• “Intel ทุ่มพันล้านดอลลาร์สั่งเครื่อง High-NA EUV จาก ASML — เดิมพันครั้งใหญ่กับเทคโนโลยี 14A ที่อาจกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมชิป”

    Intel กำลังเดินเกมครั้งสำคัญในสนามผลิตชิประดับสูง ด้วยการเพิ่มคำสั่งซื้อเครื่องพิมพ์ลายวงจรแบบ High-NA EUV จาก ASML บริษัทเทคโนโลยีลิธอกราฟีจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็น “อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์” ของวงการเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยราคาต่อเครื่องสูงถึง 370 ล้านดอลลาร์ และความสามารถในการพิมพ์ลายละเอียดระดับ 8 นาโนเมตรในครั้งเดียว

    จากเดิมที่ Intel สั่งซื้อเพียงหนึ่งเครื่อง ตอนนี้มีรายงานว่าเพิ่มเป็นสองเครื่อง และอาจใช้เงินลงทุนรวมกว่า 1–2 พันล้านดอลลาร์เฉพาะในส่วนของอุปกรณ์ลิธอกราฟี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกระบวนการผลิตชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “14A” ซึ่งจะเป็นโหนดที่ใช้ High-NA EUV อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก

    14A ถูกวางเป็น “เดิมพันสุดท้าย” ของ Intel Foundry Services (IFS) โดยผู้บริหารระบุชัดว่า หากโหนดนี้ไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกได้มากพอ บริษัทอาจต้องถอนตัวจากการแข่งขันในตลาดชิประดับสูง ซึ่งหมายความว่า 14A ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นจุดชี้ชะตาของธุรกิจทั้งแผนก

    เทคโนโลยี High-NA EUV มีความสามารถเหนือกว่าเครื่อง Low-NA เดิม โดยสามารถลดจำนวนขั้นตอนการผลิตจาก 40 ขั้นตอนเหลือเพียง “หลักหน่วย” และมีความแม่นยำสูงกว่าถึง 1.7 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่ม yield และลดต้นทุนในระยะยาว แม้จะมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูงมาก

    Intel ได้เริ่มทดสอบเครื่อง High-NA EUV ที่โรงงาน D1X ในรัฐโอเรกอน และสามารถพิมพ์เวเฟอร์ได้กว่า 30,000 แผ่นในไตรมาสเดียว ซึ่งถือเป็นการทดสอบที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งอย่าง TSMC และ Samsung ที่ยังใช้ Low-NA EUV เป็นหลัก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel เพิ่มคำสั่งซื้อเครื่อง High-NA EUV จาก ASML เป็นสองเครื่อง
    เครื่องแต่ละตัวมีราคาประมาณ 370 ล้านดอลลาร์ รวมลงทุนกว่า 1–2 พันล้านดอลลาร์
    ใช้สำหรับกระบวนการผลิตชิปรุ่นใหม่ “14A” ที่จะใช้ High-NA EUV อย่างเต็มรูปแบบ
    14A เป็นโหนดที่ Intel วางเป็นจุดชี้ชะตาของธุรกิจ Foundry
    หากไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกได้ อาจต้องถอนตัวจากตลาดชิประดับสูง
    เครื่อง High-NA EUV สามารถพิมพ์ลายละเอียดระดับ 8 นาโนเมตรในครั้งเดียว
    ลดขั้นตอนการผลิตจาก 40 เหลือเพียงหลักหน่วย และเพิ่ม yield อย่างมีนัยสำคัญ
    Intel ทดสอบเครื่องที่โรงงาน D1X และพิมพ์เวเฟอร์ได้กว่า 30,000 แผ่นในไตรมาสเดียว
    คู่แข่งอย่าง TSMC และ Samsung ยังใช้ Low-NA EUV เป็นหลักในโหนดปัจจุบัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    14A ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ 15–20%
    Turbo Cells ใน 14A เป็นเซลล์พิเศษที่ช่วยให้ CPU/GPU ทำงานเร็วขึ้นโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน
    เครื่อง High-NA EUV รุ่น EXE:5000 จาก ASML เป็นเครื่องพาณิชย์ตัวแรกของโลก
    ASML สามารถพิมพ์เส้นขนาด 10nm ได้สำเร็จในห้องทดลองที่เนเธอร์แลนด์
    การใช้ High-NA EUV ช่วยลดความซับซ้อนของการพิมพ์ลายแบบหลายชั้น (multi-patterning)

    https://wccftech.com/intel-reportedly-increases-asml-high-na-euv-equipment-orders/
    🔬 “Intel ทุ่มพันล้านดอลลาร์สั่งเครื่อง High-NA EUV จาก ASML — เดิมพันครั้งใหญ่กับเทคโนโลยี 14A ที่อาจกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมชิป” Intel กำลังเดินเกมครั้งสำคัญในสนามผลิตชิประดับสูง ด้วยการเพิ่มคำสั่งซื้อเครื่องพิมพ์ลายวงจรแบบ High-NA EUV จาก ASML บริษัทเทคโนโลยีลิธอกราฟีจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็น “อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์” ของวงการเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยราคาต่อเครื่องสูงถึง 370 ล้านดอลลาร์ และความสามารถในการพิมพ์ลายละเอียดระดับ 8 นาโนเมตรในครั้งเดียว จากเดิมที่ Intel สั่งซื้อเพียงหนึ่งเครื่อง ตอนนี้มีรายงานว่าเพิ่มเป็นสองเครื่อง และอาจใช้เงินลงทุนรวมกว่า 1–2 พันล้านดอลลาร์เฉพาะในส่วนของอุปกรณ์ลิธอกราฟี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกระบวนการผลิตชิปรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “14A” ซึ่งจะเป็นโหนดที่ใช้ High-NA EUV อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก 14A ถูกวางเป็น “เดิมพันสุดท้าย” ของ Intel Foundry Services (IFS) โดยผู้บริหารระบุชัดว่า หากโหนดนี้ไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกได้มากพอ บริษัทอาจต้องถอนตัวจากการแข่งขันในตลาดชิประดับสูง ซึ่งหมายความว่า 14A ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นจุดชี้ชะตาของธุรกิจทั้งแผนก เทคโนโลยี High-NA EUV มีความสามารถเหนือกว่าเครื่อง Low-NA เดิม โดยสามารถลดจำนวนขั้นตอนการผลิตจาก 40 ขั้นตอนเหลือเพียง “หลักหน่วย” และมีความแม่นยำสูงกว่าถึง 1.7 เท่า ซึ่งช่วยเพิ่ม yield และลดต้นทุนในระยะยาว แม้จะมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูงมาก Intel ได้เริ่มทดสอบเครื่อง High-NA EUV ที่โรงงาน D1X ในรัฐโอเรกอน และสามารถพิมพ์เวเฟอร์ได้กว่า 30,000 แผ่นในไตรมาสเดียว ซึ่งถือเป็นการทดสอบที่ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งอย่าง TSMC และ Samsung ที่ยังใช้ Low-NA EUV เป็นหลัก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel เพิ่มคำสั่งซื้อเครื่อง High-NA EUV จาก ASML เป็นสองเครื่อง ➡️ เครื่องแต่ละตัวมีราคาประมาณ 370 ล้านดอลลาร์ รวมลงทุนกว่า 1–2 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้สำหรับกระบวนการผลิตชิปรุ่นใหม่ “14A” ที่จะใช้ High-NA EUV อย่างเต็มรูปแบบ ➡️ 14A เป็นโหนดที่ Intel วางเป็นจุดชี้ชะตาของธุรกิจ Foundry ➡️ หากไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกได้ อาจต้องถอนตัวจากตลาดชิประดับสูง ➡️ เครื่อง High-NA EUV สามารถพิมพ์ลายละเอียดระดับ 8 นาโนเมตรในครั้งเดียว ➡️ ลดขั้นตอนการผลิตจาก 40 เหลือเพียงหลักหน่วย และเพิ่ม yield อย่างมีนัยสำคัญ ➡️ Intel ทดสอบเครื่องที่โรงงาน D1X และพิมพ์เวเฟอร์ได้กว่า 30,000 แผ่นในไตรมาสเดียว ➡️ คู่แข่งอย่าง TSMC และ Samsung ยังใช้ Low-NA EUV เป็นหลักในโหนดปัจจุบัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 14A ใช้เทคโนโลยี RibbonFET 2 และ PowerDirect ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ 15–20% ➡️ Turbo Cells ใน 14A เป็นเซลล์พิเศษที่ช่วยให้ CPU/GPU ทำงานเร็วขึ้นโดยไม่เพิ่มพื้นที่หรือพลังงาน ➡️ เครื่อง High-NA EUV รุ่น EXE:5000 จาก ASML เป็นเครื่องพาณิชย์ตัวแรกของโลก ➡️ ASML สามารถพิมพ์เส้นขนาด 10nm ได้สำเร็จในห้องทดลองที่เนเธอร์แลนด์ ➡️ การใช้ High-NA EUV ช่วยลดความซับซ้อนของการพิมพ์ลายแบบหลายชั้น (multi-patterning) https://wccftech.com/intel-reportedly-increases-asml-high-na-euv-equipment-orders/
    WCCFTECH.COM
    Intel Reportedly Increases ASML High-NA EUV Equipment Orders, Aiming to Nail Cutting-Edge Chips Like 14A
    Intel has ramped up its acquisition of High-NA equipment from the Dutch chipmaker ASML, intending to 'give it all' for its 14A process.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Linux อาจรองรับ Multi-Kernel ในอนาคต — เปิดทางให้ระบบปฏิบัติการหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว”

    ในโลกที่ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกใช้ตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โครงสร้างแบบ monolithic kernel ที่ใช้มายาวนานกำลังถูกท้าทายด้วยแนวคิดใหม่จากบริษัท Multikernel Technologies ที่เสนอให้ Linux รองรับ “multi-kernel architecture” หรือการรันเคอร์เนลหลายตัวพร้อมกันบนเครื่องเดียว

    แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่าน RFC (Request for Comments) บน Linux Kernel Mailing List โดยหวังให้ชุมชนร่วมกันพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ โดยหลักการคือการแบ่ง CPU cores ออกเป็นกลุ่ม ๆ แล้วให้แต่ละกลุ่มรันเคอร์เนลของตัวเองอย่างอิสระ พร้อมจัดการ process และ memory แยกจากกัน แต่ยังสามารถสื่อสารกันผ่านระบบ Inter-Processor Interrupt (IPI) ที่ออกแบบมาเฉพาะ

    ข้อดีของระบบนี้คือการแยกงานออกจากกันอย่างแท้จริง เช่น เคอร์เนลหนึ่งอาจใช้สำหรับงาน real-time อีกตัวสำหรับงานทั่วไป หรือแม้แต่สร้างเคอร์เนลเฉพาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสหรือการควบคุมอุปกรณ์ทางการแพทย์

    Multikernel ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก kexec ซึ่งช่วยให้สามารถโหลดเคอร์เนลหลายตัวได้แบบ dynamic โดยไม่ต้องรีบูตเครื่องทั้งหมด และยังมีระบบ Kernel Hand-Over (KHO) ที่อาจเปิดทางให้การอัปเดตเคอร์เนลแบบไร้ downtime ในอนาคต

    แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังต้องปรับปรุงอีกมาก แต่แนวคิดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Linux ไปโดยสิ้นเชิง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Multikernel Technologies เสนอแนวคิด multi-kernel ผ่าน RFC บน LKML
    ระบบนี้ให้เคอร์เนลหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว โดยแบ่ง CPU cores
    เคอร์เนลแต่ละตัวจัดการ process และ memory ของตัวเอง
    ใช้ระบบ IPI สำหรับการสื่อสารระหว่างเคอร์เนล
    ใช้โครงสร้างจาก kexec เพื่อโหลดเคอร์เนลหลายตัวแบบ dynamic
    มีแนวคิด Kernel Hand-Over สำหรับการอัปเดตแบบไร้ downtime
    เหมาะกับงานที่ต้องการแยก workload เช่น real-time, security-critical, หรือ AI
    ยังอยู่ในขั้น RFC และเปิดรับข้อเสนอแนะจากชุมชน Linux

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบ multi-kernel เคยถูกทดลองในงานวิจัย เช่น Barrelfish และ Helios OS
    การแยก workload ที่ระดับเคอร์เนลให้ความปลอดภัยมากกว่าการใช้ container หรือ VM
    kexec เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเคอร์เนลโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง
    IPI (Inter-Processor Interrupt) เป็นกลไกที่ใช้ในระบบ SMP สำหรับการสื่อสารระหว่าง CPU
    หากแนวคิดนี้ได้รับการยอมรับ อาจนำไปสู่การสร้าง Linux รุ่นพิเศษสำหรับงานเฉพาะทาง

    https://news.itsfoss.com/linux-multikernel-proposal/
    🧠 “Linux อาจรองรับ Multi-Kernel ในอนาคต — เปิดทางให้ระบบปฏิบัติการหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว” ในโลกที่ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกใช้ตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โครงสร้างแบบ monolithic kernel ที่ใช้มายาวนานกำลังถูกท้าทายด้วยแนวคิดใหม่จากบริษัท Multikernel Technologies ที่เสนอให้ Linux รองรับ “multi-kernel architecture” หรือการรันเคอร์เนลหลายตัวพร้อมกันบนเครื่องเดียว แนวคิดนี้ถูกนำเสนอผ่าน RFC (Request for Comments) บน Linux Kernel Mailing List โดยหวังให้ชุมชนร่วมกันพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะ โดยหลักการคือการแบ่ง CPU cores ออกเป็นกลุ่ม ๆ แล้วให้แต่ละกลุ่มรันเคอร์เนลของตัวเองอย่างอิสระ พร้อมจัดการ process และ memory แยกจากกัน แต่ยังสามารถสื่อสารกันผ่านระบบ Inter-Processor Interrupt (IPI) ที่ออกแบบมาเฉพาะ ข้อดีของระบบนี้คือการแยกงานออกจากกันอย่างแท้จริง เช่น เคอร์เนลหนึ่งอาจใช้สำหรับงาน real-time อีกตัวสำหรับงานทั่วไป หรือแม้แต่สร้างเคอร์เนลเฉพาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสหรือการควบคุมอุปกรณ์ทางการแพทย์ Multikernel ยังใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก kexec ซึ่งช่วยให้สามารถโหลดเคอร์เนลหลายตัวได้แบบ dynamic โดยไม่ต้องรีบูตเครื่องทั้งหมด และยังมีระบบ Kernel Hand-Over (KHO) ที่อาจเปิดทางให้การอัปเดตเคอร์เนลแบบไร้ downtime ในอนาคต แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังต้องปรับปรุงอีกมาก แต่แนวคิดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Linux ไปโดยสิ้นเชิง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Multikernel Technologies เสนอแนวคิด multi-kernel ผ่าน RFC บน LKML ➡️ ระบบนี้ให้เคอร์เนลหลายตัวรันพร้อมกันบนเครื่องเดียว โดยแบ่ง CPU cores ➡️ เคอร์เนลแต่ละตัวจัดการ process และ memory ของตัวเอง ➡️ ใช้ระบบ IPI สำหรับการสื่อสารระหว่างเคอร์เนล ➡️ ใช้โครงสร้างจาก kexec เพื่อโหลดเคอร์เนลหลายตัวแบบ dynamic ➡️ มีแนวคิด Kernel Hand-Over สำหรับการอัปเดตแบบไร้ downtime ➡️ เหมาะกับงานที่ต้องการแยก workload เช่น real-time, security-critical, หรือ AI ➡️ ยังอยู่ในขั้น RFC และเปิดรับข้อเสนอแนะจากชุมชน Linux ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบ multi-kernel เคยถูกทดลองในงานวิจัย เช่น Barrelfish และ Helios OS ➡️ การแยก workload ที่ระดับเคอร์เนลให้ความปลอดภัยมากกว่าการใช้ container หรือ VM ➡️ kexec เป็นระบบที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเคอร์เนลโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ➡️ IPI (Inter-Processor Interrupt) เป็นกลไกที่ใช้ในระบบ SMP สำหรับการสื่อสารระหว่าง CPU ➡️ หากแนวคิดนี้ได้รับการยอมรับ อาจนำไปสู่การสร้าง Linux รุ่นพิเศษสำหรับงานเฉพาะทาง https://news.itsfoss.com/linux-multikernel-proposal/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    New Proposal Looks to Make Linux Multi-Kernel Friendly
    If approved, Linux could one day run multiple kernels simultaneously.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ลาก่อนกังหันลมรุ่นบุกเบิก — นิวยอร์กรื้อฟาร์มลมแห่งแรก หลังใช้งานกว่า 25 ปี เหตุค่าบำรุงรักษาแพงเกินคุ้ม”

    ฟาร์มกังหันลมแห่งแรกของรัฐนิวยอร์กในเขต Madison County ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของพลังงานสะอาด ถูกรื้อถอนอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 หลังจากให้บริการมานานกว่า 25 ปี โดยไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาลกลางหรือข้อกังวลด้านสุขภาพ แต่เป็นเพราะต้นทุนการบำรุงรักษาที่สูงเกินไป และชิ้นส่วนอะไหล่ที่หายากจนไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างคุ้มค่าอีกต่อไป

    กังหันลมทั้ง 7 ตัวในฟาร์มนี้เป็นรุ่นต้นแบบที่ติดตั้งตั้งแต่ปี 2000 โดยแต่ละตัวสูงกว่า 220 ฟุต และผลิตไฟฟ้าได้ 1.65 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับกังหันลมรุ่นใหม่ที่สามารถผลิตได้ถึง 26 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง และมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า

    การรื้อถอนใช้วิธี “implosion” หรือการระเบิดฐานของแต่ละกังหันให้ล้มลงภายในเวลาเพียง 20–30 วินาที ซึ่งปลอดภัยและประหยัดกว่าการใช้เครนยกออกทีละชิ้น ทีมงานวางแผนอย่างละเอียดเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น โดยใบพัดจะถูกส่งไปยังโรงงานแปรรูปพลังงานใน Niagara County ส่วนชิ้นส่วนอื่นจะถูกคัดแยกเพื่อนำไปรีไซเคิลหรือฝังกลบตามความเหมาะสม

    พื้นที่เดิมของฟาร์มลมจะถูกปรับกลับไปใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งตรงข้ามกับแนวทางของรัฐแคลิฟอร์เนียที่เปลี่ยนพื้นที่เกษตรไม่ได้ผลผลิตให้กลายเป็นศูนย์เก็บพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ฟาร์มลม Madison County ถูกรื้อถอนหลังใช้งานมากว่า 25 ปี
    เหตุผลหลักคือค่าบำรุงรักษาสูงและอะไหล่หายาก
    ใช้วิธีระเบิดฐานกังหัน (implosion) เพื่อรื้อถอนภายใน 30 วินาที
    ใบพัดส่งไปแปรรูปพลังงาน ส่วนชิ้นส่วนอื่นคัดแยกเพื่อรีไซเคิล
    พื้นที่ฟาร์มจะถูกปรับกลับไปใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม
    ฟาร์มนี้เคยผลิตไฟฟ้าได้ 11.5 เมกะวัตต์ แต่ลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามในปีหลังสุด
    นิวยอร์กยังมีโครงการฟาร์มลมนอกชายฝั่งและฟาร์มลมอื่น ๆ ที่ยังดำเนินการอยู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กังหันลมรุ่นใหม่มีความสูงเฉลี่ย 340 ฟุต และผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 3.4 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง
    การรื้อถอนฟาร์มลมเก่าเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในหลายรัฐเมื่อเทคโนโลยีใหม่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
    EDP Global ผู้ดำเนินการฟาร์มลมนี้เป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนจากโปรตุเกส
    การใช้ implosion ลดต้นทุนและความเสี่ยงจากการใช้เครื่องจักรหนัก
    การเปลี่ยนพื้นที่กลับสู่การเกษตรช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

    https://www.slashgear.com/1975931/new-york-first-wind-farm-demolished-reason/
    🌬️ “ลาก่อนกังหันลมรุ่นบุกเบิก — นิวยอร์กรื้อฟาร์มลมแห่งแรก หลังใช้งานกว่า 25 ปี เหตุค่าบำรุงรักษาแพงเกินคุ้ม” ฟาร์มกังหันลมแห่งแรกของรัฐนิวยอร์กในเขต Madison County ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของพลังงานสะอาด ถูกรื้อถอนอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 หลังจากให้บริการมานานกว่า 25 ปี โดยไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาลกลางหรือข้อกังวลด้านสุขภาพ แต่เป็นเพราะต้นทุนการบำรุงรักษาที่สูงเกินไป และชิ้นส่วนอะไหล่ที่หายากจนไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างคุ้มค่าอีกต่อไป กังหันลมทั้ง 7 ตัวในฟาร์มนี้เป็นรุ่นต้นแบบที่ติดตั้งตั้งแต่ปี 2000 โดยแต่ละตัวสูงกว่า 220 ฟุต และผลิตไฟฟ้าได้ 1.65 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับกังหันลมรุ่นใหม่ที่สามารถผลิตได้ถึง 26 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง และมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า การรื้อถอนใช้วิธี “implosion” หรือการระเบิดฐานของแต่ละกังหันให้ล้มลงภายในเวลาเพียง 20–30 วินาที ซึ่งปลอดภัยและประหยัดกว่าการใช้เครนยกออกทีละชิ้น ทีมงานวางแผนอย่างละเอียดเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น โดยใบพัดจะถูกส่งไปยังโรงงานแปรรูปพลังงานใน Niagara County ส่วนชิ้นส่วนอื่นจะถูกคัดแยกเพื่อนำไปรีไซเคิลหรือฝังกลบตามความเหมาะสม พื้นที่เดิมของฟาร์มลมจะถูกปรับกลับไปใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งตรงข้ามกับแนวทางของรัฐแคลิฟอร์เนียที่เปลี่ยนพื้นที่เกษตรไม่ได้ผลผลิตให้กลายเป็นศูนย์เก็บพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ฟาร์มลม Madison County ถูกรื้อถอนหลังใช้งานมากว่า 25 ปี ➡️ เหตุผลหลักคือค่าบำรุงรักษาสูงและอะไหล่หายาก ➡️ ใช้วิธีระเบิดฐานกังหัน (implosion) เพื่อรื้อถอนภายใน 30 วินาที ➡️ ใบพัดส่งไปแปรรูปพลังงาน ส่วนชิ้นส่วนอื่นคัดแยกเพื่อรีไซเคิล ➡️ พื้นที่ฟาร์มจะถูกปรับกลับไปใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ➡️ ฟาร์มนี้เคยผลิตไฟฟ้าได้ 11.5 เมกะวัตต์ แต่ลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสามในปีหลังสุด ➡️ นิวยอร์กยังมีโครงการฟาร์มลมนอกชายฝั่งและฟาร์มลมอื่น ๆ ที่ยังดำเนินการอยู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กังหันลมรุ่นใหม่มีความสูงเฉลี่ย 340 ฟุต และผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 3.4 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง ➡️ การรื้อถอนฟาร์มลมเก่าเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในหลายรัฐเมื่อเทคโนโลยีใหม่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ➡️ EDP Global ผู้ดำเนินการฟาร์มลมนี้เป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนจากโปรตุเกส ➡️ การใช้ implosion ลดต้นทุนและความเสี่ยงจากการใช้เครื่องจักรหนัก ➡️ การเปลี่ยนพื้นที่กลับสู่การเกษตรช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว https://www.slashgear.com/1975931/new-york-first-wind-farm-demolished-reason/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    New York's First Wind Farm Has Been Torn Down, And It's Easy To Understand Why - SlashGear
    The seven wind turbines that made up New York's first wind farm were demolished because maintenance of those early units had become too costly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 8 แผนชิงท่อ

    เอาแผนที่โลกมากางดู ให้รู้จัก Eurasia ให้ชัด ๆ เปรียบเทียบกับการเดินหมากของอเมริกา เป้าหมายของอเมริกาไปไกลกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่จะปิดล้อมรัสเซียตามคำสอนของครู Mac เท่านั้น ยุทธศาสตร์ของอเมริกา ถ้าทำสำเร็จก็เหมือนตัดมือตัดตีนอาเฮีย ไม่ให้มีโอกาสเข้าไปถึงแหล่งน้ำมัน Caspian Sea รวมทั้ง เข้าไปใน Kazakhstan ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญมันจะเป็นการตัดขาดเส้นทางจับมือระหว่างอาเฮีย กับรัสเซียอีกด้วย อืม หมากตานี้ เยี่ยม เหี้ยมจริง ๆ

    เส้นทางสายไหมแต่โบราณ The Great Silk Road ผ่าน Tashkent ใน Uzbekistan และ Almaaty ใน Kazakhstan บริเวณที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาใหญ่น้อย การควบคุม Uzbekistan, Krygysten and Kazakhstan ย่อมควบคุมท่อส่งที่อาจจะสร้างขึ้นระหว่างจีนกับเอเซียกลางด้วย ดังนั้นถ้าสามารถปิดล้อมรัสเซีย ก็จะยิ่งมีโอกาสควบคุมท่อส่งระหว่างรัสเซียกับยุโรปตะวันตกและตะวันออกกลางได้อีกด้วย

    นายตัวแสบ Brzezinski ได้เขียนบทความไว้ในวารสาร Foreign Affairs ของ CFR เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1997 ถึงยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของวอชิงตันเกี่ยวกับ Eurasia สรุปความว่า:

    “Eurasia มีพลเมืองเท่ากับ 75% ของโลก เท่ากับ 60% ของ GNP และมีทรัพยากรน้ำมันเท่ากับ 75% เมื่อรวมกันแล้ว Eurasia สามารถจะมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าอเมริกาหลายเท่านัก

    ประเทศใดก็ตามที่ครอบครองหรือควบคุม Eurasia ได้ ก็เท่ากับควบคุมตะวันออกกลางและอาฟริกาโดยอัตโนมัติ เมื่อ Eurasia เป็นจุดตัดสินเกมหมากรุกชิงโลก มันจะไม่ได้เรื่องนะ ถ้าอเมริกาจะมีนโยบายแยกชุดหนึ่งสำหรับยุโรป และอีกชุดหนึ่งสำหรับเอเซีย การใช้อำนาจของอเมริกาอย่างไรใน Eurasia นั่นแหละ จะเป็นเครื่องวัดว่า อเมริกาเป็นหนึ่งเดียว ใหญ่สุดในโลกนี้หรือไม่…...”
    หลังจากพลาดจากการถล่ม Iraq ในปี ค.ศ. 2003 ทฤษฎีภูมิศาสตร์การเมือง หมากกระดานชิงโลกของนายตัวแสบ Brzezinski ก็ค่อย ๆ ทยอยออกมา ให้อเมริกาคิดหนัก เช่น จะรบหรือไม่รบกับ อิหร่าน, เรื่องของ Georgia, และเรื่องท่อส่งน้ำมัน Baku-Tbilisi-Ceyhan, เรื่องจีนกำลังผงาดเป็นหมายเลขหนึ่งด้านเศรษฐกิจ ทั้งหมดมันเกี่ยวเนื่องกับภูมิศาสตร์การเมืองทั้งนั้น นาย Brzezinski ยังสำทับอเมริกาอีกว่า จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกได้หรือไม่ มันขึ้นกับคุมการไหลเวียนของน้ำมันและ แก๊ซของโลกได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นเส้นเลือดเลี้ยงเศรษฐกิจ เกือบทุกอย่างมันเดินได้ วิ่งได้ อยู่ได้ เพราะน้ำมันทั้งนั้นแหละ ขาดน้ำมัน ก็เหมือนร่างกายขาดเลือด อยู่ได้ไงหือ ไอ้ที่ไปบุกอาฟนิสถาน หรือการพยายามไล่นาย Chavez ทั้งหมดนี้มันก็เรื่องน้ำมันทั้งนั่นแหละ

    หลังจากล่มสลายล้มละลาย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 รัสเซียก็ก้มหน้าก้มตากู้เศรษฐกิจประเทศ ภายใต้การปกครองอย่างเข้มงวดของคุณพี่ปูตินในฐานะประธานาธิบดี มันก็ตลกดีนะ ขณะที่อเมริกาพยายามจะขยี้รัสเซีย แต่ตัวเองเดินหมากผิดไป บุกเข้าไปขยี้ซัดดัมในอิรัค นึกว่าเกมสั้น ดันต้องเล่นเกมยาว ส้มก็เลยหล่นใส่คุณพี่ปูติน ขายน้ำมันได้เพิ่มขึ้น ใช้หนี้ IMF หมด และสามารถสร้างกองทุนสำรองเงินตรา ตปท.ของตนได้ อ้าว ! จุกอีกแล้วซินักล่า คราวนี้นี่มันเสียหายหลายต่อ เดินผิดตาเดียว ทำให้ศัตรูคู่แข่ง เงยหน้าอ้าปาก แถมยังมีท่าว่ากล้ามจะแข็งขึ้นด้วย รัสเซียเริ่มเงยหน้าขึ้นมามองโลกได้อีกครั้ง แน่นอนมันยิ่งทำให้อเมริกาเจ็บกระดองใจหนักเข้าไปอีก

    หลังจากเงยหน้าอ้าปากได้คล่อง รัสเซียก็เริ่มสร้างอิทธิพลของตนเอง ไม่ใช่โดยการใช้อาวุธ แต่ใช้การเคลื่อนไหวน้ำมันและแก๊ซที่ตนเองมีอยู่เต็ม ตามหลักภูมิศาสตร์การเมืองบ้าง นึกว่าจะเล่นเป็นข้างเดียวหรือไง คุณพี่ปูตินรู้ว่าถ้าไม่เคลื่อนไหว ตัดสินใจแบบเฉียบขาด ไม่นานหรอก รัสเซียก็จะโดนรุมล้อมกรอบ นำโดยอเมริกาเหมือนเดิม
    ขณะเดียวกัน ที่แดนมังกร อาเฮียแม้จะทำมาค้าขึ้น แต่ถ้ายังต้องพึงน้ำมันคนอื่นเขายหายใจแบบนี้ อาเฮียก็ขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งยาก และเขาว่าอาเฮีย ยังไม่มีลูกระเบิดนิวเคลียร์ เอาไว้ขู่ชาวบ้าน ว่าอย่าเข้ามานะ เดี๋ยวอั้วระเบิดตูมเลย แต่เรื่องแบบนี้มันซ้อนซ่อนกันอยู่ ดูไปก่อนอย่าเพิ่งประมาทหน้าอาเฮีย อาจจะแอบมีซุกอยู่ ลูก 2 ลูกก็ได้ ฮา แต่น้ำมันน่ะ อั้วม่ายมีจริง ๆ แต่ไม่เป็นไร อาเฮียมีของดีอย่างอื่นแอบอยู่อีก วันหลังจะขยาย คราวนี้ถ้าพี่ปูเล่นพร้อมกับอาเฮีย สงสัยจะได้เห็นนักล่า ตาเหลือก หงายท้อง นอนแน่ นิ่ง !

    รัสเซียของคุณพี่ปูติน (โปรดสังเกตผมเรียกคุณพี่เลยน่ะ ชื่นชมในความใจถึงของแก) เป็นอำนาจเดียวที่สามารถต่อกรกับอเมริกาในเรื่องของระเบิดนิวเคลียร์ได้ (ในขณะนี้ ! ?) และมีโอกาสที่จะขึ้นแท่นเป็นหมายเลขหนึ่งครองโลกได้เหมือนกัน ถ้าประเทศใน Eurasia รวมกัน มี จีน, รัสเซีย รวมทั้งรัฐ ต่าง ๆ ใน Eurasia ก็สามารถทำให้อเมริกากลืนน้ำลายไม่คล่อง คอฝืดแล้ว นี่ถ้าบวกเอากลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Cooporation Organization ที่เริ่มจับมือกัน เมื่อปี ค.ศ. 1988 ถึง 2001 ซึ่งจีนกับรัสเซียจับมือกันเป็นคู่แรก ทำสัญญาให้ความร่วมมือด้านความ มั่นคงด้วยกัน และมีรัฐเพื่อนบ้าน Kazakhstan, Tajikistan และ Uzbebistan รวมด้วยแล้ว อเมริกาคงยิ่งกว่าตาเหลือก หงายท้อง คราวนี้ มีสิทธิร่วงผล่อยหล่นจากแท่นหมายเลขหนึ่ง

    อเมริกาทำตัวเป็นหมูปากเหล็ก ที่จะไม่ยอมรับว่า ไอ้ที่พยายามถล่มสหภาพโซเวียต ทลายกำแพง Berlin เมื่อปี ค.ศ. 1991 น่ะ จริง ๆ แล้ว เป็นแผนการทำลายสหภาพโซเวียต เพื่อจะได้เข้าไปครอบครองขุมทรัพย์น้ำมันและก๊าซมหึมาแถวนั้นมากกว่า มันกระดากปากน่ะ จะให้บอกตรง ๆ ได้ยังไง แต่ชาวโลกก็ไม่ได้ซื่อบื้อไปซะหมดหรอกนะ หมากแต่ละตัวที่อเมริกาขยับน่ะ คนอ่านออก เล่นเป็น เขาก็รู้กันทั้งนั้น

    หลังจากทลายกำแพง Berlin จนสิ้นซาก 4-5 ปี หลังจากนั้น อเมริกาก็ค่อย ๆ หลอกล่อ เก็บรัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต ย้ายเอามาสังกัดสหภาพยุโรปแทน แค่นั้นไม่พอเพราะยังคุมไม่ถนัดมือ เอาเข้ามาอยู่กับ NATO เสียด้วย เพราะ NATO ก็คือหุ่น ภายใต้การชักใยของอเมริกานั่นแหละ ใครบ้างล่ะ ที่เสียท่าถูกลวงหลอกล่อ เมื่อถึงปี ค.ศ. 2004 Poland, Czech, Hungary, Estonia, Latvia, Litnania, Bulgaria, Romania, Slovakia และ Slovenia ก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของ NATO เรียบร้อย และ ตอนนั้น Georgia ก็กำลังต้วมเตี้ยมขัดสีฉวีวรรณ เตรียมเดินแถวตามเข้ามา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 8 แผนชิงท่อ เอาแผนที่โลกมากางดู ให้รู้จัก Eurasia ให้ชัด ๆ เปรียบเทียบกับการเดินหมากของอเมริกา เป้าหมายของอเมริกาไปไกลกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่จะปิดล้อมรัสเซียตามคำสอนของครู Mac เท่านั้น ยุทธศาสตร์ของอเมริกา ถ้าทำสำเร็จก็เหมือนตัดมือตัดตีนอาเฮีย ไม่ให้มีโอกาสเข้าไปถึงแหล่งน้ำมัน Caspian Sea รวมทั้ง เข้าไปใน Kazakhstan ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญมันจะเป็นการตัดขาดเส้นทางจับมือระหว่างอาเฮีย กับรัสเซียอีกด้วย อืม หมากตานี้ เยี่ยม เหี้ยมจริง ๆ เส้นทางสายไหมแต่โบราณ The Great Silk Road ผ่าน Tashkent ใน Uzbekistan และ Almaaty ใน Kazakhstan บริเวณที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาใหญ่น้อย การควบคุม Uzbekistan, Krygysten and Kazakhstan ย่อมควบคุมท่อส่งที่อาจจะสร้างขึ้นระหว่างจีนกับเอเซียกลางด้วย ดังนั้นถ้าสามารถปิดล้อมรัสเซีย ก็จะยิ่งมีโอกาสควบคุมท่อส่งระหว่างรัสเซียกับยุโรปตะวันตกและตะวันออกกลางได้อีกด้วย นายตัวแสบ Brzezinski ได้เขียนบทความไว้ในวารสาร Foreign Affairs ของ CFR เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1997 ถึงยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของวอชิงตันเกี่ยวกับ Eurasia สรุปความว่า: “Eurasia มีพลเมืองเท่ากับ 75% ของโลก เท่ากับ 60% ของ GNP และมีทรัพยากรน้ำมันเท่ากับ 75% เมื่อรวมกันแล้ว Eurasia สามารถจะมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าอเมริกาหลายเท่านัก ประเทศใดก็ตามที่ครอบครองหรือควบคุม Eurasia ได้ ก็เท่ากับควบคุมตะวันออกกลางและอาฟริกาโดยอัตโนมัติ เมื่อ Eurasia เป็นจุดตัดสินเกมหมากรุกชิงโลก มันจะไม่ได้เรื่องนะ ถ้าอเมริกาจะมีนโยบายแยกชุดหนึ่งสำหรับยุโรป และอีกชุดหนึ่งสำหรับเอเซีย การใช้อำนาจของอเมริกาอย่างไรใน Eurasia นั่นแหละ จะเป็นเครื่องวัดว่า อเมริกาเป็นหนึ่งเดียว ใหญ่สุดในโลกนี้หรือไม่…...” หลังจากพลาดจากการถล่ม Iraq ในปี ค.ศ. 2003 ทฤษฎีภูมิศาสตร์การเมือง หมากกระดานชิงโลกของนายตัวแสบ Brzezinski ก็ค่อย ๆ ทยอยออกมา ให้อเมริกาคิดหนัก เช่น จะรบหรือไม่รบกับ อิหร่าน, เรื่องของ Georgia, และเรื่องท่อส่งน้ำมัน Baku-Tbilisi-Ceyhan, เรื่องจีนกำลังผงาดเป็นหมายเลขหนึ่งด้านเศรษฐกิจ ทั้งหมดมันเกี่ยวเนื่องกับภูมิศาสตร์การเมืองทั้งนั้น นาย Brzezinski ยังสำทับอเมริกาอีกว่า จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกได้หรือไม่ มันขึ้นกับคุมการไหลเวียนของน้ำมันและ แก๊ซของโลกได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นเส้นเลือดเลี้ยงเศรษฐกิจ เกือบทุกอย่างมันเดินได้ วิ่งได้ อยู่ได้ เพราะน้ำมันทั้งนั้นแหละ ขาดน้ำมัน ก็เหมือนร่างกายขาดเลือด อยู่ได้ไงหือ ไอ้ที่ไปบุกอาฟนิสถาน หรือการพยายามไล่นาย Chavez ทั้งหมดนี้มันก็เรื่องน้ำมันทั้งนั่นแหละ หลังจากล่มสลายล้มละลาย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 รัสเซียก็ก้มหน้าก้มตากู้เศรษฐกิจประเทศ ภายใต้การปกครองอย่างเข้มงวดของคุณพี่ปูตินในฐานะประธานาธิบดี มันก็ตลกดีนะ ขณะที่อเมริกาพยายามจะขยี้รัสเซีย แต่ตัวเองเดินหมากผิดไป บุกเข้าไปขยี้ซัดดัมในอิรัค นึกว่าเกมสั้น ดันต้องเล่นเกมยาว ส้มก็เลยหล่นใส่คุณพี่ปูติน ขายน้ำมันได้เพิ่มขึ้น ใช้หนี้ IMF หมด และสามารถสร้างกองทุนสำรองเงินตรา ตปท.ของตนได้ อ้าว ! จุกอีกแล้วซินักล่า คราวนี้นี่มันเสียหายหลายต่อ เดินผิดตาเดียว ทำให้ศัตรูคู่แข่ง เงยหน้าอ้าปาก แถมยังมีท่าว่ากล้ามจะแข็งขึ้นด้วย รัสเซียเริ่มเงยหน้าขึ้นมามองโลกได้อีกครั้ง แน่นอนมันยิ่งทำให้อเมริกาเจ็บกระดองใจหนักเข้าไปอีก หลังจากเงยหน้าอ้าปากได้คล่อง รัสเซียก็เริ่มสร้างอิทธิพลของตนเอง ไม่ใช่โดยการใช้อาวุธ แต่ใช้การเคลื่อนไหวน้ำมันและแก๊ซที่ตนเองมีอยู่เต็ม ตามหลักภูมิศาสตร์การเมืองบ้าง นึกว่าจะเล่นเป็นข้างเดียวหรือไง คุณพี่ปูตินรู้ว่าถ้าไม่เคลื่อนไหว ตัดสินใจแบบเฉียบขาด ไม่นานหรอก รัสเซียก็จะโดนรุมล้อมกรอบ นำโดยอเมริกาเหมือนเดิม ขณะเดียวกัน ที่แดนมังกร อาเฮียแม้จะทำมาค้าขึ้น แต่ถ้ายังต้องพึงน้ำมันคนอื่นเขายหายใจแบบนี้ อาเฮียก็ขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งยาก และเขาว่าอาเฮีย ยังไม่มีลูกระเบิดนิวเคลียร์ เอาไว้ขู่ชาวบ้าน ว่าอย่าเข้ามานะ เดี๋ยวอั้วระเบิดตูมเลย แต่เรื่องแบบนี้มันซ้อนซ่อนกันอยู่ ดูไปก่อนอย่าเพิ่งประมาทหน้าอาเฮีย อาจจะแอบมีซุกอยู่ ลูก 2 ลูกก็ได้ ฮา แต่น้ำมันน่ะ อั้วม่ายมีจริง ๆ แต่ไม่เป็นไร อาเฮียมีของดีอย่างอื่นแอบอยู่อีก วันหลังจะขยาย คราวนี้ถ้าพี่ปูเล่นพร้อมกับอาเฮีย สงสัยจะได้เห็นนักล่า ตาเหลือก หงายท้อง นอนแน่ นิ่ง ! รัสเซียของคุณพี่ปูติน (โปรดสังเกตผมเรียกคุณพี่เลยน่ะ ชื่นชมในความใจถึงของแก) เป็นอำนาจเดียวที่สามารถต่อกรกับอเมริกาในเรื่องของระเบิดนิวเคลียร์ได้ (ในขณะนี้ ! ?) และมีโอกาสที่จะขึ้นแท่นเป็นหมายเลขหนึ่งครองโลกได้เหมือนกัน ถ้าประเทศใน Eurasia รวมกัน มี จีน, รัสเซีย รวมทั้งรัฐ ต่าง ๆ ใน Eurasia ก็สามารถทำให้อเมริกากลืนน้ำลายไม่คล่อง คอฝืดแล้ว นี่ถ้าบวกเอากลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Cooporation Organization ที่เริ่มจับมือกัน เมื่อปี ค.ศ. 1988 ถึง 2001 ซึ่งจีนกับรัสเซียจับมือกันเป็นคู่แรก ทำสัญญาให้ความร่วมมือด้านความ มั่นคงด้วยกัน และมีรัฐเพื่อนบ้าน Kazakhstan, Tajikistan และ Uzbebistan รวมด้วยแล้ว อเมริกาคงยิ่งกว่าตาเหลือก หงายท้อง คราวนี้ มีสิทธิร่วงผล่อยหล่นจากแท่นหมายเลขหนึ่ง อเมริกาทำตัวเป็นหมูปากเหล็ก ที่จะไม่ยอมรับว่า ไอ้ที่พยายามถล่มสหภาพโซเวียต ทลายกำแพง Berlin เมื่อปี ค.ศ. 1991 น่ะ จริง ๆ แล้ว เป็นแผนการทำลายสหภาพโซเวียต เพื่อจะได้เข้าไปครอบครองขุมทรัพย์น้ำมันและก๊าซมหึมาแถวนั้นมากกว่า มันกระดากปากน่ะ จะให้บอกตรง ๆ ได้ยังไง แต่ชาวโลกก็ไม่ได้ซื่อบื้อไปซะหมดหรอกนะ หมากแต่ละตัวที่อเมริกาขยับน่ะ คนอ่านออก เล่นเป็น เขาก็รู้กันทั้งนั้น หลังจากทลายกำแพง Berlin จนสิ้นซาก 4-5 ปี หลังจากนั้น อเมริกาก็ค่อย ๆ หลอกล่อ เก็บรัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต ย้ายเอามาสังกัดสหภาพยุโรปแทน แค่นั้นไม่พอเพราะยังคุมไม่ถนัดมือ เอาเข้ามาอยู่กับ NATO เสียด้วย เพราะ NATO ก็คือหุ่น ภายใต้การชักใยของอเมริกานั่นแหละ ใครบ้างล่ะ ที่เสียท่าถูกลวงหลอกล่อ เมื่อถึงปี ค.ศ. 2004 Poland, Czech, Hungary, Estonia, Latvia, Litnania, Bulgaria, Romania, Slovakia และ Slovenia ก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของ NATO เรียบร้อย และ ตอนนั้น Georgia ก็กำลังต้วมเตี้ยมขัดสีฉวีวรรณ เตรียมเดินแถวตามเข้ามา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น

    เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน

    ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด

    Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย)
    Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ
    สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว
    ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้

    Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง)
    ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้
    สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security
    ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search

    Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน)
    Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่
    สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications
    ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด

    Widgets (วิดเจ็ต)
    วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น
    ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา
    สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้

    Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา)
    แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา
    ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร
    ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions

    https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    🎙️ เรื่องเล่าจากการตั้งค่าที่ดูดีแต่ไม่จำเป็น: เมื่อการปิดบางฟีเจอร์ทำให้ Windows 11 เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น เมื่อคุณซื้อแล็ปท็อปใหม่ที่มาพร้อม Windows 11 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Home หรือ Pro คุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ระบบดู “สมบูรณ์” แต่ในความเป็นจริง หลายฟีเจอร์เหล่านี้กลับทำให้เครื่องช้าลงโดยไม่จำเป็น และบางส่วนยังส่งข้อมูลกลับไปยัง Microsoft โดยที่คุณไม่ได้อนุญาตอย่างชัดเจน ฟีเจอร์อย่าง Diagnostic Data, Targeted Ads, Widgets, Search Highlights และการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปิดทันทีหลังตั้งค่าเครื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดการละเมิดความเป็นส่วนตัว การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ทำให้ระบบเสียหาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings โดย Microsoft ก็เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้นในเวอร์ชันล่าสุด ✅ Diagnostic Data (ข้อมูลการวินิจฉัย) ➡️ Windows 11 ส่งข้อมูลทั้งแบบจำเป็นและแบบเพิ่มเติมไปยัง Microsoft โดยอัตโนมัติ ➡️ สามารถปิดการส่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และลบข้อมูลที่เคยส่งไปแล้ว ➡️ ปิดการใช้ข้อมูลเพื่อแสดงคำแนะนำและโฆษณาแบบเฉพาะบุคคลได้ ✅ Targeted Ads (โฆษณาแบบเจาะจง) ➡️ ใช้ Advertising ID เพื่อแสดงโฆษณาตามพฤติกรรมของผู้ใช้ ➡️ สามารถปิดการใช้ Advertising ID ได้ในเมนู Privacy & Security ➡️ ปิดการติดตามการเปิดแอปเพื่อปรับปรุง Start และ Search ✅ Annoying Notifications (การแจ้งเตือนที่รบกวน) ➡️ Windows ส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดต, คำแนะนำ, และฟีเจอร์ใหม่ ➡️ สามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นได้ในเมนู System > Notifications ➡️ ปรับแต่งการแจ้งเตือนจากแอปแต่ละตัวได้อย่างละเอียด ✅ Widgets (วิดเจ็ต) ➡️ วิดเจ็ตแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น ข่าว, สภาพอากาศ, หุ้น ➡️ ใช้ทรัพยากรระบบสูงเพราะอัปเดตตลอดเวลา ➡️ สามารถปิดวิดเจ็ตทั้งหมด หรือเลือกปิดเฉพาะบางตัวได้ ✅ Search Highlights (ไฮไลต์การค้นหา) ➡️ แสดงข้อมูลเช่นวันสำคัญ, ข่าว, เทรนด์ ในแถบค้นหา ➡️ ทำให้การค้นหาช้าลงและกินทรัพยากร ➡️ ปิดได้ในเมนู Privacy & Security > Search Permissions https://www.slashgear.com/1962302/settings-to-disable-on-windows-11-laptop/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Settings To Disable On Your New Windows 11 Laptop - SlashGear
    Windows has come to include a huge amount of features to make your everyday computing experience better, but you may not want all of them turned on at once.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก ASCII ถึง Emoji: เมื่อ UTF-8 กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอดีตกับอนาคต

    ย้อนกลับไปในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังใช้ ASCII เป็นหลัก ซึ่งรองรับเพียง 128 ตัวอักษร UTF-8 ถูกออกแบบขึ้นในปี 1992 โดย Ken Thompson และ Rob Pike เพื่อแก้ปัญหาการรองรับตัวอักษรจากทุกภาษาในโลก โดยไม่ทำให้ระบบเก่าพัง

    UTF-8 ใช้การเข้ารหัสแบบ “variable-width” คือใช้ 1 ถึง 4 ไบต์ต่อหนึ่งตัวอักษร โดยตัวอักษรที่อยู่ในช่วง ASCII (U+0000 ถึง U+007F) ใช้เพียง 1 ไบต์เท่านั้น ทำให้ไฟล์ที่มีแต่ ASCII สามารถอ่านได้ทั้งในระบบ ASCII และ UTF-8 อย่างสมบูรณ์

    ตัวอักษรอื่น ๆ ที่อยู่นอกช่วง ASCII จะใช้ 2, 3 หรือ 4 ไบต์ โดยมีรูปแบบการเริ่มต้นที่แตกต่างกัน เช่น 110xxxxx สำหรับ 2 ไบต์, 1110xxxx สำหรับ 3 ไบต์ และ 11110xxx สำหรับ 4 ไบต์ ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถ “รู้เอง” ได้ว่าแต่ละตัวอักษรใช้กี่ไบต์—เรียกว่า “self-synchronizing”

    ตัวอย่างเช่น อีโมจิ “” มีรหัส Unicode เป็น U+1F44B ซึ่งจะถูกเข้ารหัสใน UTF-8 เป็น 4 ไบต์: 11110000 10011111 10010001 10001011 ส่วนตัวอักษรไทยอย่าง “อ” (U+0905) จะใช้ 3 ไบต์: 11100000 10100100 10000101

    ความสามารถของ UTF-8 ไม่ได้หยุดแค่การเข้ารหัส แต่ยังครองโลกอินเทอร์เน็ตอย่างแท้จริง—กว่า 97% ของเว็บไซต์ในปี 2025 ใช้ UTF-8 เป็นมาตรฐาน และยังเป็น encoding หลักใน HTML5, JSON, Python, JavaScript และอีกมากมาย

    จุดเด่นของ UTF-8
    เข้ารหัสตัวอักษร Unicode ได้ทั้งหมด (U+0000 ถึง U+10FFFF)
    ใช้ 1–4 ไบต์ต่อหนึ่งตัวอักษรตามความซับซ้อน
    ตัวอักษร ASCII ใช้เพียง 1 ไบต์ ทำให้ backward compatible

    รูปแบบการเข้ารหัส
    0xxxxxxx → 1 ไบต์ (ASCII)
    110xxxxx 10xxxxxx → 2 ไบต์
    1110xxxx 10xxxxxx 10xxxxxx → 3 ไบต์
    11110xxx 10xxxxxx 10xxxxxx 10xxxxxx → 4 ไบต์
    ไบต์ที่ขึ้นต้นด้วย “10” คือ continuation byte

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    “Hey Buddy” ใช้ทั้ง ASCII และอีโมจิ รวมทั้งหมด 13 ไบต์
    “Hey Buddy” ใช้เฉพาะ ASCII รวมทั้งหมด 9 ไบต์
    ทั้งสองไฟล์เป็น UTF-8 ที่อ่านได้โดยไม่เกิดข้อผิดพลาด

    การเปรียบเทียบกับ encoding อื่น
    UTF-16 และ UTF-32 ไม่ compatible กับ ASCII
    ISO/IEC 8859 รองรับแค่ 256 ตัวอักษร
    GB18030 รองรับ Unicode แต่ไม่แพร่หลายเท่า UTF-8

    การใช้งานในโลกจริง
    ใช้ใน HTML5, XML, JSON, Python, JavaScript
    ไม่มีปัญหาเรื่อง byte order (endianness)
    เป็น encoding หลักของเว็บและระบบปฏิบัติการสมัยใหม่

    ความเสี่ยงจากการใช้ UTF-8 แบบผิดพลาด
    การเข้ารหัสผิดอาจทำให้เกิด invalid byte sequences
    โปรแกรมที่ไม่รองรับ UTF-8 อาจแสดงผลผิดหรือเกิด error

    https://iamvishnu.com/posts/utf8-is-brilliant-design
    🎙️ เรื่องเล่าจาก ASCII ถึง Emoji: เมื่อ UTF-8 กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอดีตกับอนาคต ย้อนกลับไปในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังใช้ ASCII เป็นหลัก ซึ่งรองรับเพียง 128 ตัวอักษร UTF-8 ถูกออกแบบขึ้นในปี 1992 โดย Ken Thompson และ Rob Pike เพื่อแก้ปัญหาการรองรับตัวอักษรจากทุกภาษาในโลก โดยไม่ทำให้ระบบเก่าพัง UTF-8 ใช้การเข้ารหัสแบบ “variable-width” คือใช้ 1 ถึง 4 ไบต์ต่อหนึ่งตัวอักษร โดยตัวอักษรที่อยู่ในช่วง ASCII (U+0000 ถึง U+007F) ใช้เพียง 1 ไบต์เท่านั้น ทำให้ไฟล์ที่มีแต่ ASCII สามารถอ่านได้ทั้งในระบบ ASCII และ UTF-8 อย่างสมบูรณ์ ตัวอักษรอื่น ๆ ที่อยู่นอกช่วง ASCII จะใช้ 2, 3 หรือ 4 ไบต์ โดยมีรูปแบบการเริ่มต้นที่แตกต่างกัน เช่น 110xxxxx สำหรับ 2 ไบต์, 1110xxxx สำหรับ 3 ไบต์ และ 11110xxx สำหรับ 4 ไบต์ ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถ “รู้เอง” ได้ว่าแต่ละตัวอักษรใช้กี่ไบต์—เรียกว่า “self-synchronizing” ตัวอย่างเช่น อีโมจิ “👋” มีรหัส Unicode เป็น U+1F44B ซึ่งจะถูกเข้ารหัสใน UTF-8 เป็น 4 ไบต์: 11110000 10011111 10010001 10001011 ส่วนตัวอักษรไทยอย่าง “อ” (U+0905) จะใช้ 3 ไบต์: 11100000 10100100 10000101 ความสามารถของ UTF-8 ไม่ได้หยุดแค่การเข้ารหัส แต่ยังครองโลกอินเทอร์เน็ตอย่างแท้จริง—กว่า 97% ของเว็บไซต์ในปี 2025 ใช้ UTF-8 เป็นมาตรฐาน และยังเป็น encoding หลักใน HTML5, JSON, Python, JavaScript และอีกมากมาย ✅ จุดเด่นของ UTF-8 ➡️ เข้ารหัสตัวอักษร Unicode ได้ทั้งหมด (U+0000 ถึง U+10FFFF) ➡️ ใช้ 1–4 ไบต์ต่อหนึ่งตัวอักษรตามความซับซ้อน ➡️ ตัวอักษร ASCII ใช้เพียง 1 ไบต์ ทำให้ backward compatible ✅ รูปแบบการเข้ารหัส ➡️ 0xxxxxxx → 1 ไบต์ (ASCII) ➡️ 110xxxxx 10xxxxxx → 2 ไบต์ ➡️ 1110xxxx 10xxxxxx 10xxxxxx → 3 ไบต์ ➡️ 11110xxx 10xxxxxx 10xxxxxx 10xxxxxx → 4 ไบต์ ➡️ ไบต์ที่ขึ้นต้นด้วย “10” คือ continuation byte ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ “Hey👋 Buddy” ใช้ทั้ง ASCII และอีโมจิ รวมทั้งหมด 13 ไบต์ ➡️ “Hey Buddy” ใช้เฉพาะ ASCII รวมทั้งหมด 9 ไบต์ ➡️ ทั้งสองไฟล์เป็น UTF-8 ที่อ่านได้โดยไม่เกิดข้อผิดพลาด ✅ การเปรียบเทียบกับ encoding อื่น ➡️ UTF-16 และ UTF-32 ไม่ compatible กับ ASCII ➡️ ISO/IEC 8859 รองรับแค่ 256 ตัวอักษร ➡️ GB18030 รองรับ Unicode แต่ไม่แพร่หลายเท่า UTF-8 ✅ การใช้งานในโลกจริง ➡️ ใช้ใน HTML5, XML, JSON, Python, JavaScript ➡️ ไม่มีปัญหาเรื่อง byte order (endianness) ➡️ เป็น encoding หลักของเว็บและระบบปฏิบัติการสมัยใหม่ ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ UTF-8 แบบผิดพลาด ⛔ การเข้ารหัสผิดอาจทำให้เกิด invalid byte sequences ⛔ โปรแกรมที่ไม่รองรับ UTF-8 อาจแสดงผลผิดหรือเกิด error https://iamvishnu.com/posts/utf8-is-brilliant-design
    IAMVISHNU.COM
    UTF-8 is a Brilliant Design — Vishnu's Pages
    Exploring the brilliant design of UTF-8 encoding system that represents millions of characters while being backward compatible with ASCII
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Oboe เปิดตัวแพลตฟอร์มเรียนรู้ด้วย AI — สร้างคอร์สได้ทันทีจากแค่คำถามเดียว”

    Oboe คือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วย AI ที่เพิ่งเปิดตัวโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Anchor ซึ่งเคยขายกิจการให้ Spotify ไปก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ให้สนุก ยืดหยุ่น และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผู้ใช้สามารถสร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากแค่การพิมพ์คำถามหรือหัวข้อที่สนใจ เช่น “ประวัติของข้าว” หรือ “วิธีออกเสียง pain au chocolat” แล้วระบบจะสร้างบทเรียนที่ประกอบด้วยบทความ เสียงพอดแคสต์ เกม และแบบทดสอบให้ทันที

    Oboe ใช้สถาปัตยกรรม AI แบบ multi-agent ที่ซับซ้อน โดยแต่ละ agent ทำหน้าที่เฉพาะ เช่น สร้างโครงสร้างบทเรียน เขียนสคริปต์พอดแคสต์ ดึงภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต และตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มเรียนรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ

    แพลตฟอร์มนี้มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความเชิงลึก พอดแคสต์แบบสนทนา เกม Word Quest ที่คล้าย Wordle และแบบทดสอบที่ออกแบบให้เบาสมองและเหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน โดยไม่มีโฆษณาแทรก และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามหัวข้อที่เรียนจบ

    Oboe เปิดให้สร้างคอร์สฟรีได้ 5 ครั้ง และมีแผนสมาชิกแบบเสียเงินสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างคอร์สเพิ่มถึง 30 หรือ 100 คอร์สต่อเดือน เหมาะกับทั้งผู้เรียนทั่วไปและผู้จัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูล

    จุดเด่นของแพลตฟอร์ม Oboe
    สร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากคำถามหรือหัวข้อใดก็ได้
    ใช้ AI แบบ multi-agent ที่ทำงานแบบขนานเพื่อสร้างเนื้อหาอย่างรวดเร็ว
    มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความ เสียง เกม และแบบทดสอบ
    ไม่มีโฆษณา และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามความสนใจ

    ความสามารถของระบบ AI
    agent แต่ละตัวรับผิดชอบด้านต่าง ๆ เช่น เขียนสคริปต์ ดึงภาพจริง ตรวจสอบเนื้อหา
    ใช้ภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ภาพที่สร้างจาก AI
    ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด
    สร้างคอร์สได้ภายในไม่กี่วินาที — เหมาะกับการเรียนรู้แบบทันใจ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้ก่อตั้งเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Spotify audiobooks
    Oboe ได้รับเงินลงทุนกว่า $4 ล้านจาก Eniac Ventures
    มีระบบพอดแคสต์แบบสนทนา 2 คน คล้าย Google NotebookLM
    เหมาะกับผู้เรียนทั่วไป นักเรียน นักวิจัย หรือผู้จัดการเรียนการสอน

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/oboe-just-launched-its-an-ai-powered-platform-that-helps-you-learn-anything
    🎓 “Oboe เปิดตัวแพลตฟอร์มเรียนรู้ด้วย AI — สร้างคอร์สได้ทันทีจากแค่คำถามเดียว” Oboe คือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วย AI ที่เพิ่งเปิดตัวโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Anchor ซึ่งเคยขายกิจการให้ Spotify ไปก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ให้สนุก ยืดหยุ่น และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผู้ใช้สามารถสร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากแค่การพิมพ์คำถามหรือหัวข้อที่สนใจ เช่น “ประวัติของข้าว” หรือ “วิธีออกเสียง pain au chocolat” แล้วระบบจะสร้างบทเรียนที่ประกอบด้วยบทความ เสียงพอดแคสต์ เกม และแบบทดสอบให้ทันที Oboe ใช้สถาปัตยกรรม AI แบบ multi-agent ที่ซับซ้อน โดยแต่ละ agent ทำหน้าที่เฉพาะ เช่น สร้างโครงสร้างบทเรียน เขียนสคริปต์พอดแคสต์ ดึงภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต และตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มเรียนรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ แพลตฟอร์มนี้มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความเชิงลึก พอดแคสต์แบบสนทนา เกม Word Quest ที่คล้าย Wordle และแบบทดสอบที่ออกแบบให้เบาสมองและเหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน โดยไม่มีโฆษณาแทรก และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามหัวข้อที่เรียนจบ Oboe เปิดให้สร้างคอร์สฟรีได้ 5 ครั้ง และมีแผนสมาชิกแบบเสียเงินสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างคอร์สเพิ่มถึง 30 หรือ 100 คอร์สต่อเดือน เหมาะกับทั้งผู้เรียนทั่วไปและผู้จัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูล ✅ จุดเด่นของแพลตฟอร์ม Oboe ➡️ สร้างคอร์สเรียนรู้ได้ทันทีจากคำถามหรือหัวข้อใดก็ได้ ➡️ ใช้ AI แบบ multi-agent ที่ทำงานแบบขนานเพื่อสร้างเนื้อหาอย่างรวดเร็ว ➡️ มีรูปแบบการเรียนรู้ให้เลือกถึง 9 แบบ เช่น บทความ เสียง เกม และแบบทดสอบ ➡️ ไม่มีโฆษณา และมีระบบแนะนำคอร์สต่อเนื่องตามความสนใจ ✅ ความสามารถของระบบ AI ➡️ agent แต่ละตัวรับผิดชอบด้านต่าง ๆ เช่น เขียนสคริปต์ ดึงภาพจริง ตรวจสอบเนื้อหา ➡️ ใช้ภาพจริงจากอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ภาพที่สร้างจาก AI ➡️ ตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด ➡️ สร้างคอร์สได้ภายในไม่กี่วินาที — เหมาะกับการเรียนรู้แบบทันใจ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้ก่อตั้งเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Spotify audiobooks ➡️ Oboe ได้รับเงินลงทุนกว่า $4 ล้านจาก Eniac Ventures ➡️ มีระบบพอดแคสต์แบบสนทนา 2 คน คล้าย Google NotebookLM ➡️ เหมาะกับผู้เรียนทั่วไป นักเรียน นักวิจัย หรือผู้จัดการเรียนการสอน https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/oboe-just-launched-its-an-ai-powered-platform-that-helps-you-learn-anything
    WWW.TECHRADAR.COM
    Oboe's AI makes everyday curiosity into interactive lessons.
    Choose how you learn using everything from games to podcasts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NVIDIA Blackwell Ultra GB300 ทำลายสถิติ MLPerf — เร็วขึ้น 45% ใน DeepSeek R1 พร้อมเทคนิคใหม่ที่เปลี่ยนเกม AI inference”

    NVIDIA ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการทดสอบ MLPerf v5.1 โดยชิป Blackwell Ultra GB300 NVL72 rack-scale system สามารถทำความเร็วในการประมวลผล inference ได้สูงกว่ารุ่นก่อนหน้า GB200 ถึง 45% ในโมเดล DeepSeek R1 ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนที่สุดในปัจจุบัน

    ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสานระหว่างฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังและการปรับแต่งซอฟต์แวร์อย่างลึกซึ้ง โดย GB300 ใช้ tensor core ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 2 เท่าในส่วน attention-layer และเพิ่ม FLOPS ด้าน AI compute อีก 1.5 เท่า พร้อมหน่วยความจำ HBM3e สูงสุด 288GB ต่อ GPU

    ในด้านซอฟต์แวร์ NVIDIA ใช้ฟอร์แมต NVFP4 ซึ่งเป็น floating point แบบ 4-bit ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI reasoning โดยสามารถลดขนาดโมเดลและเพิ่ม throughput ได้โดยไม่เสียความแม่นยำ นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคการ “shard” โมเดล Llama 3.1 405B ข้ามหลาย GPU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่ม latency

    ระบบ GB300 NVL72 ยังมีแบนด์วิดท์รวมถึง 130 TBps ด้วย NVLink fabric ความเร็ว 1.8 TBps ระหว่าง GPU แต่ละตัว ทำให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและไม่มีคอขวด

    ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “AI Factory” ที่ NVIDIA ผลักดัน โดยเชื่อว่าการเพิ่ม throughput ในการประมวลผล AI จะช่วยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และทำให้ระบบมีประสิทธิภาพสูงสุดในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นสินทรัพย์หลัก

    ความสามารถของ Blackwell Ultra GB300
    เพิ่มความเร็ว inference ใน DeepSeek R1 ได้ถึง 45% เมื่อเทียบกับ GB200
    เร็วกว่า Hopper GPU รุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า
    ใช้ tensor core ที่มี 2X attention-layer acceleration และ 1.5X AI compute FLOPS
    หน่วยความจำ HBM3e สูงสุด 288GB ต่อ GPU

    เทคนิคซอฟต์แวร์ที่ใช้
    ใช้ NVFP4 format เพื่อลดขนาดโมเดลและเพิ่ม throughput
    ใช้ TensorRT Model Optimizer และ TensorRT-LLM library เพื่อปรับแต่งโมเดล
    shard โมเดล Llama 3.1 405B ข้ามหลาย GPU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ใช้ NVLink fabric ความเร็ว 1.8 TBps ระหว่าง GPU รวมเป็น 130 TBps

    ผลการทดสอบ MLPerf v5.1
    GB300 NVL72 ทำลายสถิติใน DeepSeek R1, Llama 3.1 405B, Llama 3.1 8B และ Whisper
    เพิ่ม throughput ต่อ GPU ได้เกือบ 50% ด้วยเทคนิค disaggregated serving
    ลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพในงาน interactive AI
    เหมาะกับการใช้งานในระบบ AI Factory ที่ต้องการประมวลผลจำนวนมาก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DeepSeek R1 เป็นโมเดล MoE ขนาด 671B parameter ที่ต้องใช้ compute สูงมาก
    Whisper กลายเป็นโมเดลแปลงเสียงยอดนิยมบน HuggingFace ด้วยยอดดาวน์โหลดเกือบ 5 ล้านครั้ง
    Llama 3.1 405B มีความต้องการด้าน latency และ throughput สูงกว่ารุ่นก่อน
    Hopper GPU เริ่มล้าสมัยเมื่อเทียบกับ Blackwell Ultra ในงาน inference

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-claims-software-and-hardware-upgrades-allow-blackwell-ultra-gb300-to-dominate-mlperf-benchmarks-touts-45-percent-deepseek-r-1-inference-throughput-increase-over-gb200
    🚀 “NVIDIA Blackwell Ultra GB300 ทำลายสถิติ MLPerf — เร็วขึ้น 45% ใน DeepSeek R1 พร้อมเทคนิคใหม่ที่เปลี่ยนเกม AI inference” NVIDIA ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการทดสอบ MLPerf v5.1 โดยชิป Blackwell Ultra GB300 NVL72 rack-scale system สามารถทำความเร็วในการประมวลผล inference ได้สูงกว่ารุ่นก่อนหน้า GB200 ถึง 45% ในโมเดล DeepSeek R1 ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนที่สุดในปัจจุบัน ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสานระหว่างฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังและการปรับแต่งซอฟต์แวร์อย่างลึกซึ้ง โดย GB300 ใช้ tensor core ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 2 เท่าในส่วน attention-layer และเพิ่ม FLOPS ด้าน AI compute อีก 1.5 เท่า พร้อมหน่วยความจำ HBM3e สูงสุด 288GB ต่อ GPU ในด้านซอฟต์แวร์ NVIDIA ใช้ฟอร์แมต NVFP4 ซึ่งเป็น floating point แบบ 4-bit ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI reasoning โดยสามารถลดขนาดโมเดลและเพิ่ม throughput ได้โดยไม่เสียความแม่นยำ นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคการ “shard” โมเดล Llama 3.1 405B ข้ามหลาย GPU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่ม latency ระบบ GB300 NVL72 ยังมีแบนด์วิดท์รวมถึง 130 TBps ด้วย NVLink fabric ความเร็ว 1.8 TBps ระหว่าง GPU แต่ละตัว ทำให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและไม่มีคอขวด ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “AI Factory” ที่ NVIDIA ผลักดัน โดยเชื่อว่าการเพิ่ม throughput ในการประมวลผล AI จะช่วยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และทำให้ระบบมีประสิทธิภาพสูงสุดในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นสินทรัพย์หลัก ✅ ความสามารถของ Blackwell Ultra GB300 ➡️ เพิ่มความเร็ว inference ใน DeepSeek R1 ได้ถึง 45% เมื่อเทียบกับ GB200 ➡️ เร็วกว่า Hopper GPU รุ่นก่อนหน้าถึง 5 เท่า ➡️ ใช้ tensor core ที่มี 2X attention-layer acceleration และ 1.5X AI compute FLOPS ➡️ หน่วยความจำ HBM3e สูงสุด 288GB ต่อ GPU ✅ เทคนิคซอฟต์แวร์ที่ใช้ ➡️ ใช้ NVFP4 format เพื่อลดขนาดโมเดลและเพิ่ม throughput ➡️ ใช้ TensorRT Model Optimizer และ TensorRT-LLM library เพื่อปรับแต่งโมเดล ➡️ shard โมเดล Llama 3.1 405B ข้ามหลาย GPU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ใช้ NVLink fabric ความเร็ว 1.8 TBps ระหว่าง GPU รวมเป็น 130 TBps ✅ ผลการทดสอบ MLPerf v5.1 ➡️ GB300 NVL72 ทำลายสถิติใน DeepSeek R1, Llama 3.1 405B, Llama 3.1 8B และ Whisper ➡️ เพิ่ม throughput ต่อ GPU ได้เกือบ 50% ด้วยเทคนิค disaggregated serving ➡️ ลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพในงาน interactive AI ➡️ เหมาะกับการใช้งานในระบบ AI Factory ที่ต้องการประมวลผลจำนวนมาก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DeepSeek R1 เป็นโมเดล MoE ขนาด 671B parameter ที่ต้องใช้ compute สูงมาก ➡️ Whisper กลายเป็นโมเดลแปลงเสียงยอดนิยมบน HuggingFace ด้วยยอดดาวน์โหลดเกือบ 5 ล้านครั้ง ➡️ Llama 3.1 405B มีความต้องการด้าน latency และ throughput สูงกว่ารุ่นก่อน ➡️ Hopper GPU เริ่มล้าสมัยเมื่อเทียบกับ Blackwell Ultra ในงาน inference https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-claims-software-and-hardware-upgrades-allow-blackwell-ultra-gb300-to-dominate-mlperf-benchmarks-touts-45-percent-deepseek-r-1-inference-throughput-increase-over-gb200
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ้นสลายพรรคการเมืองรวมการเฉพาะกิจ ทำแฟนคลับใจสลายยิ่งกว่าเดิม แต่ละตัวคืนร่างเดิม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สิ้นสลายพรรคการเมืองรวมการเฉพาะกิจ ทำแฟนคลับใจสลายยิ่งกว่าเดิม แต่ละตัวคืนร่างเดิม #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Blackwell ถึง BlueField: เมื่อ Giga Computing เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ที่รวมทุกสิ่งไว้ในแร็คเดียว

    Giga Computing ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GIGABYTE ได้เปิดตัว XL44-SX2-AAS1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในกลุ่ม NVIDIA RTX PRO Server โดยใช้สถาปัตยกรรม MGX ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับองค์กรโดยเฉพาะ

    ภายในเซิร์ฟเวอร์นี้มี GPU รุ่น RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition ถึง 8 ตัว แต่ละตัวมี 24,064 CUDA cores, 96 GB GDDR7 ECC memory และสามารถประมวลผล FP4 ได้ถึง 3.7 PFLOPS พร้อม DPU รุ่น BlueField-3 ที่ให้แบนด์วิดธ์ 400 Gb/s สำหรับการเข้าถึงข้อมูลและความปลอดภัยของ runtime

    ที่โดดเด่นคือการใช้ NVIDIA ConnectX-8 SuperNIC จำนวน 4 ตัว ซึ่งรองรับ PCIe Gen 6 x16 และสามารถเชื่อมต่อ GPU-to-GPU โดยตรงด้วยแบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 800 Gb/s ต่อ GPU—ช่วยให้การเทรนโมเดลแบบกระจาย (distributed training) ทำได้เร็วขึ้นและเสถียรมากขึ้น

    ระบบนี้ยังมาพร้อมกับซีพียู Intel Xeon 6700/6500 series แบบ dual-socket, RAM DDR5 สูงสุด 32 DIMMs, และพาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 3+1 ขนาด 3200W ที่ผ่านมาตรฐาน 80 Plus Titanium เพื่อรองรับการทำงาน 24/7

    นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว XL44 ยังมาพร้อมกับ NVIDIA AI Enterprise ที่รวม microservices อย่าง NIM, รองรับ Omniverse สำหรับ digital twins และ Cosmos สำหรับ physical AI—ทำให้สามารถนำโมเดลจากโลกเสมือนเข้าสู่การใช้งานจริงได้ทันที

    สเปกหลักของ GIGABYTE XL44-SX2-AAS1
    ใช้ GPU RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition × 8 ตัว
    แต่ละ GPU มี 96 GB GDDR7 ECC, 3.7 PFLOPS FP4, 117 TFLOPS FP32
    ใช้ DPU BlueField-3 และ SuperNIC ConnectX-8 × 4 ตัว

    ความสามารถด้านการเชื่อมต่อและประมวลผล
    รองรับ PCIe Gen 6 x16 และ InfiniBand/Ethernet สูงสุด 800 Gb/s ต่อ GPU
    มี 2×400GbE external connections สำหรับ data center traffic
    รองรับ GPU-to-GPU direct communication สำหรับ distributed AI

    ฮาร์ดแวร์ระดับ data center
    Dual Intel Xeon 6700/6500 series CPU
    รองรับ DDR5 DIMM สูงสุด 32 แถว
    พาวเวอร์ซัพพลาย 3+1 redundant 3200W 80 Plus Titanium

    ซอฟต์แวร์และการใช้งาน
    มาพร้อม NVIDIA AI Enterprise, NIM, Omniverse และ Cosmos
    รองรับงาน AI inference, physical AI, 3D simulation, video processing
    ใช้งานได้กับ Windows, Linux, Kubernetes และ virtualization

    การใช้งานในอุตสาหกรรม
    เหมาะกับ smart manufacturing, financial modeling, medical research
    รองรับ LLM inference และการสร้าง digital twins
    พร้อมใช้งานทั่วไปในเดือนตุลาคม 2025

    https://www.techpowerup.com/340680/giga-computing-expands-nvidia-rtx-pro-server-portfolio
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Blackwell ถึง BlueField: เมื่อ Giga Computing เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ที่รวมทุกสิ่งไว้ในแร็คเดียว Giga Computing ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GIGABYTE ได้เปิดตัว XL44-SX2-AAS1 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในกลุ่ม NVIDIA RTX PRO Server โดยใช้สถาปัตยกรรม MGX ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ระดับองค์กรโดยเฉพาะ ภายในเซิร์ฟเวอร์นี้มี GPU รุ่น RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition ถึง 8 ตัว แต่ละตัวมี 24,064 CUDA cores, 96 GB GDDR7 ECC memory และสามารถประมวลผล FP4 ได้ถึง 3.7 PFLOPS พร้อม DPU รุ่น BlueField-3 ที่ให้แบนด์วิดธ์ 400 Gb/s สำหรับการเข้าถึงข้อมูลและความปลอดภัยของ runtime ที่โดดเด่นคือการใช้ NVIDIA ConnectX-8 SuperNIC จำนวน 4 ตัว ซึ่งรองรับ PCIe Gen 6 x16 และสามารถเชื่อมต่อ GPU-to-GPU โดยตรงด้วยแบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 800 Gb/s ต่อ GPU—ช่วยให้การเทรนโมเดลแบบกระจาย (distributed training) ทำได้เร็วขึ้นและเสถียรมากขึ้น ระบบนี้ยังมาพร้อมกับซีพียู Intel Xeon 6700/6500 series แบบ dual-socket, RAM DDR5 สูงสุด 32 DIMMs, และพาวเวอร์ซัพพลายแบบ redundant 3+1 ขนาด 3200W ที่ผ่านมาตรฐาน 80 Plus Titanium เพื่อรองรับการทำงาน 24/7 นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว XL44 ยังมาพร้อมกับ NVIDIA AI Enterprise ที่รวม microservices อย่าง NIM, รองรับ Omniverse สำหรับ digital twins และ Cosmos สำหรับ physical AI—ทำให้สามารถนำโมเดลจากโลกเสมือนเข้าสู่การใช้งานจริงได้ทันที ✅ สเปกหลักของ GIGABYTE XL44-SX2-AAS1 ➡️ ใช้ GPU RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition × 8 ตัว ➡️ แต่ละ GPU มี 96 GB GDDR7 ECC, 3.7 PFLOPS FP4, 117 TFLOPS FP32 ➡️ ใช้ DPU BlueField-3 และ SuperNIC ConnectX-8 × 4 ตัว ✅ ความสามารถด้านการเชื่อมต่อและประมวลผล ➡️ รองรับ PCIe Gen 6 x16 และ InfiniBand/Ethernet สูงสุด 800 Gb/s ต่อ GPU ➡️ มี 2×400GbE external connections สำหรับ data center traffic ➡️ รองรับ GPU-to-GPU direct communication สำหรับ distributed AI ✅ ฮาร์ดแวร์ระดับ data center ➡️ Dual Intel Xeon 6700/6500 series CPU ➡️ รองรับ DDR5 DIMM สูงสุด 32 แถว ➡️ พาวเวอร์ซัพพลาย 3+1 redundant 3200W 80 Plus Titanium ✅ ซอฟต์แวร์และการใช้งาน ➡️ มาพร้อม NVIDIA AI Enterprise, NIM, Omniverse และ Cosmos ➡️ รองรับงาน AI inference, physical AI, 3D simulation, video processing ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, Linux, Kubernetes และ virtualization ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม ➡️ เหมาะกับ smart manufacturing, financial modeling, medical research ➡️ รองรับ LLM inference และการสร้าง digital twins ➡️ พร้อมใช้งานทั่วไปในเดือนตุลาคม 2025 https://www.techpowerup.com/340680/giga-computing-expands-nvidia-rtx-pro-server-portfolio
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Giga Computing Expands NVIDIA RTX PRO Server Portfolio
    Giga Computing, a subsidiary of GIGABYTE Group, today announced the availability of the XL44-SX2-AAS1 server, integrating NVIDIA RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition GPUs with the NVIDIA BlueField-3 DPU and NVIDIA ConnectX-8 SuperNICs, this breakthrough platform unifies computing and high-speed dat...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก TS434U: เมื่อกล่องเก็บข้อมูลกลายเป็นอุปกรณ์ที่ “คิดเผื่อ” ให้คุณแล้ว

    SilverStone เปิดตัว TS434U ซึ่งเป็นกล่องเก็บข้อมูลแบบ external ขนาด 4-bay ที่รองรับทั้ง HDD และ SSD ขนาด 3.5 นิ้วและ 2.5 นิ้ว โดยใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB 3.2 Gen 2 Type-C ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 10Gbps พร้อมระบบ hot-swap ที่ให้คุณเปลี่ยนไดรฟ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง

    ภายในตัวกล่องใช้ชิปควบคุมจาก ASMedia ได้แก่ ASM2074 และ ASM235CM จำนวน 4 ตัว เพื่อจัดการการเชื่อมต่อของแต่ละไดรฟ์อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีพัดลมขนาด 120 มม. ที่ติดตั้งด้านล่างเพื่อระบายความร้อน พร้อมระบบป้องกันความร้อนเกินแบบ built-in

    ดีไซน์ด้านหน้ามีฝาแม่เหล็กที่สามารถถอดออกและติดไว้ด้านข้างได้ เพื่อให้เข้าถึงไดรฟ์ได้ง่าย และยังช่วยซ่อนไฟ LED ที่แสดงสถานะของพลังงาน พัดลม และการทำงานของแต่ละไดรฟ์ด้วยสีที่แตกต่างกัน

    TS434U ไม่รองรับ hardware RAID แต่สามารถตั้งค่า software RAID ผ่านระบบปฏิบัติการ เช่น macOS Disk Utility หรือ Windows Storage Spaces ได้ตามต้องการ

    คุณสมบัติหลักของ SilverStone TS434U
    รองรับ 4 × 3.5" HDD หรือ 2.5" SSD ด้วย SATA I/II/III
    เชื่อมต่อผ่าน USB 3.2 Gen 2 Type-C ความเร็วสูงสุด 10Gbps
    รองรับ hot-swap เปลี่ยนไดรฟ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง

    ระบบภายในและการควบคุม
    ใช้ชิป ASMedia ASM2074 และ ASM235CM × 4
    พัดลม 120 มม. แบบ dual-ball bearing ติดตั้งด้านล่าง
    มีระบบป้องกันความร้อนเกินและ sleep mode ประหยัดพลังงาน

    ดีไซน์และการใช้งาน
    ฝาแม่เหล็กด้านหน้า ถอดและติดด้านข้างได้
    LED แสดงสถานะพลังงาน พัดลม และ HDD แต่ละตัว
    ติดตั้งไดรฟ์แบบ tool-free สำหรับ 3.5" HDD

    การตั้งค่า RAID และการใช้งานร่วมกับระบบ
    ไม่รองรับ hardware RAID ต้องใช้ software RAID ผ่าน OS
    รองรับ macOS, Windows, Linux และระบบอื่น ๆ
    เหมาะกับงานสำรองข้อมูล, สื่อมัลติมีเดีย, และการใช้งานระดับมืออาชีพ

    https://www.techpowerup.com/340672/silverstone-launches-ts434u-external-4-bay-10gbps-sata-hot-swap-hard-drive-enclosure
    🎙️ เรื่องเล่าจาก TS434U: เมื่อกล่องเก็บข้อมูลกลายเป็นอุปกรณ์ที่ “คิดเผื่อ” ให้คุณแล้ว SilverStone เปิดตัว TS434U ซึ่งเป็นกล่องเก็บข้อมูลแบบ external ขนาด 4-bay ที่รองรับทั้ง HDD และ SSD ขนาด 3.5 นิ้วและ 2.5 นิ้ว โดยใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB 3.2 Gen 2 Type-C ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 10Gbps พร้อมระบบ hot-swap ที่ให้คุณเปลี่ยนไดรฟ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง ภายในตัวกล่องใช้ชิปควบคุมจาก ASMedia ได้แก่ ASM2074 และ ASM235CM จำนวน 4 ตัว เพื่อจัดการการเชื่อมต่อของแต่ละไดรฟ์อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีพัดลมขนาด 120 มม. ที่ติดตั้งด้านล่างเพื่อระบายความร้อน พร้อมระบบป้องกันความร้อนเกินแบบ built-in ดีไซน์ด้านหน้ามีฝาแม่เหล็กที่สามารถถอดออกและติดไว้ด้านข้างได้ เพื่อให้เข้าถึงไดรฟ์ได้ง่าย และยังช่วยซ่อนไฟ LED ที่แสดงสถานะของพลังงาน พัดลม และการทำงานของแต่ละไดรฟ์ด้วยสีที่แตกต่างกัน TS434U ไม่รองรับ hardware RAID แต่สามารถตั้งค่า software RAID ผ่านระบบปฏิบัติการ เช่น macOS Disk Utility หรือ Windows Storage Spaces ได้ตามต้องการ ✅ คุณสมบัติหลักของ SilverStone TS434U ➡️ รองรับ 4 × 3.5" HDD หรือ 2.5" SSD ด้วย SATA I/II/III ➡️ เชื่อมต่อผ่าน USB 3.2 Gen 2 Type-C ความเร็วสูงสุด 10Gbps ➡️ รองรับ hot-swap เปลี่ยนไดรฟ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดเครื่อง ✅ ระบบภายในและการควบคุม ➡️ ใช้ชิป ASMedia ASM2074 และ ASM235CM × 4 ➡️ พัดลม 120 มม. แบบ dual-ball bearing ติดตั้งด้านล่าง ➡️ มีระบบป้องกันความร้อนเกินและ sleep mode ประหยัดพลังงาน ✅ ดีไซน์และการใช้งาน ➡️ ฝาแม่เหล็กด้านหน้า ถอดและติดด้านข้างได้ ➡️ LED แสดงสถานะพลังงาน พัดลม และ HDD แต่ละตัว ➡️ ติดตั้งไดรฟ์แบบ tool-free สำหรับ 3.5" HDD ✅ การตั้งค่า RAID และการใช้งานร่วมกับระบบ ➡️ ไม่รองรับ hardware RAID ต้องใช้ software RAID ผ่าน OS ➡️ รองรับ macOS, Windows, Linux และระบบอื่น ๆ ➡️ เหมาะกับงานสำรองข้อมูล, สื่อมัลติมีเดีย, และการใช้งานระดับมืออาชีพ https://www.techpowerup.com/340672/silverstone-launches-ts434u-external-4-bay-10gbps-sata-hot-swap-hard-drive-enclosure
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    SilverStone Launches TS434U External 4-Bay 10Gbps SATA Hot-Swap Hard Drive Enclosure
    SilverStone has launched the TS434U, a compact external hard drive enclosure designed for users who need high-capacity storage with modern connectivity. Measuring 158 mm × 173 mm × 210 mm, it holds up to four 3.5-inch HDDs or 2.5-inch SSDs using regular SATA I/II/III connections with full hot-swap f...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก PartyBoost: เมื่อปุ่มเล็ก ๆ บน JBL กลายเป็นตัวเชื่อมเสียงให้ล้อมรอบคุณ

    หลายคนอาจเคยเห็นปุ่มรูป ∞ บนลำโพง JBL แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร คำตอบคือ “PartyBoost”—ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลำโพง JBL หลายตัวสามารถเชื่อมต่อกันแบบไร้สาย และเล่นเพลงพร้อมกันได้สูงสุดถึง 99 ตัวในโหมด Party Mode หรือจับคู่สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode

    ฟีเจอร์นี้เหมาะกับสถานการณ์หลากหลาย เช่น ปาร์ตี้ริมสระน้ำที่วาง Flip 6 ไว้ข้างสระ และ Charge 5 ไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้เพื่อให้เสียงกระจายทั่วพื้นที่โดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือจะใช้สองตัวในห้องนั่งเล่นเพื่อสร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา

    การใช้งานก็ง่ายมาก: เปิดลำโพง JBL ที่รองรับ PartyBoost อย่างน้อยสองตัว, เชื่อมต่อ Bluetooth กับตัวใดตัวหนึ่ง, เปิดเพลง, แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว จากนั้นใช้แอป JBL Portable เพื่อเลือกโหมดที่ต้องการ

    ฟีเจอร์ PartyBoost บนลำโพง JBL
    เชื่อมต่อลำโพงได้สูงสุด 99 ตัวในโหมด Party Mode
    ใช้สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode
    ปุ่มอินฟินิตี้คือตัวเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

    การใช้งาน PartyBoost
    เปิดลำโพงที่รองรับ PartyBoost เช่น Flip 5/6, Charge 5, Xtreme 3
    เชื่อมต่อ Bluetooth กับลำโพงตัวแรก
    กดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว แล้วใช้แอป JBL Portable เลือกโหมด

    ประโยชน์ของ PartyBoost
    ขยายพื้นที่เสียงโดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่
    สร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา
    เหมาะกับปาร์ตี้กลางแจ้งหรือการใช้งานในบ้าน

    ความสามารถของลำโพง JBL ที่รองรับ
    ทนทานต่อฝุ่นและน้ำ เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง
    ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย
    เสียงคุณภาพดีเมื่อใช้งานเดี่ยว และยอดเยี่ยมเมื่อเชื่อมต่อหลายตัว

    https://www.slashgear.com/1955729/what-does-infinity-button-do-jbl-speaker/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก PartyBoost: เมื่อปุ่มเล็ก ๆ บน JBL กลายเป็นตัวเชื่อมเสียงให้ล้อมรอบคุณ หลายคนอาจเคยเห็นปุ่มรูป ∞ บนลำโพง JBL แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร คำตอบคือ “PartyBoost”—ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลำโพง JBL หลายตัวสามารถเชื่อมต่อกันแบบไร้สาย และเล่นเพลงพร้อมกันได้สูงสุดถึง 99 ตัวในโหมด Party Mode หรือจับคู่สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode ฟีเจอร์นี้เหมาะกับสถานการณ์หลากหลาย เช่น ปาร์ตี้ริมสระน้ำที่วาง Flip 6 ไว้ข้างสระ และ Charge 5 ไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้เพื่อให้เสียงกระจายทั่วพื้นที่โดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่ หรือจะใช้สองตัวในห้องนั่งเล่นเพื่อสร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา การใช้งานก็ง่ายมาก: เปิดลำโพง JBL ที่รองรับ PartyBoost อย่างน้อยสองตัว, เชื่อมต่อ Bluetooth กับตัวใดตัวหนึ่ง, เปิดเพลง, แล้วกดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว จากนั้นใช้แอป JBL Portable เพื่อเลือกโหมดที่ต้องการ ✅ ฟีเจอร์ PartyBoost บนลำโพง JBL ➡️ เชื่อมต่อลำโพงได้สูงสุด 99 ตัวในโหมด Party Mode ➡️ ใช้สองตัวแบบเดียวกันเพื่อแยกเสียงซ้าย-ขวาในโหมด Stereo Mode ➡️ ปุ่มอินฟินิตี้คือตัวเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ✅ การใช้งาน PartyBoost ➡️ เปิดลำโพงที่รองรับ PartyBoost เช่น Flip 5/6, Charge 5, Xtreme 3 ➡️ เชื่อมต่อ Bluetooth กับลำโพงตัวแรก ➡️ กดปุ่มอินฟินิตี้บนแต่ละตัว แล้วใช้แอป JBL Portable เลือกโหมด ✅ ประโยชน์ของ PartyBoost ➡️ ขยายพื้นที่เสียงโดยไม่ต้องใช้ระบบเสียงขนาดใหญ่ ➡️ สร้างระบบเสียงรอบทิศทางแบบพกพา ➡️ เหมาะกับปาร์ตี้กลางแจ้งหรือการใช้งานในบ้าน ✅ ความสามารถของลำโพง JBL ที่รองรับ ➡️ ทนทานต่อฝุ่นและน้ำ เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง ➡️ ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ➡️ เสียงคุณภาพดีเมื่อใช้งานเดี่ยว และยอดเยี่ยมเมื่อเชื่อมต่อหลายตัว https://www.slashgear.com/1955729/what-does-infinity-button-do-jbl-speaker/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Does The Infinity Button Do On A JBL Speaker? - SlashGear
    The infinity (PartyBoost) button on JBL speakers links upto 99 compatible units into a synchronized “party mode,” streaming the same audio across all devices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ต้องอภิปราย ก็สามารถลงคะแนนไม่ไว้วางใจได้เลย แต่ละตัว ชัวร์ไม่มีดี
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไม่ต้องอภิปราย ก็สามารถลงคะแนนไม่ไว้วางใจได้เลย แต่ละตัว ชัวร์ไม่มีดี #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานนี้ อ.วีระ ฟ้องมันทุกๆตัวเลย,ทีมพิทักษ์ชาติอธิปไตยไทยเดอะแก๊งทนายแผ่นดิน กางแต่ละมาตราอะไรบ้างให้เหมาะสมแต่ละตัวแต่ละคนเลย ย้อนอดีตถึงนายกฯสมัยต่างๆนั้นที่เข้าสู่สายพานเกี่ยวกันเพื่อปล้นชาติขายชาติหรือเพื่อสมยอมผลประโยชน์ใดๆจะต่างตอบแทนลักษณะใดๆก็เอาให้โดนทุกๆตัวเลยนะ, อ.วีระ ต้องการทนายอาสาด่วนเพื่อกำจัดภัยของแผ่นดินไทยเรา อย่าส่งต่อภัยนี้แก่รุ่นต่อไปเลย เราคนร่วมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นตำนานผู้กระทำคุณงามความดีต่อชาติไทยเราแน่นอน เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายแผ่นดินไทยตน บอกแก่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเราว่าปู่ย่าตาทวดได้มีโอกาสรับใช้ชาติเยี่ยงสนามรบหนึ่งของกองทัพทหารไทยยุคสงครามไทยเขมรร่วมสมัยแน่นอน,

    ...ทนายแผ่นดินไทย อย่าให้อ.วีระ ต่อสู้เพียงลำพัง พวกท่านๆมาร่วมกันกวาดล้างทหารเลวชั่วก็ด้วยออกจากกองทัพไทยที่มีเกียรติแห่งคนไทยเราร่วมกันเถิด,ฝ่ายพลเรือนแบบเราๆสามารถคล่องตัวกว่าฝ่ายทหารไทยดีๆอย่างมาก,ร่วมเป็นเดอะทีมกำจัดคนเลวย่อมสุดยอดมาก.

    https://youtube.com/watch?v=nba8KenqRIk&si=o3B8WvtLrqxqmWtV
    งานนี้ อ.วีระ ฟ้องมันทุกๆตัวเลย,ทีมพิทักษ์ชาติอธิปไตยไทยเดอะแก๊งทนายแผ่นดิน กางแต่ละมาตราอะไรบ้างให้เหมาะสมแต่ละตัวแต่ละคนเลย ย้อนอดีตถึงนายกฯสมัยต่างๆนั้นที่เข้าสู่สายพานเกี่ยวกันเพื่อปล้นชาติขายชาติหรือเพื่อสมยอมผลประโยชน์ใดๆจะต่างตอบแทนลักษณะใดๆก็เอาให้โดนทุกๆตัวเลยนะ, อ.วีระ ต้องการทนายอาสาด่วนเพื่อกำจัดภัยของแผ่นดินไทยเรา อย่าส่งต่อภัยนี้แก่รุ่นต่อไปเลย เราคนร่วมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นตำนานผู้กระทำคุณงามความดีต่อชาติไทยเราแน่นอน เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายแผ่นดินไทยตน บอกแก่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเราว่าปู่ย่าตาทวดได้มีโอกาสรับใช้ชาติเยี่ยงสนามรบหนึ่งของกองทัพทหารไทยยุคสงครามไทยเขมรร่วมสมัยแน่นอน, ...ทนายแผ่นดินไทย อย่าให้อ.วีระ ต่อสู้เพียงลำพัง พวกท่านๆมาร่วมกันกวาดล้างทหารเลวชั่วก็ด้วยออกจากกองทัพไทยที่มีเกียรติแห่งคนไทยเราร่วมกันเถิด,ฝ่ายพลเรือนแบบเราๆสามารถคล่องตัวกว่าฝ่ายทหารไทยดีๆอย่างมาก,ร่วมเป็นเดอะทีมกำจัดคนเลวย่อมสุดยอดมาก. https://youtube.com/watch?v=nba8KenqRIk&si=o3B8WvtLrqxqmWtV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเจรจารีบหยุดยิงก็เพื่อคุ้มครองพวกนี้ด้วยนั้นเอง,ตลอดฐานทัพอเมริกาในชลบุรีด้วยกลัวโดนลูกหลงและตอบโต้ออกหน้าออกตาไม่ได้ด้วยหากเจอphl03ของเขมรตกใส่,กรณีปะทะกัน,อเมริกางานเข้าจึงรีบออกตัวจากพุ่มไม้ก็ว่า,
    ..ในด้านเล่นของมืดอาวุธมืดเงินทุนมืดเงินที่ฟอกตรึมทั่วโลกจากพวกมืดๆนี้ก็หมายระดมมาในช่วงหยุดยิงนี้ด้วย,เขมรชนะฮุนเซนก็ช่วยโทนี่ได้จริง ประเทศไทยก็จะปกครองในสไตล์ประธานาธิบดีสมใจโทนี่จากนั้นก็แบ่งบ่อน้ำมันให้ฮุนเซนให้อเมริกาให้ฝรั่งเศสตามที่รับเงินรับทองล่วงหน้าก่อนแล้วและเงินก้อนสุดท้ายหลังเสร็จงาน คือเดอะแก๊งทั้งหมดพวกนี้สำเร็จในการทำลายประเทศไทย ทำลายสถาบันนั้นเอง.,รัสเชียสนับสนุนทางลับไม่รู้หรือเขมรจากบ่อนคาสิโนสั่งซื้อเองนำเข้าผ่านเอกชนไทยที่สมคบคิดเปิดด่านขนอาวุธต่างๆแต่แรกนั้นเองช่วงผิดแผนอาจควบคุมไม่ได้นั้นก็ด้วย,และตอนนี้บ่อคาสิโนรับรู้ชาตะกรรมแน่แล้วจึงประสานงานทุกๆสาระพัดความเถื่อนฮับความเลวทั่วเขมรมาสุมหัวกันนำเข้าค้าอาวุธมาสู้ตายกับไทยนั่นเองเพราะไปไหนไม่รอดแล้ว ออกจากเขมรก็มีคดีมีหมายติดหัวในชาติต้นสกัดตนเองนั้นล่ะ,แต่ละตัวโทษตายโทษติดคุกตลอดชีวิตก็ว่า,จึงบีบขี้ข้าลูกหนี้บ่อนเหยื่อค้ามนุษย์ทั้งหมดทำตามคำสั่งมันเพื่อจัดการคนไทยทหารไทยแทรกซึมทำลายไทยทุกๆวิถีทาง นักการเมืองหรือใครๆที่มันเก็บความลับให้ซ่อนในฝั่งเขมร นายทุนเจ้าสัวพ่อค้าค้ากิจการใดๆที่บ่อนหรือฮับค้ามนุษย์เก็บหลักฐานความผิดตนเองไว้ที่เขมร หากพวกนี้ไม่ทำตามคำสั่งมัน มันจะแฉจะส่งความผิดนี้เปิดโปงสิ่งนี้แก่เจ้าหน้าที่ไทยลงโทษพวกนักการเมืองนักพนันนักเจ้าสัวที่ข้องเกี่ยวสิ่งชั่วเลวกับมันทั้งหมด,คนไทยนี้กลัวนะสิจึงเป็นไส้ศึกโดยง่ายดาย โดรนมากมายก็พวกเหี้ยนี้สั่งบินจากไทยนี้ล่ะ สมคบคิดกัน พักไว้ในบ้านไส้ศึกนี้,แลกยาบ้าแลกหนี้แลกสาระพัดมุกมันล่อคนไทยที่สิ้นคิดนี้ได้หมด,นายพลทหารเลวในไทยก็เป็นเจ้าของบ่อนในเขมรนะธรรมดาที่ไหน,คือทหารไทยยังลีลาไม่ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยจะรอกฎหมายปกติธรรมดาเดินเนื้องานฝันไม่เถอะจะทันเหลี่ยมมัน,เมื่อประกาศกฎอัยการศึกนะซึ่งนักการเมืองเลวเจ้าสัวกิจการชั่วdeep stateเองมันหวาดกลัวแน่นอน,แผนการต่างๆมันวางไว้อาจตัดตอนตัดขาเสียแผนมันมหาศาลมโหฬารนั้นเอง,แค่ทหารไทยจัดการภายในได้นะ ศึกกับเขมรเสมือนชนะแบบไม่ต้องรบเกิน90%ทันที,อเมริกาหมายจะเอาไทยตั้งฐานทัพสู้กับจีนสร้างหายนะในเอเชีย ประเทศไทยสงสัยว่าทำให้ไทยเสี่ยงด้านอธิปไตยไทยสู่สงครามไม่สงบในอาเชียนในเอเชีย สามารถเชิญฑูตต่างประเทศนั้นออกจากไทยไปก่อนได้ทันที ตัดตอนปฏิบัติการด้านสายข่าวเพื่อก่อสงครามได้ทันที เช่นอเมริกา ฝรั่งเศส เป็นต้น เชิญออกนอกประเทศไปก่อนเพราะต้องสงสัยสนับสนุนสร้างความไม่สงบในเอเชียและภูมิภาคอาเชียนนี้.,เราไม่จำเป็นต้องแคร์อะไร,ทดลองวิจัยสัก5-10ปีก็ได้ว่า เมื่อเชิญฑูตต่างชาติตะวันตกยุโรปอเมริกาออกจากประเทศไทย ดัชนีความสงบสุขเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือนัยยะหัวข้อต่างๆที่ตั้งสมมุติฐานไว้ เชิงบวกหรือเชิงลบ,ประเทศไทยไม่มีฑูตอเมริกาฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยชาติไทยมันจะพังพินาศล่มสลายก็ให้มันรู้ไป.

    https://youtube.com/shorts/EqJ_uOG7Xg4?si=DvD-DJ5t1DYZkWM1
    การเจรจารีบหยุดยิงก็เพื่อคุ้มครองพวกนี้ด้วยนั้นเอง,ตลอดฐานทัพอเมริกาในชลบุรีด้วยกลัวโดนลูกหลงและตอบโต้ออกหน้าออกตาไม่ได้ด้วยหากเจอphl03ของเขมรตกใส่,กรณีปะทะกัน,อเมริกางานเข้าจึงรีบออกตัวจากพุ่มไม้ก็ว่า, ..ในด้านเล่นของมืดอาวุธมืดเงินทุนมืดเงินที่ฟอกตรึมทั่วโลกจากพวกมืดๆนี้ก็หมายระดมมาในช่วงหยุดยิงนี้ด้วย,เขมรชนะฮุนเซนก็ช่วยโทนี่ได้จริง ประเทศไทยก็จะปกครองในสไตล์ประธานาธิบดีสมใจโทนี่จากนั้นก็แบ่งบ่อน้ำมันให้ฮุนเซนให้อเมริกาให้ฝรั่งเศสตามที่รับเงินรับทองล่วงหน้าก่อนแล้วและเงินก้อนสุดท้ายหลังเสร็จงาน คือเดอะแก๊งทั้งหมดพวกนี้สำเร็จในการทำลายประเทศไทย ทำลายสถาบันนั้นเอง.,รัสเชียสนับสนุนทางลับไม่รู้หรือเขมรจากบ่อนคาสิโนสั่งซื้อเองนำเข้าผ่านเอกชนไทยที่สมคบคิดเปิดด่านขนอาวุธต่างๆแต่แรกนั้นเองช่วงผิดแผนอาจควบคุมไม่ได้นั้นก็ด้วย,และตอนนี้บ่อคาสิโนรับรู้ชาตะกรรมแน่แล้วจึงประสานงานทุกๆสาระพัดความเถื่อนฮับความเลวทั่วเขมรมาสุมหัวกันนำเข้าค้าอาวุธมาสู้ตายกับไทยนั่นเองเพราะไปไหนไม่รอดแล้ว ออกจากเขมรก็มีคดีมีหมายติดหัวในชาติต้นสกัดตนเองนั้นล่ะ,แต่ละตัวโทษตายโทษติดคุกตลอดชีวิตก็ว่า,จึงบีบขี้ข้าลูกหนี้บ่อนเหยื่อค้ามนุษย์ทั้งหมดทำตามคำสั่งมันเพื่อจัดการคนไทยทหารไทยแทรกซึมทำลายไทยทุกๆวิถีทาง นักการเมืองหรือใครๆที่มันเก็บความลับให้ซ่อนในฝั่งเขมร นายทุนเจ้าสัวพ่อค้าค้ากิจการใดๆที่บ่อนหรือฮับค้ามนุษย์เก็บหลักฐานความผิดตนเองไว้ที่เขมร หากพวกนี้ไม่ทำตามคำสั่งมัน มันจะแฉจะส่งความผิดนี้เปิดโปงสิ่งนี้แก่เจ้าหน้าที่ไทยลงโทษพวกนักการเมืองนักพนันนักเจ้าสัวที่ข้องเกี่ยวสิ่งชั่วเลวกับมันทั้งหมด,คนไทยนี้กลัวนะสิจึงเป็นไส้ศึกโดยง่ายดาย โดรนมากมายก็พวกเหี้ยนี้สั่งบินจากไทยนี้ล่ะ สมคบคิดกัน พักไว้ในบ้านไส้ศึกนี้,แลกยาบ้าแลกหนี้แลกสาระพัดมุกมันล่อคนไทยที่สิ้นคิดนี้ได้หมด,นายพลทหารเลวในไทยก็เป็นเจ้าของบ่อนในเขมรนะธรรมดาที่ไหน,คือทหารไทยยังลีลาไม่ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยจะรอกฎหมายปกติธรรมดาเดินเนื้องานฝันไม่เถอะจะทันเหลี่ยมมัน,เมื่อประกาศกฎอัยการศึกนะซึ่งนักการเมืองเลวเจ้าสัวกิจการชั่วdeep stateเองมันหวาดกลัวแน่นอน,แผนการต่างๆมันวางไว้อาจตัดตอนตัดขาเสียแผนมันมหาศาลมโหฬารนั้นเอง,แค่ทหารไทยจัดการภายในได้นะ ศึกกับเขมรเสมือนชนะแบบไม่ต้องรบเกิน90%ทันที,อเมริกาหมายจะเอาไทยตั้งฐานทัพสู้กับจีนสร้างหายนะในเอเชีย ประเทศไทยสงสัยว่าทำให้ไทยเสี่ยงด้านอธิปไตยไทยสู่สงครามไม่สงบในอาเชียนในเอเชีย สามารถเชิญฑูตต่างประเทศนั้นออกจากไทยไปก่อนได้ทันที ตัดตอนปฏิบัติการด้านสายข่าวเพื่อก่อสงครามได้ทันที เช่นอเมริกา ฝรั่งเศส เป็นต้น เชิญออกนอกประเทศไปก่อนเพราะต้องสงสัยสนับสนุนสร้างความไม่สงบในเอเชียและภูมิภาคอาเชียนนี้.,เราไม่จำเป็นต้องแคร์อะไร,ทดลองวิจัยสัก5-10ปีก็ได้ว่า เมื่อเชิญฑูตต่างชาติตะวันตกยุโรปอเมริกาออกจากประเทศไทย ดัชนีความสงบสุขเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือนัยยะหัวข้อต่างๆที่ตั้งสมมุติฐานไว้ เชิงบวกหรือเชิงลบ,ประเทศไทยไม่มีฑูตอเมริกาฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยชาติไทยมันจะพังพินาศล่มสลายก็ให้มันรู้ไป. https://youtube.com/shorts/EqJ_uOG7Xg4?si=DvD-DJ5t1DYZkWM1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Huawei CloudMatrix 384—AI ซูเปอร์คลัสเตอร์ที่ท้าชน Nvidia ด้วยพลังแห่งการรวมชิป

    ในงาน World Artificial Intelligence Conference 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ Huawei ได้เปิดตัวระบบ CloudMatrix 384 ซึ่งเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ AI ที่ประกอบด้วยชิป Ascend 910C จำนวน 384 ตัว เชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้างแบบ “all-to-all mesh” ผ่านสายออปติกความเร็วสูง

    แม้ชิปแต่ละตัวจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า Nvidia H100 แต่ Huawei ใช้กลยุทธ์ “จำนวนมาก + การออกแบบระบบ” เพื่อชดเชยข้อเสีย และสามารถให้ประสิทธิภาพรวมสูงกว่าระบบ Nvidia GB200 NVL72 ได้ในหลายด้าน เช่น:
    - ความเร็วในการประมวลผล BF16 สูงกว่า 1.7 เท่า
    - ความจุหน่วยความจำสูงกว่า 3.6 เท่า
    - แบนด์วิดธ์หน่วยความจำสูงกว่า 2.1 เท่า

    อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ใช้พลังงานมากกว่าถึง 3.9 เท่า และมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ต่ำกว่าถึง 2.3 เท่า ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำคัญในตลาดโลก แต่สำหรับจีนที่มีแหล่งพลังงานหลากหลายและราคาถูก นี่อาจไม่ใช่ปัญหา

    Huawei เปิดตัวระบบ CloudMatrix 384 ในงาน WAIC 2025 ที่เซี่ยงไฮ้
    ใช้ชิป Ascend 910C จำนวน 384 ตัว เชื่อมต่อแบบ all-to-all mesh ด้วยสายออปติก
    ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Nvidia GB200 NVL72

    ระบบสามารถประมวลผลได้ถึง 300 PFLOPs แบบ BF16
    สูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ทำได้ 180 PFLOPs
    เหมาะสำหรับงาน inference ของโมเดลขนาดใหญ่

    Ascend 910C มีประสิทธิภาพประมาณ 60% ของ Nvidia H100 ในงาน inference
    ใช้เทคนิค dual-chiplet และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 128 GB
    ผลิตโดย SMIC ด้วยเทคโนโลยี 7nm รุ่นใหม่

    ระบบมีความจุหน่วยความจำรวม 49.2 TB และแบนด์วิดธ์รวม 1229 TB/s
    สูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ถึง 3.6 เท่าในด้านความจุ และ 2.1 เท่าในด้านแบนด์วิดธ์
    รองรับการเชื่อมต่อแบบ scale-out ได้ถึง 165,000 NPU

    ระบบ CloudMatrix 384 ถูกติดตั้งแล้วบน Huawei Cloud และพร้อมใช้งานจริง
    ใช้ในงาน AI training และ inference ระดับองค์กร
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ

    Nvidia GB200 NVL72 ใช้ชิป Grace CPU 36 ตัว และ Blackwell GPU 72 ตัว
    ออกแบบให้ทำงานร่วมกันเป็น “GPU ขนาดยักษ์” สำหรับโมเดลระดับล้านล้านพารามิเตอร์
    มีข้อจำกัดด้านการส่งออกไปยังจีน

    Huawei ใช้สายออปติก 800G LPO จำนวน 6,912 เส้นในการเชื่อมต่อภายในระบบ
    ลด latency และเพิ่ม bandwidth ได้อย่างมหาศาล
    เป็นการออกแบบที่เน้น “ระบบ” มากกว่าชิปเดี่ยว

    DeepSeek AI ใช้ Ascend 910C สำหรับ inference และพบว่าประสิทธิภาพ “เกินคาด”
    ใช้เทคนิคแปลง CUDA เป็น CUNN ด้วยโค้ดเพียงบรรทัดเดียว
    ช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia

    จีนกำลังผลักดัน ecosystem ด้าน AI แบบครบวงจร ตั้งแต่ชิปถึงโมเดล
    มีการตั้งพันธมิตรระหว่างผู้ผลิตชิปและนักพัฒนา LLM
    เป้าหมายคือสร้างระบบ AI ที่ไม่ต้องพึ่งพาตะวันตก

    ระบบ CloudMatrix 384 ใช้พลังงานมากกว่าระบบ Nvidia ถึง 3.9 เท่า
    ประสิทธิภาพต่อวัตต์ต่ำกว่า Nvidia ถึง 2.3 เท่า
    อาจไม่เหมาะกับประเทศที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน

    ชิป Ascend 910C ยังไม่สามารถเทียบเท่า Nvidia H100 ในงาน training
    เหมาะกับ inference มากกว่า training ที่ต้องใช้ความเสถียรสูง
    ยังขาด ecosystem ด้านซอฟต์แวร์ที่เทียบเท่า CUDA

    ระบบ CloudMatrix ยังไม่มี benchmark สาธารณะหรือการทดสอบจากองค์กรอิสระ
    ข้อมูลส่วนใหญ่มาจาก Huawei และ SemiAnalysis
    ต้องรอการพิสูจน์จากการใช้งานจริงในระยะยาว

    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการลงโทษบริษัทที่ใช้ชิป Ascend 910C ทั่วโลก
    อ้างว่าใช้เทคโนโลยีที่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐฯ
    อาจส่งผลต่อบริษัทต่างชาติที่ร่วมใช้งานระบบนี้

    https://www.techspot.com/news/108891-huawei-cloudmatrix-384-ai-system-poised-challenge-nvidia.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Huawei CloudMatrix 384—AI ซูเปอร์คลัสเตอร์ที่ท้าชน Nvidia ด้วยพลังแห่งการรวมชิป ในงาน World Artificial Intelligence Conference 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ Huawei ได้เปิดตัวระบบ CloudMatrix 384 ซึ่งเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ AI ที่ประกอบด้วยชิป Ascend 910C จำนวน 384 ตัว เชื่อมต่อกันด้วยโครงสร้างแบบ “all-to-all mesh” ผ่านสายออปติกความเร็วสูง แม้ชิปแต่ละตัวจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า Nvidia H100 แต่ Huawei ใช้กลยุทธ์ “จำนวนมาก + การออกแบบระบบ” เพื่อชดเชยข้อเสีย และสามารถให้ประสิทธิภาพรวมสูงกว่าระบบ Nvidia GB200 NVL72 ได้ในหลายด้าน เช่น: - ความเร็วในการประมวลผล BF16 สูงกว่า 1.7 เท่า - ความจุหน่วยความจำสูงกว่า 3.6 เท่า - แบนด์วิดธ์หน่วยความจำสูงกว่า 2.1 เท่า อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ใช้พลังงานมากกว่าถึง 3.9 เท่า และมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ต่ำกว่าถึง 2.3 เท่า ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำคัญในตลาดโลก แต่สำหรับจีนที่มีแหล่งพลังงานหลากหลายและราคาถูก นี่อาจไม่ใช่ปัญหา ✅ Huawei เปิดตัวระบบ CloudMatrix 384 ในงาน WAIC 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ ➡️ ใช้ชิป Ascend 910C จำนวน 384 ตัว เชื่อมต่อแบบ all-to-all mesh ด้วยสายออปติก ➡️ ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Nvidia GB200 NVL72 ✅ ระบบสามารถประมวลผลได้ถึง 300 PFLOPs แบบ BF16 ➡️ สูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ทำได้ 180 PFLOPs ➡️ เหมาะสำหรับงาน inference ของโมเดลขนาดใหญ่ ✅ Ascend 910C มีประสิทธิภาพประมาณ 60% ของ Nvidia H100 ในงาน inference ➡️ ใช้เทคนิค dual-chiplet และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 128 GB ➡️ ผลิตโดย SMIC ด้วยเทคโนโลยี 7nm รุ่นใหม่ ✅ ระบบมีความจุหน่วยความจำรวม 49.2 TB และแบนด์วิดธ์รวม 1229 TB/s ➡️ สูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ถึง 3.6 เท่าในด้านความจุ และ 2.1 เท่าในด้านแบนด์วิดธ์ ➡️ รองรับการเชื่อมต่อแบบ scale-out ได้ถึง 165,000 NPU ✅ ระบบ CloudMatrix 384 ถูกติดตั้งแล้วบน Huawei Cloud และพร้อมใช้งานจริง ➡️ ใช้ในงาน AI training และ inference ระดับองค์กร ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ✅ Nvidia GB200 NVL72 ใช้ชิป Grace CPU 36 ตัว และ Blackwell GPU 72 ตัว ➡️ ออกแบบให้ทำงานร่วมกันเป็น “GPU ขนาดยักษ์” สำหรับโมเดลระดับล้านล้านพารามิเตอร์ ➡️ มีข้อจำกัดด้านการส่งออกไปยังจีน ✅ Huawei ใช้สายออปติก 800G LPO จำนวน 6,912 เส้นในการเชื่อมต่อภายในระบบ ➡️ ลด latency และเพิ่ม bandwidth ได้อย่างมหาศาล ➡️ เป็นการออกแบบที่เน้น “ระบบ” มากกว่าชิปเดี่ยว ✅ DeepSeek AI ใช้ Ascend 910C สำหรับ inference และพบว่าประสิทธิภาพ “เกินคาด” ➡️ ใช้เทคนิคแปลง CUDA เป็น CUNN ด้วยโค้ดเพียงบรรทัดเดียว ➡️ ช่วยลดต้นทุนและลดการพึ่งพา Nvidia ✅ จีนกำลังผลักดัน ecosystem ด้าน AI แบบครบวงจร ตั้งแต่ชิปถึงโมเดล ➡️ มีการตั้งพันธมิตรระหว่างผู้ผลิตชิปและนักพัฒนา LLM ➡️ เป้าหมายคือสร้างระบบ AI ที่ไม่ต้องพึ่งพาตะวันตก ‼️ ระบบ CloudMatrix 384 ใช้พลังงานมากกว่าระบบ Nvidia ถึง 3.9 เท่า ⛔ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ต่ำกว่า Nvidia ถึง 2.3 เท่า ⛔ อาจไม่เหมาะกับประเทศที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน ‼️ ชิป Ascend 910C ยังไม่สามารถเทียบเท่า Nvidia H100 ในงาน training ⛔ เหมาะกับ inference มากกว่า training ที่ต้องใช้ความเสถียรสูง ⛔ ยังขาด ecosystem ด้านซอฟต์แวร์ที่เทียบเท่า CUDA ‼️ ระบบ CloudMatrix ยังไม่มี benchmark สาธารณะหรือการทดสอบจากองค์กรอิสระ ⛔ ข้อมูลส่วนใหญ่มาจาก Huawei และ SemiAnalysis ⛔ ต้องรอการพิสูจน์จากการใช้งานจริงในระยะยาว ‼️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการลงโทษบริษัทที่ใช้ชิป Ascend 910C ทั่วโลก ⛔ อ้างว่าใช้เทคโนโลยีที่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐฯ ⛔ อาจส่งผลต่อบริษัทต่างชาติที่ร่วมใช้งานระบบนี้ https://www.techspot.com/news/108891-huawei-cloudmatrix-384-ai-system-poised-challenge-nvidia.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Huawei's CloudMatrix 384 could outpace Nvidia in the AI race, study suggests
    As newly appointed US tech czar David Sacks predicted just a month ago, Trump's tariffs appear to be backfiring in spectacular fashion. Chinese tech giant Huawei is...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เกมเอาชีวิตรอดที่ “ขโมยชีวิตดิจิทัล” ของคุณ

    ลองจินตนาการว่าคุณโหลดเกมเอาชีวิตรอดชื่อ Chemia จาก Steam เพื่อเล่นในช่วง Early Access แต่แทนที่จะได้สนุกกับการสร้างฐานและฝ่าฟันภัยพิบัติ คุณกลับโดนขโมยข้อมูลส่วนตัวและคริปโตแบบไม่รู้ตัว — นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง!

    บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ Prodaft เปิดเผยว่าเกม Chemia ถูกฝังมัลแวร์ 3 สายพันธุ์ ได้แก่:
    - Fickle Stealer: ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, password manager และ crypto wallet
    - Vidar Stealer: มัลแวร์แบบบริการ (Malware-as-a-Service) ที่เชื่อมต่อผ่านโซเชียลมีเดีย
    - HijackLoader: ตัวโหลดมัลแวร์ที่สามารถติดตั้งภัยคุกคามอื่นในอนาคต

    เกมนี้ถูกแจกผ่านระบบ Playtest ของ Steam ซึ่งต้องขอสิทธิ์เข้าถึงก่อนเล่น ทำให้ดูเหมือนปลอดภัย แต่จริง ๆ แล้วเป็นช่องทางที่แฮกเกอร์ใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบของแพลตฟอร์ม

    เกม Chemia ถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์
    ฝังมัลแวร์ 3 ชนิด: Fickle Stealer, Vidar Stealer, HijackLoader
    มัลแวร์ทำงานเมื่อผู้ใช้เปิดเกม โดยรันควบคู่กับแอปพลิเคชันจริง

    มัลแวร์แต่ละตัวมีหน้าที่เฉพาะ
    Fickle Stealer: ใช้ PowerShell ขโมยข้อมูลระบบและไฟล์สำคัญ
    Vidar Stealer: เชื่อมต่อผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อส่งข้อมูล
    HijackLoader: ใช้ติดตั้งมัลแวร์อื่นในอนาคต

    เกมถูกแจกผ่านระบบ Playtest ของ Steam
    ต้องขอสิทธิ์ก่อนเล่น ทำให้ดูเหมือนปลอดภัย
    ไม่มีรีวิวหรือข้อมูลจากนักพัฒนาอื่น ทำให้ตรวจสอบยาก

    นักพัฒนา Aether Forge Studios ไม่มีตัวตนชัดเจน
    ไม่มีเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียที่เชื่อมโยงกับเกม
    อาจเป็นบัญชีปลอมที่ใช้หลอกลวงผู้ใช้

    Prodaft เผยว่าแฮกเกอร์ชื่อ EncryptHub อยู่เบื้องหลัง
    เคยมีประวัติการโจมตีแบบ spear-phishing ตั้งแต่ปี 2024
    แชร์ Indicators of Compromise (IOCs) บน GitHub เพื่อช่วยตรวจสอบ

    เกมบนแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ก็อาจไม่ปลอดภัย
    Steam ไม่สามารถตรวจสอบมัลแวร์ในทุกเกมได้ทันที
    ผู้ใช้มักเชื่อว่าการโหลดจาก Steam คือ “ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ”

    มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้ทันทีที่เปิดเกม
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงรหัสผ่าน, session token, และ crypto wallet
    อาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงินและการขโมยตัวตน

    ระบบ Early Access และ Playtest อาจถูกใช้เป็นช่องทางโจมตี
    เกมที่ยังไม่เปิดตัวเต็มรูปแบบอาจไม่มีการตรวจสอบเข้มงวด
    แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ในการฝังโค้ดอันตราย

    ผู้ใช้ที่เคยเล่น Chemia ควรตรวจสอบระบบทันที
    ลบเกมออกจากเครื่อง
    สแกนมัลแวร์เต็มระบบ
    เปลี่ยนรหัสผ่านทุกบัญชีที่เคยล็อกอินระหว่างเล่นเกม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-plants-three-strains-of-malware-in-a-steam-early-access-game-called-chemia-security-company-found-crypto-jacking-infostealers-and-a-backdoor-to-install-yet-more-malware-in-the-future
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เกมเอาชีวิตรอดที่ “ขโมยชีวิตดิจิทัล” ของคุณ ลองจินตนาการว่าคุณโหลดเกมเอาชีวิตรอดชื่อ Chemia จาก Steam เพื่อเล่นในช่วง Early Access แต่แทนที่จะได้สนุกกับการสร้างฐานและฝ่าฟันภัยพิบัติ คุณกลับโดนขโมยข้อมูลส่วนตัวและคริปโตแบบไม่รู้ตัว — นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง! บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ Prodaft เปิดเผยว่าเกม Chemia ถูกฝังมัลแวร์ 3 สายพันธุ์ ได้แก่: - Fickle Stealer: ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, password manager และ crypto wallet - Vidar Stealer: มัลแวร์แบบบริการ (Malware-as-a-Service) ที่เชื่อมต่อผ่านโซเชียลมีเดีย - HijackLoader: ตัวโหลดมัลแวร์ที่สามารถติดตั้งภัยคุกคามอื่นในอนาคต เกมนี้ถูกแจกผ่านระบบ Playtest ของ Steam ซึ่งต้องขอสิทธิ์เข้าถึงก่อนเล่น ทำให้ดูเหมือนปลอดภัย แต่จริง ๆ แล้วเป็นช่องทางที่แฮกเกอร์ใช้หลบเลี่ยงการตรวจสอบของแพลตฟอร์ม ✅ เกม Chemia ถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ ➡️ ฝังมัลแวร์ 3 ชนิด: Fickle Stealer, Vidar Stealer, HijackLoader ➡️ มัลแวร์ทำงานเมื่อผู้ใช้เปิดเกม โดยรันควบคู่กับแอปพลิเคชันจริง ✅ มัลแวร์แต่ละตัวมีหน้าที่เฉพาะ ➡️ Fickle Stealer: ใช้ PowerShell ขโมยข้อมูลระบบและไฟล์สำคัญ ➡️ Vidar Stealer: เชื่อมต่อผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อส่งข้อมูล ➡️ HijackLoader: ใช้ติดตั้งมัลแวร์อื่นในอนาคต ✅ เกมถูกแจกผ่านระบบ Playtest ของ Steam ➡️ ต้องขอสิทธิ์ก่อนเล่น ทำให้ดูเหมือนปลอดภัย ➡️ ไม่มีรีวิวหรือข้อมูลจากนักพัฒนาอื่น ทำให้ตรวจสอบยาก ✅ นักพัฒนา Aether Forge Studios ไม่มีตัวตนชัดเจน ➡️ ไม่มีเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียที่เชื่อมโยงกับเกม ➡️ อาจเป็นบัญชีปลอมที่ใช้หลอกลวงผู้ใช้ ✅ Prodaft เผยว่าแฮกเกอร์ชื่อ EncryptHub อยู่เบื้องหลัง ➡️ เคยมีประวัติการโจมตีแบบ spear-phishing ตั้งแต่ปี 2024 ➡️ แชร์ Indicators of Compromise (IOCs) บน GitHub เพื่อช่วยตรวจสอบ ‼️ เกมบนแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ก็อาจไม่ปลอดภัย ⛔ Steam ไม่สามารถตรวจสอบมัลแวร์ในทุกเกมได้ทันที ⛔ ผู้ใช้มักเชื่อว่าการโหลดจาก Steam คือ “ปลอดภัยโดยอัตโนมัติ” ‼️ มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลสำคัญได้ทันทีที่เปิดเกม ⛔ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงรหัสผ่าน, session token, และ crypto wallet ⛔ อาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงินและการขโมยตัวตน ‼️ ระบบ Early Access และ Playtest อาจถูกใช้เป็นช่องทางโจมตี ⛔ เกมที่ยังไม่เปิดตัวเต็มรูปแบบอาจไม่มีการตรวจสอบเข้มงวด ⛔ แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ในการฝังโค้ดอันตราย ‼️ ผู้ใช้ที่เคยเล่น Chemia ควรตรวจสอบระบบทันที ⛔ ลบเกมออกจากเครื่อง ⛔ สแกนมัลแวร์เต็มระบบ ⛔ เปลี่ยนรหัสผ่านทุกบัญชีที่เคยล็อกอินระหว่างเล่นเกม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/hacker-plants-three-strains-of-malware-in-a-steam-early-access-game-called-chemia-security-company-found-crypto-jacking-infostealers-and-a-backdoor-to-install-yet-more-malware-in-the-future
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากผู้ใช้เก่า: Notepad กลายเป็นเวทีโฆษณา Copilot ไปแล้วหรือ?

    ผู้เขียนเป็นผู้ใช้ Notepad แบบจริงจัง เขาใช้สำหรับจดรหัสผ่านชั่วคราว เก็บค่า hex สี และโน้ตประชุม โดยชื่นชอบความ “ไม่วุ่นวาย” ของมัน — เปิดเร็ว ไม่ต้องเลือกเทมเพลต ไม่ต้องมี splash screen

    แต่ในช่วง 3–4 ปีที่ผ่านมา Notepad ได้รับฟีเจอร์ใหม่มากมาย:
    - เริ่มจากดีไซน์ใหม่ (Fluent UI) ในปี 2021
    - เพิ่ม dark mode, tabbed interface
    - มีฟีเจอร์ save อัตโนมัติ, character counter และ spell checker
    - จากนั้นเริ่มบูรณาการ Copilot เช่น Explain with Copilot, AI Rewrite, text summarization

    แม้ฟีเจอร์ใหม่จะมีประโยชน์ แต่ผู้เขียนรู้สึกว่า "Notepad ไม่ได้เรียบง่ายอีกต่อไป" มันกลับกลายเป็น แพลตฟอร์มที่แสดงฟีเจอร์ AI ของ Microsoft มากกว่าเครื่องมือที่ผู้ใช้ควบคุมเอง

    เขาเสียดายที่ WordPad ถูกยกเลิกไปในปีเดียวกัน ทำให้ฟีเจอร์ของ Word, OneNote และ Notepad เริ่ม “เบลอ” จนไม่รู้ว่าแต่ละตัวควรทำอะไร — และมองว่า Notepad ควรกลับไปเป็น “ตัวเลือกเบา ๆ” สำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้ AI

    https://www.neowin.net/editorials/notepad-is-losing-its-focus/
    🎙️ เรื่องเล่าจากผู้ใช้เก่า: Notepad กลายเป็นเวทีโฆษณา Copilot ไปแล้วหรือ? ผู้เขียนเป็นผู้ใช้ Notepad แบบจริงจัง เขาใช้สำหรับจดรหัสผ่านชั่วคราว เก็บค่า hex สี และโน้ตประชุม โดยชื่นชอบความ “ไม่วุ่นวาย” ของมัน — เปิดเร็ว ไม่ต้องเลือกเทมเพลต ไม่ต้องมี splash screen แต่ในช่วง 3–4 ปีที่ผ่านมา Notepad ได้รับฟีเจอร์ใหม่มากมาย: - เริ่มจากดีไซน์ใหม่ (Fluent UI) ในปี 2021 - เพิ่ม dark mode, tabbed interface - มีฟีเจอร์ save อัตโนมัติ, character counter และ spell checker - จากนั้นเริ่มบูรณาการ Copilot เช่น Explain with Copilot, AI Rewrite, text summarization แม้ฟีเจอร์ใหม่จะมีประโยชน์ แต่ผู้เขียนรู้สึกว่า "Notepad ไม่ได้เรียบง่ายอีกต่อไป" มันกลับกลายเป็น แพลตฟอร์มที่แสดงฟีเจอร์ AI ของ Microsoft มากกว่าเครื่องมือที่ผู้ใช้ควบคุมเอง เขาเสียดายที่ WordPad ถูกยกเลิกไปในปีเดียวกัน ทำให้ฟีเจอร์ของ Word, OneNote และ Notepad เริ่ม “เบลอ” จนไม่รู้ว่าแต่ละตัวควรทำอะไร — และมองว่า Notepad ควรกลับไปเป็น “ตัวเลือกเบา ๆ” สำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้ AI https://www.neowin.net/editorials/notepad-is-losing-its-focus/
    WWW.NEOWIN.NET
    Notepad is losing its focus
    Notepad used to be a simple note-taking app without any distractions. Now it's becoming an ad platform for Copilot.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 787 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ใครอนุญาตให้ใช้งบฯแผ่นดิน จัดกิจกรรมฟอกตัวให้อดีต 3 นายกฯ แต่ละตัวมีจุดจบน่าทุเรศ แถมยังกล้าโชว์วินาศทัศน์อีก
    #7ดอกจิก
    ♣ ใครอนุญาตให้ใช้งบฯแผ่นดิน จัดกิจกรรมฟอกตัวให้อดีต 3 นายกฯ แต่ละตัวมีจุดจบน่าทุเรศ แถมยังกล้าโชว์วินาศทัศน์อีก #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกวันนี้ AI Chatbot ส่วนใหญ่ รอให้คนเรียกก่อนค่อยเริ่มตอบใช่ไหมครับ แต่ Meta กำลังจะทำให้มัน “เปลี่ยนขั้ว” กลายเป็นเพื่อนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น โดยในโครงการชื่อว่า “Project Omni” → AI จะสามารถ “ทักเราก่อน” ได้ ถ้าเคยคุยกันมาก่อน และ → ยังสามารถ “ชวนคุยเรื่องเก่า” ที่เคยค้างไว้ เช่น:  – “ได้ลองฟังเพลงจากคอมโพเซอร์ที่คุณเคยพูดถึงไหม?”  – “คืนนี้ว่างไหม อยากให้เราช่วยเลือกหนังดูไหม?”

    Meta บอกว่าแนวคิดนี้จะช่วย เพิ่มคุณค่าของ AI ให้เหมือนเพื่อนสนิทหรือผู้ช่วยที่ใส่ใจ มากกว่าแค่ตอบคำถาม → ยังมีระบบ “สร้างบุคลิก AI” แบบ custom สำหรับแบรนด์หรือแฟนเพจด้วย เช่น เพจนักร้องอาจสร้าง AI ที่ตอบคอมเมนต์แฟนคลับในแบบตัวศิลปินเอง

    ทีมที่ช่วย Meta พัฒนาอยู่คือ Alignerr ซึ่งมีหน้าที่ “ปั้นบุคลิก” ของ AI แต่ละตัวให้หลากหลาย เหมาะกับบริบทต่าง ๆ และตอนนี้ฟีเจอร์กำลังถูกทดลองอยู่ใน Meta AI Studio — โดยมีเงื่อนไขว่า:
    - AI จะ ทักได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มก่อน
    - ถ้าเราไม่ตอบกลับ AI จะไม่ส่งข้อความใหม่อีก
    - ต้องเคยมีประวัติส่งแชตอย่างน้อย 5 ข้อความภายใน 14 วัน
    - AI จะชวนคุยแค่เรื่องเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยคุยไว้
    - ห้ามพูดเรื่องอ่อนไหว–อันตราย–หรือแสดงอารมณ์เชิงลบ

    Meta กำลังทดสอบ Project Omni → ให้ AI ส่งข้อความหาผู้ใช้ก่อนโดยอิงจากบทสนทนาเก่า  
    • ตัวอย่าง: ถามถึงเพลง หนัง หรือสิ่งที่เคยพูดถึง  
    • ใช้ผ่าน Meta AI Studio

    Meta ยืนยันว่า AI จะ “ทักก่อน” ได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มไว้เท่านั้น

    หากผู้ใช้ไม่ตอบกลับข้อความจาก AI → ระบบจะหยุดส่งข้อความใหม่โดยอัตโนมัติ

    ต้องส่งข้อความหา AI อย่างน้อย 5 ข้อความใน 14 วัน ถึงจะเข้าเงื่อนไขรับข้อความ follow-up

    ข้อความ follow-up ต้องเป็นบวก, ไม่อ่อนไหว, และยึดโยงจากบทสนทนาเก่า

    จะมีระบบสร้าง AI assistant แบบมีบุคลิกเฉพาะ สำหรับแบรนด์/ผู้ใช้งานผ่าน Meta AI Studio

    https://www.neowin.net/news/metas-next-chatbot-might-message-you-first-and-want-to-keep-talking-to-you/
    ทุกวันนี้ AI Chatbot ส่วนใหญ่ รอให้คนเรียกก่อนค่อยเริ่มตอบใช่ไหมครับ แต่ Meta กำลังจะทำให้มัน “เปลี่ยนขั้ว” กลายเป็นเพื่อนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น โดยในโครงการชื่อว่า “Project Omni” → AI จะสามารถ “ทักเราก่อน” ได้ ถ้าเคยคุยกันมาก่อน และ → ยังสามารถ “ชวนคุยเรื่องเก่า” ที่เคยค้างไว้ เช่น:  – “ได้ลองฟังเพลงจากคอมโพเซอร์ที่คุณเคยพูดถึงไหม?”  – “คืนนี้ว่างไหม อยากให้เราช่วยเลือกหนังดูไหม?” Meta บอกว่าแนวคิดนี้จะช่วย เพิ่มคุณค่าของ AI ให้เหมือนเพื่อนสนิทหรือผู้ช่วยที่ใส่ใจ มากกว่าแค่ตอบคำถาม → ยังมีระบบ “สร้างบุคลิก AI” แบบ custom สำหรับแบรนด์หรือแฟนเพจด้วย เช่น เพจนักร้องอาจสร้าง AI ที่ตอบคอมเมนต์แฟนคลับในแบบตัวศิลปินเอง ทีมที่ช่วย Meta พัฒนาอยู่คือ Alignerr ซึ่งมีหน้าที่ “ปั้นบุคลิก” ของ AI แต่ละตัวให้หลากหลาย เหมาะกับบริบทต่าง ๆ และตอนนี้ฟีเจอร์กำลังถูกทดลองอยู่ใน Meta AI Studio — โดยมีเงื่อนไขว่า: - AI จะ ทักได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มก่อน - ถ้าเราไม่ตอบกลับ AI จะไม่ส่งข้อความใหม่อีก - ต้องเคยมีประวัติส่งแชตอย่างน้อย 5 ข้อความภายใน 14 วัน - AI จะชวนคุยแค่เรื่องเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยคุยไว้ - ห้ามพูดเรื่องอ่อนไหว–อันตราย–หรือแสดงอารมณ์เชิงลบ ✅ Meta กำลังทดสอบ Project Omni → ให้ AI ส่งข้อความหาผู้ใช้ก่อนโดยอิงจากบทสนทนาเก่า   • ตัวอย่าง: ถามถึงเพลง หนัง หรือสิ่งที่เคยพูดถึง   • ใช้ผ่าน Meta AI Studio ✅ Meta ยืนยันว่า AI จะ “ทักก่อน” ได้เฉพาะแชตที่ผู้ใช้เคยเริ่มไว้เท่านั้น ✅ หากผู้ใช้ไม่ตอบกลับข้อความจาก AI → ระบบจะหยุดส่งข้อความใหม่โดยอัตโนมัติ ✅ ต้องส่งข้อความหา AI อย่างน้อย 5 ข้อความใน 14 วัน ถึงจะเข้าเงื่อนไขรับข้อความ follow-up ✅ ข้อความ follow-up ต้องเป็นบวก, ไม่อ่อนไหว, และยึดโยงจากบทสนทนาเก่า ✅ จะมีระบบสร้าง AI assistant แบบมีบุคลิกเฉพาะ สำหรับแบรนด์/ผู้ใช้งานผ่าน Meta AI Studio https://www.neowin.net/news/metas-next-chatbot-might-message-you-first-and-want-to-keep-talking-to-you/
    WWW.NEOWIN.NET
    Meta's next chatbot might message you first and want to keep talking to you
    Meta is working on "Project Omni"; a new way for AI to engage users by messaging them proactively and keeping conversations with them flowing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะโชว์กึ๋นทั้งที ดันลอกโชว์จากโซเชียลมาอวด หัวหน้าพรรคส้มแต่ละตัว โชว์ร้องเพลงเพี้ยน โชว์กีต้าร์กาก ยังดูดีกว่าไอ้เท่งเยอะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เท้งเต้ง
    #จำอวดลอกโชว์
    จะโชว์กึ๋นทั้งที ดันลอกโชว์จากโซเชียลมาอวด หัวหน้าพรรคส้มแต่ละตัว โชว์ร้องเพลงเพี้ยน โชว์กีต้าร์กาก ยังดูดีกว่าไอ้เท่งเยอะ #คิงส์โพธิ์แดง #เท้งเต้ง #จำอวดลอกโชว์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อนาคตต้องมีหรือต้องหาหรือต้องสร้างเครื่องมือภาคประชาชนในการหาวิธีการจัดการไล่นายกฯไล่รัฐมนตรีหรือไล่คนข้าราชการทางการเมืองออกให้ได้และไล่คนระบบข้าราชการสายปกครองธุรการออกได้อีกด้วยโดยไม่ต้องลงถนนชุมนุมประท้วงหรือไปหน้าสถานที่ทำงานเขาหรือที่ใดๆ อาจชุมนุนเล็กหรือใหญ่เพื่อแจ้งข่าวกันปลุกตื่นรู้กันแจ้งเตือนภัยกันให้มาฟังมารู้มาร่วมขจัดคนไม่ดีร่วมกันก็ว่า,เรา..ประชาชน..ต้องมีวิธีการจัดการใหม่จริงๆ เช่นจะไล่นายกฯอบต.ออกเพราะแดกเหลือเกินประชาชนสามารถลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่ออกได้เลย,กดปุ่มถอดถอนออกหรือกดปุ่มให้อยู่ต่อสามารถกดปุ่มได้ทุกที่ทุกเวลาและสามารถยืนยันตัวตนที่ไหนก็ได้เรียลไทม์หรือยืนยันผ่านมือถือตนสแกนลายนิ้วมือใบหน้าหรือdnaควอนตัมก็ว่าไป,หรือจะทจะไปที่ที่ทำการผู้ใหญ่ในชุมชนตนหรือที่ว่าการอำเภอจังหวัดได้หมด,หรือกรณีเผ็ดร้อนดุเดือดสำคัญเรื่องทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา,อังเคิลฮุนเซนต้องการอะไรเดียวจัดให้เป็นต้นไล่นายกฯก็ว่าหรือไล่ครม.ทั้งคณะหรือตัวบุคคลหรือสส.ทั้งตัวบุคคลและทั้งสภา สามารถทำได้หมด,หรือข้าราชการคนใดในระบบหรือทั้งองค์กรจะยุบหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมไหนก็ได้อีก,ไล่คณะกกต.ออกก็ได้อีกหรือใดภายในระบบปกครองที่เราประชาชนถูกกระทำหรือมาใช้บังคับเรา เราสามารถทุบมตินั้นได้มิใช่ตั้งท่ายอมจำนงยอมรับในกฎกติกาผีบ้าต่างๆสถานเดียวตลอดเวลาหรือเรา..ประชาชนต้องถูกกระทำจากคนหมู่น้อยที่มีสิทธิเฉพาะตัว1สิทธิ1เสียง1ปาก2มือตีนแบบเราๆประชาชนเหมือนๆกันแค่ได้สวมหัวโขนแทนเราแค่นั้นแต่ออกกฎกติกาไปทั่วในการกดขี่บังคับเรา..ประชาชนทั้งประเทศมันผิดปกติธรรมชาติมาก,
    .. เรา..ประชาชน..อาจชุมนุมแบบที่อนุสาวรีย์ชัยฯเป็นสัญลักษณ์บอกผ่านสื่อทั่วประเทศแล้ววันต่อมาเราค่อยรวมใจทุกๆคนไทยลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่นายกฯอย่างเป็นทางการทันทีอีกครั้งก็ว่า,ซึ่งเรา..คนไทยสามารถสร้างแอปนี้แพลตฟอร์มนี้เป็นฮับกลางระดับประเทศเพื่อใช้ประเมินความต้องการของคนไทยทั้งประเทศทางตรงหรือบอกผ่านอำนาจทางตรงแก่คนใช้อำนาจทางอ้อมเราไปทางที่ผิดได้และสามารถลงโทษคัดออกได้ทันทีเช่นกัน,ด้วยความสามารถคนไทยเราสร้างระบบกลางนี้ได้สบายและจัดตั้งเป็นกระทรวงพิเศษภาคประชาชนกำกับดูแลได้ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจรัฐหรืออำนาจทางนักการเมืองและอำนาจระบบราชการไทย,หรือทหารตำรวจภาคประชาชนนั้นเองไปในตัว,ประชาชนสามารถประสานงานแจ้งร้องทุกข์ได้ทุกๆกรณีที่ฝ่ายปกครองรังแกประชาชนตนในกฎหมายกติกาที่ออกมาขัดต่อวิถีสัมมาชีวิตของคนทั้งชาติ,ต้องมีองค์กรภาคประชาชนจริงเพื่อคานอำนาจพวกผีบ้านี้ทางการเมืองทางระบบราชการไทยคนข้าราชการไทยเราเองที่ใช้อำนาจทางอ้อมแทนเราเลอะเทอะ ผิดแต่ไม่ยอมสำนึกว่าผิด ลุแก่อำนาจรังแกประชาชนผ่านกฎกติกาที่ตนถือครองควบคุมใช้บังคับแก่ประชาชน เรา..ประชาชนจึงต้องมีภาคประชาชนลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอย่างจริงจัง. ,สร้างเว็บสร้างแอปสร้างแพลตฟอร์มภาคประชาชนขึ้นมาเพื่อคุ้มครองเรา..ประชาชนเองอีกชั้น,เพราะที่ผ่านมาเราไม่มีอะไรเลย เครื่องใดๆจะจัดการพวกนี้ที่หลอกลวงเวลาเราไปตลอดอายุการเป็นรัฐบาลมัน จบหลังกาหลังหย่อนบัตรแบบในอดีตๆที่ผ่านมานั้นต้องจบสิ้นเสียที,เรา..ต้องสามารถติดตามหน้างานเนื้องานประเมินผลงานพวกอ้างอำนาจเรา..ประชาชนไปใช้ในทางที่สมควรดีงามถูกต้องได้,ไม่ดีร่วมกันลงโทษได้,ดีร่วมกันเชิดชูเกียรติได้,นี้ห่าอะไรต้องเหนื่อยมาลงถนนขับไล่พวกมันทุกๆครั้งยิ่งพวกข้าราชการยิ่งแย่จัดการมันลำบากอีกในแต่ละตัวลงรายละเอียดแต่ละตัวที่ชั่วเลว,แถมอาจมาคุกคามเล่นงานประชาชนถึงหน้าบ้านเราแทนอีกเพราะตำแหน่งอำนาจมันค้ำหัวโดยหน้าที่มัน,ประชาชนจึงซวยตลอดถูกความอยุติธรรมรังแกตลอดโดยไร้เครื่องมือจัดการโต้กลับใดๆเลย,ทาสเบี้ยไพร่คือประชาชนมันว่า.,เรา..ประชาชนมีจึงเกิดชาติ ชาติคือประชาชน จึงเกิดตำแหน่งหน้าที่การงานแก่พวกมัน,ไม่มีประชาชนก็ถูกยึดครองจากคนต่างชาติแน่นอนเพราะทหารตำรวจก็มาจากประชาชนตนภายในประเทศ,แม้ไม่มีทหารตำรวจประชาชนนี้ก็คือนักรบดีๆนี้เองในการต่อสู้บนสนามสงครามนั้นๆเพื่อรักษาชาติตนประเทศตนไว้,แต่ระบบปกครองข้าราชการไทยเราขาดสำนึกตรงนี้ตลอดนักการเมืองเป็นอันมากไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตนเอง มุ่งความสงบสุขผาสุกอยู่ดีมีสุขร่ำรวยให้เกิดขึ้นจริงต่อคนไทยเราทุกๆคน จึงเป็นไปทางคตโกงทุจริตโกงกินเป็นอันมาก,บ่อน้ำมันหากทำเองตามกำลังสามารถตนก็พัฒนาต่อยอดจนดีเลิศได้ถึงปัจจุบัน,แต่ก็ขายก็ยกความร่ำรวยนั้นให้ต่างชาติต่างประเทศไปเสียทุจริตไม่ซื่อตรงไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ละเมิดไม่หวงแหนเพื่อความอยู่ดีกินดีของคนไทยตนภายในชาติไทยตนเองตลอดคือยุทธปัจจัยสำคัญทางสงครามที่สนามรบต้องใช้น้ำมันขับเคลื่อนเครื่องจักรกลทั้งหมดโดยพื้นฐานพื้นๆนี้คือความมั่นคงทางพลังงานและมั่นคงทางอธิปไตยชาติเชื่อมโยงกันชัดเจนตลอดมั่นคงทางค้าขายทำตังทำเงินทางสัมมาอาชีพคนไทยทั้งประเทศลดต้นทุนรากฐานพื้นฐานชัดเจนแต่ระบบราชการไทยเรา สถาบันภาคนักการเมืองกลับกบฎทรยศเนรคุณต่อภาคประชาชนคนไทยทั้งประเทศเสียเอง,นี้เพียงทรัพยากรบ่อน้ำมันปิโตรเลียมนะที่วิถีปกครองเราปกครองได้กากกระจอกและล้มเหลวมาก ไม่กระตือรือร้นแก้ไขปรับปรุงจริงจังห่าเหวอะไรด้วย,บัตรคนจนเพิ่มเป็นอัตราเร่งคือความชัดเจน,วิกฤตเศรษฐกิจเราในไทยแก้ไขง่ายมากคือยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อทองคำมาทันทีทั่วประเทศทั้งหมดที่ถูกปล้นชิงไปและสามารถโมฆะธุรกรรมสัญญาทั้งหมดได้ทันทีในระบบประชาธิปไตยเราเพราะเหี้ยไม่ผ่านสภา.สส.ในระบบประชาธิปไตยไทยเราเลย,หากอ้างว่าผ่านระบบราชการไทยนั้นผิดแน่นอนเช่นนั้นจะมีระบบรัฐสภาไว้ทำไม,ทหารยึดอำนาจแจกจ่ายใดๆได้หมดสิ,ระบบราชการไทยพังพินาศทันทีพร้อมทุกๆข้อกฎหมายเพราะการปฏิวัติยึดอำนาจมันชัดเจนในตัวมันแล้ว,เขียนอำนาจใหม่เขียนกฎกติกาใหม่นั้นเอง,เรา..ประชาชนจริงๆสามารถทำการปฏิวัติยึดอำนาจได้เช่นกันไม่มีกฎกติกาใดห้าม,หากทหารห้ามตำรวจห้ามประชาชนทำไมเราต้องมีทหารมีตำรวจอีกต่อไปเพราะเรา..ประชาชนต้องการของเราคนไทยคืนเท่านั้นเพื่อขจัดความยากจนทุกข์ยากที่พวกมันปล้นชิงไปเสียนานจากมือพวกเรา..ประชาชนไป.
    ..ยุคนี้ เรา..ประชาชนต้องจบพวกมันเองทั้งหมดจริงๆ.อะไรที่อยู่บนแผ่นดินไทยอยู่ใต้ดินแผ่นดินไทยอยู่ในเขตอาณาจักรแผ่นดินไทยต้องคืนสู่สามัญกลับมาเป็นของคนไทยเราใหม่ทั้งหมด.,ชาติไทยจะเริ่มปฐมบทสร้างชาติใหม่ของจริงในยุคเรา..ประชาชนนี้,ปล้นชิงจนเรายากจนเสียนานร่ำรวยในโคตรเหง้าบรมโคตรผูกขาดไม่กี่ชาติเชื้อวงศ์ตระกูลมันไม่กี่ตระกูล,ยุคคนไทยยากจนแบบที่ผ่านๆมาต้องจบสิ้นซากเสียที.,ต้องเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์จริงทั้งทางวัตถุคือยกจิตยกใจยกศีลธรรมจักรวาลด้วยซึ่งเราคนไทยพื้นฐานดีปูทางชอบธรรมมาถูกทางแล้วแต่คนไม่ดีกำลังหมายทำลายนั่นเอง.เรา..ประชาชนสามารถขับเคลื่อนวิถีปกครองเราในทางดีงามสร้างสรรค์ต่อยอดได้พร้อมกับภาคทหารตำรวจที่ดีของคนไทยเราได้อย่างสบายใจ,สิ้นชาติคือสิ้นเรา..ประชาชนคนไทยไปด้วยอย่าฝันว่าจะมีทหารมีตำรวจมีราชการคนไทยอีกต่อไป,จะถูกแทนที่ด้วยคนต่างชาติต่างเผ่าต่างประเทศแน่นอนบนดินแดนที่เคยมีคนไทยปกครองและอยู่อาศัยร่วมกันมาก่อน,จงสำเนียกแก่ใจเราเถิด.
    ..
    ..https://youtu.be/eCu3eYx_GWg?si=GJiiEc23KR7aJemB
    ..อนาคตต้องมีหรือต้องหาหรือต้องสร้างเครื่องมือภาคประชาชนในการหาวิธีการจัดการไล่นายกฯไล่รัฐมนตรีหรือไล่คนข้าราชการทางการเมืองออกให้ได้และไล่คนระบบข้าราชการสายปกครองธุรการออกได้อีกด้วยโดยไม่ต้องลงถนนชุมนุมประท้วงหรือไปหน้าสถานที่ทำงานเขาหรือที่ใดๆ อาจชุมนุนเล็กหรือใหญ่เพื่อแจ้งข่าวกันปลุกตื่นรู้กันแจ้งเตือนภัยกันให้มาฟังมารู้มาร่วมขจัดคนไม่ดีร่วมกันก็ว่า,เรา..ประชาชน..ต้องมีวิธีการจัดการใหม่จริงๆ เช่นจะไล่นายกฯอบต.ออกเพราะแดกเหลือเกินประชาชนสามารถลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่ออกได้เลย,กดปุ่มถอดถอนออกหรือกดปุ่มให้อยู่ต่อสามารถกดปุ่มได้ทุกที่ทุกเวลาและสามารถยืนยันตัวตนที่ไหนก็ได้เรียลไทม์หรือยืนยันผ่านมือถือตนสแกนลายนิ้วมือใบหน้าหรือdnaควอนตัมก็ว่าไป,หรือจะทจะไปที่ที่ทำการผู้ใหญ่ในชุมชนตนหรือที่ว่าการอำเภอจังหวัดได้หมด,หรือกรณีเผ็ดร้อนดุเดือดสำคัญเรื่องทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา,อังเคิลฮุนเซนต้องการอะไรเดียวจัดให้เป็นต้นไล่นายกฯก็ว่าหรือไล่ครม.ทั้งคณะหรือตัวบุคคลหรือสส.ทั้งตัวบุคคลและทั้งสภา สามารถทำได้หมด,หรือข้าราชการคนใดในระบบหรือทั้งองค์กรจะยุบหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมไหนก็ได้อีก,ไล่คณะกกต.ออกก็ได้อีกหรือใดภายในระบบปกครองที่เราประชาชนถูกกระทำหรือมาใช้บังคับเรา เราสามารถทุบมตินั้นได้มิใช่ตั้งท่ายอมจำนงยอมรับในกฎกติกาผีบ้าต่างๆสถานเดียวตลอดเวลาหรือเรา..ประชาชนต้องถูกกระทำจากคนหมู่น้อยที่มีสิทธิเฉพาะตัว1สิทธิ1เสียง1ปาก2มือตีนแบบเราๆประชาชนเหมือนๆกันแค่ได้สวมหัวโขนแทนเราแค่นั้นแต่ออกกฎกติกาไปทั่วในการกดขี่บังคับเรา..ประชาชนทั้งประเทศมันผิดปกติธรรมชาติมาก, .. เรา..ประชาชน..อาจชุมนุมแบบที่อนุสาวรีย์ชัยฯเป็นสัญลักษณ์บอกผ่านสื่อทั่วประเทศแล้ววันต่อมาเราค่อยรวมใจทุกๆคนไทยลงทะเบียนออนไลน์กดปุ่นไล่นายกฯอย่างเป็นทางการทันทีอีกครั้งก็ว่า,ซึ่งเรา..คนไทยสามารถสร้างแอปนี้แพลตฟอร์มนี้เป็นฮับกลางระดับประเทศเพื่อใช้ประเมินความต้องการของคนไทยทั้งประเทศทางตรงหรือบอกผ่านอำนาจทางตรงแก่คนใช้อำนาจทางอ้อมเราไปทางที่ผิดได้และสามารถลงโทษคัดออกได้ทันทีเช่นกัน,ด้วยความสามารถคนไทยเราสร้างระบบกลางนี้ได้สบายและจัดตั้งเป็นกระทรวงพิเศษภาคประชาชนกำกับดูแลได้ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจรัฐหรืออำนาจทางนักการเมืองและอำนาจระบบราชการไทย,หรือทหารตำรวจภาคประชาชนนั้นเองไปในตัว,ประชาชนสามารถประสานงานแจ้งร้องทุกข์ได้ทุกๆกรณีที่ฝ่ายปกครองรังแกประชาชนตนในกฎหมายกติกาที่ออกมาขัดต่อวิถีสัมมาชีวิตของคนทั้งชาติ,ต้องมีองค์กรภาคประชาชนจริงเพื่อคานอำนาจพวกผีบ้านี้ทางการเมืองทางระบบราชการไทยคนข้าราชการไทยเราเองที่ใช้อำนาจทางอ้อมแทนเราเลอะเทอะ ผิดแต่ไม่ยอมสำนึกว่าผิด ลุแก่อำนาจรังแกประชาชนผ่านกฎกติกาที่ตนถือครองควบคุมใช้บังคับแก่ประชาชน เรา..ประชาชนจึงต้องมีภาคประชาชนลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอย่างจริงจัง. ,สร้างเว็บสร้างแอปสร้างแพลตฟอร์มภาคประชาชนขึ้นมาเพื่อคุ้มครองเรา..ประชาชนเองอีกชั้น,เพราะที่ผ่านมาเราไม่มีอะไรเลย เครื่องใดๆจะจัดการพวกนี้ที่หลอกลวงเวลาเราไปตลอดอายุการเป็นรัฐบาลมัน จบหลังกาหลังหย่อนบัตรแบบในอดีตๆที่ผ่านมานั้นต้องจบสิ้นเสียที,เรา..ต้องสามารถติดตามหน้างานเนื้องานประเมินผลงานพวกอ้างอำนาจเรา..ประชาชนไปใช้ในทางที่สมควรดีงามถูกต้องได้,ไม่ดีร่วมกันลงโทษได้,ดีร่วมกันเชิดชูเกียรติได้,นี้ห่าอะไรต้องเหนื่อยมาลงถนนขับไล่พวกมันทุกๆครั้งยิ่งพวกข้าราชการยิ่งแย่จัดการมันลำบากอีกในแต่ละตัวลงรายละเอียดแต่ละตัวที่ชั่วเลว,แถมอาจมาคุกคามเล่นงานประชาชนถึงหน้าบ้านเราแทนอีกเพราะตำแหน่งอำนาจมันค้ำหัวโดยหน้าที่มัน,ประชาชนจึงซวยตลอดถูกความอยุติธรรมรังแกตลอดโดยไร้เครื่องมือจัดการโต้กลับใดๆเลย,ทาสเบี้ยไพร่คือประชาชนมันว่า.,เรา..ประชาชนมีจึงเกิดชาติ ชาติคือประชาชน จึงเกิดตำแหน่งหน้าที่การงานแก่พวกมัน,ไม่มีประชาชนก็ถูกยึดครองจากคนต่างชาติแน่นอนเพราะทหารตำรวจก็มาจากประชาชนตนภายในประเทศ,แม้ไม่มีทหารตำรวจประชาชนนี้ก็คือนักรบดีๆนี้เองในการต่อสู้บนสนามสงครามนั้นๆเพื่อรักษาชาติตนประเทศตนไว้,แต่ระบบปกครองข้าราชการไทยเราขาดสำนึกตรงนี้ตลอดนักการเมืองเป็นอันมากไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ตนเอง มุ่งความสงบสุขผาสุกอยู่ดีมีสุขร่ำรวยให้เกิดขึ้นจริงต่อคนไทยเราทุกๆคน จึงเป็นไปทางคตโกงทุจริตโกงกินเป็นอันมาก,บ่อน้ำมันหากทำเองตามกำลังสามารถตนก็พัฒนาต่อยอดจนดีเลิศได้ถึงปัจจุบัน,แต่ก็ขายก็ยกความร่ำรวยนั้นให้ต่างชาติต่างประเทศไปเสียทุจริตไม่ซื่อตรงไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ละเมิดไม่หวงแหนเพื่อความอยู่ดีกินดีของคนไทยตนภายในชาติไทยตนเองตลอดคือยุทธปัจจัยสำคัญทางสงครามที่สนามรบต้องใช้น้ำมันขับเคลื่อนเครื่องจักรกลทั้งหมดโดยพื้นฐานพื้นๆนี้คือความมั่นคงทางพลังงานและมั่นคงทางอธิปไตยชาติเชื่อมโยงกันชัดเจนตลอดมั่นคงทางค้าขายทำตังทำเงินทางสัมมาอาชีพคนไทยทั้งประเทศลดต้นทุนรากฐานพื้นฐานชัดเจนแต่ระบบราชการไทยเรา สถาบันภาคนักการเมืองกลับกบฎทรยศเนรคุณต่อภาคประชาชนคนไทยทั้งประเทศเสียเอง,นี้เพียงทรัพยากรบ่อน้ำมันปิโตรเลียมนะที่วิถีปกครองเราปกครองได้กากกระจอกและล้มเหลวมาก ไม่กระตือรือร้นแก้ไขปรับปรุงจริงจังห่าเหวอะไรด้วย,บัตรคนจนเพิ่มเป็นอัตราเร่งคือความชัดเจน,วิกฤตเศรษฐกิจเราในไทยแก้ไขง่ายมากคือยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อทองคำมาทันทีทั่วประเทศทั้งหมดที่ถูกปล้นชิงไปและสามารถโมฆะธุรกรรมสัญญาทั้งหมดได้ทันทีในระบบประชาธิปไตยเราเพราะเหี้ยไม่ผ่านสภา.สส.ในระบบประชาธิปไตยไทยเราเลย,หากอ้างว่าผ่านระบบราชการไทยนั้นผิดแน่นอนเช่นนั้นจะมีระบบรัฐสภาไว้ทำไม,ทหารยึดอำนาจแจกจ่ายใดๆได้หมดสิ,ระบบราชการไทยพังพินาศทันทีพร้อมทุกๆข้อกฎหมายเพราะการปฏิวัติยึดอำนาจมันชัดเจนในตัวมันแล้ว,เขียนอำนาจใหม่เขียนกฎกติกาใหม่นั้นเอง,เรา..ประชาชนจริงๆสามารถทำการปฏิวัติยึดอำนาจได้เช่นกันไม่มีกฎกติกาใดห้าม,หากทหารห้ามตำรวจห้ามประชาชนทำไมเราต้องมีทหารมีตำรวจอีกต่อไปเพราะเรา..ประชาชนต้องการของเราคนไทยคืนเท่านั้นเพื่อขจัดความยากจนทุกข์ยากที่พวกมันปล้นชิงไปเสียนานจากมือพวกเรา..ประชาชนไป. ..ยุคนี้ เรา..ประชาชนต้องจบพวกมันเองทั้งหมดจริงๆ.อะไรที่อยู่บนแผ่นดินไทยอยู่ใต้ดินแผ่นดินไทยอยู่ในเขตอาณาจักรแผ่นดินไทยต้องคืนสู่สามัญกลับมาเป็นของคนไทยเราใหม่ทั้งหมด.,ชาติไทยจะเริ่มปฐมบทสร้างชาติใหม่ของจริงในยุคเรา..ประชาชนนี้,ปล้นชิงจนเรายากจนเสียนานร่ำรวยในโคตรเหง้าบรมโคตรผูกขาดไม่กี่ชาติเชื้อวงศ์ตระกูลมันไม่กี่ตระกูล,ยุคคนไทยยากจนแบบที่ผ่านๆมาต้องจบสิ้นซากเสียที.,ต้องเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์จริงทั้งทางวัตถุคือยกจิตยกใจยกศีลธรรมจักรวาลด้วยซึ่งเราคนไทยพื้นฐานดีปูทางชอบธรรมมาถูกทางแล้วแต่คนไม่ดีกำลังหมายทำลายนั่นเอง.เรา..ประชาชนสามารถขับเคลื่อนวิถีปกครองเราในทางดีงามสร้างสรรค์ต่อยอดได้พร้อมกับภาคทหารตำรวจที่ดีของคนไทยเราได้อย่างสบายใจ,สิ้นชาติคือสิ้นเรา..ประชาชนคนไทยไปด้วยอย่าฝันว่าจะมีทหารมีตำรวจมีราชการคนไทยอีกต่อไป,จะถูกแทนที่ด้วยคนต่างชาติต่างเผ่าต่างประเทศแน่นอนบนดินแดนที่เคยมีคนไทยปกครองและอยู่อาศัยร่วมกันมาก่อน,จงสำเนียกแก่ใจเราเถิด. .. ..https://youtu.be/eCu3eYx_GWg?si=GJiiEc23KR7aJemB
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 737 มุมมอง 0 รีวิว
  • จริงๆถ้าสามารถเห็นผลได้เลยจะดีมากคือรัฐบาลชุดนี้ต้องละอายใจในสำนึกและพร้อมไปทันทีสิ้นสภาพทันที จรรยาบรรณรับผิดชอบทางการเมืองต้องมี แต่ประเทศไทยเราไร้สำนึกจิตดีในแต่ละตัวผู้นำและสส.ทุกๆคนที่เข้าร่วมรัฐบาลมากไม่กล้าหาญแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย,สถาบันทางการเมืองด้านสส.สภาถือว่าเสื่อม,ไม่มีคุณสมบัติคู่การดำรงอยู่เพื่อดูแลชาติดูแลบ้านเมืองและประชาชนของตนเองเลย,เป็นเพียงผลประโยชน์ตนในสถานะสส.และตำแหน่งทางการเมืองการปกครองเท่านั้น,เพื่อประชาชนเพื่อชาติเพื่ออธิปไตยประเทศไทยตนเองไม่มีในใจเลย,สมควรต้องพักงานสถาบันนี้จริงๆ,และหากไม่มีสัก10-20ปีอาจดีกว่านี้ก็ได้,และคนที่มานำพาประเทศใหม่ต้องมิใช่แบบนี้จริงๆแบบในอดีตถึงปัจจุบัน,เราประชาชนต้องจบสิ้นกับวิถีการเหี้ยๆได้แล้ว
    จริงๆถ้าสามารถเห็นผลได้เลยจะดีมากคือรัฐบาลชุดนี้ต้องละอายใจในสำนึกและพร้อมไปทันทีสิ้นสภาพทันที จรรยาบรรณรับผิดชอบทางการเมืองต้องมี แต่ประเทศไทยเราไร้สำนึกจิตดีในแต่ละตัวผู้นำและสส.ทุกๆคนที่เข้าร่วมรัฐบาลมากไม่กล้าหาญแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย,สถาบันทางการเมืองด้านสส.สภาถือว่าเสื่อม,ไม่มีคุณสมบัติคู่การดำรงอยู่เพื่อดูแลชาติดูแลบ้านเมืองและประชาชนของตนเองเลย,เป็นเพียงผลประโยชน์ตนในสถานะสส.และตำแหน่งทางการเมืองการปกครองเท่านั้น,เพื่อประชาชนเพื่อชาติเพื่ออธิปไตยประเทศไทยตนเองไม่มีในใจเลย,สมควรต้องพักงานสถาบันนี้จริงๆ,และหากไม่มีสัก10-20ปีอาจดีกว่านี้ก็ได้,และคนที่มานำพาประเทศใหม่ต้องมิใช่แบบนี้จริงๆแบบในอดีตถึงปัจจุบัน,เราประชาชนต้องจบสิ้นกับวิถีการเหี้ยๆได้แล้ว
    "รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” รวมพลังคนไทย ขับไล่ไส้ศึก

    คลิกชม https://www.youtube.com/watch?v=KZ79yb0BxQA&t=41s
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ใครสายปลาแห้งทอด ต้องดูโปรนี้ด่วนเลยค่าา~ วันนี้จัดให้ 3 อย่างเด็ด ๆ! ปลาซิวทอดกรอบ, ปลาจิ๊งจั๊งไม่งา, และปลาเกล็ดขาวกรอบ แพ็กละ 200 กรัม รวม 3 ถุง ได้ 600 กรัมเต็ม ๆ ในราคาแค่ 199 บาทเท่านั้น!""แต่ละตัวทอดกรอบ หอม เค็มน้อย กินเล่นก็เพลิน กินกับข้าวก็อร่อยสุด!ลูกค้าซื้อแล้วติดใจทุกคน~ บอกเลยว่าคุ้มมากกกก!""ของดี ของเด็ด โปรแรงแบบนี้ มีแค่ที่ร้าน กินจุ๊บจิ๊บ เท่านั้นนะคะรีบกดสั่งก่อนหมดน้าา~ "⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าโปรสุดคุ้ม 199 บาท ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZShv7VrrH/โปรสุดคุ้ม 199 บาท ใน Shopee ร้านกินจุ๊บจิ๊บ">https://th.shp.ee/tZCnU72ร้านกินจุ๊บจิ๊บ อร่อย สดใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพ⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าและเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    "ใครสายปลาแห้งทอด ต้องดูโปรนี้ด่วนเลยค่าา~ 🔥วันนี้จัดให้ 3 อย่างเด็ด ๆ! ปลาซิวทอดกรอบ, ปลาจิ๊งจั๊งไม่งา, และปลาเกล็ดขาวกรอบ 🐟🐟🐟แพ็กละ 200 กรัม รวม 3 ถุง ได้ 600 กรัมเต็ม ๆ ในราคาแค่ 199 บาทเท่านั้น!""แต่ละตัวทอดกรอบ หอม เค็มน้อย กินเล่นก็เพลิน กินกับข้าวก็อร่อยสุด!ลูกค้าซื้อแล้วติดใจทุกคน~ บอกเลยว่าคุ้มมากกกก!""ของดี ของเด็ด โปรแรงแบบนี้ มีแค่ที่ร้าน กินจุ๊บจิ๊บ เท่านั้นนะคะรีบกดสั่งก่อนหมดน้าา~ 💥"⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าโปรสุดคุ้ม 199 บาท🐟🐠 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZShv7VrrH/โปรสุดคุ้ม 199 บาท🐠🐟 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/tZCnU72😍ร้านกินจุ๊บจิ๊บ อร่อย สดใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพ😍🌶️♨️⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าและเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts