• 5 ทางเลือกแทน Apple CarPlay ที่หลายคนอาจไม่รู้จัก

    Magic Box – กล่องแปลง CarPlay เป็น Android เต็มรูปแบบ
    Magic Box เป็นอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับพอร์ต USB ของรถ แล้วหลอกให้รถคิดว่ากำลังรัน CarPlay แต่จริง ๆ แล้วมันส่งต่อระบบ Android OS เต็มรูปแบบ ไปยังหน้าจอรถ ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปจาก Google Play Store ได้ทุกชนิด เช่น YouTube, Netflix, หรือแอปนำทางอื่น ๆ โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟน

    GROM VLine / NavTool – อัปเกรดรถหรูรุ่นเก่า
    สำหรับรถหรูรุ่นเก่าอย่าง Lexus หรือ Infiniti ที่ระบบ infotainment ล้าสมัย GROM VLine และ NavTool ช่วยเพิ่มความสามารถสมัยใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนหัวเครื่องเสียงเดิม อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อกับสายไฟเดิม ทำให้ยังคงใช้ฟังก์ชันเดิม เช่น ปุ่มบนพวงมาลัยและกล้องถอยหลัง แต่เพิ่มการรองรับ Google Maps, Waze และ Spotify ได้

    OpenAuto Pro – ระบบ DIY ด้วย Raspberry Pi
    สำหรับสายเทคนิค OpenAuto Pro เปิดโอกาสให้สร้างระบบ infotainment เองบน Raspberry Pi ผู้ใช้สามารถออกแบบหน้าจอ, เพิ่มเกจวัด OBD-II, หรือแม้แต่ควบคุมระบบปรับอากาศผ่านซอฟต์แวร์ที่เขียนเอง ถือเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นที่สุด แต่ต้องมีทักษะด้านเทคนิคพอสมควร

    Native Android Automotive OS – ระบบฝังตัวจากผู้ผลิต
    ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง GM และ Rivian กำลังเลิกใช้ CarPlay แล้วหันไปใช้ Android Automotive OS ซึ่งเป็นระบบที่ฝังอยู่ในรถโดยตรง ทำให้แอปอย่าง Google Maps และ Spotify ทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ระบบนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์รถ เช่น ตรวจสอบแบตเตอรี่ EV และแนะนำเส้นทางไปยังสถานีชาร์จ

    Aftermarket Android Head Units – จอใหญ่แทนเครื่องเสียงเดิม
    สำหรับรถรุ่นเก่า สามารถเปลี่ยนเครื่องเสียงเป็น Android Head Unit ที่มาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่และระบบ Android เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์, เก็บเพลงในเครื่อง, และใช้แอปตรวจสอบเครื่องยนต์ผ่าน OBD-II ได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Magic Box
    แปลง CarPlay เป็น Android เต็มรูปแบบ
    ติดตั้งแอปได้ทุกชนิดจาก Google Play

    GROM VLine / NavTool
    อัปเกรดรถหรูรุ่นเก่าโดยไม่เปลี่ยนเครื่องเสียง
    รองรับ Google Maps, Waze, Spotify

    OpenAuto Pro
    ระบบ DIY ด้วย Raspberry Pi
    เพิ่มเกจวัด OBD-II และปรับแต่งได้เต็มที่

    Android Automotive OS
    ระบบฝังตัวจากผู้ผลิตรถยนต์
    ทำงานโดยไม่ต้องใช้สมาร์ทโฟน

    Android Head Units
    จอสัมผัสใหญ่แทนเครื่องเสียงเดิม
    รองรับแผนที่ออฟไลน์และแอปตรวจสอบเครื่องยนต์

    คำเตือนด้านความปลอดภัยและการใช้งาน
    อุปกรณ์เสริมบางชนิดอาจทำให้หมดประกันรถ
    ระบบ DIY ต้องใช้ทักษะสูงและเสี่ยงต่อความผิดพลาด

    https://www.slashgear.com/2049901/carplay-alternatives-you-didnt-realize-existed/
    🧭 5 ทางเลือกแทน Apple CarPlay ที่หลายคนอาจไม่รู้จัก 🚗 Magic Box – กล่องแปลง CarPlay เป็น Android เต็มรูปแบบ Magic Box เป็นอุปกรณ์ที่เสียบเข้ากับพอร์ต USB ของรถ แล้วหลอกให้รถคิดว่ากำลังรัน CarPlay แต่จริง ๆ แล้วมันส่งต่อระบบ Android OS เต็มรูปแบบ ไปยังหน้าจอรถ ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปจาก Google Play Store ได้ทุกชนิด เช่น YouTube, Netflix, หรือแอปนำทางอื่น ๆ โดยไม่ต้องพึ่งสมาร์ทโฟน 🏎️ GROM VLine / NavTool – อัปเกรดรถหรูรุ่นเก่า สำหรับรถหรูรุ่นเก่าอย่าง Lexus หรือ Infiniti ที่ระบบ infotainment ล้าสมัย GROM VLine และ NavTool ช่วยเพิ่มความสามารถสมัยใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนหัวเครื่องเสียงเดิม อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อกับสายไฟเดิม ทำให้ยังคงใช้ฟังก์ชันเดิม เช่น ปุ่มบนพวงมาลัยและกล้องถอยหลัง แต่เพิ่มการรองรับ Google Maps, Waze และ Spotify ได้ 🛠️ OpenAuto Pro – ระบบ DIY ด้วย Raspberry Pi สำหรับสายเทคนิค OpenAuto Pro เปิดโอกาสให้สร้างระบบ infotainment เองบน Raspberry Pi ผู้ใช้สามารถออกแบบหน้าจอ, เพิ่มเกจวัด OBD-II, หรือแม้แต่ควบคุมระบบปรับอากาศผ่านซอฟต์แวร์ที่เขียนเอง ถือเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นที่สุด แต่ต้องมีทักษะด้านเทคนิคพอสมควร 🚙 Native Android Automotive OS – ระบบฝังตัวจากผู้ผลิต ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง GM และ Rivian กำลังเลิกใช้ CarPlay แล้วหันไปใช้ Android Automotive OS ซึ่งเป็นระบบที่ฝังอยู่ในรถโดยตรง ทำให้แอปอย่าง Google Maps และ Spotify ทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ระบบนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์รถ เช่น ตรวจสอบแบตเตอรี่ EV และแนะนำเส้นทางไปยังสถานีชาร์จ 📱 Aftermarket Android Head Units – จอใหญ่แทนเครื่องเสียงเดิม สำหรับรถรุ่นเก่า สามารถเปลี่ยนเครื่องเสียงเป็น Android Head Unit ที่มาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่และระบบ Android เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์, เก็บเพลงในเครื่อง, และใช้แอปตรวจสอบเครื่องยนต์ผ่าน OBD-II ได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Magic Box ➡️ แปลง CarPlay เป็น Android เต็มรูปแบบ ➡️ ติดตั้งแอปได้ทุกชนิดจาก Google Play ✅ GROM VLine / NavTool ➡️ อัปเกรดรถหรูรุ่นเก่าโดยไม่เปลี่ยนเครื่องเสียง ➡️ รองรับ Google Maps, Waze, Spotify ✅ OpenAuto Pro ➡️ ระบบ DIY ด้วย Raspberry Pi ➡️ เพิ่มเกจวัด OBD-II และปรับแต่งได้เต็มที่ ✅ Android Automotive OS ➡️ ระบบฝังตัวจากผู้ผลิตรถยนต์ ➡️ ทำงานโดยไม่ต้องใช้สมาร์ทโฟน ✅ Android Head Units ➡️ จอสัมผัสใหญ่แทนเครื่องเสียงเดิม ➡️ รองรับแผนที่ออฟไลน์และแอปตรวจสอบเครื่องยนต์ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัยและการใช้งาน ⛔ อุปกรณ์เสริมบางชนิดอาจทำให้หมดประกันรถ ⛔ ระบบ DIY ต้องใช้ทักษะสูงและเสี่ยงต่อความผิดพลาด https://www.slashgear.com/2049901/carplay-alternatives-you-didnt-realize-existed/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Alternatives To Apple CarPlay That You Didn't Realize Existed - SlashGear
    If you're an iPhone user, Apple CarPlay is not the end-all, be-all of hands-free navigation utilities. Check out these uncommon, but useful alternatives.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • หนูนักล่าในโลกเสมือน Doom

    โครงการฝึกหนูให้เล่นเกม Doom ก้าวหน้าไปอีกขั้น หนูสามารถ “ยิงศัตรู” ได้แล้วผ่านระบบ VR ที่ใช้จอ AMOLED โอบรอบ พร้อมกลไกตอบสนองที่ซับซ้อนขึ้น ถือเป็นการทดลองที่ผสมผสานวิศวกรรม ฮาร์ดแวร์ และพฤติกรรมสัตว์อย่างน่าสนใจ

    การทดลองที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 โดยนักประสาทวิศวกร Viktor Tóth ได้สร้างความฮือฮาเมื่อหนูถูกฝึกให้เคลื่อนที่ในเกม Doom II ผ่านการใช้ลูกบอลทรงกลมและจอภาพ VR แบบโอบรอบ ล่าสุดระบบถูกพัฒนาให้หนูสามารถ “ยิง” ศัตรูได้ด้วยการกดกลไกที่เชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ถือเป็นการยกระดับจากการเดินไปมาในฉากสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับกลไกเกมจริง ๆ

    วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการทดลอง
    การฝึกใช้หลักการ operant conditioning หรือการให้รางวัลเมื่อสัตว์ทำพฤติกรรมที่ถูกต้อง เช่น น้ำหวานผสมที่ถูกจ่ายออกมาเมื่อหนูเดินหรือยิงถูกเป้าหมาย ระบบยังเพิ่มการตอบสนองทางกายภาพ เช่นการเป่าลมเบา ๆ ที่จมูกเพื่อบอกว่าหนูชนกำแพงในเกม วิธีนี้ช่วยให้สัตว์เรียนรู้ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการลองผิดลองถูกเพียงอย่างเดียว

    ฮาร์ดแวร์และการออกแบบ
    การทดลองใช้จอ AMOLED แบบโค้งที่โอบรอบสายตาของหนู ทำให้ภาพเสมือนสมจริงมากขึ้น พร้อมลูกบอลทรงกลมที่ทำหน้าที่เป็น “ลู่วิ่ง” ให้หนูเคลื่อนไหวในเกม การออกแบบนี้ยังคงเป็นแบบเปิด (open-source) เพื่อให้นักวิจัยและผู้สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างงานวิศวกรรม DIY และการวิจัยเชิงประสาทวิทยา

    ความหมายต่ออนาคตการวิจัย
    แม้หนูจะไม่ได้เข้าใจเกม Doom ในเชิงกลยุทธ์ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า เกมเอนจิน สามารถเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่นสำหรับการศึกษาพฤติกรรมสัตว์ในโลกเสมือน การเปิดประตูสู่การทดลองใหม่ ๆ เช่นการใช้ VR เพื่อศึกษาการตัดสินใจ การเรียนรู้ หรือแม้แต่การพัฒนาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักรในอนาคต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ความก้าวหน้าของโครงการฝึกหนูเล่น Doom
    หนูสามารถเคลื่อนไหวและยิงศัตรูในเกมได้จริง
    ใช้ระบบ VR จอ AMOLED โอบรอบสายตา

    วิธีการฝึกและการตอบสนอง
    ใช้การให้รางวัลด้วยน้ำหวานเมื่อทำถูกต้อง
    ใช้การเป่าลมเบา ๆ เพื่อบอกการชนกำแพง

    ฮาร์ดแวร์และการออกแบบระบบ
    ลูกบอลทรงกลมทำหน้าที่เป็นลู่วิ่ง
    ระบบเปิด (open-source) ให้นำไปต่อยอดได้

    ความหมายต่อการวิจัยอนาคต
    เกมเอนจินเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่น
    เปิดทางสู่การศึกษาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักร

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    หนูไม่ได้เข้าใจเกมในเชิงกลยุทธ์หรือเป้าหมายจริง
    การฝึกใช้เวลานานและต้องการการออกแบบที่ซับซ้อน
    อาจมีข้อถกเถียงด้านจริยธรรมการใช้สัตว์ทดลอง

    https://www.tomshardware.com/virtual-reality/rats-are-still-being-taught-to-play-doom-now-with-a-curved-amoled-and-a-shoot-button
    🕹️ หนูนักล่าในโลกเสมือน Doom โครงการฝึกหนูให้เล่นเกม Doom ก้าวหน้าไปอีกขั้น หนูสามารถ “ยิงศัตรู” ได้แล้วผ่านระบบ VR ที่ใช้จอ AMOLED โอบรอบ พร้อมกลไกตอบสนองที่ซับซ้อนขึ้น ถือเป็นการทดลองที่ผสมผสานวิศวกรรม ฮาร์ดแวร์ และพฤติกรรมสัตว์อย่างน่าสนใจ การทดลองที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2021 โดยนักประสาทวิศวกร Viktor Tóth ได้สร้างความฮือฮาเมื่อหนูถูกฝึกให้เคลื่อนที่ในเกม Doom II ผ่านการใช้ลูกบอลทรงกลมและจอภาพ VR แบบโอบรอบ ล่าสุดระบบถูกพัฒนาให้หนูสามารถ “ยิง” ศัตรูได้ด้วยการกดกลไกที่เชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ถือเป็นการยกระดับจากการเดินไปมาในฉากสู่การมีปฏิสัมพันธ์กับกลไกเกมจริง ๆ 🧠 วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการทดลอง การฝึกใช้หลักการ operant conditioning หรือการให้รางวัลเมื่อสัตว์ทำพฤติกรรมที่ถูกต้อง เช่น น้ำหวานผสมที่ถูกจ่ายออกมาเมื่อหนูเดินหรือยิงถูกเป้าหมาย ระบบยังเพิ่มการตอบสนองทางกายภาพ เช่นการเป่าลมเบา ๆ ที่จมูกเพื่อบอกว่าหนูชนกำแพงในเกม วิธีนี้ช่วยให้สัตว์เรียนรู้ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการลองผิดลองถูกเพียงอย่างเดียว 🔧 ฮาร์ดแวร์และการออกแบบ การทดลองใช้จอ AMOLED แบบโค้งที่โอบรอบสายตาของหนู ทำให้ภาพเสมือนสมจริงมากขึ้น พร้อมลูกบอลทรงกลมที่ทำหน้าที่เป็น “ลู่วิ่ง” ให้หนูเคลื่อนไหวในเกม การออกแบบนี้ยังคงเป็นแบบเปิด (open-source) เพื่อให้นักวิจัยและผู้สนใจสามารถนำไปต่อยอดได้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างงานวิศวกรรม DIY และการวิจัยเชิงประสาทวิทยา 🌐 ความหมายต่ออนาคตการวิจัย แม้หนูจะไม่ได้เข้าใจเกม Doom ในเชิงกลยุทธ์ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า เกมเอนจิน สามารถเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่นสำหรับการศึกษาพฤติกรรมสัตว์ในโลกเสมือน การเปิดประตูสู่การทดลองใหม่ ๆ เช่นการใช้ VR เพื่อศึกษาการตัดสินใจ การเรียนรู้ หรือแม้แต่การพัฒนาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักรในอนาคต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ความก้าวหน้าของโครงการฝึกหนูเล่น Doom ➡️ หนูสามารถเคลื่อนไหวและยิงศัตรูในเกมได้จริง ➡️ ใช้ระบบ VR จอ AMOLED โอบรอบสายตา ✅ วิธีการฝึกและการตอบสนอง ➡️ ใช้การให้รางวัลด้วยน้ำหวานเมื่อทำถูกต้อง ➡️ ใช้การเป่าลมเบา ๆ เพื่อบอกการชนกำแพง ✅ ฮาร์ดแวร์และการออกแบบระบบ ➡️ ลูกบอลทรงกลมทำหน้าที่เป็นลู่วิ่ง ➡️ ระบบเปิด (open-source) ให้นำไปต่อยอดได้ ✅ ความหมายต่อการวิจัยอนาคต ➡️ เกมเอนจินเป็นแพลตฟอร์มราคาถูกและยืดหยุ่น ➡️ เปิดทางสู่การศึกษาอินเตอร์เฟซสมอง-เครื่องจักร ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ หนูไม่ได้เข้าใจเกมในเชิงกลยุทธ์หรือเป้าหมายจริง ⛔ การฝึกใช้เวลานานและต้องการการออกแบบที่ซับซ้อน ⛔ อาจมีข้อถกเถียงด้านจริยธรรมการใช้สัตว์ทดลอง https://www.tomshardware.com/virtual-reality/rats-are-still-being-taught-to-play-doom-now-with-a-curved-amoled-and-a-shoot-button
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • การพบเห็นซีพียูใหม่ Intel Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ในอินเดีย

    รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ถูกเพิ่มเข้ารายการสินค้าของร้านค้าปลีกในอินเดีย แม้ไม่มีรายละเอียดด้านราคาและสเปกเต็ม แต่การปรากฏชื่อรุ่นถือเป็นการยืนยันว่า Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Arrow Lake Refresh

    การต่อยอดจาก Arrow Lake
    ซีพียูรุ่น "Plus" นี้คาดว่าจะเป็นการปรับปรุงจาก Arrow Lake รุ่นแรก ที่เปิดตัวในปี 2024 โดยอาจมีการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา (clock speed) และปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน เพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุดในตลาด high-end desktop

    ตลาดและกลยุทธ์ Intel
    การพบเห็นในอินเดียสะท้อนว่า Intel กำลังเตรียมกระจายสินค้าไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นการประกอบเครื่องเอง (DIY PC) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของซีพียู high-end การเปิดตัวรุ่น "Plus" อาจเป็นการรักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนการมาถึงของสถาปัตยกรรมใหม่ในปี 2026

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้ยังไม่มีข้อมูลราคา แต่คาดว่า Core Ultra 9 290K Plus จะเป็นรุ่นท็อปที่แข่งขันกับ Ryzen 9 series ส่วน Core Ultra 7 270K Plus จะจับตลาดระดับกลางถึงสูง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของ Intel ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดซีพียูเดสก์ท็อป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การพบเห็นซีพียูใหม่
    Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus
    รายชื่อสินค้าปรากฏในร้านค้าปลีกอินเดีย

    การต่อยอดจาก Arrow Lake
    รุ่น "Plus" อาจเพิ่ม clock speed และปรับปรุงพลังงาน
    แข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุด

    กลยุทธ์ตลาด
    เน้นตลาด DIY PC และตลาดเกิดใหม่
    รักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนสถาปัตยกรรมใหม่

    แนวโน้มอนาคต
    Core Ultra 9 290K Plus จับตลาด high-end
    Core Ultra 7 270K Plus จับตลาด mid-high segment

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-7-270k-plus-and-core-ultra-9-290k-plus-spotted-at-indian-retailer-listings-appear-to-corroborate-prior-leaks-but-dont-reveal-pricing-or-new-info-for-upcoming-arrow-lake-refresh
    🖥️ การพบเห็นซีพียูใหม่ Intel Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ในอินเดีย รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ถูกเพิ่มเข้ารายการสินค้าของร้านค้าปลีกในอินเดีย แม้ไม่มีรายละเอียดด้านราคาและสเปกเต็ม แต่การปรากฏชื่อรุ่นถือเป็นการยืนยันว่า Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Arrow Lake Refresh ⚙️ การต่อยอดจาก Arrow Lake ซีพียูรุ่น "Plus" นี้คาดว่าจะเป็นการปรับปรุงจาก Arrow Lake รุ่นแรก ที่เปิดตัวในปี 2024 โดยอาจมีการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา (clock speed) และปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน เพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุดในตลาด high-end desktop 🌐 ตลาดและกลยุทธ์ Intel การพบเห็นในอินเดียสะท้อนว่า Intel กำลังเตรียมกระจายสินค้าไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นการประกอบเครื่องเอง (DIY PC) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของซีพียู high-end การเปิดตัวรุ่น "Plus" อาจเป็นการรักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนการมาถึงของสถาปัตยกรรมใหม่ในปี 2026 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้ยังไม่มีข้อมูลราคา แต่คาดว่า Core Ultra 9 290K Plus จะเป็นรุ่นท็อปที่แข่งขันกับ Ryzen 9 series ส่วน Core Ultra 7 270K Plus จะจับตลาดระดับกลางถึงสูง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของ Intel ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดซีพียูเดสก์ท็อป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การพบเห็นซีพียูใหม่ ➡️ Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ➡️ รายชื่อสินค้าปรากฏในร้านค้าปลีกอินเดีย ✅ การต่อยอดจาก Arrow Lake ➡️ รุ่น "Plus" อาจเพิ่ม clock speed และปรับปรุงพลังงาน ➡️ แข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุด ✅ กลยุทธ์ตลาด ➡️ เน้นตลาด DIY PC และตลาดเกิดใหม่ ➡️ รักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนสถาปัตยกรรมใหม่ ✅ แนวโน้มอนาคต ➡️ Core Ultra 9 290K Plus จับตลาด high-end ➡️ Core Ultra 7 270K Plus จับตลาด mid-high segment https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-7-270k-plus-and-core-ultra-9-290k-plus-spotted-at-indian-retailer-listings-appear-to-corroborate-prior-leaks-but-dont-reveal-pricing-or-new-info-for-upcoming-arrow-lake-refresh
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • Framework ขึ้นราคาหน่วยความจำ DDR5

    Framework ได้ปรับราคาหน่วยความจำ DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นถึง 50% โดยตัวเลือกตั้งแต่ 8GB ไปจนถึง 96GB มีราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน เช่น 8GB DDR5-5600 อยู่ที่ $60 และ 96GB (2x48GB) อยู่ที่ $720 การปรับราคานี้สะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย

    สาเหตุจากวิกฤติ DRAM
    การขาดแคลน DRAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และ Data Center ทำให้ผู้ผลิตอย่าง Samsung, SK hynix และ Micron หันไปผลิตหน่วยความจำที่มี margin สูง เช่น HBM และ LPDDR5X มากกว่า ส่งผลให้ตลาดผู้บริโภคขาดแคลนและราคาพุ่งสูง Framework ระบุว่าการขึ้นราคานี้เป็นเพียงการชดเชยต้นทุน ไม่ใช่การหากำไรเกินควร

    มาตรการป้องกันการเก็งกำไร
    Framework เคยเจอปัญหา RAM scalpers ซื้อหน่วยความจำไปขายต่อในราคาสูง บริษัทจึงหยุดขายโมดูลแยก และปรับนโยบายการคืนสินค้า โดยลูกค้าที่ซื้อ Laptop DIY Edition ต้องคืนหน่วยความจำพร้อมเครื่อง ไม่สามารถเก็บไว้ขายต่อได้ ถือเป็นมาตรการลดการเก็งกำไรในตลาด

    แนวโน้มราคาในอนาคต
    Framework เตือนว่าต้นทุนหน่วยความจำจะยังคงสูงขึ้น และอาจต้องปรับราคาอีกในอนาคต แม้ตอนนี้ราคายังใกล้เคียงกับตลาด แต่หากวิกฤติ DRAM ยืดเยื้อ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาด DIY และเครื่องประกอบสำเร็จ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การปรับราคา
    DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นสูงสุด 50%
    ตัวเลือก 8GB–96GB ราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน

    สาเหตุหลัก
    ความต้องการจาก AI และ Data Center
    ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ LPDDR5X

    มาตรการ Framework
    หยุดขายโมดูลแยก
    ปรับนโยบายคืนสินค้าเพื่อกันการเก็งกำไร

    แนวโน้มอนาคต
    ราคาหน่วยความจำอาจขึ้นอีก
    ผู้บริโภคต้องเตรียมรับต้นทุนที่สูงขึ้น

    คำเตือน
    ตลาดผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงต่อเนื่อง
    DIY ผู้ใช้ต้องระวังการลงทุนในช่วงที่ราคาผันผวน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/framework-raises-ddr5-ram-upgrade-prices-by-50-percent-amid-dram-shortage-only-for-laptop-diy-edition-says-prices-will-likely-rise-again
    💻 Framework ขึ้นราคาหน่วยความจำ DDR5 Framework ได้ปรับราคาหน่วยความจำ DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นถึง 50% โดยตัวเลือกตั้งแต่ 8GB ไปจนถึง 96GB มีราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน เช่น 8GB DDR5-5600 อยู่ที่ $60 และ 96GB (2x48GB) อยู่ที่ $720 การปรับราคานี้สะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย 📈 สาเหตุจากวิกฤติ DRAM การขาดแคลน DRAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และ Data Center ทำให้ผู้ผลิตอย่าง Samsung, SK hynix และ Micron หันไปผลิตหน่วยความจำที่มี margin สูง เช่น HBM และ LPDDR5X มากกว่า ส่งผลให้ตลาดผู้บริโภคขาดแคลนและราคาพุ่งสูง Framework ระบุว่าการขึ้นราคานี้เป็นเพียงการชดเชยต้นทุน ไม่ใช่การหากำไรเกินควร 🛡️ มาตรการป้องกันการเก็งกำไร Framework เคยเจอปัญหา RAM scalpers ซื้อหน่วยความจำไปขายต่อในราคาสูง บริษัทจึงหยุดขายโมดูลแยก และปรับนโยบายการคืนสินค้า โดยลูกค้าที่ซื้อ Laptop DIY Edition ต้องคืนหน่วยความจำพร้อมเครื่อง ไม่สามารถเก็บไว้ขายต่อได้ ถือเป็นมาตรการลดการเก็งกำไรในตลาด 🌐 แนวโน้มราคาในอนาคต Framework เตือนว่าต้นทุนหน่วยความจำจะยังคงสูงขึ้น และอาจต้องปรับราคาอีกในอนาคต แม้ตอนนี้ราคายังใกล้เคียงกับตลาด แต่หากวิกฤติ DRAM ยืดเยื้อ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาด DIY และเครื่องประกอบสำเร็จ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การปรับราคา ➡️ DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นสูงสุด 50% ➡️ ตัวเลือก 8GB–96GB ราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน ✅ สาเหตุหลัก ➡️ ความต้องการจาก AI และ Data Center ➡️ ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ LPDDR5X ✅ มาตรการ Framework ➡️ หยุดขายโมดูลแยก ➡️ ปรับนโยบายคืนสินค้าเพื่อกันการเก็งกำไร ✅ แนวโน้มอนาคต ➡️ ราคาหน่วยความจำอาจขึ้นอีก ➡️ ผู้บริโภคต้องเตรียมรับต้นทุนที่สูงขึ้น ‼️ คำเตือน ⛔ ตลาดผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงต่อเนื่อง ⛔ DIY ผู้ใช้ต้องระวังการลงทุนในช่วงที่ราคาผันผวน https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/framework-raises-ddr5-ram-upgrade-prices-by-50-percent-amid-dram-shortage-only-for-laptop-diy-edition-says-prices-will-likely-rise-again
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • AMD B650 ยังไม่หายไปไหน: ข่าวลือยืนยันการผลิตต่อ

    ตามรายงานจาก Tom’s Hardware มีข่าวลือว่า AMD B650 chipset จะยังคงอยู่ในตลาดต่อไป แม้ก่อนหน้านี้ AMD เคยประกาศว่าผู้ผลิตเมนบอร์ดจะย้ายไปผลิต B850 และ B840 แทน แต่ล่าสุดมีการอ้างว่า AMD ได้ขอให้พันธมิตรกลับมา ขยายการผลิต B650 อีกครั้ง เพื่อรับมือกับวิกฤติราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงและความต้องการ DIY PC ที่ลดลง

    เหตุผลที่ B650 ยังอยู่
    ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้นจากกระแส AI ทำให้ผู้บริโภคไม่อยากอัปเกรดเมนบอร์ดใหม่
    B650 เป็นรุ่นที่เก่ากว่า จึงมีราคาถูกและหาซื้อง่ายกว่า B850
    AMD ต้องการช่วยลดแรงกดดันให้กับตลาด DIY โดยเสนอทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า

    สถานการณ์ตลาดเมนบอร์ด
    ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ยอดขายเมนบอร์ดในเดือนพฤศจิกายนลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม และแนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม เนื่องจากราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงทำให้ผู้ใช้ชะลอการอัปเกรด แม้ AMD จะเปิดตัว Ryzen 9000 และ B850 แล้ว แต่ตลาดกลับไม่ตอบรับแรงนัก

    แนวโน้มในอนาคต
    AMD วางแผนให้ B650, B840 และ B850 อยู่ร่วมกัน โดย B850 จะเป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์มากกว่า เช่น PCIe 5.0 แต่ผู้ใช้ยังสามารถเลือก B650 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ข่าวลือนี้จึงสะท้อนว่า AMD อาจปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรักษายอดขายและรายได้ในช่วงที่ตลาด DIY ซบเซา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ขอให้พันธมิตรกลับมาผลิต B650
    เพื่อรับมือกับราคาหน่วยความจำที่สูงและความต้องการ DIY ที่ลดลง

    สถานการณ์ตลาด
    ยอดขายเมนบอร์ดลดลงครึ่งหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน
    แนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม

    กลยุทธ์ของ AMD
    ให้ B650 อยู่ร่วมกับ B840/B850
    B850 มีฟีเจอร์ PCIe 5.0 แต่ B650 ถูกกว่าและยังคุ้มค่า

    คำเตือน
    หากราคาหน่วยความจำยังสูง ตลาด DIY อาจซบเซาต่อเนื่อง
    การผลิตหลายรุ่นพร้อมกันอาจทำให้ผู้ใช้สับสนในการเลือกซื้อ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amds-b650-chipset-isnt-going-anywhere-according-to-a-new-rumor-rising-memory-costs-and-softening-diy-demand-mean-the-transition-to-b850-may-take-longer-than-expected
    🖥️ AMD B650 ยังไม่หายไปไหน: ข่าวลือยืนยันการผลิตต่อ ตามรายงานจาก Tom’s Hardware มีข่าวลือว่า AMD B650 chipset จะยังคงอยู่ในตลาดต่อไป แม้ก่อนหน้านี้ AMD เคยประกาศว่าผู้ผลิตเมนบอร์ดจะย้ายไปผลิต B850 และ B840 แทน แต่ล่าสุดมีการอ้างว่า AMD ได้ขอให้พันธมิตรกลับมา ขยายการผลิต B650 อีกครั้ง เพื่อรับมือกับวิกฤติราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงและความต้องการ DIY PC ที่ลดลง 💡 เหตุผลที่ B650 ยังอยู่ 🎗️ ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้นจากกระแส AI ทำให้ผู้บริโภคไม่อยากอัปเกรดเมนบอร์ดใหม่ 🎗️ B650 เป็นรุ่นที่เก่ากว่า จึงมีราคาถูกและหาซื้อง่ายกว่า B850 🎗️ AMD ต้องการช่วยลดแรงกดดันให้กับตลาด DIY โดยเสนอทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า 📉 สถานการณ์ตลาดเมนบอร์ด ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ยอดขายเมนบอร์ดในเดือนพฤศจิกายนลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม และแนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม เนื่องจากราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงทำให้ผู้ใช้ชะลอการอัปเกรด แม้ AMD จะเปิดตัว Ryzen 9000 และ B850 แล้ว แต่ตลาดกลับไม่ตอบรับแรงนัก 🔮 แนวโน้มในอนาคต AMD วางแผนให้ B650, B840 และ B850 อยู่ร่วมกัน โดย B850 จะเป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์มากกว่า เช่น PCIe 5.0 แต่ผู้ใช้ยังสามารถเลือก B650 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ข่าวลือนี้จึงสะท้อนว่า AMD อาจปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรักษายอดขายและรายได้ในช่วงที่ตลาด DIY ซบเซา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ขอให้พันธมิตรกลับมาผลิต B650 ➡️ เพื่อรับมือกับราคาหน่วยความจำที่สูงและความต้องการ DIY ที่ลดลง ✅ สถานการณ์ตลาด ➡️ ยอดขายเมนบอร์ดลดลงครึ่งหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ➡️ แนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม ✅ กลยุทธ์ของ AMD ➡️ ให้ B650 อยู่ร่วมกับ B840/B850 ➡️ B850 มีฟีเจอร์ PCIe 5.0 แต่ B650 ถูกกว่าและยังคุ้มค่า ‼️ คำเตือน ⛔ หากราคาหน่วยความจำยังสูง ตลาด DIY อาจซบเซาต่อเนื่อง ⛔ การผลิตหลายรุ่นพร้อมกันอาจทำให้ผู้ใช้สับสนในการเลือกซื้อ https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amds-b650-chipset-isnt-going-anywhere-according-to-a-new-rumor-rising-memory-costs-and-softening-diy-demand-mean-the-transition-to-b850-may-take-longer-than-expected
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • Second IC: Homemade Silicon Chips โดย Sam Zeloof

    บทความนี้เล่าเรื่องการสร้างชิปทรานซิสเตอร์กว่า 1,000 ตัวด้วยกระบวนการ DIY โดย Sam Zeloof ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการทำ Integrated Circuit (IC) แบบโฮมเมด

    Sam Zeloof นักทดลองด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มทำชิปตั้งแต่สมัยมัธยม ได้เผยแพร่ผลงานใหม่ชื่อ Z2 ซึ่งเป็นชิปที่มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ DIY ในโรงงานเล็กๆ ที่บ้าน โดยใช้เทคนิค polysilicon gate process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ Intel ใช้ในโปรเซสเซอร์รุ่นแรกๆ อย่าง Intel 4004

    ก่อนหน้านี้ Sam เคยสร้าง Z1 amplifier ที่มีเพียง 6 ทรานซิสเตอร์เพื่อทดสอบกระบวนการ แต่ครั้งนี้เขาสามารถเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ได้มหาศาล ทำให้เข้าใกล้การสร้างวงจรที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่นหน่วยความจำหรือวงจรดิจิทัลเต็มรูปแบบ

    สิ่งที่โดดเด่นคือการเปลี่ยนจาก metal gate ไปเป็น polysilicon gate ทำให้ชิปใหม่มี threshold voltage (Vth) ต่ำลง และสามารถทำงานร่วมกับแรงดันมาตรฐาน 2.5V–3.3V ได้ ต่างจากรุ่นก่อนที่ต้องใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงถึง 9V เพื่อให้ทำงานได้ นอกจากนี้ยังพบว่า leakage current ต่ำมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเกินคาดสำหรับการผลิตแบบโฮมเมด

    Sam ใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist รวมถึงการซื้อเวเฟอร์ที่มีการเคลือบชั้น polysilicon และ SiO₂ มาแล้วจากโรงงาน เพื่อลดขั้นตอนที่อันตรายและซับซ้อน เขายังใช้ซอฟต์แวร์ง่ายๆ อย่าง Photoshop ในการออกแบบ layout ของชิป

    แม้ผลลัพธ์ยังมีข้อจำกัด เช่น yield ต่ำและความผิดพลาดในการจัดเรียงเลเยอร์ แต่การที่สามารถสร้างชิปที่มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1,000 ตัวได้ด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน ถือเป็นการพิสูจน์ว่า DIY IC fabrication สามารถก้าวไปไกลกว่าการทดลองเล็กๆ และอาจเปิดทางให้ผู้สนใจทั่วโลกได้ลองทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้มาก่อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Z2 Chip
    มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตด้วยกระบวนการ DIY

    Polysilicon Gate Process
    ทำให้ threshold voltage ต่ำลงและรองรับแรงดันมาตรฐาน 2.5–3.3V

    คุณสมบัติเด่น
    leakage current ต่ำมาก, rise/fall time < 10 ns

    เครื่องมือที่ใช้
    อุปกรณ์พื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist

    ข้อจำกัดของกระบวนการ DIY
    yield ต่ำ, alignment ของเลเยอร์ไม่สมบูรณ์ และยังไม่รองรับ CMOS เต็มรูปแบบ

    https://sam.zeloof.xyz/second-ic/
    🔬 Second IC: Homemade Silicon Chips โดย Sam Zeloof บทความนี้เล่าเรื่องการสร้างชิปทรานซิสเตอร์กว่า 1,000 ตัวด้วยกระบวนการ DIY โดย Sam Zeloof ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการทำ Integrated Circuit (IC) แบบโฮมเมด Sam Zeloof นักทดลองด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มทำชิปตั้งแต่สมัยมัธยม ได้เผยแพร่ผลงานใหม่ชื่อ Z2 ซึ่งเป็นชิปที่มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ DIY ในโรงงานเล็กๆ ที่บ้าน โดยใช้เทคนิค polysilicon gate process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ Intel ใช้ในโปรเซสเซอร์รุ่นแรกๆ อย่าง Intel 4004 ก่อนหน้านี้ Sam เคยสร้าง Z1 amplifier ที่มีเพียง 6 ทรานซิสเตอร์เพื่อทดสอบกระบวนการ แต่ครั้งนี้เขาสามารถเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ได้มหาศาล ทำให้เข้าใกล้การสร้างวงจรที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่นหน่วยความจำหรือวงจรดิจิทัลเต็มรูปแบบ สิ่งที่โดดเด่นคือการเปลี่ยนจาก metal gate ไปเป็น polysilicon gate ทำให้ชิปใหม่มี threshold voltage (Vth) ต่ำลง และสามารถทำงานร่วมกับแรงดันมาตรฐาน 2.5V–3.3V ได้ ต่างจากรุ่นก่อนที่ต้องใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงถึง 9V เพื่อให้ทำงานได้ นอกจากนี้ยังพบว่า leakage current ต่ำมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเกินคาดสำหรับการผลิตแบบโฮมเมด Sam ใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist รวมถึงการซื้อเวเฟอร์ที่มีการเคลือบชั้น polysilicon และ SiO₂ มาแล้วจากโรงงาน เพื่อลดขั้นตอนที่อันตรายและซับซ้อน เขายังใช้ซอฟต์แวร์ง่ายๆ อย่าง Photoshop ในการออกแบบ layout ของชิป แม้ผลลัพธ์ยังมีข้อจำกัด เช่น yield ต่ำและความผิดพลาดในการจัดเรียงเลเยอร์ แต่การที่สามารถสร้างชิปที่มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1,000 ตัวได้ด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน ถือเป็นการพิสูจน์ว่า DIY IC fabrication สามารถก้าวไปไกลกว่าการทดลองเล็กๆ และอาจเปิดทางให้ผู้สนใจทั่วโลกได้ลองทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้มาก่อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Z2 Chip ➡️ มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตด้วยกระบวนการ DIY ✅ Polysilicon Gate Process ➡️ ทำให้ threshold voltage ต่ำลงและรองรับแรงดันมาตรฐาน 2.5–3.3V ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ leakage current ต่ำมาก, rise/fall time < 10 ns ✅ เครื่องมือที่ใช้ ➡️ อุปกรณ์พื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist ‼️ ข้อจำกัดของกระบวนการ DIY ⛔ yield ต่ำ, alignment ของเลเยอร์ไม่สมบูรณ์ และยังไม่รองรับ CMOS เต็มรูปแบบ https://sam.zeloof.xyz/second-ic/
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • "DIY Mod ใช้ CPU Air Cooler + น้ำแข็งเย็นจัด เพื่อ Liquid-Cool GPU ได้ถึง -14°C"

    บทความจาก Tom’s Hardware เล่าถึงการทดลองสุดแหวกแนวของ TrashBench นักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ ที่นำ CPU air cooler (Thermalright Peerless Assassin) มาดัดแปลงให้กลายเป็นระบบ liquid cooling สำหรับ GPU โดยการ ตัด heatpipes เปิดออก แล้วต่อท่อน้ำบาง ๆ เข้าไป จากนั้นใช้ ปั๊ม + portable ice chiller เพื่อส่งน้ำเย็นจัดไหลผ่าน heatpipes【edge_current_page_context】

    ผลลัพธ์คือ GPU อย่าง MSI RTX 3070 สามารถทำงานที่อุณหภูมิ -14°C และได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% พร้อมโอเวอร์คล็อกเพิ่มอีก +320 MHz ส่วน GTX 960 ยิ่งเห็นผลชัดเจน โดยเกม Cyberpunk 2077 เพิ่ม FPS ได้ถึง 21% และโดยรวมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 17%【edge_current_page_context】

    แม้ TrashBench จะไม่ได้ประกาศว่าเป็น “ความสำเร็จ” อย่างเป็นทางการ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า การดัดแปลง air cooler ให้เป็น pseudo-AIO สามารถช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้โดยไม่ต้องพึ่ง liquid nitrogen หรือระบบ extreme cooling ที่ซับซ้อน ถือเป็นการเพิ่ม “fun” ในการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ที่ยังใช้งานได้จริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    วิธีการโมดิฟาย
    ใช้ Thermalright Peerless Assassin air cooler
    ตัด heatpipes ต่อท่อน้ำ + ปั๊ม + ice chiller
    ส่งน้ำเย็นจัดผ่าน heatpipes สัมผัสกับ GPU die

    ผลลัพธ์
    RTX 3070: อุณหภูมิ -14°C, ประสิทธิภาพ +10%
    GTX 960: FPS เพิ่มสูงสุด 21%, โดยรวม +17%

    ความหมาย
    เป็น pseudo-AIO ที่ช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้จริง
    ไม่ต้องใช้ LN2 หรือระบบ extreme cooling
    เพิ่มความสนุกและความสร้างสรรค์ในการโมดิฟาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/cpu-air-cooler-runs-ice-cold-water-through-its-heatpipes-to-liquid-cool-a-gpu-negative-temp-diy-mod-sees-up-to-17-percent-performance-uplift
    ❄️ "DIY Mod ใช้ CPU Air Cooler + น้ำแข็งเย็นจัด เพื่อ Liquid-Cool GPU ได้ถึง -14°C" บทความจาก Tom’s Hardware เล่าถึงการทดลองสุดแหวกแนวของ TrashBench นักโมดิฟายฮาร์ดแวร์ ที่นำ CPU air cooler (Thermalright Peerless Assassin) มาดัดแปลงให้กลายเป็นระบบ liquid cooling สำหรับ GPU โดยการ ตัด heatpipes เปิดออก แล้วต่อท่อน้ำบาง ๆ เข้าไป จากนั้นใช้ ปั๊ม + portable ice chiller เพื่อส่งน้ำเย็นจัดไหลผ่าน heatpipes【edge_current_page_context】 ผลลัพธ์คือ GPU อย่าง MSI RTX 3070 สามารถทำงานที่อุณหภูมิ -14°C และได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% พร้อมโอเวอร์คล็อกเพิ่มอีก +320 MHz ส่วน GTX 960 ยิ่งเห็นผลชัดเจน โดยเกม Cyberpunk 2077 เพิ่ม FPS ได้ถึง 21% และโดยรวมประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นราว 17%【edge_current_page_context】 แม้ TrashBench จะไม่ได้ประกาศว่าเป็น “ความสำเร็จ” อย่างเป็นทางการ แต่การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า การดัดแปลง air cooler ให้เป็น pseudo-AIO สามารถช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้โดยไม่ต้องพึ่ง liquid nitrogen หรือระบบ extreme cooling ที่ซับซ้อน ถือเป็นการเพิ่ม “fun” ในการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ที่ยังใช้งานได้จริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ วิธีการโมดิฟาย ➡️ ใช้ Thermalright Peerless Assassin air cooler ➡️ ตัด heatpipes ต่อท่อน้ำ + ปั๊ม + ice chiller ➡️ ส่งน้ำเย็นจัดผ่าน heatpipes สัมผัสกับ GPU die ✅ ผลลัพธ์ ➡️ RTX 3070: อุณหภูมิ -14°C, ประสิทธิภาพ +10% ➡️ GTX 960: FPS เพิ่มสูงสุด 21%, โดยรวม +17% ✅ ความหมาย ➡️ เป็น pseudo-AIO ที่ช่วยโอเวอร์คล็อก GPU ได้จริง ➡️ ไม่ต้องใช้ LN2 หรือระบบ extreme cooling ➡️ เพิ่มความสนุกและความสร้างสรรค์ในการโมดิฟาย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/cpu-air-cooler-runs-ice-cold-water-through-its-heatpipes-to-liquid-cool-a-gpu-negative-temp-diy-mod-sees-up-to-17-percent-performance-uplift
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน

    บทความนี้แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน ที่ Consumer Reports จัดอันดับ ได้แก่ กล้อง TP-Link Tapo สองรุ่น, Logitech Circle View Doorbell, Yale August Smart Lock และ Google Nest Secure Alarm Pack

    “TP-Link Tapo C420S2 – กล้องราคาย่อมเยา แต่ข้อมูลส่วนตัวไม่ปลอดภัย”
    TP-Link Tapo C420S2 ได้รับคะแนนสูงจาก Consumer Reports ในด้านคุณภาพวิดีโอทั้งกลางวันและกลางคืน ความละเอียด 2K และมุมมอง 113 องศา แต่ ข้อเสียใหญ่คือการจัดการข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ชัดเจน ทำให้ได้คะแนนต่ำด้าน Privacy แม้ระบบความปลอดภัยดิจิทัลจะดี แต่ผู้ใช้ควรระวังเรื่องการเก็บและแชร์ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส

    “TP-Link Tapo C325WB – ราคาถูกกว่า พร้อมลำโพงสองทาง”
    รุ่นนี้มีราคาเพียง 70 ดอลลาร์ และยังคงคุณภาพวิดีโอ 2K พร้อมมุมมองกว้างขึ้นถึง 127 องศา จุดเด่นคือ ระบบแจ้งเตือนรวดเร็วและลำโพงสองทาง ที่ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคนหน้าบ้านได้ทันที แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง Privacy เช่นเดียวกับรุ่น C420S2 และต้องพึ่งพาการสมัคร Cloud Storage หรือใช้ SD Card

    “Logitech Circle View Doorbell – เหมาะกับผู้ใช้ Apple HomeKit”
    แม้ Logitech จะโด่งดังด้านอุปกรณ์เกม แต่ Circle View Doorbell ก็ได้รับคะแนนดีในด้านคุณภาพภาพและการตอบสนองทันทีเมื่อมีผู้มาเยือน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือรองรับเฉพาะ Apple HomeKit และมีปัญหาด้าน Privacy ที่ Consumer Reports ให้คะแนนต่ำ อีกทั้งราคาสูงกว่าทางเลือกอื่นที่ราว 200 ดอลลาร์

    “Yale August WiFi Smart Lock – ปลอดภัยและใช้ง่าย”
    สมาร์ทล็อคจาก Yale รุ่น August WiFi ได้รับการยกย่องว่ามีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น AES 128-bit และ TLS encryption อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องถอดเดดโบลต์เดิม เหมาะสำหรับผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ ราคาประมาณ 210 ดอลลาร์ พร้อมคีย์แพดสำหรับตั้งรหัสเข้าออก

    “Google Nest Secure Alarm Pack – ระบบรักษาความปลอดภัย DIY”
    Google Nest Secure เป็นชุดระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งเองได้ง่าย มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดปิดประตู/หน้าต่างและตรวจจับการเคลื่อนไหวในระยะ 15 ฟุต มีระบบไฟ LED แสดงสถานะ และสามารถเชื่อมต่อกับบริการ Brinks เพื่อเพิ่มการดูแลแบบมืออาชีพ ราคาประมาณ 80 ดอลลาร์ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

    https://www.slashgear.com/2041276/best-home-security-smart-gadgets-consumer-reports/
    🏚️ แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน บทความนี้แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน ที่ Consumer Reports จัดอันดับ ได้แก่ กล้อง TP-Link Tapo สองรุ่น, Logitech Circle View Doorbell, Yale August Smart Lock และ Google Nest Secure Alarm Pack 📹 “TP-Link Tapo C420S2 – กล้องราคาย่อมเยา แต่ข้อมูลส่วนตัวไม่ปลอดภัย” TP-Link Tapo C420S2 ได้รับคะแนนสูงจาก Consumer Reports ในด้านคุณภาพวิดีโอทั้งกลางวันและกลางคืน ความละเอียด 2K และมุมมอง 113 องศา แต่ ข้อเสียใหญ่คือการจัดการข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ชัดเจน ทำให้ได้คะแนนต่ำด้าน Privacy แม้ระบบความปลอดภัยดิจิทัลจะดี แต่ผู้ใช้ควรระวังเรื่องการเก็บและแชร์ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส 🎤 “TP-Link Tapo C325WB – ราคาถูกกว่า พร้อมลำโพงสองทาง” รุ่นนี้มีราคาเพียง 70 ดอลลาร์ และยังคงคุณภาพวิดีโอ 2K พร้อมมุมมองกว้างขึ้นถึง 127 องศา จุดเด่นคือ ระบบแจ้งเตือนรวดเร็วและลำโพงสองทาง ที่ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคนหน้าบ้านได้ทันที แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง Privacy เช่นเดียวกับรุ่น C420S2 และต้องพึ่งพาการสมัคร Cloud Storage หรือใช้ SD Card 🔔 “Logitech Circle View Doorbell – เหมาะกับผู้ใช้ Apple HomeKit” แม้ Logitech จะโด่งดังด้านอุปกรณ์เกม แต่ Circle View Doorbell ก็ได้รับคะแนนดีในด้านคุณภาพภาพและการตอบสนองทันทีเมื่อมีผู้มาเยือน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือรองรับเฉพาะ Apple HomeKit และมีปัญหาด้าน Privacy ที่ Consumer Reports ให้คะแนนต่ำ อีกทั้งราคาสูงกว่าทางเลือกอื่นที่ราว 200 ดอลลาร์ 🔑 “Yale August WiFi Smart Lock – ปลอดภัยและใช้ง่าย” สมาร์ทล็อคจาก Yale รุ่น August WiFi ได้รับการยกย่องว่ามีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น AES 128-bit และ TLS encryption อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องถอดเดดโบลต์เดิม เหมาะสำหรับผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ ราคาประมาณ 210 ดอลลาร์ พร้อมคีย์แพดสำหรับตั้งรหัสเข้าออก 🛡️ “Google Nest Secure Alarm Pack – ระบบรักษาความปลอดภัย DIY” Google Nest Secure เป็นชุดระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งเองได้ง่าย มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดปิดประตู/หน้าต่างและตรวจจับการเคลื่อนไหวในระยะ 15 ฟุต มีระบบไฟ LED แสดงสถานะ และสามารถเชื่อมต่อกับบริการ Brinks เพื่อเพิ่มการดูแลแบบมืออาชีพ ราคาประมาณ 80 ดอลลาร์ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า https://www.slashgear.com/2041276/best-home-security-smart-gadgets-consumer-reports/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The 5 Best Smart Gadgets For Home Security, According To Consumer Reports - SlashGear
    Home security is vital so you can ensure you and your family are safe. If you are looking for smart gadgets to help, here's what Consumer Reports recommends.
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • OCuLink: ทางเลือกใหม่แทน Thunderbolt

    ผู้ใช้ Framework 16 Laptop รายหนึ่งได้ดัดแปลงเครื่องให้มี พอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 เพื่อเชื่อมต่อ GPU ภายนอกโดยตรง ผลคือได้ประสิทธิภาพสูงกว่า Thunderbolt อย่างชัดเจน และถือเป็นการเปิดทางใหม่ให้กับการอัปเกรดโน้ตบุ๊กสำหรับเกมเมอร์และสาย DIY

    Thunderbolt แม้จะสะดวก แต่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเพราะต้องห่อหุ้มสัญญาณ PCIe ทำให้สูญเสียแบนด์วิดท์และเพิ่มความหน่วง ขณะที่ OCuLink เป็นการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง จึงให้ประสิทธิภาพเต็มที่โดยไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ แต่ข้อเสียคือไม่รองรับการเสียบ-ถอดร้อน และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอรวมในสายเดียว

    การดัดแปลง Framework 16
    นักดัดแปลงชื่อ Filip (Terrails บน GitHub) ได้สร้างโมดูลเชื่อมต่อจาก PCIe x8 expansion bay ของ Framework 16 ไปยังพอร์ต OCuLink โดยใช้บอร์ดแปลงแบบ passive ผลคือสามารถเชื่อมต่อกับ GPU Desktop-class เช่น RTX 4070 ได้โดยตรง และเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงเครื่อง PC จริง

    ผลลัพธ์และการสนับสนุนจากชุมชน
    หลังจากแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และสัญญาณ Filip รายงานว่า สามารถรันเกมได้จริงที่ PCIe 4.0 x8 Framework เองก็เข้ามาช่วยเหลือ โดยทีมพัฒนาได้อัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์เพื่อสนับสนุนการใช้งานนี้ ทำให้โครงการไม่ใช่แค่การทดลอง แต่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้จริงในชุมชนผู้ใช้ Framework

    ข้อจำกัดและอนาคต
    แม้ OCuLink จะให้ประสิทธิภาพสูง แต่ยังคงเป็น มาตรฐานที่ถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2021 และถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ทำให้การใช้งานยังคงเป็น niche สำหรับผู้ใช้สาย DIY อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต Mini-PC และเครื่องเกมพกพาหลายราย เช่น Ayaneo และ OneXPlayer เริ่มใส่พอร์ต OCuLink มาแล้ว ซึ่งอาจทำให้มันกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Framework 16 ถูกดัดแปลงเพิ่มพอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8
    เชื่อมต่อ GPU ภายนอกได้เต็มประสิทธิภาพ

    ผลทดสอบยืนยันเล่นเกมได้จริง
    ใช้ RTX 4070 รันเกมที่แบนด์วิดท์สูง

    Framework สนับสนุนการพัฒนา
    ทีมงานอัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์ช่วยชุมชน DIY

    OCuLink ถูกยกเลิกมาตรฐานแล้ว
    ถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง

    ข้อจำกัดด้านการใช้งาน
    ไม่รองรับ hot-plug และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอ

    https://www.tomshardware.com/laptops/enthusiast-adds-oculink-port-to-framework-16-laptop-offering-pcie-4-0-x8-bandwidth-for-big-gpu-performance-gains
    🔌 OCuLink: ทางเลือกใหม่แทน Thunderbolt ผู้ใช้ Framework 16 Laptop รายหนึ่งได้ดัดแปลงเครื่องให้มี พอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 เพื่อเชื่อมต่อ GPU ภายนอกโดยตรง ผลคือได้ประสิทธิภาพสูงกว่า Thunderbolt อย่างชัดเจน และถือเป็นการเปิดทางใหม่ให้กับการอัปเกรดโน้ตบุ๊กสำหรับเกมเมอร์และสาย DIY Thunderbolt แม้จะสะดวก แต่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเพราะต้องห่อหุ้มสัญญาณ PCIe ทำให้สูญเสียแบนด์วิดท์และเพิ่มความหน่วง ขณะที่ OCuLink เป็นการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง จึงให้ประสิทธิภาพเต็มที่โดยไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ แต่ข้อเสียคือไม่รองรับการเสียบ-ถอดร้อน และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอรวมในสายเดียว 🛠️ การดัดแปลง Framework 16 นักดัดแปลงชื่อ Filip (Terrails บน GitHub) ได้สร้างโมดูลเชื่อมต่อจาก PCIe x8 expansion bay ของ Framework 16 ไปยังพอร์ต OCuLink โดยใช้บอร์ดแปลงแบบ passive ผลคือสามารถเชื่อมต่อกับ GPU Desktop-class เช่น RTX 4070 ได้โดยตรง และเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงเครื่อง PC จริง 🎮 ผลลัพธ์และการสนับสนุนจากชุมชน หลังจากแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และสัญญาณ Filip รายงานว่า สามารถรันเกมได้จริงที่ PCIe 4.0 x8 Framework เองก็เข้ามาช่วยเหลือ โดยทีมพัฒนาได้อัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์เพื่อสนับสนุนการใช้งานนี้ ทำให้โครงการไม่ใช่แค่การทดลอง แต่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้จริงในชุมชนผู้ใช้ Framework ⚠️ ข้อจำกัดและอนาคต แม้ OCuLink จะให้ประสิทธิภาพสูง แต่ยังคงเป็น มาตรฐานที่ถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2021 และถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ทำให้การใช้งานยังคงเป็น niche สำหรับผู้ใช้สาย DIY อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต Mini-PC และเครื่องเกมพกพาหลายราย เช่น Ayaneo และ OneXPlayer เริ่มใส่พอร์ต OCuLink มาแล้ว ซึ่งอาจทำให้มันกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Framework 16 ถูกดัดแปลงเพิ่มพอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 ➡️ เชื่อมต่อ GPU ภายนอกได้เต็มประสิทธิภาพ ✅ ผลทดสอบยืนยันเล่นเกมได้จริง ➡️ ใช้ RTX 4070 รันเกมที่แบนด์วิดท์สูง ✅ Framework สนับสนุนการพัฒนา ➡️ ทีมงานอัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์ช่วยชุมชน DIY ‼️ OCuLink ถูกยกเลิกมาตรฐานแล้ว ⛔ ถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ‼️ ข้อจำกัดด้านการใช้งาน ⛔ ไม่รองรับ hot-plug และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอ https://www.tomshardware.com/laptops/enthusiast-adds-oculink-port-to-framework-16-laptop-offering-pcie-4-0-x8-bandwidth-for-big-gpu-performance-gains
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Enthusiast adds OCuLink port to Framework 16 Laptop — offering PCIe 4.0 x8 bandwidth for big GPU performance gains
    Unlike Thunderbolt, OCuLink offers full PCI Express performance for no-compromise PC gaming on a docked mobile device.
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง

    บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก.

    สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้
    NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน.

    จุดเด่นของการออกแบบ
    การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น.

    ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต
    DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses
    เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay

    ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM
    รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน

    ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1
    มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน

    รองรับ 10GbE networking
    เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K

    DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก

    ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท
    ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ

    https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    💾 DIY NAS 2026 Edition – สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเอง บทความจาก Brian Moses นำเสนอการสร้าง DIY NAS (Network Attached Storage) รุ่นใหม่ปี 2026 ที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงและขนาดกะทัดรัด โดยใช้เคสที่มีความจุไม่เกิน 20 ลิตร แต่สามารถรองรับ 8-bay สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบเครือข่าย 10GbE networking เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก. ⚙️ สเปกฮาร์ดแวร์ที่เลือกใช้ NAS รุ่นนี้ใช้ Intel N355 CPU ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์ ร่วมกับ 32GB DDR5 RAM เพื่อรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในการจัดการ NAS และมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ครบถ้วน. 📈 จุดเด่นของการออกแบบ การออกแบบ NAS รุ่นนี้เน้น ความเล็กกระทัดรัด แต่ยังคงความสามารถในการขยายได้สูง ผู้ใช้สามารถเพิ่มฮาร์ดดิสก์ได้มากถึง 8 ลูก และด้วยการเชื่อมต่อ 10GbE ทำให้สามารถรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หลายช่องทาง หรือการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้น. 🔮 ความหมายต่อผู้ใช้และอนาคต DIY NAS 2026 Edition เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่าง ฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการคลาวด์เพียงอย่างเดียว แนวทางนี้ยังสะท้อนถึงกระแสการกลับมาของ self-hosting ที่ผู้ใช้ต้องการความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ DIY NAS 2026 Edition ออกแบบโดย Brian Moses ➡️ เคสเล็กกว่า 20 ลิตร รองรับ 8-bay ✅ ใช้ Intel N355 CPU และ 32GB DDR5 RAM ➡️ รองรับงานจัดเก็บและแชร์ไฟล์หลายอย่างพร้อมกัน ✅ ระบบปฏิบัติการ TrueNAS 25.10.0.1 ➡️ มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลครบถ้วน ✅ รองรับ 10GbE networking ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น สตรีมวิดีโอ 4K ‼️ DIY NAS ต้องการความรู้ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจติดตั้งและดูแลรักษาได้ยาก ‼️ ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการใช้บริการคลาวด์บางประเภท ⛔ ต้องลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์และเวลาในการดูแลระบบ https://blog.briancmoses.com/2025/11/diy-nas-2026-edition.html
    BLOG.BRIANCMOSES.COM
    DIY NAS: 2026 Edition
    An 8-bay DIY NAS with 10GbE networking, TrueNAS 25.10.0.1, an Intel N355 CPU, 32GB of DDR5 RAM, and a smallish form factor that occupies less than 20 liters of your office space.
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷
    #รวมข่าวIT #20251125 #TechRadar

    รีวิวแบตเตอรี่ LiTime X Mini และอุปกรณ์เสริม
    เรื่องนี้เล่าได้ว่า LiTime เปิดตัวแบตเตอรี่ X Mini รุ่นใหม่ที่มีความจุ 320Ah หรือราว 4kWh ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับอินเวอร์เตอร์และเครื่องชาร์จเพื่อสร้างระบบไฟฟ้า AC ขนาด 2kW ได้ในราคาประมาณ 1,500 ดอลลาร์ จุดเด่นคือความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถเพิ่มแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนอินเวอร์เตอร์ให้แรงขึ้นได้ตามต้องการ ตัวแบตเตอรี่มีน้ำหนักเพียง 25 กิโลกรัม ขนาดไม่ต่างจากแบตรถยนต์ทั่วไป แต่มีฟังก์ชันล้ำ ๆ เช่น Bluetooth สำหรับตรวจสอบสถานะ, ระบบจัดการแบตเตอรี่ที่มีการป้องกันกว่า 20 รูปแบบ และทนต่ออุณหภูมิต่ำถึง -20 องศาเซลเซียส จุดที่น่าสนใจคือสามารถต่อแบตเตอรี่หลายลูกเพื่อขยายกำลังได้ และยังทำงานเป็น UPS สำรองไฟได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่ชอบปรับแต่งระบบเอง แต่ถ้าไม่ถนัด DIY อาจไม่เหมาะนัก
    https://www.techradar.com/pro/litime-x-mini-battery-and-accessories-review

    iPadOS 26 กับการจัดการหน้าต่างที่ทำให้สับสน แต่มีทริกง่าย ๆ
    Apple ปรับโฉมครั้งใหญ่ใน iPadOS 26 โดยเพิ่มระบบจัดการหน้าต่างแบบ Mac เข้ามา แต่หลายคนรวมถึงผู้เขียนพบว่ามันใช้งานยากและ Apple ไม่ได้อธิบายชัดเจน วิธีแก้คือเพิ่ม “Multitasking widget” ใน Control Center ซึ่งจะช่วยให้สลับโหมดการใช้งานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดเต็มหน้าจอที่เหมาะกับการดูสื่อบันเทิง, โหมด Windowed Apps ที่เหมาะกับการทำงานหลายแอปพร้อมกัน หรือโหมด Stage Manager ที่ช่วยจัดการ workspace ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเข้าใจการสลับโหมดเหล่านี้ iPad จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทั้งบันเทิงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/tablets/ipad/ipados-26s-window-management-is-confusing-heres-an-easy-trick-to-use-it-properly

    NATO จับมือ Google Cloud สร้าง Sovereign Cloud ที่ปลอดภัย
    NATO ลงนามข้อตกลงครั้งใหญ่กับ Google Cloud เพื่อใช้บริการ Google Distributed Cloud (GDC) ซึ่งเป็นระบบ sovereign cloud แบบ air-gapped ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะการจัดการข้อมูลที่อ่อนไหวจากศูนย์ JATEC ที่เกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน จุดสำคัญคือ NATO จะสามารถควบคุมข้อมูลให้อยู่ในอาณาเขตของตนเองตามข้อกำหนดด้าน sovereignty และ compliance ข้อตกลงนี้ช่วยเร่งการปรับปรุงระบบดิจิทัลของ NATO และยังสะท้อนถึงการเติบโตของ Google Cloud ที่รายได้เพิ่มขึ้นกว่า 28% ในไตรมาสล่าสุด
    https://www.techradar.com/pro/nato-signs-major-google-deal-to-ensure-secure-sovereign-cloud

    Android เตรียมรองรับ AirDrop มากขึ้น
    Google สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศว่า Android Quick Share จะสามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้ ตอนนี้ใช้ได้เฉพาะ Pixel 10 แต่ Snapdragon ก็ออกมาบอกว่าจะรองรับในอนาคต ซึ่งหมายความว่าโทรศัพท์ Android รุ่นใหม่ ๆ อย่าง Samsung Galaxy S25 และ OnePlus 15 อาจใช้ฟีเจอร์นี้ได้ รวมถึง Nothing Phone 3 ที่ CEO ของ Nothing ยืนยันว่าจะนำมาใช้แน่นอน แม้ยังมีคำถามว่า Apple จะยอมให้ฟีเจอร์นี้ทำงานต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าไม่ถูกบล็อก นี่จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การแชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ง่ายขึ้นมาก
    https://www.techradar.com/phones/android/loads-more-android-phones-could-soon-work-with-airdrop

    GMKtec เปิดตัว EVO-T2 Mini-PC รุ่นใหม่ พร้อมชิป Intel Panther Lake
    เรื่องราวนี้พูดถึงการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก EVO-T2 จาก GMKtec ที่สร้างความฮือฮาเพราะเป็นรุ่นแรกที่ใช้ชิป Panther Lake ของ Intel รุ่นใหม่ล่าสุด ตัวเครื่องรองรับหน่วยความจำสูงสุดถึง 128GB LPDDR5X และมีช่อง SSD สองช่องที่รวมกันได้ถึง 16TB จุดเด่นคือพลังการประมวลผลด้าน AI ที่สูงถึง 180 TOPS ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องใช้ AI หนัก ๆ ทั้งยังคงดีไซน์เรียบง่ายเหมือนรุ่นก่อน แต่เพิ่มประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด การเปิดตัวจริงคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2026
    https://www.techradar.com/pro/gmktecs-next-mini-pc-will-be-the-first-to-feature-intel-panther-lake-and-some-other-seriously-impressive-specs

    นักวิจัยทดสอบ AI สร้างมัลแวร์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
    ทีมวิจัยจาก Netskope พยายามทดสอบว่าโมเดลภาษา AI อย่าง GPT-3.5 และ GPT-4 สามารถสร้างโค้ดมัลแวร์ที่ใช้งานได้จริงหรือไม่ ผลคือแม้ AI จะสร้างโค้ดออกมาได้ แต่เมื่อนำไปทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงกลับล้มเหลว ไม่เสถียร และทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง แม้ GPT-5 จะมีคุณภาพโค้ดที่ดีขึ้น แต่ก็มีระบบป้องกันที่ทำให้โค้ดไม่สามารถใช้โจมตีได้จริง เรื่องนี้สะท้อนว่า AI ยังไม่พร้อมสำหรับการสร้างมัลแวร์ที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    https://www.techradar.com/pro/experts-tried-to-get-ai-to-create-malicious-security-threats-but-what-it-did-next-was-a-surprise-even-to-them

    Sam Altman และ Jony Ive เผยโฉมอุปกรณ์ AI ที่จะมอบ “บรรยากาศสงบ” ให้ผู้ใช้
    Sam Altman ซีอีโอ OpenAI และ Jony Ive อดีตนักออกแบบจาก Apple กำลังพัฒนาอุปกรณ์ AI ภายใต้บริษัท IO ที่ตั้งใจให้แตกต่างจากเทคโนโลยีทั่วไป โดยจะเป็นอุปกรณ์ที่มีความเข้าใจบริบทชีวิตผู้ใช้ รู้ว่าเมื่อไรควรนำเสนอข้อมูล และสร้างบรรยากาศที่สงบเหมือนนั่งอยู่ในกระท่อมริมทะเลสาบ ไม่ใช่ความวุ่นวายแบบสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ทั้งคู่ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้จะเปิดตัวภายในสองปี และจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ “ยิ้มและรู้สึกมีความสุข”
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/sam-altman-and-jony-ive-ai-device-is-now-in-its-prototype-phase-and-its-vibe-is-defined

    รีวิวเครื่องเล่นแผ่นเสียง Sony PS-LX310BT รุ่นราคาย่อมเยา ใช้ง่ายและดูดี
    เครื่องเล่นแผ่นเสียง Sony PS-LX310BT ถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้เริ่มต้นเล่นแผ่นเสียง จุดเด่นคือราคาที่จับต้องได้และการใช้งานที่ง่าย เพียงกดปุ่มเล่นหรือหยุดโดยไม่ต้องยุ่งกับเข็มหรือโทนอาร์ม ดีไซน์เรียบหรูและรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth และ RCA แม้จะไม่มีช่อง 3.5 มม. และการตั้งค่าเริ่มต้นอาจดูยุ่งเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าเป็นเครื่องเล่นที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากสัมผัสโลกของเสียงจากแผ่นไวนิล
    https://www.techradar.com/audio/turntables/i-tested-the-entry-level-turntable-that-everyone-raves-about-and-i-totally-get-it

    ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Shopping Research ช่วยค้นหาและเปรียบเทียบสินค้าให้คุณ
    OpenAI เพิ่มเครื่องมือใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่ช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคาได้โดยไม่ต้องเปิดหลายแท็บ เครื่องมือนี้สามารถสร้างคู่มือการซื้อที่ปรับตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น การหาของขวัญแปลกใหม่หรือทีวีที่เหมาะกับห้องสว่าง ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้ทั้งในแผนฟรีและแบบเสียเงิน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปีที่เข้าถึงได้แทบไม่จำกัด ถือเป็นการยกระดับ ChatGPT ให้กลายเป็นผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัวที่สะดวกและฉลาดขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-shopping-research-tool-compares-products-for-you-so-you-dont-have-to-open-20-tabs

    ช่องโหว่ Windows Server ถูกแฮกเกอร์ใช้แพร่กระจายมัลแวร์
    ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบช่องโหว่ใน Windows Server ที่ถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ไปยังระบบต่าง ๆ ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงและควบคุมเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง Microsoft ได้ออกคำเตือนและแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
    https://www.techradar.com/pro/security/windows-server-flaw-targeted-by-hackers-to-spread-malware-heres-what-we-know

    Cox Enterprises ถูกโจมตีข้อมูลจาก Oracle แต่ไม่เปิดเผยผู้ก่อเหตุ
    ox Enterprises บริษัทสื่อและโทรคมนาคมรายใหญ่ในสหรัฐฯ ยืนยันว่าถูกโจมตีข้อมูลผ่านระบบ Oracle แต่ยังไม่เปิดเผยว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือวิธีการที่ใช้ การโจมตีครั้งนี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนเสี่ยงต่อการรั่วไหล แม้บริษัทจะพยายามควบคุมสถานการณ์และเสริมมาตรการความปลอดภัย แต่การไม่เปิดเผยรายละเอียดก็สร้างความกังวลต่อผู้ใช้งานและนักลงทุน
    https://www.techradar.com/pro/security/cox-reveals-it-was-hit-by-oracle-data-breach-but-it-wont-name-who-carried-out-the-attack

    Kodak เปิดตัวกล้องฟิล์ม 35mm ราคาย่อมเยา กลับสู่ความคลาสสิก
    Kodak เปิดตัวกล้องฟิล์ม 35mm รุ่นใหม่ที่มีราคาย่อมเยาและดีไซน์ย้อนยุค เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในความคลาสสิกของการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม กล้องรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากสัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพแบบดั้งเดิม ถือเป็นการนำเสน่ห์ของฟิล์มกลับมาอีกครั้งในยุคดิจิทัล
    https://www.techradar.com/cameras/kodaks-affordable-35mm-film-camera-looks-like-a-black-or-white-blast-from-the-past

    Disney เปิดตัวหุ่นยนต์ Olaf ที่สมจริงจนทำให้ผู้ชมขนลุก
    Disney สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยหุ่นยนต์ Olaf จาก Frozen ที่เคลื่อนไหวและแสดงออกได้อย่างสมจริง หุ่นยนต์นี้ถูกพัฒนาให้มีท่าทางและอารมณ์เหมือนตัวละครในภาพยนตร์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือน Olaf มีชีวิตจริง ๆ เทคโนโลยีนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ Disney ในการผสมผสานหุ่นยนต์เข้ากับความบันเทิง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการนำตัวละครอื่น ๆ มาสู่โลกจริงในอนาคต
    https://www.techradar.com/streaming/entertainment/disneys-new-olaf-robot-is-so-real-itll-give-you-chills

    Iberia สายการบินสเปนประกาศถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่
    Iberia สายการบินรายใหญ่ของสเปนแจ้งลูกค้าว่าถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารบางส่วนเสี่ยงต่อการรั่วไหล แม้บริษัทจะรีบดำเนินการแก้ไขและเสริมมาตรการความปลอดภัย แต่เหตุการณ์นี้ก็สร้างความกังวลต่อผู้โดยสารและอุตสาหกรรมการบินโดยรวม เพราะสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบดิจิทัลในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมหาศาล
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/iberia-tells-customers-it-was-hit-by-a-major-security-breach



    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251125 #TechRadar 🔋 รีวิวแบตเตอรี่ LiTime X Mini และอุปกรณ์เสริม เรื่องนี้เล่าได้ว่า LiTime เปิดตัวแบตเตอรี่ X Mini รุ่นใหม่ที่มีความจุ 320Ah หรือราว 4kWh ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับอินเวอร์เตอร์และเครื่องชาร์จเพื่อสร้างระบบไฟฟ้า AC ขนาด 2kW ได้ในราคาประมาณ 1,500 ดอลลาร์ จุดเด่นคือความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถเพิ่มแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนอินเวอร์เตอร์ให้แรงขึ้นได้ตามต้องการ ตัวแบตเตอรี่มีน้ำหนักเพียง 25 กิโลกรัม ขนาดไม่ต่างจากแบตรถยนต์ทั่วไป แต่มีฟังก์ชันล้ำ ๆ เช่น Bluetooth สำหรับตรวจสอบสถานะ, ระบบจัดการแบตเตอรี่ที่มีการป้องกันกว่า 20 รูปแบบ และทนต่ออุณหภูมิต่ำถึง -20 องศาเซลเซียส จุดที่น่าสนใจคือสามารถต่อแบตเตอรี่หลายลูกเพื่อขยายกำลังได้ และยังทำงานเป็น UPS สำรองไฟได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่ชอบปรับแต่งระบบเอง แต่ถ้าไม่ถนัด DIY อาจไม่เหมาะนัก 🔗 https://www.techradar.com/pro/litime-x-mini-battery-and-accessories-review 🍎 iPadOS 26 กับการจัดการหน้าต่างที่ทำให้สับสน แต่มีทริกง่าย ๆ Apple ปรับโฉมครั้งใหญ่ใน iPadOS 26 โดยเพิ่มระบบจัดการหน้าต่างแบบ Mac เข้ามา แต่หลายคนรวมถึงผู้เขียนพบว่ามันใช้งานยากและ Apple ไม่ได้อธิบายชัดเจน วิธีแก้คือเพิ่ม “Multitasking widget” ใน Control Center ซึ่งจะช่วยให้สลับโหมดการใช้งานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดเต็มหน้าจอที่เหมาะกับการดูสื่อบันเทิง, โหมด Windowed Apps ที่เหมาะกับการทำงานหลายแอปพร้อมกัน หรือโหมด Stage Manager ที่ช่วยจัดการ workspace ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเข้าใจการสลับโหมดเหล่านี้ iPad จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทั้งบันเทิงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/tablets/ipad/ipados-26s-window-management-is-confusing-heres-an-easy-trick-to-use-it-properly 🌐 NATO จับมือ Google Cloud สร้าง Sovereign Cloud ที่ปลอดภัย NATO ลงนามข้อตกลงครั้งใหญ่กับ Google Cloud เพื่อใช้บริการ Google Distributed Cloud (GDC) ซึ่งเป็นระบบ sovereign cloud แบบ air-gapped ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะการจัดการข้อมูลที่อ่อนไหวจากศูนย์ JATEC ที่เกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน จุดสำคัญคือ NATO จะสามารถควบคุมข้อมูลให้อยู่ในอาณาเขตของตนเองตามข้อกำหนดด้าน sovereignty และ compliance ข้อตกลงนี้ช่วยเร่งการปรับปรุงระบบดิจิทัลของ NATO และยังสะท้อนถึงการเติบโตของ Google Cloud ที่รายได้เพิ่มขึ้นกว่า 28% ในไตรมาสล่าสุด 🔗 https://www.techradar.com/pro/nato-signs-major-google-deal-to-ensure-secure-sovereign-cloud 📱 Android เตรียมรองรับ AirDrop มากขึ้น Google สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศว่า Android Quick Share จะสามารถทำงานร่วมกับ AirDrop ของ Apple ได้ ตอนนี้ใช้ได้เฉพาะ Pixel 10 แต่ Snapdragon ก็ออกมาบอกว่าจะรองรับในอนาคต ซึ่งหมายความว่าโทรศัพท์ Android รุ่นใหม่ ๆ อย่าง Samsung Galaxy S25 และ OnePlus 15 อาจใช้ฟีเจอร์นี้ได้ รวมถึง Nothing Phone 3 ที่ CEO ของ Nothing ยืนยันว่าจะนำมาใช้แน่นอน แม้ยังมีคำถามว่า Apple จะยอมให้ฟีเจอร์นี้ทำงานต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าไม่ถูกบล็อก นี่จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การแชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone และ Android ง่ายขึ้นมาก 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/loads-more-android-phones-could-soon-work-with-airdrop 🖥️ GMKtec เปิดตัว EVO-T2 Mini-PC รุ่นใหม่ พร้อมชิป Intel Panther Lake เรื่องราวนี้พูดถึงการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก EVO-T2 จาก GMKtec ที่สร้างความฮือฮาเพราะเป็นรุ่นแรกที่ใช้ชิป Panther Lake ของ Intel รุ่นใหม่ล่าสุด ตัวเครื่องรองรับหน่วยความจำสูงสุดถึง 128GB LPDDR5X และมีช่อง SSD สองช่องที่รวมกันได้ถึง 16TB จุดเด่นคือพลังการประมวลผลด้าน AI ที่สูงถึง 180 TOPS ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องใช้ AI หนัก ๆ ทั้งยังคงดีไซน์เรียบง่ายเหมือนรุ่นก่อน แต่เพิ่มประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด การเปิดตัวจริงคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/pro/gmktecs-next-mini-pc-will-be-the-first-to-feature-intel-panther-lake-and-some-other-seriously-impressive-specs 🛡️ นักวิจัยทดสอบ AI สร้างมัลแวร์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ทีมวิจัยจาก Netskope พยายามทดสอบว่าโมเดลภาษา AI อย่าง GPT-3.5 และ GPT-4 สามารถสร้างโค้ดมัลแวร์ที่ใช้งานได้จริงหรือไม่ ผลคือแม้ AI จะสร้างโค้ดออกมาได้ แต่เมื่อนำไปทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงกลับล้มเหลว ไม่เสถียร และทำงานผิดพลาดบ่อยครั้ง แม้ GPT-5 จะมีคุณภาพโค้ดที่ดีขึ้น แต่ก็มีระบบป้องกันที่ทำให้โค้ดไม่สามารถใช้โจมตีได้จริง เรื่องนี้สะท้อนว่า AI ยังไม่พร้อมสำหรับการสร้างมัลแวร์ที่ทำงานได้อย่างอัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/experts-tried-to-get-ai-to-create-malicious-security-threats-but-what-it-did-next-was-a-surprise-even-to-them ✨ Sam Altman และ Jony Ive เผยโฉมอุปกรณ์ AI ที่จะมอบ “บรรยากาศสงบ” ให้ผู้ใช้ Sam Altman ซีอีโอ OpenAI และ Jony Ive อดีตนักออกแบบจาก Apple กำลังพัฒนาอุปกรณ์ AI ภายใต้บริษัท IO ที่ตั้งใจให้แตกต่างจากเทคโนโลยีทั่วไป โดยจะเป็นอุปกรณ์ที่มีความเข้าใจบริบทชีวิตผู้ใช้ รู้ว่าเมื่อไรควรนำเสนอข้อมูล และสร้างบรรยากาศที่สงบเหมือนนั่งอยู่ในกระท่อมริมทะเลสาบ ไม่ใช่ความวุ่นวายแบบสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ทั้งคู่ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้จะเปิดตัวภายในสองปี และจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ “ยิ้มและรู้สึกมีความสุข” 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/sam-altman-and-jony-ive-ai-device-is-now-in-its-prototype-phase-and-its-vibe-is-defined 🎶 รีวิวเครื่องเล่นแผ่นเสียง Sony PS-LX310BT รุ่นราคาย่อมเยา ใช้ง่ายและดูดี เครื่องเล่นแผ่นเสียง Sony PS-LX310BT ถูกยกให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้เริ่มต้นเล่นแผ่นเสียง จุดเด่นคือราคาที่จับต้องได้และการใช้งานที่ง่าย เพียงกดปุ่มเล่นหรือหยุดโดยไม่ต้องยุ่งกับเข็มหรือโทนอาร์ม ดีไซน์เรียบหรูและรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth และ RCA แม้จะไม่มีช่อง 3.5 มม. และการตั้งค่าเริ่มต้นอาจดูยุ่งเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าเป็นเครื่องเล่นที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากสัมผัสโลกของเสียงจากแผ่นไวนิล 🔗 https://www.techradar.com/audio/turntables/i-tested-the-entry-level-turntable-that-everyone-raves-about-and-i-totally-get-it 🛍️ ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Shopping Research ช่วยค้นหาและเปรียบเทียบสินค้าให้คุณ OpenAI เพิ่มเครื่องมือใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่ช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคาได้โดยไม่ต้องเปิดหลายแท็บ เครื่องมือนี้สามารถสร้างคู่มือการซื้อที่ปรับตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น การหาของขวัญแปลกใหม่หรือทีวีที่เหมาะกับห้องสว่าง ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้ทั้งในแผนฟรีและแบบเสียเงิน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปีที่เข้าถึงได้แทบไม่จำกัด ถือเป็นการยกระดับ ChatGPT ให้กลายเป็นผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัวที่สะดวกและฉลาดขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-shopping-research-tool-compares-products-for-you-so-you-dont-have-to-open-20-tabs 🔒 ช่องโหว่ Windows Server ถูกแฮกเกอร์ใช้แพร่กระจายมัลแวร์ ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบช่องโหว่ใน Windows Server ที่ถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ไปยังระบบต่าง ๆ ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงและควบคุมเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง Microsoft ได้ออกคำเตือนและแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/windows-server-flaw-targeted-by-hackers-to-spread-malware-heres-what-we-know 📉 Cox Enterprises ถูกโจมตีข้อมูลจาก Oracle แต่ไม่เปิดเผยผู้ก่อเหตุ ox Enterprises บริษัทสื่อและโทรคมนาคมรายใหญ่ในสหรัฐฯ ยืนยันว่าถูกโจมตีข้อมูลผ่านระบบ Oracle แต่ยังไม่เปิดเผยว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือวิธีการที่ใช้ การโจมตีครั้งนี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าบางส่วนเสี่ยงต่อการรั่วไหล แม้บริษัทจะพยายามควบคุมสถานการณ์และเสริมมาตรการความปลอดภัย แต่การไม่เปิดเผยรายละเอียดก็สร้างความกังวลต่อผู้ใช้งานและนักลงทุน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cox-reveals-it-was-hit-by-oracle-data-breach-but-it-wont-name-who-carried-out-the-attack 📷 Kodak เปิดตัวกล้องฟิล์ม 35mm ราคาย่อมเยา กลับสู่ความคลาสสิก Kodak เปิดตัวกล้องฟิล์ม 35mm รุ่นใหม่ที่มีราคาย่อมเยาและดีไซน์ย้อนยุค เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในความคลาสสิกของการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม กล้องรุ่นนี้มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากสัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพแบบดั้งเดิม ถือเป็นการนำเสน่ห์ของฟิล์มกลับมาอีกครั้งในยุคดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/cameras/kodaks-affordable-35mm-film-camera-looks-like-a-black-or-white-blast-from-the-past 🤖 Disney เปิดตัวหุ่นยนต์ Olaf ที่สมจริงจนทำให้ผู้ชมขนลุก Disney สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยหุ่นยนต์ Olaf จาก Frozen ที่เคลื่อนไหวและแสดงออกได้อย่างสมจริง หุ่นยนต์นี้ถูกพัฒนาให้มีท่าทางและอารมณ์เหมือนตัวละครในภาพยนตร์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือน Olaf มีชีวิตจริง ๆ เทคโนโลยีนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ Disney ในการผสมผสานหุ่นยนต์เข้ากับความบันเทิง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการนำตัวละครอื่น ๆ มาสู่โลกจริงในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/streaming/entertainment/disneys-new-olaf-robot-is-so-real-itll-give-you-chills ✈️ Iberia สายการบินสเปนประกาศถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ Iberia สายการบินรายใหญ่ของสเปนแจ้งลูกค้าว่าถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารบางส่วนเสี่ยงต่อการรั่วไหล แม้บริษัทจะรีบดำเนินการแก้ไขและเสริมมาตรการความปลอดภัย แต่เหตุการณ์นี้ก็สร้างความกังวลต่อผู้โดยสารและอุตสาหกรรมการบินโดยรวม เพราะสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบดิจิทัลในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/iberia-tells-customers-it-was-hit-by-a-major-security-breach
    0 Comments 0 Shares 755 Views 0 Reviews
  • ศูนย์ข้อมูลในโรงเก็บของ ช่วยลดค่าไฟบ้านในอังกฤษ

    คู่สามีภรรยา Terrence และ Lesley Bridges จาก Essex ได้เข้าร่วมโครงการทดลองที่ชื่อว่า HeatHub ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks จุดประสงค์คือการหาวิธีใหม่ ๆ ให้ครัวเรือนรายได้น้อยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานแบบ net-zero ได้อย่างยั่งยืน

    HeatHub ที่ติดตั้งในโรงเก็บของหลังบ้านทำงานโดยใช้ Raspberry Pi จำนวน 56 เครื่อง ที่ประมวลผลข้อมูลจริงจากลูกค้า ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ถูกนำไปใช้กับระบบน้ำร้อนภายในบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครอบครัวลดลงเหลือเพียง £40 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับครัวเรือนทั่วไปในสหราชอาณาจักร

    แม้ระบบนี้จะไม่ถูกออกแบบมาสำหรับงาน AI หนัก ๆ แต่สามารถใช้รันแอปพลิเคชันหรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ และในอนาคตลูกค้าจะสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อประมวลผลข้อมูลผ่าน HeatHub ที่กระจายอยู่ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ซึ่งจะกลายเป็น ศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย (distributed data center)

    นอกจาก Thermify แล้ว ยังมีบริษัท Deep Green ที่ใช้แนวคิดคล้ายกัน โดยติดตั้งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% ของสระว่ายน้ำต่อปี ลดค่าแก๊สและการปล่อยคาร์บอนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    HeatHub ในโรงเก็บของหลังบ้านช่วยลดค่าไฟเหลือ £40/เดือน
    ใช้ Raspberry Pi 56 เครื่องในการประมวลผลและเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงานทำความร้อน

    เป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks
    มุ่งช่วยครัวเรือนรายได้น้อยเข้าสู่การใช้พลังงาน net-zero

    HeatHub จะกลายเป็นศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย
    ลูกค้าสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อใช้พลังประมวลผล

    Deep Green ใช้แนวคิดคล้ายกันในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา
    ครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% และลดการปล่อยคาร์บอน

    ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งเอง (DIY)
    บ้านทั่วไปมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและอาจเสี่ยงต่อการโอเวอร์โหลดหรือไฟไหม้

    ระบบหม้อไอน้ำทั่วไปไม่รองรับการทำงานร่วมกับ HeatHub
    อาจมีปัญหาด้านประกันภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงข่ายไฟฟ้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-couples-garden-shed-data-center-heats-home-and-cuts-bills
    🏡 ศูนย์ข้อมูลในโรงเก็บของ ช่วยลดค่าไฟบ้านในอังกฤษ คู่สามีภรรยา Terrence และ Lesley Bridges จาก Essex ได้เข้าร่วมโครงการทดลองที่ชื่อว่า HeatHub ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks จุดประสงค์คือการหาวิธีใหม่ ๆ ให้ครัวเรือนรายได้น้อยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานแบบ net-zero ได้อย่างยั่งยืน HeatHub ที่ติดตั้งในโรงเก็บของหลังบ้านทำงานโดยใช้ Raspberry Pi จำนวน 56 เครื่อง ที่ประมวลผลข้อมูลจริงจากลูกค้า ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ถูกนำไปใช้กับระบบน้ำร้อนภายในบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของครอบครัวลดลงเหลือเพียง £40 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับครัวเรือนทั่วไปในสหราชอาณาจักร แม้ระบบนี้จะไม่ถูกออกแบบมาสำหรับงาน AI หนัก ๆ แต่สามารถใช้รันแอปพลิเคชันหรือวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ และในอนาคตลูกค้าจะสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อประมวลผลข้อมูลผ่าน HeatHub ที่กระจายอยู่ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ซึ่งจะกลายเป็น ศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย (distributed data center) นอกจาก Thermify แล้ว ยังมีบริษัท Deep Green ที่ใช้แนวคิดคล้ายกัน โดยติดตั้งไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% ของสระว่ายน้ำต่อปี ลดค่าแก๊สและการปล่อยคาร์บอนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ HeatHub ในโรงเก็บของหลังบ้านช่วยลดค่าไฟเหลือ £40/เดือน ➡️ ใช้ Raspberry Pi 56 เครื่องในการประมวลผลและเปลี่ยนความร้อนเป็นพลังงานทำความร้อน ✅ เป็นส่วนหนึ่งของ SHIELD Project โดย UK Power Networks ➡️ มุ่งช่วยครัวเรือนรายได้น้อยเข้าสู่การใช้พลังงาน net-zero ✅ HeatHub จะกลายเป็นศูนย์ข้อมูลแบบกระจาย ➡️ ลูกค้าสามารถจ่ายเงินให้ Thermify เพื่อใช้พลังประมวลผล ✅ Deep Green ใช้แนวคิดคล้ายกันในสระว่ายน้ำและศูนย์กีฬา ➡️ ครอบคลุมความต้องการพลังงานมากกว่า 60% และลดการปล่อยคาร์บอน ‼️ ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งเอง (DIY) ⛔ บ้านทั่วไปมีข้อจำกัดด้านไฟฟ้าและอาจเสี่ยงต่อการโอเวอร์โหลดหรือไฟไหม้ ‼️ ระบบหม้อไอน้ำทั่วไปไม่รองรับการทำงานร่วมกับ HeatHub ⛔ อาจมีปัญหาด้านประกันภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงข่ายไฟฟ้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-couples-garden-shed-data-center-heats-home-and-cuts-bills
    0 Comments 0 Shares 367 Views 0 Reviews
  • หูฟัง 3D-printed Pro จาก Head(amame)

    Head(amame) ซึ่งเคยสร้างชื่อจากชุด DIY หูฟัง 3D-printed ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ชื่อ Head(amame) Pro ผ่าน Kickstarter จุดเด่นคือการผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม ใช้วัสดุ ASA-Kevlar และไดรเวอร์แก้วที่บางกว่าผมมนุษย์ ทำให้ได้เสียงที่มีความแข็งแรงและการสั่นสะเทือนที่แม่นยำ

    น้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย
    หูฟังรุ่น Pro มีน้ำหนักเพียง 280 กรัม มาพร้อม memory foam earpads หุ้มด้วยผ้า velour และสายคาดศีรษะที่โปร่งสบาย ไม่ต้องใช้แอมป์ สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเกมได้โดยตรง ถือเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งนักฟังเพลงและเกมเมอร์

    จุดขายสำคัญ
    แม้จะไม่ใช่ชุด DIY แต่ผู้สนับสนุนโครงการจะได้รับ ไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมแซมในอนาคต ทำให้หูฟังมีความยั่งยืนและสามารถใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีการผลิตโดย Pantheon Designs ซึ่งใช้เครื่อง FDM ระดับสูงเพื่อให้ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ

    การตอบรับและอนาคต
    หูฟัง Head(amame) Pro ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากงาน CanJam Dallas และคาดว่าจะมีรีวิวจากนักฟังเพลงระดับ Hi-Fi ออกมาเร็ว ๆ นี้ บริษัทมีแผนจะอัปเดตไฟล์สำหรับผู้ที่เคยซื้อชุด DIY ในปี 2026 เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่

    สรุปสาระสำคัญ
    Head(amame) เปิดตัวหูฟัง Pro บน Kickstarter
    ใช้ไดรเวอร์แก้วและโครง Kevlar ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม

    น้ำหนักเบาและใช้งานง่าย
    280 กรัม พร้อม memory foam earpads และไม่ต้องใช้แอมป์

    ความยั่งยืนและซ่อมแซมได้
    ผู้สนับสนุนได้รับไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมในอนาคต

    การตอบรับจากวงการ Hi-Fi
    ได้รับเสียงชื่นชมจากงาน CanJam Dallas และรีวิวกำลังจะตามมา

    ความท้าทายด้านคุณภาพการผลิต DIY รุ่นก่อนหน้า
    คุณภาพขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์และทักษะผู้ใช้ ทำให้ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ

    ราคาสูงกว่าชุด DIY เดิม
    รุ่น Pro เริ่มต้นที่ $319 ซึ่งแพงกว่าชุด DIY ที่ $55–130

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-headphones-go-pro-head-amame-launches-kickstarter-for-premium-glass-and-kevlar-headphones
    🎧 หูฟัง 3D-printed Pro จาก Head(amame) Head(amame) ซึ่งเคยสร้างชื่อจากชุด DIY หูฟัง 3D-printed ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ชื่อ Head(amame) Pro ผ่าน Kickstarter จุดเด่นคือการผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม ใช้วัสดุ ASA-Kevlar และไดรเวอร์แก้วที่บางกว่าผมมนุษย์ ทำให้ได้เสียงที่มีความแข็งแรงและการสั่นสะเทือนที่แม่นยำ 🪶 น้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย หูฟังรุ่น Pro มีน้ำหนักเพียง 280 กรัม มาพร้อม memory foam earpads หุ้มด้วยผ้า velour และสายคาดศีรษะที่โปร่งสบาย ไม่ต้องใช้แอมป์ สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเกมได้โดยตรง ถือเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ทั้งนักฟังเพลงและเกมเมอร์ 💡 จุดขายสำคัญ แม้จะไม่ใช่ชุด DIY แต่ผู้สนับสนุนโครงการจะได้รับ ไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมแซมในอนาคต ทำให้หูฟังมีความยั่งยืนและสามารถใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีการผลิตโดย Pantheon Designs ซึ่งใช้เครื่อง FDM ระดับสูงเพื่อให้ได้คุณภาพที่สม่ำเสมอ 🔮 การตอบรับและอนาคต หูฟัง Head(amame) Pro ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากงาน CanJam Dallas และคาดว่าจะมีรีวิวจากนักฟังเพลงระดับ Hi-Fi ออกมาเร็ว ๆ นี้ บริษัทมีแผนจะอัปเดตไฟล์สำหรับผู้ที่เคยซื้อชุด DIY ในปี 2026 เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Head(amame) เปิดตัวหูฟัง Pro บน Kickstarter ➡️ ใช้ไดรเวอร์แก้วและโครง Kevlar ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ระดับอุตสาหกรรม ✅ น้ำหนักเบาและใช้งานง่าย ➡️ 280 กรัม พร้อม memory foam earpads และไม่ต้องใช้แอมป์ ✅ ความยั่งยืนและซ่อมแซมได้ ➡️ ผู้สนับสนุนได้รับไฟล์โมเดล 3D สำหรับการซ่อมในอนาคต ✅ การตอบรับจากวงการ Hi-Fi ➡️ ได้รับเสียงชื่นชมจากงาน CanJam Dallas และรีวิวกำลังจะตามมา ‼️ ความท้าทายด้านคุณภาพการผลิต DIY รุ่นก่อนหน้า ⛔ คุณภาพขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์และทักษะผู้ใช้ ทำให้ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ ‼️ ราคาสูงกว่าชุด DIY เดิม ⛔ รุ่น Pro เริ่มต้นที่ $319 ซึ่งแพงกว่าชุด DIY ที่ $55–130 https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-headphones-go-pro-head-amame-launches-kickstarter-for-premium-glass-and-kevlar-headphones
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/HMoxqcpGmNg?si=snLSegADiYRa_6Tt
    https://youtu.be/HMoxqcpGmNg?si=snLSegADiYRa_6Tt
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • Samsung DDR5 ราคาพุ่งทะยาน 3 เท่าในเกาหลีใต้

    รายงานจาก Wccftech ระบุว่าในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ราคาของโมดูล Samsung DDR5-5600 ขนาด 16GB ในตลาด DIY ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า จากเดิมราว US$47 (69,246 วอน) ในเดือนสิงหาคม ขึ้นไปถึง US$142 (208,090 วอน) ในเดือนพฤศจิกายน 2025 โดยบางร้านขายสูงถึง US$148 เลยทีเดียว.

    สาเหตุของการพุ่งขึ้น
    การเพิ่มขึ้นของราคามีสาเหตุหลักจาก ความต้องการด้าน AI ที่ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัวทั่วโลก ผู้จัดจำหน่ายบางรายถึงขั้น “บังคับ” ให้ลูกค้าซื้อเมนบอร์ดควบคู่กับโมดูล DRAM เพื่อให้ได้สินค้า นอกจากนี้ยังมีการขาดแคลน DRAM ที่กระทบต่อทั้ง PC, mini PC, pre-built systems และ GPU ทำให้ราคาสินค้าอื่น ๆ ที่ใช้หน่วยความจำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย.

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดโลก
    ในตลาดอื่น ๆ ราคาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะไม่รุนแรงเท่าเกาหลีใต้ โดยโมดูล DDR5 บางรุ่นในสหรัฐฯ เช่น Corsair Vengeance RGB 16GB 5200 MT/s ก็ถูกขายที่ US$125 บน Amazon การขาดแคลนนี้ยังส่งผลให้ AMD ประกาศขึ้นราคาการ์ดจออีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน หลังจากเพิ่งปรับขึ้นไปแล้วในเดือนตุลาคม.

    แนวโน้มในอนาคต
    นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะยังคงสูงต่อไปจนกว่าความต้องการด้าน AI จะเริ่มชะลอตัว และการผลิต DRAM จะกลับมาสมดุล หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องจ่ายแพงขึ้นมากเพื่ออัปเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์ แม้เพียงแค่โมดูลพื้นฐานที่เคยราคาถูก.

    สรุปสาระสำคัญ
    ราคาของ Samsung DDR5-5600 16GB ในเกาหลีใต้
    เพิ่มจาก US$47 เป็น US$142 ภายใน 3 เดือน
    บางร้านขายสูงถึง US$148

    สาเหตุของการขึ้นราคา
    ความต้องการด้าน AI ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัว
    ผู้จัดจำหน่ายบางรายบังคับขายพ่วงเมนบอร์ด

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสินค้าอื่น เช่น GPU และ mini PC เพิ่มขึ้นตาม
    Corsair Vengeance RGB 16GB ถูกขายที่ US$125 ในสหรัฐฯ

    แนวโน้มในอนาคต
    ราคายังสูงจนกว่าความต้องการ AI จะลดลง
    การผลิต DRAM ต้องกลับมาสมดุลเพื่อแก้ปัญหา

    https://wccftech.com/within-three-months-samsung-ddr5-5600-16-gb-module-price-rose-by-3x-in-south-korea/
    💹 Samsung DDR5 ราคาพุ่งทะยาน 3 เท่าในเกาหลีใต้ รายงานจาก Wccftech ระบุว่าในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ราคาของโมดูล Samsung DDR5-5600 ขนาด 16GB ในตลาด DIY ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า จากเดิมราว US$47 (69,246 วอน) ในเดือนสิงหาคม ขึ้นไปถึง US$142 (208,090 วอน) ในเดือนพฤศจิกายน 2025 โดยบางร้านขายสูงถึง US$148 เลยทีเดียว. 📈 สาเหตุของการพุ่งขึ้น การเพิ่มขึ้นของราคามีสาเหตุหลักจาก ความต้องการด้าน AI ที่ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัวทั่วโลก ผู้จัดจำหน่ายบางรายถึงขั้น “บังคับ” ให้ลูกค้าซื้อเมนบอร์ดควบคู่กับโมดูล DRAM เพื่อให้ได้สินค้า นอกจากนี้ยังมีการขาดแคลน DRAM ที่กระทบต่อทั้ง PC, mini PC, pre-built systems และ GPU ทำให้ราคาสินค้าอื่น ๆ ที่ใช้หน่วยความจำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย. 🖥️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดโลก ในตลาดอื่น ๆ ราคาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะไม่รุนแรงเท่าเกาหลีใต้ โดยโมดูล DDR5 บางรุ่นในสหรัฐฯ เช่น Corsair Vengeance RGB 16GB 5200 MT/s ก็ถูกขายที่ US$125 บน Amazon การขาดแคลนนี้ยังส่งผลให้ AMD ประกาศขึ้นราคาการ์ดจออีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน หลังจากเพิ่งปรับขึ้นไปแล้วในเดือนตุลาคม. ⚠️ แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะยังคงสูงต่อไปจนกว่าความต้องการด้าน AI จะเริ่มชะลอตัว และการผลิต DRAM จะกลับมาสมดุล หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องจ่ายแพงขึ้นมากเพื่ออัปเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์ แม้เพียงแค่โมดูลพื้นฐานที่เคยราคาถูก. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ราคาของ Samsung DDR5-5600 16GB ในเกาหลีใต้ ➡️ เพิ่มจาก US$47 เป็น US$142 ภายใน 3 เดือน ➡️ บางร้านขายสูงถึง US$148 ✅ สาเหตุของการขึ้นราคา ➡️ ความต้องการด้าน AI ทำให้ตลาด DRAM ตึงตัว ➡️ ผู้จัดจำหน่ายบางรายบังคับขายพ่วงเมนบอร์ด ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาสินค้าอื่น เช่น GPU และ mini PC เพิ่มขึ้นตาม ➡️ Corsair Vengeance RGB 16GB ถูกขายที่ US$125 ในสหรัฐฯ ✅ แนวโน้มในอนาคต ➡️ ราคายังสูงจนกว่าความต้องการ AI จะลดลง ➡️ การผลิต DRAM ต้องกลับมาสมดุลเพื่อแก้ปัญหา https://wccftech.com/within-three-months-samsung-ddr5-5600-16-gb-module-price-rose-by-3x-in-south-korea/
    WCCFTECH.COM
    Within Three Months, Samsung DDR5-5600 16 GB Module Price Rose By 3X In South Korea
    Samsung's DDR5-5600 16 GB module price have risen sharply in the last months in South Korea, bringing the price to 208,090 Won.
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 Reviews
  • NVMe Destroyinator: เครื่องลบข้อมูลความเร็วสูง

    อุปกรณ์ NVMe Destroyinator ถูกออกแบบมาเพื่อการ ลบข้อมูลอย่างปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยสามารถจัดการไดรฟ์หลายประเภท เช่น M.2, E1.S EDSFF และไดรฟ์ 2.5 นิ้ว ทั้งแบบ SATA, SAS และ NVMe จุดเด่นคือสามารถลบข้อมูลได้พร้อมกันถึง 16 ไดรฟ์ในเวลาเดียวกัน และสร้าง ใบรับรองการลบข้อมูล (tamper-proof certificates) เพื่อยืนยันการทำงานตามมาตรฐานสากล เช่น HIPAA, NIST 800-88 และ U.S. DoD

    ความเร็วและฟีเจอร์
    Destroyinator ใช้ระบบที่ติดตั้ง Linux Mint และซอฟต์แวร์ KillDisk ทำให้สามารถลบข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 64 GB/s พร้อมฟังก์ชัน Hot-swap ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนไดรฟ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังมีระบบอัตโนมัติในการพิมพ์ใบรับรองและการโคลนไดรฟ์เพื่อการใช้งานต่อ

    การใช้งานในตลาด
    อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับ บริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที (IT e-recyclers) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูล ที่ต้องการลบข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วและตรวจสอบได้ นอกจากการทำลายข้อมูลแล้ว ยังช่วยให้สามารถนำไดรฟ์ไปขายต่อได้โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล

    ข้อควรระวัง
    แม้ Destroyinator จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากราคาสูงและการใช้งานที่ซับซ้อน ผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบ DIY หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญแทน

    สรุปสาระสำคัญ
    คุณสมบัติหลักของ NVMe Destroyinator
    ลบข้อมูลได้พร้อมกันสูงสุด 16 ไดรฟ์
    ความเร็วสูงสุด 64 GB/s
    รองรับ NVMe, SATA และ SAS

    ฟีเจอร์เสริม
    สร้างใบรับรองการลบข้อมูลที่ตรวจสอบได้
    ระบบ Hot-swap และการโคลนไดรฟ์
    ใช้ Linux Mint และ KillDisk

    การใช้งานในตลาด
    เหมาะสำหรับบริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที
    ช่วยให้สามารถขายต่อไดรฟ์ได้โดยปลอดภัย

    ข้อควรระวัง
    ราคาสูง ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
    การใช้งานซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
    ผู้ใช้ทั่วไปควรเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบอื่นที่ง่ายกว่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nvme-destroyinator-can-wipe-16-nvme-drives-simultaneously-at-speeds-up-to-64-gb-s-it-could-be-the-data-shredder-of-your-dreams-or-nightmares
    🗜️ NVMe Destroyinator: เครื่องลบข้อมูลความเร็วสูง อุปกรณ์ NVMe Destroyinator ถูกออกแบบมาเพื่อการ ลบข้อมูลอย่างปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยสามารถจัดการไดรฟ์หลายประเภท เช่น M.2, E1.S EDSFF และไดรฟ์ 2.5 นิ้ว ทั้งแบบ SATA, SAS และ NVMe จุดเด่นคือสามารถลบข้อมูลได้พร้อมกันถึง 16 ไดรฟ์ในเวลาเดียวกัน และสร้าง ใบรับรองการลบข้อมูล (tamper-proof certificates) เพื่อยืนยันการทำงานตามมาตรฐานสากล เช่น HIPAA, NIST 800-88 และ U.S. DoD ⚡ ความเร็วและฟีเจอร์ Destroyinator ใช้ระบบที่ติดตั้ง Linux Mint และซอฟต์แวร์ KillDisk ทำให้สามารถลบข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 64 GB/s พร้อมฟังก์ชัน Hot-swap ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนไดรฟ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังมีระบบอัตโนมัติในการพิมพ์ใบรับรองและการโคลนไดรฟ์เพื่อการใช้งานต่อ 🌍 การใช้งานในตลาด อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับ บริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที (IT e-recyclers) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูล ที่ต้องการลบข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วและตรวจสอบได้ นอกจากการทำลายข้อมูลแล้ว ยังช่วยให้สามารถนำไดรฟ์ไปขายต่อได้โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล ⚠️ ข้อควรระวัง แม้ Destroyinator จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากราคาสูงและการใช้งานที่ซับซ้อน ผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบ DIY หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญแทน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คุณสมบัติหลักของ NVMe Destroyinator ➡️ ลบข้อมูลได้พร้อมกันสูงสุด 16 ไดรฟ์ ➡️ ความเร็วสูงสุด 64 GB/s ➡️ รองรับ NVMe, SATA และ SAS ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ สร้างใบรับรองการลบข้อมูลที่ตรวจสอบได้ ➡️ ระบบ Hot-swap และการโคลนไดรฟ์ ➡️ ใช้ Linux Mint และ KillDisk ✅ การใช้งานในตลาด ➡️ เหมาะสำหรับบริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที ➡️ ช่วยให้สามารถขายต่อไดรฟ์ได้โดยปลอดภัย ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคาสูง ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ การใช้งานซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปควรเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบอื่นที่ง่ายกว่า https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nvme-destroyinator-can-wipe-16-nvme-drives-simultaneously-at-speeds-up-to-64-gb-s-it-could-be-the-data-shredder-of-your-dreams-or-nightmares
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • Samsung ขึ้นราคาชิปหน่วยความจำ

    รายงานระบุว่า Samsung ได้ปรับราคาชิปหน่วยความจำขึ้นมากถึง 60% ตั้งแต่เดือนกันยายน โดยเฉพาะ DDR5 ขนาด 32GB ที่ราคาสัญญาเพิ่มจาก 149 ดอลลาร์ เป็น 239 ดอลลาร์ การปรับขึ้นครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากตลาดที่ต้องการหน่วยความจำจำนวนมากเพื่อรองรับการประมวลผล AI

    AI Data Center จุดชนวนความต้องการ
    การสร้างศูนย์ข้อมูล AI ทั่วโลกเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ความต้องการหน่วยความจำพุ่งสูง ผู้ผลิตไม่เร่งเพิ่มกำลังการผลิต เพราะกังวลว่าความต้องการอาจลดลงในอนาคต ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม
    ราคาที่สูงขึ้นไม่ได้กระทบแค่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ DIY แต่ยังส่งผลต่อ สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ต้องใช้ DRAM และ NAND การขาดแคลนทำให้บางตลาดเกิดการ “panic buying” หรือการสั่งซื้อเกินความต้องการเพื่อกักตุนสินค้า

    แนวโน้มในอนาคต
    นักวิเคราะห์เตือนว่าภาวะขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และอาจกินเวลานานถึง 10 ปี หากอุตสาหกรรมยังไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันกับการเติบโตของ AI ที่ต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมหาศาล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Samsung ปรับขึ้นราคาชิปหน่วยความจำสูงสุด 60%
    DDR5 32GB ราคาพุ่งจาก 149 ดอลลาร์เป็น 239 ดอลลาร์

    AI Data Center เป็นตัวการหลัก
    ความต้องการหน่วยความจำเพิ่มขึ้นมหาศาลจากการสร้างศูนย์ข้อมูล AI

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม
    สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะได้รับผลกระทบ

    ความเสี่ยงจากการขาดแคลนยาวนาน
    อาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และกินเวลานานถึง 10 ปี

    การกักตุนสินค้า (panic buying)
    ทำให้ตลาดตึงเครียดและราคายิ่งพุ่งสูงขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/samsung-raises-memory-chip-prices-by-up-to-60-percent-since-september-according-to-reports-ai-data-center-build-out-strangles-supply
    💾 Samsung ขึ้นราคาชิปหน่วยความจำ รายงานระบุว่า Samsung ได้ปรับราคาชิปหน่วยความจำขึ้นมากถึง 60% ตั้งแต่เดือนกันยายน โดยเฉพาะ DDR5 ขนาด 32GB ที่ราคาสัญญาเพิ่มจาก 149 ดอลลาร์ เป็น 239 ดอลลาร์ การปรับขึ้นครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากตลาดที่ต้องการหน่วยความจำจำนวนมากเพื่อรองรับการประมวลผล AI 🏗️ AI Data Center จุดชนวนความต้องการ การสร้างศูนย์ข้อมูล AI ทั่วโลกเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ความต้องการหน่วยความจำพุ่งสูง ผู้ผลิตไม่เร่งเพิ่มกำลังการผลิต เพราะกังวลว่าความต้องการอาจลดลงในอนาคต ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง 📈 ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม ราคาที่สูงขึ้นไม่ได้กระทบแค่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ DIY แต่ยังส่งผลต่อ สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ต้องใช้ DRAM และ NAND การขาดแคลนทำให้บางตลาดเกิดการ “panic buying” หรือการสั่งซื้อเกินความต้องการเพื่อกักตุนสินค้า 🔮 แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์เตือนว่าภาวะขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และอาจกินเวลานานถึง 10 ปี หากอุตสาหกรรมยังไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันกับการเติบโตของ AI ที่ต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมหาศาล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Samsung ปรับขึ้นราคาชิปหน่วยความจำสูงสุด 60% ➡️ DDR5 32GB ราคาพุ่งจาก 149 ดอลลาร์เป็น 239 ดอลลาร์ ✅ AI Data Center เป็นตัวการหลัก ➡️ ความต้องการหน่วยความจำเพิ่มขึ้นมหาศาลจากการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม ➡️ สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะได้รับผลกระทบ ‼️ ความเสี่ยงจากการขาดแคลนยาวนาน ⛔ อาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และกินเวลานานถึง 10 ปี ‼️ การกักตุนสินค้า (panic buying) ⛔ ทำให้ตลาดตึงเครียดและราคายิ่งพุ่งสูงขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/samsung-raises-memory-chip-prices-by-up-to-60-percent-since-september-according-to-reports-ai-data-center-build-out-strangles-supply
    0 Comments 0 Shares 343 Views 0 Reviews
  • อนาคตของ PC ไร้สาย – BTF 3.0

    DIY-APE ได้เปิดตัวมาตรฐานใหม่ชื่อ BTF 3.0 (Back to Future) ที่ตั้งเป้าจะทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์ไร้สายจริง ๆ โดยใช้ คอนเน็กเตอร์ 50-pin เดียว ที่สามารถส่งพลังงานได้สูงสุดถึง 2,145W เพียงพอสำหรับ CPU และ GPU รุ่นใหญ่ในปัจจุบัน จุดเด่นคือการรวมสายไฟทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้เครื่องดูสะอาดและง่ายต่อการประกอบ

    นอกจากนั้น BTF 3.0 ยังออกแบบให้รองรับ backward compatibility และมีอุปกรณ์เสริมสำหรับ GPU ที่ยังไม่รองรับมาตรฐานนี้ เช่น อะแดปเตอร์แบบมุมฉากเพื่อเชื่อมต่อสาย PCIe เข้ากับบอร์ดใหม่ ถือเป็นแนวคิดที่อาจเปลี่ยนวิธีการประกอบคอมพิวเตอร์ในอนาคต

    จุดเด่นของ BTF 3.0
    ใช้คอนเน็กเตอร์ 50-pin เดียว รองรับไฟสูงสุด 2,145W
    ลดสายไฟ ทำให้เครื่องดูสะอาดและง่ายต่อการประกอบ

    ความเข้ากันได้
    รองรับ GPU รุ่นเก่าผ่านอะแดปเตอร์
    ใช้ร่วมกับ ATX 3.0/3.1 ได้

    ข้อควรระวัง
    ยังเป็นเพียงต้นแบบ ต้องรอผู้ผลิตจริงนำไปใช้
    ความร้อนและความปลอดภัยของคอนเน็กเตอร์ยังเป็นประเด็นที่ต้องทดสอบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/btf-3-0-reveals-the-future-of-cable-less-pc-builds-single-50-pin-connector-supports-up-to-2-145-watts-to-power-a-cpu-and-gpu
    🔌อนาคตของ PC ไร้สาย – BTF 3.0 DIY-APE ได้เปิดตัวมาตรฐานใหม่ชื่อ BTF 3.0 (Back to Future) ที่ตั้งเป้าจะทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์ไร้สายจริง ๆ โดยใช้ คอนเน็กเตอร์ 50-pin เดียว ที่สามารถส่งพลังงานได้สูงสุดถึง 2,145W เพียงพอสำหรับ CPU และ GPU รุ่นใหญ่ในปัจจุบัน จุดเด่นคือการรวมสายไฟทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้เครื่องดูสะอาดและง่ายต่อการประกอบ นอกจากนั้น BTF 3.0 ยังออกแบบให้รองรับ backward compatibility และมีอุปกรณ์เสริมสำหรับ GPU ที่ยังไม่รองรับมาตรฐานนี้ เช่น อะแดปเตอร์แบบมุมฉากเพื่อเชื่อมต่อสาย PCIe เข้ากับบอร์ดใหม่ ถือเป็นแนวคิดที่อาจเปลี่ยนวิธีการประกอบคอมพิวเตอร์ในอนาคต ✅ จุดเด่นของ BTF 3.0 ➡️ ใช้คอนเน็กเตอร์ 50-pin เดียว รองรับไฟสูงสุด 2,145W ➡️ ลดสายไฟ ทำให้เครื่องดูสะอาดและง่ายต่อการประกอบ ✅ ความเข้ากันได้ ➡️ รองรับ GPU รุ่นเก่าผ่านอะแดปเตอร์ ➡️ ใช้ร่วมกับ ATX 3.0/3.1 ได้ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังเป็นเพียงต้นแบบ ต้องรอผู้ผลิตจริงนำไปใช้ ⛔ ความร้อนและความปลอดภัยของคอนเน็กเตอร์ยังเป็นประเด็นที่ต้องทดสอบ https://www.tomshardware.com/pc-components/btf-3-0-reveals-the-future-of-cable-less-pc-builds-single-50-pin-connector-supports-up-to-2-145-watts-to-power-a-cpu-and-gpu
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • "ฮอตด็อกไฟฟ้า" กลายเป็นเครื่องทดสอบ LED สุดพิสดาร

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจะทดสอบหลอด LED แต่แทนที่จะใช้บอร์ดวงจรหรืออุปกรณ์มาตรฐาน คุณกลับหยิบ ฮอตด็อก มาทำหน้าที่เป็นตัวกลางไฟฟ้า! นี่คือสิ่งที่ Ian Dunn นักทำโปรเจกต์ DIY ส่งเข้าประกวดในงาน Hackaday Component Abuse Challenge 2025 ที่เน้นความ "เพี้ยน" และความคิดสร้างสรรค์เหนือเหตุผล

    เขาใช้เพียง สายไฟ, สองส้อม, และฮอตด็อกหนึ่งชิ้น เชื่อมต่อกับไฟบ้าน 120 โวลต์ AC แล้วเสียบ LED ลงไปในเนื้อไส้กรอก ผลลัพธ์คือ LED ติดสว่าง และในเวลาเดียวกันฮอตด็อกก็สุกพร้อมกินภายใน 2 นาที!

    แม้จะฟังดูตลกและสร้างสรรค์ แต่ก็มีข้อควรระวังมากมาย เพราะนี่ไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยสำหรับการทดสอบ LED หรือการทำอาหารแต่อย่างใด

    นอกเหนือจากข่าวนี้ ยังมีการทดลองคล้าย ๆ กันในอดีต เช่น TechTuber Big Clive เคยทดสอบเครื่องทำฮอตด็อกไฟฟ้า 120V บนระบบไฟ 240V เพื่อดูผลลัพธ์การสุกที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า "การเล่นกับไฟฟ้าและอาหาร" เป็นสิ่งที่นักทดลองสาย DIY มักหยิบมาเล่นเพื่อความบันเทิง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำจริงในชีวิตประจำวัน

    https://www.tomshardware.com/maker-stem/frankly-dangerous-hot-dog-based-led-tester-could-be-a-weiner-in-the-2025-hackaday-component-abuse-challenge
    🌭⚡ "ฮอตด็อกไฟฟ้า" กลายเป็นเครื่องทดสอบ LED สุดพิสดาร ลองจินตนาการว่าคุณกำลังจะทดสอบหลอด LED แต่แทนที่จะใช้บอร์ดวงจรหรืออุปกรณ์มาตรฐาน คุณกลับหยิบ ฮอตด็อก มาทำหน้าที่เป็นตัวกลางไฟฟ้า! นี่คือสิ่งที่ Ian Dunn นักทำโปรเจกต์ DIY ส่งเข้าประกวดในงาน Hackaday Component Abuse Challenge 2025 ที่เน้นความ "เพี้ยน" และความคิดสร้างสรรค์เหนือเหตุผล เขาใช้เพียง สายไฟ, สองส้อม, และฮอตด็อกหนึ่งชิ้น เชื่อมต่อกับไฟบ้าน 120 โวลต์ AC แล้วเสียบ LED ลงไปในเนื้อไส้กรอก ผลลัพธ์คือ LED ติดสว่าง และในเวลาเดียวกันฮอตด็อกก็สุกพร้อมกินภายใน 2 นาที! แม้จะฟังดูตลกและสร้างสรรค์ แต่ก็มีข้อควรระวังมากมาย เพราะนี่ไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยสำหรับการทดสอบ LED หรือการทำอาหารแต่อย่างใด นอกเหนือจากข่าวนี้ ยังมีการทดลองคล้าย ๆ กันในอดีต เช่น TechTuber Big Clive เคยทดสอบเครื่องทำฮอตด็อกไฟฟ้า 120V บนระบบไฟ 240V เพื่อดูผลลัพธ์การสุกที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า "การเล่นกับไฟฟ้าและอาหาร" เป็นสิ่งที่นักทดลองสาย DIY มักหยิบมาเล่นเพื่อความบันเทิง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำจริงในชีวิตประจำวัน https://www.tomshardware.com/maker-stem/frankly-dangerous-hot-dog-based-led-tester-could-be-a-weiner-in-the-2025-hackaday-component-abuse-challenge
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • “แก้ปริศนา 32 ปี! ช่างอิเล็กทรอนิกส์ย้อนรอยโปรเจกต์ Amiga Sampler ที่เคยล้มเหลว”

    เรื่องราวสุดประทับใจของ Rob Smith ผู้หลงใหลในคอมพิวเตอร์ Amiga และอิเล็กทรอนิกส์ DIY เขาย้อนกลับไปแก้ไขโปรเจกต์เก่าจากปี 1993 ที่เคยทำไม่สำเร็จ—การสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga ตามคู่มือจากนิตยสาร CU Amiga ซึ่งภายหลังพบว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญในสเปกอุปกรณ์!

    ย้อนกลับไปในยุค 90s Rob Smith เคยพยายามสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga โดยอิงจากคู่มือในนิตยสาร CU Amiga ฉบับที่ 039 แต่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ อุปกรณ์กลับไม่ทำงาน และยังทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ค้างเมื่อใช้งาน เขาจึงต้องยอมแพ้และเก็บชิ้นส่วนไว้เป็นที่ระลึก

    32 ปีผ่านไป ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่เพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจกลับมาทำโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมและคู่มือเดิม ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม—อุปกรณ์ไม่ทำงาน! จนกระทั่งเขาค้นพบว่าในคู่มือมีการพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ที่ควรเป็น 47uF แต่กลับพิมพ์ว่า 7uF

    หลังจากเปลี่ยนคาปาซิเตอร์แล้ว อุปกรณ์ก็ยังไม่ทำงาน เขาจึงตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา (clock signal) และพบว่าความถี่ต่ำผิดปกติ จากนั้นจึงเปลี่ยนคาปาซิเตอร์อีกตัวจาก 470nF เป็น 20pF ซึ่งช่วยเพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz และทำให้อุปกรณ์ทำงานได้จริงกับซอฟต์แวร์อย่าง ProTracker และ Audition 4

    โปรเจกต์ DIY Amiga Sampler
    เริ่มต้นในปี 1993 โดยใช้คู่มือจาก CU Amiga ฉบับที่ 039
    อุปกรณ์ไม่ทำงานแม้ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
    กลับมาทำใหม่ในปี 2025 ด้วยประสบการณ์และความรู้เพิ่มขึ้น

    การค้นพบข้อผิดพลาด
    คู่มือพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1
    ควรใช้ 47uF แต่กลับระบุเป็น 7uF
    CU Amiga ฉบับที่ 040 มีการแก้ไขและชี้แจง

    การแก้ไขเพิ่มเติม
    ตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา พบว่าความถี่ต่ำเกินไป
    เปลี่ยนคาปาซิเตอร์จาก 470nF เป็น 20pF
    เพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz
    อุปกรณ์เริ่มทำงานกับซอฟต์แวร์ Amiga ได้สำเร็จ

    ความสำเร็จของโปรเจกต์
    ใช้งานได้กับ ProTracker และ Audition 4
    แสดงผล waveform บนหน้าจอ Amiga
    เป็นการแก้ไขโปรเจกต์ในวัยเด็กอย่างสมบูรณ์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/sound-cards/diy-amiga-sound-sampler-circuit-mystery-solved-32-years-later-magazine-instructions-had-key-component-spec-typos
    🎛️ “แก้ปริศนา 32 ปี! ช่างอิเล็กทรอนิกส์ย้อนรอยโปรเจกต์ Amiga Sampler ที่เคยล้มเหลว” เรื่องราวสุดประทับใจของ Rob Smith ผู้หลงใหลในคอมพิวเตอร์ Amiga และอิเล็กทรอนิกส์ DIY เขาย้อนกลับไปแก้ไขโปรเจกต์เก่าจากปี 1993 ที่เคยทำไม่สำเร็จ—การสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga ตามคู่มือจากนิตยสาร CU Amiga ซึ่งภายหลังพบว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญในสเปกอุปกรณ์! ย้อนกลับไปในยุค 90s Rob Smith เคยพยายามสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga โดยอิงจากคู่มือในนิตยสาร CU Amiga ฉบับที่ 039 แต่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ อุปกรณ์กลับไม่ทำงาน และยังทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ค้างเมื่อใช้งาน เขาจึงต้องยอมแพ้และเก็บชิ้นส่วนไว้เป็นที่ระลึก 32 ปีผ่านไป ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่เพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจกลับมาทำโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมและคู่มือเดิม ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม—อุปกรณ์ไม่ทำงาน! จนกระทั่งเขาค้นพบว่าในคู่มือมีการพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ที่ควรเป็น 47uF แต่กลับพิมพ์ว่า 7uF หลังจากเปลี่ยนคาปาซิเตอร์แล้ว อุปกรณ์ก็ยังไม่ทำงาน เขาจึงตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา (clock signal) และพบว่าความถี่ต่ำผิดปกติ จากนั้นจึงเปลี่ยนคาปาซิเตอร์อีกตัวจาก 470nF เป็น 20pF ซึ่งช่วยเพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz และทำให้อุปกรณ์ทำงานได้จริงกับซอฟต์แวร์อย่าง ProTracker และ Audition 4 ✅ โปรเจกต์ DIY Amiga Sampler ➡️ เริ่มต้นในปี 1993 โดยใช้คู่มือจาก CU Amiga ฉบับที่ 039 ➡️ อุปกรณ์ไม่ทำงานแม้ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ➡️ กลับมาทำใหม่ในปี 2025 ด้วยประสบการณ์และความรู้เพิ่มขึ้น ✅ การค้นพบข้อผิดพลาด ➡️ คู่มือพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ➡️ ควรใช้ 47uF แต่กลับระบุเป็น 7uF ➡️ CU Amiga ฉบับที่ 040 มีการแก้ไขและชี้แจง ✅ การแก้ไขเพิ่มเติม ➡️ ตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา พบว่าความถี่ต่ำเกินไป ➡️ เปลี่ยนคาปาซิเตอร์จาก 470nF เป็น 20pF ➡️ เพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz ➡️ อุปกรณ์เริ่มทำงานกับซอฟต์แวร์ Amiga ได้สำเร็จ ✅ ความสำเร็จของโปรเจกต์ ➡️ ใช้งานได้กับ ProTracker และ Audition 4 ➡️ แสดงผล waveform บนหน้าจอ Amiga ➡️ เป็นการแก้ไขโปรเจกต์ในวัยเด็กอย่างสมบูรณ์ https://www.tomshardware.com/pc-components/sound-cards/diy-amiga-sound-sampler-circuit-mystery-solved-32-years-later-magazine-instructions-had-key-component-spec-typos
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    DIY Amiga sound sampler circuit mystery solved 32 years later — Magazine instructions had key component spec typos
    An electronics enthusiast remade a 1993 DIY project from his youth, but hard-earned skills and experience ironed out errors in the printed instructions.
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • โปรเจกต์สุดล้ำ! เปลี่ยนขยะบุหรี่ไฟฟ้า 500 ชิ้นให้กลายเป็นแบตเตอรี่พลังสูงจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้

    YouTuber ชาวอังกฤษ Chris Doel สร้างแรงบันดาลใจให้วงการรีไซเคิล ด้วยการนำแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งจำนวน 500 ชิ้น มาสร้างเป็น Powerwall ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วันเต็ม!

    ในยุคที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่ถูกทิ้งมากถึง 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ในสหราชอาณาจักร Chris Doel มองเห็นโอกาสจากวิกฤตนี้ เขาเริ่มเก็บรวบรวมบุหรี่ไฟฟ้าที่ลูกค้านำกลับมาคืนร้าน แล้วค่อย ๆ แกะ แยกวงจร และทดสอบแบตเตอรี่แต่ละก้อนอย่างพิถีพิถัน

    เขาใช้เทคนิค DIY อย่างการพ่นลมเข้าไปในตัวบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบว่ามีไฟเหลือหรือไม่ จากนั้นจึงนำแบตเตอรี่ที่ยังดีมาทดสอบความจุ และจัดกลุ่มตามแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแบบขนานได้อย่างปลอดภัย

    เมื่อได้แบตเตอรี่ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว เขาใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการจัดเรียงและเชื่อมต่อแบตเตอรี่เข้าด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ พร้อมติดตั้งระบบ BMS (Battery Management System) และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะต่อเข้ากับอินเวอร์เตอร์แปลงไฟจาก DC 50V เป็น AC 240V เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ในบ้าน

    ผลลัพธ์คือระบบแบตเตอรี่ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วัน ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นพลังงานอย่างยั่งยืน

    ปัญหาขยะบุหรี่ไฟฟ้าในสหราชอาณาจักร
    มีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์
    ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง

    แนวทางของ Chris Doel
    แกะและแยกแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้า
    ใช้เทคนิค DIY ตรวจสอบแรงดันและความจุ
    คัดเลือกเฉพาะแบตเตอรี่ที่ยังใช้งานได้
    ใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการประกอบ
    ติดตั้งระบบ BMS และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย
    เชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงไฟใช้งานจริง

    ผลลัพธ์ของโปรเจกต์
    ใช้แบตเตอรี่ 500 ก้อน
    จ่ายไฟให้บ้านได้ 8 ชั่วโมง
    หรือจ่ายไฟให้เวิร์กช็อปได้ 3 วัน
    ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และสร้างพลังงานหมุนเวียน

    ความเสี่ยงจากการทำงานกับแบตเตอรี่ลิเธียม
    หากแรงดันต่ำกว่า 3V แบตเตอรี่อาจไม่ปลอดภัย
    การเชื่อมต่อผิดพลาดอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
    ต้องมีความรู้ด้านไฟฟ้าและความปลอดภัยสูง
    ไม่แนะนำให้ทำตามหากไม่มีประสบการณ์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/500-disposable-vapes-recycled-into-a-powerwall-to-power-a-house-and-workshop-enough-juice-for-up-to-eight-hours-of-home-usage-or-three-days-of-work
    🔋 โปรเจกต์สุดล้ำ! เปลี่ยนขยะบุหรี่ไฟฟ้า 500 ชิ้นให้กลายเป็นแบตเตอรี่พลังสูงจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้ YouTuber ชาวอังกฤษ Chris Doel สร้างแรงบันดาลใจให้วงการรีไซเคิล ด้วยการนำแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งจำนวน 500 ชิ้น มาสร้างเป็น Powerwall ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วันเต็ม! ในยุคที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่ถูกทิ้งมากถึง 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ในสหราชอาณาจักร Chris Doel มองเห็นโอกาสจากวิกฤตนี้ เขาเริ่มเก็บรวบรวมบุหรี่ไฟฟ้าที่ลูกค้านำกลับมาคืนร้าน แล้วค่อย ๆ แกะ แยกวงจร และทดสอบแบตเตอรี่แต่ละก้อนอย่างพิถีพิถัน เขาใช้เทคนิค DIY อย่างการพ่นลมเข้าไปในตัวบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบว่ามีไฟเหลือหรือไม่ จากนั้นจึงนำแบตเตอรี่ที่ยังดีมาทดสอบความจุ และจัดกลุ่มตามแรงดันไฟฟ้าเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแบบขนานได้อย่างปลอดภัย เมื่อได้แบตเตอรี่ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว เขาใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการจัดเรียงและเชื่อมต่อแบตเตอรี่เข้าด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ พร้อมติดตั้งระบบ BMS (Battery Management System) และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะต่อเข้ากับอินเวอร์เตอร์แปลงไฟจาก DC 50V เป็น AC 240V เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ในบ้าน ผลลัพธ์คือระบบแบตเตอรี่ที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านทั้งหลังได้ถึง 8 ชั่วโมง หรือเวิร์กช็อปของเขาได้นานถึง 3 วัน ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้งาน ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นพลังงานอย่างยั่งยืน ✅ ปัญหาขยะบุหรี่ไฟฟ้าในสหราชอาณาจักร ➡️ มีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ ➡️ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ✅ แนวทางของ Chris Doel ➡️ แกะและแยกแบตเตอรี่จากบุหรี่ไฟฟ้า ➡️ ใช้เทคนิค DIY ตรวจสอบแรงดันและความจุ ➡️ คัดเลือกเฉพาะแบตเตอรี่ที่ยังใช้งานได้ ➡️ ใช้โมดูล 3D-printed และรางอลูมิเนียมในการประกอบ ➡️ ติดตั้งระบบ BMS และฟิวส์เพื่อความปลอดภัย ➡️ เชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงไฟใช้งานจริง ✅ ผลลัพธ์ของโปรเจกต์ ➡️ ใช้แบตเตอรี่ 500 ก้อน ➡️ จ่ายไฟให้บ้านได้ 8 ชั่วโมง ➡️ หรือจ่ายไฟให้เวิร์กช็อปได้ 3 วัน ➡️ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และสร้างพลังงานหมุนเวียน ‼️ ความเสี่ยงจากการทำงานกับแบตเตอรี่ลิเธียม ⛔ หากแรงดันต่ำกว่า 3V แบตเตอรี่อาจไม่ปลอดภัย ⛔ การเชื่อมต่อผิดพลาดอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ⛔ ต้องมีความรู้ด้านไฟฟ้าและความปลอดภัยสูง ⛔ ไม่แนะนำให้ทำตามหากไม่มีประสบการณ์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/500-disposable-vapes-recycled-into-a-powerwall-to-power-a-house-and-workshop-enough-juice-for-up-to-eight-hours-of-home-usage-or-three-days-of-work
    0 Comments 0 Shares 406 Views 0 Reviews
  • “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์”

    ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น!

    เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS

    สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก

    ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน

    นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013

    จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable
    เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982
    เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย
    ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz
    RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB
    จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว
    รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร
    ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ
    ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน)

    กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS
    ไม่ใช้โค้ด IBM เลย
    หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์
    ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก
    สร้างรายได้ $111 ล้าน
    จุดประกายยุค PC Clone
    IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984

    ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
    Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002
    แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013
    เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์

    คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น
    น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง
    หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
    การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง
    การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    🖥️ “Compaq Portable จุดเริ่มต้นของยุค PC Clone ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์” ลองจินตนาการย้อนกลับไปในปี 1982… โลกคอมพิวเตอร์ยังถูกครอบครองโดย IBM อย่างเบ็ดเสร็จ แต่แล้วบริษัทหน้าใหม่ชื่อ Compaq ก็เปิดตัว “Compaq Portable” คอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ IBM ได้แบบ 100% โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น! เครื่องนี้หนักถึง 28 ปอนด์ (ประมาณ 12.7 กิโลกรัม) แต่ถือว่า “พกพาได้” ในยุคนั้น เพราะมันรวมทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว—จอภาพ, คีย์บอร์ด, ดิสก์ไดรฟ์ และพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมระบบปฏิบัติการ Compaq DOS ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษของ MS-DOS สิ่งที่ทำให้ Compaq โดดเด่นคือการ “reverse-engineer” BIOS ของ IBM โดยไม่ใช้โค้ดต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งถือเป็นการหลบหลีกข้อกฎหมายอย่างชาญฉลาด และกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ ทำตาม จนเกิดยุค “PC Clone” ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ราคาถูกและหลากหลายแพร่หลายไปทั่วโลก 📈 ในปีแรก Compaq ขายได้ถึง 53,000 เครื่อง สร้างรายได้กว่า 111 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของธุรกิจอเมริกันในขณะนั้น และ IBM เองก็ต้องออกเครื่องพกพาของตัวเองในปีถัดมาเพื่อแข่งขัน นอกจากนั้น Compaq ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ HP จะเข้าซื้อกิจการในปี 2002 และยุติแบรนด์ Compaq ในปี 2013 ✅ จุดเริ่มต้นของ Compaq Portable ➡️ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 1982 ➡️ เป็น IBM PC Clone เครื่องแรกที่ถูกกฎหมาย ➡️ ใช้ Intel 8088 ความเร็ว 4.77 MHz ➡️ RAM เริ่มต้น 128KB ขยายได้ถึง 640KB ➡️ จอภาพขนาด 9 นิ้วแบบเขียวขาว ➡️ รองรับกราฟิก CGA และแสดงผล 80x25 ตัวอักษร ➡️ ใช้ Compaq DOS ซึ่งเป็น MS-DOS เวอร์ชันพิเศษ ➡️ ราคาเปิดตัว $2,995 (~$9,500 ปัจจุบัน) ✅ กลยุทธ์ reverse-engineering BIOS ➡️ ไม่ใช้โค้ด IBM เลย ➡️ หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ ทำให้สามารถโฆษณาว่า “100% compatible” ได้ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ขายได้ 53,000 เครื่องในปีแรก ➡️ สร้างรายได้ $111 ล้าน ➡️ จุดประกายยุค PC Clone ➡️ IBM ต้องออกเครื่องพกพาแข่งในปี 1984 ✅ ความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ➡️ Compaq ถูก HP ซื้อกิจการในปี 2002 ➡️ แบรนด์ Compaq ถูกยุติในปี 2013 ➡️ เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม DIY คอมพิวเตอร์ ‼️ คำเตือนด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น ⛔ น้ำหนักเครื่องถึง 28 ปอนด์—ไม่เหมาะกับการพกพาจริง ⛔ หน่วยความจำและกราฟิกจำกัดมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน ⛔ การ reverse-engineering BIOS แม้ถูกกฎหมาย แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง ⛔ การแข่งขันกับ IBM ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงแรก https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/this-week-in-1982-compaq-announced-the-first-true-ibm-pc-clone-it-was-a-portable-too-as-long-as-you-were-comfortable-lugging-28-pounds
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • “SSD ถอดประกอบได้! Samsung ปลุกอนาคตแห่งการอัปเกรดแบบ DIY”

    Samsung เปิดตัว SSD โมดูลาร์สุดล้ำ! ถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้ พร้อมรุ่นเล็ก 4TB PCIe 5.0 สำหรับอุปกรณ์พกพา Samsung เผยโฉม SSD รุ่นใหม่ในงาน CES 2026 ที่มาพร้อมดีไซน์โมดูลาร์ ถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้อย่างอิสระ พร้อมเปิดตัวรุ่นเล็ก PM9E1 M.2 2242 ขนาด 4TB สำหรับอุปกรณ์พกพา

    Samsung สร้างความฮือฮาในวงการจัดเก็บข้อมูลด้วยการเปิดตัว SSD รุ่นใหม่สองตัวในงาน CES 2026 ได้แก่:

    1️⃣ AM9C1 E1.A – Detachable AutoSSD SSD สำหรับยานยนต์ที่สามารถถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้อย่างอิสระ โดยใช้ดีไซน์โมดูลาร์ที่แยกส่วนประกอบออกเป็นสองโมดูลหลัก ทำให้สามารถอัปเกรดหรือซ่อมแซมได้ง่ายขึ้น และช่วยลดความร้อนเพื่อยืดอายุการใช้งาน

    2️⃣ PM9E1 M.2 2242 – SSD ขนาดเล็กแต่แรง รุ่นย่อส่วนของ PM9E1 ที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์พกพา เช่น แล็ปท็อปบางเฉียบหรือมินิพีซี แม้จะมีขนาดเล็กกว่า M.2 2280 แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงด้วยความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s ตามลำดับ

    ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี PCIe 5.0 และ NAND รุ่นที่ 8 ของ Samsung พร้อมคอนโทรลเลอร์ 5nm ที่ทันสมัย โดยเฉพาะ AM9C1 E1.A ที่สามารถเปลี่ยนคอนโทรลเลอร์จาก PCIe 4.0 เป็น 5.0 ได้ในอนาคต ถือเป็นก้าวสำคัญของ SSD ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามต้องการ

    Samsung เปิดตัว SSD โมดูลาร์รุ่น AM9C1 E1.A
    ถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้
    ใช้ดีไซน์แยกโมดูลเพื่ออัปเกรดและลดความร้อน
    รองรับ PCIe 4.0 และสามารถอัปเกรดเป็น PCIe 5.0
    ความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 128GB ถึง 2TB

    เปิดตัว PM9E1 M.2 2242 สำหรับอุปกรณ์พกพา
    ขนาดเล็กกว่า M.2 2280 แต่แรงกว่า
    ความจุสูงสุด 4TB เหมาะกับ Steam Deck และแล็ปท็อป
    ความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s
    ใช้คอนโทรลเลอร์ Presto 5nm และ V8 TLC V-NAND

    แนวโน้ม SSD ในอนาคต
    โมดูลาร์ดีไซน์ช่วยให้ซ่อมแซมและอัปเกรดง่ายขึ้น
    อาจขยายสู่ตลาดผู้บริโภคในอนาคต
    เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    SSD โมดูลาร์อาจมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป
    การเปลี่ยนโมดูลต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิค
    อุปกรณ์บางรุ่นอาจไม่รองรับขนาด M.2 2242

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/samsung-teases-modular-ssd-with-swappable-nand-and-ssd-controller-compact-4tb-pcie-5-0-m-2-2242-drive-is-also-ready-to-deploy
    🧩 “SSD ถอดประกอบได้! Samsung ปลุกอนาคตแห่งการอัปเกรดแบบ DIY” Samsung เปิดตัว SSD โมดูลาร์สุดล้ำ! ถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้ พร้อมรุ่นเล็ก 4TB PCIe 5.0 สำหรับอุปกรณ์พกพา Samsung เผยโฉม SSD รุ่นใหม่ในงาน CES 2026 ที่มาพร้อมดีไซน์โมดูลาร์ ถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้อย่างอิสระ พร้อมเปิดตัวรุ่นเล็ก PM9E1 M.2 2242 ขนาด 4TB สำหรับอุปกรณ์พกพา Samsung สร้างความฮือฮาในวงการจัดเก็บข้อมูลด้วยการเปิดตัว SSD รุ่นใหม่สองตัวในงาน CES 2026 ได้แก่: 1️⃣ AM9C1 E1.A – Detachable AutoSSD SSD สำหรับยานยนต์ที่สามารถถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้อย่างอิสระ โดยใช้ดีไซน์โมดูลาร์ที่แยกส่วนประกอบออกเป็นสองโมดูลหลัก ทำให้สามารถอัปเกรดหรือซ่อมแซมได้ง่ายขึ้น และช่วยลดความร้อนเพื่อยืดอายุการใช้งาน 2️⃣ PM9E1 M.2 2242 – SSD ขนาดเล็กแต่แรง รุ่นย่อส่วนของ PM9E1 ที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์พกพา เช่น แล็ปท็อปบางเฉียบหรือมินิพีซี แม้จะมีขนาดเล็กกว่า M.2 2280 แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงด้วยความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s ตามลำดับ ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี PCIe 5.0 และ NAND รุ่นที่ 8 ของ Samsung พร้อมคอนโทรลเลอร์ 5nm ที่ทันสมัย โดยเฉพาะ AM9C1 E1.A ที่สามารถเปลี่ยนคอนโทรลเลอร์จาก PCIe 4.0 เป็น 5.0 ได้ในอนาคต ถือเป็นก้าวสำคัญของ SSD ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามต้องการ ✅ Samsung เปิดตัว SSD โมดูลาร์รุ่น AM9C1 E1.A ➡️ ถอดเปลี่ยน NAND และคอนโทรลเลอร์ได้ ➡️ ใช้ดีไซน์แยกโมดูลเพื่ออัปเกรดและลดความร้อน ➡️ รองรับ PCIe 4.0 และสามารถอัปเกรดเป็น PCIe 5.0 ➡️ ความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 128GB ถึง 2TB ✅ เปิดตัว PM9E1 M.2 2242 สำหรับอุปกรณ์พกพา ➡️ ขนาดเล็กกว่า M.2 2280 แต่แรงกว่า ➡️ ความจุสูงสุด 4TB เหมาะกับ Steam Deck และแล็ปท็อป ➡️ ความเร็วอ่าน/เขียนสูงถึง 14.8 GB/s และ 13.4 GB/s ➡️ ใช้คอนโทรลเลอร์ Presto 5nm และ V8 TLC V-NAND ✅ แนวโน้ม SSD ในอนาคต ➡️ โมดูลาร์ดีไซน์ช่วยให้ซ่อมแซมและอัปเกรดง่ายขึ้น ➡️ อาจขยายสู่ตลาดผู้บริโภคในอนาคต ➡️ เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ SSD โมดูลาร์อาจมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป ⛔ การเปลี่ยนโมดูลต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิค ⛔ อุปกรณ์บางรุ่นอาจไม่รองรับขนาด M.2 2242 https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/samsung-teases-modular-ssd-with-swappable-nand-and-ssd-controller-compact-4tb-pcie-5-0-m-2-2242-drive-is-also-ready-to-deploy
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • “เมื่อกราฟิกการ์ดกลายร่างเป็นสเก็ตบอร์ด – ความบ้าระห่ำของเกมเมอร์สายโมดิฟาย”

    ลองจินตนาการว่าคุณเดินเล่นอยู่ริมถนน แล้วเห็นใครบางคนกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดที่หน้าตาเหมือนกราฟิกการ์ดราคาแพงสุดโหด… ใช่แล้ว! นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/ashleysaidwhat” ได้โพสต์ภาพของเขาเล่นสเก็ตบอร์ดที่ทำจากกราฟิกการ์ดรุ่น ROG Astral RTX 5080 ซึ่งมีราคาสูงถึง $1,700 หรือราวๆ 60,000 บาท!

    แต่เดี๋ยวก่อน… นี่ไม่ใช่การเอาการ์ดที่ยังใช้งานได้มาทำของเล่นนะ เพราะจากภาพที่เห็น Cooler ของการ์ดนั้นโปร่งจนมองทะลุได้ แปลว่าไม่มีแผงวงจร (PCB) อยู่ข้างใน อาจเป็นการ์ดที่เสียแล้ว หรือเป็นของปลอมที่ไม่มีชิปตั้งแต่แรกก็ได้

    แม้จะไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่การเปลี่ยนของแพงให้กลายเป็นของเล่นสุดเท่ก็สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญของชาวเกมเมอร์สายโมดิฟาย ที่ไม่ยึดติดกับการใช้งานแบบเดิมๆ

    นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากวงการฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสอง, การซ่อมแซมการ์ดด้วยเทคนิค BGA หรือแม้แต่การดัดแปลงการ์ดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการ “ชุนต์โมดิฟาย” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เสี่ยงแต่ได้ผลจริงในบางกรณี

    การ์ด ROG Astral RTX 5080 ถูกดัดแปลงเป็นสเก็ตบอร์ด
    ผู้ใช้ Reddit ชื่อ “u/ashleysaidwhat” เป็นผู้โพสต์ภาพ
    การ์ดไม่มี PCB อาจเป็นของเสียหรือของปลอม
    ราคาการ์ดอยู่ที่ประมาณ $1,700 ถือว่าแพงมาก
    การใช้งานเป็นสเก็ตบอร์ดดูเหมือนจะได้ผลจริง

    ความคิดสร้างสรรค์ของเกมเมอร์สายโมดิฟาย
    เปลี่ยนของไอทีให้กลายเป็นของใช้หรือของเล่น
    สะท้อนวัฒนธรรม DIY และความกล้าทดลอง

    สาระเพิ่มเติมจากวงการฮาร์ดแวร์
    มีการ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสองโดยไม่มีชิป
    เทคนิค BGA ใช้ซ่อมแซมการ์ดที่เสีย
    “ชุนต์โมดิฟาย” เพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้การ์ดแรงขึ้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการซื้อการ์ดมือสอง
    อาจเจอของปลอมที่ไม่มีชิปหรือหน่วยความจำ
    ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนซื้อ

    ความเสี่ยงจากการโมดิฟายฮาร์ดแวร์
    อาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร
    การเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้ระบบพัง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/radical-gamer-repurposes-usd1-700-rog-atral-rtx-5080-into-a-diy-skateboard-rides-graphics-card-down-the-street-while-walking-dog
    🛹 “เมื่อกราฟิกการ์ดกลายร่างเป็นสเก็ตบอร์ด – ความบ้าระห่ำของเกมเมอร์สายโมดิฟาย” ลองจินตนาการว่าคุณเดินเล่นอยู่ริมถนน แล้วเห็นใครบางคนกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดที่หน้าตาเหมือนกราฟิกการ์ดราคาแพงสุดโหด… ใช่แล้ว! นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ Reddit นามว่า “u/ashleysaidwhat” ได้โพสต์ภาพของเขาเล่นสเก็ตบอร์ดที่ทำจากกราฟิกการ์ดรุ่น ROG Astral RTX 5080 ซึ่งมีราคาสูงถึง $1,700 หรือราวๆ 60,000 บาท! แต่เดี๋ยวก่อน… นี่ไม่ใช่การเอาการ์ดที่ยังใช้งานได้มาทำของเล่นนะ เพราะจากภาพที่เห็น Cooler ของการ์ดนั้นโปร่งจนมองทะลุได้ แปลว่าไม่มีแผงวงจร (PCB) อยู่ข้างใน อาจเป็นการ์ดที่เสียแล้ว หรือเป็นของปลอมที่ไม่มีชิปตั้งแต่แรกก็ได้ แม้จะไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่การเปลี่ยนของแพงให้กลายเป็นของเล่นสุดเท่ก็สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญของชาวเกมเมอร์สายโมดิฟาย ที่ไม่ยึดติดกับการใช้งานแบบเดิมๆ นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากวงการฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสอง, การซ่อมแซมการ์ดด้วยเทคนิค BGA หรือแม้แต่การดัดแปลงการ์ดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการ “ชุนต์โมดิฟาย” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เสี่ยงแต่ได้ผลจริงในบางกรณี ✅ การ์ด ROG Astral RTX 5080 ถูกดัดแปลงเป็นสเก็ตบอร์ด ➡️ ผู้ใช้ Reddit ชื่อ “u/ashleysaidwhat” เป็นผู้โพสต์ภาพ ➡️ การ์ดไม่มี PCB อาจเป็นของเสียหรือของปลอม ➡️ ราคาการ์ดอยู่ที่ประมาณ $1,700 ถือว่าแพงมาก ➡️ การใช้งานเป็นสเก็ตบอร์ดดูเหมือนจะได้ผลจริง ✅ ความคิดสร้างสรรค์ของเกมเมอร์สายโมดิฟาย ➡️ เปลี่ยนของไอทีให้กลายเป็นของใช้หรือของเล่น ➡️ สะท้อนวัฒนธรรม DIY และความกล้าทดลอง ✅ สาระเพิ่มเติมจากวงการฮาร์ดแวร์ ➡️ มีการ์ดปลอมที่ขายในตลาดมือสองโดยไม่มีชิป ➡️ เทคนิค BGA ใช้ซ่อมแซมการ์ดที่เสีย ➡️ “ชุนต์โมดิฟาย” เพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้การ์ดแรงขึ้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการซื้อการ์ดมือสอง ⛔ อาจเจอของปลอมที่ไม่มีชิปหรือหน่วยความจำ ⛔ ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนซื้อ ‼️ ความเสี่ยงจากการโมดิฟายฮาร์ดแวร์ ⛔ อาจทำให้การ์ดเสียหายถาวร ⛔ การเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้าอาจทำให้ระบบพัง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/radical-gamer-repurposes-usd1-700-rog-atral-rtx-5080-into-a-diy-skateboard-rides-graphics-card-down-the-street-while-walking-dog
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • หุ้น MRDIYT ประกันสังคมอาจเจ็บตัว

    ทำเอานักลงทุนใจหายใจคว่ำ เมื่อหุ้น MRDIYT ของบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ สัญชาติมาเลเซีย เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เป็นวันแรก ปรากฎว่าเปิดการซื้อขายที่ 7.05 บาท ต่ำกว่าราคาจองซื้อแบบ IPO ซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.60 บาท หรือประมาณ 18% ก่อนที่ราคาจะขยับในระดับ 8 บาท สูงที่สุด 8.70 บาท ก่อนปิดการซื้อขายที่ราคา 8.60 บาท เท่ากับราคาจองซื้อ มูลค่าการซื้อขาย 4,698.30 ล้านบาท

    MRDIYT ประกอบธุรกิจร้านมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ในไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2559 ปัจจุบันมีสาขา 1,027 แห่ง ใน 77 จังหวัด ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นครั้งแรก 5,600 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้สินและเงินกู้ยืมที่มีอยู่ของบริษัทฯ รวมถึงเงินกู้ยืมจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 2,058.40 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขา ลงทุนบริษัทย่อย ซื้อที่ดินสำหรับคลังสินค้าเพิ่มเติม 500 ล้านบาท และใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน 721.30 ถึง 845.40 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่ระดมทุนสูงที่สุดในรอบ 3 ปี

    บทความของ สุนันท์ ศรีจันทรา ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้น MRDIYT ได้รับความสนใจสูง เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ขนาดใหญ่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่การนำหุ้นจำนวน 655 ล้านหุ้น เสนอขายในราคา 8.60 บาท โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ประมาณ 23 เท่า "ถือว่าเป็นราคาขายที่ไม่ถูกนัก"

    อีกด้านหนึ่ง ยังมีประเด็นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่บางรายนำหุ้น 553 ล้านหุ้น จาก 1,230 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 21% ของทุนจดทะเบียน ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับข้อตกลงทางการเงินส่วนบุคคล หรือ "นำหุ้นไปจำนำ" และเตรียมขายหุ้นในวันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายอีก 4.07% ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายนักลงทุน นอกจากนั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังเป็นต่างชาติ ซึ่งนักลงทุนหุ้นมูลค่าเพิ่มรายใหญ่บางคนจะหลีกเลี่ยง เพราะกลัวความเสี่ยงจากต่างชาติขายหุ้นทิ้ง หรือถ่ายเทเงินกลับบ้าน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในหุ้นหลายตัว

    สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากหุ้น MRDIYT ต่ำกว่าราคาจองแล้ว พบว่าหนึ่งในผู้ถิอหุ้น คือ สำนักงานประกันสังคม จองซื้อผ่านทาง บลจ.ทาลิส 8,678,100 หุ้น และ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) อีก 1,225,400 หุ้น รวมแล้ว 9,903,500 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 85,170,100 บาท คนที่เจ็บตัวมากที่สุดคือผู้ประกันตนกว่า 24.8 ล้านราย เพราะกลายเป็นการนำเงินของผู้ประกันตนไปซื้อหุ้นที่ไม่รู้อนาคตว่าจะรุ่งหรือร่วง

    #Newskit
    หุ้น MRDIYT ประกันสังคมอาจเจ็บตัว ทำเอานักลงทุนใจหายใจคว่ำ เมื่อหุ้น MRDIYT ของบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ สัญชาติมาเลเซีย เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เป็นวันแรก ปรากฎว่าเปิดการซื้อขายที่ 7.05 บาท ต่ำกว่าราคาจองซื้อแบบ IPO ซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.60 บาท หรือประมาณ 18% ก่อนที่ราคาจะขยับในระดับ 8 บาท สูงที่สุด 8.70 บาท ก่อนปิดการซื้อขายที่ราคา 8.60 บาท เท่ากับราคาจองซื้อ มูลค่าการซื้อขาย 4,698.30 ล้านบาท MRDIYT ประกอบธุรกิจร้านมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ในไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2559 ปัจจุบันมีสาขา 1,027 แห่ง ใน 77 จังหวัด ระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นครั้งแรก 5,600 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้สินและเงินกู้ยืมที่มีอยู่ของบริษัทฯ รวมถึงเงินกู้ยืมจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 2,058.40 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขา ลงทุนบริษัทย่อย ซื้อที่ดินสำหรับคลังสินค้าเพิ่มเติม 500 ล้านบาท และใช้เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน 721.30 ถึง 845.40 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่ระดมทุนสูงที่สุดในรอบ 3 ปี บทความของ สุนันท์ ศรีจันทรา ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้น MRDIYT ได้รับความสนใจสูง เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ขนาดใหญ่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่การนำหุ้นจำนวน 655 ล้านหุ้น เสนอขายในราคา 8.60 บาท โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ประมาณ 23 เท่า "ถือว่าเป็นราคาขายที่ไม่ถูกนัก" อีกด้านหนึ่ง ยังมีประเด็นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่บางรายนำหุ้น 553 ล้านหุ้น จาก 1,230 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 21% ของทุนจดทะเบียน ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับข้อตกลงทางการเงินส่วนบุคคล หรือ "นำหุ้นไปจำนำ" และเตรียมขายหุ้นในวันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายอีก 4.07% ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายนักลงทุน นอกจากนั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังเป็นต่างชาติ ซึ่งนักลงทุนหุ้นมูลค่าเพิ่มรายใหญ่บางคนจะหลีกเลี่ยง เพราะกลัวความเสี่ยงจากต่างชาติขายหุ้นทิ้ง หรือถ่ายเทเงินกลับบ้าน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในหุ้นหลายตัว สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากหุ้น MRDIYT ต่ำกว่าราคาจองแล้ว พบว่าหนึ่งในผู้ถิอหุ้น คือ สำนักงานประกันสังคม จองซื้อผ่านทาง บลจ.ทาลิส 8,678,100 หุ้น และ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) อีก 1,225,400 หุ้น รวมแล้ว 9,903,500 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 85,170,100 บาท คนที่เจ็บตัวมากที่สุดคือผู้ประกันตนกว่า 24.8 ล้านราย เพราะกลายเป็นการนำเงินของผู้ประกันตนไปซื้อหุ้นที่ไม่รู้อนาคตว่าจะรุ่งหรือร่วง #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 623 Views 0 Reviews
More Results