• Good morning sweetheart.
    Good morning sweetheart.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้อยเล่ห์กลโกง จีบก่อนเชือด หลอกข้ามพรมแดน 03/07/68 #ร้อยเล่ห์กลโกง #จีบก่อนเชือด #ระบบเงิน #การค้ามนุษย์

    https://www.youtube.com/watch?v=z6O2j5goAqg
    ร้อยเล่ห์กลโกง จีบก่อนเชือด หลอกข้ามพรมแดน 03/07/68 #ร้อยเล่ห์กลโกง #จีบก่อนเชือด #ระบบเงิน #การค้ามนุษย์ https://www.youtube.com/watch?v=z6O2j5goAqg
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ"

    แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร)

    หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน

    ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย

    Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ

    แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที  
    • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
    • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act

    Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก  
    • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014  
    • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน

    แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ
    • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้

    ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:  
    • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย  
    • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ)

    Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน”

    https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ" แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร) หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ ✅ แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที   • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ” • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act ✅ Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก   • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014   • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน ✅ แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้ ✅ ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:   • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย   • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ) ✅ Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน” https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei เคยโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตรจนไม่สามารถใช้ Android แบบเดิม หรือพึ่ง Google ได้อีก — บริษัทจึงต้องลุกขึ้นมาสร้างทุกอย่างเอง ทั้ง HarmonyOS, ชิปเซ็ต, AI…และตอนนี้ก็ถึงคิวของ “ภาษาโปรแกรม”

    ภาษานี้มีชื่อว่า Cangjie (仓颉) ตามตำนานชาวจีนผู้คิดค้นตัวอักษร → มันถูกออกแบบให้ “ฉลาดตั้งแต่แกน” ด้วยการฝัง AI ไว้ในระดับ native → เขียนแอปได้เร็ว–ปลอดภัย–เชื่อมกับบริการ Huawei ได้ง่าย

    Cangjie ถูกใช้งานจริงแล้วบนแอปของ Meituan, JD.com และ HarmonyOS ต่าง ๆ → อย่างแอปส่งอาหาร Meituan บอกว่าจะใช้แอปที่เขียนด้วย Cangjie จริงใน Q3 ปีนี้

    ข่าวใหญ่อยู่ตรงนี้ครับ:

    ตั้งแต่ 30 ก.ค. 2025 เป็นต้นไป — Huawei จะเปิดซอร์ส Cangjie อย่างเป็นทางการ ใคร ๆ ก็เอาไปศึกษาต่อ พัฒนาเอง หรือแม้แต่พอร์ตไปใช้กับ Android/iOS ได้ เหมือนเป็น Java + Swift + AI + HarmonyOS ในหนึ่งเดียว!

    นี่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “ลดพึ่งซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ” อย่างต่อเนื่องของ Huawei — โดยจะใช้ Cangjie เป็นแกนกลางเชื่อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS Next + AI โมเดลของตัวเอง + CloudMatrix แพลตฟอร์มคลาวด์รุ่นใหม่

    Huawei จะเปิดซอร์สภาษา Cangjie วันที่ 30 กรกฎาคม 2025 นี้  
    • นักพัฒนาเข้าใช้งานโค้ดได้ฟรี → แก้ไข เพิ่มฟีเจอร์ หรือใช้สร้างแอปเองได้  
    • ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์

    Cangjie รองรับการเขียนโปรแกรมแบบทั่วไป สำหรับ HarmonyOS Next เป็นหลัก  
    • เป็นระบบปฏิบัติการข้ามอุปกรณ์ของ Huawei  
    • ไม่ใช้ Android แต่มี support พอร์ตไป Android และ iOS ด้วย

    มี AI แบบ Native → ช่วยเขียนแอปที่ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ได้ง่ายขึ้น  
    • ฝังความสามารถของ AI ในภาษาโดยตรง  
    • เหมาะกับแอปยุคใหม่ที่เน้น personalization, automation

    ภาษานี้ถูกใช้จริงโดย Meituan, JD.com ฯลฯ แล้ว  
    • Meituan จะเปิดตัวแอปส่งอาหารที่เขียนด้วย Cangjie บน HarmonyOS ภายใน Q3 ปีนี้

    Huawei มี ecosystem ขนาดใหญ่รองรับแล้ว  
    • HarmonyOS มีคนสมัครเป็นนักพัฒนาแล้วกว่า 8 ล้านคน  
    • มีแอป–มินิโปรแกรมกว่า 30,000 ตัว  
    • HarmonyOS 6 และ CloudMatrix 384 เป็นส่วนเสริมใหม่ของยุทธศาสตร์นี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/03/huawei-to-open-source-self-developed-programming-language-cangjie
    Huawei เคยโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตรจนไม่สามารถใช้ Android แบบเดิม หรือพึ่ง Google ได้อีก — บริษัทจึงต้องลุกขึ้นมาสร้างทุกอย่างเอง ทั้ง HarmonyOS, ชิปเซ็ต, AI…และตอนนี้ก็ถึงคิวของ “ภาษาโปรแกรม” ภาษานี้มีชื่อว่า Cangjie (仓颉) ตามตำนานชาวจีนผู้คิดค้นตัวอักษร → มันถูกออกแบบให้ “ฉลาดตั้งแต่แกน” ด้วยการฝัง AI ไว้ในระดับ native → เขียนแอปได้เร็ว–ปลอดภัย–เชื่อมกับบริการ Huawei ได้ง่าย Cangjie ถูกใช้งานจริงแล้วบนแอปของ Meituan, JD.com และ HarmonyOS ต่าง ๆ → อย่างแอปส่งอาหาร Meituan บอกว่าจะใช้แอปที่เขียนด้วย Cangjie จริงใน Q3 ปีนี้ ข่าวใหญ่อยู่ตรงนี้ครับ: 🧑‍💻 ตั้งแต่ 30 ก.ค. 2025 เป็นต้นไป — Huawei จะเปิดซอร์ส Cangjie อย่างเป็นทางการ ใคร ๆ ก็เอาไปศึกษาต่อ พัฒนาเอง หรือแม้แต่พอร์ตไปใช้กับ Android/iOS ได้ เหมือนเป็น Java + Swift + AI + HarmonyOS ในหนึ่งเดียว! นี่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “ลดพึ่งซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ” อย่างต่อเนื่องของ Huawei — โดยจะใช้ Cangjie เป็นแกนกลางเชื่อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS Next + AI โมเดลของตัวเอง + CloudMatrix แพลตฟอร์มคลาวด์รุ่นใหม่ ✅ Huawei จะเปิดซอร์สภาษา Cangjie วันที่ 30 กรกฎาคม 2025 นี้   • นักพัฒนาเข้าใช้งานโค้ดได้ฟรี → แก้ไข เพิ่มฟีเจอร์ หรือใช้สร้างแอปเองได้   • ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ ✅ Cangjie รองรับการเขียนโปรแกรมแบบทั่วไป สำหรับ HarmonyOS Next เป็นหลัก   • เป็นระบบปฏิบัติการข้ามอุปกรณ์ของ Huawei   • ไม่ใช้ Android แต่มี support พอร์ตไป Android และ iOS ด้วย ✅ มี AI แบบ Native → ช่วยเขียนแอปที่ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ได้ง่ายขึ้น   • ฝังความสามารถของ AI ในภาษาโดยตรง   • เหมาะกับแอปยุคใหม่ที่เน้น personalization, automation ✅ ภาษานี้ถูกใช้จริงโดย Meituan, JD.com ฯลฯ แล้ว   • Meituan จะเปิดตัวแอปส่งอาหารที่เขียนด้วย Cangjie บน HarmonyOS ภายใน Q3 ปีนี้ ✅ Huawei มี ecosystem ขนาดใหญ่รองรับแล้ว   • HarmonyOS มีคนสมัครเป็นนักพัฒนาแล้วกว่า 8 ล้านคน   • มีแอป–มินิโปรแกรมกว่า 30,000 ตัว   • HarmonyOS 6 และ CloudMatrix 384 เป็นส่วนเสริมใหม่ของยุทธศาสตร์นี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/03/huawei-to-open-source-self-developed-programming-language-cangjie
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Huawei to open-source self-developed programming language Cangjie
    The language supports general programming for apps on HarmonyOS Next, Huawei's self-developed platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครที่ยังไม่รู้จัก “Gems” — นี่คือฟีเจอร์ที่ให้คุณสร้าง “AI ผู้ช่วยเฉพาะตัว” โดยใส่คำแนะนำพิเศษ (custom instructions) ให้มันเข้าใจบทบาทของตัวเอง เช่น “ช่วยเขียนอีเมลธุรกิจแบบสุภาพกับลูกค้าเก่าในสายสุขภาพ” หรือ “ช่วยสรุปข่าวโดยใช้ภาษาคุ้มค่าเวลา” เป็นต้น

    ก่อนหน้านี้ Gems ต้องเปิดใช้งานผ่านเว็บ Gemini โดยตรง แต่ตอนนี้ Google เริ่ม “ฝังเข้า Workspace เลย” ทำให้คุณสามารถใช้ Gems เหล่านี้แบบ side panel ได้ทันทีในแอปอย่าง Docs, Gmail ฯลฯ → หมายความว่า:
    - เปิด Gmail → ใช้ Gem ที่ชื่อ “ตอบอีเมลตามนโยบาย HR” ได้เลย
    - เปิด Slides → สั่ง Gem ช่วยหาไอเดียสไลด์ขายสินค้ารุ่นใหม่ในธีม “รักษ์โลก”
    - เปิด Drive → ใช้ Gem ค้นไฟล์เก่า ๆ ที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ ABC และสรุปเนื้อหาให้อัตโนมัติ

    Google บอกว่ายังมี Gems สำเร็จรูปให้ลองด้วย เช่น:
    - Brainstormer (ระดมไอเดีย)
    - Writing editor
    - Coding partner
    - Learning guide

    ตอนนี้ยังต้องสร้าง Gems ผ่านเว็บ Gemini อยู่ แต่พอสร้างเสร็จก็เรียกใช้ได้จาก Google Workspace ทันที

    Google Workspace เพิ่มความสามารถให้ใช้ Gems ได้โดยตรงผ่าน side panel ของ Docs, Gmail, Slides, Sheets และ Drive  
    • ไม่ต้องสลับไปเปิดเว็บ Gemini เหมือนเดิม  
    • ใช้งานได้ผ่านปุ่ม “Ask Gemini” มุมขวาบน

    Gems คือ AI แบบ custom ที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งเฉพาะสำหรับตัวเองได้  
    • ใช้ช่วยเขียนอีเมล, จัดแผนการสอน, สรุปเอกสาร, แปลงข้อมูล, โค้ด ฯลฯ

    Google มี Gems สำเร็จรูปให้ใช้งานทันที เช่น Brainstormer, Writing editor, Coding partner  
    • ผู้ใช้มือใหม่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์

    การใช้งาน Gems ใน Workspace รองรับการเข้าถึงฟีเจอร์ @mention, ไฟล์ Google Drive ฯลฯ แบบบูรณาการ

    ฟีเจอร์นี้จะเริ่ม rollout แล้วแบบ “Extended rollout” → อาจใช้เวลาถึง 15 วันกว่าจะเปิดให้ทุกคน

    แอดมินไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม และไม่มี control เฉพาะของฟีเจอร์นี้ในแผงควบคุม Workspace

    https://www.neowin.net/news/google-workspace-now-lets-you-use-custom-ai-gems-directly-in-docs-gmail-and-more/
    ใครที่ยังไม่รู้จัก “Gems” — นี่คือฟีเจอร์ที่ให้คุณสร้าง “AI ผู้ช่วยเฉพาะตัว” โดยใส่คำแนะนำพิเศษ (custom instructions) ให้มันเข้าใจบทบาทของตัวเอง เช่น “ช่วยเขียนอีเมลธุรกิจแบบสุภาพกับลูกค้าเก่าในสายสุขภาพ” หรือ “ช่วยสรุปข่าวโดยใช้ภาษาคุ้มค่าเวลา” เป็นต้น ก่อนหน้านี้ Gems ต้องเปิดใช้งานผ่านเว็บ Gemini โดยตรง แต่ตอนนี้ Google เริ่ม “ฝังเข้า Workspace เลย” ทำให้คุณสามารถใช้ Gems เหล่านี้แบบ side panel ได้ทันทีในแอปอย่าง Docs, Gmail ฯลฯ → หมายความว่า: - เปิด Gmail → ใช้ Gem ที่ชื่อ “ตอบอีเมลตามนโยบาย HR” ได้เลย - เปิด Slides → สั่ง Gem ช่วยหาไอเดียสไลด์ขายสินค้ารุ่นใหม่ในธีม “รักษ์โลก” - เปิด Drive → ใช้ Gem ค้นไฟล์เก่า ๆ ที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ ABC และสรุปเนื้อหาให้อัตโนมัติ Google บอกว่ายังมี Gems สำเร็จรูปให้ลองด้วย เช่น: - Brainstormer (ระดมไอเดีย) - Writing editor - Coding partner - Learning guide ตอนนี้ยังต้องสร้าง Gems ผ่านเว็บ Gemini อยู่ แต่พอสร้างเสร็จก็เรียกใช้ได้จาก Google Workspace ทันที ✅ Google Workspace เพิ่มความสามารถให้ใช้ Gems ได้โดยตรงผ่าน side panel ของ Docs, Gmail, Slides, Sheets และ Drive   • ไม่ต้องสลับไปเปิดเว็บ Gemini เหมือนเดิม   • ใช้งานได้ผ่านปุ่ม “Ask Gemini” มุมขวาบน ✅ Gems คือ AI แบบ custom ที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งเฉพาะสำหรับตัวเองได้   • ใช้ช่วยเขียนอีเมล, จัดแผนการสอน, สรุปเอกสาร, แปลงข้อมูล, โค้ด ฯลฯ ✅ Google มี Gems สำเร็จรูปให้ใช้งานทันที เช่น Brainstormer, Writing editor, Coding partner   • ผู้ใช้มือใหม่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ✅ การใช้งาน Gems ใน Workspace รองรับการเข้าถึงฟีเจอร์ @mention, ไฟล์ Google Drive ฯลฯ แบบบูรณาการ ✅ ฟีเจอร์นี้จะเริ่ม rollout แล้วแบบ “Extended rollout” → อาจใช้เวลาถึง 15 วันกว่าจะเปิดให้ทุกคน ✅ แอดมินไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม และไม่มี control เฉพาะของฟีเจอร์นี้ในแผงควบคุม Workspace https://www.neowin.net/news/google-workspace-now-lets-you-use-custom-ai-gems-directly-in-docs-gmail-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Workspace now lets you use custom AI Gems directly in Docs, Gmail, and more
    Google Workspace users can now access custom AI Gems from the side panel across Workspace applications like Docs and Slides, reducing friction.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราคิดว่าอีเมลที่ส่งผ่าน Microsoft 365 หรือ Gmail ธุรกิจนั้น “ถูกเข้ารหัสตามมาตรฐานเสมอ” ใช่ไหมครับ? แต่ความจริงคือ ถ้ามีปัญหาการเข้ารหัสเกิดขึ้นระหว่างส่ง (เช่น ฝั่งรับไม่รองรับ TLS) — ระบบจะ:

    - Google Workspace: ยอมลดมาตรฐาน กลับไปใช้ TLS 1.0 หรือ 1.1 ที่เก่ามาก (เสี่ยงต่อการดักฟัง)
    - Microsoft 365: ถ้าหา TLS ที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้เลย ก็ส่งออกไปเลย “แบบไม่เข้ารหัส” — โดยไม่มีการเตือนใด ๆ!

    ผลคือข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น Health Data, PHI, หรือเอกสารทางกฎหมาย อาจรั่วไหลโดยที่ทั้งผู้ใช้ และแอดมิน “ไม่รู้ตัวเลยว่ามันไม่ได้เข้ารหัส” — ซึ่งอันตรายมาก ๆ โดยเฉพาะในวงการ Healthcare ที่ต้องทำตามกฎ HIPAA

    งานวิจัยจาก Paubox ยังพบว่า:
    - 43% ของเหตุการณ์ข้อมูลรั่วใน Healthcare ปี 2024 เกี่ยวข้องกับ Microsoft 365
    - 31.1% ขององค์กรที่ถูกเจาะ มีการตั้ง “บังคับใช้ TLS” แล้ว — แต่ระบบก็ยัง fallback ลงมาโดยไม่แจ้งเตือน

    Microsoft 365 จะส่งอีเมลเป็น plain text หากเข้ารหัส TLS ไม่สำเร็จ  
    • ไม่มีการแจ้งผู้ส่ง หรือ log เตือน  
    • เสี่ยงละเมิดกฎข้อมูล เช่น HIPAA หรือ GDPR

    Google Workspace ยอมใช้ TLS เวอร์ชัน 1.0/1.1 ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ downgrade  
    • ไม่ปฏิเสธอีเมล ไม่แจ้งเตือนเช่นกัน

    รายงานจาก Paubox ชี้ว่าพฤติกรรม default เหล่านี้ก่อให้เกิด blind spot ร้ายแรง  
    • ให้ “ความมั่นใจจอมปลอม” (false sense of security) แก่ผู้ใช้งาน  
    • สุดท้ายเปิดช่องให้ข้อมูลรั่วไหลเงียบ ๆ

    กรณี Solara Medical (2021): อีเมลไม่มี encryption ทำให้ข้อมูลผู้ป่วย 114,000 รายรั่ว — ถูกปรับกว่า $12 ล้าน

    หน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น NSA เตือนห้ามใช้ TLS 1.0/1.1 เพราะมีช่องโหว่ downgrade attack

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-365-and-google-workspace-could-put-sensitive-data-at-risk-because-of-a-blind-spot-in-default-email-behavior
    เราคิดว่าอีเมลที่ส่งผ่าน Microsoft 365 หรือ Gmail ธุรกิจนั้น “ถูกเข้ารหัสตามมาตรฐานเสมอ” ใช่ไหมครับ? แต่ความจริงคือ ถ้ามีปัญหาการเข้ารหัสเกิดขึ้นระหว่างส่ง (เช่น ฝั่งรับไม่รองรับ TLS) — ระบบจะ: - Google Workspace: ยอมลดมาตรฐาน กลับไปใช้ TLS 1.0 หรือ 1.1 ที่เก่ามาก (เสี่ยงต่อการดักฟัง) - Microsoft 365: ถ้าหา TLS ที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้เลย ก็ส่งออกไปเลย “แบบไม่เข้ารหัส” — โดยไม่มีการเตือนใด ๆ! ผลคือข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น Health Data, PHI, หรือเอกสารทางกฎหมาย อาจรั่วไหลโดยที่ทั้งผู้ใช้ และแอดมิน “ไม่รู้ตัวเลยว่ามันไม่ได้เข้ารหัส” — ซึ่งอันตรายมาก ๆ โดยเฉพาะในวงการ Healthcare ที่ต้องทำตามกฎ HIPAA งานวิจัยจาก Paubox ยังพบว่า: - 43% ของเหตุการณ์ข้อมูลรั่วใน Healthcare ปี 2024 เกี่ยวข้องกับ Microsoft 365 - 31.1% ขององค์กรที่ถูกเจาะ มีการตั้ง “บังคับใช้ TLS” แล้ว — แต่ระบบก็ยัง fallback ลงมาโดยไม่แจ้งเตือน ✅ Microsoft 365 จะส่งอีเมลเป็น plain text หากเข้ารหัส TLS ไม่สำเร็จ   • ไม่มีการแจ้งผู้ส่ง หรือ log เตือน   • เสี่ยงละเมิดกฎข้อมูล เช่น HIPAA หรือ GDPR ✅ Google Workspace ยอมใช้ TLS เวอร์ชัน 1.0/1.1 ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ downgrade   • ไม่ปฏิเสธอีเมล ไม่แจ้งเตือนเช่นกัน ✅ รายงานจาก Paubox ชี้ว่าพฤติกรรม default เหล่านี้ก่อให้เกิด blind spot ร้ายแรง   • ให้ “ความมั่นใจจอมปลอม” (false sense of security) แก่ผู้ใช้งาน   • สุดท้ายเปิดช่องให้ข้อมูลรั่วไหลเงียบ ๆ ✅ กรณี Solara Medical (2021): อีเมลไม่มี encryption ทำให้ข้อมูลผู้ป่วย 114,000 รายรั่ว — ถูกปรับกว่า $12 ล้าน ✅ หน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น NSA เตือนห้ามใช้ TLS 1.0/1.1 เพราะมีช่องโหว่ downgrade attack https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-365-and-google-workspace-could-put-sensitive-data-at-risk-because-of-a-blind-spot-in-default-email-behavior
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพว่าคุณเปิด YouTube แล้วเจอคลิป “Jay-Z น้ำตาซึมขอโทษ Diddy” พร้อมภาพปกที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคลิปสัมภาษณ์จริง ทั้งที่เนื้อหาข้างในเป็นเสียงปลอม ข้อความปลอม และการอ้างอิงปลอมทั้งหมด — แต่กลับมียอดวิวเป็นล้าน!

    งานวิจัยโดยสำนักข่าว Indicator พบว่า:

    “มีอย่างน้อย 26 ช่อง YouTube ที่ผลิตคลิป AI ปลอมกว่า 900 คลิป ว่าด้วยคดีของ Diddy โดยเฉพาะ”   — มีคนดูรวมกว่า 70 ล้านครั้ง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

    ช่องหนึ่งชื่อ Pak Gov Update ใช้ภาพปลอม Jay-Z, Kevin Hart และ Usher มาตัดต่อเป็นภาพปก พร้อมคำพูดปลอม เช่น “I will be dead soon.” ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พูดเลย — แถมช่องนี้เคยเป็นช่องข่าวภาษาอูรดูเกี่ยวกับปากีสถานมาก่อนด้วยซ้ำ

    YouTube เองเริ่มลบช่องที่ละเมิดกฎเรื่อง spam และ misinfo ไปบางส่วนแล้ว แต่ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง “คลื่นใหม่ของสื่อแบบ AI” ที่ใช้เครื่องมือราคาถูกสร้างคลิปได้เหมือนจริงจนน่าตกใจ

    นอกจากวิดีโอปลอมแล้ว ยังมีเสียงเพลงปลอมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นของ Justin Bieber ชื่อ I Lost Myself at a Diddy Party ซึ่งมีเนื้อหาว่าเขาสูญเสียความบริสุทธิ์ในงานของ Diddy — ทั้งหมดดูเหมือนจริง แต่ NewsGuard ยืนยันว่าใช้ AI สร้างขึ้น

    มีช่อง YouTube อย่างน้อย 26 ช่องที่สร้างคลิปปลอมด้วย AI โดยเฉพาะเกี่ยวกับคดีของ Diddy  
    • พบคลิปมากกว่า 900 ชิ้น มียอดวิวรวม ~70 ล้านครั้ง  
    • ใช้ภาพปก (thumbnail) ปลอมของคนดัง พร้อมข้อความหรือคำพูดปลอม

    ช่อง Pak Gov Update โดดเด่นด้วยการสร้างคลิปความยาวเกือบ 30 นาทีหลายชิ้น  
    • เปลี่ยนจากช่องข่าวปากีสถานมาเป็นช่องปล่อยคลิปข่าว Diddy ปลอมเต็มรูปแบบ

    YouTube ลบช่องบางส่วนออกแล้วหลัง Indicator แจ้งการละเมิด  
    • โดยอ้างว่าผิดกฎด้าน spam และการหลอกลวง

    คำว่า AI Slop ถูกใช้เรียกเนื้อหาปลอมราคาถูกที่สร้างด้วย AI และกำลังท่วมแพลตฟอร์ม  
    • มีคอร์สสอน “หารายได้จากคลิปปลอมไวรัล” บน TikTok และ YouTube เองด้วย

    ยังมีเพลง AI ปลอมที่โยง Justin Bieber กับ Diddy และคลิปภาพตัดต่อที่รวมภาพ Diddy, Epstein, Trump บนโซฟาร่วมกัน  
    • ทำให้เกิด conspiracy theories และข่าวปลอมตามมาในโซเชียลอีกจำนวนมาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/02/ai-videos-push-combs-trial-misinformation-researchers-say
    ลองนึกภาพว่าคุณเปิด YouTube แล้วเจอคลิป “Jay-Z น้ำตาซึมขอโทษ Diddy” พร้อมภาพปกที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคลิปสัมภาษณ์จริง ทั้งที่เนื้อหาข้างในเป็นเสียงปลอม ข้อความปลอม และการอ้างอิงปลอมทั้งหมด — แต่กลับมียอดวิวเป็นล้าน! งานวิจัยโดยสำนักข่าว Indicator พบว่า: 📣 “มีอย่างน้อย 26 ช่อง YouTube ที่ผลิตคลิป AI ปลอมกว่า 900 คลิป ว่าด้วยคดีของ Diddy โดยเฉพาะ”   — มีคนดูรวมกว่า 70 ล้านครั้ง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ช่องหนึ่งชื่อ Pak Gov Update ใช้ภาพปลอม Jay-Z, Kevin Hart และ Usher มาตัดต่อเป็นภาพปก พร้อมคำพูดปลอม เช่น “I will be dead soon.” ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พูดเลย — แถมช่องนี้เคยเป็นช่องข่าวภาษาอูรดูเกี่ยวกับปากีสถานมาก่อนด้วยซ้ำ YouTube เองเริ่มลบช่องที่ละเมิดกฎเรื่อง spam และ misinfo ไปบางส่วนแล้ว แต่ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง “คลื่นใหม่ของสื่อแบบ AI” ที่ใช้เครื่องมือราคาถูกสร้างคลิปได้เหมือนจริงจนน่าตกใจ นอกจากวิดีโอปลอมแล้ว ยังมีเสียงเพลงปลอมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นของ Justin Bieber ชื่อ I Lost Myself at a Diddy Party ซึ่งมีเนื้อหาว่าเขาสูญเสียความบริสุทธิ์ในงานของ Diddy — ทั้งหมดดูเหมือนจริง แต่ NewsGuard ยืนยันว่าใช้ AI สร้างขึ้น ✅ มีช่อง YouTube อย่างน้อย 26 ช่องที่สร้างคลิปปลอมด้วย AI โดยเฉพาะเกี่ยวกับคดีของ Diddy   • พบคลิปมากกว่า 900 ชิ้น มียอดวิวรวม ~70 ล้านครั้ง   • ใช้ภาพปก (thumbnail) ปลอมของคนดัง พร้อมข้อความหรือคำพูดปลอม ✅ ช่อง Pak Gov Update โดดเด่นด้วยการสร้างคลิปความยาวเกือบ 30 นาทีหลายชิ้น   • เปลี่ยนจากช่องข่าวปากีสถานมาเป็นช่องปล่อยคลิปข่าว Diddy ปลอมเต็มรูปแบบ ✅ YouTube ลบช่องบางส่วนออกแล้วหลัง Indicator แจ้งการละเมิด   • โดยอ้างว่าผิดกฎด้าน spam และการหลอกลวง ✅ คำว่า AI Slop ถูกใช้เรียกเนื้อหาปลอมราคาถูกที่สร้างด้วย AI และกำลังท่วมแพลตฟอร์ม   • มีคอร์สสอน “หารายได้จากคลิปปลอมไวรัล” บน TikTok และ YouTube เองด้วย ✅ ยังมีเพลง AI ปลอมที่โยง Justin Bieber กับ Diddy และคลิปภาพตัดต่อที่รวมภาพ Diddy, Epstein, Trump บนโซฟาร่วมกัน   • ทำให้เกิด conspiracy theories และข่าวปลอมตามมาในโซเชียลอีกจำนวนมาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/02/ai-videos-push-combs-trial-misinformation-researchers-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI videos push Combs trial misinformation, researchers say
    AI slop refers to often low-quality visual content – generated using cheap and widely available artificial intelligence tools – that increasingly appears to be flooding social media sites, blurring the lines between reality and fiction.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนรู้จัก Grammarly ในฐานะผู้ช่วยตรวจแกรมมาร์ แต่ตอนนี้บริษัทกำลังกลายร่างเป็น “ศูนย์กลาง AI ด้านการสื่อสารในองค์กร” เลยครับ โดยการซื้อ Superhuman ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอีเมล — มันคือชิ้นส่วนต่อจิ๊กซอว์สู่ผลิตภัณฑ์ครบวงจรที่รวม AI, เอกสาร, อีเมล, ปฏิทิน และอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน

    Superhuman เคยเป็นแอปอีเมลสุดพรีเมียมที่มี waitlist ยาวเหยียด ด้วยจุดขายความเร็วและดีไซน์เฉียบ แต่หลังจากที่ Google และ Microsoft พัฒนา AI ใน Gmail / Outlook มากขึ้น Superhuman ก็เจอความท้าทายไม่น้อย

    Grammarly ที่เพิ่งได้ทุน $1 พันล้านจาก General Catalyst เลยฉวยโอกาสนี้ซื้อ Superhuman เข้ามา พร้อมวางแผนใหญ่:
    - ดึงทีมและเทคโนโลยี Superhuman มาสร้าง “AI agents” ที่จะช่วยคุณเขียน ตอบ ค้นหา และจัดการเมลอย่างอัตโนมัติ
    - ใช้ข้อมูลจากเอกสาร + อีเมล + ปฏิทิน เพื่อสร้างผู้ช่วยเสมือนที่ “เข้าใจงานและบริบทของคุณจริง ๆ”

    CEO คนใหม่ของ Grammarly คือ Shishir Mehrotra (อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Coda) ซึ่งก็เคยปั้น Coda ให้เป็น workspace platform มาก่อน ดังนั้นนี่อาจเป็นการสร้าง “Coda + Email + AI = Grammarly ยุคใหม่” ก็เป็นได้ครับ!

    Grammarly ซื้อกิจการ Superhuman เพื่อลุยตลาด AI Productivity Suite  
    • ยังไม่เปิดเผยมูลค่าการซื้อ แต่ Superhuman เคยมีมูลค่าบริษัท $825 ล้าน  
    • มีรายได้ ~$35 ล้าน/ปี และผู้ใช้หลักอยู่ในกลุ่มองค์กร/มืออาชีพ

    Grammarly ได้ทุน $1 พันล้านจาก General Catalyst เมื่อไม่นานมานี้  
    • ใช้สำหรับขยายผลิตภัณฑ์ + สร้าง ecosystem ด้านการทำงานด้วย AI

    Superhuman จะยังคงแบรนด์เดิมและทีมเดิมอยู่ใน Grammarly  
    • CEO Rahul Vohra จะย้ายมานั่งใน Grammarly พร้อมทีม ~100 คน  
    • แผนจะขยายจากอีเมลสู่ปฏิทิน, งาน (Tasks), และการทำงานร่วมกัน (Collab tools)

    วิสัยทัศน์คือสร้าง “AI Agents” ที่เข้าใจทั้งอีเมล เอกสาร และบริบทการทำงานของผู้ใช้  
    • ใช้ช่วยเขียน ตอบอีเมล วิเคราะห์บริบท และลดเวลาค้นหาข้อมูลจากระบบต่าง ๆ  
    • แข่งขันกับ Copilot ของ Microsoft, Duet AI ของ Google, Salesforce Slack AI, และอื่น ๆ

    Superhuman ระบุว่าปัจจุบันผู้ใช้ส่งเมลได้เร็วขึ้น 72% และใช้งาน AI เขียนอีเมลเพิ่ม 5 เท่าในปีที่ผ่านมา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/exclusive-grammarly-acquires-email-startup-superhuman-in-ai-platform-push
    หลายคนรู้จัก Grammarly ในฐานะผู้ช่วยตรวจแกรมมาร์ แต่ตอนนี้บริษัทกำลังกลายร่างเป็น “ศูนย์กลาง AI ด้านการสื่อสารในองค์กร” เลยครับ โดยการซื้อ Superhuman ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอีเมล — มันคือชิ้นส่วนต่อจิ๊กซอว์สู่ผลิตภัณฑ์ครบวงจรที่รวม AI, เอกสาร, อีเมล, ปฏิทิน และอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน Superhuman เคยเป็นแอปอีเมลสุดพรีเมียมที่มี waitlist ยาวเหยียด ด้วยจุดขายความเร็วและดีไซน์เฉียบ แต่หลังจากที่ Google และ Microsoft พัฒนา AI ใน Gmail / Outlook มากขึ้น Superhuman ก็เจอความท้าทายไม่น้อย Grammarly ที่เพิ่งได้ทุน $1 พันล้านจาก General Catalyst เลยฉวยโอกาสนี้ซื้อ Superhuman เข้ามา พร้อมวางแผนใหญ่: - ดึงทีมและเทคโนโลยี Superhuman มาสร้าง “AI agents” ที่จะช่วยคุณเขียน ตอบ ค้นหา และจัดการเมลอย่างอัตโนมัติ - ใช้ข้อมูลจากเอกสาร + อีเมล + ปฏิทิน เพื่อสร้างผู้ช่วยเสมือนที่ “เข้าใจงานและบริบทของคุณจริง ๆ” CEO คนใหม่ของ Grammarly คือ Shishir Mehrotra (อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Coda) ซึ่งก็เคยปั้น Coda ให้เป็น workspace platform มาก่อน ดังนั้นนี่อาจเป็นการสร้าง “Coda + Email + AI = Grammarly ยุคใหม่” ก็เป็นได้ครับ! ✅ Grammarly ซื้อกิจการ Superhuman เพื่อลุยตลาด AI Productivity Suite   • ยังไม่เปิดเผยมูลค่าการซื้อ แต่ Superhuman เคยมีมูลค่าบริษัท $825 ล้าน   • มีรายได้ ~$35 ล้าน/ปี และผู้ใช้หลักอยู่ในกลุ่มองค์กร/มืออาชีพ ✅ Grammarly ได้ทุน $1 พันล้านจาก General Catalyst เมื่อไม่นานมานี้   • ใช้สำหรับขยายผลิตภัณฑ์ + สร้าง ecosystem ด้านการทำงานด้วย AI ✅ Superhuman จะยังคงแบรนด์เดิมและทีมเดิมอยู่ใน Grammarly   • CEO Rahul Vohra จะย้ายมานั่งใน Grammarly พร้อมทีม ~100 คน   • แผนจะขยายจากอีเมลสู่ปฏิทิน, งาน (Tasks), และการทำงานร่วมกัน (Collab tools) ✅ วิสัยทัศน์คือสร้าง “AI Agents” ที่เข้าใจทั้งอีเมล เอกสาร และบริบทการทำงานของผู้ใช้   • ใช้ช่วยเขียน ตอบอีเมล วิเคราะห์บริบท และลดเวลาค้นหาข้อมูลจากระบบต่าง ๆ   • แข่งขันกับ Copilot ของ Microsoft, Duet AI ของ Google, Salesforce Slack AI, และอื่น ๆ ✅ Superhuman ระบุว่าปัจจุบันผู้ใช้ส่งเมลได้เร็วขึ้น 72% และใช้งาน AI เขียนอีเมลเพิ่ม 5 เท่าในปีที่ผ่านมา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/exclusive-grammarly-acquires-email-startup-superhuman-in-ai-platform-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Grammarly to acquire email startup Superhuman in AI platform push
    (Corrects the year Grammarly was founded in paragraph 3, and the spelling of CEO's first name in paragraph 6;)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฉันโครตภูมิใจในซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนนี้ รวมทั้งเด็กๆทุกคนที่นั่น แม้จะผ่านไปอีก 80 ปีข้างหน้า ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องเล่าให้หลานๆ ฟังถึงสิ่งที่ชาวยิวอย่างเราได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อะไรไว้"

    ฟลอรา เมย์ เบดรา-โกลัน (เมย์ โกลัน) [Flora May Bedra-Golan (May Golan)] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเท่าเทียมกันของอิสราเอล (Israel's Equality Minister) กล่าวอย่างไม่อายฟ้าดินขณะสนทนากับ เพียร์ส มอร์แกน
    "ฉันโครตภูมิใจในซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนนี้ รวมทั้งเด็กๆทุกคนที่นั่น แม้จะผ่านไปอีก 80 ปีข้างหน้า ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องเล่าให้หลานๆ ฟังถึงสิ่งที่ชาวยิวอย่างเราได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อะไรไว้" ฟลอรา เมย์ เบดรา-โกลัน (เมย์ โกลัน) [Flora May Bedra-Golan (May Golan)] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเท่าเทียมกันของอิสราเอล (Israel's Equality Minister) กล่าวอย่างไม่อายฟ้าดินขณะสนทนากับ เพียร์ส มอร์แกน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • มือดีย้ายหมุด ปราสาทตาเมือนธม ใน Google Map จากฝั่งไทยไปอยู่กัมพูชา กองทัพบกแจงแล้ว ไม่มีผลทางกฎหมาย ไทยถือครองอธิปไตยมาตลอด
    https://www.thai-tai.tv/news/19941/
    .
    #ปราสาทตาเมือนธม #GoogleMaps #กองทัพบก #เขตแดนไทยกัมพูชา #อธิปไตยไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #ข่าวปลอม #ความเข้าใจผิด #กัมพูชา
    มือดีย้ายหมุด ปราสาทตาเมือนธม ใน Google Map จากฝั่งไทยไปอยู่กัมพูชา กองทัพบกแจงแล้ว ไม่มีผลทางกฎหมาย ไทยถือครองอธิปไตยมาตลอด https://www.thai-tai.tv/news/19941/ . #ปราสาทตาเมือนธม #GoogleMaps #กองทัพบก #เขตแดนไทยกัมพูชา #อธิปไตยไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #ข่าวปลอม #ความเข้าใจผิด #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิสคูเล่ CEO ของเวลฟาโก้บอกว่าเขารู้ว่าหลังจาก 1970 ธนาคารต้องเปลี่ยน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปในรูปแบบไหนแต่ที่เขาจะเสียเวลาไปรับมือกับความเปลี่ยนแปลง เขาพุ่งไปที่ขีดความสามารถโดยไม่ขาดสายเข้าไปในเส้นเลือดของบริษัทโดยตรงเมื่อไหร่ในที่ไหนพบคนเก่งพวกเขาจะจ้างมาอยู่ด้วยโดยที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร เขาบอกว่านี่คือการสร้างอนาคตถ้าผมไม่มีคนที่เก่งพอที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงจะมาถึงพวกเขามองออกและพวกเขายืดหยุ่นพอที่จะรับมือนั้น

    จากหนังสือ #GoodToGreat

    ดิสคูเล่ CEO ของเวลฟาโก้บอกว่าเขารู้ว่าหลังจาก 1970 ธนาคารต้องเปลี่ยน แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปในรูปแบบไหนแต่ที่เขาจะเสียเวลาไปรับมือกับความเปลี่ยนแปลง เขาพุ่งไปที่ขีดความสามารถโดยไม่ขาดสายเข้าไปในเส้นเลือดของบริษัทโดยตรงเมื่อไหร่ในที่ไหนพบคนเก่งพวกเขาจะจ้างมาอยู่ด้วยโดยที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร เขาบอกว่านี่คือการสร้างอนาคตถ้าผมไม่มีคนที่เก่งพอที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงจะมาถึงพวกเขามองออกและพวกเขายืดหยุ่นพอที่จะรับมือนั้น จากหนังสือ #GoodToGreat
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Goodnight my dear friends
    Hope you sleep well and have sweet dreams
    Goodnight my dear friends 🥱😪 Hope you sleep well and have sweet dreams 😇😴
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีเมลเคยเป็นราชาแห่งการสื่อสารดิจิทัล
    แต่วันนี้ เรากลับเหนื่อยกับกล่องจดหมายที่ล้น ฟิชชิงลวงตา และการตอบกลับที่ไร้ประโยชน์

    ในยุคที่ทุกอย่างเร็วและฉลาดขึ้น
    Slack, Teams, AI, WhatsApp กำลังเข้ามาแทนที่
    แม้แต่อีเมลก็เริ่มกลายเป็นแค่ “ระบบยืนยันตัวตน” ไม่ใช่ช่องทางหลัก

    การสิ้นสุดยุคอีเมล: บทใหม่ของการสื่อสารในโลกที่หมุนเร็ว
    ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อีเมล เคยเป็นเครื่องมือการสื่อสารดิจิทัลที่ทรงพลัง เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ติดต่อกันทั้งในระดับบุคคลและองค์กร มันรวดเร็ว ประหยัด และเก็บบันทึกได้อย่างเป็นระบบ อีเมลช่วยให้โลกใบนี้ใกล้กันขึ้นโดยลบเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ แต่ทุกเทคโนโลยีย่อมมีวาระของมัน และอีเมลก็กำลังเดินทางสู่ช่วงปลายของบทบาทหลักในยุคที่ความต้องการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

    จุดสูงสุดของอีเมล: จากนวัตกรรมสู่โครงสร้างหลัก
    การถือกำเนิดของอีเมลในทศวรรษ 1970 เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานทั่วโลก ในทศวรรษ 1990 มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ของชีวิตยุคดิจิทัล ทั้งในแวดวงธุรกิจ การศึกษา และชีวิตส่วนตัว ความสามารถในการแนบไฟล์ ส่งข้อความได้ทันทีข้ามทวีป และการเก็บบันทึกแบบถาวร ทำให้อีเมลกลายเป็น "ราชาแห่งการสื่อสารแบบอะซิงโครนัส"

    อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวไม่ได้ปราศจากข้อจำกัด

    เมื่อกำแพงเริ่มแตกร้าว: ข้อบกพร่องที่ไม่อาจมองข้าม
    1️⃣ ความปลอดภัยที่ล้าหลัง
    อีเมลเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ แม้จะมีการเข้ารหัสขั้นพื้นฐาน แต่รูปแบบการทำงานที่กระจายอำนาจทำให้การควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ฟิชชิง สแปม และมัลแวร์ยังคงแพร่กระจายได้ง่าย

    2️⃣ ภาระของการจัดการข้อมูล
    การออกแบบที่เรียงตามลำดับเวลาและตามหัวข้อ (thread) ทำให้ข้อความสำคัญถูกฝังอยู่ใต้ชั้นของการตอบกลับและสแปม ผู้ใช้จำนวนมากจึงเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "Email Fatigue" หรือ อาการเหนื่อยล้าจากอีเมล จนกลายเป็นภาระทางจิตใจมากกว่าประโยชน์ทางการสื่อสาร

    3️⃣ ไม่เหมาะกับโลกที่ต้องการความรวดเร็ว
    ในยุคที่ความเร็วในการตอบสนองมีผลต่อความสำเร็จของงาน อีเมลกลับไม่ตอบโจทย์ความต้องการของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ที่ทีมงานในปัจจุบันต่างคาดหวัง

    🛜 การเปลี่ยนผ่านสู่เครื่องมือสื่อสารใหม่
    การเสื่อมถอยของอีเมลเปิดพื้นที่ให้เครื่องมือใหม่เข้ามาแทนที่:

    Slack, Microsoft Teams, Zoom: ผสานการแชท วิดีโอคอลล์ และการทำงานร่วมกันไว้ในที่เดียว ลดความยุ่งยากจากการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม

    WhatsApp, Telegram, LINE: แอปพลิเคชันที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้บนอุปกรณ์พกพา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เป็นทางการ

    AI Assistant: การนำ AI มาช่วยร่าง ตอบ หรือตั้งเวลาอีเมล ทำให้ความจำเป็นในการเขียนอีเมลด้วยตนเองลดลง

    อีเมลในบทบาทใหม่: ไม่หายไป แต่ถอยห่าง
    แม้การใช้งานจะลดลง แต่อีเมลจะยังคงอยู่ในบางบริบท เช่น:

    - การสื่อสารอย่างเป็นทางการ
    - เอกสารทางกฎหมาย
    - การติดต่อข้ามองค์กรที่ไม่ใช้เครื่องมือร่วมกัน

    ทางเลือกแห่งอนาคต: จากโลกจริงสู่โลกเสมือน
    1️⃣ ระบบสื่อสารที่ใช้บล็อกเชน: ยกระดับความปลอดภัย ปราศจากการควบคุมจากศูนย์กลาง

    2️⃣ ชุด Productivity แบบรวมศูนย์ (เช่น Google Workspace, Microsoft 365): ฝังการสื่อสารไว้ในบริบทของการทำงานจริง

    3️⃣ Metaverse และ XR (Extended Reality): การประชุมเสมือนแบบ immersive หรือการทำงานร่วมกันในพื้นที่เสมือนอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่

    บทสรุป: การเดินทางของอีเมลจากพระเอกสู่ผู้เบื้องหลัง
    การสิ้นสุดของยุคอีเมลไม่ใช่จุดจบที่เศร้าหมอง แต่มันคือวิวัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยี อีเมลมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การสื่อสาร และสมควรได้รับการยอมรับในฐานะจุดเปลี่ยนของโลกดิจิทัล แต่ในโลกที่ให้ความสำคัญกับ ความเร็ว ความปลอดภัย และประสบการณ์แบบมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เครื่องมือใหม่ๆ กำลังเข้ามารับไม้ต่อ

    เราไม่ได้เพียงแค่ปิดกล่องจดหมาย — เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่สื่อสารได้ชาญฉลาดขึ้น เชื่อมโยงลึกขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น

    โลกกำลังก้าวสู่การสื่อสารที่ เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเชื่อมโยงแบบมนุษย์มากขึ้น

    แล้วคุณยังใช้อีเมลเป็นหลักอยู่หรือเปล่า

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    อีเมลเคยเป็นราชาแห่งการสื่อสารดิจิทัล แต่วันนี้ เรากลับเหนื่อยกับกล่องจดหมายที่ล้น ฟิชชิงลวงตา และการตอบกลับที่ไร้ประโยชน์ ในยุคที่ทุกอย่างเร็วและฉลาดขึ้น Slack, Teams, AI, WhatsApp กำลังเข้ามาแทนที่ แม้แต่อีเมลก็เริ่มกลายเป็นแค่ “ระบบยืนยันตัวตน” ไม่ใช่ช่องทางหลัก 📭📭 การสิ้นสุดยุคอีเมล: บทใหม่ของการสื่อสารในโลกที่หมุนเร็ว 🪦🪦 ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อีเมล เคยเป็นเครื่องมือการสื่อสารดิจิทัลที่ทรงพลัง เปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ติดต่อกันทั้งในระดับบุคคลและองค์กร มันรวดเร็ว ประหยัด และเก็บบันทึกได้อย่างเป็นระบบ อีเมลช่วยให้โลกใบนี้ใกล้กันขึ้นโดยลบเส้นแบ่งทางภูมิศาสตร์ แต่ทุกเทคโนโลยีย่อมมีวาระของมัน และอีเมลก็กำลังเดินทางสู่ช่วงปลายของบทบาทหลักในยุคที่ความต้องการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว 🔝 จุดสูงสุดของอีเมล: จากนวัตกรรมสู่โครงสร้างหลัก การถือกำเนิดของอีเมลในทศวรรษ 1970 เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานทั่วโลก ในทศวรรษ 1990 มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ของชีวิตยุคดิจิทัล ทั้งในแวดวงธุรกิจ การศึกษา และชีวิตส่วนตัว ความสามารถในการแนบไฟล์ ส่งข้อความได้ทันทีข้ามทวีป และการเก็บบันทึกแบบถาวร ทำให้อีเมลกลายเป็น "ราชาแห่งการสื่อสารแบบอะซิงโครนัส" อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ดังกล่าวไม่ได้ปราศจากข้อจำกัด 🧱🧱 เมื่อกำแพงเริ่มแตกร้าว: ข้อบกพร่องที่ไม่อาจมองข้าม 1️⃣ ความปลอดภัยที่ล้าหลัง อีเมลเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ แม้จะมีการเข้ารหัสขั้นพื้นฐาน แต่รูปแบบการทำงานที่กระจายอำนาจทำให้การควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ ส่งผลให้ฟิชชิง สแปม และมัลแวร์ยังคงแพร่กระจายได้ง่าย 2️⃣ ภาระของการจัดการข้อมูล การออกแบบที่เรียงตามลำดับเวลาและตามหัวข้อ (thread) ทำให้ข้อความสำคัญถูกฝังอยู่ใต้ชั้นของการตอบกลับและสแปม ผู้ใช้จำนวนมากจึงเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "Email Fatigue" หรือ อาการเหนื่อยล้าจากอีเมล จนกลายเป็นภาระทางจิตใจมากกว่าประโยชน์ทางการสื่อสาร 3️⃣ ไม่เหมาะกับโลกที่ต้องการความรวดเร็ว ในยุคที่ความเร็วในการตอบสนองมีผลต่อความสำเร็จของงาน อีเมลกลับไม่ตอบโจทย์ความต้องการของการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ที่ทีมงานในปัจจุบันต่างคาดหวัง 📶🛜 การเปลี่ยนผ่านสู่เครื่องมือสื่อสารใหม่ การเสื่อมถอยของอีเมลเปิดพื้นที่ให้เครื่องมือใหม่เข้ามาแทนที่: ✅ Slack, Microsoft Teams, Zoom: ผสานการแชท วิดีโอคอลล์ และการทำงานร่วมกันไว้ในที่เดียว ลดความยุ่งยากจากการเปลี่ยนแพลตฟอร์ม ✅ WhatsApp, Telegram, LINE: แอปพลิเคชันที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้บนอุปกรณ์พกพา และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เป็นทางการ ✅ AI Assistant: การนำ AI มาช่วยร่าง ตอบ หรือตั้งเวลาอีเมล ทำให้ความจำเป็นในการเขียนอีเมลด้วยตนเองลดลง 🎯🎯 อีเมลในบทบาทใหม่: ไม่หายไป แต่ถอยห่าง แม้การใช้งานจะลดลง แต่อีเมลจะยังคงอยู่ในบางบริบท เช่น: - การสื่อสารอย่างเป็นทางการ - เอกสารทางกฎหมาย - การติดต่อข้ามองค์กรที่ไม่ใช้เครื่องมือร่วมกัน 🔮 ทางเลือกแห่งอนาคต: จากโลกจริงสู่โลกเสมือน 1️⃣ ระบบสื่อสารที่ใช้บล็อกเชน: ยกระดับความปลอดภัย ปราศจากการควบคุมจากศูนย์กลาง 2️⃣ ชุด Productivity แบบรวมศูนย์ (เช่น Google Workspace, Microsoft 365): ฝังการสื่อสารไว้ในบริบทของการทำงานจริง 3️⃣ Metaverse และ XR (Extended Reality): การประชุมเสมือนแบบ immersive หรือการทำงานร่วมกันในพื้นที่เสมือนอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ 🏁🏁 บทสรุป: การเดินทางของอีเมลจากพระเอกสู่ผู้เบื้องหลัง 🏁🏁 การสิ้นสุดของยุคอีเมลไม่ใช่จุดจบที่เศร้าหมอง แต่มันคือวิวัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยี อีเมลมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การสื่อสาร และสมควรได้รับการยอมรับในฐานะจุดเปลี่ยนของโลกดิจิทัล แต่ในโลกที่ให้ความสำคัญกับ ความเร็ว ความปลอดภัย และประสบการณ์แบบมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เครื่องมือใหม่ๆ กำลังเข้ามารับไม้ต่อ เราไม่ได้เพียงแค่ปิดกล่องจดหมาย — เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่สื่อสารได้ชาญฉลาดขึ้น เชื่อมโยงลึกขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น 📌 โลกกำลังก้าวสู่การสื่อสารที่ เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเชื่อมโยงแบบมนุษย์มากขึ้น แล้วคุณยังใช้อีเมลเป็นหลักอยู่หรือเปล่า❓❓ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กรกฎา ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ขอเชิญแวะมาเที่ยวโคราช ทำบุญร่วมงานเข้าพรรษาไปด้วยกันนะ ” 9-11 กรกฎาคม 2568 “#แห่เทียนโคราช #ศาสตร์ศิลป์ถิ่นย่าโม”
    12 ที่พัก ใกล้อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) สะดวก เดินทางง่าย ราคาประหยัด เช้าชมแห่เทียน เย็นนอนพัก ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ต้องที่นี่เลย 🫶
    นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้า OTOP อาหารดีมีชื่อของโคราช กิจกรรม Workshop สืบสานวัฒนธรรม ทำเทียนพรรษาโคราช กิจกรรมสาธิตการแกะเทียนพรรษาและการพิมพ์เทียน การแสดงแสง สี เสียง และโขนประกอบต้นเทียนพรรษา การแสดงวงดนตรี กิจกรรมอื่น ๆ อีกเยอะม๊ากเด้อพี่น้อง !
    ณ บริเวณรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สวนสุรนารี สวนเมืองทอง และสวนอนุสรณ์สถาน
    .
    ติดตามข่าวสารจากเทศบาลนครนครราชสีมาได้ที่
    เว็บไซต์ : www.koratcity.go.th
    Facebook : ประชาสัมพันธ์ เทศบาลนครนครราชสีมา
    Instagram : www.instagram.com/koratcity.1
    Youtube : www.youtube.com/channel/UCfA8JqPeQpZkPobvlR3UrNQ
    Tiktok : www.tiktok.com/@pr.koratcity
    Line Official Account : https://lin.ee/tEoZH6e

    #แห่เทียนโคราช68 #แห่เทียนโคราช #แห่เทียนพรรษา #ประเพณีแห่เทียนพรรษาโคราช #เทศบาลนครนครราชสีมา #งานประชาสัมพันธ์เทศบาลนครนครราชสีมา #คนเมืองโคราช #เที่ยวโคราช #โคราชบ้านเอ็ง #นครราชสีมา
    “กรกฎา ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหน ขอเชิญแวะมาเที่ยวโคราช ทำบุญร่วมงานเข้าพรรษาไปด้วยกันนะ 🥰” 9-11 กรกฎาคม 2568 “#แห่เทียนโคราช #ศาสตร์ศิลป์ถิ่นย่าโม” 🕯️✨ 🛏️ 12 ที่พัก ใกล้อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) สะดวก เดินทางง่าย ราคาประหยัด เช้าชมแห่เทียน เย็นนอนพัก ตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ต้องที่นี่เลย 🫶💛 นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้า OTOP อาหารดีมีชื่อของโคราช กิจกรรม Workshop สืบสานวัฒนธรรม ทำเทียนพรรษาโคราช กิจกรรมสาธิตการแกะเทียนพรรษาและการพิมพ์เทียน การแสดงแสง สี เสียง และโขนประกอบต้นเทียนพรรษา การแสดงวงดนตรี กิจกรรมอื่น ๆ อีกเยอะม๊ากเด้อพี่น้อง !🤩 📍 ณ บริเวณรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สวนสุรนารี สวนเมืองทอง และสวนอนุสรณ์สถาน . ติดตามข่าวสารจากเทศบาลนครนครราชสีมาได้ที่ 🌐 เว็บไซต์ : www.koratcity.go.th 📘 Facebook : ประชาสัมพันธ์ เทศบาลนครนครราชสีมา 📸 Instagram : www.instagram.com/koratcity.1 📹 Youtube : www.youtube.com/channel/UCfA8JqPeQpZkPobvlR3UrNQ 🎵 Tiktok : www.tiktok.com/@pr.koratcity 📱 Line Official Account : https://lin.ee/tEoZH6e #แห่เทียนโคราช68 #แห่เทียนโคราช #แห่เทียนพรรษา #ประเพณีแห่เทียนพรรษาโคราช #เทศบาลนครนครราชสีมา #งานประชาสัมพันธ์เทศบาลนครนครราชสีมา #คนเมืองโคราช #เที่ยวโคราช #โคราชบ้านเอ็ง #นครราชสีมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ ได้กำหนดจัดโครงการการแข่งขันทักษะทางวิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาขึ้น เพื่อมุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศ ในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานที่ต้องการปรับปัจจุบันเพื่อปูทางสู่อนาคต โครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล และตามพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2566-2570 พัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะและทักษะด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ การคิดขั้นสูง นวัตกรรมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีดิจิทัล และภาษาต่างประเทศ โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โครงงานประเภททดลอง และโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์
    กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมตะโกราย 1 อาคารสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
    1. คุณสมบัติผู้เข้าประกวด
    1.1 นักเรียนระดับ ป. 4-6
    1.2 นักเรียนระดับชั้น ม. 1-3
    1.3 นักเรียนระดับชั้น ม. 4-6
    2. ประเภทและจำนวนผู้เข้าประกวด (ประเภททีม 3 คน)
    2.1 ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ป. 4-6 ทุกสังกัด
    2.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม. 1-3 ทุกสังกัด
    2.3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ม. 4-6 ทุกสังกัด
    3. วิธีดำเนินการและรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวด
    ผู้เข้าประกอบต้องส่งไฟล์รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ความยาวไม่เกิน 20 หน้า พร้อมไฟล์คลิปวีดิโอนำเสนอโครงงาน ไม่เกิน 5 นาที และไฟล์บทคัดย่อตามแบบฟอร์มที่กำหนด (.doc และ pdf) ผ่านทางลิงค์
    https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSe_GRH6cgWJBaakrxf2wU9xxgtjqkbDb98wQaZVFe4ZfgkB4Q/viewform?usp=header
    ที่ปรากฎในสื่อประชาสัมพันธ์ โดยส่งภายในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568
    รางวัลที่ 1 คะแนนสูงสุดอันดับ 1 เงินรางวัล 1,200 บาท
    รางวัลที่ 2 คะแนนสูงสุดอันดับ 2 เงินรางวัล 800 บาท
    รางวัลที่ 3 คะแนนสูงสุดอันดับ 3 เงินรางวัล 500 บาท
    (ผู้เข้าร่วมแข่งขันและผู้ควบคุมจะได้รับเกียรติบัตรจากการเข้าร่วมกิจกรรม)
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ ผศ.ดร. วิชุดา กล้าเวช 0621656415
    คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ ได้กำหนดจัดโครงการการแข่งขันทักษะทางวิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาขึ้น เพื่อมุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศ ในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานที่ต้องการปรับปัจจุบันเพื่อปูทางสู่อนาคต โครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล และตามพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2566-2570 พัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะและทักษะด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ การคิดขั้นสูง นวัตกรรมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีดิจิทัล และภาษาต่างประเทศ โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โครงงานประเภททดลอง และโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องประชุมตะโกราย 1 อาคารสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 1. คุณสมบัติผู้เข้าประกวด 1.1 นักเรียนระดับ ป. 4-6 1.2 นักเรียนระดับชั้น ม. 1-3 1.3 นักเรียนระดับชั้น ม. 4-6 2. ประเภทและจำนวนผู้เข้าประกวด (ประเภททีม 3 คน) 2.1 ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ป. 4-6 ทุกสังกัด 2.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ม. 1-3 ทุกสังกัด 2.3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ม. 4-6 ทุกสังกัด 3. วิธีดำเนินการและรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวด ผู้เข้าประกอบต้องส่งไฟล์รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ความยาวไม่เกิน 20 หน้า พร้อมไฟล์คลิปวีดิโอนำเสนอโครงงาน ไม่เกิน 5 นาที และไฟล์บทคัดย่อตามแบบฟอร์มที่กำหนด (.doc และ pdf) ผ่านทางลิงค์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSe_GRH6cgWJBaakrxf2wU9xxgtjqkbDb98wQaZVFe4ZfgkB4Q/viewform?usp=header ที่ปรากฎในสื่อประชาสัมพันธ์ โดยส่งภายในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 รางวัลที่ 1 คะแนนสูงสุดอันดับ 1 เงินรางวัล 1,200 บาท รางวัลที่ 2 คะแนนสูงสุดอันดับ 2 เงินรางวัล 800 บาท รางวัลที่ 3 คะแนนสูงสุดอันดับ 3 เงินรางวัล 500 บาท (ผู้เข้าร่วมแข่งขันและผู้ควบคุมจะได้รับเกียรติบัตรจากการเข้าร่วมกิจกรรม) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ ผศ.ดร. วิชุดา กล้าเวช 0621656415
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ม.ราชภัฏโคราช ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ NRRU BOOST START 2025
    เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้
    .
    กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา “NRRU BOOST START 2025 เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมราชภัฏรังสฤษฎ์ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี เป็นประธานกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ พร้อมแนะนำคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย จากนั้นเป็นการบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Teaching, Smart Learning, การบรรยาย เรื่อง Happy University, การบรรยาย เรื่อง NRRU Good Health Good Life, การบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Love, Safe Love, กิจกรรมพบผู้นำนักศึกษา, สนุกสนามกับการแสดงจากนักศึกษาสาขาวิชานาฏศิลป์ไทย ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ต NRRU BOOST START โดย วงซัมเมอร์ นักศึกษาสาขาวิชาดนตรีศึกษา
    .
    การจัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาใหม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ทราบแนวทางการวางแผนการเรียน รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย และให้นักศึกษาได้ทราบแนวทางในการดำเนินกิจกรรมรวมถึงสิทธิและสวัสดิการของนักศึกษา ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาปฏิบัติตนได้ถูกต้องและบังเกิดผลดีต่อการศึกษา โดยในปีการศึกษา 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 3 เข้าใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 4,547 คนม.ราชภัฏโคราช ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ NRRU BOOST START 2025
    เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้
    .
    กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา “NRRU BOOST START 2025 เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมราชภัฏรังสฤษฎ์ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี เป็นประธานกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ พร้อมแนะนำคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย จากนั้นเป็นการบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Teaching, Smart Learning, การบรรยาย เรื่อง Happy University, การบรรยาย เรื่อง NRRU Good Health Good Life, การบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Love, Safe Love, กิจกรรมพบผู้นำนักศึกษา, สนุกสนามกับการแสดงจากนักศึกษาสาขาวิชานาฏศิลป์ไทย ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ต NRRU BOOST START โดย วงซัมเมอร์ นักศึกษาสาขาวิชาดนตรีศึกษา
    .
    การจัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาใหม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ทราบแนวทางการวางแผนการเรียน รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย และให้นักศึกษาได้ทราบแนวทางในการดำเนินกิจกรรมรวมถึงสิทธิและสวัสดิการของนักศึกษา ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาปฏิบัติตนได้ถูกต้องและบังเกิดผลดีต่อการศึกษา โดยในปีการศึกษา 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 3 เข้าใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 4,547 คน
    ม.ราชภัฏโคราช ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ NRRU BOOST START 2025 เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้ . กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา “NRRU BOOST START 2025 เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมราชภัฏรังสฤษฎ์ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี เป็นประธานกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ พร้อมแนะนำคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย จากนั้นเป็นการบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Teaching, Smart Learning, การบรรยาย เรื่อง Happy University, การบรรยาย เรื่อง NRRU Good Health Good Life, การบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Love, Safe Love, กิจกรรมพบผู้นำนักศึกษา, สนุกสนามกับการแสดงจากนักศึกษาสาขาวิชานาฏศิลป์ไทย ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ต NRRU BOOST START โดย วงซัมเมอร์ นักศึกษาสาขาวิชาดนตรีศึกษา . การจัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาใหม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ทราบแนวทางการวางแผนการเรียน รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย และให้นักศึกษาได้ทราบแนวทางในการดำเนินกิจกรรมรวมถึงสิทธิและสวัสดิการของนักศึกษา ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาปฏิบัติตนได้ถูกต้องและบังเกิดผลดีต่อการศึกษา โดยในปีการศึกษา 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 3 เข้าใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 4,547 คนม.ราชภัฏโคราช ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ NRRU BOOST START 2025 เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้ . กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา “NRRU BOOST START 2025 เปิดพลังใหม่ เติมไฟแห่งการเรียนรู้” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมราชภัฏรังสฤษฎ์ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี เป็นประธานกล่าวต้อนรับนักศึกษาใหม่ พร้อมแนะนำคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย จากนั้นเป็นการบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Teaching, Smart Learning, การบรรยาย เรื่อง Happy University, การบรรยาย เรื่อง NRRU Good Health Good Life, การบรรยาย เรื่อง NRRU Smart Love, Safe Love, กิจกรรมพบผู้นำนักศึกษา, สนุกสนามกับการแสดงจากนักศึกษาสาขาวิชานาฏศิลป์ไทย ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ต NRRU BOOST START โดย วงซัมเมอร์ นักศึกษาสาขาวิชาดนตรีศึกษา . การจัดปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาใหม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ทราบแนวทางการวางแผนการเรียน รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย และให้นักศึกษาได้ทราบแนวทางในการดำเนินกิจกรรมรวมถึงสิทธิและสวัสดิการของนักศึกษา ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาปฏิบัติตนได้ถูกต้องและบังเกิดผลดีต่อการศึกษา โดยในปีการศึกษา 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 3 เข้าใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 4,547 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์กรยุคใหม่เริ่มใช้ Browser AI Agent เพื่อให้มัน “ทำงานแทนคน” เช่น จองตั๋วเครื่องบิน, นัดประชุม, เขียนอีเมล, หรือ login เข้าระบบภายในแบบอัตโนมัติ — แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่ทันรู้คือ...

    AI ตัวนี้ “ไม่มีสัญชาตญาณ” — มันไม่รู้ว่าอีเมลไหนดูแปลก, เว็บไซต์ไหนหลอก, ป๊อปอัปขอสิทธิ์อะไรเกินจำเป็น

    ผลคือ:
    - มี AI Agent ที่สมัครใช้เว็บแชร์ไฟล์ แล้วกด “อนุญาต” ให้เว็บแปลก ๆ เข้าถึง Google Drive ทั้งบัญชี
    - อีกกรณี Agent ถูก phishing ให้ใส่รหัสผ่าน Salesforce โดยไม่มีข้อสงสัย
    - เหตุผลเพราะมันใช้สิทธิ์ระดับเดียวกับพนักงานจริง — เปิดช่องให้คนร้ายใช้เป็น “ตัวแทน” เข้าระบบองค์กรได้เนียน ๆ

    งานวิจัยโดย SquareX ชี้ว่า “AI พวกนี้มีสติปัญญาด้านความปลอดภัย แย่กว่าพนักงานใหม่ในองค์กรเสียอีก” และปัจจุบันเครื่องมือตรวจจับภัยไซเบอร์ก็ยังมองไม่ออกว่า “พฤติกรรมแปลก ๆ” เหล่านี้เกิดจาก AI ที่ถูกโจมตีอยู่

    Browser AI Agent คือผู้ช่วยอัตโนมัติที่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์แทนผู้ใช้ เช่น login, กรอกฟอร์ม, ส่งอีเมล  
    • เริ่มนิยมใช้ในองค์กรเพื่อประหยัดเวลาและลดงานซ้ำซ้อน

    SquareX พบว่า AI Agent เหล่านี้ตกเป็นเหยื่อ phishing และเว็บอันตรายได้ง่ายกว่ามนุษย์  
    • ไม่รู้จักแยกแยะ URL ปลอม, สิทธิ์การเข้าถึงเกินจริง, หรือแบรนด์ที่ไม่น่าไว้ใจ

    AI Agent ใช้สิทธิ์ระบบเดียวกับผู้ใช้จริง → หากถูกหลอกจะมีสิทธิ์เข้าถึงระบบภายในโดยตรง  
    • เช่น ข้อมูลในคลาวด์, อีเมล, Salesforce, เครื่องมือทางธุรกิจต่าง ๆ

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น Firewall, ZTNA หรือ Endpoint Protection ยังตรวจไม่เจอภัยจาก AI Agent  
    • เพราะทุกการกระทำดูเหมือนพนักงานปกติไม่ได้ทำอะไรผิด

    SquareX แนะนำให้ใช้งาน “Browser Detection and Response” แบบเฉพาะเพื่อดูแล AI Agent เหล่านี้โดยตรง

    https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-organizations-have-a-new-unexpected-employee-onboard-and-it-could-be-their-single-biggest-security-risk
    องค์กรยุคใหม่เริ่มใช้ Browser AI Agent เพื่อให้มัน “ทำงานแทนคน” เช่น จองตั๋วเครื่องบิน, นัดประชุม, เขียนอีเมล, หรือ login เข้าระบบภายในแบบอัตโนมัติ — แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่ทันรู้คือ... AI ตัวนี้ “ไม่มีสัญชาตญาณ” — มันไม่รู้ว่าอีเมลไหนดูแปลก, เว็บไซต์ไหนหลอก, ป๊อปอัปขอสิทธิ์อะไรเกินจำเป็น ผลคือ: - มี AI Agent ที่สมัครใช้เว็บแชร์ไฟล์ แล้วกด “อนุญาต” ให้เว็บแปลก ๆ เข้าถึง Google Drive ทั้งบัญชี - อีกกรณี Agent ถูก phishing ให้ใส่รหัสผ่าน Salesforce โดยไม่มีข้อสงสัย - เหตุผลเพราะมันใช้สิทธิ์ระดับเดียวกับพนักงานจริง — เปิดช่องให้คนร้ายใช้เป็น “ตัวแทน” เข้าระบบองค์กรได้เนียน ๆ งานวิจัยโดย SquareX ชี้ว่า “AI พวกนี้มีสติปัญญาด้านความปลอดภัย แย่กว่าพนักงานใหม่ในองค์กรเสียอีก” และปัจจุบันเครื่องมือตรวจจับภัยไซเบอร์ก็ยังมองไม่ออกว่า “พฤติกรรมแปลก ๆ” เหล่านี้เกิดจาก AI ที่ถูกโจมตีอยู่ ✅ Browser AI Agent คือผู้ช่วยอัตโนมัติที่ทำงานผ่านเบราว์เซอร์แทนผู้ใช้ เช่น login, กรอกฟอร์ม, ส่งอีเมล   • เริ่มนิยมใช้ในองค์กรเพื่อประหยัดเวลาและลดงานซ้ำซ้อน ✅ SquareX พบว่า AI Agent เหล่านี้ตกเป็นเหยื่อ phishing และเว็บอันตรายได้ง่ายกว่ามนุษย์   • ไม่รู้จักแยกแยะ URL ปลอม, สิทธิ์การเข้าถึงเกินจริง, หรือแบรนด์ที่ไม่น่าไว้ใจ ✅ AI Agent ใช้สิทธิ์ระบบเดียวกับผู้ใช้จริง → หากถูกหลอกจะมีสิทธิ์เข้าถึงระบบภายในโดยตรง   • เช่น ข้อมูลในคลาวด์, อีเมล, Salesforce, เครื่องมือทางธุรกิจต่าง ๆ ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น Firewall, ZTNA หรือ Endpoint Protection ยังตรวจไม่เจอภัยจาก AI Agent   • เพราะทุกการกระทำดูเหมือนพนักงานปกติไม่ได้ทำอะไรผิด ✅ SquareX แนะนำให้ใช้งาน “Browser Detection and Response” แบบเฉพาะเพื่อดูแล AI Agent เหล่านี้โดยตรง https://www.techradar.com/pro/security/thousands-of-organizations-have-a-new-unexpected-employee-onboard-and-it-could-be-their-single-biggest-security-risk
    WWW.TECHRADAR.COM
    The bots in your browser are working hard… and giving attackers everything they need to get in
    AI agents are now falling for scams that your intern would immediately know to avoid
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ

    WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม

    นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา

    บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ:
    - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple
    - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี
    - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง

    ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat

    Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:  
    • Facebook phone → ล้มเหลว  
    • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย  
    • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล  
    • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน

    AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)  
    • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม  
    • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร

    ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:  
    • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม  
    • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)  
    • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม

    โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:  
    • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%  
    • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร

    เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:  
    • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple  
    • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้  
    • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป

    Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    Meta เคยเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตสมัยใหม่ — มี Facebook ครองโลก, ซื้อ Instagram มาต่อยอด, ทุ่มเงินซื้อ WhatsApp พร้อมสัญญาว่าจะไม่มีโฆษณา…แต่สุดท้ายทุกอย่างกำลังย้อนกลับ WhatsApp ตอนนี้มีโฆษณา Metaverse ทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญ → ยังไม่เห็นผล Libra (คริปโตของ Meta) → ตาย แม้แต่ AI — LLaMA ยังตามหลัง ChatGPT, Claude และ Gemini อยู่หลายร้อยแต้ม นักเขียนบทความนี้ (Howard Yu) วิเคราะห์ว่า Mark Zuckerberg เรียนรู้เชิงธุรกิจเก่งมาก แต่ “ไม่เคยเรียนรู้จากผลกระทบที่ Meta ก่อในสังคม” เช่น การถูกใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่น, ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่น, และกรณีรุนแรงอย่างความขัดแย้งในเมียนมา บทวิเคราะห์เปรียบเทียบ Mark กับ Steve Jobs ไว้อย่างน่าสนใจ: - Jobs เคยผิดพลาด, เคยล้ม, เคยถูกไล่ออกจาก Apple - แต่เขากลับมาใหม่ด้วยการ “เติบโตทางจิตใจ” ไม่ใช่แค่ทางเทคโนโลยี - เขายอมฟังคนอื่น, สร้างทีมที่เก่งกว่า, ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง → และสร้าง Apple ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง ส่วน Zuckerberg ใช้อำนาจหุ้นพิเศษ (super-voting shares) ทำให้ไม่มีใครปลดเขาได้ → ไม่มีแรงกดดันให้เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือยอมรับความผิดพลาด → ผลลัพธ์คือ Meta วนลูปเดิม ๆ — ปรับ feed เพิ่ม engagement → ขายโฆษณา → repeat ✅ Meta เคยล้มเหลวหลายโปรเจกต์ใหญ่:   • Facebook phone → ล้มเหลว   • Free Basics → ถูกแบนในอินเดีย   • Libra → ถูกต่อต้านโดยรัฐบาล   • Metaverse → ทุ่มเงินมหาศาล แต่ยังไม่คืนทุน ✅ AI ของ Meta (LLaMA 4) ยังตามหลัง OpenAI (ChatGPT), Anthropic (Claude), Google (Gemini)   • คะแนน Elo ห่างคู่แข่งหลายสิบถึงหลายร้อยแต้ม   • แม้ใช้ open-source เป็นยุทธศาสตร์หลัก แต่ยังไม่ดึงใจนักพัฒนาเท่าที่ควร ✅ ผู้เขียนชี้ว่า Zuckerberg ไม่เคยเรียนรู้จาก ‘ผลเสียต่อสังคม’ ที่ Meta สร้างไว้:   • กรณี Facebook ในเมียนมา → ปล่อยให้ Hate speech ลุกลาม   • Facebook ถูกใช้ในการปลุกระดม, ปั่นเลือกตั้ง (Cambridge Analytica)   • ระบบโฆษณาใช้ microtargeting เพื่อกด turnout กลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม ✅ โครงสร้างอำนาจของ Meta = Zuckerberg คุมทุกอย่าง:   • เขาถือหุ้น 13% แต่มีสิทธิ์โหวตกว่า 50%   • ไม่มีใครปลดเขาได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อใคร ✅ เปรียบเทียบกับ Steve Jobs:   • Jobs ล้มเหลว, ถูกไล่ออกจาก Apple   • แต่กลับมาใหม่แบบถ่อมตนและเรียนรู้   • สร้างวัฒนธรรมที่ Apple แข็งแรงพอจะอยู่ได้แม้เขาจากไป ✅ Meta แม้จะยังทำเงินได้มากจากโฆษณา แต่กำลัง “ไร้วิสัยทัศน์ที่สดใหม่” สำหรับโลกยุคหลังโฆษณา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/01/why-mark-zuckerberg-and-meta-cant-build-the-future
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why Mark Zuckerberg and Meta can't build the future
    Here's how absolute power trapped Facebook's parent company — and how Steve Jobs broke free.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว

    ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น

    ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย:
    - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย
    - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN)
    - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง

    นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ

    Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password  
    • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง  
    • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน

    Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)  
    • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin  
    • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello

    มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต

    Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”  
    • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025  
    • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน

    https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย: - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN) - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ ✅ Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password   • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง   • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน ✅ Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)   • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin   • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello ✅ มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต ✅ Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”   • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025   • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • “CVE” ย่อมาจาก Common Vulnerabilities and Exposures เป็นฐานข้อมูลกลางที่ใช้ระบุชื่อช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ เช่น CVE-2023-12345 เป็นต้น ทุกทีมความปลอดภัยทั่วโลกใช้มันในการแพตช์ ประสานงาน จัดการความเสี่ยง ฯลฯ

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ MITRE (ผู้ดูแล CVE) ส่งจดหมายแจ้งว่าจะหมดสัญญากับรัฐบาลกลางในเดือนเมษายน 2025 และหากไม่มีการต่อสัญญา จะส่งผลให้ระบบแจ้งช่องโหว่ทั่วโลกหยุดชะงัก → โชคดีที่ CISA ขยายสัญญาอีก 11 เดือนทัน

    แม้ระเบิดจะยังไม่ลง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายรู้ว่า “ควรเริ่มหาแหล่งข้อมูลช่องโหว่สำรอง” เพราะ:
    - CVE มี backlog เพียบ (หลายช่องโหว่ยังไม่มีรหัส)
    - ช่องโหว่จำนวนมากถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกใส่ใน CVE
    - การอัปเดตจาก NVD (หน่วยงานที่ใส่รายละเอียดให้ CVE) ช้ากว่าความเป็นจริงมาก

    ยุโรปจึงเร่งเปิดตัว EU Vulnerability Database (EUVD) เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนในภูมิภาคของตนเอง และหลายองค์กรเริ่มหันไปใช้บริการจากผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ เช่น Flashpoint, VulnCheck, GitHub Advisory, HackerOne, BitSight เป็นต้น

    CVE ยังเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ระบุช่องโหว่ในระบบทั่วโลก  
    • เช่น CVE-2024-12345  
    • ทุกซอฟต์แวร์และเครื่องมือ patch management พึ่งพามัน

    เมื่อเมษายน 2025 CVE เกือบหยุดทำงานเพราะหมดสัญญา → CISA ต่ออายุอีก 11 เดือนทันเวลา
    • ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้าน “ความพึ่งพิงมากเกินไป”

    ปัญหาที่ CVE เจอ:  
    • Backlog ช่องโหว่ที่รอยืนยันจาก NVD จำนวนมาก  
    • ความล่าช้าในการใส่รายละเอียด CVSS, CWE, CPE  
    • ช่องโหว่บางอันถูกใช้โจมตีก่อนจะมี CVE ID

    ข้อมูลจาก Google GTIG ระบุว่า มีช่องโหว่ zero-day ถึง 75 รายการในปี 2024  
    • ส่วนใหญ่ถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกเผยแพร่ใน CVE

    ยุโรปจึงเปิดตัว European Vulnerability Database (EUVD) ในปี 2025  
    • ดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง  
    • มีหมวดแสดง critical, exploited, และช่องโหว่ที่ประสานในระดับ EU  
    • เน้นลดการพึ่ง CVE และสร้างความเป็นอิสระระดับภูมิภาค

    ผู้ให้บริการอื่นที่องค์กรควรพิจารณา:  
    • GitHub Advisory Database  
    • Flashpoint, VulnCheck, BitSight  
    • HackerOne / Bugcrowd  
    • ฐานข้อมูลระดับชาติ เช่น JPCERT, CNNVD, AusCERT  
    • CISA KEV (Known Exploited Vulnerabilities)

    แนวโน้ม: ต้องพึ่ง “Threat-informed prioritization” มากกว่ารอ CVE อย่างเดียว  
    • ใช้ปัจจัยเช่น exploit availability, asset exposure, ransomware targeting ในการตัดสินใจ patch

    https://www.csoonline.com/article/4008708/beyond-cve-the-hunt-for-other-sources-of-vulnerability-intel.html
    “CVE” ย่อมาจาก Common Vulnerabilities and Exposures เป็นฐานข้อมูลกลางที่ใช้ระบุชื่อช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ เช่น CVE-2023-12345 เป็นต้น ทุกทีมความปลอดภัยทั่วโลกใช้มันในการแพตช์ ประสานงาน จัดการความเสี่ยง ฯลฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ MITRE (ผู้ดูแล CVE) ส่งจดหมายแจ้งว่าจะหมดสัญญากับรัฐบาลกลางในเดือนเมษายน 2025 และหากไม่มีการต่อสัญญา จะส่งผลให้ระบบแจ้งช่องโหว่ทั่วโลกหยุดชะงัก → โชคดีที่ CISA ขยายสัญญาอีก 11 เดือนทัน แม้ระเบิดจะยังไม่ลง แต่เหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายรู้ว่า “ควรเริ่มหาแหล่งข้อมูลช่องโหว่สำรอง” เพราะ: - CVE มี backlog เพียบ (หลายช่องโหว่ยังไม่มีรหัส) - ช่องโหว่จำนวนมากถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกใส่ใน CVE - การอัปเดตจาก NVD (หน่วยงานที่ใส่รายละเอียดให้ CVE) ช้ากว่าความเป็นจริงมาก ยุโรปจึงเร่งเปิดตัว EU Vulnerability Database (EUVD) เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนในภูมิภาคของตนเอง และหลายองค์กรเริ่มหันไปใช้บริการจากผู้ให้ข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ เช่น Flashpoint, VulnCheck, GitHub Advisory, HackerOne, BitSight เป็นต้น ✅ CVE ยังเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้ระบุช่องโหว่ในระบบทั่วโลก   • เช่น CVE-2024-12345   • ทุกซอฟต์แวร์และเครื่องมือ patch management พึ่งพามัน ✅ เมื่อเมษายน 2025 CVE เกือบหยุดทำงานเพราะหมดสัญญา → CISA ต่ออายุอีก 11 เดือนทันเวลา • ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้าน “ความพึ่งพิงมากเกินไป” ✅ ปัญหาที่ CVE เจอ:   • Backlog ช่องโหว่ที่รอยืนยันจาก NVD จำนวนมาก   • ความล่าช้าในการใส่รายละเอียด CVSS, CWE, CPE   • ช่องโหว่บางอันถูกใช้โจมตีก่อนจะมี CVE ID ✅ ข้อมูลจาก Google GTIG ระบุว่า มีช่องโหว่ zero-day ถึง 75 รายการในปี 2024   • ส่วนใหญ่ถูกใช้โจมตีก่อนจะถูกเผยแพร่ใน CVE ✅ ยุโรปจึงเปิดตัว European Vulnerability Database (EUVD) ในปี 2025   • ดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง   • มีหมวดแสดง critical, exploited, และช่องโหว่ที่ประสานในระดับ EU   • เน้นลดการพึ่ง CVE และสร้างความเป็นอิสระระดับภูมิภาค ✅ ผู้ให้บริการอื่นที่องค์กรควรพิจารณา:   • GitHub Advisory Database   • Flashpoint, VulnCheck, BitSight   • HackerOne / Bugcrowd   • ฐานข้อมูลระดับชาติ เช่น JPCERT, CNNVD, AusCERT   • CISA KEV (Known Exploited Vulnerabilities) ✅ แนวโน้ม: ต้องพึ่ง “Threat-informed prioritization” มากกว่ารอ CVE อย่างเดียว   • ใช้ปัจจัยเช่น exploit availability, asset exposure, ransomware targeting ในการตัดสินใจ patch https://www.csoonline.com/article/4008708/beyond-cve-the-hunt-for-other-sources-of-vulnerability-intel.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Beyond CVE: The hunt for other sources of vulnerability intel
    Were the CVE program to be discontinued, security teams would have a hard time finding one resource that would function with the same impact across the board. Here are current issues of relying on CVE and some existing options to look into.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!**
    มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ?
    หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52
    ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!**
    บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน!
    ** ทนทาน ไร้สนิม:**
    * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม
    * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน
    * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต!
    **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:**
    * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล
    * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส)
    **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:**
    * มีระบบหยุดฉุกเฉิน และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด
    * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก
    **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า!
    ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ:
    โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098
    แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.)
    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร
    💥 **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!** 🌶️🧄🧅 มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ? หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52 ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!** 💪 บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน! ✔️ ** ทนทาน ไร้สนิม:** * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม 💯 * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน ✅ * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต! ✨ ✔️ **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:** * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล 🚀 * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส) 💡 ✔️ **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:** * มีระบบหยุดฉุกเฉิน 🔴 และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก 🚛 **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า! 🏭 ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ: 📞 โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098 💬 แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com 📍 เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗓️ (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.) #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!**
    มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ?
    หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52
    ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!**
    บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน!
    ** ทนทาน ไร้สนิม:**
    * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม
    * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน
    * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต!
    **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:**
    * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล
    * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส)
    **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:**
    * มีระบบหยุดฉุกเฉิน และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด
    * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก
    **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า!
    ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ:
    โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098
    แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.)
    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร #FoodProcessing #StainlessSteelGrinder #YongHahHeng #หจกย่งฮะเฮง #สแตนเลสเกรดโรงงาน #ผลิตพริกแกง
    💥 **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!** 🌶️🧄🧅 มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ? หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52 ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!** 💪 บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน! ✔️ ** ทนทาน ไร้สนิม:** * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม 💯 * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน ✅ * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต! ✨ ✔️ **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:** * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล 🚀 * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส) 💡 ✔️ **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:** * มีระบบหยุดฉุกเฉิน 🔴 และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก 🚛 **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า! 🏭 ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ: 📞 โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098 💬 แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com 📍 เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗓️ (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.) #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร #FoodProcessing #StainlessSteelGrinder #YongHahHeng #หจกย่งฮะเฮง #สแตนเลสเกรดโรงงาน #ผลิตพริกแกง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในบล็อกล่าสุดของ Microsoft คุณ Yusuf Mehdi รองประธานฝ่าย Windows กล่าวว่า “Windows มีผู้ใช้งานเกิน 1,000 ล้านเครื่องทั่วโลก” — ฟังดูดีใช่ไหมครับ?

    แต่ถ้าเราไล่กลับไปดูรายงานประจำปี 2022 ของ Microsoft จะพบว่าตัวเลขผู้ใช้งาน Windows 10 และ 11 เคยอยู่ที่ 1.4 พันล้านเครื่อง…แปลว่าภายในเวลาแค่ 3 ปี หายไปถึง 400 ล้านเครื่อง!

    เกิดอะไรขึ้น?
    - ไม่ใช่เพราะคนแห่ไปใช้ MacBook เพราะแม้แต่ Apple เองยอดขาย Mac ก็ลดลง
    - แต่คนจำนวนมาก “เลิกใช้พีซีไปเลย” แล้วหันไปใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตแทน
    - เด็ก ๆ ที่โตมากับระบบอย่าง Chromebook ก็อาจเลือก Google แทน Microsoft ในอนาคต
    - แอปอย่าง Google Docs แทนที่ MS Office ได้ฟรี → ไม่จำเป็นต้องใช้ Windows อีกต่อไป

    ขณะเดียวกัน Microsoft ก็เร่งให้คนอัปเกรดจาก Windows 10 ไป 11 ก่อนที่ Win10 จะหมดการสนับสนุน แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ยังยึดติดกับ PC เก่า ซึ่งอัปเกรดไม่ได้

    Windows เคยมีผู้ใช้ 1.4 พันล้านเครื่องในปี 2022 → ล่าสุดเหลือราว 1 พันล้านเครื่อง  
    • ลดลงราว 400 ล้านเครื่องในช่วง 3 ปี  
    • ข้อมูลจาก Microsoft เองในบล็อกและรายงานทางการ

    Microsoft ผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 เพราะ Windows 10 จะหมดการซัพพอร์ตในปี 2025

    แม้ macOS ของ Apple จะเป็นคู่แข่ง แต่ยอดขาย Mac ลดลงเช่นกัน (เหลือแค่ 7.7% ของรายได้บริษัทในปี 2023)
    • แสดงว่าคน “ไม่ได้ย้าย” ไป Mac แต่เลือกเลิกใช้พีซีแทน

    สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตทำให้ความจำเป็นในการใช้ Windows ลดลง  
    • Chromebook เติบโตในภาคการศึกษา และเป็นระบบที่เด็กยุคใหม่คุ้นเคย  
    • Google Docs และเว็บแอปต่าง ๆ ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ Windows หรือ Office

    ตลาดที่ยังแข็งแรงของ Windows คือ “เกมเมอร์” และ “มืออาชีพเฉพาะทาง” ที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ


    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-seemingly-lost-400-million-users-in-the-past-three-years-official-microsoft-statements-show-hints-of-a-shrinking-user-base
    ในบล็อกล่าสุดของ Microsoft คุณ Yusuf Mehdi รองประธานฝ่าย Windows กล่าวว่า “Windows มีผู้ใช้งานเกิน 1,000 ล้านเครื่องทั่วโลก” — ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่ถ้าเราไล่กลับไปดูรายงานประจำปี 2022 ของ Microsoft จะพบว่าตัวเลขผู้ใช้งาน Windows 10 และ 11 เคยอยู่ที่ 1.4 พันล้านเครื่อง…แปลว่าภายในเวลาแค่ 3 ปี หายไปถึง 400 ล้านเครื่อง! เกิดอะไรขึ้น? - ไม่ใช่เพราะคนแห่ไปใช้ MacBook เพราะแม้แต่ Apple เองยอดขาย Mac ก็ลดลง - แต่คนจำนวนมาก “เลิกใช้พีซีไปเลย” แล้วหันไปใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตแทน - เด็ก ๆ ที่โตมากับระบบอย่าง Chromebook ก็อาจเลือก Google แทน Microsoft ในอนาคต - แอปอย่าง Google Docs แทนที่ MS Office ได้ฟรี → ไม่จำเป็นต้องใช้ Windows อีกต่อไป ขณะเดียวกัน Microsoft ก็เร่งให้คนอัปเกรดจาก Windows 10 ไป 11 ก่อนที่ Win10 จะหมดการสนับสนุน แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ยังยึดติดกับ PC เก่า ซึ่งอัปเกรดไม่ได้ ✅ Windows เคยมีผู้ใช้ 1.4 พันล้านเครื่องในปี 2022 → ล่าสุดเหลือราว 1 พันล้านเครื่อง   • ลดลงราว 400 ล้านเครื่องในช่วง 3 ปี   • ข้อมูลจาก Microsoft เองในบล็อกและรายงานทางการ ✅ Microsoft ผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 เพราะ Windows 10 จะหมดการซัพพอร์ตในปี 2025 ✅ แม้ macOS ของ Apple จะเป็นคู่แข่ง แต่ยอดขาย Mac ลดลงเช่นกัน (เหลือแค่ 7.7% ของรายได้บริษัทในปี 2023) • แสดงว่าคน “ไม่ได้ย้าย” ไป Mac แต่เลือกเลิกใช้พีซีแทน ✅ สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตทำให้ความจำเป็นในการใช้ Windows ลดลง   • Chromebook เติบโตในภาคการศึกษา และเป็นระบบที่เด็กยุคใหม่คุ้นเคย   • Google Docs และเว็บแอปต่าง ๆ ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ Windows หรือ Office ✅ ตลาดที่ยังแข็งแรงของ Windows คือ “เกมเมอร์” และ “มืออาชีพเฉพาะทาง” ที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-seemingly-lost-400-million-users-in-the-past-three-years-official-microsoft-statements-show-hints-of-a-shrinking-user-base
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดยทั่วไปแล้ว การสกัดทองจากแร่หรือแผงวงจร (PCB) ต้องพึ่งสารเคมีสุดอันตรายอย่าง “ไซยาไนด์” หรือ “ปรอท” ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อม แถมยังเกิดมลพิษข้ามพรมแดนในหลายประเทศ

    ทีมวิจัยจาก Flinders คิดต่าง — พวกเขาใช้สาร TCCA (Trichloroisocyanuric acid) ซึ่งโดยปกติใช้ในงานฆ่าเชื้อหรือบำบัดน้ำ มาทำหน้าที่ละลายทองคำออกจากแหล่งขยะอิเล็กทรอนิกส์

    แล้วจับทองด้วย “โพลิเมอร์กำมะถันชนิดใหม่” ที่จะจับเฉพาะทอง (ไม่จับโลหะอื่น) พอจับเสร็จ ก็เอาไปเผาหรือแยกเคมีเพื่อคืนทองที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99%!

    ไฮไลต์อยู่ตรงนี้:
    - โพลิเมอร์นี้ รีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้หลายรอบ
    - ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะ
    - ไม่มีของเสียพิษเหมือนระบบเดิม
    - เหมาะกับทั้ง “งานเหมืองใหม่” และ “รีไซเคิลทองจากขยะ”

    ใช้ TCCA แทนไซยาไนด์ในการสกัดทอง  
    • TCCA เป็นสารปลอดภัย ราคาถูก ใช้ในน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป  
    • ละลายทองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ใช้โพลิเมอร์กำมะถันชนิดพิเศษจับทองจากสารละลาย  
    • โพลิเมอร์นี้จับเฉพาะทอง — ไม่จับโลหะอื่น ๆ ที่ละลายมาด้วย  
    • สามารถทำให้ได้ทองความบริสุทธิ์สูง >99%

    โพลิเมอร์สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ  
    • ลดต้นทุน ไม่ต้องใช้สารใหม่ทุกครั้ง
    • ลดการใช้ทรัพยากรและของเสีย

    กระบวนการใช้ไฟฟ้าน้อยและไม่มีการปล่อยปรอท/ไซยาไนด์  
    • ปลอดภัยทั้งต่อคนทำและสิ่งแวดล้อม  
    • เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนา, ชุมชนขุดทองแบบ artisanal mining

    ทีมวิจัยนำโดย Dr. Max Mann, Dr. Thomas Nicholls, Dr. Harshal Patel และ Dr. Lynn Lisboa  
    • ทดสอบด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์จริงและของเสียจากห้องแล็บ  
    • ได้ผลลัพธ์เป็นทองบริสุทธิ์จาก “ภูเขาขยะ”

    ทองยังเป็นโลหะที่โลกต้องใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ  
    • ในวงการอิเล็กทรอนิกส์, ชิป, การแพทย์ และ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/safer-faster-and-cheaper-way-to-extract-gold-at-99-percent-purity-from-electronic-waste-detailed-method-uses-a-sanitizing-reagent-and-a-novel-polymer-to-recover-gold-from-pcbs
    โดยทั่วไปแล้ว การสกัดทองจากแร่หรือแผงวงจร (PCB) ต้องพึ่งสารเคมีสุดอันตรายอย่าง “ไซยาไนด์” หรือ “ปรอท” ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อม แถมยังเกิดมลพิษข้ามพรมแดนในหลายประเทศ ทีมวิจัยจาก Flinders คิดต่าง — พวกเขาใช้สาร TCCA (Trichloroisocyanuric acid) ซึ่งโดยปกติใช้ในงานฆ่าเชื้อหรือบำบัดน้ำ มาทำหน้าที่ละลายทองคำออกจากแหล่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ แล้วจับทองด้วย “โพลิเมอร์กำมะถันชนิดใหม่” ที่จะจับเฉพาะทอง (ไม่จับโลหะอื่น) พอจับเสร็จ ก็เอาไปเผาหรือแยกเคมีเพื่อคืนทองที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99%! ไฮไลต์อยู่ตรงนี้: - โพลิเมอร์นี้ รีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้หลายรอบ - ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะ - ไม่มีของเสียพิษเหมือนระบบเดิม - เหมาะกับทั้ง “งานเหมืองใหม่” และ “รีไซเคิลทองจากขยะ” ✅ ใช้ TCCA แทนไซยาไนด์ในการสกัดทอง   • TCCA เป็นสารปลอดภัย ราคาถูก ใช้ในน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป   • ละลายทองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ใช้โพลิเมอร์กำมะถันชนิดพิเศษจับทองจากสารละลาย   • โพลิเมอร์นี้จับเฉพาะทอง — ไม่จับโลหะอื่น ๆ ที่ละลายมาด้วย   • สามารถทำให้ได้ทองความบริสุทธิ์สูง >99% ✅ โพลิเมอร์สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ   • ลดต้นทุน ไม่ต้องใช้สารใหม่ทุกครั้ง • ลดการใช้ทรัพยากรและของเสีย ✅ กระบวนการใช้ไฟฟ้าน้อยและไม่มีการปล่อยปรอท/ไซยาไนด์   • ปลอดภัยทั้งต่อคนทำและสิ่งแวดล้อม   • เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนา, ชุมชนขุดทองแบบ artisanal mining ✅ ทีมวิจัยนำโดย Dr. Max Mann, Dr. Thomas Nicholls, Dr. Harshal Patel และ Dr. Lynn Lisboa   • ทดสอบด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์จริงและของเสียจากห้องแล็บ   • ได้ผลลัพธ์เป็นทองบริสุทธิ์จาก “ภูเขาขยะ” ✅ ทองยังเป็นโลหะที่โลกต้องใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ   • ในวงการอิเล็กทรอนิกส์, ชิป, การแพทย์ และ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/safer-faster-and-cheaper-way-to-extract-gold-at-99-percent-purity-from-electronic-waste-detailed-method-uses-a-sanitizing-reagent-and-a-novel-polymer-to-recover-gold-from-pcbs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts