• Medusa Halo – APU ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งวงการ

    ในปี 2027 AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Medusa Halo ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ เพราะมันไม่ใช่แค่ชิปประมวลผลทั่วไป แต่เป็น APU ที่รวมพลังของ Zen 6 CPU และ RDNA 5 GPU ไว้ในตัวเดียวกันอย่างทรงพลัง

    จากข้อมูลที่รั่วออกมาโดย Moore’s Law is Dead ชิปนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงจาก TSMC คือ N2P สำหรับ CPU และ N3P สำหรับ I/O die โดยรุ่นพื้นฐานจะมี 12 คอร์ Zen 6 และ 2 คอร์ Zen 6 LP สำหรับงานเบา ๆ ส่วนรุ่นสูงสุดอาจมีเพิ่มอีก 12 คอร์ ทำให้รวมได้ถึง 24 หรือ 26 คอร์

    ด้านกราฟิก Medusa Halo จะมาพร้อม 48 คอร์ประมวลผล (CUs) บนสถาปัตยกรรม RDNA 5 ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกระดับกลางอย่าง RTX 5070 Ti และมีแคช L2 ถึง 20 MB

    หน่วยความจำก็ไม่น้อยหน้า โดยรองรับ LPDDR6 แบบ 384-bit หรือ LPDDR5X แบบ 256-bit ซึ่งให้แบนด์วิดธ์สูงมาก เหมาะกับงานกราฟิกและ AI ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล

    นอกจากนี้ยังมีรุ่นเล็กชื่อ Medusa Halo Mini สำหรับโน้ตบุ๊กและพีซีขนาดเล็ก โดยมี 14 คอร์ CPU และ 24 CUs GPU พร้อมแคช L2 10 MB และคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำแบบ 128-bit LPDDR5X หรืออาจอัปเกรดเป็น 192-bit LPDDR6

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่น Medusa Halo ในปี 2027
    ใช้ Zen 6 CPU chiplets บนเทคโนโลยี TSMC N2P และ I/O die บน N3P
    รุ่นพื้นฐานมี 12 Zen 6 cores + 2 Zen 6 LP cores
    รุ่นสูงสุดอาจมีเพิ่มอีก 12-core CCD รวมเป็น 24–26 cores
    GPU ภายในใช้ RDNA 5 จำนวน 48 CUs พร้อม L2 cache ขนาด 20 MB
    ประสิทธิภาพกราฟิกใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti
    รองรับหน่วยความจำ LPDDR6 แบบ 384-bit หรือ LPDDR5X แบบ 256-bit
    มีรุ่น Medusa Halo Mini สำหรับโน้ตบุ๊กและพีซีขนาดเล็ก
    Medusa Halo Mini มี 14 คอร์ CPU และ 24 CUs GPU พร้อม L2 cache 10 MB
    ใช้คอนโทรลเลอร์หน่วยความจำแบบ 128-bit LPDDR5X หรือ 192-bit LPDDR6

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RDNA 5 อาจเป็นสถาปัตยกรรมเดียวกับที่ใช้ในการ์ดจอแยกรุ่น PTX 1060 XT
    Infinity Fabric รุ่นใหม่ใน Zen 6 จะเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น
    TSMC N2P ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 20% หรือลดการใช้พลังงานได้ถึง 36%
    การรวม GPU ระดับกลางไว้ใน APU จะช่วยลดต้นทุนและขนาดของระบบ
    AMD อาจใช้แนวทางเดียวกันใน Xbox Magnus APU สำหรับคอนโซลรุ่นใหม่

    https://www.techpowerup.com/340216/amd-medusa-halo-apu-leak-reveals-up-to-24-cores-and-48-rdna-5-cus
    🎙️ Medusa Halo – APU ที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งวงการ ในปี 2027 AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Medusa Halo ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์ เพราะมันไม่ใช่แค่ชิปประมวลผลทั่วไป แต่เป็น APU ที่รวมพลังของ Zen 6 CPU และ RDNA 5 GPU ไว้ในตัวเดียวกันอย่างทรงพลัง จากข้อมูลที่รั่วออกมาโดย Moore’s Law is Dead ชิปนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงจาก TSMC คือ N2P สำหรับ CPU และ N3P สำหรับ I/O die โดยรุ่นพื้นฐานจะมี 12 คอร์ Zen 6 และ 2 คอร์ Zen 6 LP สำหรับงานเบา ๆ ส่วนรุ่นสูงสุดอาจมีเพิ่มอีก 12 คอร์ ทำให้รวมได้ถึง 24 หรือ 26 คอร์ ด้านกราฟิก Medusa Halo จะมาพร้อม 48 คอร์ประมวลผล (CUs) บนสถาปัตยกรรม RDNA 5 ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการ์ดจอแยกระดับกลางอย่าง RTX 5070 Ti และมีแคช L2 ถึง 20 MB หน่วยความจำก็ไม่น้อยหน้า โดยรองรับ LPDDR6 แบบ 384-bit หรือ LPDDR5X แบบ 256-bit ซึ่งให้แบนด์วิดธ์สูงมาก เหมาะกับงานกราฟิกและ AI ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ยังมีรุ่นเล็กชื่อ Medusa Halo Mini สำหรับโน้ตบุ๊กและพีซีขนาดเล็ก โดยมี 14 คอร์ CPU และ 24 CUs GPU พร้อมแคช L2 10 MB และคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำแบบ 128-bit LPDDR5X หรืออาจอัปเกรดเป็น 192-bit LPDDR6 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่น Medusa Halo ในปี 2027 ➡️ ใช้ Zen 6 CPU chiplets บนเทคโนโลยี TSMC N2P และ I/O die บน N3P ➡️ รุ่นพื้นฐานมี 12 Zen 6 cores + 2 Zen 6 LP cores ➡️ รุ่นสูงสุดอาจมีเพิ่มอีก 12-core CCD รวมเป็น 24–26 cores ➡️ GPU ภายในใช้ RDNA 5 จำนวน 48 CUs พร้อม L2 cache ขนาด 20 MB ➡️ ประสิทธิภาพกราฟิกใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti ➡️ รองรับหน่วยความจำ LPDDR6 แบบ 384-bit หรือ LPDDR5X แบบ 256-bit ➡️ มีรุ่น Medusa Halo Mini สำหรับโน้ตบุ๊กและพีซีขนาดเล็ก ➡️ Medusa Halo Mini มี 14 คอร์ CPU และ 24 CUs GPU พร้อม L2 cache 10 MB ➡️ ใช้คอนโทรลเลอร์หน่วยความจำแบบ 128-bit LPDDR5X หรือ 192-bit LPDDR6 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RDNA 5 อาจเป็นสถาปัตยกรรมเดียวกับที่ใช้ในการ์ดจอแยกรุ่น PTX 1060 XT ➡️ Infinity Fabric รุ่นใหม่ใน Zen 6 จะเร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น ➡️ TSMC N2P ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 20% หรือลดการใช้พลังงานได้ถึง 36% ➡️ การรวม GPU ระดับกลางไว้ใน APU จะช่วยลดต้นทุนและขนาดของระบบ ➡️ AMD อาจใช้แนวทางเดียวกันใน Xbox Magnus APU สำหรับคอนโซลรุ่นใหม่ https://www.techpowerup.com/340216/amd-medusa-halo-apu-leak-reveals-up-to-24-cores-and-48-rdna-5-cus
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Medusa Halo APU Leak Reveals Up to 24 Cores and 48 RDNA 5 CUs
    A fresh leak has shed light on AMD's next-gen Medusa Halo APU that is set to launch in 2027 as the company's top-of-the-line chip (dismissing previous rumors about AMD cancelling Medusa Halo APU). Moore's Law is Dead has shared information suggesting Medusa Halo will pack Zen 6 CPU chiplets made usi...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ AMD เผลอเปิดประตู – FSR 4 อาจรองรับการ์ดรุ่นเก่ามากกว่าที่คิด

    ในวันที่ 20 สิงหาคม 2025 AMD เผลอปล่อยซอร์สโค้ดของ FSR 4 (FidelityFX Super Resolution 4) บน GitHub ผ่านโปรเจกต์ GPUOpen โดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบลบออกภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่ไม่ทันสายตานักพัฒนาและนักข่าวที่จับภาพหน้าจอไว้ทัน

    สิ่งที่น่าสนใจคือในโค้ดนั้นมีไฟล์ที่ใช้รูปแบบตัวเลข INT8 (8-bit integer) ซึ่งต่างจาก FP8 (floating point 8-bit) ที่ใช้ใน GPU รุ่นใหม่อย่าง Radeon RX 9000 ที่มี AI accelerator รองรับ FP8 โดยตรง การมีเวอร์ชัน INT8 บ่งชี้ว่า AMD อาจกำลังพัฒนา FSR 4 ให้รองรับ GPU รุ่นเก่าอย่าง RDNA 3 ที่ไม่มี FP8 accelerator

    แม้ AMD จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การมีไฟล์ INT8 ใน SDK ทำให้เกิดความหวังว่า FSR 4 อาจใช้งานได้บน Radeon RX 7000 หรือแม้แต่ GPU รุ่นก่อนหน้า ซึ่งจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่อัปเกรดฮาร์ดแวร์

    อย่างไรก็ตาม AMD ได้เปลี่ยนรูปแบบการแจกจ่าย SDK ใหม่ โดยล็อกฟีเจอร์ไว้ใน DLL ที่เซ็นชื่อแล้ว ทำให้นักพัฒนาไม่สามารถแก้ไขหรือโมดิฟายโค้ดได้เหมือนใน FSR 3 ซึ่งเคยเปิดซอร์สเต็มรูปแบบ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    AMD เผลอปล่อยซอร์สโค้ดของ FSR 4 บน GitHub ก่อนลบออกอย่างรวดเร็ว
    โค้ดเผยให้เห็นไฟล์ที่ใช้รูปแบบ INT8 ซึ่งอาจรองรับ GPU รุ่นเก่า
    FSR 4 เดิมถูกออกแบบให้ใช้กับ Radeon RX 9000 ที่มี FP8 AI accelerator
    การมีเวอร์ชัน INT8 บ่งชี้ว่า AMD อาจพัฒนาให้รองรับ RDNA 3 หรือ RX 7000
    SDK ใหม่มาพร้อม FSR 4 และ FSR 3.1.5 สำหรับการสร้างเฟรม
    AMD เปลี่ยนรูปแบบการแจก SDK โดยใช้ DLL ที่เซ็นชื่อแล้วแทนการเปิดซอร์ส
    การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับแนวทางของ Nvidia DLSS ที่ใช้การอัปเดตผ่านไดรเวอร์
    มีการพัฒนา plugin สำหรับ Unreal Engine 5.1–5.6 เพื่อรองรับ FSR 4
    AMD เตรียมเปิดตัว FSR Redstone ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI rendering ใหม่ใน SDK
    นักพัฒนาบางคนสามารถ hack FSR 4 ให้ทำงานบน RX 7000 ได้ แม้ไม่มีการรองรับอย่างเป็นทางการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    INT8 ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า FP8 แต่มีความแม่นยำต่ำกว่า
    Intel XeSS ก็มีเวอร์ชัน DP4a ที่ใช้กับ GPU ทั่วไป แต่คุณภาพต่ำกว่าเวอร์ชัน XMX
    มีการคาดการณ์ว่า INT8 อาจถูกใช้ใน PlayStation 5 Pro แต่ไฟล์ที่หลุดเป็น .HLSL ซึ่งใช้ใน PC
    การเปลี่ยนไปใช้ DLL ทำให้การอัปเดตง่ายขึ้น แต่ลดความยืดหยุ่นของนักพัฒนา
    การเปิดซอร์สโดยไม่ตั้งใจอาจเปิดช่องให้คู่แข่งเห็นโครงสร้างภายในของเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-accidentally-marks-fsr-4-open-source-source-code-reveals-potential-support-for-older-radeon-gpus
    🎙️ เมื่อ AMD เผลอเปิดประตู – FSR 4 อาจรองรับการ์ดรุ่นเก่ามากกว่าที่คิด ในวันที่ 20 สิงหาคม 2025 AMD เผลอปล่อยซอร์สโค้ดของ FSR 4 (FidelityFX Super Resolution 4) บน GitHub ผ่านโปรเจกต์ GPUOpen โดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบลบออกภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่ไม่ทันสายตานักพัฒนาและนักข่าวที่จับภาพหน้าจอไว้ทัน สิ่งที่น่าสนใจคือในโค้ดนั้นมีไฟล์ที่ใช้รูปแบบตัวเลข INT8 (8-bit integer) ซึ่งต่างจาก FP8 (floating point 8-bit) ที่ใช้ใน GPU รุ่นใหม่อย่าง Radeon RX 9000 ที่มี AI accelerator รองรับ FP8 โดยตรง การมีเวอร์ชัน INT8 บ่งชี้ว่า AMD อาจกำลังพัฒนา FSR 4 ให้รองรับ GPU รุ่นเก่าอย่าง RDNA 3 ที่ไม่มี FP8 accelerator แม้ AMD จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การมีไฟล์ INT8 ใน SDK ทำให้เกิดความหวังว่า FSR 4 อาจใช้งานได้บน Radeon RX 7000 หรือแม้แต่ GPU รุ่นก่อนหน้า ซึ่งจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่อัปเกรดฮาร์ดแวร์ อย่างไรก็ตาม AMD ได้เปลี่ยนรูปแบบการแจกจ่าย SDK ใหม่ โดยล็อกฟีเจอร์ไว้ใน DLL ที่เซ็นชื่อแล้ว ทำให้นักพัฒนาไม่สามารถแก้ไขหรือโมดิฟายโค้ดได้เหมือนใน FSR 3 ซึ่งเคยเปิดซอร์สเต็มรูปแบบ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ AMD เผลอปล่อยซอร์สโค้ดของ FSR 4 บน GitHub ก่อนลบออกอย่างรวดเร็ว ➡️ โค้ดเผยให้เห็นไฟล์ที่ใช้รูปแบบ INT8 ซึ่งอาจรองรับ GPU รุ่นเก่า ➡️ FSR 4 เดิมถูกออกแบบให้ใช้กับ Radeon RX 9000 ที่มี FP8 AI accelerator ➡️ การมีเวอร์ชัน INT8 บ่งชี้ว่า AMD อาจพัฒนาให้รองรับ RDNA 3 หรือ RX 7000 ➡️ SDK ใหม่มาพร้อม FSR 4 และ FSR 3.1.5 สำหรับการสร้างเฟรม ➡️ AMD เปลี่ยนรูปแบบการแจก SDK โดยใช้ DLL ที่เซ็นชื่อแล้วแทนการเปิดซอร์ส ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับแนวทางของ Nvidia DLSS ที่ใช้การอัปเดตผ่านไดรเวอร์ ➡️ มีการพัฒนา plugin สำหรับ Unreal Engine 5.1–5.6 เพื่อรองรับ FSR 4 ➡️ AMD เตรียมเปิดตัว FSR Redstone ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI rendering ใหม่ใน SDK ➡️ นักพัฒนาบางคนสามารถ hack FSR 4 ให้ทำงานบน RX 7000 ได้ แม้ไม่มีการรองรับอย่างเป็นทางการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ INT8 ใช้ทรัพยากรน้อยกว่า FP8 แต่มีความแม่นยำต่ำกว่า ➡️ Intel XeSS ก็มีเวอร์ชัน DP4a ที่ใช้กับ GPU ทั่วไป แต่คุณภาพต่ำกว่าเวอร์ชัน XMX ➡️ มีการคาดการณ์ว่า INT8 อาจถูกใช้ใน PlayStation 5 Pro แต่ไฟล์ที่หลุดเป็น .HLSL ซึ่งใช้ใน PC ➡️ การเปลี่ยนไปใช้ DLL ทำให้การอัปเดตง่ายขึ้น แต่ลดความยืดหยุ่นของนักพัฒนา ➡️ การเปิดซอร์สโดยไม่ตั้งใจอาจเปิดช่องให้คู่แข่งเห็นโครงสร้างภายในของเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-accidentally-marks-fsr-4-open-source-source-code-reveals-potential-support-for-older-radeon-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (2)
    นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 4 : เรื่องของคนโคตรรวย (2)
    เอ้า ! มารู้จักครอบครัวตัวอย่าง (คนโคตรรวย) กันหน่อย ใครเป็นใคร อ่านตอนหลังจะได้ไม่งง ตระกูล Rockefeller เป็นคนอเมริกัน เชื้อสายเยอรมัน ผู้นำครอบครัว ที่ทำให้ตระกูลเขามีอิทธิพล มีสายตายาวไกลมาก (นักมายากลตัวพ่อ) คือ นาย John Davison Rockefeller Senior สมาชิกตระกูลที่สืบทอด DNA ของคุณป๋าจอห์น ที่สำคัญมี
    – John Davison Rockefeller, Junior
    – David Rockefeller
    – Nelson A. Rockefeller
    – Laurence Rockefeller
    – John Davison Rockefeller III
    เมื่อรวยล้นฟ้าและมีอิทธิพลขนาดนี้ กลุ่มตระกูล Rockefeller จะอยู่เฉยได้ยังไง คนรวยมีเงิน ก็อยากมีอำนาจ สูตรสำเร็จเดิม ๆ จึงมีแนวคิดที่จะควบคุมนโยบายเศรษฐกิจการเมือง ของอเมริกาและแน่นอนถ้าคุมอเมริกาได้ก็คุมโลกได้ เพื่อให้รวยขึ้นและมีอำนาจอยู่ในมือมากขึ้นอย่างประมาณมิได้
    แล้วจะทำกันเฉพาะในครอบครัวมันคงไม่ใหญ่พอมั้ง มันก็ต้องโชว์พาว ว่าแล้วพี่น้องตระกูล Rockefeller ก็ทำการคัดเลือก เฉพาะคนรวยและชนชั้นนำในสังคม จำนวน 300 คน จากเพื่อนและพวกของตนที่มีอิทธิพลสูงในวงการต่างๆ ที่อยู่ในอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น และก่อตั้งองค์กรที่เรียกว่า Trilateral Commission ขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1973 เพื่อจะกำหนดทิศทางเดินของโลกเสียใหม่ ตามที่พวกตนต้องการ (ปัจจุบันนี้สมาคมผู้ทรงอิทธิพลมีสมาชิก จากประเทศแถบเอเซียเพิ่มขึ้นด้วย)
    ในจำนวนรายชื่อสมาชิกผู้ก่อตั้ง Trilateral Commission ของ David Rockefeller มีบุคคล เช่น Zbigniew Brzezinski (รายนี้สำคัญ จำกันไว้ให้ดี) และผู้ว่าการรัฐ Georgia คนทำไร่ถั่ว ชื่อ นาย James Earl “Jimmy” Carter (ผู้ซึ่งนาย David Rockefeller สนับสนุนให้เป็นประธานาธิบดี สมัย ค.ศ.1976 แทนนาย Gerald Ford) นาย George H. W Bush (ซึ่งก็ได้เป็นประธานาธิบดี โดยการสนับสนุนของกลุ่มคนรวย แถมยังมีบทบาทที่สำคัญมาก ๆ ต่อมาภายหลังอีกด้วย) Paul Volcker ผู้ซึ่งในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter ได้แต่งตั้งให้เป็นประธาน Federal Reserve นาย Alan Greenspan ซึ่งแม้ตอนนั้นจะเป็นเพียง นักวาณิชย์ธนกิจอยู่แถว Wall Street แต่มีแววโดดเด่นเข้าตากรรมการ รวมทั้งนายพล Alexander Haig, นาย Cyrus Vance และ นาย Ed Muskie (ทั้ง 3 คน ต่อมาได้รับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ นายพล Haig ได้เป็นสมัย นาย Ronald Reagan ส่วน 2 คนหลัง เป็นในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter คนหนึ่งเป็นช่วง ค.ศ. 1977 – 1980 อีกคนเป็นต่อ ค.ศ. 1980 – 1981) อืม! เข้าใจเล่นนะ พวกคนรวย
    ตอนนั้นนาย Brzezinski เพิ่งเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่โดนใจพวก Rockefeller อย่างยิ่ง ชื่อ “Between Two Ages: America’s Role in the Technotronic Era พิมพ์ในปี ค.ศ. 1970
    เขาบอกว่า “สังคมควรจะต้องครอบงำ หรือปกครองโดยบุคคล ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) ซึ่งคนพวกนี้ ต้องไม่ลังเล ที่จะทำให้ได้มา ซึ่งอำนาจทางการเมือง โดยใช้เทคนิคใหม่ ๆ ให้มีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมสังคม รวมทั้งการจัดระเบียบสังคม ย้อมพฤติกรรมสังคม ซึ่งจะเป็นการกำหนดและควบคุมสังคมด้วย”
แม่เจ้าโว้ย ยังกะนั่งเขียนอยู่ในใจของนาย David Rockefeller เลยนะ
    นอกจากนี้ในหนังสือดังกล่าว นาย Brzezinski ยังได้เสนอความคิดว่า น่าจะได้มีการจับมือกันระหว่างบรรษัทและธนาคารที่มีอิทธิพลและเครือข่ายข้าม ชาติ ระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น เพื่อกำหนดนโยบายการทำธุรกิจร่วมกัน โดยการดำเนินการอย่างเป็นความลับ
    โอ้ย ไอ้หมอนี่ถ้าไม่เอามาใช้เป็นมือขวาก็ต้องมาเป็นมือซ้ายแน่นอน นาย David รำพึง
    แล้วนาย Bazezinski ก็ได้รับเลือกจากนาย David Rockefeller ให้เป็นกรรมการบริหารคนแรกของ Trilateral Commission

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน เรื่องของคนโคตรรวย (2) นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 4 : เรื่องของคนโคตรรวย (2) เอ้า ! มารู้จักครอบครัวตัวอย่าง (คนโคตรรวย) กันหน่อย ใครเป็นใคร อ่านตอนหลังจะได้ไม่งง ตระกูล Rockefeller เป็นคนอเมริกัน เชื้อสายเยอรมัน ผู้นำครอบครัว ที่ทำให้ตระกูลเขามีอิทธิพล มีสายตายาวไกลมาก (นักมายากลตัวพ่อ) คือ นาย John Davison Rockefeller Senior สมาชิกตระกูลที่สืบทอด DNA ของคุณป๋าจอห์น ที่สำคัญมี – John Davison Rockefeller, Junior – David Rockefeller – Nelson A. Rockefeller – Laurence Rockefeller – John Davison Rockefeller III เมื่อรวยล้นฟ้าและมีอิทธิพลขนาดนี้ กลุ่มตระกูล Rockefeller จะอยู่เฉยได้ยังไง คนรวยมีเงิน ก็อยากมีอำนาจ สูตรสำเร็จเดิม ๆ จึงมีแนวคิดที่จะควบคุมนโยบายเศรษฐกิจการเมือง ของอเมริกาและแน่นอนถ้าคุมอเมริกาได้ก็คุมโลกได้ เพื่อให้รวยขึ้นและมีอำนาจอยู่ในมือมากขึ้นอย่างประมาณมิได้ แล้วจะทำกันเฉพาะในครอบครัวมันคงไม่ใหญ่พอมั้ง มันก็ต้องโชว์พาว ว่าแล้วพี่น้องตระกูล Rockefeller ก็ทำการคัดเลือก เฉพาะคนรวยและชนชั้นนำในสังคม จำนวน 300 คน จากเพื่อนและพวกของตนที่มีอิทธิพลสูงในวงการต่างๆ ที่อยู่ในอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น และก่อตั้งองค์กรที่เรียกว่า Trilateral Commission ขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1973 เพื่อจะกำหนดทิศทางเดินของโลกเสียใหม่ ตามที่พวกตนต้องการ (ปัจจุบันนี้สมาคมผู้ทรงอิทธิพลมีสมาชิก จากประเทศแถบเอเซียเพิ่มขึ้นด้วย) ในจำนวนรายชื่อสมาชิกผู้ก่อตั้ง Trilateral Commission ของ David Rockefeller มีบุคคล เช่น Zbigniew Brzezinski (รายนี้สำคัญ จำกันไว้ให้ดี) และผู้ว่าการรัฐ Georgia คนทำไร่ถั่ว ชื่อ นาย James Earl “Jimmy” Carter (ผู้ซึ่งนาย David Rockefeller สนับสนุนให้เป็นประธานาธิบดี สมัย ค.ศ.1976 แทนนาย Gerald Ford) นาย George H. W Bush (ซึ่งก็ได้เป็นประธานาธิบดี โดยการสนับสนุนของกลุ่มคนรวย แถมยังมีบทบาทที่สำคัญมาก ๆ ต่อมาภายหลังอีกด้วย) Paul Volcker ผู้ซึ่งในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter ได้แต่งตั้งให้เป็นประธาน Federal Reserve นาย Alan Greenspan ซึ่งแม้ตอนนั้นจะเป็นเพียง นักวาณิชย์ธนกิจอยู่แถว Wall Street แต่มีแววโดดเด่นเข้าตากรรมการ รวมทั้งนายพล Alexander Haig, นาย Cyrus Vance และ นาย Ed Muskie (ทั้ง 3 คน ต่อมาได้รับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ นายพล Haig ได้เป็นสมัย นาย Ronald Reagan ส่วน 2 คนหลัง เป็นในสมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter คนหนึ่งเป็นช่วง ค.ศ. 1977 – 1980 อีกคนเป็นต่อ ค.ศ. 1980 – 1981) อืม! เข้าใจเล่นนะ พวกคนรวย ตอนนั้นนาย Brzezinski เพิ่งเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่โดนใจพวก Rockefeller อย่างยิ่ง ชื่อ “Between Two Ages: America’s Role in the Technotronic Era พิมพ์ในปี ค.ศ. 1970 เขาบอกว่า “สังคมควรจะต้องครอบงำ หรือปกครองโดยบุคคล ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคมระดับสูง (Elites) ซึ่งคนพวกนี้ ต้องไม่ลังเล ที่จะทำให้ได้มา ซึ่งอำนาจทางการเมือง โดยใช้เทคนิคใหม่ ๆ ให้มีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมสังคม รวมทั้งการจัดระเบียบสังคม ย้อมพฤติกรรมสังคม ซึ่งจะเป็นการกำหนดและควบคุมสังคมด้วย”
แม่เจ้าโว้ย ยังกะนั่งเขียนอยู่ในใจของนาย David Rockefeller เลยนะ นอกจากนี้ในหนังสือดังกล่าว นาย Brzezinski ยังได้เสนอความคิดว่า น่าจะได้มีการจับมือกันระหว่างบรรษัทและธนาคารที่มีอิทธิพลและเครือข่ายข้าม ชาติ ระหว่างนักธุรกิจชั้นนำของยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น เพื่อกำหนดนโยบายการทำธุรกิจร่วมกัน โดยการดำเนินการอย่างเป็นความลับ โอ้ย ไอ้หมอนี่ถ้าไม่เอามาใช้เป็นมือขวาก็ต้องมาเป็นมือซ้ายแน่นอน นาย David รำพึง แล้วนาย Bazezinski ก็ได้รับเลือกจากนาย David Rockefeller ให้เป็นกรรมการบริหารคนแรกของ Trilateral Commission คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD เตรียมเปิดแผนอนาคต Zen 6, RDNA 5, CDNA และ UDNA ในงานใหญ่เดือนพฤศจิกายน

    AMD ประกาศจัดงาน Financial Analyst Day ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ที่นิวยอร์ก ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการเปิดเผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีในระยะยาว โดยเฉพาะ CPU ตระกูล Zen รุ่นใหม่, GPU สาย RDNA และ CDNA สำหรับงาน HPC และ AI รวมถึงสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ UDNA ที่จะเป็นหัวใจของ AI accelerators รุ่นถัดไป

    ในฝั่ง CPU AMD จะพูดถึง EPYC “Venice” ที่ใช้ Zen 6 และจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EPYC “Verano” ที่คาดว่าจะใช้ Zen 6 หรือ Zen 7 ในปี 2027 และอาจมีการพูดถึง Zen 8 ด้วย

    ด้าน GPU จะมีการเปิดตัว RDNA 5 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ UDNA 6 สำหรับงาน AI โดย AMD ตั้งเป้ารวมสาย RDNA และ CDNA เข้าด้วยกันในอนาคต เพื่อสร้าง GPU ที่รองรับทั้งเกมและงานประมวลผลระดับสูง

    ในฝั่ง AI และ HPC AMD จะพูดถึง Instinct MI500 accelerators ที่ใช้ UDNA 6 และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบใหม่ชื่อ UALink ซึ่งจะช่วยให้ระบบ AI ขนาดใหญ่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    นอกจากนี้ AMD ยังจะเปิดเผยแผนการเงินระยะยาว และกลยุทธ์ในการแข่งขันกับ Nvidia และผู้ผลิตชิปแบบ custom จาก hyperscale cloud providers

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    AMD จะจัดงาน Financial Analyst Day วันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ที่นิวยอร์ก
    งานนี้จะเปิดเผยแผนระยะยาวของ CPU, GPU, AI accelerators และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ
    CPU EPYC “Venice” ใช้ Zen 6 และจะเปิดเผยข้อมูล EPYC “Verano” ที่อาจใช้ Zen 6 หรือ Zen 7
    อาจมีการพูดถึง Zen 8 สำหรับอนาคตระยะไกล
    GPU RDNA 5 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ UDNA 6 สำหรับงาน AI จะถูกเปิดเผย
    Instinct MI500 accelerators จะใช้สถาปัตยกรรม UDNA 6
    เทคโนโลยี UALink จะช่วยให้ระบบ AI ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น
    AMD จะเปิดเผยแผนการเงินระยะยาวและกลยุทธ์แข่งขันกับ Nvidia และผู้ผลิต custom silicon

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zen 6 อาจมีความเร็วทะลุ 7.0GHz และใช้ dual IMC design สำหรับการจัดการหน่วยความจำ
    RDNA 5 คาดว่าจะมี IPC สูงกว่า RDNA 4 ประมาณ 5–10% ที่ความเร็วเท่าเดิม
    ROCm ecosystem จะถูกขยายเพื่อรองรับ AI และ HPC มากขึ้น
    AMD อาจเปิดตัว Radeon RX 10900 XT ที่ใช้ RDNA 5 แข่งกับ RTX 6090
    UDNA จะเป็นจุดรวมของ GPU สายเกมและ HPC ในอนาคต
    AMD มีแผนใช้ advanced packaging technologies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-to-disclose-roadmaps-in-mid-november-the-future-of-zen-6-rdna-cdna-and-udna-expected
    🔮 AMD เตรียมเปิดแผนอนาคต Zen 6, RDNA 5, CDNA และ UDNA ในงานใหญ่เดือนพฤศจิกายน AMD ประกาศจัดงาน Financial Analyst Day ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ที่นิวยอร์ก ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการเปิดเผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีในระยะยาว โดยเฉพาะ CPU ตระกูล Zen รุ่นใหม่, GPU สาย RDNA และ CDNA สำหรับงาน HPC และ AI รวมถึงสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ UDNA ที่จะเป็นหัวใจของ AI accelerators รุ่นถัดไป ในฝั่ง CPU AMD จะพูดถึง EPYC “Venice” ที่ใช้ Zen 6 และจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EPYC “Verano” ที่คาดว่าจะใช้ Zen 6 หรือ Zen 7 ในปี 2027 และอาจมีการพูดถึง Zen 8 ด้วย ด้าน GPU จะมีการเปิดตัว RDNA 5 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ UDNA 6 สำหรับงาน AI โดย AMD ตั้งเป้ารวมสาย RDNA และ CDNA เข้าด้วยกันในอนาคต เพื่อสร้าง GPU ที่รองรับทั้งเกมและงานประมวลผลระดับสูง ในฝั่ง AI และ HPC AMD จะพูดถึง Instinct MI500 accelerators ที่ใช้ UDNA 6 และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบใหม่ชื่อ UALink ซึ่งจะช่วยให้ระบบ AI ขนาดใหญ่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ AMD ยังจะเปิดเผยแผนการเงินระยะยาว และกลยุทธ์ในการแข่งขันกับ Nvidia และผู้ผลิตชิปแบบ custom จาก hyperscale cloud providers ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ AMD จะจัดงาน Financial Analyst Day วันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 ที่นิวยอร์ก ➡️ งานนี้จะเปิดเผยแผนระยะยาวของ CPU, GPU, AI accelerators และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ ➡️ CPU EPYC “Venice” ใช้ Zen 6 และจะเปิดเผยข้อมูล EPYC “Verano” ที่อาจใช้ Zen 6 หรือ Zen 7 ➡️ อาจมีการพูดถึง Zen 8 สำหรับอนาคตระยะไกล ➡️ GPU RDNA 5 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ UDNA 6 สำหรับงาน AI จะถูกเปิดเผย ➡️ Instinct MI500 accelerators จะใช้สถาปัตยกรรม UDNA 6 ➡️ เทคโนโลยี UALink จะช่วยให้ระบบ AI ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น ➡️ AMD จะเปิดเผยแผนการเงินระยะยาวและกลยุทธ์แข่งขันกับ Nvidia และผู้ผลิต custom silicon ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zen 6 อาจมีความเร็วทะลุ 7.0GHz และใช้ dual IMC design สำหรับการจัดการหน่วยความจำ ➡️ RDNA 5 คาดว่าจะมี IPC สูงกว่า RDNA 4 ประมาณ 5–10% ที่ความเร็วเท่าเดิม ➡️ ROCm ecosystem จะถูกขยายเพื่อรองรับ AI และ HPC มากขึ้น ➡️ AMD อาจเปิดตัว Radeon RX 10900 XT ที่ใช้ RDNA 5 แข่งกับ RTX 6090 ➡️ UDNA จะเป็นจุดรวมของ GPU สายเกมและ HPC ในอนาคต ➡️ AMD มีแผนใช้ advanced packaging technologies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-to-disclose-roadmaps-in-mid-november-the-future-of-zen-6-rdna-cdna-and-udna-expected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อถกเถียงอันน่าปวดหัวของคำว่า ขอม เขมร สยาม ไท ไต กับมุมมองความแตกต่างทางพันธุกรรม
    =================================================================
    ผมมักอ่านพบการโต้เถียงในเรื่องว่า ขอม เป็นใคร อยู่บ่อยๆ บ้างว่าคือ สยาม.. บ้างว่า คือ เขมร.. ทั้งที่ต่างก็เป็นชื่อสมมุติ มีความยืดหยุ่นมาก ชื่อส่วนใหญ่มักเป็นชื่อที่ผู้อื่นเรียก โดยมากมีความหมายไม่ดีมาก่อนและมีการเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา จึงอยากขออนุญาติเสนอความเห็นสักสองสตางค์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป อาจจะยาวไปหน่อย ปกติมันควรใช้เวลาอธิบายสักสองชั่วโมง แต่ผมจะพยายามย่อให้สั้น
    .
    ผมคิดแบบเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้ง ใช้ชีววิทยาพันธุกรรมเป็นแผนที่หลักในการสำรวจสิ่งต่างๆ ก็ด้วยเหตุผลว่า ดีเอ็นเอมนุษย์สามารถเชื่อมโยงมนุษย์ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ว่าใครสืบสายเลือดมาทางสาแหรกไหนหรือใครมีอายุเก่าใหม่กว่ากัน เพราะในดีเอ็นเอมี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “genetic marker” ในมนุษย์ผู้ชายมียีนพ่อ Y chromosome DNA และยีนแม่ Mitochondreal DNA ปรากฏอยู่ในโครงสร้างของโปรตีนในเลือดเนื้อ.. ส่วนผู้หญิงมีแต่ยีนแม่ Mitochondrea DNA. ยีนพ่อและยีนแม่เหล่านี้มันไม่เคยหายไป มันอยู่ในตัวเราและสาวลึกไปสู่บรรพบุรุษต้นทางได้ ข้อมูลของความหนาแน่นของดีเอ็นเอประชากรโลกและ time stamp ที่บอกอายุของดีเอ็นเอ ก่อให้เกิดการคำนวณเส้นทางการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์โบราณได้ ทีมวิจัยด้านพันธุกรรมศาสตร์ของสแตนฟอร์ดที่บุกเบิกโดยศาสตราจารย์ Luca Cavalli Sforza ทำการพลอตเส้นทางอพยพของมนุษย์จากฐานข้อมูลนี้. ดังนั้นสำหรับผม… ชื่อทุกชื่อเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ภาษาพูดไม่ใช่สิ่งยืนยันทางพันธุกรรม.
    .
    แสนกว่าปีก่อนมนุษย์อพยพออกจากบริเวณที่เป็นซาฮารันโบราณในแอฟริกา ห้าหมื่นกว่าปีก่อน… มนุษย์กลุ่มแรกที่อพยพออกจากแอฟริกาใช้เส้นทางเลาะชายฝั่งทะเลและอพยพมาถึงเอเชียโบราณบริเวณที่เรียกว่าแผ่นดินซุนดา ซึ่งผืนดินเชื่อมถึงกันหมดทั้งอุษาคเนย์ ไม่มีทะเลบริเวณอ่าวไทย ยีนพ่อหรือมนุษย์ผู้ชายที่มาถึงก่อนเป็นพวก YDNA Haplogroup C และยีนแม่คือ Mitochondreal M และ B คนพวกนี้เคยถูกเรียกว่าอะไรหรือพูดภาษาอะไรมาก่อนไม่รู้ได้ นักวิชาการสมัยใหม่นิยามว่าภาษาซาฮารันโบราณหรือโปรโตซาฮารันอนุมานจากบริเวณถิ่นฐานในแอฟริกาโบราณที่พวกเขาจากมา ส่วนหนึ่งจากคลื่นอพยพของพวกเขากลายเป็นพวกที่เริ่มอารยะธรรมสินธุที่บริเวณฮารัปปา-โมฮันจดาโรเมื่ออพยพผ่านอินเดียโบราณ ซึ่งต่อมาพวกนี้กลายเป็นสาแหรกของกลุ่มดราวิเดียน ทมิฬ สิงหล… ส่วนหนึ่งพลัดข้ามไปสู่เกาะเซนทิเนียล นิโคบาร์ ในอันดามัน ถูกกักกั้นตัดขาดอยู่กลางทะเล รู้จักกันในชื่อพวกอันดามันนิส… ส่วนหนึ่งเข้าสู่เมนแลนด์ซุนดากลายเป็นพวกปาปวน แล้วข้ามไปแผ่นดินซาฮุลโบราณหรือออสเตรเลียปัจจุบันกลายเป็นพวกที่เรียกว่าอะบอริจินิสท์… ส่วนหนึ่งอพยพขึ้นเหนือ แล้วกลับเข้าสู่เอเชียตะวันออกทางตอนบนเคลื่อนย้อนมาทางตะวันตกกลายเป็นพวกมองโกล ส่วนหนึ่งข้ามไปบุกเบิกเกาะญี่ปุ่นกลายเป็นพวกไอนุ ส่วนหนึ่งขึ้นเหนือไปและข้ามทะเลแบริ่งไปทวีปอเมริกาโบราณกลายเป็นพวกอินุอิตที่พบในอะลาสก้า… ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดนี้จะมีหรือเคยมีชื่อชาติพันธุ์อะไร เคยพูดภาษาอะไรและในที่สุดพูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน มาจากมดลูกของบรรพบุรุษสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น มนุษย์ผู้ชายทั้งหมดจากชาติพันธุ์ที่กล่าวไปนี้ทั้งหมด แครี่ Y Chromosome DNA Haplogroup C. และเมื่อลองพิจารณาดูปัจจุบันนี้ เฉพาะพวกไอนุอย่างเดียว วันนี้พูดภาษาญี่ปุ่นและสำมะโนประชากรระบุว่าเป็นคนญี่ปุ่น จะเห็นว่าชื่อทางชาติพันธุ์หรือภาษาพูดไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาเป็นใคร (ไม่ต่างกับการพูดภาษาขอม ภาษาเขมร ภาษาไทย ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าพวกเขาเป็นใครมาก่อนกันแน่)
    .
    สามหมื่นห้าพันกว่าปีก่อน คลื่นอพยพระลอกที่สองประกอบด้วยยีนพ่อคือ Y Chromosome Hg O ยีนแม่คือ Mt DNA Hg F และ D. อพยพมาตามเส้นทางโบราณสายอนาโตเลีย ยูเครน สู่เอเชียกลาง มาถึงบริเวณที่รู้จักกันในชื่อ Pamir Knot ซึ่งมีภูเขายักษ์สามลูกคือ ฮินดูกูช หิมาลัย และเทียนซานขวางหน้าพวกเขา อุปสรรคทางภูมิศาสตร์นี้บีบให้เส้นทางอพยพแตกออกเป็นสามทาง พวกหนึ่งขึ้นเหนือเลาะเทียนซานมุ่งสู่ไซบีเรียและอพยพข้ามแบริ่งไปทวีปอเมริกากลายเป็นพวกนาดิเนอินเดียนและอะมาไรด์อินเดียน… พวกหนึ่งผ่าที่ราบสูงทิเบตแล้วกระจายกันสู่บริเวณที่เป็นเสฉวน หยุนหนาน กวางสี ในปัจจุบัน กลายเป็นพวกชนเผ่าหิมาลายัน และชนเผ่ามากมายที่บันทึกจีนเรียกเยว่ร้อยเผ่า ในบรรดาพวกนี้ ผลการสำรวจดีเอ็นเอในประเทศจีนตอนใต้โดยศาสตราจารย์จินลีของประเทศจีน ปรากฏว่าไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกข่าว้าและพวกผู้ยีซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในตระกูลจ้วงเหนือ… พวกสุดท้ายกลุ่มที่สาม อพยพเลาะเทือกตะนาวศรีเข้าสู่ซุนดาโบราณ ลงมาปะทะสังสรรค์และผสานกับพวกอพยพคลื่นลูกแรกที่มาถึงก่อน ในบรรดาพวกนี้ทั้งหมด จากฐานข้อมูลดีเอ็นเอปัจุบันไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกโอรังอัสลิ (นักวิชาการรุ่นใหม่เรียกว่า aslian) โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในซาบาห์ บอร์เนียว ที่สำคัญไปกว่านั้น แม่พันธุ์ของพวกอพยพระลอกแรก คือ mt DNA B และ M เลือกพวกผู้ชายอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ด้วนเหตุผลใดไม่ทราบ ทำให้ยีนพ่อเดิมของพวกคลื่นอพยพแรกคือพวก Y DNA Hg C ถูกเบียดผลักให้ออกจากเมนแลนด์ไปสู่เกาะแก่งโดยรอบ... ด้วยการที่ตระกูลนี้มีแม่พันธ์ุใหญ่ถึงสี่สาแหรก คือ mt DNA hg B / M / D / F ทำให้ยีนพ่อ Y DNA hg O กลายเป็นสาแหรกที่ใหญ่ที่สุดและมีลูกหลานยึดครองแผ่นดินเอเชียที่มีปริมาณประชากรมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเอเชียทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน
    .
    ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ว สิ้นสุดยุคน้ำแข็ง น้ำแข็งละลายและระดับน้ำสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดินซุนดาโบราณสามครั้ง รวมแล้วประมาณ 120 เมตร ทำให้แผ่นดินซุนดาหายไปกว่าครึ่ง และทำให้เอเชียมีรูปร่างอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ผลจากน้ำท่วมโลกนี้ ทำให้ประชากรอัสเลียนโบราณ Y DNA O ในตอนล่างของคาบสมุทร อพยพหนีขึ้นเหนือไปรวมกับพวก Y DNA O ที่อยู่ทางตอนเหนือ บางส่วนอพยพหนีไปสู่เกาะต่างๆ โดยรอบ เกิดปรากฏการณ์ของ cultural transmission ที่หลากหลายและน่าทึ่ง
    .
    ทั้งหมดนี้คือวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าเราเป็นใคร คนอุษาคเนย์ที่อยู่บนคาบสมุทรตอนล่างไม่ว่าจะถูกเรียกด้วยชื่ออะไร พูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมาจากพวกอัสเลียนอย่างเช่น เซมังซาไก มานิ โอรังลาโว้ย ดยัค อิฟูเกา บอนทอค…ฯลฯ ไม่ว่าต่อมาลูกหลานของพวกเขาจะกลายเป็นเซนอย เป็นข่า เป็นมอญ เป็นขอม เป็นละโว้ เป็นสยาม เป็นอโยธยา เป็นทวารวดี เป็นศรีโพธิ์ เป็นเขมรพระนคร…ฯลฯ. ชื่ออะไรก็ตามแต่... ผู้ชายของชื่อสมมุติพวกนี้ทั้งหมดล้วนมาจาก 'aslian' และบางกลุ่มยังมียีนแม่เป็นอะบอริจินิสท์ พวกเขาล้วนมีโครงสร้างทางโปรตีนในดีเอ็นเหมือนกันกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ต่างกันเพียงมิวเทชั่นเล็กน้อย ดังนั้น fact ง่ายๆ สำหรับผมพวกเขาคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O . สาแหรกวงศ์ตระกูลทีใหญ่ที่สุดในโลก
    .
    คนมอญ คนสยาม คนเขมร ไม่ว่าเก่าใหม่ มีชื่อเรียกว่าอะไร เคยมีชื่อเรียกว่าอะไร.. มนุษย์ผู้ชาย 'ส่วนใหญ่' แชร์ยีนพ่อ sub clan จาก Y DNA hg O2 คนพื้นถิ่นพวกนี้ที่เป็นประชากรทั่วไป โดยธรรมชาติจะแทบไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ถ้าไม่มีภัยพิบัติคุกคาม โรคระบาด หรือถูกกวาดต้อนย้ายไปเพราะมีสงคราม… เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเขมรพระนครยุคโบราณพากันย้ายไปไหนบ้าง เพราะเมืองนครวัดประสบปัญหาเรื่องชลประทาน สุขาภิบาลและสุขอนามัย ในที่สุดมันล่มสลายและถูกทิ้งให้ร้างอยู่ในป่า จนแม้แต่คนเขมรส่วนใหญ่ในยุคอาณานิคมก็ไม่รู้ว่ามีนครโบราณอยู่ตรงนั้นตอนที่พวกทีมสำรวจของฝรั่งเศสไปพบเข้า เป็นไปได้ว่ายังอาจมีเชื้อพันธุ์จากประชากรโบราณบางส่วนยังคงอยู่ในบริเวณนั้นบ้าง แต่ไม่ได้แปลว่าคนกัมพูชาปัจจุบันสืบสายมาจากประชากรเมืองพระนคร
    .
    ลองคิดดูว่า สมมุติว่าหลังพระนครล่มสลาย ถ้าพวกเขาส่วนหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาส่วนหนึ่ง ในขณะที่บางส่วนที่อาจยังคงอยู่ในบริเวณโตนเลสาปส่วนหนึ่ง หากวันนี้มีการนำลูกหลานของทั้งสองพวกนี้มาตรวจดีเอ็นเอ ก็จะไม่แปลกใจเลยเมื่อพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่มียีน O2 เหมือนกัน แต่พวกหนึ่งพูดไทย พวกหนึ่งพูดกัมพูชา ทั้งที่เมื่อสาวย้อนไปไกลขึ้นอีกล้วนมีรากลึกที่สุดมาจากอัสเลียนและพูดภาษาอัสเลียนมาก่อนทั้งคู่ วิทยาศาสตร์จะบอกอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้โดยไม่สนความสมมุติทั้งหลาย.. หากเป็นเช่นนี้ คำพูดที่ว่า ขอมพระนครคือสยาม และขอมพระนครคือเขมร ก็จะถูกต้องทั้งสองแง่
    .
    ถ้าเราลองมองดูเฉพาะ อยุธยา ที่จีนเรียกว่า "เสียน-หลอ" เพราะเป็นการรวมกันของสุโขทัยและละโว้ในความคิดจีน พวกสุโขทัยหรือที่จีนเรียก 'เสียน' อาศัยอยู่ทางเหนือ พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกัน จัดเป็นกลุ่มเยว่ พูดภาษาจ้วงไต... ขณะที่พวกละโว้อโยธยาที่จีนเรียกหลอหู่ อาศัยอยู่ตอนกลางคาบสมุทรแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกันอีก จัดเป็นสาแหรกอัสเลียนที่ไม่ต่างกับพวกอื่นที่อยู่ในคาบสมุทรมาเลย์ และพวกมอญ-เขมร. จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที่พวกนี้ได้ปกครองเหนือชนพื้นเมืองหลายพงศ์เผ่า จะเป็นเพราะพวกเยว่รูปหล่อผิวขาวร่ำรวยกว่าหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบ คนพวกนี้ได้เป็นชนชั้นปกครองและเป็นผลให้ภาษาสกุลจ้วงไทกลายเป็นภาษากลางของหลอหู่ ทั้งที่คนพื้นเมืองหลายกลุ่มปะปนมีทั้งพูดอัสเลียนมาก่อน พูดขอมมาก่อน พูดข่ามาก่อน พูดมอญมาก่อน และประชากรชาวบ้านพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายไปไหน ชื่อเมืองอาจเปลี่ยน ชื่อคนอาจเปลี่ยน ชื่ออาณาจักรอาจเปลี่ยน ภาษาอาจเปลี่ยน แต่สาแหรกพันธุกรรมและความเชื่อมโยงกลับไม่เปลี่ยน ที่อัศจรรย์กว่านั้นคือ พวกที่อยู่ไกลกันมากอย่างเช่นพวกนากาในอัสสัม พวกอดิในอรุณาจัลประเทศ พวกดยัคในบอร์เนียว พวกบอนทอคในฟิลิปปินส์ พวกอตายาลในฟอร์โมซา พวกข่าว้าในหยุนหนานมีความเชื่อมโยงทางดีเอ็นเอใกล้ชิดกันมากอย่างน่าแปลกใจ แน่นอนผู้ชายของพวกเขาล้วนมียีน Y DNA hg O
    .
    เคสที่น่าสนใจ เคสนึงที่จะทำให้เห็นภาพปัจจัยทางสังคมศาสตร์มากขึ้นคือกรณีของพระนางจามเทวี พระนางไม่ได้เป็นเจ้านางของชนเผ่าไฮโซที่ไหน แต่เป็นผู้หญิงระดับสูงของพวกลั๊วะ และแน่ๆ คือเป็นนักรบด้วยเพราะนางพุ่งหอกชนะนักรบลั๊วะผู้ชายคนนึงที่หมายปองนาง แต่นางไปเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเมืองเหนือแทน นักรบผู้นั้นก็เลยไปท้านางแข่งพุ่งหอกเดิมพันแต่งงานกันแต่ไม่อาจเอาชนะนางได้ การดองกันนี้ของเจ้าหญิงเผ่าลั๊วะกับเจ้านายหริภุญไชยเป็นการเมืองที่ทำให้คนเมืองเหนือที่พูดไทปกครองชนเผ่าเชื้อสายอัสเลียนที่พูดออสโตรเอเชียติคได้ ผ่านกาลเวลายาวนาน อัสเลียนกับไทดองกันเป็นประชากรชาติเดียวกันและพูดภาษาเดียวกัน ยาวมาจนทุกวันนี้
    .
    สำหรับผม การเอาข้อมูลเหล่านี้เป็นแผนที่วิจัย จะเห็นความเชื่อมโยงในอีกแง่มุมที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ผมทำอย่างนี้ในเกือบทุกเรื่องที่ผมค้นคว้า และเมื่อใช้มันประกบเข้ากับสาขาความรู้อื่น เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ธรณีวิทยา ศิลปะวัฒนธรรม หรือแม้แต่ปรัมปราคติ ถ้ามันเข้ากันได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ในความเห็นผม มันน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มั่นคงที่สุด
    .
    เมื่อพิจารณาอย่างนี้ แนวคิดหนึ่งที่ถูกนำเสนอและดูจะมีน้ำหนักสุด คือแนวคิดที่เห็นว่า ขอม เป็นชื่อที่คนพื้นเมืองทางเหนือเรียกคนพื้นเมืองทางใต้ ประชากรพวกนี้บ้างอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นโบราณสักแคว้นหนึ่งหรือหลายแคว้น อาจปะปน เคลื่อนย้ายถ่ายเทไปมา บางพวกอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของฟูนัน อาจเป็นส่วนหนึ่งของมอญทวารวดี อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขมรพระนคร เป็นส่วนหนึ่งของละโว้ เป็นส่วนหนึ่งอโยธยา เป็นส่วนหนึ่งของจาม.... แต่ความสมมุตินี้ได้จบสิ้นไปแล้วหลายร้อยปี ไม่ควรเอามาเป็นตัวชี้วัดปัจจุบัน ความเป็นจริงแท้เดียวที่ไม่เปลี่ยนแปรไป แม้ความสมมุติเหล่านั้นจะสิ้นสลายไปแล้วก็คือ ทั้งอุษาคเนย์ล้วนมียีนพ่อเดียวกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คือ Y Chromosome DNA Haplogroup O เป็นสายพันธ์ุตระกูลใหญ่ที่มีรากมาจากหิมาลายัน ไป่เยว่และอัสเลียน และยังมีแม่จากต่างสาแหรกร่วมกับพวกดราวิเดียน อะบอริจินิสท์ ไอนุ โพลินิเชียน มองโกล และอินุอิต ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ ความขัดแย้งน่าจะยุติลง
    .
    อยากรู้ว่าประชากรเขมร หรือประชากรสยามคนไหนเคยเป็นส่วนหนึ่งของประชากรที่อาศัยในพื้นที่ใด มีความเก่าแก่แค่ไหนในตัวเขา และเขามาจากสาแหรกไหน เก่าแก่มากน้อยเพียงใด... ไม่ยาก สามารถอ่านได้จากรหัสมิวเทชั่นในพันธุกรรมของพวกเขา ที่ซึ่งจากฐานข้อมูลที่มีการรวบรวมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี อย่างเช่นของ familytreedna.org เราจะสามารถระบุความหนาแน่นของดีเอ็นเอในกลุ่มประชากรแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าดีเอ็นเอของใครที่มาจากมิวเทชั่นของสาแหรกเก่าแก่นับพันปี (อย่างที่บอก ดีเอ็นเอมี time stamp) และพบหนาแน่นอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปจนจรดแถบตะวันออกของกัมพูชาเวียตนามปัจจุบัน และพบว่าไม่เคยย้ายถิ่นฐานไปไกลจากพื้นที่แถบนั้นเลยมาหลายชั่วคนเกินกว่าสองสามร้อยปีมาแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษพวกเขาอาจอยู่ในเขมรพระนครมาก่อน
    .
    เอา fact นี้เป็นตัวตั้ง แล้วเอาประวัติศาสตร์วางทาบลงไป
    =========================================================
    ข้อถกเถียงอันน่าปวดหัวของคำว่า ขอม เขมร สยาม ไท ไต กับมุมมองความแตกต่างทางพันธุกรรม ================================================================= ผมมักอ่านพบการโต้เถียงในเรื่องว่า ขอม เป็นใคร อยู่บ่อยๆ บ้างว่าคือ สยาม.. บ้างว่า คือ เขมร.. ทั้งที่ต่างก็เป็นชื่อสมมุติ มีความยืดหยุ่นมาก ชื่อส่วนใหญ่มักเป็นชื่อที่ผู้อื่นเรียก โดยมากมีความหมายไม่ดีมาก่อนและมีการเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา จึงอยากขออนุญาติเสนอความเห็นสักสองสตางค์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป อาจจะยาวไปหน่อย ปกติมันควรใช้เวลาอธิบายสักสองชั่วโมง แต่ผมจะพยายามย่อให้สั้น . ผมคิดแบบเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้ง ใช้ชีววิทยาพันธุกรรมเป็นแผนที่หลักในการสำรวจสิ่งต่างๆ ก็ด้วยเหตุผลว่า ดีเอ็นเอมนุษย์สามารถเชื่อมโยงมนุษย์ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ว่าใครสืบสายเลือดมาทางสาแหรกไหนหรือใครมีอายุเก่าใหม่กว่ากัน เพราะในดีเอ็นเอมี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “genetic marker” ในมนุษย์ผู้ชายมียีนพ่อ Y chromosome DNA และยีนแม่ Mitochondreal DNA ปรากฏอยู่ในโครงสร้างของโปรตีนในเลือดเนื้อ.. ส่วนผู้หญิงมีแต่ยีนแม่ Mitochondrea DNA. ยีนพ่อและยีนแม่เหล่านี้มันไม่เคยหายไป มันอยู่ในตัวเราและสาวลึกไปสู่บรรพบุรุษต้นทางได้ ข้อมูลของความหนาแน่นของดีเอ็นเอประชากรโลกและ time stamp ที่บอกอายุของดีเอ็นเอ ก่อให้เกิดการคำนวณเส้นทางการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์โบราณได้ ทีมวิจัยด้านพันธุกรรมศาสตร์ของสแตนฟอร์ดที่บุกเบิกโดยศาสตราจารย์ Luca Cavalli Sforza ทำการพลอตเส้นทางอพยพของมนุษย์จากฐานข้อมูลนี้. ดังนั้นสำหรับผม… ชื่อทุกชื่อเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ภาษาพูดไม่ใช่สิ่งยืนยันทางพันธุกรรม. . แสนกว่าปีก่อนมนุษย์อพยพออกจากบริเวณที่เป็นซาฮารันโบราณในแอฟริกา ห้าหมื่นกว่าปีก่อน… มนุษย์กลุ่มแรกที่อพยพออกจากแอฟริกาใช้เส้นทางเลาะชายฝั่งทะเลและอพยพมาถึงเอเชียโบราณบริเวณที่เรียกว่าแผ่นดินซุนดา ซึ่งผืนดินเชื่อมถึงกันหมดทั้งอุษาคเนย์ ไม่มีทะเลบริเวณอ่าวไทย ยีนพ่อหรือมนุษย์ผู้ชายที่มาถึงก่อนเป็นพวก YDNA Haplogroup C และยีนแม่คือ Mitochondreal M และ B คนพวกนี้เคยถูกเรียกว่าอะไรหรือพูดภาษาอะไรมาก่อนไม่รู้ได้ นักวิชาการสมัยใหม่นิยามว่าภาษาซาฮารันโบราณหรือโปรโตซาฮารันอนุมานจากบริเวณถิ่นฐานในแอฟริกาโบราณที่พวกเขาจากมา ส่วนหนึ่งจากคลื่นอพยพของพวกเขากลายเป็นพวกที่เริ่มอารยะธรรมสินธุที่บริเวณฮารัปปา-โมฮันจดาโรเมื่ออพยพผ่านอินเดียโบราณ ซึ่งต่อมาพวกนี้กลายเป็นสาแหรกของกลุ่มดราวิเดียน ทมิฬ สิงหล… ส่วนหนึ่งพลัดข้ามไปสู่เกาะเซนทิเนียล นิโคบาร์ ในอันดามัน ถูกกักกั้นตัดขาดอยู่กลางทะเล รู้จักกันในชื่อพวกอันดามันนิส… ส่วนหนึ่งเข้าสู่เมนแลนด์ซุนดากลายเป็นพวกปาปวน แล้วข้ามไปแผ่นดินซาฮุลโบราณหรือออสเตรเลียปัจจุบันกลายเป็นพวกที่เรียกว่าอะบอริจินิสท์… ส่วนหนึ่งอพยพขึ้นเหนือ แล้วกลับเข้าสู่เอเชียตะวันออกทางตอนบนเคลื่อนย้อนมาทางตะวันตกกลายเป็นพวกมองโกล ส่วนหนึ่งข้ามไปบุกเบิกเกาะญี่ปุ่นกลายเป็นพวกไอนุ ส่วนหนึ่งขึ้นเหนือไปและข้ามทะเลแบริ่งไปทวีปอเมริกาโบราณกลายเป็นพวกอินุอิตที่พบในอะลาสก้า… ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดนี้จะมีหรือเคยมีชื่อชาติพันธุ์อะไร เคยพูดภาษาอะไรและในที่สุดพูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน มาจากมดลูกของบรรพบุรุษสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น มนุษย์ผู้ชายทั้งหมดจากชาติพันธุ์ที่กล่าวไปนี้ทั้งหมด แครี่ Y Chromosome DNA Haplogroup C. และเมื่อลองพิจารณาดูปัจจุบันนี้ เฉพาะพวกไอนุอย่างเดียว วันนี้พูดภาษาญี่ปุ่นและสำมะโนประชากรระบุว่าเป็นคนญี่ปุ่น จะเห็นว่าชื่อทางชาติพันธุ์หรือภาษาพูดไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาเป็นใคร (ไม่ต่างกับการพูดภาษาขอม ภาษาเขมร ภาษาไทย ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าพวกเขาเป็นใครมาก่อนกันแน่) . สามหมื่นห้าพันกว่าปีก่อน คลื่นอพยพระลอกที่สองประกอบด้วยยีนพ่อคือ Y Chromosome Hg O ยีนแม่คือ Mt DNA Hg F และ D. อพยพมาตามเส้นทางโบราณสายอนาโตเลีย ยูเครน สู่เอเชียกลาง มาถึงบริเวณที่รู้จักกันในชื่อ Pamir Knot ซึ่งมีภูเขายักษ์สามลูกคือ ฮินดูกูช หิมาลัย และเทียนซานขวางหน้าพวกเขา อุปสรรคทางภูมิศาสตร์นี้บีบให้เส้นทางอพยพแตกออกเป็นสามทาง พวกหนึ่งขึ้นเหนือเลาะเทียนซานมุ่งสู่ไซบีเรียและอพยพข้ามแบริ่งไปทวีปอเมริกากลายเป็นพวกนาดิเนอินเดียนและอะมาไรด์อินเดียน… พวกหนึ่งผ่าที่ราบสูงทิเบตแล้วกระจายกันสู่บริเวณที่เป็นเสฉวน หยุนหนาน กวางสี ในปัจจุบัน กลายเป็นพวกชนเผ่าหิมาลายัน และชนเผ่ามากมายที่บันทึกจีนเรียกเยว่ร้อยเผ่า ในบรรดาพวกนี้ ผลการสำรวจดีเอ็นเอในประเทศจีนตอนใต้โดยศาสตราจารย์จินลีของประเทศจีน ปรากฏว่าไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกข่าว้าและพวกผู้ยีซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในตระกูลจ้วงเหนือ… พวกสุดท้ายกลุ่มที่สาม อพยพเลาะเทือกตะนาวศรีเข้าสู่ซุนดาโบราณ ลงมาปะทะสังสรรค์และผสานกับพวกอพยพคลื่นลูกแรกที่มาถึงก่อน ในบรรดาพวกนี้ทั้งหมด จากฐานข้อมูลดีเอ็นเอปัจุบันไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกโอรังอัสลิ (นักวิชาการรุ่นใหม่เรียกว่า aslian) โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในซาบาห์ บอร์เนียว ที่สำคัญไปกว่านั้น แม่พันธุ์ของพวกอพยพระลอกแรก คือ mt DNA B และ M เลือกพวกผู้ชายอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ด้วนเหตุผลใดไม่ทราบ ทำให้ยีนพ่อเดิมของพวกคลื่นอพยพแรกคือพวก Y DNA Hg C ถูกเบียดผลักให้ออกจากเมนแลนด์ไปสู่เกาะแก่งโดยรอบ... ด้วยการที่ตระกูลนี้มีแม่พันธ์ุใหญ่ถึงสี่สาแหรก คือ mt DNA hg B / M / D / F ทำให้ยีนพ่อ Y DNA hg O กลายเป็นสาแหรกที่ใหญ่ที่สุดและมีลูกหลานยึดครองแผ่นดินเอเชียที่มีปริมาณประชากรมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเอเชียทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน . ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ว สิ้นสุดยุคน้ำแข็ง น้ำแข็งละลายและระดับน้ำสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดินซุนดาโบราณสามครั้ง รวมแล้วประมาณ 120 เมตร ทำให้แผ่นดินซุนดาหายไปกว่าครึ่ง และทำให้เอเชียมีรูปร่างอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ผลจากน้ำท่วมโลกนี้ ทำให้ประชากรอัสเลียนโบราณ Y DNA O ในตอนล่างของคาบสมุทร อพยพหนีขึ้นเหนือไปรวมกับพวก Y DNA O ที่อยู่ทางตอนเหนือ บางส่วนอพยพหนีไปสู่เกาะต่างๆ โดยรอบ เกิดปรากฏการณ์ของ cultural transmission ที่หลากหลายและน่าทึ่ง . ทั้งหมดนี้คือวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าเราเป็นใคร คนอุษาคเนย์ที่อยู่บนคาบสมุทรตอนล่างไม่ว่าจะถูกเรียกด้วยชื่ออะไร พูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมาจากพวกอัสเลียนอย่างเช่น เซมังซาไก มานิ โอรังลาโว้ย ดยัค อิฟูเกา บอนทอค…ฯลฯ ไม่ว่าต่อมาลูกหลานของพวกเขาจะกลายเป็นเซนอย เป็นข่า เป็นมอญ เป็นขอม เป็นละโว้ เป็นสยาม เป็นอโยธยา เป็นทวารวดี เป็นศรีโพธิ์ เป็นเขมรพระนคร…ฯลฯ. ชื่ออะไรก็ตามแต่... ผู้ชายของชื่อสมมุติพวกนี้ทั้งหมดล้วนมาจาก 'aslian' และบางกลุ่มยังมียีนแม่เป็นอะบอริจินิสท์ พวกเขาล้วนมีโครงสร้างทางโปรตีนในดีเอ็นเหมือนกันกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ต่างกันเพียงมิวเทชั่นเล็กน้อย ดังนั้น fact ง่ายๆ สำหรับผมพวกเขาคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O . สาแหรกวงศ์ตระกูลทีใหญ่ที่สุดในโลก . คนมอญ คนสยาม คนเขมร ไม่ว่าเก่าใหม่ มีชื่อเรียกว่าอะไร เคยมีชื่อเรียกว่าอะไร.. มนุษย์ผู้ชาย 'ส่วนใหญ่' แชร์ยีนพ่อ sub clan จาก Y DNA hg O2 คนพื้นถิ่นพวกนี้ที่เป็นประชากรทั่วไป โดยธรรมชาติจะแทบไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ถ้าไม่มีภัยพิบัติคุกคาม โรคระบาด หรือถูกกวาดต้อนย้ายไปเพราะมีสงคราม… เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเขมรพระนครยุคโบราณพากันย้ายไปไหนบ้าง เพราะเมืองนครวัดประสบปัญหาเรื่องชลประทาน สุขาภิบาลและสุขอนามัย ในที่สุดมันล่มสลายและถูกทิ้งให้ร้างอยู่ในป่า จนแม้แต่คนเขมรส่วนใหญ่ในยุคอาณานิคมก็ไม่รู้ว่ามีนครโบราณอยู่ตรงนั้นตอนที่พวกทีมสำรวจของฝรั่งเศสไปพบเข้า เป็นไปได้ว่ายังอาจมีเชื้อพันธุ์จากประชากรโบราณบางส่วนยังคงอยู่ในบริเวณนั้นบ้าง แต่ไม่ได้แปลว่าคนกัมพูชาปัจจุบันสืบสายมาจากประชากรเมืองพระนคร . ลองคิดดูว่า สมมุติว่าหลังพระนครล่มสลาย ถ้าพวกเขาส่วนหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาส่วนหนึ่ง ในขณะที่บางส่วนที่อาจยังคงอยู่ในบริเวณโตนเลสาปส่วนหนึ่ง หากวันนี้มีการนำลูกหลานของทั้งสองพวกนี้มาตรวจดีเอ็นเอ ก็จะไม่แปลกใจเลยเมื่อพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่มียีน O2 เหมือนกัน แต่พวกหนึ่งพูดไทย พวกหนึ่งพูดกัมพูชา ทั้งที่เมื่อสาวย้อนไปไกลขึ้นอีกล้วนมีรากลึกที่สุดมาจากอัสเลียนและพูดภาษาอัสเลียนมาก่อนทั้งคู่ วิทยาศาสตร์จะบอกอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้โดยไม่สนความสมมุติทั้งหลาย.. หากเป็นเช่นนี้ คำพูดที่ว่า ขอมพระนครคือสยาม และขอมพระนครคือเขมร ก็จะถูกต้องทั้งสองแง่ . ถ้าเราลองมองดูเฉพาะ อยุธยา ที่จีนเรียกว่า "เสียน-หลอ" เพราะเป็นการรวมกันของสุโขทัยและละโว้ในความคิดจีน พวกสุโขทัยหรือที่จีนเรียก 'เสียน' อาศัยอยู่ทางเหนือ พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกัน จัดเป็นกลุ่มเยว่ พูดภาษาจ้วงไต... ขณะที่พวกละโว้อโยธยาที่จีนเรียกหลอหู่ อาศัยอยู่ตอนกลางคาบสมุทรแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกันอีก จัดเป็นสาแหรกอัสเลียนที่ไม่ต่างกับพวกอื่นที่อยู่ในคาบสมุทรมาเลย์ และพวกมอญ-เขมร. จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที่พวกนี้ได้ปกครองเหนือชนพื้นเมืองหลายพงศ์เผ่า จะเป็นเพราะพวกเยว่รูปหล่อผิวขาวร่ำรวยกว่าหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบ คนพวกนี้ได้เป็นชนชั้นปกครองและเป็นผลให้ภาษาสกุลจ้วงไทกลายเป็นภาษากลางของหลอหู่ ทั้งที่คนพื้นเมืองหลายกลุ่มปะปนมีทั้งพูดอัสเลียนมาก่อน พูดขอมมาก่อน พูดข่ามาก่อน พูดมอญมาก่อน และประชากรชาวบ้านพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายไปไหน ชื่อเมืองอาจเปลี่ยน ชื่อคนอาจเปลี่ยน ชื่ออาณาจักรอาจเปลี่ยน ภาษาอาจเปลี่ยน แต่สาแหรกพันธุกรรมและความเชื่อมโยงกลับไม่เปลี่ยน ที่อัศจรรย์กว่านั้นคือ พวกที่อยู่ไกลกันมากอย่างเช่นพวกนากาในอัสสัม พวกอดิในอรุณาจัลประเทศ พวกดยัคในบอร์เนียว พวกบอนทอคในฟิลิปปินส์ พวกอตายาลในฟอร์โมซา พวกข่าว้าในหยุนหนานมีความเชื่อมโยงทางดีเอ็นเอใกล้ชิดกันมากอย่างน่าแปลกใจ แน่นอนผู้ชายของพวกเขาล้วนมียีน Y DNA hg O . เคสที่น่าสนใจ เคสนึงที่จะทำให้เห็นภาพปัจจัยทางสังคมศาสตร์มากขึ้นคือกรณีของพระนางจามเทวี พระนางไม่ได้เป็นเจ้านางของชนเผ่าไฮโซที่ไหน แต่เป็นผู้หญิงระดับสูงของพวกลั๊วะ และแน่ๆ คือเป็นนักรบด้วยเพราะนางพุ่งหอกชนะนักรบลั๊วะผู้ชายคนนึงที่หมายปองนาง แต่นางไปเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเมืองเหนือแทน นักรบผู้นั้นก็เลยไปท้านางแข่งพุ่งหอกเดิมพันแต่งงานกันแต่ไม่อาจเอาชนะนางได้ การดองกันนี้ของเจ้าหญิงเผ่าลั๊วะกับเจ้านายหริภุญไชยเป็นการเมืองที่ทำให้คนเมืองเหนือที่พูดไทปกครองชนเผ่าเชื้อสายอัสเลียนที่พูดออสโตรเอเชียติคได้ ผ่านกาลเวลายาวนาน อัสเลียนกับไทดองกันเป็นประชากรชาติเดียวกันและพูดภาษาเดียวกัน ยาวมาจนทุกวันนี้ . สำหรับผม การเอาข้อมูลเหล่านี้เป็นแผนที่วิจัย จะเห็นความเชื่อมโยงในอีกแง่มุมที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ผมทำอย่างนี้ในเกือบทุกเรื่องที่ผมค้นคว้า และเมื่อใช้มันประกบเข้ากับสาขาความรู้อื่น เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ธรณีวิทยา ศิลปะวัฒนธรรม หรือแม้แต่ปรัมปราคติ ถ้ามันเข้ากันได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ในความเห็นผม มันน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มั่นคงที่สุด . เมื่อพิจารณาอย่างนี้ แนวคิดหนึ่งที่ถูกนำเสนอและดูจะมีน้ำหนักสุด คือแนวคิดที่เห็นว่า ขอม เป็นชื่อที่คนพื้นเมืองทางเหนือเรียกคนพื้นเมืองทางใต้ ประชากรพวกนี้บ้างอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นโบราณสักแคว้นหนึ่งหรือหลายแคว้น อาจปะปน เคลื่อนย้ายถ่ายเทไปมา บางพวกอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของฟูนัน อาจเป็นส่วนหนึ่งของมอญทวารวดี อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขมรพระนคร เป็นส่วนหนึ่งของละโว้ เป็นส่วนหนึ่งอโยธยา เป็นส่วนหนึ่งของจาม.... แต่ความสมมุตินี้ได้จบสิ้นไปแล้วหลายร้อยปี ไม่ควรเอามาเป็นตัวชี้วัดปัจจุบัน ความเป็นจริงแท้เดียวที่ไม่เปลี่ยนแปรไป แม้ความสมมุติเหล่านั้นจะสิ้นสลายไปแล้วก็คือ ทั้งอุษาคเนย์ล้วนมียีนพ่อเดียวกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คือ Y Chromosome DNA Haplogroup O เป็นสายพันธ์ุตระกูลใหญ่ที่มีรากมาจากหิมาลายัน ไป่เยว่และอัสเลียน และยังมีแม่จากต่างสาแหรกร่วมกับพวกดราวิเดียน อะบอริจินิสท์ ไอนุ โพลินิเชียน มองโกล และอินุอิต ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ ความขัดแย้งน่าจะยุติลง . อยากรู้ว่าประชากรเขมร หรือประชากรสยามคนไหนเคยเป็นส่วนหนึ่งของประชากรที่อาศัยในพื้นที่ใด มีความเก่าแก่แค่ไหนในตัวเขา และเขามาจากสาแหรกไหน เก่าแก่มากน้อยเพียงใด... ไม่ยาก สามารถอ่านได้จากรหัสมิวเทชั่นในพันธุกรรมของพวกเขา ที่ซึ่งจากฐานข้อมูลที่มีการรวบรวมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี อย่างเช่นของ familytreedna.org เราจะสามารถระบุความหนาแน่นของดีเอ็นเอในกลุ่มประชากรแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าดีเอ็นเอของใครที่มาจากมิวเทชั่นของสาแหรกเก่าแก่นับพันปี (อย่างที่บอก ดีเอ็นเอมี time stamp) และพบหนาแน่นอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปจนจรดแถบตะวันออกของกัมพูชาเวียตนามปัจจุบัน และพบว่าไม่เคยย้ายถิ่นฐานไปไกลจากพื้นที่แถบนั้นเลยมาหลายชั่วคนเกินกว่าสองสามร้อยปีมาแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษพวกเขาอาจอยู่ในเขมรพระนครมาก่อน . เอา fact นี้เป็นตัวตั้ง แล้วเอาประวัติศาสตร์วางทาบลงไป =========================================================
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • Radeon AI PRO R9700: การ์ดจอสำหรับ AI ที่ออกแบบมาเพื่อเวิร์กสเตชันโดยเฉพาะ

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดระดับมืออาชีพที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 พร้อมหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 32GB และ 128 AI Accelerators โดยเน้นการใช้งานด้าน AI inference, LLMs, การประมวลผลภาพทางการแพทย์ และงานวิทยาศาสตร์ข้อมูล

    การ์ดนี้มีความสามารถในการประมวลผลสูงถึง 1531 TOPS (INT4) และ 96 TFLOPS (FP16) พร้อมรองรับ PCIe 5.0 x16 และ ECC memory สำหรับ Linux โดยสามารถใช้งานแบบ multi-GPU ได้ถึง 4 ใบ รวม VRAM ได้ถึง 112GB เหมาะกับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLaMA 70B หรือ Mistral Large

    ASRock และ GIGABYTE ต่างเปิดตัวรุ่น Creator Edition ที่ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ blower fan พร้อม vapor chamber และวัสดุเกรดเซิร์ฟเวอร์ เช่น thermal gel และ metal grease เพื่อรองรับการใช้งานต่อเนื่องในระบบ rackmount

    แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาก็สูงตาม โดยรุ่น ASRock อยู่ที่ $1329 และ GIGABYTE ประมาณ $1220 ซึ่งแพงกว่าการ์ดเล่นเกม RX 9070 XT ถึงสองเท่า แม้จะใช้สเปกใกล้เคียงกัน

    การออกแบบของรุ่น ASRock และ GIGABYTE
    ใช้ระบบระบายความร้อน blower fan พร้อม vapor chamber
    มี thermal gel เกรดเซิร์ฟเวอร์และ metal grease สำหรับ GPU
    รองรับการติดตั้งในเคสแบบ rackmount ด้วยการวางหัวจ่ายไฟด้านท้าย
    มี DisplayPort 2.1a จำนวน 4 ช่อง รองรับภาพ 8K

    การวางจำหน่ายและราคา
    เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2025
    ราคาประมาณ $1329 สำหรับรุ่น ASRock Creator
    GIGABYTE รุ่น Turbo Fan มีราคาประมาณ $1220 ก่อนภาษี
    วางขายผ่านผู้ผลิตระบบ (SI) และร้านค้าบางแห่งเท่านั้น

    https://wccftech.com/asrock-creator-radeon-ai-pro-r9700-listed-on-newegg-for-1329/
    🧠 Radeon AI PRO R9700: การ์ดจอสำหรับ AI ที่ออกแบบมาเพื่อเวิร์กสเตชันโดยเฉพาะ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดระดับมืออาชีพที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 พร้อมหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 32GB และ 128 AI Accelerators โดยเน้นการใช้งานด้าน AI inference, LLMs, การประมวลผลภาพทางการแพทย์ และงานวิทยาศาสตร์ข้อมูล การ์ดนี้มีความสามารถในการประมวลผลสูงถึง 1531 TOPS (INT4) และ 96 TFLOPS (FP16) พร้อมรองรับ PCIe 5.0 x16 และ ECC memory สำหรับ Linux โดยสามารถใช้งานแบบ multi-GPU ได้ถึง 4 ใบ รวม VRAM ได้ถึง 112GB เหมาะกับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น LLaMA 70B หรือ Mistral Large ASRock และ GIGABYTE ต่างเปิดตัวรุ่น Creator Edition ที่ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ blower fan พร้อม vapor chamber และวัสดุเกรดเซิร์ฟเวอร์ เช่น thermal gel และ metal grease เพื่อรองรับการใช้งานต่อเนื่องในระบบ rackmount แม้จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาก็สูงตาม โดยรุ่น ASRock อยู่ที่ $1329 และ GIGABYTE ประมาณ $1220 ซึ่งแพงกว่าการ์ดเล่นเกม RX 9070 XT ถึงสองเท่า แม้จะใช้สเปกใกล้เคียงกัน ✅ การออกแบบของรุ่น ASRock และ GIGABYTE ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อน blower fan พร้อม vapor chamber ➡️ มี thermal gel เกรดเซิร์ฟเวอร์และ metal grease สำหรับ GPU ➡️ รองรับการติดตั้งในเคสแบบ rackmount ด้วยการวางหัวจ่ายไฟด้านท้าย ➡️ มี DisplayPort 2.1a จำนวน 4 ช่อง รองรับภาพ 8K ✅ การวางจำหน่ายและราคา ➡️ เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2025 ➡️ ราคาประมาณ $1329 สำหรับรุ่น ASRock Creator ➡️ GIGABYTE รุ่น Turbo Fan มีราคาประมาณ $1220 ก่อนภาษี ➡️ วางขายผ่านผู้ผลิตระบบ (SI) และร้านค้าบางแห่งเท่านั้น https://wccftech.com/asrock-creator-radeon-ai-pro-r9700-listed-on-newegg-for-1329/
    WCCFTECH.COM
    ASRock Creator Radeon AI PRO R9700 Listed On Newegg For $1329; GIGABYTE's Custom Edition Also Reportedly Shares The Same Price
    AMD's latest RDNA 4-based Radeon AI PRO R9700 has started shipping to users. As seen on Newegg, the ASRock Creator Radeon AI PRO R9700 costs $1329.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • Radeon AI Pro R9700: จากเบื้องหลังสู่มือผู้ใช้ DIY

    เดิมที AMD เปิดตัว Radeon AI Pro R9700 ในงาน Computex 2025 โดยตั้งใจให้เป็นการ์ดสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 ที่มี 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators พร้อม VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit

    แต่ตอนแรกการ์ดนี้จำกัดการขายเฉพาะ OEM และ System Integrator เท่านั้น จนกระทั่งมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งโพสต์ว่าเขาสามารถซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” ได้จากช่องทางค้าปลีกในราคา $1,324 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่การ์ดนี้หลุดออกสู่ตลาด DIY

    การ์ดรุ่นนี้ใช้พัดลมแบบ blower-style ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์หรือแร็คมากกว่าพีซีทั่วไป เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่แออัด

    เทียบกับคู่แข่ง: Nvidia และ Intel

    แม้ว่า R9700 จะมี VRAM เท่ากับ Nvidia RTX 5090 (32GB) แต่ราคาถูกกว่าครึ่ง ขณะที่ RTX 5090 มีแบนด์วิดธ์สูงกว่า (1.79TB/s เทียบกับ 644GB/s) และมีจำนวน core มากกว่า (21,760 เทียบกับ 4,096) ทำให้ RTX 5090 เหมาะกับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด

    ในฝั่ง Intel ก็มี Arc Pro B60 Dual ที่รวมสอง GPU เข้าด้วยกัน ให้ VRAM รวม 48GB และใช้สถาปัตยกรรม Xe2 “Battlemage” โดยมีราคาประมาณ $1,200 เช่นกัน เหมาะกับงาน inference ขนาดใหญ่ที่ต้องการความจุหน่วยความจำมาก

    การเปิดตัว Radeon AI Pro R9700 สู่ตลาด DIY
    เดิมจำกัดการขายเฉพาะ OEM และ SI
    ผู้ใช้ Reddit รายงานว่าได้ซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” จากร้านค้าปลีก
    ราคาอยู่ที่ประมาณ $1,324 รวมภาษีและค่าขนส่ง

    สเปกเด่นของ R9700
    ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators
    VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit
    ประสิทธิภาพสูงสุด 96 TFLOPs FP16 และ 1,531 TOPS INT4

    การออกแบบและการใช้งาน
    ใช้พัดลมแบบ blower-style เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์
    รองรับงาน AI inference และ LLM ขนาดใหญ่แบบ local
    ใช้ PCIe 5.0 x16 และมีขนาด 2-slot

    เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
    RTX 5090 มีพลังประมวลผลสูงกว่า แต่ราคาสูงถึง $1,999
    Intel Arc Pro B60 Dual มี VRAM 48GB และราคาประมาณ $1,200
    R9700 มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่าและการใช้งาน local AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-elusive-radeon-ai-pro-r9700-makes-its-first-retail-appearance-for-the-diy-market-customer-on-reddit-buys-the-gigabyte-ai-top-variant-for-usd1-324
    🧠 Radeon AI Pro R9700: จากเบื้องหลังสู่มือผู้ใช้ DIY เดิมที AMD เปิดตัว Radeon AI Pro R9700 ในงาน Computex 2025 โดยตั้งใจให้เป็นการ์ดสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 ที่มี 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators พร้อม VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit แต่ตอนแรกการ์ดนี้จำกัดการขายเฉพาะ OEM และ System Integrator เท่านั้น จนกระทั่งมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งโพสต์ว่าเขาสามารถซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” ได้จากช่องทางค้าปลีกในราคา $1,324 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่การ์ดนี้หลุดออกสู่ตลาด DIY การ์ดรุ่นนี้ใช้พัดลมแบบ blower-style ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์หรือแร็คมากกว่าพีซีทั่วไป เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่แออัด 📊 เทียบกับคู่แข่ง: Nvidia และ Intel แม้ว่า R9700 จะมี VRAM เท่ากับ Nvidia RTX 5090 (32GB) แต่ราคาถูกกว่าครึ่ง ขณะที่ RTX 5090 มีแบนด์วิดธ์สูงกว่า (1.79TB/s เทียบกับ 644GB/s) และมีจำนวน core มากกว่า (21,760 เทียบกับ 4,096) ทำให้ RTX 5090 เหมาะกับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด ในฝั่ง Intel ก็มี Arc Pro B60 Dual ที่รวมสอง GPU เข้าด้วยกัน ให้ VRAM รวม 48GB และใช้สถาปัตยกรรม Xe2 “Battlemage” โดยมีราคาประมาณ $1,200 เช่นกัน เหมาะกับงาน inference ขนาดใหญ่ที่ต้องการความจุหน่วยความจำมาก ✅ การเปิดตัว Radeon AI Pro R9700 สู่ตลาด DIY ➡️ เดิมจำกัดการขายเฉพาะ OEM และ SI ➡️ ผู้ใช้ Reddit รายงานว่าได้ซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” จากร้านค้าปลีก ➡️ ราคาอยู่ที่ประมาณ $1,324 รวมภาษีและค่าขนส่ง ✅ สเปกเด่นของ R9700 ➡️ ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators ➡️ VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit ➡️ ประสิทธิภาพสูงสุด 96 TFLOPs FP16 และ 1,531 TOPS INT4 ✅ การออกแบบและการใช้งาน ➡️ ใช้พัดลมแบบ blower-style เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์ ➡️ รองรับงาน AI inference และ LLM ขนาดใหญ่แบบ local ➡️ ใช้ PCIe 5.0 x16 และมีขนาด 2-slot ✅ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ➡️ RTX 5090 มีพลังประมวลผลสูงกว่า แต่ราคาสูงถึง $1,999 ➡️ Intel Arc Pro B60 Dual มี VRAM 48GB และราคาประมาณ $1,200 ➡️ R9700 มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่าและการใช้งาน local AI https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-elusive-radeon-ai-pro-r9700-makes-its-first-retail-appearance-for-the-diy-market-customer-on-reddit-buys-the-gigabyte-ai-top-variant-for-usd1-324
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ชาติศาสน์กษัตริย์ครบนี้จึงคือประเทศไทย.
    #อำนาจมืดชักใยโลกต้องการยึดไทย.


    รัฐลึก Deep State, หมวกขาว White Hats และ Q/Qanon ไร้สาระ
    รู้เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ!!!

    เมื่อผู้คนค่อยๆ ตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงของโลกของเรา การถูกจับเป็นตัวประกันโดย13สายเลือดผู้ปกครอง
    และปรสิตภายในสมาคมลับของพวกเขา (กลุ่มคาบาล) และทุกสิ่งที่เราถูกสอนมาเป็นเรื่องโกหก เส้นทางที่แตกต่างกันมากมาย
    บางคนหลุดเข้าไปในอุโมงค์มืด(รูกระต่าย)ของฝ่ายมืดที่ถูกควบคุม (คนเฝ้าประตู) และวาระของพวกเขากำหนดไว้
    เพื่อไม่ให้คุณรู้ลึกไปมากกว่านี้ ในบทความนี้ผมจะช่วยทำให้คุณเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้น เริ่มกันที่ “การเมือง…”

    ผู้คนที่อ้างถึงผู้มีอำนาจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังว่า "The Deep State"
    จริงๆแล้วไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "The Deep State" นั่นเป็นเพียงคำพูดไร้สาระที่ CIA และ สาวก Q-โง่ๆ บัญญัติขึ้น
    เดิมทีมันปรากฏเป็นชวเลขสำหรับข้าราชการที่ต้องการบ่อนทำลายทรัมป์ - ซึ่งตลกเพราะการเมืองคือละครนํ้าเน่า
    กล่าวอีกนัยหนึ่ง อย่าใช้คำศัพท์เหล่านี้หากคุณต้องการได้รับความเชื่อ ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

    ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงคือผู้คนจาก 13 สายเลือดโบราณ (ตระกูล) ของกษัตริย์และราชินี
    ตามมาด้วยพระสันตปาปาดำและคณะเยซูอิต ตามมาด้วยพวกนักบวชทางศาสนา (ซาตาน) มหาเศรษฐีและนายธนาคาร
    และพวกเขา ทั้งหมดทำงานภายในสมาคมลับหรือ 'พันธมิตร' - ทำงานเพื่อรัฐบาลโลกเดียวหรือที่เรียกว่าระเบียบโลกใหม่

    พวกเขามีคณะกรรมการประมาณ 300 คน (ชายและหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก) และคลังความคิดที่เรียกว่า Club of Rome
    ที่สร้างขึ้นโดยนิกายเยซูอิตหรือที่รู้จักกันในชื่อ Society of Jesus (คำสั่งภายในคริสตจักรคาทอลิก)
    และจาองค์กรอื่น ๆ เช่น Freemasons (แต่เดิมถูกแทรกซึมโดย Order of the Illuminati
    ซึ่งก่อตั้งโดยนักบวชนิกายเยซูอิต Adam Weishaupt) และกลายเป็นคำสั่งลึกลับและสถาบันของรัฐบาลทั้งหมด
    ที่ถูกแทรกซึมโดยกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะตำรวจ, กองทัพ, NATO, UN(UnitedNation), GATT,
    ธนาคารกลาง, FED, กรมสรรพากร, ศูนย์ข้อมูลทางการทหาร, สถานพยาบาล, บริษัทและองค์กรข้ามชาติ
    และยังมี Bilderberg Group ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสำหรับนักการเมือง,
    ผู้จัดการ, และนักธุรกิจ “แถวหน้า” นี่เป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลและแนวทางสำหรับปีต่อ ๆ ไป
    และถ้าคุณดูว่าสายเลือดโบราณทั้ง 13 สายได้แทรกซึมทางการเงินไปทั่วโลกอย่างไร
    คุณต้องดูที่บริษัทการเงินและลงทุนเช่น Vanguard, BlackRock, State Street,
    Berkshire Hathaway, Morgan Stanley, JPMorgan Chase
    บริษัทเหล่านี้มีหุ้นส่วนใหญ่ในทุกอุตสาหกรรมและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในโลก
    และพวกเขายังเป็นเจ้าของหุ้นในกันและกัน และที่ด้านบนสุดของปิรามิดนี้ Vanguard และ BlackRock
    ซึ่งมีหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ใต้พวกเขา และพวกเขาล้วนเป็นเจ้าของหุ้นในทุกอุตสาหกรรมและทุกบริษัทในโลก
    และจากสองบริษัทนี้ Vanguardเป็นบริษัทเดียวที่สามารถไม่แสดงตัวผู้ถือหุ้น
    อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นข้อมูล คุณจะเห็นชื่อต่างๆ เช่น Rothschild, Rockefeller, DuPont เป็นต้น
    พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใน Vanguard และเป็นเจ้าของทุกสิ่ง!

    ถ้าเราจะระบุ "Deep State"จริง ๆ มันก็เป็นแค่สมาชิกภายในรัฐบาลและศูนย์การทหารที่ทำตามคำสั่งของนิกายเยซูอิต
    ตามคำสั่งของ 13 ครอบครัวใน Vanguard และเป้าหมายปัจจุบันของพวกเขา และชาวสวีเดนตัวน้อย ตระกูลวอลเลนเบิร์กผู้ชั่วร้าย
    พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของนิกายเยซูอิตในคริสตจักรคาทอลิกและอีก 13 ตระกูล พวกเขาอาจมีอำนาจในสายงานธุรกิจของพวกเขา
    แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในห่วงโซ่อาหารและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ บริษัทของ Wallenberg เช่น Investor
    ถูกควบคุมโดย Vanguard และ BlackRock เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ

    ผู้คนยังคงถกกันเรื่องการเมือง ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
    การเมืองเป็นโรงละครสำหรับมวลชนที่ยังคงหลับใหล เช่นเดียวกับกีฬา รายการทีวี ข่าว ดนตรีและภาพยนตร์
    นักการเมืองและประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยนิกายเยซูอิต
    ผ่านสมาชิกและลูกน้องเพื่อให้ประชาชนรู้สึกยุติธรรมโดยการ "ลงคะแนนเสียง"
    หากคุณเสียเวลาไปกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงประธานาธิบดีหรือพรรคการเมือง
    แสดงว่าคุณกำลังเล่นเกมอยู่ในกำมือของพวกเขา
    การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มที่ไม่ชอบหน้ากัน เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระ
    เช่น การเหยียดเชื้อชาติ กีฬา การหลอกลวงสภาพอากาศ ความถูกต้องทางการเมือง และอื่นๆ



    พวกเขา ควบคุมสื่อ ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา ควบคุมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ของรัฐบาลกลางของเรา ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา มีนักการเมืองที่ฉ้อฉล อัยการเขต และผู้พิพากษา
    พวกเขา มีคนดังมากมาย
    พวกเขา จ่ายเงินให้กับผู้มีอิทธิพล
    พวกเขา เซ็นเซอร์เรา อย่างไม่ลดละ
    พวกเขา ควบคุมเครื่องลงคะแนนเสียง
    พวกเขา นำผู้ลงคะแนนเสียงใหม่ เข้ามาหลายล้านคน
    พวกเขา ติดตามทุกคนได้ อย่างไม่จำกัด
    พวกเขา มีผู้มีอิทธิพลทางการเมือง
    พวกเขา มี BlackRock, Vanguard และ State Street
    พวกเขา ควบคุมระบบกฎหมายของเรา
    พวกเขา ควบคุมระบบโรงเรียนของรัฐ
    พวกเขา ควบคุมมหาวิทยาลัยของเรา
    พวกเขา ควบคุมกองทัพของเรา
    พวกเขา ควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ
    พวกเขา ควบคุมองค์กรนอกภาครัฐ หลายร้อยแห่ง
    พวกเขา ควบคุมตลาดการเงิน ได้อย่างสมบูรณ์
    พวกเขา ควบคุมหน่วยงานกำกับดูแลของเรา
    พวกเขา มีเงินมากกว่า
    พวกเขา ควบคุมนโยบายต่างประเทศ
    พวกเขา เก็บภาษีเราจนตาย
    พวกเขา ท่วมโซเชียลมีเดียของเรา ด้วยบ็อทและโทรล
    พวกเขา ควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
    พวกเขา ควบคุม Google
    พวกเขา ควบคุมรายการทอล์คโชว์ รายการวิทยุ นิตยสาร และใบอนุญาตออกอากาศ
    พวกเขา มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่เบื้องหลัง
    พวกเขา มีประสบการณ์หลายสิบปี
    อุตสาหกรรมการทหาร อยู่เบื้องหลังพวกเขา
    พวกเขา มีศูนย์ข้อมูล ที่ใช้โมเดลการคาดการณ์

    พวกเขามีทั้งหมดนั้น ... แต่พวกเขาก็ยังแพ้

    #ชาติศาสน์กษัตริย์ครบนี้จึงคือประเทศไทย. #อำนาจมืดชักใยโลกต้องการยึดไทย. รัฐลึก Deep State, หมวกขาว White Hats และ Q/Qanon ไร้สาระ รู้เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ!!! เมื่อผู้คนค่อยๆ ตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงของโลกของเรา การถูกจับเป็นตัวประกันโดย13สายเลือดผู้ปกครอง และปรสิตภายในสมาคมลับของพวกเขา (กลุ่มคาบาล) และทุกสิ่งที่เราถูกสอนมาเป็นเรื่องโกหก เส้นทางที่แตกต่างกันมากมาย บางคนหลุดเข้าไปในอุโมงค์มืด(รูกระต่าย)ของฝ่ายมืดที่ถูกควบคุม (คนเฝ้าประตู) และวาระของพวกเขากำหนดไว้ เพื่อไม่ให้คุณรู้ลึกไปมากกว่านี้ ในบทความนี้ผมจะช่วยทำให้คุณเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้น เริ่มกันที่ “การเมือง…” ผู้คนที่อ้างถึงผู้มีอำนาจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังว่า "The Deep State" จริงๆแล้วไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "The Deep State" นั่นเป็นเพียงคำพูดไร้สาระที่ CIA และ สาวก Q-โง่ๆ บัญญัติขึ้น เดิมทีมันปรากฏเป็นชวเลขสำหรับข้าราชการที่ต้องการบ่อนทำลายทรัมป์ - ซึ่งตลกเพราะการเมืองคือละครนํ้าเน่า กล่าวอีกนัยหนึ่ง อย่าใช้คำศัพท์เหล่านี้หากคุณต้องการได้รับความเชื่อ ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงคือผู้คนจาก 13 สายเลือดโบราณ (ตระกูล) ของกษัตริย์และราชินี ตามมาด้วยพระสันตปาปาดำและคณะเยซูอิต ตามมาด้วยพวกนักบวชทางศาสนา (ซาตาน) มหาเศรษฐีและนายธนาคาร และพวกเขา ทั้งหมดทำงานภายในสมาคมลับหรือ 'พันธมิตร' - ทำงานเพื่อรัฐบาลโลกเดียวหรือที่เรียกว่าระเบียบโลกใหม่ พวกเขามีคณะกรรมการประมาณ 300 คน (ชายและหญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก) และคลังความคิดที่เรียกว่า Club of Rome ที่สร้างขึ้นโดยนิกายเยซูอิตหรือที่รู้จักกันในชื่อ Society of Jesus (คำสั่งภายในคริสตจักรคาทอลิก) และจาองค์กรอื่น ๆ เช่น Freemasons (แต่เดิมถูกแทรกซึมโดย Order of the Illuminati ซึ่งก่อตั้งโดยนักบวชนิกายเยซูอิต Adam Weishaupt) และกลายเป็นคำสั่งลึกลับและสถาบันของรัฐบาลทั้งหมด ที่ถูกแทรกซึมโดยกลุ่มดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะตำรวจ, กองทัพ, NATO, UN(UnitedNation), GATT, ธนาคารกลาง, FED, กรมสรรพากร, ศูนย์ข้อมูลทางการทหาร, สถานพยาบาล, บริษัทและองค์กรข้ามชาติ และยังมี Bilderberg Group ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสำหรับนักการเมือง, ผู้จัดการ, และนักธุรกิจ “แถวหน้า” นี่เป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลและแนวทางสำหรับปีต่อ ๆ ไป และถ้าคุณดูว่าสายเลือดโบราณทั้ง 13 สายได้แทรกซึมทางการเงินไปทั่วโลกอย่างไร คุณต้องดูที่บริษัทการเงินและลงทุนเช่น Vanguard, BlackRock, State Street, Berkshire Hathaway, Morgan Stanley, JPMorgan Chase บริษัทเหล่านี้มีหุ้นส่วนใหญ่ในทุกอุตสาหกรรมและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในโลก และพวกเขายังเป็นเจ้าของหุ้นในกันและกัน และที่ด้านบนสุดของปิรามิดนี้ Vanguard และ BlackRock ซึ่งมีหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ใต้พวกเขา และพวกเขาล้วนเป็นเจ้าของหุ้นในทุกอุตสาหกรรมและทุกบริษัทในโลก และจากสองบริษัทนี้ Vanguardเป็นบริษัทเดียวที่สามารถไม่แสดงตัวผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม จากการขุดค้นข้อมูล คุณจะเห็นชื่อต่างๆ เช่น Rothschild, Rockefeller, DuPont เป็นต้น พวกเขาซ่อนตัวอยู่ใน Vanguard และเป็นเจ้าของทุกสิ่ง! ถ้าเราจะระบุ "Deep State"จริง ๆ มันก็เป็นแค่สมาชิกภายในรัฐบาลและศูนย์การทหารที่ทำตามคำสั่งของนิกายเยซูอิต ตามคำสั่งของ 13 ครอบครัวใน Vanguard และเป้าหมายปัจจุบันของพวกเขา และชาวสวีเดนตัวน้อย ตระกูลวอลเลนเบิร์กผู้ชั่วร้าย พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของนิกายเยซูอิตในคริสตจักรคาทอลิกและอีก 13 ตระกูล พวกเขาอาจมีอำนาจในสายงานธุรกิจของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในห่วงโซ่อาหารและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ บริษัทของ Wallenberg เช่น Investor ถูกควบคุมโดย Vanguard และ BlackRock เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ ผู้คนยังคงถกกันเรื่องการเมือง ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา การเมืองเป็นโรงละครสำหรับมวลชนที่ยังคงหลับใหล เช่นเดียวกับกีฬา รายการทีวี ข่าว ดนตรีและภาพยนตร์ นักการเมืองและประธานาธิบดีส่วนใหญ่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยนิกายเยซูอิต ผ่านสมาชิกและลูกน้องเพื่อให้ประชาชนรู้สึกยุติธรรมโดยการ "ลงคะแนนเสียง" หากคุณเสียเวลาไปกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงประธานาธิบดีหรือพรรคการเมือง แสดงว่าคุณกำลังเล่นเกมอยู่ในกำมือของพวกเขา การแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มที่ไม่ชอบหน้ากัน เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระ เช่น การเหยียดเชื้อชาติ กีฬา การหลอกลวงสภาพอากาศ ความถูกต้องทางการเมือง และอื่นๆ พวกเขา ควบคุมสื่อ ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา ควบคุมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ของรัฐบาลกลางของเรา ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา มีนักการเมืองที่ฉ้อฉล อัยการเขต และผู้พิพากษา พวกเขา มีคนดังมากมาย พวกเขา จ่ายเงินให้กับผู้มีอิทธิพล พวกเขา เซ็นเซอร์เรา อย่างไม่ลดละ พวกเขา ควบคุมเครื่องลงคะแนนเสียง พวกเขา นำผู้ลงคะแนนเสียงใหม่ เข้ามาหลายล้านคน พวกเขา ติดตามทุกคนได้ อย่างไม่จำกัด พวกเขา มีผู้มีอิทธิพลทางการเมือง พวกเขา มี BlackRock, Vanguard และ State Street พวกเขา ควบคุมระบบกฎหมายของเรา พวกเขา ควบคุมระบบโรงเรียนของรัฐ พวกเขา ควบคุมมหาวิทยาลัยของเรา พวกเขา ควบคุมกองทัพของเรา พวกเขา ควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ พวกเขา ควบคุมองค์กรนอกภาครัฐ หลายร้อยแห่ง พวกเขา ควบคุมตลาดการเงิน ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขา ควบคุมหน่วยงานกำกับดูแลของเรา พวกเขา มีเงินมากกว่า พวกเขา ควบคุมนโยบายต่างประเทศ พวกเขา เก็บภาษีเราจนตาย พวกเขา ท่วมโซเชียลมีเดียของเรา ด้วยบ็อทและโทรล พวกเขา ควบคุมบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ พวกเขา ควบคุม Google พวกเขา ควบคุมรายการทอล์คโชว์ รายการวิทยุ นิตยสาร และใบอนุญาตออกอากาศ พวกเขา มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่เบื้องหลัง พวกเขา มีประสบการณ์หลายสิบปี อุตสาหกรรมการทหาร อยู่เบื้องหลังพวกเขา พวกเขา มีศูนย์ข้อมูล ที่ใช้โมเดลการคาดการณ์ พวกเขามีทั้งหมดนั้น ... แต่พวกเขาก็ยังแพ้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากตลาดการ์ดจอ: AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอราคาประหยัดที่ยังรองรับ Ray Tracing

    ในเดือนสิงหาคม 2025 AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 แบบเงียบ ๆ โดยไม่ได้จัดงานเปิดตัวใหญ่โต เพราะนี่คือการ์ดจอระดับเริ่มต้นในตระกูล RDNA 3 ที่ใช้ชิป Navi 33 ซึ่งเป็นชิ้นเล็กที่สุดในสายการผลิตนี้ และเคยใช้ในรุ่น RX 7600 มาก่อน

    RX 7400 มาพร้อม 28 Compute Units หรือ 1,792 Stream Processors ซึ่งลดลงจาก RX 7600 ประมาณ 12.5% แต่ยังคงรองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และมี AI Accelerators 56 ตัว แม้จะเป็นรุ่นเล็กที่สุดในซีรีส์ แต่ก็ยังให้ฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับการเล่นเกมระดับ 1080p

    หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 8GB ถูกลดความเร็วลงเหลือ 10.8 Gbps ทำให้ bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ซึ่งต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40% แต่ข้อดีคือ RX 7400 ใช้พลังงานเพียง 55W และไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM ที่ต้องการประหยัดพลังงาน

    AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอ RDNA 3 รุ่นเริ่มต้น
    ใช้ชิป Navi 33 เหมือน RX 7600 แต่ลดจำนวน Compute Units

    RX 7400 มี 28 Compute Units และ 1,792 Stream Processors
    ลดลง 12.5% จาก RX 7600 ที่มี 2,048 SPs

    รองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และ 56 AI Accelerators
    เป็นรุ่นราคาประหยัดที่ยังมีฟีเจอร์ครบ

    ใช้ GDDR6 ขนาด 8GB ความเร็ว 10.8 Gbps
    Bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40%

    ใช้พลังงานเพียง 55W ไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม
    เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM

    ขนาดการ์ด 167 มม. แบบ single-slot
    ติดตั้งง่ายในเคสขนาดเล็ก

    RX 7400 เหมาะสำหรับเกม 1080p และงานสตรีมมิ่งพื้นฐาน
    แม้ไม่แรงเท่า RX 7600 แต่ดีกว่า iGPU ในซีพียูทั่วไป

    มีการใช้งานในเครื่องพีซีของ Dell สำหรับตลาดองค์กร
    บ่งชี้ว่าอาจเป็นรุ่น OEM เป็นหลัก

    ยังไม่มีการประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ
    แต่คาดว่าจะต่ำกว่า RX 7600 ที่เปิดตัวที่ $269

    AMD ยังไม่ยืนยันว่าจะมีรุ่น RX 7300 ตามมา
    แม้มีข่าวหลุดว่ามีรุ่น 6GB และ 1,536 SPs อยู่ในแผน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-quietly-launches-radeon-rx-7400-8gb-budget-gaming-gpu-rdna-3-goes-another-rung-lower-on-the-ladder
    🎮💸 เรื่องเล่าจากตลาดการ์ดจอ: AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอราคาประหยัดที่ยังรองรับ Ray Tracing ในเดือนสิงหาคม 2025 AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 แบบเงียบ ๆ โดยไม่ได้จัดงานเปิดตัวใหญ่โต เพราะนี่คือการ์ดจอระดับเริ่มต้นในตระกูล RDNA 3 ที่ใช้ชิป Navi 33 ซึ่งเป็นชิ้นเล็กที่สุดในสายการผลิตนี้ และเคยใช้ในรุ่น RX 7600 มาก่อน RX 7400 มาพร้อม 28 Compute Units หรือ 1,792 Stream Processors ซึ่งลดลงจาก RX 7600 ประมาณ 12.5% แต่ยังคงรองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และมี AI Accelerators 56 ตัว แม้จะเป็นรุ่นเล็กที่สุดในซีรีส์ แต่ก็ยังให้ฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับการเล่นเกมระดับ 1080p หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 8GB ถูกลดความเร็วลงเหลือ 10.8 Gbps ทำให้ bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ซึ่งต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40% แต่ข้อดีคือ RX 7400 ใช้พลังงานเพียง 55W และไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ✅ AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอ RDNA 3 รุ่นเริ่มต้น ➡️ ใช้ชิป Navi 33 เหมือน RX 7600 แต่ลดจำนวน Compute Units ✅ RX 7400 มี 28 Compute Units และ 1,792 Stream Processors ➡️ ลดลง 12.5% จาก RX 7600 ที่มี 2,048 SPs ✅ รองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และ 56 AI Accelerators ➡️ เป็นรุ่นราคาประหยัดที่ยังมีฟีเจอร์ครบ ✅ ใช้ GDDR6 ขนาด 8GB ความเร็ว 10.8 Gbps ➡️ Bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40% ✅ ใช้พลังงานเพียง 55W ไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม ➡️ เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM ✅ ขนาดการ์ด 167 มม. แบบ single-slot ➡️ ติดตั้งง่ายในเคสขนาดเล็ก ✅ RX 7400 เหมาะสำหรับเกม 1080p และงานสตรีมมิ่งพื้นฐาน ➡️ แม้ไม่แรงเท่า RX 7600 แต่ดีกว่า iGPU ในซีพียูทั่วไป ✅ มีการใช้งานในเครื่องพีซีของ Dell สำหรับตลาดองค์กร ➡️ บ่งชี้ว่าอาจเป็นรุ่น OEM เป็นหลัก ✅ ยังไม่มีการประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ ➡️ แต่คาดว่าจะต่ำกว่า RX 7600 ที่เปิดตัวที่ $269 ✅ AMD ยังไม่ยืนยันว่าจะมีรุ่น RX 7300 ตามมา ➡️ แม้มีข่าวหลุดว่ามีรุ่น 6GB และ 1,536 SPs อยู่ในแผน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-quietly-launches-radeon-rx-7400-8gb-budget-gaming-gpu-rdna-3-goes-another-rung-lower-on-the-ladder
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเกม: AMD จับมือ Microsoft สร้างชิปเดียวใช้ได้ทั้ง Xbox, PC และเครื่องพกพา

    ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 AMD ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Microsoft ในการพัฒนาชิปแบบกึ่งสั่งทำ (semi-custom SoC) สำหรับอุปกรณ์ Xbox รุ่นถัดไป ซึ่งไม่ใช่แค่คอนโซลเท่านั้น แต่รวมถึง PC และเครื่องเล่นเกมแบบพกพาด้วย

    แนวคิดนี้คือการสร้าง “ชิปเดียวใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม” โดยใช้สถาปัตยกรรม x86 “Zen” สำหรับ CPU และ “RDNA” สำหรับ GPU ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับที่ใช้ใน Xbox Series X/S และ Ryzen Z2 ที่อยู่ใน ROG Ally รุ่น Xbox

    AMD ระบุว่าชิปใหม่นี้จะช่วยให้ Microsoft สร้าง ecosystem ที่เชื่อมโยงกันระหว่างคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกม Xbox ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องผูกกับอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็มีข้อกังวล เช่น ชิปแบบนี้อาจถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด ทำให้ไม่สามารถอัปเกรดได้เหมือน PC แบบประกอบเอง และอาจจำกัดตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความสะดวกมากกว่าความยืดหยุ่น

    AMD และ Microsoft ร่วมพัฒนาชิปกึ่งสั่งทำสำหรับ Xbox รุ่นถัดไป
    ใช้ได้กับคอนโซล PC และเครื่องเล่นเกมพกพา

    ชิปใช้สถาปัตยกรรม Zen สำหรับ CPU และ RDNA สำหรับ GPU
    เป็นพื้นฐานเดียวกับ Xbox Series X/S และ Ryzen Z2

    AMD รายงานรายได้จากกลุ่ม Client และ Gaming เพิ่มขึ้น 71.4%
    โดยเฉพาะยอดขาย Ryzen 9000X3D และ Radeon RX 9000

    Ecosystem ใหม่จะใช้ชิปเดียวกันในหลายอุปกรณ์
    ช่วยให้เกม Xbox เล่นได้ทุกที่อย่างไร้รอยต่อ

    AMD ยังร่วมมือกับ Sony ในการพัฒนา FSR 4 สำหรับ PlayStation
    แสดงถึงบทบาทกลางของ AMD ในอุตสาหกรรมเกม

    Microsoft วางแผนให้ Xbox เป็น “พอร์ตโฟลิโอของอุปกรณ์”
    รวมคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ที่ใช้ชิปเดียวกัน

    ชิปใหม่จะรองรับ AI-based rendering และ upscaling
    เพิ่มประสิทธิภาพภาพและเฟรมเรตในเกม

    AMD เตรียมสร้าง roadmap ของชิปเกมที่ใช้ Ryzen และ Radeon
    ครอบคลุมคอนโซล เครื่องพกพา PC และ cloud gaming

    Xbox รุ่นใหม่จะมี backward compatibility กับเกมเก่า
    ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องซื้อเกมใหม่ซ้ำ

    Ecosystem นี้อาจทำให้ Xbox แข่งกับ PlayStation ได้ในหลายระดับราคา
    ตั้งแต่ $199 สำหรับเครื่องพกพา ไปจนถึง $699 สำหรับคอนโซลระดับสูง

    https://wccftech.com/amd-confirms-developing-custom-chips-microsoft-power-next-gen-xbox-consoles-pcs-handhelds/
    🎮🔧 เรื่องเล่าจากโลกเกม: AMD จับมือ Microsoft สร้างชิปเดียวใช้ได้ทั้ง Xbox, PC และเครื่องพกพา ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 AMD ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Microsoft ในการพัฒนาชิปแบบกึ่งสั่งทำ (semi-custom SoC) สำหรับอุปกรณ์ Xbox รุ่นถัดไป ซึ่งไม่ใช่แค่คอนโซลเท่านั้น แต่รวมถึง PC และเครื่องเล่นเกมแบบพกพาด้วย แนวคิดนี้คือการสร้าง “ชิปเดียวใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม” โดยใช้สถาปัตยกรรม x86 “Zen” สำหรับ CPU และ “RDNA” สำหรับ GPU ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับที่ใช้ใน Xbox Series X/S และ Ryzen Z2 ที่อยู่ใน ROG Ally รุ่น Xbox AMD ระบุว่าชิปใหม่นี้จะช่วยให้ Microsoft สร้าง ecosystem ที่เชื่อมโยงกันระหว่างคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกม Xbox ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องผูกกับอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็มีข้อกังวล เช่น ชิปแบบนี้อาจถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด ทำให้ไม่สามารถอัปเกรดได้เหมือน PC แบบประกอบเอง และอาจจำกัดตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความสะดวกมากกว่าความยืดหยุ่น ✅ AMD และ Microsoft ร่วมพัฒนาชิปกึ่งสั่งทำสำหรับ Xbox รุ่นถัดไป ➡️ ใช้ได้กับคอนโซล PC และเครื่องเล่นเกมพกพา ✅ ชิปใช้สถาปัตยกรรม Zen สำหรับ CPU และ RDNA สำหรับ GPU ➡️ เป็นพื้นฐานเดียวกับ Xbox Series X/S และ Ryzen Z2 ✅ AMD รายงานรายได้จากกลุ่ม Client และ Gaming เพิ่มขึ้น 71.4% ➡️ โดยเฉพาะยอดขาย Ryzen 9000X3D และ Radeon RX 9000 ✅ Ecosystem ใหม่จะใช้ชิปเดียวกันในหลายอุปกรณ์ ➡️ ช่วยให้เกม Xbox เล่นได้ทุกที่อย่างไร้รอยต่อ ✅ AMD ยังร่วมมือกับ Sony ในการพัฒนา FSR 4 สำหรับ PlayStation ➡️ แสดงถึงบทบาทกลางของ AMD ในอุตสาหกรรมเกม ✅ Microsoft วางแผนให้ Xbox เป็น “พอร์ตโฟลิโอของอุปกรณ์” ➡️ รวมคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ที่ใช้ชิปเดียวกัน ✅ ชิปใหม่จะรองรับ AI-based rendering และ upscaling ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพภาพและเฟรมเรตในเกม ✅ AMD เตรียมสร้าง roadmap ของชิปเกมที่ใช้ Ryzen และ Radeon ➡️ ครอบคลุมคอนโซล เครื่องพกพา PC และ cloud gaming ✅ Xbox รุ่นใหม่จะมี backward compatibility กับเกมเก่า ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องซื้อเกมใหม่ซ้ำ ✅ Ecosystem นี้อาจทำให้ Xbox แข่งกับ PlayStation ได้ในหลายระดับราคา ➡️ ตั้งแต่ $199 สำหรับเครื่องพกพา ไปจนถึง $699 สำหรับคอนโซลระดับสูง https://wccftech.com/amd-confirms-developing-custom-chips-microsoft-power-next-gen-xbox-consoles-pcs-handhelds/
    WCCFTECH.COM
    AMD Confirms It's Developing Custom Chips With Microsoft: Will Power Next-Gen Xbox Devices Including Consoles, PCs, & Handhelds
    AMD has confirmed the development of custom chips that will power future Microsoft Xbox platforms such as consoles, PCs & handhelds.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนาม AI: AMD ลุกขึ้นท้าชน NVIDIA ด้วยกลยุทธ์ใหม่ที่ไม่ใช่แค่ชิปแรง

    ย้อนกลับไปในปี 2022 เมื่อ ChatGPT จุดกระแส AI ให้ลุกเป็นไฟ NVIDIA ก็กลายเป็นเจ้าตลาดทันที เพราะมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์พร้อมใช้งาน ขณะที่ AMD ยังอยู่กับ CPU และ GPU แบบเดิม จนกระทั่งปี 2023 Lisa Su ซีอีโอของ AMD ประกาศเปลี่ยนทิศทางบริษัทเข้าสู่ตลาด AI อย่างเต็มตัว

    แต่การไล่ตามไม่ง่าย เพราะ NVIDIA ไม่ได้ขายแค่ชิป แต่ขาย “ระบบนิเวศ” ที่ผูกขาดด้วย CUDA และเครื่องมือพัฒนาแบบ proprietary ทำให้ Big Tech อย่าง Microsoft, Meta และ OpenAI ติดสัญญาและไม่กล้าเปลี่ยนฝั่งง่ายๆ

    AMD จึงต้องสร้างทุกอย่างใหม่ ตั้งแต่ชิป MI300X ที่มี VRAM 192GB มากกว่า H100 ของ NVIDIA ถึงเท่าตัว ไปจนถึงการเปิดตัว Helios rack-scale AI server ที่ใช้ EPYC Venice CPU และเตรียมเปิดตัว MI400 ที่ใช้ HBM4 พร้อมหน่วยความจำเพิ่มขึ้นอีก 50%

    แม้ MI300X จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า H100 ในงาน inferencing ขนาดเล็กและใหญ่ แต่ยังแพ้ใน batch ขนาดกลาง และราคาต่อชั่วโมงก็สูงกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณรวมแล้ว AMD กลับคุ้มค่ากว่าในหลายกรณี

    AMD ยังพยายามสร้างซอฟต์แวร์ ecosystem ของตัวเอง และเริ่มได้รับความสนใจจาก Big Tech ที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มทางเลือก เช่น Microsoft และ OpenAI ที่เริ่มใช้เทคโนโลยีของ AMD ในบางส่วน

    AMD เปลี่ยนทิศทางเข้าสู่ตลาด AI ตั้งแต่ปี 2023
    หลังจากกระแส ChatGPT ทำให้ AI กลายเป็นเทรนด์หลัก

    เปิดตัวชิป MI300X ที่มี VRAM 192GB และใช้สถาปัตยกรรม CDNA 3
    มีประสิทธิภาพสูงใน inferencing ขนาดเล็กและใหญ่

    เตรียมเปิดตัว MI400 ที่ใช้ HBM4 และมีหน่วยความจำเพิ่มขึ้น 50%
    พร้อมเปิดตัว Helios rack-scale server สำหรับองค์กร

    AMD เริ่มได้รับความสนใจจาก Microsoft, Meta และ OpenAI
    ด้วยราคาที่ถูกกว่าและความพร้อมในการจัดส่ง

    MI300X มีราคาต่อชั่วโมงสูงกว่า H100 เล็กน้อย แต่คุ้มค่ากว่าในบางงาน
    โดยเฉพาะงานที่ใช้ batch ขนาดเล็กหรือใหญ่

    AMD คาดการณ์ตลาดชิป AI ปีนี้มีมูลค่า $45 พันล้าน
    ตั้งเป้ายอดขายชิป AI ที่ $2 พันล้านในปี 2024

    MI300X สามารถรันโมเดล Mixtral 7x8B ได้บน GPU เดียว
    ขณะที่ H100 ต้องใช้ tensor parallelism บนสอง GPU

    AMD พัฒนา ecosystem แบบเปิดเพื่อแข่งกับ CUDA ของ NVIDIA
    เน้นความยืดหยุ่นและลดการผูกขาด

    NVIDIA ยังครองตลาดด้วย ecosystem ที่ผูกขาดและครอบคลุม
    ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ลังเลที่จะเปลี่ยนมาใช้ AMD

    AMD ยังขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและสื่อเทคโนโลยี
    ส่งผลต่อภาพลักษณ์และการยอมรับในตลาด

    การแข่งขันไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพของชิป
    แต่ต้องสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจรทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    https://wccftech.com/is-amd-the-next-major-threat-to-nvidias-long-standing-ai-dominance/
    🚀🧠 เรื่องเล่าจากสนาม AI: AMD ลุกขึ้นท้าชน NVIDIA ด้วยกลยุทธ์ใหม่ที่ไม่ใช่แค่ชิปแรง ย้อนกลับไปในปี 2022 เมื่อ ChatGPT จุดกระแส AI ให้ลุกเป็นไฟ NVIDIA ก็กลายเป็นเจ้าตลาดทันที เพราะมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์พร้อมใช้งาน ขณะที่ AMD ยังอยู่กับ CPU และ GPU แบบเดิม จนกระทั่งปี 2023 Lisa Su ซีอีโอของ AMD ประกาศเปลี่ยนทิศทางบริษัทเข้าสู่ตลาด AI อย่างเต็มตัว แต่การไล่ตามไม่ง่าย เพราะ NVIDIA ไม่ได้ขายแค่ชิป แต่ขาย “ระบบนิเวศ” ที่ผูกขาดด้วย CUDA และเครื่องมือพัฒนาแบบ proprietary ทำให้ Big Tech อย่าง Microsoft, Meta และ OpenAI ติดสัญญาและไม่กล้าเปลี่ยนฝั่งง่ายๆ AMD จึงต้องสร้างทุกอย่างใหม่ ตั้งแต่ชิป MI300X ที่มี VRAM 192GB มากกว่า H100 ของ NVIDIA ถึงเท่าตัว ไปจนถึงการเปิดตัว Helios rack-scale AI server ที่ใช้ EPYC Venice CPU และเตรียมเปิดตัว MI400 ที่ใช้ HBM4 พร้อมหน่วยความจำเพิ่มขึ้นอีก 50% แม้ MI300X จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า H100 ในงาน inferencing ขนาดเล็กและใหญ่ แต่ยังแพ้ใน batch ขนาดกลาง และราคาต่อชั่วโมงก็สูงกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณรวมแล้ว AMD กลับคุ้มค่ากว่าในหลายกรณี AMD ยังพยายามสร้างซอฟต์แวร์ ecosystem ของตัวเอง และเริ่มได้รับความสนใจจาก Big Tech ที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มทางเลือก เช่น Microsoft และ OpenAI ที่เริ่มใช้เทคโนโลยีของ AMD ในบางส่วน ✅ AMD เปลี่ยนทิศทางเข้าสู่ตลาด AI ตั้งแต่ปี 2023 ➡️ หลังจากกระแส ChatGPT ทำให้ AI กลายเป็นเทรนด์หลัก ✅ เปิดตัวชิป MI300X ที่มี VRAM 192GB และใช้สถาปัตยกรรม CDNA 3 ➡️ มีประสิทธิภาพสูงใน inferencing ขนาดเล็กและใหญ่ ✅ เตรียมเปิดตัว MI400 ที่ใช้ HBM4 และมีหน่วยความจำเพิ่มขึ้น 50% ➡️ พร้อมเปิดตัว Helios rack-scale server สำหรับองค์กร ✅ AMD เริ่มได้รับความสนใจจาก Microsoft, Meta และ OpenAI ➡️ ด้วยราคาที่ถูกกว่าและความพร้อมในการจัดส่ง ✅ MI300X มีราคาต่อชั่วโมงสูงกว่า H100 เล็กน้อย แต่คุ้มค่ากว่าในบางงาน ➡️ โดยเฉพาะงานที่ใช้ batch ขนาดเล็กหรือใหญ่ ✅ AMD คาดการณ์ตลาดชิป AI ปีนี้มีมูลค่า $45 พันล้าน ➡️ ตั้งเป้ายอดขายชิป AI ที่ $2 พันล้านในปี 2024 ✅ MI300X สามารถรันโมเดล Mixtral 7x8B ได้บน GPU เดียว ➡️ ขณะที่ H100 ต้องใช้ tensor parallelism บนสอง GPU ✅ AMD พัฒนา ecosystem แบบเปิดเพื่อแข่งกับ CUDA ของ NVIDIA ➡️ เน้นความยืดหยุ่นและลดการผูกขาด ‼️ NVIDIA ยังครองตลาดด้วย ecosystem ที่ผูกขาดและครอบคลุม ⛔ ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ลังเลที่จะเปลี่ยนมาใช้ AMD ‼️ AMD ยังขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและสื่อเทคโนโลยี ⛔ ส่งผลต่อภาพลักษณ์และการยอมรับในตลาด ‼️ การแข่งขันไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพของชิป ⛔ แต่ต้องสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจรทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ https://wccftech.com/is-amd-the-next-major-threat-to-nvidias-long-standing-ai-dominance/
    WCCFTECH.COM
    Is AMD the Next Major Threat to NVIDIA's Long-Standing AI Dominance? A Deep Dive into How the Firm's Recent Strategies Might Put It in a Much More Competitive Position
    Here's an analysis of how AMD's recent AI moves are shaping the company for a better future, rivaling NVIDIA more dominantly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: PlayStation 6 กับพลังแห่ง Orion—GPU RDNA 5, CPU Zen 6 และความหวังใหม่ของเกมยุคถัดไป

    แม้ Sony ยังไม่เปิดตัว PlayStation 6 อย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลหลุดจากการนำเสนอของ AMD ในปี 2023 เผยให้เห็นสเปกที่น่าตื่นเต้นของคอนโซลรุ่นถัดไป โดยใช้ APU รหัส “Orion” ที่รวมพลังของ CPU Zen 6 และ GPU RDNA 5

    ตัวเครื่องจะมี 8 คอร์ Zen 6 ที่ความเร็วสูงสุด 3GHz และ GPU ที่มี 40–48 Compute Units ซึ่งแม้จะน้อยกว่า PS5 Pro ที่มี 60 CUs แต่ RDNA 5 มีประสิทธิภาพต่อหน่วยสูงกว่า RDNA 2 อย่างมาก

    PS6 ยังจะใช้หน่วยความจำ GDDR7 ซึ่งเร็วกว่า GDDR6 ใน PS5 Pro และมีเป้าหมายการใช้พลังงานเพียง 160W—ต่ำกว่า PS5 ที่ใช้ 190–220W

    ผลคือ PS6 จะมีประสิทธิภาพด้าน rasterization สูงกว่า PS5 ถึง 3 เท่า และ ray tracing ดีกว่า PS5 Pro อย่างชัดเจน โดยคาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2027 หรือต้นปี 2028

    PlayStation 6 จะใช้ AMD APU รหัส Orion ที่รวม Zen 6 และ RDNA 5
    CPU 8 คอร์ Zen 6 ความเร็วสูงสุด 3GHz
    GPU RDNA 5 จำนวน 40–48 Compute Units

    ใช้หน่วยความจำ GDDR7 ที่เร็วกว่า GDDR6 ใน PS5 Pro
    เพิ่มแบนด์วิดธ์และลด latency
    รองรับการเล่นเกมระดับ 4K 120FPS และ 8K 60FPS

    เป้าหมายการใช้พลังงานอยู่ที่ 160W ซึ่งต่ำกว่า PS5
    PS5 ใช้พลังงาน 190–220W
    ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน

    ประสิทธิภาพด้าน rasterization สูงกว่า PS5 ถึง 3 เท่า และดีกว่า PS5 Pro 2 เท่า
    เพิ่มความลื่นไหลของภาพและเฟรมเรต
    รองรับเกมที่ใช้กราฟิกหนักได้ดีขึ้น

    คาดว่าจะเปิดตัวปลายปี 2027 หรือต้นปี 2028
    เริ่มผลิตกลางปี 2027
    ยังไม่มีการกำหนดราคาขาย แต่ผู้ใช้หวังว่าจะใกล้เคียง PS5 ที่ $499

    มีข่าวลือว่า Sony จะเปิดตัวเครื่องพกพาใหม่พร้อมกัน โดยใช้ APU รหัส Canis
    ใช้ Zen 6C 4 คอร์ และ RDNA 5 12–20 CUs
    ใช้พลังงานเพียง 15W พร้อม LPDDR5X-7500

    https://www.techspot.com/news/108903-playstation-6-leaks-suggest-amd-orion-apu-rdna.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: PlayStation 6 กับพลังแห่ง Orion—GPU RDNA 5, CPU Zen 6 และความหวังใหม่ของเกมยุคถัดไป แม้ Sony ยังไม่เปิดตัว PlayStation 6 อย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลหลุดจากการนำเสนอของ AMD ในปี 2023 เผยให้เห็นสเปกที่น่าตื่นเต้นของคอนโซลรุ่นถัดไป โดยใช้ APU รหัส “Orion” ที่รวมพลังของ CPU Zen 6 และ GPU RDNA 5 ตัวเครื่องจะมี 8 คอร์ Zen 6 ที่ความเร็วสูงสุด 3GHz และ GPU ที่มี 40–48 Compute Units ซึ่งแม้จะน้อยกว่า PS5 Pro ที่มี 60 CUs แต่ RDNA 5 มีประสิทธิภาพต่อหน่วยสูงกว่า RDNA 2 อย่างมาก PS6 ยังจะใช้หน่วยความจำ GDDR7 ซึ่งเร็วกว่า GDDR6 ใน PS5 Pro และมีเป้าหมายการใช้พลังงานเพียง 160W—ต่ำกว่า PS5 ที่ใช้ 190–220W ผลคือ PS6 จะมีประสิทธิภาพด้าน rasterization สูงกว่า PS5 ถึง 3 เท่า และ ray tracing ดีกว่า PS5 Pro อย่างชัดเจน โดยคาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2027 หรือต้นปี 2028 ✅ PlayStation 6 จะใช้ AMD APU รหัส Orion ที่รวม Zen 6 และ RDNA 5 ➡️ CPU 8 คอร์ Zen 6 ความเร็วสูงสุด 3GHz ➡️ GPU RDNA 5 จำนวน 40–48 Compute Units ✅ ใช้หน่วยความจำ GDDR7 ที่เร็วกว่า GDDR6 ใน PS5 Pro ➡️ เพิ่มแบนด์วิดธ์และลด latency ➡️ รองรับการเล่นเกมระดับ 4K 120FPS และ 8K 60FPS ✅ เป้าหมายการใช้พลังงานอยู่ที่ 160W ซึ่งต่ำกว่า PS5 ➡️ PS5 ใช้พลังงาน 190–220W ➡️ ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ✅ ประสิทธิภาพด้าน rasterization สูงกว่า PS5 ถึง 3 เท่า และดีกว่า PS5 Pro 2 เท่า ➡️ เพิ่มความลื่นไหลของภาพและเฟรมเรต ➡️ รองรับเกมที่ใช้กราฟิกหนักได้ดีขึ้น ✅ คาดว่าจะเปิดตัวปลายปี 2027 หรือต้นปี 2028 ➡️ เริ่มผลิตกลางปี 2027 ➡️ ยังไม่มีการกำหนดราคาขาย แต่ผู้ใช้หวังว่าจะใกล้เคียง PS5 ที่ $499 ✅ มีข่าวลือว่า Sony จะเปิดตัวเครื่องพกพาใหม่พร้อมกัน โดยใช้ APU รหัส Canis ➡️ ใช้ Zen 6C 4 คอร์ และ RDNA 5 12–20 CUs ➡️ ใช้พลังงานเพียง 15W พร้อม LPDDR5X-7500 https://www.techspot.com/news/108903-playstation-6-leaks-suggest-amd-orion-apu-rdna.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    PlayStation 6 leaks suggest AMD Orion APU with RDNA 5 and Zen 6 cores
    YouTube channel Moore's Law Is Dead claims to have obtained partial spec sheets for both consoles from a leaked AMD presentation. The leak suggests the PS6's Orion...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยก เพื่อท้าชน GPU ในยุค AI PC

    ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการประมวลผลบนพีซี ผู้ผลิตชิปต่างเร่งพัฒนา NPU (Neural Processing Unit) เพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่ง AMD ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า AMD กำลังพิจารณาเปิดตัว “Discrete NPU” หรือชิป NPU แบบแยกชิ้น ไม่ฝังอยู่ใน CPU หรือ GPU เหมือนที่ผ่านมา

    Rahul Tikoo หัวหน้าฝ่าย CPU ของ AMD ระบุว่า บริษัทกำลังพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาสของชิป NPU แบบแยก ซึ่งจะช่วยให้พีซีสามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่ง GPU ที่กินไฟและสร้างความร้อนสูง

    แนวคิดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Dell เปิดตัวแล็ปท็อป Pro Max Plus ที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร และมีประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์

    AMD เองก็มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx ที่ใช้สร้าง NPU ฝังใน Ryzen รุ่นใหม่ และมีโครงการ Gaia ที่ช่วยให้สามารถรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่บนเครื่องพีซีได้โดยตรง

    AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยกสำหรับพีซีในอนาคต
    ไม่ใช่ GPU แต่เป็นตัวเร่ง AI โดยเฉพาะ
    อยู่ระหว่างการพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาส

    ชิป NPU แบบแยกจะช่วยลดภาระของ CPU และ GPU ในการประมวลผล AI
    เหมาะสำหรับงาน inference และการรันโมเดล LLM บนเครื่อง
    ช่วยให้พีซีบางเบายังคงมีประสิทธิภาพสูงด้าน AI

    AMD มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx และโครงการ Gaia สำหรับการรันโมเดล AI บน Ryzen
    ใช้ NPU tile ที่สามารถสร้างได้ถึง 50 TOPS ต่อชิ้น
    สามารถรวมหลาย tile เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้

    Dell เปิดตัวแล็ปท็อปที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร
    มี 16 AI cores และหน่วยความจำ 32GB ต่อการ์ด
    ประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์

    Discrete NPU จะช่วยลดความต้องการ GPU ระดับสูงในตลาด
    ทำให้ราคาการ์ดจอสำหรับเกมเมอร์ลดลง
    เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้งาน AI โดยเฉพาะ

    AMD XDNA 2 NPU มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 TOPS และออกแบบให้ประหยัดพลังงาน
    ใช้ engine tile แบบแยกที่สามารถประมวลผลได้อย่างอิสระ
    รองรับการปรับแต่งโครงสร้างการประมวลผล AI ได้ตามต้องการ

    Intel Lunar Lake NPU 4 มีประสิทธิภาพสูงถึง 48 TOPS และออกแบบให้มีพลังงานต่ำ
    ใช้สถาปัตยกรรมแบบ parallel inference pipeline
    มี SHAVE DSP ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล

    Qualcomm Snapdragon X Elite มี NPU 45 TOPS และมีประสิทธิภาพสูงในพลังงานต่ำ
    เหมาะกับโน้ตบุ๊กบางเบาและใช้งาน AI แบบต่อเนื่อง
    เป็นผู้นำในด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์

    Discrete NPU อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมใหม่ในพีซี เหมือนกับการ์ดจอในอดีต
    ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกอัปเกรดเฉพาะด้าน AI ได้
    อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในยุค AI PC

    Discrete NPU อาจกลายเป็นส่วนประกอบที่กินไฟและสร้างความร้อน หากออกแบบไม่ดี
    หากไม่ประหยัดพลังงาน จะไม่ต่างจาก GPU ที่มีปัญหาเรื่องความร้อน
    อาจไม่เหมาะกับพีซีบางเบาหรือโน้ตบุ๊ก

    ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า AMD จะเปิดตัวเมื่อใด และจะมีประสิทธิภาพเท่าใด
    อยู่ภายใต้ NDA และยังไม่มีแผนเปิดเผย
    อาจใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่ตลาดจริง

    การพัฒนา NPU แบบแยกต้องมี ecosystem ซอฟต์แวร์ที่รองรับอย่างเต็มรูปแบบ
    หากไม่มีเครื่องมือพัฒนาและไลบรารีที่พร้อมใช้งาน จะไม่สามารถแข่งขันได้
    ต้องมีการร่วมมือกับนักพัฒนาและผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่างใกล้ชิด

    ผู้ใช้งานทั่วไปอาจยังไม่เห็นความจำเป็นของ NPU แบบแยกในชีวิตประจำวัน
    ฟีเจอร์ AI บน Windows ยังจำกัดและไม่ใช่จุดขายหลัก
    อาจเหมาะกับผู้ใช้ระดับมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป

    https://www.techspot.com/news/108894-amd-signals-push-discrete-npus-rival-gpus-ai.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยก เพื่อท้าชน GPU ในยุค AI PC ในยุคที่ AI กลายเป็นหัวใจของการประมวลผลบนพีซี ผู้ผลิตชิปต่างเร่งพัฒนา NPU (Neural Processing Unit) เพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่ง AMD ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า AMD กำลังพิจารณาเปิดตัว “Discrete NPU” หรือชิป NPU แบบแยกชิ้น ไม่ฝังอยู่ใน CPU หรือ GPU เหมือนที่ผ่านมา Rahul Tikoo หัวหน้าฝ่าย CPU ของ AMD ระบุว่า บริษัทกำลังพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาสของชิป NPU แบบแยก ซึ่งจะช่วยให้พีซีสามารถประมวลผล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่ง GPU ที่กินไฟและสร้างความร้อนสูง แนวคิดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Dell เปิดตัวแล็ปท็อป Pro Max Plus ที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร และมีประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์ AMD เองก็มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx ที่ใช้สร้าง NPU ฝังใน Ryzen รุ่นใหม่ และมีโครงการ Gaia ที่ช่วยให้สามารถรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่บนเครื่องพีซีได้โดยตรง ✅ AMD เตรียมเปิดตัวชิป NPU แบบแยกสำหรับพีซีในอนาคต ➡️ ไม่ใช่ GPU แต่เป็นตัวเร่ง AI โดยเฉพาะ ➡️ อยู่ระหว่างการพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้งานและโอกาส ✅ ชิป NPU แบบแยกจะช่วยลดภาระของ CPU และ GPU ในการประมวลผล AI ➡️ เหมาะสำหรับงาน inference และการรันโมเดล LLM บนเครื่อง ➡️ ช่วยให้พีซีบางเบายังคงมีประสิทธิภาพสูงด้าน AI ✅ AMD มีพื้นฐานจากเทคโนโลยี Xilinx และโครงการ Gaia สำหรับการรันโมเดล AI บน Ryzen ➡️ ใช้ NPU tile ที่สามารถสร้างได้ถึง 50 TOPS ต่อชิ้น ➡️ สามารถรวมหลาย tile เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ ✅ Dell เปิดตัวแล็ปท็อปที่ใช้การ์ด Qualcomm AI 100 ซึ่งเป็น NPU แบบแยกตัวแรกในระดับองค์กร ➡️ มี 16 AI cores และหน่วยความจำ 32GB ต่อการ์ด ➡️ ประสิทธิภาพสูงถึง 450 TOPS ในพลังงานเพียง 75 วัตต์ ✅ Discrete NPU จะช่วยลดความต้องการ GPU ระดับสูงในตลาด ➡️ ทำให้ราคาการ์ดจอสำหรับเกมเมอร์ลดลง ➡️ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้งาน AI โดยเฉพาะ ✅ AMD XDNA 2 NPU มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 TOPS และออกแบบให้ประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้ engine tile แบบแยกที่สามารถประมวลผลได้อย่างอิสระ ➡️ รองรับการปรับแต่งโครงสร้างการประมวลผล AI ได้ตามต้องการ ✅ Intel Lunar Lake NPU 4 มีประสิทธิภาพสูงถึง 48 TOPS และออกแบบให้มีพลังงานต่ำ ➡️ ใช้สถาปัตยกรรมแบบ parallel inference pipeline ➡️ มี SHAVE DSP ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ✅ Qualcomm Snapdragon X Elite มี NPU 45 TOPS และมีประสิทธิภาพสูงในพลังงานต่ำ ➡️ เหมาะกับโน้ตบุ๊กบางเบาและใช้งาน AI แบบต่อเนื่อง ➡️ เป็นผู้นำในด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์ ✅ Discrete NPU อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมใหม่ในพีซี เหมือนกับการ์ดจอในอดีต ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกอัปเกรดเฉพาะด้าน AI ได้ ➡️ อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในยุค AI PC ‼️ Discrete NPU อาจกลายเป็นส่วนประกอบที่กินไฟและสร้างความร้อน หากออกแบบไม่ดี ⛔ หากไม่ประหยัดพลังงาน จะไม่ต่างจาก GPU ที่มีปัญหาเรื่องความร้อน ⛔ อาจไม่เหมาะกับพีซีบางเบาหรือโน้ตบุ๊ก ‼️ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า AMD จะเปิดตัวเมื่อใด และจะมีประสิทธิภาพเท่าใด ⛔ อยู่ภายใต้ NDA และยังไม่มีแผนเปิดเผย ⛔ อาจใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่ตลาดจริง ‼️ การพัฒนา NPU แบบแยกต้องมี ecosystem ซอฟต์แวร์ที่รองรับอย่างเต็มรูปแบบ ⛔ หากไม่มีเครื่องมือพัฒนาและไลบรารีที่พร้อมใช้งาน จะไม่สามารถแข่งขันได้ ⛔ ต้องมีการร่วมมือกับนักพัฒนาและผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่างใกล้ชิด ‼️ ผู้ใช้งานทั่วไปอาจยังไม่เห็นความจำเป็นของ NPU แบบแยกในชีวิตประจำวัน ⛔ ฟีเจอร์ AI บน Windows ยังจำกัดและไม่ใช่จุดขายหลัก ⛔ อาจเหมาะกับผู้ใช้ระดับมืออาชีพมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป https://www.techspot.com/news/108894-amd-signals-push-discrete-npus-rival-gpus-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD signals push for discrete NPUs to rival GPUs in AI-powered PCs
    AMD is exploring whether PCs could benefit from a new kind of accelerator: a discrete neural processing unit. The company has long relied on GPUs for demanding...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนามกราฟิก: เมื่อ Unreal Engine 4 ทำให้ GPU ทุกค่ายสะดุด

    YouTuber Tech Yes City ได้ทดสอบเกม The Ascent และ Hellblade: Senua’s Sacrifice บนการ์ดจอ AMD RX 9070, Intel Arc B580 และ Nvidia RTX 5070 พบว่าเมื่อเปิด ray tracing แล้ว เกมเกิดอาการกระตุกอย่างหนัก โดยเฉพาะค่าต่ำสุดของเฟรมเรต (1% และ 0.1% lows) ที่ลดลงเหลือ 0 FPS บน AMD และต่ำกว่า 10 FPS บน Intel

    แม้ Nvidia จะไม่กระตุกเท่าคู่แข่ง แต่ก็เจอปัญหา artefacting (ภาพผิดปกติ) และเฟรมเรตลดลงถึง 3 เท่าเมื่อเปิด ray tracing เช่นกัน

    ที่น่าสนใจคือ ทั้งสองเกมใช้ Unreal Engine 4 เวอร์ชันพิเศษที่พัฒนาโดย Nvidia เรียกว่า “NvRTX branch” ซึ่งใช้เทคโนโลยี ray tracing เฉพาะของ Nvidia ไม่ใช่ DXR แบบทั่วไป ทำให้ GPU จากค่ายอื่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

    AMD RX 9000 Series พบปัญหากระตุกหนักในเกม UE4 ที่เปิด ray tracing
    เฟรมเรตเฉลี่ยสูง แต่ค่าต่ำสุดเหลือ 0 FPS
    เกมที่ทดสอบคือ The Ascent และ Hellblade: Senua’s Sacrifice

    Intel Arc B580 ก็เจอปัญหาเดียวกัน แม้จะเป็นการ์ดระดับล่าง
    เฟรมเรตเฉลี่ย 45 FPS แต่ค่าต่ำสุดเหลือเพียง 8 FPS
    แสดงว่าปัญหาไม่ใช่เฉพาะ AMD

    Nvidia RTX 5070 เจอ artefacting และเฟรมเรตลดลง 3 เท่าเมื่อเปิด ray tracing
    ปัญหาเกิดเฉพาะเมื่อใช้ native resolution
    เปิด DLSS แล้วปัญหาหายไป

    ทั้งสองเกมใช้ Unreal Engine 4 เวอร์ชันพิเศษของ Nvidia (NvRTX branch)
    ใช้เทคโนโลยี ray tracing เฉพาะของ Nvidia
    ต่างจาก UE4 เวอร์ชันทั่วไปที่ใช้ DXR

    ปัญหานี้อาจเกิดจากการออกแบบ engine ไม่รองรับ GPU ค่ายอื่นอย่างเต็มที่
    ไม่ใช่ปัญหาจาก driver ของ AMD หรือ Intel โดยตรง
    Nvidia อาจได้เปรียบจากการควบคุม engine

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rdna-4s-unreal-engine-4-ray-tracing-stutters-may-not-be-amd-specific
    🧠 เรื่องเล่าจากสนามกราฟิก: เมื่อ Unreal Engine 4 ทำให้ GPU ทุกค่ายสะดุด YouTuber Tech Yes City ได้ทดสอบเกม The Ascent และ Hellblade: Senua’s Sacrifice บนการ์ดจอ AMD RX 9070, Intel Arc B580 และ Nvidia RTX 5070 พบว่าเมื่อเปิด ray tracing แล้ว เกมเกิดอาการกระตุกอย่างหนัก โดยเฉพาะค่าต่ำสุดของเฟรมเรต (1% และ 0.1% lows) ที่ลดลงเหลือ 0 FPS บน AMD และต่ำกว่า 10 FPS บน Intel แม้ Nvidia จะไม่กระตุกเท่าคู่แข่ง แต่ก็เจอปัญหา artefacting (ภาพผิดปกติ) และเฟรมเรตลดลงถึง 3 เท่าเมื่อเปิด ray tracing เช่นกัน ที่น่าสนใจคือ ทั้งสองเกมใช้ Unreal Engine 4 เวอร์ชันพิเศษที่พัฒนาโดย Nvidia เรียกว่า “NvRTX branch” ซึ่งใช้เทคโนโลยี ray tracing เฉพาะของ Nvidia ไม่ใช่ DXR แบบทั่วไป ทำให้ GPU จากค่ายอื่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ✅ AMD RX 9000 Series พบปัญหากระตุกหนักในเกม UE4 ที่เปิด ray tracing ➡️ เฟรมเรตเฉลี่ยสูง แต่ค่าต่ำสุดเหลือ 0 FPS ➡️ เกมที่ทดสอบคือ The Ascent และ Hellblade: Senua’s Sacrifice ✅ Intel Arc B580 ก็เจอปัญหาเดียวกัน แม้จะเป็นการ์ดระดับล่าง ➡️ เฟรมเรตเฉลี่ย 45 FPS แต่ค่าต่ำสุดเหลือเพียง 8 FPS ➡️ แสดงว่าปัญหาไม่ใช่เฉพาะ AMD ✅ Nvidia RTX 5070 เจอ artefacting และเฟรมเรตลดลง 3 เท่าเมื่อเปิด ray tracing ➡️ ปัญหาเกิดเฉพาะเมื่อใช้ native resolution ➡️ เปิด DLSS แล้วปัญหาหายไป ✅ ทั้งสองเกมใช้ Unreal Engine 4 เวอร์ชันพิเศษของ Nvidia (NvRTX branch) ➡️ ใช้เทคโนโลยี ray tracing เฉพาะของ Nvidia ➡️ ต่างจาก UE4 เวอร์ชันทั่วไปที่ใช้ DXR ✅ ปัญหานี้อาจเกิดจากการออกแบบ engine ไม่รองรับ GPU ค่ายอื่นอย่างเต็มที่ ➡️ ไม่ใช่ปัญหาจาก driver ของ AMD หรือ Intel โดยตรง ➡️ Nvidia อาจได้เปรียบจากการควบคุม engine https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rdna-4s-unreal-engine-4-ray-tracing-stutters-may-not-be-amd-specific
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนามทดสอบ: เมื่อ Intel และ AMD แลกหมัดกันทั้ง CPU และ GPU

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 เว็บไซต์ Wccftech รายงานผลการเปรียบเทียบระหว่าง Intel Core Ultra 5 225H และ AMD Ryzen AI 7 350 ซึ่งเป็นซีพียูระดับกลางสำหรับโน้ตบุ๊กที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุด—Arrow Lake และ Krackan Point ตามลำดับ

    ผลการทดสอบจาก Geekerwan พบว่า ทั้งสองรุ่นมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันในงานทั่วไปและเกม โดย Intel มีข้อได้เปรียบด้าน “ความร้อน” ที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน ส่วน AMD ก็มีข้อได้เปรียบด้าน “จำนวนเธรด” และความเร็ว GPU ที่สูงกว่า

    ด้านกราฟิกในตัว (iGPU) Intel Arc 130T และ AMD Radeon 860M ก็แลกหมัดกันอย่างสูสี โดย Arc 130T มีคะแนนรวมสูงกว่าในหลายเบนช์มาร์ก แต่ Radeon 860M กลับทำเฟรมเรตได้ดีกว่าในบางเกม AAA ที่ปรับกราฟิกสูง

    Intel Core Ultra 5 225H และ AMD Ryzen AI 7 350 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันในงานทั่วไป
    Intel มี 14 คอร์ (ไม่มี hyperthreading) ส่วน AMD มี 8 คอร์ 16 เธรด
    Intel ใช้สถาปัตยกรรม Arrow Lake-H ส่วน AMD ใช้ Zen 5 + Zen 5c

    ผลทดสอบ Cinebench R23 แสดงว่า Intel ดีกว่าเล็กน้อยที่กำลังไฟสูง (60–80W)
    AMD ดีกว่าในช่วงกำลังไฟต่ำ (10–25W)
    Intel เร็วกว่า ~2.5% โดยรวม

    Intel Core Ultra 5 225H มีอุณหภูมิสูงสุดต่ำกว่า Ryzen AI 7 350 อย่างชัดเจน
    Intel อยู่ที่ <90°C ขณะโหลดเต็ม
    AMD แตะ 100°C ทำให้เครื่องร้อนกว่า

    Intel Arc 130T และ AMD Radeon 860M มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันในเกม
    Arc 130T ใช้ Xe2 architecture, 896 shaders, 3.9 TFLOPS
    Radeon 860M ใช้ RDNA 3.5, 512 shaders, 3.1 TFLOPS

    Arc 130T ทำคะแนนสูงกว่าใน 3DMark และ Geekbench GPU tests
    สูงกว่า Radeon 860M ถึง 42% ใน Geekbench Compute
    แต่ Radeon 860M ทำเฟรมเรตดีกว่าในบางเกม เช่น F1 24 และ GTA V

    โน้ตบุ๊กรุ่น Ideapad Pro 5 มีทั้งเวอร์ชัน Intel และ AMD ให้เลือก
    ใช้ชิปทั้งสองรุ่นในบอดี้เดียวกัน
    เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและเกมเมอร์สายประหยัด

    แม้ Arc 130T จะมีคะแนนเบนช์มาร์กสูง แต่ยังไม่ชนะ Radeon 860M ในทุกเกม
    Radeon 860M ทำเฟรมเรตได้ดีกว่าในบางเกม AAA ที่ใช้กราฟิกหนัก
    Arc 130T เหมาะกับงาน AI และการประมวลผลมากกว่าเกมระดับสูง

    Ryzen AI 7 350 มีอุณหภูมิสูงกว่า อาจกระทบต่ออายุการใช้งานในโน้ตบุ๊กบางรุ่น
    อุณหภูมิแตะ 100°C ในการทดสอบ Cinebench R23
    อาจทำให้เครื่องร้อนและลดประสิทธิภาพเมื่อใช้งานต่อเนื่อง

    Intel Core Ultra 5 225H ไม่มี hyperthreading แม้จะมีคอร์มากกว่า
    มี 14 คอร์แต่แค่ 14 เธรด ขณะที่ AMD มี 8 คอร์ 16 เธรด
    อาจเสียเปรียบในงานที่ใช้เธรดจำนวนมาก เช่น การเรนเดอร์หรือ AI

    ทั้งสองรุ่นยังไม่เหมาะกับเกม 4K หรือกราฟิกระดับ Ultra
    เฟรมเรตเฉลี่ยอยู่ที่ 20–30 FPS ใน 1080p Ultra
    เหมาะกับเกมที่ปรับกราฟิกระดับ Low–Medium มากกว่า

    https://wccftech.com/core-ultra-5-225h-trades-blows-with-ryzen-ai-7-350-but-with-better-thermals/
    ⚔️ เรื่องเล่าจากสนามทดสอบ: เมื่อ Intel และ AMD แลกหมัดกันทั้ง CPU และ GPU ในเดือนกรกฎาคม 2025 เว็บไซต์ Wccftech รายงานผลการเปรียบเทียบระหว่าง Intel Core Ultra 5 225H และ AMD Ryzen AI 7 350 ซึ่งเป็นซีพียูระดับกลางสำหรับโน้ตบุ๊กที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุด—Arrow Lake และ Krackan Point ตามลำดับ ผลการทดสอบจาก Geekerwan พบว่า ทั้งสองรุ่นมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันในงานทั่วไปและเกม โดย Intel มีข้อได้เปรียบด้าน “ความร้อน” ที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน ส่วน AMD ก็มีข้อได้เปรียบด้าน “จำนวนเธรด” และความเร็ว GPU ที่สูงกว่า ด้านกราฟิกในตัว (iGPU) Intel Arc 130T และ AMD Radeon 860M ก็แลกหมัดกันอย่างสูสี โดย Arc 130T มีคะแนนรวมสูงกว่าในหลายเบนช์มาร์ก แต่ Radeon 860M กลับทำเฟรมเรตได้ดีกว่าในบางเกม AAA ที่ปรับกราฟิกสูง ✅ Intel Core Ultra 5 225H และ AMD Ryzen AI 7 350 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันในงานทั่วไป ➡️ Intel มี 14 คอร์ (ไม่มี hyperthreading) ส่วน AMD มี 8 คอร์ 16 เธรด ➡️ Intel ใช้สถาปัตยกรรม Arrow Lake-H ส่วน AMD ใช้ Zen 5 + Zen 5c ✅ ผลทดสอบ Cinebench R23 แสดงว่า Intel ดีกว่าเล็กน้อยที่กำลังไฟสูง (60–80W) ➡️ AMD ดีกว่าในช่วงกำลังไฟต่ำ (10–25W) ➡️ Intel เร็วกว่า ~2.5% โดยรวม ✅ Intel Core Ultra 5 225H มีอุณหภูมิสูงสุดต่ำกว่า Ryzen AI 7 350 อย่างชัดเจน ➡️ Intel อยู่ที่ <90°C ขณะโหลดเต็ม ➡️ AMD แตะ 100°C ทำให้เครื่องร้อนกว่า ✅ Intel Arc 130T และ AMD Radeon 860M มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันในเกม ➡️ Arc 130T ใช้ Xe2 architecture, 896 shaders, 3.9 TFLOPS ➡️ Radeon 860M ใช้ RDNA 3.5, 512 shaders, 3.1 TFLOPS ✅ Arc 130T ทำคะแนนสูงกว่าใน 3DMark และ Geekbench GPU tests ➡️ สูงกว่า Radeon 860M ถึง 42% ใน Geekbench Compute ➡️ แต่ Radeon 860M ทำเฟรมเรตดีกว่าในบางเกม เช่น F1 24 และ GTA V ✅ โน้ตบุ๊กรุ่น Ideapad Pro 5 มีทั้งเวอร์ชัน Intel และ AMD ให้เลือก ➡️ ใช้ชิปทั้งสองรุ่นในบอดี้เดียวกัน ➡️ เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและเกมเมอร์สายประหยัด ‼️ แม้ Arc 130T จะมีคะแนนเบนช์มาร์กสูง แต่ยังไม่ชนะ Radeon 860M ในทุกเกม ⛔ Radeon 860M ทำเฟรมเรตได้ดีกว่าในบางเกม AAA ที่ใช้กราฟิกหนัก ⛔ Arc 130T เหมาะกับงาน AI และการประมวลผลมากกว่าเกมระดับสูง ‼️ Ryzen AI 7 350 มีอุณหภูมิสูงกว่า อาจกระทบต่ออายุการใช้งานในโน้ตบุ๊กบางรุ่น ⛔ อุณหภูมิแตะ 100°C ในการทดสอบ Cinebench R23 ⛔ อาจทำให้เครื่องร้อนและลดประสิทธิภาพเมื่อใช้งานต่อเนื่อง ‼️ Intel Core Ultra 5 225H ไม่มี hyperthreading แม้จะมีคอร์มากกว่า ⛔ มี 14 คอร์แต่แค่ 14 เธรด ขณะที่ AMD มี 8 คอร์ 16 เธรด ⛔ อาจเสียเปรียบในงานที่ใช้เธรดจำนวนมาก เช่น การเรนเดอร์หรือ AI ‼️ ทั้งสองรุ่นยังไม่เหมาะกับเกม 4K หรือกราฟิกระดับ Ultra ⛔ เฟรมเรตเฉลี่ยอยู่ที่ 20–30 FPS ใน 1080p Ultra ⛔ เหมาะกับเกมที่ปรับกราฟิกระดับ Low–Medium มากกว่า https://wccftech.com/core-ultra-5-225h-trades-blows-with-ryzen-ai-7-350-but-with-better-thermals/
    WCCFTECH.COM
    Core Ultra 5 225H Trades Blows With Ryzen AI 7 350 But With Better Thermals; Arc 130T Comes On Par With Radeon 860M
    The Intel Core Ultra 5 225H was benchmarked against Ryzen AI 7 350 and delivered equivalent synthetic and gaming performance but with better temperatures.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sat. Jul. 26, 2025

    เห็นอีเหลี่ยมไปตักข้าวแจกคนที่อุบลฯในวันเกิดครบ 76 ปี ก็นึกทุเรศใจ

    เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะมึงสมคบคิดกับคนถ่อย พยายามช่วยเปิดทางให้มันได้พื้นที่แผ่นดินของไทย ทั้งทางบก และทางทะเล

    แต่พอเผอิญ มีทหารน้ำดีไม่ยอมไปตามแผนที่มึงกับเพื่อนรักงูเห่าของมึงวางไว้ และจุดที่นำพาให้คนสองประเทศต้องแตกคอกัน สูญเสียชีวิต และบ้านเรือน พี่น้องชายแดนทั้งสองฝั่งเดือดร้อนและหวาดผวากับภาวะสงครามเฉียบพลันอยู่ณ.บัดนี้ ก็เพราะ...
    ...ลูกมึงโง่...โดนงูเห่าแว้งกัด

    ครั้งก่อนมึง ทำคนในประเทศไทยแตกแยกกัน
    ครั้งนี้ลูกมึง ทำคนสองประเทศแตกแยกกัน และคนบริสุทธิ์สองประเทศเสียชีวิตมากมาย
    เดอะแบก ก็ยังกล้าออกมาขออำนาจคืน ระหว่างที่นักการเมืองทุกพรรควิ่งไปหลบหลังทหารกันหมดแล้ว แถมหัวหน้าตระกูลชินสัตรยังยืมมือทหารทำลายคนที่กุมความลับของตัวเองไว้มากมายให้อีก

    แหม...ต้องขอมอบของขวัญวันเกิดที่วนเวียนทำเหี้ยกับบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองมาครบ 76 ปี เป็นคลิปเสียงลูกโง่สุดที่รัก ที่พูด kiss ass ท่านอังเคิ่ลเพื่อนเลิฟเก่า ให้มึงฟังก่อนนอนละกันนะ ตัดเอาแต่เสียงลูก DNA ทรราชของมึง only เลยนะ...ชอบป่ะ
    Unhappy วันทรราขชิงหมาเกิดนะมึง

    #ไม่ใช่คนไทยทุกคนที่ลืมง่าย
    #กูจำ
    Sat. Jul. 26, 2025 เห็นอีเหลี่ยมไปตักข้าวแจกคนที่อุบลฯในวันเกิดครบ 76 ปี ก็นึกทุเรศใจ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะมึงสมคบคิดกับคนถ่อย พยายามช่วยเปิดทางให้มันได้พื้นที่แผ่นดินของไทย ทั้งทางบก และทางทะเล แต่พอเผอิญ มีทหารน้ำดีไม่ยอมไปตามแผนที่มึงกับเพื่อนรักงูเห่าของมึงวางไว้ และจุดที่นำพาให้คนสองประเทศต้องแตกคอกัน สูญเสียชีวิต และบ้านเรือน พี่น้องชายแดนทั้งสองฝั่งเดือดร้อนและหวาดผวากับภาวะสงครามเฉียบพลันอยู่ณ.บัดนี้ ก็เพราะ... ...ลูกมึงโง่...โดนงูเห่าแว้งกัด ครั้งก่อนมึง ทำคนในประเทศไทยแตกแยกกัน ครั้งนี้ลูกมึง ทำคนสองประเทศแตกแยกกัน และคนบริสุทธิ์สองประเทศเสียชีวิตมากมาย เดอะแบก ก็ยังกล้าออกมาขออำนาจคืน ระหว่างที่นักการเมืองทุกพรรควิ่งไปหลบหลังทหารกันหมดแล้ว แถมหัวหน้าตระกูลชินสัตรยังยืมมือทหารทำลายคนที่กุมความลับของตัวเองไว้มากมายให้อีก แหม...ต้องขอมอบของขวัญวันเกิดที่วนเวียนทำเหี้ยกับบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองมาครบ 76 ปี เป็นคลิปเสียงลูกโง่สุดที่รัก ที่พูด kiss ass ท่านอังเคิ่ลเพื่อนเลิฟเก่า ให้มึงฟังก่อนนอนละกันนะ ตัดเอาแต่เสียงลูก DNA ทรราชของมึง only เลยนะ...ชอบป่ะ Unhappy วันทรราขชิงหมาเกิดนะมึง 🖕🖕🖕 #ไม่ใช่คนไทยทุกคนที่ลืมง่าย #กูจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: AMD กลับมาท้าชน NVIDIA ด้วย “RX 10090 XT” สุดโหด
    หลังจากปล่อยให้ NVIDIA ครองบัลลังก์ GPU ระดับไฮเอนด์มาหลายปี AMD ก็เหมือนจะ “ถอย” ไปเน้นตลาดกลาง แต่ล่าสุดมีข่าวหลุดว่า AMD เตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ในสถาปัตยกรรม RDNA 5 ที่อาจใช้ชื่อว่า Radeon RX 10090 XT — และมันดู “โหด” จนหลายคนคิดว่าอาจเป็นคู่แข่งตัวจริงของ NVIDIA RTX 6090 ที่กำลังจะมา!

    เจ้า RX 10090 XT นี้มีสเปกที่น่าตื่นตาตื่นใจ:
    - 154 Compute Units
    - 36GB GDDR7 VRAM บนบัส 384-bit
    - Bandwidth สูงถึง 1.728 TB/s
    - TDP อยู่ที่ 380W

    ทั้งหมดนี้ถูกสร้างบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และคาดว่าจะเปิดตัวช่วงปี 2026–2027 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ NVIDIA จะเปิดตัว RTX 6090 เช่นกัน

    แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่การกลับมาของ AMD ในตลาดไฮเอนด์ครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ GPU ที่กำลังขาดการแข่งขันอย่างแท้จริง

    AMD เตรียมเปิดตัว GPU RDNA 5 รุ่นไฮเอนด์
    ใช้ชื่อชั่วคราวว่า Radeon RX 10090 XT
    ตั้งเป้าแข่งขันกับ NVIDIA RTX 6090

    สเปกที่หลุดออกมานั้นทรงพลังมาก
    154 Compute Units
    36GB GDDR7 VRAM ความเร็ว 36Gbps
    บัส 384-bit และ Bandwidth 1.728 TB/s
    ใช้พลังงาน 380W

    ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูง
    ผลิตบนกระบวนการ TSMC 3nm
    คาดว่าจะมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้นจาก RDNA 4

    วางแผนเปิดตัวระหว่างปี 2026–2027
    อาจเปิดตัวพร้อมกับ RTX 6090 ของ NVIDIA
    เป็นการกลับเข้าสู่ตลาดไฮเอนด์ของ AMD อีกครั้ง

    อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการแข่งขันในตลาด GPU
    NVIDIA ครองตลาดไฮเอนด์มานานโดยไม่มีคู่แข่งที่สูสี
    การกลับมาของ AMD อาจช่วยลดราคาตลาดและเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค

    https://www.techradar.com/computing/gpu/amd-isnt-giving-up-on-high-end-gpus-a-new-leak-hints-at-a-new-radeon-gpu-challenging-nvidias-next-gen-flagship-graphics-card
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: AMD กลับมาท้าชน NVIDIA ด้วย “RX 10090 XT” สุดโหด หลังจากปล่อยให้ NVIDIA ครองบัลลังก์ GPU ระดับไฮเอนด์มาหลายปี AMD ก็เหมือนจะ “ถอย” ไปเน้นตลาดกลาง แต่ล่าสุดมีข่าวหลุดว่า AMD เตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ในสถาปัตยกรรม RDNA 5 ที่อาจใช้ชื่อว่า Radeon RX 10090 XT — และมันดู “โหด” จนหลายคนคิดว่าอาจเป็นคู่แข่งตัวจริงของ NVIDIA RTX 6090 ที่กำลังจะมา! เจ้า RX 10090 XT นี้มีสเปกที่น่าตื่นตาตื่นใจ: - 154 Compute Units - 36GB GDDR7 VRAM บนบัส 384-bit - Bandwidth สูงถึง 1.728 TB/s - TDP อยู่ที่ 380W ทั้งหมดนี้ถูกสร้างบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และคาดว่าจะเปิดตัวช่วงปี 2026–2027 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ NVIDIA จะเปิดตัว RTX 6090 เช่นกัน แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่การกลับมาของ AMD ในตลาดไฮเอนด์ครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ GPU ที่กำลังขาดการแข่งขันอย่างแท้จริง ✅ AMD เตรียมเปิดตัว GPU RDNA 5 รุ่นไฮเอนด์ ➡️ ใช้ชื่อชั่วคราวว่า Radeon RX 10090 XT ➡️ ตั้งเป้าแข่งขันกับ NVIDIA RTX 6090 ✅ สเปกที่หลุดออกมานั้นทรงพลังมาก ➡️ 154 Compute Units ➡️ 36GB GDDR7 VRAM ความเร็ว 36Gbps ➡️ บัส 384-bit และ Bandwidth 1.728 TB/s ➡️ ใช้พลังงาน 380W ✅ ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูง ➡️ ผลิตบนกระบวนการ TSMC 3nm ➡️ คาดว่าจะมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้นจาก RDNA 4 ✅ วางแผนเปิดตัวระหว่างปี 2026–2027 ➡️ อาจเปิดตัวพร้อมกับ RTX 6090 ของ NVIDIA ➡️ เป็นการกลับเข้าสู่ตลาดไฮเอนด์ของ AMD อีกครั้ง ✅ อาจเป็นจุดเปลี่ยนของการแข่งขันในตลาด GPU ➡️ NVIDIA ครองตลาดไฮเอนด์มานานโดยไม่มีคู่แข่งที่สูสี ➡️ การกลับมาของ AMD อาจช่วยลดราคาตลาดและเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค https://www.techradar.com/computing/gpu/amd-isnt-giving-up-on-high-end-gpus-a-new-leak-hints-at-a-new-radeon-gpu-challenging-nvidias-next-gen-flagship-graphics-card
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • “การฉีดวัคซีน” COVID-19 คือ เกมรูเล็ตต์รัสเซียน
    บางล็อตก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
    บางล็อตเป็นล็อตที่ไม่เป็นอันตราย
    ล็อตยอดนิยม: พลาสมิด DNA, mRNA เกินขนาด, โลหะหนัก
    ล็อตที่ไม่ปลอดภัย: เสื่อมสภาพ ไม่มีฤทธิ์
    งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญหลายชิ้นยืนยันว่า: ล็อตนี้กำหนดชะตากรรม
    https://www.facebook.com/share/v/1BuhUYMhqP/
    🆘“การฉีดวัคซีน” COVID-19 คือ เกมรูเล็ตต์รัสเซียน 🧨บางล็อตก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก 📌บางล็อตเป็นล็อตที่ไม่เป็นอันตราย 🔥 ล็อตยอดนิยม: พลาสมิด DNA, mRNA เกินขนาด, โลหะหนัก 🧊 ล็อตที่ไม่ปลอดภัย: เสื่อมสภาพ ไม่มีฤทธิ์ 🧨งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญหลายชิ้นยืนยันว่า: ล็อตนี้กำหนดชะตากรรม😈 https://www.facebook.com/share/v/1BuhUYMhqP/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • IO กัมพูชาไม่ได้ “ลุยเดี่ยว” แต่ “เล่นเป็นทีม” Scambodia

    มีบางสงคราม ที่ยังไม่ทันยิงปืน แต่เริ่มยึดพื้นที่ความคิดทั้งแผ่นดิน และในวันนี้เสียงระเบิดเริ่มขึ้น ความเข้าใจผิดในมุมต่างๆเริ่มขยายขึ้นแล้ว

    และวันนี้ เรากำลังอยู่ในสนามนั้น

    ภาพชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการ “ปั่นหัว ปั่นข่าว” จากกลุ่ม IO ที่มีต้นทางจากกัมพูชา ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไม่ใช่แค่ฝีมือของ “มือสมัครเล่น” แบบที่เราชอบหลอกตัวเอง แต่เป็นการ “เล่นกันเป็นทีม” แบบมีทั้งคนเปิด คนรับ และคนตามน้ำอย่างเป็นระบบ

    ฝั่งโน้น ใช้ “ความไม่รู้” ของประชาชน เป็น “จุดแข็ง” ในการจู่โจม ขณะที่ฝั่งนี้ กลับใช้ “ความรู้” ของเจ้าหน้าที่ เป็นแค่ “คำอธิบาย” ที่ไม่มีใครฟังจนจบ

    คำถามที่ต้องกล้าถามคือ ในสงครามข้อมูล ใครควบคุม narrative คนนั้นคือคนทิศทางของประเทศ แล้วตอนนี้ narrative ของเรา อยู่ในมือใคร? IO แบบใหม่ ไม่ได้ล่อเป้าแค่ด้วยความเท็จ แต่ ลวงให้เชื่อ ด้วยความคลุมเครือ

    มันไม่ใช่ “fake news” แบบเก่า แต่คือ “context manipulation” แบบใหม่

    คนทำข่าวไม่ต้องพูดเท็จ แค่ “บิดลำดับ” หรือ “โยงคำพูด” ก็เปลี่ยนความหมายได้ทั้งเกม ยิ่งในสังคมที่คนเสพข่าวแบบ “ครึ่งบรรทัด” แล้วแชร์กันทั้งประเทศ ความเสียหายไม่ต้องรอ 24 ชั่วโมง

    แล้วฝั่งไทยล่ะ?

    ยังตั้งรับแบบ “ขอพื้นที่ชี้แจง” ยังคิดว่า “เดี๋ยวคนก็รู้ทันกัมพูชา” ยังใช้วิธี “ชี้แจงทีหลัง” กับสงครามที่เขา ยิงก่อน-ลบก่อน-ไปก่อน

    หลายคนโทรมาถามว่า “ควรทำยังไง?” แต่พอให้คำตอบไป ก็ เงียบ เหมือนเดิม

    เพราะสิ่งที่ต้องทำ มันไม่ใช่แค่ “สั่งให้โพสต์ตอบ” แต่คือการ “วางโครงสร้าง narrative” ใหม่ทั้งหมด

    เรากำลังพ่าย เพราะเราไม่มี “Story Commander”

    เราไม่ขาดคนฉลาด เราไม่ขาดข้อมูล แต่เรา ขาดแม่ทัพที่ควบคุม “กลยุทธ์เล่าเรื่อง” ให้ทั้งกองทัพ ภาคการเมือง สื่อ และ ภาคประชาชน เดินไปในจังหวะเดียวกัน

    ในเมื่อเขาใช้ “หมาก IO แบบสามจังหวะ” คือ เปิด – โยน – ขยาย เราต้องตอบด้วยหมากที่ เหนือกว่า ไม่ใช่แค่ “ลบล้าง” แต่ต้อง “ครองใจ”

    อย่าให้ IO สร้าง story ที่เราต้องวิ่งตามตลอดชีวิต

    เราอาจไม่หยุดเขาได้ แต่เราสามารถ หยุด “ความเชื่อ” ที่เขาฝังไว้ในหัวคน ด้วยการสร้าง narrative ที่คนพร้อมปกป้องให้เรา ไม่ใช่แค่รอให้เราชี้แจง อย่าใช้แค่ “ข้อเท็จจริง” ไปสู้กับ “ความเชื่อ” เพราะในยุคนี้ ความเชื่อคือ reality ที่เร็วกว่า ข่าว Game ยังไม่จบ แต่อย่าให้เขาคุมกระดาน

    เราจะต้องมี War Room ที่คิดล่วงหน้า ไม่ใช่คิดตามหลัง Narrative ที่ “ไม่ต้องอธิบาย” แต่คนเข้าใจทันที Story Commander ที่ไม่ได้รอไฟไหม้… แต่ปลูกป่าให้เขาจุดไฟไม่ได้

    และที่สำคัญ ถ้าไม่มีใครทำ ก็ต้องมีคน เริ่มทำ ถ้าไม่มีคนลงมือ ก็อย่าบ่นว่า “โดนปั่นแล้วทำไมไม่มีใครแก้”

    เพราะในสงครามของความเชื่อ ใครไม่ขยับ คือแพ้โดยไม่รู้ตัว

    ผศ.ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์
    ผู้อำนวยการหลักสูตร DNA by SPU
    และอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ ม.ศรีปทุม

    #TheStructure
    #TheStructureEssay
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน
    #scambodia
    IO กัมพูชาไม่ได้ “ลุยเดี่ยว” แต่ “เล่นเป็นทีม” Scambodia มีบางสงคราม ที่ยังไม่ทันยิงปืน แต่เริ่มยึดพื้นที่ความคิดทั้งแผ่นดิน และในวันนี้เสียงระเบิดเริ่มขึ้น ความเข้าใจผิดในมุมต่างๆเริ่มขยายขึ้นแล้ว และวันนี้ เรากำลังอยู่ในสนามนั้น ภาพชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการ “ปั่นหัว ปั่นข่าว” จากกลุ่ม IO ที่มีต้นทางจากกัมพูชา ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไม่ใช่แค่ฝีมือของ “มือสมัครเล่น” แบบที่เราชอบหลอกตัวเอง แต่เป็นการ “เล่นกันเป็นทีม” แบบมีทั้งคนเปิด คนรับ และคนตามน้ำอย่างเป็นระบบ ฝั่งโน้น ใช้ “ความไม่รู้” ของประชาชน เป็น “จุดแข็ง” ในการจู่โจม ขณะที่ฝั่งนี้ กลับใช้ “ความรู้” ของเจ้าหน้าที่ เป็นแค่ “คำอธิบาย” ที่ไม่มีใครฟังจนจบ คำถามที่ต้องกล้าถามคือ ในสงครามข้อมูล ใครควบคุม narrative คนนั้นคือคนทิศทางของประเทศ แล้วตอนนี้ narrative ของเรา อยู่ในมือใคร? IO แบบใหม่ ไม่ได้ล่อเป้าแค่ด้วยความเท็จ แต่ ลวงให้เชื่อ ด้วยความคลุมเครือ มันไม่ใช่ “fake news” แบบเก่า แต่คือ “context manipulation” แบบใหม่ คนทำข่าวไม่ต้องพูดเท็จ แค่ “บิดลำดับ” หรือ “โยงคำพูด” ก็เปลี่ยนความหมายได้ทั้งเกม ยิ่งในสังคมที่คนเสพข่าวแบบ “ครึ่งบรรทัด” แล้วแชร์กันทั้งประเทศ ความเสียหายไม่ต้องรอ 24 ชั่วโมง แล้วฝั่งไทยล่ะ? ยังตั้งรับแบบ “ขอพื้นที่ชี้แจง” ยังคิดว่า “เดี๋ยวคนก็รู้ทันกัมพูชา” ยังใช้วิธี “ชี้แจงทีหลัง” กับสงครามที่เขา ยิงก่อน-ลบก่อน-ไปก่อน หลายคนโทรมาถามว่า “ควรทำยังไง?” แต่พอให้คำตอบไป ก็ เงียบ เหมือนเดิม เพราะสิ่งที่ต้องทำ มันไม่ใช่แค่ “สั่งให้โพสต์ตอบ” แต่คือการ “วางโครงสร้าง narrative” ใหม่ทั้งหมด เรากำลังพ่าย เพราะเราไม่มี “Story Commander” เราไม่ขาดคนฉลาด เราไม่ขาดข้อมูล แต่เรา ขาดแม่ทัพที่ควบคุม “กลยุทธ์เล่าเรื่อง” ให้ทั้งกองทัพ ภาคการเมือง สื่อ และ ภาคประชาชน เดินไปในจังหวะเดียวกัน ในเมื่อเขาใช้ “หมาก IO แบบสามจังหวะ” คือ เปิด – โยน – ขยาย เราต้องตอบด้วยหมากที่ เหนือกว่า ไม่ใช่แค่ “ลบล้าง” แต่ต้อง “ครองใจ” อย่าให้ IO สร้าง story ที่เราต้องวิ่งตามตลอดชีวิต เราอาจไม่หยุดเขาได้ แต่เราสามารถ หยุด “ความเชื่อ” ที่เขาฝังไว้ในหัวคน ด้วยการสร้าง narrative ที่คนพร้อมปกป้องให้เรา ไม่ใช่แค่รอให้เราชี้แจง อย่าใช้แค่ “ข้อเท็จจริง” ไปสู้กับ “ความเชื่อ” เพราะในยุคนี้ ความเชื่อคือ reality ที่เร็วกว่า ข่าว Game ยังไม่จบ แต่อย่าให้เขาคุมกระดาน เราจะต้องมี War Room ที่คิดล่วงหน้า ไม่ใช่คิดตามหลัง Narrative ที่ “ไม่ต้องอธิบาย” แต่คนเข้าใจทันที Story Commander ที่ไม่ได้รอไฟไหม้… แต่ปลูกป่าให้เขาจุดไฟไม่ได้ และที่สำคัญ ถ้าไม่มีใครทำ ก็ต้องมีคน เริ่มทำ ถ้าไม่มีคนลงมือ ก็อย่าบ่นว่า “โดนปั่นแล้วทำไมไม่มีใครแก้” เพราะในสงครามของความเชื่อ ใครไม่ขยับ คือแพ้โดยไม่รู้ตัว ผศ.ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ ผู้อำนวยการหลักสูตร DNA by SPU และอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ ม.ศรีปทุม #TheStructure #TheStructureEssay #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #scambodia
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากการ์ดจอที่กลับมาท้าชน: เมื่อ AMD เตรียมปล่อย GPU ที่ “ยิงแสง” ได้แรงกว่าเดิม

    ในปี 2025 AMD เปิดตัว Radeon 9000 series ที่เน้นตลาด mid-range และ mainstream โดยรุ่นสูงสุด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5070 Ti ได้ในบางสถานการณ์ แต่ AMD ไม่ได้แข่งกับ RTX 5080 หรือ 5090 เลย

    แต่ในปี 2026 AMD เตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม UDNA (RDNA 5) ซึ่ง:
    - มีโครงสร้างคล้าย RX 7900 XTX คือ 96 compute units และ memory bus 384-bit
    - รุ่นกลางจะมี 64 CU และ 256-bit bus (คล้าย RX 9070 XT)
    - รุ่นทั่วไปจะมี 32 CU และ 128-bit bus (คล้าย RX 9060 XT)

    KeplerL2 นักปล่อยข่าวที่มีชื่อเสียงระบุว่า:
    - UDNA จะเพิ่มประสิทธิภาพ rasterization ประมาณ 20% จาก RDNA 4
    - และเพิ่ม ray tracing เป็น 2 เท่า — ซึ่งอาจทำให้ AMD “ลบจุดอ่อน” ที่เคยแพ้ Nvidia ใน path tracing

    นอกจากนี้ UDNA ยังถูกคาดว่าจะใช้ใน PlayStation 6 และ Xbox รุ่นใหม่ โดยมีการรั่วภาพ die shot ที่แสดงว่า Xbox อาจมีถึง 80 compute units — เทียบเท่าหรือสูงกว่า RTX 5080 เลยทีเดียว

    AMD เตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ในปี 2026 โดยใช้สถาปัตยกรรม UDNA (RDNA 5)
    อาจมีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5080 โดยเฉพาะด้าน ray tracing

    GPU รุ่นเรือธงจะมี 96 compute units และ memory bus 384-bit
    โครงสร้างคล้าย RX 7900 XTX แต่ใช้เทคโนโลยีใหม่

    รุ่นกลางและรุ่นทั่วไปจะมี 64 และ 32 CU ตามลำดับ
    คล้ายกับ RX 9070 XT และ RX 9060 XT ใน RDNA 4

    UDNA จะเพิ่ม raster performance 20% และ ray tracing 2 เท่าเมื่อเทียบกับ RDNA 4
    แก้จุดอ่อนของ Radeon ที่แพ้ GeForce ใน path tracing

    RX 9070 XT มี ray tracing ดีกว่า RX 7900 XTX แม้จะอยู่ในระดับต่ำกว่า
    แสดงว่า AMD เริ่มพัฒนา ray tracing ได้ดีขึ้นแล้ว

    UDNA คาดว่าจะใช้ใน PlayStation 6 และ Xbox รุ่นใหม่
    Xbox อาจมี 80 CU ซึ่งเทียบเท่ากับ RTX 5080

    https://www.techspot.com/news/108754-amd-upcoming-rdna-5-flagship-could-target-rtx.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากการ์ดจอที่กลับมาท้าชน: เมื่อ AMD เตรียมปล่อย GPU ที่ “ยิงแสง” ได้แรงกว่าเดิม ในปี 2025 AMD เปิดตัว Radeon 9000 series ที่เน้นตลาด mid-range และ mainstream โดยรุ่นสูงสุด RX 9070 XT สามารถเอาชนะ RTX 5070 Ti ได้ในบางสถานการณ์ แต่ AMD ไม่ได้แข่งกับ RTX 5080 หรือ 5090 เลย แต่ในปี 2026 AMD เตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม UDNA (RDNA 5) ซึ่ง: - มีโครงสร้างคล้าย RX 7900 XTX คือ 96 compute units และ memory bus 384-bit - รุ่นกลางจะมี 64 CU และ 256-bit bus (คล้าย RX 9070 XT) - รุ่นทั่วไปจะมี 32 CU และ 128-bit bus (คล้าย RX 9060 XT) KeplerL2 นักปล่อยข่าวที่มีชื่อเสียงระบุว่า: - UDNA จะเพิ่มประสิทธิภาพ rasterization ประมาณ 20% จาก RDNA 4 - และเพิ่ม ray tracing เป็น 2 เท่า — ซึ่งอาจทำให้ AMD “ลบจุดอ่อน” ที่เคยแพ้ Nvidia ใน path tracing นอกจากนี้ UDNA ยังถูกคาดว่าจะใช้ใน PlayStation 6 และ Xbox รุ่นใหม่ โดยมีการรั่วภาพ die shot ที่แสดงว่า Xbox อาจมีถึง 80 compute units — เทียบเท่าหรือสูงกว่า RTX 5080 เลยทีเดียว ✅ AMD เตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ในปี 2026 โดยใช้สถาปัตยกรรม UDNA (RDNA 5) ➡️ อาจมีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5080 โดยเฉพาะด้าน ray tracing ✅ GPU รุ่นเรือธงจะมี 96 compute units และ memory bus 384-bit ➡️ โครงสร้างคล้าย RX 7900 XTX แต่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ✅ รุ่นกลางและรุ่นทั่วไปจะมี 64 และ 32 CU ตามลำดับ ➡️ คล้ายกับ RX 9070 XT และ RX 9060 XT ใน RDNA 4 ✅ UDNA จะเพิ่ม raster performance 20% และ ray tracing 2 เท่าเมื่อเทียบกับ RDNA 4 ➡️ แก้จุดอ่อนของ Radeon ที่แพ้ GeForce ใน path tracing ✅ RX 9070 XT มี ray tracing ดีกว่า RX 7900 XTX แม้จะอยู่ในระดับต่ำกว่า ➡️ แสดงว่า AMD เริ่มพัฒนา ray tracing ได้ดีขึ้นแล้ว ✅ UDNA คาดว่าจะใช้ใน PlayStation 6 และ Xbox รุ่นใหม่ ➡️ Xbox อาจมี 80 CU ซึ่งเทียบเท่ากับ RTX 5080 https://www.techspot.com/news/108754-amd-upcoming-rdna-5-flagship-could-target-rtx.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD's upcoming RDNA 5 flagship could target RTX 5080-level performance with better RT
    AMD is expected to introduce a new enthusiast-class graphics card in the second half of 2026. Based on the company's upcoming UDNA architecture, also known as RDNA...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเมนบอร์ดไซส์เล็ก: เมื่อ “Strix Halo” มาอยู่ในร่างบางพร้อม RAM 128GB

    Sixunited เปิดตัวเมนบอร์ดรหัส STHT1 ที่ใช้ซีพียู Strix Halo (Ryzen AI Max) ซึ่งเป็นรุ่นเดสก์ท็อปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 โดยซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่ 8 ถึง 16 คอร์ ส่วนกราฟิก Radeon 8060S มีถึง 40 compute units — เทียบเท่ากับ GPU แบบแยกระดับกลาง

    เมนบอร์ดนี้ยังจัดเต็มแรม LPDDR5X ขนาด 128GB แบบ on-board (ฝังไว้) โดยใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบซีพียู ซึ่งแม้จะไม่สามารถอัปเกรดได้ แต่ก็เพียงพอสำหรับงาน AI inference, training เบื้องต้น หรือการสร้าง content ที่กิน RAM มาก

    จุดเด่นอีกอย่างคือขนาด “thin Mini-ITX” ขนาด 170×170 มม. แต่ความสูง (z-height) ต่ำมาก เหมาะกับเคสบาง หรือ AIO ที่ต้องการประหยัดพื้นที่

    เมนบอร์ด STHT1 จาก Sixunited ใช้ AMD Ryzen AI Max 300-series “Strix Halo”
    ซีพียู Zen 5 พร้อมกราฟิก RDNA 3.5 สูงสุด 16 คอร์ และ 40 CU

    แรม LPDDR5X ขนาด 128GB ติดตั้งแบบฝังบนบอร์ด
    ใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบตัวซีพียู

    ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ thin Mini-ITX ขนาด 170×170 มม. แต่บางกว่าปกติ
    เหมาะสำหรับเคส AIO และ SFF ที่มีพื้นที่จำกัด

    รองรับการติดตั้ง SSD M.2 แบบ PCIe 4.0 ได้ 2 ตัว
    สำหรับ M.2 2280 และมีสล็อต M.2 เพิ่มสำหรับโมดูล Wi-Fi (2230)

    มีพอร์ต HDMI 2.1 ×2 และ VGA ที่สามารถปรับเป็น DisplayPort หรือ COM ได้
    รองรับการต่อจอหลายแบบตามความต้องการ

    มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ×2 และ USB 2.0 ×2 พร้อม header เพิ่มขยาย
    รองรับการต่ออุปกรณ์เสริม

    ใช้ไฟผ่านพอร์ต DC IN ขนาด 19V สำหรับการจ่ายพลังงานตรง
    รองรับซีพียูที่มีค่า cTDP ตั้งแต่ 45–120W ได้สบาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-strix-halo-mini-itx-motherboard-flaunts-128gb-lpddr5x-add-a-cpu-cooler-boot-drive-and-power-supply-for-a-slim-gaming-or-ai-rig
    🎙️ เรื่องเล่าจากเมนบอร์ดไซส์เล็ก: เมื่อ “Strix Halo” มาอยู่ในร่างบางพร้อม RAM 128GB Sixunited เปิดตัวเมนบอร์ดรหัส STHT1 ที่ใช้ซีพียู Strix Halo (Ryzen AI Max) ซึ่งเป็นรุ่นเดสก์ท็อปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 โดยซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่ 8 ถึง 16 คอร์ ส่วนกราฟิก Radeon 8060S มีถึง 40 compute units — เทียบเท่ากับ GPU แบบแยกระดับกลาง เมนบอร์ดนี้ยังจัดเต็มแรม LPDDR5X ขนาด 128GB แบบ on-board (ฝังไว้) โดยใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบซีพียู ซึ่งแม้จะไม่สามารถอัปเกรดได้ แต่ก็เพียงพอสำหรับงาน AI inference, training เบื้องต้น หรือการสร้าง content ที่กิน RAM มาก จุดเด่นอีกอย่างคือขนาด “thin Mini-ITX” ขนาด 170×170 มม. แต่ความสูง (z-height) ต่ำมาก เหมาะกับเคสบาง หรือ AIO ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ ✅ เมนบอร์ด STHT1 จาก Sixunited ใช้ AMD Ryzen AI Max 300-series “Strix Halo” ➡️ ซีพียู Zen 5 พร้อมกราฟิก RDNA 3.5 สูงสุด 16 คอร์ และ 40 CU ✅ แรม LPDDR5X ขนาด 128GB ติดตั้งแบบฝังบนบอร์ด ➡️ ใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบตัวซีพียู ✅ ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ thin Mini-ITX ขนาด 170×170 มม. แต่บางกว่าปกติ ➡️ เหมาะสำหรับเคส AIO และ SFF ที่มีพื้นที่จำกัด ✅ รองรับการติดตั้ง SSD M.2 แบบ PCIe 4.0 ได้ 2 ตัว ➡️ สำหรับ M.2 2280 และมีสล็อต M.2 เพิ่มสำหรับโมดูล Wi-Fi (2230) ✅ มีพอร์ต HDMI 2.1 ×2 และ VGA ที่สามารถปรับเป็น DisplayPort หรือ COM ได้ ➡️ รองรับการต่อจอหลายแบบตามความต้องการ ✅ มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ×2 และ USB 2.0 ×2 พร้อม header เพิ่มขยาย ➡️ รองรับการต่ออุปกรณ์เสริม ✅ ใช้ไฟผ่านพอร์ต DC IN ขนาด 19V สำหรับการจ่ายพลังงานตรง ➡️ รองรับซีพียูที่มีค่า cTDP ตั้งแต่ 45–120W ได้สบาย https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-strix-halo-mini-itx-motherboard-flaunts-128gb-lpddr5x-add-a-cpu-cooler-boot-drive-and-power-supply-for-a-slim-gaming-or-ai-rig
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโน้ตบุ๊กยุคใหม่: เมื่อ AI สร้างภาพได้เองโดยไม่ต้องต่อเน็ต

    ก่อนหน้านี้ การใช้ Stable Diffusion ต้องใช้ GPU ที่แรงมาก หรือเชื่อมต่อ cloud เพื่อประมวลผลภาพ แต่ตอนนี้ AMD และ Stability AI ได้พัฒนาโมเดลใหม่ชื่อ block FP16 SD 3.0 Medium ที่สามารถรันบน NPU ได้โดยตรง — โดยใช้หน่วยความจำเพียง 9 GB และทำงานได้บนโน้ตบุ๊กที่มี RAM 24 GB ขึ้นไป

    ระบบนี้ทำงานผ่านแอป Amuse 3.1 โดย Tensorstack ซึ่งมีโหมด HQ ที่ใช้ pipeline แบบสองขั้นตอน:

    1️⃣ สร้างภาพขนาด 1024×1024 พิกเซล
    2️⃣ Upscale เป็น 2048×2048 พิกเซล โดยใช้พลังของ XDNA 2 NPU

    ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ GPU หรือ NPU ในการประมวลผล และสามารถเปิดใช้งานได้ง่าย ๆ ด้วยการติดตั้งไดรเวอร์ Adrenalin ล่าสุด แล้วเปิด Amuse 3.1 Beta และปรับโหมด EZ ให้เป็น HQ พร้อมเปิดการ offload ไปยัง XDNA 2

    AMD และ Stability AI เปิดตัวโมเดล block FP16 SD 3.0 Medium สำหรับการสร้างภาพ AI แบบ local
    ทำงานบน NPU ของ Ryzen AI XDNA 2 โดยไม่ต้องใช้ GPU หรือ cloud

    ใช้หน่วยความจำเพียง 9 GB และทำงานได้บนโน้ตบุ๊กที่มี RAM 24 GB ขึ้นไป
    ลดข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึง AI image generation

    ระบบใช้ pipeline สองขั้นตอนเพื่อ upscale ภาพจาก 2MP เป็น 4MP
    ให้ภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้นโดยไม่ต้องใช้พลัง GPU

    แอป Amuse 3.1 รองรับการเลือกใช้ GPU หรือ NPU ได้ตามต้องการ
    ผู้ใช้สามารถเปิดโหมด HQ และเปิดการ offload ไปยัง XDNA 2 ได้ง่าย ๆ

    โมเดลนี้ใช้ precision แบบ FP16 แต่ให้ประสิทธิภาพเทียบเท่า INT8
    เป็นการพัฒนาเชิงเทคนิคที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความเร็ว

    ก่อนหน้านี้ Amuse ต้องใช้ GPU เท่านั้น ทำให้การใช้งานจำกัด
    ตอนนี้สามารถใช้ NPU ได้ ทำให้โน้ตบุ๊กทั่วไปก็สามารถสร้างภาพ AI ได้

    โมเดล block FP16 SD 3.0 Medium ยังต้องการ RAM ขั้นต่ำ 24 GB
    โน้ตบุ๊กทั่วไปที่มี RAM 8–16 GB อาจไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

    การเปิดใช้งาน NPU ต้องใช้ไดรเวอร์ Adrenalin ล่าสุดและตั้งค่าผ่าน Amuse 3.1 Beta
    หากไม่ได้อัปเดตหรือตั้งค่าถูกต้อง อาจไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้

    แม้จะไม่ต้องใช้ GPU แต่การประมวลผลภาพยังใช้เวลาหลายนาทีต่อภาพ
    ผู้ใช้ควรคาดหวังว่า NPU ยังไม่เร็วเท่า GPU ระดับสูง

    การใช้โมเดล AI บนเครื่องอาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและการควบคุมเนื้อหา
    ควรมีระบบตรวจสอบการใช้งานเพื่อป้องกันการสร้างภาพที่ไม่เหมาะสม

    https://www.techpowerup.com/339112/amd-and-stability-ai-enable-local-ai-image-generation-on-npu-powered-laptops
    🎙️ เรื่องเล่าจากโน้ตบุ๊กยุคใหม่: เมื่อ AI สร้างภาพได้เองโดยไม่ต้องต่อเน็ต ก่อนหน้านี้ การใช้ Stable Diffusion ต้องใช้ GPU ที่แรงมาก หรือเชื่อมต่อ cloud เพื่อประมวลผลภาพ แต่ตอนนี้ AMD และ Stability AI ได้พัฒนาโมเดลใหม่ชื่อ block FP16 SD 3.0 Medium ที่สามารถรันบน NPU ได้โดยตรง — โดยใช้หน่วยความจำเพียง 9 GB และทำงานได้บนโน้ตบุ๊กที่มี RAM 24 GB ขึ้นไป ระบบนี้ทำงานผ่านแอป Amuse 3.1 โดย Tensorstack ซึ่งมีโหมด HQ ที่ใช้ pipeline แบบสองขั้นตอน: 1️⃣ สร้างภาพขนาด 1024×1024 พิกเซล 2️⃣ Upscale เป็น 2048×2048 พิกเซล โดยใช้พลังของ XDNA 2 NPU ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ GPU หรือ NPU ในการประมวลผล และสามารถเปิดใช้งานได้ง่าย ๆ ด้วยการติดตั้งไดรเวอร์ Adrenalin ล่าสุด แล้วเปิด Amuse 3.1 Beta และปรับโหมด EZ ให้เป็น HQ พร้อมเปิดการ offload ไปยัง XDNA 2 ✅ AMD และ Stability AI เปิดตัวโมเดล block FP16 SD 3.0 Medium สำหรับการสร้างภาพ AI แบบ local ➡️ ทำงานบน NPU ของ Ryzen AI XDNA 2 โดยไม่ต้องใช้ GPU หรือ cloud ✅ ใช้หน่วยความจำเพียง 9 GB และทำงานได้บนโน้ตบุ๊กที่มี RAM 24 GB ขึ้นไป ➡️ ลดข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึง AI image generation ✅ ระบบใช้ pipeline สองขั้นตอนเพื่อ upscale ภาพจาก 2MP เป็น 4MP ➡️ ให้ภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้นโดยไม่ต้องใช้พลัง GPU ✅ แอป Amuse 3.1 รองรับการเลือกใช้ GPU หรือ NPU ได้ตามต้องการ ➡️ ผู้ใช้สามารถเปิดโหมด HQ และเปิดการ offload ไปยัง XDNA 2 ได้ง่าย ๆ ✅ โมเดลนี้ใช้ precision แบบ FP16 แต่ให้ประสิทธิภาพเทียบเท่า INT8 ➡️ เป็นการพัฒนาเชิงเทคนิคที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความเร็ว ✅ ก่อนหน้านี้ Amuse ต้องใช้ GPU เท่านั้น ทำให้การใช้งานจำกัด ➡️ ตอนนี้สามารถใช้ NPU ได้ ทำให้โน้ตบุ๊กทั่วไปก็สามารถสร้างภาพ AI ได้ ‼️ โมเดล block FP16 SD 3.0 Medium ยังต้องการ RAM ขั้นต่ำ 24 GB ⛔ โน้ตบุ๊กทั่วไปที่มี RAM 8–16 GB อาจไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ‼️ การเปิดใช้งาน NPU ต้องใช้ไดรเวอร์ Adrenalin ล่าสุดและตั้งค่าผ่าน Amuse 3.1 Beta ⛔ หากไม่ได้อัปเดตหรือตั้งค่าถูกต้อง อาจไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ‼️ แม้จะไม่ต้องใช้ GPU แต่การประมวลผลภาพยังใช้เวลาหลายนาทีต่อภาพ ⛔ ผู้ใช้ควรคาดหวังว่า NPU ยังไม่เร็วเท่า GPU ระดับสูง ‼️ การใช้โมเดล AI บนเครื่องอาจมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและการควบคุมเนื้อหา ⛔ ควรมีระบบตรวจสอบการใช้งานเพื่อป้องกันการสร้างภาพที่ไม่เหมาะสม https://www.techpowerup.com/339112/amd-and-stability-ai-enable-local-ai-image-generation-on-npu-powered-laptops
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD and Stability AI Enable Local AI Image Generation on NPU-Powered Laptops
    AMD and Stability AI made an announcement today about their joint effort to adapt Stable Diffusion 3.0 Medium for Stability Amuse AI art creator. This move allows for better picture generation and text handling abilities to run on Neural Processing Units (NPUs). Earlier, at Computex 2024, AMD showed...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากหลอดเลือด: มะเร็งอาจถูกจับได้ตั้งแต่ก่อนแสดงอาการ 3 ปี

    การศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 โดยใช้ข้อมูลจากตัวอย่างเลือดของคนที่เข้าร่วมการติดตามสุขภาพตั้งแต่ยุค 1980–1990 ซึ่งเก็บตัวอย่างไว้ก่อนผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคจริงหลายปี

    ทีมวิจัยใช้เทคนิค Whole Genome Sequencing บนพลาสมาในเลือด ซึ่งแม้จะมีเพียง “หนึ่งช้อนชา” ก็สามารถจับสัญญาณของ DNA ที่มีการกลายพันธุ์เฉพาะเจาะจงที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งได้สำเร็จ

    แม้ตัวอย่างจะถูกเก็บไว้นานหลายสิบปี และไม่ได้เตรียมไว้เพื่อการตรวจพันธุกรรมโดยตรง แต่ผลลัพธ์ก็แม่นยำพอที่จะตรวจพบสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็ง เช่น รหัสพันธุกรรมที่บ่งชี้ถึงโรคในระดับต่ำมาก

    หากตรวจพบก่อนแสดงอาการได้แม้เพียง “ไม่กี่เดือน” ก็อาจเพิ่มโอกาสการรักษาได้มากขึ้น — แต่ถ้าตรวจพบ “ก่อนหลายปี” ก็อาจป้องกันได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดโรคจริง

    นักวิจัยหวังว่าการตรวจเช่นนี้จะกลายเป็น เครื่องมือคัดกรองเชิงรุก ในอนาคต โดยกำลังขยายการทดลองไปยังประชากรกลุ่มใหญ่กว่าเดิมเพื่อยืนยันผล

    ยังเป็นงานวิจัยระดับ proof-of-concept
    ต้องมีการทดลองในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อยืนยันผลและความแม่นยำ

    ตัวอย่างเลือดที่ใช้เก่าและไม่มีการเก็บแบบ preserve DNA โดยเฉพาะ
    อาจส่งผลต่อคุณภาพและความไวของการตรวจในชีวิตจริง

    ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีสำหรับ “กำจัดเซลล์ก่อนมะเร็ง” หลังพบ DNA
    ความสามารถในการรักษายังตามหลังการวินิจฉัยเชิงลึกอยู่พอสมควร

    การตรวจ Whole Genome Sequencing ยังมีค่าใช้จ่ายสูง
    อาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือเป็นการตรวจประจำในคลินิกทั่วโลกตอนนี้

    https://www.sciencenews.org/article/cancer-tumor-dna-blood-test-screening
    🎙️ เรื่องเล่าจากหลอดเลือด: มะเร็งอาจถูกจับได้ตั้งแต่ก่อนแสดงอาการ 3 ปี การศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 โดยใช้ข้อมูลจากตัวอย่างเลือดของคนที่เข้าร่วมการติดตามสุขภาพตั้งแต่ยุค 1980–1990 ซึ่งเก็บตัวอย่างไว้ก่อนผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคจริงหลายปี ✅ ทีมวิจัยใช้เทคนิค Whole Genome Sequencing บนพลาสมาในเลือด ซึ่งแม้จะมีเพียง “หนึ่งช้อนชา” ก็สามารถจับสัญญาณของ DNA ที่มีการกลายพันธุ์เฉพาะเจาะจงที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งได้สำเร็จ ✅ แม้ตัวอย่างจะถูกเก็บไว้นานหลายสิบปี และไม่ได้เตรียมไว้เพื่อการตรวจพันธุกรรมโดยตรง แต่ผลลัพธ์ก็แม่นยำพอที่จะตรวจพบสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็ง เช่น รหัสพันธุกรรมที่บ่งชี้ถึงโรคในระดับต่ำมาก ✅ หากตรวจพบก่อนแสดงอาการได้แม้เพียง “ไม่กี่เดือน” ก็อาจเพิ่มโอกาสการรักษาได้มากขึ้น — แต่ถ้าตรวจพบ “ก่อนหลายปี” ก็อาจป้องกันได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดโรคจริง ✅ นักวิจัยหวังว่าการตรวจเช่นนี้จะกลายเป็น เครื่องมือคัดกรองเชิงรุก ในอนาคต โดยกำลังขยายการทดลองไปยังประชากรกลุ่มใหญ่กว่าเดิมเพื่อยืนยันผล ‼️ ยังเป็นงานวิจัยระดับ proof-of-concept ⛔ ต้องมีการทดลองในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อยืนยันผลและความแม่นยำ ‼️ ตัวอย่างเลือดที่ใช้เก่าและไม่มีการเก็บแบบ preserve DNA โดยเฉพาะ ⛔ อาจส่งผลต่อคุณภาพและความไวของการตรวจในชีวิตจริง ‼️ ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีสำหรับ “กำจัดเซลล์ก่อนมะเร็ง” หลังพบ DNA ⛔ ความสามารถในการรักษายังตามหลังการวินิจฉัยเชิงลึกอยู่พอสมควร ‼️ การตรวจ Whole Genome Sequencing ยังมีค่าใช้จ่ายสูง ⛔ อาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือเป็นการตรวจประจำในคลินิกทั่วโลกตอนนี้ https://www.sciencenews.org/article/cancer-tumor-dna-blood-test-screening
    WWW.SCIENCENEWS.ORG
    Cancer DNA is detectable in blood years before diagnosis
    Tiny, newly formed tumors shed small fragments of DNA that are swept into the bloodstream. Future cancer screening tests could detect them early.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows

    AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

    ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ

    GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6

    รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower
    เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน

    ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี
    โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง

    ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง
    เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์

    วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro
    รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor

    รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow
    ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local

    เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI
    รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises

    https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก AI: AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI หนัก ๆ ในราคาครึ่งเดียวของคู่แข่ง AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 โดยมาพร้อม VRAM ขนาด 32 GB แบบ GDDR6 และรองรับ PCIe 5.0 ออกแบบมาเพื่องาน AI ที่ต้องการความเร็วสูงและหน่วยความจำมาก เช่น transformer models, generative design และ multi-modal workflows AMD เคลมว่า R9700 มีประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในงานที่ต้องใช้หน่วยความจำมาก โดยมีราคาประมาณ $1,250 ซึ่งถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ที่คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ในช่วงแรก R9700 จะวางจำหน่ายเฉพาะในเวิร์กสเตชันสำเร็จรูปจาก OEM เช่น Boxx และ Velocity Micro ส่วนรุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จากแบรนด์ ASRock, PowerColor และอื่น ๆ GPU รุ่นนี้รองรับแพลตฟอร์ม ROCm 6.3 ของ AMD ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ PyTorch, TensorFlow และ ONNX Runtime ได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีดีไซน์แบบ dual-slot พร้อมพัดลมแบบ blower ที่เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU ✅ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700 สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ชิป Navi 48, สถาปัตยกรรม RDNA 4, VRAM 32 GB GDDR6 ✅ รองรับ PCIe 5.0 และมีดีไซน์ dual-slot พร้อมพัดลม blower ➡️ เหมาะกับการใช้งานในระบบ multi-GPU และเวิร์กสเตชัน ✅ ประสิทธิภาพ inference สูงกว่า RTX 5080 ถึง 496% ในบางกรณี ➡️ โดยเฉพาะเมื่อโมเดลไม่สามารถรันได้ใน VRAM 16 GB ของคู่แข่ง ✅ ราคาประมาณ $1,250 ถูกกว่าซีรีส์ RTX PRO Blackwell ครึ่งหนึ่ง ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ ✅ วางจำหน่ายในเวิร์กสเตชันจาก OEM ก่อน เช่น Boxx และ Velocity Micro ➡️ รุ่นสำหรับ DIY จะตามมาในไตรมาส 3 จาก ASRock และ PowerColor ✅ รองรับ ROCm 6.3 และเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น PyTorch, TensorFlow ➡️ ช่วยให้สามารถฝึกและ deploy โมเดล AI ได้ในเครื่อง local ✅ เหมาะกับงาน NLP, text-to-image, generative design และ multi-modal AI ➡️ รองรับการทำ inference ขนาดใหญ่แบบ on-premises https://www.techpowerup.com/339030/amd-radeon-ai-pro-r9700-gpu-arrives-on-july-23rd
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Radeon AI PRO R9700 GPU Arrives on July 23rd
    AMD confirmed today that its RDNA 4‑based Radeon AI PRO R9700 GPU will reach retail on Wednesday, July 23. Built on the Navi 48 die with a full 32 GB of GDDR6 memory and supporting PCIe 5.0, the R9700 is specifically tuned for lower‑precision calculations and demanding AI workloads. According to AMD...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: AMD Ryzen Z2 Extreme—ชิปเล็กพลังใหญ่ที่ท้าชนโน้ตบุ๊กเกม

    AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme ซึ่งเป็นชิป SoC สำหรับเครื่องเกมพกพาโดยเฉพาะ โดยใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ผสม Zen 5C รวมกัน 8 คอร์ 16 เธรด พร้อม iGPU Radeon 890M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3.5

    ชิปนี้ถูกทดสอบบน MSI Claw A8 ที่มาพร้อม RAM LPDDR5X 24GB และผลลัพธ์จาก Geekbench ก็ออกมาน่าประทับใจมาก:
    - คะแนน single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point
    - คะแนน multi-thread เทียบเท่าชิป 10 คอร์ Ryzen AI 9 365
    - ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่า Radeon 890M บนโน้ตบุ๊ก

    Ryzen Z2 Extreme ยังรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของ AMD เช่น FSR, Frame Generation และ Fluid Motion Frames และจะมีรุ่นที่มาพร้อม NPU 50 TOPS สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ

    AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme SoC สำหรับเครื่องเกมพกพา
    ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 + Zen 5C รวม 8 คอร์ 16 เธรด

    ใช้ iGPU Radeon 890M สถาปัตยกรรม RDNA 3.5
    มี 16 compute units ความเร็ว 2.9 GHz

    รองรับ LPDDR5X-8000 และมีแคชรวม 24MB (L2 + L3)
    เหมาะกับงานกราฟิกและเกมที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง

    ทดสอบบน MSI Claw A8 ได้คะแนน Geekbench สูงมาก
    Single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point / Multi-thread เทียบ Ryzen AI 9 365

    ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าโน้ตบุ๊กที่ใช้ Radeon 890M
    เหนือกว่า Ryzen Z1 Extreme ถึง 30%+

    รองรับเทคโนโลยี AMD ล่าสุด เช่น FSR, Frame-Gen, Fluid Motion
    เตรียมใช้งานใน ASUS ROG Ally X และอุปกรณ์อื่นเร็ว ๆ นี้

    ยังไม่ระบุ TDP ที่ใช้ในการทดสอบ Geekbench
    อาจเป็น 35W ซึ่งสูงสุดของช่วงที่กำหนด (15–35W)

    ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อใช้งานในโหมดประหยัดพลังงาน
    โดยเฉพาะในเครื่องที่มีข้อจำกัดด้านระบายความร้อน

    iGPU แม้จะทรงพลัง แต่ยังไม่เทียบเท่า GPU แยกระดับสูง
    เหมาะกับเกมระดับกลางมากกว่าการเล่น AAA แบบ ultra settings

    SOC รุ่นนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานจริง
    ต้องรอการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงก่อนสรุปประสิทธิภาพโดยรวม

    https://wccftech.com/amd-ryzen-z2-extreme-soc-handhelds-benchmark-msi-claw-a8-top-notch-cpu-gpu-performance/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเกมพกพา: AMD Ryzen Z2 Extreme—ชิปเล็กพลังใหญ่ที่ท้าชนโน้ตบุ๊กเกม AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme ซึ่งเป็นชิป SoC สำหรับเครื่องเกมพกพาโดยเฉพาะ โดยใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ผสม Zen 5C รวมกัน 8 คอร์ 16 เธรด พร้อม iGPU Radeon 890M ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 ชิปนี้ถูกทดสอบบน MSI Claw A8 ที่มาพร้อม RAM LPDDR5X 24GB และผลลัพธ์จาก Geekbench ก็ออกมาน่าประทับใจมาก: - คะแนน single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point - คะแนน multi-thread เทียบเท่าชิป 10 คอร์ Ryzen AI 9 365 - ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่า Radeon 890M บนโน้ตบุ๊ก Ryzen Z2 Extreme ยังรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของ AMD เช่น FSR, Frame Generation และ Fluid Motion Frames และจะมีรุ่นที่มาพร้อม NPU 50 TOPS สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ✅ AMD เปิดตัว Ryzen Z2 Extreme SoC สำหรับเครื่องเกมพกพา ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 + Zen 5C รวม 8 คอร์ 16 เธรด ✅ ใช้ iGPU Radeon 890M สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 ➡️ มี 16 compute units ความเร็ว 2.9 GHz ✅ รองรับ LPDDR5X-8000 และมีแคชรวม 24MB (L2 + L3) ➡️ เหมาะกับงานกราฟิกและเกมที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง ✅ ทดสอบบน MSI Claw A8 ได้คะแนน Geekbench สูงมาก ➡️ Single-thread สูงสุดในกลุ่ม Strix Point / Multi-thread เทียบ Ryzen AI 9 365 ✅ ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าโน้ตบุ๊กที่ใช้ Radeon 890M ➡️ เหนือกว่า Ryzen Z1 Extreme ถึง 30%+ ✅ รองรับเทคโนโลยี AMD ล่าสุด เช่น FSR, Frame-Gen, Fluid Motion ➡️ เตรียมใช้งานใน ASUS ROG Ally X และอุปกรณ์อื่นเร็ว ๆ นี้ ‼️ ยังไม่ระบุ TDP ที่ใช้ในการทดสอบ Geekbench ⛔ อาจเป็น 35W ซึ่งสูงสุดของช่วงที่กำหนด (15–35W) ‼️ ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อใช้งานในโหมดประหยัดพลังงาน ⛔ โดยเฉพาะในเครื่องที่มีข้อจำกัดด้านระบายความร้อน ‼️ iGPU แม้จะทรงพลัง แต่ยังไม่เทียบเท่า GPU แยกระดับสูง ⛔ เหมาะกับเกมระดับกลางมากกว่าการเล่น AAA แบบ ultra settings ‼️ SOC รุ่นนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการใช้งานจริง ⛔ ต้องรอการทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงก่อนสรุปประสิทธิภาพโดยรวม https://wccftech.com/amd-ryzen-z2-extreme-soc-handhelds-benchmark-msi-claw-a8-top-notch-cpu-gpu-performance/
    WCCFTECH.COM
    AMD's Top Ryzen Z2 Extreme SoC For Handhelds Benchmarked On MSI's Claw A8, Delivers Top-Notch CPU & GPU Performance
    AMD's fastest handheld SoC, the Ryzen Z2 Extreme, has been benchmarked on Geekbench and showcases strong CPU & GPU performance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts