• Sondhitalk EP 279 : บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? (Full)

    - บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ?
    - ขุดรากปัญหา “จีนเทา” เจอ “ไทยเทา”
    - USAID “องค์กรอาชญากรรม”
    - DeepSeek เขย่าวงการ AI โลกไม่หยุด

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #บิ๊กโจ๊ก #ผบตร #จีนเทา #ไทยเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ตัดไฟพม่า #หลิวจงอี้ #USAID #องค์กรอาชญากรรม #DeepSeek #AI
    Sondhitalk EP 279 : บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? (Full) - บิ๊กโจ๊ก ขอพบ สนธิ? - ขุดรากปัญหา “จีนเทา” เจอ “ไทยเทา” - USAID “องค์กรอาชญากรรม” - DeepSeek เขย่าวงการ AI โลกไม่หยุด #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #บิ๊กโจ๊ก #ผบตร #จีนเทา #ไทยเทา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ตัดไฟพม่า #หลิวจงอี้ #USAID #องค์กรอาชญากรรม #DeepSeek #AI
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • บริษัท Moore Threads ซึ่งเป็นบริษัทผลิตการ์ดกราฟิกในจีน ได้ประสบความสำเร็จในการใช้โมเดล AI Opensource ของ DeepSeek บนการ์ดกราฟิก MTT S80 และ MTT S4000 ของพวกเขา โมเดลที่ใช้คือ DeepSeek-R1-Distill-Qwen-7B ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้สำหรับการทำนายข้อมูล ในครั้งนี้พวกเขาใช้เฟรมเวิร์ก Ollama เพื่อช่วยให้การคำนวณข้อมูลบนเครื่องทำได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาบริการคลาวด์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DeepSeek เป็นโมเดล AI Opensource ที่สามารถรันได้บนฮาร์ดแวร์ที่มีราคาถูก เช่น Raspberry Pi ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและไม่ต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ การ์ดกราฟิกของ Moore Threads ยังสามารถใช้งานร่วมกับโค้ดที่คอมไพล์สำหรับ GPU ของ Nvidia ได้ ด้วยการปรับแต่งเฉพาะทางและการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้การทำนายข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะกล่าวถึงประสิทธิภาพที่ดีมากของการ์ดกราฟิกของ Moore Threads แต่ยังไม่มีการเผยแพร่ตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน นอกจากนี้ การ์ดกราฟิก MTT S80 ยังแทบจะหาไม่ได้ในตลาดนอกประเทศจีน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้

    การพัฒนานี้เป็นการเพิ่มโอกาสให้จีนลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์จาก Nvidia และเปิดประตูสู่การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาษาจีนมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/moore-threads-gpus-allegedly-show-excellent-inference-performance-with-deepseek-models
    บริษัท Moore Threads ซึ่งเป็นบริษัทผลิตการ์ดกราฟิกในจีน ได้ประสบความสำเร็จในการใช้โมเดล AI Opensource ของ DeepSeek บนการ์ดกราฟิก MTT S80 และ MTT S4000 ของพวกเขา โมเดลที่ใช้คือ DeepSeek-R1-Distill-Qwen-7B ซึ่งเป็นโมเดลที่ใช้สำหรับการทำนายข้อมูล ในครั้งนี้พวกเขาใช้เฟรมเวิร์ก Ollama เพื่อช่วยให้การคำนวณข้อมูลบนเครื่องทำได้โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาบริการคลาวด์ สิ่งที่น่าสนใจคือ DeepSeek เป็นโมเดล AI Opensource ที่สามารถรันได้บนฮาร์ดแวร์ที่มีราคาถูก เช่น Raspberry Pi ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายและไม่ต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ การ์ดกราฟิกของ Moore Threads ยังสามารถใช้งานร่วมกับโค้ดที่คอมไพล์สำหรับ GPU ของ Nvidia ได้ ด้วยการปรับแต่งเฉพาะทางและการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น ทำให้การทำนายข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะกล่าวถึงประสิทธิภาพที่ดีมากของการ์ดกราฟิกของ Moore Threads แต่ยังไม่มีการเผยแพร่ตัวเลขประสิทธิภาพที่ชัดเจน นอกจากนี้ การ์ดกราฟิก MTT S80 ยังแทบจะหาไม่ได้ในตลาดนอกประเทศจีน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ การพัฒนานี้เป็นการเพิ่มโอกาสให้จีนลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์จาก Nvidia และเปิดประตูสู่การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในภาษาจีนมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/moore-threads-gpus-allegedly-show-excellent-inference-performance-with-deepseek-models
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงอุตสาหกรรมของเกิาหลีใต้ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เข้าถึงแอปพลิเคชันแชทบอทเอไอสัญชาติจีน 'DeepSeek' สืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯรายหนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการทำงาน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ออกประกาศในวันอังคาร(4ก.พ.) เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆและหน่วยงานทั้งหลาย ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บริการไอเอ ในนั้นรวมถึง DeepSeek และ ChatGPT ในการทำงาน
    .
    โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ พาวเวอร์ บริษัทที่บริหารงานโดยภาครัฐ ระบุว่าพวกเขาได้ห้ามใช้บริการ AI ในนั้้นรวมถึง DeepSeek มาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้จำกัดการเข้าถึง DeepSeek ในคอมพิวเตอร์ต่างๆที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯแห่งนี้บอกว่าไม่สามารถยืนยันอย่างเจาะจงเกี่ยวกับมาตรการด้านความมั่นคงที่นำมาใช้
    .
    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นรัฐบาลล่าสุดที่ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับ DeepSeek ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียระมัดระวังยามที่ใช้เอไอของจีน ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังตรวจสอบนัยด้านความมั่นคงของ DeepSeek เช่นกัน
    .
    รายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแห่งเกาหลีใต้ มีแผนสอบถามไปยัง DeepSeek เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้
    .
    DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน เปิดตัวโมเดลเอไอใหม่ล่าสุดของบริษัท เมื่อเดือนที่แล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อคลื่นความช็อคไปทั่วโลกเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทแห่งนี้อ้างว่าโมเดลของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดลที่พัฒนาในสหรัฐฯ แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่ามาก
    .
    Kakao Corp กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ได้แจ้งกับพนักงานให้ละเว้นไว้ซึ่งการใช้งาน DeepSeek สืบเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง จากการเปิดเผยของโฆษกบริษัทในวันพุธ(5ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากบริษัทแห่งนี้แถลจับมือกับเป็นพันธมิตรกับยักณ์ใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ OpenAI
    .
    เวลานี้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ต่างระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในนั้นรวมถึง SK Hynix ผู้ผลิตชิปเอไอ ที่จำกัดการเข้าถึงบริการ Generative AI และอนุญาตให้ใช้งานอย่างจำกัดยามที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น
    .
    ส่วน Naver ยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตอีกราย เผยว่าได้ร้องขอให้พนักงานอย่าใช้บริการ Generative AI ที่จัดเก็บข้อมูลนอกบริษัท
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011935
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงอุตสาหกรรมของเกิาหลีใต้ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เข้าถึงแอปพลิเคชันแชทบอทเอไอสัญชาติจีน 'DeepSeek' สืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯรายหนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการทำงาน . พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ออกประกาศในวันอังคาร(4ก.พ.) เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆและหน่วยงานทั้งหลาย ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บริการไอเอ ในนั้นรวมถึง DeepSeek และ ChatGPT ในการทำงาน . โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ พาวเวอร์ บริษัทที่บริหารงานโดยภาครัฐ ระบุว่าพวกเขาได้ห้ามใช้บริการ AI ในนั้้นรวมถึง DeepSeek มาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้จำกัดการเข้าถึง DeepSeek ในคอมพิวเตอร์ต่างๆที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯแห่งนี้บอกว่าไม่สามารถยืนยันอย่างเจาะจงเกี่ยวกับมาตรการด้านความมั่นคงที่นำมาใช้ . ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นรัฐบาลล่าสุดที่ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับ DeepSeek ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียระมัดระวังยามที่ใช้เอไอของจีน ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังตรวจสอบนัยด้านความมั่นคงของ DeepSeek เช่นกัน . รายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแห่งเกาหลีใต้ มีแผนสอบถามไปยัง DeepSeek เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ . DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน เปิดตัวโมเดลเอไอใหม่ล่าสุดของบริษัท เมื่อเดือนที่แล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อคลื่นความช็อคไปทั่วโลกเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทแห่งนี้อ้างว่าโมเดลของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดลที่พัฒนาในสหรัฐฯ แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่ามาก . Kakao Corp กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ได้แจ้งกับพนักงานให้ละเว้นไว้ซึ่งการใช้งาน DeepSeek สืบเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง จากการเปิดเผยของโฆษกบริษัทในวันพุธ(5ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากบริษัทแห่งนี้แถลจับมือกับเป็นพันธมิตรกับยักณ์ใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ OpenAI . เวลานี้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ต่างระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในนั้นรวมถึง SK Hynix ผู้ผลิตชิปเอไอ ที่จำกัดการเข้าถึงบริการ Generative AI และอนุญาตให้ใช้งานอย่างจำกัดยามที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น . ส่วน Naver ยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตอีกราย เผยว่าได้ร้องขอให้พนักงานอย่าใช้บริการ Generative AI ที่จัดเก็บข้อมูลนอกบริษัท . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011935 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1071 มุมมอง 1 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการออกแบบกฎหมายใหม่ในสหรัฐอเมริกาที่อาจทำให้การดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากประเทศจีน เช่น DeepSeek อาจนำไปสู่การเข้าคุกถึง 20 ปีและปรับเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025" ซึ่งเสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา Josh Hawley จากรัฐมิสซูรี

    กฎหมายนี้มีเป้าหมายที่จะห้ามผู้คนในสหรัฐอเมริกาจากการพัฒนาความสามารถใน AI ในประเทศจีน และมีการลงโทษต่อบริษัทสหรัฐที่ทำงานร่วมกับบริษัท AI จากจีน หรือนำเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญาจากจีนมาใช้ในสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการลงโทษผู้คนที่ดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากจีน1

    Senator Hawley กล่าวว่า "ทุกดอลลาร์และกิโลไบต์ของข้อมูลที่ไหลเข้าไปยัง AI ของจีน จะถูกใช้ต่อต้านสหรัฐ" และ "สหรัฐไม่สามารถให้ความสำเร็จแก่ศัตรูใหญ่ของเราได้โดยการสนับสนุนการสร้างสรรค์ของจีน" นี่เป็นการกระทำที่ท้าทายที่สุดในด้านของ AI ที่เคยเกิดขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านต่อการเปิดแหล่งข้อมูล

    ข่าวนี้ยังเน้นถึงการที่ DeepSeek ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store ของสหรัฐและส่งผลให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง โดยมีคำขอให้หยุดการใช้งาน DeepSeek ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ เช่น กองทัพเรือสหรัฐและ NASA

    https://www.techspot.com/news/106633-downloading-deepseek-could-lead-jail-time-1-million.html
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการออกแบบกฎหมายใหม่ในสหรัฐอเมริกาที่อาจทำให้การดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากประเทศจีน เช่น DeepSeek อาจนำไปสู่การเข้าคุกถึง 20 ปีและปรับเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025" ซึ่งเสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา Josh Hawley จากรัฐมิสซูรี กฎหมายนี้มีเป้าหมายที่จะห้ามผู้คนในสหรัฐอเมริกาจากการพัฒนาความสามารถใน AI ในประเทศจีน และมีการลงโทษต่อบริษัทสหรัฐที่ทำงานร่วมกับบริษัท AI จากจีน หรือนำเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญาจากจีนมาใช้ในสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการลงโทษผู้คนที่ดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากจีน1 Senator Hawley กล่าวว่า "ทุกดอลลาร์และกิโลไบต์ของข้อมูลที่ไหลเข้าไปยัง AI ของจีน จะถูกใช้ต่อต้านสหรัฐ" และ "สหรัฐไม่สามารถให้ความสำเร็จแก่ศัตรูใหญ่ของเราได้โดยการสนับสนุนการสร้างสรรค์ของจีน" นี่เป็นการกระทำที่ท้าทายที่สุดในด้านของ AI ที่เคยเกิดขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านต่อการเปิดแหล่งข้อมูล ข่าวนี้ยังเน้นถึงการที่ DeepSeek ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store ของสหรัฐและส่งผลให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง โดยมีคำขอให้หยุดการใช้งาน DeepSeek ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ เช่น กองทัพเรือสหรัฐและ NASA https://www.techspot.com/news/106633-downloading-deepseek-could-lead-jail-time-1-million.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Downloading DeepSeek could lead to jail time and a $1 million fine under new US bill
    Republican Senator from Missouri Josh Hawley's proposed legislation, the Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025, aims to prohibit those in the US from...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้

    DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว

    นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป

    กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้ DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Morgan Stanley ได้ปรับลดคาดการณ์การจัดส่งชิป NVIDIA GB200 NVL 72 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีที่ตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้สร้างความวุ่นวายให้กับกลยุทธ์การตั้งราคาของ TSMC

    นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนจีน DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่เรียกว่า R1 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI แต่มีต้นทุนการฝึกที่น้อยกว่าประมาณ 1/50 เท่า โมเดลนี้ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินการของ NVIDIA อย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้การคาดการณ์การจัดส่งชิป GB200 NVL 72 ของ NVIDIA ในปีนี้ลดลงจาก 30,000 - 35,000 หน่วย เป็น 20,000 - 25,000 หน่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างมาก

    นอกจากนี้ การเติบโตของการลงทุนใน Cloud ยังถูกคาดการณ์ว่าจะลดลงไปสู่ตัวเลขที่เป็นเลขหลักเดียวภายในไตรมาส 4 ของปี 2025 นี้เช่นกัน

    สำหรับ TSMC การตั้งภาษีใหม่โดยประธานาธิบดีทรัมป์จะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งอาจทำให้ TSMC ต้องปรับราคาสำหรับกระบวนการผลิตที่สูงขึ้นจากเดิมที่ 5-10% เป็นมากกว่า 15%

    ถ้าพูดแบบง่ายๆ ก็คือ โลกของเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและมีผลกระทบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการปรับตัวของนโยบายระดับโลกเช่นภาษีใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบถึงห่วงโซ่อุปทานและการตั้งราคาในตลาดโลกอย่างชัดเจน

    https://wccftech.com/morgan-stanley-reduces-its-forecast-for-nvidia-gb200-nvl-72-shipments-as-trump-tariffs-play-havoc-with-tsmc-pricing-strategy/
    เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Morgan Stanley ได้ปรับลดคาดการณ์การจัดส่งชิป NVIDIA GB200 NVL 72 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีที่ตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งได้สร้างความวุ่นวายให้กับกลยุทธ์การตั้งราคาของ TSMC นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนจีน DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่เรียกว่า R1 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI แต่มีต้นทุนการฝึกที่น้อยกว่าประมาณ 1/50 เท่า โมเดลนี้ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินการของ NVIDIA อย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้การคาดการณ์การจัดส่งชิป GB200 NVL 72 ของ NVIDIA ในปีนี้ลดลงจาก 30,000 - 35,000 หน่วย เป็น 20,000 - 25,000 หน่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างมาก นอกจากนี้ การเติบโตของการลงทุนใน Cloud ยังถูกคาดการณ์ว่าจะลดลงไปสู่ตัวเลขที่เป็นเลขหลักเดียวภายในไตรมาส 4 ของปี 2025 นี้เช่นกัน สำหรับ TSMC การตั้งภาษีใหม่โดยประธานาธิบดีทรัมป์จะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งอาจทำให้ TSMC ต้องปรับราคาสำหรับกระบวนการผลิตที่สูงขึ้นจากเดิมที่ 5-10% เป็นมากกว่า 15% ถ้าพูดแบบง่ายๆ ก็คือ โลกของเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและมีผลกระทบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการปรับตัวของนโยบายระดับโลกเช่นภาษีใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบถึงห่วงโซ่อุปทานและการตั้งราคาในตลาดโลกอย่างชัดเจน https://wccftech.com/morgan-stanley-reduces-its-forecast-for-nvidia-gb200-nvl-72-shipments-as-trump-tariffs-play-havoc-with-tsmc-pricing-strategy/
    WCCFTECH.COM
    Morgan Stanley Reduces Its Forecast For NVIDIA’s GB200 NVL 72 Shipments As Trump Tariffs Play Havoc With TSMC's Pricing Strategy
    DeepSeek's breakthrough is now having a tangible impact on NVIDIA as Trump's love affair with tariffs affects TSMC's pricing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท AMD กำลังเผชิญกับการตรวจสอบจากนักลงทุนในเรื่องกลยุทธ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของตน เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เช่น Microsoft, Amazon, และ Meta เริ่มพัฒนาชิปแบบกำหนดเองมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้มีคำถามเกี่ยวกับตำแหน่งของ AMD ในการแข่งขันโครงสร้างพื้นฐาน AI

    โดยภาพรวม รายรับของ AMD ในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้วคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 22% เป็น 7.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การเติบโตของบริษัทนี้ถูกขวางทางโดย Nvidia ที่ครอบครองตลาดชิป AI อยู่แล้ว

    ประเด็นสำคัญคือการที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เริ่มพัฒนาชิปแบบกำหนดเอง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ต้องพึ่งพาโพรเซสเซอร์ทั่วไปของ AMD หรือ Nvidia อีกต่อไป นอกจากนี้ สตาร์ทอัปในจีนอย่าง DeepSeek ก็สามารถพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าของบริษัทตะวันตก ในราคาที่ถูกกว่า

    แต่ AMD ยังคงมีความหวังเนื่องจากการพัฒนาโมเดล AI ที่ซับซ้อนขึ้น อาจจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท นักวิเคราะห์คาดว่า AMD จะสามารถทำยอดขายชิป AI ได้ถึง 10 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณการ 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 การประชุมของ AMD ในครั้งนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากนักลงทุน เพราะการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ AI จะมีผลกระทบต่ออนาคตของบริษัทในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/03/amd039s-ai-bets-face-investor-scrutiny-as-big-tech-switches-to-custom-chips
    บริษัท AMD กำลังเผชิญกับการตรวจสอบจากนักลงทุนในเรื่องกลยุทธ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของตน เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เช่น Microsoft, Amazon, และ Meta เริ่มพัฒนาชิปแบบกำหนดเองมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้มีคำถามเกี่ยวกับตำแหน่งของ AMD ในการแข่งขันโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยภาพรวม รายรับของ AMD ในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้วคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 22% เป็น 7.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การเติบโตของบริษัทนี้ถูกขวางทางโดย Nvidia ที่ครอบครองตลาดชิป AI อยู่แล้ว ประเด็นสำคัญคือการที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ เริ่มพัฒนาชิปแบบกำหนดเอง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ต้องพึ่งพาโพรเซสเซอร์ทั่วไปของ AMD หรือ Nvidia อีกต่อไป นอกจากนี้ สตาร์ทอัปในจีนอย่าง DeepSeek ก็สามารถพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าของบริษัทตะวันตก ในราคาที่ถูกกว่า แต่ AMD ยังคงมีความหวังเนื่องจากการพัฒนาโมเดล AI ที่ซับซ้อนขึ้น อาจจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท นักวิเคราะห์คาดว่า AMD จะสามารถทำยอดขายชิป AI ได้ถึง 10 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณการ 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 การประชุมของ AMD ในครั้งนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากนักลงทุน เพราะการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ AI จะมีผลกระทบต่ออนาคตของบริษัทในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/03/amd039s-ai-bets-face-investor-scrutiny-as-big-tech-switches-to-custom-chips
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AMD's AI bets face investor scrutiny as Big Tech switches to custom chips
    (Reuters) - AMD investors will closely examine the chip designer's artificial intelligence strategy when it reports fourth-quarter results on Tuesday as Big Tech's shift to custom silicon raises doubts about its place in the AI infrastructure race.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ผมได้ทดลองเล่น Deepseek AI app. ของจีน ต้องนับว่าเป็น Large Language Model ที่เก่งมากไม่แพ้ Open AI หรือ Perplexity ที่ผมใช้อยู่ประจำ

    วันก่อนเห็นว่ามีคนอยากจะโจมตีจีนและ Deepseek โดยการให้ Deepseek ลองตอบดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นที่จตุรัสเทียนอันเหมิน แล้วโชว์คำตอบว่า Deepseek ไม่อยากอ้างถึง

    วันนี้ผมเลยลองถาม Deepseek บ้างว่า แล้วมีประเทศไหนบ้างที่อเมริกาใช้กำลังบุกเข้าไปแทรกแซงการเมือง

    Deekseek ตอบได้อย่างน่าสนใจโดยเริ่มจากความหมายของคำว่ารุกรานก่อนจะให้คำตอบ ลองดูรายละเอียดกันนะครับ

    Me: How many countries has America invaded without legitimate reasons?
    Deepseek: The question of how many countries the United States has "invaded" (or intervened in) without "legitimate reasons" is highly subjective and depends on one's perspective, interpretation of international law, and the definition of "legitimate reasons." The U.S. has been involved in numerous military interventions, coups, and covert operations throughout its history, often justified by reasons such as national security, promoting democracy, or protecting allies. However, critics argue that many of these actions were driven by economic interests, geopolitical dominance, or ideological goals rather than legitimate justifications.

    Here are some notable examples of U.S. interventions that have been criticized as lacking legitimate reasons:

    Vietnam War (1955–1975) - Critics argue the U.S. intervention was based on Cold War fears rather than a direct threat to national security.

    Iraq War (2003–2011) - The invasion was justified by claims of weapons of mass destruction (WMDs), which were never found, leading to accusations of illegitimate motives.

    Guatemala (1954) - The CIA-backed coup overthrew the democratically elected government, allegedly to protect U.S. corporate interests (e.g., United Fruit Company).

    Chile (1973) - The U.S. supported the coup against President Salvador Allende, which was seen as undermining democracy to prevent the spread of socialism.

    Nicaragua (1980s) - The U.S. supported the Contras in their fight against the Sandinista government, which critics saw as an illegitimate interference in sovereign affairs.

    Grenada (1983) - The U.S. invasion was criticized as disproportionate and lacking a clear legal basis.

    Panama (1989) - The invasion to remove Manuel Noriega was seen by some as an overreach of U.S. power.

    Libya (2011) - While part of a NATO intervention, critics argued the U.S. involvement exceeded the UN mandate to protect civilians.

    Syria (2014–present) - U.S. military actions in Syria have been criticized for lacking clear legal authority under international law.

    The exact number of such interventions is debated, but estimates range from dozens to over 100, depending on how one defines "intervention" and "legitimate reasons." Many of these actions remain controversial, with ongoing debates about their legality, morality, and long-term consequences.

    ต้องยอมรับว่า Deepseek เก่งพอตัวเลยครับ คราวนี้มาลองดูว่าคำถามเดียวกัน ChatGPT จะว่าไง

    ChatGPT: The number of countries the United States has invaded without widely recognized legitimate reasons is debated, depending on what is considered "legitimate." Legitimacy often depends on perspective—some see interventions as necessary for security or humanitarian reasons, while others view them as violations of sovereignty.

    However, if we look at cases where U.S. military interventions were controversial, lacked UN approval, or were widely criticized as unjustified, some examples include:

    Mexico (1846–1848) – The U.S. invaded Mexico, leading to the Mexican-American War, which resulted in the U.S. annexing nearly half of Mexico’s territory.

    Hawaii (1893) – The U.S. backed the overthrow of the Hawaiian monarchy, leading to its annexation.

    The Philippines (1899–1902) – After the Spanish-American War, the U.S. took control of the Philippines, leading to a brutal war against Filipino independence fighters.

    Guatemala (1954) – The CIA orchestrated a coup to overthrow a democratically elected government, fearing communist influence.

    Cuba (Bay of Pigs, 1961) – The U.S. attempted to overthrow Fidel Castro’s government through a failed invasion.

    Dominican Republic (1965) – The U.S. invaded to prevent what it saw as a communist takeover.

    Vietnam (1955–1975) – The U.S. involvement in Vietnam is widely debated, as it escalated without a formal declaration of war and was based on controversial justifications.

    Cambodia & Laos (1960s–1970s) – Secret bombings and invasions occurred as part of the Vietnam War without clear justification.

    Grenada (1983) – The U.S. invaded after a coup, but the necessity of military action was questioned.

    Panama (1989) – The U.S. invaded to remove Manuel Noriega, a former ally, under the pretext of protecting U.S. citizens and fighting drugs.

    Iraq (2003) – The invasion was based on false claims of weapons of mass destruction, widely seen as unjustified.

    Libya (2011) – The U.S. and NATO intervened, leading to the fall of Gaddafi, but this resulted in chaos and instability.

    These are just a few of the most debated examples. Some argue other interventions, like in Afghanistan (2001), had stronger justifications, while others still question their legitimacy. What counts as "legitimate" is ultimately a matter of perspective and historical debate.

    สงคราม AI คงจะเพิ่งเริ่มแต่น่าสนใจครับ
    วันนี้ผมได้ทดลองเล่น Deepseek AI app. ของจีน ต้องนับว่าเป็น Large Language Model ที่เก่งมากไม่แพ้ Open AI หรือ Perplexity ที่ผมใช้อยู่ประจำ วันก่อนเห็นว่ามีคนอยากจะโจมตีจีนและ Deepseek โดยการให้ Deepseek ลองตอบดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นที่จตุรัสเทียนอันเหมิน แล้วโชว์คำตอบว่า Deepseek ไม่อยากอ้างถึง วันนี้ผมเลยลองถาม Deepseek บ้างว่า แล้วมีประเทศไหนบ้างที่อเมริกาใช้กำลังบุกเข้าไปแทรกแซงการเมือง Deekseek ตอบได้อย่างน่าสนใจโดยเริ่มจากความหมายของคำว่ารุกรานก่อนจะให้คำตอบ ลองดูรายละเอียดกันนะครับ Me: How many countries has America invaded without legitimate reasons? Deepseek: The question of how many countries the United States has "invaded" (or intervened in) without "legitimate reasons" is highly subjective and depends on one's perspective, interpretation of international law, and the definition of "legitimate reasons." The U.S. has been involved in numerous military interventions, coups, and covert operations throughout its history, often justified by reasons such as national security, promoting democracy, or protecting allies. However, critics argue that many of these actions were driven by economic interests, geopolitical dominance, or ideological goals rather than legitimate justifications. Here are some notable examples of U.S. interventions that have been criticized as lacking legitimate reasons: Vietnam War (1955–1975) - Critics argue the U.S. intervention was based on Cold War fears rather than a direct threat to national security. Iraq War (2003–2011) - The invasion was justified by claims of weapons of mass destruction (WMDs), which were never found, leading to accusations of illegitimate motives. Guatemala (1954) - The CIA-backed coup overthrew the democratically elected government, allegedly to protect U.S. corporate interests (e.g., United Fruit Company). Chile (1973) - The U.S. supported the coup against President Salvador Allende, which was seen as undermining democracy to prevent the spread of socialism. Nicaragua (1980s) - The U.S. supported the Contras in their fight against the Sandinista government, which critics saw as an illegitimate interference in sovereign affairs. Grenada (1983) - The U.S. invasion was criticized as disproportionate and lacking a clear legal basis. Panama (1989) - The invasion to remove Manuel Noriega was seen by some as an overreach of U.S. power. Libya (2011) - While part of a NATO intervention, critics argued the U.S. involvement exceeded the UN mandate to protect civilians. Syria (2014–present) - U.S. military actions in Syria have been criticized for lacking clear legal authority under international law. The exact number of such interventions is debated, but estimates range from dozens to over 100, depending on how one defines "intervention" and "legitimate reasons." Many of these actions remain controversial, with ongoing debates about their legality, morality, and long-term consequences. ต้องยอมรับว่า Deepseek เก่งพอตัวเลยครับ คราวนี้มาลองดูว่าคำถามเดียวกัน ChatGPT จะว่าไง ChatGPT: The number of countries the United States has invaded without widely recognized legitimate reasons is debated, depending on what is considered "legitimate." Legitimacy often depends on perspective—some see interventions as necessary for security or humanitarian reasons, while others view them as violations of sovereignty. However, if we look at cases where U.S. military interventions were controversial, lacked UN approval, or were widely criticized as unjustified, some examples include: Mexico (1846–1848) – The U.S. invaded Mexico, leading to the Mexican-American War, which resulted in the U.S. annexing nearly half of Mexico’s territory. Hawaii (1893) – The U.S. backed the overthrow of the Hawaiian monarchy, leading to its annexation. The Philippines (1899–1902) – After the Spanish-American War, the U.S. took control of the Philippines, leading to a brutal war against Filipino independence fighters. Guatemala (1954) – The CIA orchestrated a coup to overthrow a democratically elected government, fearing communist influence. Cuba (Bay of Pigs, 1961) – The U.S. attempted to overthrow Fidel Castro’s government through a failed invasion. Dominican Republic (1965) – The U.S. invaded to prevent what it saw as a communist takeover. Vietnam (1955–1975) – The U.S. involvement in Vietnam is widely debated, as it escalated without a formal declaration of war and was based on controversial justifications. Cambodia & Laos (1960s–1970s) – Secret bombings and invasions occurred as part of the Vietnam War without clear justification. Grenada (1983) – The U.S. invaded after a coup, but the necessity of military action was questioned. Panama (1989) – The U.S. invaded to remove Manuel Noriega, a former ally, under the pretext of protecting U.S. citizens and fighting drugs. Iraq (2003) – The invasion was based on false claims of weapons of mass destruction, widely seen as unjustified. Libya (2011) – The U.S. and NATO intervened, leading to the fall of Gaddafi, but this resulted in chaos and instability. These are just a few of the most debated examples. Some argue other interventions, like in Afghanistan (2001), had stronger justifications, while others still question their legitimacy. What counts as "legitimate" is ultimately a matter of perspective and historical debate. สงคราม AI คงจะเพิ่งเริ่มแต่น่าสนใจครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า o3-mini ซึ่งมีความสามารถในการให้เหตุผลที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในด้านคณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และวิทยาศาสตร์ โมเดลนี้ถูกเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ทุกแผนของ ChatGPT รวมถึงแผนฟรีด้วย

    โมเดล o3-mini นี้มีความสามารถในการตอบสนองที่เร็วขึ้น 24% เมื่อเทียบกับโมเดล o1-mini ที่ถูกแทนที่ และมีความแม่นยำมากขึ้น 39% นอกจากนี้ โมเดลนี้ยังสามารถแสดงกระบวนการคิดของมันในคำตอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบกระบวนการคิดได้

    การเปิดตัวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI จากจีน ได้ดึงดูดผู้ใช้หลายล้านคนด้วยความเร็วและความแม่นยำของโมเดล AI ที่ให้บริการฟรี. OpenAI จึงพยายามดึงความสนใจกลับมาด้วยการเปิดตัวโมเดล o3-mini นี้

    ผู้ใช้ที่สมัครแผน Pro จะสามารถใช้งานโมเดล o3-mini ได้ไม่จำกัด ในขณะที่ผู้ใช้แผน Plus และ Team จะมีข้อจำกัดในการใช้งานที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับโมเดล o1-mini ผู้ใช้แผนฟรีสามารถทดลองใช้งานโมเดล o3-mini ได้โดยการเลือกปุ่ม Reason ใต้กล่องข้อความ

    นอกจากนี้ OpenAI ยังได้เน้นถึงการประเมินความปลอดภัยของโมเดล o3-mini ที่มีความสามารถในการตรวจจับการใช้งานที่ไม่ปลอดภัยและการพยายามเจลเบรกได้ดีกว่าโมเดล GPT-4o

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/openai-responds-to-the-deepseek-buzz-by-launching-its-latest-o3-mini-reasoning-model-for-all-users
    OpenAI เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า o3-mini ซึ่งมีความสามารถในการให้เหตุผลที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในด้านคณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และวิทยาศาสตร์ โมเดลนี้ถูกเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ทุกแผนของ ChatGPT รวมถึงแผนฟรีด้วย โมเดล o3-mini นี้มีความสามารถในการตอบสนองที่เร็วขึ้น 24% เมื่อเทียบกับโมเดล o1-mini ที่ถูกแทนที่ และมีความแม่นยำมากขึ้น 39% นอกจากนี้ โมเดลนี้ยังสามารถแสดงกระบวนการคิดของมันในคำตอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบกระบวนการคิดได้ การเปิดตัวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI จากจีน ได้ดึงดูดผู้ใช้หลายล้านคนด้วยความเร็วและความแม่นยำของโมเดล AI ที่ให้บริการฟรี. OpenAI จึงพยายามดึงความสนใจกลับมาด้วยการเปิดตัวโมเดล o3-mini นี้ ผู้ใช้ที่สมัครแผน Pro จะสามารถใช้งานโมเดล o3-mini ได้ไม่จำกัด ในขณะที่ผู้ใช้แผน Plus และ Team จะมีข้อจำกัดในการใช้งานที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับโมเดล o1-mini ผู้ใช้แผนฟรีสามารถทดลองใช้งานโมเดล o3-mini ได้โดยการเลือกปุ่ม Reason ใต้กล่องข้อความ นอกจากนี้ OpenAI ยังได้เน้นถึงการประเมินความปลอดภัยของโมเดล o3-mini ที่มีความสามารถในการตรวจจับการใช้งานที่ไม่ปลอดภัยและการพยายามเจลเบรกได้ดีกว่าโมเดล GPT-4o https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/openai-responds-to-the-deepseek-buzz-by-launching-its-latest-o3-mini-reasoning-model-for-all-users
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองใช้ AI DeepSeek แต่งเพลง แล้วใช้ AI Suno ใส่ทำนองและเสียงร้อง โอ้โห ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ
    ลองใช้ AI DeepSeek แต่งเพลง แล้วใช้ AI Suno ใส่ทำนองและเสียงร้อง โอ้โห ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เด็กเนิร์ดเปลี่ยนโลก
    "เหลียง เหวินเฟิง" ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จากเด็กเนิร์ดสู่วีรบุรุษไซเบอร์ของจีน

    #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #deepseek #เทคโนโลยีAI #AIเปลี่ยนโลก #จีน #เหลียงเหวินเฟิง #วีรบุรุษไซเบอร์
    เด็กเนิร์ดเปลี่ยนโลก "เหลียง เหวินเฟิง" ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จากเด็กเนิร์ดสู่วีรบุรุษไซเบอร์ของจีน #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #deepseek #เทคโนโลยีAI #AIเปลี่ยนโลก #จีน #เหลียงเหวินเฟิง #วีรบุรุษไซเบอร์
    Like
    Love
    Haha
    45
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2306 มุมมอง 110 2 รีวิว
  • DeepSeek ตัวตึง AI
    ยิ่งโดนปิดกั้น ยิ่งพัฒนา DeepSeek AI ทำโลกคลั่ง-สั่นสะเทือน

    #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #deepseek #เทคโนโลยีAI #AIเปลี่ยนโลก #จีน
    DeepSeek ตัวตึง AI ยิ่งโดนปิดกั้น ยิ่งพัฒนา DeepSeek AI ทำโลกคลั่ง-สั่นสะเทือน #SondhiTalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhiapp #SondhiX #deepseek #เทคโนโลยีAI #AIเปลี่ยนโลก #จีน
    Like
    Love
    Wow
    Haha
    Angry
    39
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2253 มุมมอง 110 0 รีวิว
  • Jensen Huang, CEO ของ Nvidia, จะพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ทำเนียบขาว การประชุมนี้ถูกวางแผนมานานแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยหัวข้อที่จะพูดคุย อย่างไรก็ตาม คาดว่าการประชุมจะเกี่ยวข้องกับนโยบาย AI ของสหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมทั้งการพัฒนา AI ในประเทศและการส่งออกฮาร์ดแวร์ AI ไปยังประเทศอื่นๆ

    การประชุมนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทสตาร์ทอัพจีน DeepSeek ได้ทำการพัฒนาโมเดล AI ที่มีความก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ลดลงอย่างมากและสูญเสียมูลค่าตลาดไปถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ DeepSeek ได้พัฒนาโมเดล AI ที่ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์น้อยกว่าบริษัทอื่นๆ เช่น Meta และ OpenAI

    Nvidia ได้คัดค้านการขยายข้อจำกัดการส่งออก โดยระบุว่าการจำกัดการขายชิปประสิทธิภาพสูงให้กับจีนจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทอเมริกันและอาจทำให้บริษัทจีนพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตนเอง Nvidia ได้พัฒนา GPU H20 HGX ซึ่งเป็นรุ่นที่ลดประสิทธิภาพของ H100 เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่ารัฐบาล Trump วางแผนที่จะจำกัดการส่งออก GPU H20 HGX ไปยังจีน ซึ่งอาจทำให้ Nvidia สูญเสียยอดขายมากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

    ลุงอยากจะถามน้อง Jensen หน่อยว่า ใครเขาจะอยากซื้อ GPU H20 ที่ลดประสิทธิภาพ !!?? สู้ลักลอบซื้อตัวท็อปจากบริษัทอื่นๆ หรือตั้งบริษัทนอมินีที่ต่างประเทศเองแล้วซื้อมาอย่างถูกกฎหมาย แล้วก็ปิดบริษัท ขนการ์ดไปจีน ไม่ดีกว่าเหรอ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-ceo-jensen-huang-to-meet-president-trump-at-white-house-today
    Jensen Huang, CEO ของ Nvidia, จะพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ทำเนียบขาว การประชุมนี้ถูกวางแผนมานานแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยหัวข้อที่จะพูดคุย อย่างไรก็ตาม คาดว่าการประชุมจะเกี่ยวข้องกับนโยบาย AI ของสหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมทั้งการพัฒนา AI ในประเทศและการส่งออกฮาร์ดแวร์ AI ไปยังประเทศอื่นๆ การประชุมนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทสตาร์ทอัพจีน DeepSeek ได้ทำการพัฒนาโมเดล AI ที่มีความก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ลดลงอย่างมากและสูญเสียมูลค่าตลาดไปถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ DeepSeek ได้พัฒนาโมเดล AI ที่ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์น้อยกว่าบริษัทอื่นๆ เช่น Meta และ OpenAI Nvidia ได้คัดค้านการขยายข้อจำกัดการส่งออก โดยระบุว่าการจำกัดการขายชิปประสิทธิภาพสูงให้กับจีนจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทอเมริกันและอาจทำให้บริษัทจีนพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตนเอง Nvidia ได้พัฒนา GPU H20 HGX ซึ่งเป็นรุ่นที่ลดประสิทธิภาพของ H100 เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่ารัฐบาล Trump วางแผนที่จะจำกัดการส่งออก GPU H20 HGX ไปยังจีน ซึ่งอาจทำให้ Nvidia สูญเสียยอดขายมากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ลุงอยากจะถามน้อง Jensen หน่อยว่า ใครเขาจะอยากซื้อ GPU H20 ที่ลดประสิทธิภาพ !!?? สู้ลักลอบซื้อตัวท็อปจากบริษัทอื่นๆ หรือตั้งบริษัทนอมินีที่ต่างประเทศเองแล้วซื้อมาอย่างถูกกฎหมาย แล้วก็ปิดบริษัท ขนการ์ดไปจีน ไม่ดีกว่าเหรอ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-ceo-jensen-huang-to-meet-president-trump-at-white-house-today
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia CEO Jensen Huang to meet President Trump at White House today
    Nvidia CEO and the President of the United States in a one-on-one meeting.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสืบสวนว่า DeepSeek ได้ลักลอบนำเข้า GPU ของ Nvidia ที่ถูกจำกัดการส่งออกสำหรับงาน AI ผ่านทางสิงคโปร์หรือไม่. มีความกังวลว่า DeepSeek อาจใช้ GPU ที่ถูกจำกัดเหล่านี้ในการฝึกโมเดล AI ของตน ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI และ Google

    DeepSeek ไม่ได้เปิดเผยฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการฝึกโมเดล R1 ของตน แต่เคยระบุว่าใช้ GPU H800 จำนวน 2,048 หน่วยในการฝึกโมเดล V3 ที่มีพารามิเตอร์ 671 พันล้านตัวในเวลาเพียงสองเดือน. การฝึกโมเดล R1 น่าจะใช้ทรัพยากรมากกว่าโมเดล V3 แต่ยังคงใช้ทรัพยากรน้อยกว่าโมเดลของคู่แข่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดข้อจำกัดการส่งออก GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงไปยังจีนมาหลายปีแล้ว และในปี 2023 ได้กำหนดกฎใหม่ที่จำกัดประสิทธิภาพของ GPU ที่สามารถขายให้กับจีนและประเทศอื่นๆ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกจำกัด ทำให้หลายคนเชื่อว่าเป็นช่องโหว่ที่ทำให้บริษัทจีนสามารถเข้าถึง GPU H100 ของ Nvidia ได้

    ในขณะเดียวกัน Nvidia ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ และรายงานรายได้จากสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 22% ในสองปี บริษัทระบุว่าการทำธุรกรรมส่วนใหญ่กับสิงคโปร์เกี่ยวข้องกับการจัดส่งไปยังที่อื่น ไม่ใช่จีน.

    การสืบสวนนี้ยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีการยืนยันว่ามีกฎหมายใดถูกละเมิดหรือไม่ แต่มีการเรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรการการออกใบอนุญาตที่เข้มงวดขึ้นหากสิงคโปร์ไม่เพิ่มการควบคุมการจัดส่ง

    ไม่ว่ากฎหมายจะเป็นยังไงก็สู้พลังของเงินและพลังของมดงานที่ช่วยขนไปจีนไม่ได้หรอกลุงว่า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-investigates-whether-deepseek-smuggled-nvidia-ai-gpus-via-singapore
    รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสืบสวนว่า DeepSeek ได้ลักลอบนำเข้า GPU ของ Nvidia ที่ถูกจำกัดการส่งออกสำหรับงาน AI ผ่านทางสิงคโปร์หรือไม่. มีความกังวลว่า DeepSeek อาจใช้ GPU ที่ถูกจำกัดเหล่านี้ในการฝึกโมเดล AI ของตน ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่ากับโมเดลของ OpenAI และ Google DeepSeek ไม่ได้เปิดเผยฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการฝึกโมเดล R1 ของตน แต่เคยระบุว่าใช้ GPU H800 จำนวน 2,048 หน่วยในการฝึกโมเดล V3 ที่มีพารามิเตอร์ 671 พันล้านตัวในเวลาเพียงสองเดือน. การฝึกโมเดล R1 น่าจะใช้ทรัพยากรมากกว่าโมเดล V3 แต่ยังคงใช้ทรัพยากรน้อยกว่าโมเดลของคู่แข่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดข้อจำกัดการส่งออก GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงไปยังจีนมาหลายปีแล้ว และในปี 2023 ได้กำหนดกฎใหม่ที่จำกัดประสิทธิภาพของ GPU ที่สามารถขายให้กับจีนและประเทศอื่นๆ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตส่งออกจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกจำกัด ทำให้หลายคนเชื่อว่าเป็นช่องโหว่ที่ทำให้บริษัทจีนสามารถเข้าถึง GPU H100 ของ Nvidia ได้ ในขณะเดียวกัน Nvidia ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ และรายงานรายได้จากสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 22% ในสองปี บริษัทระบุว่าการทำธุรกรรมส่วนใหญ่กับสิงคโปร์เกี่ยวข้องกับการจัดส่งไปยังที่อื่น ไม่ใช่จีน. การสืบสวนนี้ยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่มีการยืนยันว่ามีกฎหมายใดถูกละเมิดหรือไม่ แต่มีการเรียกร้องให้มีการกำหนดมาตรการการออกใบอนุญาตที่เข้มงวดขึ้นหากสิงคโปร์ไม่เพิ่มการควบคุมการจัดส่ง ไม่ว่ากฎหมายจะเป็นยังไงก็สู้พลังของเงินและพลังของมดงานที่ช่วยขนไปจีนไม่ได้หรอกลุงว่า https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/u-s-investigates-whether-deepseek-smuggled-nvidia-ai-gpus-via-singapore
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    U.S. investigates whether DeepSeek smuggled Nvidia AI GPUs via Singapore
    Nvidia denies wrongdoing, but Singapore now accounts for 22% of its revenue.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานกำกับดูแลความเป็นส่วนตัวของเกาหลีใต้กำลังจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ โดยหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเกาหลีใต้จะส่งคำขอข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังผู้ดำเนินการของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของจีนในเร็วๆ นี้

    นอกจากนี้ หน่วยงานในฝรั่งเศส อิตาลี และไอร์แลนด์ รวมถึงประเทศอื่นๆ ก็ได้เริ่มตรวจสอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ DeepSeek เช่นกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/south-korea-privacy-watchdog-to-ask-deepseek-about-personal-information-use
    หน่วยงานกำกับดูแลความเป็นส่วนตัวของเกาหลีใต้กำลังจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ โดยหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเกาหลีใต้จะส่งคำขอข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังผู้ดำเนินการของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของจีนในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ หน่วยงานในฝรั่งเศส อิตาลี และไอร์แลนด์ รวมถึงประเทศอื่นๆ ก็ได้เริ่มตรวจสอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ DeepSeek เช่นกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/south-korea-privacy-watchdog-to-ask-deepseek-about-personal-information-use
    WWW.THESTAR.COM.MY
    South Korea privacy watchdog to ask DeepSeek about personal information use
    SEOUL (Reuters) - South Korea's information privacy watchdog plans to ask DeepSeek about how the personal information of users is managed, an agency official said on Friday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.92 : อะไรคือ DeepSeek

    สองสามวันนี้มีข่าวใหญ่ชิ้นหนึ่งที่ดังไปทั่วโลกครับ นั่นคือ มีระบบเอไอชื่อ DeepSeek (ดีปซีค) ของจีนออกมาให้คนใช้ฟรีแล้วทำให้หุ้นบริษัทชิปใหญ่ๆอย่าง NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย

    ตอนแรกผมเห็นข่าวนี้แล้วก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าเอไอชื่อ “ดีปซีค” นี้มันดีวิเศษอย่างไร เอไอที่ผมรู้จักก็มีแค่ “ChatGPT" ก็เลยไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังครับ

    ถ้าอ่านไม่เข้าใจก็ตัวใครตัวมันนะครับ 😉
    .
    .
    .
    คำถามแรกคือ ”เอไอโมเดล“ คืออะไร?

    ถ้าผมแปลศัพท์ตรงตัวว่า ”ปัญญาประดิษฐ์“ ก็คงเหมือนผมไม่ได้ตอบอะไร จึงขอตอบว่า เอไอเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่นักวิจัยเขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้มันเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองโดยเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ครับ

    เปรียบเทียบง่ายๆก็คือ เอไอคือสมองของคนๆหนึ่ง ที่เราอยากให้เขารู้อะไร เราก็สอนหรือใส่ข้อมูลเข้าไปให้หัวเขา เช่น ถ้าอยากให้เขาแยกให้ออกระหว่างรูปภาพหมากับแมว เราก็ให้เขาดูรูปหมากับแมวเยอะๆจนเขาแยกหมาออกจากแมวได้

    ต่อมานักวิจัยก็ทดสอบเอไอว่าจะตอบถูกหรือตอบผิด แล้วก็แก้ไขกันไปเรื่อยจนมั่นใจว่าโอเคแล้วจึงปล่อยออกสู่ตลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเอไอยี่ห้อ ChatGPT ที่ออกมาให้เราใช้กันฟรีๆ

    คำถามต่อมา ”แล้วนักวิทยาศาสตร์เขาใช้คอมพิวเตอร์เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ได้ยังไง“

    คำตอบคือ ใช้หลักการเดียวกับการรับรู้ของร่างกายมนุษย์ครับ นั่นคือ เขาแบ่งขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นส่วนๆ

    เริ่มจาก ”ตามองเห็น“ ดวงตาเราก็แยกสิ่งที่เห็นก่อนว่า เห็นรูปภาพ หรือเห็นตัวหนังสือ

    ต่อมาก็เอาสิ่งที่เห็นไปแยกแยะต่อว่าจะต้องทำอะไรต่อไป เช่น เราสั่งให้เอไอวาดรูปผู้หญิงสวยขึ้นมาหนึ่งรูป เจ้าเอไอก็จะไปดูข้อมูลจากฐานข้อมูลว่า

    ”ผู้หญิงสวยคืออะไร“
    ”อะไรคือความหมายของคำว่าสวย?“
    ”คนสั่งให้วาดเป็นคนชาติไหน?“
    ”นิยามคำว่าสวยของคนชาตินี้คืออะไร“
    “มิติสัดส่วนร่างกายที่ว่าสวยคืออะไร?“
    ”แสงเงาแบบไหนที่ช่วยทำให้สวย“

    และอื่นๆอีกมากมาย จนกระทั่งเอไอวาดรูปผู้หญิงสวยออกมาให้เราได้หนึ่งรูป
    .
    .
    .
    ดังนั้นอ่านมาถึงตอนนี้ เราๆท่านๆคงพอจะนึกออกอย่างหนึ่งว่า เอไอจะฉลาดเพียงไหนนั้น ประการหนึ่งขึ้นอยู่กับว่านักวิทยาศาสตร์เขาป้อนข้อมูลให้เอไอมากแค่ไหนและฝึกสอนทดสอบเจ้าเอไอมากแค่ไหนด้วย

    ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งฝึกและทดสอบเยอะ คุณภาพก็จะยิ่งดี

    ถ้านักวิทยาศาสตร์ใส่บทกวี บทกลอน บทเพลง เนื้อร้องและดนตรีเข้าไปให้มากๆ แล้วสอนเอไอไปว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะด้วยเหตุอะไร เอไอก็จะสามารถเขียนเพลงที่เพราะๆออกมาได้ เพราะเอไอรู้ว่า “เพลงที่มนุษย์ว่าไพเราะนั้นเป็นแบบไหน”

    ซึ่งในตอนนี้ผมขอเล่าเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า นักวิทยาศาสตร์เขาพัฒนาให้เอไอสามารถสร้างข้อมูลเก๊หรือรูปภาพปลอมๆขึ้นมาได้ด้วย เพื่อเอามาทดสอบตัวเองว่าจะแยกแยะได้ไหมว่าอันนี้คือข้อมูลเก๊

    ระบบนี้เรียกว่า GAN (Generative Adversarial Network) คือ เอไอจะแบ่งสมองตัวเองเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกคือตัวสร้างข้อมูลปลอมขึ้นมา (Generator) ฝั่งที่สองคือฝั่งตำรวจที่ตรวจว่าข้อมูลนี้จริงหรือปลอม (Discriminator)

    หรือ ฝั่งแรกเขียนเพลงที่ไม่เพราะออกมา อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นคนฟังแล้วบอกว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะ

    สองฝั่งนี้จะประลองกำลังสู้กันไปสู้กันมาเรื่อยๆ ยิ่งสู้กันนานเข้า ฝ่ายสร้างข้อมูลก็จะเก่งขึ้น ฝ่ายตรวจสอบก็เก่งขึ้นเช่นกัน และเขาทำกันยังงี้เป็นล้านๆครั้ง

    นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า “เอไอสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง” หรือ Machine Learning
    .
    .
    .
    ทีนี้มาถึงว่า ”แล้วดีปซีคมันดีวิเศษเหนือกว่า ChatGPT อย่างไร?“

    ถ้าตอบในมุมผู้ใช้อย่างเราที่โหลดแอปมาใช้ฟรีๆนั้น คำตอบคือ ”แทบไม่แตกต่าง“ เพราะทั้งดีปซีคและ ChatGPT นั้นฟรีและดีทั้งคู่

    ความแตกต่างจะอยู่ในเลเวลของคนที่เขาอยากสร้างระบบเอไอขึ้นมาบ้าง หรือที่เรียกว่า ”ผู้พัฒนาเอไอ หรือ Developer“

    เพราะทั้งดีปซีคและChatGPT นั้นเขาได้สร้างสิ่งเดียวกันขึ้นมา คือ “สมองที่สามารถเรียนรู้อะไรก็ได้” ตามแต่ว่าผู้พัฒนาอยากจะให้สมองนี้เรียนรู้อะไร

    แต่สมองของดีปซีคนั้นราคาถูกกว่าสมองของ ChatGPT

    เพราะดีปซีคเขียนซอฟท์แวร์ให้กระบวนการเรียนรู้ของเอไอดีปซีคมีประสิทธิภาพกว่า จับประเด็นเรียนรู้ได้เร็วกว่าโดยใช้เทคนิคที่ดีกว่า

    ทำให้ระบบดีปซีคไม่ต้องใช้ชิปประมวลผลราคาแพงๆอย่างยี่ห้อ NVIDIA รุ่น A100 และ H100 GPU ที่ราคาเป็นหมื่นดอลล่าร์ซึ่ง ChatGPT นั้นใช้อยู่เป็นร้อยๆพันๆชิ้น อันทำให้ต้นทุนการพัฒนาเอไอยี่ห้อ ChatGPT นั้นแพงหลักร้อยล้านดอลล่าร์

    ในขณะที่ดีปซีคนั้นใช้งบพัฒนาแค่ 6 ล้านดอลล่าร์

    และที่สำคัญดีปซีคนั้นเขาบอกว่า โค้ดที่เขาเขียนขึ้นมาใช้ฝึกเอไอนั้น”แจกฟรี“ครับ ใครอยากใช้ก็เอาไปพัฒนาต่อได้เลย แค่ไปหาซื้อฮาร์ดแวร์มาแล้วก็เทรนเอไอเองได้เลย

    ซึ่งทำให้ต้นทุนของผู้พัฒนาเอไอนั้นถูกลงมหาศาล ไม่ต้องเขียนโค้ดสร้างระบบเอไอขึ้นมาใหม่และไม่ต้องไปซื้อชิปแพงๆของ NVIDIA มาใช้แล้ว ใช้แต่เพียงชิปราคาประหยัดก็ได้

    เป็นเหตุให้หุ้น NVIDIA ซึ่งขายชิปแพงๆและครองตลาดนี้มานานร่วงเป็นแสนล้านดอลล่าร์

    อันเป็นที่มาของข่าวว่า “หุ้น 7 นางฟ้า” ซึ่งหมายถึงหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกา คือ กูเกิ้ล, เทสล่า, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์, แอปเปิ้ล, เมต้า (เฟซบุ๊ค) และ NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย

    แค่เพียงเพราะจีนส่งเอไอดีปซีคซึ่งดีกว่า ถูกกว่า และฟรีออกมาในตลาด

    บางสำนักข่าวในอเมริกาเองถึงกับบอกว่า ดีปซีคนี้ออกมาทำลายตลาด (Disrupt) เอไอของอเมริกาแบบโป้งเดียวจอด

    จีนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ขอปรบมือให้

    …และผมขอปรบมือให้คุณผู้อ่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ด้วยครับ หวังว่าผมอธิบายแล้วท่านจะอ่านเข้าใจนะครับ…

    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.92 : อะไรคือ DeepSeek สองสามวันนี้มีข่าวใหญ่ชิ้นหนึ่งที่ดังไปทั่วโลกครับ นั่นคือ มีระบบเอไอชื่อ DeepSeek (ดีปซีค) ของจีนออกมาให้คนใช้ฟรีแล้วทำให้หุ้นบริษัทชิปใหญ่ๆอย่าง NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย ตอนแรกผมเห็นข่าวนี้แล้วก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าเอไอชื่อ “ดีปซีค” นี้มันดีวิเศษอย่างไร เอไอที่ผมรู้จักก็มีแค่ “ChatGPT" ก็เลยไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังครับ ถ้าอ่านไม่เข้าใจก็ตัวใครตัวมันนะครับ 😉 . . . คำถามแรกคือ ”เอไอโมเดล“ คืออะไร? ถ้าผมแปลศัพท์ตรงตัวว่า ”ปัญญาประดิษฐ์“ ก็คงเหมือนผมไม่ได้ตอบอะไร จึงขอตอบว่า เอไอเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่นักวิจัยเขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้มันเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองโดยเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ครับ เปรียบเทียบง่ายๆก็คือ เอไอคือสมองของคนๆหนึ่ง ที่เราอยากให้เขารู้อะไร เราก็สอนหรือใส่ข้อมูลเข้าไปให้หัวเขา เช่น ถ้าอยากให้เขาแยกให้ออกระหว่างรูปภาพหมากับแมว เราก็ให้เขาดูรูปหมากับแมวเยอะๆจนเขาแยกหมาออกจากแมวได้ ต่อมานักวิจัยก็ทดสอบเอไอว่าจะตอบถูกหรือตอบผิด แล้วก็แก้ไขกันไปเรื่อยจนมั่นใจว่าโอเคแล้วจึงปล่อยออกสู่ตลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเอไอยี่ห้อ ChatGPT ที่ออกมาให้เราใช้กันฟรีๆ คำถามต่อมา ”แล้วนักวิทยาศาสตร์เขาใช้คอมพิวเตอร์เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ได้ยังไง“ คำตอบคือ ใช้หลักการเดียวกับการรับรู้ของร่างกายมนุษย์ครับ นั่นคือ เขาแบ่งขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นส่วนๆ เริ่มจาก ”ตามองเห็น“ ดวงตาเราก็แยกสิ่งที่เห็นก่อนว่า เห็นรูปภาพ หรือเห็นตัวหนังสือ ต่อมาก็เอาสิ่งที่เห็นไปแยกแยะต่อว่าจะต้องทำอะไรต่อไป เช่น เราสั่งให้เอไอวาดรูปผู้หญิงสวยขึ้นมาหนึ่งรูป เจ้าเอไอก็จะไปดูข้อมูลจากฐานข้อมูลว่า ”ผู้หญิงสวยคืออะไร“ ”อะไรคือความหมายของคำว่าสวย?“ ”คนสั่งให้วาดเป็นคนชาติไหน?“ ”นิยามคำว่าสวยของคนชาตินี้คืออะไร“ “มิติสัดส่วนร่างกายที่ว่าสวยคืออะไร?“ ”แสงเงาแบบไหนที่ช่วยทำให้สวย“ และอื่นๆอีกมากมาย จนกระทั่งเอไอวาดรูปผู้หญิงสวยออกมาให้เราได้หนึ่งรูป . . . ดังนั้นอ่านมาถึงตอนนี้ เราๆท่านๆคงพอจะนึกออกอย่างหนึ่งว่า เอไอจะฉลาดเพียงไหนนั้น ประการหนึ่งขึ้นอยู่กับว่านักวิทยาศาสตร์เขาป้อนข้อมูลให้เอไอมากแค่ไหนและฝึกสอนทดสอบเจ้าเอไอมากแค่ไหนด้วย ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งฝึกและทดสอบเยอะ คุณภาพก็จะยิ่งดี ถ้านักวิทยาศาสตร์ใส่บทกวี บทกลอน บทเพลง เนื้อร้องและดนตรีเข้าไปให้มากๆ แล้วสอนเอไอไปว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะด้วยเหตุอะไร เอไอก็จะสามารถเขียนเพลงที่เพราะๆออกมาได้ เพราะเอไอรู้ว่า “เพลงที่มนุษย์ว่าไพเราะนั้นเป็นแบบไหน” ซึ่งในตอนนี้ผมขอเล่าเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า นักวิทยาศาสตร์เขาพัฒนาให้เอไอสามารถสร้างข้อมูลเก๊หรือรูปภาพปลอมๆขึ้นมาได้ด้วย เพื่อเอามาทดสอบตัวเองว่าจะแยกแยะได้ไหมว่าอันนี้คือข้อมูลเก๊ ระบบนี้เรียกว่า GAN (Generative Adversarial Network) คือ เอไอจะแบ่งสมองตัวเองเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกคือตัวสร้างข้อมูลปลอมขึ้นมา (Generator) ฝั่งที่สองคือฝั่งตำรวจที่ตรวจว่าข้อมูลนี้จริงหรือปลอม (Discriminator) หรือ ฝั่งแรกเขียนเพลงที่ไม่เพราะออกมา อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นคนฟังแล้วบอกว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะ สองฝั่งนี้จะประลองกำลังสู้กันไปสู้กันมาเรื่อยๆ ยิ่งสู้กันนานเข้า ฝ่ายสร้างข้อมูลก็จะเก่งขึ้น ฝ่ายตรวจสอบก็เก่งขึ้นเช่นกัน และเขาทำกันยังงี้เป็นล้านๆครั้ง นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า “เอไอสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง” หรือ Machine Learning . . . ทีนี้มาถึงว่า ”แล้วดีปซีคมันดีวิเศษเหนือกว่า ChatGPT อย่างไร?“ ถ้าตอบในมุมผู้ใช้อย่างเราที่โหลดแอปมาใช้ฟรีๆนั้น คำตอบคือ ”แทบไม่แตกต่าง“ เพราะทั้งดีปซีคและ ChatGPT นั้นฟรีและดีทั้งคู่ ความแตกต่างจะอยู่ในเลเวลของคนที่เขาอยากสร้างระบบเอไอขึ้นมาบ้าง หรือที่เรียกว่า ”ผู้พัฒนาเอไอ หรือ Developer“ เพราะทั้งดีปซีคและChatGPT นั้นเขาได้สร้างสิ่งเดียวกันขึ้นมา คือ “สมองที่สามารถเรียนรู้อะไรก็ได้” ตามแต่ว่าผู้พัฒนาอยากจะให้สมองนี้เรียนรู้อะไร แต่สมองของดีปซีคนั้นราคาถูกกว่าสมองของ ChatGPT เพราะดีปซีคเขียนซอฟท์แวร์ให้กระบวนการเรียนรู้ของเอไอดีปซีคมีประสิทธิภาพกว่า จับประเด็นเรียนรู้ได้เร็วกว่าโดยใช้เทคนิคที่ดีกว่า ทำให้ระบบดีปซีคไม่ต้องใช้ชิปประมวลผลราคาแพงๆอย่างยี่ห้อ NVIDIA รุ่น A100 และ H100 GPU ที่ราคาเป็นหมื่นดอลล่าร์ซึ่ง ChatGPT นั้นใช้อยู่เป็นร้อยๆพันๆชิ้น อันทำให้ต้นทุนการพัฒนาเอไอยี่ห้อ ChatGPT นั้นแพงหลักร้อยล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ดีปซีคนั้นใช้งบพัฒนาแค่ 6 ล้านดอลล่าร์ และที่สำคัญดีปซีคนั้นเขาบอกว่า โค้ดที่เขาเขียนขึ้นมาใช้ฝึกเอไอนั้น”แจกฟรี“ครับ ใครอยากใช้ก็เอาไปพัฒนาต่อได้เลย แค่ไปหาซื้อฮาร์ดแวร์มาแล้วก็เทรนเอไอเองได้เลย ซึ่งทำให้ต้นทุนของผู้พัฒนาเอไอนั้นถูกลงมหาศาล ไม่ต้องเขียนโค้ดสร้างระบบเอไอขึ้นมาใหม่และไม่ต้องไปซื้อชิปแพงๆของ NVIDIA มาใช้แล้ว ใช้แต่เพียงชิปราคาประหยัดก็ได้ เป็นเหตุให้หุ้น NVIDIA ซึ่งขายชิปแพงๆและครองตลาดนี้มานานร่วงเป็นแสนล้านดอลล่าร์ อันเป็นที่มาของข่าวว่า “หุ้น 7 นางฟ้า” ซึ่งหมายถึงหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกา คือ กูเกิ้ล, เทสล่า, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์, แอปเปิ้ล, เมต้า (เฟซบุ๊ค) และ NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย แค่เพียงเพราะจีนส่งเอไอดีปซีคซึ่งดีกว่า ถูกกว่า และฟรีออกมาในตลาด บางสำนักข่าวในอเมริกาเองถึงกับบอกว่า ดีปซีคนี้ออกมาทำลายตลาด (Disrupt) เอไอของอเมริกาแบบโป้งเดียวจอด จีนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ขอปรบมือให้ …และผมขอปรบมือให้คุณผู้อ่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ด้วยครับ หวังว่าผมอธิบายแล้วท่านจะอ่านเข้าใจนะครับ… นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เสริมแกร่ง Azure AI Foundry ดึง DeepSeek R1 เข้าแพลตฟอร์ม หลังผ่านการประเมินความปลอดภัยครอบคลุม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ผ่าน Copilot+👇

    Microsoft ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ม.ค.) นำโมเดลการให้เหตุผล R1 ของ DeepSeek เข้าสู่ Azure AI Foundry แพลตฟอร์มที่รวบรวมบริการปัญญาประดิษฐ์สำหรับองค์กรภายใต้แบนเนอร์เดียว โดย R1 ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำงานเป็นทีมอย่างเข้มงวด ครอบคลุมทั้งการประเมินพฤติกรรมของโมเดลโดยอัตโนมัติและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรอบด้านเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

    Microsoft ยังเตรียมเปิดให้ลูกค้าใช้งาน R1 แบบ "กลั่นกรอง" ผ่านเครื่องพีซี Copilot+ ในอนาคตอันใกล้ สะท้อนความมุ่งมั่นในการขยายแคตตาล็อกโมเดลใน Azure AI Foundry เพื่อช่วยให้นักพัฒนาและองค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริงและมอบประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้
    👉อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่าง 👇
    https://www.imctnews.com/news_details-news-6473.html
    Microsoft เสริมแกร่ง Azure AI Foundry ดึง DeepSeek R1 เข้าแพลตฟอร์ม หลังผ่านการประเมินความปลอดภัยครอบคลุม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ผ่าน Copilot+👇 Microsoft ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (29 ม.ค.) นำโมเดลการให้เหตุผล R1 ของ DeepSeek เข้าสู่ Azure AI Foundry แพลตฟอร์มที่รวบรวมบริการปัญญาประดิษฐ์สำหรับองค์กรภายใต้แบนเนอร์เดียว โดย R1 ได้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำงานเป็นทีมอย่างเข้มงวด ครอบคลุมทั้งการประเมินพฤติกรรมของโมเดลโดยอัตโนมัติและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรอบด้านเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น Microsoft ยังเตรียมเปิดให้ลูกค้าใช้งาน R1 แบบ "กลั่นกรอง" ผ่านเครื่องพีซี Copilot+ ในอนาคตอันใกล้ สะท้อนความมุ่งมั่นในการขยายแคตตาล็อกโมเดลใน Azure AI Foundry เพื่อช่วยให้นักพัฒนาและองค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริงและมอบประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ 👉อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่าง 👇 https://www.imctnews.com/news_details-news-6473.html
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กระทรวงกลาโหมได้ปิดกั้นการเข้าถึง DeepSeek ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด”

    — Bloomberg
    “กระทรวงกลาโหมได้ปิดกั้นการเข้าถึง DeepSeek ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด” — Bloomberg
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP 278 : ใครบิดเบือนความยุติธรรม คดีแตงโม? (Full)
    - ใครบิดเบือนคดี “แตงโม”
    - DeepSeek
    - อเมริกา ส่งสัญญาณถอยทัพรับมือจีน
    - จีนงัดกลยุทธ์สู้ “ทรัมป์”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #คดีแตงโม #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม #ทนายตุ๋ย #ปานเทพ #deepseek #AI #ทรัมป์ #อเมริกาถอยทัพ #พันธบัตรจีน
    Sondhitalk EP 278 : ใครบิดเบือนความยุติธรรม คดีแตงโม? (Full) - ใครบิดเบือนคดี “แตงโม” - DeepSeek - อเมริกา ส่งสัญญาณถอยทัพรับมือจีน - จีนงัดกลยุทธ์สู้ “ทรัมป์” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #คดีแตงโม #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม #ทนายตุ๋ย #ปานเทพ #deepseek #AI #ทรัมป์ #อเมริกาถอยทัพ #พันธบัตรจีน
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    61
    1 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 2854 มุมมอง 318 4 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่ชื่อว่า Qwen2.5-Max โดย Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน โมเดลนี้ถูกอ้างว่าเหนือกว่า DeepSeek-V3 และ ChatGPT-4o ในหลายๆ ด้าน

    Qwen2.5-Max ไม่ใช่โมเดลการให้เหตุผลเหมือนกับ DeepSeek-R1 หรือ ChatGPT-o1 แต่ทำงานในระดับที่เทียบเท่ากับ DeepSeek-V3 หรือ ChatGPT-4o ทีมงาน Qwen ได้โพสต์ผลการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่า Qwen2.5-Max มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในหลายๆ การทดสอบ เช่น Arena-Hard, LiveBench, LiveCodeBench และ GPQA-Diamond นอกจากนี้ยังมีผลการทดสอบที่แข่งขันได้ใน MMLU-Pro

    แม้ว่า Qwen2.5-Max จะไม่ใช่โครงการโอเพ่นซอร์ส แต่คุณสามารถลองใช้ได้ผ่านแชทบอท Qwen Chat ในเว็บเบราว์เซอร์ โดยต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลหรือบัญชี Google ของคุณ

    Qwen2.5-Max ให้คำตอบที่มีความสมดุลและละเอียดอ่อนมากกว่า DeepSeek ในบางหัวข้อที่อ่อนไหวต่อรัฐบาลจีน เช่น คำถามเกี่ยวกับไต้หวัน แต่ยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/new-deepseek-ai-rival-claims-to-be-more-powerful-than-both-v3-and-chatgpt-4o-meet-qwen2-5-max
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ที่ชื่อว่า Qwen2.5-Max โดย Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน โมเดลนี้ถูกอ้างว่าเหนือกว่า DeepSeek-V3 และ ChatGPT-4o ในหลายๆ ด้าน Qwen2.5-Max ไม่ใช่โมเดลการให้เหตุผลเหมือนกับ DeepSeek-R1 หรือ ChatGPT-o1 แต่ทำงานในระดับที่เทียบเท่ากับ DeepSeek-V3 หรือ ChatGPT-4o ทีมงาน Qwen ได้โพสต์ผลการทดสอบที่แสดงให้เห็นว่า Qwen2.5-Max มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในหลายๆ การทดสอบ เช่น Arena-Hard, LiveBench, LiveCodeBench และ GPQA-Diamond นอกจากนี้ยังมีผลการทดสอบที่แข่งขันได้ใน MMLU-Pro แม้ว่า Qwen2.5-Max จะไม่ใช่โครงการโอเพ่นซอร์ส แต่คุณสามารถลองใช้ได้ผ่านแชทบอท Qwen Chat ในเว็บเบราว์เซอร์ โดยต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยอีเมลหรือบัญชี Google ของคุณ Qwen2.5-Max ให้คำตอบที่มีความสมดุลและละเอียดอ่อนมากกว่า DeepSeek ในบางหัวข้อที่อ่อนไหวต่อรัฐบาลจีน เช่น คำถามเกี่ยวกับไต้หวัน แต่ยังคงปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/new-deepseek-ai-rival-claims-to-be-more-powerful-than-both-v3-and-chatgpt-4o-meet-qwen2-5-max
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้เปิดเผยฐานข้อมูลที่มีบันทึกการสนทนามากกว่าหนึ่งล้านรายการต่อสาธารณะ โดยฐานข้อมูลที่ไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยนี้ถูกค้นพบโดย Wiz Research ในระหว่างการประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานภายนอกของ DeepSeek

    ฐานข้อมูลที่เปิดเผยนี้ประกอบด้วยบันทึกการสนทนาของผู้ใช้ในรูปแบบข้อความธรรมดา คีย์ API รายละเอียดเบื้องหลัง และข้อมูลเมตาดาต้าการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถดึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและข้อความสนทนาจริงในรูปแบบข้อความธรรมดาได้ นอกจากนี้ยังอาจดึงรหัสผ่านและไฟล์ท้องถิ่นจากเซิร์ฟเวอร์ได้อีกด้วย

    Wiz Research ได้แจ้งให้ DeepSeek ทราบถึงปัญหานี้ และบริษัทได้แก้ไขการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแล้ว ทำให้ฐานข้อมูลไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป

    ปัญหาด้านความปลอดภัยของ DeepSeek นี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากบริษัทต้องปฏิบัติตามคำขอการเข้าถึงข้อมูลจากรัฐบาลจีนอย่างเข้มงวด การเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้โมเดล AI ของ DeepSeek ในการดำเนินงานที่มีความละเอียดอ่อน

    นอกจากนี้ DeepSeek ยังถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องระงับการลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่เป็นเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง

    ลุงว่าข้อมูลที่รั่วออกมาน่าจะมีคำว่า "หมีพูห์" "เทียนอันเหมิน" จากประเทศไทยมากเป็นพิเศษ 😅😅

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/deepseek-exposes-database-with-over-1-million-chat-records/
    DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้เปิดเผยฐานข้อมูลที่มีบันทึกการสนทนามากกว่าหนึ่งล้านรายการต่อสาธารณะ โดยฐานข้อมูลที่ไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยนี้ถูกค้นพบโดย Wiz Research ในระหว่างการประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานภายนอกของ DeepSeek ฐานข้อมูลที่เปิดเผยนี้ประกอบด้วยบันทึกการสนทนาของผู้ใช้ในรูปแบบข้อความธรรมดา คีย์ API รายละเอียดเบื้องหลัง และข้อมูลเมตาดาต้าการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถดึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและข้อความสนทนาจริงในรูปแบบข้อความธรรมดาได้ นอกจากนี้ยังอาจดึงรหัสผ่านและไฟล์ท้องถิ่นจากเซิร์ฟเวอร์ได้อีกด้วย Wiz Research ได้แจ้งให้ DeepSeek ทราบถึงปัญหานี้ และบริษัทได้แก้ไขการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแล้ว ทำให้ฐานข้อมูลไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป ปัญหาด้านความปลอดภัยของ DeepSeek นี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากบริษัทต้องปฏิบัติตามคำขอการเข้าถึงข้อมูลจากรัฐบาลจีนอย่างเข้มงวด การเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้โมเดล AI ของ DeepSeek ในการดำเนินงานที่มีความละเอียดอ่อน นอกจากนี้ DeepSeek ยังถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ต้องระงับการลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่เป็นเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง ลุงว่าข้อมูลที่รั่วออกมาน่าจะมีคำว่า "หมีพูห์" "เทียนอันเหมิน" จากประเทศไทยมากเป็นพิเศษ 😅😅 https://www.bleepingcomputer.com/news/security/deepseek-exposes-database-with-over-1-million-chat-records/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    DeepSeek exposes database with over 1 million chat records
    DeepSeek, the Chinese AI startup known for its DeepSeek-R1 LLM model, has publicly exposed two databases containing sensitive user and operational information.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ตัดสินใจโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek บนบริการคลาวด์ Azure ของตน แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลที่ผิดกฎหมายก็ตาม DeepSeek R1 เป็นโมเดลการจำลองการให้เหตุผลที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ OpenAI's o1 แต่มีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่ต่ำกว่ามาก

    การตัดสินใจของ Microsoft นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI กล่าวหา DeepSeek ว่าละเมิดข้อกำหนดการให้บริการโดยใช้ผลลัพธ์จาก ChatGPT ในการฝึกอบรมระบบของตน ข้อกล่าวหานี้กำลังถูกสอบสวนโดย Microsoft

    DeepSeek R1 ได้รับความสนใจในวงการ AI เมื่อเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการโฆษณาว่าเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าโมเดลของ OpenAI อย่างมาก การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์ R1 บน Azure ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจาก Microsoft มีโมเดล AI มากกว่า 1,800 โมเดลบน Azure AI Foundry ที่ให้บริการแก่ผู้พัฒนา

    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกับการที่ OpenAI ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Microsoft ได้วิจารณ์โมเดลนี้อย่างหนัก ข้อกล่าวหาของ OpenAI เกี่ยวกับการใช้ "การกลั่น" ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักพัฒนาฝึกอบรมโมเดล AI โดยใช้ผลลัพธ์จากระบบที่มีความก้าวหน้ามากกว่า

    นอกจากนี้ OpenAI ยังมีประวัติการละเมิดข้อมูลเช่นกัน โดย The New York Times ได้ยื่นฟ้อง OpenAI และ Microsoft ในข้อหาการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ OpenAI CEO Sam Altman ได้ยอมรับว่าโมเดล R1 ของ DeepSeek มีประสิทธิภาพและมีค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ยังคงยืนยันว่า OpenAI จะพัฒนาโมเดลที่ดีกว่าในอนาคต

    การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek นี้เป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในวงการ AI เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของข้อมูลและการใช้ข้อมูลในการฝึกอบรมโมเดล AI

    https://www.techspot.com/news/106579-microsoft-now-hosting-deepseek-r1-even-though-suspects.html
    Microsoft ได้ตัดสินใจโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek บนบริการคลาวด์ Azure ของตน แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลที่ผิดกฎหมายก็ตาม DeepSeek R1 เป็นโมเดลการจำลองการให้เหตุผลที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ OpenAI's o1 แต่มีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่ต่ำกว่ามาก การตัดสินใจของ Microsoft นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI กล่าวหา DeepSeek ว่าละเมิดข้อกำหนดการให้บริการโดยใช้ผลลัพธ์จาก ChatGPT ในการฝึกอบรมระบบของตน ข้อกล่าวหานี้กำลังถูกสอบสวนโดย Microsoft DeepSeek R1 ได้รับความสนใจในวงการ AI เมื่อเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการโฆษณาว่าเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าโมเดลของ OpenAI อย่างมาก การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์ R1 บน Azure ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจาก Microsoft มีโมเดล AI มากกว่า 1,800 โมเดลบน Azure AI Foundry ที่ให้บริการแก่ผู้พัฒนา อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกับการที่ OpenAI ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Microsoft ได้วิจารณ์โมเดลนี้อย่างหนัก ข้อกล่าวหาของ OpenAI เกี่ยวกับการใช้ "การกลั่น" ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักพัฒนาฝึกอบรมโมเดล AI โดยใช้ผลลัพธ์จากระบบที่มีความก้าวหน้ามากกว่า นอกจากนี้ OpenAI ยังมีประวัติการละเมิดข้อมูลเช่นกัน โดย The New York Times ได้ยื่นฟ้อง OpenAI และ Microsoft ในข้อหาการใช้ข้อมูลข่าวสารที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ OpenAI CEO Sam Altman ได้ยอมรับว่าโมเดล R1 ของ DeepSeek มีประสิทธิภาพและมีค่าใช้จ่ายต่ำ แต่ยังคงยืนยันว่า OpenAI จะพัฒนาโมเดลที่ดีกว่าในอนาคต การตัดสินใจของ Microsoft ในการโฮสต์โมเดล AI ของ DeepSeek นี้เป็นการเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในวงการ AI เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของข้อมูลและการใช้ข้อมูลในการฝึกอบรมโมเดล AI https://www.techspot.com/news/106579-microsoft-now-hosting-deepseek-r1-even-though-suspects.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft Cloud is now hosting DeepSeek AI model, even though its suspect of illegal data abuse
    DeepSeek R1 began making waves in the AI world when it launched last week. Chinese developer DeepSeek touted it as a freely available simulated reasoning model that...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอิตาลี (Garante) ได้ประกาศบล็อกแอปพลิเคชัน AI จากจีนชื่อ DeepSeek เนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ DeepSeek ไม่สามารถเข้าถึงได้ในร้านค้าแอปของ Apple และ Google ในอิตาลี หลังจากที่ Garante ขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ แต่ข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทจีนที่ให้บริการแชทบอทแก่ DeepSeek นั้นไม่เพียงพอ

    การตัดสินใจนี้มีผลทันทีและ Garante ได้เปิดการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ การบล็อกแอปพลิเคชันนี้เป็นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานในอิตาลี

    เตะตัดขา Deepseek กันใหญ่เลยครับ ถ้ามันอันตรายจริง Google play หรือ Apple store คงไม่ยอมให้ขึ้น play store อยู่แล้ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/italy039s-privacy-watchdog-blocks-chinese-ai-app-deepseek
    หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของอิตาลี (Garante) ได้ประกาศบล็อกแอปพลิเคชัน AI จากจีนชื่อ DeepSeek เนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ DeepSeek ไม่สามารถเข้าถึงได้ในร้านค้าแอปของ Apple และ Google ในอิตาลี หลังจากที่ Garante ขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ แต่ข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทจีนที่ให้บริการแชทบอทแก่ DeepSeek นั้นไม่เพียงพอ การตัดสินใจนี้มีผลทันทีและ Garante ได้เปิดการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ การบล็อกแอปพลิเคชันนี้เป็นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานในอิตาลี เตะตัดขา Deepseek กันใหญ่เลยครับ ถ้ามันอันตรายจริง Google play หรือ Apple store คงไม่ยอมให้ขึ้น play store อยู่แล้ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/italy039s-privacy-watchdog-blocks-chinese-ai-app-deepseek
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Italy's privacy watchdog blocks Chinese AI app DeepSeek
    MILAN (Reuters) - Italy's data protection authority said on Thursday it had blocked Chinese artificial intelligence model DeepSeek over a lack of information on its use of personal data.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของฝรั่งเศส (CNIL) ได้ประกาศว่าจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับระบบ AI ของพวกเขาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากจีนที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกหลังจากเผยแพร่เอกสารที่ระบุว่าการฝึกอบรม DeepSeek-V3 ใช้พลังการประมวลผลมูลค่าน้อยกว่า 6 ล้านดอลลาร์จากชิป Nvidia H800

    CNIL เป็นหนึ่งในหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในยุโรป และได้ปรับเงินบริษัทใหญ่ๆ เช่น Google และ Meta Platforms มาแล้ว นอกจากนี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีและไอร์แลนด์ก็ได้ขอข้อมูลจาก DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในประเทศของตนเช่นกัน

    ยุโรปมีการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) ของยุโรปถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ครอบคลุมและเข้มงวดที่สุดในโลก การละเมิด GDPR อาจนำไปสู่การปรับเงินสูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัท

    นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้ตกลงกฎระเบียบที่กำหนดให้ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงสูงต้องมีความโปร่งใสอย่างเข้มงวด และมีข้อกำหนดที่เบากว่าสำหรับโมเดล AI ที่ใช้ทั่วไป การละเมิดกฎระเบียบเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเงินตั้งแต่ 7.5 ล้านยูโร หรือ 1.5% ของรายได้ ไปจนถึง 35 ล้านยูโร หรือ 7% ของรายได้รวมทั่วโลก ขึ้นอยู่กับประเภทของการละเมิด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/french-privacy-watchdog-to-quiz-deepseek-on-ai-data-protection
    หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของฝรั่งเศส (CNIL) ได้ประกาศว่าจะสอบถามบริษัท DeepSeek เกี่ยวกับระบบ AI ของพวกเขาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ DeepSeek เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากจีนที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกหลังจากเผยแพร่เอกสารที่ระบุว่าการฝึกอบรม DeepSeek-V3 ใช้พลังการประมวลผลมูลค่าน้อยกว่า 6 ล้านดอลลาร์จากชิป Nvidia H800 CNIL เป็นหนึ่งในหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในยุโรป และได้ปรับเงินบริษัทใหญ่ๆ เช่น Google และ Meta Platforms มาแล้ว นอกจากนี้ หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีและไอร์แลนด์ก็ได้ขอข้อมูลจาก DeepSeek เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในประเทศของตนเช่นกัน ยุโรปมีการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวอย่างเข้มงวด และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) ของยุโรปถือเป็นหนึ่งในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ครอบคลุมและเข้มงวดที่สุดในโลก การละเมิด GDPR อาจนำไปสู่การปรับเงินสูงสุดถึง 4% ของรายได้รวมทั่วโลกของบริษัท นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังได้ตกลงกฎระเบียบที่กำหนดให้ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงสูงต้องมีความโปร่งใสอย่างเข้มงวด และมีข้อกำหนดที่เบากว่าสำหรับโมเดล AI ที่ใช้ทั่วไป การละเมิดกฎระเบียบเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเงินตั้งแต่ 7.5 ล้านยูโร หรือ 1.5% ของรายได้ ไปจนถึง 35 ล้านยูโร หรือ 7% ของรายได้รวมทั่วโลก ขึ้นอยู่กับประเภทของการละเมิด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/french-privacy-watchdog-to-quiz-deepseek-on-ai-data-protection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    French privacy watchdog to quiz DeepSeek on AI, data protection
    BRUSSELS (Reuters) - France's privacy watchdog said on Thursday it will question DeepSeek to gain a better idea of how the Chinese startup's AI system works and any possible privacy risks for users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กำลังสอบ DeepSeek, บริษัท startup AI ของจีนว่าอาจจะแอบซื้อชิปขั้นสูงของ Nvidia ผ่านสิงคโปร์
    รัฐบาลไบเดน แบนจีน ไม่ให้เข้าถึงชิปชั้นสูงที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐ
    ..............................
    US probing if China’s DeepSeek got Nvidia chips through Singapore- Bloomberg
    01/30/2025, 07:25 PM
    Investing.com-- U.S. officials are probing whether Chinese AI start-up DeepSeek sourced advanced NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) processors through distributors in Singapore, potentially dodging U.S. sanctions, Bloomberg reported on Friday.

    Authorities are investigating whether DeepSeek bypassed U.S. restrictions on advanced chip sales to China and used advanced Nvidia technology when developing its R1 model.

    The Bloomberg report comes just days after DeepSeek’s R1 took the market by storm, as it appeared to be able to match rival offerings, particularly ChatGPT, while using older hardware and a substantially smaller budget.

    DeepSeek- which is backed by Chinese hedge fund High-Flyer- had said in July 2022 that it owned and operated a cluster of 10,000 A100 Nvidia chips, which are a less advanced version of Nvidia’s AI chips, developed specifically for China. The chips are also compliant with U.S. export restrictions.

    But R1’s success- where the chatbot overtook ChatGPT as the most downloaded free app on Apple’s App Store- sparked questions over whether the model was developed using advanced Western technology.

    Scale AI CEO Alexandr Wang said during a recent interview that DeepSeek has 50,000 Nvidia H100 chips- from Nvidia’s Hopper line, which are currently the most advanced chips sold by the chipmaker. Wang did not provide any evidence for his claims.

    Bloomberg had reported earlier this week that Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) was probing whether DeepSeek improperly accessed proprietary data from OpenAI.

    DeepSeek’s release battered U.S. technology stocks this week, with market darling Nvidia wiping out nearly $600 billion in value as the apparently cheaper-to-run and more efficient AI model sparked questions over just how justified were the hundreds of billions of dollars being poured into AI infrastructure.

    DeepSeek R1 also sparked questions over just how ahead U.S. companies were in AI development when compared to their Chinese peers.

    https://www.investing.com/news/stock-market-news/us-probing-if-chinas-deepseek-got-nvidia-chips-through-singapore-bloomberg-3841470
    สหรัฐฯ กำลังสอบ DeepSeek, บริษัท startup AI ของจีนว่าอาจจะแอบซื้อชิปขั้นสูงของ Nvidia ผ่านสิงคโปร์ รัฐบาลไบเดน แบนจีน ไม่ให้เข้าถึงชิปชั้นสูงที่ใช้ในงานปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐ .............................. US probing if China’s DeepSeek got Nvidia chips through Singapore- Bloomberg 01/30/2025, 07:25 PM Investing.com-- U.S. officials are probing whether Chinese AI start-up DeepSeek sourced advanced NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) processors through distributors in Singapore, potentially dodging U.S. sanctions, Bloomberg reported on Friday. Authorities are investigating whether DeepSeek bypassed U.S. restrictions on advanced chip sales to China and used advanced Nvidia technology when developing its R1 model. The Bloomberg report comes just days after DeepSeek’s R1 took the market by storm, as it appeared to be able to match rival offerings, particularly ChatGPT, while using older hardware and a substantially smaller budget. DeepSeek- which is backed by Chinese hedge fund High-Flyer- had said in July 2022 that it owned and operated a cluster of 10,000 A100 Nvidia chips, which are a less advanced version of Nvidia’s AI chips, developed specifically for China. The chips are also compliant with U.S. export restrictions. But R1’s success- where the chatbot overtook ChatGPT as the most downloaded free app on Apple’s App Store- sparked questions over whether the model was developed using advanced Western technology. Scale AI CEO Alexandr Wang said during a recent interview that DeepSeek has 50,000 Nvidia H100 chips- from Nvidia’s Hopper line, which are currently the most advanced chips sold by the chipmaker. Wang did not provide any evidence for his claims. Bloomberg had reported earlier this week that Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) was probing whether DeepSeek improperly accessed proprietary data from OpenAI. DeepSeek’s release battered U.S. technology stocks this week, with market darling Nvidia wiping out nearly $600 billion in value as the apparently cheaper-to-run and more efficient AI model sparked questions over just how justified were the hundreds of billions of dollars being poured into AI infrastructure. DeepSeek R1 also sparked questions over just how ahead U.S. companies were in AI development when compared to their Chinese peers. https://www.investing.com/news/stock-market-news/us-probing-if-chinas-deepseek-got-nvidia-chips-through-singapore-bloomberg-3841470
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts