• The Expanding Scope of Modern Cosmetology

    Modern cosmetology has expanded significantly, embracing innovation, inclusivity, and wellness. Once centered primarily on hairstyling and makeup, the field now includes advanced skincare treatments, nail artistry, and personalized beauty solutions.

    Skincare has become a major focus within cosmetology. Treatments targeting acne, aging, pigmentation, and hydration are increasingly popular. Cosmetologists are trained to assess skin conditions and recommend appropriate treatments, combining professional procedures with daily care guidance.

    Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cosmetology-market-19217
    The Expanding Scope of Modern Cosmetology Modern cosmetology has expanded significantly, embracing innovation, inclusivity, and wellness. Once centered primarily on hairstyling and makeup, the field now includes advanced skincare treatments, nail artistry, and personalized beauty solutions. Skincare has become a major focus within cosmetology. Treatments targeting acne, aging, pigmentation, and hydration are increasingly popular. Cosmetologists are trained to assess skin conditions and recommend appropriate treatments, combining professional procedures with daily care guidance. Reference - https://www.marketresearchfuture.com/reports/cosmetology-market-19217
    WWW.MARKETRESEARCHFUTURE.COM
    Cosmetology Market Size, Industry Trends Report 2035 | MRFR
    Cosmetology market growth to reach USD 482.84 billion at a CAGR of 11.20% by driving cosmetic technology industry report by procedures, trends, size, share, top companies - forecast 2035.
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251221 #TechRadar

    AI ช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพงานภาคสนาม
    AI กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของงานปฏิบัติการภาคสนาม โดยช่วยตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ ลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพ และปิดช่องว่างข้อมูลที่เคยทำให้การตัดสินใจล่าช้า ทั้งยังช่วยให้การโค้ชคนขับทำได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น ทำให้องค์กรมีความปลอดภัยและความพร้อมเชิงปฏิบัติการสูงกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/pro/how-ai-is-preventing-collisions-driving-productivity-and-transforming-physical-operations

    iPhone พับได้ยังไม่ไร้รอยพับ เพราะ Apple ยังแก้ “ความท้าทายทางเทคนิค” ไม่สำเร็จ
    ข่าวลือใหม่เผยว่า iPhone แบบพับได้ของ Apple ยังติดปัญหาเรื่องการทำให้หน้าจอ “ไร้รอยพับจริง ๆ” แม้จะทดลองกระจก UFG หลายแบบแล้วก็ตาม ทำให้กำหนดเปิดตัวในปี 2026 ยังต้องลุ้นต่อไปว่า Apple จะทำสำเร็จหรือไม่
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-is-rumored-to-still-be-facing-technical-challenges-in-producing-its-crease-free-foldable-iphone

    ช่องว่างลับระหว่าง “ข้อมูล” กับ “การตัดสินใจ” ในยุค AI
    หลายองค์กรลงทุนจัดระเบียบข้อมูลอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ เพราะขาดสถาปัตยกรรม ระบบ และทักษะด้านข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่การใช้งานจริง ทำให้ AI ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามที่คาดหวัง
    https://www.techradar.com/pro/bridging-the-hidden-gap-between-data-and-decisions-in-the-age-of-ai

    เจาะลึกตลาด HDD ยุคใหม่—จาก 8TB เป็นมาตรฐาน ไปจนถึงรุ่น 30TB+
    การสำรวจ HDD จำนวน 167 รุ่นเผยให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดดิสก์ยังคงสำคัญ โดยเฉพาะในงานดาต้าเซ็นเตอร์และ NAS ที่ต้องการความจุสูง ราคาคุ้มค่า และความทนทาน แม้ SSD จะครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปไปแล้วก็ตาม
    https://www.techradar.com/pro/i-compiled-a-list-of-167-hard-disk-drives-worth-buying-here-are-six-things-i-found-out

    Samsung Galaxy Z Flip 8 อาจใช้ชิป Exynos 2600
    ข่าวหลุดใหม่ชี้ว่า Z Flip 8 อาจหันมาใช้ชิป Exynos 2600 แบบเต็มตัว ซึ่งเป็นชิป 2nm รุ่นแรกของ Samsung ที่เน้นประสิทธิภาพและพลังงานดีขึ้น แม้ Snapdragon ยังถูกมองว่าแรงกว่าในหลายงานก็ตาม
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/a-new-samsung-galaxy-z-flip-8-leak-may-have-revealed-the-chipset-its-going-to-run-on

    การเปลี่ยนจาก Google Assistant ไป Gemini ถูกเลื่อนเป็นปีหน้า
    Google ประกาศเลื่อนการเปลี่ยนผู้ช่วยบน Android จาก Assistant ไป Gemini ออกไปถึงปี 2026 เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นขึ้น โดยสุดท้าย Assistant จะถูกยกเลิกใช้งานทั้งหมด
    https://www.techradar.com/phones/android/the-switch-from-google-assistant-to-gemini-on-android-devices-has-been-pushed-back-to-next-year

    รีวิว MSI Pro MP165 E6 จอพกพางานดี ราคาประหยัด
    จอพกพาน้ำหนักเบา ใช้งานง่ายด้วยสาย USB‑C เส้นเดียว เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอเพิ่มระหว่างเดินทาง แม้สเปกจะไม่หวือหวา แต่คุ้มค่ามากในงบไม่ถึง $100
    https://www.techradar.com/pro/msi-pro-mp165-e6-portable-monitor-review

    5 วิธีเสริมความแกร่งหลังเหตุการณ์ระบบล่ม
    องค์กรจำนวนมากทำแค่ “ปิดงานเอกสารหลังเหตุการณ์” แต่ความยืดหยุ่นจริงเกิดจากการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในระบบ การควบคุมการแก้ไขฉุกเฉิน และการสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความโปร่งใสของข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/five-post-incident-improvements-that-actually-strengthen-resilience

    ทดสอบหูฟัง SomniPods 3—บางที่สุด พร้อมสถิติที่น่าสนใจ
    ผู้เขียนทดลองใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนสำหรับนอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่ามีฟีเจอร์ดีและบางมากจนใส่นอนได้สบาย แต่ยังมีจุดที่ต้องพัฒนา ทั้งยังต้องใช้คู่กับแอป Fitnexa เพื่อปลดล็อกฟีเจอร์เต็ม
    https://www.techradar.com/health-fitness/sleep/i-used-the-thinnest-noise-cancelling-sleep-earbuds-for-two-weeks-and-it-had-one-fascinating-statistic

    Claude บน Chrome—สะดวกมาก แต่ชวนให้รู้สึกถูกจับตามอง
    ส่วนขยาย Claude ใหม่สามารถเข้าถึงแท็บ ประวัติ และไฟล์ของผู้ใช้เพื่อช่วยทำงานอัตโนมัติได้อย่างทรงพลัง แต่ก็สร้างความรู้สึก “ระแวง” เพราะต้องให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/i-tried-the-new-claude-in-chrome-extension-and-it-delivered-convenience-with-a-side-of-digital-paranoia

    Soverli สตาร์ทอัพสวิสสร้างเลเยอร์ OS ปลอดภัยที่สุดบนมือถือ
    Soverli พัฒนาเลเยอร์ระบบปฏิบัติการที่ทำงานคู่กับ Android/iOS เพื่อให้ยังใช้งานได้แม้ระบบหลักถูกโจมตี เหมาะกับงานภาครัฐ หน่วยกู้ภัย และองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง
    https://www.techradar.com/pro/this-intriguing-startup-wants-to-create-the-worlds-most-secure-smartphones-and-its-doing-it-proton-style

    มาตรฐานบัส HP อายุ 53 ปี ได้ไดรเวอร์ Linux แล้ว
    GPIB มาตรฐานเก่าแก่จากปี 1972 ได้รับไดรเวอร์เสถียรใน Linux 6.19 ทำให้อุปกรณ์ห้องแล็บรุ่นเก่าสามารถใช้งานกับระบบสมัยใหม่ได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/pro/security/better-late-than-never-53-year-old-hp-bus-standard-finally-gets-a-linux-driver-boasting-8mb-s-bandwidth

    แฮ็กเกอร์ล่าค่าจ้างปลายปี ด้วยการหลอก Help Desk
    อาชญากรไซเบอร์ใช้การโทรหลอกพนักงาน Help Desk เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านและเปลี่ยนบัญชีรับเงินเดือนของพนักงานแบบเงียบ ๆ ทำให้เงินเดือนถูกโอนออกโดยไม่รู้ตัว
    https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-hackers-are-coming-after-your-christmas-bonus-as-paychecks-come-under-threat

    Chrome Split View—ฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การเปิดสองแท็บง่ายขึ้นมาก
    Chrome เพิ่มฟีเจอร์ Split View ให้เปิดสองแท็บเคียงกันในหน้าต่างเดียว เหมาะกับคนที่ต้องเทียบข้อมูลบ่อย ๆ และช่วยลดความวุ่นวายของแท็บจำนวนมาก
    https://www.techradar.com/computing/chrome/split-view-tabs-in-chrome-are-a-game-changer-i-cant-believe-i-wasnt-using-this-before

    React2Shell ช่องโหว่ร้ายแรงกำลังถูกโจมตีหนัก
    ช่องโหว่ React2Shell (คะแนน 10/10) ถูกใช้โจมตีหลายร้อยระบบทั่วโลก โดยกลุ่มจากจีนและเกาหลีเหนือ ทั้งเพื่อวางมัลแวร์ ขุดคริปโต และสอดแนมองค์กร
    https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-exploitation-continues-to-escalate-posing-significant-risk

    บริษัทแห่จ้าง AI Specialist แทน Data Engineer—ปัญหาใหญ่ที่กำลังก่อตัว
    ข้อมูลใหม่เผยว่าบริษัทในสหรัฐจ้างงานด้าน AI มากกว่างานด้านข้อมูลเกือบ 50% ทั้งที่ AI จะทำงานไม่ได้เลยหากข้อมูลไม่พร้อม ทำให้หลายโปรเจกต์เสี่ยงล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-hiring-ai-specialists-instead-of-data-engineers-and-its-a-big-problem

    Cisco ถูกโจมตีด้วย Zero‑Day บนระบบอีเมล
    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco Secure Email ถูกใช้โดยกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีนเพื่อวาง backdoor และเครื่องมือเจาะระบบ ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งอุดช่องโหว่ก่อนเส้นตาย
    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-email-security-products-actively-targeted-in-zero-day-campaign

    รีวิว Checkr ระบบตรวจประวัติผู้สมัครงานแบบอัตโนมัติ
    Checkr เป็นแพลตฟอร์มตรวจประวัติที่เน้นความเร็วและการทำงานอัตโนมัติ เหมาะกับองค์กรที่ต้องคัดคนจำนวนมาก แม้จะไม่เหมาะกับอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/checkr-review
    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251221 #TechRadar 🧠🚚 AI ช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพงานภาคสนาม AI กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของงานปฏิบัติการภาคสนาม โดยช่วยตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ ลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพ และปิดช่องว่างข้อมูลที่เคยทำให้การตัดสินใจล่าช้า ทั้งยังช่วยให้การโค้ชคนขับทำได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น ทำให้องค์กรมีความปลอดภัยและความพร้อมเชิงปฏิบัติการสูงกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/pro/how-ai-is-preventing-collisions-driving-productivity-and-transforming-physical-operations 📱✨ iPhone พับได้ยังไม่ไร้รอยพับ เพราะ Apple ยังแก้ “ความท้าทายทางเทคนิค” ไม่สำเร็จ ข่าวลือใหม่เผยว่า iPhone แบบพับได้ของ Apple ยังติดปัญหาเรื่องการทำให้หน้าจอ “ไร้รอยพับจริง ๆ” แม้จะทดลองกระจก UFG หลายแบบแล้วก็ตาม ทำให้กำหนดเปิดตัวในปี 2026 ยังต้องลุ้นต่อไปว่า Apple จะทำสำเร็จหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-is-rumored-to-still-be-facing-technical-challenges-in-producing-its-crease-free-foldable-iphone 📊🔍 ช่องว่างลับระหว่าง “ข้อมูล” กับ “การตัดสินใจ” ในยุค AI หลายองค์กรลงทุนจัดระเบียบข้อมูลอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ เพราะขาดสถาปัตยกรรม ระบบ และทักษะด้านข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่การใช้งานจริง ทำให้ AI ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามที่คาดหวัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/bridging-the-hidden-gap-between-data-and-decisions-in-the-age-of-ai 💾📦 เจาะลึกตลาด HDD ยุคใหม่—จาก 8TB เป็นมาตรฐาน ไปจนถึงรุ่น 30TB+ การสำรวจ HDD จำนวน 167 รุ่นเผยให้เห็นว่าตลาดฮาร์ดดิสก์ยังคงสำคัญ โดยเฉพาะในงานดาต้าเซ็นเตอร์และ NAS ที่ต้องการความจุสูง ราคาคุ้มค่า และความทนทาน แม้ SSD จะครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปไปแล้วก็ตาม 🔗 https://www.techradar.com/pro/i-compiled-a-list-of-167-hard-disk-drives-worth-buying-here-are-six-things-i-found-out 📱⚙️ Samsung Galaxy Z Flip 8 อาจใช้ชิป Exynos 2600 ข่าวหลุดใหม่ชี้ว่า Z Flip 8 อาจหันมาใช้ชิป Exynos 2600 แบบเต็มตัว ซึ่งเป็นชิป 2nm รุ่นแรกของ Samsung ที่เน้นประสิทธิภาพและพลังงานดีขึ้น แม้ Snapdragon ยังถูกมองว่าแรงกว่าในหลายงานก็ตาม 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/a-new-samsung-galaxy-z-flip-8-leak-may-have-revealed-the-chipset-its-going-to-run-on 🤖➡️📱 การเปลี่ยนจาก Google Assistant ไป Gemini ถูกเลื่อนเป็นปีหน้า Google ประกาศเลื่อนการเปลี่ยนผู้ช่วยบน Android จาก Assistant ไป Gemini ออกไปถึงปี 2026 เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นขึ้น โดยสุดท้าย Assistant จะถูกยกเลิกใช้งานทั้งหมด 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/the-switch-from-google-assistant-to-gemini-on-android-devices-has-been-pushed-back-to-next-year 🖥️✈️ รีวิว MSI Pro MP165 E6 จอพกพางานดี ราคาประหยัด จอพกพาน้ำหนักเบา ใช้งานง่ายด้วยสาย USB‑C เส้นเดียว เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการพื้นที่หน้าจอเพิ่มระหว่างเดินทาง แม้สเปกจะไม่หวือหวา แต่คุ้มค่ามากในงบไม่ถึง $100 🔗 https://www.techradar.com/pro/msi-pro-mp165-e6-portable-monitor-review 🛡️🔥 5 วิธีเสริมความแกร่งหลังเหตุการณ์ระบบล่ม องค์กรจำนวนมากทำแค่ “ปิดงานเอกสารหลังเหตุการณ์” แต่ความยืดหยุ่นจริงเกิดจากการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในระบบ การควบคุมการแก้ไขฉุกเฉิน และการสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความโปร่งใสของข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/five-post-incident-improvements-that-actually-strengthen-resilience 😴🎧 ทดสอบหูฟัง SomniPods 3—บางที่สุด พร้อมสถิติที่น่าสนใจ ผู้เขียนทดลองใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนสำหรับนอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่ามีฟีเจอร์ดีและบางมากจนใส่นอนได้สบาย แต่ยังมีจุดที่ต้องพัฒนา ทั้งยังต้องใช้คู่กับแอป Fitnexa เพื่อปลดล็อกฟีเจอร์เต็ม 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/sleep/i-used-the-thinnest-noise-cancelling-sleep-earbuds-for-two-weeks-and-it-had-one-fascinating-statistic 🧩🕵️ Claude บน Chrome—สะดวกมาก แต่ชวนให้รู้สึกถูกจับตามอง ส่วนขยาย Claude ใหม่สามารถเข้าถึงแท็บ ประวัติ และไฟล์ของผู้ใช้เพื่อช่วยทำงานอัตโนมัติได้อย่างทรงพลัง แต่ก็สร้างความรู้สึก “ระแวง” เพราะต้องให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/i-tried-the-new-claude-in-chrome-extension-and-it-delivered-convenience-with-a-side-of-digital-paranoia 🔐📱 Soverli สตาร์ทอัพสวิสสร้างเลเยอร์ OS ปลอดภัยที่สุดบนมือถือ Soverli พัฒนาเลเยอร์ระบบปฏิบัติการที่ทำงานคู่กับ Android/iOS เพื่อให้ยังใช้งานได้แม้ระบบหลักถูกโจมตี เหมาะกับงานภาครัฐ หน่วยกู้ภัย และองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูง 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-intriguing-startup-wants-to-create-the-worlds-most-secure-smartphones-and-its-doing-it-proton-style 🖥️📡 มาตรฐานบัส HP อายุ 53 ปี ได้ไดรเวอร์ Linux แล้ว GPIB มาตรฐานเก่าแก่จากปี 1972 ได้รับไดรเวอร์เสถียรใน Linux 6.19 ทำให้อุปกรณ์ห้องแล็บรุ่นเก่าสามารถใช้งานกับระบบสมัยใหม่ได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/better-late-than-never-53-year-old-hp-bus-standard-finally-gets-a-linux-driver-boasting-8mb-s-bandwidth 💸🎄 แฮ็กเกอร์ล่าค่าจ้างปลายปี ด้วยการหลอก Help Desk อาชญากรไซเบอร์ใช้การโทรหลอกพนักงาน Help Desk เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านและเปลี่ยนบัญชีรับเงินเดือนของพนักงานแบบเงียบ ๆ ทำให้เงินเดือนถูกโอนออกโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/watch-out-hackers-are-coming-after-your-christmas-bonus-as-paychecks-come-under-threat 🖥️🪟 Chrome Split View—ฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้การเปิดสองแท็บง่ายขึ้นมาก Chrome เพิ่มฟีเจอร์ Split View ให้เปิดสองแท็บเคียงกันในหน้าต่างเดียว เหมาะกับคนที่ต้องเทียบข้อมูลบ่อย ๆ และช่วยลดความวุ่นวายของแท็บจำนวนมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/chrome/split-view-tabs-in-chrome-are-a-game-changer-i-cant-believe-i-wasnt-using-this-before ⚠️💥 React2Shell ช่องโหว่ร้ายแรงกำลังถูกโจมตีหนัก ช่องโหว่ React2Shell (คะแนน 10/10) ถูกใช้โจมตีหลายร้อยระบบทั่วโลก โดยกลุ่มจากจีนและเกาหลีเหนือ ทั้งเพื่อวางมัลแวร์ ขุดคริปโต และสอดแนมองค์กร 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-exploitation-continues-to-escalate-posing-significant-risk 🤖👷 บริษัทแห่จ้าง AI Specialist แทน Data Engineer—ปัญหาใหญ่ที่กำลังก่อตัว ข้อมูลใหม่เผยว่าบริษัทในสหรัฐจ้างงานด้าน AI มากกว่างานด้านข้อมูลเกือบ 50% ทั้งที่ AI จะทำงานไม่ได้เลยหากข้อมูลไม่พร้อม ทำให้หลายโปรเจกต์เสี่ยงล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่ม 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-hiring-ai-specialists-instead-of-data-engineers-and-its-a-big-problem 📧🔓 Cisco ถูกโจมตีด้วย Zero‑Day บนระบบอีเมล ช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco Secure Email ถูกใช้โดยกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีนเพื่อวาง backdoor และเครื่องมือเจาะระบบ ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งอุดช่องโหว่ก่อนเส้นตาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisco-email-security-products-actively-targeted-in-zero-day-campaign 🧩👤 รีวิว Checkr ระบบตรวจประวัติผู้สมัครงานแบบอัตโนมัติ Checkr เป็นแพลตฟอร์มตรวจประวัติที่เน้นความเร็วและการทำงานอัตโนมัติ เหมาะกับองค์กรที่ต้องคัดคนจำนวนมาก แม้จะไม่เหมาะกับอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/checkr-review
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • 8GB VRAM ยังพอไหมในปี 2026? บททดสอบ Sapphire Pulse 9060 XT 8GB ชี้คำตอบชัดเจน

    บทความของ Wccftech ทดสอบ Sapphire Pulse 9060 XT 8GB ในเกมยุคใหม่ และคำตอบที่ได้ค่อนข้างชัดเจน: 8GB VRAM เริ่มไม่พอสำหรับเกม AAA ปี 2025–2026 โดยเฉพาะเมื่อเปิด Ray Tracing หรือใช้ texture คุณภาพสูง แม้การใช้ FSR4 จะช่วยเพิ่มเฟรมเรต แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการ “คอขวด VRAM” ได้ทั้งหมด

    ผลทดสอบในหลายเกมแสดง pattern เดียวกัน:
    ช่วงแรกของเกมเฟรมเรตดีมาก (เช่น ~50 FPS แบบไม่มี stutter)
    แต่เมื่อเข้าสู่ฉากหนัก ๆ VRAM เต็ม → เฟรมเรตตกฮวบ เหลือ 40 FPS หรือต่ำกว่านั้น และบางครั้งลงไปถึงหลักสิบ
    เกมต้อง “cull textures” อย่างรุนแรงเพื่อให้พออยู่ใน 8GB ทำให้โมเดลตัวละครและพื้นผิวดูเบลอหรือโหลดไม่ทัน

    ในเกมอย่าง Cyberpunk 2077 และ RDR2 ปัญหายิ่งชัดเจน:
    ฉากเมืองหนาแน่นทำให้ VRAM เต็มเร็ว
    เฟรมเรตแกว่งหนัก
    DX12 ยังมี stuttering ที่ Vulkan ไม่มี

    แม้จะปรับลงมาเป็น Medium textures + RT เปิด + FSR4 Quality ก็ยังพบว่าเฟรมเรต “ตกจากหน้าผา” ทันทีที่ VRAM ถูกใช้จนหมด

    นี่คือสัญญาณชัดเจนว่าเกมยุคใหม่ไม่ได้กินแค่ GPU compute แต่กิน VRAM แบบโหดขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเกมที่ใช้ asset ขนาดใหญ่, open‑world, หรือมีระบบ streaming texture แบบใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ
    8GB VRAM ยัง “พอเล่นได้” แต่มีข้อจำกัดชัดเจน
    เล่นได้ดีในฉากเบา ๆ
    แต่ VRAM เต็มเมื่อเจอฉากหนัก → เฟรมเรตตกทันที
    เกมต้องลดคุณภาพ texture อัตโนมัติจนเห็นได้ชัด

    Ray Tracing + High/Epic textures = ไม่ไหว
    เกมต้อง cull textures เพื่อให้พอใน 8GB
    โมเดลตัวละครและพื้นผิวดู low‑res
    เฟรมเรตแกว่งหนักในฉากเมืองหรือฉากแอ็กชัน

    FSR4 ช่วยได้ แต่ไม่แก้ปัญหา VRAM
    เฟรมเรตดีขึ้นในฉากเปิด
    แต่เมื่อ VRAM เต็ม → FSR ก็ช่วยไม่ได้

    API มีผล
    DX12 มี stuttering ในบางเกม
    Vulkan ทำงานลื่นกว่าใน RDR2

    เกมใหม่ ๆ ปี 2026 จะกิน VRAM มากขึ้น
    เกม AAA เริ่มใช้ texture 4K/8K
    ระบบ streaming asset ซับซ้อนขึ้น
    RT pipeline ใช้ VRAM เพิ่มขึ้นหลายร้อย MB ต่อเฟรม

    ข้อสรุปเชิงกลยุทธ์ (จากข้อมูลในบทความ + บริบทอุตสาหกรรม)
    8GB VRAM = mid‑range minimum ในปี 2026
    12GB กำลังกลายเป็น baseline ใหม่ สำหรับ AAA
    16GB จะเป็น sweet spot สำหรับเกมที่เปิด RT
    การ์ด 8GB ยัง “เล่นได้” แต่ต้องลด texture และปิด RT

    https://wccftech.com/is-8-gb-of-vram-enough-heading-into-2026-sapphire-pulse-9060-xt-8gb-benchmarked/
    🎮 8GB VRAM ยังพอไหมในปี 2026? บททดสอบ Sapphire Pulse 9060 XT 8GB ชี้คำตอบชัดเจน บทความของ Wccftech ทดสอบ Sapphire Pulse 9060 XT 8GB ในเกมยุคใหม่ และคำตอบที่ได้ค่อนข้างชัดเจน: 8GB VRAM เริ่มไม่พอสำหรับเกม AAA ปี 2025–2026 โดยเฉพาะเมื่อเปิด Ray Tracing หรือใช้ texture คุณภาพสูง แม้การใช้ FSR4 จะช่วยเพิ่มเฟรมเรต แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการ “คอขวด VRAM” ได้ทั้งหมด ผลทดสอบในหลายเกมแสดง pattern เดียวกัน: 🕛 ช่วงแรกของเกมเฟรมเรตดีมาก (เช่น ~50 FPS แบบไม่มี stutter) 🕛 แต่เมื่อเข้าสู่ฉากหนัก ๆ VRAM เต็ม → เฟรมเรตตกฮวบ เหลือ 40 FPS หรือต่ำกว่านั้น และบางครั้งลงไปถึงหลักสิบ 🕛 เกมต้อง “cull textures” อย่างรุนแรงเพื่อให้พออยู่ใน 8GB ทำให้โมเดลตัวละครและพื้นผิวดูเบลอหรือโหลดไม่ทัน ในเกมอย่าง Cyberpunk 2077 และ RDR2 ปัญหายิ่งชัดเจน: 📊 ฉากเมืองหนาแน่นทำให้ VRAM เต็มเร็ว 📊 เฟรมเรตแกว่งหนัก 📊 DX12 ยังมี stuttering ที่ Vulkan ไม่มี แม้จะปรับลงมาเป็น Medium textures + RT เปิด + FSR4 Quality ก็ยังพบว่าเฟรมเรต “ตกจากหน้าผา” ทันทีที่ VRAM ถูกใช้จนหมด นี่คือสัญญาณชัดเจนว่าเกมยุคใหม่ไม่ได้กินแค่ GPU compute แต่กิน VRAM แบบโหดขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเกมที่ใช้ asset ขนาดใหญ่, open‑world, หรือมีระบบ streaming texture แบบใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ ✅ 8GB VRAM ยัง “พอเล่นได้” แต่มีข้อจำกัดชัดเจน ➡️ เล่นได้ดีในฉากเบา ๆ ➡️ แต่ VRAM เต็มเมื่อเจอฉากหนัก → เฟรมเรตตกทันที ➡️ เกมต้องลดคุณภาพ texture อัตโนมัติจนเห็นได้ชัด ✅ Ray Tracing + High/Epic textures = ไม่ไหว ➡️ เกมต้อง cull textures เพื่อให้พอใน 8GB ➡️ โมเดลตัวละครและพื้นผิวดู low‑res ➡️ เฟรมเรตแกว่งหนักในฉากเมืองหรือฉากแอ็กชัน ✅ FSR4 ช่วยได้ แต่ไม่แก้ปัญหา VRAM ➡️ เฟรมเรตดีขึ้นในฉากเปิด ➡️ แต่เมื่อ VRAM เต็ม → FSR ก็ช่วยไม่ได้ ✅ API มีผล ➡️ DX12 มี stuttering ในบางเกม ➡️ Vulkan ทำงานลื่นกว่าใน RDR2 ✅ เกมใหม่ ๆ ปี 2026 จะกิน VRAM มากขึ้น ➡️ เกม AAA เริ่มใช้ texture 4K/8K ➡️ ระบบ streaming asset ซับซ้อนขึ้น ➡️ RT pipeline ใช้ VRAM เพิ่มขึ้นหลายร้อย MB ต่อเฟรม 🎯 ข้อสรุปเชิงกลยุทธ์ (จากข้อมูลในบทความ + บริบทอุตสาหกรรม) ➡️ 8GB VRAM = mid‑range minimum ในปี 2026 ➡️ 12GB กำลังกลายเป็น baseline ใหม่ สำหรับ AAA ➡️ 16GB จะเป็น sweet spot สำหรับเกมที่เปิด RT ➡️ การ์ด 8GB ยัง “เล่นได้” แต่ต้องลด texture และปิด RT https://wccftech.com/is-8-gb-of-vram-enough-heading-into-2026-sapphire-pulse-9060-xt-8gb-benchmarked/
    WCCFTECH.COM
    Is 8 GB of VRAM Enough heading into 2026? Sapphire Pulse 9060 XT 8GB Benchmarked
    Is 8 GB VRAM enough for modern games? We answer this question with the modern Radeon RX 9060 XT GPU from AMD.
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • Samsung ดึงอดีต VP จาก AMD มานำทัพ Exynos: สัญญาณรีบูตยุทธศาสตร์ชิปครั้งใหญ่

    Samsung เดินหมากสำคัญในศึกชิปมือถือด้วยการดึง John Rayfield อดีตรองประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมของ AMD เข้ามานำทีม Exynos เพื่อยกระดับด้าน GPU, System IP และสถาปัตยกรรม SoC โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนชัดว่า Samsung ต้องการ “รีเซ็ต” ภาพลักษณ์ Exynos หลังจากหลายปีที่ตามหลังคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ทั้งด้านประสิทธิภาพและประสิทธิภาพต่อวัตต์

    Rayfield เคยมีบทบาทสำคัญในงานด้านสถาปัตยกรรมประมวลผลระดับสูง และการเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการเสริมกำลังเชิงกลยุทธ์ให้กับทีม Exynos ที่กำลังพัฒนา Exynos 2600 ซึ่งเป็นชิป 2nm GAA รุ่นแรกของ Samsung ที่มีรายงานว่า yield “น่าพอใจ” และอาจถูกใช้ใน Galaxy Z Flip 8 รุ่นถัดไป

    การดึงผู้บริหารระดับนี้เข้ามาไม่ใช่แค่การเพิ่มคนเก่ง แต่เป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลัง “เปลี่ยนทิศทาง” ของ Exynos ใหม่ทั้งหมด—จากการเป็นชิปที่ถูกมองว่าเป็นตัวรอง กลับมาสู่การเป็นแกนหลักของ ecosystem Samsung อีกครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่บริษัทต้องการลดการพึ่งพา Qualcomm และสร้างความแตกต่างเชิงสถาปัตยกรรมให้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง

    แม้บทความไม่ได้ลงรายละเอียดเชิงเทคนิคมากนัก แต่การประกาศนี้สะท้อนว่า Samsung กำลังเร่งสร้างทีมสถาปัตยกรรมระดับโลกเพื่อแข่งขันในตลาดที่กำลังเปลี่ยนเร็ว ทั้งด้าน AI on‑device, GPU efficiency และการออกแบบ SoC แบบ custom ที่กำลังกลับมาเป็นเทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    Samsung จ้าง John Rayfield อดีต VP ของ AMD มานำทีม Exynos
    เน้นยกระดับ GPU, System IP และสถาปัตยกรรม SoC

    บริบทเชิงกลยุทธ์
    Samsung ต้องการรีบูตภาพลักษณ์ Exynos หลังตามคู่แข่งมาหลายปี
    ลดการพึ่งพา Qualcomm และสร้างความแตกต่างเชิงสถาปัตยกรรม
    สอดคล้องกับการผลักดันชิป 2nm GAA รุ่นใหม่

    ผลกระทบต่อ ecosystem
    Exynos 2600 มีรายงานว่า yield ดีและอาจใช้ใน Galaxy Z Flip 8
    การเสริมทีมระดับนี้อาจทำให้ Exynos กลับมาแข่งขันในตลาด high‑end ได้
    เป็นสัญญาณว่าศึกชิปมือถือกำลังเข้าสู่ยุค “custom architecture war”

    https://wccftech.com/samsung-hires-former-amd-vp-to-lead-exynos-innovation/
    🧠 Samsung ดึงอดีต VP จาก AMD มานำทัพ Exynos: สัญญาณรีบูตยุทธศาสตร์ชิปครั้งใหญ่ Samsung เดินหมากสำคัญในศึกชิปมือถือด้วยการดึง John Rayfield อดีตรองประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมของ AMD เข้ามานำทีม Exynos เพื่อยกระดับด้าน GPU, System IP และสถาปัตยกรรม SoC โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนชัดว่า Samsung ต้องการ “รีเซ็ต” ภาพลักษณ์ Exynos หลังจากหลายปีที่ตามหลังคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ทั้งด้านประสิทธิภาพและประสิทธิภาพต่อวัตต์ Rayfield เคยมีบทบาทสำคัญในงานด้านสถาปัตยกรรมประมวลผลระดับสูง และการเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการเสริมกำลังเชิงกลยุทธ์ให้กับทีม Exynos ที่กำลังพัฒนา Exynos 2600 ซึ่งเป็นชิป 2nm GAA รุ่นแรกของ Samsung ที่มีรายงานว่า yield “น่าพอใจ” และอาจถูกใช้ใน Galaxy Z Flip 8 รุ่นถัดไป การดึงผู้บริหารระดับนี้เข้ามาไม่ใช่แค่การเพิ่มคนเก่ง แต่เป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลัง “เปลี่ยนทิศทาง” ของ Exynos ใหม่ทั้งหมด—จากการเป็นชิปที่ถูกมองว่าเป็นตัวรอง กลับมาสู่การเป็นแกนหลักของ ecosystem Samsung อีกครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่บริษัทต้องการลดการพึ่งพา Qualcomm และสร้างความแตกต่างเชิงสถาปัตยกรรมให้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แม้บทความไม่ได้ลงรายละเอียดเชิงเทคนิคมากนัก แต่การประกาศนี้สะท้อนว่า Samsung กำลังเร่งสร้างทีมสถาปัตยกรรมระดับโลกเพื่อแข่งขันในตลาดที่กำลังเปลี่ยนเร็ว ทั้งด้าน AI on‑device, GPU efficiency และการออกแบบ SoC แบบ custom ที่กำลังกลับมาเป็นเทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ Samsung จ้าง John Rayfield อดีต VP ของ AMD มานำทีม Exynos ➡️ เน้นยกระดับ GPU, System IP และสถาปัตยกรรม SoC ✅ บริบทเชิงกลยุทธ์ ➡️ Samsung ต้องการรีบูตภาพลักษณ์ Exynos หลังตามคู่แข่งมาหลายปี ➡️ ลดการพึ่งพา Qualcomm และสร้างความแตกต่างเชิงสถาปัตยกรรม ➡️ สอดคล้องกับการผลักดันชิป 2nm GAA รุ่นใหม่ ✅ ผลกระทบต่อ ecosystem ➡️ Exynos 2600 มีรายงานว่า yield ดีและอาจใช้ใน Galaxy Z Flip 8 ➡️ การเสริมทีมระดับนี้อาจทำให้ Exynos กลับมาแข่งขันในตลาด high‑end ได้ ➡️ เป็นสัญญาณว่าศึกชิปมือถือกำลังเข้าสู่ยุค “custom architecture war” https://wccftech.com/samsung-hires-former-amd-vp-to-lead-exynos-innovation/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Hires Former AMD Vice President John Rayfield To Lead Its Exynos Division And Strengthen Innovation In GPUs, System IP, SoC Architecture And More
    After the Exynos 2600, Samsung intends to change its chipset division entirely with the recent hiring of ex-AMD VP John Rayfield
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • TP‑Link Tapo C200: เมื่อกล้องวงจรปิดราคาถูกกลายเป็นประตูหลังสู่บ้านของผู้ใช้

    งานวิจัยล่าสุดของ Simone Margaritelli เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในกล้อง TP‑Link Tapo C200 ซึ่งเป็นหนึ่งในกล้อง IP ราคาประหยัดที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก จุดเริ่มต้นของการค้นพบนี้มาจากการทดลอง “เล่นสนุกวันหยุด” ที่ตั้งใจใช้ AI ช่วยในการรีเวิร์สเอนจิเนียริง แต่กลับนำไปสู่การพบช่องโหว่ที่กระทบอุปกรณ์กว่า 25,000 ตัวที่เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง การค้นพบนี้สะท้อนความจริงที่น่ากังวลว่าอุปกรณ์ IoT ราคาถูกจำนวนมากยังคงมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแออย่างน่าตกใจ

    สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ TP‑Link เก็บ private SSL keys แบบ hardcoded ไว้ในเฟิร์มแวร์ ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกับกล้องสามารถดักฟังและถอดรหัส HTTPS traffic ได้ทันทีโดยไม่ต้องยุ่งกับฮาร์ดแวร์เลย นอกจากนี้ การใช้ AI เช่น Grok, Claude Opus และ GhidraMCP ทำให้กระบวนการวิเคราะห์เฟิร์มแวร์เร็วขึ้นอย่างมหาศาล—ตั้งแต่การถอดรหัสเฟิร์มแวร์จาก S3 bucket ที่เปิดสาธารณะ ไปจนถึงการทำความเข้าใจโค้ด MIPS ที่ซับซ้อนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

    การวิเคราะห์นำไปสู่การค้นพบช่องโหว่ 4 รายการที่ร้ายแรง ทั้ง buffer overflow ใน ONVIF XML parser, integer overflow ใน HTTPS server, API ที่อนุญาตให้เปลี่ยน WiFi ของกล้องได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และ API ที่เปิดเผยรายชื่อ WiFi รอบข้าง ซึ่งสามารถนำไปสู่การ ระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ ผ่านฐานข้อมูล BSSID ของ Apple นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านความปลอดภัย แต่เป็นปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวระดับโครงสร้างที่ทำให้กล้องวงจรปิดกลายเป็นอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งโดยไม่ตั้งใจ

    ท้ายที่สุด Margaritelli เปิดเผยไทม์ไลน์การแจ้งเตือน TP‑Link ซึ่งล่าช้าเกินกว่า 150 วันก่อนจะมีการออกแพตช์ ทั้งที่บริษัทเป็น CVE Numbering Authority (CNA) ของตัวเอง และใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด นี่คือความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่สะท้อนปัญหาของอุตสาหกรรม IoT: ผู้ผลิตควบคุมทั้งผลิตภัณฑ์ ช่องโหว่ และการรายงาน ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพาความรับผิดชอบของบริษัทมากกว่ามาตรฐานความปลอดภัยที่แท้จริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่ค้นพบจากการรีเวิร์สเฟิร์มแวร์
    พบ private SSL keys แบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์
    เฟิร์มแวร์ทั้งหมดของ TP‑Link อยู่ใน S3 bucket แบบเปิด
    AI ช่วยเร่งการวิเคราะห์โค้ด MIPS และ mapping API handlers ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ช่องโหว่สำคัญ (CVE)
    CVE‑2025‑8065 — ONVIF XML parser overflow ทำให้กล้อง crash
    CVE‑2025‑14299 — HTTPS Content‑Length integer overflow
    CVE‑2025‑14300 — API connectAp ไม่มี auth ทำให้เปลี่ยน WiFi ได้
    scanApList API เปิดเผยข้อมูล WiFi รอบข้างแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้โจมตีสามารถดักฟังวิดีโอได้ผ่าน private key ที่ฝังมาในเฟิร์มแวร์
    สามารถบังคับให้กล้องเชื่อมต่อ WiFi ของผู้โจมตี
    สามารถระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อผ่าน BSSID → Apple location API
    อุปกรณ์กว่า 25,000 ตัว เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง

    ปัญหาเชิงโครงสร้างของผู้ผลิต
    TP‑Link เป็น CNA ของตัวเอง ทำให้มีอำนาจควบคุมการรายงานช่องโหว่
    ใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด
    การตอบสนองล่าช้าเกินกว่า 150 วัน แม้ช่องโหว่จะร้ายแรง

    สิ่งที่ต้องระวัง
    กล้อง IoT ราคาถูกมักมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแอ
    การพึ่งพา API ที่ไม่มีการยืนยันตัวตนเป็นความเสี่ยงร้ายแรง
    การเปิดเผย BSSID อาจนำไปสู่การระบุตำแหน่งบ้านได้
    ผู้ผลิตที่เป็น CNA ของตัวเองอาจมีแรงจูงใจลดการเปิดเผยช่องโหว่

    https://www.evilsocket.net/2025/12/18/TP-Link-Tapo-C200-Hardcoded-Keys-Buffer-Overflows-and-Privacy-in-the-Era-of-AI-Assisted-Reverse-Engineering/
    🔓 TP‑Link Tapo C200: เมื่อกล้องวงจรปิดราคาถูกกลายเป็นประตูหลังสู่บ้านของผู้ใช้ งานวิจัยล่าสุดของ Simone Margaritelli เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในกล้อง TP‑Link Tapo C200 ซึ่งเป็นหนึ่งในกล้อง IP ราคาประหยัดที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก จุดเริ่มต้นของการค้นพบนี้มาจากการทดลอง “เล่นสนุกวันหยุด” ที่ตั้งใจใช้ AI ช่วยในการรีเวิร์สเอนจิเนียริง แต่กลับนำไปสู่การพบช่องโหว่ที่กระทบอุปกรณ์กว่า 25,000 ตัวที่เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง การค้นพบนี้สะท้อนความจริงที่น่ากังวลว่าอุปกรณ์ IoT ราคาถูกจำนวนมากยังคงมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแออย่างน่าตกใจ สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ TP‑Link เก็บ private SSL keys แบบ hardcoded ไว้ในเฟิร์มแวร์ ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกับกล้องสามารถดักฟังและถอดรหัส HTTPS traffic ได้ทันทีโดยไม่ต้องยุ่งกับฮาร์ดแวร์เลย นอกจากนี้ การใช้ AI เช่น Grok, Claude Opus และ GhidraMCP ทำให้กระบวนการวิเคราะห์เฟิร์มแวร์เร็วขึ้นอย่างมหาศาล—ตั้งแต่การถอดรหัสเฟิร์มแวร์จาก S3 bucket ที่เปิดสาธารณะ ไปจนถึงการทำความเข้าใจโค้ด MIPS ที่ซับซ้อนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง การวิเคราะห์นำไปสู่การค้นพบช่องโหว่ 4 รายการที่ร้ายแรง ทั้ง buffer overflow ใน ONVIF XML parser, integer overflow ใน HTTPS server, API ที่อนุญาตให้เปลี่ยน WiFi ของกล้องได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และ API ที่เปิดเผยรายชื่อ WiFi รอบข้าง ซึ่งสามารถนำไปสู่การ ระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ ผ่านฐานข้อมูล BSSID ของ Apple นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านความปลอดภัย แต่เป็นปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวระดับโครงสร้างที่ทำให้กล้องวงจรปิดกลายเป็นอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งโดยไม่ตั้งใจ ท้ายที่สุด Margaritelli เปิดเผยไทม์ไลน์การแจ้งเตือน TP‑Link ซึ่งล่าช้าเกินกว่า 150 วันก่อนจะมีการออกแพตช์ ทั้งที่บริษัทเป็น CVE Numbering Authority (CNA) ของตัวเอง และใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด นี่คือความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่สะท้อนปัญหาของอุตสาหกรรม IoT: ผู้ผลิตควบคุมทั้งผลิตภัณฑ์ ช่องโหว่ และการรายงาน ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพาความรับผิดชอบของบริษัทมากกว่ามาตรฐานความปลอดภัยที่แท้จริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่ค้นพบจากการรีเวิร์สเฟิร์มแวร์ ➡️ พบ private SSL keys แบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์ ➡️ เฟิร์มแวร์ทั้งหมดของ TP‑Link อยู่ใน S3 bucket แบบเปิด ➡️ AI ช่วยเร่งการวิเคราะห์โค้ด MIPS และ mapping API handlers ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ช่องโหว่สำคัญ (CVE) ➡️ CVE‑2025‑8065 — ONVIF XML parser overflow ทำให้กล้อง crash ➡️ CVE‑2025‑14299 — HTTPS Content‑Length integer overflow ➡️ CVE‑2025‑14300 — API connectAp ไม่มี auth ทำให้เปลี่ยน WiFi ได้ ➡️ scanApList API เปิดเผยข้อมูล WiFi รอบข้างแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้โจมตีสามารถดักฟังวิดีโอได้ผ่าน private key ที่ฝังมาในเฟิร์มแวร์ ➡️ สามารถบังคับให้กล้องเชื่อมต่อ WiFi ของผู้โจมตี ➡️ สามารถระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อผ่าน BSSID → Apple location API ➡️ อุปกรณ์กว่า 25,000 ตัว เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง ✅ ปัญหาเชิงโครงสร้างของผู้ผลิต ➡️ TP‑Link เป็น CNA ของตัวเอง ทำให้มีอำนาจควบคุมการรายงานช่องโหว่ ➡️ ใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด ➡️ การตอบสนองล่าช้าเกินกว่า 150 วัน แม้ช่องโหว่จะร้ายแรง ‼️ สิ่งที่ต้องระวัง ⛔ กล้อง IoT ราคาถูกมักมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแอ ⛔ การพึ่งพา API ที่ไม่มีการยืนยันตัวตนเป็นความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ การเปิดเผย BSSID อาจนำไปสู่การระบุตำแหน่งบ้านได้ ⛔ ผู้ผลิตที่เป็น CNA ของตัวเองอาจมีแรงจูงใจลดการเปิดเผยช่องโหว่ https://www.evilsocket.net/2025/12/18/TP-Link-Tapo-C200-Hardcoded-Keys-Buffer-Overflows-and-Privacy-in-the-Era-of-AI-Assisted-Reverse-Engineering/
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • 2025: ปีที่ LLM เปลี่ยนรูปร่าง—จาก “โมเดลที่ถูกสอน” สู่ “สิ่งมีชีวิตเชิงตรรกะที่ถูกเรียกใช้”

    ปี 2025 เป็นปีที่วงการ LLM เปลี่ยนโฉมอย่างชัดเจนที่สุดตั้งแต่ยุค GPT‑3 เพราะเป็นปีที่ Reinforcement Learning from Verifiable Rewards (RLVR) กลายเป็นแกนกลางของการพัฒนาโมเดลแทนการพึ่ง SFT + RLHF แบบเดิม การฝึกด้วยรางวัลที่ตรวจสอบได้อัตโนมัติในโดเมนอย่างคณิตศาสตร์และโค้ด ทำให้โมเดล “ค้นพบ” กลยุทธ์การคิดด้วยตัวเอง เช่น การแตกโจทย์เป็นขั้นตอน การย้อนกลับไปตรวจคำตอบ และการสร้าง reasoning trace ที่ยาวขึ้นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ สิ่งนี้ทำให้ LLM ดูเหมือน “คิดเป็น” มากขึ้นในสายตาของมนุษย์

    นอกจากความก้าวหน้าทางเทคนิคแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีที่อุตสาหกรรมเริ่มเข้าใจ “รูปร่างของสติปัญญาแบบ LLM” ว่ามันไม่ใช่สัตว์วิวัฒนาการ แต่เป็น “ผี” ที่ถูกเรียกขึ้นมาจากการ optimize ตามแรงกดดันของข้อมูลและรางวัล ทำให้ความสามารถของโมเดลมีลักษณะ “เป็นหยัก” (jagged) เก่งมากในบางเรื่องและงงงวยในบางเรื่องอย่างสุดขั้ว สิ่งนี้ทำให้ความเชื่อใน benchmark ลดลง เพราะโมเดลสามารถ “โตตาม benchmark” ได้ง่ายผ่าน RLVR และ synthetic data

    ปีนี้ยังเป็นปีที่ LLM apps เช่น Cursor และ Claude Code แสดงให้เห็นว่า “แอป LLM” คือเลเยอร์ใหม่ของซอฟต์แวร์—เป็นตัว orchestrate โมเดลหลายตัว, จัดการ context, เชื่อมต่อเครื่องมือ และสร้าง GUI เฉพาะงาน Cursor ทำให้เกิดคำว่า “Cursor for X” ส่วน Claude Code แสดงให้เห็นว่า agent ที่รันบนเครื่องผู้ใช้โดยตรงสามารถเปลี่ยน workflow ของนักพัฒนาได้อย่างสิ้นเชิง

    ท้ายที่สุด ปี 2025 คือปีที่ “vibe coding” กลายเป็นเรื่องปกติ—การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาอังกฤษแทนโค้ด ทำให้คนทั่วไปสร้างซอฟต์แวร์ได้ และทำให้โปรแกรมเมอร์สร้างซอฟต์แวร์มากกว่าที่เคยเป็นไปได้ นอกจากนี้โมเดลอย่าง Gemini Nano Banana ยังเผยให้เห็นอนาคตของ “LLM GUI” ที่ผสานข้อความ ภาพ และความรู้เข้าด้วยกันในโมเดลเดียว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงใหญ่ของสถาปัตยกรรม LLM ในปี 2025
    RLVR กลายเป็นแกนหลักแทน SFT + RLHF
    โมเดลเรียนรู้กลยุทธ์ reasoning ด้วยตัวเองผ่านรางวัลที่ตรวจสอบได้
    ความสามารถเพิ่มขึ้นจาก “การคิดนานขึ้น” ไม่ใช่แค่โมเดลใหญ่ขึ้น

    ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับ “สติปัญญาแบบ LLM”
    LLM ไม่ได้วิวัฒน์แบบสัตว์ แต่ถูก optimize แบบ “ผี” ตามแรงกดดันข้อมูล
    ความสามารถเป็นหยัก—เก่งมากในบางเรื่อง งงมากในบางเรื่อง
    benchmark เริ่มไม่น่าเชื่อถือเพราะถูก optimize ทับซ้อนด้วย RLVR

    การเกิดขึ้นของเลเยอร์ใหม่: LLM Apps
    Cursor แสดงให้เห็นว่าแอป LLM คือ orchestration layer ใหม่ของซอฟต์แวร์
    Claude Code คือ agent ที่รันบนเครื่องผู้ใช้ เปลี่ยน workflow นักพัฒนาโดยตรง
    LLM apps จะเป็นตัว “ประกอบทีม AI” สำหรับงานเฉพาะทาง

    Vibe Coding และการ democratize การเขียนโปรแกรม
    เขียนโปรแกรมด้วยภาษาอังกฤษแทนโค้ด
    คนทั่วไปสร้างซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น
    นักพัฒนาสามารถสร้างซอฟต์แวร์แบบ “ใช้ครั้งเดียวทิ้ง” เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    สัญญาณของอนาคต: LLM GUI
    Gemini Nano Banana แสดงให้เห็นการรวม text + image + knowledge ในโมเดลเดียว
    อนาคตของ LLM จะไม่ใช่ “แชต” แต่เป็น “อินเทอร์เฟซภาพ” ที่มนุษย์ถนัดกว่า

    ประเด็นที่ต้องระวัง
    RLVR อาจทำให้โมเดลเก่งเฉพาะโดเมนที่ตรวจสอบได้ แต่ยังอ่อนในโดเมนเปิด
    benchmark อาจหลอกตา ทำให้ประเมินความสามารถโมเดลผิด
    agent ที่รันบนเครื่องผู้ใช้ต้องระวังเรื่องสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและความปลอดภัย

    https://karpathy.bearblog.dev/year-in-review-2025/
    🤖 2025: ปีที่ LLM เปลี่ยนรูปร่าง—จาก “โมเดลที่ถูกสอน” สู่ “สิ่งมีชีวิตเชิงตรรกะที่ถูกเรียกใช้” ปี 2025 เป็นปีที่วงการ LLM เปลี่ยนโฉมอย่างชัดเจนที่สุดตั้งแต่ยุค GPT‑3 เพราะเป็นปีที่ Reinforcement Learning from Verifiable Rewards (RLVR) กลายเป็นแกนกลางของการพัฒนาโมเดลแทนการพึ่ง SFT + RLHF แบบเดิม การฝึกด้วยรางวัลที่ตรวจสอบได้อัตโนมัติในโดเมนอย่างคณิตศาสตร์และโค้ด ทำให้โมเดล “ค้นพบ” กลยุทธ์การคิดด้วยตัวเอง เช่น การแตกโจทย์เป็นขั้นตอน การย้อนกลับไปตรวจคำตอบ และการสร้าง reasoning trace ที่ยาวขึ้นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ สิ่งนี้ทำให้ LLM ดูเหมือน “คิดเป็น” มากขึ้นในสายตาของมนุษย์ นอกจากความก้าวหน้าทางเทคนิคแล้ว ปีนี้ยังเป็นปีที่อุตสาหกรรมเริ่มเข้าใจ “รูปร่างของสติปัญญาแบบ LLM” ว่ามันไม่ใช่สัตว์วิวัฒนาการ แต่เป็น “ผี” ที่ถูกเรียกขึ้นมาจากการ optimize ตามแรงกดดันของข้อมูลและรางวัล ทำให้ความสามารถของโมเดลมีลักษณะ “เป็นหยัก” (jagged) เก่งมากในบางเรื่องและงงงวยในบางเรื่องอย่างสุดขั้ว สิ่งนี้ทำให้ความเชื่อใน benchmark ลดลง เพราะโมเดลสามารถ “โตตาม benchmark” ได้ง่ายผ่าน RLVR และ synthetic data ปีนี้ยังเป็นปีที่ LLM apps เช่น Cursor และ Claude Code แสดงให้เห็นว่า “แอป LLM” คือเลเยอร์ใหม่ของซอฟต์แวร์—เป็นตัว orchestrate โมเดลหลายตัว, จัดการ context, เชื่อมต่อเครื่องมือ และสร้าง GUI เฉพาะงาน Cursor ทำให้เกิดคำว่า “Cursor for X” ส่วน Claude Code แสดงให้เห็นว่า agent ที่รันบนเครื่องผู้ใช้โดยตรงสามารถเปลี่ยน workflow ของนักพัฒนาได้อย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุด ปี 2025 คือปีที่ “vibe coding” กลายเป็นเรื่องปกติ—การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาอังกฤษแทนโค้ด ทำให้คนทั่วไปสร้างซอฟต์แวร์ได้ และทำให้โปรแกรมเมอร์สร้างซอฟต์แวร์มากกว่าที่เคยเป็นไปได้ นอกจากนี้โมเดลอย่าง Gemini Nano Banana ยังเผยให้เห็นอนาคตของ “LLM GUI” ที่ผสานข้อความ ภาพ และความรู้เข้าด้วยกันในโมเดลเดียว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงใหญ่ของสถาปัตยกรรม LLM ในปี 2025 ➡️ RLVR กลายเป็นแกนหลักแทน SFT + RLHF ➡️ โมเดลเรียนรู้กลยุทธ์ reasoning ด้วยตัวเองผ่านรางวัลที่ตรวจสอบได้ ➡️ ความสามารถเพิ่มขึ้นจาก “การคิดนานขึ้น” ไม่ใช่แค่โมเดลใหญ่ขึ้น ✅ ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับ “สติปัญญาแบบ LLM” ➡️ LLM ไม่ได้วิวัฒน์แบบสัตว์ แต่ถูก optimize แบบ “ผี” ตามแรงกดดันข้อมูล ➡️ ความสามารถเป็นหยัก—เก่งมากในบางเรื่อง งงมากในบางเรื่อง ➡️ benchmark เริ่มไม่น่าเชื่อถือเพราะถูก optimize ทับซ้อนด้วย RLVR ✅ การเกิดขึ้นของเลเยอร์ใหม่: LLM Apps ➡️ Cursor แสดงให้เห็นว่าแอป LLM คือ orchestration layer ใหม่ของซอฟต์แวร์ ➡️ Claude Code คือ agent ที่รันบนเครื่องผู้ใช้ เปลี่ยน workflow นักพัฒนาโดยตรง ➡️ LLM apps จะเป็นตัว “ประกอบทีม AI” สำหรับงานเฉพาะทาง ✅ Vibe Coding และการ democratize การเขียนโปรแกรม ➡️ เขียนโปรแกรมด้วยภาษาอังกฤษแทนโค้ด ➡️ คนทั่วไปสร้างซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น ➡️ นักพัฒนาสามารถสร้างซอฟต์แวร์แบบ “ใช้ครั้งเดียวทิ้ง” เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ✅ สัญญาณของอนาคต: LLM GUI ➡️ Gemini Nano Banana แสดงให้เห็นการรวม text + image + knowledge ในโมเดลเดียว ➡️ อนาคตของ LLM จะไม่ใช่ “แชต” แต่เป็น “อินเทอร์เฟซภาพ” ที่มนุษย์ถนัดกว่า ‼️ ประเด็นที่ต้องระวัง ⛔ RLVR อาจทำให้โมเดลเก่งเฉพาะโดเมนที่ตรวจสอบได้ แต่ยังอ่อนในโดเมนเปิด ⛔ benchmark อาจหลอกตา ทำให้ประเมินความสามารถโมเดลผิด ⛔ agent ที่รันบนเครื่องผู้ใช้ต้องระวังเรื่องสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและความปลอดภัย https://karpathy.bearblog.dev/year-in-review-2025/
    KARPATHY.BEARBLOG.DEV
    2025 LLM Year in Review
    2025 Year in Review of LLM paradigm changes
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • CSS Grid Lanes: อนาคตของ Masonry Layout ที่ทำงานได้จริงในเบราว์เซอร์

    CSS Grid Lanes คือความพยายามครั้งสำคัญของทีม WebKit และกลุ่มทำงาน CSS ที่ต้องการสร้าง “Masonry layout แบบเนทีฟ” โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript หรือไลบรารีเสริมอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เกิดจากการทำงานร่วมกันหลายปีระหว่าง Mozilla, Apple และสมาชิกใน CSS Working Group เพื่อหาวิธีสร้างเลย์เอาต์แบบ Pinterest‑style ที่ทั้งยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่ายในทุกเบราว์เซอร์

    หัวใจของ Grid Lanes คือการใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มความสามารถให้เบราว์เซอร์จัดวางไอเท็มตาม “ช่องว่างที่ใกล้ด้านบนที่สุด” คล้ายการขับรถเปลี่ยนเลนเพื่อไปให้ไกลที่สุดในสภาพจราจรติดขัด แนวคิดนี้ทำให้เกิดเลย์เอาต์แบบ waterfall โดยไม่ต้องเขียนสคริปต์ใดๆ และยังรองรับ infinite scroll ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเบราว์เซอร์จัดการตำแหน่งให้เองทั้งหมด

    นอกจากนี้ Grid Lanes ยังเปิดประตูสู่ดีไซน์ใหม่ๆ เช่น การกำหนดเลนกว้าง‑แคบสลับกัน การให้บางไอเท็ม span หลายคอลัมน์ หรือแม้แต่การสลับทิศทางของเลย์เอาต์จากแนวตั้งเป็นแนวนอนได้เพียงแค่เปลี่ยนจาก grid-template-columns เป็น grid-template-rows โดยไม่ต้องแก้โค้ดส่วนอื่นเลย ฟีเจอร์ “item‑tolerance” ยังช่วยควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวาง ทำให้ดีไซเนอร์เลือกได้ว่าจะให้เลย์เอาต์ “นิ่ง” หรือ “ไหลลื่น” มากแค่ไหน

    แม้สเปกยังมีบางส่วนที่กำลังถกเถียง เช่น ชื่อ property ที่จะใช้ควบคุมทิศทาง แต่โดยรวมฟีเจอร์นี้ถือว่า “พร้อมใช้งาน” แล้วใน Safari Technology Preview และกำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานเว็บในอนาคต หากถูกนำไปใช้จริงในทุกเบราว์เซอร์ Grid Lanes จะกลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดสำคัญของ CSS ที่ช่วยลดภาระ JavaScript และทำให้เว็บเร็วขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และออกแบบได้อิสระมากขึ้นกว่าเดิม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แนวคิดหลักของ CSS Grid Lanes
    สร้าง Masonry layout แบบเนทีฟโดยไม่ต้องใช้ JavaScript
    ใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มอัลกอริทึมจัดวางแบบ “closest to the top”
    รองรับ infinite scroll และการเข้าถึง (accessibility) ได้ดีกว่าไลบรารีเดิม

    ความสามารถใหม่ที่โดดเด่น
    สร้างเลนกว้าง‑แคบสลับกันด้วย grid-template-*
    ให้ไอเท็ม span หลายคอลัมน์ได้อย่างยืดหยุ่น
    สลับทิศทางเลย์เอาต์ได้ง่ายเพียงเปลี่ยน columns ↔ rows

    ฟีเจอร์ item‑tolerance
    ควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวางไอเท็ม
    ลดการ “กระโดดเลย์เอาต์” หรือทำให้เลย์เอาต์ไหลลื่นขึ้นตามต้องการ

    สถานะปัจจุบันของสเปก
    พร้อมทดลองใช้ใน Safari Technology Preview 234
    CSS Working Group ยังถกเรื่องชื่อ property บางส่วน
    ฟีเจอร์โดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานจริง” ในอนาคตอันใกล้

    ประเด็นที่ต้องระวัง
    สเปกยังไม่เสถียร 100% อาจมีการเปลี่ยนชื่อ property
    รองรับเฉพาะบางเบราว์เซอร์ในตอนนี้
    ต้องตรวจสอบ grid-auto-flow หากเลย์เอาต์ไม่ทำงานตามคาด

    https://webkit.org/blog/17660/introducing-css-grid-lanes/
    🧩 CSS Grid Lanes: อนาคตของ Masonry Layout ที่ทำงานได้จริงในเบราว์เซอร์ CSS Grid Lanes คือความพยายามครั้งสำคัญของทีม WebKit และกลุ่มทำงาน CSS ที่ต้องการสร้าง “Masonry layout แบบเนทีฟ” โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript หรือไลบรารีเสริมอีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เกิดจากการทำงานร่วมกันหลายปีระหว่าง Mozilla, Apple และสมาชิกใน CSS Working Group เพื่อหาวิธีสร้างเลย์เอาต์แบบ Pinterest‑style ที่ทั้งยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่ายในทุกเบราว์เซอร์ หัวใจของ Grid Lanes คือการใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มความสามารถให้เบราว์เซอร์จัดวางไอเท็มตาม “ช่องว่างที่ใกล้ด้านบนที่สุด” คล้ายการขับรถเปลี่ยนเลนเพื่อไปให้ไกลที่สุดในสภาพจราจรติดขัด แนวคิดนี้ทำให้เกิดเลย์เอาต์แบบ waterfall โดยไม่ต้องเขียนสคริปต์ใดๆ และยังรองรับ infinite scroll ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเบราว์เซอร์จัดการตำแหน่งให้เองทั้งหมด นอกจากนี้ Grid Lanes ยังเปิดประตูสู่ดีไซน์ใหม่ๆ เช่น การกำหนดเลนกว้าง‑แคบสลับกัน การให้บางไอเท็ม span หลายคอลัมน์ หรือแม้แต่การสลับทิศทางของเลย์เอาต์จากแนวตั้งเป็นแนวนอนได้เพียงแค่เปลี่ยนจาก grid-template-columns เป็น grid-template-rows โดยไม่ต้องแก้โค้ดส่วนอื่นเลย ฟีเจอร์ “item‑tolerance” ยังช่วยควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวาง ทำให้ดีไซเนอร์เลือกได้ว่าจะให้เลย์เอาต์ “นิ่ง” หรือ “ไหลลื่น” มากแค่ไหน แม้สเปกยังมีบางส่วนที่กำลังถกเถียง เช่น ชื่อ property ที่จะใช้ควบคุมทิศทาง แต่โดยรวมฟีเจอร์นี้ถือว่า “พร้อมใช้งาน” แล้วใน Safari Technology Preview และกำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานเว็บในอนาคต หากถูกนำไปใช้จริงในทุกเบราว์เซอร์ Grid Lanes จะกลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดสำคัญของ CSS ที่ช่วยลดภาระ JavaScript และทำให้เว็บเร็วขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และออกแบบได้อิสระมากขึ้นกว่าเดิม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ CSS Grid Lanes ➡️ สร้าง Masonry layout แบบเนทีฟโดยไม่ต้องใช้ JavaScript ➡️ ใช้พลังของ CSS Grid เดิม แต่เพิ่มอัลกอริทึมจัดวางแบบ “closest to the top” ➡️ รองรับ infinite scroll และการเข้าถึง (accessibility) ได้ดีกว่าไลบรารีเดิม ✅ ความสามารถใหม่ที่โดดเด่น ➡️ สร้างเลนกว้าง‑แคบสลับกันด้วย grid-template-* ➡️ ให้ไอเท็ม span หลายคอลัมน์ได้อย่างยืดหยุ่น ➡️ สลับทิศทางเลย์เอาต์ได้ง่ายเพียงเปลี่ยน columns ↔ rows ✅ ฟีเจอร์ item‑tolerance ➡️ ควบคุมความไวของอัลกอริทึมในการจัดวางไอเท็ม ➡️ ลดการ “กระโดดเลย์เอาต์” หรือทำให้เลย์เอาต์ไหลลื่นขึ้นตามต้องการ ✅ สถานะปัจจุบันของสเปก ➡️ พร้อมทดลองใช้ใน Safari Technology Preview 234 ➡️ CSS Working Group ยังถกเรื่องชื่อ property บางส่วน ➡️ ฟีเจอร์โดยรวมถือว่า “พร้อมใช้งานจริง” ในอนาคตอันใกล้ ‼️ ประเด็นที่ต้องระวัง ⛔ สเปกยังไม่เสถียร 100% อาจมีการเปลี่ยนชื่อ property ⛔ รองรับเฉพาะบางเบราว์เซอร์ในตอนนี้ ⛔ ต้องตรวจสอบ grid-auto-flow หากเลย์เอาต์ไม่ทำงานตามคาด https://webkit.org/blog/17660/introducing-css-grid-lanes/
    WEBKIT.ORG
    Introducing CSS Grid Lanes
    It’s here, the future of masonry layouts on the web!
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • 5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Chromebook ที่ควรเลิกเชื่อได้แล้ว

    แม้ Chromebook จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 ในฐานะแล็ปท็อปราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐาน แต่ภาพจำในยุคแรกยังคงติดอยู่ในหัวของผู้ใช้จำนวนมาก ทั้งเรื่องอายุการใช้งานสั้น ทำอะไรไม่ได้มาก และต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม Chromebook ในปี 2025 ได้พัฒนาไปไกลกว่านั้นมาก ทั้งในด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และ ecosystem ที่รองรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น

    หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ “Chromebook อยู่ได้ไม่นาน” ซึ่งเคยเป็นจริงในยุคแรก แต่ปัจจุบัน Google ให้การอัปเดตยาวถึง 10 ปี สำหรับรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป ทำให้เทียบชั้นกับ Windows และ macOS ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอย่าง ChromeOS Flex หรือการติดตั้งลินุกซ์เพื่อยืดอายุเครื่องเก่าได้อีกด้วย

    อีกความเชื่อที่ยังวนเวียนคือ “Chromebook เล่นเกมไม่ได้” แม้จะไม่ใช่เครื่องเกมโดยตรง แต่ Chromebook รุ่นใหม่รองรับ Linux apps, Android games และบริการสตรีมเกมอย่าง GeForce Now ทำให้เล่นเกมอินดี้หรือเกมเบาๆ ได้มากกว่าที่หลายคนคิด รวมถึงการติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น แม้จะต้องอาศัยความพยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม

    สุดท้าย ความเชื่อว่า “Chromebook ไม่ใช่แล็ปท็อปจริง” ก็เริ่มไม่ตรงกับความเป็นจริงอีกต่อไป เพราะ Chromebook รองรับอุปกรณ์เสริมหลากหลาย ตั้งแต่จอภาพภายนอก 2 จอ ไปจนถึง drawing tablet และยังรองรับไฟล์หลากหลายประเภท รวมถึงแอป Android และเว็บแอปที่ครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่ของผู้ใช้ทั่วไปแล้ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Chromebook วันนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อน
    ได้รับอัปเดตยาว 10 ปีสำหรับรุ่นใหม่
    มีตัวเลือกยืดอายุ เช่น ChromeOS Flex และลินุกซ์

    เรื่องเล่นเกมไม่ใช่จุดอ่อนเสมอไป
    รองรับ Android games, Linux apps และ GeForce Now
    สามารถติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น

    รองรับการใช้งานจริงมากกว่าที่คิด
    ใช้อุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย เช่น external monitors, drawing tablets
    รองรับไฟล์และแอปพื้นฐานที่ผู้ใช้ทั่วไปต้องการ

    เรื่อง “คุ้มค่าเสมอ” ไม่จริงในทุกช่วงราคา
    รุ่นราคาถูกคุ้มมาก แต่รุ่นราคา 500 ดอลลาร์ขึ้นไปเริ่มสู้ Windows ไม่ได้

    สิ่งที่ต้องระวัง
    Chromebook ยังพึ่งอินเทอร์เน็ตในหลายงาน แม้จะดีขึ้นมากแล้ว
    ไม่เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น Photoshop หรือซอฟต์แวร์ระดับโปร
    รุ่นแพงอาจไม่คุ้มเมื่อเทียบกับแล็ปท็อป Windows ในราคาใกล้เคียง

    https://www.slashgear.com/2054499/chromebook-myths-stop-believing/
    💻 5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Chromebook ที่ควรเลิกเชื่อได้แล้ว แม้ Chromebook จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 ในฐานะแล็ปท็อปราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐาน แต่ภาพจำในยุคแรกยังคงติดอยู่ในหัวของผู้ใช้จำนวนมาก ทั้งเรื่องอายุการใช้งานสั้น ทำอะไรไม่ได้มาก และต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม Chromebook ในปี 2025 ได้พัฒนาไปไกลกว่านั้นมาก ทั้งในด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และ ecosystem ที่รองรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ “Chromebook อยู่ได้ไม่นาน” ซึ่งเคยเป็นจริงในยุคแรก แต่ปัจจุบัน Google ให้การอัปเดตยาวถึง 10 ปี สำหรับรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป ทำให้เทียบชั้นกับ Windows และ macOS ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอย่าง ChromeOS Flex หรือการติดตั้งลินุกซ์เพื่อยืดอายุเครื่องเก่าได้อีกด้วย อีกความเชื่อที่ยังวนเวียนคือ “Chromebook เล่นเกมไม่ได้” แม้จะไม่ใช่เครื่องเกมโดยตรง แต่ Chromebook รุ่นใหม่รองรับ Linux apps, Android games และบริการสตรีมเกมอย่าง GeForce Now ทำให้เล่นเกมอินดี้หรือเกมเบาๆ ได้มากกว่าที่หลายคนคิด รวมถึงการติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น แม้จะต้องอาศัยความพยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม สุดท้าย ความเชื่อว่า “Chromebook ไม่ใช่แล็ปท็อปจริง” ก็เริ่มไม่ตรงกับความเป็นจริงอีกต่อไป เพราะ Chromebook รองรับอุปกรณ์เสริมหลากหลาย ตั้งแต่จอภาพภายนอก 2 จอ ไปจนถึง drawing tablet และยังรองรับไฟล์หลากหลายประเภท รวมถึงแอป Android และเว็บแอปที่ครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่ของผู้ใช้ทั่วไปแล้ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Chromebook วันนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อน ➡️ ได้รับอัปเดตยาว 10 ปีสำหรับรุ่นใหม่ ➡️ มีตัวเลือกยืดอายุ เช่น ChromeOS Flex และลินุกซ์ ✅ เรื่องเล่นเกมไม่ใช่จุดอ่อนเสมอไป ➡️ รองรับ Android games, Linux apps และ GeForce Now ➡️ สามารถติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น ✅ รองรับการใช้งานจริงมากกว่าที่คิด ➡️ ใช้อุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย เช่น external monitors, drawing tablets ➡️ รองรับไฟล์และแอปพื้นฐานที่ผู้ใช้ทั่วไปต้องการ ✅ เรื่อง “คุ้มค่าเสมอ” ไม่จริงในทุกช่วงราคา ➡️ รุ่นราคาถูกคุ้มมาก แต่รุ่นราคา 500 ดอลลาร์ขึ้นไปเริ่มสู้ Windows ไม่ได้ ‼️ สิ่งที่ต้องระวัง ⛔ Chromebook ยังพึ่งอินเทอร์เน็ตในหลายงาน แม้จะดีขึ้นมากแล้ว ⛔ ไม่เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น Photoshop หรือซอฟต์แวร์ระดับโปร ⛔ รุ่นแพงอาจไม่คุ้มเมื่อเทียบกับแล็ปท็อป Windows ในราคาใกล้เคียง https://www.slashgear.com/2054499/chromebook-myths-stop-believing/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Chromebook Myths You Need To Stop Believing - SlashGear
    Chromebooks evolved past web-only basics. Debunking five big myths on updates, peripherals, app hacks, and when they beat pricier Windows rigs for most folks.
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • PkgForge: ก้าวใหม่ของแอปพกพาบน Linux ที่ไม่ผูกติดดิสโทร

    PkgForge ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ Linux เจอมานานหลายปี—แอปที่ “รันได้บนบางดิสโทร แต่พังบนอีกดิสโทรหนึ่ง” แม้จะมี Flatpak, Snap และ AppImage อยู่แล้ว แต่แต่ละแบบก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องมี daemon, runtime หรือระบบรองรับเฉพาะทางก่อนจึงจะรันได้ PkgForge จึงเสนอแนวคิดใหม่: ทำให้แอปพกพาได้จริงโดยลดการพึ่งพา dependency ของระบบให้มากที่สุด และจัดการผ่าน ecosystem ที่มีความเป็นระเบียบและตรวจสอบได้มากกว่า

    หัวใจสำคัญของ PkgForge คือ Soar ตัวจัดการแพ็กเกจที่ทำงานคู่กับดิสโทรของผู้ใช้ ไม่ได้มาแทนที่ apt หรือ dnf แต่ทำหน้าที่เป็น “เลเยอร์พกพา” ที่ติดตั้งแอปจาก repository แบบ curated พร้อม build logs และ checksum ที่ตรวจสอบได้ จุดนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากสคริปต์ติดตั้งแบบสุ่มที่ผู้ใช้ Linux มักเจอเมื่อดาวน์โหลดแอปจากเว็บต่างๆ

    นอกจากนี้ PkgForge ยังมีองค์ประกอบเสริม เช่น SoarPkgs, BinCache, และ PkgCache ซึ่งรองรับตั้งแต่ static binaries ไปจนถึง portable desktop apps โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดียว เช่น AppImage, AppBundle, FlatImage, RunImage หรือแม้แต่ GameImage สำหรับเกมที่มี asset จำนวนมาก แนวคิดนี้สะท้อนเทรนด์ใหม่ของโอเพ่นซอร์สที่เน้น “ความยืดหยุ่นเหนือรูปแบบ” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับงานมากที่สุด

    แม้ PkgForge ยังไม่ได้ถูกใช้เป็นช่องทางหลักของแอปใหญ่ๆ แต่ชุมชนเริ่มขยับตัว เช่นโครงการ AnyLinux AppImage ที่ทำให้ AppImage รันได้แม้ไม่มี FUSE หรือ user namespace ซึ่งช่วยลดปัญหาคลาสสิกของ AppImage ลงอย่างมาก หากโครงการเติบโตต่อเนื่อง มันอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตแอปพกพาบน Linux ที่แท้จริง—ไม่ใช่แค่ในเชิงเทคนิค แต่ในเชิง ecosystem ด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แนวคิดหลักของ PkgForge
    มุ่งสร้างแอปพกพาที่รันได้บนทุกดิสโทรโดยลด dependency ให้มากที่สุด
    ไม่ใช่รูปแบบแพ็กเกจใหม่ แต่เป็น ecosystem ที่จัดการ portable apps อย่างเป็นระบบ
    เน้นความโปร่งใส เช่น build logs และ checksum verification

    บทบาทของ Soar
    ทำงานคู่กับ package manager ของดิสโทร ไม่ได้มาแทนที่
    จัดการติดตั้ง อัปเดต ลบ และรันแอปแบบพกพา
    รองรับการย้ายระบบหรือใช้งานบน USB ได้ง่ายขึ้น

    ประเภทแพ็กเกจที่รองรับ
    AppImage, AppBundle, Archive, FlatImage, GameImage, RunImage
    Static binaries สำหรับ CLI tools
    เลือกใช้รูปแบบที่เหมาะกับซอฟต์แวร์แต่ละตัว ไม่บังคับรูปแบบเดียว

    ความเคลื่อนไหวในชุมชน
    AnyLinux AppImage ทำให้ AppImage ใช้งานได้กว้างขึ้น
    มีแอปยอดนิยมหลายตัวเริ่มรองรับผ่าน Soar เช่น OBS Studio, Ghostty, Cromite
    แนวโน้ม portable ecosystem เริ่มชัดเจนขึ้นในโลก Linux

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    ยังไม่ใช่ช่องทางหลักของนักพัฒนาแอปส่วนใหญ่
    ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าบางรูปแบบยังต้องพึ่งฟีเจอร์ของระบบ เช่น FUSE หรือ user namespace
    การจัดการแบบ manual (ถ้าไม่ใช้ Soar) อาจเพิ่มภาระเรื่องอัปเดตและ integration

    https://itsfoss.com/pkgforge/
    🧰 PkgForge: ก้าวใหม่ของแอปพกพาบน Linux ที่ไม่ผูกติดดิสโทร PkgForge ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ Linux เจอมานานหลายปี—แอปที่ “รันได้บนบางดิสโทร แต่พังบนอีกดิสโทรหนึ่ง” แม้จะมี Flatpak, Snap และ AppImage อยู่แล้ว แต่แต่ละแบบก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องมี daemon, runtime หรือระบบรองรับเฉพาะทางก่อนจึงจะรันได้ PkgForge จึงเสนอแนวคิดใหม่: ทำให้แอปพกพาได้จริงโดยลดการพึ่งพา dependency ของระบบให้มากที่สุด และจัดการผ่าน ecosystem ที่มีความเป็นระเบียบและตรวจสอบได้มากกว่า หัวใจสำคัญของ PkgForge คือ Soar ตัวจัดการแพ็กเกจที่ทำงานคู่กับดิสโทรของผู้ใช้ ไม่ได้มาแทนที่ apt หรือ dnf แต่ทำหน้าที่เป็น “เลเยอร์พกพา” ที่ติดตั้งแอปจาก repository แบบ curated พร้อม build logs และ checksum ที่ตรวจสอบได้ จุดนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากสคริปต์ติดตั้งแบบสุ่มที่ผู้ใช้ Linux มักเจอเมื่อดาวน์โหลดแอปจากเว็บต่างๆ นอกจากนี้ PkgForge ยังมีองค์ประกอบเสริม เช่น SoarPkgs, BinCache, และ PkgCache ซึ่งรองรับตั้งแต่ static binaries ไปจนถึง portable desktop apps โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดียว เช่น AppImage, AppBundle, FlatImage, RunImage หรือแม้แต่ GameImage สำหรับเกมที่มี asset จำนวนมาก แนวคิดนี้สะท้อนเทรนด์ใหม่ของโอเพ่นซอร์สที่เน้น “ความยืดหยุ่นเหนือรูปแบบ” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับงานมากที่สุด แม้ PkgForge ยังไม่ได้ถูกใช้เป็นช่องทางหลักของแอปใหญ่ๆ แต่ชุมชนเริ่มขยับตัว เช่นโครงการ AnyLinux AppImage ที่ทำให้ AppImage รันได้แม้ไม่มี FUSE หรือ user namespace ซึ่งช่วยลดปัญหาคลาสสิกของ AppImage ลงอย่างมาก หากโครงการเติบโตต่อเนื่อง มันอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตแอปพกพาบน Linux ที่แท้จริง—ไม่ใช่แค่ในเชิงเทคนิค แต่ในเชิง ecosystem ด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ PkgForge ➡️ มุ่งสร้างแอปพกพาที่รันได้บนทุกดิสโทรโดยลด dependency ให้มากที่สุด ➡️ ไม่ใช่รูปแบบแพ็กเกจใหม่ แต่เป็น ecosystem ที่จัดการ portable apps อย่างเป็นระบบ ➡️ เน้นความโปร่งใส เช่น build logs และ checksum verification ✅ บทบาทของ Soar ➡️ ทำงานคู่กับ package manager ของดิสโทร ไม่ได้มาแทนที่ ➡️ จัดการติดตั้ง อัปเดต ลบ และรันแอปแบบพกพา ➡️ รองรับการย้ายระบบหรือใช้งานบน USB ได้ง่ายขึ้น ✅ ประเภทแพ็กเกจที่รองรับ ➡️ AppImage, AppBundle, Archive, FlatImage, GameImage, RunImage ➡️ Static binaries สำหรับ CLI tools ➡️ เลือกใช้รูปแบบที่เหมาะกับซอฟต์แวร์แต่ละตัว ไม่บังคับรูปแบบเดียว ✅ ความเคลื่อนไหวในชุมชน ➡️ AnyLinux AppImage ทำให้ AppImage ใช้งานได้กว้างขึ้น ➡️ มีแอปยอดนิยมหลายตัวเริ่มรองรับผ่าน Soar เช่น OBS Studio, Ghostty, Cromite ➡️ แนวโน้ม portable ecosystem เริ่มชัดเจนขึ้นในโลก Linux ‼️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง ⛔ ยังไม่ใช่ช่องทางหลักของนักพัฒนาแอปส่วนใหญ่ ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าบางรูปแบบยังต้องพึ่งฟีเจอร์ของระบบ เช่น FUSE หรือ user namespace ⛔ การจัดการแบบ manual (ถ้าไม่ใช้ Soar) อาจเพิ่มภาระเรื่องอัปเดตและ integration https://itsfoss.com/pkgforge/
    ITSFOSS.COM
    Linux Apps Without Distro Lock-In? Explore This Lesser Known Snap and Flatpak Alternative
    Meet PkgForge: A Distro-Independent Portable Apps 'Foundry' for Linux Users
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • Zen 6: สถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” ของ AMD — ก้าวกระโดดครั้งใหญ่สู่ยุค 2nm และงานเวกเตอร์หนัก

    AMD เปิดเผยเอกสารทางเทคนิคชุดแรกของ Zen 6 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถาปัตยกรรม CPU รุ่นถัดไปของบริษัท โดย Zen 6 ไม่ใช่การพัฒนาต่อยอดจาก Zen 4/Zen 5 แบบ incremental แต่เป็นการออกแบบใหม่แทบทั้งหมด โดยเน้นความกว้างของสถาปัตยกรรม (wide issue) และ throughput เป็นหลัก เอกสาร “Performance Monitor Counters” ที่ถูกค้นพบโดย InstLatX64 ชี้ว่า Zen 6 ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ทำให้เป็นดีไซน์ที่เน้นงานขนานและงานหนักด้านเวกเตอร์มากขึ้น.

    Zen 6 ยังเพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์อย่างชัดเจน โดยรองรับ AVX‑512 แบบเต็ม 512‑bit ครอบคลุม FP64, FP32, FP16, BF16 รวมถึงชุดคำสั่ง AI เช่น VNNI, AES, SHA และ mixed FP‑INT ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า AMD ต้องการยกระดับ Zen 6 ให้เป็น “dense‑math engine” สำหรับงาน AI inference, HPC และเวิร์กโหลด data center โดยเฉพาะ. ความสามารถนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก HotHardware ที่ระบุว่า Zen 6 มี FP16 แบบ native และเพิ่ม hardware profiling สำหรับ memory behavior เพื่อแก้ปัญหาคอขวดด้าน latency และ bandwidth ในงานสมัยใหม่.

    อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Zen 6 มี integer scheduler แยกเป็น 6 โดเมน แทนที่จะเป็น unified scheduler แบบ Zen 5 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือความถี่สัญญาณนาฬิกาในงาน integer ได้มากขึ้น แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการก็ตาม. นอกจากนี้ Zen 6 ยังถูกออกแบบบนกระบวนการผลิต TSMC 2nm-class และในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (EPYC “Venice”) จะรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ตามข้อมูลจาก Tom’s Hardware.

    โดยรวมแล้ว Zen 6 ดูเหมือนจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ AMD ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อ data center, AI และงานเวกเตอร์หนักเป็นหลัก ก่อนจะนำบางส่วนมาปรับใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ในปี 2026–2027 ซึ่งอาจทำให้ยุค Zen 6 กลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดของ AMD นับตั้งแต่ Zen รุ่นแรก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Zen 6 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” เน้น throughput
    ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน
    ออกแบบใหม่ ไม่ใช่ incremental จาก Zen 5

    รองรับ AVX‑512 เต็มรูปแบบและงาน AI หนัก
    รองรับ FP64/FP32/FP16/BF16 และ VNNI, AES, SHA
    FP16 แบบ native เพิ่มประสิทธิภาพ AI inference อย่างมากHotHardware

    เพิ่มความสามารถด้าน memory profiling
    มี “Memory Profiler IBS” สำหรับวิเคราะห์ bottleneck ระดับ instruction

    เปลี่ยน integer backend เป็น 6 scheduler domains
    แตกต่างจาก Zen 5 ที่ใช้ unified scheduler

    ใช้กระบวนการผลิต 2nm-class และรองรับคอร์จำนวนมาก
    EPYC “Venice” อาจสูงสุดถึง 256 คอร์

    ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน
    ดีไซน์แบบ wide‑issue อาจไม่เด่นในงาน single‑thread
    Apple มีดีไซน์ 9‑wide ที่อาจยังแรงกว่าในบางงานตามข้อมูล Tom’s Hardware

    ฟีเจอร์บางอย่างอาจไม่ถูกนำมาใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์
    Zen 6 ถูกออกแบบเพื่อ data center เป็นหลัก อาจมีการตัดทอนในรุ่นทั่วไป

    การเพิ่มความซับซ้อนของ scheduler อาจเพิ่มความเสี่ยงด้าน latency
    หากจัดการไม่ดี อาจเกิด overhead ในบางเวิร์กโหลด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-pubs-first-zen-6-document-for-developers-a-brand-new-8-wide-cpu-core-with-strong-vector-capabilities
    🧠⚡ Zen 6: สถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” ของ AMD — ก้าวกระโดดครั้งใหญ่สู่ยุค 2nm และงานเวกเตอร์หนัก AMD เปิดเผยเอกสารทางเทคนิคชุดแรกของ Zen 6 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถาปัตยกรรม CPU รุ่นถัดไปของบริษัท โดย Zen 6 ไม่ใช่การพัฒนาต่อยอดจาก Zen 4/Zen 5 แบบ incremental แต่เป็นการออกแบบใหม่แทบทั้งหมด โดยเน้นความกว้างของสถาปัตยกรรม (wide issue) และ throughput เป็นหลัก เอกสาร “Performance Monitor Counters” ที่ถูกค้นพบโดย InstLatX64 ชี้ว่า Zen 6 ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ทำให้เป็นดีไซน์ที่เน้นงานขนานและงานหนักด้านเวกเตอร์มากขึ้น. Zen 6 ยังเพิ่มความสามารถด้านเวกเตอร์อย่างชัดเจน โดยรองรับ AVX‑512 แบบเต็ม 512‑bit ครอบคลุม FP64, FP32, FP16, BF16 รวมถึงชุดคำสั่ง AI เช่น VNNI, AES, SHA และ mixed FP‑INT ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า AMD ต้องการยกระดับ Zen 6 ให้เป็น “dense‑math engine” สำหรับงาน AI inference, HPC และเวิร์กโหลด data center โดยเฉพาะ. ความสามารถนี้สอดคล้องกับข้อมูลจาก HotHardware ที่ระบุว่า Zen 6 มี FP16 แบบ native และเพิ่ม hardware profiling สำหรับ memory behavior เพื่อแก้ปัญหาคอขวดด้าน latency และ bandwidth ในงานสมัยใหม่. อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ Zen 6 มี integer scheduler แยกเป็น 6 โดเมน แทนที่จะเป็น unified scheduler แบบ Zen 5 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือความถี่สัญญาณนาฬิกาในงาน integer ได้มากขึ้น แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการก็ตาม. นอกจากนี้ Zen 6 ยังถูกออกแบบบนกระบวนการผลิต TSMC 2nm-class และในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (EPYC “Venice”) จะรองรับจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ ตามข้อมูลจาก Tom’s Hardware. โดยรวมแล้ว Zen 6 ดูเหมือนจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ AMD ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อ data center, AI และงานเวกเตอร์หนักเป็นหลัก ก่อนจะนำบางส่วนมาปรับใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ในปี 2026–2027 ซึ่งอาจทำให้ยุค Zen 6 กลายเป็นหนึ่งในก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดของ AMD นับตั้งแต่ Zen รุ่นแรก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Zen 6 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่แบบ “8‑wide” เน้น throughput ➡️ ใช้ 8‑slot dispatch engine พร้อม SMT ที่แชร์ช่องสั่งงานร่วมกัน ➡️ ออกแบบใหม่ ไม่ใช่ incremental จาก Zen 5 ✅ รองรับ AVX‑512 เต็มรูปแบบและงาน AI หนัก ➡️ รองรับ FP64/FP32/FP16/BF16 และ VNNI, AES, SHA ➡️ FP16 แบบ native เพิ่มประสิทธิภาพ AI inference อย่างมากHotHardware ✅ เพิ่มความสามารถด้าน memory profiling ➡️ มี “Memory Profiler IBS” สำหรับวิเคราะห์ bottleneck ระดับ instruction ✅ เปลี่ยน integer backend เป็น 6 scheduler domains ➡️ แตกต่างจาก Zen 5 ที่ใช้ unified scheduler ✅ ใช้กระบวนการผลิต 2nm-class และรองรับคอร์จำนวนมาก ➡️ EPYC “Venice” อาจสูงสุดถึง 256 คอร์ ⚠️ ประเด็นที่ควรระวัง / คำเตือน ‼️ ดีไซน์แบบ wide‑issue อาจไม่เด่นในงาน single‑thread ⛔ Apple มีดีไซน์ 9‑wide ที่อาจยังแรงกว่าในบางงานตามข้อมูล Tom’s Hardware ‼️ ฟีเจอร์บางอย่างอาจไม่ถูกนำมาใช้ใน Ryzen รุ่นคอนซูเมอร์ ⛔ Zen 6 ถูกออกแบบเพื่อ data center เป็นหลัก อาจมีการตัดทอนในรุ่นทั่วไป ‼️ การเพิ่มความซับซ้อนของ scheduler อาจเพิ่มความเสี่ยงด้าน latency ⛔ หากจัดการไม่ดี อาจเกิด overhead ในบางเวิร์กโหลด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-pubs-first-zen-6-document-for-developers-a-brand-new-8-wide-cpu-core-with-strong-vector-capabilities
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • Mac Studio Cluster กับ RDMA บน Thunderbolt 5: Apple เปิดประตูสู่ยุค AI Supernode บนเดสก์ท็อป
    การทดสอบล่าสุดของ Jeff Geerling เผยให้เห็นศักยภาพใหม่ของ Mac Studio M3 Ultra เมื่อจับมารวมคลัสเตอร์ผ่าน RDMA บน Thunderbolt 5 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน macOS 26.2 การเชื่อมต่อแบบ RDMA ทำให้เครื่องหลายตัวแชร์หน่วยความจำเสมือนเป็นก้อนเดียว ลด latency จากระดับ
    300𝜇𝑠 เหลือไม่ถึง 50𝜇𝑠 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปกติพบในระบบ HPC ระดับศูนย์ข้อมูล ไม่ใช่บนเดสก์ท็อปทั่วไป

    คลัสเตอร์ที่ใช้ทดสอบประกอบด้วย Mac Studio 4 เครื่อง รวมหน่วยความจำ 1.5 TB unified memory มูลค่ารวมเกือบ $40,000 แม้จะเป็นตัวเลขที่สูง แต่เมื่อเทียบกับระบบอย่าง Nvidia DGX Spark หรือ AMD AI Max+ 395 ที่มีหน่วยความจำสูงสุดเพียง 128 GB ต่อเครื่อง Mac Studio กลับให้สเปกที่เหนือกว่าในหลายมิติ โดยเฉพาะงาน inference ของโมเดลขนาดใหญ่

    การทดสอบจริงพบว่า RDMA ทำให้ Exo 1.0 สามารถรันโมเดลระดับ 600+ GB (Kimi K2 Thinking) และแม้แต่โมเดลระดับ 1T parameters ได้ที่ความเร็วประมาณ 30 tokens/s บนคลัสเตอร์ 4 เครื่อง ซึ่งถือว่าเร็วพอสำหรับงานโต้ตอบแบบ near‑real‑time ในระดับ local compute นอกจากนี้ Mac Studio ยังโดดเด่นด้านพลังงาน ใช้ไฟไม่ถึง 250W ต่อเครื่อง และ idle ต่ำกว่า 10W ซึ่งเป็นตัวเลขที่หาได้ยากในโลก HPC

    อย่างไรก็ตาม การจัดการคลัสเตอร์ macOS ยังมีข้อจำกัด เช่น การอัปเดตระบบที่ต้องคลิกผ่าน UI, ความยุ่งยากของการเดินสาย Thunderbolt 5 ที่ยังไม่มีสวิตช์กลาง, และความไม่เสถียรของ RDMA ในบางงาน เช่น HPL ที่ทำให้เครื่องรีบูตระหว่างทดสอบ แต่ภาพรวมแล้ว นี่คือสัญญาณว่า Apple กำลังกลับเข้าสู่โลก HPC อีกครั้ง หลังจากยุค Xserve และ Xgrid ที่เคยล้มเหลวในอดีต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    RDMA บน Thunderbolt 5 เปลี่ยน Mac Studio ให้เป็น AI Supernode
    ลด latency จาก 300 µs → < 50 µs
    ทำให้หลายเครื่องแชร์หน่วยความจำเสมือนเป็นก้อนเดียว

    ประสิทธิภาพของคลัสเตอร์ 1.5 TB unified memory
    รันโมเดล 600+ GB และ 1T parameters ได้จริง
    ทำงานเร็วพอสำหรับงาน AI แบบ local compute

    Mac Studio vs ระบบ HPC เชิงพาณิชย์
    แรงกว่า DGX Spark/AI Max+ 395 ในหลายงาน
    ใช้พลังงานต่ำกว่าและเสียงเงียบกว่าอย่างมาก

    ปัญหาและข้อจำกัด
    macOS ยังไม่เหมาะกับการจัดการคลัสเตอร์แบบมืออาชีพ
    Thunderbolt 5 ยังไม่มีสวิตช์ ทำให้ต้องต่อแบบ mesh
    RDMA ยังมีบั๊กและความไม่เสถียรในบาง workload

    คำเตือน / ประเด็นที่ควรระวัง
    RDMA บน macOS ยังใหม่มาก
    มีรายงาน crash เมื่อรัน HPL ผ่าน Thunderbolt

    การจัดการคลัสเตอร์ macOS ยังไม่เทียบเท่า Linux
    การอัปเดตระบบต้องทำผ่าน UI ไม่สามารถทำผ่าน SSH

    การเดินสาย Thunderbolt 5 มีข้อจำกัดเชิงกายภาพ
    ไม่มีสวิตช์ TB5 ทำให้การต่อหลายเครื่องยุ่งยากและไม่เสถียร

    https://www.jeffgeerling.com/blog/2025/15-tb-vram-on-mac-studio-rdma-over-thunderbolt-5
    ⚡ Mac Studio Cluster กับ RDMA บน Thunderbolt 5: Apple เปิดประตูสู่ยุค AI Supernode บนเดสก์ท็อป การทดสอบล่าสุดของ Jeff Geerling เผยให้เห็นศักยภาพใหม่ของ Mac Studio M3 Ultra เมื่อจับมารวมคลัสเตอร์ผ่าน RDMA บน Thunderbolt 5 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน macOS 26.2 การเชื่อมต่อแบบ RDMA ทำให้เครื่องหลายตัวแชร์หน่วยความจำเสมือนเป็นก้อนเดียว ลด latency จากระดับ 300𝜇𝑠 เหลือไม่ถึง 50𝜇𝑠 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปกติพบในระบบ HPC ระดับศูนย์ข้อมูล ไม่ใช่บนเดสก์ท็อปทั่วไป คลัสเตอร์ที่ใช้ทดสอบประกอบด้วย Mac Studio 4 เครื่อง รวมหน่วยความจำ 1.5 TB unified memory มูลค่ารวมเกือบ $40,000 แม้จะเป็นตัวเลขที่สูง แต่เมื่อเทียบกับระบบอย่าง Nvidia DGX Spark หรือ AMD AI Max+ 395 ที่มีหน่วยความจำสูงสุดเพียง 128 GB ต่อเครื่อง Mac Studio กลับให้สเปกที่เหนือกว่าในหลายมิติ โดยเฉพาะงาน inference ของโมเดลขนาดใหญ่ การทดสอบจริงพบว่า RDMA ทำให้ Exo 1.0 สามารถรันโมเดลระดับ 600+ GB (Kimi K2 Thinking) และแม้แต่โมเดลระดับ 1T parameters ได้ที่ความเร็วประมาณ 30 tokens/s บนคลัสเตอร์ 4 เครื่อง ซึ่งถือว่าเร็วพอสำหรับงานโต้ตอบแบบ near‑real‑time ในระดับ local compute นอกจากนี้ Mac Studio ยังโดดเด่นด้านพลังงาน ใช้ไฟไม่ถึง 250W ต่อเครื่อง และ idle ต่ำกว่า 10W ซึ่งเป็นตัวเลขที่หาได้ยากในโลก HPC อย่างไรก็ตาม การจัดการคลัสเตอร์ macOS ยังมีข้อจำกัด เช่น การอัปเดตระบบที่ต้องคลิกผ่าน UI, ความยุ่งยากของการเดินสาย Thunderbolt 5 ที่ยังไม่มีสวิตช์กลาง, และความไม่เสถียรของ RDMA ในบางงาน เช่น HPL ที่ทำให้เครื่องรีบูตระหว่างทดสอบ แต่ภาพรวมแล้ว นี่คือสัญญาณว่า Apple กำลังกลับเข้าสู่โลก HPC อีกครั้ง หลังจากยุค Xserve และ Xgrid ที่เคยล้มเหลวในอดีต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ RDMA บน Thunderbolt 5 เปลี่ยน Mac Studio ให้เป็น AI Supernode ➡️ ลด latency จาก 300 µs → < 50 µs ➡️ ทำให้หลายเครื่องแชร์หน่วยความจำเสมือนเป็นก้อนเดียว ✅ ประสิทธิภาพของคลัสเตอร์ 1.5 TB unified memory ➡️ รันโมเดล 600+ GB และ 1T parameters ได้จริง ➡️ ทำงานเร็วพอสำหรับงาน AI แบบ local compute ✅ Mac Studio vs ระบบ HPC เชิงพาณิชย์ ➡️ แรงกว่า DGX Spark/AI Max+ 395 ในหลายงาน ➡️ ใช้พลังงานต่ำกว่าและเสียงเงียบกว่าอย่างมาก ✅ ปัญหาและข้อจำกัด ➡️ macOS ยังไม่เหมาะกับการจัดการคลัสเตอร์แบบมืออาชีพ ➡️ Thunderbolt 5 ยังไม่มีสวิตช์ ทำให้ต้องต่อแบบ mesh ➡️ RDMA ยังมีบั๊กและความไม่เสถียรในบาง workload ⚠️ คำเตือน / ประเด็นที่ควรระวัง ‼️ RDMA บน macOS ยังใหม่มาก ⛔ มีรายงาน crash เมื่อรัน HPL ผ่าน Thunderbolt ‼️ การจัดการคลัสเตอร์ macOS ยังไม่เทียบเท่า Linux ⛔ การอัปเดตระบบต้องทำผ่าน UI ไม่สามารถทำผ่าน SSH ‼️ การเดินสาย Thunderbolt 5 มีข้อจำกัดเชิงกายภาพ ⛔ ไม่มีสวิตช์ TB5 ทำให้การต่อหลายเครื่องยุ่งยากและไม่เสถียร https://www.jeffgeerling.com/blog/2025/15-tb-vram-on-mac-studio-rdma-over-thunderbolt-5
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • Copilot บน LG webOS TV: แค่ Shortcut ไม่ใช่แอป

    หลังจากเกิดความสับสนว่าทีวี LG รุ่นใหม่มีการติดตั้ง Copilot เป็นแอปถาวร LG ได้ออกมาชี้แจงว่า Copilot ที่ปรากฏบนหน้า Home เป็นเพียง ไอคอนลัด (shortcut) ที่เปิดเว็บ Copilot ผ่านเบราว์เซอร์ในตัวเครื่อง ไม่ได้ฝังอยู่ในระบบปฏิบัติการ และไม่ได้ทำงานเบื้องหลัง

    ฟีเจอร์และการทำงาน
    เมื่อผู้ใช้กดที่ไอคอน Copilot ทีวีจะเปิดเบราว์เซอร์ไปยังเว็บไซต์ Copilot โดยตรง ฟีเจอร์อย่างการใช้ไมโครโฟนจะไม่ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ก่อนผ่านเบราว์เซอร์ ซึ่งหมายความว่าการเข้าถึงข้อมูลและระบบของทีวีไม่ได้ถูกผูกติดกับ Copilot

    การตอบสนองต่อเสียงวิจารณ์
    LG ยอมรับว่าผู้ใช้หลายคนไม่พอใจที่ไอคอน Copilot ปรากฏขึ้นโดยไม่มีตัวเลือกในการลบ จึงประกาศว่าจะออก อัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถลบ shortcut ได้เองในอนาคต เพื่อยืนยันว่าบริษัทเคารพสิทธิในการเลือกของผู้บริโภค

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    แม้ Copilot จะไม่ใช่แอปถาวร แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความกังวลของผู้ใช้เกี่ยวกับการบูรณาการ AI เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หากไม่มีการสื่อสารที่ชัดเจน อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับให้ใช้บริการโดยไม่สมัครใจ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สถานะของ Copilot บน LG TV
    เป็น shortcut ที่เปิดเว็บ Copilot ผ่านเบราว์เซอร์
    ไม่ใช่แอปที่ติดตั้งถาวรในระบบ

    การทำงานของฟีเจอร์
    เปิดใช้งานไมโครโฟนได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้อนุญาต
    ไม่มีการเข้าถึงระบบทีวีโดยตรง

    การตอบสนองของ LG
    เตรียมออกอัปเดตให้ผู้ใช้สามารถลบ shortcut ได้
    ยืนยันว่าบริษัทเคารพสิทธิผู้บริโภค

    คำเตือนและผลกระทบ
    หากไม่มีการสื่อสารที่ชัดเจน อาจสร้างความเข้าใจผิด
    ผู้ใช้บางส่วนอาจรู้สึกว่าถูกบังคับให้ใช้บริการ AI

    https://www.tomshardware.com/monitors/televisions/lg-says-microsoft-copilot-on-webos-tvs-is-a-browser-shortcut-not-a-built-in-app
    📺 Copilot บน LG webOS TV: แค่ Shortcut ไม่ใช่แอป หลังจากเกิดความสับสนว่าทีวี LG รุ่นใหม่มีการติดตั้ง Copilot เป็นแอปถาวร LG ได้ออกมาชี้แจงว่า Copilot ที่ปรากฏบนหน้า Home เป็นเพียง ไอคอนลัด (shortcut) ที่เปิดเว็บ Copilot ผ่านเบราว์เซอร์ในตัวเครื่อง ไม่ได้ฝังอยู่ในระบบปฏิบัติการ และไม่ได้ทำงานเบื้องหลัง ⚡ ฟีเจอร์และการทำงาน เมื่อผู้ใช้กดที่ไอคอน Copilot ทีวีจะเปิดเบราว์เซอร์ไปยังเว็บไซต์ Copilot โดยตรง ฟีเจอร์อย่างการใช้ไมโครโฟนจะไม่ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ก่อนผ่านเบราว์เซอร์ ซึ่งหมายความว่าการเข้าถึงข้อมูลและระบบของทีวีไม่ได้ถูกผูกติดกับ Copilot 🛠️ การตอบสนองต่อเสียงวิจารณ์ LG ยอมรับว่าผู้ใช้หลายคนไม่พอใจที่ไอคอน Copilot ปรากฏขึ้นโดยไม่มีตัวเลือกในการลบ จึงประกาศว่าจะออก อัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถลบ shortcut ได้เองในอนาคต เพื่อยืนยันว่าบริษัทเคารพสิทธิในการเลือกของผู้บริโภค ⚠️ ผลกระทบและข้อควรระวัง แม้ Copilot จะไม่ใช่แอปถาวร แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความกังวลของผู้ใช้เกี่ยวกับการบูรณาการ AI เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หากไม่มีการสื่อสารที่ชัดเจน อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับให้ใช้บริการโดยไม่สมัครใจ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สถานะของ Copilot บน LG TV ➡️ เป็น shortcut ที่เปิดเว็บ Copilot ผ่านเบราว์เซอร์ ➡️ ไม่ใช่แอปที่ติดตั้งถาวรในระบบ ✅ การทำงานของฟีเจอร์ ➡️ เปิดใช้งานไมโครโฟนได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้อนุญาต ➡️ ไม่มีการเข้าถึงระบบทีวีโดยตรง ✅ การตอบสนองของ LG ➡️ เตรียมออกอัปเดตให้ผู้ใช้สามารถลบ shortcut ได้ ➡️ ยืนยันว่าบริษัทเคารพสิทธิผู้บริโภค ‼️ คำเตือนและผลกระทบ ⛔ หากไม่มีการสื่อสารที่ชัดเจน อาจสร้างความเข้าใจผิด ⛔ ผู้ใช้บางส่วนอาจรู้สึกว่าถูกบังคับให้ใช้บริการ AI https://www.tomshardware.com/monitors/televisions/lg-says-microsoft-copilot-on-webos-tvs-is-a-browser-shortcut-not-a-built-in-app
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • ศูนย์ข้อมูล Stargate ได้ไฟเขียว

    โครงการ Stargate ของ OpenAI และ Oracle ตั้งอยู่ที่ Saline Township ห่างจากเมืองดีทรอยต์ราว 40 ไมล์ ได้รับอนุมัติให้ใช้พลังงานมหาศาลถึง 1.4GW เพื่อรองรับเป้าหมายการสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีความจุรวมกว่า 5GW ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ

    ขั้นตอนอนุมัติที่ถูกวิจารณ์
    DTE Energy ยื่นคำร้องแบบ ex parte motion ทำให้การอนุมัติผ่านไปโดยไม่ต้องมีการไต่สวนหรือเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความเห็น คณะกรรมการ MPSC ลงมติเป็นเอกฉันท์ 3-0 เพื่ออนุมัติสัญญา ส่งผลให้ชาวบ้านจำนวนมากรู้สึกว่าถูก “ตัดสิทธิ์” ในการมีส่วนร่วม

    ความกังวลของชุมชน
    ชาวบ้านและนักการเมืองบางส่วนกังวลว่าโครงการนี้จะทำให้ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และอาจกระทบต่อ คุณภาพน้ำในพื้นที่ แม้กฎหมายรัฐมิชิแกนปี 2024 จะกำหนดว่าศูนย์ข้อมูลไม่สามารถผลักภาระค่าไฟไปยังประชาชนเพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่หลายคนยังไม่มั่นใจในมาตรการป้องกัน

    กลไกป้องกันของสัญญา
    สัญญาระหว่าง DTE และ Green Chile Ventures (บริษัทย่อยของ Oracle) กำหนดให้ผู้พัฒนาโครงการต้องจ่ายค่าไฟฟ้าอย่างน้อย 80% ของกำลังที่สัญญาไว้ แม้จะไม่ได้ใช้งานจริง เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าใช้จ่ายตกไปที่ผู้บริโภคทั่วไป อีกทั้งสัญญามีอายุยาวถึง 19 ปี ทำให้ DTE สามารถคืนทุนได้โดยไม่ต้องผลักภาระไปยังชุมชน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การอนุมัติจาก MPSC
    อนุมัติให้ DTE จ่ายไฟ 1.4GW ให้ศูนย์ข้อมูล Stargate
    ใช้กระบวนการ ex parte motion โดยไม่เปิดให้คัดค้าน

    รายละเอียดโครงการ
    Stargate มีเป้าหมายสร้างศูนย์ข้อมูลรวมกว่า 5GW
    ตั้งอยู่ที่ Saline Township ห่างจากดีทรอยต์ 40 ไมล์

    ความกังวลของชุมชน
    เสี่ยงค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
    อาจกระทบคุณภาพน้ำในพื้นที่

    กลไกป้องกันในสัญญา
    ผู้พัฒนาโครงการต้องจ่ายค่าไฟขั้นต่ำ 80% ของสัญญา
    สัญญามีอายุ 19 ปี ป้องกันไม่ให้ภาระตกที่ประชาชน

    คำเตือนและข้อวิจารณ์
    การอนุมัติแบบไม่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมสร้างความไม่ไว้วางใจ
    ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายยังคงเป็นข้อกังวล

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openais-stargate-data-center-gets-approval-to-receive-1-4-gigawatts-of-power-in-michigan-some-residents-furious-as-energy-company-is-given-go-ahead-by-regulatory-body-without-hearing-opposition
    ⚡ ศูนย์ข้อมูล Stargate ได้ไฟเขียว โครงการ Stargate ของ OpenAI และ Oracle ตั้งอยู่ที่ Saline Township ห่างจากเมืองดีทรอยต์ราว 40 ไมล์ ได้รับอนุมัติให้ใช้พลังงานมหาศาลถึง 1.4GW เพื่อรองรับเป้าหมายการสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีความจุรวมกว่า 5GW ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ 🏛️ ขั้นตอนอนุมัติที่ถูกวิจารณ์ DTE Energy ยื่นคำร้องแบบ ex parte motion ทำให้การอนุมัติผ่านไปโดยไม่ต้องมีการไต่สวนหรือเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความเห็น คณะกรรมการ MPSC ลงมติเป็นเอกฉันท์ 3-0 เพื่ออนุมัติสัญญา ส่งผลให้ชาวบ้านจำนวนมากรู้สึกว่าถูก “ตัดสิทธิ์” ในการมีส่วนร่วม 🌍 ความกังวลของชุมชน ชาวบ้านและนักการเมืองบางส่วนกังวลว่าโครงการนี้จะทำให้ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และอาจกระทบต่อ คุณภาพน้ำในพื้นที่ แม้กฎหมายรัฐมิชิแกนปี 2024 จะกำหนดว่าศูนย์ข้อมูลไม่สามารถผลักภาระค่าไฟไปยังประชาชนเพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่หลายคนยังไม่มั่นใจในมาตรการป้องกัน 🛡️ กลไกป้องกันของสัญญา สัญญาระหว่าง DTE และ Green Chile Ventures (บริษัทย่อยของ Oracle) กำหนดให้ผู้พัฒนาโครงการต้องจ่ายค่าไฟฟ้าอย่างน้อย 80% ของกำลังที่สัญญาไว้ แม้จะไม่ได้ใช้งานจริง เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าใช้จ่ายตกไปที่ผู้บริโภคทั่วไป อีกทั้งสัญญามีอายุยาวถึง 19 ปี ทำให้ DTE สามารถคืนทุนได้โดยไม่ต้องผลักภาระไปยังชุมชน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การอนุมัติจาก MPSC ➡️ อนุมัติให้ DTE จ่ายไฟ 1.4GW ให้ศูนย์ข้อมูล Stargate ➡️ ใช้กระบวนการ ex parte motion โดยไม่เปิดให้คัดค้าน ✅ รายละเอียดโครงการ ➡️ Stargate มีเป้าหมายสร้างศูนย์ข้อมูลรวมกว่า 5GW ➡️ ตั้งอยู่ที่ Saline Township ห่างจากดีทรอยต์ 40 ไมล์ ✅ ความกังวลของชุมชน ➡️ เสี่ยงค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ➡️ อาจกระทบคุณภาพน้ำในพื้นที่ ✅ กลไกป้องกันในสัญญา ➡️ ผู้พัฒนาโครงการต้องจ่ายค่าไฟขั้นต่ำ 80% ของสัญญา ➡️ สัญญามีอายุ 19 ปี ป้องกันไม่ให้ภาระตกที่ประชาชน ‼️ คำเตือนและข้อวิจารณ์ ⛔ การอนุมัติแบบไม่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมสร้างความไม่ไว้วางใจ ⛔ ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายยังคงเป็นข้อกังวล https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openais-stargate-data-center-gets-approval-to-receive-1-4-gigawatts-of-power-in-michigan-some-residents-furious-as-energy-company-is-given-go-ahead-by-regulatory-body-without-hearing-opposition
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • Fwupd 2.0.19: อัปเดตใหม่เพื่อความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์

    Fwupd 2.0.19 ซึ่งพัฒนาโดย Richard Hughes ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ถือเป็น การอัปเดตครั้งที่ 19 ของซีรีส์ 2.0 จุดเด่นคือการเพิ่มการรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ต้องการการดูแลด้านเฟิร์มแวร์โดยตรงจากระบบ Linux

    ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงคำสั่ง
    เวอร์ชันนี้เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool สำหรับการ คำนวณและค้นหา CRCs รวมถึงการปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr get-history ให้แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้องเสมอ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการอัปเดต Intel GPU FWDATA section และการเคารพคำสั่ง --force เมื่อผู้ใช้ติดตั้งเฟิร์มแวร์

    การแก้ไขบั๊กและความปลอดภัย
    Fwupd 2.0.19 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น integer underflow ที่เกิดขึ้นเมื่อ parsing ไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย, regression ในการตรวจสอบสถานะของ Dell dock และการ timeout ของ fuzzer เมื่อ parsing Synaptics-RMI SBL container การแก้ไขเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux
    แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ Fwupd 2.0.19 แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมืออัปเดตเฟิร์มแวร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบ Linux สมัยใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่อุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่นคีย์บอร์ดหรือ GPU ต้องการการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รองรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard
    เพิ่มการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์ใหม่โดยตรงใน Linux

    เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool
    ใช้สำหรับคำนวณและค้นหา CRCs

    ปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr
    แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้อง และเคารพ --force

    แก้ไขบั๊กด้านความปลอดภัย
    Integer underflow, regression Dell dock, และ fuzzer timeout

    คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป
    ควรติดตั้ง fwupd จาก repository ที่เสถียรของดิสทริบิวชัน ไม่ควรใช้ source tarball หากไม่มั่นใจ

    ความเสี่ยงจากไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย
    หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในการ parsing

    https://9to5linux.com/fwupd-2-0-19-linux-firmware-updater-supports-lenovo-sapphire-folio-keyboard
    🔧 Fwupd 2.0.19: อัปเดตใหม่เพื่อความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์ Fwupd 2.0.19 ซึ่งพัฒนาโดย Richard Hughes ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ถือเป็น การอัปเดตครั้งที่ 19 ของซีรีส์ 2.0 จุดเด่นคือการเพิ่มการรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ต้องการการดูแลด้านเฟิร์มแวร์โดยตรงจากระบบ Linux 🖥️ ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงคำสั่ง เวอร์ชันนี้เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool สำหรับการ คำนวณและค้นหา CRCs รวมถึงการปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr get-history ให้แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้องเสมอ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการอัปเดต Intel GPU FWDATA section และการเคารพคำสั่ง --force เมื่อผู้ใช้ติดตั้งเฟิร์มแวร์ 🛡️ การแก้ไขบั๊กและความปลอดภัย Fwupd 2.0.19 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น integer underflow ที่เกิดขึ้นเมื่อ parsing ไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย, regression ในการตรวจสอบสถานะของ Dell dock และการ timeout ของ fuzzer เมื่อ parsing Synaptics-RMI SBL container การแก้ไขเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ Fwupd 2.0.19 แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมืออัปเดตเฟิร์มแวร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบ Linux สมัยใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่อุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่นคีย์บอร์ดหรือ GPU ต้องการการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รองรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ➡️ เพิ่มการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์ใหม่โดยตรงใน Linux ✅ เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool ➡️ ใช้สำหรับคำนวณและค้นหา CRCs ✅ ปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr ➡️ แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้อง และเคารพ --force ✅ แก้ไขบั๊กด้านความปลอดภัย ➡️ Integer underflow, regression Dell dock, และ fuzzer timeout ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ควรติดตั้ง fwupd จาก repository ที่เสถียรของดิสทริบิวชัน ไม่ควรใช้ source tarball หากไม่มั่นใจ ‼️ ความเสี่ยงจากไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในการ parsing https://9to5linux.com/fwupd-2-0-19-linux-firmware-updater-supports-lenovo-sapphire-folio-keyboard
    9TO5LINUX.COM
    Fwupd 2.0.19 Linux Firmware Updater Supports Lenovo Sapphire Folio Keyboard - 9to5Linux
    Fwupd 2.0.19 Linux firmware updater is now available for download with support for the Lenovo Sapphire Folio keyboard.
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • PeerTube v8: ก้าวใหม่ของวิดีโอแบบกระจายศูนย์

    PeerTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอแบบ decentralized และ open source ได้ออกเวอร์ชันใหม่ PeerTube v8 พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์และองค์กรใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่ม team collaboration และการปรับปรุงดีไซน์ของ video player ให้ทันสมัยมากขึ้น

    Team Collaboration และการจัดการช่อง
    หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกเรียกร้องมากที่สุดคือการให้สิทธิ์ Editors ในช่อง PeerTube ผู้ดูแลสามารถเพิ่มคนเข้ามาช่วยจัดการเนื้อหาได้ เช่น การอัปโหลดวิดีโอ, แก้ไข, จัดการ playlist และคอมเมนต์ โดยไม่ต้องให้สิทธิ์เต็มเหมือนเจ้าของช่อง ฟีเจอร์นี้เหมาะกับองค์กรหรือทีมที่มีหลายคนดูแลคอนเทนต์ร่วมกัน

    Video Player ดีไซน์ใหม่และระบบนำเข้าที่ดีขึ้น
    PeerTube v8 มาพร้อมธีมใหม่ชื่อ Lucide ที่ลดความเทอะทะของปุ่มเดิม ๆ และทำให้ผู้ชมโฟกัสกับเนื้อหามากขึ้น นอกจากนี้ระบบนำเข้าวิดีโอ (video import) ก็ถูกปรับปรุงให้เสถียรขึ้น หากการนำเข้าล้มเหลว ผู้ใช้สามารถ retry ได้เองโดยไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังรองรับการ retry อัตโนมัติระหว่างการ sync ช่อง

    Mobile App กับ Creator Mode
    หลังจากการระดมทุนในเดือนพฤษภาคม 2025 ทีมงานได้เพิ่ม Creator Mode ในแอปมือถือ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดวิดีโอจากมือถือได้โดยตรง ทั้งจาก gallery หรือการถ่ายใหม่ พร้อมระบบแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ background upload และยังมีหน้า Creator ใหม่ที่ช่วยจัดการ ดาวน์โหลด หรือจัดการ playlist ได้สะดวกขึ้น แม้ฟีเจอร์ live streaming และ URL imports ยังไม่มา แต่ทีมงานยืนยันว่ากำลังพัฒนาอยู่

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    PeerTube v8 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่
    เน้นการทำงานร่วมกันและปรับปรุง video player

    Team Collaboration สำหรับช่อง
    เพิ่มสิทธิ์ Editors เพื่อช่วยจัดการคอนเทนต์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ

    Video Player ดีไซน์ใหม่ Lucide
    ปุ่มเรียบง่ายขึ้นและระบบนำเข้าวิดีโอเสถียรขึ้น

    Mobile App ได้ Creator Mode
    อัปโหลดจากมือถือ, background upload, และจัดการ playlist ได้ง่าย

    คำเตือนเรื่องฟีเจอร์ที่ยังไม่พร้อมใช้
    Live streaming และ URL imports ยังไม่เปิดให้ใช้งานในเวอร์ชันนี้

    https://itsfoss.com/news/peertube-8-release/
    📺 PeerTube v8: ก้าวใหม่ของวิดีโอแบบกระจายศูนย์ PeerTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอแบบ decentralized และ open source ได้ออกเวอร์ชันใหม่ PeerTube v8 พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์และองค์กรใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่ม team collaboration และการปรับปรุงดีไซน์ของ video player ให้ทันสมัยมากขึ้น 👥 Team Collaboration และการจัดการช่อง หนึ่งในฟีเจอร์ที่ถูกเรียกร้องมากที่สุดคือการให้สิทธิ์ Editors ในช่อง PeerTube ผู้ดูแลสามารถเพิ่มคนเข้ามาช่วยจัดการเนื้อหาได้ เช่น การอัปโหลดวิดีโอ, แก้ไข, จัดการ playlist และคอมเมนต์ โดยไม่ต้องให้สิทธิ์เต็มเหมือนเจ้าของช่อง ฟีเจอร์นี้เหมาะกับองค์กรหรือทีมที่มีหลายคนดูแลคอนเทนต์ร่วมกัน 🎨 Video Player ดีไซน์ใหม่และระบบนำเข้าที่ดีขึ้น PeerTube v8 มาพร้อมธีมใหม่ชื่อ Lucide ที่ลดความเทอะทะของปุ่มเดิม ๆ และทำให้ผู้ชมโฟกัสกับเนื้อหามากขึ้น นอกจากนี้ระบบนำเข้าวิดีโอ (video import) ก็ถูกปรับปรุงให้เสถียรขึ้น หากการนำเข้าล้มเหลว ผู้ใช้สามารถ retry ได้เองโดยไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังรองรับการ retry อัตโนมัติระหว่างการ sync ช่อง 📱 Mobile App กับ Creator Mode หลังจากการระดมทุนในเดือนพฤษภาคม 2025 ทีมงานได้เพิ่ม Creator Mode ในแอปมือถือ ผู้ใช้สามารถอัปโหลดวิดีโอจากมือถือได้โดยตรง ทั้งจาก gallery หรือการถ่ายใหม่ พร้อมระบบแจ้งเตือนความคืบหน้าแบบ background upload และยังมีหน้า Creator ใหม่ที่ช่วยจัดการ ดาวน์โหลด หรือจัดการ playlist ได้สะดวกขึ้น แม้ฟีเจอร์ live streaming และ URL imports ยังไม่มา แต่ทีมงานยืนยันว่ากำลังพัฒนาอยู่ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ PeerTube v8 เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ➡️ เน้นการทำงานร่วมกันและปรับปรุง video player ✅ Team Collaboration สำหรับช่อง ➡️ เพิ่มสิทธิ์ Editors เพื่อช่วยจัดการคอนเทนต์โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ ✅ Video Player ดีไซน์ใหม่ Lucide ➡️ ปุ่มเรียบง่ายขึ้นและระบบนำเข้าวิดีโอเสถียรขึ้น ✅ Mobile App ได้ Creator Mode ➡️ อัปโหลดจากมือถือ, background upload, และจัดการ playlist ได้ง่าย ‼️ คำเตือนเรื่องฟีเจอร์ที่ยังไม่พร้อมใช้ ⛔ Live streaming และ URL imports ยังไม่เปิดให้ใช้งานในเวอร์ชันนี้ https://itsfoss.com/news/peertube-8-release/
    ITSFOSS.COM
    Decentralized YouTube Alternative PeerTube Adds Creator Mode
    The open source YouTube alternative offers some welcome updates for content creators.
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • PhotoPrism: ทางเลือกใหม่แทน Google Photos

    PhotoPrism เป็นแอปจัดการรูปภาพที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวในบ้าน (homelab) โดยใช้ Docker Compose จุดเด่นคือ การประมวลผลทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเครื่องของผู้ใช้ ทำให้รูปถ่ายไม่ถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลฝึกโมเดลธุรกิจของบริษัทอื่น ภาพถ่ายจึงยังคงเป็น “ความทรงจำของคุณ” ภายใต้การควบคุมของคุณเอง

    ขั้นตอนการติดตั้งและการตั้งค่า
    การติดตั้ง PhotoPrism ต้องมีพื้นฐานการใช้ Linux command line และ Docker โดยเริ่มจากการสร้างโฟลเดอร์โปรเจกต์ ดาวน์โหลดไฟล์ docker-compose.yml และแก้ไขค่าที่สำคัญ เช่น รหัสผ่าน admin, ตำแหน่งโฟลเดอร์ภาพต้นฉบับ, และ พอร์ตการเชื่อมต่อ หลังจากนั้นใช้คำสั่ง docker compose up -d เพื่อรันระบบใน background

    เมื่อระบบเริ่มทำงาน ผู้ใช้สามารถเข้าผ่านเว็บอินเทอร์เฟซที่ http://localhost:2342 และสั่งให้ PhotoPrism ทำการ index รูปภาพทั้งหมด เพื่อสร้าง metadata, thumbnails และวิเคราะห์ด้วย AI เช่น การจดจำใบหน้าและวัตถุ กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหากมีคลังภาพขนาดใหญ่ แต่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งแรกเท่านั้น

    ความเป็นส่วนตัวและการดูแลระบบ
    PhotoPrism มีตัวเลือกการตั้งค่าหลากหลาย เช่น ปิดการจดจำใบหน้าเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือปรับคุณภาพ thumbnail เพื่อประหยัดพื้นที่ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า reverse proxy เช่น Nginx หรือ Caddy เพื่อให้เข้าถึงจากภายนอก LAN ได้อย่างปลอดภัย ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบเรื่อง การสำรองข้อมูลและการอัปเดตระบบเอง ซึ่งถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการได้สิทธิ์ควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่

    การใช้งานบนมือถือและการขยายระบบ
    PhotoPrism รองรับการเข้าถึงผ่าน Progressive Web App (PWA) ที่สามารถติดตั้งเป็น shortcut บนมือถือ รวมถึงแอปเสริมอย่าง Gallery for PhotoPrism (Android) และ PhotoSync (Android/iOS) เพื่อซิงค์ภาพได้สะดวก ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นจากคลังภาพเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ขยายระบบ homelab ให้รองรับคลังภาพขนาดใหญ่ขึ้นตามความต้องการ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    PhotoPrism เป็นทางเลือกแทน Google Photos
    ทำงานแบบ self-hosted และเน้นความเป็นส่วนตัว

    ติดตั้งผ่าน Docker Compose
    ต้องแก้ไขค่าใน docker-compose.yml เช่นรหัสผ่านและโฟลเดอร์ภาพ

    ระบบ AI ช่วยจัดการภาพ
    มีการจดจำใบหน้าและวัตถุ แต่สามารถปิดได้เพื่อความเป็นส่วนตัว

    รองรับการใช้งานบนมือถือ
    ผ่าน PWA และแอปเสริมเช่น PhotoSync

    คำเตือนเรื่องการดูแลระบบเอง
    ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบการสำรองข้อมูลและอัปเดตระบบ

    ข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
    หากเครื่องมี RAM หรือ CPU ต่ำ อาจทำให้การ index ใช้เวลานานมาก

    https://itsfoss.com/self-hosting-photoprism/
    🖼️ PhotoPrism: ทางเลือกใหม่แทน Google Photos PhotoPrism เป็นแอปจัดการรูปภาพที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวในบ้าน (homelab) โดยใช้ Docker Compose จุดเด่นคือ การประมวลผลทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเครื่องของผู้ใช้ ทำให้รูปถ่ายไม่ถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลฝึกโมเดลธุรกิจของบริษัทอื่น ภาพถ่ายจึงยังคงเป็น “ความทรงจำของคุณ” ภายใต้การควบคุมของคุณเอง ⚙️ ขั้นตอนการติดตั้งและการตั้งค่า การติดตั้ง PhotoPrism ต้องมีพื้นฐานการใช้ Linux command line และ Docker โดยเริ่มจากการสร้างโฟลเดอร์โปรเจกต์ ดาวน์โหลดไฟล์ docker-compose.yml และแก้ไขค่าที่สำคัญ เช่น รหัสผ่าน admin, ตำแหน่งโฟลเดอร์ภาพต้นฉบับ, และ พอร์ตการเชื่อมต่อ หลังจากนั้นใช้คำสั่ง docker compose up -d เพื่อรันระบบใน background เมื่อระบบเริ่มทำงาน ผู้ใช้สามารถเข้าผ่านเว็บอินเทอร์เฟซที่ http://localhost:2342 และสั่งให้ PhotoPrism ทำการ index รูปภาพทั้งหมด เพื่อสร้าง metadata, thumbnails และวิเคราะห์ด้วย AI เช่น การจดจำใบหน้าและวัตถุ กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหากมีคลังภาพขนาดใหญ่ แต่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งแรกเท่านั้น 🔒 ความเป็นส่วนตัวและการดูแลระบบ PhotoPrism มีตัวเลือกการตั้งค่าหลากหลาย เช่น ปิดการจดจำใบหน้าเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือปรับคุณภาพ thumbnail เพื่อประหยัดพื้นที่ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า reverse proxy เช่น Nginx หรือ Caddy เพื่อให้เข้าถึงจากภายนอก LAN ได้อย่างปลอดภัย ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบเรื่อง การสำรองข้อมูลและการอัปเดตระบบเอง ซึ่งถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการได้สิทธิ์ควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ 📱 การใช้งานบนมือถือและการขยายระบบ PhotoPrism รองรับการเข้าถึงผ่าน Progressive Web App (PWA) ที่สามารถติดตั้งเป็น shortcut บนมือถือ รวมถึงแอปเสริมอย่าง Gallery for PhotoPrism (Android) และ PhotoSync (Android/iOS) เพื่อซิงค์ภาพได้สะดวก ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นจากคลังภาพเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ขยายระบบ homelab ให้รองรับคลังภาพขนาดใหญ่ขึ้นตามความต้องการ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ PhotoPrism เป็นทางเลือกแทน Google Photos ➡️ ทำงานแบบ self-hosted และเน้นความเป็นส่วนตัว ✅ ติดตั้งผ่าน Docker Compose ➡️ ต้องแก้ไขค่าใน docker-compose.yml เช่นรหัสผ่านและโฟลเดอร์ภาพ ✅ ระบบ AI ช่วยจัดการภาพ ➡️ มีการจดจำใบหน้าและวัตถุ แต่สามารถปิดได้เพื่อความเป็นส่วนตัว ✅ รองรับการใช้งานบนมือถือ ➡️ ผ่าน PWA และแอปเสริมเช่น PhotoSync ‼️ คำเตือนเรื่องการดูแลระบบเอง ⛔ ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบการสำรองข้อมูลและอัปเดตระบบ ‼️ ข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ ⛔ หากเครื่องมี RAM หรือ CPU ต่ำ อาจทำให้การ index ใช้เวลานานมาก https://itsfoss.com/self-hosting-photoprism/
    ITSFOSS.COM
    What Google Photos? Self-Hosting Photo Storage with PhotoPrism Using Docker in My Homelab
    PhotoPrism offers one path toward that goal of data ownership. With PhotoPrism, your vacation photos don’t become training data for someone else’s business model. They remain what they actually are, your memories, under your control.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • Gift Card Roulette: ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ใน Apple Gift Cards

    กรณีล่าสุดที่ถูกพูดถึงในวงการเทคโนโลยีคือเหตุการณ์ของ Paris Buttfield-Addison ผู้ใช้ที่สูญเสียการเข้าถึงบัญชี iCloud และคลังสื่อดิจิทัลทั้งหมด หลังจากพยายามใช้ Apple Gift Card มูลค่า 500 ดอลลาร์ที่ถูกดัดแปลง เขาซื้อจากร้านค้าปลีกใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่าการ์ดนั้นเป็นของปลอมและทำให้บัญชีถูกล็อกทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบที่ควรจะปลอดภัยที่สุด

    สิ่งที่น่ากังวลคือแม้ Apple จะมีทีม Executive Relations ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนระดับสูงเข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับการสูญเสียข้อมูลและสิทธิ์การเข้าถึงที่สำคัญ เหตุการณ์นี้จึงถูกเปรียบเทียบว่าเหมือน “Russian Roulette ดิจิทัล” เพราะผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการ์ดที่ได้รับจะปลอดภัยหรือไม่

    จากมุมมองที่กว้างขึ้น ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัลโดยทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะ Apple เท่านั้น หลายแพลตฟอร์มเคยเจอกรณีบัตรถูกปลอมแปลงหรือถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน ทำให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังมากขึ้นในการซื้อหรือรับบัตรของขวัญ โดยเฉพาะเมื่อซื้อจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ

    ในเชิงกลยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่าบริษัทเทคโนโลยีควรสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น เช่น การยืนยันรหัสแบบหลายชั้น หรือการจำกัดวงเงินที่สามารถใช้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    เหตุการณ์ผู้ใช้ Apple Gift Card ถูกล็อกบัญชี
    Paris Buttfield-Addison สูญเสียการเข้าถึง iCloud และคลังสื่อหลังใช้บัตรที่ถูกดัดแปลง

    การตรวจสอบจากทีม Executive Relations ของ Apple
    แม้ทีมสนับสนุนระดับสูงเข้ามา แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที

    ความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัล
    ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะ Apple แต่เกิดขึ้นในหลายแพลตฟอร์ม

    ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    การตรวจสอบรหัสหลายชั้น และการจำกัดวงเงินเป็นแนวทางที่ควรนำมาใช้

    คำเตือนต่อผู้บริโภค
    การซื้อบัตรจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการอาจเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลง

    ความเสี่ยงในการให้บัตรเป็นของขวัญ
    ผู้รับอาจสูญเสียบัญชีหรือข้อมูลสำคัญหากบัตรถูกดัดแปลง

    https://daringfireball.net/linked/2025/12/17/are-apple-gift-cards-safe-to-redeem
    🛡️ Gift Card Roulette: ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ใน Apple Gift Cards กรณีล่าสุดที่ถูกพูดถึงในวงการเทคโนโลยีคือเหตุการณ์ของ Paris Buttfield-Addison ผู้ใช้ที่สูญเสียการเข้าถึงบัญชี iCloud และคลังสื่อดิจิทัลทั้งหมด หลังจากพยายามใช้ Apple Gift Card มูลค่า 500 ดอลลาร์ที่ถูกดัดแปลง เขาซื้อจากร้านค้าปลีกใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่าการ์ดนั้นเป็นของปลอมและทำให้บัญชีถูกล็อกทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบที่ควรจะปลอดภัยที่สุด สิ่งที่น่ากังวลคือแม้ Apple จะมีทีม Executive Relations ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนระดับสูงเข้ามาตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับการสูญเสียข้อมูลและสิทธิ์การเข้าถึงที่สำคัญ เหตุการณ์นี้จึงถูกเปรียบเทียบว่าเหมือน “Russian Roulette ดิจิทัล” เพราะผู้ใช้ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าการ์ดที่ได้รับจะปลอดภัยหรือไม่ จากมุมมองที่กว้างขึ้น ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัลโดยทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะ Apple เท่านั้น หลายแพลตฟอร์มเคยเจอกรณีบัตรถูกปลอมแปลงหรือถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน ทำให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังมากขึ้นในการซื้อหรือรับบัตรของขวัญ โดยเฉพาะเมื่อซื้อจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการ ในเชิงกลยุทธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่าบริษัทเทคโนโลยีควรสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น เช่น การยืนยันรหัสแบบหลายชั้น หรือการจำกัดวงเงินที่สามารถใช้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ เหตุการณ์ผู้ใช้ Apple Gift Card ถูกล็อกบัญชี ➡️ Paris Buttfield-Addison สูญเสียการเข้าถึง iCloud และคลังสื่อหลังใช้บัตรที่ถูกดัดแปลง ✅ การตรวจสอบจากทีม Executive Relations ของ Apple ➡️ แม้ทีมสนับสนุนระดับสูงเข้ามา แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ✅ ความเสี่ยงของระบบบัตรของขวัญดิจิทัล ➡️ ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะ Apple แต่เกิดขึ้นในหลายแพลตฟอร์ม ✅ ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ➡️ การตรวจสอบรหัสหลายชั้น และการจำกัดวงเงินเป็นแนวทางที่ควรนำมาใช้ ‼️ คำเตือนต่อผู้บริโภค ⛔ การซื้อบัตรจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการอาจเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลง ‼️ ความเสี่ยงในการให้บัตรเป็นของขวัญ ⛔ ผู้รับอาจสูญเสียบัญชีหรือข้อมูลสำคัญหากบัตรถูกดัดแปลง https://daringfireball.net/linked/2025/12/17/are-apple-gift-cards-safe-to-redeem
    DARINGFIREBALL.NET
    Are Apple Gift Cards Safe to Redeem?
    Link to: https://tidbits.com/2025/12/17/compromised-apple-gift-card-leads-to-apple-account-lockout/
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline

    FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง
    https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558

    ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail
    ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy

    YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader
    นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้
    https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links

    Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม
    มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย
    https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers

    ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด
    ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie

    VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้
    เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
    https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats

    The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029
    วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี
    https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029

    Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update
    ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี
    https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives

    Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters

    WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว
    https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls

    Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log
    Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง
    https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption

    Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts
    Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts

    Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel
    นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel

    The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle
    TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ
    https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group

    Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน
    เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล
    https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant

    The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory
    OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน”
    https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life

    Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook
    Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก
    https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators

    Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI
    Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก
    https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response

    FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026
    หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก
    https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup

    Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption
    กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา
    https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline 🛡️ FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6 เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง 🔗 https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558 📧 ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy 🎥 YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้ 🔗 https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links 💰 Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย 🔗 https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers 💻 ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie 🛡️ VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้ เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง 🔗 https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats 🎬 The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029 วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี 🔗 https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029 ⚠️ Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี 🔗 https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives ☸️ Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters 🛡️ WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว 🔗 https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls 🔒 Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง 🔗 https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption 📊 Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts 🦀 Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel 🇺🇸 The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ 🔗 https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group ⚡ Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล 🔗 https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant 🤖 The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน” 🔗 https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life 💸 Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก 🔗 https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators 🛡️ Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response 🎮 FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026 หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup 🔒 Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา 🔗 https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar

    มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้
    เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า
    https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about

    ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว
    Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน
    https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix

    สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI
    บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots

    ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน
    CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe

    กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+
    Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น
    https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting

    ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว
    Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day

    รีวิว Agile CRM ปี 2026
    Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้
    https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review

    จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ
    บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ
    https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront

    โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์
    รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา
    https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output

    รีวิว Geekom AX8 Max mini PC
    Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง
    https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review

    Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini
    ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted

    Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์
    Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน
    https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity

    คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel
    ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated

    Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว
    รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง
    https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review

    ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails

    Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้
    มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe

    Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น
    Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices

    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar 🖥️ มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้ เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า 🔗 https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about ⚠️ ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix 🤖 สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots 🔒 ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe 🏠 กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+ Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day 📊 รีวิว Agile CRM ปี 2026 Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review 🌐 จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront 🐞 โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์ รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output 💻 รีวิว Geekom AX8 Max mini PC Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง 🔗 https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review 🗺️ Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted 🔋 Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์ Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity 📈 คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated 🎮 Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง 🔗 https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review 💳 ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails 🌐 Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้ มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe 🐧 Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline


    Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI
    Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge
    https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse

    Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน
    Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก
    https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่
    https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover

    หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน
    ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account

    Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows
    ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน
    https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users

    OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon
    มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์
    https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch

    Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19%
    รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์
    https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge

    Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด
    https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining

    Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT
    รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ
    https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures

    “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้
    https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls

    Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม
    กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ
    https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes

    Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ
    นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์
    https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports

    GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner
    เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้
    https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry

    ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที
    Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่
    https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers

    CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains

    แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email
    Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น
    https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit

    SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root
    SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline 🦊 Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge 🔗 https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse 🔒 Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์ เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover 🚦 หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account 💻 Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users 💰 OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์ 🔗 https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch 🌐 Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19% รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์ 🔗 https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge 🖥️ Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด 🔗 https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining 📧 Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ 🔗 https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures 🔐 “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้ 🔗 https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls 🐉 Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ 🔗 https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes 📚 Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports 🛠️ GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้ 🔗 https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers 🚨 CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 🔗 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains 🐚 แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น 🔗 https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit 🔒 SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    0 Comments 0 Shares 504 Views 0 Reviews
  • Pixel 10: Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตเพิ่มประสิทธิภาพ

    รายงานจาก Wccftech ระบุว่า Google Pixel 10 ที่ใช้ชิป Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้การประมวลผล AI และการจัดการพลังงาน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขข้อจำกัดที่ผู้ใช้บางส่วนพบในช่วงแรกของการเปิดตัว

    Tensor G5 ถูกออกแบบโดย Google และผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่ใช้ Samsung Foundry จุดเด่นของ G5 คือการรวมหน่วยประมวลผล AI เข้ากับ CPU และ GPU เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Pixel เช่น การถ่ายภาพอัจฉริยะ การประมวลผลเสียง และการทำงานแบบเรียลไทม์ที่ต้องใช้ Machine Learning

    การอัปเดตล่าสุดช่วยให้ Pixel 10 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งในด้านการตอบสนองและการจัดการพลังงาน โดยผู้ใช้คาดว่าจะเห็นการปรับปรุงในงานประจำวัน เช่น การเปิดแอปเร็วขึ้น การประมวลผลภาพที่ลื่นไหลกว่าเดิม และการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งานให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงจากคู่แข่งรายใหญ่

    อย่างไรก็ตาม แม้ Tensor G5 จะได้รับการปรับปรุง แต่ Google ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Apple และ Qualcomm ที่มีชิป A-series และ Snapdragon รุ่นล่าสุดซึ่งโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน การอัปเดตครั้งนี้จึงเป็นเพียงก้าวแรกของ Google ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้และนักพัฒนา

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน

    Tensor G5 ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์
    เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการพลังงานใน Pixel 10

    การออกแบบและการผลิต
    ผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm แทน Samsung Foundry

    การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
    เปิดแอปเร็วขึ้น ประมวลผลภาพลื่นไหล และใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน
    ต้องเผชิญกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ที่มีชิปประสิทธิภาพสูง

    คำเตือนด้านการแข่งขัน
    แม้จะปรับปรุงแล้ว แต่ Tensor G5 ยังต้องพิสูจน์ความสามารถเทียบกับ A-series และ Snapdragon
    หากการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้ Pixel เสียเปรียบในตลาดเรือธงccftech.com/pixel-10s-tensor-g5-soc-gets-a-performance-boost/
    📱 Pixel 10: Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตเพิ่มประสิทธิภาพ รายงานจาก Wccftech ระบุว่า Google Pixel 10 ที่ใช้ชิป Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้การประมวลผล AI และการจัดการพลังงาน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขข้อจำกัดที่ผู้ใช้บางส่วนพบในช่วงแรกของการเปิดตัว Tensor G5 ถูกออกแบบโดย Google และผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่ใช้ Samsung Foundry จุดเด่นของ G5 คือการรวมหน่วยประมวลผล AI เข้ากับ CPU และ GPU เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Pixel เช่น การถ่ายภาพอัจฉริยะ การประมวลผลเสียง และการทำงานแบบเรียลไทม์ที่ต้องใช้ Machine Learning การอัปเดตล่าสุดช่วยให้ Pixel 10 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งในด้านการตอบสนองและการจัดการพลังงาน โดยผู้ใช้คาดว่าจะเห็นการปรับปรุงในงานประจำวัน เช่น การเปิดแอปเร็วขึ้น การประมวลผลภาพที่ลื่นไหลกว่าเดิม และการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งานให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงจากคู่แข่งรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้ Tensor G5 จะได้รับการปรับปรุง แต่ Google ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Apple และ Qualcomm ที่มีชิป A-series และ Snapdragon รุ่นล่าสุดซึ่งโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน การอัปเดตครั้งนี้จึงเป็นเพียงก้าวแรกของ Google ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้และนักพัฒนา 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Tensor G5 ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการพลังงานใน Pixel 10 ✅ การออกแบบและการผลิต ➡️ ผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm แทน Samsung Foundry ✅ การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ ➡️ เปิดแอปเร็วขึ้น ประมวลผลภาพลื่นไหล และใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน ➡️ ต้องเผชิญกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ที่มีชิปประสิทธิภาพสูง ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขัน ⛔ แม้จะปรับปรุงแล้ว แต่ Tensor G5 ยังต้องพิสูจน์ความสามารถเทียบกับ A-series และ Snapdragon ⛔ หากการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้ Pixel เสียเปรียบในตลาดเรือธงccftech.com/pixel-10s-tensor-g5-soc-gets-a-performance-boost/
    WCCFTECH.COM
    Pixel 10's Tensor G5 SoC Gets A Performance Boost
    Imagination's IMG PowerVR DXT-48-1536 GPU within Pixel 10's Tensor G5 chip is now finally getting a critical driver update.
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • วิกฤติหน่วยความจำ: Micron เตือน DRAM ขาดตลาดยาวถึงปี 2026

    Micron รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 พร้อมยืนยันว่าแม้จะปิดแบรนด์ Crucial ไปแล้ว แต่ความต้องการ DRAM และ NAND ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะจากศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัททำรายได้สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่าจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เต็มที่ และคาดว่าการขาดแคลนจะยืดเยื้อต่อไปหลังปี 2026

    หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึงสามเท่า ทำให้ทรัพยากรการผลิตตึงตัวมากขึ้น Micron คาดว่าตลาด HBM จะมีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งจะกลายเป็นตลาดใหญ่กว่าทั้ง DRAM ในปี 2024 การแข่งขันด้านการผลิตจึงเข้มข้นขึ้น และผู้ผลิตหลายรายเริ่มทำสัญญาระยะยาวเพื่อรักษาซัพพลาย

    Micron กำลังลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในไอดาโฮและนิวยอร์ก โดยโรงงานแรกจะเริ่มผลิตกลางปี 2027 ส่วนอีกแห่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2026 และคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายกำลังผลิต บริษัทก็ยังคาดว่าจะสามารถตอบสนองได้เพียงครึ่งถึงสองในสามของความต้องการลูกค้าหลักเท่านั้น

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคเริ่มเห็นชัดเจนแล้ว ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตบางรายเช่น Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงปรับขึ้น ส่วน Sapphire คาดว่าราคาจะเริ่มทรงตัวในอีก 6–8 เดือน แต่ก็อาจไม่ใช่ระดับราคาที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสินค้าปลอมและการฉ้อโกงในตลาดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ผลประกอบการ Micron
    รายได้ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57%

    การขาดแคลน DRAM ต่อเนื่อง
    Micron คาดว่าปัญหาจะยืดเยื้อไปหลังปี 2026 และตอบสนองได้เพียง 50–66% ของความต้องการ

    การเติบโตของตลาด HBM
    ใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึง 3 เท่า และคาดว่ามูลค่าตลาดจะถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028

    การลงทุนโรงงานใหม่
    โรงงานในไอดาโฮจะเริ่มผลิตปี 2027 และโรงงานนิวยอร์กคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้น และผู้ผลิตบางรายเตือนว่าราคาจะยังคงเพิ่มต่อไป

    คำเตือนด้านราคาและตลาด
    ราคาหน่วยความจำอาจไม่กลับไปสู่ระดับที่ผู้ใช้คาดหวัง แม้จะเริ่มทรงตัว
    ความเสี่ยงจากสินค้าปลอมและการฉ้อโกงออนไลน์เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-outlines-grim-outlook-for-dram-supply-in-first-earnings-call-since-killing-crucial-memory-and-ssd-brand-ceo-says-it-can-only-meet-half-to-two-thirds-of-demand
    🖥️ วิกฤติหน่วยความจำ: Micron เตือน DRAM ขาดตลาดยาวถึงปี 2026 Micron รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 พร้อมยืนยันว่าแม้จะปิดแบรนด์ Crucial ไปแล้ว แต่ความต้องการ DRAM และ NAND ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะจากศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัททำรายได้สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่าจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เต็มที่ และคาดว่าการขาดแคลนจะยืดเยื้อต่อไปหลังปี 2026 หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึงสามเท่า ทำให้ทรัพยากรการผลิตตึงตัวมากขึ้น Micron คาดว่าตลาด HBM จะมีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งจะกลายเป็นตลาดใหญ่กว่าทั้ง DRAM ในปี 2024 การแข่งขันด้านการผลิตจึงเข้มข้นขึ้น และผู้ผลิตหลายรายเริ่มทำสัญญาระยะยาวเพื่อรักษาซัพพลาย Micron กำลังลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในไอดาโฮและนิวยอร์ก โดยโรงงานแรกจะเริ่มผลิตกลางปี 2027 ส่วนอีกแห่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2026 และคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายกำลังผลิต บริษัทก็ยังคาดว่าจะสามารถตอบสนองได้เพียงครึ่งถึงสองในสามของความต้องการลูกค้าหลักเท่านั้น ผลกระทบต่อผู้บริโภคเริ่มเห็นชัดเจนแล้ว ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตบางรายเช่น Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงปรับขึ้น ส่วน Sapphire คาดว่าราคาจะเริ่มทรงตัวในอีก 6–8 เดือน แต่ก็อาจไม่ใช่ระดับราคาที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสินค้าปลอมและการฉ้อโกงในตลาดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ผลประกอบการ Micron ➡️ รายได้ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57% ✅ การขาดแคลน DRAM ต่อเนื่อง ➡️ Micron คาดว่าปัญหาจะยืดเยื้อไปหลังปี 2026 และตอบสนองได้เพียง 50–66% ของความต้องการ ✅ การเติบโตของตลาด HBM ➡️ ใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึง 3 เท่า และคาดว่ามูลค่าตลาดจะถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028 ✅ การลงทุนโรงงานใหม่ ➡️ โรงงานในไอดาโฮจะเริ่มผลิตปี 2027 และโรงงานนิวยอร์กคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้น และผู้ผลิตบางรายเตือนว่าราคาจะยังคงเพิ่มต่อไป ‼️ คำเตือนด้านราคาและตลาด ⛔ ราคาหน่วยความจำอาจไม่กลับไปสู่ระดับที่ผู้ใช้คาดหวัง แม้จะเริ่มทรงตัว ⛔ ความเสี่ยงจากสินค้าปลอมและการฉ้อโกงออนไลน์เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-outlines-grim-outlook-for-dram-supply-in-first-earnings-call-since-killing-crucial-memory-and-ssd-brand-ceo-says-it-can-only-meet-half-to-two-thirds-of-demand
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • Flatpak 1.16.2 เปิดใช้งาน VA-API สำหรับ Intel Xe GPU

    Flatpak เวอร์ชัน 1.16.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ VA-API (Video Acceleration API) สำหรับ Intel Xe GPUs ซึ่งช่วยให้การเล่นวิดีโอและงานกราฟิกที่ต้องใช้การเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีขึ้นภายใน sandbox ของ Flatpak นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถใช้ประโยชน์จาก GPU รุ่นใหม่ของ Intel ได้เต็มที่ แม้จะรันแอปในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัด.

    นอกจากการรองรับ VA-API แล้ว Flatpak 1.16.2 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรหลายจุด เช่น ปัญหาการจัดการ permission และการทำงานร่วมกับระบบไฟล์ ทำให้การติดตั้งและรันแอปผ่าน Flatpak มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น การอัปเดตนี้จึงไม่เพียงแต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่ยังช่วยให้ ecosystem ของ Flatpak แข็งแรงขึ้น.

    การรองรับ Intel Xe GPUs มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในงาน multimedia และ machine learning เนื่องจาก Xe เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ Intel ผลักดันอย่างจริงจังในตลาด ทั้งในระดับ consumer และ data center การที่ Flatpak รองรับ VA-API บน Xe จึงช่วยให้แอปพลิเคชันที่แพ็กเป็น Flatpak สามารถใช้ GPU acceleration ได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าซับซ้อน.

    ในภาพรวม Flatpak ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหา fragmentation ของ Linux โดยให้แพ็กเกจที่ทำงานได้บนหลายดิสโทร การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนว่า Flatpak ไม่ได้หยุดแค่การทำให้แอป “รันได้ทุกที่” แต่ยังมุ่งไปสู่การใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ Linux ได้ประสบการณ์ที่ทันสมัยไม่แพ้แพลตฟอร์มอื่น.

    สรุปสาระสำคัญ
    Flatpak 1.16.2 อัปเดตใหม่
    เพิ่มการรองรับ VA-API สำหรับ Intel Xe GPUs
    ปรับปรุงความเสถียรและแก้ไขบั๊กหลายจุด

    ประโยชน์ต่อผู้ใช้ Linux
    ใช้ GPU acceleration ได้เต็มที่ภายใน sandbox
    รองรับงาน multimedia และ machine learning

    ความสำคัญเชิง ecosystem
    Flatpak ช่วยลดปัญหา fragmentation ของ Linux
    รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่เพื่อประสบการณ์ทันสมัย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ผู้ใช้ที่ยังใช้ GPU รุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก VA-API ใหม่
    ควรอัปเดต Flatpak ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

    https://9to5linux.com/flatpak-1-16-2-linux-app-sandboxing-framework-enables-va-api-for-intel-xe-gpus
    🖼️ Flatpak 1.16.2 เปิดใช้งาน VA-API สำหรับ Intel Xe GPU Flatpak เวอร์ชัน 1.16.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ VA-API (Video Acceleration API) สำหรับ Intel Xe GPUs ซึ่งช่วยให้การเล่นวิดีโอและงานกราฟิกที่ต้องใช้การเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีขึ้นภายใน sandbox ของ Flatpak นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ Linux สามารถใช้ประโยชน์จาก GPU รุ่นใหม่ของ Intel ได้เต็มที่ แม้จะรันแอปในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัด. นอกจากการรองรับ VA-API แล้ว Flatpak 1.16.2 ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรหลายจุด เช่น ปัญหาการจัดการ permission และการทำงานร่วมกับระบบไฟล์ ทำให้การติดตั้งและรันแอปผ่าน Flatpak มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น การอัปเดตนี้จึงไม่เพียงแต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ แต่ยังช่วยให้ ecosystem ของ Flatpak แข็งแรงขึ้น. การรองรับ Intel Xe GPUs มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในงาน multimedia และ machine learning เนื่องจาก Xe เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ Intel ผลักดันอย่างจริงจังในตลาด ทั้งในระดับ consumer และ data center การที่ Flatpak รองรับ VA-API บน Xe จึงช่วยให้แอปพลิเคชันที่แพ็กเป็น Flatpak สามารถใช้ GPU acceleration ได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาการตั้งค่าซับซ้อน. ในภาพรวม Flatpak ยังคงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหา fragmentation ของ Linux โดยให้แพ็กเกจที่ทำงานได้บนหลายดิสโทร การอัปเดตครั้งนี้สะท้อนว่า Flatpak ไม่ได้หยุดแค่การทำให้แอป “รันได้ทุกที่” แต่ยังมุ่งไปสู่การใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ Linux ได้ประสบการณ์ที่ทันสมัยไม่แพ้แพลตฟอร์มอื่น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Flatpak 1.16.2 อัปเดตใหม่ ➡️ เพิ่มการรองรับ VA-API สำหรับ Intel Xe GPUs ➡️ ปรับปรุงความเสถียรและแก้ไขบั๊กหลายจุด ✅ ประโยชน์ต่อผู้ใช้ Linux ➡️ ใช้ GPU acceleration ได้เต็มที่ภายใน sandbox ➡️ รองรับงาน multimedia และ machine learning ✅ ความสำคัญเชิง ecosystem ➡️ Flatpak ช่วยลดปัญหา fragmentation ของ Linux ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่เพื่อประสบการณ์ทันสมัย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้ GPU รุ่นเก่าอาจไม่ได้รับประโยชน์จาก VA-API ใหม่ ⛔ ควรอัปเดต Flatpak ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด https://9to5linux.com/flatpak-1-16-2-linux-app-sandboxing-framework-enables-va-api-for-intel-xe-gpus
    9TO5LINUX.COM
    Flatpak 1.16.2 Linux App Sandboxing Framework Enables VA-API for Intel Xe GPUs - 9to5Linux
    Flatpak 1.16.2 Linux app sandboxing and distribution framework is now available for download with various enhancements and bug fixes.
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • ใช้ Raspberry Pi เป็น Desktop – เลือก OS ที่เหมาะสม

    บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า Raspberry Pi แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ทรงพลัง แต่ก็สามารถใช้เป็น desktop computer ได้ หากเลือกระบบปฏิบัติการ (OS) ที่เหมาะสม โดยมีหลายตัวเลือกที่ตอบโจทย์ต่างกัน ตั้งแต่ OS ที่เบามากไปจนถึง OS ที่ให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับเครื่อง PC จริง.

    หนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นคือ DietPi ซึ่งเป็น Debian-based distro ที่เบามาก ใช้ทรัพยากรน้อย เหมาะกับ Pi ที่มี RAM เพียง 1 GB แต่ต้องเลือก desktop environment เอง เช่น LXDE หรือ XFCE อีกตัวคือ Twister OS ที่มีจุดขายด้าน “ThemeTwister” ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าตาเป็น Windows 95, XP, 7, 10 หรือ macOS ได้ พร้อม emulator Box86/Box64 สำหรับรันแอป x86 และ Chromium Media Edition สำหรับดู Netflix หรือ Disney+.

    สำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลายของ desktop environment มี Armbian ที่รองรับ XFCE, GNOME และ Cinnamon พร้อม community support ที่แข็งแรง ส่วน piCore (Tiny Core Linux) เป็นตัวเลือกที่เล็กมาก (image เพียง 40 MB) เหมาะกับ Pi รุ่นเล็ก เช่น Pi Zero แต่ไม่เหมาะกับงานหนัก ขณะที่ RISC OS ถือเป็นระบบดั้งเดิมของ ARM ที่ย้อนกลับไปถึงปี 1987 แม้จะไม่ใช่ mainstream แต่ยังมี community พัฒนาต่อ.

    นอกจากนี้ยังมี ARM version ของ Linux distro ยอดนิยม เช่น Ubuntu, Pop!_OS, Manjaro และ Kali ที่ให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับ PC จริง แต่บทสรุปของผู้เขียนคือ Raspberry Pi OS ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะ ecosystem ที่ครบถ้วนและมีเอกสาร/คู่มือมากที่สุด.

    สรุปสาระสำคัญ
    DietPi – เบาและเร็ว
    Debian-based, ใช้ทรัพยากรต่ำ
    ต้องเลือก desktop environment เอง

    Twister OS – สนุกและหลากหลาย
    ThemeTwister เปลี่ยนหน้าตาเป็น Windows/macOS
    มี emulator และ Chromium Media Edition

    Armbian – ยืดหยุ่นและ community แข็งแรง
    รองรับ XFCE, GNOME, Cinnamon
    มีเครื่องมือ armbian-config สำหรับตั้งค่า

    piCore – เล็กมากสำหรับ Pi รุ่นเล็ก
    image เพียง 40 MB
    เหมาะกับงานเบา ไม่รองรับ modern apps

    RISC OS – ระบบดั้งเดิมของ ARM
    เริ่มตั้งแต่ปี 1987 โดย Acorn Computers
    community ยังพัฒนาต่อ แต่ไม่ใช่ mainstream

    Linux distro ARM version
    Ubuntu, Pop!_OS, Manjaro, Kali รองรับ Raspberry Pi
    Fedora ยังไม่รองรับ Pi 5

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Raspberry Pi อาจช้ากับงานหนัก เช่น เล่นวิดีโอ HD หรือ multitasking
    OS บางตัว experimental เช่น RISC OS อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป

    https://itsfoss.com/raspberry-pi-desktop-os/
    🖥️ ใช้ Raspberry Pi เป็น Desktop – เลือก OS ที่เหมาะสม บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า Raspberry Pi แม้จะไม่ใช่เครื่องที่ทรงพลัง แต่ก็สามารถใช้เป็น desktop computer ได้ หากเลือกระบบปฏิบัติการ (OS) ที่เหมาะสม โดยมีหลายตัวเลือกที่ตอบโจทย์ต่างกัน ตั้งแต่ OS ที่เบามากไปจนถึง OS ที่ให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับเครื่อง PC จริง. หนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นคือ DietPi ซึ่งเป็น Debian-based distro ที่เบามาก ใช้ทรัพยากรน้อย เหมาะกับ Pi ที่มี RAM เพียง 1 GB แต่ต้องเลือก desktop environment เอง เช่น LXDE หรือ XFCE อีกตัวคือ Twister OS ที่มีจุดขายด้าน “ThemeTwister” ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าตาเป็น Windows 95, XP, 7, 10 หรือ macOS ได้ พร้อม emulator Box86/Box64 สำหรับรันแอป x86 และ Chromium Media Edition สำหรับดู Netflix หรือ Disney+. สำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลายของ desktop environment มี Armbian ที่รองรับ XFCE, GNOME และ Cinnamon พร้อม community support ที่แข็งแรง ส่วน piCore (Tiny Core Linux) เป็นตัวเลือกที่เล็กมาก (image เพียง 40 MB) เหมาะกับ Pi รุ่นเล็ก เช่น Pi Zero แต่ไม่เหมาะกับงานหนัก ขณะที่ RISC OS ถือเป็นระบบดั้งเดิมของ ARM ที่ย้อนกลับไปถึงปี 1987 แม้จะไม่ใช่ mainstream แต่ยังมี community พัฒนาต่อ. นอกจากนี้ยังมี ARM version ของ Linux distro ยอดนิยม เช่น Ubuntu, Pop!_OS, Manjaro และ Kali ที่ให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับ PC จริง แต่บทสรุปของผู้เขียนคือ Raspberry Pi OS ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะ ecosystem ที่ครบถ้วนและมีเอกสาร/คู่มือมากที่สุด. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ DietPi – เบาและเร็ว ➡️ Debian-based, ใช้ทรัพยากรต่ำ ➡️ ต้องเลือก desktop environment เอง ✅ Twister OS – สนุกและหลากหลาย ➡️ ThemeTwister เปลี่ยนหน้าตาเป็น Windows/macOS ➡️ มี emulator และ Chromium Media Edition ✅ Armbian – ยืดหยุ่นและ community แข็งแรง ➡️ รองรับ XFCE, GNOME, Cinnamon ➡️ มีเครื่องมือ armbian-config สำหรับตั้งค่า ✅ piCore – เล็กมากสำหรับ Pi รุ่นเล็ก ➡️ image เพียง 40 MB ➡️ เหมาะกับงานเบา ไม่รองรับ modern apps ✅ RISC OS – ระบบดั้งเดิมของ ARM ➡️ เริ่มตั้งแต่ปี 1987 โดย Acorn Computers ➡️ community ยังพัฒนาต่อ แต่ไม่ใช่ mainstream ✅ Linux distro ARM version ➡️ Ubuntu, Pop!_OS, Manjaro, Kali รองรับ Raspberry Pi ➡️ Fedora ยังไม่รองรับ Pi 5 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Raspberry Pi อาจช้ากับงานหนัก เช่น เล่นวิดีโอ HD หรือ multitasking ⛔ OS บางตัว experimental เช่น RISC OS อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป https://itsfoss.com/raspberry-pi-desktop-os/
    ITSFOSS.COM
    Your Raspberry Pi Can Be a Real Desktop (If You Pick the Right OS)
    Here are the operating system choices when you want to use Raspberry Pi in a desktop setup.
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • Fresh – Terminal Editor รุ่นใหม่ที่ง่ายกว่า Nano

    โลกของ Linux เต็มไปด้วย text editor ใน terminal เช่น Vim, Emacs และ Nano แต่หลายตัวมี learning curve สูงสำหรับผู้เริ่มต้น Fresh จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา Rust เพื่อให้ใช้งานง่ายเหมือน GUI editor แต่ทำงานใน terminal โดยใช้ standard keybindings ที่ผู้ใช้คุ้นเคย เช่น Ctrl+S สำหรับบันทึก, Ctrl+F สำหรับค้นหา และ Ctrl+Z สำหรับ undo.

    สิ่งที่ทำให้ Fresh “สดใหม่” คือ mouse support เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อวาง cursor หรือ drag เพื่อเลือกข้อความได้เหมือนใน editor บน desktop นอกจากนี้ยังมี command palette (Ctrl+P) สำหรับค้นหาคำสั่ง และ file explorer (Ctrl+E) ที่เปิดด้านซ้ายเพื่อจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ได้สะดวก พร้อม split-pane layout ที่ช่วยให้ทำงานหลายไฟล์ได้ง่ายขึ้น.

    Fresh ยังรองรับ Language Server Protocol (LSP) ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง go-to-definition, hover documentation และ diagnostics ได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม รองรับไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 10 GB และมีฟีเจอร์เสริม เช่น line numbers, word wrap, embedded terminal และ markdown preview อีกทั้งยังมีระบบ plugin ที่ใช้ TypeScript และทำงานใน sandboxed Deno environment.

    การติดตั้ง Fresh ทำได้ง่ายบน Debian, Ubuntu และดิสโทรอื่น ๆ ผ่าน .deb package หรือ App Center โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานด้วยคำสั่ง fresh หลังติดตั้งเสร็จ มีธีมให้เลือกหลายแบบ เช่น “Dark” ที่ได้รับความนิยม และมีเอกสารประกอบที่ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว.

    สรุปสาระสำคัญ
    Fresh: Terminal Editor รุ่นใหม่
    เขียนด้วย Rust ใช้ง่ายกว่า Nano
    ใช้ keybindings มาตรฐาน เช่น Ctrl+S, Ctrl+F, Ctrl+Z

    ฟีเจอร์ทันสมัยแบบ GUI
    รองรับ mouse support เต็มรูปแบบ
    มี command palette และ file explorer

    ความสามารถขั้นสูง
    รองรับ LSP สำหรับการเขียนโค้ด
    จัดการไฟล์ใหญ่กว่า 10 GB ได้ มี plugin system ด้วย TypeScript

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่
    ยังเป็น editor ใหม่ อาจมีบั๊กหรือ ecosystem plugin ที่ยังไม่สมบูรณ์
    ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Vim/Emacs อาจต้องปรับตัวกับ workflow ที่ต่างออกไป

    https://itsfoss.com/fresh-terminal-text-editor/
    ✨ Fresh – Terminal Editor รุ่นใหม่ที่ง่ายกว่า Nano โลกของ Linux เต็มไปด้วย text editor ใน terminal เช่น Vim, Emacs และ Nano แต่หลายตัวมี learning curve สูงสำหรับผู้เริ่มต้น Fresh จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา Rust เพื่อให้ใช้งานง่ายเหมือน GUI editor แต่ทำงานใน terminal โดยใช้ standard keybindings ที่ผู้ใช้คุ้นเคย เช่น Ctrl+S สำหรับบันทึก, Ctrl+F สำหรับค้นหา และ Ctrl+Z สำหรับ undo. สิ่งที่ทำให้ Fresh “สดใหม่” คือ mouse support เต็มรูปแบบ ผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อวาง cursor หรือ drag เพื่อเลือกข้อความได้เหมือนใน editor บน desktop นอกจากนี้ยังมี command palette (Ctrl+P) สำหรับค้นหาคำสั่ง และ file explorer (Ctrl+E) ที่เปิดด้านซ้ายเพื่อจัดการไฟล์และโฟลเดอร์ได้สะดวก พร้อม split-pane layout ที่ช่วยให้ทำงานหลายไฟล์ได้ง่ายขึ้น. Fresh ยังรองรับ Language Server Protocol (LSP) ทำให้สามารถใช้ฟีเจอร์อย่าง go-to-definition, hover documentation และ diagnostics ได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม รองรับไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 10 GB และมีฟีเจอร์เสริม เช่น line numbers, word wrap, embedded terminal และ markdown preview อีกทั้งยังมีระบบ plugin ที่ใช้ TypeScript และทำงานใน sandboxed Deno environment. การติดตั้ง Fresh ทำได้ง่ายบน Debian, Ubuntu และดิสโทรอื่น ๆ ผ่าน .deb package หรือ App Center โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานด้วยคำสั่ง fresh หลังติดตั้งเสร็จ มีธีมให้เลือกหลายแบบ เช่น “Dark” ที่ได้รับความนิยม และมีเอกสารประกอบที่ช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เริ่มต้นได้อย่างรวดเร็ว. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Fresh: Terminal Editor รุ่นใหม่ ➡️ เขียนด้วย Rust ใช้ง่ายกว่า Nano ➡️ ใช้ keybindings มาตรฐาน เช่น Ctrl+S, Ctrl+F, Ctrl+Z ✅ ฟีเจอร์ทันสมัยแบบ GUI ➡️ รองรับ mouse support เต็มรูปแบบ ➡️ มี command palette และ file explorer ✅ ความสามารถขั้นสูง ➡️ รองรับ LSP สำหรับการเขียนโค้ด ➡️ จัดการไฟล์ใหญ่กว่า 10 GB ได้ ➡️ มี plugin system ด้วย TypeScript ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่ ⛔ ยังเป็น editor ใหม่ อาจมีบั๊กหรือ ecosystem plugin ที่ยังไม่สมบูรณ์ ⛔ ผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ Vim/Emacs อาจต้องปรับตัวกับ workflow ที่ต่างออกไป https://itsfoss.com/fresh-terminal-text-editor/
    ITSFOSS.COM
    Easier Than Nano! Fresh is a 'Fresh' New Rust-based Terminal Editor for Linux
    Rust-based editor combines fast performance with GUI-style shortcuts that just work.
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
More Results