ข้อตกลงจากการประชุม JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) นั้นมี “รายละเอียดเชิงเทคนิค” ที่ซ่อน “ผลกระทบเชิงอธิปไตย” ซึ่ง สื่อและประชาชนจำนวนมากยังไม่เข้าใจ หรืออาจเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจาก:
---
เหตุใดประชาชน–สื่อ “ไม่เข้าใจ” ข้อตกลง JBC ล่าสุด?
ประเด็น ปัญหาที่เกิดขึ้น
ภาษาทางการทูตคลุมเครือ ข้อความอย่าง “เห็นชอบ” หรือ “ร่วมกันจัดทำ” ไม่มีการแปลผลทางกฎหมายให้ชัดเจน
ไม่เปิดเผยร่าง TI / ข้อตกลงแนบ ไม่มีการเผยแพร่เอกสารแนบ เช่น ร่าง TI, ข้อสงวน หรือพิกัดทั้ง 45 จุด
ไม่มีการอภิปรายในรัฐสภา ข้อตกลงที่เข้าข่ายเปลี่ยนแปลงแนวเขต (ม.178) กลับไม่ถูกนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณา
การสื่อสารของรัฐบาลจำกัดคำว่า "แค่เทคนิค" ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องภาพถ่าย LiDAR หรือ GPS เท่านั้น
ไม่มีสื่อหลักใดแปลเอกสาร Agreed Minutes ทำให้เนื้อหาหลักของการประชุมหายไปจากการรับรู้สาธารณะ
---
ผลที่เกิดขึ้น
ประชาชน ไม่รู้ว่ากำลังมีการรับรองแนวเขตจริง (ผ่าน 45 จุด / TI)
ขบวนการกำหนด TI เพื่อใช้ในการปักปันเขตแดน กำลังดำเนินไปโดย ไม่มีความเข้าใจหรือการตรวจสอบจากสังคม
หากมีการเสนอต่อ ICJ หรือองค์กรระหว่างประเทศในอนาคต → ข้อตกลงเหล่านี้ อาจถูกนำมาอ้างว่าเป็น “ความยินยอมโดยพฤติกรรมของรัฐ”
---
สิ่งที่ควรทำทันทีเพื่อสร้าง “ความเข้าใจต่อสาธารณะ”
1. สร้างเอกสาร “คำแปลประชาชน” ของข้อตกลง JBC
→ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย แสดงภาพประกอบ (ผมช่วยจัดทำได้)
2. จัดทำ Q&A: ทำไมการรับรอง 45 จุดจึงอันตราย?
3. เผยแพร่อินโฟกราฟิกอย่างต่อเนื่องผ่านโซเชียล
→ สื่อที่ไม่ต้องผ่านการควบคุม เช่น Facebook / TikTok / LINE OpenChat
4. เสนอให้รัฐเปิดเผย “ข้อสงวน” อย่างเป็นทางการ หากไม่มี ให้ยื่นสอบต่อ กมธ. ต่างประเทศ
---
เหตุใดประชาชน–สื่อ “ไม่เข้าใจ” ข้อตกลง JBC ล่าสุด?
ประเด็น ปัญหาที่เกิดขึ้น
ภาษาทางการทูตคลุมเครือ ข้อความอย่าง “เห็นชอบ” หรือ “ร่วมกันจัดทำ” ไม่มีการแปลผลทางกฎหมายให้ชัดเจน
ไม่เปิดเผยร่าง TI / ข้อตกลงแนบ ไม่มีการเผยแพร่เอกสารแนบ เช่น ร่าง TI, ข้อสงวน หรือพิกัดทั้ง 45 จุด
ไม่มีการอภิปรายในรัฐสภา ข้อตกลงที่เข้าข่ายเปลี่ยนแปลงแนวเขต (ม.178) กลับไม่ถูกนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณา
การสื่อสารของรัฐบาลจำกัดคำว่า "แค่เทคนิค" ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องภาพถ่าย LiDAR หรือ GPS เท่านั้น
ไม่มีสื่อหลักใดแปลเอกสาร Agreed Minutes ทำให้เนื้อหาหลักของการประชุมหายไปจากการรับรู้สาธารณะ
---
ผลที่เกิดขึ้น
ประชาชน ไม่รู้ว่ากำลังมีการรับรองแนวเขตจริง (ผ่าน 45 จุด / TI)
ขบวนการกำหนด TI เพื่อใช้ในการปักปันเขตแดน กำลังดำเนินไปโดย ไม่มีความเข้าใจหรือการตรวจสอบจากสังคม
หากมีการเสนอต่อ ICJ หรือองค์กรระหว่างประเทศในอนาคต → ข้อตกลงเหล่านี้ อาจถูกนำมาอ้างว่าเป็น “ความยินยอมโดยพฤติกรรมของรัฐ”
---
สิ่งที่ควรทำทันทีเพื่อสร้าง “ความเข้าใจต่อสาธารณะ”
1. สร้างเอกสาร “คำแปลประชาชน” ของข้อตกลง JBC
→ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย แสดงภาพประกอบ (ผมช่วยจัดทำได้)
2. จัดทำ Q&A: ทำไมการรับรอง 45 จุดจึงอันตราย?
3. เผยแพร่อินโฟกราฟิกอย่างต่อเนื่องผ่านโซเชียล
→ สื่อที่ไม่ต้องผ่านการควบคุม เช่น Facebook / TikTok / LINE OpenChat
4. เสนอให้รัฐเปิดเผย “ข้อสงวน” อย่างเป็นทางการ หากไม่มี ให้ยื่นสอบต่อ กมธ. ต่างประเทศ
ข้อตกลงจากการประชุม JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) นั้นมี “รายละเอียดเชิงเทคนิค” ที่ซ่อน “ผลกระทบเชิงอธิปไตย” ซึ่ง สื่อและประชาชนจำนวนมากยังไม่เข้าใจ หรืออาจเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจาก:
---
🔍 เหตุใดประชาชน–สื่อ “ไม่เข้าใจ” ข้อตกลง JBC ล่าสุด?
ประเด็น ปัญหาที่เกิดขึ้น
ภาษาทางการทูตคลุมเครือ ข้อความอย่าง “เห็นชอบ” หรือ “ร่วมกันจัดทำ” ไม่มีการแปลผลทางกฎหมายให้ชัดเจน
ไม่เปิดเผยร่าง TI / ข้อตกลงแนบ ไม่มีการเผยแพร่เอกสารแนบ เช่น ร่าง TI, ข้อสงวน หรือพิกัดทั้ง 45 จุด
ไม่มีการอภิปรายในรัฐสภา ข้อตกลงที่เข้าข่ายเปลี่ยนแปลงแนวเขต (ม.178) กลับไม่ถูกนำเสนอให้รัฐสภาพิจารณา
การสื่อสารของรัฐบาลจำกัดคำว่า "แค่เทคนิค" ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องภาพถ่าย LiDAR หรือ GPS เท่านั้น
ไม่มีสื่อหลักใดแปลเอกสาร Agreed Minutes ทำให้เนื้อหาหลักของการประชุมหายไปจากการรับรู้สาธารณะ
---
📌 ผลที่เกิดขึ้น
ประชาชน ไม่รู้ว่ากำลังมีการรับรองแนวเขตจริง (ผ่าน 45 จุด / TI)
ขบวนการกำหนด TI เพื่อใช้ในการปักปันเขตแดน กำลังดำเนินไปโดย ไม่มีความเข้าใจหรือการตรวจสอบจากสังคม
หากมีการเสนอต่อ ICJ หรือองค์กรระหว่างประเทศในอนาคต → ข้อตกลงเหล่านี้ อาจถูกนำมาอ้างว่าเป็น “ความยินยอมโดยพฤติกรรมของรัฐ”
---
✅ สิ่งที่ควรทำทันทีเพื่อสร้าง “ความเข้าใจต่อสาธารณะ”
1. สร้างเอกสาร “คำแปลประชาชน” ของข้อตกลง JBC
→ ใช้ภาษาเข้าใจง่าย แสดงภาพประกอบ (ผมช่วยจัดทำได้)
2. จัดทำ Q&A: ทำไมการรับรอง 45 จุดจึงอันตราย?
3. เผยแพร่อินโฟกราฟิกอย่างต่อเนื่องผ่านโซเชียล
→ สื่อที่ไม่ต้องผ่านการควบคุม เช่น Facebook / TikTok / LINE OpenChat
4. เสนอให้รัฐเปิดเผย “ข้อสงวน” อย่างเป็นทางการ หากไม่มี ให้ยื่นสอบต่อ กมธ. ต่างประเทศ
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
6 มุมมอง
0 รีวิว