• วันนี้(16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.12 น.เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force ได้โพสต์ภาพทหารไทยเข้ายึดพื้นที่บริเวณช่องอานม้า พร้อมข้อความระบุว่า “ภาพล่าสุด 18:00น. - ทหารไทยเข้ายึดคืนพื้นที่ช่องอานม้า 100% พร้อมเชิญธงชาติไทยปักบนดินแดนอธิปไตย และดำเนินการเข้าเคลียร์พื้นที่อนุสาวรีย์ตาอม-ตลาดช่องอานม้าจนเรียบร้อย”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121143

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วันนี้(16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.12 น.เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force ได้โพสต์ภาพทหารไทยเข้ายึดพื้นที่บริเวณช่องอานม้า พร้อมข้อความระบุว่า “ภาพล่าสุด 18:00น. - ทหารไทยเข้ายึดคืนพื้นที่ช่องอานม้า 100% พร้อมเชิญธงชาติไทยปักบนดินแดนอธิปไตย และดำเนินการเข้าเคลียร์พื้นที่อนุสาวรีย์ตาอม-ตลาดช่องอานม้าจนเรียบร้อย” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121143 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • สารออกฤทธิ์จากเห็ดเมจิก ช่วย “รีไวร์” สมองและลดวงจรความคิดซ้ำ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า

    ทีมนักวิจัยจาก Cornell University ใช้ไวรัสที่ถูกดัดแปลงเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองในหนู หลังได้รับไซโลไซบิน พบว่าบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลความรู้สึกและการตัดสินใจมีการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น ขณะที่วงจรในคอร์เทกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการคิดซ้ำ ๆ ลดลง

    กลไกการทำงาน
    ผลการทดลองชี้ว่าไซโลไซบินอาจช่วยลด “rumination” หรือการจมอยู่กับความคิดด้านลบ โดยการปรับสมดุลการเชื่อมต่อของสมอง นักวิจัยยังพบว่ากิจกรรมของสมองมีบทบาทกำหนดตำแหน่งที่การเชื่อมต่อใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเปิดทางให้ใช้เทคนิคกระตุ้นสมอง เช่น magnetic stimulation ร่วมกับไซโลไซบินเพื่อการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น

    ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า
    ภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของความพิการทั่วโลก และการรักษาแบบดั้งเดิมมักมีผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลสำหรับบางคน การค้นพบนี้จึงเป็นความหวังใหม่ที่อาจนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อจำกัดของการศึกษา
    แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าสนใจ แต่ยังต้องมีการยืนยันในมนุษย์ เพราะไม่ใช่ทุกการค้นพบจากสัตว์ทดลองจะสามารถนำมาใช้กับคนได้โดยตรง

    สรุปสาระสำคัญ
    การทดลองใหม่
    ใช้ไวรัสติดตามการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อสมองในหนูที่ได้รับไซโลไซบิน

    กลไกการทำงาน
    ลดวงจรความคิดด้านลบ เพิ่มการเชื่อมต่อในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ

    ความหมายต่อการรักษา
    อาจช่วยพัฒนาวิธีรักษาโรคซึมเศร้าที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ศักยภาพการประยุกต์ใช้
    อาจใช้ร่วมกับเทคนิคกระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

    ข้อจำกัดของงานวิจัย
    ผลลัพธ์ยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องมีการยืนยันในมนุษย์

    ความเสี่ยงในการตีความ
    ไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงในสมองของหนูจะสะท้อนผลในมนุษย์

    https://www.sciencealert.com/psilocybin-breaks-depressive-cycles-by-rewiring-the-brain-study-suggests
    🧠 สารออกฤทธิ์จากเห็ดเมจิก ช่วย “รีไวร์” สมองและลดวงจรความคิดซ้ำ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า ทีมนักวิจัยจาก Cornell University ใช้ไวรัสที่ถูกดัดแปลงเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองในหนู หลังได้รับไซโลไซบิน พบว่าบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลความรู้สึกและการตัดสินใจมีการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น ขณะที่วงจรในคอร์เทกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการคิดซ้ำ ๆ ลดลง 🔬 กลไกการทำงาน ผลการทดลองชี้ว่าไซโลไซบินอาจช่วยลด “rumination” หรือการจมอยู่กับความคิดด้านลบ โดยการปรับสมดุลการเชื่อมต่อของสมอง นักวิจัยยังพบว่ากิจกรรมของสมองมีบทบาทกำหนดตำแหน่งที่การเชื่อมต่อใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเปิดทางให้ใช้เทคนิคกระตุ้นสมอง เช่น magnetic stimulation ร่วมกับไซโลไซบินเพื่อการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น 🌍 ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า ภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของความพิการทั่วโลก และการรักษาแบบดั้งเดิมมักมีผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลสำหรับบางคน การค้นพบนี้จึงเป็นความหวังใหม่ที่อาจนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อจำกัดของการศึกษา แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าสนใจ แต่ยังต้องมีการยืนยันในมนุษย์ เพราะไม่ใช่ทุกการค้นพบจากสัตว์ทดลองจะสามารถนำมาใช้กับคนได้โดยตรง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การทดลองใหม่ ➡️ ใช้ไวรัสติดตามการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อสมองในหนูที่ได้รับไซโลไซบิน ✅ กลไกการทำงาน ➡️ ลดวงจรความคิดด้านลบ เพิ่มการเชื่อมต่อในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ✅ ความหมายต่อการรักษา ➡️ อาจช่วยพัฒนาวิธีรักษาโรคซึมเศร้าที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ศักยภาพการประยุกต์ใช้ ➡️ อาจใช้ร่วมกับเทคนิคกระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ‼️ ข้อจำกัดของงานวิจัย ⛔ ผลลัพธ์ยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องมีการยืนยันในมนุษย์ ‼️ ความเสี่ยงในการตีความ ⛔ ไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงในสมองของหนูจะสะท้อนผลในมนุษย์ https://www.sciencealert.com/psilocybin-breaks-depressive-cycles-by-rewiring-the-brain-study-suggests
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Psilocybin Breaks Depressive Cycles by Rewiring The Brain, Study Suggests
    Scientists have used a specially engineered virus to help track the brain changes caused by psilocybin in mice, revealing how the drug could be breaking loops of depressive thinking.
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • ฝนทำลายสถิติในดินแดนแห้งแล้ง

    หลังฝนตกหนักทำลายสถิติใน Death Valley สหรัฐฯ ทะเลสาบยุคน้ำแข็ง Lake Manly ได้กลับมาปรากฏอีกครั้ง แม้จะตื้นเพียงระดับข้อเท้า แต่ถือเป็นการฟื้นคืนของภูมิทัศน์ที่หายไปกว่า 10,000 ปี

    Death Valley ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่แห้งแล้งที่สุดในโลก ได้รับฝนมากกว่า 2.41 นิ้วในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–พฤศจิกายน) และเฉพาะเดือนพฤศจิกายนก็มีฝนถึง 1.76 นิ้ว ทำลายสถิติเดิมที่ 1.7 นิ้ว ปริมาณฝนนี้เทียบเท่ากับเกือบหนึ่งปีเต็มในเวลาเพียงเดือนเดียว

    การกลับมาของ Lake Manly
    Lake Manly ตั้งอยู่ใน Badwater Basin จุดต่ำสุดของทวีปอเมริกาเหนือ เคยมีความลึกกว่า 300 เมตรและทอดยาวเกือบ 100 ไมล์เมื่อ 128,000–186,000 ปีก่อน ปัจจุบันแม้จะกลับมาเพียงน้ำตื้น ๆ ที่ “สูงไม่เกินข้อเท้า” แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง

    ผลกระทบต่อระบบนิเวศ
    นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสงสัยว่าปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติจะส่งผลต่อดอกไม้ป่าในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าอย่างไร แม้ฝนจะช่วยให้พืชงอกงาม แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่นอุณหภูมิและดินที่ต้องพิจารณา ขณะเดียวกันถนนหลายสายในอุทยานถูกน้ำท่วมและเศษซากปิดกั้น ทำให้นักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังในการเดินทาง

    สัญญาณจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า สภาพอากาศสุดขั้วจะเกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น เมื่อโลกยังคงร้อนขึ้น ภูมิทัศน์ที่เราเห็นในปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่นเดียวกับ Death Valley ที่เคยเป็นทะเลสาบใหญ่ในยุคน้ำแข็ง และวันนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้เพียงชั่วคราว

    สรุปสาระสำคัญ
    ปริมาณฝนทำลายสถิติ
    Death Valley ได้ฝนมากกว่า 2.41 นิ้วในฤดูใบไม้ร่วง และ 1.76 นิ้วในเดือนพฤศจิกายน

    การกลับมาของ Lake Manly
    ทะเลสาบยุคน้ำแข็งกลับมา แม้ตื้นเพียงระดับข้อเท้า

    ผลกระทบต่อระบบนิเวศ
    อาจส่งผลต่อดอกไม้ป่าในฤดูใบไม้ผลิ และถนนหลายสายถูกน้ำท่วม

    สัญญาณจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    เหตุการณ์นี้สะท้อนความถี่และความรุนแรงของสภาพอากาศสุดขั้ว

    ความเสี่ยงต่อการท่องเที่ยว
    ถนนหลายสายในอุทยานไม่สามารถสัญจรได้จากเศษซากและน้ำท่วม

    ความไม่แน่นอนทางนิเวศวิทยา
    ยังไม่ชัดเจนว่าปริมาณฝนจะส่งผลต่อการออกดอกของพืชในปีหน้าอย่างไร

    https://www.sciencealert.com/ice-age-lake-reappears-in-death-valley-following-record-rains
    🌧️ ฝนทำลายสถิติในดินแดนแห้งแล้ง หลังฝนตกหนักทำลายสถิติใน Death Valley สหรัฐฯ ทะเลสาบยุคน้ำแข็ง Lake Manly ได้กลับมาปรากฏอีกครั้ง แม้จะตื้นเพียงระดับข้อเท้า แต่ถือเป็นการฟื้นคืนของภูมิทัศน์ที่หายไปกว่า 10,000 ปี Death Valley ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่แห้งแล้งที่สุดในโลก ได้รับฝนมากกว่า 2.41 นิ้วในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–พฤศจิกายน) และเฉพาะเดือนพฤศจิกายนก็มีฝนถึง 1.76 นิ้ว ทำลายสถิติเดิมที่ 1.7 นิ้ว ปริมาณฝนนี้เทียบเท่ากับเกือบหนึ่งปีเต็มในเวลาเพียงเดือนเดียว 🏞️ การกลับมาของ Lake Manly Lake Manly ตั้งอยู่ใน Badwater Basin จุดต่ำสุดของทวีปอเมริกาเหนือ เคยมีความลึกกว่า 300 เมตรและทอดยาวเกือบ 100 ไมล์เมื่อ 128,000–186,000 ปีก่อน ปัจจุบันแม้จะกลับมาเพียงน้ำตื้น ๆ ที่ “สูงไม่เกินข้อเท้า” แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง 🌼 ผลกระทบต่อระบบนิเวศ นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสงสัยว่าปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติจะส่งผลต่อดอกไม้ป่าในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าอย่างไร แม้ฝนจะช่วยให้พืชงอกงาม แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่นอุณหภูมิและดินที่ต้องพิจารณา ขณะเดียวกันถนนหลายสายในอุทยานถูกน้ำท่วมและเศษซากปิดกั้น ทำให้นักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังในการเดินทาง 🌍 สัญญาณจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า สภาพอากาศสุดขั้วจะเกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น เมื่อโลกยังคงร้อนขึ้น ภูมิทัศน์ที่เราเห็นในปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่นเดียวกับ Death Valley ที่เคยเป็นทะเลสาบใหญ่ในยุคน้ำแข็ง และวันนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แม้เพียงชั่วคราว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ปริมาณฝนทำลายสถิติ ➡️ Death Valley ได้ฝนมากกว่า 2.41 นิ้วในฤดูใบไม้ร่วง และ 1.76 นิ้วในเดือนพฤศจิกายน ✅ การกลับมาของ Lake Manly ➡️ ทะเลสาบยุคน้ำแข็งกลับมา แม้ตื้นเพียงระดับข้อเท้า ✅ ผลกระทบต่อระบบนิเวศ ➡️ อาจส่งผลต่อดอกไม้ป่าในฤดูใบไม้ผลิ และถนนหลายสายถูกน้ำท่วม ✅ สัญญาณจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ➡️ เหตุการณ์นี้สะท้อนความถี่และความรุนแรงของสภาพอากาศสุดขั้ว ‼️ ความเสี่ยงต่อการท่องเที่ยว ⛔ ถนนหลายสายในอุทยานไม่สามารถสัญจรได้จากเศษซากและน้ำท่วม ‼️ ความไม่แน่นอนทางนิเวศวิทยา ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าปริมาณฝนจะส่งผลต่อการออกดอกของพืชในปีหน้าอย่างไร https://www.sciencealert.com/ice-age-lake-reappears-in-death-valley-following-record-rains
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Ice Age Lake Reappears in Death Valley Following Record Rains
    Death Valley, part of the Mojave Desert stretching across California and Nevada, is known for its extreme weather – but in recent weeks, it has broken records for rain rather than high temperatures.
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • แกะโบราณกับร่องรอยโรคระบาด

    นักวิจัยค้นพบ DNA ของเชื้อกาฬโรค (Yersinia pestis) ในซากฟอสซิลแกะโบราณอายุ 4,000 ปี ที่รัสเซีย ซึ่งเป็นหลักฐานแรกว่ามีสัตว์เลี้ยงเป็นพาหะของโรคระบาดยุคสำริด ไม่ใช่เพียงมนุษย์อย่างที่เคยเชื่อ

    ทีมนักโบราณคดีตรวจสอบ DNA จากกระดูกและฟันของสัตว์เลี้ยงยุคสำริด เช่น วัว แพะ และแกะ ที่ถูกขุดพบในพื้นที่อาร์ไคม์ (Arkaim) บริเวณเทือกเขาอูราลตอนใต้ของรัสเซีย ผลการวิเคราะห์พบ DNA ของเชื้อ Yersinia pestis บนฟันแกะที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์เมื่อราว 4,000 ปีก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่พบหลักฐานโรคระบาดในสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่เฉพาะในมนุษย์

    เชื้อโรคที่ยังไม่วิวัฒน์เต็มรูปแบบ
    เชื้อ Y. pestis ในยุคนั้นยังไม่สามารถใช้หมัดเป็นพาหะเหมือนในยุคกลาง ทำให้เกิดคำถามว่าโรคแพร่กระจายได้อย่างไร หลักฐานใหม่นี้ชี้ว่าแกะอาจเป็นตัวกลางที่ช่วยแพร่เชื้อระหว่างฝูงสัตว์และมนุษย์ หรืออาจได้รับเชื้อจากสัตว์ป่าและส่งต่อไปยังคนเลี้ยง

    ความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมซินทัชตา
    สถานที่พบแกะติดเชื้อคือชุมชนซินทัชตา (Sintashta culture) ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการสร้างอาวุธสำริดและการขี่ม้า การขยายฝูงสัตว์และการเดินทางไกลด้วยม้าอาจเพิ่มโอกาสให้โรคแพร่กระจายไปทั่วทุ่งหญ้าสเตปป์ยูเรเชีย

    ความท้าทายในการศึกษาซากสัตว์
    การตรวจสอบ DNA ของสัตว์โบราณทำได้ยาก เพราะซากสัตว์มักถูกทิ้งเป็นเศษอาหารหรือถูกปรุงสุก ทำให้ DNA เสื่อมสลายเร็ว หลักฐานครั้งนี้จึงถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการเข้าใจการแพร่โรคในอดีต

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบหลักฐานใหม่
    พบ DNA ของ Y. pestis ในฟันแกะโบราณที่รัสเซีย

    เชื้อโรคยุคสำริด
    ยังไม่สามารถใช้หมัดเป็นพาหะเหมือนยุคกลาง

    บทบาทของสัตว์เลี้ยง
    แกะอาจเป็นตัวกลางแพร่เชื้อระหว่างสัตว์และมนุษย์

    ความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม
    ซินทัชตาเป็นสังคมที่ขยายฝูงสัตว์และเดินทางไกล

    ความท้าทายทางวิทยาศาสตร์
    ซากสัตว์มักถูกปรุงสุกหรือเสื่อมสลาย ทำให้ DNA ยากต่อการศึกษา

    ความเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด
    หลักฐานจากสัตว์เพียงตัวเดียวอาจไม่สะท้อนภาพรวมทั้งหมดของการแพร่โรค

    https://www.sciencealert.com/dna-study-reveals-carrier-of-worlds-earliest-known-plague
    🐑 แกะโบราณกับร่องรอยโรคระบาด นักวิจัยค้นพบ DNA ของเชื้อกาฬโรค (Yersinia pestis) ในซากฟอสซิลแกะโบราณอายุ 4,000 ปี ที่รัสเซีย ซึ่งเป็นหลักฐานแรกว่ามีสัตว์เลี้ยงเป็นพาหะของโรคระบาดยุคสำริด ไม่ใช่เพียงมนุษย์อย่างที่เคยเชื่อ ทีมนักโบราณคดีตรวจสอบ DNA จากกระดูกและฟันของสัตว์เลี้ยงยุคสำริด เช่น วัว แพะ และแกะ ที่ถูกขุดพบในพื้นที่อาร์ไคม์ (Arkaim) บริเวณเทือกเขาอูราลตอนใต้ของรัสเซีย ผลการวิเคราะห์พบ DNA ของเชื้อ Yersinia pestis บนฟันแกะที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์เมื่อราว 4,000 ปีก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่พบหลักฐานโรคระบาดในสัตว์เลี้ยง ไม่ใช่เฉพาะในมนุษย์ 🔬 เชื้อโรคที่ยังไม่วิวัฒน์เต็มรูปแบบ เชื้อ Y. pestis ในยุคนั้นยังไม่สามารถใช้หมัดเป็นพาหะเหมือนในยุคกลาง ทำให้เกิดคำถามว่าโรคแพร่กระจายได้อย่างไร หลักฐานใหม่นี้ชี้ว่าแกะอาจเป็นตัวกลางที่ช่วยแพร่เชื้อระหว่างฝูงสัตว์และมนุษย์ หรืออาจได้รับเชื้อจากสัตว์ป่าและส่งต่อไปยังคนเลี้ยง 🏹 ความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมซินทัชตา สถานที่พบแกะติดเชื้อคือชุมชนซินทัชตา (Sintashta culture) ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการสร้างอาวุธสำริดและการขี่ม้า การขยายฝูงสัตว์และการเดินทางไกลด้วยม้าอาจเพิ่มโอกาสให้โรคแพร่กระจายไปทั่วทุ่งหญ้าสเตปป์ยูเรเชีย ⚠️ ความท้าทายในการศึกษาซากสัตว์ การตรวจสอบ DNA ของสัตว์โบราณทำได้ยาก เพราะซากสัตว์มักถูกทิ้งเป็นเศษอาหารหรือถูกปรุงสุก ทำให้ DNA เสื่อมสลายเร็ว หลักฐานครั้งนี้จึงถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการเข้าใจการแพร่โรคในอดีต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบหลักฐานใหม่ ➡️ พบ DNA ของ Y. pestis ในฟันแกะโบราณที่รัสเซีย ✅ เชื้อโรคยุคสำริด ➡️ ยังไม่สามารถใช้หมัดเป็นพาหะเหมือนยุคกลาง ✅ บทบาทของสัตว์เลี้ยง ➡️ แกะอาจเป็นตัวกลางแพร่เชื้อระหว่างสัตว์และมนุษย์ ✅ ความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ➡️ ซินทัชตาเป็นสังคมที่ขยายฝูงสัตว์และเดินทางไกล ‼️ ความท้าทายทางวิทยาศาสตร์ ⛔ ซากสัตว์มักถูกปรุงสุกหรือเสื่อมสลาย ทำให้ DNA ยากต่อการศึกษา ‼️ ความเสี่ยงต่อการตีความผิดพลาด ⛔ หลักฐานจากสัตว์เพียงตัวเดียวอาจไม่สะท้อนภาพรวมทั้งหมดของการแพร่โรค https://www.sciencealert.com/dna-study-reveals-carrier-of-worlds-earliest-known-plague
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    DNA Study Reveals Carrier of World's Earliest-Known Plague
    A plague that swept through Eurasia for 2,000 years – millennia before the Black Death of the Middle Ages – has only ever been detected in human remains, until now.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline

    วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง
    ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs

    Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น
    ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU
    https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch

    Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้
    Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป
    https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions

    ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย
    ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง
    https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation

    OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้
    Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้
    https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root

    Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก
    https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft

    Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี
    มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต
    https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview

    ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต
    https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access

    มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต
    มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets

    Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ
    เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation

    Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา
    นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้
    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory

    SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย
    https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion

    Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก
    เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้
    https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence

    BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย
    BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน
    https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials

    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔐🩷📌 #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline 🛡️ วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs ⌚ Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU 🔗 https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch 💻 Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้ Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป 🔗 https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions 🖥️ ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง 🔗 https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation ☸️ OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้ Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root 🕵️‍♂️ Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft 📱 Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview 💻 ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access 🪙 มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets 🖥️ Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation 💾 Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้ 🔗 https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory 🚀 SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion 🔐 Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ 🔗 https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence 🎭 BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷
    #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar

    LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026
    LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส
    https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color

    Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง
    Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back

    NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150
    มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk

    นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์
    นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet

    วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
    ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ
    https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why

    Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล
    ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai

    Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป
    OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though

    SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่
    Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด
    https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities

    DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ
    แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย
    https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser

    หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM
    Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง
    https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade

    Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย
    Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที
    https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks

    CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก
    Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo

    กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด
    มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่
    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect

    Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6
    Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor

    แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด
    มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know

    Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง
    Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026
    https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works

    อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก
    หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is

    Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty
    Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts

    Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล
    Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่
    https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed

    ChatGPT 5.2 vs Gemini 3
    มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you

    โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์
    เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง
    https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human

    ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด
    แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว
    https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success

    ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส
    มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets

    Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร
    เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims

    UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง
    UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger
    https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve

    วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026
    นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน
    https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why

    Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation

    รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025
    นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review

    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar 🖥️ LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026 LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส 🔗 https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color 📺 Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back 💾 NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150 มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk 🔐 นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์ นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet 🎮 วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why 🗑️ Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai 💻 Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though 💾 SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่ Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด 🔗 https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities 🎮 DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย 🔗 https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser 🧠 หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง 🔗 https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade 🛡️ Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks 🌐 CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo 📷 กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect ⌚ Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6 Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor 🔒 แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know 🎧 Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works 📧 อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is 🛡️ Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts 🏢 Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed 🤖 ChatGPT 5.2 vs Gemini 3 มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you 🎨 โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์ เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง 🔗 https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human 💼 ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success ⚖️ ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets 📰 Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims 🎮 UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve 📱 วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026 นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why 💍 Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation 🌳 รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025 นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • รมว.กลาโหม เผยจีนไม่ได้ขอเครื่องยิงจรวด GAM102 ที่ไทยยึดได้ที่ช่องอานม้าคืน ชี้ตามหลักเรายึดได้ก็เป็นของเรา จะเอาไปใช้เลยหรือไม่ขอตรวจสอบก่อน จะรบยืดเยื้อหรือไม่ ขอเวลาอีกไม่นาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120842

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รมว.กลาโหม เผยจีนไม่ได้ขอเครื่องยิงจรวด GAM102 ที่ไทยยึดได้ที่ช่องอานม้าคืน ชี้ตามหลักเรายึดได้ก็เป็นของเรา จะเอาไปใช้เลยหรือไม่ขอตรวจสอบก่อน จะรบยืดเยื้อหรือไม่ ขอเวลาอีกไม่นาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120842 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • อัยการรับคดีนอกราชอาณาจักรเอาผิดผู้นำกัมพูชา กรณีสั่งยิงพลเรือนไทย ขณะที่จีนแสดงความห่วงใยและพร้อมเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเพื่อสร้างสันติภาพชายแดนโดยเร็วที่สุด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120812

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อัยการรับคดีนอกราชอาณาจักรเอาผิดผู้นำกัมพูชา กรณีสั่งยิงพลเรือนไทย ขณะที่จีนแสดงความห่วงใยและพร้อมเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเพื่อสร้างสันติภาพชายแดนโดยเร็วที่สุด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120812 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • การติดตั้ง ComfyUI บน AMD RDNA 4 + ROCm 7.1.1 บน Windows

    บทความจาก Wccftech อธิบายขั้นตอนการตั้งค่า ComfyUI สำหรับการสร้างภาพ AI โดยใช้ GPU AMD RDNA 4 บน Windows ผ่าน ROCm 7.1.1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ROCm รองรับ Windows แบบ native โดยไม่ต้องใช้ WSL หรือ workaround อื่น ๆ ทำให้การใช้งานง่ายและเร็วขึ้นมาก.

    ขั้นตอนหลักในการติดตั้ง
    ติดตั้งไดรเวอร์ AMD – ดาวน์โหลดและติดตั้งเวอร์ชัน 25.20.0.17 ที่รองรับ ROCm 7.1.1 บน Windows
    ติดตั้ง Miniconda และ Git – ใช้สำหรับสร้าง environment และ clone ComfyUI
    สร้าง Conda Environment – ใช้ Python 3.12 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่รองรับ ROCm wheels
    ติดตั้ง PyTorch ROCm – ใช้คำสั่ง pip เพื่อติดตั้งแพ็กเกจ ROCm SDK และ Torch ที่ปรับแต่งสำหรับ Windows
    ติดตั้ง ComfyUI – clone จาก GitHub และติดตั้ง dependencies ด้วย pip install -r requirements.txt
    โหลดโมเดล – เช่น SDXL Turbo แล้วนำไปใส่ในโฟลเดอร์ ComfyUI > Models > Checkpoints
    เริ่มใช้งาน – รัน python main.py และเข้าถึง GUI ผ่าน web server link

    จุดเด่นและข้อควรระวัง
    ROCm 7.1.1 บน Windows ช่วยให้ RDNA 4 GPU ใช้งาน AI ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่ง Linux
    ต้องใช้ Python 3.12 เท่านั้น เพราะ ROCm wheels ยังไม่รองรับเวอร์ชันใหม่กว่า
    หากติดตั้งไม่ถูกต้อง อาจทำให้ environment ไม่สามารถตรวจจับ GPU ได้
    การใช้โมเดลใหญ่ เช่น SDXL Turbo ต้องมี VRAM เพียงพอ (เช่น 8GB ขึ้นไป)

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การตั้งค่า ROCm บน Windows
    ใช้ไดรเวอร์ AMD 25.20.0.17
    รองรับ RDNA 3, 3.5 และ 4

    การสร้าง Environment
    ใช้ Miniconda + Python 3.12
    ติดตั้ง PyTorch ROCm wheels

    การติดตั้ง ComfyUI
    Clone จาก GitHub
    ติดตั้ง dependencies ด้วย pip
    โหลดโมเดล เช่น SDXL Turbo

    การใช้งานจริง
    รัน python main.py เพื่อเปิด GUI
    สามารถสร้างภาพ AI ได้เต็มประสิทธิภาพบน Windows

    ข้อควรระวัง
    ต้องใช้ Python 3.12 เท่านั้น
    หาก GPU VRAM ต่ำ อาจไม่รองรับโมเดลใหญ่
    การติดตั้งผิดขั้นตอนอาจทำให้ GPU ไม่ถูกตรวจจับ

    https://wccftech.com/how-to-setup-comfyui-ai-image-generation-on-amd-rdna-4-gpu-rocm-7-1-1-windows/
    🖥️ การติดตั้ง ComfyUI บน AMD RDNA 4 + ROCm 7.1.1 บน Windows บทความจาก Wccftech อธิบายขั้นตอนการตั้งค่า ComfyUI สำหรับการสร้างภาพ AI โดยใช้ GPU AMD RDNA 4 บน Windows ผ่าน ROCm 7.1.1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ROCm รองรับ Windows แบบ native โดยไม่ต้องใช้ WSL หรือ workaround อื่น ๆ ทำให้การใช้งานง่ายและเร็วขึ้นมาก. ⚡ ขั้นตอนหลักในการติดตั้ง 🌀 ติดตั้งไดรเวอร์ AMD – ดาวน์โหลดและติดตั้งเวอร์ชัน 25.20.0.17 ที่รองรับ ROCm 7.1.1 บน Windows 🌀 ติดตั้ง Miniconda และ Git – ใช้สำหรับสร้าง environment และ clone ComfyUI 🌀 สร้าง Conda Environment – ใช้ Python 3.12 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่รองรับ ROCm wheels 🌀 ติดตั้ง PyTorch ROCm – ใช้คำสั่ง pip เพื่อติดตั้งแพ็กเกจ ROCm SDK และ Torch ที่ปรับแต่งสำหรับ Windows 🌀 ติดตั้ง ComfyUI – clone จาก GitHub และติดตั้ง dependencies ด้วย pip install -r requirements.txt 🌀 โหลดโมเดล – เช่น SDXL Turbo แล้วนำไปใส่ในโฟลเดอร์ ComfyUI > Models > Checkpoints 🌀 เริ่มใช้งาน – รัน python main.py และเข้าถึง GUI ผ่าน web server link 🔒 จุดเด่นและข้อควรระวัง 💠 ROCm 7.1.1 บน Windows ช่วยให้ RDNA 4 GPU ใช้งาน AI ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่ง Linux 💠 ต้องใช้ Python 3.12 เท่านั้น เพราะ ROCm wheels ยังไม่รองรับเวอร์ชันใหม่กว่า 💠 หากติดตั้งไม่ถูกต้อง อาจทำให้ environment ไม่สามารถตรวจจับ GPU ได้ 💠 การใช้โมเดลใหญ่ เช่น SDXL Turbo ต้องมี VRAM เพียงพอ (เช่น 8GB ขึ้นไป) 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การตั้งค่า ROCm บน Windows ➡️ ใช้ไดรเวอร์ AMD 25.20.0.17 ➡️ รองรับ RDNA 3, 3.5 และ 4 ✅ การสร้าง Environment ➡️ ใช้ Miniconda + Python 3.12 ➡️ ติดตั้ง PyTorch ROCm wheels ✅ การติดตั้ง ComfyUI ➡️ Clone จาก GitHub ➡️ ติดตั้ง dependencies ด้วย pip ➡️ โหลดโมเดล เช่น SDXL Turbo ✅ การใช้งานจริง ➡️ รัน python main.py เพื่อเปิด GUI ➡️ สามารถสร้างภาพ AI ได้เต็มประสิทธิภาพบน Windows ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ต้องใช้ Python 3.12 เท่านั้น ⛔ หาก GPU VRAM ต่ำ อาจไม่รองรับโมเดลใหญ่ ⛔ การติดตั้งผิดขั้นตอนอาจทำให้ GPU ไม่ถูกตรวจจับ https://wccftech.com/how-to-setup-comfyui-ai-image-generation-on-amd-rdna-4-gpu-rocm-7-1-1-windows/
    WCCFTECH.COM
    How to setup ComfyUI AI Image Generation on your AMD RDNA 4 GPU using ROCm 7.1.1 on Windows
    AMD ROCm 7.1.1 enables RDNA 4 GPUs on Windows for full PyTorch support, streamlining AI image generation with ComfyUI setup.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • Apple เปิดตัวชิป AI Server “Baltra”

    Apple กำลังพัฒนาชิปเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นแรกของตนเองในชื่อรหัส Baltra โดยร่วมมือกับ Broadcom เพื่อสร้างระบบเครือข่ายที่ไม่ต้องพึ่งพา Nvidia การออกแบบนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2026 และเริ่มใช้งานจริงในปี 2027 โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC 3nm N3E จุดประสงค์หลักคือรองรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ที่ Apple ต้องการสำหรับบริการ Apple Intelligence.

    จุดเด่นของ Baltra
    Baltra ถูกออกแบบมาเพื่อ AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดลใหม่ เนื่องจาก Apple ได้ทำสัญญาใช้โมเดล Gemini ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์จาก Google แล้ว การออกแบบชิปจึงเน้นไปที่ latency และ throughput โดยใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับ low-precision math เช่น INT8 เพื่อให้เหมาะกับงาน inference ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง.

    กลยุทธ์และความร่วมมือ
    Apple เลือกทำงานกับ Broadcom เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายสำหรับ Baltra และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด GPU สำหรับ AI อยู่ในปัจจุบัน การสร้างชิปเองยังช่วยให้ Apple ควบคุมต้นทุนและการออกแบบ ได้ดีกว่า รวมถึงเสริมแนวทาง vertical integration ที่บริษัทใช้กับ A-series และ M-series chips.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การมาของ Baltra แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด AI server chips ที่มีผู้เล่นหลักอย่าง Nvidia, AMD และ Intel การพัฒนาในครั้งนี้อาจทำให้ Apple สามารถสร้างระบบคลาวด์ที่ปรับแต่งเองได้เต็มรูปแบบ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ขนาดใหญ่.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติ Baltra
    ผลิตด้วย TSMC 3nm N3E
    เน้นงาน AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดล
    รองรับ low-precision math เช่น INT8

    กลยุทธ์ของ Apple
    ร่วมมือกับ Broadcom พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย
    หลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia
    เสริมแนวทาง vertical integration

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Apple เข้าสู่ตลาด AI server chips
    แข่งขันกับ Nvidia, AMD และ Intel
    ลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI

    ข้อควรระวัง
    Baltra ยังไม่พร้อมใช้งานจริงจนถึงปี 2027
    ไม่เหมาะสำหรับการเทรนโมเดลใหม่
    ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ yield และการผลิตของ TSMC

    https://wccftech.com/apples-ai-server-chip-baltra-likely-to-be-used-primarily-for-ai-inference/
    🍏 Apple เปิดตัวชิป AI Server “Baltra” Apple กำลังพัฒนาชิปเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นแรกของตนเองในชื่อรหัส Baltra โดยร่วมมือกับ Broadcom เพื่อสร้างระบบเครือข่ายที่ไม่ต้องพึ่งพา Nvidia การออกแบบนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2026 และเริ่มใช้งานจริงในปี 2027 โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC 3nm N3E จุดประสงค์หลักคือรองรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ที่ Apple ต้องการสำหรับบริการ Apple Intelligence. ⚡ จุดเด่นของ Baltra Baltra ถูกออกแบบมาเพื่อ AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดลใหม่ เนื่องจาก Apple ได้ทำสัญญาใช้โมเดล Gemini ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์จาก Google แล้ว การออกแบบชิปจึงเน้นไปที่ latency และ throughput โดยใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับ low-precision math เช่น INT8 เพื่อให้เหมาะกับงาน inference ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง. 🔒 กลยุทธ์และความร่วมมือ Apple เลือกทำงานกับ Broadcom เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายสำหรับ Baltra และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด GPU สำหรับ AI อยู่ในปัจจุบัน การสร้างชิปเองยังช่วยให้ Apple ควบคุมต้นทุนและการออกแบบ ได้ดีกว่า รวมถึงเสริมแนวทาง vertical integration ที่บริษัทใช้กับ A-series และ M-series chips. 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การมาของ Baltra แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด AI server chips ที่มีผู้เล่นหลักอย่าง Nvidia, AMD และ Intel การพัฒนาในครั้งนี้อาจทำให้ Apple สามารถสร้างระบบคลาวด์ที่ปรับแต่งเองได้เต็มรูปแบบ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ขนาดใหญ่. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติ Baltra ➡️ ผลิตด้วย TSMC 3nm N3E ➡️ เน้นงาน AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดล ➡️ รองรับ low-precision math เช่น INT8 ✅ กลยุทธ์ของ Apple ➡️ ร่วมมือกับ Broadcom พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย ➡️ หลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ➡️ เสริมแนวทาง vertical integration ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Apple เข้าสู่ตลาด AI server chips ➡️ แข่งขันกับ Nvidia, AMD และ Intel ➡️ ลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Baltra ยังไม่พร้อมใช้งานจริงจนถึงปี 2027 ⛔ ไม่เหมาะสำหรับการเทรนโมเดลใหม่ ⛔ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ yield และการผลิตของ TSMC https://wccftech.com/apples-ai-server-chip-baltra-likely-to-be-used-primarily-for-ai-inference/
    WCCFTECH.COM
    Apple's AI Chip Baltra To Power Your iPhone's Next-Gen Features
    Apple is a vertical integration afficionado, with its custom silicon design efforts offering an apt illustration of this paradigm.
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • ความปรารถนาของ Sapphire ที่จะมีอิสระมากขึ้นในการออกแบบการ์ดจอ

    Edward Crisler ผู้จัดการ PR ของ Sapphire กล่าวในพอดแคสต์กับ Hardware Unboxed ว่า เขาอยากให้บริษัทมีอิสระในการออกแบบการ์ดจอมากกว่านี้ ปัจจุบัน AMD และ Nvidia กำหนดข้อจำกัดด้าน power delivery, memory capacity และ voltage control ทำให้ทุกการ์ดจากผู้ผลิตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ความแตกต่างจึงเหลือเพียง ดีไซน์ของชุดระบายความร้อนและบริการหลังการขาย.

    ข้อจำกัดที่ทำให้ Toxic หายไป
    Crisler ระบุว่า การ์ดจอซีรีส์ Toxic ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Sapphire ไม่สามารถออกมาได้ทุกเจนเนอเรชัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการโอเวอร์คล็อกและพลังงานที่ AMD กำหนดไว้ Toxic เคยเป็นสัญลักษณ์ของการ์ดที่แรงที่สุด แต่ในยุคปัจจุบัน headroom สำหรับการปรับแต่งถูกลดลง จนไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้มากเหมือนเดิม.

    ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
    เขายังกล่าวถึงการใช้ 12VHPWR connector ใน RX 9070 XT Nitro+ ที่มีปัญหาเพียง 3 เคส ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการใช้ อะแดปเตอร์ 16-pin ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ตัวการ์ดหรือ PSU ของ Sapphire เอง นี่สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการออกแบบที่ปลอดภัย.

    มุมมองต่อการตลาดและข้อมูล
    Crisler ตั้งข้อสังเกตว่า Steam Hardware Survey ไม่ได้สะท้อนตลาดจริงทั้งหมด เพราะมีเพียง 1/12 ของผู้ใช้ที่ถูกสุ่มให้ตอบ เขาเชื่อว่า AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่มักถูกเผยแพร่.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อจำกัดจาก AMD/Nvidia
    จำกัดการโอเวอร์คล็อก, power delivery และ memory capacity
    ทำให้การ์ดจากทุกแบรนด์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

    ผลกระทบต่อ Toxic Series
    ไม่สามารถออกทุกเจนเนอเรชัน
    Headroom สำหรับการปรับแต่งลดลง

    ความน่าเชื่อถือของ Sapphire
    ปัญหา 12VHPWR connector เกิดจากอะแดปเตอร์ ไม่ใช่ตัวการ์ด
    Sapphire ยืนยันความปลอดภัยของการออกแบบ

    มุมมองต่อข้อมูลตลาด
    Steam Survey อาจไม่แม่นยำ
    AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40%

    ข้อควรระวัง
    การจำกัดอิสระของ AIB partners อาจทำให้ตลาดขาดนวัตกรรม
    Toxic series อาจไม่กลับมาเต็มรูปแบบหากข้อจำกัดยังคงอยู่
    การตีความข้อมูลตลาดผิดพลาดอาจทำให้บริษัทวางกลยุทธ์คลาดเคลื่อน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sapphire-pr-manager-wishes-amd-and-nvidia-would-let-partners-run-wild-with-design-wants-freedom-to-bring-back-toxic-line-more-often
    🎨 ความปรารถนาของ Sapphire ที่จะมีอิสระมากขึ้นในการออกแบบการ์ดจอ Edward Crisler ผู้จัดการ PR ของ Sapphire กล่าวในพอดแคสต์กับ Hardware Unboxed ว่า เขาอยากให้บริษัทมีอิสระในการออกแบบการ์ดจอมากกว่านี้ ปัจจุบัน AMD และ Nvidia กำหนดข้อจำกัดด้าน power delivery, memory capacity และ voltage control ทำให้ทุกการ์ดจากผู้ผลิตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ความแตกต่างจึงเหลือเพียง ดีไซน์ของชุดระบายความร้อนและบริการหลังการขาย. ⚡ ข้อจำกัดที่ทำให้ Toxic หายไป Crisler ระบุว่า การ์ดจอซีรีส์ Toxic ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Sapphire ไม่สามารถออกมาได้ทุกเจนเนอเรชัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการโอเวอร์คล็อกและพลังงานที่ AMD กำหนดไว้ Toxic เคยเป็นสัญลักษณ์ของการ์ดที่แรงที่สุด แต่ในยุคปัจจุบัน headroom สำหรับการปรับแต่งถูกลดลง จนไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้มากเหมือนเดิม. 🔒 ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เขายังกล่าวถึงการใช้ 12VHPWR connector ใน RX 9070 XT Nitro+ ที่มีปัญหาเพียง 3 เคส ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการใช้ อะแดปเตอร์ 16-pin ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ตัวการ์ดหรือ PSU ของ Sapphire เอง นี่สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการออกแบบที่ปลอดภัย. 🌐 มุมมองต่อการตลาดและข้อมูล Crisler ตั้งข้อสังเกตว่า Steam Hardware Survey ไม่ได้สะท้อนตลาดจริงทั้งหมด เพราะมีเพียง 1/12 ของผู้ใช้ที่ถูกสุ่มให้ตอบ เขาเชื่อว่า AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่มักถูกเผยแพร่. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อจำกัดจาก AMD/Nvidia ➡️ จำกัดการโอเวอร์คล็อก, power delivery และ memory capacity ➡️ ทำให้การ์ดจากทุกแบรนด์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ✅ ผลกระทบต่อ Toxic Series ➡️ ไม่สามารถออกทุกเจนเนอเรชัน ➡️ Headroom สำหรับการปรับแต่งลดลง ✅ ความน่าเชื่อถือของ Sapphire ➡️ ปัญหา 12VHPWR connector เกิดจากอะแดปเตอร์ ไม่ใช่ตัวการ์ด ➡️ Sapphire ยืนยันความปลอดภัยของการออกแบบ ✅ มุมมองต่อข้อมูลตลาด ➡️ Steam Survey อาจไม่แม่นยำ ➡️ AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การจำกัดอิสระของ AIB partners อาจทำให้ตลาดขาดนวัตกรรม ⛔ Toxic series อาจไม่กลับมาเต็มรูปแบบหากข้อจำกัดยังคงอยู่ ⛔ การตีความข้อมูลตลาดผิดพลาดอาจทำให้บริษัทวางกลยุทธ์คลาดเคลื่อน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sapphire-pr-manager-wishes-amd-and-nvidia-would-let-partners-run-wild-with-design-wants-freedom-to-bring-back-toxic-line-more-often
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • ExtrudeX: เครื่องรีไซเคิลฟิลาเมนต์สำหรับบ้าน

    ExtrudeX ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติที่มักเกิดจาก supports, failed prints และเศษเหลือใช้ โดยผู้ใช้สามารถสร้างเครื่องนี้เองจากไฟล์ STL ที่ทีมงาน Creative3DP แจกให้ พร้อมซื้ออุปกรณ์เสริมเช่น มอเตอร์, ตัวควบคุมอุณหภูมิ และพัดลม ในราคาประมาณ 180–250 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าถูกกว่าการซื้อเครื่องรีไซเคิลเชิงพาณิชย์หลายเท่า.

    วิธีการทำงาน
    เครื่อง ExtrudeX มี hopper สำหรับใส่เม็ดพลาสติก (pellets) ที่ผสมจากพลาสติกใหม่ 60% และเศษรีไซเคิล 40% จากนั้นเม็ดจะถูกทำให้ร้อนและดันออกทางหัวฉีด ก่อนจะถูก puller ดึงออกเป็นเส้นฟิลาเมนต์ต่อเนื่อง มีพัดลมช่วยทำให้เส้นเย็นตัวเร็วและแข็งแรงขึ้น ผู้ใช้สามารถติดตั้ง gauge meter เพื่อตรวจสอบเส้นผ่านศูนย์กลางของฟิลาเมนต์แบบเรียลไทม์ได้.

    จุดเด่นและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้
    เครื่องนี้ถูกออกแบบให้ พกพาได้ มีหูหิ้วสำหรับเคลื่อนย้าย และมีคู่มือการประกอบพร้อมวิดีโอสอนการใช้งาน ExtrudeX ไม่ได้ขายเป็นเครื่องสำเร็จ แต่ขายเป็น blueprint และไฟล์ STL ผ่าน Kickstarter โดยราคาเริ่มต้นที่ 49 ดอลลาร์สำหรับผู้สนับสนุนทั่วไป และ 109 ดอลลาร์สำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิ์เชิงพาณิชย์.

    ผลกระทบต่อวงการ 3D Printing
    แม้ ExtrudeX จะยังไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดขยะพลาสติกในงานพิมพ์ 3 มิติ และช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองสร้างฟิลาเมนต์เองได้ที่บ้าน ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง Maker Culture และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติของ ExtrudeX
    สร้างได้เองจากไฟล์ STL และฮาร์ดแวร์ราคาประหยัด
    ใช้เม็ดพลาสติกผสม 60% ใหม่ + 40% รีไซเคิล
    มีระบบ puller และพัดลมช่วยให้เส้นฟิลาเมนต์แข็งแรง

    การทำงานและการใช้งาน
    Hopper ใส่เม็ดพลาสติก → barrel ทำให้ร้อน → nozzle ดันออก
    Puller ดึงเส้นต่อเนื่องและ gauge meter ตรวจสอบขนาด
    พกพาได้ มีหูหิ้วและคู่มือการประกอบ

    Kickstarter Campaign
    ราคาเริ่มต้น 49 ดอลลาร์สำหรับ blueprint
    109 ดอลลาร์สำหรับสิทธิ์เชิงพาณิชย์
    มีการสนับสนุนแบบ one-on-one และวิดีโอสอน

    ผลกระทบต่อวงการ
    ลดขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติ
    เปิดโอกาสให้ Maker สร้างฟิลาเมนต์เองที่บ้าน
    เป็นแนวทางใหม่ในการรีไซเคิลที่เข้าถึงง่าย

    ข้อควรระวัง
    ไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% (ต้องผสมพลาสติกใหม่)
    คุณภาพฟิลาเมนต์อาจยังไม่เสถียรเท่าเชิงพาณิชย์
    ต้องบดเศษพลาสติกให้เป็นเม็ดก่อนใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/the-extrudex-machine-wants-to-turn-your-3d-printing-waste-into-reusable-filament-all-at-home-this-kickstarter-project-is-itself-3d-printable-with-minimal-hardware-costs
    ♻️ ExtrudeX: เครื่องรีไซเคิลฟิลาเมนต์สำหรับบ้าน ExtrudeX ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติที่มักเกิดจาก supports, failed prints และเศษเหลือใช้ โดยผู้ใช้สามารถสร้างเครื่องนี้เองจากไฟล์ STL ที่ทีมงาน Creative3DP แจกให้ พร้อมซื้ออุปกรณ์เสริมเช่น มอเตอร์, ตัวควบคุมอุณหภูมิ และพัดลม ในราคาประมาณ 180–250 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าถูกกว่าการซื้อเครื่องรีไซเคิลเชิงพาณิชย์หลายเท่า. ⚙️ วิธีการทำงาน เครื่อง ExtrudeX มี hopper สำหรับใส่เม็ดพลาสติก (pellets) ที่ผสมจากพลาสติกใหม่ 60% และเศษรีไซเคิล 40% จากนั้นเม็ดจะถูกทำให้ร้อนและดันออกทางหัวฉีด ก่อนจะถูก puller ดึงออกเป็นเส้นฟิลาเมนต์ต่อเนื่อง มีพัดลมช่วยทำให้เส้นเย็นตัวเร็วและแข็งแรงขึ้น ผู้ใช้สามารถติดตั้ง gauge meter เพื่อตรวจสอบเส้นผ่านศูนย์กลางของฟิลาเมนต์แบบเรียลไทม์ได้. 💡 จุดเด่นและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ เครื่องนี้ถูกออกแบบให้ พกพาได้ มีหูหิ้วสำหรับเคลื่อนย้าย และมีคู่มือการประกอบพร้อมวิดีโอสอนการใช้งาน ExtrudeX ไม่ได้ขายเป็นเครื่องสำเร็จ แต่ขายเป็น blueprint และไฟล์ STL ผ่าน Kickstarter โดยราคาเริ่มต้นที่ 49 ดอลลาร์สำหรับผู้สนับสนุนทั่วไป และ 109 ดอลลาร์สำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิ์เชิงพาณิชย์. 🌍 ผลกระทบต่อวงการ 3D Printing แม้ ExtrudeX จะยังไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดขยะพลาสติกในงานพิมพ์ 3 มิติ และช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองสร้างฟิลาเมนต์เองได้ที่บ้าน ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง Maker Culture และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติของ ExtrudeX ➡️ สร้างได้เองจากไฟล์ STL และฮาร์ดแวร์ราคาประหยัด ➡️ ใช้เม็ดพลาสติกผสม 60% ใหม่ + 40% รีไซเคิล ➡️ มีระบบ puller และพัดลมช่วยให้เส้นฟิลาเมนต์แข็งแรง ✅ การทำงานและการใช้งาน ➡️ Hopper ใส่เม็ดพลาสติก → barrel ทำให้ร้อน → nozzle ดันออก ➡️ Puller ดึงเส้นต่อเนื่องและ gauge meter ตรวจสอบขนาด ➡️ พกพาได้ มีหูหิ้วและคู่มือการประกอบ ✅ Kickstarter Campaign ➡️ ราคาเริ่มต้น 49 ดอลลาร์สำหรับ blueprint ➡️ 109 ดอลลาร์สำหรับสิทธิ์เชิงพาณิชย์ ➡️ มีการสนับสนุนแบบ one-on-one และวิดีโอสอน ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ ลดขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติ ➡️ เปิดโอกาสให้ Maker สร้างฟิลาเมนต์เองที่บ้าน ➡️ เป็นแนวทางใหม่ในการรีไซเคิลที่เข้าถึงง่าย ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% (ต้องผสมพลาสติกใหม่) ⛔ คุณภาพฟิลาเมนต์อาจยังไม่เสถียรเท่าเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องบดเศษพลาสติกให้เป็นเม็ดก่อนใช้งาน https://www.tomshardware.com/3d-printing/the-extrudex-machine-wants-to-turn-your-3d-printing-waste-into-reusable-filament-all-at-home-this-kickstarter-project-is-itself-3d-printable-with-minimal-hardware-costs
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • HDD ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส

    ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) กำลังกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากราคาสัญญาเพิ่มขึ้นกว่า 4% ในไตรมาส 4 ปี 2025 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสติดต่อกัน ปัจจัยสำคัญมาจาก ความต้องการในจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาล.

    จีนหนุนตลาด HDD
    นโยบายจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจีนที่เน้นใช้ CPU และระบบปฏิบัติการที่ผลิตในประเทศ ทำให้การผลิต PC ภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด เหตุผลสำคัญคือความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลระยะยาวใน SSD ที่อาจเสื่อมสภาพจาก NAND flash memory เมื่อเก็บไว้นาน ทำให้ HDD ถูกมองว่าเชื่อถือได้มากกว่าในบางกรณี.

    ศูนย์ข้อมูล AI ดันความต้องการ
    ในสหรัฐฯ ศูนย์ข้อมูลที่รองรับงาน AI และ Machine Learning ยังคงพึ่งพา HDD ขนาดใหญ่สำหรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล แม้ SSD จะมีความเร็วสูงกว่า แต่ HDD ยังคงได้เปรียบในด้าน ต้นทุนต่อกิกะไบต์ และความเหมาะสมในการเก็บข้อมูลแบบ cold/warm storage ส่งผลให้ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ยังคงสั่งซื้อ HDD ในปริมาณมหาศาล.

    ความท้าทายด้านการผลิต
    แม้ผู้ผลิต HDD จะเดินเครื่องเต็มกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทัน เนื่องจากการผลิต HDD ต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะทาง เช่น หัวอ่าน/เขียน และแผ่นบันทึกข้อมูล ที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้รวดเร็วเหมือน NAND flash การขาดแคลน DRAM ที่ใช้เป็น cache memory ก็ยิ่งเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส
    HDD contract prices เพิ่มขึ้น 4% ใน Q4 2025
    แนวโน้มราคายังมีแรงกดดันต่อเนื่อง

    ปัจจัยจากจีน
    นโยบายจัดซื้อ PC ในประเทศหนุนการผลิต
    ความกังวลเรื่อง SSD เก็บข้อมูลระยะยาว ทำให้ HDD ถูกเลือกมากขึ้น

    ปัจจัยจากสหรัฐฯ
    ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการ HDD ความจุสูง
    HDD ยังคงได้เปรียบด้านต้นทุนต่อกิกะไบต์

    ข้อจำกัดการผลิต
    ชิ้นส่วนเฉพาะทางทำให้การเพิ่มกำลังผลิตทำได้ช้า
    DRAM ขาดแคลนเพิ่มต้นทุนการผลิต HDD

    ข้อควรระวัง
    ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่องหากความต้องการยังพุ่ง
    การขาดแคลน DRAM และชิ้นส่วนสำคัญอาจทำให้ซัพพลายไม่ทัน
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แม้ HDD เคยเป็นตัวเลือกประหยัด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/hdd-prices-spike-as-ai-infrastructure-and-chinas-pc-push-collide-hard-drives-record-biggest-price-increase-in-eight-quarters-suppliers-warn-pressure-will-continue
    💾 HDD ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) กำลังกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากราคาสัญญาเพิ่มขึ้นกว่า 4% ในไตรมาส 4 ปี 2025 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสติดต่อกัน ปัจจัยสำคัญมาจาก ความต้องการในจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาล. 🇨🇳 จีนหนุนตลาด HDD นโยบายจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจีนที่เน้นใช้ CPU และระบบปฏิบัติการที่ผลิตในประเทศ ทำให้การผลิต PC ภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด เหตุผลสำคัญคือความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลระยะยาวใน SSD ที่อาจเสื่อมสภาพจาก NAND flash memory เมื่อเก็บไว้นาน ทำให้ HDD ถูกมองว่าเชื่อถือได้มากกว่าในบางกรณี. 🇺🇸 ศูนย์ข้อมูล AI ดันความต้องการ ในสหรัฐฯ ศูนย์ข้อมูลที่รองรับงาน AI และ Machine Learning ยังคงพึ่งพา HDD ขนาดใหญ่สำหรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล แม้ SSD จะมีความเร็วสูงกว่า แต่ HDD ยังคงได้เปรียบในด้าน ต้นทุนต่อกิกะไบต์ และความเหมาะสมในการเก็บข้อมูลแบบ cold/warm storage ส่งผลให้ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ยังคงสั่งซื้อ HDD ในปริมาณมหาศาล. ⚠️ ความท้าทายด้านการผลิต แม้ผู้ผลิต HDD จะเดินเครื่องเต็มกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทัน เนื่องจากการผลิต HDD ต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะทาง เช่น หัวอ่าน/เขียน และแผ่นบันทึกข้อมูล ที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้รวดเร็วเหมือน NAND flash การขาดแคลน DRAM ที่ใช้เป็น cache memory ก็ยิ่งเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ➡️ HDD contract prices เพิ่มขึ้น 4% ใน Q4 2025 ➡️ แนวโน้มราคายังมีแรงกดดันต่อเนื่อง ✅ ปัจจัยจากจีน ➡️ นโยบายจัดซื้อ PC ในประเทศหนุนการผลิต ➡️ ความกังวลเรื่อง SSD เก็บข้อมูลระยะยาว ทำให้ HDD ถูกเลือกมากขึ้น ✅ ปัจจัยจากสหรัฐฯ ➡️ ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการ HDD ความจุสูง ➡️ HDD ยังคงได้เปรียบด้านต้นทุนต่อกิกะไบต์ ✅ ข้อจำกัดการผลิต ➡️ ชิ้นส่วนเฉพาะทางทำให้การเพิ่มกำลังผลิตทำได้ช้า ➡️ DRAM ขาดแคลนเพิ่มต้นทุนการผลิต HDD ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่องหากความต้องการยังพุ่ง ⛔ การขาดแคลน DRAM และชิ้นส่วนสำคัญอาจทำให้ซัพพลายไม่ทัน ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แม้ HDD เคยเป็นตัวเลือกประหยัด https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/hdd-prices-spike-as-ai-infrastructure-and-chinas-pc-push-collide-hard-drives-record-biggest-price-increase-in-eight-quarters-suppliers-warn-pressure-will-continue
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • LG บังคับติดตั้ง Copilot บน Smart TV

    ผู้ใช้ LG Smart TV รายงานว่า หลังการอัปเดต webOS รุ่นใหม่ มีการเพิ่มแอป Microsoft Copilot บนหน้าจอหลักโดยไม่ถามความเห็น และไม่สามารถถอนการติดตั้งได้เหมือนแอปทั่วไป เช่น Netflix หรือ YouTube การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกแชร์บน Reddit และได้รับความสนใจอย่างมาก โดยโพสต์หนึ่งมีคนโหวตกว่า 35,000 ครั้ง.

    กลยุทธ์ “AI TV” ของ LG
    LG เคยประกาศที่งาน CES 2025 ว่าจะผนวก Copilot เข้ากับ webOS เพื่อเสริมประสบการณ์ AI Search และการแนะนำคอนเทนต์ ปัจจุบัน Copilot ที่ปรากฏบนทีวีทำงานเหมือน shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ มากกว่าจะเป็นแอปเนทีฟเต็มรูปแบบตามที่เคยโฆษณาไว้.

    ปัญหาที่ผู้ใช้กังวล
    สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือการที่ผู้ใช้ ไม่มีสิทธิ์เลือก LG ระบุว่าแอปบางตัวที่ติดตั้งมากับระบบไม่สามารถลบได้ แต่เพียงซ่อนเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ต้องการ และเพิ่มความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลและโฆษณา บน Smart TV.

    แนวโน้มในตลาด Smart TV
    ไม่ใช่แค่ LG ที่ทำเช่นนี้ บางรุ่นของ Samsung ก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบออกได้เช่นกัน สะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ผลิตทีวีพยายามผลักดันบริการ AI และโฆษณาเข้าสู่บ้านผู้บริโภค แม้จะไม่ได้รับการร้องขอโดยตรง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    LG อัปเดต webOS แล้วเพิ่ม Microsoft Copilot โดยอัตโนมัติ
    แอปถูกปักหมุดบนหน้าจอหลักและไม่สามารถถอนการติดตั้งได้

    กลยุทธ์ของ LG
    Copilot เป็นส่วนหนึ่งของแผน “AI TV”
    ใช้เป็น shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้ใช้ไม่สามารถลบ Copilot ได้
    ทำให้เกิดความไม่พอใจและวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์
    เพิ่มความกังวลเรื่องข้อมูลและโฆษณา

    แนวโน้มในตลาด
    Samsung บางรุ่นก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบได้
    สะท้อนการผลักดันบริการ AI โดยผู้ผลิตทีวี

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการติดตั้งแอปได้เต็มที่
    การบังคับใช้ฟีเจอร์อาจกระทบความเป็นส่วนตัว
    ทางเลือกเดียวคือการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเลี่ยงการใช้งาน Copilot

    https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-providers/lg-tv-update-adds-non-removable-microsoft-copilot-app-to-webos
    📺 LG บังคับติดตั้ง Copilot บน Smart TV ผู้ใช้ LG Smart TV รายงานว่า หลังการอัปเดต webOS รุ่นใหม่ มีการเพิ่มแอป Microsoft Copilot บนหน้าจอหลักโดยไม่ถามความเห็น และไม่สามารถถอนการติดตั้งได้เหมือนแอปทั่วไป เช่น Netflix หรือ YouTube การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกแชร์บน Reddit และได้รับความสนใจอย่างมาก โดยโพสต์หนึ่งมีคนโหวตกว่า 35,000 ครั้ง. 🤖 กลยุทธ์ “AI TV” ของ LG LG เคยประกาศที่งาน CES 2025 ว่าจะผนวก Copilot เข้ากับ webOS เพื่อเสริมประสบการณ์ AI Search และการแนะนำคอนเทนต์ ปัจจุบัน Copilot ที่ปรากฏบนทีวีทำงานเหมือน shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ มากกว่าจะเป็นแอปเนทีฟเต็มรูปแบบตามที่เคยโฆษณาไว้. ⚠️ ปัญหาที่ผู้ใช้กังวล สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือการที่ผู้ใช้ ไม่มีสิทธิ์เลือก LG ระบุว่าแอปบางตัวที่ติดตั้งมากับระบบไม่สามารถลบได้ แต่เพียงซ่อนเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ต้องการ และเพิ่มความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลและโฆษณา บน Smart TV. 🌐 แนวโน้มในตลาด Smart TV ไม่ใช่แค่ LG ที่ทำเช่นนี้ บางรุ่นของ Samsung ก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบออกได้เช่นกัน สะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ผลิตทีวีพยายามผลักดันบริการ AI และโฆษณาเข้าสู่บ้านผู้บริโภค แม้จะไม่ได้รับการร้องขอโดยตรง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ LG อัปเดต webOS แล้วเพิ่ม Microsoft Copilot โดยอัตโนมัติ ➡️ แอปถูกปักหมุดบนหน้าจอหลักและไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ ✅ กลยุทธ์ของ LG ➡️ Copilot เป็นส่วนหนึ่งของแผน “AI TV” ➡️ ใช้เป็น shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้ไม่สามารถลบ Copilot ได้ ➡️ ทำให้เกิดความไม่พอใจและวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ➡️ เพิ่มความกังวลเรื่องข้อมูลและโฆษณา ✅ แนวโน้มในตลาด ➡️ Samsung บางรุ่นก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบได้ ➡️ สะท้อนการผลักดันบริการ AI โดยผู้ผลิตทีวี ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการติดตั้งแอปได้เต็มที่ ⛔ การบังคับใช้ฟีเจอร์อาจกระทบความเป็นส่วนตัว ⛔ ทางเลือกเดียวคือการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเลี่ยงการใช้งาน Copilot https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-providers/lg-tv-update-adds-non-removable-microsoft-copilot-app-to-webos
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • Tetris บนท้องฟ้า: การแข่งขันครั้งแรกของโลก

    Red Bull Gaming จัดงาน Tetris World Final ที่เมืองดูไบ โดยใช้ Dubai Frame ซึ่งสูงกว่า 150 เมตรเป็นฉากหลัง พร้อมโดรน RGB 2,800 ลำสร้างบล็อก Tetrimino แบบเรียลไทม์ นี่คือครั้งแรกที่เกม Tetris ถูกเล่นจริงบนท้องฟ้า ผู้เข้าร่วมกว่า 60 ประเทศผ่านรอบคัดเลือกกว่า 7 ล้านเกม ก่อนจะเหลือผู้เล่นเพียงสองคนในรอบชิงชนะเลิศ.

    ผู้ชนะจากตุรกี
    ในรอบชิงชนะเลิศ Fehmi Atalar จากตุรกี เผชิญหน้ากับ Leo Solórzano จากเปรู โดย Solórzano ทำคะแนนได้ 57,164 แต่ Atalar ทำลายสถิติด้วยคะแนน 168,566 ภายในเวลา 5 นาที เขากล่าวว่านี่คือ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเล่น Tetris” และเป็นความสำเร็จที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้.

    งานระดับโลกที่รวมตำนานเกม
    งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขัน แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมเกม โดยมีการแสดงดนตรีสด, แขกรับเชิญพิเศษ และการปรากฏตัวของ Alexey Pajitnov ผู้สร้าง Tetris และ Henk Rogers ผู้เผยแพร่เกมสู่โลก ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความทรงจำและความยิ่งใหญ่.

    ความหมายต่อวงการเกม
    การใช้โดรนสร้างเกม Tetris บนท้องฟ้าเป็นการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยี, ศิลปะ และเกม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นการยกระดับ eSports และการแสดงสดให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งผู้เล่นและผู้ชมจะไม่มีวันลืม.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การแข่งขัน Tetris World Final
    จัดขึ้นที่ Dubai Frame สูง 150 เมตร
    ใช้โดรน RGB 2,800 ลำสร้างเกมแบบเรียลไทม์

    ผู้ชนะและผลคะแนน
    Fehmi Atalar จากตุรกีคว้าแชมป์
    ทำคะแนน 168,566 เทียบกับคู่แข่ง 57,164

    บรรยากาศงาน
    มีผู้เข้าร่วมจาก 60 ประเทศ
    การแสดงดนตรีสดและแขกรับเชิญพิเศษ
    ผู้สร้าง Tetris Alexey Pajitnov และ Henk Rogers เข้าร่วม

    ความหมายต่อวงการเกม
    เป็นครั้งแรกที่ Tetris ถูกเล่นบนท้องฟ้า
    ผสมผสานเทคโนโลยีและศิลปะเข้ากับ eSports
    สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดงานเกมระดับโลก

    ข้อควรระวัง
    การใช้โดรนจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอากาศ
    การจัดงานขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องใช้พลังงานและทรัพยากรสูง
    อาจไม่สามารถทำซ้ำได้ง่ายในสถานที่อื่น ๆ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคนิคและกฎหมาย

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/2-800-rgb-drones-turned-into-the-worlds-largest-ever-game-of-tetris-red-bull-tetris-world-final-lights-up-dubai-night-sky
    🎮 Tetris บนท้องฟ้า: การแข่งขันครั้งแรกของโลก Red Bull Gaming จัดงาน Tetris World Final ที่เมืองดูไบ โดยใช้ Dubai Frame ซึ่งสูงกว่า 150 เมตรเป็นฉากหลัง พร้อมโดรน RGB 2,800 ลำสร้างบล็อก Tetrimino แบบเรียลไทม์ นี่คือครั้งแรกที่เกม Tetris ถูกเล่นจริงบนท้องฟ้า ผู้เข้าร่วมกว่า 60 ประเทศผ่านรอบคัดเลือกกว่า 7 ล้านเกม ก่อนจะเหลือผู้เล่นเพียงสองคนในรอบชิงชนะเลิศ. 🏆 ผู้ชนะจากตุรกี ในรอบชิงชนะเลิศ Fehmi Atalar จากตุรกี เผชิญหน้ากับ Leo Solórzano จากเปรู โดย Solórzano ทำคะแนนได้ 57,164 แต่ Atalar ทำลายสถิติด้วยคะแนน 168,566 ภายในเวลา 5 นาที เขากล่าวว่านี่คือ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเล่น Tetris” และเป็นความสำเร็จที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้. 🌐 งานระดับโลกที่รวมตำนานเกม งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขัน แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมเกม โดยมีการแสดงดนตรีสด, แขกรับเชิญพิเศษ และการปรากฏตัวของ Alexey Pajitnov ผู้สร้าง Tetris และ Henk Rogers ผู้เผยแพร่เกมสู่โลก ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความทรงจำและความยิ่งใหญ่. ✨ ความหมายต่อวงการเกม การใช้โดรนสร้างเกม Tetris บนท้องฟ้าเป็นการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยี, ศิลปะ และเกม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นการยกระดับ eSports และการแสดงสดให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งผู้เล่นและผู้ชมจะไม่มีวันลืม. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การแข่งขัน Tetris World Final ➡️ จัดขึ้นที่ Dubai Frame สูง 150 เมตร ➡️ ใช้โดรน RGB 2,800 ลำสร้างเกมแบบเรียลไทม์ ✅ ผู้ชนะและผลคะแนน ➡️ Fehmi Atalar จากตุรกีคว้าแชมป์ ➡️ ทำคะแนน 168,566 เทียบกับคู่แข่ง 57,164 ✅ บรรยากาศงาน ➡️ มีผู้เข้าร่วมจาก 60 ประเทศ ➡️ การแสดงดนตรีสดและแขกรับเชิญพิเศษ ➡️ ผู้สร้าง Tetris Alexey Pajitnov และ Henk Rogers เข้าร่วม ✅ ความหมายต่อวงการเกม ➡️ เป็นครั้งแรกที่ Tetris ถูกเล่นบนท้องฟ้า ➡️ ผสมผสานเทคโนโลยีและศิลปะเข้ากับ eSports ➡️ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดงานเกมระดับโลก ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้โดรนจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอากาศ ⛔ การจัดงานขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องใช้พลังงานและทรัพยากรสูง ⛔ อาจไม่สามารถทำซ้ำได้ง่ายในสถานที่อื่น ๆ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคนิคและกฎหมาย https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/2-800-rgb-drones-turned-into-the-worlds-largest-ever-game-of-tetris-red-bull-tetris-world-final-lights-up-dubai-night-sky
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • Amazon เปิดตัว Graviton5: CPU 192-Core ที่ท้าชนยักษ์ใหญ่

    Amazon Web Services (AWS) ได้เปิดตัว Graviton5 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท โดยมาพร้อมกับ 192 Neoverse V3 cores และ 180 MB L3 cache ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 3nm-class ที่คาดว่าใช้โรงงานของ TSMC จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ CPU ระดับสูงของ AMD EPYC และ Intel Xeon ที่ครองตลาดศูนย์ข้อมูลมายาวนาน การเพิ่มจำนวนคอร์เป็นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้า ทำให้ AWS คาดการณ์ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% แม้ตัวเลขนี้จะถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่ใหญ่

    สถาปัตยกรรมใหม่และการจัดการ Cache
    Graviton5 เปลี่ยนจากการใช้ System-Level Cache (SLC) ในรุ่น Graviton4 มาเป็น L3 cache ขนาดใหญ่แบบกระจายตัว ซึ่งช่วยลดความหน่วงในการสื่อสารระหว่างคอร์ลงถึง 33% การออกแบบนี้ตอบโจทย์การขยายตัวของจำนวนคอร์ที่มหาศาล และยังช่วยให้การทำงานแบบ multi-tenant มีความเสถียรมากขึ้นในสภาพแวดล้อมคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นความสามารถในการรองรับงานขนาดใหญ่และซับซ้อน

    ความปลอดภัยและระบบ Nitro Isolation Engine
    AWS ยังได้เพิ่มระบบ Nitro Isolation Engine ซึ่งใช้การพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันการแยกการทำงานของ workload อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่มีการเข้าถึงจากผู้ปฏิบัติการของ AWS เอง นี่เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในคลาวด์ที่อาจดึงดูดลูกค้าองค์กรที่ต้องการความมั่นใจสูงสุด โดยเฉพาะผู้ที่เคยใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ on-premises

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการแข่งขัน
    การเปิดตัว Graviton5 ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับศักยภาพของ AWS เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาด CPU สำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งกำลังถูกขับเคลื่อนโดยความต้องการด้าน AI, Machine Learning และ Big Data การที่ AWS ลงทุนใน CPU ของตนเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทสามารถควบคุมทั้งด้านต้นทุนและประสิทธิภาพได้ดีกว่าการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติของ Graviton5
    192 Neoverse V3 cores ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm-class
    L3 cache ขนาด 180 MB เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากรุ่นก่อน
    ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% เมื่อเทียบกับ Graviton4

    การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่
    เปลี่ยนจาก SLC มาใช้ L3 cache แบบกระจายตัว
    ลด inter-core latency ลงถึง 33%
    รองรับงาน multi-tenant ได้เสถียรมากขึ้น

    ระบบความปลอดภัย
    ใช้ AWS Nitro System รุ่นใหม่
    เพิ่ม Nitro Isolation Engine เพื่อแยก workload อย่างปลอดภัย
    เน้น zero-operator-access model

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    แข่งขันโดยตรงกับ AMD EPYC และ Intel Xeon
    รองรับงาน AI, ML และ Big Data ได้ดียิ่งขึ้น
    เปิดตัวใน EC2 M9g instances และจะมีรุ่น C9g, R9g ในปี 2026

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    AWS ไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรมภายในทั้งหมด
    Memory bandwidth ต่อคอร์อาจต่ำกว่ารุ่นก่อน แม้มี cache ขนาดใหญ่
    การประเมินประสิทธิภาพ 25% อาจต่ำกว่าศักยภาพจริง แต่ยังไม่ชัดเจนในงานเฉพาะทาง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amazon-unveils-192-core-graviton5-cpu-with-massive-180-mb-l3-cache-in-tow-ambitious-server-silicon-challenges-high-end-amd-epyc-and-intel-xeon-in-the-cloud
    🖥️ Amazon เปิดตัว Graviton5: CPU 192-Core ที่ท้าชนยักษ์ใหญ่ Amazon Web Services (AWS) ได้เปิดตัว Graviton5 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท โดยมาพร้อมกับ 192 Neoverse V3 cores และ 180 MB L3 cache ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 3nm-class ที่คาดว่าใช้โรงงานของ TSMC จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ CPU ระดับสูงของ AMD EPYC และ Intel Xeon ที่ครองตลาดศูนย์ข้อมูลมายาวนาน การเพิ่มจำนวนคอร์เป็นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้า ทำให้ AWS คาดการณ์ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% แม้ตัวเลขนี้จะถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ ⚡ สถาปัตยกรรมใหม่และการจัดการ Cache Graviton5 เปลี่ยนจากการใช้ System-Level Cache (SLC) ในรุ่น Graviton4 มาเป็น L3 cache ขนาดใหญ่แบบกระจายตัว ซึ่งช่วยลดความหน่วงในการสื่อสารระหว่างคอร์ลงถึง 33% การออกแบบนี้ตอบโจทย์การขยายตัวของจำนวนคอร์ที่มหาศาล และยังช่วยให้การทำงานแบบ multi-tenant มีความเสถียรมากขึ้นในสภาพแวดล้อมคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นความสามารถในการรองรับงานขนาดใหญ่และซับซ้อน 🔒 ความปลอดภัยและระบบ Nitro Isolation Engine AWS ยังได้เพิ่มระบบ Nitro Isolation Engine ซึ่งใช้การพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันการแยกการทำงานของ workload อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่มีการเข้าถึงจากผู้ปฏิบัติการของ AWS เอง นี่เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในคลาวด์ที่อาจดึงดูดลูกค้าองค์กรที่ต้องการความมั่นใจสูงสุด โดยเฉพาะผู้ที่เคยใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ on-premises 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการแข่งขัน การเปิดตัว Graviton5 ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับศักยภาพของ AWS เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาด CPU สำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งกำลังถูกขับเคลื่อนโดยความต้องการด้าน AI, Machine Learning และ Big Data การที่ AWS ลงทุนใน CPU ของตนเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทสามารถควบคุมทั้งด้านต้นทุนและประสิทธิภาพได้ดีกว่าการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติของ Graviton5 ➡️ 192 Neoverse V3 cores ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm-class ➡️ L3 cache ขนาด 180 MB เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากรุ่นก่อน ➡️ ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% เมื่อเทียบกับ Graviton4 ✅ การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ ➡️ เปลี่ยนจาก SLC มาใช้ L3 cache แบบกระจายตัว ➡️ ลด inter-core latency ลงถึง 33% ➡️ รองรับงาน multi-tenant ได้เสถียรมากขึ้น ✅ ระบบความปลอดภัย ➡️ ใช้ AWS Nitro System รุ่นใหม่ ➡️ เพิ่ม Nitro Isolation Engine เพื่อแยก workload อย่างปลอดภัย ➡️ เน้น zero-operator-access model ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ แข่งขันโดยตรงกับ AMD EPYC และ Intel Xeon ➡️ รองรับงาน AI, ML และ Big Data ได้ดียิ่งขึ้น ➡️ เปิดตัวใน EC2 M9g instances และจะมีรุ่น C9g, R9g ในปี 2026 ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ AWS ไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรมภายในทั้งหมด ⛔ Memory bandwidth ต่อคอร์อาจต่ำกว่ารุ่นก่อน แม้มี cache ขนาดใหญ่ ⛔ การประเมินประสิทธิภาพ 25% อาจต่ำกว่าศักยภาพจริง แต่ยังไม่ชัดเจนในงานเฉพาะทาง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amazon-unveils-192-core-graviton5-cpu-with-massive-180-mb-l3-cache-in-tow-ambitious-server-silicon-challenges-high-end-amd-epyc-and-intel-xeon-in-the-cloud
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท

    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง

    ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม”
    การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ
    Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ
    TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ

    ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดมืด SIM การ์ด
    ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์
    ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย

    ราคาการยืนยันบัญชีปลอม
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์
    Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์
    TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม
    ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms)
    บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    📱 ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง 💸 ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม” การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น 💠 WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน 💠 Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ⚠️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์ 🛡️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดมืด SIM การ์ด ➡️ ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ➡️ ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย ✅ ราคาการยืนยันบัญชีปลอม ➡️ WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์ ➡️ Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์ ➡️ Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์ ➡️ TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์ ➡️ Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์ ‼️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง ⛔ ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม ⛔ ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ‼️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา ⛔ ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ⛔ บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How much does an army of bots cost? How likes and clout are bought
    Research has shown how SIM cards from the grey market are powering bot armies that fill social media with fake likes and comments to manipulate users and deliberately steer trends. A dollar gets you a dozen fake and 'verified' Facebook accounts posting on your behalf.
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • Nvidia ขยายอาณาจักรโอเพ่นซอร์ส

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 Nvidia ประกาศเข้าซื้อบริษัท SchedMD ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Slurm ระบบจัดการงาน (job scheduler) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Nvidia ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้าน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันกับบริษัทจีนและผู้เล่นรายใหม่ทวีความรุนแรงขึ้น

    บทบาทของ Slurm ในโลก AI
    Slurm เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ช่วยจัดการการทำงานของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล เช่น การแบ่งทรัพยากร การจัดลำดับงาน และการตรวจสอบสถานะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ Nvidia ระบุว่า Slurm จะยังคงเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สต่อไป แต่บริษัทจะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา เพื่อให้ผู้พัฒนาและองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    กลยุทธ์การแข่งขันของ Nvidia
    นอกจากการซื้อ SchedMD แล้ว Nvidia ยังเปิดตัว ชุดโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สใหม่ ที่เร็วและถูกกว่ารุ่นก่อนหน้า เพื่อรับมือกับการไหลบ่าเข้ามาของโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Nvidia ที่จะไม่เพียงขายฮาร์ดแวร์ GPU แต่ยังสร้างระบบนิเวศซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ตั้งแต่ CUDA ไปจนถึงเครื่องมือจัดการงานและโมเดล AI

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเข้าซื้อ SchedMD อาจทำให้ Nvidia กลายเป็นผู้เล่นที่มีอำนาจมากขึ้นในตลาด AI เพราะสามารถควบคุมทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางส่วนกังวลว่าการรวมศูนย์เช่นนี้อาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องพึ่งพา Nvidia มากเกินไป แม้บริษัทจะยืนยันว่าจะยังคงรักษาความเปิดกว้างของ Slurm ก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    Nvidia เข้าซื้อ SchedMD
    เสริมกลยุทธ์โอเพ่นซอร์ส AI และโครงสร้างพื้นฐานการฝึกโมเดล

    Slurm ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส
    ใช้จัดการงานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก
    Nvidia จะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและบำรุงรักษา

    กลยุทธ์ใหม่ของ Nvidia
    เปิดตัวโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สรุ่นใหม่ที่เร็วและถูกกว่า
    แข่งขันกับโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน

    ข้อกังวลจากชุมชน
    การรวมศูนย์อาจทำให้ผู้ใช้พึ่งพา Nvidia มากเกินไป
    เสี่ยงต่อการลดความหลากหลายของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/nvidia-buys-ai-software-provider-schedmd-to-expand-open-source-ai-push
    💻 Nvidia ขยายอาณาจักรโอเพ่นซอร์ส เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 Nvidia ประกาศเข้าซื้อบริษัท SchedMD ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Slurm ระบบจัดการงาน (job scheduler) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Nvidia ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้าน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันกับบริษัทจีนและผู้เล่นรายใหม่ทวีความรุนแรงขึ้น ⚙️ บทบาทของ Slurm ในโลก AI Slurm เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ช่วยจัดการการทำงานของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล เช่น การแบ่งทรัพยากร การจัดลำดับงาน และการตรวจสอบสถานะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ Nvidia ระบุว่า Slurm จะยังคงเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สต่อไป แต่บริษัทจะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา เพื่อให้ผู้พัฒนาและองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📈 กลยุทธ์การแข่งขันของ Nvidia นอกจากการซื้อ SchedMD แล้ว Nvidia ยังเปิดตัว ชุดโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สใหม่ ที่เร็วและถูกกว่ารุ่นก่อนหน้า เพื่อรับมือกับการไหลบ่าเข้ามาของโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Nvidia ที่จะไม่เพียงขายฮาร์ดแวร์ GPU แต่ยังสร้างระบบนิเวศซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ตั้งแต่ CUDA ไปจนถึงเครื่องมือจัดการงานและโมเดล AI 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเข้าซื้อ SchedMD อาจทำให้ Nvidia กลายเป็นผู้เล่นที่มีอำนาจมากขึ้นในตลาด AI เพราะสามารถควบคุมทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางส่วนกังวลว่าการรวมศูนย์เช่นนี้อาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องพึ่งพา Nvidia มากเกินไป แม้บริษัทจะยืนยันว่าจะยังคงรักษาความเปิดกว้างของ Slurm ก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Nvidia เข้าซื้อ SchedMD ➡️ เสริมกลยุทธ์โอเพ่นซอร์ส AI และโครงสร้างพื้นฐานการฝึกโมเดล ✅ Slurm ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ ใช้จัดการงานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ➡️ Nvidia จะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและบำรุงรักษา ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Nvidia ➡️ เปิดตัวโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สรุ่นใหม่ที่เร็วและถูกกว่า ➡️ แข่งขันกับโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน ‼️ ข้อกังวลจากชุมชน ⛔ การรวมศูนย์อาจทำให้ผู้ใช้พึ่งพา Nvidia มากเกินไป ⛔ เสี่ยงต่อการลดความหลากหลายของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/nvidia-buys-ai-software-provider-schedmd-to-expand-open-source-ai-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia buys AI software provider SchedMD to expand open-source AI push
    Dec 15 (Reuters) - Nvidia said on Monday it acquired AI software firm SchedMD, as the chip designer doubles down on open-source technology and steps up investments in the artificial intelligence ecosystem to fend off rising competition.
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • Hashcards: เครื่องมือทบทวนความรู้แบบเรียบง่าย

    บทความจาก borretti.me แนะนำ Hashcards ซึ่งเป็นระบบ Spaced Repetition ที่ใช้ไฟล์ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูลการ์ดคำถาม-คำตอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและแก้ไขได้ง่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมซับซ้อนหรือฐานข้อมูลปิด การออกแบบนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถใช้เครื่องมือใดก็ได้ที่รองรับข้อความธรรมดา เช่น Git หรือโปรแกรมแก้ไขข้อความทั่วไป

    จุดเด่นของ Hashcards
    Hashcards ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งใสและความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถดูและแก้ไขข้อมูลการ์ดได้โดยตรง ไม่ต้องกังวลเรื่องการล็อกอินหรือการผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ อีกทั้งยังสามารถซิงก์ไฟล์กับระบบควบคุมเวอร์ชัน เช่น Git เพื่อเก็บประวัติการเรียนรู้และแชร์กับผู้อื่นได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการใช้ อัลกอริทึม Spaced Repetition ที่ช่วยให้การทบทวนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเน้นการทบทวนในช่วงเวลาที่เหมาะสม

    หลักการสำคัญของ Spaced Repetition
    Spacing Effect: งานวิจัยด้านจิตวิทยาพบว่า การทบทวนข้อมูลแบบเว้นระยะ (เช่น 1 วัน, 3 วัน, 1 สัปดาห์) จะช่วยให้สมองจดจำได้ดีกว่าการท่องจำติดกันในช่วงสั้นๆ
    Active Recall: การดึงข้อมูลออกมาใช้จริง เช่น การตอบคำถามหรือทำแฟลชการ์ด จะช่วยให้สมองสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแรงกว่าการอ่านซ้ำเฉยๆ
    Feedback: แอปมักให้ผลตอบกลับทันทีว่าคุณจำถูกหรือผิด ซึ่งช่วยปรับการเรียนรู้ให้แม่นยำขึ้น
    Prioritization: เน้นทบทวนสิ่งที่จำยากบ่อยกว่า ส่วนสิ่งที่จำได้แล้วจะถูกเลื่อนออกไปทบทวนห่างขึ้น

    ความแตกต่างจากระบบปิด
    ต่างจากแอป Spaced Repetition ที่นิยมอย่าง Anki หรือ Quizlet ซึ่งมักใช้ฐานข้อมูลเฉพาะและมีข้อจำกัดในการเข้าถึง Hashcards เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญเสียข้อมูลหากแพลตฟอร์มปิดตัวลง อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการเรียนรู้ได้ตามความต้องการ โดยไม่ถูกจำกัดด้วย UI หรือฟีเจอร์ที่ตายตัว

    ผลกระทบต่อการเรียนรู้และชุมชน
    Hashcards เป็นตัวอย่างของการนำแนวคิดโอเพ่นซอร์สมาประยุกต์ใช้กับการศึกษา ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างระบบทบทวนที่เหมาะกับตนเองได้จริง และยังเปิดโอกาสให้ชุมชนร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง หรือแชร์ชุดการ์ดความรู้ได้อย่างอิสระ ถือเป็นการคืนอำนาจการเรียนรู้ให้กับผู้ใช้โดยตรง

    สรุปสาระสำคัญ
    คุณสมบัติของ Hashcards
    ใช้ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูล
    รองรับการซิงก์กับ Git และเครื่องมือทั่วไป

    ข้อดีของระบบ
    โปร่งใสและยืดหยุ่น
    ไม่ผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ
    ใช้อัลกอริทึม Spaced Repetition เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้

    ข้อควรระวัง
    ต้องการความเข้าใจพื้นฐานด้านการจัดการไฟล์และข้อความ
    อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ UI สำเร็จรูปและใช้งานง่ายทันที

    https://borretti.me/article/hashcards-plain-text-spaced-repetition
    📝 Hashcards: เครื่องมือทบทวนความรู้แบบเรียบง่าย บทความจาก borretti.me แนะนำ Hashcards ซึ่งเป็นระบบ Spaced Repetition ที่ใช้ไฟล์ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูลการ์ดคำถาม-คำตอบ ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและแก้ไขได้ง่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมซับซ้อนหรือฐานข้อมูลปิด การออกแบบนี้ช่วยให้ผู้เรียนสามารถใช้เครื่องมือใดก็ได้ที่รองรับข้อความธรรมดา เช่น Git หรือโปรแกรมแก้ไขข้อความทั่วไป ⚡ จุดเด่นของ Hashcards Hashcards ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งใสและความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถดูและแก้ไขข้อมูลการ์ดได้โดยตรง ไม่ต้องกังวลเรื่องการล็อกอินหรือการผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ อีกทั้งยังสามารถซิงก์ไฟล์กับระบบควบคุมเวอร์ชัน เช่น Git เพื่อเก็บประวัติการเรียนรู้และแชร์กับผู้อื่นได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการใช้ อัลกอริทึม Spaced Repetition ที่ช่วยให้การทบทวนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเน้นการทบทวนในช่วงเวลาที่เหมาะสม 🧠 หลักการสำคัญของ Spaced Repetition 💠 Spacing Effect: งานวิจัยด้านจิตวิทยาพบว่า การทบทวนข้อมูลแบบเว้นระยะ (เช่น 1 วัน, 3 วัน, 1 สัปดาห์) จะช่วยให้สมองจดจำได้ดีกว่าการท่องจำติดกันในช่วงสั้นๆ 💠 Active Recall: การดึงข้อมูลออกมาใช้จริง เช่น การตอบคำถามหรือทำแฟลชการ์ด จะช่วยให้สมองสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแรงกว่าการอ่านซ้ำเฉยๆ 💠 Feedback: แอปมักให้ผลตอบกลับทันทีว่าคุณจำถูกหรือผิด ซึ่งช่วยปรับการเรียนรู้ให้แม่นยำขึ้น 💠 Prioritization: เน้นทบทวนสิ่งที่จำยากบ่อยกว่า ส่วนสิ่งที่จำได้แล้วจะถูกเลื่อนออกไปทบทวนห่างขึ้น 🔒 ความแตกต่างจากระบบปิด ต่างจากแอป Spaced Repetition ที่นิยมอย่าง Anki หรือ Quizlet ซึ่งมักใช้ฐานข้อมูลเฉพาะและมีข้อจำกัดในการเข้าถึง Hashcards เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญเสียข้อมูลหากแพลตฟอร์มปิดตัวลง อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบการเรียนรู้ได้ตามความต้องการ โดยไม่ถูกจำกัดด้วย UI หรือฟีเจอร์ที่ตายตัว 🌍 ผลกระทบต่อการเรียนรู้และชุมชน Hashcards เป็นตัวอย่างของการนำแนวคิดโอเพ่นซอร์สมาประยุกต์ใช้กับการศึกษา ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างระบบทบทวนที่เหมาะกับตนเองได้จริง และยังเปิดโอกาสให้ชุมชนร่วมกันพัฒนา ปรับปรุง หรือแชร์ชุดการ์ดความรู้ได้อย่างอิสระ ถือเป็นการคืนอำนาจการเรียนรู้ให้กับผู้ใช้โดยตรง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คุณสมบัติของ Hashcards ➡️ ใช้ Plain Text ในการจัดเก็บข้อมูล ➡️ รองรับการซิงก์กับ Git และเครื่องมือทั่วไป ✅ ข้อดีของระบบ ➡️ โปร่งใสและยืดหยุ่น ➡️ ไม่ผูกติดกับแพลตฟอร์มใดๆ ➡️ ใช้อัลกอริทึม Spaced Repetition เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ต้องการความเข้าใจพื้นฐานด้านการจัดการไฟล์และข้อความ ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ UI สำเร็จรูปและใช้งานง่ายทันที https://borretti.me/article/hashcards-plain-text-spaced-repetition
    BORRETTI.ME
    Hashcards: A Plain-Text Spaced Repetition System
    Announcing my latest open-source project.
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • Adafruit โต้ Arduino หลังเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานใหม่ที่ถูกมองว่า “ไม่สอดคล้องกับโอเพ่นซอร์ส”

    หลังจากที่ Arduino ถูก Qualcomm เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปรับปรุง Terms and Conditions ใหม่ ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ใช้ทำการ Reverse Engineering บริการคลาวด์, การกำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด และการเพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ภายในแพลตฟอร์ม ข้อกำหนดเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส โดยเฉพาะคู่แข่งอย่าง Adafruit ที่มองว่ากฎใหม่เป็นการจำกัดเสรีภาพของผู้ใช้

    มุมมองจาก Arduino และ Adafruit
    Arduino ชี้แจงว่าการห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะกับ บริการ SaaS บนคลาวด์ ไม่ได้กระทบกับบอร์ดหรือเฟิร์มแวร์ที่ยังคงเปิดซอร์สเหมือนเดิม ขณะที่ Adafruit โดยผู้ก่อตั้ง Limor “Ladyada” Fried โต้ว่า การบังคับให้ผู้ใช้พึ่งพาเครื่องมือบนคลาวด์เป็นการจำกัดทางเลือก และทำให้การอ้างว่า “ยังคงโอเพ่นซอร์ส” ไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ใช้ใหม่จำนวนมากถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือออนไลน์เป็นหลัก

    ประเด็นด้านสิทธิ์และข้อมูลผู้ใช้
    หนึ่งในข้อถกเถียงใหญ่คือการที่ Arduino กำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบ Irrevocable License เหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด เช่น โค้ดหรือโปรเจกต์ แม้ Arduino ยืนยันว่าผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของเนื้อหา แต่สิทธิ์ที่ให้บริษัทถือครองอย่างถาวรทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่สามารถเพิกถอนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลผู้ใช้และการตรวจสอบการใช้งาน AI ที่อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    Adafruit และนักวิจัยจาก EFF เตือนว่าการเพิ่มข้อจำกัดเช่นนี้อาจทำให้ Arduino สูญเสียความเชื่อมั่นจากชุมชนผู้พัฒนาและนักเรียนที่เคยใช้บอร์ด Arduino เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้แบบเปิด หากบริษัทต้องการควบคุมการใช้งานมากขึ้น ควรซื่อสัตย์และประกาศว่าเป็น “Source-Available” ไม่ใช่โอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของ Arduino
    ห้าม Reverse Engineering บริการคลาวด์
    กำหนดสิทธิ์การใช้งานถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด
    เพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI

    การชี้แจงจาก Arduino
    ยืนยันว่าบอร์ดและเฟิร์มแวร์ยังคงเปิดซอร์ส
    การห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะบริการ SaaS

    ข้อกังวลจาก Adafruit และชุมชน
    ผู้ใช้ใหม่ถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือคลาวด์เป็นหลัก
    สิทธิ์การใช้งานถาวรอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลเชิงพาณิชย์
    การตรวจสอบ AI อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่ออนาคตโอเพ่นซอร์ส
    เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาและนักเรียน
    อาจต้องเปลี่ยนการนิยามเป็น “Source-Available” แทนโอเพ่นซอร์ส

    https://thenewstack.io/adafruit-arduinos-rules-are-incompatible-with-open-source/
    ⚡ Adafruit โต้ Arduino หลังเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานใหม่ที่ถูกมองว่า “ไม่สอดคล้องกับโอเพ่นซอร์ส” หลังจากที่ Arduino ถูก Qualcomm เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปรับปรุง Terms and Conditions ใหม่ ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ใช้ทำการ Reverse Engineering บริการคลาวด์, การกำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด และการเพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ภายในแพลตฟอร์ม ข้อกำหนดเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส โดยเฉพาะคู่แข่งอย่าง Adafruit ที่มองว่ากฎใหม่เป็นการจำกัดเสรีภาพของผู้ใช้ 🧩 มุมมองจาก Arduino และ Adafruit Arduino ชี้แจงว่าการห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะกับ บริการ SaaS บนคลาวด์ ไม่ได้กระทบกับบอร์ดหรือเฟิร์มแวร์ที่ยังคงเปิดซอร์สเหมือนเดิม ขณะที่ Adafruit โดยผู้ก่อตั้ง Limor “Ladyada” Fried โต้ว่า การบังคับให้ผู้ใช้พึ่งพาเครื่องมือบนคลาวด์เป็นการจำกัดทางเลือก และทำให้การอ้างว่า “ยังคงโอเพ่นซอร์ส” ไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ใช้ใหม่จำนวนมากถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือออนไลน์เป็นหลัก 🔒 ประเด็นด้านสิทธิ์และข้อมูลผู้ใช้ หนึ่งในข้อถกเถียงใหญ่คือการที่ Arduino กำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบ Irrevocable License เหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด เช่น โค้ดหรือโปรเจกต์ แม้ Arduino ยืนยันว่าผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของเนื้อหา แต่สิทธิ์ที่ให้บริษัทถือครองอย่างถาวรทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่สามารถเพิกถอนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลผู้ใช้และการตรวจสอบการใช้งาน AI ที่อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง 🌍 ผลกระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส Adafruit และนักวิจัยจาก EFF เตือนว่าการเพิ่มข้อจำกัดเช่นนี้อาจทำให้ Arduino สูญเสียความเชื่อมั่นจากชุมชนผู้พัฒนาและนักเรียนที่เคยใช้บอร์ด Arduino เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้แบบเปิด หากบริษัทต้องการควบคุมการใช้งานมากขึ้น ควรซื่อสัตย์และประกาศว่าเป็น “Source-Available” ไม่ใช่โอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของ Arduino ➡️ ห้าม Reverse Engineering บริการคลาวด์ ➡️ กำหนดสิทธิ์การใช้งานถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด ➡️ เพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ✅ การชี้แจงจาก Arduino ➡️ ยืนยันว่าบอร์ดและเฟิร์มแวร์ยังคงเปิดซอร์ส ➡️ การห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะบริการ SaaS ‼️ ข้อกังวลจาก Adafruit และชุมชน ⛔ ผู้ใช้ใหม่ถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือคลาวด์เป็นหลัก ⛔ สิทธิ์การใช้งานถาวรอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลเชิงพาณิชย์ ⛔ การตรวจสอบ AI อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบต่ออนาคตโอเพ่นซอร์ส ➡️ เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาและนักเรียน ➡️ อาจต้องเปลี่ยนการนิยามเป็น “Source-Available” แทนโอเพ่นซอร์ส https://thenewstack.io/adafruit-arduinos-rules-are-incompatible-with-open-source/
    THENEWSTACK.IO
    Adafruit: Arduino's Rules Are 'Incompatible With Open Source'
    Arduino has defended the changes, claiming its commitment to open source hardware remains unchanged.
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • ทัวร์เกาหลี เที่ยวโซล
    เดินทาง มิ.ย. - ก.ค. 69 10,999

    🗓 จำนวนวัน 6 วัน 4 คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    AURORA MEDIA SHOW
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์เกาหลี เที่ยวโซล 🇰🇷 🗓️ เดินทาง มิ.ย. - ก.ค. 69 😍 10,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 6 วัน 4 คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 AURORA MEDIA SHOW 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 0 Reviews
  • AI แทนแรงงาน: คำถามใหม่ด้านเศรษฐกิจและสังคม

    บทความจาก El País ตั้งคำถามสำคัญว่า หาก AI เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม ควรมีการเก็บภาษีจาก AI หรือไม่ เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่รัฐสูญเสียไปจากการลดลงของแรงงานมนุษย์ และเพื่อสนับสนุนระบบสวัสดิการสังคมที่ต้องรองรับผู้ที่ตกงานจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

    มุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์และนักการเมือง
    นักเศรษฐศาสตร์บางคนเสนอว่า การเก็บภาษีจาก AI หรือบริษัทที่ใช้ AI อย่างเข้มข้น อาจช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรมทางสังคม แนวคิดนี้คล้ายกับการเก็บภาษีจากหุ่นยนต์ที่เคยถูกเสนอโดย Bill Gates เพื่อป้องกันไม่ให้การใช้เทคโนโลยีทำลายฐานภาษีของรัฐ ขณะเดียวกัน นักการเมืองบางฝ่ายกังวลว่าการเก็บภาษีเช่นนี้อาจ ชะลอการลงทุนและนวัตกรรม

    ความท้าทายในการบังคับใช้
    แม้แนวคิดดูสมเหตุสมผล แต่การบังคับใช้จริงกลับซับซ้อน เพราะต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และจะวัดการแทนที่แรงงานมนุษย์อย่างไร ตัวอย่างเช่น หากบริษัทใช้ AI เพียงบางส่วนในกระบวนการผลิต จะต้องเสียภาษีเท่าใด? อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่บริษัทจะหาทางเลี่ยงภาษีผ่านการจัดโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน

    ผลกระทบต่ออนาคตแรงงานและสังคม
    บทความชี้ว่า การถกเถียงเรื่องภาษี AI ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องความยุติธรรมทางสังคม หากไม่มีมาตรการรองรับ การแทนที่แรงงานมนุษย์ด้วย AI อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของรัฐในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิดการเก็บภาษี AI
    เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่หายไปจากแรงงานมนุษย์
    สนับสนุนระบบสวัสดิการสังคม

    ข้อเสนอจากนักเศรษฐศาสตร์
    คล้ายกับแนวคิดเก็บภาษีหุ่นยนต์ที่ Bill Gates เคยเสนอ
    ช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรม

    ความท้าทายในการบังคับใช้
    ต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และวัดผลแทนแรงงานอย่างไร
    เสี่ยงต่อการเลี่ยงภาษีจากบริษัท

    ผลกระทบต่อสังคม
    หากไม่มีมาตรการรองรับ อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำ
    ระบบสวัสดิการอาจถูกกดดันหนักขึ้นในอนาคต

    https://english.elpais.com/technology/2025-11-30/if-ai-replaces-workers-should-it-also-pay-taxes.html
    🤖 AI แทนแรงงาน: คำถามใหม่ด้านเศรษฐกิจและสังคม บทความจาก El País ตั้งคำถามสำคัญว่า หาก AI เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม ควรมีการเก็บภาษีจาก AI หรือไม่ เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่รัฐสูญเสียไปจากการลดลงของแรงงานมนุษย์ และเพื่อสนับสนุนระบบสวัสดิการสังคมที่ต้องรองรับผู้ที่ตกงานจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี 💼 มุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์และนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์บางคนเสนอว่า การเก็บภาษีจาก AI หรือบริษัทที่ใช้ AI อย่างเข้มข้น อาจช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรมทางสังคม แนวคิดนี้คล้ายกับการเก็บภาษีจากหุ่นยนต์ที่เคยถูกเสนอโดย Bill Gates เพื่อป้องกันไม่ให้การใช้เทคโนโลยีทำลายฐานภาษีของรัฐ ขณะเดียวกัน นักการเมืองบางฝ่ายกังวลว่าการเก็บภาษีเช่นนี้อาจ ชะลอการลงทุนและนวัตกรรม ⚖️ ความท้าทายในการบังคับใช้ แม้แนวคิดดูสมเหตุสมผล แต่การบังคับใช้จริงกลับซับซ้อน เพราะต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และจะวัดการแทนที่แรงงานมนุษย์อย่างไร ตัวอย่างเช่น หากบริษัทใช้ AI เพียงบางส่วนในกระบวนการผลิต จะต้องเสียภาษีเท่าใด? อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่บริษัทจะหาทางเลี่ยงภาษีผ่านการจัดโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตแรงงานและสังคม บทความชี้ว่า การถกเถียงเรื่องภาษี AI ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องความยุติธรรมทางสังคม หากไม่มีมาตรการรองรับ การแทนที่แรงงานมนุษย์ด้วย AI อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของรัฐในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิดการเก็บภาษี AI ➡️ เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่หายไปจากแรงงานมนุษย์ ➡️ สนับสนุนระบบสวัสดิการสังคม ✅ ข้อเสนอจากนักเศรษฐศาสตร์ ➡️ คล้ายกับแนวคิดเก็บภาษีหุ่นยนต์ที่ Bill Gates เคยเสนอ ➡️ ช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรม ‼️ ความท้าทายในการบังคับใช้ ⛔ ต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และวัดผลแทนแรงงานอย่างไร ⛔ เสี่ยงต่อการเลี่ยงภาษีจากบริษัท ‼️ ผลกระทบต่อสังคม ⛔ หากไม่มีมาตรการรองรับ อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำ ⛔ ระบบสวัสดิการอาจถูกกดดันหนักขึ้นในอนาคต https://english.elpais.com/technology/2025-11-30/if-ai-replaces-workers-should-it-also-pay-taxes.html
    ENGLISH.ELPAIS.COM
    If AI replaces workers, should it also pay taxes?
    The technological race among industry giants and the wave of layoffs they have announced has revived the debate about the advisability of taxing automation
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • การเขียนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI

    Marcus Olang’ เล่าว่าเขาเคยได้รับคำวิจารณ์ว่างานเขียนของเขา “เหมือน ChatGPT” และถูกขอให้ปรับให้มี “ความเป็นมนุษย์มากขึ้น” ทั้งที่จริงแล้วสไตล์การเขียนนั้นเป็นผลจากการฝึกฝนในระบบการศึกษาเคนยา ที่เน้นความเป็นทางการและโครงสร้างที่ชัดเจน เขาชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ถูกตีความว่าเป็น “ลายเซ็นของ AI” แท้จริงแล้วคือผลผลิตจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในห้องเรียนเคนยา

    รากฐานจากระบบการศึกษาและมรดกอาณานิคม
    เขาอธิบายว่าในโรงเรียนเคนยา การสอบเขียนเรียงความเป็นเหมือนพิธีกรรมสำคัญ นักเรียนถูกฝึกให้ใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย โครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน และการเชื่อมโยงที่เป็นระบบ สิ่งเหล่านี้สืบทอดมาจากการเรียนภาษาอังกฤษแบบ “Queen’s English” ที่ได้รับจากยุคอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือแสดงความมีการศึกษาและสถานะทางสังคม

    ความขัดแย้งกับเครื่องตรวจจับ AI
    Marcus ชี้ให้เห็นว่าเครื่องตรวจจับ AI มักใช้เกณฑ์ “perplexity” และ “burstiness” เพื่อตัดสินว่างานเขียนเป็นของมนุษย์หรือไม่ แต่ระบบการศึกษาเคนยากลับสอนให้นักเรียนเขียนอย่างมีตรรกะและคงเส้นคงวา ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เครื่องตรวจจับมองว่าเป็น “มนุษย์” ผลคือ งานเขียนของผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาอังกฤษโดยกำเนิด มักถูกตีความผิดว่าเป็นงานของ AI

    มุมมองต่อความเป็นมนุษย์ในงานเขียน
    เขาสรุปว่า การเขียนของเขาไม่ใช่ผลผลิตจากเครื่องจักร แต่เป็นผลจากประวัติศาสตร์ การศึกษา และความพยายามของมนุษย์ หากโลกยังใช้มาตรฐานที่แคบในการตัดสินว่าอะไรคือ “มนุษย์” ก็จะเป็นการกีดกันนักเขียนจากภูมิภาคอื่นที่มีรูปแบบการเขียนแตกต่างออกไป

    สรุปสาระสำคัญ
    ประสบการณ์ของ Marcus Olang’
    งานเขียนถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI เพราะมีโครงสร้างเป็นทางการและสมบูรณ์แบบ

    ระบบการศึกษาเคนยา
    เน้นการใช้คำศัพท์หลากหลายและโครงสร้างเรียงความที่เข้มงวด
    สืบทอดจากภาษาอังกฤษยุคอาณานิคม

    ปัญหาจากเครื่องตรวจจับ AI
    ใช้เกณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการเขียนของผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา
    เสี่ยงต่อการตีความผิดและลดคุณค่าของงานเขียนมนุษย์

    ข้อคิดสำคัญ
    งานเขียนที่ถูกมองว่า “เหมือน AI” อาจสะท้อนถึงวัฒนธรรมและการศึกษา
    ความเป็นมนุษย์ในงานเขียนควรถูกมองอย่างหลากหลาย ไม่ใช่จำกัดแค่สไตล์เดียว

    https://marcusolang.substack.com/p/im-kenyan-i-dont-write-like-chatgpt
    ✍️ การเขียนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI Marcus Olang’ เล่าว่าเขาเคยได้รับคำวิจารณ์ว่างานเขียนของเขา “เหมือน ChatGPT” และถูกขอให้ปรับให้มี “ความเป็นมนุษย์มากขึ้น” ทั้งที่จริงแล้วสไตล์การเขียนนั้นเป็นผลจากการฝึกฝนในระบบการศึกษาเคนยา ที่เน้นความเป็นทางการและโครงสร้างที่ชัดเจน เขาชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ถูกตีความว่าเป็น “ลายเซ็นของ AI” แท้จริงแล้วคือผลผลิตจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในห้องเรียนเคนยา 📚 รากฐานจากระบบการศึกษาและมรดกอาณานิคม เขาอธิบายว่าในโรงเรียนเคนยา การสอบเขียนเรียงความเป็นเหมือนพิธีกรรมสำคัญ นักเรียนถูกฝึกให้ใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย โครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน และการเชื่อมโยงที่เป็นระบบ สิ่งเหล่านี้สืบทอดมาจากการเรียนภาษาอังกฤษแบบ “Queen’s English” ที่ได้รับจากยุคอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือแสดงความมีการศึกษาและสถานะทางสังคม 🤖 ความขัดแย้งกับเครื่องตรวจจับ AI Marcus ชี้ให้เห็นว่าเครื่องตรวจจับ AI มักใช้เกณฑ์ “perplexity” และ “burstiness” เพื่อตัดสินว่างานเขียนเป็นของมนุษย์หรือไม่ แต่ระบบการศึกษาเคนยากลับสอนให้นักเรียนเขียนอย่างมีตรรกะและคงเส้นคงวา ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เครื่องตรวจจับมองว่าเป็น “มนุษย์” ผลคือ งานเขียนของผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาอังกฤษโดยกำเนิด มักถูกตีความผิดว่าเป็นงานของ AI 🌍 มุมมองต่อความเป็นมนุษย์ในงานเขียน เขาสรุปว่า การเขียนของเขาไม่ใช่ผลผลิตจากเครื่องจักร แต่เป็นผลจากประวัติศาสตร์ การศึกษา และความพยายามของมนุษย์ หากโลกยังใช้มาตรฐานที่แคบในการตัดสินว่าอะไรคือ “มนุษย์” ก็จะเป็นการกีดกันนักเขียนจากภูมิภาคอื่นที่มีรูปแบบการเขียนแตกต่างออกไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ประสบการณ์ของ Marcus Olang’ ➡️ งานเขียนถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI เพราะมีโครงสร้างเป็นทางการและสมบูรณ์แบบ ✅ ระบบการศึกษาเคนยา ➡️ เน้นการใช้คำศัพท์หลากหลายและโครงสร้างเรียงความที่เข้มงวด ➡️ สืบทอดจากภาษาอังกฤษยุคอาณานิคม ‼️ ปัญหาจากเครื่องตรวจจับ AI ⛔ ใช้เกณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการเขียนของผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา ⛔ เสี่ยงต่อการตีความผิดและลดคุณค่าของงานเขียนมนุษย์ ✅ ข้อคิดสำคัญ ➡️ งานเขียนที่ถูกมองว่า “เหมือน AI” อาจสะท้อนถึงวัฒนธรรมและการศึกษา ➡️ ความเป็นมนุษย์ในงานเขียนควรถูกมองอย่างหลากหลาย ไม่ใช่จำกัดแค่สไตล์เดียว https://marcusolang.substack.com/p/im-kenyan-i-dont-write-like-chatgpt
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • แอป MAGA Messaging App ที่ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด

    มีรายงานว่าแอปแชทที่ถูกโปรโมตว่าเป็น “Super Secure MAGA Messaging App” เกิดเหตุการณ์รั่วไหลครั้งใหญ่ โดยข้อมูล หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ทั้งหมด ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจอย่างมาก เพราะแอปดังกล่าวเคลมว่ามีระบบความปลอดภัยสูงและเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัว แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่นทันที

    สาเหตุและผลกระทบ
    การรั่วไหลครั้งนี้เกิดจาก การตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ ผลกระทบคือผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การโทรก่อกวน (Spam Calls), การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือแม้กระทั่งการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนตัวอื่นเพื่อสร้างการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น

    บทเรียนด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แอปจะโฆษณาว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หาก โครงสร้างระบบไม่ได้รับการตรวจสอบและป้องกันอย่างจริงจัง ก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า ผู้ใช้ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม และควรเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) รวมถึงหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวเกินความจำเป็น

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์รั่วไหลของแอป MAGA Messaging App
    ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้ทั้งหมดถูกเปิดเผย
    เกิดจากการตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    เสี่ยงต่อการถูกโทรก่อกวนและสแปม
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่งและการขโมยข้อมูลส่วนตัว

    บทเรียนด้านความปลอดภัย
    แอปที่โฆษณาว่าปลอดภัยอาจไม่จริง หากไม่มีการตรวจสอบระบบ
    ผู้ใช้ควรเปิดใช้งาน 2FA และระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัว

    https://ericdaigle.ca/posts/super-secure-maga-messaging-app-leaks-everyones-phone-number/
    📱 แอป MAGA Messaging App ที่ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด มีรายงานว่าแอปแชทที่ถูกโปรโมตว่าเป็น “Super Secure MAGA Messaging App” เกิดเหตุการณ์รั่วไหลครั้งใหญ่ โดยข้อมูล หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ทั้งหมด ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจอย่างมาก เพราะแอปดังกล่าวเคลมว่ามีระบบความปลอดภัยสูงและเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัว แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่นทันที 🔎 สาเหตุและผลกระทบ การรั่วไหลครั้งนี้เกิดจาก การตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ ผลกระทบคือผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การโทรก่อกวน (Spam Calls), การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือแม้กระทั่งการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนตัวอื่นเพื่อสร้างการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น ⚠️ บทเรียนด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แอปจะโฆษณาว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หาก โครงสร้างระบบไม่ได้รับการตรวจสอบและป้องกันอย่างจริงจัง ก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า ผู้ใช้ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม และควรเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) รวมถึงหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวเกินความจำเป็น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์รั่วไหลของแอป MAGA Messaging App ➡️ ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้ทั้งหมดถูกเปิดเผย ➡️ เกิดจากการตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ‼️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกโทรก่อกวนและสแปม ⛔ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่งและการขโมยข้อมูลส่วนตัว ‼️ บทเรียนด้านความปลอดภัย ⛔ แอปที่โฆษณาว่าปลอดภัยอาจไม่จริง หากไม่มีการตรวจสอบระบบ ⛔ ผู้ใช้ควรเปิดใช้งาน 2FA และระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัว https://ericdaigle.ca/posts/super-secure-maga-messaging-app-leaks-everyones-phone-number/
    ERICDAIGLE.CA
    "Super secure" MAGA-themed messaging app leaks everyone's phone number
    You can be, do, and have whatever you want, except for not spilling user information
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพุธที่ 17 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพุธที่ 17 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
More Results