHPWR/12V-2x6 แม้ Segotep จะพยายามแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มความทนทาน แต่รายงานจากหลายสำนักยังชี้ว่า หัวต่อ 12VHPWR มีข้อบกพร่องเชิงโครงสร้าง เช่นการกระจายกระแสไม่สม่ำเสมอ และพื้นที่สัมผัสที่เล็กเกินไป ทำให้บางขั้วรับกระแสมากเกินจนเกิดความร้อนสูงและหลอมละลาย ปัญหานี้ถูกพบทั้งใน RTX 4090 และล่าสุด RTX 5090/5080 ซึ่งกินไฟสูงสุดถึง 600W และบางครั้งพุ่งไปถึง 644W ในการทดสอบ ทำให้หัวต่อทำงานใกล้ขีดจำกัดตลอดเวลา 🔥 ความเสี่ยงที่ยังคงอยู่ นักรีวิวและผู้เชี่ยวชาญหลายราย เช่น Der8auer และ JayzTwoCents พบว่าแม้จะใช้สายคุณภาพสูงก็ยังเกิดการหลอมละลายได้ เนื่องจาก การออกแบบที่ไม่สมบูรณ์ และการตัดวงจรตรวจสอบโหลดออกจาก GPU รุ่นใหม่ ทำให้ไม่สามารถบาลานซ์กระแสระหว่างขั้วได้ หากมีการเสียบไม่แน่นหรือเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย ก็อาจทำให้ขั้วบางจุดรับกระแสเกินพิกัดจนเกิดความเสียหายรุนแรง 🛡️ ทางเลือกและข้อเสนอแนะ บางผู้เชี่ยวชาญเสนอว่าอาจต้องกลับไปใช้หัวต่อ 8-pin แบบเดิมหลายชุด ซึ่งมี Margin ความปลอดภัยสูงกว่า และไม่เคยมีรายงานการหลอมละลายภายใต้การใช้งานปกติ หรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่นหัวต่อที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับกระแสต่อขั้ว เพื่อแจ้งเตือนก่อนเกิดความร้อนสูงเกินไป อย่างไรก็ตาม Segotep Titanload ถือเป็นหนึ่งในความพยายามที่น่าสนใจในการแก้ปัญหานี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Segotep Titanload เปิดตัวสายพาวเวอร์ใหม่ ➡️ ใช้ขั้วต่อ 12A และ 14A เพิ่ม Margin ความปลอดภัยสูงสุด 52% ➡️ ลดอุณหภูมิได้ถึง 72% เมื่อเทียบกับสายมาตรฐาน ✅ ผลการทดสอบจริง ➡️ Titanload EX ลดความร้อน Hotspot ได้มากกว่า 53% ➡️ ภายใต้โหลดสูงยังคงรักษาอุณหภูมิไม่เกิน 95°C ‼️ ปัญหาหัวต่อ 12VHPWR/12V-2x6 ยังไม่หมดไป ⛔ กระแสไม่กระจายสม่ำเสมอ ทำให้บางขั้วรับโหลดเกินพิกัด ⛔ มีรายงานการหลอมละลายทั้งใน RTX 4090, 5080 และ 5090 ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้งาน ⛔ หากเสียบไม่แน่นหรือเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย อาจทำให้ GPU เสียหาย ⛔ การตัดวงจรตรวจสอบโหลดออกจาก GPU รุ่นใหม่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการล้มเหลว https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/segoteps-titanload-12v-2x6-cables-use-heavier-duty-pins-to-prevent-meltdowns-brute-force-approach-purportedly-drops-peak-temps-by-up-to-72-percent
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพบปะระหว่างทรัมป์และซีอีโอ Nvidia

    เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่า ทรัมป์ได้พบกับเจนเซน ฮวง ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อหารือเกี่ยวกับ ข้อจำกัดการส่งออกชิปประมวลผล AI ไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “countries of concern” การพบปะครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ Nvidia ในฐานะบริษัทที่มีบทบาทนำในตลาด AI และชิปประสิทธิภาพสูง

    ความกังวลของ Nvidia
    ฮวงได้แสดงความกังวลว่า กฎหมายที่บังคับให้ขายชิปให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออก อาจทำให้การแข่งขันระดับโลกชะลอตัว และลดความสามารถของสหรัฐฯ ในการรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI เขายังกล่าวในพอดแคสต์กับ Joe Rogan ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตอบสนองต่อข้อกังวลของเขาเสมอ และย้ำว่าการแข่งขันด้าน AI จะไม่ใช่การ “ชนะทันที” แต่เป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    มิติด้านความมั่นคงและการแข่งขันโลก
    การควบคุมการส่งออกชิปถูกมองว่าเป็น กลยุทธ์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศคู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีที่อาจใช้ในด้านการทหารหรือการพัฒนา AI ขั้นสูง อย่างไรก็ตาม Nvidia และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่าการจำกัดมากเกินไปอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียความได้เปรียบเชิงพาณิชย์และนวัตกรรม

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    หากมาตรการควบคุมเข้มงวดเกินไป อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้คู่แข่งจากจีนหรือยุโรปเข้ามาแทนที่ ขณะเดียวกันก็อาจกระทบต่อการลงทุนและการพัฒนา AI ภายในประเทศเอง

    สรุปสาระสำคัญ
    การพบปะระหว่างทรัมป์และเจนเซน ฮวง
    หารือเรื่องมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI

    ความกังวลของ Nvidia
    กฎหมายบังคับขายในประเทศก่อนส่งออกอาจลดความสามารถในการแข่งขัน

    มิติด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    สหรัฐฯ ต้องการป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรม AI
    อาจทำให้บริษัทสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศและลดแรงจูงใจในการลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/trump-met-with-nvidia-ceo-jensen-huang-about-export-controls-cbs-news039-reporter-says
    🤝 การพบปะระหว่างทรัมป์และซีอีโอ Nvidia เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่า ทรัมป์ได้พบกับเจนเซน ฮวง ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อหารือเกี่ยวกับ ข้อจำกัดการส่งออกชิปประมวลผล AI ไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “countries of concern” การพบปะครั้งนี้สะท้อนถึงความสำคัญของ Nvidia ในฐานะบริษัทที่มีบทบาทนำในตลาด AI และชิปประสิทธิภาพสูง ⚙️ ความกังวลของ Nvidia ฮวงได้แสดงความกังวลว่า กฎหมายที่บังคับให้ขายชิปให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออก อาจทำให้การแข่งขันระดับโลกชะลอตัว และลดความสามารถของสหรัฐฯ ในการรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI เขายังกล่าวในพอดแคสต์กับ Joe Rogan ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตอบสนองต่อข้อกังวลของเขาเสมอ และย้ำว่าการแข่งขันด้าน AI จะไม่ใช่การ “ชนะทันที” แต่เป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 🔮 มิติด้านความมั่นคงและการแข่งขันโลก การควบคุมการส่งออกชิปถูกมองว่าเป็น กลยุทธ์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศคู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีที่อาจใช้ในด้านการทหารหรือการพัฒนา AI ขั้นสูง อย่างไรก็ตาม Nvidia และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่าการจำกัดมากเกินไปอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียความได้เปรียบเชิงพาณิชย์และนวัตกรรม ⚠️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI หากมาตรการควบคุมเข้มงวดเกินไป อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้คู่แข่งจากจีนหรือยุโรปเข้ามาแทนที่ ขณะเดียวกันก็อาจกระทบต่อการลงทุนและการพัฒนา AI ภายในประเทศเอง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพบปะระหว่างทรัมป์และเจนเซน ฮวง ➡️ หารือเรื่องมาตรการควบคุมการส่งออกชิป AI ✅ ความกังวลของ Nvidia ➡️ กฎหมายบังคับขายในประเทศก่อนส่งออกอาจลดความสามารถในการแข่งขัน ✅ มิติด้านความมั่นคงแห่งชาติ ➡️ สหรัฐฯ ต้องการป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ‼️ ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรม AI ⛔ อาจทำให้บริษัทสหรัฐฯ สูญเสียตลาดต่างประเทศและลดแรงจูงใจในการลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/trump-met-with-nvidia-ceo-jensen-huang-about-export-controls-cbs-news039-reporter-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump met with Nvidia CEO Jensen Huang on export controls, source says
    Dec 3 (Reuters) - U.S. President Donald Trump met with chip giant Nvidia's CEO Jensen Huang on Wednesday to discuss export controls, a source familiar with the matter told Reuters.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • การยอมรับมาตรฐานรถยนต์ของสหรัฐฯ ทำให้คนในยุโรปมีความเสี่ยง

    บทความนี้เตือนว่าการยอมรับมาตรฐานความปลอดภัยรถยนต์ของสหรัฐฯ ในยุโรป อาจทำให้ชีวิตประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากมาตรฐานของสหรัฐฯ เข้มงวดน้อยกว่าและไม่สอดคล้องกับสภาพการจราจรในยุโรป

    ความแตกต่างของมาตรฐานรถยนต์
    องค์กรภาคประชาสังคมและเมืองใหญ่ในยุโรปออกมาเตือนว่า มาตรฐานความปลอดภัยของสหรัฐฯ มีข้อกำหนดที่อ่อนกว่า เช่น การทดสอบการชนด้านหน้าและด้านข้าง รวมถึงการออกแบบรถที่เน้นความสะดวกสบายมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนที่เปราะบางอย่างคนเดินเท้าและนักปั่นจักรยาน ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานของยุโรปที่เข้มงวดกว่า

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ถนน
    ในยุโรปมีการใช้จักรยานและการเดินเท้าเป็นจำนวนมาก หากนำมาตรฐานสหรัฐฯ มาใช้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะจากรถ SUV และรถกระบะที่มีขนาดใหญ่และหนัก ซึ่งในสหรัฐฯ ได้รับความนิยม แต่ในยุโรปถูกมองว่าเป็นภัยต่อผู้ใช้ถนนที่ไม่มีการป้องกัน

    มิติทางการเมืองและเศรษฐกิจ
    การถกเถียงนี้เกิดขึ้นในบริบทของการเจรจาการค้าและการลดอุปสรรคทางเทคนิค หากยุโรปยอมรับมาตรฐานสหรัฐฯ อาจทำให้ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันเข้ามาแข่งขันได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบกฎหมายและมาตรฐานยุโรป

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    นักวิชาการและองค์กรความปลอดภัยทางถนนชี้ว่า การลดมาตรฐานเพื่อเอื้อการค้าอาจเป็นการ “แลกชีวิตคนกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ” และเรียกร้องให้สหภาพยุโรปยืนยันมาตรฐานที่เข้มงวดต่อไป เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน

    สรุปสาระสำคัญ
    มาตรฐานรถยนต์สหรัฐฯ อ่อนกว่า
    การทดสอบการชนและการออกแบบไม่คำนึงถึงผู้ใช้ถนนที่เปราะบาง

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ถนนในยุโรป
    รถ SUV และรถกระบะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อคนเดินเท้าและนักปั่นจักรยาน

    มิติทางการค้าและเศรษฐกิจ
    การยอมรับมาตรฐานสหรัฐฯ อาจเอื้อผู้ผลิตรถยนต์อเมริกัน แต่ลดความปลอดภัย

    ความเสี่ยงต่อชีวิตประชาชน
    การลดมาตรฐานอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงมากขึ้น

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    การแลกเปลี่ยนมาตรฐานเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นและความปลอดภัย

    https://etsc.eu/accepting-us-car-standards-would-risk-european-lives-warn-cities-and-civil-society/
    🗺️ การยอมรับมาตรฐานรถยนต์ของสหรัฐฯ ทำให้คนในยุโรปมีความเสี่ยง บทความนี้เตือนว่าการยอมรับมาตรฐานความปลอดภัยรถยนต์ของสหรัฐฯ ในยุโรป อาจทำให้ชีวิตประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากมาตรฐานของสหรัฐฯ เข้มงวดน้อยกว่าและไม่สอดคล้องกับสภาพการจราจรในยุโรป 🚗 ความแตกต่างของมาตรฐานรถยนต์ องค์กรภาคประชาสังคมและเมืองใหญ่ในยุโรปออกมาเตือนว่า มาตรฐานความปลอดภัยของสหรัฐฯ มีข้อกำหนดที่อ่อนกว่า เช่น การทดสอบการชนด้านหน้าและด้านข้าง รวมถึงการออกแบบรถที่เน้นความสะดวกสบายมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนที่เปราะบางอย่างคนเดินเท้าและนักปั่นจักรยาน ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานของยุโรปที่เข้มงวดกว่า 🧑‍🤝‍🧑 ผลกระทบต่อผู้ใช้ถนน ในยุโรปมีการใช้จักรยานและการเดินเท้าเป็นจำนวนมาก หากนำมาตรฐานสหรัฐฯ มาใช้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะจากรถ SUV และรถกระบะที่มีขนาดใหญ่และหนัก ซึ่งในสหรัฐฯ ได้รับความนิยม แต่ในยุโรปถูกมองว่าเป็นภัยต่อผู้ใช้ถนนที่ไม่มีการป้องกัน ⚖️ มิติทางการเมืองและเศรษฐกิจ การถกเถียงนี้เกิดขึ้นในบริบทของการเจรจาการค้าและการลดอุปสรรคทางเทคนิค หากยุโรปยอมรับมาตรฐานสหรัฐฯ อาจทำให้ผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันเข้ามาแข่งขันได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบกฎหมายและมาตรฐานยุโรป ⚠️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการและองค์กรความปลอดภัยทางถนนชี้ว่า การลดมาตรฐานเพื่อเอื้อการค้าอาจเป็นการ “แลกชีวิตคนกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ” และเรียกร้องให้สหภาพยุโรปยืนยันมาตรฐานที่เข้มงวดต่อไป เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ มาตรฐานรถยนต์สหรัฐฯ อ่อนกว่า ➡️ การทดสอบการชนและการออกแบบไม่คำนึงถึงผู้ใช้ถนนที่เปราะบาง ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ถนนในยุโรป ➡️ รถ SUV และรถกระบะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อคนเดินเท้าและนักปั่นจักรยาน ✅ มิติทางการค้าและเศรษฐกิจ ➡️ การยอมรับมาตรฐานสหรัฐฯ อาจเอื้อผู้ผลิตรถยนต์อเมริกัน แต่ลดความปลอดภัย ‼️ ความเสี่ยงต่อชีวิตประชาชน ⛔ การลดมาตรฐานอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงมากขึ้น ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ การแลกเปลี่ยนมาตรฐานเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นและความปลอดภัย https://etsc.eu/accepting-us-car-standards-would-risk-european-lives-warn-cities-and-civil-society/
    ETSC.EU
    Accepting US car standards would risk European lives, warn cities and civil society
    Opening the EU market to vehicles certified under US standards would weaken the protections that save lives in Europe, say more than 80 civil society organisations and the administrations of Amsterdam…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 แพลตฟอร์ม Dark Web Intelligence ที่ดีที่สุดในปี 2026

    บทความนี้แนะนำ 5 แพลตฟอร์ม Dark Web Intelligence ที่ดีที่สุดในปี 2026 ได้แก่ Lunar (Webz.io), ZeroFox, DarkOwl, Cyble และ Recorded Future โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นด้านการเก็บข้อมูล, การตรวจจับภัยคุกคาม, การวิเคราะห์ผู้โจมตี และการผสานเข้ากับระบบองค์กรเพื่อป้องกันภัยไซเบอร์เชิงรุก

    ความสำคัญของ Dark Web Intelligence
    โลกไซเบอร์ในปัจจุบันไม่ได้มีแค่การป้องกันด้วย Firewall หรือ Antivirus อีกต่อไป เพราะภัยคุกคามจำนวนมากเริ่มต้นจาก Dark Web ซึ่งเป็นพื้นที่เข้ารหัสและไม่ถูกควบคุม ใช้สำหรับการซื้อขายข้อมูลรั่วไหล, มัลแวร์, และการวางแผนโจมตี การใช้ Dark Web Intelligence Platforms จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง

    5 แพลตฟอร์มที่โดดเด่น
    Lunar (Webz.io)
    ครอบคลุมการเก็บข้อมูลจาก Tor, I2P และชุมชนออนไลน์หลายภาษา
    มีระบบ Machine Learning สำหรับตรวจจับ Entity และ Threat Indicators
    ผสานเข้ากับ SIEM และ API ได้โดยตรง

    ZeroFox
    เน้นการป้องกันแบรนด์และผู้บริหารจากการปลอมแปลงและ Credential Leak
    มีบริการ Automated Takedown เพื่อลบเนื้อหาที่เป็นภัยคุกคาม
    วิเคราะห์ Threat Actor และโครงสร้างการโจมตี

    DarkOwl
    มีฐานข้อมูล Dark Web ที่ใหญ่ที่สุดในเชิงพาณิชย์
    รองรับการค้นหาด้วย API และการทำ Threat Scoring อัตโนมัติ
    เหมาะสำหรับทีม Forensics และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย

    Cyble
    ใช้บอทอัตโนมัติสแกนตลาดมืดและฟอรั่มอย่างต่อเนื่อง
    มีระบบแจ้งเตือนแบบ Real-time พร้อมการจัดอันดับความเสี่ยง
    สร้างโปรไฟล์ผู้โจมตีและตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลซัพพลายเชน

    Recorded Future
    ครอบคลุมทั้ง Surface, Deep และ Dark Web
    ใช้ Machine Learning ในการจัดลำดับความเสี่ยงตามความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ
    รายงานระดับองค์กรและการผสานเข้ากับระบบ IR/SOAR

    บทบาทของ AI และ Automation
    แพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้ AI และ NLP เพื่อถอดรหัสภาษาสแลง, ตรวจจับพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้โจมตี และสร้างการแจ้งเตือนที่แม่นยำมากขึ้น รวมถึงการใช้ Collaborative Defence Models ที่ช่วยให้ข้อมูลภัยคุกคามถูกแชร์ระหว่างองค์กรและภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน


    https://hackread.com/best-dark-web-intelligence-platforms/
    🕍 5 แพลตฟอร์ม Dark Web Intelligence ที่ดีที่สุดในปี 2026 บทความนี้แนะนำ 5 แพลตฟอร์ม Dark Web Intelligence ที่ดีที่สุดในปี 2026 ได้แก่ Lunar (Webz.io), ZeroFox, DarkOwl, Cyble และ Recorded Future โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นด้านการเก็บข้อมูล, การตรวจจับภัยคุกคาม, การวิเคราะห์ผู้โจมตี และการผสานเข้ากับระบบองค์กรเพื่อป้องกันภัยไซเบอร์เชิงรุก 🌐 ความสำคัญของ Dark Web Intelligence โลกไซเบอร์ในปัจจุบันไม่ได้มีแค่การป้องกันด้วย Firewall หรือ Antivirus อีกต่อไป เพราะภัยคุกคามจำนวนมากเริ่มต้นจาก Dark Web ซึ่งเป็นพื้นที่เข้ารหัสและไม่ถูกควบคุม ใช้สำหรับการซื้อขายข้อมูลรั่วไหล, มัลแวร์, และการวางแผนโจมตี การใช้ Dark Web Intelligence Platforms จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง 🛡️ 5 แพลตฟอร์มที่โดดเด่น 🔩 Lunar (Webz.io) ➡️ ครอบคลุมการเก็บข้อมูลจาก Tor, I2P และชุมชนออนไลน์หลายภาษา ➡️ มีระบบ Machine Learning สำหรับตรวจจับ Entity และ Threat Indicators ➡️ ผสานเข้ากับ SIEM และ API ได้โดยตรง 🔩 ZeroFox ➡️ เน้นการป้องกันแบรนด์และผู้บริหารจากการปลอมแปลงและ Credential Leak ➡️ มีบริการ Automated Takedown เพื่อลบเนื้อหาที่เป็นภัยคุกคาม ➡️ วิเคราะห์ Threat Actor และโครงสร้างการโจมตี 🔩 DarkOwl ➡️ มีฐานข้อมูล Dark Web ที่ใหญ่ที่สุดในเชิงพาณิชย์ ➡️ รองรับการค้นหาด้วย API และการทำ Threat Scoring อัตโนมัติ ➡️ เหมาะสำหรับทีม Forensics และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย 🔩 Cyble ➡️ ใช้บอทอัตโนมัติสแกนตลาดมืดและฟอรั่มอย่างต่อเนื่อง ➡️ มีระบบแจ้งเตือนแบบ Real-time พร้อมการจัดอันดับความเสี่ยง ➡️ สร้างโปรไฟล์ผู้โจมตีและตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลซัพพลายเชน 🔩 Recorded Future ➡️ ครอบคลุมทั้ง Surface, Deep และ Dark Web ➡️ ใช้ Machine Learning ในการจัดลำดับความเสี่ยงตามความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ➡️ รายงานระดับองค์กรและการผสานเข้ากับระบบ IR/SOAR ⚙️ บทบาทของ AI และ Automation แพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้ AI และ NLP เพื่อถอดรหัสภาษาสแลง, ตรวจจับพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้โจมตี และสร้างการแจ้งเตือนที่แม่นยำมากขึ้น รวมถึงการใช้ Collaborative Defence Models ที่ช่วยให้ข้อมูลภัยคุกคามถูกแชร์ระหว่างองค์กรและภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน https://hackread.com/best-dark-web-intelligence-platforms/
    HACKREAD.COM
    Best 5 Dark Web Intelligence Platforms
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแฮกเกอร์ ShadyPanda ใช้เวลา 7 ปีในการสร้างความไว้วางใจผ่านส่วนขยาย Chrome และ Edge

    นักวิจัยจาก Koi Security เปิดเผยว่า ShadyPanda ใช้กลยุทธ์ “long game” โดยอัปโหลดส่วนขยายที่ดูปกติ เช่น Clean Master และ WeTab ให้ผู้ใช้ติดตั้ง เมื่อได้รับความไว้วางใจและยอดดาวน์โหลดสูงแล้ว จึงปล่อยอัปเดตที่แฝงโค้ดอันตราย ทำให้สามารถสอดแนมและควบคุมเครื่องได้โดยตรง

    สองปฏิบัติการหลัก
    Remote Code Execution (RCE) Backdoor: ส่วนขยายที่เคยได้รับการรับรองจาก Google ถูกเปลี่ยนเป็น backdoor สามารถรันโปรแกรมใด ๆ บนเครื่องได้โดยไม่รู้ตัว (กระทบผู้ใช้กว่า 300,000 คน)

    Spyware Empire: ส่วนขยายอย่าง WeTab (3 ล้านดาวน์โหลด) ถูกใช้เก็บข้อมูลทุก URL, คำค้นหา และแม้แต่การคลิกเมาส์ โดยส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน (กระทบผู้ใช้กว่า 4 ล้านคน)

    จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ
    การโจมตีครั้งนี้เผยให้เห็นว่า ตลาดส่วนขยายของ Chrome และ Edge เน้นตรวจสอบตอนส่งครั้งแรก แต่ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังจากนั้น ทำให้ ShadyPanda สามารถสร้างฐานผู้ใช้มหาศาลก่อนจะปล่อยการโจมตีจริงในปี 2024

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    Randolph Barr (Cequence Security): ย้ำว่ากลยุทธ์นี้เป็นหนึ่งใน supply chain attack ที่ยาวนานและซับซ้อนที่สุด

    Diane Downie (Black Duck): เตือนว่ามัลแวร์เลียนแบบโค้ดปกติได้ยากต่อการตรวจจับ และองค์กรควรใช้ Zero-Trust

    Trey Ford (Bugcrowd): ชี้ว่าการตรวจสอบส่วนขยายควรเน้นพฤติกรรมต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การส่งครั้งแรก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดการโจมตี ShadyPanda
    ใช้ส่วนขยาย Chrome/Edge ที่ดูปกติ
    แฝงโค้ดอันตรายหลังได้รับความไว้วางใจ

    สองปฏิบัติการหลัก
    RCE Backdoor (300,000 ผู้ใช้)
    Spyware Empire (4 ล้านผู้ใช้)

    จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ
    ตรวจสอบเฉพาะตอนส่งครั้งแรก
    ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังอัปเดต

    คำเตือนต่อผู้ใช้และองค์กร
    ส่วนขยายที่มีเรตติ้งสูงก็อาจเป็นอันตราย
    ข้อมูลส่วนตัวและ API keys เสี่ยงถูกขโมย
    ต้องใช้แนวทาง Zero-Trust และตรวจสอบพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง

    https://hackread.com/shadypanda-attack-spied-chrome-edge-users/
    🦹‍♀️ กลุ่มแฮกเกอร์ ShadyPanda ใช้เวลา 7 ปีในการสร้างความไว้วางใจผ่านส่วนขยาย Chrome และ Edge นักวิจัยจาก Koi Security เปิดเผยว่า ShadyPanda ใช้กลยุทธ์ “long game” โดยอัปโหลดส่วนขยายที่ดูปกติ เช่น Clean Master และ WeTab ให้ผู้ใช้ติดตั้ง เมื่อได้รับความไว้วางใจและยอดดาวน์โหลดสูงแล้ว จึงปล่อยอัปเดตที่แฝงโค้ดอันตราย ทำให้สามารถสอดแนมและควบคุมเครื่องได้โดยตรง ⚙️ สองปฏิบัติการหลัก 🪲 Remote Code Execution (RCE) Backdoor: ส่วนขยายที่เคยได้รับการรับรองจาก Google ถูกเปลี่ยนเป็น backdoor สามารถรันโปรแกรมใด ๆ บนเครื่องได้โดยไม่รู้ตัว (กระทบผู้ใช้กว่า 300,000 คน) 🪲 Spyware Empire: ส่วนขยายอย่าง WeTab (3 ล้านดาวน์โหลด) ถูกใช้เก็บข้อมูลทุก URL, คำค้นหา และแม้แต่การคลิกเมาส์ โดยส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน (กระทบผู้ใช้กว่า 4 ล้านคน) 🔒 จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ การโจมตีครั้งนี้เผยให้เห็นว่า ตลาดส่วนขยายของ Chrome และ Edge เน้นตรวจสอบตอนส่งครั้งแรก แต่ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังจากนั้น ทำให้ ShadyPanda สามารถสร้างฐานผู้ใช้มหาศาลก่อนจะปล่อยการโจมตีจริงในปี 2024 🌐 ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ 🧑‍🏫 Randolph Barr (Cequence Security): ย้ำว่ากลยุทธ์นี้เป็นหนึ่งใน supply chain attack ที่ยาวนานและซับซ้อนที่สุด 🧑‍🏫 Diane Downie (Black Duck): เตือนว่ามัลแวร์เลียนแบบโค้ดปกติได้ยากต่อการตรวจจับ และองค์กรควรใช้ Zero-Trust 🧑‍🏫 Trey Ford (Bugcrowd): ชี้ว่าการตรวจสอบส่วนขยายควรเน้นพฤติกรรมต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การส่งครั้งแรก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดการโจมตี ShadyPanda ➡️ ใช้ส่วนขยาย Chrome/Edge ที่ดูปกติ ➡️ แฝงโค้ดอันตรายหลังได้รับความไว้วางใจ ✅ สองปฏิบัติการหลัก ➡️ RCE Backdoor (300,000 ผู้ใช้) ➡️ Spyware Empire (4 ล้านผู้ใช้) ✅ จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ ➡️ ตรวจสอบเฉพาะตอนส่งครั้งแรก ➡️ ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังอัปเดต ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้และองค์กร ⛔ ส่วนขยายที่มีเรตติ้งสูงก็อาจเป็นอันตราย ⛔ ข้อมูลส่วนตัวและ API keys เสี่ยงถูกขโมย ⛔ ต้องใช้แนวทาง Zero-Trust และตรวจสอบพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง https://hackread.com/shadypanda-attack-spied-chrome-edge-users/
    HACKREAD.COM
    7 Year Long ShadyPanda Attack Spied on 4.3M Chrome and Edge Users
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหมายของ S และ P ในแบตเตอรี่

    บทความนี้อธิบายว่าอักษร S และ P บนแบตเตอรี่แพ็ก หมายถึงการจัดเรียงเซลล์แบบ Series (S) และ Parallel (P) ซึ่งส่งผลต่อแรงดันไฟฟ้าและความจุของแบตเตอรี่ โดยการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการของอุปกรณ์ เช่น เครื่องมือไฟฟ้า, e-bike, หรือรถยนต์ไฟฟ้า

    S (Series): การต่อเซลล์แบบอนุกรม โดยขั้วบวกของเซลล์หนึ่งต่อกับขั้วลบของอีกเซลล์ ทำให้แรงดันไฟฟ้ารวมกัน เช่น 2 เซลล์ 1.5V ต่ออนุกรมจะได้ 3V

    P (Parallel): การต่อเซลล์แบบขนาน โดยขั้วบวกทั้งหมดเชื่อมกัน และขั้วลบทั้งหมดเชื่อมกัน ทำให้แรงดันไฟฟ้าเท่าเดิม แต่ความจุเพิ่มขึ้น เช่น 2 เซลล์ 12V ต่อขนานยังคงได้ 12V แต่ความจุเป็นสองเท่า

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    เครื่องมือไฟฟ้า (Power Tools): ใช้การต่อแบบ Series เพื่อให้แรงดันสูงขึ้น เช่น DeWalt 20V MAX ใช้การต่อ 5 เซลล์อนุกรมเพื่อให้มอเตอร์มีแรงบิดสูง

    e-bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: ใช้การต่อผสมทั้ง Series และ Parallel เพื่อให้ได้ทั้งแรงดันและความจุ เช่น แบตเตอรี่ 4S2P หมายถึง 4 เซลล์อนุกรม แล้วนำ 2 ชุดมาต่อขนาน รวมแรงดัน 14.4V และความจุเพิ่มขึ้นสองเท่า

    รถยนต์ไฟฟ้า (EVs): ใช้การต่อที่ซับซ้อน เช่น Rivian ใช้ 12S72P และ Hummer EV ใช้ 192S3P เพื่อให้ได้แรงดันและพลังงานสูงมาก

    มุมมองเพิ่มเติม
    การเลือกใช้การต่อแบบ S หรือ P ขึ้นอยู่กับ ลักษณะการใช้งาน:
    อุปกรณ์ที่ต้องการแรงดันสูงและพลังงานระเบิดในช่วงสั้น → ใช้ Series
    อุปกรณ์ที่ต้องการทำงานต่อเนื่องยาวนาน → ใช้ Parallel หรือผสม S+P นี่คือเหตุผลที่แบตเตอรี่แพ็กมักมีการระบุทั้ง S และ P เช่น “13S4P” เพื่อบอกโครงสร้างภายในอย่างชัดเจน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความหมายของ S และ P
    S = Series → เพิ่มแรงดันไฟฟ้า
    P = Parallel → เพิ่มความจุพลังงาน

    ตัวอย่างการใช้งาน
    Power Tools ใช้ Series เพื่อแรงดันสูง
    e-bike ใช้ผสม S+P เพื่อแรงดันและความจุ
    EV ใช้โครงสร้างซับซ้อน เช่น 192S3P

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากเลือกแบตเตอรี่ไม่ตรงกับความต้องการ อาจทำให้อุปกรณ์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
    การต่อผิดวิธีอาจเสี่ยงต่อความเสียหายหรืออันตรายจากไฟฟ้า
    🔋 ความหมายของ S และ P ในแบตเตอรี่ บทความนี้อธิบายว่าอักษร S และ P บนแบตเตอรี่แพ็ก หมายถึงการจัดเรียงเซลล์แบบ Series (S) และ Parallel (P) ซึ่งส่งผลต่อแรงดันไฟฟ้าและความจุของแบตเตอรี่ โดยการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการของอุปกรณ์ เช่น เครื่องมือไฟฟ้า, e-bike, หรือรถยนต์ไฟฟ้า 💠 S (Series): การต่อเซลล์แบบอนุกรม โดยขั้วบวกของเซลล์หนึ่งต่อกับขั้วลบของอีกเซลล์ ทำให้แรงดันไฟฟ้ารวมกัน เช่น 2 เซลล์ 1.5V ต่ออนุกรมจะได้ 3V 💠 P (Parallel): การต่อเซลล์แบบขนาน โดยขั้วบวกทั้งหมดเชื่อมกัน และขั้วลบทั้งหมดเชื่อมกัน ทำให้แรงดันไฟฟ้าเท่าเดิม แต่ความจุเพิ่มขึ้น เช่น 2 เซลล์ 12V ต่อขนานยังคงได้ 12V แต่ความจุเป็นสองเท่า ⚙️ ตัวอย่างการใช้งานจริง 💠 เครื่องมือไฟฟ้า (Power Tools): ใช้การต่อแบบ Series เพื่อให้แรงดันสูงขึ้น เช่น DeWalt 20V MAX ใช้การต่อ 5 เซลล์อนุกรมเพื่อให้มอเตอร์มีแรงบิดสูง 💠 e-bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: ใช้การต่อผสมทั้ง Series และ Parallel เพื่อให้ได้ทั้งแรงดันและความจุ เช่น แบตเตอรี่ 4S2P หมายถึง 4 เซลล์อนุกรม แล้วนำ 2 ชุดมาต่อขนาน รวมแรงดัน 14.4V และความจุเพิ่มขึ้นสองเท่า 💠 รถยนต์ไฟฟ้า (EVs): ใช้การต่อที่ซับซ้อน เช่น Rivian ใช้ 12S72P และ Hummer EV ใช้ 192S3P เพื่อให้ได้แรงดันและพลังงานสูงมาก 🌐 มุมมองเพิ่มเติม การเลือกใช้การต่อแบบ S หรือ P ขึ้นอยู่กับ ลักษณะการใช้งาน: 💠 อุปกรณ์ที่ต้องการแรงดันสูงและพลังงานระเบิดในช่วงสั้น → ใช้ Series 💠 อุปกรณ์ที่ต้องการทำงานต่อเนื่องยาวนาน → ใช้ Parallel หรือผสม S+P นี่คือเหตุผลที่แบตเตอรี่แพ็กมักมีการระบุทั้ง S และ P เช่น “13S4P” เพื่อบอกโครงสร้างภายในอย่างชัดเจน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความหมายของ S และ P ➡️ S = Series → เพิ่มแรงดันไฟฟ้า ➡️ P = Parallel → เพิ่มความจุพลังงาน ✅ ตัวอย่างการใช้งาน ➡️ Power Tools ใช้ Series เพื่อแรงดันสูง ➡️ e-bike ใช้ผสม S+P เพื่อแรงดันและความจุ ➡️ EV ใช้โครงสร้างซับซ้อน เช่น 192S3P ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากเลือกแบตเตอรี่ไม่ตรงกับความต้องการ อาจทำให้อุปกรณ์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ การต่อผิดวิธีอาจเสี่ยงต่อความเสียหายหรืออันตรายจากไฟฟ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Microsoft

    บทความนี้เล่าถึง 12 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Microsoft ตั้งแต่การเปิดตัว Windows 95, การเข้าสู่ตลาดเกมด้วย Xbox, ความล้มเหลวของ Zune, ไปจนถึงการซื้อกิจการใหญ่ ๆ อย่าง Skype, LinkedIn และ Minecraft รวมถึงการเปิดตัวบริการสำคัญอย่าง Azure และ Teams

    12 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Microsoft ตามลำดับเวลา:
    1975 – ก่อตั้ง Microsoft Bill Gates และ Paul Allen ก่อตั้งบริษัทเพื่อพัฒนา software ให้กับ Altair 8800
    1985 – เปิดตัว Windows รุ่นแรก แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จมาก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ Windows
    1995 – เปิดตัว Windows 95 จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใช้งานง่ายขึ้นและแพร่หลายทั่วโลก
    2001 – เปิดตัว Xbox รุ่นแรก Microsoft เข้าสู่ตลาดเกมคอนโซลและกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Sony และ Nintendo
    2006 – เปิดตัว Zune พยายามแข่งขันกับ iPod แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และยุติในปี 2011
    2008 – เปิดตัว Azure Cloud Services ก้าวเข้าสู่ตลาดคลาวด์ ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการอันดับสองรองจาก AWS
    2009 – เปิดตัว Bing กลายเป็นเครื่องมือค้นหาหลักของ Microsoft และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    2010 – เปิดตัว Windows Phone ความพยายามเข้าสู่ตลาดมือถือ แต่ไม่สามารถแข่งขันกับ iOS และ Android ได้
    2011 – ซื้อกิจการ Skype ขยายเข้าสู่ตลาด VoIP และการสื่อสารออนไลน์
    2012 – เปิดตัว Surface Tablet รุ่นแรก เข้าสู่ตลาดแท็บเล็ต แข่งขันกับ Apple iPad
    2014 – ซื้อกิจการ Minecraft (Mojang) เสริมความแข็งแกร่งในตลาดเกม ด้วยเกมยอดนิยมระดับโลก
    2016 – ซื้อกิจการ LinkedIn ขยายเข้าสู่ตลาดเครือข่ายมืออาชีพ มูลค่าการซื้อกว่า $26.2 พันล้าน

    จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่: Windows 95
    Microsoft เริ่มต้นในปี 1975 แต่การเปิดตัว Windows 95 ในปี 1995 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้ง่ายขึ้น ระบบปฏิบัติการนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโปรแกรมและอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้านการเขียนโค้ด ถือเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ในยุคนั้น

    การเข้าสู่ตลาดเกม: Xbox
    ในปี 2001 Microsoft เปิดตัว Xbox รุ่นแรก ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ Nintendo และ Sony การมาพร้อมระบบดิสก์และความสามารถในการเล่น DVD ทำให้ Xbox ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และต่อยอดไปสู่ Xbox 360, Xbox One และ Xbox Series X|S ที่ยังคงเป็นหนึ่งในคอนโซลเกมหลักของโลก

    ความล้มเหลวและบทเรียน: Zune และ Windows Phone
    ปี 2006 Microsoft เปิดตัว Zune เพื่อต่อกรกับ iPod แต่ไม่ประสบความสำเร็จและถูกยุติในปี 2011 อย่างไรก็ตาม บทเรียนจาก Zune ถูกนำไปใช้พัฒนา Windows Phone ที่เปิดตัวในปี 2010 แม้ Windows Phone จะถูกยุติในปี 2017 แต่ก็ทำให้ Microsoft ได้เรียนรู้ว่าตลาดมือถือไม่ใช่จุดแข็งของบริษัท

    การขยายสู่บริการคลาวด์และซอฟต์แวร์
    ปี 2008 Microsoft เปิดตัว Azure Cloud Services ซึ่งปัจจุบันครองตลาดคลาวด์เป็นอันดับสองรองจาก AWS และในปี 2009 เปิดตัว Bing ที่ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือค้นหาหลักของโลก นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา Outlook.com (2013) และการเปิดตัว Teams (2017) ที่กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารสำคัญในองค์กรทั่วโลก

    การซื้อกิจการครั้งใหญ่
    Microsoft ใช้กลยุทธ์การซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจ เช่น:
    Skype (2011) เพื่อเข้าสู่ตลาด VoIP
    Minecraft (2014) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดเกม
    LinkedIn (2016) เพื่อครองตลาดเครือข่ายมืออาชีพ

    ทั้งหมดนี้ช่วยให้ Microsoft ขยายอิทธิพลไปสู่หลายอุตสาหกรรมและสร้างรายได้มหาศาล

    https://www.slashgear.com/1718888/most-important-moments-microsoft-history/
    💻 12 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Microsoft บทความนี้เล่าถึง 12 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Microsoft ตั้งแต่การเปิดตัว Windows 95, การเข้าสู่ตลาดเกมด้วย Xbox, ความล้มเหลวของ Zune, ไปจนถึงการซื้อกิจการใหญ่ ๆ อย่าง Skype, LinkedIn และ Minecraft รวมถึงการเปิดตัวบริการสำคัญอย่าง Azure และ Teams 📆 12 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Microsoft ตามลำดับเวลา: 1975 – ก่อตั้ง Microsoft Bill Gates และ Paul Allen ก่อตั้งบริษัทเพื่อพัฒนา software ให้กับ Altair 8800 1985 – เปิดตัว Windows รุ่นแรก แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จมาก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ Windows 1995 – เปิดตัว Windows 95 จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใช้งานง่ายขึ้นและแพร่หลายทั่วโลก 2001 – เปิดตัว Xbox รุ่นแรก Microsoft เข้าสู่ตลาดเกมคอนโซลและกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Sony และ Nintendo 2006 – เปิดตัว Zune พยายามแข่งขันกับ iPod แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และยุติในปี 2011 2008 – เปิดตัว Azure Cloud Services ก้าวเข้าสู่ตลาดคลาวด์ ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการอันดับสองรองจาก AWS 2009 – เปิดตัว Bing กลายเป็นเครื่องมือค้นหาหลักของ Microsoft และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 2010 – เปิดตัว Windows Phone ความพยายามเข้าสู่ตลาดมือถือ แต่ไม่สามารถแข่งขันกับ iOS และ Android ได้ 2011 – ซื้อกิจการ Skype ขยายเข้าสู่ตลาด VoIP และการสื่อสารออนไลน์ 2012 – เปิดตัว Surface Tablet รุ่นแรก เข้าสู่ตลาดแท็บเล็ต แข่งขันกับ Apple iPad 2014 – ซื้อกิจการ Minecraft (Mojang) เสริมความแข็งแกร่งในตลาดเกม ด้วยเกมยอดนิยมระดับโลก 2016 – ซื้อกิจการ LinkedIn ขยายเข้าสู่ตลาดเครือข่ายมืออาชีพ มูลค่าการซื้อกว่า $26.2 พันล้าน 💻 จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่: Windows 95 Microsoft เริ่มต้นในปี 1975 แต่การเปิดตัว Windows 95 ในปี 1995 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้ง่ายขึ้น ระบบปฏิบัติการนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโปรแกรมและอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้านการเขียนโค้ด ถือเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ในยุคนั้น 🎮 การเข้าสู่ตลาดเกม: Xbox ในปี 2001 Microsoft เปิดตัว Xbox รุ่นแรก ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ Nintendo และ Sony การมาพร้อมระบบดิสก์และความสามารถในการเล่น DVD ทำให้ Xbox ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และต่อยอดไปสู่ Xbox 360, Xbox One และ Xbox Series X|S ที่ยังคงเป็นหนึ่งในคอนโซลเกมหลักของโลก 📱 ความล้มเหลวและบทเรียน: Zune และ Windows Phone ปี 2006 Microsoft เปิดตัว Zune เพื่อต่อกรกับ iPod แต่ไม่ประสบความสำเร็จและถูกยุติในปี 2011 อย่างไรก็ตาม บทเรียนจาก Zune ถูกนำไปใช้พัฒนา Windows Phone ที่เปิดตัวในปี 2010 แม้ Windows Phone จะถูกยุติในปี 2017 แต่ก็ทำให้ Microsoft ได้เรียนรู้ว่าตลาดมือถือไม่ใช่จุดแข็งของบริษัท ☁️ การขยายสู่บริการคลาวด์และซอฟต์แวร์ ปี 2008 Microsoft เปิดตัว Azure Cloud Services ซึ่งปัจจุบันครองตลาดคลาวด์เป็นอันดับสองรองจาก AWS และในปี 2009 เปิดตัว Bing ที่ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือค้นหาหลักของโลก นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา Outlook.com (2013) และการเปิดตัว Teams (2017) ที่กลายเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารสำคัญในองค์กรทั่วโลก 🛒 การซื้อกิจการครั้งใหญ่ Microsoft ใช้กลยุทธ์การซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจ เช่น: 💠 Skype (2011) เพื่อเข้าสู่ตลาด VoIP 💠 Minecraft (2014) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดเกม 💠 LinkedIn (2016) เพื่อครองตลาดเครือข่ายมืออาชีพ ทั้งหมดนี้ช่วยให้ Microsoft ขยายอิทธิพลไปสู่หลายอุตสาหกรรมและสร้างรายได้มหาศาล https://www.slashgear.com/1718888/most-important-moments-microsoft-history/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    12 Of The Most Important Moments In Microsoft's History - SlashGear
    Microsoft has been a major player in the tech industry for decades. Over those years, it's had a lot of big milestones moments, for better and for worse.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture

    Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น

    การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย
    การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น:
    แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector
    แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector
    แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้
    แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open)
    แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6
    นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น:
    Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน
    การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก
    การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC)
    การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security)
    การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK
    การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes

    มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2
    รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD

    การแก้ไขบั๊กสำคัญ
    Crash ใน HTTP3 dissector
    Infinite loop ใน MEGACO dissector
    Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้
    Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6
    Plots dialog สำหรับ scatter plots
    การบีบอัด live captures
    การเขียนเวลาแบบ ISO 8601
    การถอดรหัส NTP และ MACsec packets

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย
    ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    🛡️ Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น ⚙️ การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น: 💠 แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector 💠 แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector 💠 แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้ 💠 แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open) 💠 แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า 🔒 ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6 นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น: 💠 Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน 💠 การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก 💠 การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC) 💠 การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security) 💠 การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK 💠 การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2 ➡️ รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD ✅ การแก้ไขบั๊กสำคัญ ➡️ Crash ใน HTTP3 dissector ➡️ Infinite loop ใน MEGACO dissector ➡️ Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้ ➡️ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c ✅ ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6 ➡️ Plots dialog สำหรับ scatter plots ➡️ การบีบอัด live captures ➡️ การเขียนเวลาแบบ ISO 8601 ➡️ การถอดรหัส NTP และ MACsec packets ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย ⛔ ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    9TO5LINUX.COM
    Wireshark 4.6.2 Is Out to Update Protocol/Capture File Support and Fix More Bugs - 9to5Linux
    Wireshark 4.6.2 open-source network protocol analyzer is now available to download with various bug fixes and updated protocols.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB ราคา $45

    Raspberry Pi เพิ่งเปิดตัวรุ่น Pi 5 RAM 1GB ในราคา $45 พร้อมกับการปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Pi 5 รุ่น 8GB ที่ขึ้นจาก $80 เป็น $95 และรุ่น 16GB ที่ขึ้นจาก $120 เป็น $145 สาเหตุหลักมาจาก การขาดแคลนหน่วยความจำ LPDDR4 ที่เกิดจากความต้องการสูงในตลาด AI infrastructure ตามคำกล่าวของ CEO Eben Upton ที่ย้ำว่าการขึ้นราคานี้เป็น “ชั่วคราว” และจะปรับลดลงเมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้น

    คู่แข่งที่สเปกดีกว่าในราคาใกล้เคียง
    ตลาด Single Board Computer (SBC) มีการแข่งขันสูง โดยบอร์ดหลายรุ่นให้สเปกที่ดีกว่าในราคาใกล้เคียง เช่น:
    ArmSoM Forge1 ราคา $23 มาพร้อม CPU Rockchip RK3506J และ RAM 512MB เหมาะกับงาน IoT และอุตสาหกรรม
    Radxa ROCK 3A ราคาเริ่มต้น $30 มี RAM 2GB, CPU Cortex-A55 Quad-core และรองรับ NVMe, PCIe 3.0
    PINE64 ROCK64 ราคา $44.95 มาพร้อม RAM 4GB และชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง
    Le Potato AML-S905X-CC ราคา $45 มาพร้อม RAM 2GB และรองรับการเล่นวิดีโอ 4K

    Ecosystem ของ Raspberry Pi ที่ยังเหนือกว่า
    แม้คู่แข่งจะมีสเปกที่ดีกว่า แต่ Raspberry Pi ยังคงได้เปรียบในด้าน Ecosystem ที่ครบวงจร:
    Raspberry Pi OS ที่เสถียรและได้รับการอัปเดตสม่ำเสมอ
    เครื่องมือ Raspberry Pi Imager ที่ทำให้การติดตั้งง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น
    HAT Ecosystem ที่มีบอร์ดเสริมหลายร้อยแบบ รองรับการใช้งานหลากหลายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไดรเวอร์
    ชุมชนและเอกสารประกอบ ที่กว้างขวางและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB
    ราคา $45 แต่ถูกตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า
    ราคาของรุ่นอื่น ๆ ก็ปรับขึ้นตามภาวะตลาด

    คู่แข่งในตลาด SBC
    ArmSoM Forge1 ($23) สำหรับ IoT
    Radxa ROCK 3A ($30) รองรับ NVMe/PCIe
    PINE64 ROCK64 ($44.95) RAM 4GB
    Le Potato ($45) RAM 2GB และรองรับ 4K

    จุดแข็งของ Raspberry Pi
    Ecosystem ครบวงจร (OS, HAT, Imager)
    ชุมชนและเอกสารประกอบที่แข็งแกร่ง

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    รุ่น 1GB อาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ให้ RAM มากกว่าในราคาใกล้เคียง
    ราคาที่ปรับขึ้นอาจกระทบต่อเป้าหมายเดิมของ Raspberry Pi ที่ต้องการ democratize เทคโนโลยี

    https://itsfoss.com/news/raspberry-pi-5-1gb-worth-it/
    💻 Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB ราคา $45 Raspberry Pi เพิ่งเปิดตัวรุ่น Pi 5 RAM 1GB ในราคา $45 พร้อมกับการปรับขึ้นราคาของรุ่นอื่น ๆ เช่น Pi 5 รุ่น 8GB ที่ขึ้นจาก $80 เป็น $95 และรุ่น 16GB ที่ขึ้นจาก $120 เป็น $145 สาเหตุหลักมาจาก การขาดแคลนหน่วยความจำ LPDDR4 ที่เกิดจากความต้องการสูงในตลาด AI infrastructure ตามคำกล่าวของ CEO Eben Upton ที่ย้ำว่าการขึ้นราคานี้เป็น “ชั่วคราว” และจะปรับลดลงเมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้น ⚙️ คู่แข่งที่สเปกดีกว่าในราคาใกล้เคียง ตลาด Single Board Computer (SBC) มีการแข่งขันสูง โดยบอร์ดหลายรุ่นให้สเปกที่ดีกว่าในราคาใกล้เคียง เช่น: 💠 ArmSoM Forge1 ราคา $23 มาพร้อม CPU Rockchip RK3506J และ RAM 512MB เหมาะกับงาน IoT และอุตสาหกรรม 💠 Radxa ROCK 3A ราคาเริ่มต้น $30 มี RAM 2GB, CPU Cortex-A55 Quad-core และรองรับ NVMe, PCIe 3.0 💠 PINE64 ROCK64 ราคา $44.95 มาพร้อม RAM 4GB และชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง 💠 Le Potato AML-S905X-CC ราคา $45 มาพร้อม RAM 2GB และรองรับการเล่นวิดีโอ 4K 🌐 Ecosystem ของ Raspberry Pi ที่ยังเหนือกว่า แม้คู่แข่งจะมีสเปกที่ดีกว่า แต่ Raspberry Pi ยังคงได้เปรียบในด้าน Ecosystem ที่ครบวงจร: 💠 Raspberry Pi OS ที่เสถียรและได้รับการอัปเดตสม่ำเสมอ 💠 เครื่องมือ Raspberry Pi Imager ที่ทำให้การติดตั้งง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น 💠 HAT Ecosystem ที่มีบอร์ดเสริมหลายร้อยแบบ รองรับการใช้งานหลากหลายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไดรเวอร์ 💠 ชุมชนและเอกสารประกอบ ที่กว้างขวางและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Raspberry Pi 5 รุ่น 1GB ➡️ ราคา $45 แต่ถูกตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่า ➡️ ราคาของรุ่นอื่น ๆ ก็ปรับขึ้นตามภาวะตลาด ✅ คู่แข่งในตลาด SBC ➡️ ArmSoM Forge1 ($23) สำหรับ IoT ➡️ Radxa ROCK 3A ($30) รองรับ NVMe/PCIe ➡️ PINE64 ROCK64 ($44.95) RAM 4GB ➡️ Le Potato ($45) RAM 2GB และรองรับ 4K ✅ จุดแข็งของ Raspberry Pi ➡️ Ecosystem ครบวงจร (OS, HAT, Imager) ➡️ ชุมชนและเอกสารประกอบที่แข็งแกร่ง ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ รุ่น 1GB อาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ให้ RAM มากกว่าในราคาใกล้เคียง ⛔ ราคาที่ปรับขึ้นอาจกระทบต่อเป้าหมายเดิมของ Raspberry Pi ที่ต้องการ democratize เทคโนโลยี https://itsfoss.com/news/raspberry-pi-5-1gb-worth-it/
    ITSFOSS.COM
    Raspberry Pi 5 1GB Variant: Is It Worth $45?
    Other SBCs offer more RAM at this price point. So, should you still pay $45 for a 1 GB Pi?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุดผลทดสอบบน Geekbench ของ Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake)

    Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake) ถูกทดสอบบน Geekbench เผยว่า iGPU แบบ Xe3 4 คอร์ ทำคะแนนสูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M แต่ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40%

    Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake มี 16 คอร์ (4 Performance + 8 Efficient + 4 LP-E) ความเร็วสูงสุด 4.8 GHz พร้อมแคช L3 ขนาด 18 MB ถือเป็นรุ่นที่เน้นตลาดโน้ตบุ๊กระดับกลาง โดยยังคงใช้พลังงาน TDP 25W (Turbo 65–80W)

    iGPU Xe3 4 คอร์ เทียบกับคู่แข่ง
    ผลทดสอบ Geekbench Vulkan แสดงว่า iGPU ทำคะแนน 22,813 ซึ่งสูงกว่า GTX 1050 Ti (21,937) และ Radeon 840M (18,060) แต่ยังตามหลัง Radeon 860M (37,552) อยู่มาก จุดนี้สะท้อนว่า iGPU ของ Intel รุ่นนี้เหมาะกับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่ยังไม่สามารถแข่งขันกับ iGPU ระดับสูงของ AMD ได้

    ตำแหน่งในตลาด
    Core Ultra 7 366H ถูกวางไว้สำหรับ โน้ตบุ๊ก mainstream ที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและราคา โดยรุ่นที่มี iGPU 10–12 คอร์ในตระกูล Panther Lake ได้แสดงผลลัพธ์ใกล้เคียง RTX 3050 แล้ว ทำให้รุ่น 366H เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในกลุ่มกลาง แต่ไม่ใช่ตัวท็อปสำหรับงานกราฟิกหนัก

    แนวโน้มและการแข่งขัน
    แม้ Intel จะพัฒนา iGPU ให้ดีขึ้น แต่ตลาดโน้ตบุ๊กงบกลางยังคงถูกครองโดย AMD ที่มี iGPU แรงกว่าในซีรีส์ Ryzen AI 7 และ Krackan Point การแข่งขันในปี 2026 จะขึ้นอยู่กับว่า Intel สามารถผลักดัน Panther Lake รุ่นสูงให้เข้าถึงตลาดได้เร็วแค่ไหน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake
    16 คอร์, 4.8 GHz, L3 18 MB, TDP 25W

    iGPU Xe3 4 คอร์ทำคะแนน 22,813 บน Geekbench Vulkan
    สูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M

    เหมาะกับโน้ตบุ๊ก mainstream
    สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ตัวท็อป

    ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40%
    ไม่เหมาะกับงานกราฟิกหนักหรือเกม AAA ที่ต้องการพลังสูง

    AMD ยังคงครองตลาด iGPU ระดับสูง
    Intel ต้องเร่งพัฒนา Panther Lake รุ่น 10–12 คอร์เพื่อแข่งขัน

    https://wccftech.com/intel-core-ultra-7-366h-benchmarked-on-geekbench/
    📈 หลุดผลทดสอบบน Geekbench ของ Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake) Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake) ถูกทดสอบบน Geekbench เผยว่า iGPU แบบ Xe3 4 คอร์ ทำคะแนนสูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M แต่ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40% Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake มี 16 คอร์ (4 Performance + 8 Efficient + 4 LP-E) ความเร็วสูงสุด 4.8 GHz พร้อมแคช L3 ขนาด 18 MB ถือเป็นรุ่นที่เน้นตลาดโน้ตบุ๊กระดับกลาง โดยยังคงใช้พลังงาน TDP 25W (Turbo 65–80W) 🎮 iGPU Xe3 4 คอร์ เทียบกับคู่แข่ง ผลทดสอบ Geekbench Vulkan แสดงว่า iGPU ทำคะแนน 22,813 ซึ่งสูงกว่า GTX 1050 Ti (21,937) และ Radeon 840M (18,060) แต่ยังตามหลัง Radeon 860M (37,552) อยู่มาก จุดนี้สะท้อนว่า iGPU ของ Intel รุ่นนี้เหมาะกับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่ยังไม่สามารถแข่งขันกับ iGPU ระดับสูงของ AMD ได้ 🖥️ ตำแหน่งในตลาด Core Ultra 7 366H ถูกวางไว้สำหรับ โน้ตบุ๊ก mainstream ที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและราคา โดยรุ่นที่มี iGPU 10–12 คอร์ในตระกูล Panther Lake ได้แสดงผลลัพธ์ใกล้เคียง RTX 3050 แล้ว ทำให้รุ่น 366H เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในกลุ่มกลาง แต่ไม่ใช่ตัวท็อปสำหรับงานกราฟิกหนัก ⚠️ แนวโน้มและการแข่งขัน แม้ Intel จะพัฒนา iGPU ให้ดีขึ้น แต่ตลาดโน้ตบุ๊กงบกลางยังคงถูกครองโดย AMD ที่มี iGPU แรงกว่าในซีรีส์ Ryzen AI 7 และ Krackan Point การแข่งขันในปี 2026 จะขึ้นอยู่กับว่า Intel สามารถผลักดัน Panther Lake รุ่นสูงให้เข้าถึงตลาดได้เร็วแค่ไหน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake ➡️ 16 คอร์, 4.8 GHz, L3 18 MB, TDP 25W ✅ iGPU Xe3 4 คอร์ทำคะแนน 22,813 บน Geekbench Vulkan ➡️ สูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M ✅ เหมาะกับโน้ตบุ๊ก mainstream ➡️ สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ตัวท็อป ‼️ ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40% ⛔ ไม่เหมาะกับงานกราฟิกหนักหรือเกม AAA ที่ต้องการพลังสูง ‼️ AMD ยังคงครองตลาด iGPU ระดับสูง ⛔ Intel ต้องเร่งพัฒนา Panther Lake รุ่น 10–12 คอร์เพื่อแข่งขัน https://wccftech.com/intel-core-ultra-7-366h-benchmarked-on-geekbench/
    WCCFTECH.COM
    Intel Core Ultra 7 366H Leaked iGPU Geekbench Benchmark Reveals 26% Higher Score Vs Radeon 840M
    Intel Panther Lake Core Ultra 7 366H was benchmarked in Geekbench Vulkan test and showed good performance uplift over Radeon 840M.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lisuan 7G106: GPU จีนรุ่นใหม่ อาจจะรองรับ Windows on ARM (WoA) เป็นเจ้าแรก

    บริษัทจีนชื่อ Lisuan เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ 7G106 (6nm) ที่อาจเป็น GPU ตัวแรกของโลกที่รองรับ Windows on ARM (WoA) ก่อนทั้ง NVIDIA และ AMD โดยจับคู่กับซีพียู ARMv9 ของจีน และอยู่ระหว่างการผลิตเพื่อวางขายในไตรมาสแรกปี 2026

    Lisuan เปิดเผยว่า 7G106 Gaming GPU ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N6 (6nm) มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 บัส 192-bit รองรับ PCIe 4.0 x16 และใช้พลังงานสูงสุด 225W จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 60-series โดยมีจำนวน 192 TMUs และ 96 ROPs

    รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก
    สิ่งที่ทำให้ 7G106 น่าสนใจคือการถูกทดสอบร่วมกับซีพียู ARMv9 CP8180 (12 คอร์, 3.2 GHz) และสามารถรัน Windows on ARM ได้จริง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU แบบ discrete รองรับ WoA ซึ่งปกติถูกจำกัดอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ใช้ Snapdragon X Elite เท่านั้น

    ความท้าทายด้านการผลิต
    แม้จะใช้เทคโนโลยี TSMC N6 แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปจีน ทำให้ Lisuan อาจต้องหันไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต การเปลี่ยนแหล่งผลิตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุน แต่ Lisuan ยืนยันว่ากำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมากแล้ว

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน GPU โลก
    การที่ Lisuanสามารถเปิดตัว GPU ที่รองรับ WoA ก่อน NVIDIA และ AMD อาจทำให้ตลาด ARM-based PC ในจีนเติบโตเร็วขึ้น และสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตตะวันตกต้องเร่งพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ WoA หาก Lisuanทำสำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนเกมในตลาดที่ ARM กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Lisuan 7G106 GPU ผลิตบน TSMC N6
    12GB GDDR6, PCIe 4.0, 225W TDP

    รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก
    ทดสอบกับซีพียู ARMv9 CP8180 และ WoA desktop environment

    กำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก
    คาดเปิดตัวในไตรมาสแรกปี 2026

    ข้อจำกัดด้านการผลิตจาก TSMC
    อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต

    NVIDIA และ AMD ยังไม่รองรับ WoA บน dGPU
    Lisuanอาจได้เปรียบในตลาด ARM-based PC

    https://wccftech.com/the-first-gpu-to-support-windows-on-arm-may-not-come-from-nvidia-or-amd-but-from-china-lisuan/
    🇨🇳 Lisuan 7G106: GPU จีนรุ่นใหม่ อาจจะรองรับ Windows on ARM (WoA) เป็นเจ้าแรก บริษัทจีนชื่อ Lisuan เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ 7G106 (6nm) ที่อาจเป็น GPU ตัวแรกของโลกที่รองรับ Windows on ARM (WoA) ก่อนทั้ง NVIDIA และ AMD โดยจับคู่กับซีพียู ARMv9 ของจีน และอยู่ระหว่างการผลิตเพื่อวางขายในไตรมาสแรกปี 2026 Lisuan เปิดเผยว่า 7G106 Gaming GPU ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N6 (6nm) มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 บัส 192-bit รองรับ PCIe 4.0 x16 และใช้พลังงานสูงสุด 225W จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 60-series โดยมีจำนวน 192 TMUs และ 96 ROPs 🐧 รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก สิ่งที่ทำให้ 7G106 น่าสนใจคือการถูกทดสอบร่วมกับซีพียู ARMv9 CP8180 (12 คอร์, 3.2 GHz) และสามารถรัน Windows on ARM ได้จริง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU แบบ discrete รองรับ WoA ซึ่งปกติถูกจำกัดอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ใช้ Snapdragon X Elite เท่านั้น 🔋 ความท้าทายด้านการผลิต แม้จะใช้เทคโนโลยี TSMC N6 แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปจีน ทำให้ Lisuan อาจต้องหันไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต การเปลี่ยนแหล่งผลิตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุน แต่ Lisuan ยืนยันว่ากำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมากแล้ว ⚠️ ผลกระทบต่อการแข่งขัน GPU โลก การที่ Lisuanสามารถเปิดตัว GPU ที่รองรับ WoA ก่อน NVIDIA และ AMD อาจทำให้ตลาด ARM-based PC ในจีนเติบโตเร็วขึ้น และสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตตะวันตกต้องเร่งพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ WoA หาก Lisuanทำสำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนเกมในตลาดที่ ARM กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Lisuan 7G106 GPU ผลิตบน TSMC N6 ➡️ 12GB GDDR6, PCIe 4.0, 225W TDP ✅ รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก ➡️ ทดสอบกับซีพียู ARMv9 CP8180 และ WoA desktop environment ✅ กำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก ➡️ คาดเปิดตัวในไตรมาสแรกปี 2026 ‼️ ข้อจำกัดด้านการผลิตจาก TSMC ⛔ อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต ‼️ NVIDIA และ AMD ยังไม่รองรับ WoA บน dGPU ⛔ Lisuanอาจได้เปรียบในตลาด ARM-based PC https://wccftech.com/the-first-gpu-to-support-windows-on-arm-may-not-come-from-nvidia-or-amd-but-from-china-lisuan/
    WCCFTECH.COM
    The First Discrete GPU to Support “Windows on ARM” May Not Come From NVIDIA or AMD, but From China’s Lisuan
    Lisuan is expected to introduce its 7G106 gaming GPU soon, and it is reported to feature support for 'Windows on ARM' platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • EPYC Embedded Venice (Zen 6)

    AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    EPYC Embedded Annapurna
    ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ

    แนวโน้มและการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    EPYC Embedded Venice (Zen 6)
    สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX

    EPYC Embedded Annapurna
    เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances

    ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna
    ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD

    การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027
    ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM

    https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    🖥️ EPYC Embedded Venice (Zen 6) AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference 🔥 EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง 🌐 EPYC Embedded Annapurna ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ ⚠️ แนวโน้มและการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ EPYC Embedded Venice (Zen 6) ➡️ สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm ✅ EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ➡️ สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX ✅ EPYC Embedded Annapurna ➡️ เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances ‼️ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna ⛔ ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD ‼️ การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027 ⛔ ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    WCCFTECH.COM
    AMD EPYC "9006" Embedded Venice CPUs Rock Up To 96 "Zen 6" Cores & PCIe Gen6, EPYC Embedded 2005 "Fire Range" & Annapurna Families Confirmed Too
    AMD is preparing a range of EPYC Embedded family, such as Venice "Zen 6" series, Fire Range "Zen 5" series & Annapurna lineups.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts