• อดีตวิศวกร Apple Kong Long และ Wang Huanyu ตัดสินใจกลับจีนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kong ได้รับตำแหน่งเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Fudan และ Wang ร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Huazhong แนวโน้มนี้เกิดขึ้นขณะที่ จีนเร่งพัฒนาการผลิตชิปในประเทศ และสหรัฐฯ มีมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีให้จีน

    ✅ ใครคือ Kong Long—อดีตวิศวกร Apple ที่กลับจีน?
    - Kong Long เคยทำงานด้าน ชิปไร้สาย (Wireless Semiconductor) ที่ Apple
    - ล่าสุดเข้าร่วมเป็น นักวิจัยและอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Fudan ในด้าน การออกแบบวงจรรวม RF และคอมพิวเตอร์ดิจิตอล-อนาล็อกแบบไฮบริด

    ✅ แนวโน้มวิศวกรจีนกลับประเทศเพิ่มขึ้น
    - หลายปีที่ผ่านมา วิศวกรที่ทำงานในสหรัฐฯ เริ่มกลับจีน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของประเทศ
    - นโยบาย ควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้จีนต้องเร่งพึ่งพาความสามารถภายในประเทศ

    ✅ การศึกษาของ Kong Long บ่งบอกถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยี
    - จบการศึกษาด้าน Microelectronics จาก Shanghai Jiao Tong University
    - ได้ ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก University of California, Los Angeles (UCLA)
    - เคยทำงานที่ Oracle ในด้าน Mixed-Signal IC Design ก่อนเข้าสู่วงการเซมิคอนดักเตอร์ที่ Apple

    ✅ อดีตวิศวกร Apple อีกคนก็เพิ่งกลับจีนเพื่อเข้าร่วมการพัฒนาเทคโนโลยีชิป
    - Wang Huanyu ผู้พัฒนา ชิป Apple M3 และ M4 ลาออกจาก Apple เพื่อร่วมงานกับ School of Integrated Circuits ที่ Huazhong University of Science and Technology
    - การกลับมาของวิศวกรระดับสูงอาจเป็น สัญญาณว่าจีนกำลังเร่งขยายทีมงานภายในประเทศ

    ✅ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอาจมีผลต่อการตัดสินใจของวิศวกรเหล่านี้
    - นักวิเคราะห์มองว่า แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้วิศวกรจีนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ ตัดสินใจลาออกและกลับประเทศ
    - อาจเป็นผลจากความตึงเครียดของ นโยบายป้องกันจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    https://wccftech.com/ex-apple-engineer-returns-to-china-after-seven-years-to-fulfill-chipmaking-ambitions/
    อดีตวิศวกร Apple Kong Long และ Wang Huanyu ตัดสินใจกลับจีนเพื่อเข้าร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Kong ได้รับตำแหน่งเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Fudan และ Wang ร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Huazhong แนวโน้มนี้เกิดขึ้นขณะที่ จีนเร่งพัฒนาการผลิตชิปในประเทศ และสหรัฐฯ มีมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีให้จีน ✅ ใครคือ Kong Long—อดีตวิศวกร Apple ที่กลับจีน? - Kong Long เคยทำงานด้าน ชิปไร้สาย (Wireless Semiconductor) ที่ Apple - ล่าสุดเข้าร่วมเป็น นักวิจัยและอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย Fudan ในด้าน การออกแบบวงจรรวม RF และคอมพิวเตอร์ดิจิตอล-อนาล็อกแบบไฮบริด ✅ แนวโน้มวิศวกรจีนกลับประเทศเพิ่มขึ้น - หลายปีที่ผ่านมา วิศวกรที่ทำงานในสหรัฐฯ เริ่มกลับจีน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของประเทศ - นโยบาย ควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้จีนต้องเร่งพึ่งพาความสามารถภายในประเทศ ✅ การศึกษาของ Kong Long บ่งบอกถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยี - จบการศึกษาด้าน Microelectronics จาก Shanghai Jiao Tong University - ได้ ปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจาก University of California, Los Angeles (UCLA) - เคยทำงานที่ Oracle ในด้าน Mixed-Signal IC Design ก่อนเข้าสู่วงการเซมิคอนดักเตอร์ที่ Apple ✅ อดีตวิศวกร Apple อีกคนก็เพิ่งกลับจีนเพื่อเข้าร่วมการพัฒนาเทคโนโลยีชิป - Wang Huanyu ผู้พัฒนา ชิป Apple M3 และ M4 ลาออกจาก Apple เพื่อร่วมงานกับ School of Integrated Circuits ที่ Huazhong University of Science and Technology - การกลับมาของวิศวกรระดับสูงอาจเป็น สัญญาณว่าจีนกำลังเร่งขยายทีมงานภายในประเทศ ✅ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอาจมีผลต่อการตัดสินใจของวิศวกรเหล่านี้ - นักวิเคราะห์มองว่า แรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้วิศวกรจีนที่ทำงานในบริษัทต่างชาติ ตัดสินใจลาออกและกลับประเทศ - อาจเป็นผลจากความตึงเครียดของ นโยบายป้องกันจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง https://wccftech.com/ex-apple-engineer-returns-to-china-after-seven-years-to-fulfill-chipmaking-ambitions/
    WCCFTECH.COM
    Former Apple Chip Engineer Returns To China And Joins The Country’s Silicon-Manufacturing Ambitions After Seven Years Of Working With The Trillion-Dollar Firm
    After working with Apple for seven years, a chip engineer has departed back to China, where he works on fulfilling the country’s chipmaking goals
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • Apple ฉลองครบรอบ 49 ปี จากบริษัทเล็ก ๆ ในโรงรถจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมาตลอดหลายทศวรรษ Macintosh และ iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือ ขณะที่ระบบนิเวศของ Apple ทำให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ล่าสุด Apple มุ่งหน้าสู่เทคโนโลยี AR และชิปเซ็ตที่พัฒนาเอง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในอนาคต

    ✅ Apple I จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนวงการคอมพิวเตอร์
    - Steve Jobs และ Steve Wozniak สร้าง Apple I ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ท้าทายแนวคิดเดิมของวงการเทคโนโลยี

    ✅ Macintosh—GUI ที่นำไปสู่ยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์
    - Macintosh ทำให้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น ด้วย กราฟิกอินเทอร์เฟซ (GUI) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม

    ✅ iPod และ iPhone ปฏิวัติวิธีการฟังเพลงและสื่อสาร
    - iPod ทำให้การพกพาเพลงเป็นเรื่องง่ายด้วยแนวคิด "1000 เพลงในกระเป๋า"
    - iPhone เปิดตัวในปี 2007 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งด้านการถ่ายภาพ, แอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    ✅ Apple สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบ
    - ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, watchOS, visionOS และ iPadOS ทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
    - เปิดตัวบริการ Apple Music, iCloud, Apple TV+ และ Apple News เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในหลายด้าน

    ✅ Apple พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแทนการพึ่งพาซัพพลายเออร์
    - เปิดตัวชิป M-series ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อย
    - เปิดตัว C1 Modem เพื่อลดการพึ่งพาชิปสื่อสารจากผู้ผลิตภายนอก

    ✅ Vision Pro—ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี AR และอนาคตของคอมพิวเตอร์
    - Apple เปิดตัว Vision Pro ซึ่งเป็นอุปกรณ์ AR ที่แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในอนาคต
    - นักวิเคราะห์มองว่า Apple อาจนำ AR มาใช้ในผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว

    https://wccftech.com/apple-turns-49-today-innovation-and-vision/
    Apple ฉลองครบรอบ 49 ปี จากบริษัทเล็ก ๆ ในโรงรถจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมาตลอดหลายทศวรรษ Macintosh และ iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการใช้คอมพิวเตอร์และมือถือ ขณะที่ระบบนิเวศของ Apple ทำให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ล่าสุด Apple มุ่งหน้าสู่เทคโนโลยี AR และชิปเซ็ตที่พัฒนาเอง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในอนาคต ✅ Apple I จุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนวงการคอมพิวเตอร์ - Steve Jobs และ Steve Wozniak สร้าง Apple I ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ท้าทายแนวคิดเดิมของวงการเทคโนโลยี ✅ Macintosh—GUI ที่นำไปสู่ยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์ - Macintosh ทำให้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้น ด้วย กราฟิกอินเทอร์เฟซ (GUI) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม ✅ iPod และ iPhone ปฏิวัติวิธีการฟังเพลงและสื่อสาร - iPod ทำให้การพกพาเพลงเป็นเรื่องง่ายด้วยแนวคิด "1000 เพลงในกระเป๋า" - iPhone เปิดตัวในปี 2007 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้โทรศัพท์มือถือ ทั้งด้านการถ่ายภาพ, แอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ✅ Apple สร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบ - ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, watchOS, visionOS และ iPadOS ทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น - เปิดตัวบริการ Apple Music, iCloud, Apple TV+ และ Apple News เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ในหลายด้าน ✅ Apple พัฒนาเทคโนโลยีของตนเองแทนการพึ่งพาซัพพลายเออร์ - เปิดตัวชิป M-series ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานน้อย - เปิดตัว C1 Modem เพื่อลดการพึ่งพาชิปสื่อสารจากผู้ผลิตภายนอก ✅ Vision Pro—ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี AR และอนาคตของคอมพิวเตอร์ - Apple เปิดตัว Vision Pro ซึ่งเป็นอุปกรณ์ AR ที่แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในอนาคต - นักวิเคราะห์มองว่า Apple อาจนำ AR มาใช้ในผลิตภัณฑ์อีกหลายตัว https://wccftech.com/apple-turns-49-today-innovation-and-vision/
    WCCFTECH.COM
    From A Small Garage To A Global Icon, Apple Turns 49 Today, Changing The Tech World Forever With Its Vision, Innovation, And Unstoppable Momentum
    Apple turns 49 today, and it has changed the entire world as we know it in terms of innovation, design, and the relentless pursuit of excellence.
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • SpaceX และ Apple อาจมีข้อพิพาทเกี่ยวกับคลื่นความถี่ดาวเทียม โดย SpaceX พยายาม กดดันหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ไม่ให้อนุญาตให้ Globalstar (ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก Apple) ขยายการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมของ iPhone หาก SpaceX ควบคุมตลาดมากเกินไป อาจทำให้บริการดาวเทียม มีราคาแพงขึ้น และเกิดจุดอับสัญญาณ ได้

    ✅ SpaceX เคยเจรจาร่วมมือกับ Apple แต่ล้มเหลว
    - ก่อนหน้านี้ SpaceX และ Apple เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน เพื่อสนับสนุนบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมของ iPhone
    - อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ส่งผลให้ Apple หันไปใช้เครือข่ายดาวเทียมอื่นแทน SpaceX

    ✅ SpaceX ต้องการควบคุมคลื่นความถี่ให้มากที่สุด
    - ดาวเทียมทุกดวงใช้ คลื่นวิทยุส่งสัญญาณมายังโลก ซึ่งต้องมีการจัดสรรเพื่อให้สัญญาณไม่รบกวนกัน
    - หาก SpaceX ได้รับสิทธิ์ควบคุมคลื่นความถี่จำนวนมาก บริษัทอื่นจะ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ หรืออาจเกิด จุดอับสัญญาณ ในพื้นที่บางแห่ง

    ✅ การแข่งขันอุตสาหกรรมดาวเทียมอาจส่งผลต่อราคาบริการ
    - หาก SpaceX ครอบครองความถี่จำนวนมาก อาจทำให้เกิดสถานการณ์ กึ่งผูกขาด ซึ่งทำให้บริษัทสามารถ ตั้งราคาสูงขึ้นได้

    ✅ บริการ SOS ผ่านดาวเทียมของ iPhone อาจได้รับผลกระทบ
    - Apple ใช้ Globalstar สำหรับ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมบน iPhone ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือแม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
    - หาก SpaceX จำกัดการเข้าถึงคลื่นความถี่ Globalstar อาจ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ ได้

    https://www.techradar.com/phones/iphone/spacex-and-apple-reported-spat-could-spell-bad-news-for-starlink-and-your-iphones-satellite-communication-features
    SpaceX และ Apple อาจมีข้อพิพาทเกี่ยวกับคลื่นความถี่ดาวเทียม โดย SpaceX พยายาม กดดันหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ไม่ให้อนุญาตให้ Globalstar (ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก Apple) ขยายการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมของ iPhone หาก SpaceX ควบคุมตลาดมากเกินไป อาจทำให้บริการดาวเทียม มีราคาแพงขึ้น และเกิดจุดอับสัญญาณ ได้ ✅ SpaceX เคยเจรจาร่วมมือกับ Apple แต่ล้มเหลว - ก่อนหน้านี้ SpaceX และ Apple เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน เพื่อสนับสนุนบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมของ iPhone - อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ส่งผลให้ Apple หันไปใช้เครือข่ายดาวเทียมอื่นแทน SpaceX ✅ SpaceX ต้องการควบคุมคลื่นความถี่ให้มากที่สุด - ดาวเทียมทุกดวงใช้ คลื่นวิทยุส่งสัญญาณมายังโลก ซึ่งต้องมีการจัดสรรเพื่อให้สัญญาณไม่รบกวนกัน - หาก SpaceX ได้รับสิทธิ์ควบคุมคลื่นความถี่จำนวนมาก บริษัทอื่นจะ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ หรืออาจเกิด จุดอับสัญญาณ ในพื้นที่บางแห่ง ✅ การแข่งขันอุตสาหกรรมดาวเทียมอาจส่งผลต่อราคาบริการ - หาก SpaceX ครอบครองความถี่จำนวนมาก อาจทำให้เกิดสถานการณ์ กึ่งผูกขาด ซึ่งทำให้บริษัทสามารถ ตั้งราคาสูงขึ้นได้ ✅ บริการ SOS ผ่านดาวเทียมของ iPhone อาจได้รับผลกระทบ - Apple ใช้ Globalstar สำหรับ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมบน iPhone ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือแม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ - หาก SpaceX จำกัดการเข้าถึงคลื่นความถี่ Globalstar อาจ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ ได้ https://www.techradar.com/phones/iphone/spacex-and-apple-reported-spat-could-spell-bad-news-for-starlink-and-your-iphones-satellite-communication-features
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • Counterpoint Research รายงานว่า ยอดขายมือถือจอพับในปี 2025 อาจลดลง แม้ว่าจะเติบโตอย่างช้า ๆ ในปี 2024 โดยแบรนด์ใหญ่เช่น Samsung, Google, Oppo, Huawei และ Motorola ต่างก็ลงทุนในตลาดนี้อย่างหนัก แต่ยังไม่สามารถขยายฐานผู้ใช้ได้มากพอ นักวิเคราะห์คาดว่า หาก Apple เปิดตัว iPhone Fold ในปี 2026 อาจช่วยพลิกตลาดได้

    ✅ มือถือจอพับยังคงเป็นกลุ่มเล็กในตลาดสมาร์ทโฟน
    - แม้ว่าหลายแบรนด์จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ ยอดขายมือถือจอพับไม่เคยเกิน 2% ของตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมด
    - ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ไม่สนใจคือ ราคาสูงและขาดจุดขายที่ดึงดูดพอ

    ✅ แบรนด์ต่าง ๆ ยังคงลงทุน แม้ผู้ใช้ยังไม่ตอบรับเต็มที่
    - Honor และ Oppo มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยขยายตลาดมือถือจอพับ แต่ ส่วนใหญ่จำกัดอยู่ในจีนและยุโรป
    - นักวิเคราะห์มองว่า ปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาด โดยเฉพาะเมื่อ Apple เข้าสู่ตลาด

    ✅ Apple อาจเปิดตัว iPhone Fold ในปี 2026
    - Apple มัก รอให้ตลาดมีความชัดเจนก่อน แล้วค่อยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบอย่างดี
    - มีข่าวลือว่า iPhone Fold อาจใช้บานพับโลหะเหลวและดีไซน์บางเป็นพิเศษ
    - นักวิเคราะห์คาดว่า Apple อาจเลือกทำมือถือพับแบบฝาพับแทนที่จะเป็นแท็บเล็ตพับ เพื่อให้มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า

    ✅ ราคายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดมือถือจอพับ
    - คาดว่า iPhone Fold อาจมีราคา ประมาณ $2,000 ซึ่งยังคงสูงมาก
    - แม้ว่าราคาอาจลดลงเมื่อเทคโนโลยีมีความแพร่หลายขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะลดลงแค่ไหน

    https://www.techradar.com/phones/iphone/foldable-phone-sales-are-tipped-to-fall-this-year-and-apple-is-the-only-brand-that-could-turn-things-around
    Counterpoint Research รายงานว่า ยอดขายมือถือจอพับในปี 2025 อาจลดลง แม้ว่าจะเติบโตอย่างช้า ๆ ในปี 2024 โดยแบรนด์ใหญ่เช่น Samsung, Google, Oppo, Huawei และ Motorola ต่างก็ลงทุนในตลาดนี้อย่างหนัก แต่ยังไม่สามารถขยายฐานผู้ใช้ได้มากพอ นักวิเคราะห์คาดว่า หาก Apple เปิดตัว iPhone Fold ในปี 2026 อาจช่วยพลิกตลาดได้ ✅ มือถือจอพับยังคงเป็นกลุ่มเล็กในตลาดสมาร์ทโฟน - แม้ว่าหลายแบรนด์จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ ยอดขายมือถือจอพับไม่เคยเกิน 2% ของตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมด - ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ไม่สนใจคือ ราคาสูงและขาดจุดขายที่ดึงดูดพอ ✅ แบรนด์ต่าง ๆ ยังคงลงทุน แม้ผู้ใช้ยังไม่ตอบรับเต็มที่ - Honor และ Oppo มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยขยายตลาดมือถือจอพับ แต่ ส่วนใหญ่จำกัดอยู่ในจีนและยุโรป - นักวิเคราะห์มองว่า ปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาด โดยเฉพาะเมื่อ Apple เข้าสู่ตลาด ✅ Apple อาจเปิดตัว iPhone Fold ในปี 2026 - Apple มัก รอให้ตลาดมีความชัดเจนก่อน แล้วค่อยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบอย่างดี - มีข่าวลือว่า iPhone Fold อาจใช้บานพับโลหะเหลวและดีไซน์บางเป็นพิเศษ - นักวิเคราะห์คาดว่า Apple อาจเลือกทำมือถือพับแบบฝาพับแทนที่จะเป็นแท็บเล็ตพับ เพื่อให้มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ✅ ราคายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดมือถือจอพับ - คาดว่า iPhone Fold อาจมีราคา ประมาณ $2,000 ซึ่งยังคงสูงมาก - แม้ว่าราคาอาจลดลงเมื่อเทคโนโลยีมีความแพร่หลายขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะลดลงแค่ไหน https://www.techradar.com/phones/iphone/foldable-phone-sales-are-tipped-to-fall-this-year-and-apple-is-the-only-brand-that-could-turn-things-around
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • หน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับมัลแวร์ตัวใหม่ RESURGE ซึ่งกำลังโจมตีผลิตภัณฑ์ของ Ivanti หลายตัว โดยมัลแวร์นี้เป็น เวอร์ชันใหม่ของ SPAWNCHIMERA ที่เคยถูกใช้โจมตี Ivanti Connect Secure Appliances

    ✅ RESURGE ทำอะไรได้บ้าง?
    - สามารถ อยู่รอดหลังการรีบูตระบบ
    - สร้าง Web Shell เพื่อควบคุมอุปกรณ์ระยะไกล
    - เปลี่ยนแปลงระบบตรวจสอบความสมบูรณ์ไฟล์
    - ขโมยข้อมูลล็อกอิน สร้างบัญชีใหม่ รีเซ็ตรหัสผ่าน และเพิ่มสิทธิ์ผู้ใช้

    ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี—CVE-2025-0282
    - RESURGE อาศัยช่องโหว่ Stack-Based Buffer Overflow ใน Ivanti Connect Secure, Policy Secure และ Neurons for ZTA Gateways
    - ช่องโหว่นี้ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถ รันโค้ดระยะไกลโดยไม่ต้องล็อกอิน

    ✅ เวอร์ชันของ Ivanti ที่มีความเสี่ยงสูง
    - Connect Secure (ก่อนเวอร์ชัน 22.7R2.5)
    - Policy Secure (ก่อนเวอร์ชัน 22.7R1.2)
    - Neurons for ZTA Gateways (ก่อนเวอร์ชัน 22.7R2.3)

    ✅ CISA แนะนำแนวทางป้องกัน
    - Factory Reset อุปกรณ์ เพื่อกำจัดโค้ดที่แฝงตัว
    - เปลี่ยนรหัสผ่าน ของบัญชีที่มีสิทธิ์เข้าถึงทั้งหมด
    - ตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงระบบ เพื่อป้องกันการบุกรุกเพิ่มเติม
    - เฝ้าระวังบัญชีที่มีสิทธิ์ระดับสูง เช่น Admin Accounts

    https://www.techradar.com/pro/security/ivanti-products-targeted-by-dangerous-malware-yet-again
    หน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับมัลแวร์ตัวใหม่ RESURGE ซึ่งกำลังโจมตีผลิตภัณฑ์ของ Ivanti หลายตัว โดยมัลแวร์นี้เป็น เวอร์ชันใหม่ของ SPAWNCHIMERA ที่เคยถูกใช้โจมตี Ivanti Connect Secure Appliances ✅ RESURGE ทำอะไรได้บ้าง? - สามารถ อยู่รอดหลังการรีบูตระบบ - สร้าง Web Shell เพื่อควบคุมอุปกรณ์ระยะไกล - เปลี่ยนแปลงระบบตรวจสอบความสมบูรณ์ไฟล์ - ขโมยข้อมูลล็อกอิน สร้างบัญชีใหม่ รีเซ็ตรหัสผ่าน และเพิ่มสิทธิ์ผู้ใช้ ✅ ช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี—CVE-2025-0282 - RESURGE อาศัยช่องโหว่ Stack-Based Buffer Overflow ใน Ivanti Connect Secure, Policy Secure และ Neurons for ZTA Gateways - ช่องโหว่นี้ช่วยให้แฮกเกอร์สามารถ รันโค้ดระยะไกลโดยไม่ต้องล็อกอิน ✅ เวอร์ชันของ Ivanti ที่มีความเสี่ยงสูง - Connect Secure (ก่อนเวอร์ชัน 22.7R2.5) - Policy Secure (ก่อนเวอร์ชัน 22.7R1.2) - Neurons for ZTA Gateways (ก่อนเวอร์ชัน 22.7R2.3) ✅ CISA แนะนำแนวทางป้องกัน - Factory Reset อุปกรณ์ เพื่อกำจัดโค้ดที่แฝงตัว - เปลี่ยนรหัสผ่าน ของบัญชีที่มีสิทธิ์เข้าถึงทั้งหมด - ตรวจสอบสิทธิ์และการเข้าถึงระบบ เพื่อป้องกันการบุกรุกเพิ่มเติม - เฝ้าระวังบัญชีที่มีสิทธิ์ระดับสูง เช่น Admin Accounts https://www.techradar.com/pro/security/ivanti-products-targeted-by-dangerous-malware-yet-again
    WWW.TECHRADAR.COM
    Ivanti products targeted by dangerous malware yet again
    RESURGE is targeting Ivanti products, so make sure to stay safe
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • Samsung อาจเลิกใช้ชื่อ Exynos และเตรียมรีแบรนด์ชิปเซ็ตของตนเอง โดย Exynos 2600 จะถูกใช้ใน Galaxy S26 แต่มีจำนวนจำกัด ขณะที่ Exynos 2500 อาจถูกใช้ใน Galaxy Z Flip FE แต่ยังเป็น 4 nm มีข่าวลือว่า Samsung อาจเลิกใช้ Snapdragon และพัฒนาเทคโนโลยี 2 nm GAA ด้วยความช่วยเหลือจากบริษัท AI ภายนอก

    ✅ ชิป Exynos 2600 จะใช้ใน Galaxy S26 แต่มีจำนวนจำกัด
    - แหล่งข่าวระบุว่า Exynos 2600 จะถูกใช้ใน Galaxy S26 series แต่มีจำนวนผลิตที่จำกัด
    - อาจมีสถานการณ์คล้ายกับ Exynos 990 ที่เคยมีปริมาณจำกัดในอดีต

    ✅ Samsung Foundry อาจเลิกพัฒนา 1.4 nm และเดินหน้าสู่ 2 nm GAA
    - แหล่งข่าวบางแห่งเชื่อว่า Samsung จะไม่ใช้ 1.4 nm node และเดินหน้าสู่ 2 nm GAA (Gate-All-Around)
    - มีข่าวลือว่า Samsung ร่วมมือกับบริษัท AI ภายนอก เพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่

    ✅ Exynos 2500 อาจถูกใช้ใน Galaxy Z Flip FE แต่ยังเป็น 4 nm
    - แม้ว่า Exynos 2500 อาจอยู่ในแผนผลิตของปี 2025 แต่รุ่นแรกจะยังคงเป็น 4 nm node
    - ชิปนี้ถูกพัฒนาสำหรับ สมาร์ทโฟนระดับกลาง ไม่ใช่เรือธง

    ✅ แหล่งข่าวบางแห่งระบุว่า Samsung อาจเลิกใช้ Snapdragon
    - มีข่าวลือว่า Samsung ต้องการหยุดใช้ Snapdragon และหันมาใช้ชิปที่พัฒนาเองทั้งหมด
    - อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวส่วนใหญ่ยังมองว่า Samsung จะใช้ ชิป Exynos และ Snapdragon ร่วมกัน

    ✅ เป้าหมายของ Samsung คือกู้คืนภาพลักษณ์ของชิปเซ็ต Exynos
    - Samsung อาจต้องการ หลีกเลี่ยงภาพลักษณ์เชิงลบที่ Exynos เคยมี โดยเปลี่ยนชื่อใหม่
    - บริษัทยังคงพยายามเพิ่มประสิทธิภาพของชิป และแข่งขันกับ Apple A-Series และ Qualcomm Snapdragon

    https://www.techpowerup.com/334927/leaker-claims-that-samsung-will-stop-using-exynos-nomenclature-next-gen-2-nm-mobile-soc-tipped-for-rebrand
    Samsung อาจเลิกใช้ชื่อ Exynos และเตรียมรีแบรนด์ชิปเซ็ตของตนเอง โดย Exynos 2600 จะถูกใช้ใน Galaxy S26 แต่มีจำนวนจำกัด ขณะที่ Exynos 2500 อาจถูกใช้ใน Galaxy Z Flip FE แต่ยังเป็น 4 nm มีข่าวลือว่า Samsung อาจเลิกใช้ Snapdragon และพัฒนาเทคโนโลยี 2 nm GAA ด้วยความช่วยเหลือจากบริษัท AI ภายนอก ✅ ชิป Exynos 2600 จะใช้ใน Galaxy S26 แต่มีจำนวนจำกัด - แหล่งข่าวระบุว่า Exynos 2600 จะถูกใช้ใน Galaxy S26 series แต่มีจำนวนผลิตที่จำกัด - อาจมีสถานการณ์คล้ายกับ Exynos 990 ที่เคยมีปริมาณจำกัดในอดีต ✅ Samsung Foundry อาจเลิกพัฒนา 1.4 nm และเดินหน้าสู่ 2 nm GAA - แหล่งข่าวบางแห่งเชื่อว่า Samsung จะไม่ใช้ 1.4 nm node และเดินหน้าสู่ 2 nm GAA (Gate-All-Around) - มีข่าวลือว่า Samsung ร่วมมือกับบริษัท AI ภายนอก เพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ✅ Exynos 2500 อาจถูกใช้ใน Galaxy Z Flip FE แต่ยังเป็น 4 nm - แม้ว่า Exynos 2500 อาจอยู่ในแผนผลิตของปี 2025 แต่รุ่นแรกจะยังคงเป็น 4 nm node - ชิปนี้ถูกพัฒนาสำหรับ สมาร์ทโฟนระดับกลาง ไม่ใช่เรือธง ✅ แหล่งข่าวบางแห่งระบุว่า Samsung อาจเลิกใช้ Snapdragon - มีข่าวลือว่า Samsung ต้องการหยุดใช้ Snapdragon และหันมาใช้ชิปที่พัฒนาเองทั้งหมด - อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวส่วนใหญ่ยังมองว่า Samsung จะใช้ ชิป Exynos และ Snapdragon ร่วมกัน ✅ เป้าหมายของ Samsung คือกู้คืนภาพลักษณ์ของชิปเซ็ต Exynos - Samsung อาจต้องการ หลีกเลี่ยงภาพลักษณ์เชิงลบที่ Exynos เคยมี โดยเปลี่ยนชื่อใหม่ - บริษัทยังคงพยายามเพิ่มประสิทธิภาพของชิป และแข่งขันกับ Apple A-Series และ Qualcomm Snapdragon https://www.techpowerup.com/334927/leaker-claims-that-samsung-will-stop-using-exynos-nomenclature-next-gen-2-nm-mobile-soc-tipped-for-rebrand
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Leaker Claims that Samsung Will Stop Using "Exynos" Nomenclature, Next-gen 2 nm Mobile SoC Tipped for Rebrand
    Over the past weekend Jukanlosreve declared via social media that Samsung's: "Exynos 2600 (mobile SoC) is definitely back, and it will be used in the Galaxy S26 series. But the chip volume is so limited that it'll likely be similar to the Exynos 990 situation. I'm not sure if SF2 is actually any goo...
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้ CEO Lip-Bu Tan ซึ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า และปรับตัวให้เหมาะกับธุรกิจโรงงานผลิตชิป Tan เตรียมเดินหน้าสู่ การผลิต High-Volume ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A พร้อมมุ่งเน้นการจ้างงานและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่เขาตัดสินใจเก็บธุรกิจโรงงานไว้โดยไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ

    ✅ ความท้าทายของ Intel กับธุรกิจ Foundry
    - Intel ถูกวิจารณ์มานานว่า ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้
    - ปี 2011 Tim Cook เคยบอกกับ Morris Chang (ผู้ก่อตั้ง TSMC) ว่า Intel "ไม่เข้าใจการทำธุรกิจโรงงานผลิตชิป"
    - จุดนี้ทำให้ TSMC กลายเป็นผู้นำตลาด โดยสามารถรองรับลูกค้ารายใหญ่เช่น Apple และ Nvidia

    ✅ Lip-Bu Tan ต้องการปรับโครงสร้างเพื่อดึงลูกค้ากลับมา
    - Tan กล่าวว่า "Foundry เป็นธุรกิจบริการ และต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า"
    - เขาเชื่อว่า ลูกค้าแต่ละรายมีรูปแบบการออกแบบชิปที่แตกต่างกัน และ Intel ต้อง เรียนรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับแต่ละบริษัท
    - กลยุทธ์นี้เคยประสบความสำเร็จในยุคที่เขาเป็น CEO ของ Cadence

    ✅ Intel ไม่ได้ยอมแพ้—เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่
    - Tan กล่าวว่า Intel พร้อมเข้าสู่การผลิตขนาดใหญ่ (High-Volume Production) ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A ในปีนี้
    - นอกจากนี้ Intel กำลังทำงานบน 14A Node ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีระดับสูงกว่า

    ✅ มุ่งเน้นการจ้างงานและฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร
    - Tan มองว่า Intel สูญเสียบุคลากรสำคัญไปหลายปี และเขาต้องการดึงวิศวกรชั้นนำกลับมา
    - เป้าหมายคือ สร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

    ✅ Intel จะเก็บธุรกิจโรงงานไว้—ไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ
    - ก่อนที่ Tan จะรับตำแหน่ง CEO มีข่าวลือว่า Intel อาจแยกธุรกิจโรงงานออกจากกันเพื่อเพิ่มผลกำไร
    - อย่างไรก็ตาม หลังจากสุนทรพจน์ครั้งแรกของ Tan ดูเหมือนว่า เขาจะพยายามรักษาธุรกิจนี้ไว้และดึงลูกค้ากลับมา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/lip-bu-tans-first-speech-as-intel-ceo-focuses-on-innovation-and-working-with-foundry-customers
    Intel กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ภายใต้ CEO Lip-Bu Tan ซึ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้า และปรับตัวให้เหมาะกับธุรกิจโรงงานผลิตชิป Tan เตรียมเดินหน้าสู่ การผลิต High-Volume ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A พร้อมมุ่งเน้นการจ้างงานและวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ขณะที่เขาตัดสินใจเก็บธุรกิจโรงงานไว้โดยไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ ✅ ความท้าทายของ Intel กับธุรกิจ Foundry - Intel ถูกวิจารณ์มานานว่า ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้ - ปี 2011 Tim Cook เคยบอกกับ Morris Chang (ผู้ก่อตั้ง TSMC) ว่า Intel "ไม่เข้าใจการทำธุรกิจโรงงานผลิตชิป" - จุดนี้ทำให้ TSMC กลายเป็นผู้นำตลาด โดยสามารถรองรับลูกค้ารายใหญ่เช่น Apple และ Nvidia ✅ Lip-Bu Tan ต้องการปรับโครงสร้างเพื่อดึงลูกค้ากลับมา - Tan กล่าวว่า "Foundry เป็นธุรกิจบริการ และต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า" - เขาเชื่อว่า ลูกค้าแต่ละรายมีรูปแบบการออกแบบชิปที่แตกต่างกัน และ Intel ต้อง เรียนรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับแต่ละบริษัท - กลยุทธ์นี้เคยประสบความสำเร็จในยุคที่เขาเป็น CEO ของ Cadence ✅ Intel ไม่ได้ยอมแพ้—เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ - Tan กล่าวว่า Intel พร้อมเข้าสู่การผลิตขนาดใหญ่ (High-Volume Production) ของ Panther Lake บนเทคโนโลยี 18A ในปีนี้ - นอกจากนี้ Intel กำลังทำงานบน 14A Node ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีระดับสูงกว่า ✅ มุ่งเน้นการจ้างงานและฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร - Tan มองว่า Intel สูญเสียบุคลากรสำคัญไปหลายปี และเขาต้องการดึงวิศวกรชั้นนำกลับมา - เป้าหมายคือ สร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ✅ Intel จะเก็บธุรกิจโรงงานไว้—ไม่แยกออกเป็นบริษัทอิสระ - ก่อนที่ Tan จะรับตำแหน่ง CEO มีข่าวลือว่า Intel อาจแยกธุรกิจโรงงานออกจากกันเพื่อเพิ่มผลกำไร - อย่างไรก็ตาม หลังจากสุนทรพจน์ครั้งแรกของ Tan ดูเหมือนว่า เขาจะพยายามรักษาธุรกิจนี้ไว้และดึงลูกค้ากลับมา https://www.tomshardware.com/tech-industry/lip-bu-tans-first-speech-as-intel-ceo-focuses-on-innovation-and-working-with-foundry-customers
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Lip-Bu Tan's first speech as Intel CEO focuses on innovation and working with foundry customers
    “I can’t do it alone: I need your help as a customer — give me honest feedback.”
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • นักพัฒนาสร้าง WattWise ซึ่งเป็น เครื่องมือโอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของ PC และเซิร์ฟเวอร์ ตามราคาค่าไฟ ระบบนี้ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และปรับความเร็วซีพียู โดยอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟแพง นักพัฒนาวางแผนให้ WattWise รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายแบรนด์และสามารถควบคุมพลังงานของจีพียูได้ด้วย

    ✅ WattWise ทำงานอย่างไร?
    - ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และ Home Assistant เพื่อติดตามการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์
    - ใช้อัลกอริธึม Proportional-Integral (PI) Controller เพื่อปรับความเร็วซีพียูตาม โหลดของระบบและราคาพลังงาน
    - ตัวอย่างเช่น การลดความเร็ว AMD EPYC จาก 3.7 GHz เหลือ 1.5 GHz สามารถลดการใช้ไฟได้ 225 วัตต์

    ✅ การควบคุมการทำงานของซีพียูและจีพียูแบบอัตโนมัติ
    - แอปสามารถปรับลดความเร็วของ ซีพียูและจีพียู ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟสูง
    - นักพัฒนาตั้งเป้าให้ รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายตัวและแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจาก Kasa ในอนาคต

    ✅ ลดต้นทุนค่าไฟสำหรับผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์และ Workstation
    - ระบบ สามารถลดค่าไฟฟ้าสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสูง
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์และลดค่าใช้จ่าย

    ✅ โอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License—ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี
    - นักพัฒนาเปิดให้ดาวน์โหลดจาก GitHub และเปิดรับความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม
    - ปัจจุบันยังมีเฉพาะ Dashboard UI และระบบปรับลดพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/software/applications/open-source-tool-designed-to-throttle-pc-and-server-performance-based-on-electricity-pricing-lightweight-cli-can-automatically-limit-clocks-during-peak-hours
    นักพัฒนาสร้าง WattWise ซึ่งเป็น เครื่องมือโอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของ PC และเซิร์ฟเวอร์ ตามราคาค่าไฟ ระบบนี้ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และปรับความเร็วซีพียู โดยอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟแพง นักพัฒนาวางแผนให้ WattWise รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายแบรนด์และสามารถควบคุมพลังงานของจีพียูได้ด้วย ✅ WattWise ทำงานอย่างไร? - ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และ Home Assistant เพื่อติดตามการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ - ใช้อัลกอริธึม Proportional-Integral (PI) Controller เพื่อปรับความเร็วซีพียูตาม โหลดของระบบและราคาพลังงาน - ตัวอย่างเช่น การลดความเร็ว AMD EPYC จาก 3.7 GHz เหลือ 1.5 GHz สามารถลดการใช้ไฟได้ 225 วัตต์ ✅ การควบคุมการทำงานของซีพียูและจีพียูแบบอัตโนมัติ - แอปสามารถปรับลดความเร็วของ ซีพียูและจีพียู ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟสูง - นักพัฒนาตั้งเป้าให้ รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายตัวและแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจาก Kasa ในอนาคต ✅ ลดต้นทุนค่าไฟสำหรับผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์และ Workstation - ระบบ สามารถลดค่าไฟฟ้าสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสูง - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์และลดค่าใช้จ่าย ✅ โอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License—ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี - นักพัฒนาเปิดให้ดาวน์โหลดจาก GitHub และเปิดรับความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม - ปัจจุบันยังมีเฉพาะ Dashboard UI และระบบปรับลดพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา https://www.tomshardware.com/software/applications/open-source-tool-designed-to-throttle-pc-and-server-performance-based-on-electricity-pricing-lightweight-cli-can-automatically-limit-clocks-during-peak-hours
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • Intel ได้เริ่มการผลิตชิป 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุด โดยใช้ Gate-All-Around Transistors และ Backside Power Delivery Panther Lake จะเป็นชิปรุ่นแรกที่ใช้ 18A และอาจช่วยให้ Intel แข่งขันกับ TSMC ได้ดีกว่าเดิม ขณะที่ Nvidia และ Broadcom กำลังทดสอบเวเฟอร์ของ Intel และ TSMC กำลังเตรียมเปิดตัว N2 node ในปีนี้

    ✅ Risk Production คืออะไร?
    - Risk Production เป็นกระบวนการ ทดสอบการผลิตในปริมาณน้อย ก่อนเข้าสู่การผลิตเต็มรูปแบบ
    - Intel กำลังขยายกำลังการผลิตจาก หลักร้อยเป็นหลักพันแผ่นเวเฟอร์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์

    ✅ Panther Lake CPUs จะเป็นชิปรุ่นแรกที่ใช้ 18A
    - คาดว่า Panther Lake จะมี AI Performance ดีขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับ Core Ultra 200V
    - Intel ตั้งเป้าผลิตจำนวนมากก่อนสิ้นปีนี้

    ✅ เทคโนโลยี 18A ล้ำกว่าคู่แข่งอย่างไร?
    - Intel ใช้ Gate-All-Around (GAA) Transistors และ Backside Power Delivery
    - GAA ลดการรั่วไหลของพลังงาน ขณะที่ Backside Power Delivery ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์
    - TSMC จะนำ GAA มาใช้ใน N2 node ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงผลิตเร็ว ๆ นี้

    ✅ อนาคตของ Intel กับ 28A และ Nova Lake
    - Intel จะเริ่มออกแบบ 28A node ในครึ่งแรกของปี 2025
    - ชิป Nova Lake และ Clearwater Forest จะตามมาในปี 2026
    - Nova Lake จะใช้ ซิลิคอนจาก TSMC ขณะที่ Clearwater Forest จะเป็นชิป 18A สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์

    ✅ คู่แข่งที่กำลังจับตาดู 18A ของ Intel
    - Nvidia และ Broadcom กำลังทดสอบ เวเฟอร์ 18A แต่ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาจะใช้ในการผลิตจริง
    - Apple เป็นลูกค้าหลักของ TSMC N2 และอาจใช้ใน iPhone 18 Pro ที่เปิดตัวปี 2026

    https://www.techspot.com/news/107380-intel-18a-node-enters-risk-production-paving-way.html
    Intel ได้เริ่มการผลิตชิป 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุด โดยใช้ Gate-All-Around Transistors และ Backside Power Delivery Panther Lake จะเป็นชิปรุ่นแรกที่ใช้ 18A และอาจช่วยให้ Intel แข่งขันกับ TSMC ได้ดีกว่าเดิม ขณะที่ Nvidia และ Broadcom กำลังทดสอบเวเฟอร์ของ Intel และ TSMC กำลังเตรียมเปิดตัว N2 node ในปีนี้ ✅ Risk Production คืออะไร? - Risk Production เป็นกระบวนการ ทดสอบการผลิตในปริมาณน้อย ก่อนเข้าสู่การผลิตเต็มรูปแบบ - Intel กำลังขยายกำลังการผลิตจาก หลักร้อยเป็นหลักพันแผ่นเวเฟอร์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์ ✅ Panther Lake CPUs จะเป็นชิปรุ่นแรกที่ใช้ 18A - คาดว่า Panther Lake จะมี AI Performance ดีขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับ Core Ultra 200V - Intel ตั้งเป้าผลิตจำนวนมากก่อนสิ้นปีนี้ ✅ เทคโนโลยี 18A ล้ำกว่าคู่แข่งอย่างไร? - Intel ใช้ Gate-All-Around (GAA) Transistors และ Backside Power Delivery - GAA ลดการรั่วไหลของพลังงาน ขณะที่ Backside Power Delivery ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ - TSMC จะนำ GAA มาใช้ใน N2 node ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงผลิตเร็ว ๆ นี้ ✅ อนาคตของ Intel กับ 28A และ Nova Lake - Intel จะเริ่มออกแบบ 28A node ในครึ่งแรกของปี 2025 - ชิป Nova Lake และ Clearwater Forest จะตามมาในปี 2026 - Nova Lake จะใช้ ซิลิคอนจาก TSMC ขณะที่ Clearwater Forest จะเป็นชิป 18A สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์ ✅ คู่แข่งที่กำลังจับตาดู 18A ของ Intel - Nvidia และ Broadcom กำลังทดสอบ เวเฟอร์ 18A แต่ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาจะใช้ในการผลิตจริง - Apple เป็นลูกค้าหลักของ TSMC N2 และอาจใช้ใน iPhone 18 Pro ที่เปิดตัวปี 2026 https://www.techspot.com/news/107380-intel-18a-node-enters-risk-production-paving-way.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel's 18A node enters risk production, paving the way for Panther Lake
    Kevin O'Buckley, senior vice president and general manager of Intel Foundry Services, confirmed that risk production has begun for the company's upcoming 18A semiconductor node. The announcement,...
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • Intel ประกาศให้ Lip-Bu Tan ขึ้นดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ หลังจากที่ Pat Gelsinger ถูกบีบให้ลาออกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากบอร์ดบริหารมองว่าแผนฟื้นฟูบริษัทดำเนินไป ช้ากว่าที่ตลาดต้องการ อย่างไรก็ตาม Tan ยังคงเดินหน้าตามแผนของ Gelsinger แต่จะปรับปรุงให้เร็วขึ้นเพื่อเรียกความมั่นใจจากอุตสาหกรรม

    ✅ Lip-Bu Tan มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมายาวนาน
    - เขาเคยเป็น CEO ของ Cadence บริษัทออกแบบชิปชั้นนำ
    - ก่อตั้ง Walden International บริษัทด้านการลงทุนที่มุ่งเน้นเทคโนโลยี
    - เคยอยู่ในบอร์ดบริหารของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่ง

    ✅ Intel ยังคงเดินหน้าในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และโรงงานผลิตชิป
    - Tan เชื่อว่า Intel ต้องเป็นทั้งผู้ผลิตและออกแบบชิป ไม่ใช่แค่ผลิตเพื่อใช้เอง แต่ต้องดึงลูกค้าใหญ่ เช่น Apple, Nvidia และ Qualcomm มาใช้บริการโรงงานของ Intel
    - กระแสข่าวลือว่า Intel อาจ แยกธุรกิจโรงงานออกเป็นบริษัทอิสระ แต่ยังไม่มีการยืนยัน

    ✅ ก้าวสำคัญ: เทคโนโลยี 18A และอนาคตของ Intel Foundry
    - Intel กำลังจะเปิดตัวเทคโนโลยี 18A ซึ่งมีฟีเจอร์ Backside Power Delivery และ RibbonFET Transistors
    - เทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้ชิปของ Intel เร็วกว่าชิป 2nm ของ TSMC
    - Tan ต้องโน้มน้าวบริษัทต่าง ๆ ให้มาใช้ Intel Foundry เพื่อสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคง

    ✅ วิสัยทัศน์ของ CEO ใหม่—เร่งให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำ
    - Tan ย้ำว่า Intel ต้อง ปรับวัฒนธรรมองค์กรให้รวดเร็วและคล่องตัวเหมือนสตาร์ทอัพ
    - ต้อง สร้างนวัตกรรมใหม่ด้าน AI และ Robotics ให้แข่งขันได้
    - เป้าหมายใหญ่คือ เรียกคืนความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรม และทำให้ Intel กลับมาเป็นศูนย์กลางของวงการเซมิคอนดักเตอร์

    https://www.techspot.com/news/107369-new-intel-ceo-lip-bu-tan-takes-reins.html
    Intel ประกาศให้ Lip-Bu Tan ขึ้นดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ หลังจากที่ Pat Gelsinger ถูกบีบให้ลาออกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากบอร์ดบริหารมองว่าแผนฟื้นฟูบริษัทดำเนินไป ช้ากว่าที่ตลาดต้องการ อย่างไรก็ตาม Tan ยังคงเดินหน้าตามแผนของ Gelsinger แต่จะปรับปรุงให้เร็วขึ้นเพื่อเรียกความมั่นใจจากอุตสาหกรรม ✅ Lip-Bu Tan มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมายาวนาน - เขาเคยเป็น CEO ของ Cadence บริษัทออกแบบชิปชั้นนำ - ก่อตั้ง Walden International บริษัทด้านการลงทุนที่มุ่งเน้นเทคโนโลยี - เคยอยู่ในบอร์ดบริหารของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่ง ✅ Intel ยังคงเดินหน้าในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และโรงงานผลิตชิป - Tan เชื่อว่า Intel ต้องเป็นทั้งผู้ผลิตและออกแบบชิป ไม่ใช่แค่ผลิตเพื่อใช้เอง แต่ต้องดึงลูกค้าใหญ่ เช่น Apple, Nvidia และ Qualcomm มาใช้บริการโรงงานของ Intel - กระแสข่าวลือว่า Intel อาจ แยกธุรกิจโรงงานออกเป็นบริษัทอิสระ แต่ยังไม่มีการยืนยัน ✅ ก้าวสำคัญ: เทคโนโลยี 18A และอนาคตของ Intel Foundry - Intel กำลังจะเปิดตัวเทคโนโลยี 18A ซึ่งมีฟีเจอร์ Backside Power Delivery และ RibbonFET Transistors - เทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้ชิปของ Intel เร็วกว่าชิป 2nm ของ TSMC - Tan ต้องโน้มน้าวบริษัทต่าง ๆ ให้มาใช้ Intel Foundry เพื่อสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคง ✅ วิสัยทัศน์ของ CEO ใหม่—เร่งให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำ - Tan ย้ำว่า Intel ต้อง ปรับวัฒนธรรมองค์กรให้รวดเร็วและคล่องตัวเหมือนสตาร์ทอัพ - ต้อง สร้างนวัตกรรมใหม่ด้าน AI และ Robotics ให้แข่งขันได้ - เป้าหมายใหญ่คือ เรียกคืนความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรม และทำให้ Intel กลับมาเป็นศูนย์กลางของวงการเซมิคอนดักเตอร์ https://www.techspot.com/news/107369-new-intel-ceo-lip-bu-tan-takes-reins.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New Intel CEO Lip-Bu Tan takes the reins with a familiar but faster plan
    Taking a tech industry titan back to the heights from which it once reigned is no easy task for anyone. Just ask Pat Gelsinger, former CEO and...
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • ลุงนี่ร้อง "ว้ววว..!!" เลยครับ

    Mozilla กำลังพัฒนา Thunderbird Pro ซึ่งเป็นชุดบริการอีเมลระดับมืออาชีพสำหรับผู้ใช้ Thunderbird โดยมาพร้อมกับเครื่องมือใหม่ที่ช่วยปรับปรุงการจัดการอีเมล ขณะเดียวกัน Mozilla ได้เปิดตัว Thundermail ซึ่งเป็นบริการอีเมลใหม่ที่มุ่งเน้นความเป็นโอเพ่นซอร์สและไม่ล็อกผู้ใช้เข้ากับระบบปิดแบบ Gmail หรือ Office 365

    ✅ Thunderbird Pro ประกอบด้วย 4 บริการหลัก:
    - Thunderbird Appointment: ระบบจัดตารางนัดหมาย ที่ให้ผู้ใช้ส่งลิงก์เชิญประชุมได้ง่ายขึ้น
    - Thunderbird Send: ระบบแชร์ไฟล์ที่พัฒนาใหม่ แทนที่ Firefox Send ที่ถูกปิดตัวไปในปี 2020
    - Thunderbird Assist: บริการ AI ที่ยังอยู่ในช่วงทดลอง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้จัดการอีเมลและงานด้านอื่น ๆ ได้สะดวกขึ้น
    - Thundermail: บริการอีเมลใหม่ที่ออกแบบให้เป็นทางเลือกที่เปิดกว้างกว่าคู่แข่ง

    ✅ เป้าหมายของ Thunderbird Pro:
    - Mozilla ต้องการทำให้ Thunderbird Pro เป็นระบบอีเมลที่ 100% เปิดกว้าง และไม่ผูกติดกับระบบใด
    - คู่แข่งหลักคือ Gmail และ Office 365 ซึ่งมีฟีเจอร์ครบครันแต่ล็อกผู้ใช้ให้อยู่ในระบบของตน

    ✅ การเปิดตัว Thundermail—มากกว่าแค่ Thunderbird รุ่นเดิม
    - Thundermail ไม่ใช่แค่การอัปเดต Thunderbird แต่เป็นบริการใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจาก ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส Stalwart
    - Mozilla ตั้งใจให้ Thundermail มีฟังก์ชันที่ดีขึ้นกว่าระบบอีเมลเดิมทั้งหมด

    ✅ Thunderbird Pro จะมีค่าใช้จ่ายหรือไม่?
    - เริ่มแรกให้ใช้ฟรีสำหรับผู้สนับสนุนชุมชน Thunderbird
    - ในอนาคต Mozilla อาจเพิ่ม แพ็กเกจฟรีแบบจำกัด หรือเปิดตัวเวอร์ชันพรีเมียม

    https://www.techspot.com/news/107366-thunderbird-email-client-venturing-new-pro-tier-commercial.html
    ลุงนี่ร้อง "ว้ววว..!!" เลยครับ Mozilla กำลังพัฒนา Thunderbird Pro ซึ่งเป็นชุดบริการอีเมลระดับมืออาชีพสำหรับผู้ใช้ Thunderbird โดยมาพร้อมกับเครื่องมือใหม่ที่ช่วยปรับปรุงการจัดการอีเมล ขณะเดียวกัน Mozilla ได้เปิดตัว Thundermail ซึ่งเป็นบริการอีเมลใหม่ที่มุ่งเน้นความเป็นโอเพ่นซอร์สและไม่ล็อกผู้ใช้เข้ากับระบบปิดแบบ Gmail หรือ Office 365 ✅ Thunderbird Pro ประกอบด้วย 4 บริการหลัก: - Thunderbird Appointment: ระบบจัดตารางนัดหมาย ที่ให้ผู้ใช้ส่งลิงก์เชิญประชุมได้ง่ายขึ้น - Thunderbird Send: ระบบแชร์ไฟล์ที่พัฒนาใหม่ แทนที่ Firefox Send ที่ถูกปิดตัวไปในปี 2020 - Thunderbird Assist: บริการ AI ที่ยังอยู่ในช่วงทดลอง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้จัดการอีเมลและงานด้านอื่น ๆ ได้สะดวกขึ้น - Thundermail: บริการอีเมลใหม่ที่ออกแบบให้เป็นทางเลือกที่เปิดกว้างกว่าคู่แข่ง ✅ เป้าหมายของ Thunderbird Pro: - Mozilla ต้องการทำให้ Thunderbird Pro เป็นระบบอีเมลที่ 100% เปิดกว้าง และไม่ผูกติดกับระบบใด - คู่แข่งหลักคือ Gmail และ Office 365 ซึ่งมีฟีเจอร์ครบครันแต่ล็อกผู้ใช้ให้อยู่ในระบบของตน ✅ การเปิดตัว Thundermail—มากกว่าแค่ Thunderbird รุ่นเดิม - Thundermail ไม่ใช่แค่การอัปเดต Thunderbird แต่เป็นบริการใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจาก ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส Stalwart - Mozilla ตั้งใจให้ Thundermail มีฟังก์ชันที่ดีขึ้นกว่าระบบอีเมลเดิมทั้งหมด ✅ Thunderbird Pro จะมีค่าใช้จ่ายหรือไม่? - เริ่มแรกให้ใช้ฟรีสำหรับผู้สนับสนุนชุมชน Thunderbird - ในอนาคต Mozilla อาจเพิ่ม แพ็กเกจฟรีแบบจำกัด หรือเปิดตัวเวอร์ชันพรีเมียม https://www.techspot.com/news/107366-thunderbird-email-client-venturing-new-pro-tier-commercial.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Mozilla is working on new Thunderbird "Pro" email offerings and Thundermail
    In 2023, Mozilla developers announced they were "remaking" Thunderbird's software architecture, aiming to modernize its crumbling and unsustainable codebase. The company later confirmed plans to add new...
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • Visa เสนอเงิน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อแทนที่ Mastercard เป็นเครือข่ายของ Apple Card ขณะที่ American Express พยายามเข้ามาเป็นมากกว่าเครือข่าย—ต้องการเป็นผู้ออกบัตรด้วย Apple แยกทางกับ Goldman Sachs หลังความร่วมมือ 5 ปี และกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่ หลายบริษัทเช่น Barclays, Synchrony Financial และ JPMorgan Chase กำลังแข่งขันเพื่อร่วมงานกับ Apple

    Visa เสนอเงินก้อนใหญ่เพื่อชิงความเป็นพาร์ทเนอร์
    - ข้อเสนอ 100 ล้านดอลลาร์ของ Visa ถือเป็น เงินสนับสนุนล่วงหน้าที่ปกติให้เฉพาะโปรแกรมบัตรเครดิตขนาดใหญ่
    - Apple กำลังพิจารณาข้อเสนอจากหลายบริษัทก่อนตัดสินใจ

    Amex ต้องการเป็นมากกว่าแค่เครือข่าย—อยากเป็นผู้ออกบัตรด้วย
    - นอกจาก Visa แล้ว American Express ก็พยายามเข้ามาแทนที่ Mastercard
    - Amex ไม่เพียงต้องการเป็นเครือข่ายของบัตร แต่ยังต้องการเป็น ผู้ออกบัตรเครดิตให้กับ Apple ด้วย

    Apple แยกทางกับ Goldman Sachs หลังความร่วมมือ 5 ปี
    - Apple Card เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 โดยร่วมมือกับ Goldman Sachs และใช้เครือข่ายของ Mastercard
    - ในปี 2023 Apple และ Goldman ตัดสินใจ ยุติความร่วมมือ ทำให้ Apple ต้องหาพาร์ทเนอร์ใหม่

    บริษัทการเงินหลายแห่งกำลังแข่งขันเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ใหม่ของ Apple
    - Barclays และ Synchrony Financial ได้เจรจากับ Apple เพื่อเป็นผู้ให้บริการ Apple Card
    - JPMorgan Chase ก็สนใจเข้าร่วมการแข่งขันและเริ่มพูดคุยกับ Apple ตั้งแต่ปี 2024

    Goldman Sachs เคยหวังให้ธุรกิจผู้บริโภคเป็นแหล่งรายได้ใหม่
    - Goldman Sachs เข้าไปลงทุนในธุรกิจผู้บริโภคมาเกือบ 10 ปี
    - อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2022 ธนาคารเริ่มลดความสนใจในตลาดนี้หลังต้องกันงบไว้ หลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงทางธุรกิจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/02/visa-bids-100-million-to-replace-mastercard-as-apple039s-new-credit-card-partner-wsj-reports
    Visa เสนอเงิน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อแทนที่ Mastercard เป็นเครือข่ายของ Apple Card ขณะที่ American Express พยายามเข้ามาเป็นมากกว่าเครือข่าย—ต้องการเป็นผู้ออกบัตรด้วย Apple แยกทางกับ Goldman Sachs หลังความร่วมมือ 5 ปี และกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่ หลายบริษัทเช่น Barclays, Synchrony Financial และ JPMorgan Chase กำลังแข่งขันเพื่อร่วมงานกับ Apple Visa เสนอเงินก้อนใหญ่เพื่อชิงความเป็นพาร์ทเนอร์ - ข้อเสนอ 100 ล้านดอลลาร์ของ Visa ถือเป็น เงินสนับสนุนล่วงหน้าที่ปกติให้เฉพาะโปรแกรมบัตรเครดิตขนาดใหญ่ - Apple กำลังพิจารณาข้อเสนอจากหลายบริษัทก่อนตัดสินใจ Amex ต้องการเป็นมากกว่าแค่เครือข่าย—อยากเป็นผู้ออกบัตรด้วย - นอกจาก Visa แล้ว American Express ก็พยายามเข้ามาแทนที่ Mastercard - Amex ไม่เพียงต้องการเป็นเครือข่ายของบัตร แต่ยังต้องการเป็น ผู้ออกบัตรเครดิตให้กับ Apple ด้วย Apple แยกทางกับ Goldman Sachs หลังความร่วมมือ 5 ปี - Apple Card เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 โดยร่วมมือกับ Goldman Sachs และใช้เครือข่ายของ Mastercard - ในปี 2023 Apple และ Goldman ตัดสินใจ ยุติความร่วมมือ ทำให้ Apple ต้องหาพาร์ทเนอร์ใหม่ บริษัทการเงินหลายแห่งกำลังแข่งขันเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ใหม่ของ Apple - Barclays และ Synchrony Financial ได้เจรจากับ Apple เพื่อเป็นผู้ให้บริการ Apple Card - JPMorgan Chase ก็สนใจเข้าร่วมการแข่งขันและเริ่มพูดคุยกับ Apple ตั้งแต่ปี 2024 Goldman Sachs เคยหวังให้ธุรกิจผู้บริโภคเป็นแหล่งรายได้ใหม่ - Goldman Sachs เข้าไปลงทุนในธุรกิจผู้บริโภคมาเกือบ 10 ปี - อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2022 ธนาคารเริ่มลดความสนใจในตลาดนี้หลังต้องกันงบไว้ หลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงทางธุรกิจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/02/visa-bids-100-million-to-replace-mastercard-as-apple039s-new-credit-card-partner-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Visa bids $100 million to replace Mastercard as Apple's new credit card partner, WSJ reports
    (Reuters) -Visa has offered Apple roughly $100 million to take over the tech giant's credit card partnership from Mastercard, the Wall Street Journal reported on Tuesday, citing sources familiar with the matter.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • Happy Wednesday 💚🥰
    Hope you have a great day 👍💯🤩
    (อ้างอิงจากดอก "ม่วงเทพรัตน์")
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Happy Wednesday 💚🥰 Hope you have a great day 👍💯🤩 (อ้างอิงจากดอก "ม่วงเทพรัตน์") #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • ประกันภัย 10 บาท ถูกสุดในไทยขายเฉพาะเทศกาล

    เมื่อวันที่ 1 เม.ย. เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวร์รันส์) หรือ ประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน รับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 คุ้มครองอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุด 100,000 บาท และเพิ่มอีก 100,000 บาท หากเกิดอุบัติเหตุสาธารณะ รวมทั้งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุด 5,000 บาท รับประกันภัยโดย เมืองไทยประกันชีวิต ในครั้งนี้จำกัด 300,000 สิทธิ์เท่านั้น ผู้ซื้อต้องมีอายุ 15-70 ปีบริบูรณ์ จำกัด 1 กรมธรรม์ต่อ 1 หมายเลขบัตรประชาชน

    โดยในปีนี้สมาชิก All Member ซื้อได้ผ่าน 7-App หรือเว็บไซต์ counterservice.co.th ชำระได้ทั้งบัตรเครดิต ทรูมันนี่วอลเล็ต และพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด หากซื้อประกันสำเร็จจะมี SMS และอีเมลแจ้งระยะความคุ้มครอง แต่ผู้ซื้อต้องศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขก่อนซื้อ เช่น ไม่คุ้มครองขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา (150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป) สารเสพติดหรือยาเสพติด การจบชีวิตตัวเอง การได้รับเชื้อโรค การแท้งลูก (ยกเว้นจากอุบัติเหตุ) สงคราม อาวุธนิวเคลียร์ การก่อการร้าย ก่ออาชญากรรม และเป็นทหาร ตำรวจ หรืออาสาสมัครเข้าปฎิบัติสงครามหรือปราบปราม เป็นต้น

    นอกจากเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่จำหน่ายประกันภัย 10 บาทแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ แจกประกันภัยฟรี โดยมีความคุ้มครองคล้ายกัน เช่น ร้านอินทนิลในปั๊มบางจากแจกประกันภัยเมื่อซื้อเครื่องดื่ม เลือกได้ระหว่างประกันอุบัติเหตุหรือประกันอัคคีภัย ส่วนโออาร์แจกประกันอุบัติเหตุฟรีแก่สมาชิก Blueplus+ ผ่านแอปพลิเคชัน xplORe เป็นต้น

    ประกันภัย 10 บาท ไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ปีก่อน สมัยนายสุทธิพล ทวีชัยการ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เมื่อปี 2561 (ปัจจุบันเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์) เพื่อเพิ่มทางเลือกด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัย 100 และประกันภัย 222 คุ้มครอง 1 ปี มีผู้ซื้อประกันหลักหมื่นราย

    กระทั่งออกประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน ในช่วงสงกรานต์ปี 2561 สร้างสถิติใหม่เป็นประวัติศาสตร์ด้วยผู้ซื้อมากกว่า 1.32 ล้านราย นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมโยงเข้ากับสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงอีกด้วย กลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้ คปภ. และประกันภัย 10 บาทในช่วงเทศกาลยังคงมีขายถึงปัจจุบัน

    #Newskit
    ประกันภัย 10 บาท ถูกสุดในไทยขายเฉพาะเทศกาล เมื่อวันที่ 1 เม.ย. เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวร์รันส์) หรือ ประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน รับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 คุ้มครองอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุด 100,000 บาท และเพิ่มอีก 100,000 บาท หากเกิดอุบัติเหตุสาธารณะ รวมทั้งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุด 5,000 บาท รับประกันภัยโดย เมืองไทยประกันชีวิต ในครั้งนี้จำกัด 300,000 สิทธิ์เท่านั้น ผู้ซื้อต้องมีอายุ 15-70 ปีบริบูรณ์ จำกัด 1 กรมธรรม์ต่อ 1 หมายเลขบัตรประชาชน โดยในปีนี้สมาชิก All Member ซื้อได้ผ่าน 7-App หรือเว็บไซต์ counterservice.co.th ชำระได้ทั้งบัตรเครดิต ทรูมันนี่วอลเล็ต และพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด หากซื้อประกันสำเร็จจะมี SMS และอีเมลแจ้งระยะความคุ้มครอง แต่ผู้ซื้อต้องศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขก่อนซื้อ เช่น ไม่คุ้มครองขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา (150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป) สารเสพติดหรือยาเสพติด การจบชีวิตตัวเอง การได้รับเชื้อโรค การแท้งลูก (ยกเว้นจากอุบัติเหตุ) สงคราม อาวุธนิวเคลียร์ การก่อการร้าย ก่ออาชญากรรม และเป็นทหาร ตำรวจ หรืออาสาสมัครเข้าปฎิบัติสงครามหรือปราบปราม เป็นต้น นอกจากเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่จำหน่ายประกันภัย 10 บาทแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ แจกประกันภัยฟรี โดยมีความคุ้มครองคล้ายกัน เช่น ร้านอินทนิลในปั๊มบางจากแจกประกันภัยเมื่อซื้อเครื่องดื่ม เลือกได้ระหว่างประกันอุบัติเหตุหรือประกันอัคคีภัย ส่วนโออาร์แจกประกันอุบัติเหตุฟรีแก่สมาชิก Blueplus+ ผ่านแอปพลิเคชัน xplORe เป็นต้น ประกันภัย 10 บาท ไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ปีก่อน สมัยนายสุทธิพล ทวีชัยการ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เมื่อปี 2561 (ปัจจุบันเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์) เพื่อเพิ่มทางเลือกด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัย 100 และประกันภัย 222 คุ้มครอง 1 ปี มีผู้ซื้อประกันหลักหมื่นราย กระทั่งออกประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน ในช่วงสงกรานต์ปี 2561 สร้างสถิติใหม่เป็นประวัติศาสตร์ด้วยผู้ซื้อมากกว่า 1.32 ล้านราย นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมโยงเข้ากับสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงอีกด้วย กลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้ คปภ. และประกันภัย 10 บาทในช่วงเทศกาลยังคงมีขายถึงปัจจุบัน #Newskit
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้

    == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft==
    1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11
    - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11
    - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout)

    2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout
    - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip)
    - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา

    3. เปิด Developer Console
    - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console
    - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ

    4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account
    - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console:
    ==================================
    WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY")
    ==================================
    - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive)
    - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง

    5. ออกจาก Developer Console
    - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง
    - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE

    6. ตั้งค่าบัญชี Local
    - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช
    - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10
    - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย
    - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ

    7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง
    - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ
    - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที
    - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ

    https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้ == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft== 1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11 - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11 - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout) 2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip) - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา 3. เปิด Developer Console - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ 4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console: ================================== WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY") ================================== - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive) - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง 5. ออกจาก Developer Console - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE 6. ตั้งค่าบัญชี Local - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10 - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ 7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    WWW.NEOWIN.NET
    Forget BYPASSNRO, a new internet/account bypass during Windows 11 installs already exists
    While Microsoft is bloacking the popular BYPASSNRO method of bypassing the internet and MSA requirements, a new way to do so had already existed but flew under the radar.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • OpenAI เผยว่าความนิยมของ ChatGPT Image Tool ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ระบบ GPU ของบริษัทได้รับภาระหนัก CEO Sam Altman ระบุว่า "เรามีผู้ใช้เพิ่มขึ้นหนึ่งล้านรายในหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา" และเพื่อรับมือกับความต้องการมหาศาล บริษัทจึงต้อง จำกัดการใช้งานชั่วคราว ขณะที่ OpenAI ยังได้รับเงินทุนรอบใหม่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในแวดวงเทคโนโลยี

    AI สร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli กำลังเป็นกระแส
    - ผู้ใช้จำนวนมากกำลังใช้ ChatGPT สร้างภาพในสไตล์ของ Studio Ghibli ซึ่งเป็นสตูดิโออนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่น
    - แม้ OpenAI มีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ แต่บางครั้ง AI ยังคงสามารถสร้างภาพในสไตล์ของสตูดิโอได้

    OpenAI วางแผนปล่อยโมเดลภาษาตัวใหม่
    - Altman ประกาศว่า OpenAI จะเปิดตัว โมเดลภาษาแบบเปิดตัวแรกตั้งแต่ GPT-2 ซึ่งผู้ใช้สามารถรันบนฮาร์ดแวร์ของตนเอง

    ข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์ใน AI-generated Art
    - OpenAI กำลังเผชิญข้อกล่าวหาว่าโมเดล AI ฝึกจากชุดข้อมูลที่มีผลงานลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
    - บริษัทอ้างว่ามีมาตรการป้องกันการสร้างภาพในสไตล์ศิลปินที่ยังมีชีวิต แต่แนวทางนี้ยังถูกตั้งคำถามเรื่องความสม่ำเสมอ

    คู่แข่งของ OpenAI กำลังประสบปัญหา
    - Apple เลื่อน เปิดตัว Apple Intelligence
    - Google กำลังเผชิญเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับ Gemini ที่ให้ผลลัพธ์ AI Search ที่ไม่น่าประทับใจ

    https://www.techspot.com/news/107365-chatgpt-image-tool-melting-gpus-openai-lands-40.html
    OpenAI เผยว่าความนิยมของ ChatGPT Image Tool ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ระบบ GPU ของบริษัทได้รับภาระหนัก CEO Sam Altman ระบุว่า "เรามีผู้ใช้เพิ่มขึ้นหนึ่งล้านรายในหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา" และเพื่อรับมือกับความต้องการมหาศาล บริษัทจึงต้อง จำกัดการใช้งานชั่วคราว ขณะที่ OpenAI ยังได้รับเงินทุนรอบใหม่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในแวดวงเทคโนโลยี AI สร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli กำลังเป็นกระแส - ผู้ใช้จำนวนมากกำลังใช้ ChatGPT สร้างภาพในสไตล์ของ Studio Ghibli ซึ่งเป็นสตูดิโออนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่น - แม้ OpenAI มีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ แต่บางครั้ง AI ยังคงสามารถสร้างภาพในสไตล์ของสตูดิโอได้ OpenAI วางแผนปล่อยโมเดลภาษาตัวใหม่ - Altman ประกาศว่า OpenAI จะเปิดตัว โมเดลภาษาแบบเปิดตัวแรกตั้งแต่ GPT-2 ซึ่งผู้ใช้สามารถรันบนฮาร์ดแวร์ของตนเอง ข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์ใน AI-generated Art - OpenAI กำลังเผชิญข้อกล่าวหาว่าโมเดล AI ฝึกจากชุดข้อมูลที่มีผลงานลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต - บริษัทอ้างว่ามีมาตรการป้องกันการสร้างภาพในสไตล์ศิลปินที่ยังมีชีวิต แต่แนวทางนี้ยังถูกตั้งคำถามเรื่องความสม่ำเสมอ คู่แข่งของ OpenAI กำลังประสบปัญหา - Apple เลื่อน เปิดตัว Apple Intelligence - Google กำลังเผชิญเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับ Gemini ที่ให้ผลลัพธ์ AI Search ที่ไม่น่าประทับใจ https://www.techspot.com/news/107365-chatgpt-image-tool-melting-gpus-openai-lands-40.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ChatGPT image tool is "melting" GPUs, OpenAI lands $40 billion in new funding
    While Apple faces delays with its Apple Intelligence rollout and Google struggles to impress with Gemini – delivering sometimes underwhelming and mostly annoying AI search results –...
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Nulls Brawl APK Download v60.420 Update April 2025
    Nulls Brawl is a privately hosted modified game of Brawl Stars, the publisher of the original game "Brawl Stars" is Supercell. The same developer who
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • โพสต์ล้อเล่น “วันโกหก” ระวังเจอคุก! รู้ทันกฎหมายก่อนแชร์ ในวันเอพริลฟูลเดย์

    🤡 วันเอพริลฟูลเดย์ วัฒนธรรมตะวันตกที่คนไทยควร “เล่นอย่างมีสติ” เพราะพลาดเพียงนิดเดียว อาจโดนโทษหนักจาก พ.ร.บ.คอมพ์ฯ 😰

    🧠 วันโกหกที่ไม่ควรโกหก ในทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกเฉลิมฉลอง “วันเมษาหน้าโง่” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า April Fool’s Day วันที่คนส่วนใหญ่ มักใช้เล่นมุกล้อขำขัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง...แต่เดี๋ยวก่อน!

    ✋📱 แม้จะดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ในประเทศไทย การโพสต์หรือแชร์ “ข่าวปลอม” หรือ “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 😱

    🎭 วันเอพริลฟูลเดย์ (April Fool's Day) เป็นเทศกาลที่คนในประเทศตะวันตก เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป เล่นมุกหลอกกันเพื่อความสนุกสนาน ในวันที่ 1 เมษายน

    ตามธรรมเนียม วัตถุประสงค์ของวันนี้ ไม่ใช่การโกหกแบบจริงจัง แต่เป็นการ เล่นมุกขำขัน โดยต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลเสียจริง เช่น ทำให้คนตกใจ เข้าใจผิด หรือเสียหาย

    🌍 ความนิยมของวันโกหก เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยสื่อและบุคคลต่าง ๆ จะโพสต์เรื่องหลอกในวันนี้ และเฉลยความจริงในวันถัดมา

    📚 ต้นกำเนิดของวันโกหกจากตะวันตก มีหลายทฤษฎี เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ April Fool’s Day

    ยุคกลางของยุโรป เคยมีการฉลองปีใหม่ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึง 1 เมษายน เมื่อมีการเปลี่ยนมาใช้วันที่ 1 มกราคมแทน คนที่ยังเฉลิมฉลองในช่วงเดิม จึงถูกมองว่า "โง่" 🤦

    มีการเชื่อมโยงกับเทศกาลโรมันชื่อว่า Hilaria ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เป็นการเฉลิมฉลองความสนุกสนาน และการแต่งตัวล้อเลียน

    ตำนานแคนเตอร์บรีของชอเซอร์ (ปี ค.ศ. 1392) มีคำบรรยายที่ตีความว่า “32 มีนาคม” ซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน

    🕰️ ไม่ว่าต้นกำเนิดจะมาจากไหน แต่แน่นอนว่าวันนี้กลายเป็น “วันแห่งการหลอกแบบเบา ๆ” ที่ยังมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน

    ⚖️ กฎหมายไทยไม่ขำด้วย! รู้จัก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แม้ว่าจะเป็นวันล้อเล่น ในวัฒนธรรมตะวันตก แต่ในประเทศไทย การโพสต์ ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม ไม่ว่าจะมีเจตนาขำหรือไม่ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย!

    📌 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือประเทศชาติ ถือว่ามีความผิด"

    👮‍♂️ โทษหนักมาก! จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ!

    ❗ แม้จะเป็นการล้อเล่น ถ้าทำให้คนตื่นตระหนก หรือเชื่อผิดจริง ก็ถือว่ามีความผิด ตามกฎหมายนี้ได้เช่นกัน

    🧨 ข่าวปลอมที่คิดว่า “เล่นๆ” แต่ผิดจริง! หลายคนอาจเคยเห็นโพสต์ ในวันเอพริลฟูล เช่น

    “รัฐบาลจะล็อกดาวน์ประเทศ!”
    “ธนาคารกำลังจะล้ม”
    “มีเอเลี่ยนบุกกรุงเทพ”

    แม้จะโพสต์แบบขำ ๆ แต่หากไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็น “มุกล้อเล่น” และส่งผลให้คนตื่นตกใจ หรือแชร์ต่อกันเป็นวงกว้าง ก็มีโอกาสโดนแจ้งความจริง!

    📂 ตัวอย่างคดีจริงในไทยจากวันโกหก เคสข่าวลือวัคซีนหมด ผู้โพสต์บอกว่า "วัคซีนโควิดหมดแล้ว!" แต่ประชาชนบางส่วนเชื่อจริง และแห่กันไปโรงพยาบาล ถูกตำรวจเรียกตัว และแจ้งความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ. คอมฯ

    เคสข่าวปลอมเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ โพสต์ข่าวแผ่นดินไหวรุนแรงในเชียงใหม่ ทำให้คนตกใจกลัว สุดท้ายพบว่า เป็นมุกในวันเอพริลฟูล แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขำด้วย 😬

    ✅ วิธีโพสต์มุกวันโกหกแบบ “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เจอปัญหา นี่คือแนวทางการล้อเล่นแบบ “ขำได้ไม่ผิดกฎหมาย

    💡 ต้องมี “คำชี้แจง” ใส่ #มุกวันโกหก หรือ #AprilFools ใช้ emoji อย่าง 🤡😂🃏 เพื่อสื่อความขำขัน เขียนท้ายโพสต์ว่า “เรื่องนี้ไม่จริงนะครับ/ค่ะ เป็นมุกวันโกหก”

    🙅‍♂️ หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ เช่น “ธนาคารล้ม” สุขภาพ เช่น “โรคใหม่ระบาด” เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น “มีระเบิดในห้าง”

    🎨 ตัวอย่างมุกล้อเล่นที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์
    “วันนี้จะลาออกไปเปิดร้านกาแฟบนดาวอังคารแล้วนะ ☕🚀”
    “Apple จะออก iPhone กลิ่นต้มยำในรุ่นถัดไป 🍜📱”
    “บีทีเอสเปิดให้ขึ้นฟรีตลอดปี ถ้าใส่เสื้อสีม่วงทุกวัน 😆”

    🔍 วิธีตรวจสอบข่าว ก่อนโพสต์หรือแชร์ ก่อนจะแชร์อะไรในวันโกหก อย่าลืมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่!

    ✅ เช็คยังไง? ดูแหล่งข่าว ตรวจสอบว่าเป็นสื่อชั้นนำที่น่าเชื่อถือ ดูวันที่ข่าว ข่าวเก่าบางข่าวถูกนำมาแชร์ใหม่ ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าวปลอม เช่น Anti-Fake News Center

    👤 ความรับผิดชอบของผู้ใช้โซเชียล การใช้โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือ “ความรับผิดชอบ” เราทุกคนมีส่วนในการสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัย อย่าแชร์ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำให้คนอื่นตกใจ อย่าล้อในเรื่องที่กระทบสังคม

    ⚠️ ข้อควรระวัง แชร์โพสต์ของคนอื่นก็ผิดได้! แม้ไม่ได้เป็นคนเขียนโพสต์ต้นฉบับ แต่หาก “แชร์” ข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน ก็อาจถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เช่นกัน!

    👩‍⚖️ ถ้าโดนแจ้งความ ให้ติดต่อทนายความทันที อย่าเพิกเฉยต่อหมายเรียก ให้ข้อมูลตามจริง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

    🔚 ขำได้...แต่อย่าผิดกฎหมาย! วันเอพริลฟูลเดย์ เป็นวันที่ให้เสียงหัวเราะ แต่ในโลกยุคดิจิทัล การล้อเล่นโดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายควบคุม “ข้อมูลเท็จ” อย่างจริงจัง เช่นประเทศไทย

    คิดก่อนโพสต์ แชร์อย่างรับผิดชอบ ล้อเล่นแบบสร้างสรรค์ เพื่อให้วันโกหกยังคงเป็นวันสนุก...โดยไม่ต้องเจอคุก! 🤝✨

    📌 อยากให้วันโกหกเป็นเรื่องขำ...ไม่ใช่เรื่องคุก ขอแค่ “คิดก่อนคลิก แชร์อย่างรู้ทัน” ก็ปลอดภัยทุกฝ่าย 😊

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 011152 เม.ย. 2568

    📌 #วันเอพริลฟูลเดย์ #ข่าวปลอม #โพสต์ล้อเล่น #พรกคอมพ์ #วันโกหก #AprilFools #ล้อเล่นอย่างมีสติ #แชร์อย่างรับผิดชอบ #กฎหมายออนไลน์ #โทษโพสต์เท็จ

    โพสต์ล้อเล่น “วันโกหก” ระวังเจอคุก! รู้ทันกฎหมายก่อนแชร์ ในวันเอพริลฟูลเดย์ 🤡 วันเอพริลฟูลเดย์ วัฒนธรรมตะวันตกที่คนไทยควร “เล่นอย่างมีสติ” เพราะพลาดเพียงนิดเดียว อาจโดนโทษหนักจาก พ.ร.บ.คอมพ์ฯ 😰 🧠 วันโกหกที่ไม่ควรโกหก ในทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปี ผู้คนทั่วโลกเฉลิมฉลอง “วันเมษาหน้าโง่” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า April Fool’s Day วันที่คนส่วนใหญ่ มักใช้เล่นมุกล้อขำขัน สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง...แต่เดี๋ยวก่อน! ✋📱 แม้จะดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ในประเทศไทย การโพสต์หรือแชร์ “ข่าวปลอม” หรือ “ข้อมูลอันเป็นเท็จ” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อาจทำให้คุณต้องเผชิญกับ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 😱 🎭 วันเอพริลฟูลเดย์ (April Fool's Day) เป็นเทศกาลที่คนในประเทศตะวันตก เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายประเทศในยุโรป เล่นมุกหลอกกันเพื่อความสนุกสนาน ในวันที่ 1 เมษายน ตามธรรมเนียม วัตถุประสงค์ของวันนี้ ไม่ใช่การโกหกแบบจริงจัง แต่เป็นการ เล่นมุกขำขัน โดยต้องระมัดระวัง ไม่ให้เกิดผลเสียจริง เช่น ทำให้คนตกใจ เข้าใจผิด หรือเสียหาย 🌍 ความนิยมของวันโกหก เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยสื่อและบุคคลต่าง ๆ จะโพสต์เรื่องหลอกในวันนี้ และเฉลยความจริงในวันถัดมา 📚 ต้นกำเนิดของวันโกหกจากตะวันตก มีหลายทฤษฎี เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ April Fool’s Day ยุคกลางของยุโรป เคยมีการฉลองปีใหม่ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึง 1 เมษายน เมื่อมีการเปลี่ยนมาใช้วันที่ 1 มกราคมแทน คนที่ยังเฉลิมฉลองในช่วงเดิม จึงถูกมองว่า "โง่" 🤦 มีการเชื่อมโยงกับเทศกาลโรมันชื่อว่า Hilaria ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เป็นการเฉลิมฉลองความสนุกสนาน และการแต่งตัวล้อเลียน ตำนานแคนเตอร์บรีของชอเซอร์ (ปี ค.ศ. 1392) มีคำบรรยายที่ตีความว่า “32 มีนาคม” ซึ่งก็คือวันที่ 1 เมษายน 🕰️ ไม่ว่าต้นกำเนิดจะมาจากไหน แต่แน่นอนว่าวันนี้กลายเป็น “วันแห่งการหลอกแบบเบา ๆ” ที่ยังมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน ⚖️ กฎหมายไทยไม่ขำด้วย! รู้จัก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 แม้ว่าจะเป็นวันล้อเล่น ในวัฒนธรรมตะวันตก แต่ในประเทศไทย การโพสต์ ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอม ไม่ว่าจะมีเจตนาขำหรือไม่ ก็ถือว่าผิดกฎหมาย! 📌 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า "ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือประเทศชาติ ถือว่ามีความผิด" 👮‍♂️ โทษหนักมาก! จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ! ❗ แม้จะเป็นการล้อเล่น ถ้าทำให้คนตื่นตระหนก หรือเชื่อผิดจริง ก็ถือว่ามีความผิด ตามกฎหมายนี้ได้เช่นกัน 🧨 ข่าวปลอมที่คิดว่า “เล่นๆ” แต่ผิดจริง! หลายคนอาจเคยเห็นโพสต์ ในวันเอพริลฟูล เช่น “รัฐบาลจะล็อกดาวน์ประเทศ!” “ธนาคารกำลังจะล้ม” “มีเอเลี่ยนบุกกรุงเทพ” แม้จะโพสต์แบบขำ ๆ แต่หากไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็น “มุกล้อเล่น” และส่งผลให้คนตื่นตกใจ หรือแชร์ต่อกันเป็นวงกว้าง ก็มีโอกาสโดนแจ้งความจริง! 📂 ตัวอย่างคดีจริงในไทยจากวันโกหก เคสข่าวลือวัคซีนหมด ผู้โพสต์บอกว่า "วัคซีนโควิดหมดแล้ว!" แต่ประชาชนบางส่วนเชื่อจริง และแห่กันไปโรงพยาบาล ถูกตำรวจเรียกตัว และแจ้งความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ. คอมฯ เคสข่าวปลอมเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยพิบัติ โพสต์ข่าวแผ่นดินไหวรุนแรงในเชียงใหม่ ทำให้คนตกใจกลัว สุดท้ายพบว่า เป็นมุกในวันเอพริลฟูล แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขำด้วย 😬 ✅ วิธีโพสต์มุกวันโกหกแบบ “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เจอปัญหา นี่คือแนวทางการล้อเล่นแบบ “ขำได้ไม่ผิดกฎหมาย 💡 ต้องมี “คำชี้แจง” ใส่ #มุกวันโกหก หรือ #AprilFools ใช้ emoji อย่าง 🤡😂🃏 เพื่อสื่อความขำขัน เขียนท้ายโพสต์ว่า “เรื่องนี้ไม่จริงนะครับ/ค่ะ เป็นมุกวันโกหก” 🙅‍♂️ หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว ความมั่นคงของประเทศ เศรษฐกิจ เช่น “ธนาคารล้ม” สุขภาพ เช่น “โรคใหม่ระบาด” เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น “มีระเบิดในห้าง” 🎨 ตัวอย่างมุกล้อเล่นที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์ “วันนี้จะลาออกไปเปิดร้านกาแฟบนดาวอังคารแล้วนะ ☕🚀” “Apple จะออก iPhone กลิ่นต้มยำในรุ่นถัดไป 🍜📱” “บีทีเอสเปิดให้ขึ้นฟรีตลอดปี ถ้าใส่เสื้อสีม่วงทุกวัน 😆” 🔍 วิธีตรวจสอบข่าว ก่อนโพสต์หรือแชร์ ก่อนจะแชร์อะไรในวันโกหก อย่าลืมตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่! ✅ เช็คยังไง? ดูแหล่งข่าว ตรวจสอบว่าเป็นสื่อชั้นนำที่น่าเชื่อถือ ดูวันที่ข่าว ข่าวเก่าบางข่าวถูกนำมาแชร์ใหม่ ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าวปลอม เช่น Anti-Fake News Center 👤 ความรับผิดชอบของผู้ใช้โซเชียล การใช้โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือ “ความรับผิดชอบ” เราทุกคนมีส่วนในการสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัย อย่าแชร์ถ้าไม่แน่ใจ อย่าทำให้คนอื่นตกใจ อย่าล้อในเรื่องที่กระทบสังคม ⚠️ ข้อควรระวัง แชร์โพสต์ของคนอื่นก็ผิดได้! แม้ไม่ได้เป็นคนเขียนโพสต์ต้นฉบับ แต่หาก “แชร์” ข้อมูลที่เป็นเท็จ โดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน ก็อาจถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เช่นกัน! 👩‍⚖️ ถ้าโดนแจ้งความ ให้ติดต่อทนายความทันที อย่าเพิกเฉยต่อหมายเรียก ให้ข้อมูลตามจริง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ 🔚 ขำได้...แต่อย่าผิดกฎหมาย! วันเอพริลฟูลเดย์ เป็นวันที่ให้เสียงหัวเราะ แต่ในโลกยุคดิจิทัล การล้อเล่นโดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายควบคุม “ข้อมูลเท็จ” อย่างจริงจัง เช่นประเทศไทย คิดก่อนโพสต์ แชร์อย่างรับผิดชอบ ล้อเล่นแบบสร้างสรรค์ เพื่อให้วันโกหกยังคงเป็นวันสนุก...โดยไม่ต้องเจอคุก! 🤝✨ 📌 อยากให้วันโกหกเป็นเรื่องขำ...ไม่ใช่เรื่องคุก ขอแค่ “คิดก่อนคลิก แชร์อย่างรู้ทัน” ก็ปลอดภัยทุกฝ่าย 😊 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 011152 เม.ย. 2568 📌 #วันเอพริลฟูลเดย์ #ข่าวปลอม #โพสต์ล้อเล่น #พรกคอมพ์ #วันโกหก #AprilFools #ล้อเล่นอย่างมีสติ #แชร์อย่างรับผิดชอบ #กฎหมายออนไลน์ #โทษโพสต์เท็จ
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • Google กำลังพัฒนา ดีไซน์ใหม่ สำหรับแอป Google Photos โดยเน้น การค้นหารูปภาพให้แม่นยำขึ้น และ ปรับปรุงฟังก์ชัน Memories ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบภาพที่โค้งมนมากขึ้น รายงานจาก Android Authority เผยว่า Google ได้ทำ แบบสำรวจดีไซน์ใหม่ กับผู้ใช้ โดยเปรียบเทียบระหว่างเลย์เอาต์ปัจจุบันกับเวอร์ชันใหม่ เพื่อวัดระดับความทันสมัย

    ปรับรูปแบบการค้นหาให้ใช้งานง่ายขึ้น
    - หน้าตาของ Google Photos อาจมีการเปลี่ยนแปลงใน ส่วน Today heading โดยแทนที่เครื่องหมายติ๊กถูกด้วย ไอคอนตัวกรอง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกรองภาพตามสถานที่หรือบุคคลที่อยู่ในภาพได้ง่ายขึ้น

    ดีไซน์ของแท็บเปลี่ยนไป
    - แท็บ Photos, Collections และ Search อาจถูกแทนที่ด้วย แถบค้นหาลอยตัว และ ไอคอนใหม่ ที่นำไปสู่หน้า Collections

    เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน AI Search
    - Google Photos กำลังพัฒนา AI Search ให้สามารถเข้าใจคำสั่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ค้นหารูปภาพเฉพาะที่มีสัตว์เลี้ยง หรือภาพจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง

    การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่แน่นอน
    - แม้จะมีการเปิดเผยดีไซน์ใหม่ในแบบสำรวจ แต่ Google อาจไม่ใช้แบบเดียวกันในการเปิดตัวจริง

    https://www.techradar.com/phones/android/google-photos-tipped-to-get-a-major-design-overhaul-and-itll-make-the-app-much-better-for-finding-specific-images
    Google กำลังพัฒนา ดีไซน์ใหม่ สำหรับแอป Google Photos โดยเน้น การค้นหารูปภาพให้แม่นยำขึ้น และ ปรับปรุงฟังก์ชัน Memories ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบภาพที่โค้งมนมากขึ้น รายงานจาก Android Authority เผยว่า Google ได้ทำ แบบสำรวจดีไซน์ใหม่ กับผู้ใช้ โดยเปรียบเทียบระหว่างเลย์เอาต์ปัจจุบันกับเวอร์ชันใหม่ เพื่อวัดระดับความทันสมัย ปรับรูปแบบการค้นหาให้ใช้งานง่ายขึ้น - หน้าตาของ Google Photos อาจมีการเปลี่ยนแปลงใน ส่วน Today heading โดยแทนที่เครื่องหมายติ๊กถูกด้วย ไอคอนตัวกรอง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกรองภาพตามสถานที่หรือบุคคลที่อยู่ในภาพได้ง่ายขึ้น ดีไซน์ของแท็บเปลี่ยนไป - แท็บ Photos, Collections และ Search อาจถูกแทนที่ด้วย แถบค้นหาลอยตัว และ ไอคอนใหม่ ที่นำไปสู่หน้า Collections เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน AI Search - Google Photos กำลังพัฒนา AI Search ให้สามารถเข้าใจคำสั่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ค้นหารูปภาพเฉพาะที่มีสัตว์เลี้ยง หรือภาพจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่แน่นอน - แม้จะมีการเปิดเผยดีไซน์ใหม่ในแบบสำรวจ แต่ Google อาจไม่ใช้แบบเดียวกันในการเปิดตัวจริง https://www.techradar.com/phones/android/google-photos-tipped-to-get-a-major-design-overhaul-and-itll-make-the-app-much-better-for-finding-specific-images
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • Microsoft เปลี่ยนโฉมระบบล็อกอิน เน้นการยืนยันตัวตนแบบไร้รหัสผ่าน

    Microsoft กำลังปรับเปลี่ยน ระบบล็อกอินใหม่ ให้มีความปลอดภัยและใช้งานง่ายขึ้น โดยเน้นการใช้ Passkeys แทนรหัสผ่านแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ ระบบใหม่นี้ถูกออกแบบด้วย Fluent 2 UI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ง่ายขึ้น และรองรับทั้งเวอร์ชันเว็บ, มือถือ และจะทยอยเปิดให้ใช้บน Windows ภายในปลายเดือนเมษายน

    Passkeys ปลอดภัยและเร็วขึ้น
    - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้เลือกใช้ Passkeys ซึ่งปลอดภัยกว่ารหัสผ่านถึง 3 เท่า และช่วยให้การล็อกอินรวดเร็วขึ้น

    ออกแบบ UI ใหม่ ลดความซับซ้อน
    - Fluent 2 UI ถูกออกแบบให้ช่วยลด "ภาระทางความคิด" ของผู้ใช้ ทำให้การล็อกอินลื่นไหล ลดสิ่งรบกวน และจัดเรียงขั้นตอนใหม่ให้มีตรรกะมากขึ้น

    รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม
    - UI ใหม่สามารถปรับขนาดให้ใช้งานได้ดีทั้งบนหน้าจอ PC, มือถือ และ Xbox ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ทดลองใช้ระบบใหม่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

    Microsoft กับการผลักดันยุคไร้รหัสผ่าน
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งมุ่งไปสู่ อนาคตที่ไร้รหัสผ่าน เช่นเดียวกับ Apple และ Google

    https://www.techspot.com/news/107353-new-microsoft-login-screens-emphasize-passkeys-passwordless-authentication.html
    Microsoft เปลี่ยนโฉมระบบล็อกอิน เน้นการยืนยันตัวตนแบบไร้รหัสผ่าน Microsoft กำลังปรับเปลี่ยน ระบบล็อกอินใหม่ ให้มีความปลอดภัยและใช้งานง่ายขึ้น โดยเน้นการใช้ Passkeys แทนรหัสผ่านแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ ระบบใหม่นี้ถูกออกแบบด้วย Fluent 2 UI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ง่ายขึ้น และรองรับทั้งเวอร์ชันเว็บ, มือถือ และจะทยอยเปิดให้ใช้บน Windows ภายในปลายเดือนเมษายน Passkeys ปลอดภัยและเร็วขึ้น - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้เลือกใช้ Passkeys ซึ่งปลอดภัยกว่ารหัสผ่านถึง 3 เท่า และช่วยให้การล็อกอินรวดเร็วขึ้น ออกแบบ UI ใหม่ ลดความซับซ้อน - Fluent 2 UI ถูกออกแบบให้ช่วยลด "ภาระทางความคิด" ของผู้ใช้ ทำให้การล็อกอินลื่นไหล ลดสิ่งรบกวน และจัดเรียงขั้นตอนใหม่ให้มีตรรกะมากขึ้น รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม - UI ใหม่สามารถปรับขนาดให้ใช้งานได้ดีทั้งบนหน้าจอ PC, มือถือ และ Xbox ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ทดลองใช้ระบบใหม่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ Microsoft กับการผลักดันยุคไร้รหัสผ่าน - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งมุ่งไปสู่ อนาคตที่ไร้รหัสผ่าน เช่นเดียวกับ Apple และ Google https://www.techspot.com/news/107353-new-microsoft-login-screens-emphasize-passkeys-passwordless-authentication.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New Microsoft login screens emphasize passkeys and "passwordless" authentication
    Microsoft recently announced that it is rolling out a new authentication experience for over one billion consumers. The redesign focuses on more secure login screens with a...
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • Amazon Photos เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ระบุและค้นหาสินค้าในรูปภาพผ่าน AI เพียงแตะที่ไอคอน Lens ระบบจะสแกนภาพและแสดงรายการสินค้าที่ตรงกัน แม้ว่าบางคนจะมองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การช้อปปิ้งสะดวกขึ้น แต่บางคนกังวลว่าอาจเป็นการเปลี่ยนคลังรูปภาพของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง

    บทบาทของ Panos Panay ในการพัฒนา
    - อดีตผู้บริหารของ Microsoft Panos Panay ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานฝ่ายอุปกรณ์และบริการของ Amazon ได้ประกาศฟีเจอร์นี้ผ่าน Threads พร้อมสาธิตการใช้งาน

    การเชื่อมต่อ AI กับการค้นหาสินค้า
    - ฟีเจอร์นี้เริ่มต้นจากการค้นหาด้วยคำถามแบบภาษาธรรมชาติ เช่น "Max playing with robot dog" ระบบจะดึงภาพที่ตรงกับคำค้นหาและแสดงสินค้าในภาพที่สามารถซื้อได้

    มุมมองที่หลากหลายจากผู้ใช้
    - มีความเห็นจากผู้ใช้ทั้งด้านบวกและลบ บางคนมองว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะที่บางคนกังวลว่าอาจเป็นเพียงการเปลี่ยนภาพถ่ายของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง

    ความคลุมเครือเรื่องการตั้งค่า
    - Amazon ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าการปิดฟีเจอร์ Tag Photos จะหยุดการทำงานของระบบค้นหาสินค้าหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107352-amazon-photos-app-can-now-identify-products-images.html
    Amazon Photos เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ระบุและค้นหาสินค้าในรูปภาพผ่าน AI เพียงแตะที่ไอคอน Lens ระบบจะสแกนภาพและแสดงรายการสินค้าที่ตรงกัน แม้ว่าบางคนจะมองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การช้อปปิ้งสะดวกขึ้น แต่บางคนกังวลว่าอาจเป็นการเปลี่ยนคลังรูปภาพของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง บทบาทของ Panos Panay ในการพัฒนา - อดีตผู้บริหารของ Microsoft Panos Panay ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานฝ่ายอุปกรณ์และบริการของ Amazon ได้ประกาศฟีเจอร์นี้ผ่าน Threads พร้อมสาธิตการใช้งาน การเชื่อมต่อ AI กับการค้นหาสินค้า - ฟีเจอร์นี้เริ่มต้นจากการค้นหาด้วยคำถามแบบภาษาธรรมชาติ เช่น "Max playing with robot dog" ระบบจะดึงภาพที่ตรงกับคำค้นหาและแสดงสินค้าในภาพที่สามารถซื้อได้ มุมมองที่หลากหลายจากผู้ใช้ - มีความเห็นจากผู้ใช้ทั้งด้านบวกและลบ บางคนมองว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะที่บางคนกังวลว่าอาจเป็นเพียงการเปลี่ยนภาพถ่ายของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง ความคลุมเครือเรื่องการตั้งค่า - Amazon ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าการปิดฟีเจอร์ Tag Photos จะหยุดการทำงานของระบบค้นหาสินค้าหรือไม่ https://www.techspot.com/news/107352-amazon-photos-app-can-now-identify-products-images.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon Photos app can now identify products in your images and link to store pages
    Former Microsoft executive Panos Panay, now senior vice president of Amazon's Devices and Services division, announced the update to Amazon Photos on Threads.
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • Happy Tuesday 🩷🥰
    Hope you have a great day 👍💯🤩
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Happy Tuesday 🩷🥰 Hope you have a great day 👍💯🤩 #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • Stormy sea in pineapple 😁😁
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Stormy sea in pineapple 😁😁 #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • Happy Monday 💛🥰
    Hope you have a great day 👍💯🤩
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Happy Monday 💛🥰 Hope you have a great day 👍💯🤩 #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงช่องโหว่ความปลอดภัยใน ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจทำให้ นักโจมตีทางไซเบอร์ สามารถควบคุมการผลิตพลังงาน แทรกแซงข้อมูลส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขัดขวางการทำงานของโครงข่ายพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญจาก Forescout – Vedere Labs ระบุช่องโหว่ใหม่ถึง 46 รายการในอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Sungrow, Growatt และ SMA โดย 80% ของช่องโหว่ที่รายงานถือเป็นปัญหาร้ายแรงหรือสำคัญ

    ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อออนไลน์:
    - หลายอินเวอร์เตอร์ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง ทำให้ง่ายต่อการโจมตีผ่านการใช้เฟิร์มแวร์ที่ล้าสมัยหรือการเข้ารหัสข้อมูลที่อ่อนแอ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น:
    - การโจมตีสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลในโครงข่ายพลังงาน การขโมยข้อมูลที่ละเมิดข้อกำหนดด้าน GDPR รวมถึงการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

    คำแนะนำในการป้องกัน:
    - ผู้ผลิตควรเร่งแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตระบบ ปรับปรุงโค้ดให้ปลอดภัย และทดสอบเจาะระบบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีการใช้ Web Application Firewall และมาตรการความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น NIST IR 8259

    บทบาทของเจ้าของระบบพลังงานแสงอาทิตย์:
    - การแยกเครือข่ายของอุปกรณ์แสงอาทิตย์ การตั้งค่าระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย และการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรดำเนินการ

    https://www.techradar.com/pro/millions-of-solar-power-systems-could-be-at-risk-of-cyber-attacks-after-researchers-find-flurry-of-vulnerabilities
    ข่าวนี้พูดถึงช่องโหว่ความปลอดภัยใน ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจทำให้ นักโจมตีทางไซเบอร์ สามารถควบคุมการผลิตพลังงาน แทรกแซงข้อมูลส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขัดขวางการทำงานของโครงข่ายพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญจาก Forescout – Vedere Labs ระบุช่องโหว่ใหม่ถึง 46 รายการในอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Sungrow, Growatt และ SMA โดย 80% ของช่องโหว่ที่รายงานถือเป็นปัญหาร้ายแรงหรือสำคัญ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อออนไลน์: - หลายอินเวอร์เตอร์ในระบบพลังงานแสงอาทิตย์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง ทำให้ง่ายต่อการโจมตีผ่านการใช้เฟิร์มแวร์ที่ล้าสมัยหรือการเข้ารหัสข้อมูลที่อ่อนแอ ผลกระทบที่เกิดขึ้น: - การโจมตีสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลในโครงข่ายพลังงาน การขโมยข้อมูลที่ละเมิดข้อกำหนดด้าน GDPR รวมถึงการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คำแนะนำในการป้องกัน: - ผู้ผลิตควรเร่งแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดตระบบ ปรับปรุงโค้ดให้ปลอดภัย และทดสอบเจาะระบบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีการใช้ Web Application Firewall และมาตรการความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น NIST IR 8259 บทบาทของเจ้าของระบบพลังงานแสงอาทิตย์: - การแยกเครือข่ายของอุปกรณ์แสงอาทิตย์ การตั้งค่าระบบเฝ้าระวังความปลอดภัย และการใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรดำเนินการ https://www.techradar.com/pro/millions-of-solar-power-systems-could-be-at-risk-of-cyber-attacks-after-researchers-find-flurry-of-vulnerabilities
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
More Results