• ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DigiCert ซื้อกิจการ Valimail เสริมแกร่งระบบยืนยันอีเมล — สร้างเกราะป้องกันฟิชชิ่งระดับโลกด้วย DMARC และ BIMI”

    ในยุคที่อีเมลกลายเป็นช่องทางหลักของการโจมตีทางไซเบอร์ DigiCert ผู้ให้บริการด้าน digital trust ระดับโลก ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Valimail บริษัทผู้นำด้านการยืนยันตัวตนของอีเมลแบบ zero trust เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม DigiCert ONE และรับมือกับภัยฟิชชิ่งและการปลอมแปลงอีเมลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

    Valimail เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting and Conformance) ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่าอีเมลที่ส่งออกมานั้นเป็นของจริงหรือไม่ และป้องกันการปลอมแปลงชื่อโดเมน โดย Valimail ยังเป็นผู้ให้บริการ DMARC รายเดียวที่ได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

    การรวมตัวครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ DigiCert ขยายการใช้งาน Verified Mark Certificates (VMCs) และ BIMI (Brand Indicators for Message Identification) ซึ่งช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยันในกล่องจดหมายของผู้รับ เพิ่มความน่าเชื่อถือและลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อฟิชชิ่ง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DigiCert เข้าซื้อกิจการ Valimail เพื่อเสริมระบบยืนยันอีเมลแบบ zero trust
    Valimail เป็นผู้นำด้าน DMARC และได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาล
    DigiCert ONE จะรวมเทคโนโลยีของ Valimail เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม digital trust ที่ครอบคลุม
    การรวม VMCs และ BIMI ช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยัน เพิ่มความน่าเชื่อถือ
    Valimail มีลูกค้ากว่า 92,000 รายทั่วโลก และเติบโต 70% ในปีที่ผ่านมา
    DigiCert ตั้งเป้าครองตลาด DMARC มูลค่ากว่า $4 พันล้าน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DMARC ช่วยป้องกันการปลอมแปลงอีเมลและการโจมตีแบบ spoofing
    BIMI ช่วยให้ผู้รับเห็นโลโก้ของแบรนด์ในอีเมล เพิ่มความไว้วางใจ
    VMCs ต้องใช้ร่วมกับ DMARC เพื่อให้โลโก้แสดงผลในกล่องจดหมาย
    การยืนยันอีเมลแบบ zero trust เป็นแนวทางใหม่ในการป้องกันภัยไซเบอร์
    การรวมระบบ DNS, PKI และ certificate lifecycle management ช่วยให้ DigiCert ONE เป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจร

    https://www.techradar.com/pro/digicert-buys-valimail-to-boost-email-security-and-mitigate-growing-global-phishing-threats-using-dmarc
    📧 “DigiCert ซื้อกิจการ Valimail เสริมแกร่งระบบยืนยันอีเมล — สร้างเกราะป้องกันฟิชชิ่งระดับโลกด้วย DMARC และ BIMI” ในยุคที่อีเมลกลายเป็นช่องทางหลักของการโจมตีทางไซเบอร์ DigiCert ผู้ให้บริการด้าน digital trust ระดับโลก ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Valimail บริษัทผู้นำด้านการยืนยันตัวตนของอีเมลแบบ zero trust เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม DigiCert ONE และรับมือกับภัยฟิชชิ่งและการปลอมแปลงอีเมลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Valimail เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting and Conformance) ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่าอีเมลที่ส่งออกมานั้นเป็นของจริงหรือไม่ และป้องกันการปลอมแปลงชื่อโดเมน โดย Valimail ยังเป็นผู้ให้บริการ DMARC รายเดียวที่ได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ การรวมตัวครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ DigiCert ขยายการใช้งาน Verified Mark Certificates (VMCs) และ BIMI (Brand Indicators for Message Identification) ซึ่งช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยันในกล่องจดหมายของผู้รับ เพิ่มความน่าเชื่อถือและลดโอกาสการตกเป็นเหยื่อฟิชชิ่ง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DigiCert เข้าซื้อกิจการ Valimail เพื่อเสริมระบบยืนยันอีเมลแบบ zero trust ➡️ Valimail เป็นผู้นำด้าน DMARC และได้รับการรับรอง FedRAMP สำหรับการใช้งานในหน่วยงานรัฐบาล ➡️ DigiCert ONE จะรวมเทคโนโลยีของ Valimail เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม digital trust ที่ครอบคลุม ➡️ การรวม VMCs และ BIMI ช่วยให้อีเมลแสดงโลโก้ที่ได้รับการยืนยัน เพิ่มความน่าเชื่อถือ ➡️ Valimail มีลูกค้ากว่า 92,000 รายทั่วโลก และเติบโต 70% ในปีที่ผ่านมา ➡️ DigiCert ตั้งเป้าครองตลาด DMARC มูลค่ากว่า $4 พันล้าน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DMARC ช่วยป้องกันการปลอมแปลงอีเมลและการโจมตีแบบ spoofing ➡️ BIMI ช่วยให้ผู้รับเห็นโลโก้ของแบรนด์ในอีเมล เพิ่มความไว้วางใจ ➡️ VMCs ต้องใช้ร่วมกับ DMARC เพื่อให้โลโก้แสดงผลในกล่องจดหมาย ➡️ การยืนยันอีเมลแบบ zero trust เป็นแนวทางใหม่ในการป้องกันภัยไซเบอร์ ➡️ การรวมระบบ DNS, PKI และ certificate lifecycle management ช่วยให้ DigiCert ONE เป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจร https://www.techradar.com/pro/digicert-buys-valimail-to-boost-email-security-and-mitigate-growing-global-phishing-threats-using-dmarc
    WWW.TECHRADAR.COM
    DigiCert grabs Valimail to lock down email while attackers circle for their next big strike
    Email hosting services could benefit from scaled DMARC adoption globally
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Webflow AI เปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บครบวงจร — จากคำสั่งสู่แอปใช้งานจริง พร้อมผู้ช่วยสนทนาและ SEO ยุคใหม่”

    ในงาน Webflow Conf 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้น Webflow ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ที่เปลี่ยนวิธีการสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้กลายเป็นกระบวนการที่ “พูดแล้วได้ของจริง” โดยไม่ต้องสลับเครื่องมือหรือเขียนโค้ดเองทุกบรรทัดอีกต่อไป

    หัวใจของแพลตฟอร์มนี้คือ AI Assistant ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาแบบเรียลไทม์ ช่วยจัดการโปรเจกต์ สร้างคอนเทนต์ และโครงสร้างแอปได้จากคำสั่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง React components บน canvas, การจัดการ CMS, หรือการออกแบบ UI ที่สอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์

    Webflow AI ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Code Gen ที่สามารถสร้างแอประดับ production ได้ทันทีจาก prompt เดียว โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน mockup หรือ prototype แบบเดิม และยังสามารถนำไปใช้งานจริงได้ทันทีในระบบ Webflow ที่มี CMS และ hosting พร้อมใช้งาน

    อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Answer Engine Optimization (AEO) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของ SEO ที่ไม่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google แต่ยังตอบโจทย์ทั้งมนุษย์และอัลกอริทึม เช่น AI search หรือ voice assistant โดยใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสม

    นอกจากนี้ Webflow ยังเปิดตัว CMS รุ่นใหม่ที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่, การออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น, และ API ที่ทรงพลัง พร้อมระบบวิเคราะห์ใหม่ที่ติดตาม traffic จาก AI และการแสดงผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการลงทุนในชุมชน เช่น Webflow University ที่มีคอร์ส AI, โปรแกรม beta, และรางวัลสำหรับผู้สร้างเทมเพลต

    ฟีเจอร์ใหม่ของ Webflow AI
    เปิดตัว AI Assistant ที่เป็นผู้ช่วยสนทนาในการจัดการโปรเจกต์และสร้างคอนเทนต์
    รองรับการสร้าง React components บน canvas โดยตรง
    ใช้ AI Code Gen สร้างแอประดับ production จาก prompt เดียว
    แอปที่สร้างจะสอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์และ CMS ของ Webflow
    รองรับการสร้าง UI ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ และปรับแต่งได้ตามต้องการ

    SEO และการค้นหาแบบใหม่
    เปิดตัว Answer Engine Optimization (AEO) เพื่อเพิ่มการค้นพบทั้งจากมนุษย์และ AI
    ใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสมกับระบบค้นหาแบบใหม่
    ปรับปรุงการจัดอันดับใน search engine และ voice assistant

    ระบบ CMS และการวิเคราะห์
    CMS รุ่นใหม่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่และการออกแบบที่ยืดหยุ่น
    API ใหม่ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้ง่ายขึ้น
    ระบบ Webflow Analyze ติดตาม traffic จาก AI และรายงานเป้าหมายแบบละเอียด

    การสนับสนุนชุมชน
    Webflow University มีคอร์ส AI และเส้นทางการเรียนรู้ใหม่
    โปรแกรม beta ให้เข้าถึงฟีเจอร์ก่อนใคร
    รางวัล $50,000 สำหรับผู้สร้างเทมเพลต และค่าคอมมิชชั่น 95%
    เปิดตัว Global Leaders Hub สำหรับผู้แทน Webflow ทั่วโลก

    https://www.techradar.com/pro/webflow-jumps-into-the-crowded-vibe-coding-market-with-its-own-all-singing-all-dancing-ai-code-generation-tool
    🧠 “Webflow AI เปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างเว็บครบวงจร — จากคำสั่งสู่แอปใช้งานจริง พร้อมผู้ช่วยสนทนาและ SEO ยุคใหม่” ในงาน Webflow Conf 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้น Webflow ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ที่เปลี่ยนวิธีการสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้กลายเป็นกระบวนการที่ “พูดแล้วได้ของจริง” โดยไม่ต้องสลับเครื่องมือหรือเขียนโค้ดเองทุกบรรทัดอีกต่อไป หัวใจของแพลตฟอร์มนี้คือ AI Assistant ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสนทนาแบบเรียลไทม์ ช่วยจัดการโปรเจกต์ สร้างคอนเทนต์ และโครงสร้างแอปได้จากคำสั่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง React components บน canvas, การจัดการ CMS, หรือการออกแบบ UI ที่สอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์ Webflow AI ยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI Code Gen ที่สามารถสร้างแอประดับ production ได้ทันทีจาก prompt เดียว โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน mockup หรือ prototype แบบเดิม และยังสามารถนำไปใช้งานจริงได้ทันทีในระบบ Webflow ที่มี CMS และ hosting พร้อมใช้งาน อีกหนึ่งจุดเด่นคือ Answer Engine Optimization (AEO) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของ SEO ที่ไม่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google แต่ยังตอบโจทย์ทั้งมนุษย์และอัลกอริทึม เช่น AI search หรือ voice assistant โดยใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสม นอกจากนี้ Webflow ยังเปิดตัว CMS รุ่นใหม่ที่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่, การออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น, และ API ที่ทรงพลัง พร้อมระบบวิเคราะห์ใหม่ที่ติดตาม traffic จาก AI และการแสดงผลแบบเรียลไทม์ รวมถึงการลงทุนในชุมชน เช่น Webflow University ที่มีคอร์ส AI, โปรแกรม beta, และรางวัลสำหรับผู้สร้างเทมเพลต ✅ ฟีเจอร์ใหม่ของ Webflow AI ➡️ เปิดตัว AI Assistant ที่เป็นผู้ช่วยสนทนาในการจัดการโปรเจกต์และสร้างคอนเทนต์ ➡️ รองรับการสร้าง React components บน canvas โดยตรง ➡️ ใช้ AI Code Gen สร้างแอประดับ production จาก prompt เดียว ➡️ แอปที่สร้างจะสอดคล้องกับระบบดีไซน์ของแบรนด์และ CMS ของ Webflow ➡️ รองรับการสร้าง UI ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ และปรับแต่งได้ตามต้องการ ✅ SEO และการค้นหาแบบใหม่ ➡️ เปิดตัว Answer Engine Optimization (AEO) เพื่อเพิ่มการค้นพบทั้งจากมนุษย์และ AI ➡️ ใช้ schema และโครงสร้างข้อมูลที่เหมาะสมกับระบบค้นหาแบบใหม่ ➡️ ปรับปรุงการจัดอันดับใน search engine และ voice assistant ✅ ระบบ CMS และการวิเคราะห์ ➡️ CMS รุ่นใหม่รองรับข้อมูลขนาดใหญ่และการออกแบบที่ยืดหยุ่น ➡️ API ใหม่ช่วยให้เชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้ง่ายขึ้น ➡️ ระบบ Webflow Analyze ติดตาม traffic จาก AI และรายงานเป้าหมายแบบละเอียด ✅ การสนับสนุนชุมชน ➡️ Webflow University มีคอร์ส AI และเส้นทางการเรียนรู้ใหม่ ➡️ โปรแกรม beta ให้เข้าถึงฟีเจอร์ก่อนใคร ➡️ รางวัล $50,000 สำหรับผู้สร้างเทมเพลต และค่าคอมมิชชั่น 95% ➡️ เปิดตัว Global Leaders Hub สำหรับผู้แทน Webflow ทั่วโลก https://www.techradar.com/pro/webflow-jumps-into-the-crowded-vibe-coding-market-with-its-own-all-singing-all-dancing-ai-code-generation-tool
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพขีปนาวุธ Iskander นำวิถีด้วยระบบนำทาง GLONASS ติดหัวรบคลัสเตอร์ โจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS ของยูเครนใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมโพรเฮรส (Prohres) ในภูมิภาคเชอร์นิฮิฟ (Chernihiv)

    ผลจากการโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้อุปกรณ์หลายอย่างถูกทำลาย ประกอบด้วย:
    สถานีเรดาร์ RPN
    แท่นยิงขีปนาวุธ S-300 สองแท่น
    ศูนย์ควบคุมระบบขีปนาวุธ S-300
    ยานพาหนะสองคัน
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่ภาพขีปนาวุธ Iskander นำวิถีด้วยระบบนำทาง GLONASS ติดหัวรบคลัสเตอร์ โจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS ของยูเครนใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมโพรเฮรส (Prohres) ในภูมิภาคเชอร์นิฮิฟ (Chernihiv) ผลจากการโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้อุปกรณ์หลายอย่างถูกทำลาย ประกอบด้วย: ▪️ สถานีเรดาร์ RPN ▪️ แท่นยิงขีปนาวุธ S-300 สองแท่น ▪️ ศูนย์ควบคุมระบบขีปนาวุธ S-300 ▪️ ยานพาหนะสองคัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD เปิดตัว Ryzen 9700F, 9500F, 7400 และ 5600F — ซีพียูรุ่นประหยัดที่ซ่อนพลังไว้มากกว่าที่คิด”

    AMD เปิดตัวซีพียูใหม่ 4 รุ่นแบบเงียบ ๆ โดยไม่จัดงานแถลงข่าวหรือประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์ ได้แก่ Ryzen 7 9700F, Ryzen 5 9500F, Ryzen 5 7400 และ Ryzen 5 5600F ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่สถาปัตยกรรม Zen 5, Zen 4 ไปจนถึง Zen 3 โดยเน้นกลุ่มผู้ใช้ระดับเริ่มต้นและตลาดต่างประเทศ

    Ryzen 7 9700F และ Ryzen 5 9500F เป็นชิป Zen 5 แบบไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU-less) โดย 9700F มี 8 คอร์ 16 เธรด, L3 cache 32MB, TDP 65W และบูสต์สูงสุด 5.5GHz ส่วน 9500F มี 6 คอร์ 12 เธรด และบูสต์สูงสุด 5.0GHz ทั้งคู่ใช้แพลตฟอร์ม AM5 และรองรับ PCIe Gen5 รวมถึง DDR5 สูงสุด 192GB

    Ryzen 5 7400 เป็น Zen 4 รุ่นใหม่ที่มี 6 คอร์ 12 เธรด แต่มี L3 cache เพียง 16MB ซึ่งผิดปกติสำหรับชิปที่ใช้โครงสร้าง chiplet แบบ Raphael โดยคาดว่า AMD ปิดการทำงานของ cache บางส่วนเพื่อใช้ชิปที่มีตำหนิจากการผลิต ลดการสูญเปล่าและต้นทุน

    Ryzen 5 5600F เป็น Zen 3 รุ่นสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในตลาด โดยมี 6 คอร์ 12 เธรด, L3 cache 32MB และบูสต์สูงสุด 4.0GHz แม้จะใช้ชื่อ F-series แต่จริง ๆ แล้ว Zen 3 ไม่มี iGPU อยู่แล้ว จึงเป็นการรีแบรนด์เพื่อขายในตลาดเอเชียโดยเฉพาะ

    ชิปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวางขายเฉพาะในภูมิภาค เช่น 9700F ในอเมริกาเหนือ, 5600F ในเอเชียแปซิฟิก และ 7400F เฉพาะในจีน โดยมีเพียง 9500F ที่มีวางจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์ของ AMD ที่เน้นการใช้ชิปที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละตลาด

    ข้อมูลซีพียูใหม่จาก AMD
    Ryzen 7 9700F: Zen 5, 8 คอร์, 5.5GHz boost, ไม่มี iGPU
    Ryzen 5 9500F: Zen 5, 6 คอร์, 5.0GHz boost, ไม่มี iGPU
    Ryzen 5 7400: Zen 4, 6 คอร์, L3 cache 16MB, ลดต้นทุนจากชิปที่มีตำหนิ
    Ryzen 5 5600F: Zen 3, 6 คอร์, ไม่มี iGPU โดยธรรมชาติ

    จุดเด่นและกลยุทธ์
    ใช้แพลตฟอร์ม AM5 รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5 สูงสุด 192GB
    เปิดตัวแบบเงียบ ๆ โดยเพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์เท่านั้น
    F-series คือรุ่นไม่มีกราฟิกในตัว และบางรุ่นมีสเปกใกล้เคียงกับรุ่น X
    วางจำหน่ายแบบจำกัดภูมิภาคตามความเหมาะสมของตลาด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ryzen 5 9500F คาดว่าราคาอยู่ที่ประมาณ $218 และ 9700F ที่ $294
    Zen 5 มีการปรับปรุงด้าน branch prediction, ALU และ cache hierarchy
    Ryzen 5 7400F มี L3 cache 32MB และบูสต์สูงกว่า 7400 ถึง 400MHz
    Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกัน โดยนำชิปเก่ากลับมารีแบรนด์ใน Ultra Series 1

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-launches-four-new-ryzen-cpus-including-cutdown-zen-4-and-zen-3-models-most-only-available-in-global-markets
    🧠 “AMD เปิดตัว Ryzen 9700F, 9500F, 7400 และ 5600F — ซีพียูรุ่นประหยัดที่ซ่อนพลังไว้มากกว่าที่คิด” AMD เปิดตัวซีพียูใหม่ 4 รุ่นแบบเงียบ ๆ โดยไม่จัดงานแถลงข่าวหรือประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์ ได้แก่ Ryzen 7 9700F, Ryzen 5 9500F, Ryzen 5 7400 และ Ryzen 5 5600F ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่สถาปัตยกรรม Zen 5, Zen 4 ไปจนถึง Zen 3 โดยเน้นกลุ่มผู้ใช้ระดับเริ่มต้นและตลาดต่างประเทศ Ryzen 7 9700F และ Ryzen 5 9500F เป็นชิป Zen 5 แบบไม่มีกราฟิกในตัว (iGPU-less) โดย 9700F มี 8 คอร์ 16 เธรด, L3 cache 32MB, TDP 65W และบูสต์สูงสุด 5.5GHz ส่วน 9500F มี 6 คอร์ 12 เธรด และบูสต์สูงสุด 5.0GHz ทั้งคู่ใช้แพลตฟอร์ม AM5 และรองรับ PCIe Gen5 รวมถึง DDR5 สูงสุด 192GB Ryzen 5 7400 เป็น Zen 4 รุ่นใหม่ที่มี 6 คอร์ 12 เธรด แต่มี L3 cache เพียง 16MB ซึ่งผิดปกติสำหรับชิปที่ใช้โครงสร้าง chiplet แบบ Raphael โดยคาดว่า AMD ปิดการทำงานของ cache บางส่วนเพื่อใช้ชิปที่มีตำหนิจากการผลิต ลดการสูญเปล่าและต้นทุน Ryzen 5 5600F เป็น Zen 3 รุ่นสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในตลาด โดยมี 6 คอร์ 12 เธรด, L3 cache 32MB และบูสต์สูงสุด 4.0GHz แม้จะใช้ชื่อ F-series แต่จริง ๆ แล้ว Zen 3 ไม่มี iGPU อยู่แล้ว จึงเป็นการรีแบรนด์เพื่อขายในตลาดเอเชียโดยเฉพาะ ชิปเหล่านี้ส่วนใหญ่จะวางขายเฉพาะในภูมิภาค เช่น 9700F ในอเมริกาเหนือ, 5600F ในเอเชียแปซิฟิก และ 7400F เฉพาะในจีน โดยมีเพียง 9500F ที่มีวางจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์ของ AMD ที่เน้นการใช้ชิปที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละตลาด ✅ ข้อมูลซีพียูใหม่จาก AMD ➡️ Ryzen 7 9700F: Zen 5, 8 คอร์, 5.5GHz boost, ไม่มี iGPU ➡️ Ryzen 5 9500F: Zen 5, 6 คอร์, 5.0GHz boost, ไม่มี iGPU ➡️ Ryzen 5 7400: Zen 4, 6 คอร์, L3 cache 16MB, ลดต้นทุนจากชิปที่มีตำหนิ ➡️ Ryzen 5 5600F: Zen 3, 6 คอร์, ไม่มี iGPU โดยธรรมชาติ ✅ จุดเด่นและกลยุทธ์ ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม AM5 รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5 สูงสุด 192GB ➡️ เปิดตัวแบบเงียบ ๆ โดยเพิ่มข้อมูลลงในเว็บไซต์เท่านั้น ➡️ F-series คือรุ่นไม่มีกราฟิกในตัว และบางรุ่นมีสเปกใกล้เคียงกับรุ่น X ➡️ วางจำหน่ายแบบจำกัดภูมิภาคตามความเหมาะสมของตลาด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ryzen 5 9500F คาดว่าราคาอยู่ที่ประมาณ $218 และ 9700F ที่ $294 ➡️ Zen 5 มีการปรับปรุงด้าน branch prediction, ALU และ cache hierarchy ➡️ Ryzen 5 7400F มี L3 cache 32MB และบูสต์สูงกว่า 7400 ถึง 400MHz ➡️ Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกัน โดยนำชิปเก่ากลับมารีแบรนด์ใน Ultra Series 1 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-launches-four-new-ryzen-cpus-including-cutdown-zen-4-and-zen-3-models-most-only-available-in-global-markets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Tencent หันหลังให้ Nvidia — ปรับโครงสร้าง AI สู่ชิปจีนเต็มรูปแบบ ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามเทคโนโลยี”

    Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Global Digital Ecosystem Summit เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 ว่าได้ “ปรับโครงสร้างระบบประมวลผล AI ทั้งหมด” เพื่อรองรับชิปที่ออกแบบโดยบริษัทจีน โดยไม่พึ่งพา Nvidia อีกต่อไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์ของบริษัท และสะท้อนแนวโน้มการพึ่งพาตนเองของจีนในยุคที่การส่งออกเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด

    Qiu Yuepeng ประธาน Tencent Cloud ยืนยันว่าบริษัทได้ใช้ “ชิปจีนกระแสหลัก” ในการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง และกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตชิปหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน พร้อมลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อลดต้นทุนการประมวลผล

    การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีนเปิดเผยว่า Nvidia ละเมิดกฎการควบรวมกิจการจากการซื้อ Mellanox ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    แม้ Tencent จะไม่เปิดเผยชื่อชิปที่ใช้งานจริง แต่หลายฝ่ายคาดว่าเป็น Huawei Ascend ซึ่งมีการใช้งานแล้วใน ByteDance และได้รับการสนับสนุนจากเฟรมเวิร์ก MindSpore ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยว่าชิปเหล่านี้จะสามารถรองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้จริงหรือไม่ เนื่องจาก Huawei ถูกคาดว่าจะผลิตได้เพียง 200,000 ชิป AI ในปีหน้า

    Tencent ยังระบุว่ามีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอในคลัง และมี “หลายทางเลือก” สำหรับ inference ซึ่งสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างชัดเจน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Tencent ประกาศปรับโครงสร้างระบบ AI เพื่อรองรับชิปจีนเต็มรูปแบบ
    ใช้ชิปจีนกระแสหลักในระดับการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง
    ร่วมมือกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน
    ลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง
    Nvidia ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎการควบรวมกิจการในจีนจากดีล Mellanox
    Tencent มีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอ และมีหลายทางเลือกสำหรับ inference
    DeepSeek AI ประกาศว่าโมเดล V3.1 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปจีนรุ่นใหม่
    Huawei Ascend ถูกใช้งานใน ByteDance และมีเฟรมเวิร์ก MindSpore รองรับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    จีนตั้งเป้าให้บริษัทในประเทศใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ภายในปี 2026
    กลุ่ม Model-Chips Ecosystem Innovation Alliance ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการใช้ชิปจีนในงาน AI
    การเปลี่ยนจาก Nvidia ไปยังชิปจีนต้องใช้เวลาและต้นทุนสูงในการปรับซอฟต์แวร์
    Huawei Ascend ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิตและการเข้าถึง HBM

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tencent-goes-public-with-pivot-to-chinese-chips
    🇨🇳 “Tencent หันหลังให้ Nvidia — ปรับโครงสร้าง AI สู่ชิปจีนเต็มรูปแบบ ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามเทคโนโลยี” Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Global Digital Ecosystem Summit เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 ว่าได้ “ปรับโครงสร้างระบบประมวลผล AI ทั้งหมด” เพื่อรองรับชิปที่ออกแบบโดยบริษัทจีน โดยไม่พึ่งพา Nvidia อีกต่อไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์ของบริษัท และสะท้อนแนวโน้มการพึ่งพาตนเองของจีนในยุคที่การส่งออกเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด Qiu Yuepeng ประธาน Tencent Cloud ยืนยันว่าบริษัทได้ใช้ “ชิปจีนกระแสหลัก” ในการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง และกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตชิปหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน พร้อมลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อลดต้นทุนการประมวลผล การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีนเปิดเผยว่า Nvidia ละเมิดกฎการควบรวมกิจการจากการซื้อ Mellanox ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง แม้ Tencent จะไม่เปิดเผยชื่อชิปที่ใช้งานจริง แต่หลายฝ่ายคาดว่าเป็น Huawei Ascend ซึ่งมีการใช้งานแล้วใน ByteDance และได้รับการสนับสนุนจากเฟรมเวิร์ก MindSpore ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยว่าชิปเหล่านี้จะสามารถรองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้จริงหรือไม่ เนื่องจาก Huawei ถูกคาดว่าจะผลิตได้เพียง 200,000 ชิป AI ในปีหน้า Tencent ยังระบุว่ามีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอในคลัง และมี “หลายทางเลือก” สำหรับ inference ซึ่งสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างชัดเจน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Tencent ประกาศปรับโครงสร้างระบบ AI เพื่อรองรับชิปจีนเต็มรูปแบบ ➡️ ใช้ชิปจีนกระแสหลักในระดับการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง ➡️ ร่วมมือกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน ➡️ ลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ✅ ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง ➡️ Nvidia ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎการควบรวมกิจการในจีนจากดีล Mellanox ➡️ Tencent มีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอ และมีหลายทางเลือกสำหรับ inference ➡️ DeepSeek AI ประกาศว่าโมเดล V3.1 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปจีนรุ่นใหม่ ➡️ Huawei Ascend ถูกใช้งานใน ByteDance และมีเฟรมเวิร์ก MindSpore รองรับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ จีนตั้งเป้าให้บริษัทในประเทศใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ภายในปี 2026 ➡️ กลุ่ม Model-Chips Ecosystem Innovation Alliance ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการใช้ชิปจีนในงาน AI ➡️ การเปลี่ยนจาก Nvidia ไปยังชิปจีนต้องใช้เวลาและต้นทุนสูงในการปรับซอฟต์แวร์ ➡️ Huawei Ascend ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิตและการเข้าถึง HBM https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tencent-goes-public-with-pivot-to-chinese-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese giant Tencent announces domestic AI chip push — says it has fully adapted infrastructure to support homegrown silicon in blow to Nvidia
    Tencent goes public with its pivot to Chinese accelerators, highlighting a deeper break from Nvidia as domestic AI hardware matures.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Google ปลดพนักงาน AI กว่า 200 คน — เบื้องหลังไม่ใช่แค่ ‘ลดโปรเจกต์’ แต่คือความไม่มั่นคงและแรงต้านจากแรงงาน”

    กลางเดือนสิงหาคม 2025 Google ได้ปลดพนักงานสัญญาจ้างกว่า 200 คนที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการ AI เช่น Gemini และ AI Overviews โดยอ้างว่าเป็นการ “ลดขนาดโปรเจกต์” แต่เสียงจากคนทำงานกลับสะท้อนอีกด้าน—ว่าการปลดครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และความพยายามรวมตัวเพื่อสร้างสหภาพแรงงาน

    พนักงานเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำงานผ่านบริษัท GlobalLogic ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Hitachi โดยมีหน้าที่เป็น “super raters” คือผู้ตรวจสอบและปรับแต่งคำตอบที่สร้างโดย AI ให้มีความถูกต้องและเป็นธรรมชาติ หลายคนมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทหรือเอก และทำงานในสาขาวิชาชีพ เช่น การศึกษา การเขียน และการวิจัย

    แม้จะมีความเชี่ยวชาญสูง แต่พวกเขากลับได้รับค่าตอบแทนต่ำ โดยผู้ที่จ้างตรงจาก GlobalLogic ได้รับ $28–$32 ต่อชั่วโมง ขณะที่ผู้รับเหมาผ่านบริษัทตัวกลางได้เพียง $18–$22 ต่อชั่วโมงสำหรับงานเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการห้ามทำงานจากระยะไกล และจำกัดการเข้าถึงช่องทางสื่อสารภายในที่ใช้พูดคุยเรื่องความเหลื่อมล้ำ

    หลายคนเชื่อว่าการปลดครั้งนี้เป็นการตอบโต้ต่อความพยายามรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน โดยมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการแรงงานแห่งชาติของสหรัฐฯ (NLRB) แล้วอย่างน้อยสองราย และมีรายงานว่า GlobalLogic กำลังพัฒนา AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในด้านการให้คะแนนคำตอบ ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองกำลัง “ฝึก AI เพื่อมาแทนที่ตัวเอง”

    เหตุการณ์นี้สะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรม AI ที่แม้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีความไม่มั่นคงในระดับแรงงาน โดยเฉพาะในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล เช่น การจัดหมวดหมู่ การให้คะแนน และการตรวจสอบคำตอบ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นงานระดับล่าง ทั้งที่มีบทบาทสำคัญต่อคุณภาพของระบบ AI

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/google-terminates-200-ai-contractors-ramp-down-blamed-but-workers-claim-questions-over-pay-and-job-insecurity-are-the-real-reason-behind-layoffs
    🧠 “Google ปลดพนักงาน AI กว่า 200 คน — เบื้องหลังไม่ใช่แค่ ‘ลดโปรเจกต์’ แต่คือความไม่มั่นคงและแรงต้านจากแรงงาน” กลางเดือนสิงหาคม 2025 Google ได้ปลดพนักงานสัญญาจ้างกว่า 200 คนที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการ AI เช่น Gemini และ AI Overviews โดยอ้างว่าเป็นการ “ลดขนาดโปรเจกต์” แต่เสียงจากคนทำงานกลับสะท้อนอีกด้าน—ว่าการปลดครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และความพยายามรวมตัวเพื่อสร้างสหภาพแรงงาน พนักงานเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำงานผ่านบริษัท GlobalLogic ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Hitachi โดยมีหน้าที่เป็น “super raters” คือผู้ตรวจสอบและปรับแต่งคำตอบที่สร้างโดย AI ให้มีความถูกต้องและเป็นธรรมชาติ หลายคนมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทหรือเอก และทำงานในสาขาวิชาชีพ เช่น การศึกษา การเขียน และการวิจัย แม้จะมีความเชี่ยวชาญสูง แต่พวกเขากลับได้รับค่าตอบแทนต่ำ โดยผู้ที่จ้างตรงจาก GlobalLogic ได้รับ $28–$32 ต่อชั่วโมง ขณะที่ผู้รับเหมาผ่านบริษัทตัวกลางได้เพียง $18–$22 ต่อชั่วโมงสำหรับงานเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการห้ามทำงานจากระยะไกล และจำกัดการเข้าถึงช่องทางสื่อสารภายในที่ใช้พูดคุยเรื่องความเหลื่อมล้ำ หลายคนเชื่อว่าการปลดครั้งนี้เป็นการตอบโต้ต่อความพยายามรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน โดยมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการแรงงานแห่งชาติของสหรัฐฯ (NLRB) แล้วอย่างน้อยสองราย และมีรายงานว่า GlobalLogic กำลังพัฒนา AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในด้านการให้คะแนนคำตอบ ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองกำลัง “ฝึก AI เพื่อมาแทนที่ตัวเอง” เหตุการณ์นี้สะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรม AI ที่แม้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กลับมีความไม่มั่นคงในระดับแรงงาน โดยเฉพาะในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูล เช่น การจัดหมวดหมู่ การให้คะแนน และการตรวจสอบคำตอบ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นงานระดับล่าง ทั้งที่มีบทบาทสำคัญต่อคุณภาพของระบบ AI https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/google-terminates-200-ai-contractors-ramp-down-blamed-but-workers-claim-questions-over-pay-and-job-insecurity-are-the-real-reason-behind-layoffs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 9 – สร้างคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 9 : สร้างคอก
    เมื่อมีใบสั่งออกมาว่า อเมริกาจะต้องเป็นผู้ครองโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เลี้ยงก็เริ่มเตรียมการ จะให้นักล่าครองโลก ไปแต่หัวได้อย่างไร แขนขามือเท้าก็ต้องไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษา ภายใน ประเทศเสียใหม่ เพื่อเตรียมตัว พวก technocrat และพวกชนชั้นระดับสูงในสังคม elites ให้เข้าใจให้รู้จักกันไว้ว่า ระดับประเทศเขาจะทำอะไร เมื่ออเมริกาจะควบคุม Grand Area ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับ area พวกนี้ไว้ ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผู้คนมีหน้าตาอย่างไร มีอะไรน่าขะโมย น่าเคี้ยวบ้าง ไม่ใช่พูดถึง area ไหน แล้วนั่งเซ่อ ยังขี่ช้างอยู่หรือเปล่า งูบ้านยูแยะไหม แบบนั้นไม่เอานะ หลักสูตรและโครงการศึกษาที่เรียกว่า Area Studies จึงเกิดขึ้น โดยการนำเอาปัญญาชน นักวิชาการ นักผู้เชี่ยวชาญจากทุกแหล่ง มาช่วยจัดสร้างหลักสูตร สำหรับ Area Studies นี้ และนาย Kenneth ตัวแสบของเรา จึงน่าจะได้รับภาระกิจให้ไปเป็นนักสำรวจรุ่นแรกๆ ที่นำข้อมูลมาร่วมในการจัดทำหลักสูตร Area Studies นี้ด้วย
    มูลนิธิ Rockefeller รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ใหญ่ ในการจับอเมริกามาแต่งตัว แต่งหน้าใหม่ (ทำ face lift !) จากอยู่ในสังคมแบบสันโดษ isolist society เปลี่ยนมาเป็นอยู่ในสังคมโลก globalist society (จริงๆ จะกำหนดสังคมโลกใหม่น่ะ แต่มันต้องค่อยๆ ทำ จากคุณลุงวัย 60 พุงห้อย กล้ามเหี่ยว เป็นหนุ่มแน่นกล้ามท้องเรียงเป็นตับ มันต้องใช้เวลาสร้างนะ)
    ขบวนการแต่งตัวใหม่ให้อเมริกา เริ่มดำเนินการโดย CFR มาตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา แต่มาเห็นเด่นชัด เมื่อมีการศึกษา War and Peace Studies ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างทีม CFR กับทีม State Department โดยมูลนิธิ Rockefeller เป็นผู้อุปถัมภ์ควักกระเป๋าจ่ายเองทั้งหมด นอกจากนี้มูลนิธิยังให้ทำการศึกษาวิจัยอีกหลายโครงการ ในช่วง ค.ศ.1930 – 1940 ในช่วงนักล่าตั้งไข่หัดเดิน เพื่อช่วยให้ผู้บริหารของรัฐบาลระดับวางนโยบายและฝ่ายวิชาการ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมโลกและเป้าหมายการครองโลกของอเมริกาในทิศทางเดียวกัน
    นอกจากนี้ระหว่างปี ค.ศ.1927-1945 มูลนิธิยังตั้ง study group เพื่อเตรียมออกสิ่งพิมพ์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้มากในช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ การจัดทำสิ่งพิมพ์ publications นี้ ก็เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง CFR กับ State Department อีกเช่นเดียวกัน นาย William P. Bundy ถึงกับเอ่ยปากว่ายังไม่เคยมีหน่วยงานเอกชนใด ก็มีโอกาสทำงานกับฝ่ายรัฐอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา (ตกลงใครเป็นผู้นำประเทศกันแน่ รัฐบาลหรือ CFR ?) นาย Bundy ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เด็กในคาถาที่ CFR แอบส่งมาประกบรัฐบาลตั้งแต่ต้น ต่อมาปี ค.ศ.1950 เขาได้เป็นนักวิเคราะห์สังกัดหน่วยงาน CIA และเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดี Kennedy และเป็นผช.รมว.ใน State Department เป็นผู้ดูแลงานด้าน East Asian and Pacific Affairs ในสมัยรัฐบาล Lyndon Johnson ทำให้เขากลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดี ในการตัดสินใจในสมัยสงครามเวี ยตนาม เมื่อนาย David Rockefeller ลงมาคุม CFR เต็มตัวในตำแหน่งประธาน CFR เมื่อปี ค.ศ.1970 เขาได้ขอ (สั่ง !) ให้นาย William Bundy มาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Foreign Affairs ของ CFR ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลสูงมากในวง การเมืองระหว่างประเทศ นาย Bundy ทำหน้าที่นี้อยู่ตั้งแต่ปี 1972 ถึง 1984 ส่วนพี่ชายของเขา นาย McGeorge Bundy ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้แก่ประธานาธิบดี Kennedy ประธานาธิบดี Johnson รวมทั้งรับตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิ Ford ด้วย ตั้งแต่ ค.ศ.1966-1979 (เอาว่าเด็กในคาถาของ CFR เข้ายึดตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเกือบหมด)
    นอกจากจัดหลักสูตรติวเข้มให้กับสังคมระดับไข่แดงแล้ว มูลนิธิ Rockefeller ก็ได้เตรียมการสำหรับสังคมระดับไข่ขาวด้วย เพื่อให้สังคมทั่วไปรู้จักการก้าวเข้าไปสู่สังคมนานาชาติของอเมริกา โดยเขาตั้ง Foreign Policy Association (FPA) และ Institute of Pacifics Relations (IPR) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการสร้างความเห็นของมวลชน (เริ่มรายการฟอกย้อม ความคิดคนในประเทศก่อน) โดยย้อมความคิดทางสิ่งพิมพ์หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง ให้ตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนมัธยม นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ครู โรงเรียน สหภาพ นักธุรกิจ และสมาคมสตรีทั้งหลาย และสังคมทั่วไป โครงการนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศ ยุคใหม่ของอเมริกานั่นแหละ แต่ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิได้ระบุไว้ในการเสนอโครงการนี้ว่า เป็นโครงการที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง (เขาเขียนกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ !)
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 9 – สร้างคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 9 : สร้างคอก เมื่อมีใบสั่งออกมาว่า อเมริกาจะต้องเป็นผู้ครองโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เลี้ยงก็เริ่มเตรียมการ จะให้นักล่าครองโลก ไปแต่หัวได้อย่างไร แขนขามือเท้าก็ต้องไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษา ภายใน ประเทศเสียใหม่ เพื่อเตรียมตัว พวก technocrat และพวกชนชั้นระดับสูงในสังคม elites ให้เข้าใจให้รู้จักกันไว้ว่า ระดับประเทศเขาจะทำอะไร เมื่ออเมริกาจะควบคุม Grand Area ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับ area พวกนี้ไว้ ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผู้คนมีหน้าตาอย่างไร มีอะไรน่าขะโมย น่าเคี้ยวบ้าง ไม่ใช่พูดถึง area ไหน แล้วนั่งเซ่อ ยังขี่ช้างอยู่หรือเปล่า งูบ้านยูแยะไหม แบบนั้นไม่เอานะ หลักสูตรและโครงการศึกษาที่เรียกว่า Area Studies จึงเกิดขึ้น โดยการนำเอาปัญญาชน นักวิชาการ นักผู้เชี่ยวชาญจากทุกแหล่ง มาช่วยจัดสร้างหลักสูตร สำหรับ Area Studies นี้ และนาย Kenneth ตัวแสบของเรา จึงน่าจะได้รับภาระกิจให้ไปเป็นนักสำรวจรุ่นแรกๆ ที่นำข้อมูลมาร่วมในการจัดทำหลักสูตร Area Studies นี้ด้วย มูลนิธิ Rockefeller รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ใหญ่ ในการจับอเมริกามาแต่งตัว แต่งหน้าใหม่ (ทำ face lift !) จากอยู่ในสังคมแบบสันโดษ isolist society เปลี่ยนมาเป็นอยู่ในสังคมโลก globalist society (จริงๆ จะกำหนดสังคมโลกใหม่น่ะ แต่มันต้องค่อยๆ ทำ จากคุณลุงวัย 60 พุงห้อย กล้ามเหี่ยว เป็นหนุ่มแน่นกล้ามท้องเรียงเป็นตับ มันต้องใช้เวลาสร้างนะ) ขบวนการแต่งตัวใหม่ให้อเมริกา เริ่มดำเนินการโดย CFR มาตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา แต่มาเห็นเด่นชัด เมื่อมีการศึกษา War and Peace Studies ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างทีม CFR กับทีม State Department โดยมูลนิธิ Rockefeller เป็นผู้อุปถัมภ์ควักกระเป๋าจ่ายเองทั้งหมด นอกจากนี้มูลนิธิยังให้ทำการศึกษาวิจัยอีกหลายโครงการ ในช่วง ค.ศ.1930 – 1940 ในช่วงนักล่าตั้งไข่หัดเดิน เพื่อช่วยให้ผู้บริหารของรัฐบาลระดับวางนโยบายและฝ่ายวิชาการ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมโลกและเป้าหมายการครองโลกของอเมริกาในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ระหว่างปี ค.ศ.1927-1945 มูลนิธิยังตั้ง study group เพื่อเตรียมออกสิ่งพิมพ์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้มากในช่วงเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ การจัดทำสิ่งพิมพ์ publications นี้ ก็เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง CFR กับ State Department อีกเช่นเดียวกัน นาย William P. Bundy ถึงกับเอ่ยปากว่ายังไม่เคยมีหน่วยงานเอกชนใด ก็มีโอกาสทำงานกับฝ่ายรัฐอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา (ตกลงใครเป็นผู้นำประเทศกันแน่ รัฐบาลหรือ CFR ?) นาย Bundy ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เด็กในคาถาที่ CFR แอบส่งมาประกบรัฐบาลตั้งแต่ต้น ต่อมาปี ค.ศ.1950 เขาได้เป็นนักวิเคราะห์สังกัดหน่วยงาน CIA และเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดี Kennedy และเป็นผช.รมว.ใน State Department เป็นผู้ดูแลงานด้าน East Asian and Pacific Affairs ในสมัยรัฐบาล Lyndon Johnson ทำให้เขากลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดี ในการตัดสินใจในสมัยสงครามเวี ยตนาม เมื่อนาย David Rockefeller ลงมาคุม CFR เต็มตัวในตำแหน่งประธาน CFR เมื่อปี ค.ศ.1970 เขาได้ขอ (สั่ง !) ให้นาย William Bundy มาเป็นบรรณาธิการนิตยสาร Foreign Affairs ของ CFR ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลสูงมากในวง การเมืองระหว่างประเทศ นาย Bundy ทำหน้าที่นี้อยู่ตั้งแต่ปี 1972 ถึง 1984 ส่วนพี่ชายของเขา นาย McGeorge Bundy ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้แก่ประธานาธิบดี Kennedy ประธานาธิบดี Johnson รวมทั้งรับตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิ Ford ด้วย ตั้งแต่ ค.ศ.1966-1979 (เอาว่าเด็กในคาถาของ CFR เข้ายึดตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเกือบหมด) นอกจากจัดหลักสูตรติวเข้มให้กับสังคมระดับไข่แดงแล้ว มูลนิธิ Rockefeller ก็ได้เตรียมการสำหรับสังคมระดับไข่ขาวด้วย เพื่อให้สังคมทั่วไปรู้จักการก้าวเข้าไปสู่สังคมนานาชาติของอเมริกา โดยเขาตั้ง Foreign Policy Association (FPA) และ Institute of Pacifics Relations (IPR) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการสร้างความเห็นของมวลชน (เริ่มรายการฟอกย้อม ความคิดคนในประเทศก่อน) โดยย้อมความคิดทางสิ่งพิมพ์หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง ให้ตั้งแต่ระดับเด็กนักเรียนมัธยม นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ครู โรงเรียน สหภาพ นักธุรกิจ และสมาคมสตรีทั้งหลาย และสังคมทั่วไป โครงการนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศ ยุคใหม่ของอเมริกานั่นแหละ แต่ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิได้ระบุไว้ในการเสนอโครงการนี้ว่า เป็นโครงการที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในทางการเมือง (เขาเขียนกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ !) คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Qwen3 สู่ Qwen3-Next: เมื่อโมเดล 80B ทำงานได้เท่ากับ 235B โดยใช้พลังแค่ 3B

    ในเดือนกันยายน 2025 ทีม Qwen จาก Alibaba ได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อว่า Qwen3-Next ซึ่งเป็นการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ที่เน้น “ประสิทธิภาพต่อพารามิเตอร์” และ “ความเร็วในการประมวลผลข้อความยาว” โดยใช้แนวคิดใหม่ทั้งในด้าน attention, sparsity และการพยากรณ์หลาย token พร้อมกัน

    Qwen3-Next มีพารามิเตอร์รวม 80 พันล้าน แต่เปิดใช้งานจริงเพียง 3 พันล้านระหว่างการ inference ซึ่งทำให้สามารถเทียบเคียงกับ Qwen3-235B ได้ในหลายงาน โดยใช้ต้นทุนการฝึกเพียง 9.3% ของ Qwen3-32B2

    หัวใจของ Qwen3-Next คือการผสมผสานระหว่าง Gated DeltaNet (linear attention ที่เร็วแต่แม่น) กับ standard attention (ที่แม่นแต่ช้า) ในอัตราส่วน 3:1 พร้อมเพิ่ม gating, rotary encoding แบบบางส่วน และการขยายขนาด head dimension เพื่อรองรับข้อความยาวถึง 256K tokens ได้อย่างเสถียร

    ในส่วนของ MoE (Mixture-of-Experts) Qwen3-Next ใช้โครงสร้าง ultra-sparse โดยมี 512 experts แต่เปิดใช้งานเพียง 10 + 1 shared expert ต่อ step ซึ่งทำให้ลดการใช้พลังงานและเพิ่ม throughput ได้มากกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

    นอกจากนี้ยังมีการออกแบบเพื่อความเสถียร เช่น Zero-Centered RMSNorm, weight decay เฉพาะ norm weights และการ normalize router parameters ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้การฝึกมีความนิ่งและไม่เกิดปัญหา activation ผิดปกติ

    Qwen3-Next ยังมาพร้อม Multi-Token Prediction (MTP) ที่ช่วยให้การ inference แบบ speculative decoding มีความแม่นยำและเร็วขึ้น โดยสามารถใช้งานผ่าน Hugging Face, ModelScope, SGLang และ vLLM ได้ทันที

    สถาปัตยกรรมใหม่ของ Qwen3-Next
    ใช้ hybrid attention: Gated DeltaNet + standard attention (อัตราส่วน 3:1)
    เพิ่ม gating, rotary encoding เฉพาะ 25% ของ position dimension
    ขยาย head dimension จาก 128 เป็น 256 เพื่อรองรับข้อความยาว

    โครงสร้าง MoE แบบ ultra-sparse
    มี 512 experts แต่เปิดใช้งานเพียง 10 + 1 shared expert ต่อ step
    ลดการใช้พลังงานและเพิ่ม throughput ได้มากกว่า 10 เท่า
    ใช้ global load balancing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฝึก

    การออกแบบเพื่อความเสถียรในการฝึก
    ใช้ Zero-Centered RMSNorm แทน QK-Norm
    เพิ่ม weight decay เฉพาะ norm weights เพื่อป้องกันการโตผิดปกติ
    normalize router parameters ตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อความนิ่ง

    ประสิทธิภาพของโมเดล
    Qwen3-Next-80B-A3B-Base เทียบเท่าหรือดีกว่า Qwen3-32B โดยใช้พลังแค่ 10%
    Qwen3-Next-Instruct เทียบเคียง Qwen3-235B-A22B-Instruct-2507 ในงาน context ยาว
    Qwen3-Next-Thinking ชนะ Gemini-2.5-Flash-Thinking ในหลาย benchmark

    การใช้งานและ deployment
    รองรับ context สูงสุด 256K tokens และสามารถขยายถึง 1M ด้วยเทคนิค YaRN
    ใช้งานผ่าน Hugging Face, ModelScope, SGLang, vLLM ได้ทันที
    รองรับ speculative decoding ผ่าน MTP module

    https://qwen.ai/blog?id=4074cca80393150c248e508aa62983f9cb7d27cd&from=research.latest-advancements-list
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Qwen3 สู่ Qwen3-Next: เมื่อโมเดล 80B ทำงานได้เท่ากับ 235B โดยใช้พลังแค่ 3B ในเดือนกันยายน 2025 ทีม Qwen จาก Alibaba ได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อว่า Qwen3-Next ซึ่งเป็นการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ที่เน้น “ประสิทธิภาพต่อพารามิเตอร์” และ “ความเร็วในการประมวลผลข้อความยาว” โดยใช้แนวคิดใหม่ทั้งในด้าน attention, sparsity และการพยากรณ์หลาย token พร้อมกัน Qwen3-Next มีพารามิเตอร์รวม 80 พันล้าน แต่เปิดใช้งานจริงเพียง 3 พันล้านระหว่างการ inference ซึ่งทำให้สามารถเทียบเคียงกับ Qwen3-235B ได้ในหลายงาน โดยใช้ต้นทุนการฝึกเพียง 9.3% ของ Qwen3-32B2 หัวใจของ Qwen3-Next คือการผสมผสานระหว่าง Gated DeltaNet (linear attention ที่เร็วแต่แม่น) กับ standard attention (ที่แม่นแต่ช้า) ในอัตราส่วน 3:1 พร้อมเพิ่ม gating, rotary encoding แบบบางส่วน และการขยายขนาด head dimension เพื่อรองรับข้อความยาวถึง 256K tokens ได้อย่างเสถียร ในส่วนของ MoE (Mixture-of-Experts) Qwen3-Next ใช้โครงสร้าง ultra-sparse โดยมี 512 experts แต่เปิดใช้งานเพียง 10 + 1 shared expert ต่อ step ซึ่งทำให้ลดการใช้พลังงานและเพิ่ม throughput ได้มากกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกจากนี้ยังมีการออกแบบเพื่อความเสถียร เช่น Zero-Centered RMSNorm, weight decay เฉพาะ norm weights และการ normalize router parameters ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้การฝึกมีความนิ่งและไม่เกิดปัญหา activation ผิดปกติ Qwen3-Next ยังมาพร้อม Multi-Token Prediction (MTP) ที่ช่วยให้การ inference แบบ speculative decoding มีความแม่นยำและเร็วขึ้น โดยสามารถใช้งานผ่าน Hugging Face, ModelScope, SGLang และ vLLM ได้ทันที ✅ สถาปัตยกรรมใหม่ของ Qwen3-Next ➡️ ใช้ hybrid attention: Gated DeltaNet + standard attention (อัตราส่วน 3:1) ➡️ เพิ่ม gating, rotary encoding เฉพาะ 25% ของ position dimension ➡️ ขยาย head dimension จาก 128 เป็น 256 เพื่อรองรับข้อความยาว ✅ โครงสร้าง MoE แบบ ultra-sparse ➡️ มี 512 experts แต่เปิดใช้งานเพียง 10 + 1 shared expert ต่อ step ➡️ ลดการใช้พลังงานและเพิ่ม throughput ได้มากกว่า 10 เท่า ➡️ ใช้ global load balancing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฝึก ✅ การออกแบบเพื่อความเสถียรในการฝึก ➡️ ใช้ Zero-Centered RMSNorm แทน QK-Norm ➡️ เพิ่ม weight decay เฉพาะ norm weights เพื่อป้องกันการโตผิดปกติ ➡️ normalize router parameters ตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อความนิ่ง ✅ ประสิทธิภาพของโมเดล ➡️ Qwen3-Next-80B-A3B-Base เทียบเท่าหรือดีกว่า Qwen3-32B โดยใช้พลังแค่ 10% ➡️ Qwen3-Next-Instruct เทียบเคียง Qwen3-235B-A22B-Instruct-2507 ในงาน context ยาว ➡️ Qwen3-Next-Thinking ชนะ Gemini-2.5-Flash-Thinking ในหลาย benchmark ✅ การใช้งานและ deployment ➡️ รองรับ context สูงสุด 256K tokens และสามารถขยายถึง 1M ด้วยเทคนิค YaRN ➡️ ใช้งานผ่าน Hugging Face, ModelScope, SGLang, vLLM ได้ทันที ➡️ รองรับ speculative decoding ผ่าน MTP module https://qwen.ai/blog?id=4074cca80393150c248e508aa62983f9cb7d27cd&from=research.latest-advancements-list
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 6 – พระเจ้าเงินตรา

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 6 : พระเจ้าเงินตรา
    ไม่นานเกินรอ ทางฝั่งอเมริกาในปี ค.ศ.1907 การเงินประเทศเกิดอาการสะอึก จากฝีมือที่มองไม่เห็น ทำให้วงการธนาคารเกิดอาการซวนเซ ข่าวลือว่าเป็นแผนการของ J.P Morgan นก 2 หัว พยายามกดดันให้รัฐบาลอเมริกัน สร้างระบบการธนาคารที่มั่นคง ปี ค.ศ.1910 ได้มีการประชุมกันที่ Jekyll Island ซึ่งมีการวางแผนที่จะตั้ง National Reserve Association มีสาขา 15 แห่ง ควบคุมโดยนายธนาคาร ซึ่งได้รับมอบอำนาจมาจากรัฐบาลกลาง เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลาง สามารถพิมพ์เงินเองได้ และให้เงินยืมแก่ธนาคารเอกชนได้ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ยินยอมเดินตามแผนนี้เกือบทุกอ ย่าง ในที่สุด ปี ค.ศ.1913 Federal Reserve หรือ Fed ก็ก่อตั้งขึ้น สามารถหารายได้เองได้ กำหนดงบประมาณของตนเองได้ โดยไม่ต้องผ่านสภาสูง Fed มีสาขา 12 แห่ง แต่ละแห่งถือหุ้นโดยธนาคารพาณิชย์ (ผมได้เคยเล่านิทานตอนนี้ไว้อย่างละเอียด อยู่ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ ท่านใดยังไม่เคยอ่าน ช่วยกลับไปอ่านหน่อยนะครับ จะได้ไม่ต้องเขียนซ้ำ)
    แล้วอำนาจที่แท้จริงในการครองโลก ก็อยู่ในกำมือของกลุ่มผู้ถือหุ้นเอกชน Anglo American Establishment ไม่กี่ตระกูล ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารระหว่างประเทศ ที่เข้าไปถือหุ้นในธนาคารกลางของโลกทั้งนั้นแหละ คือผู้มีอำนาจควบคุมโลกตัวจริง เป็นผู้สร้างผู้ปกครองผู้บริหารประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ ใครมันจะทำอะไรได้ถ้าไม่มีเงิน เงินเท่านั้น ที่มนุษย์ทั่วไปมองเห็นและให้ความเคารพนับถือ เชื่อ ใช้ บูชา ทุนคืออำนาจ อำนาจคือทุน จริงหรือไม่
    ที่ว่าไม่กี่ตระกูลที่ครองโลกอยู่ขณะนี้เป็นใครบ้างล่ะ มารู้จักชื่อแซ่พระเจ้าเงินตรากันหน่อย เขาว่ามี 8 ตระกูล หรือกลุ่ม หรือก๊วน แล้วแต่จะเรียก 4 ก๊วนอยู่ทางฝั่งอเมริกา อีก 4 อยู่ทางอังกฤษและยุโรป
    ฝั่งอเมริกา
    – Goldman Sachs
    – Rockefellers
    – Lehman of New York
    – Kuhn Loebs of New York
    ฝั่งอังกฤษและยุโรป
    – Rothschilds of Paris, London
    – Warburg of Hamburg
    – Lazards of Paris
    – Israel Moses Seifs of Rome
    กว่าจะมาเป็น 8 ก๊วนคนโคตรรวย เขาผ่านการหักหลัง หักคอ ควบรวม ไปจนถึงคลุมถุงให้แต่งงาน เพื่อจะรักษาความรวยและเลือดเนื้อ เชื้อไข คนรวย ให้อยู่แต่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน ส่วน BIS ซึ่งเป็นธนาคารกลางตัวแม่ มีอิทธิพลสูงสุด ควบคุมธนาคารเกือบทั้งหมดในประเทศ แถบตะวันตก และประเทศที่กำลังพัฒนา (อย่างเราๆ ) ก็ถือหุ้นโดย Federal Reserve (ของอเมริกา), Bank of England, Bank of Italy, Bank of Canada, Swiss National Bank, Nederlandsche Bank, Bundesbank และ Bank of France โดยมี 8 ก๊วนคนโคตรรวย ต่างถือหุ้นใน 8 ธนาคารกลางดังกล่าวอีกต่อหนึ่ง
    ประธาน BIS คนแรกคือ นาย Gates McGarrah ซึ่งมาจาก Chase Manhatton Bank ของตระกูล Rockefeller และเป็นเจ้าหน้าที่ของ Federal Reserve ด้วย นาย McGarrah นี้ เป็นปู่ของนาย Richard McGarrah Helmes หัวหน้า CIA ตัวใหญ่ สมัย ค.ศ.1966-1973
    รัฐบาลอเมริกาเอง ในประวัติศาสตร์ก็ขยาด BIS และพยายามที่จะล้ม BIS มาแล้ว ในการประชุมที่ Bretton Woods เมื่อปี ค.ศ.1944 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถูก 8 ก๊วนโคตรรวยจับมือกันป่วน นอกจากล้ม BIS ไม่ได้แล้ว 8 ก๊วน ยังท้าทายด้วยการตั้ง IMF และ World Bank ตามแผนของพวกเขา เพื่อสั่งสอนรัฐบาลอเมริกันอีก
    BIS ถือ 10% ของเงินสำรอง (Reserves) ในประมาณ 80 ธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งใน IMF และสถาบันการเงินนานาชาติอีกหลายแห่ง BIS นอกจากเป็นแม่ใหญ่ของธนาคารกลางของ 8 ก๊วนแล้ว ยังแอบทำกิจกรรมสำคัญด้วยคือ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเงินและเศรษฐกิจของทั้งโลก (รู้มากที่สุด ได้เปรียบมากที่สุด) และเป็นแหล่งเงินกู้ให้ธนาคารพาณิชย์กู้ ในเวลาวิกฤติเพื่อไม่ให้สถาบันการเงินโลกล้มระเนระนาดด้วย ยังมีข้อมูลน่าศึกษาเกี่ยวกับ BIS อีกแยะ วันนี้เอาแค่ให้เห็นภาพกว้างๆ ก่อน
    คนเล่านิทาน
    30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 6 – พระเจ้าเงินตรา นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 6 : พระเจ้าเงินตรา ไม่นานเกินรอ ทางฝั่งอเมริกาในปี ค.ศ.1907 การเงินประเทศเกิดอาการสะอึก จากฝีมือที่มองไม่เห็น ทำให้วงการธนาคารเกิดอาการซวนเซ ข่าวลือว่าเป็นแผนการของ J.P Morgan นก 2 หัว พยายามกดดันให้รัฐบาลอเมริกัน สร้างระบบการธนาคารที่มั่นคง ปี ค.ศ.1910 ได้มีการประชุมกันที่ Jekyll Island ซึ่งมีการวางแผนที่จะตั้ง National Reserve Association มีสาขา 15 แห่ง ควบคุมโดยนายธนาคาร ซึ่งได้รับมอบอำนาจมาจากรัฐบาลกลาง เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลาง สามารถพิมพ์เงินเองได้ และให้เงินยืมแก่ธนาคารเอกชนได้ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ยินยอมเดินตามแผนนี้เกือบทุกอ ย่าง ในที่สุด ปี ค.ศ.1913 Federal Reserve หรือ Fed ก็ก่อตั้งขึ้น สามารถหารายได้เองได้ กำหนดงบประมาณของตนเองได้ โดยไม่ต้องผ่านสภาสูง Fed มีสาขา 12 แห่ง แต่ละแห่งถือหุ้นโดยธนาคารพาณิชย์ (ผมได้เคยเล่านิทานตอนนี้ไว้อย่างละเอียด อยู่ในนิทานเรื่องมายากลยุทธ ท่านใดยังไม่เคยอ่าน ช่วยกลับไปอ่านหน่อยนะครับ จะได้ไม่ต้องเขียนซ้ำ) แล้วอำนาจที่แท้จริงในการครองโลก ก็อยู่ในกำมือของกลุ่มผู้ถือหุ้นเอกชน Anglo American Establishment ไม่กี่ตระกูล ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารระหว่างประเทศ ที่เข้าไปถือหุ้นในธนาคารกลางของโลกทั้งนั้นแหละ คือผู้มีอำนาจควบคุมโลกตัวจริง เป็นผู้สร้างผู้ปกครองผู้บริหารประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ ใครมันจะทำอะไรได้ถ้าไม่มีเงิน เงินเท่านั้น ที่มนุษย์ทั่วไปมองเห็นและให้ความเคารพนับถือ เชื่อ ใช้ บูชา ทุนคืออำนาจ อำนาจคือทุน จริงหรือไม่ ที่ว่าไม่กี่ตระกูลที่ครองโลกอยู่ขณะนี้เป็นใครบ้างล่ะ มารู้จักชื่อแซ่พระเจ้าเงินตรากันหน่อย เขาว่ามี 8 ตระกูล หรือกลุ่ม หรือก๊วน แล้วแต่จะเรียก 4 ก๊วนอยู่ทางฝั่งอเมริกา อีก 4 อยู่ทางอังกฤษและยุโรป ฝั่งอเมริกา – Goldman Sachs – Rockefellers – Lehman of New York – Kuhn Loebs of New York ฝั่งอังกฤษและยุโรป – Rothschilds of Paris, London – Warburg of Hamburg – Lazards of Paris – Israel Moses Seifs of Rome กว่าจะมาเป็น 8 ก๊วนคนโคตรรวย เขาผ่านการหักหลัง หักคอ ควบรวม ไปจนถึงคลุมถุงให้แต่งงาน เพื่อจะรักษาความรวยและเลือดเนื้อ เชื้อไข คนรวย ให้อยู่แต่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน ส่วน BIS ซึ่งเป็นธนาคารกลางตัวแม่ มีอิทธิพลสูงสุด ควบคุมธนาคารเกือบทั้งหมดในประเทศ แถบตะวันตก และประเทศที่กำลังพัฒนา (อย่างเราๆ ) ก็ถือหุ้นโดย Federal Reserve (ของอเมริกา), Bank of England, Bank of Italy, Bank of Canada, Swiss National Bank, Nederlandsche Bank, Bundesbank และ Bank of France โดยมี 8 ก๊วนคนโคตรรวย ต่างถือหุ้นใน 8 ธนาคารกลางดังกล่าวอีกต่อหนึ่ง ประธาน BIS คนแรกคือ นาย Gates McGarrah ซึ่งมาจาก Chase Manhatton Bank ของตระกูล Rockefeller และเป็นเจ้าหน้าที่ของ Federal Reserve ด้วย นาย McGarrah นี้ เป็นปู่ของนาย Richard McGarrah Helmes หัวหน้า CIA ตัวใหญ่ สมัย ค.ศ.1966-1973 รัฐบาลอเมริกาเอง ในประวัติศาสตร์ก็ขยาด BIS และพยายามที่จะล้ม BIS มาแล้ว ในการประชุมที่ Bretton Woods เมื่อปี ค.ศ.1944 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ถูก 8 ก๊วนโคตรรวยจับมือกันป่วน นอกจากล้ม BIS ไม่ได้แล้ว 8 ก๊วน ยังท้าทายด้วยการตั้ง IMF และ World Bank ตามแผนของพวกเขา เพื่อสั่งสอนรัฐบาลอเมริกันอีก BIS ถือ 10% ของเงินสำรอง (Reserves) ในประมาณ 80 ธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งใน IMF และสถาบันการเงินนานาชาติอีกหลายแห่ง BIS นอกจากเป็นแม่ใหญ่ของธนาคารกลางของ 8 ก๊วนแล้ว ยังแอบทำกิจกรรมสำคัญด้วยคือ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเงินและเศรษฐกิจของทั้งโลก (รู้มากที่สุด ได้เปรียบมากที่สุด) และเป็นแหล่งเงินกู้ให้ธนาคารพาณิชย์กู้ ในเวลาวิกฤติเพื่อไม่ให้สถาบันการเงินโลกล้มระเนระนาดด้วย ยังมีข้อมูลน่าศึกษาเกี่ยวกับ BIS อีกแยะ วันนี้เอาแค่ให้เห็นภาพกว้างๆ ก่อน คนเล่านิทาน 30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่
    หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ
    ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า
    ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !)
    นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน !
    ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น
    คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe
    Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner
    วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 5 – สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 5 : สร้างพระเจ้าองค์ใหม่ หลัง Anglo American Establishment กอดคอจับมือกันชัดเจน เมื่อประมาณ ค.ศ.1890 ทั้ง 2 ฝ่าย ร่วมกันสร้างกลไก สร้างระบบด้านการเงินการธนาคารเป็นอันดับแรก เพื่อเอาตัวเองนำหน้าชักใยรัฐบาล และลดบทบาทของประเทศ ระบบธนาคารกลาง เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1694 ที่อังกฤษ เป็นการรวมตัวกันของ เครือข่ายธนาคารกลางนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นของรัฐ แต่เป็นของเอกชน ! มีผู้ถือหุ้นเป็นเอกชนคนโคตรรวย ธนาคารกลางนี้เป็นผู้อนุญาตให้ รัฐบาล (จำกันให้ดี เงินเป็นใหญ่กว่ารัฐบาล มาตั้งแต่ ค.ศ.1694 แล้ว !) ในการพิมพ์ธนบัตร เงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศ โดยอนุญาตให้กำหนดอัตราดอกเบี้ย และทำกำไรจากดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกลางเหล่านี้ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่รัฐบาล และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เท่ากับควบคุมลูกค้าใหญ่ 2 กลุ่ม 2 ขาของประเทศไปพร้อมๆ กัน ต่อมาภายหลังประมาณ ปี ค.ศ.1930 ธนาคารกลางเหล่านี้ พร้อมใจกันอยู่ในระบบที่พวกตัว เองสร้างขึ้น เรียกว่า Bank for International Settlements (BIS) ตั้งอยู่ที่เมือง Basle ในสวิสเซอร์แลนด์ เป็นธนาคารของเอกชนเช่นเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของเหล่าสมาชิกซึ่งเป็นธนาคารกลางต่างๆ (เขียนแล้วมึนเอง คนอ่านก็คงมึน) เอาแบบง่ายๆ BIS ธนาคารกลางตัวแม่นี้ถือหุ้นโดย ธนาคารกลางตัว ลูกๆ ทั้งหลาย ธนาคารกลางตัวลูกก็ถือหุ้นโดยพวกเอกชนคนโคตรรวยอีกต่อหนึ่ง สรุปว่า พวกคนรวยลงทุนลงขันกันเอง เพื่อตั้งธนาคารกลาง และไม่ให้ใครมายุ่ง เขาดูแลเงินของเขากันเอง ตั้งกฎกติกาเอง โดยให้แม่ BIS คุม รัฐบาลได้แต่ทำตาปริบๆ ดู หน้าจ๋อย มือกุม ก้มหน้า รับคำสั่งรับอำนาจมาจากคนรวยอีกทีหนึ่ง เข้าใจไหม คนรวยใหญ่กว่ารัฐบาล ถึงพูดกันว่าเงินเป็นพระเจ้า ระบบธนาคารกลางนี้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ London ไปได้สวย คนรวยติดใจ จึงขยายตัวข้ามมาในทวีปยุโรปตะวันตก และกระจายทั่วไปในทวีปยุโรป การปฏิวัติในฝรั่งเศส ทำให้นโปเลียนขึ้นมามีอำนาจ และยอมให้บรรดานายทุนที่รวมตัวกันให้เงินกู้นโปเลียนไปทำการปฏิวัตินั่นแหละ จับมือร่วมกันจัดตั้งธนาคารในฝรั่งเศสขึ้น เป็นธนาคารส่วนบุคคล ที่พวกนายทุนนี้ควบคุมกันเอง รัฐบาลไม่เกี่ยว ธนาคารนี้เป็นต้นกำเนิดของตระกูลโคตรรวยทางฝั่งยุโรป คือ ตระกูล Rothshilds ชาวยิวในยุโรป ซึ่งขยายธุรกิจการเงินของตระกูล โดยการตั้งธนาคารใน London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples ทำให้ตระกูลนี้ยิ่งรวยเละขึ้นไปอีก และยิ่งรวยเพิ่มขึ้น จากการไปถือหางทุกฝ่ายในการรบทุกครั้งของนโปเลียน (ต้นกำเนิดของการถือไพ่ทุกใบในการต่อสู้ มีเงินซื้อไพ่ทุกใบ มีไพ่ให้เลือกเล่นแยะ เล่นยังไงก็ชนะ ยกเว้นโคตรโง่ หรือ โคตรเลว จนเทวดาบอกมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ตัวอย่างกำลังมีให้เห็นในบ้านเรา !) นาย Carroll Quigley นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎี เจ้าความคิดกำเนิดแห่งศิวิไลย์ของมนุษยชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งบรรดาสาวกทั้งหลายถือเป็นคัมภีร์ ชื่อ Tragedy and Hope บอกว่าในช่วง ค.ศ.18101850 พวกวาณิชธนกิจใน London ได้สร้าง ธนาคารแห่งอังกฤษ (Bank of England) ตลาดหุ้นและตลาดเงินแห่ง London และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ขยายธุรกิจ โดยการสร้างธนาคารย่อยในระดับเมือง ต่างๆ ดำเนินกิจการ ในรูปแบบของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารออมสิน รวมทั้งทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ 3 อย่างนี้ มันหมุนเงิน สร้างเงินในตัวของมันเองตามวงจร เขาจึงรวมธุรกิจพวกนี้ไว้ด้วยกัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นระดับระหว่างประเทศ จากเมืองไปสู่ประเทศ และด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถชักใย ควบคุมการไหลเข้าออก ของเงินระหว่างประเทศ แน่นอนการดำเนินการแบบนี้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ แต่ก็เรียกว่ามีอิทธิพล เหนือทั้งรัฐบาลและธุรกิจอุตสาหกรรม เงินไม่มี กิจการต่างๆไม่ว่าทางการเมืองหรือธุรกิจก็เป็นง่อยเรียบร้อย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องฉลาดมากก็คิดได้ ขอให้มีเงินไว้ก่อน ! ในขณะเดียวกัน ทางอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ในอเมริกาก็มีการรวมตัวของกลุ่มธนาคารและธุรกิจอุตสาหกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยพวก Morgans, Astors, Vanderbilts, Rockefellers และ Carnegies กลุ่มทุนพวกนี้ก็เริ่มครอบงำอุตสาหกรรมทั้งหมด ตลอดศตวรรษที่ 19 และต่อมาผลประโยชน์ของนายทุนทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคก็เชื่อมโยงกัน คนมีเงินก็ย่อมเลือกที่จะคบกับคนมีเงินด้วยกัน Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น คนรวยมีเงินแล้วก็อยากมีอำนาจ เป็นโรคเดียวกันทั้งนั้น ไม่มีใครต่างกัน กลับมาดูคนรวยที่อังกฤษ พวกคนรวยในอังกฤษเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกัน เพื่อแสดงอิทธิพลของตนในระดับชาติ ช่วงนั้นนักล่าแถบนั้น กำลังรุมทิ้งเหยื่ออยู่แถวอาฟริกา ซึ่งเกือบทุกประเทศในอาฟริกา ยกเว้นเอธิโอเปีย ตกเป็นอาณานิคมของนักล่าผมทองจากอังกฤษและยุโรปทั้งสิ้น นักล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นคือ นาย Cecil Rhodes นักล่าชาวอังกฤษเป็นคนลงไม้ลงมือล่า แต่กระเป๋าที่อุดหนุนให้เขาปฏิบัติการล่า คือ ตระกูล Rothshilds ซึ่งในช่วงนั้น เป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาย Cecil Rhodes เป็นคนสุดโต่งอีกคนหนึ่ง เขามองว่าอเมริกายังเป็นอาณานิ คมของจักรภพอังกฤษอยู่ จะปล่อยให้มาทำท่ารวยยะโส เดินหน้าเชิด เทียบชั้นกับอังกฤษ เจ้านายเก่าแบบนี้น่ะ มันจะมากไปหน่อยไหม นาย Rhodes มองตัวเองไม่ใช่แค่เป็นนักล่าเงินรางวัล แต่เขาเป็นนักสร้างอาณาจักร empire builder อย่าลืมเขาสร้างเมือง Rhodesia ในอาฟริกา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Zimbabwe Carroll Quigley เล่าต่อไปว่า ค.ศ.1891 คนโคตรรวยอังกฤษ 3 หนุ่ม แอบพบกัน เพื่อสมคบกันสร้างสมาคมลับ 3 หนุ่มคือนาย Cecil Rhodes, William T. Stead พี่เบิ้มแห่งวงการหนังสือพิมพ์สมัยนั้น (น่าสังเกตว่า ถ้าจะทำอะไรให้ดังต้องมีสื่อยักษ์มาร่วม มิน่าเล่า มันถึงอยากเป็นสื่อใหญ่กันทั้งนั้น ถีบตัวเองขึ้นมา จนลืมจรรยาบรรณ ฐานันดรที่ 4) และนาย Reginald Baliol Brett ซึ่งเป็นพระสหายผู้ได้รับความไว้วางใจ จากพระราชินีวิกตอเรีย แห่งจักรภพอังกฤษ และต่อมาก็ได้เป็นที่ปรึกษาผู้ มีอิทธิพลต่อพระเจ้า Edward ที่ 7 และพระเจ้า George ที่ 5 ปู่ของพระราชินีElizabeth ที่ 2 ของอังกฤษคนปัจจุบัน สมาคมลับนี้มีนาย Rhodes เป็นหัวหน้า และพระอันดับอีก 3 คน คือ นาย Stead, นาย Brett และคนสุดท้ายแต่มาแรง คือ นาย Alfred Milner วัตถุประสงค์ของสมาคมลับนี้ ซึ่งต่อไปจะนำฝูงโดยนาย Alfred Milner คือจัดการให้อังกฤษปกครองไปทั่วโลก ด้วยระบบของอังกฤษ ไม่ว่าจะในด้านปกครองประชาชนหรือทำการค้า พูดให้ชัด เป้าหมายคือจัดการให้อเมริกากลับมาอยู่ในอาณานิคมของอังกฤษ ใช้ระบบอังกฤษดำเนินชีวิต และอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม Rothshilds และกลุ่มธนาคารต่างๆ เต็มที่อย่างลับๆ คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 4 – ทองห่อผ้าขี้ริ้ว
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 4 : ทองห่อผ้าขี้ริ้ว
    อำนาจคือทุน ทุนคืออำนาจ คาถาง่ายๆ สั้นๆ ท่องให้ฟังอยู่ในนิทานเกือบทุกเรื่อง โลกใบนี้ไม่ได้ซับซ้อนเกินเข้าใจ ความซับซ้อนถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้เหยื่อสับสนมึนงง แล้วจะได้ถูกล่าง่ายขึ้นต่างหาก
    การจะสร้างนักล่าหมายเลขหนึ่งขึ้นมาครองโลก แบบไม่มีใครกล้ามาท้าทาย ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเพ้อฝันเสียด้วยซ้ำ แต่มันมีคนคิดจริง ขบวนการสร้างนักล่า ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 100 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1890 คนคิดสร้างไม่ได้คิดเล่นๆ เขาคิดจริง ทำจริง อดทน วางแผน เป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคนคิดนอกจากมีทุนหนามหึมาแล้ว มันต้องมีความบ้าเต็มขั้น มีความอยากทะเยอทะยานเต็มร้อย บวกกับความเหี้ยมโหด อีกไม่รู้กี่พันเท่า มันถึงจะทำได้
    มันเป็นความคิดของพวกนายทุนที่เป็นเจ้าของ และมีอำนาจเหนือธนาคารกลาง และตลาดหุ้น ตลาดทุนที่ Wall Street และ London ไม่กี่ตระกูล ที่หวังจะจัดระเบียบโลกใหม่อย่างที่เขาต้องการ เป็นโลกที่ควบคุมด้วยเงิน ด้วยระบบการเงินที่พวกเขาวางแผนคิดสร้างมานั้น จะทำให้พวกเขาเป็นผู้ควบคุมชักใย รัฐบาล กองทัพ และประชาชนอีกต่อหนึ่งไม่ว่าเป็นชนชาติใด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการครองโลก และจัดระเบียบโลกใหม่
    มันไม่ง่ายนักหรอก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา พวกเขาคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างระบบที่ให้เราเป็นผู้ สร้าง เงินได้ การควบคุมปริมาณและกระแสเงินของโลกนี้ ก็อยู่ในมือพวกเรา ระบบนี้จะทำงานไม่ต่างกับการควบคุมด้วยอาวุธ แต่มันเป็นอาวุธทางการเงิน
    New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ Globalization โลกาภิวัฒน์เป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ประมาณ 500 ปี มาแล้ว (นานแล้วครับ แต่ใช้เวลานานมาก กว่าสมันน้อยจะรู้เรื่อง) เรื่องราวมันย้อนไปตั้งแต่สมัยอเมริกายังถูกนับเป็นอาณานิคม อยู่ในอำนาจของอังกฤษ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1600 กว่าประมาณนั้น อิทธิพลของอังกฤษครอบงำอเมริกาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อเมริกาจะทำสงครามกลางเมืองเหนือใต้เมื่อ ค.ศ.1861 – 1865 โดยฝ่ายเหนือมีอังกฤษสนับสนุน ฝ่ายใต้มีฝรั่งเศสสนับสนุน และอ้างว่าอังกฤษไม่สามารถจะกระทืบอเมริกาซ้ำได้ ต้องถอยกองทัพกลับไปก็ตาม แต่คราบของอังกฤษก็ยังคงครอบอเมริกาอยู่อย่างที่อเมริกาไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้ตัว
    อิทธิพลของอังกฤษ ระบบของอังกฤษในด้านการค้าครอบงำอเมริกามาตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1700 แล้ว ก็พวกที่อพยพมาอยู่อเมริกาส่วนหนึ่ง (ไม่น้อย) ก็มาจากอังกฤษนั่นแหละ นอกจากพูดภาษาเดียวกันแล้ว อิทธิพลและวัฒนธรรม ผู้อพยพก็เก็บใส่กระเป๋าเอาติดมาด้วย
    ประมาณปี ค.ศ.1890 หลังอเมริกาปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายตระกูล ในอเมริกา เช่น Rockefeller, J.P Morgan, Astors, Vanderbits, Carnegies ฯลฯ
    อเมริกาจะเป็นคนรวยแบบไหนล่ะ แบบอินเดียนแดงเจ้าของถิ่นที่อเมริกาไล่ล่าเขา แล้วยึดเอาดินแดนเขามาหรือ ถ้างั้นก็ต้องเดินห้อยลูกปัด เอาขนนกติดหัว แน่นอนอเมริกาไม่เอาหรอกอเมริกาต้องเลือกเป็นคนรวยแบบที่ผู้ดีอังกฤษเขาเป็นกัน แบบที่อเมริกาแอบนับถือปนเกรงกลัวและอิจฉา เพราะรู้สึกด้อยกว่าเขา จึงต้องอพยพมาก่อร่างสร้างตัวในดินแดนใหม่นั่นแหละ ระบบอังกฤษจึงยังครอบงำอเมริกาในหลายๆ รูปแบบ ไม่มากก็น้อย จนถึงทุกวันนี้
    เมื่อคนอเมริกันเริ่มรวย รวยพอที่จะเดินเชิดหน้าในสังคมโลก ก็เริ่มทำการค้าแบบคนอังกฤษ ในระบบอังกฤษ โดยเฉพาะด้านการเงิน และการอุตสาหกรรม ประมาณปี ค.ศ.1890 การร่วมมือ รวมลงทุนระหว่างคนรวยฝั่งอเมริกากับฝั่งอังกฤษก็เริ่มเพิ่มขึ้น Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น แนวคิดที่จะครองโลกร่วมกัน จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
    อังกฤษรู้อยู่แก่ใจว่า วันหนึ่งดวงอาทิตย์ต้องตกดินในดินแดนที่ เคย เป็นอาณานิคมของตัว จะอุ้มจะแบกอาณานิคมไปตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ อังกฤษเองไม่มีทรัพยากรของตัวเอง เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ที่แผ่ไพศาลมาได้ขนาดนี้ ก็ต้องชื่นชมในความตะกรามทยานอยากได้อย่างสุดขีด แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นประวัติศาสตร์ หลุดมือไปหมดกระนั้นหรือ อังกฤษเป็นนักล่ารุ่นเก๋า ย่อมมองเห็น ใครจะขึ้นมาเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ดูท่วงทีลีลาของนักล่ารุ่นใหม่แล้ว แยกกันเดินคงเหนื่อย ร่วมกันเดินหลอกชาวบ้านน่าจะรุ่งกว่า ว่าแล้วคนรวย 2 ฝากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกก็จับมือกัน แท้จริงแล้วใครนำใคร ใครหลอกใคร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูไปอีกนาน น่าสนใจอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ !
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 4 – ทองห่อผ้าขี้ริ้ว นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 4 : ทองห่อผ้าขี้ริ้ว อำนาจคือทุน ทุนคืออำนาจ คาถาง่ายๆ สั้นๆ ท่องให้ฟังอยู่ในนิทานเกือบทุกเรื่อง โลกใบนี้ไม่ได้ซับซ้อนเกินเข้าใจ ความซับซ้อนถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้เหยื่อสับสนมึนงง แล้วจะได้ถูกล่าง่ายขึ้นต่างหาก การจะสร้างนักล่าหมายเลขหนึ่งขึ้นมาครองโลก แบบไม่มีใครกล้ามาท้าทาย ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ มันออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเพ้อฝันเสียด้วยซ้ำ แต่มันมีคนคิดจริง ขบวนการสร้างนักล่า ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 100 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1890 คนคิดสร้างไม่ได้คิดเล่นๆ เขาคิดจริง ทำจริง อดทน วางแผน เป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญคนคิดนอกจากมีทุนหนามหึมาแล้ว มันต้องมีความบ้าเต็มขั้น มีความอยากทะเยอทะยานเต็มร้อย บวกกับความเหี้ยมโหด อีกไม่รู้กี่พันเท่า มันถึงจะทำได้ มันเป็นความคิดของพวกนายทุนที่เป็นเจ้าของ และมีอำนาจเหนือธนาคารกลาง และตลาดหุ้น ตลาดทุนที่ Wall Street และ London ไม่กี่ตระกูล ที่หวังจะจัดระเบียบโลกใหม่อย่างที่เขาต้องการ เป็นโลกที่ควบคุมด้วยเงิน ด้วยระบบการเงินที่พวกเขาวางแผนคิดสร้างมานั้น จะทำให้พวกเขาเป็นผู้ควบคุมชักใย รัฐบาล กองทัพ และประชาชนอีกต่อหนึ่งไม่ว่าเป็นชนชาติใด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการครองโลก และจัดระเบียบโลกใหม่ มันไม่ง่ายนักหรอก แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพวกเขา พวกเขาคิดว่าถ้าเราสามารถสร้างระบบที่ให้เราเป็นผู้ สร้าง เงินได้ การควบคุมปริมาณและกระแสเงินของโลกนี้ ก็อยู่ในมือพวกเรา ระบบนี้จะทำงานไม่ต่างกับการควบคุมด้วยอาวุธ แต่มันเป็นอาวุธทางการเงิน New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ Globalization โลกาภิวัฒน์เป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ประมาณ 500 ปี มาแล้ว (นานแล้วครับ แต่ใช้เวลานานมาก กว่าสมันน้อยจะรู้เรื่อง) เรื่องราวมันย้อนไปตั้งแต่สมัยอเมริกายังถูกนับเป็นอาณานิคม อยู่ในอำนาจของอังกฤษ ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1600 กว่าประมาณนั้น อิทธิพลของอังกฤษครอบงำอเมริกาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อเมริกาจะทำสงครามกลางเมืองเหนือใต้เมื่อ ค.ศ.1861 – 1865 โดยฝ่ายเหนือมีอังกฤษสนับสนุน ฝ่ายใต้มีฝรั่งเศสสนับสนุน และอ้างว่าอังกฤษไม่สามารถจะกระทืบอเมริกาซ้ำได้ ต้องถอยกองทัพกลับไปก็ตาม แต่คราบของอังกฤษก็ยังคงครอบอเมริกาอยู่อย่างที่อเมริกาไม่รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้ตัว อิทธิพลของอังกฤษ ระบบของอังกฤษในด้านการค้าครอบงำอเมริกามาตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1700 แล้ว ก็พวกที่อพยพมาอยู่อเมริกาส่วนหนึ่ง (ไม่น้อย) ก็มาจากอังกฤษนั่นแหละ นอกจากพูดภาษาเดียวกันแล้ว อิทธิพลและวัฒนธรรม ผู้อพยพก็เก็บใส่กระเป๋าเอาติดมาด้วย ประมาณปี ค.ศ.1890 หลังอเมริกาปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดเศรษฐีใหม่ขึ้นมาหลายตระกูล ในอเมริกา เช่น Rockefeller, J.P Morgan, Astors, Vanderbits, Carnegies ฯลฯ อเมริกาจะเป็นคนรวยแบบไหนล่ะ แบบอินเดียนแดงเจ้าของถิ่นที่อเมริกาไล่ล่าเขา แล้วยึดเอาดินแดนเขามาหรือ ถ้างั้นก็ต้องเดินห้อยลูกปัด เอาขนนกติดหัว แน่นอนอเมริกาไม่เอาหรอกอเมริกาต้องเลือกเป็นคนรวยแบบที่ผู้ดีอังกฤษเขาเป็นกัน แบบที่อเมริกาแอบนับถือปนเกรงกลัวและอิจฉา เพราะรู้สึกด้อยกว่าเขา จึงต้องอพยพมาก่อร่างสร้างตัวในดินแดนใหม่นั่นแหละ ระบบอังกฤษจึงยังครอบงำอเมริกาในหลายๆ รูปแบบ ไม่มากก็น้อย จนถึงทุกวันนี้ เมื่อคนอเมริกันเริ่มรวย รวยพอที่จะเดินเชิดหน้าในสังคมโลก ก็เริ่มทำการค้าแบบคนอังกฤษ ในระบบอังกฤษ โดยเฉพาะด้านการเงิน และการอุตสาหกรรม ประมาณปี ค.ศ.1890 การร่วมมือ รวมลงทุนระหว่างคนรวยฝั่งอเมริกากับฝั่งอังกฤษก็เริ่มเพิ่มขึ้น Anglo American Establishment ก็เกิดขึ้น แนวคิดที่จะครองโลกร่วมกัน จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น อังกฤษรู้อยู่แก่ใจว่า วันหนึ่งดวงอาทิตย์ต้องตกดินในดินแดนที่ เคย เป็นอาณานิคมของตัว จะอุ้มจะแบกอาณานิคมไปตลอดกาล เป็นไปไม่ได้ อังกฤษเองไม่มีทรัพยากรของตัวเอง เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ที่แผ่ไพศาลมาได้ขนาดนี้ ก็ต้องชื่นชมในความตะกรามทยานอยากได้อย่างสุดขีด แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นประวัติศาสตร์ หลุดมือไปหมดกระนั้นหรือ อังกฤษเป็นนักล่ารุ่นเก๋า ย่อมมองเห็น ใครจะขึ้นมาเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ดูท่วงทีลีลาของนักล่ารุ่นใหม่แล้ว แยกกันเดินคงเหนื่อย ร่วมกันเดินหลอกชาวบ้านน่าจะรุ่งกว่า ว่าแล้วคนรวย 2 ฝากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกก็จับมือกัน แท้จริงแล้วใครนำใคร ใครหลอกใคร เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูไปอีกนาน น่าสนใจอย่างยิ่งจนถึงทุกวันนี้ ย้ำ จนถึงทุกวันนี้ ! คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Hyprland 0.51 เพิ่มท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ — ยกระดับประสบการณ์ Wayland ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง”

    Hyprland 0.51 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Wayland และต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการหน้าต่างและอินพุต โดยหนึ่งในไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้คือการรองรับ “ท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ” ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดท่าทางนิ้ว, ทิศทาง, และ modifiers ได้เองทั้งหมด

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การตั้งค่า scroll factor แยกตามอุปกรณ์, ตัวเลือกใหม่ในการซ่อนเคอร์เซอร์ (cursor:invisible), และการรองรับ DPMS animations เพื่อให้การปิดหน้าจอมีความลื่นไหลมากขึ้น

    Hyprland ยังแก้ปัญหาการแชร์หน้าจอแบบ 10-bit ที่เคยมีปัญหากับ Firefox และ Chromium โดยเพิ่มตัวเลือก misc:screencopy_force_8b เพื่อบังคับให้ PipeWire ใช้การแชร์แบบ 8-bit แทน ซึ่งช่วยให้การใช้งาน screencast มีความเสถียรมากขึ้น

    ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ การปรับปรุง virtual keyboard, การเพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up, การปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น, และการเพิ่มโหมด previous ให้กับคำสั่ง focusmaster เพื่อจัดการ layout ได้แม่นยำขึ้น

    Hyprland ยังคงรักษาจุดเด่นด้านการปรับแต่งได้สูง เช่น การใช้ bezier curve สำหรับ animation, การจัดการ workspace แบบ dynamic, และระบบ plugin manager ที่รองรับปลั๊กอินจากชุมชนได้อย่างยืดหยุ่น

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Hyprland 0.51
    รองรับท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ (1:1 gesture config)
    ตั้ง scroll factor แยกตามอุปกรณ์ได้ — เพิ่มความแม่นยำในการเลื่อน
    เพิ่ม cursor:invisible สำหรับการซ่อนเคอร์เซอร์
    รองรับ DPMS animations สำหรับการปิดหน้าจอแบบมีเอฟเฟกต์

    การปรับปรุงด้านการแชร์หน้าจอและอินพุต
    เพิ่ม misc:screencopy_force_8b เพื่อแก้ปัญหา 10-bit screensharing
    ใช้ PipeWire สำหรับการแชร์หน้าจอบน Wayland
    ปรับ virtual keyboard ให้ข้ามการปล่อย key และไม่แชร์ key state
    เพิ่ม novrr rule เพื่อบล็อก VRR (Variable Refresh Rate)

    การปรับแต่ง UI และ layout
    เพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up เพื่อความลื่นไหล
    เพิ่ม dim_modal สำหรับการลดแสงหน้าต่าง modal
    ปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น
    เพิ่ม previous mode ให้กับ focusmaster เพื่อจัด layout ได้แม่นยำ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Hyprland เป็น Wayland compositor แบบ dynamic tiling ที่ปรับแต่งได้สูง
    รองรับ plugin manager และ keybinds แบบ global
    ใช้ bezier curve สำหรับ animation เพื่อความลื่นไหล
    มี layout แบบ built-in สองแบบ และรองรับ window groups

    https://9to5linux.com/hyprland-0-51-wayland-compositor-adds-fully-configurable-trackpad-gestures
    🖱️ “Hyprland 0.51 เพิ่มท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ — ยกระดับประสบการณ์ Wayland ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง” Hyprland 0.51 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Wayland และต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการหน้าต่างและอินพุต โดยหนึ่งในไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้คือการรองรับ “ท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ” ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดท่าทางนิ้ว, ทิศทาง, และ modifiers ได้เองทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหลายจุด เช่น การตั้งค่า scroll factor แยกตามอุปกรณ์, ตัวเลือกใหม่ในการซ่อนเคอร์เซอร์ (cursor:invisible), และการรองรับ DPMS animations เพื่อให้การปิดหน้าจอมีความลื่นไหลมากขึ้น Hyprland ยังแก้ปัญหาการแชร์หน้าจอแบบ 10-bit ที่เคยมีปัญหากับ Firefox และ Chromium โดยเพิ่มตัวเลือก misc:screencopy_force_8b เพื่อบังคับให้ PipeWire ใช้การแชร์แบบ 8-bit แทน ซึ่งช่วยให้การใช้งาน screencast มีความเสถียรมากขึ้น ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ การปรับปรุง virtual keyboard, การเพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up, การปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น, และการเพิ่มโหมด previous ให้กับคำสั่ง focusmaster เพื่อจัดการ layout ได้แม่นยำขึ้น Hyprland ยังคงรักษาจุดเด่นด้านการปรับแต่งได้สูง เช่น การใช้ bezier curve สำหรับ animation, การจัดการ workspace แบบ dynamic, และระบบ plugin manager ที่รองรับปลั๊กอินจากชุมชนได้อย่างยืดหยุ่น ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Hyprland 0.51 ➡️ รองรับท่าทางแทร็กแพดแบบปรับแต่งได้เต็มรูปแบบ (1:1 gesture config) ➡️ ตั้ง scroll factor แยกตามอุปกรณ์ได้ — เพิ่มความแม่นยำในการเลื่อน ➡️ เพิ่ม cursor:invisible สำหรับการซ่อนเคอร์เซอร์ ➡️ รองรับ DPMS animations สำหรับการปิดหน้าจอแบบมีเอฟเฟกต์ ✅ การปรับปรุงด้านการแชร์หน้าจอและอินพุต ➡️ เพิ่ม misc:screencopy_force_8b เพื่อแก้ปัญหา 10-bit screensharing ➡️ ใช้ PipeWire สำหรับการแชร์หน้าจอบน Wayland ➡️ ปรับ virtual keyboard ให้ข้ามการปล่อย key และไม่แชร์ key state ➡️ เพิ่ม novrr rule เพื่อบล็อก VRR (Variable Refresh Rate) ✅ การปรับแต่ง UI และ layout ➡️ เพิ่ม fade-in/fade-out สำหรับ pop-up เพื่อความลื่นไหล ➡️ เพิ่ม dim_modal สำหรับการลดแสงหน้าต่าง modal ➡️ ปรับ zoom animation ให้ลื่นขึ้น ➡️ เพิ่ม previous mode ให้กับ focusmaster เพื่อจัด layout ได้แม่นยำ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Hyprland เป็น Wayland compositor แบบ dynamic tiling ที่ปรับแต่งได้สูง ➡️ รองรับ plugin manager และ keybinds แบบ global ➡️ ใช้ bezier curve สำหรับ animation เพื่อความลื่นไหล ➡️ มี layout แบบ built-in สองแบบ และรองรับ window groups https://9to5linux.com/hyprland-0-51-wayland-compositor-adds-fully-configurable-trackpad-gestures
    9TO5LINUX.COM
    Hyprland 0.51 Wayland Compositor Adds Fully Configurable Trackpad Gestures - 9to5Linux
    Hyprland 0.51 Wayland compositor is now available with support for fully configurable trackpad gestures and other changes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 1 : พี่เลี้ยงนางนม
    อเมริกาพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ที่วันนี้กำลังถูกท้าทาย จะรักษาตำแหน่งหมายเลขหนึ่งได้หรือไม่ ได้อีกนานเท่าไร ชาวโลกกำลังจับตามอง อเมริกา ขยับขา อ้าแขน แหกปาก ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นข่าวไปทั่วโลก แต่เป็นข่าวในทางร้ายมากกว่าดี แต่ถึงอย่างนี้ก็ยังมีชาวโลกสวยชื่นชอบอเมริกา ผู้นำความเจริญมาสู่โลก ผู้นำเศรษฐกิจเสรี โลกาภิวัฒน์มันไปทุกอย่าง ไม่ ว่าการค้า การศึกษา วัฒนธรรม ฯลฯ ไม่มีอเมริกาเป็นเพื่อน ไม่มีอเมริกาตบหัวลูบหลัง หรืออเมริกาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นจะตายเสียให้ได้
    แต่ถ้าถามชาวแหกคอกไม่ว่าพันธ์เทศพันธ์ไทย ต่างบอก ถุด ! อเมริกา มันก็แค่นักล่า(อาณานิคม)รุ่นใหม่ กระสันอยากจะป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ใจไม่ถึงที่จะประกาศให้โลกรู้ ได้แต่ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก อย่างงี้นักเลงจริงเขาดูถูก (โปรดนึกถึงหน้าพี่ปูตินเวลาพูดกับนายโอบามาก็แล้วกัน) แล้วสมันน้อยว่าไงจ๊ะ เห็นอเมริกาเป็นพี่เบิ้ม ผู้นำ ผู้พิทักษ์ ผู้ปกครอง ฯลฯ หรือเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ไม่ต่างกับจิ๊กโก๋ปากซอย กล้าเบ่งแต่กับผู้อ่อนแอกว่า เจอนักเลงใหญ่อย่างพี่ปู หรือแค่อาเฮียยืนหน้าเฉย อย่าติดเบรคใส่เกียร์ว่างก็แล้วกัน
    แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพึ่งลงมติ นี่ยังไม่ถึงตีสี่ มีเวลาตัดสินใจ อ่านนิทานกันไปเรื่อยๆก่อนแล้วกัน อ่านๆไปก็จะมองออกเองแหละ ว่าอเมริกาเป็นพี่เบิ้มผู้พิทักษ์ของโลกสวย หรือเป็นนักล่าของชาวแหกคอก รู้จักเขาให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวเองหรือปฏิบัติกับอเมริกาอย่างไร
    นักวิเคราะห์การเมืองรุ่นใหม่(สมัยนั้น) ต่างประสานเสียงเชียร์ บอกว่าอเมริกาเป็นนักล่าแน่นอนที่สุดและไม่ได้เป็นนักล่าแบบอุบัติเหตุ ไม่ใช่ประเภทเป็นเด็กกำพร้าไม่มีใครเลี้ยงดู เลยต้องปากถีบตีนกัด ออกมาล่าเหยื่อเลี้ยงตัวเองตั้งกะเด็ก ไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด อเมริกาเป็นลูกคนรวย ที่ถูกเลี้ยง ถูกฝึก ถูกเลือกให้เป็นนักล่าเหยื่อต่างหาก ถูกเลือก เข้าใจไหม (America was chosen to be an empire) มันมีการวางยุทธศาสตร์ หารือ วางแผนและปฏิบัติการให้อเมริกาเป็นนักล่าเป็น American Empire !
    เอาละซิ แล้วใครล่ะที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม เป็นคนฝึก เป็นคนวางแผนให้อเมริกาเป็นนักล่า จะรู้ให้แน่ต้องแกะรอยเก่าของนักล่าย้อนไปให้เห็นภาพตั้งแต่ ยังเป็นละอ่อน เริ่มตั้งไข่ ดูว่าเขาหัดเดิน หัดคลานอย่างไร ใครเป็นพี่เลี้ยง เป็นพี่เลี้ยงแบบไหน ประเภทวิ่งไปตามเนินเขา แล้วร้องเพลง The Sound of Music หรือเปล่า (ท่านที่เกิดไม่ทันหนังเรื่องนี้ ขออำไพนะครับ ถึงไม่เคยดู ก็น่าจะเคยได้ยินเพลงบ้างน่า พระเอกมีลูกเป็นพรวน เมียตาย หรือไงเนี่ย ผมก็จำไม่ค่อยได้ จ้างนางเอกมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดูแลเด็ก ในที่สุดพระเอกก็รักกับคุณพี่เลี้ยงตามฟอร์ม เด็กก็ดีใจไชโย เรื่องแสนจะธรรมดา สมัยนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อนจนแบบเดาไมได้ ไม่ใช่หนังจบแล้ว หันหน้ามองกัน เลิกลั่ก มึนไปหมด ไม่มีครับ) หรือถ้าไม่เป็นพี่เลี้ยงแต่เป็นแม่เลี้ยง แบบแม่เลี้ยงใจร้ายของหนูน้อย Cinderella หนังการ์ตูนยอดฮิตของ Walt Disney ก่อนมาทำเป็นหนังใหญ่ เห็นไหมครับ ขนาดจะอธิบายเรื่องพี่เลี้ยง แม่เลี้ยง ยังต้องยกตัวอย่างหนัง Hollywood เลย เห็นอิทธิพลของเขาไหม จะให้ยกตัวอย่างเป็นปลาบู่ทอง จะมีใครรู้เรื่องบ้าง
    ผู้ที่ร่วมมือกัน ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ป้อนนม ป้อนน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม จับอเมริกาตั้งไข่ หัดเดิน ซ้อมให้เป็นนักล่า ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เป็นกลุ่มชนชั้นนำในสังคมอเมริกา คือ พวก Elites นั่นแหละ ที่ประกอบด้วย นายธนาคารและบรรดาบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมของอเมริกา (Americas Industrial Revolution) ในปลายศตวรรษที่ 19 รวมทั้งพวกมูลนิธิ ที่อ้างตัวว่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ Philanthropic Foundations (พวกมูลนิธิแบบนี้น่ะในบ้านเราก็มีจับตากันให้ดี สอดไส้กันง่ายเหลือเกิน) สถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ และสถาบันที่เป็นถังความคิด (Think Tank) รวมทั้งกลุ่มทุนธุรกิจ ซึ่งเดินกร่างอยู่บนเส้นทางของอำนาจ สรุปง่ายๆ ว่าเป็นกลุ่มคน ที่ถ้าเปรียบแบบฝรั่ง เขาก็จะบอกว่าเป็นเหมือนพวก cream หรือ topping ที่อยู่ชั้นบนสุดของขนมเค้กนั่นแหละ คือกลุ่มผู้ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงนักล่า
    ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มต้น พี่เลี้ยงนักล่าที่เดินร้องเพลงเชียร์นำมาก่อนคือพวกนักยุทธศาสตร์อเมริกัน เริ่มประสานเสียงเรียกหา New Global American Empire จักรวรรดิอเมริกาที่จะครองโลกอ ยู่ไหน นำโดย Henry R. Luce บัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Yale ผู้ก่อตั้งหนังสือ Time Magazine, Life และ Fortune ซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่ในวงการสำนักพิมพ์ ที่มีอิทธิพลในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 และเป็นหัวหน้ากองเชียร์ เสียงดังของพรรค Republican ซึ่งต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผย ขนาดไปเป็นที่ปรึกษาให้กับพวกนักการเมืองเผด็จการทางฝั่งยุโรป เช่น Mussolini ของอิตาลีและพวกนาซีของเยอรมัน ด้วยความเชื่อว่าวิถีของเผด็จการ จะหยุดการแพร่พันธ์ของคอมมิวนิสต์ได้ เชื่อกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
    ในปี ค.ศ.1941 นาย Luce เขียนบทความดังเป็นพลุแตก (แบบนิทานจิกโก๋ปากซอย ฮา) ลงในนิตยสาร Life ชื่อ The American Century ศตวรรษของอเมริกา เขาบอกว่าศตวรรษที่ 20 นี้ จะเป็นเวลาของอเมริกา เป็นช่วงเวลาที่โลกจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้นำโลกตัวจริงมาแล้ว มันไม่เหมือนกับการเป็นจักรวรรดิแบบโรม หรือเจ็งกิสข่านหรือจักรภพอังกฤษ ที่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่จะเป็นจักรวรรดิเพื่อมนุษย์ชาติทั้งปวง ไม่ใช่เฉพาะแต่อเมริกันชนเท่านั้น ว่าเข้านั่น พูดแบบอเมริกันแท้ ไม่มีเทียมเลยคุณพี่ คุณพี่ Luce นี่นอกจากเชียร์สุดลิ่ม และยังเป็นนักฝันดีอีกด้วย
    ในขณะที่นาย Luce เป็นนักร้องนำ เขียนบทความสรรเสริญอเมริกา ลงทุนผ่านปากกา แต่ผู้ที่ลงแรง ลงมือ ลงขัน จัดการให้ ศตวรรษอเมริกาเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด มาจากความคิดริเริ่มและการผลัก ดันของ the Council on Foreign Relations (CFR) กลุ่มนักคิด นักวางแผนโคตรชั่ว ตัวแสบนั่นเอง และนักยุทธศาสตร์คนสำคัญ CFR ที่เป็นหัวรถจักร ของรถไฟสายพี่เลี้ยง คือนาย Dean Acheson นาย Acheson นี้ มีประวัติน่าสนใจ เขาเป็นทนายความ ต่อมาเปลี่ยนเส้นทางมาเข้าวงการ เมือง ไต่กระไดขึ้นมาเรื่อย จนในที่สุดได้เป็น Secretary of State ช่วงปี ค.ศ.1949 – 1953 สมัยนาย Truman เป็นประธานาธิบดี เขามีส่วนสำคัญในการร่างนโยบาย ตปท. ของอเมริกาในช่วงสงครามเย็น (เอ! ใครเอาอย่างนะ จากทนายหน้าหอ มาเป็น รอ มอ ตอ ต่างประเทศ)
    ตั้งแต่ปี ค.ศ.1939 เมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์ นาย Acheson เขียนหนังสือเรื่อง An American Attitude เป็นใบสั่งล่วงหน้าว่า หลัง สงครามโลกจบ อเมริกาจะต้องทำอะบ้าง (เขาสั่งกันได้ตั้งแต่ก่อนเข้าไปร่วมทำสงคราม) สิ่งที่สำคัญอเมริกาจะต้องทำคือ ทำให้โลกมีเสรีภาพในทางเศรษฐกิจการค้า หลังจากนั้นนาย Acheson ก็เป็นหนึ่งในคณะผู้ทำงานของ CFR ในการวางแผน ตั้งไข่ ให้แก่นักล่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
    แม้ว่าอเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในปลายปี ค.ศ.1941 แต่ CFR วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อเมริกาจะต้องเข้าสู่สงครามโลก เลิกยืนกอดอกดูอยู่ข้างสนามแบบนั้นมันจะไปได้เรื่องอะไร กระโดดลงไปในสนามรบได้แล้ว อันที่จริงพวกเขาวางแผนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกจะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ ที่จะให้อเมริกากระโจนลงไปในสนามรบ
    คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 1 : พี่เลี้ยงนางนม อเมริกาพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ที่วันนี้กำลังถูกท้าทาย จะรักษาตำแหน่งหมายเลขหนึ่งได้หรือไม่ ได้อีกนานเท่าไร ชาวโลกกำลังจับตามอง อเมริกา ขยับขา อ้าแขน แหกปาก ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นข่าวไปทั่วโลก แต่เป็นข่าวในทางร้ายมากกว่าดี แต่ถึงอย่างนี้ก็ยังมีชาวโลกสวยชื่นชอบอเมริกา ผู้นำความเจริญมาสู่โลก ผู้นำเศรษฐกิจเสรี โลกาภิวัฒน์มันไปทุกอย่าง ไม่ ว่าการค้า การศึกษา วัฒนธรรม ฯลฯ ไม่มีอเมริกาเป็นเพื่อน ไม่มีอเมริกาตบหัวลูบหลัง หรืออเมริกาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นจะตายเสียให้ได้ แต่ถ้าถามชาวแหกคอกไม่ว่าพันธ์เทศพันธ์ไทย ต่างบอก ถุด ! อเมริกา มันก็แค่นักล่า(อาณานิคม)รุ่นใหม่ กระสันอยากจะป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ใจไม่ถึงที่จะประกาศให้โลกรู้ ได้แต่ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก อย่างงี้นักเลงจริงเขาดูถูก (โปรดนึกถึงหน้าพี่ปูตินเวลาพูดกับนายโอบามาก็แล้วกัน) แล้วสมันน้อยว่าไงจ๊ะ เห็นอเมริกาเป็นพี่เบิ้ม ผู้นำ ผู้พิทักษ์ ผู้ปกครอง ฯลฯ หรือเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ไม่ต่างกับจิ๊กโก๋ปากซอย กล้าเบ่งแต่กับผู้อ่อนแอกว่า เจอนักเลงใหญ่อย่างพี่ปู หรือแค่อาเฮียยืนหน้าเฉย อย่าติดเบรคใส่เกียร์ว่างก็แล้วกัน แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพึ่งลงมติ นี่ยังไม่ถึงตีสี่ มีเวลาตัดสินใจ อ่านนิทานกันไปเรื่อยๆก่อนแล้วกัน อ่านๆไปก็จะมองออกเองแหละ ว่าอเมริกาเป็นพี่เบิ้มผู้พิทักษ์ของโลกสวย หรือเป็นนักล่าของชาวแหกคอก รู้จักเขาให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวเองหรือปฏิบัติกับอเมริกาอย่างไร นักวิเคราะห์การเมืองรุ่นใหม่(สมัยนั้น) ต่างประสานเสียงเชียร์ บอกว่าอเมริกาเป็นนักล่าแน่นอนที่สุดและไม่ได้เป็นนักล่าแบบอุบัติเหตุ ไม่ใช่ประเภทเป็นเด็กกำพร้าไม่มีใครเลี้ยงดู เลยต้องปากถีบตีนกัด ออกมาล่าเหยื่อเลี้ยงตัวเองตั้งกะเด็ก ไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด อเมริกาเป็นลูกคนรวย ที่ถูกเลี้ยง ถูกฝึก ถูกเลือกให้เป็นนักล่าเหยื่อต่างหาก ถูกเลือก เข้าใจไหม (America was chosen to be an empire) มันมีการวางยุทธศาสตร์ หารือ วางแผนและปฏิบัติการให้อเมริกาเป็นนักล่าเป็น American Empire ! เอาละซิ แล้วใครล่ะที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม เป็นคนฝึก เป็นคนวางแผนให้อเมริกาเป็นนักล่า จะรู้ให้แน่ต้องแกะรอยเก่าของนักล่าย้อนไปให้เห็นภาพตั้งแต่ ยังเป็นละอ่อน เริ่มตั้งไข่ ดูว่าเขาหัดเดิน หัดคลานอย่างไร ใครเป็นพี่เลี้ยง เป็นพี่เลี้ยงแบบไหน ประเภทวิ่งไปตามเนินเขา แล้วร้องเพลง The Sound of Music หรือเปล่า (ท่านที่เกิดไม่ทันหนังเรื่องนี้ ขออำไพนะครับ ถึงไม่เคยดู ก็น่าจะเคยได้ยินเพลงบ้างน่า พระเอกมีลูกเป็นพรวน เมียตาย หรือไงเนี่ย ผมก็จำไม่ค่อยได้ จ้างนางเอกมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดูแลเด็ก ในที่สุดพระเอกก็รักกับคุณพี่เลี้ยงตามฟอร์ม เด็กก็ดีใจไชโย เรื่องแสนจะธรรมดา สมัยนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อนจนแบบเดาไมได้ ไม่ใช่หนังจบแล้ว หันหน้ามองกัน เลิกลั่ก มึนไปหมด ไม่มีครับ) หรือถ้าไม่เป็นพี่เลี้ยงแต่เป็นแม่เลี้ยง แบบแม่เลี้ยงใจร้ายของหนูน้อย Cinderella หนังการ์ตูนยอดฮิตของ Walt Disney ก่อนมาทำเป็นหนังใหญ่ เห็นไหมครับ ขนาดจะอธิบายเรื่องพี่เลี้ยง แม่เลี้ยง ยังต้องยกตัวอย่างหนัง Hollywood เลย เห็นอิทธิพลของเขาไหม จะให้ยกตัวอย่างเป็นปลาบู่ทอง จะมีใครรู้เรื่องบ้าง ผู้ที่ร่วมมือกัน ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ป้อนนม ป้อนน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม จับอเมริกาตั้งไข่ หัดเดิน ซ้อมให้เป็นนักล่า ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เป็นกลุ่มชนชั้นนำในสังคมอเมริกา คือ พวก Elites นั่นแหละ ที่ประกอบด้วย นายธนาคารและบรรดาบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมของอเมริกา (Americas Industrial Revolution) ในปลายศตวรรษที่ 19 รวมทั้งพวกมูลนิธิ ที่อ้างตัวว่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ Philanthropic Foundations (พวกมูลนิธิแบบนี้น่ะในบ้านเราก็มีจับตากันให้ดี สอดไส้กันง่ายเหลือเกิน) สถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ และสถาบันที่เป็นถังความคิด (Think Tank) รวมทั้งกลุ่มทุนธุรกิจ ซึ่งเดินกร่างอยู่บนเส้นทางของอำนาจ สรุปง่ายๆ ว่าเป็นกลุ่มคน ที่ถ้าเปรียบแบบฝรั่ง เขาก็จะบอกว่าเป็นเหมือนพวก cream หรือ topping ที่อยู่ชั้นบนสุดของขนมเค้กนั่นแหละ คือกลุ่มผู้ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงนักล่า ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มต้น พี่เลี้ยงนักล่าที่เดินร้องเพลงเชียร์นำมาก่อนคือพวกนักยุทธศาสตร์อเมริกัน เริ่มประสานเสียงเรียกหา New Global American Empire จักรวรรดิอเมริกาที่จะครองโลกอ ยู่ไหน นำโดย Henry R. Luce บัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Yale ผู้ก่อตั้งหนังสือ Time Magazine, Life และ Fortune ซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่ในวงการสำนักพิมพ์ ที่มีอิทธิพลในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 และเป็นหัวหน้ากองเชียร์ เสียงดังของพรรค Republican ซึ่งต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผย ขนาดไปเป็นที่ปรึกษาให้กับพวกนักการเมืองเผด็จการทางฝั่งยุโรป เช่น Mussolini ของอิตาลีและพวกนาซีของเยอรมัน ด้วยความเชื่อว่าวิถีของเผด็จการ จะหยุดการแพร่พันธ์ของคอมมิวนิสต์ได้ เชื่อกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในปี ค.ศ.1941 นาย Luce เขียนบทความดังเป็นพลุแตก (แบบนิทานจิกโก๋ปากซอย ฮา) ลงในนิตยสาร Life ชื่อ The American Century ศตวรรษของอเมริกา เขาบอกว่าศตวรรษที่ 20 นี้ จะเป็นเวลาของอเมริกา เป็นช่วงเวลาที่โลกจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้นำโลกตัวจริงมาแล้ว มันไม่เหมือนกับการเป็นจักรวรรดิแบบโรม หรือเจ็งกิสข่านหรือจักรภพอังกฤษ ที่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่จะเป็นจักรวรรดิเพื่อมนุษย์ชาติทั้งปวง ไม่ใช่เฉพาะแต่อเมริกันชนเท่านั้น ว่าเข้านั่น พูดแบบอเมริกันแท้ ไม่มีเทียมเลยคุณพี่ คุณพี่ Luce นี่นอกจากเชียร์สุดลิ่ม และยังเป็นนักฝันดีอีกด้วย ในขณะที่นาย Luce เป็นนักร้องนำ เขียนบทความสรรเสริญอเมริกา ลงทุนผ่านปากกา แต่ผู้ที่ลงแรง ลงมือ ลงขัน จัดการให้ ศตวรรษอเมริกาเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด มาจากความคิดริเริ่มและการผลัก ดันของ the Council on Foreign Relations (CFR) กลุ่มนักคิด นักวางแผนโคตรชั่ว ตัวแสบนั่นเอง และนักยุทธศาสตร์คนสำคัญ CFR ที่เป็นหัวรถจักร ของรถไฟสายพี่เลี้ยง คือนาย Dean Acheson นาย Acheson นี้ มีประวัติน่าสนใจ เขาเป็นทนายความ ต่อมาเปลี่ยนเส้นทางมาเข้าวงการ เมือง ไต่กระไดขึ้นมาเรื่อย จนในที่สุดได้เป็น Secretary of State ช่วงปี ค.ศ.1949 – 1953 สมัยนาย Truman เป็นประธานาธิบดี เขามีส่วนสำคัญในการร่างนโยบาย ตปท. ของอเมริกาในช่วงสงครามเย็น (เอ! ใครเอาอย่างนะ จากทนายหน้าหอ มาเป็น รอ มอ ตอ ต่างประเทศ) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1939 เมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์ นาย Acheson เขียนหนังสือเรื่อง An American Attitude เป็นใบสั่งล่วงหน้าว่า หลัง สงครามโลกจบ อเมริกาจะต้องทำอะบ้าง (เขาสั่งกันได้ตั้งแต่ก่อนเข้าไปร่วมทำสงคราม) สิ่งที่สำคัญอเมริกาจะต้องทำคือ ทำให้โลกมีเสรีภาพในทางเศรษฐกิจการค้า หลังจากนั้นนาย Acheson ก็เป็นหนึ่งในคณะผู้ทำงานของ CFR ในการวางแผน ตั้งไข่ ให้แก่นักล่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แม้ว่าอเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในปลายปี ค.ศ.1941 แต่ CFR วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อเมริกาจะต้องเข้าสู่สงครามโลก เลิกยืนกอดอกดูอยู่ข้างสนามแบบนั้นมันจะไปได้เรื่องอะไร กระโดดลงไปในสนามรบได้แล้ว อันที่จริงพวกเขาวางแผนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกจะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ ที่จะให้อเมริกากระโจนลงไปในสนามรบ คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Apple เปิดตัว Memory Integrity Enforcement บน iPhone 17 — ป้องกันมัลแวร์ระดับรัฐด้วยระบบความปลอดภัยหน่วยความจำที่ไม่เคยมีมาก่อน”

    Apple ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Memory Integrity Enforcement (MIE) บน iPhone 17 และ iPhone Air ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดด้านความปลอดภัยของหน่วยความจำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระบบปฏิบัติการสำหรับผู้บริโภค โดยใช้เวลาพัฒนานานกว่า 5 ปี และผสานการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ Apple Silicon กับระบบปฏิบัติการ iOS อย่างลึกซึ้ง

    เป้าหมายของ MIE คือการป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ระดับสูง โดยเฉพาะ “mercenary spyware” เช่น Pegasus ที่มักถูกใช้โดยรัฐหรือองค์กรเพื่อเจาะระบบของบุคคลเป้าหมาย เช่น นักข่าว นักสิทธิมนุษยชน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งการโจมตีเหล่านี้มักใช้ช่องโหว่ด้าน memory corruption เป็นหลัก

    หัวใจของ MIE คือการใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ Arm โดยทุกบล็อกหน่วยความจำจะถูกติด “แท็กลับ” และฮาร์ดแวร์จะตรวจสอบว่าโปรแกรมที่เข้าถึงหน่วยความจำนั้นมีแท็กตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรง ระบบจะบล็อกทันทีและปิดโปรเซส — ทำให้การโจมตีแบบ buffer overflow และ use-after-free แทบเป็นไปไม่ได้

    Apple ยังเสริมระบบด้วย Tag Confidentiality Enforcement เพื่อป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel และ speculative execution เช่น Spectre V1 โดยใช้เทคนิคใหม่ที่ลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพแทบเป็นศูนย์

    นอกจากฮาร์ดแวร์ A19 และ A19 Pro ที่รองรับ MIE แล้ว Apple ยังเปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Xcode เพื่อทดสอบแอปของตนภายใต้ระบบความปลอดภัยใหม่นี้ โดยครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสในระดับผู้ใช้และเคอร์เนล

    ฟีเจอร์ Memory Integrity Enforcement (MIE)
    ป้องกันช่องโหว่ memory corruption เช่น buffer overflow และ use-after-free
    ใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) แบบ synchronous
    ทุกบล็อกหน่วยความจำมีแท็กลับที่ต้องตรงกันก่อนเข้าถึง
    ระบบจะบล็อกทันทีหากแท็กไม่ตรง และปิดโปรเซสเพื่อความปลอดภัย

    การออกแบบร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    ใช้ Apple Silicon A19 และ A19 Pro ที่มีพื้นที่เฉพาะสำหรับ MIE
    ผสานกับ secure memory allocators เช่น kalloc_type, xzone malloc และ libpas
    ป้องกันการโจมตีภายใน bucket หน่วยความจำที่ software ปกติป้องกันไม่ได้
    ลด overhead ของการตรวจสอบแท็กให้เหลือน้อยที่สุด

    การป้องกันขั้นสูง
    ใช้ Tag Confidentiality Enforcement ป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel
    มี mitigation สำหรับ Spectre V1 ที่แทบไม่มีผลต่อ CPU
    ป้องกันการเข้าถึงหน่วยความจำที่ไม่มีแท็ก เช่น global variables
    ใช้ Secure Page Table Monitor เพื่อป้องกันการเจาะเคอร์เนล

    การใช้งานจริงและผลการทดสอบ
    ทดสอบกับ exploit chains จริงจากมัลแวร์ระดับรัฐในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    พบว่า MIE ตัดขาดขั้นตอนสำคัญของการโจมตี ทำให้ไม่สามารถสร้าง chain ใหม่ได้
    ระบบสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการโจมตี
    เปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Enhanced Security ใน Xcode

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Google เริ่มใช้ MTE ใน Pixel 8 แต่ยังไม่ใช่แบบ always-on และไม่ผสาน OS ลึกเท่า Apple
    Microsoft มีระบบคล้ายกันใน Windows 11 แต่ยังไม่ครอบคลุมระดับเคอร์เนล
    Apple เป็นรายแรกที่ใช้ PAC ใน A12 และพัฒนา EMTE ต่อเนื่อง
    MIE ครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสใน iOS 26 และ iPhone 17

    https://security.apple.com/blog/memory-integrity-enforcement/
    🛡️ “Apple เปิดตัว Memory Integrity Enforcement บน iPhone 17 — ป้องกันมัลแวร์ระดับรัฐด้วยระบบความปลอดภัยหน่วยความจำที่ไม่เคยมีมาก่อน” Apple ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Memory Integrity Enforcement (MIE) บน iPhone 17 และ iPhone Air ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดด้านความปลอดภัยของหน่วยความจำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระบบปฏิบัติการสำหรับผู้บริโภค โดยใช้เวลาพัฒนานานกว่า 5 ปี และผสานการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ Apple Silicon กับระบบปฏิบัติการ iOS อย่างลึกซึ้ง เป้าหมายของ MIE คือการป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ระดับสูง โดยเฉพาะ “mercenary spyware” เช่น Pegasus ที่มักถูกใช้โดยรัฐหรือองค์กรเพื่อเจาะระบบของบุคคลเป้าหมาย เช่น นักข่าว นักสิทธิมนุษยชน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งการโจมตีเหล่านี้มักใช้ช่องโหว่ด้าน memory corruption เป็นหลัก หัวใจของ MIE คือการใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ Arm โดยทุกบล็อกหน่วยความจำจะถูกติด “แท็กลับ” และฮาร์ดแวร์จะตรวจสอบว่าโปรแกรมที่เข้าถึงหน่วยความจำนั้นมีแท็กตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรง ระบบจะบล็อกทันทีและปิดโปรเซส — ทำให้การโจมตีแบบ buffer overflow และ use-after-free แทบเป็นไปไม่ได้ Apple ยังเสริมระบบด้วย Tag Confidentiality Enforcement เพื่อป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel และ speculative execution เช่น Spectre V1 โดยใช้เทคนิคใหม่ที่ลดผลกระทบต่อประสิทธิภาพแทบเป็นศูนย์ นอกจากฮาร์ดแวร์ A19 และ A19 Pro ที่รองรับ MIE แล้ว Apple ยังเปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Xcode เพื่อทดสอบแอปของตนภายใต้ระบบความปลอดภัยใหม่นี้ โดยครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสในระดับผู้ใช้และเคอร์เนล ✅ ฟีเจอร์ Memory Integrity Enforcement (MIE) ➡️ ป้องกันช่องโหว่ memory corruption เช่น buffer overflow และ use-after-free ➡️ ใช้ Enhanced Memory Tagging Extension (EMTE) แบบ synchronous ➡️ ทุกบล็อกหน่วยความจำมีแท็กลับที่ต้องตรงกันก่อนเข้าถึง ➡️ ระบบจะบล็อกทันทีหากแท็กไม่ตรง และปิดโปรเซสเพื่อความปลอดภัย ✅ การออกแบบร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ➡️ ใช้ Apple Silicon A19 และ A19 Pro ที่มีพื้นที่เฉพาะสำหรับ MIE ➡️ ผสานกับ secure memory allocators เช่น kalloc_type, xzone malloc และ libpas ➡️ ป้องกันการโจมตีภายใน bucket หน่วยความจำที่ software ปกติป้องกันไม่ได้ ➡️ ลด overhead ของการตรวจสอบแท็กให้เหลือน้อยที่สุด ✅ การป้องกันขั้นสูง ➡️ ใช้ Tag Confidentiality Enforcement ป้องกันการเจาะแท็กผ่าน side-channel ➡️ มี mitigation สำหรับ Spectre V1 ที่แทบไม่มีผลต่อ CPU ➡️ ป้องกันการเข้าถึงหน่วยความจำที่ไม่มีแท็ก เช่น global variables ➡️ ใช้ Secure Page Table Monitor เพื่อป้องกันการเจาะเคอร์เนล ✅ การใช้งานจริงและผลการทดสอบ ➡️ ทดสอบกับ exploit chains จริงจากมัลแวร์ระดับรัฐในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ➡️ พบว่า MIE ตัดขาดขั้นตอนสำคัญของการโจมตี ทำให้ไม่สามารถสร้าง chain ใหม่ได้ ➡️ ระบบสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการโจมตี ➡️ เปิดให้ผู้พัฒนาใช้งาน EMTE ผ่าน Enhanced Security ใน Xcode ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Google เริ่มใช้ MTE ใน Pixel 8 แต่ยังไม่ใช่แบบ always-on และไม่ผสาน OS ลึกเท่า Apple ➡️ Microsoft มีระบบคล้ายกันใน Windows 11 แต่ยังไม่ครอบคลุมระดับเคอร์เนล ➡️ Apple เป็นรายแรกที่ใช้ PAC ใน A12 และพัฒนา EMTE ต่อเนื่อง ➡️ MIE ครอบคลุมมากกว่า 70 โปรเซสใน iOS 26 และ iPhone 17 https://security.apple.com/blog/memory-integrity-enforcement/
    SECURITY.APPLE.COM
    Memory Integrity Enforcement: A complete vision for memory safety in Apple devices - Apple Security Research
    Memory Integrity Enforcement (MIE) is the culmination of an unprecedented design and engineering effort spanning half a decade that combines the unique strengths of Apple silicon hardware with our advanced operating system security to provide industry-first, always-on memory safety protection across our devices — without compromising our best-in-class device performance. We believe Memory Integrity Enforcement represents the most significant upgrade to memory safety in the history of consumer operating systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13
    นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project
    บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี
    ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า
    ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table
    และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า
    นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 13 นาย Kenneth จัดหลักสูตรปรับพื้นสนามล่า ให้การอบรมแก่เหล่าสมุนนักล่าอยู่ 2 ปี หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมารับหน้าที่ปรับพื้นสนามต่อ ตัวเขาย้ายกลับไปอยู่กระทรวงต่าง ประเทศ เดินแกว่งไปมาอีกรอบ จน ค.ศ. 1966 Pentagon มีงานพิเศษ Advanced Research Project Agency (ARPA) ต้องการได้ข้อมูลแบบละเอียดเหมือนทำสารานุกรม เกี่ยวกับพื้นที่แถวอีสานเหนือของไทย ที่อเมริกามาสร้างสนามบินไว้หลายแห่ง เพื่อให้เครื่องบินรบของอเมริกา บินไปถล่มเวียตมินท์ เวียตนาม หรือกัมพูชา ข้อมูลที่ Pentagon ต้องการอยู่แถวอีสาณตอนบน แถบ นครพนม มุกดาหาร และเส้นทางตามแม่น้ำโขง นั้นแหละ ซึ่งอเมริกาอ้างว่าต้องการข้อมูล เพิ่ม หัวหน้าทีม ชื่อ Wilfred Smith ถูกตามตัวมาจากอียิปต์ ( ! ? ) เพื่อมาคุมทีม ทางPentagon ขอให้นาย Kenneth มาด้วย พร้อมกับนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญด้านเกษตรกรรม และสภาพอากาศ นาย Smith ตามประวัติบอกว่าเกิดและโตที่เมือง จีน พ่อแม่เป็นมิชชั่น นารี (อีกแล้ว!) ต่อมาเป็นทหารอเมริกัน และล่าสุดสังกัดหน่วย OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้ชำนาญด้านระบอบคอมมิวนิสต์ ชนิดติดตามแบบวันต่อวัน ประธานาธิบดี Kennedy ประทับใจมาก ให้ไปจิกตัวกลับมาจากอียิปต์ เพื่อมาคุมงานนี้ แต่เพื่อไม่ให้สมันน้อยตกใจจับไต๋ได้ แทนที่จะมาในนาม ARPA เขาใช้ชื่อบริษัท Philco บังหน้า จึงเรียก Phico Project บริษัท Philco นี้ เป็นคู่สัญญากับกองทัพอเมริกา รับงานสร้างและติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร ตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็กไปจนถึงสร้างสถานีส่งเรดาห์สัญญาณสื่อ สารและดาวเทียม เขามาทำอะไรมาสำรวจอะไร นาย Kenneth ไม่ได้โม้ให้ฟัง บอกว่ามาสำรวจอยู่กว่า 3 เดือน และเขาได้พบกับนายพจน์ สารสิน (อีกแล้ว ! ) ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีด้านพัฒนาสังคมของเมืองไทย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คณะสำรวจอย่างดี ก็น่าสนใจการสำรวจคร้ังนี้ หัวหน้าทีมชำนาญด้าน คอมมิวนิสต์ มาสำรวจพื้นที่บ้านเรา แถบที่พวกเขามาสร้างสนามบินไว้ แต่หอบเอานักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์มาด้วย จะว่ามาสำรวจเพื่อสร้างสนามบินเพิ่ม มันก็จะมากไปหน่อย จะต้ังสนามบินแฝดหรือไง หรือว่ามีอะไรพิเศษที่นักล่าสนใจรู้เค้ามา แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะรู้เรื่องกับเขาหรือเปล่า ท่านผู้อ่านนิทานจะพอจำกันได้ไหม เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อันลือชื่อของไทยเรา ถูกค้นพบโดยนาย Stephen Young ลูกชายของฑูต Kenneth Young ประจำประเทศไทย เมื่อปี ค.ศ. 1966 ตอนนั้นนาย Stephen เพิ่งอายุประมาณ 15 – 16 ปี ยังเรียนหนังสืออยู่มัธยม มันเหลือเชื่อน่าสงสัยขนาดไหน ลองไปหาอ่านกันดู นาย Stephen Young ล่าสุดดำรงตำแหน่ง Global Exclusive Director ของ Caux Round Table และหวังว่ายังคงไม่ลืมค่ายรามสูร (ถ้าจำไม่ได้ ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอยนะครับ) ที่นักล่าสร้างไว้ที่อุดร ใหญ่ชนิดมีสนามกอล์ฟและสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก มีพนักงาน 2,000 คน เอาไว้ดักฟังสัญญาณต่างๆ ได้ถึงดาวอังคาร เมื่อสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาบอกปิดค่ายรามสูรอพยพกลับบ้าน แต่ข่าววงในบอกว่าอพยพแต่เจ้าหน้าที่ แต่เครื่องมือย้ายมาอยู่แถวบางเขน บ้างก็ว่าอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่สรุปว่า เอาแค่ป้ายชื่อค่ายรามสูรออก ขนคนทำงานประเภทเสมียนกลับอเมริกา ส่วนคนไทยก็ปลดออก แล้วย้ายเรดาห์ทั้งหมดมาอยู่ในที่กรุงเทพแทน! แหม! ดักฟังได้ชัดเจนกว่า นายกรัฐมนตรีคนไหนของไทยจะกระแอม จะคุยกับอาเฮีย หรือ จะเรียก 20 เรียก 30 กับมันได้ยินกันหมด แล้วมันจะไม่อยู่ในมือเขาหรือ แล้วไอ้เรื่อง Philco Project นั้นมันจะเกี่ยวข้องกับบ้านเชียงหรือเปล่า มันน่าอัศจรรย์เกินบรรยาย กรมศิลปากรทั้งกรมค้นหามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เจอซักกะหม้อ แหม พอหนุ่มน้อยอายุ 15-16 ปี เดินเล่นชมนกชมไม้ (ไปตามที่เครื่องมือของ Philco Project มันทำทางไว้ ! ?) ดันเจอหม้อไหอายุ 5000 ปี เต็มไปหมด เด็กอะไรมันเก่งขนาดนั้น แล้วมันจะเกี่ยวกับน้ำมัน ที่ภายหลังต่างชาติ โดยเฉพาะ Chevron เขาสำรวจเจอน้ำมัน ได้สัมปทานช่วงปี 1970 ต้นๆ เพียบเลยหรือเปล่า นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุและทองอีกเพียบ ที่สำรวจเจอ แต่ปิดปากกันเงียบรู้กันเฉพาะวงในสุดๆ เช่น โปแตส ซึ่งเป็นแร่สำคัญ เป็นสารต้ังต้นของอุตสาหกรรมเกือบทุกชนิด เป็นส่วนผสมของการทำระเบิดขนาดเล็กไปถึงขนาดปรมาณู มีมากอยู่แถวอีสาณเหนือนั้นแหละ ใครวิ่ง ใครได้สัมปทาน ก็ไปสืบกันดู และไอ้เจ้าโปแตสนี้ มีอยู่มากที่อาฟกานิสถาน นักล่าถึงยังเล่นรบอยู่แถวน้ัน ไม่เลิกเสียที ก็ลองคิดนอกกรอบกันดูบ้างแล้วกัน คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Mistral AI ระดมทุน 1.7 พันล้านยูโร! ASML เข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นหลัก พร้อมดันยุโรปสู่เวที AI ระดับโลก”

    ถ้าคุณเคยคิดว่าโลก AI ถูกครอบงำโดยบริษัทจากสหรัฐฯ อย่าง OpenAI หรือ Google — ตอนนี้ยุโรปเริ่มตอบโต้แล้วอย่างจริงจัง เมื่อ Mistral AI สตาร์ทอัพจากฝรั่งเศสประกาศระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 1.7 พันล้านยูโร พร้อมการเข้าร่วมลงทุนจาก ASML บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก

    ASML ลงทุนถึง 1.3 พันล้านยูโรในรอบนี้ และได้ถือหุ้น 11% ใน Mistral AI พร้อมที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของบริษัท ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นการจับมือกันระหว่างผู้นำด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง

    Mistral AI มีเป้าหมายในการพัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI) ที่สามารถแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป, การวิเคราะห์ข้อมูลในโรงงาน, และการออกแบบระบบอัตโนมัติขั้นสูง

    การลงทุนครั้งนี้ทำให้ Mistral มีมูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นคู่แข่งโดยตรงกับบริษัทจากสหรัฐฯ และจีนในสนามของ Generative AI

    นอกจาก ASML ยังมีนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ เข้าร่วม เช่น NVIDIA, Andreessen Horowitz, DST Global, Bpifrance และ Lightspeed ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Mistral ที่จะเป็นผู้นำด้าน AI แบบเปิด (open-source) และมีความเป็นอิสระจาก Silicon Valley

    การระดมทุนรอบ Series C ของ Mistral AI
    ระดมทุนได้ 1.7 พันล้านยูโร
    มูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร
    กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป

    การลงทุนจาก ASML
    ASML ลงทุน 1.3 พันล้านยูโร และถือหุ้น 11%
    ได้ที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของ Mistral AI
    ร่วมมือเพื่อพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    ตั้งเป้าใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการออกแบบชิป

    เป้าหมายของ Mistral AI
    พัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI)
    เน้นการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน
    สร้างโครงสร้างพื้นฐาน compute ที่มีประสิทธิภาพสูง
    ส่งมอบโซลูชัน AI แบบปรับแต่งเฉพาะสำหรับองค์กร

    นักลงทุนรายอื่นที่เข้าร่วม
    NVIDIA, DST Global, Andreessen Horowitz, Bpifrance, General Catalyst, Index Ventures, Lightspeed
    สะท้อนความเชื่อมั่นในแนวทาง open-source และความเป็นอิสระของ Mistral
    สนับสนุนการขยายตัวของ AI ยุโรปให้แข่งขันกับสหรัฐฯ และจีน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Mistral เคยระดมทุน Seed มูลค่า $112 ล้านในปี 2023 — ใหญ่ที่สุดในยุโรป
    เปิดตัว Le Chat ในปี 2024 และมีผู้ใช้งานทะลุ 1 ล้านใน 2 สัปดาห์
    ล่าสุดเพิ่มฟีเจอร์ Memories และโหมดวิจัยลึกใน Le Chat
    เป้าหมายคือสร้าง AI ที่เข้าใจหลายภาษาและทำงานได้หลากหลายบริบท

    https://mistral.ai/news/mistral-ai-raises-1-7-b-to-accelerate-technological-progress-with-ai
    🚀 “Mistral AI ระดมทุน 1.7 พันล้านยูโร! ASML เข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นหลัก พร้อมดันยุโรปสู่เวที AI ระดับโลก” ถ้าคุณเคยคิดว่าโลก AI ถูกครอบงำโดยบริษัทจากสหรัฐฯ อย่าง OpenAI หรือ Google — ตอนนี้ยุโรปเริ่มตอบโต้แล้วอย่างจริงจัง เมื่อ Mistral AI สตาร์ทอัพจากฝรั่งเศสประกาศระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 1.7 พันล้านยูโร พร้อมการเข้าร่วมลงทุนจาก ASML บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก ASML ลงทุนถึง 1.3 พันล้านยูโรในรอบนี้ และได้ถือหุ้น 11% ใน Mistral AI พร้อมที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของบริษัท ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นการจับมือกันระหว่างผู้นำด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง Mistral AI มีเป้าหมายในการพัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI) ที่สามารถแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป, การวิเคราะห์ข้อมูลในโรงงาน, และการออกแบบระบบอัตโนมัติขั้นสูง การลงทุนครั้งนี้ทำให้ Mistral มีมูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นคู่แข่งโดยตรงกับบริษัทจากสหรัฐฯ และจีนในสนามของ Generative AI นอกจาก ASML ยังมีนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ เข้าร่วม เช่น NVIDIA, Andreessen Horowitz, DST Global, Bpifrance และ Lightspeed ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ Mistral ที่จะเป็นผู้นำด้าน AI แบบเปิด (open-source) และมีความเป็นอิสระจาก Silicon Valley ✅ การระดมทุนรอบ Series C ของ Mistral AI ➡️ ระดมทุนได้ 1.7 พันล้านยูโร ➡️ มูลค่าบริษัทหลังการระดมทุนอยู่ที่ 11.7 พันล้านยูโร ➡️ กลายเป็นสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป ✅ การลงทุนจาก ASML ➡️ ASML ลงทุน 1.3 พันล้านยูโร และถือหุ้น 11% ➡️ ได้ที่นั่งในคณะกรรมการกลยุทธ์ของ Mistral AI ➡️ ร่วมมือเพื่อพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ ตั้งเป้าใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการออกแบบชิป ✅ เป้าหมายของ Mistral AI ➡️ พัฒนาโมเดล AI แบบกระจายศูนย์ (decentralized frontier AI) ➡️ เน้นการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน ➡️ สร้างโครงสร้างพื้นฐาน compute ที่มีประสิทธิภาพสูง ➡️ ส่งมอบโซลูชัน AI แบบปรับแต่งเฉพาะสำหรับองค์กร ✅ นักลงทุนรายอื่นที่เข้าร่วม ➡️ NVIDIA, DST Global, Andreessen Horowitz, Bpifrance, General Catalyst, Index Ventures, Lightspeed ➡️ สะท้อนความเชื่อมั่นในแนวทาง open-source และความเป็นอิสระของ Mistral ➡️ สนับสนุนการขยายตัวของ AI ยุโรปให้แข่งขันกับสหรัฐฯ และจีน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Mistral เคยระดมทุน Seed มูลค่า $112 ล้านในปี 2023 — ใหญ่ที่สุดในยุโรป ➡️ เปิดตัว Le Chat ในปี 2024 และมีผู้ใช้งานทะลุ 1 ล้านใน 2 สัปดาห์ ➡️ ล่าสุดเพิ่มฟีเจอร์ Memories และโหมดวิจัยลึกใน Le Chat ➡️ เป้าหมายคือสร้าง AI ที่เข้าใจหลายภาษาและทำงานได้หลากหลายบริบท https://mistral.ai/news/mistral-ai-raises-1-7-b-to-accelerate-technological-progress-with-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • Highlight Words In Action : August 2025

    bipartisan
    adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions

    From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution.

    bounty
    noun: a premium or reward, especially one offered by a government

    From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022.

    breach
    noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise

    Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms.

    cartography
    noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction

    From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way.

    civil liberty
    noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government

    From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech.

    confiscate
    verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use

    From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day.

    defraud
    verb: to deprive of a right, money, or property by fraud

    From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment.

    embezzlement
    noun: the stealing of money entrusted to one’s care

    From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses.

    Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.”

    fairway
    noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens

    From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows.

    forage
    verb: to wander or go in search of provisions

    From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed.

    franchise
    noun: Sports. a professional sports team

    From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions.

    geriatric
    adjective: noting or relating to aged people or animals

    From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts.

    Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric.

    iguana
    noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail

    From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans.

    inaccessible
    adjective: not accessible; unapproachable

    From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older.

    magnitude
    noun: greatness of size or amount

    From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid.

    manipulate
    verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage

    From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently.

    mush
    verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs)

    From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs.

    ovine
    adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep

    From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.”

    pontiff
    noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome

    From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery.

    populism
    noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism

    From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class.

    prescription
    noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy

    From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed.

    pristine
    adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied

    From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming.

    prolong
    verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer

    From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule.

    recruit
    verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer

    From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities.

    reinstate
    verb: to put back or establish again, as in a former position or state

    From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December.

    repatriation
    noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin

    From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold.

    serenade
    verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music

    From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories.

    tuition
    noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university

    From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy.

    unredacted
    adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible

    From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Highlight Words In Action : August 2025 bipartisan adjective: representing, characterized by, or including members from two parties or factions From the headlines: The Trump administration’s decision to cut funding for the Open Technology Fund (OTF) has raised concerns among lawmakers, who see it as a vital tool against internet censorship in authoritarian regimes. Trump’s executive order effectively terminated the OTF’s budget, prompting bipartisan efforts to save the program. Advocates warn that without OTF-backed tools, many citizens and activists could lose secure communication channels, increasing their risk of surveillance and persecution. bounty noun: a premium or reward, especially one offered by a government From the headlines: The United States has lifted bounties on three senior Taliban figures. The three members of the Haqqani militant network in Afghanistan were allegedly involved in planning deadly attacks during the war with the U.S., some of which killed American citizens. Until this week, the State Department had offered rewards of up to $10 million for the death or capture of the militant leaders. The move follows last week’s release of a U.S. hostage who had been held by the Taliban since 2022. breach noun: an infraction or violation, such as of a law, contract, trust, or promise Jeffrey Goldberg, editor-in-chief of The Atlantic, disclosed that he was inadvertently added to a private Signal group chat used by U.S. national security officials. This unexpected breach exposed sensitive information, including details about military strikes in Yemen. The incident underscored a serious protocol violation, as national security deliberations are typically confined to secure, classified settings rather than informal messaging platforms. cartography noun: the production of maps, including construction of projections, design, compilation, drafting, and reproduction From the headlines: After more than a decade of unraveling the mysteries of the universe, the space telescope Gaia has officially powered down. In its ten years of operation, Gaia meticulously mapped nearly 2 billion stars, 150,000 asteroids, and countless other celestial wonders. This cartography resulted in a precise, three-dimensional map of our solar system, which has transformed our understanding of the Milky Way. civil liberty noun: the freedom of a citizen to exercise customary rights, as of speech or assembly, without unwarranted or arbitrary interference by the government From the headlines: Legal experts say surveillance methods being used by colleges and universities on their students may violate their civil liberties. When investigating vandalism connected to political protests, campus police have been using new tactics, including seizing students’ phones and laptops. They have also issued warrants based on social media posts or participation in campus protests. Civil liberties experts say these actions amount to stifling university students’ right to free speech. confiscate verb: to seize as forfeited to the public domain; appropriate, by way of penalty, for public use From the headlines: A kite was briefly confiscated after it came into contact with a United Airlines plane near Washington, D.C. The aircraft landed safely at Ronald Reagan National Airport following reports of a kite hitting it. Police seized the kite from a family at nearby Gravelly Point park, but returned it later. Despite the fact that kite flying is banned there because the sky overhead is “restricted airspace,” about a dozen people had reportedly been flying kites at the park that day. defraud verb: to deprive of a right, money, or property by fraud From the headlines: Hollywood writer-director Carl Erik Rinsch was arrested for defrauding Netflix of $11 million, meant for his unfinished sci-fi show White Horse. Prosecutors say he spent around $10 million on luxury purchases, including Rolls-Royces, a Ferrari, and antiques. Prosecutors also claim that he used the money to pay legal fees to sue Netflix for additional money. Rinsch has been charged with wire fraud and money laundering, while Netflix has declined to comment. embezzlement noun: the stealing of money entrusted to one’s care From the headlines: French politician Marine Le Pen was convicted of embezzlement and barred from public office for five years. Le Pen, who leads the far-right National Rally party, had planned to run for president in 2027. She was also sentenced to four years in prison for spending $4.3 million in European Parliament funds on her own party expenses. Fun fact: Embezzlement is from the Anglo-French enbesiler, “cause to disappear,” and an Old French root meaning “to destroy or gouge.” fairway noun: Golf. the part of the course where the grass is cut short between the tees and the putting greens From the headlines: When golf courses close, research shows the surrounding environment improves. With declining interest in golf, nearby neighborhoods report benefits like less flooding and reduced pesticide runoff. Across the U.S., many former courses have been repurposed as nature reserves, where manicured fairways have been replaced by thriving wildflower meadows. forage verb: to wander or go in search of provisions From the headlines: A new online map shows where 1.6 million edible plants grow in cities around the world. The guide, called Falling Fruit, is meant to help urban dwellers and visitors forage for food. Its open source design means people can add locations, mapping additional fruit trees, berry bushes, beehives, and plants that might otherwise go unnoticed. franchise noun: Sports. a professional sports team From the headlines: A group led by Bill Chisholm has agreed to buy the Boston Celtics for $6.1 billion, making it the most expensive franchise sale in North American sports history. The Celtics, fresh off their 18th NBA title, are facing significant financial challenges under the new collective bargaining agreement, but remain favorites to repeat as champions. geriatric adjective: noting or relating to aged people or animals From the headlines: The New England Aquarium in Boston has introduced a new “retirement home” for geriatric aquarium penguins, relocating six elderly birds to a designated island. While wild penguins typically live about ten years, the new aquarium houses twenty penguins in their twenties and thirties. This specialized haven ensures these aging animals receive monitoring for conditions such as arthritis and cataracts. Fun fact: The Greek gērōs, “old,” is the root of geriatric. iguana noun: a large, arboreal lizard, native to Central and South America, having stout legs and a crest of spines from neck to tail From the headlines: A recent study sheds light on how North American iguanas may have reached a remote island in Fiji. Genetic analysis suggests that these large reptiles likely traversed thousands of miles across the Pacific Ocean by drifting on makeshift rafts of fallen trees. If confirmed, this would represent the longest documented oceanic migration by any terrestrial vertebrate, apart from humans. inaccessible adjective: not accessible; unapproachable From the headlines: Researchers investigating why we can’t remember being babies found evidence that those memories still exist in our brains, but are inaccessible. Scientists have long suspected that infants don’t create memories at all. A new study using MRI imaging to observe babies’ brains found that around 12 months old, they do begin storing memories of specific images. Neuroscientists are now focused on learning why these early recollections become locked away and out of reach as we grow older. magnitude noun: greatness of size or amount From the headlines: A devastating 7.7 magnitude earthquake struck Myanmar, killing over 3,000 people and leaving hundreds missing. The tremors were so intense they reached 600 miles to Bangkok, where skyscrapers swayed. In response, China, India, and Russia sent rescue teams, while countries like Thailand, Malaysia, and Vietnam offered aid. manipulate verb: to adapt or change (accounts, figures, etc.) to suit one’s purpose or advantage From the headlines: A cheating scandal shook the world of professional ski jumping this week. Several members of Team Norway were suspended after officials found evidence that their ski suits had been manipulated to make the athletes more aerodynamic. The team’s manager admitted to illegally adding an extra seam where the legs are sewn together; more material there was hoped to give the jumpers extra lift and allow air to flow around them more efficiently. mush verb: to drive or spur on (sled dogs or a sled drawn by dogs) From the headlines: Greenland’s annual dog sledding race attracted unusual international attention when the White House said the vice president’s wife, Usha Vance, would attend. Vance canceled her trip after Greenlanders planned to protest her presence at the event. Competitors in the Avannaata Qimussersua, or “Great Race of the North,” mushed their dogs over 26 snowy miles. Henrik Jensen, a musher from northern Greenland, crossed the finish line in first place, pulled by his team of Greenlandic sled dogs. ovine adjective: pertaining to, of the nature of, or like sheep From the headlines: The world’s first known case of bird flu in sheep was diagnosed in Yorkshire, England. After the H5N1 virus was found among birds on a farm, health officials also tested its flock of sheep; only one ovine case was detected. The infected sheep was euthanized to prevent the disease from spreading, and officials said “the risk to livestock remains low.” pontiff noun: Ecclesiastical. the Roman Catholic pope, the Bishop of Rome From the headlines: Following the release of Pope Francis from the hospital on March 23, his lead physician said the pontiff had faced such grave danger that his medical team considered halting treatment. During his hospitalization, the pope endured two critical health crises, prompting intense deliberations over whether aggressive interventions should continue, given the potential risks to his internal organs. Ultimately, the doctors opted to pursue “all available medicines and treatments,” a decision that proved pivotal to his recovery. populism noun: grass-roots democracy; working-class activism; egalitarianism From the headlines: Bernie Sanders is drawing unprecedented crowds on his “Fighting Oligarchy” tour, fueled by a message rooted in economic populism. His rhetoric resonates with disillusioned voters seeking an alternative to both President Trump and the Democratic Party. The independent senator from Vermont frequently denounces what he terms a “government of the billionaires, by the billionaires, and for the billionaires,” while chastising Democrats for failing to adequately champion the interests of the working class. prescription noun: a direction, usually written, by the physician to the pharmacist for the preparation and use of a medicine or remedy From the headlines: A new trend is emerging in healthcare — doctors are now prescribing museum visits. Backed by research showing that time spent in cultural spots can boost mental health and ease loneliness, more physicians are encouraging patients to explore art galleries, theaters, concert halls, and libraries. These cultural outings are said to reduce stress, alleviate mild anxiety and depression, and even improve conditions like high blood pressure. It’s the prescription you didn’t know you needed. pristine adjective: having its original purity; uncorrupted or unsullied From the headlines: Many countries are looking to Switzerland as a model, hoping to replicate its transformation of once heavily polluted rivers and lakes into some of the most pristine in Europe. In the 1960s, Swiss waterways were choked with algae and dead fish due to sewage and industrial pollution. However, over the following decades, the country made significant investments in advanced water treatment facilities. Today, nearly all of its lakes and rivers are once again pristine and safe for swimming. prolong verb: to lengthen out in time; extend the duration of; cause to continue longer From the headlines: After their quick trip to the International Space Station turned out to have an unexpectedly long duration, two NASA astronauts have been safely returned to Earth. What began as an eight-day mission for Butch Wilmore and Suni Williams had to be prolonged after their Starliner spacecraft experienced helium leaks and thruster problems. The two ended up staying on the ISS for more than nine months, until two seats were available on a returning space capsule. recruit verb: to attempt to acquire the services of (a person) for an employer From the headlines: As the White House cuts funding for scientific research, European countries are stepping up to recruit top U.S. scientists. Experts in climate change and vaccine safety are now eyeing job offers across the Atlantic, with France and the Netherlands boosting their budgets to hire talent for their universities. reinstate verb: to put back or establish again, as in a former position or state From the headlines: On March 24, a South Korean court reinstated impeached Prime Minister Han Duck-soo. Han was returned to the government and named acting leader once his impeachment was overturned. President Yoon Suk Yeol, who was also removed from office, is still awaiting a verdict. Han and Yoon were both suspended by South Korea’s National Assembly in December. repatriation noun: the act or process of returning a person or thing to the country of origin From the headlines: After several weeks of refusal, Venezuela agreed to accept repatriation flights from the United States, and the first plane carrying Venezuelan migrants back to their home country landed on March 24. About 200 people who had been deported from the U.S. were on the initial flight. Conflicts between the two countries had previously put the returns on hold. serenade verb: to entertain with or perform with vocal or instrumental music From the headlines: After an incredible 70-year career, Johnny Mathis, the legendary crooner with the famously smooth “velvet voice,” has announced his retirement at the age of 89. Known for his romantic ballads, jazz classics, and soft rock hits, Mathis has been serenading audiences since his teenage years. With more albums sold than any pop artist except Frank Sinatra, his voice has been the soundtrack to countless memories. tuition noun: the charge or fee for instruction, as at a private school or a college or university From the headlines: Starting this fall, attending Harvard University will cost nothing for most students. The school announced that tuition will be free for people whose families earn less than $200,000 per year. The average household income in the U.S. is $80,000. Food, housing, health insurance, and travel will also be free for less wealthy students. The University of Pennsylvania and the Massachusetts Institute of Technology have adopted the same financial aid policy. unredacted adjective: (of a document) with confidential or sensitive information included or visible From the headlines: The Trump administration released over 2,000 documents on JFK’s assassination, leading to a search for new insights. While the unredacted files do not dispute that Lee Harvey Oswald acted alone, they reveal long-hidden details about CIA agents and operations. Attorney Larry Schnapf, who has pushed for their release, argues the disclosures highlight excessive government secrecy. He believes the unredacted documents demonstrate how overclassification has been misused by national security officials. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 582 มุมมอง 0 รีวิว
  • แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ

    สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท

    ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570

    สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน

    ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น

    #Newskit
    แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570 สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel 14A: เทคโนโลยีสุดล้ำที่แรงกว่า 18A แต่แพงกว่า เพราะใช้เครื่องพิมพ์ชิประดับนาโนรุ่นใหม่จาก ASML!”

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบชิปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงานที่สุดในโลก แล้ว Intel บอกว่า “เรามี 14A node ที่แรงกว่า 18A ถึง 20% และกินไฟน้อยลงถึง 35%” — ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่เบื้องหลังนั้นคือค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เพราะต้องใช้เครื่องพิมพ์ชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า High-NA EUV จาก ASML ซึ่งมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง!

    David Zinsner, CFO ของ Intel ยืนยันในงานประชุม Citi’s Global TMT ว่า 14A จะมีต้นทุนต่อแผ่นเวเฟอร์สูงกว่า 18A อย่างแน่นอน แม้จะไม่สูงมากในแง่การลงทุนรวม แต่เครื่องพิมพ์ Twinscan EXE:5200B ที่ใช้เลนส์ขนาด 0.55 NA (Numerical Aperture) ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพุ่งขึ้น

    Intel 14A ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง เช่น RibbonFET 2 ที่เป็นโครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ gate-all-around รุ่นปรับปรุง และ PowerDirect ที่เป็นระบบส่งพลังงานจากด้านหลังของชิปโดยตรง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของการเดินสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพ

    นอกจากนี้ยังมี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ CPU และ GPU โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่หรือพลังงานมากนัก — ทั้งหมดนี้ทำให้ 14A เป็น node ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผลิตภัณฑ์ของ Intel และลูกค้าภายนอกในอนาคต

    แต่ปัญหาคือ หาก Intel ไม่สามารถหาลูกค้าภายนอกมาใช้ 14A ได้ ก็อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน และอาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ไปเลย ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการฟื้นตัวของ Intel Foundry ที่กำลังพยายามกลับมาเป็นผู้นำในตลาดโลก

    Intel 14A node คืออะไร
    เป็นกระบวนการผลิตชิประดับ 1.4nm ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด
    ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    มี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน
    ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 18A ถึง 15–20% และลดการใช้พลังงานได้ 25–35%

    เครื่องมือที่ใช้ใน 14A
    ใช้เครื่องพิมพ์ชิป High-NA EUV จาก ASML รุ่น Twinscan EXE:5200B
    ความละเอียดสูงถึง 8nm ต่อการยิงแสงครั้งเดียว
    ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ซึ่งช่วยเพิ่ม yield
    เครื่องมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง เทียบกับ $235 ล้านของรุ่นเดิม

    บริบททางธุรกิจและการลงทุน
    Intel ต้องการลูกค้าภายนอกเพื่อให้คุ้มค่าการลงทุนใน 14A
    หากไม่มีลูกค้ารายใหญ่ อาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้
    Intel Foundry ต้องรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 51% ตามข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ
    การพัฒนา 14A ใช้งบวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    14A-E เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ 14A ที่เพิ่มประสิทธิภาพอีก 5%
    Samsung และ TSMC กำลังพัฒนา 2nm node เพื่อแข่งขันกับ Intel
    Intel ได้รับสัญญาผลิตชิป 18A มูลค่า $15 พันล้านจาก Microsoft1
    High-NA EUV ยังมีข้อจำกัดด้านขนาด field ทำให้ต้องปรับการออกแบบชิปใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-cfo-confirms-that-14a-will-be-more-expensive-to-use-than-18a-intel-expects-14a-fabrication-process-to-offer-15-20-percent-better-performance-per-watt-or-25-35-percent-lower-power-consumption-compared-to-18a
    ⚙️ “Intel 14A: เทคโนโลยีสุดล้ำที่แรงกว่า 18A แต่แพงกว่า เพราะใช้เครื่องพิมพ์ชิประดับนาโนรุ่นใหม่จาก ASML!” ลองนึกภาพว่าคุณกำลังออกแบบชิปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดพลังงานที่สุดในโลก แล้ว Intel บอกว่า “เรามี 14A node ที่แรงกว่า 18A ถึง 20% และกินไฟน้อยลงถึง 35%” — ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่เบื้องหลังนั้นคือค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว เพราะต้องใช้เครื่องพิมพ์ชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า High-NA EUV จาก ASML ซึ่งมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง! David Zinsner, CFO ของ Intel ยืนยันในงานประชุม Citi’s Global TMT ว่า 14A จะมีต้นทุนต่อแผ่นเวเฟอร์สูงกว่า 18A อย่างแน่นอน แม้จะไม่สูงมากในแง่การลงทุนรวม แต่เครื่องพิมพ์ Twinscan EXE:5200B ที่ใช้เลนส์ขนาด 0.55 NA (Numerical Aperture) ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพุ่งขึ้น Intel 14A ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่หลายอย่าง เช่น RibbonFET 2 ที่เป็นโครงสร้างทรานซิสเตอร์แบบ gate-all-around รุ่นปรับปรุง และ PowerDirect ที่เป็นระบบส่งพลังงานจากด้านหลังของชิปโดยตรง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของการเดินสายไฟและเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วของ CPU และ GPU โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่หรือพลังงานมากนัก — ทั้งหมดนี้ทำให้ 14A เป็น node ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผลิตภัณฑ์ของ Intel และลูกค้าภายนอกในอนาคต แต่ปัญหาคือ หาก Intel ไม่สามารถหาลูกค้าภายนอกมาใช้ 14A ได้ ก็อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน และอาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ไปเลย ซึ่งจะส่งผลต่อแผนการฟื้นตัวของ Intel Foundry ที่กำลังพยายามกลับมาเป็นผู้นำในตลาดโลก ✅ Intel 14A node คืออะไร ➡️ เป็นกระบวนการผลิตชิประดับ 1.4nm ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ➡️ ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ มี Turbo Cells ที่ช่วยเพิ่มความเร็วโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน ➡️ ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 18A ถึง 15–20% และลดการใช้พลังงานได้ 25–35% ✅ เครื่องมือที่ใช้ใน 14A ➡️ ใช้เครื่องพิมพ์ชิป High-NA EUV จาก ASML รุ่น Twinscan EXE:5200B ➡️ ความละเอียดสูงถึง 8nm ต่อการยิงแสงครั้งเดียว ➡️ ลดความจำเป็นในการใช้ multi-patterning ซึ่งช่วยเพิ่ม yield ➡️ เครื่องมีราคาสูงถึง $380 ล้านต่อเครื่อง เทียบกับ $235 ล้านของรุ่นเดิม ✅ บริบททางธุรกิจและการลงทุน ➡️ Intel ต้องการลูกค้าภายนอกเพื่อให้คุ้มค่าการลงทุนใน 14A ➡️ หากไม่มีลูกค้ารายใหญ่ อาจต้องชะลอหรือยกเลิก node นี้ ➡️ Intel Foundry ต้องรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 51% ตามข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ การพัฒนา 14A ใช้งบวิจัยหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 14A-E เป็นเวอร์ชันปรับปรุงของ 14A ที่เพิ่มประสิทธิภาพอีก 5% ➡️ Samsung และ TSMC กำลังพัฒนา 2nm node เพื่อแข่งขันกับ Intel ➡️ Intel ได้รับสัญญาผลิตชิป 18A มูลค่า $15 พันล้านจาก Microsoft1 ➡️ High-NA EUV ยังมีข้อจำกัดด้านขนาด field ทำให้ต้องปรับการออกแบบชิปใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-cfo-confirms-that-14a-will-be-more-expensive-to-use-than-18a-intel-expects-14a-fabrication-process-to-offer-15-20-percent-better-performance-per-watt-or-25-35-percent-lower-power-consumption-compared-to-18a
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก

    เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก

    โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

    ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต

    #Newskit
    โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 กันยายน 2568
    22.39 น.

    แอป Flightradar24 ตรวจพบเครื่องบิน Bombardier Global 7500 รหัส GL7T บนลานจอดสนามบินดูไบ โดยไม่ปรากฏข้อมูลเที่ยวบิน ไม่ว่าจะเป็นเวลาออกเดินทาง ปลายทาง หรือทะเบียนเครื่อง (ขึ้นว่า N/A) ระบบแสดงเพียงว่าจอดนิ่งที่ระดับความสูง 0 ฟุต ความเร็ว 0 นอต ใกล้อากาศยานลำอื่น
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานว่านายทักษิณ ชินวัตร เคยใช้เครื่องรุ่นนี้ในการเดินทางไปดูไบ ล่าสุดสัญญาณได้หายไปแล้ว

    #MONONews
    7 กันยายน 2568 22.39 น. แอป Flightradar24 ตรวจพบเครื่องบิน Bombardier Global 7500 รหัส GL7T บนลานจอดสนามบินดูไบ โดยไม่ปรากฏข้อมูลเที่ยวบิน ไม่ว่าจะเป็นเวลาออกเดินทาง ปลายทาง หรือทะเบียนเครื่อง (ขึ้นว่า N/A) ระบบแสดงเพียงว่าจอดนิ่งที่ระดับความสูง 0 ฟุต ความเร็ว 0 นอต ใกล้อากาศยานลำอื่น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานว่านายทักษิณ ชินวัตร เคยใช้เครื่องรุ่นนี้ในการเดินทางไปดูไบ ล่าสุดสัญญาณได้หายไปแล้ว #MONONews
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก TikTok ถึงกฎหมายออสเตรเลีย: เมื่อโลกเริ่มตั้งคำถามว่าเด็กควรอยู่บนโซเชียลมีเดียจริงหรือ?

    ผลสำรวจจาก Ipsos ที่จัดทำใน 30 ประเทศทั่วโลกเผยว่า 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีไม่ควรใช้โซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะในโรงเรียนหรือที่บ้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 65% ในปี 2024 โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองที่มีลูกวัยเรียน—74% สนับสนุนการแบนอย่างชัดเจน

    ประเทศที่มีแนวโน้มสนับสนุนการแบนมากที่สุดคืออินโดนีเซียและฝรั่งเศส ขณะที่ตุรกีและแอฟริกาใต้มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด ส่วนประเทศไทยกลับเป็นหนึ่งในสามประเทศที่คะแนนสนับสนุนลดลงจากปีที่แล้ว ร่วมกับอินเดียและฮังการี

    ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดียในปี 2024 และอินโดนีเซียกำลังเตรียมเดินตามรอย โดยมีแรงสนับสนุนจากงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ว่าเด็กที่ใช้โซเชียลมีเดียเกิน 2 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า

    แม้แพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Meta และ Snapchat จะออกมาตรการป้องกัน เช่น การกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและระบบควบคุมผู้ปกครอง แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่าเด็กสามารถหลบเลี่ยงข้อจำกัดได้ง่าย และระบบอายุขั้นต่ำยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง

    นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว ยังมีการสำรวจเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียนด้วย โดย 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าควรแบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียน ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2024 โดยฝรั่งเศสมีคะแนนสนับสนุนสูงถึง 80% ขณะที่ไทยมีเพียง 35%

    แม้จะมีงานวิจัยที่ชี้ว่าการนำสมาร์ทโฟนออกจากห้องเรียนช่วยเพิ่มความเข้าใจและลดความเครียด แต่ก็มีงานวิจัยอีกด้านที่พบว่านักเรียนที่ใช้สมาร์ทโฟนมากกลับมีผลการเรียนดีกว่า ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนของปัญหานี้

    ผลสำรวจจาก Ipsos ปี 2025
    71% สนับสนุนการแบนเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีจากโซเชียลมีเดีย
    ผู้ปกครองที่มีลูกวัยเรียนสนับสนุนสูงถึง 74%
    คะแนนสนับสนุนเพิ่มขึ้นในทุกประเทศ ยกเว้นอินเดีย ไทย และฮังการี

    ประเทศที่มีแนวโน้มสนับสนุนสูง
    อินโดนีเซียและฝรั่งเศสมีคะแนนสนับสนุนสูงสุด
    ตุรกีและแอฟริกาใต้มีคะแนนสนับสนุนต่ำสุด
    ออสเตรเลียออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย

    ผลกระทบจากการใช้โซเชียลมีเดีย
    เด็กที่ใช้เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงต่อภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า
    แพลตฟอร์มใหญ่ออกมาตรการป้องกัน เช่น ระบบกรองเนื้อหาและควบคุมผู้ปกครอง
    ระบบอายุขั้นต่ำยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง

    การใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียน
    55% สนับสนุนการแบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียน
    ฝรั่งเศสมีคะแนนสนับสนุนสูงสุดที่ 80%
    ไทยมีคะแนนต่ำสุดที่ 35%

    งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
    การนำสมาร์ทโฟนออกจากห้องเรียนช่วยเพิ่มความเข้าใจและลดความเครียด
    นักเรียนที่ใช้สมาร์ทโฟนมากกลับมีผลการเรียนดีกว่าในบางกรณี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/07/should-kids-use-social-media-global-opinion-has-shifted-new-poll-finds
    🎙️ เรื่องเล่าจาก TikTok ถึงกฎหมายออสเตรเลีย: เมื่อโลกเริ่มตั้งคำถามว่าเด็กควรอยู่บนโซเชียลมีเดียจริงหรือ? ผลสำรวจจาก Ipsos ที่จัดทำใน 30 ประเทศทั่วโลกเผยว่า 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีไม่ควรใช้โซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะในโรงเรียนหรือที่บ้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 65% ในปี 2024 โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองที่มีลูกวัยเรียน—74% สนับสนุนการแบนอย่างชัดเจน ประเทศที่มีแนวโน้มสนับสนุนการแบนมากที่สุดคืออินโดนีเซียและฝรั่งเศส ขณะที่ตุรกีและแอฟริกาใต้มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด ส่วนประเทศไทยกลับเป็นหนึ่งในสามประเทศที่คะแนนสนับสนุนลดลงจากปีที่แล้ว ร่วมกับอินเดียและฮังการี ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดียในปี 2024 และอินโดนีเซียกำลังเตรียมเดินตามรอย โดยมีแรงสนับสนุนจากงานวิจัยหลายฉบับที่ชี้ว่าเด็กที่ใช้โซเชียลมีเดียเกิน 2 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า แม้แพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Meta และ Snapchat จะออกมาตรการป้องกัน เช่น การกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและระบบควบคุมผู้ปกครอง แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่าเด็กสามารถหลบเลี่ยงข้อจำกัดได้ง่าย และระบบอายุขั้นต่ำยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว ยังมีการสำรวจเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียนด้วย โดย 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าควรแบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียน ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2024 โดยฝรั่งเศสมีคะแนนสนับสนุนสูงถึง 80% ขณะที่ไทยมีเพียง 35% แม้จะมีงานวิจัยที่ชี้ว่าการนำสมาร์ทโฟนออกจากห้องเรียนช่วยเพิ่มความเข้าใจและลดความเครียด แต่ก็มีงานวิจัยอีกด้านที่พบว่านักเรียนที่ใช้สมาร์ทโฟนมากกลับมีผลการเรียนดีกว่า ซึ่งสะท้อนถึงความซับซ้อนของปัญหานี้ ✅ ผลสำรวจจาก Ipsos ปี 2025 ➡️ 71% สนับสนุนการแบนเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีจากโซเชียลมีเดีย ➡️ ผู้ปกครองที่มีลูกวัยเรียนสนับสนุนสูงถึง 74% ➡️ คะแนนสนับสนุนเพิ่มขึ้นในทุกประเทศ ยกเว้นอินเดีย ไทย และฮังการี ✅ ประเทศที่มีแนวโน้มสนับสนุนสูง ➡️ อินโดนีเซียและฝรั่งเศสมีคะแนนสนับสนุนสูงสุด ➡️ ตุรกีและแอฟริกาใต้มีคะแนนสนับสนุนต่ำสุด ➡️ ออสเตรเลียออกกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย ✅ ผลกระทบจากการใช้โซเชียลมีเดีย ➡️ เด็กที่ใช้เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงต่อภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้า ➡️ แพลตฟอร์มใหญ่ออกมาตรการป้องกัน เช่น ระบบกรองเนื้อหาและควบคุมผู้ปกครอง ➡️ ระบบอายุขั้นต่ำยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง ✅ การใช้สมาร์ทโฟนในโรงเรียน ➡️ 55% สนับสนุนการแบนสมาร์ทโฟนในโรงเรียน ➡️ ฝรั่งเศสมีคะแนนสนับสนุนสูงสุดที่ 80% ➡️ ไทยมีคะแนนต่ำสุดที่ 35% ✅ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ➡️ การนำสมาร์ทโฟนออกจากห้องเรียนช่วยเพิ่มความเข้าใจและลดความเครียด ➡️ นักเรียนที่ใช้สมาร์ทโฟนมากกลับมีผลการเรียนดีกว่าในบางกรณี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/07/should-kids-use-social-media-global-opinion-has-shifted-new-poll-finds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Should kids use social media? Global opinion has shifted, new poll finds
    The survey – fielded June 20 to July 4 with 23,700 adults – revealed at least 50% of respondents in all 30 countries favoured a social media ban, and support grew in every nation except three: India, Thailand and Hungary.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Altera ถึง Arrow Lake: เมื่อ Intel ยอมรับว่า TSMC คือคู่ชีวิต และเงินจากรัฐบาลคือทางออกจากหนี้

    ในการประชุม Citi Global Tech 2025 ที่ซานฟรานซิสโก CFO ของ Intel, David Zinsner ประกาศว่า Intel จะใช้ TSMC “ตลอดไป” โดยระบุว่า “พวกเขาเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยม” และยืนยันว่า 30% ของผลิตภัณฑ์ของ Intel มาจาก TSMC แล้ว แม้จะมีแผนลดสัดส่วนในอนาคต แต่ก็ยังมากกว่าที่เคยเป็นในอดีต

    Intel ยังยืนยันว่าจะใช้เงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้จาก CHIPS Act เพื่อชำระหนี้มูลค่า $3.8 พันล้านที่ครบกำหนดในปีนี้ โดยไม่รีไฟแนนซ์ใหม่ พร้อมประกาศว่าเงินทุนที่เคยไม่แน่นอนตอนนี้กลายเป็น “หุ้น” ที่รัฐบาลถืออยู่ 10% และจะลงคะแนนตามมติของบอร์ดเท่านั้น

    นอกจากนี้ Intel ยังเตรียมปิดดีลขายธุรกิจ Altera เพื่อรับเงินเพิ่มอีก $3.5 พันล้าน และรอเงินลงทุนจาก SoftBank ที่จะเข้ามาเสริมภายในไตรมาสนี้

    ในด้านเทคโนโลยี Zinsner ยอมรับว่า Intel “ใช้เงินล่วงหน้าก่อนมีดีมานด์” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และนั่นทำให้บริษัทต้องปรับแผนใหม่ โดยหันไปพัฒนา 14A process node ที่ใช้ High NA EUV และมีต้นทุนสูงกว่า 18A แต่มีความหวังว่าจะดึงลูกค้าใหม่ได้มากกว่า

    แม้จะยังไม่แยกธุรกิจ Foundry ออกเป็นบริษัทลูก แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าอาจเกิดขึ้นในอนาคต หากมีความพร้อมและความน่าสนใจสำหรับนักลงทุน

    การใช้ TSMC เป็นพันธมิตรระยะยาว
    Intel ยืนยันว่าจะใช้ TSMC “ตลอดไป” สำหรับบางผลิตภัณฑ์
    ปัจจุบัน 30% ของผลิตภัณฑ์มาจาก TSMC เช่น Lunar Lake และ Arrow Lake
    แม้จะลดสัดส่วนในอนาคต แต่ยังมากกว่าระดับในอดีต

    การใช้เงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
    Intel ได้รับเงินทุนจาก CHIPS Act รวม $7.9 พันล้าน (บางส่วนยังทยอยจ่าย)
    เงินทุนถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น 10% ที่รัฐบาลถืออยู่
    ใช้เงินเพื่อชำระหนี้ $3.8 พันล้านที่ครบกำหนดในปี 2025

    การขายธุรกิจ Altera และเงินลงทุนจาก SoftBank
    เตรียมปิดดีลขาย Altera เพื่อรับเงิน $3.5 พันล้าน
    SoftBank จะลงทุนเพิ่มเติมหลังผ่านการอนุมัติด้านกฎระเบียบ
    เงินทั้งหมดจะใช้ชำระหนี้ ไม่รีไฟแนนซ์ใหม่

    การพัฒนาเทคโนโลยี 14A และการเปลี่ยนยุทธศาสตร์
    14A ใช้ High NA EUV และมีต้นทุน wafer สูงกว่า 18A
    มีความหวังว่าจะดึงลูกค้าใหม่ได้มากกว่า 18A
    ยังไม่มีแผนแยกธุรกิจ Foundry แต่เปิดโอกาสในอนาคต

    https://wccftech.com/intel-will-use-tsmc-forever-says-cfo-as-shares-rise-after-he-confirms-plan-to-use-us-funding-to-pay-back-debt/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Altera ถึง Arrow Lake: เมื่อ Intel ยอมรับว่า TSMC คือคู่ชีวิต และเงินจากรัฐบาลคือทางออกจากหนี้ ในการประชุม Citi Global Tech 2025 ที่ซานฟรานซิสโก CFO ของ Intel, David Zinsner ประกาศว่า Intel จะใช้ TSMC “ตลอดไป” โดยระบุว่า “พวกเขาเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยม” และยืนยันว่า 30% ของผลิตภัณฑ์ของ Intel มาจาก TSMC แล้ว แม้จะมีแผนลดสัดส่วนในอนาคต แต่ก็ยังมากกว่าที่เคยเป็นในอดีต Intel ยังยืนยันว่าจะใช้เงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้จาก CHIPS Act เพื่อชำระหนี้มูลค่า $3.8 พันล้านที่ครบกำหนดในปีนี้ โดยไม่รีไฟแนนซ์ใหม่ พร้อมประกาศว่าเงินทุนที่เคยไม่แน่นอนตอนนี้กลายเป็น “หุ้น” ที่รัฐบาลถืออยู่ 10% และจะลงคะแนนตามมติของบอร์ดเท่านั้น นอกจากนี้ Intel ยังเตรียมปิดดีลขายธุรกิจ Altera เพื่อรับเงินเพิ่มอีก $3.5 พันล้าน และรอเงินลงทุนจาก SoftBank ที่จะเข้ามาเสริมภายในไตรมาสนี้ ในด้านเทคโนโลยี Zinsner ยอมรับว่า Intel “ใช้เงินล่วงหน้าก่อนมีดีมานด์” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และนั่นทำให้บริษัทต้องปรับแผนใหม่ โดยหันไปพัฒนา 14A process node ที่ใช้ High NA EUV และมีต้นทุนสูงกว่า 18A แต่มีความหวังว่าจะดึงลูกค้าใหม่ได้มากกว่า แม้จะยังไม่แยกธุรกิจ Foundry ออกเป็นบริษัทลูก แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าอาจเกิดขึ้นในอนาคต หากมีความพร้อมและความน่าสนใจสำหรับนักลงทุน ✅ การใช้ TSMC เป็นพันธมิตรระยะยาว ➡️ Intel ยืนยันว่าจะใช้ TSMC “ตลอดไป” สำหรับบางผลิตภัณฑ์ ➡️ ปัจจุบัน 30% ของผลิตภัณฑ์มาจาก TSMC เช่น Lunar Lake และ Arrow Lake ➡️ แม้จะลดสัดส่วนในอนาคต แต่ยังมากกว่าระดับในอดีต ✅ การใช้เงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ Intel ได้รับเงินทุนจาก CHIPS Act รวม $7.9 พันล้าน (บางส่วนยังทยอยจ่าย) ➡️ เงินทุนถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น 10% ที่รัฐบาลถืออยู่ ➡️ ใช้เงินเพื่อชำระหนี้ $3.8 พันล้านที่ครบกำหนดในปี 2025 ✅ การขายธุรกิจ Altera และเงินลงทุนจาก SoftBank ➡️ เตรียมปิดดีลขาย Altera เพื่อรับเงิน $3.5 พันล้าน ➡️ SoftBank จะลงทุนเพิ่มเติมหลังผ่านการอนุมัติด้านกฎระเบียบ ➡️ เงินทั้งหมดจะใช้ชำระหนี้ ไม่รีไฟแนนซ์ใหม่ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยี 14A และการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ➡️ 14A ใช้ High NA EUV และมีต้นทุน wafer สูงกว่า 18A ➡️ มีความหวังว่าจะดึงลูกค้าใหม่ได้มากกว่า 18A ➡️ ยังไม่มีแผนแยกธุรกิจ Foundry แต่เปิดโอกาสในอนาคต https://wccftech.com/intel-will-use-tsmc-forever-says-cfo-as-shares-rise-after-he-confirms-plan-to-use-us-funding-to-pay-back-debt/
    WCCFTECH.COM
    Intel Will Use TSMC "Forever" Says CFO, As Shares Rise After He Confirms Plan To Use US Funding To Pay Back Debt
    Intel CFO outlines $10 billion government stake, plans to pay $3.8 billion in debt, and confirms continued reliance on TSMC.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลที่ใช้ในการเขียนนิทาน เรื่อง ยุทธการฝูงผึ้ง

    เรียนท่านผู้อ่านนิทาน
    ผมได้เอาลิงค์ เกี่ยวกับองค์กรและข้อมูลต่างๆ ที่ผมใช้เป็นข้อมูลบางส่วน ในการ
    เขียนนิทานเรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง” มาลงไว้ เผื่อท่านผู้อ่านอยากจะอ่านเอง หรือค้นคว้าต่อ โดยเฉพาะ เกี่ยวกับข้อมูลของ International Crisis Group (ICG)
    ซึ่งได้ยินว่ามีผู้นำไปอ้างอิง แต่อาจจะคนละความหมายกับที่ผมเขียนใน ” ยุทธการฝูงผึ้ง” นะครับ เชิญท่านผู้อ่านวิเคราะห์ตามสดวกครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มค 57
    International Crisis Group
    http://www.sourcewatch.org/index…/International_Crisis_Group
    The Role of a Global NGO
    http://www.gevans.org/speeches/speech471.html
    Thailand Conflict Alert
    http://www.crisisgroup.org/…/2…/thailand-conflict-alert.aspx
    Conflict Risk Alert: Thailand
    http://www.crisisgroup.org/…/conflict-risk-alert-thailand.a…
    The ICNC Role in the Arab Spring
    http://www.ahmedbensaada.com/index.php…
    How to Start a Revolution
    http://www.telegraph.co.uk/…/Gene-Sharp-How-to-Start-a-Revo…
    Gene Sharp
    http://en.wikipedia.org/wiki/Gene_Sharp
    ข้อมูลที่ใช้ในการเขียนนิทาน เรื่อง ยุทธการฝูงผึ้ง เรียนท่านผู้อ่านนิทาน ผมได้เอาลิงค์ เกี่ยวกับองค์กรและข้อมูลต่างๆ ที่ผมใช้เป็นข้อมูลบางส่วน ในการ เขียนนิทานเรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง” มาลงไว้ เผื่อท่านผู้อ่านอยากจะอ่านเอง หรือค้นคว้าต่อ โดยเฉพาะ เกี่ยวกับข้อมูลของ International Crisis Group (ICG) ซึ่งได้ยินว่ามีผู้นำไปอ้างอิง แต่อาจจะคนละความหมายกับที่ผมเขียนใน ” ยุทธการฝูงผึ้ง” นะครับ เชิญท่านผู้อ่านวิเคราะห์ตามสดวกครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มค 57 International Crisis Group http://www.sourcewatch.org/index…/International_Crisis_Group The Role of a Global NGO http://www.gevans.org/speeches/speech471.html Thailand Conflict Alert http://www.crisisgroup.org/…/2…/thailand-conflict-alert.aspx Conflict Risk Alert: Thailand http://www.crisisgroup.org/…/conflict-risk-alert-thailand.a… The ICNC Role in the Arab Spring http://www.ahmedbensaada.com/index.php… How to Start a Revolution http://www.telegraph.co.uk/…/Gene-Sharp-How-to-Start-a-Revo… Gene Sharp http://en.wikipedia.org/wiki/Gene_Sharp
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts