เรื่องน่าคิด!
#thaitimes #sondhitalk #news1
ถ้าประเทศไทยเลือกนายก สส สว นายกอบจ. แบบอเมริกาจะเป็นอย่างไร?
ขอพูดถึงนายกก่อน ย้ำว่านายกไม่ใช้ปธน.!
ถ้าประเทศไทยเลือกนายกแบบอเมริกาโดยมี Electoral Vote สำหรับแต่ละจังหวัดโดยการจัดสรรจำนวน Electoral Vote ตามสัดส่วนประชากร โดยกทม.ก็จะต้องมีมากสุด (33 Electoral Vote ตามจำนวนสส. เขตในปัจจุบันอย่างเดียวเพราะไทยเป็นรัฐเดี่ยวไม่มีสว. 2 คนสำหรับแต่ละจังหวัดแบบเมกาและ
ก็ไม่นับสส.บช.รายชื่อ) เพราะกทมมีประชากรมากสุด
ในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ผู้ชนะกินรวบหมายความว่าถ้ากทม. มีประชากร 100 คนแล้ว 51 คนเลือกโทนี่ โทนี่ก็จะได้ 33 Electoral Vote ซึ่งจขกท. คิดว่าการที่มีคะแนนตกน้ำแบบนี้เหมาะกับเมืองไทยเพราจะทำให้การซื้อเสียงไม่มีประสิทธิภาพถ้าซื้อก็ต้องซื้อให้ชนะไปเลยไม่งั้นเจ๊งหมด ทุกคนเชื่อไหมว่าทุกคะแนนเสียงที่ได้กันมาทุกวันนี้บริสุทธิ์? จขกท. ไม่เชื่อ อีกอย่างผู้ที่จะเป็นนายกจะต้องได้ 201 Electoral Vote ขึ้นไปจากทั้งหมด 400 Electoral Vote พรรคเล็กพรรคน้อยก็จะหายไปเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถึง 201 อยู่แล้ว (ไม่ควรมีพรรคเล็กพรรคน้อยและไม่ควรมีคนครอบงำพรรคใหญ่ พรรคต้องใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่โปร่งใส)
แต่เท่านี้ยังไม่พอเพื่อป้องกันการครอบงำพรรคในการเลือกตั้งแต่ละครั้งทุกพรรคที่ลงสมัครชิงนายกต้องเสนอแคนดิเดตนายกสามคน โดยต้องมีการเปิดตัวสามคนนี้ให้ประชาชนรู้จัก โดยชื่อของสามคนนี้จะอยู่ในบัตรเลือกตั้งและจะมีโลโก้พรรคเหมือนกัน (ต้องย้ำประชาชนว่าเลือกได้คนเดียว) เช่น พรรคเพื่อสยามส่ง นายเอ นายบี นายซี ทั้ง 400เขตทั่วไทยเลือก นายเอ 160 เขต นายบี 41 เขต นายซี 0 เขต ก็แปลว่าพรรคเพื่อสยามได้เป็นนายกเพราะชนะแล้ว 201 เขต และนายกก็คือนายเอเพราะชนะจำนวนเขตมากสุด
การใช้ Electoral Vote จะทำให้นายกต้องเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหลายจังหวัดไม่ใช่เพียงแค่จังหวัดที่ตนมีฐานเสียงเยอะและต้องใส่ใจทุกจังหวัด
เพื่อป้องกันการครอบงำพรรคอีกชั้นควรห้ามไม่ให้ผู้ที่ชนะมาลาออกโดยไม่มีเหตุจำเป็นเช่นป่วย ทำผิดกฏหมาย หรือตายหากลาออกต้องมีโทษทางกฏหมายหรือไม่ก็ถือเป็นการสละตำแน่งนายกให้พรรคอันดับสองไปโดยอัตโนมัติเพราะถือว่าคุณได้ตัดสินใจลงเลือกตั้งแล้วแต่มารู้ทีหลังว่าตนไม่มีความสามารถก็ให้พรรคอันดับสองเป็นนายกไปเลย
ใครที่อยากเป็นนายกหรือเป็นนักการเมืองก็ต้องเข้ามาในระบบพรรคการเมืองไม่ต้องออกไปตั้งพรรคเอง ถ้าคิดว่าตนเจ๋งพอก็ทำงานพิสูจน์ให้สมาชิกพรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายก
#thaitimes #sondhitalk #news1
ถ้าประเทศไทยเลือกนายก สส สว นายกอบจ. แบบอเมริกาจะเป็นอย่างไร?
ขอพูดถึงนายกก่อน ย้ำว่านายกไม่ใช้ปธน.!
ถ้าประเทศไทยเลือกนายกแบบอเมริกาโดยมี Electoral Vote สำหรับแต่ละจังหวัดโดยการจัดสรรจำนวน Electoral Vote ตามสัดส่วนประชากร โดยกทม.ก็จะต้องมีมากสุด (33 Electoral Vote ตามจำนวนสส. เขตในปัจจุบันอย่างเดียวเพราะไทยเป็นรัฐเดี่ยวไม่มีสว. 2 คนสำหรับแต่ละจังหวัดแบบเมกาและ
ก็ไม่นับสส.บช.รายชื่อ) เพราะกทมมีประชากรมากสุด
ในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ผู้ชนะกินรวบหมายความว่าถ้ากทม. มีประชากร 100 คนแล้ว 51 คนเลือกโทนี่ โทนี่ก็จะได้ 33 Electoral Vote ซึ่งจขกท. คิดว่าการที่มีคะแนนตกน้ำแบบนี้เหมาะกับเมืองไทยเพราจะทำให้การซื้อเสียงไม่มีประสิทธิภาพถ้าซื้อก็ต้องซื้อให้ชนะไปเลยไม่งั้นเจ๊งหมด ทุกคนเชื่อไหมว่าทุกคะแนนเสียงที่ได้กันมาทุกวันนี้บริสุทธิ์? จขกท. ไม่เชื่อ อีกอย่างผู้ที่จะเป็นนายกจะต้องได้ 201 Electoral Vote ขึ้นไปจากทั้งหมด 400 Electoral Vote พรรคเล็กพรรคน้อยก็จะหายไปเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถึง 201 อยู่แล้ว (ไม่ควรมีพรรคเล็กพรรคน้อยและไม่ควรมีคนครอบงำพรรคใหญ่ พรรคต้องใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่โปร่งใส)
แต่เท่านี้ยังไม่พอเพื่อป้องกันการครอบงำพรรคในการเลือกตั้งแต่ละครั้งทุกพรรคที่ลงสมัครชิงนายกต้องเสนอแคนดิเดตนายกสามคน โดยต้องมีการเปิดตัวสามคนนี้ให้ประชาชนรู้จัก โดยชื่อของสามคนนี้จะอยู่ในบัตรเลือกตั้งและจะมีโลโก้พรรคเหมือนกัน (ต้องย้ำประชาชนว่าเลือกได้คนเดียว) เช่น พรรคเพื่อสยามส่ง นายเอ นายบี นายซี ทั้ง 400เขตทั่วไทยเลือก นายเอ 160 เขต นายบี 41 เขต นายซี 0 เขต ก็แปลว่าพรรคเพื่อสยามได้เป็นนายกเพราะชนะแล้ว 201 เขต และนายกก็คือนายเอเพราะชนะจำนวนเขตมากสุด
การใช้ Electoral Vote จะทำให้นายกต้องเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหลายจังหวัดไม่ใช่เพียงแค่จังหวัดที่ตนมีฐานเสียงเยอะและต้องใส่ใจทุกจังหวัด
เพื่อป้องกันการครอบงำพรรคอีกชั้นควรห้ามไม่ให้ผู้ที่ชนะมาลาออกโดยไม่มีเหตุจำเป็นเช่นป่วย ทำผิดกฏหมาย หรือตายหากลาออกต้องมีโทษทางกฏหมายหรือไม่ก็ถือเป็นการสละตำแน่งนายกให้พรรคอันดับสองไปโดยอัตโนมัติเพราะถือว่าคุณได้ตัดสินใจลงเลือกตั้งแล้วแต่มารู้ทีหลังว่าตนไม่มีความสามารถก็ให้พรรคอันดับสองเป็นนายกไปเลย
ใครที่อยากเป็นนายกหรือเป็นนักการเมืองก็ต้องเข้ามาในระบบพรรคการเมืองไม่ต้องออกไปตั้งพรรคเอง ถ้าคิดว่าตนเจ๋งพอก็ทำงานพิสูจน์ให้สมาชิกพรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายก
เรื่องน่าคิด!
#thaitimes #sondhitalk #news1
ถ้าประเทศไทยเลือกนายก สส สว นายกอบจ. แบบอเมริกาจะเป็นอย่างไร?
ขอพูดถึงนายกก่อน ย้ำว่านายกไม่ใช้ปธน.!
ถ้าประเทศไทยเลือกนายกแบบอเมริกาโดยมี Electoral Vote สำหรับแต่ละจังหวัดโดยการจัดสรรจำนวน Electoral Vote ตามสัดส่วนประชากร โดยกทม.ก็จะต้องมีมากสุด (33 Electoral Vote ตามจำนวนสส. เขตในปัจจุบันอย่างเดียวเพราะไทยเป็นรัฐเดี่ยวไม่มีสว. 2 คนสำหรับแต่ละจังหวัดแบบเมกาและ
ก็ไม่นับสส.บช.รายชื่อ) เพราะกทมมีประชากรมากสุด
ในระบบการเลือกตั้งแบบนี้ผู้ชนะกินรวบหมายความว่าถ้ากทม. มีประชากร 100 คนแล้ว 51 คนเลือกโทนี่ โทนี่ก็จะได้ 33 Electoral Vote ซึ่งจขกท. คิดว่าการที่มีคะแนนตกน้ำแบบนี้เหมาะกับเมืองไทยเพราจะทำให้การซื้อเสียงไม่มีประสิทธิภาพถ้าซื้อก็ต้องซื้อให้ชนะไปเลยไม่งั้นเจ๊งหมด ทุกคนเชื่อไหมว่าทุกคะแนนเสียงที่ได้กันมาทุกวันนี้บริสุทธิ์? จขกท. ไม่เชื่อ อีกอย่างผู้ที่จะเป็นนายกจะต้องได้ 201 Electoral Vote ขึ้นไปจากทั้งหมด 400 Electoral Vote พรรคเล็กพรรคน้อยก็จะหายไปเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถึง 201 อยู่แล้ว (ไม่ควรมีพรรคเล็กพรรคน้อยและไม่ควรมีคนครอบงำพรรคใหญ่ พรรคต้องใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่โปร่งใส)
แต่เท่านี้ยังไม่พอเพื่อป้องกันการครอบงำพรรคในการเลือกตั้งแต่ละครั้งทุกพรรคที่ลงสมัครชิงนายกต้องเสนอแคนดิเดตนายกสามคน โดยต้องมีการเปิดตัวสามคนนี้ให้ประชาชนรู้จัก โดยชื่อของสามคนนี้จะอยู่ในบัตรเลือกตั้งและจะมีโลโก้พรรคเหมือนกัน (ต้องย้ำประชาชนว่าเลือกได้คนเดียว) เช่น พรรคเพื่อสยามส่ง นายเอ นายบี นายซี ทั้ง 400เขตทั่วไทยเลือก นายเอ 160 เขต นายบี 41 เขต นายซี 0 เขต ก็แปลว่าพรรคเพื่อสยามได้เป็นนายกเพราะชนะแล้ว 201 เขต และนายกก็คือนายเอเพราะชนะจำนวนเขตมากสุด
การใช้ Electoral Vote จะทำให้นายกต้องเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหลายจังหวัดไม่ใช่เพียงแค่จังหวัดที่ตนมีฐานเสียงเยอะและต้องใส่ใจทุกจังหวัด
เพื่อป้องกันการครอบงำพรรคอีกชั้นควรห้ามไม่ให้ผู้ที่ชนะมาลาออกโดยไม่มีเหตุจำเป็นเช่นป่วย ทำผิดกฏหมาย หรือตายหากลาออกต้องมีโทษทางกฏหมายหรือไม่ก็ถือเป็นการสละตำแน่งนายกให้พรรคอันดับสองไปโดยอัตโนมัติเพราะถือว่าคุณได้ตัดสินใจลงเลือกตั้งแล้วแต่มารู้ทีหลังว่าตนไม่มีความสามารถก็ให้พรรคอันดับสองเป็นนายกไปเลย
ใครที่อยากเป็นนายกหรือเป็นนักการเมืองก็ต้องเข้ามาในระบบพรรคการเมืองไม่ต้องออกไปตั้งพรรคเอง ถ้าคิดว่าตนเจ๋งพอก็ทำงานพิสูจน์ให้สมาชิกพรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายก
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
376 มุมมอง
0 รีวิว