• สปอนเซอร์เข้าได้นะคะ ณ เวลานี้ คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้ว #ได้เวลาอร่อยกับอิง #แนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อย #เปิดค่าการมองเห็น #ฝากกลุ่มแชร์ฟรีเครื่องมือต้องเข้าแล้ว #reelschallenge #เวลาอร่อย #อร่อยย่อมเยาว์ #เรียล เวลาอร่อย
    สปอนเซอร์เข้าได้นะคะ ณ เวลานี้ คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้ว #ได้เวลาอร่อยกับอิง #แนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อย #เปิดค่าการมองเห็น #ฝากกลุ่มแชร์ฟรีเครื่องมือต้องเข้าแล้ว #reelschallenge #เวลาอร่อย #อร่อยย่อมเยาว์ #เรียล เวลาอร่อย
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon PRO W9000 ที่ออกแบบมาสำหรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ การเรนเดอร์ 3D และการพัฒนา AI โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในงานจริง แม้จะมีหน่วยความจำเพียง 32GB ซึ่งน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า Radeon PRO W7900 ที่มี 48GB แต่ AMD เน้นการให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า

    GPU รุ่นนี้ใช้สถาปัตยกรรม Navi 48 XTW ที่มีขนาด 356mm² และมีการปรับแต่งเพื่อรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์ โดยมีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

    อย่างไรก็ตาม RDNA 4 ยังไม่มีการรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม ROCm ของ AMD ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักพัฒนา AI และ Machine Learning

    ✅ การออกแบบและสถาปัตยกรรม
    - ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และ Navi 48 XTW
    - ขนาด die 356mm² พร้อมการปรับแต่งสำหรับงานระดับมืออาชีพ

    ✅ เป้าหมายของ AMD
    - เน้นประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า
    - ออกแบบมาเพื่อมืออาชีพที่ไม่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่

    ✅ การใช้งานในงานระดับมืออาชีพ
    - รองรับงาน CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์
    - มีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

    ✅ การเปิดตัวและการจัดแสดง
    - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 และงาน “Advancing AI” ของ AMD

    https://www.techradar.com/pro/amd-set-to-launch-new-radeon-pro-w9000-workstation-gpu-to-take-on-nvidias-formidable-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-edition
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Radeon PRO W9000 ที่ออกแบบมาสำหรับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ การเรนเดอร์ 3D และการพัฒนา AI โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในงานจริง แม้จะมีหน่วยความจำเพียง 32GB ซึ่งน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้า Radeon PRO W7900 ที่มี 48GB แต่ AMD เน้นการให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า GPU รุ่นนี้ใช้สถาปัตยกรรม Navi 48 XTW ที่มีขนาด 356mm² และมีการปรับแต่งเพื่อรองรับงานระดับมืออาชีพ เช่น CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์ โดยมีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม RDNA 4 ยังไม่มีการรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม ROCm ของ AMD ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักพัฒนา AI และ Machine Learning ✅ การออกแบบและสถาปัตยกรรม - ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และ Navi 48 XTW - ขนาด die 356mm² พร้อมการปรับแต่งสำหรับงานระดับมืออาชีพ ✅ เป้าหมายของ AMD - เน้นประสิทธิภาพต่อราคาและความคุ้มค่า - ออกแบบมาเพื่อมืออาชีพที่ไม่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่ ✅ การใช้งานในงานระดับมืออาชีพ - รองรับงาน CAD, CGI rendering และการจำลองแบบเรียลไทม์ - มีรุ่นย่อย XL, XT และ XTX เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ✅ การเปิดตัวและการจัดแสดง - คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 และงาน “Advancing AI” ของ AMD https://www.techradar.com/pro/amd-set-to-launch-new-radeon-pro-w9000-workstation-gpu-to-take-on-nvidias-formidable-rtx-pro-6000-blackwell-workstation-edition
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก

    Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน

    Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ

    สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

    ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค
    - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ
    - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    ✅ การจัดสรรเงินทุน
    - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025
    - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน

    ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE)
    - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ
    - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp!
    - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025

    https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง ✅ การจัดสรรเงินทุน - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025 - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp! - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google bolsters its anti-scam efforts across Asia-Pacific
    In 2024, customers across Asia-Pacific lost 688 billion USD to scams. At Taiwan's Online Safety Dialogue, Google unveiled new partnerships, grants, and real-time tools to fight back.
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิป M5 รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจากชิป M4 โดยชิป M5 นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผล AI โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm N3P ของ TSMC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์

    นอกจากนี้ Apple ยังมุ่งเน้นการพัฒนา Neural Engine รุ่นใหม่ที่สามารถประมวลผลได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที เพื่อรองรับการใช้งาน AI เช่น การถอดเสียงแบบเรียลไทม์และการประมวลผลภาพ/วิดีโอที่ชาญฉลาด

    ✅ การใช้เทคโนโลยี 3nm N3P ของ TSMC
    - ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน
    - มีคุณสมบัติการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น

    ✅ Neural Engine รุ่นใหม่
    - รองรับการประมวลผล AI ได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที
    - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น การถอดเสียงและการประมวลผลภาพ

    ✅ การพัฒนา SoIC และการบรรจุชิปแบบ 2.5D
    - แยก CPU และ GPU เพื่อการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น
    - เพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วงในการประมวลผล

    ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
    - คาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ได้ 15–25% และเพิ่มประสิทธิภาพ GPU สำหรับงานสร้างสรรค์

    ✅ การเปิดตัวในอุปกรณ์ใหม่
    - MacBook Pro รุ่น M5 จะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025
    - iPad Pro รุ่น M5 จะตามมาในต้นปี 2026

    https://computercity.com/hardware/processors/apples-m5-chip-to-debut-in-late-2025-with-big-performance-gains
    Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิป M5 รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจากชิป M4 โดยชิป M5 นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการประมวลผล AI โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm N3P ของ TSMC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ นอกจากนี้ Apple ยังมุ่งเน้นการพัฒนา Neural Engine รุ่นใหม่ที่สามารถประมวลผลได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที เพื่อรองรับการใช้งาน AI เช่น การถอดเสียงแบบเรียลไทม์และการประมวลผลภาพ/วิดีโอที่ชาญฉลาด ✅ การใช้เทคโนโลยี 3nm N3P ของ TSMC - ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน - มีคุณสมบัติการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น ✅ Neural Engine รุ่นใหม่ - รองรับการประมวลผล AI ได้มากกว่า 40 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น การถอดเสียงและการประมวลผลภาพ ✅ การพัฒนา SoIC และการบรรจุชิปแบบ 2.5D - แยก CPU และ GPU เพื่อการจัดการความร้อนที่ดีขึ้น - เพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วงในการประมวลผล ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม - คาดว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ได้ 15–25% และเพิ่มประสิทธิภาพ GPU สำหรับงานสร้างสรรค์ ✅ การเปิดตัวในอุปกรณ์ใหม่ - MacBook Pro รุ่น M5 จะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 - iPad Pro รุ่น M5 จะตามมาในต้นปี 2026 https://computercity.com/hardware/processors/apples-m5-chip-to-debut-in-late-2025-with-big-performance-gains
    COMPUTERCITY.COM
    Apple’s M5 Chip to Debut in Late 2025 With Big Performance Gains
    Apple’s silicon roadmap continues to march forward, and all eyes are now on the highly anticipated M5 chip, expected to debut in late 2025. Positioned as the
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • ..thaitimeมีการลบข้อความขณะพิมพ์แบบfacebookเหมือนกันแล้วเหรอ,พิมพ์ไปไม่กี่ประโยค ลบทิ้งเลย,มีมอนิเตอร์ดูจอขณะคนใช้พิมพ์ข้อความแบบเรียลไทม์เลยหรือ,พิมพ์ข้อความดีๆลบทิ้งของเราเฉยๆ,ถูกเทคโอเวอร์จากdeep stateแล้วหรือเปล่านะ.
    ..thaitimeมีการลบข้อความขณะพิมพ์แบบfacebookเหมือนกันแล้วเหรอ,พิมพ์ไปไม่กี่ประโยค ลบทิ้งเลย,มีมอนิเตอร์ดูจอขณะคนใช้พิมพ์ข้อความแบบเรียลไทม์เลยหรือ,พิมพ์ข้อความดีๆลบทิ้งของเราเฉยๆ,ถูกเทคโอเวอร์จากdeep stateแล้วหรือเปล่านะ.
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • Meta ได้ขยายความสามารถของแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ เช่น การแปลภาษาแบบเรียลไทม์, AI ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องในตัว, และการส่งข้อความผ่าน Instagram โดยฟีเจอร์การแปลภาษาแบบเรียลไทม์นี้รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, และสเปน และสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้หากดาวน์โหลดชุดภาษาไว้ล่วงหน้า

    นอกจากนี้ Meta ยังเพิ่มตัวเลือกสีเลนส์ใหม่สำหรับกรอบแว่น Skyler และขยายการรองรับบริการสตรีมเพลง เช่น Spotify, Amazon Music, Apple Music, และ Shazam ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ นอกเหนือจากอเมริกาเหนือ โดยแว่นตาอัจฉริยะนี้จะเปิดตัวในประเทศใหม่ ๆ เช่น เม็กซิโก, อินเดีย, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    https://www.techspot.com/news/107661-meta-expands-ray-ban-smart-glasses-live-translation.html
    Meta ได้ขยายความสามารถของแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ เช่น การแปลภาษาแบบเรียลไทม์, AI ที่สามารถวิเคราะห์ภาพจากกล้องในตัว, และการส่งข้อความผ่าน Instagram โดยฟีเจอร์การแปลภาษาแบบเรียลไทม์นี้รองรับภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, และสเปน และสามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้หากดาวน์โหลดชุดภาษาไว้ล่วงหน้า นอกจากนี้ Meta ยังเพิ่มตัวเลือกสีเลนส์ใหม่สำหรับกรอบแว่น Skyler และขยายการรองรับบริการสตรีมเพลง เช่น Spotify, Amazon Music, Apple Music, และ Shazam ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ นอกเหนือจากอเมริกาเหนือ โดยแว่นตาอัจฉริยะนี้จะเปิดตัวในประเทศใหม่ ๆ เช่น เม็กซิโก, อินเดีย, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ https://www.techspot.com/news/107661-meta-expands-ray-ban-smart-glasses-live-translation.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta expands Ray-Ban smart glasses with live translation, visual AI, and new frames
    This update enables real-time translation in English, French, Italian, and Spanish, allowing users to hold conversations across language barriers and hear instant translations through their glasses. For...
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • Google ได้ประกาศเปลี่ยนแผนเกี่ยวกับการยกเลิกการใช้ third-party cookies ในเบราว์เซอร์ Chrome ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลอย่างมาก โดยเดิมที Google มีแผนที่จะยกเลิกการใช้ third-party cookies เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่หลังจากได้รับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น UK's Competition and Markets Authority (CMA) Google ตัดสินใจที่จะคงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในรูปแบบเดิมไว้

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google ได้พยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในโครงการ Privacy Sandbox เช่น Topics API และเครื่องมือวัดผลโฆษณา แต่พบว่ามีข้อจำกัดในด้านความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์และความซับซ้อนทางเทคนิค นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียรายได้ของผู้เผยแพร่โฆษณาและความเป็นธรรมในตลาด

    https://www.techspot.com/news/107649-google-abandons-plans-phase-out-third-party-cookies.html
    Google ได้ประกาศเปลี่ยนแผนเกี่ยวกับการยกเลิกการใช้ third-party cookies ในเบราว์เซอร์ Chrome ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลอย่างมาก โดยเดิมที Google มีแผนที่จะยกเลิกการใช้ third-party cookies เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่หลังจากได้รับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น UK's Competition and Markets Authority (CMA) Google ตัดสินใจที่จะคงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในรูปแบบเดิมไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google ได้พยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในโครงการ Privacy Sandbox เช่น Topics API และเครื่องมือวัดผลโฆษณา แต่พบว่ามีข้อจำกัดในด้านความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์และความซับซ้อนทางเทคนิค นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียรายได้ของผู้เผยแพร่โฆษณาและความเป็นธรรมในตลาด https://www.techspot.com/news/107649-google-abandons-plans-phase-out-third-party-cookies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google Chrome abandons plans to phase out third-party cookies
    The announcement, delivered by Anthony Chavez, VPt of Privacy Sandbox at Google, confirmed that Chrome users will continue to manage their third-party cookie preferences through existing privacy...
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • Amazon ได้เปิดตัว EC2 Graviton4-based instances รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ NVMe SSD storage ซึ่งเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในด้านประสิทธิภาพและความสามารถของระบบคลาวด์ โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพในหลายด้าน เช่น การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ✅ การเปิดตัว EC2 Graviton4-based instances
    - มีสามรุ่น ได้แก่ C8gd (compute optimized), M8gd (general purpose) และ R8gd (memory optimized)
    - มาพร้อมกับ NVMe SSD storage ที่เพิ่มความเร็วในการจัดเก็บข้อมูล

    ✅ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Graviton3
    - การประมวลผลทั่วไปเร็วขึ้นถึง 30%
    - การทำงานของฐานข้อมูลที่ใช้การจัดเก็บข้อมูลหนักเร็วขึ้นถึง 40%
    - การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เร็วขึ้นถึง 20%

    ✅ ความสามารถในการรองรับงานที่ใหญ่ขึ้น
    - รองรับ vCPUs สูงสุดถึง 192 และหน่วยความจำสูงสุด 1.5 TiB
    - พื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 11.4TB และแบนด์วิดท์เครือข่ายสูงสุด 50 Gbps

    ✅ การออกแบบที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    - ใช้ AWS Nitro System ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดภาระงานของระบบเสมือน

    ✅ การใช้งานที่เหมาะสม
    - เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้ Linux และเครื่องมืออย่าง Amazon EKS หรือ Docker

    https://www.neowin.net/news/amazon-announces-new-ec2-graviton4-based-instances-with-nvme-ssd-storage/
    Amazon ได้เปิดตัว EC2 Graviton4-based instances รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ NVMe SSD storage ซึ่งเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในด้านประสิทธิภาพและความสามารถของระบบคลาวด์ โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพในหลายด้าน เช่น การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดตัว EC2 Graviton4-based instances - มีสามรุ่น ได้แก่ C8gd (compute optimized), M8gd (general purpose) และ R8gd (memory optimized) - มาพร้อมกับ NVMe SSD storage ที่เพิ่มความเร็วในการจัดเก็บข้อมูล ✅ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Graviton3 - การประมวลผลทั่วไปเร็วขึ้นถึง 30% - การทำงานของฐานข้อมูลที่ใช้การจัดเก็บข้อมูลหนักเร็วขึ้นถึง 40% - การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เร็วขึ้นถึง 20% ✅ ความสามารถในการรองรับงานที่ใหญ่ขึ้น - รองรับ vCPUs สูงสุดถึง 192 และหน่วยความจำสูงสุด 1.5 TiB - พื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 11.4TB และแบนด์วิดท์เครือข่ายสูงสุด 50 Gbps ✅ การออกแบบที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ - ใช้ AWS Nitro System ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดภาระงานของระบบเสมือน ✅ การใช้งานที่เหมาะสม - เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้ Linux และเครื่องมืออย่าง Amazon EKS หรือ Docker https://www.neowin.net/news/amazon-announces-new-ec2-graviton4-based-instances-with-nvme-ssd-storage/
    WWW.NEOWIN.NET
    Amazon announces new EC2 Graviton4-based instances with NVMe SSD storage
    Amazon has announced new EC2 instances powered by its custom Graviton4 ARM processors and NVMe SSD storage for better cloud performance.
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 สำหรับ Copilot+ PCs ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ Recall ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านการใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้ และฟีเจอร์ Click to Do ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11 ที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหาไฟล์และข้อมูล

    ✅ ฟีเจอร์ Recall ช่วยให้การค้นหาข้อมูลง่ายขึ้น
    - ใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้เพื่อค้นหาข้อมูลผ่านการค้นหาแบบภาษาธรรมชาติ
    - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in และมีการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด

    ✅ ฟีเจอร์ Click to Do เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    - ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับบริบทได้อย่างรวดเร็ว
    - มีการทดสอบการรวม Reading Coach เพื่อช่วยในการอ่าน

    ✅ การปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11
    - ใช้ AI เพื่อค้นหาไฟล์และข้อมูลได้เร็วขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับ Windows 10
    - รองรับการค้นหาภาพและข้อมูลทั้งในอุปกรณ์และบนคลาวด์

    ✅ การขยายฟีเจอร์ Live Captions
    - รองรับการแปลแบบเรียลไทม์ในภาษาจีน (Simplified) และอีก 27 ภาษา

    https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-finally-plays-its-trump-ai-card-recall-in-windows-11-but-for-me-its-completely-overshadowed-by-another-new-ability-for-copilot-pcs
    Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 สำหรับ Copilot+ PCs ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ Recall ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านการใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้ และฟีเจอร์ Click to Do ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11 ที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหาไฟล์และข้อมูล ✅ ฟีเจอร์ Recall ช่วยให้การค้นหาข้อมูลง่ายขึ้น - ใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้เพื่อค้นหาข้อมูลผ่านการค้นหาแบบภาษาธรรมชาติ - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in และมีการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด ✅ ฟีเจอร์ Click to Do เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน - ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับบริบทได้อย่างรวดเร็ว - มีการทดสอบการรวม Reading Coach เพื่อช่วยในการอ่าน ✅ การปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11 - ใช้ AI เพื่อค้นหาไฟล์และข้อมูลได้เร็วขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับ Windows 10 - รองรับการค้นหาภาพและข้อมูลทั้งในอุปกรณ์และบนคลาวด์ ✅ การขยายฟีเจอร์ Live Captions - รองรับการแปลแบบเรียลไทม์ในภาษาจีน (Simplified) และอีก 27 ภาษา https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-finally-plays-its-trump-ai-card-recall-in-windows-11-but-for-me-its-completely-overshadowed-by-another-new-ability-for-copilot-pcs
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต

    จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง?

    จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ

    🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์

    แต่เคยสงสัยไหมว่า...
    ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"?
    ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา?

    อวดว่าเก่ง
    อวดว่าได้เงิน
    อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊

    แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡

    🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า...

    ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม

    การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน

    ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้"

    การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨

    ลองถามตัวเอง...

    🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน”

    พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ...

    ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด

    แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า?

    อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫

    สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่?

    💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่?

    ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼

    ✅ รวยจริง = มั่นใจ
    ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ

    การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว

    พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา?

    ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖

    เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว”

    🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ!

    🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓

    ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก”

    เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫

    จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀

    ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น?

    ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️

    ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚

    ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?”

    🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า

    จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568

    📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง? จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ 🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์ แต่เคยสงสัยไหมว่า... ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"? ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา? อวดว่าเก่ง อวดว่าได้เงิน อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊 แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡 🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า... ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้" การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨ ลองถามตัวเอง... 🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน” พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ... ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า? อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫 สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่? 💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่? ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼 ✅ รวยจริง = มั่นใจ ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา? ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖 เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว” 🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ! 🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓 ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก” เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫 จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀 ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น? ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️ ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚 ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?” 🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568 📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน*

    “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น

    ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป

    งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร

    คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที

    งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต

    หมายเหตุ
    * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ
    ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน* “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต หมายเหตุ * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • Google Messages กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) และ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้องกันตัวเองจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและแชร์ตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing)
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์
    - ช่วยให้การนัดพบหรือการติดตามตำแหน่งระหว่างการเดินทางสะดวกขึ้น

    ✅ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings)
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการส่งหรือรับภาพเปลือยโดยมีการแจ้งเตือนก่อนเปิดดู
    - ใช้ AI บนอุปกรณ์เพื่อวิเคราะห์ภาพโดยไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google

    ✅ การตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
    - บัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ
    - ผู้ปกครองสามารถควบคุมการตั้งค่าผ่านแอป Family Link

    ✅ การปรับปรุงความปลอดภัยใน Google Messages
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    https://www.techradar.com/phones/android/google-messages-update-finally-adds-an-important-safety-tool-and-teases-a-feature-im-surprised-the-app-doesnt-have-already
    Google Messages กำลังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) และ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้องกันตัวเองจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและแชร์ตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การแชร์ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Live Location Sharing) - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์ - ช่วยให้การนัดพบหรือการติดตามตำแหน่งระหว่างการเดินทางสะดวกขึ้น ✅ การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Content Warnings) - ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันการส่งหรือรับภาพเปลือยโดยมีการแจ้งเตือนก่อนเปิดดู - ใช้ AI บนอุปกรณ์เพื่อวิเคราะห์ภาพโดยไม่ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ✅ การตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี - บัญชีที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ - ผู้ปกครองสามารถควบคุมการตั้งค่าผ่านแอป Family Link ✅ การปรับปรุงความปลอดภัยใน Google Messages - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการรับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม https://www.techradar.com/phones/android/google-messages-update-finally-adds-an-important-safety-tool-and-teases-a-feature-im-surprised-the-app-doesnt-have-already
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตตได้พัฒนา สติกเกอร์อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจจับอารมณ์ที่แท้จริงของผู้ใช้ได้ โดยอุปกรณ์นี้สามารถวัดสัญญาณสำคัญของร่างกาย เช่น อุณหภูมิผิว ความชื้น อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) พร้อมทั้งใช้ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ

    ✅ สติกเกอร์สามารถตรวจจับอารมณ์ได้แบบเรียลไทม์
    - ใช้เซ็นเซอร์แยกส่วนและโมดูลไร้สายในการวัดข้อมูล
    - ออกแบบให้สวมใส่สบายและมีขนาดกะทัดรัด

    ✅ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ
    - ทดสอบกับอาสาสมัครที่แสดงอารมณ์ 6 แบบ เช่น ความสุข ความกลัว และความโกรธ
    - AI สามารถระบุอารมณ์ที่แสดงออกได้ถูกต้องถึง 96.28% และอารมณ์ที่แท้จริง 88.83%

    ✅ ช่วยในการตรวจสอบสุขภาพจิตและการแพทย์ทางไกล
    - ส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์มือถือและคลาวด์เพื่อการติดตามระยะไกล
    - มีศักยภาพในการตรวจจับความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าในระยะแรก

    ✅ การใช้งานที่หลากหลายนอกเหนือจากสุขภาพจิต
    - ช่วยผู้ป่วยที่ไม่สามารถสื่อสารได้
    - ติดตามสัญญาณเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อม
    - ใช้ในกีฬาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

    https://www.neowin.net/news/scientists-invent-sticker-said-to-reveal-your-true-emotions-no-matter-how-hard-you-hide-it/
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตตได้พัฒนา สติกเกอร์อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจจับอารมณ์ที่แท้จริงของผู้ใช้ได้ โดยอุปกรณ์นี้สามารถวัดสัญญาณสำคัญของร่างกาย เช่น อุณหภูมิผิว ความชื้น อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) พร้อมทั้งใช้ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ✅ สติกเกอร์สามารถตรวจจับอารมณ์ได้แบบเรียลไทม์ - ใช้เซ็นเซอร์แยกส่วนและโมดูลไร้สายในการวัดข้อมูล - ออกแบบให้สวมใส่สบายและมีขนาดกะทัดรัด ✅ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ - ทดสอบกับอาสาสมัครที่แสดงอารมณ์ 6 แบบ เช่น ความสุข ความกลัว และความโกรธ - AI สามารถระบุอารมณ์ที่แสดงออกได้ถูกต้องถึง 96.28% และอารมณ์ที่แท้จริง 88.83% ✅ ช่วยในการตรวจสอบสุขภาพจิตและการแพทย์ทางไกล - ส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์มือถือและคลาวด์เพื่อการติดตามระยะไกล - มีศักยภาพในการตรวจจับความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าในระยะแรก ✅ การใช้งานที่หลากหลายนอกเหนือจากสุขภาพจิต - ช่วยผู้ป่วยที่ไม่สามารถสื่อสารได้ - ติดตามสัญญาณเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อม - ใช้ในกีฬาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ https://www.neowin.net/news/scientists-invent-sticker-said-to-reveal-your-true-emotions-no-matter-how-hard-you-hide-it/
    WWW.NEOWIN.NET
    Scientists invent 'sticker' said to reveal your true emotions no matter how hard you hide it
    Reading the actual emotions of people can be a real hard task if not an impossible one, but not any more. Thanks to science, we now have a sticker that can identify real emotions.
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • อิทธิพลของดอลลาร์กำลังจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ปี 2025 นี้เป็นต้นไป

    ช่วงระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ทุกประเทศที่ต้องการซื้อน้ำมัน มีทางเลือกเดียว พวกเขาต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยไม่มีข้อยกเว้น

    ระบบดังกล่าวนี้เรียกว่า "เปโตรดอลลาร์" ซึ่งช่วยให้สหรัฐพิมพ์เงิน สร้างหนี้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และยังมีอำนาจแผ่ขยายไปทั่วโลก

    ปัจจุบันนี้ ภาพเหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นอดีต!

    เริ่มจากเดือนมีนาคม 2025 จีนลงนามข้อตกลง LNG กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มูลค่าหลายพันล้าน และใช้วิธีการชำระเงินเป็นสกุลเงินหยวน โดยไม่มีเงินดอลลาร์เข้ามาเกี่ยวข้อง!

    ต่อมา อินเดียใช้วิธีการเดียวกับจีน นั่นคือชำระเงินค่าน้ำมันจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นเงินรูปีและเดอร์แฮม และเป็นอีกครั้งที่เงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ

    บราซิลและจีนทำข้อตกลงในการซื้อขายโดยตรงเป็นเงินเรียลและเงินหยวน


    ไนจีเรียลงนามสัญญาค้ายขายกับจีนด้วยการใช้เงินหยวนแทนเงินดอลลาร์มูลค่าการค้าประมาณ 1,500 ล้านหยวน

    และที่สิ่งที่สหรัฐคาดไม่ถึงก็คือ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นคู่หูสหรัฐในการสร้าง "เปโตรดอลลาร์" กำลังพิจารณาใช้เงินหยวนในการทำข้อตกลงเรื่องน้ำมันกับจีน

    ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตร BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) กำลังเร่งมืออย่างจริงจังเพื่อหยุดใช้เงินดอลลาร์และเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินท้องถิ่นแทน

    จากนั้นในวันที่ 1 เมษายน ซาอุดีอาระเบียได้เข้าร่วม Project mBridge ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางข้ามชาติ

    แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประเทศต่างๆ ซื้อขายได้โดยตรง โดยเงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว

    การเคลื่อนไหวเหล่านี้ เป็นเพียงบางส่วนที่ถือเป็นสัญญาณเตือนสหรัฐ ว่าอำนาจไม่ได้อยู่ในมือของเขาอีกต่อไปแล้ว การครองอำนาจด้วยการใช้เงินดอลลาร์ในอุตสาหกรรมพลังงานกำลังจะสิ้นสุดลง

    แน่นอนว่าสหรัฐไม่ได้ล่มสลาย เพียงแต่โลกกำลังเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นใหม่อย่างเงียบๆ และปี 2025 จะเป็นปีที่การผูกขาดถูกทำลาย


    แหล่งที่มา: Reuters, Business Standard, CMP, The Star
    อิทธิพลของดอลลาร์กำลังจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เริ่มตั้งแต่ปี 2025 นี้เป็นต้นไป ช่วงระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ทุกประเทศที่ต้องการซื้อน้ำมัน มีทางเลือกเดียว พวกเขาต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยไม่มีข้อยกเว้น ระบบดังกล่าวนี้เรียกว่า "เปโตรดอลลาร์" ซึ่งช่วยให้สหรัฐพิมพ์เงิน สร้างหนี้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และยังมีอำนาจแผ่ขยายไปทั่วโลก ปัจจุบันนี้ ภาพเหล่านั้นกำลังจะกลายเป็นอดีต! เริ่มจากเดือนมีนาคม 2025 จีนลงนามข้อตกลง LNG กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มูลค่าหลายพันล้าน และใช้วิธีการชำระเงินเป็นสกุลเงินหยวน โดยไม่มีเงินดอลลาร์เข้ามาเกี่ยวข้อง! ต่อมา อินเดียใช้วิธีการเดียวกับจีน นั่นคือชำระเงินค่าน้ำมันจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นเงินรูปีและเดอร์แฮม และเป็นอีกครั้งที่เงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ บราซิลและจีนทำข้อตกลงในการซื้อขายโดยตรงเป็นเงินเรียลและเงินหยวน ไนจีเรียลงนามสัญญาค้ายขายกับจีนด้วยการใช้เงินหยวนแทนเงินดอลลาร์มูลค่าการค้าประมาณ 1,500 ล้านหยวน และที่สิ่งที่สหรัฐคาดไม่ถึงก็คือ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นคู่หูสหรัฐในการสร้าง "เปโตรดอลลาร์" กำลังพิจารณาใช้เงินหยวนในการทำข้อตกลงเรื่องน้ำมันกับจีน ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตร BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้) กำลังเร่งมืออย่างจริงจังเพื่อหยุดใช้เงินดอลลาร์และเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินท้องถิ่นแทน จากนั้นในวันที่ 1 เมษายน ซาอุดีอาระเบียได้เข้าร่วม Project mBridge ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางข้ามชาติ แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประเทศต่างๆ ซื้อขายได้โดยตรง โดยเงินดอลลาร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว การเคลื่อนไหวเหล่านี้ เป็นเพียงบางส่วนที่ถือเป็นสัญญาณเตือนสหรัฐ ว่าอำนาจไม่ได้อยู่ในมือของเขาอีกต่อไปแล้ว การครองอำนาจด้วยการใช้เงินดอลลาร์ในอุตสาหกรรมพลังงานกำลังจะสิ้นสุดลง แน่นอนว่าสหรัฐไม่ได้ล่มสลาย เพียงแต่โลกกำลังเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นใหม่อย่างเงียบๆ และปี 2025 จะเป็นปีที่การผูกขาดถูกทำลาย แหล่งที่มา: Reuters, Business Standard, CMP, The Star
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) เตรียมเปิดตัว ระบบฐานข้อมูลข้อความสำหรับนักบิน ภายในเดือนกันยายน 2025 หลังจากที่ระบบเดิมเกิดเหตุขัดข้องหลายครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการบิน ระบบใหม่นี้จะช่วยให้การส่งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ การปิดรันเวย์, ข้อจำกัดทางอากาศ และสถานะไฟนำทาง มีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น

    ✅ FAA เตรียมเปิดตัวระบบฐานข้อมูลข้อความนักบินภายในเดือนกันยายน
    - ระบบนี้จะช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Notice to Airmen (NOTAMs) มีความแม่นยำมากขึ้น
    - ลดความเสี่ยงจากเหตุขัดข้องที่เคยเกิดขึ้นในระบบเดิม

    ✅ CGI Federal ได้รับเลือกให้พัฒนาและปรับปรุงระบบ NOTAM
    - ระบบใหม่นี้จะช่วยให้ FAA สามารถส่งข้อมูลให้กับนักบินและเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินได้แบบเรียลไทม์
    - คาดว่าจะเปิดตัว NOTAM Modernization Service ภายในเดือนกรกฎาคม

    ✅ FAA ต้องใช้เงินกว่า 354 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการเปลี่ยนระบบ NOTAM
    - ประธานสมาคมผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศแห่งชาติระบุว่า FAA ต้องใช้เงิน 154 ล้านดอลลาร์ เพื่อวิจัยระบบใหม่ และ 354 ล้านดอลลาร์ เพื่อเปลี่ยนระบบเดิม

    ✅ ระบบใหม่จะช่วยลดปัญหาการหยุดชะงักของเที่ยวบิน
    - ในเดือนมกราคม 2023 ระบบ NOTAM ล้มเหลว ส่งผลให้เที่ยวบินกว่า 11,000 เที่ยว ต้องหยุดบินทั่วประเทศ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/22/faa-to-deploy-new-pilot-messaging-database-system-by-september
    สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) เตรียมเปิดตัว ระบบฐานข้อมูลข้อความสำหรับนักบิน ภายในเดือนกันยายน 2025 หลังจากที่ระบบเดิมเกิดเหตุขัดข้องหลายครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการบิน ระบบใหม่นี้จะช่วยให้การส่งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ การปิดรันเวย์, ข้อจำกัดทางอากาศ และสถานะไฟนำทาง มีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ✅ FAA เตรียมเปิดตัวระบบฐานข้อมูลข้อความนักบินภายในเดือนกันยายน - ระบบนี้จะช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Notice to Airmen (NOTAMs) มีความแม่นยำมากขึ้น - ลดความเสี่ยงจากเหตุขัดข้องที่เคยเกิดขึ้นในระบบเดิม ✅ CGI Federal ได้รับเลือกให้พัฒนาและปรับปรุงระบบ NOTAM - ระบบใหม่นี้จะช่วยให้ FAA สามารถส่งข้อมูลให้กับนักบินและเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินได้แบบเรียลไทม์ - คาดว่าจะเปิดตัว NOTAM Modernization Service ภายในเดือนกรกฎาคม ✅ FAA ต้องใช้เงินกว่า 354 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการเปลี่ยนระบบ NOTAM - ประธานสมาคมผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศแห่งชาติระบุว่า FAA ต้องใช้เงิน 154 ล้านดอลลาร์ เพื่อวิจัยระบบใหม่ และ 354 ล้านดอลลาร์ เพื่อเปลี่ยนระบบเดิม ✅ ระบบใหม่จะช่วยลดปัญหาการหยุดชะงักของเที่ยวบิน - ในเดือนมกราคม 2023 ระบบ NOTAM ล้มเหลว ส่งผลให้เที่ยวบินกว่า 11,000 เที่ยว ต้องหยุดบินทั่วประเทศ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/22/faa-to-deploy-new-pilot-messaging-database-system-by-september
    WWW.THESTAR.COM.MY
    FAA to deploy new pilot messaging database system by September
    WASHINGTON (Reuters) -The Federal Aviation Administration said on Monday it plans to deploy a new pilot messaging database by September after a series of outages have raised safety concerns.
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • Google ได้เปิดตัว Android XR Smart Glasses ซึ่งเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่ใช้ Gemini AI เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจดจำวัตถุ, แปลภาษา และแสดงบันทึกการพูดแบบเรียลไทม์ โดยแว่นตานี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงาน TED2025 และถือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีสวมใส่

    ✅ แว่นตาอัจฉริยะของ Google ใช้ Gemini AI
    - สามารถจดจำวัตถุและช่วยค้นหาสิ่งของที่ผู้ใช้ทำหาย
    - รองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องตั้งค่าล่วงหน้า

    ✅ แสดงบันทึกการพูดแบบเรียลไทม์
    - ผู้ใช้สามารถดูบันทึกการพูดบนเลนส์ของแว่นตาได้ทันที
    - เหมาะสำหรับการนำเสนอหรือการประชุม

    ✅ รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - ใช้พลังประมวลผลจากสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ
    - รองรับการใช้งานร่วมกับแอป Android ทั่วไป

    ✅ Samsung เตรียมเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะของตัวเอง
    - แว่นตา Haean ของ Samsung ถูกออกแบบให้มีความเบาและคล้ายแว่นกันแดด
    - อาจใช้ชิป Snapdragon XR2 Plus Gen 2 และรองรับการควบคุมด้วยท่าทาง

    https://www.techspot.com/news/107616-google-demos-android-xr-smart-glasses-gemini-ai.html
    Google ได้เปิดตัว Android XR Smart Glasses ซึ่งเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่ใช้ Gemini AI เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจดจำวัตถุ, แปลภาษา และแสดงบันทึกการพูดแบบเรียลไทม์ โดยแว่นตานี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงาน TED2025 และถือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีสวมใส่ ✅ แว่นตาอัจฉริยะของ Google ใช้ Gemini AI - สามารถจดจำวัตถุและช่วยค้นหาสิ่งของที่ผู้ใช้ทำหาย - รองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องตั้งค่าล่วงหน้า ✅ แสดงบันทึกการพูดแบบเรียลไทม์ - ผู้ใช้สามารถดูบันทึกการพูดบนเลนส์ของแว่นตาได้ทันที - เหมาะสำหรับการนำเสนอหรือการประชุม ✅ รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - ใช้พลังประมวลผลจากสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ - รองรับการใช้งานร่วมกับแอป Android ทั่วไป ✅ Samsung เตรียมเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะของตัวเอง - แว่นตา Haean ของ Samsung ถูกออกแบบให้มีความเบาและคล้ายแว่นกันแดด - อาจใช้ชิป Snapdragon XR2 Plus Gen 2 และรองรับการควบคุมด้วยท่าทาง https://www.techspot.com/news/107616-google-demos-android-xr-smart-glasses-gemini-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google demos Android XR smart glasses with Gemini AI, visual memory, and multilingual capabilities
    Until now, Google's Android XR glasses had only appeared in carefully curated teaser videos and limited hands-on previews shared with select publications. These early glimpses hinted at...
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Fudan ในเซี่ยงไฮ้ได้เปิดตัวอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชที่ทำลายสถิติความเร็วในการเขียนข้อมูล โดยอุปกรณ์นี้มีชื่อว่า PoX ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลได้ในเวลาเพียง 400 พิโควินาที หรือ สี่ร้อยล้านล้านส่วนของวินาที นับว่าเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบเซมิคอนดักเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ความสำเร็จนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ✅ PoX เป็นอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชที่เร็วที่สุดในโลก
    - สามารถเขียนข้อมูลได้ในเวลาเพียง 400 พิโควินาที
    - ทำงานได้ถึง 25 พันล้านครั้งต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าสถิติโลกก่อนหน้าถึง 100,000 เท่า

    ✅ PoX ใช้กราฟีนเป็นวัสดุหลักในการพัฒนา
    - กราฟีนมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่โดดเด่นและช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล
    - ใช้โครงสร้าง Dirac band และเทคนิค super-injection เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ PoX มีผลกระทบต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI
    - ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็วและลดการใช้พลังงาน
    - เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบเรียลไทม์

    ✅ PoX ช่วยลดปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูล
    - การพัฒนา PoX ช่วยแก้ปัญหาที่หน่วยความจำแบบไม่ลบข้อมูล (non-volatile memory) เผชิญมานานหลายทศวรรษ

    https://www.techspot.com/news/107614-new-graphene-based-flash-memory-writes-data-400.html
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Fudan ในเซี่ยงไฮ้ได้เปิดตัวอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชที่ทำลายสถิติความเร็วในการเขียนข้อมูล โดยอุปกรณ์นี้มีชื่อว่า PoX ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลได้ในเวลาเพียง 400 พิโควินาที หรือ สี่ร้อยล้านล้านส่วนของวินาที นับว่าเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบเซมิคอนดักเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ความสำเร็จนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ PoX เป็นอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชที่เร็วที่สุดในโลก - สามารถเขียนข้อมูลได้ในเวลาเพียง 400 พิโควินาที - ทำงานได้ถึง 25 พันล้านครั้งต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าสถิติโลกก่อนหน้าถึง 100,000 เท่า ✅ PoX ใช้กราฟีนเป็นวัสดุหลักในการพัฒนา - กราฟีนมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่โดดเด่นและช่วยเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล - ใช้โครงสร้าง Dirac band และเทคนิค super-injection เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ PoX มีผลกระทบต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI - ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็วและลดการใช้พลังงาน - เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบ AI ที่ต้องการการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ✅ PoX ช่วยลดปัญหาคอขวดด้านการถ่ายโอนข้อมูล - การพัฒนา PoX ช่วยแก้ปัญหาที่หน่วยความจำแบบไม่ลบข้อมูล (non-volatile memory) เผชิญมานานหลายทศวรรษ https://www.techspot.com/news/107614-new-graphene-based-flash-memory-writes-data-400.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New graphene-based flash memory writes data in 400 picoseconds, shattering all speed records
    To put this achievement into perspective, PoX can perform 25 billion operations per second – surpassing the previous world record for similar technology by a factor of 100,000.
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • บทความนี้จาก CSO Online เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจาก AI ที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ (Autopoietic AI) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถ เขียนโปรแกรมตัวเองใหม่ และปรับเปลี่ยนการทำงานโดยไม่มีการควบคุมจากมนุษย์ โดยนักวิจัยระบุว่า องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะ อาจเผชิญความเสี่ยงสูง เนื่องจากขาดทรัพยากรในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI

    ✅ AI ที่ปรับเปลี่ยนตัวเองได้สามารถสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    - ระบบ AI อาจ ลดความเข้มงวดของการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    - ตัวอย่างเช่น ระบบกรองอีเมลอาจ ลดการบล็อกอีเมลฟิชชิง เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนจากผู้ใช้

    ✅ การเปลี่ยนแปลงของ AI อาจไม่สามารถตรวจสอบได้
    - AI อาจ ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยโดยไม่มีการบันทึก ทำให้ยากต่อการวิเคราะห์
    - องค์กรอาจไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ความปลอดภัย

    ✅ องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะมีความเสี่ยงสูง
    - ขาดทรัพยากรในการ ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI
    - ตัวอย่างเช่น ระบบตรวจจับการฉ้อโกงอาจ ลดการแจ้งเตือนเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงัก

    ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - ใช้ ระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของ AI
    - พัฒนา AI ที่มีความโปร่งใส เพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจการตัดสินใจของระบบ

    https://www.csoonline.com/article/3852782/when-ai-moves-beyond-human-oversight-the-cybersecurity-risks-of-self-sustaining-systems.html
    บทความนี้จาก CSO Online เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจาก AI ที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ (Autopoietic AI) ซึ่งเป็นระบบที่สามารถ เขียนโปรแกรมตัวเองใหม่ และปรับเปลี่ยนการทำงานโดยไม่มีการควบคุมจากมนุษย์ โดยนักวิจัยระบุว่า องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะ อาจเผชิญความเสี่ยงสูง เนื่องจากขาดทรัพยากรในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI ✅ AI ที่ปรับเปลี่ยนตัวเองได้สามารถสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย - ระบบ AI อาจ ลดความเข้มงวดของการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน - ตัวอย่างเช่น ระบบกรองอีเมลอาจ ลดการบล็อกอีเมลฟิชชิง เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนจากผู้ใช้ ✅ การเปลี่ยนแปลงของ AI อาจไม่สามารถตรวจสอบได้ - AI อาจ ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าความปลอดภัยโดยไม่มีการบันทึก ทำให้ยากต่อการวิเคราะห์ - องค์กรอาจไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ความปลอดภัย ✅ องค์กรขนาดเล็กและหน่วยงานสาธารณะมีความเสี่ยงสูง - ขาดทรัพยากรในการ ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ AI - ตัวอย่างเช่น ระบบตรวจจับการฉ้อโกงอาจ ลดการแจ้งเตือนเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงัก ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย - ใช้ ระบบตรวจสอบแบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของ AI - พัฒนา AI ที่มีความโปร่งใส เพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจการตัดสินใจของระบบ https://www.csoonline.com/article/3852782/when-ai-moves-beyond-human-oversight-the-cybersecurity-risks-of-self-sustaining-systems.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    When AI moves beyond human oversight: The cybersecurity risks of self-sustaining systems
    What happens when AI cybersecurity systems start to rewrite themselves as they adapt over time? Keeping an eye on what they’re doing will be mission-critical.
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด)

    #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)**
    - **รับซื้อ**: 52,350 บาท
    - **ขายออก**: 52,450 บาท
    - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน

    #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%**
    - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท
    - **ขายออก**: 53,250 บาท
    - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม)

    #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)**
    - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์
    - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ)
    - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

    #### 4. **แนวโน้มราคาทอง**
    - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน
    - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

    #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม**
    - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ**
    - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท)
    - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท)
    - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD)

    ---

    ### ปัจจัยกระทบราคาทอง
    - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
    - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ
    - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด) #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)** - **รับซื้อ**: 52,350 บาท - **ขายออก**: 52,450 บาท - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%** - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท - **ขายออก**: 53,250 บาท - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม) #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)** - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ) - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน #### 4. **แนวโน้มราคาทอง** - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม** - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ** - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท) - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท) - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD) --- ### ปัจจัยกระทบราคาทอง - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • แฮกเกอร์กำลังใช้โปรแกรม AI Gamma เพื่อสร้างหน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft SharePoint ปลอม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญฟิชชิงที่มีความสมจริงสูง โดยเป้าหมายคือ ขโมยข้อมูลล็อกอินของผู้ใช้ ผ่านอีเมลที่ดูเหมือนถูกส่งจากองค์กรจริง

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ Gamma AI เพื่อสร้างหน้าเข้าสู่ระบบปลอมของ Microsoft SharePoint
    - Gamma เป็น เครื่องมือสร้างงานนำเสนอออนไลน์ ที่ถูกนำมาใช้ในแคมเปญฟิชชิง
    - หน้าเข้าสู่ระบบปลอมมี โลโก้ขององค์กรจริงและข้อความเชิญชวนให้ตรวจสอบเอกสาร

    ✅ อีเมลฟิชชิงถูกส่งจากบัญชีที่ถูกแฮกเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
    - ใช้บัญชีที่ถูกแฮกเพื่อ ข้ามการตรวจสอบ SPF, DKIM และ DMARC
    - อีเมลมี ไฟล์ PDF แนบมา ซึ่งเป็นลิงก์ไปยังงานนำเสนอที่สร้างบน Gamma

    ✅ แฮกเกอร์ใช้ Cloudflare Turnstile เพื่อให้แน่ใจว่ามีแต่คนจริงที่เข้าถึงหน้าเว็บ
    - ระบบนี้ช่วยให้ บอทและเครื่องมือรักษาความปลอดภัยไม่สามารถตรวจจับเว็บไซต์ปลอมได้
    - เมื่อเหยื่อคลิกที่ลิงก์ พวกเขาจะถูกนำไปยัง หน้าเข้าสู่ระบบ SharePoint ปลอม

    ✅ ระบบตรวจสอบข้อมูลล็อกอินแบบเรียลไทม์
    - หากเหยื่อพิมพ์รหัสผ่านผิด ระบบจะ แจ้งข้อผิดพลาดเพื่อให้พวกเขาลองใหม่
    - นักวิจัยเชื่อว่าแฮกเกอร์ใช้ Adversary-in-the-Middle (AiTM) เพื่อยืนยันข้อมูลล็อกอิน

    https://www.techradar.com/pro/security/popular-ai-program-spoofed-in-phishing-campaign-spawning-fake-microsoft-sharepoint-logins
    แฮกเกอร์กำลังใช้โปรแกรม AI Gamma เพื่อสร้างหน้าเข้าสู่ระบบ Microsoft SharePoint ปลอม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญฟิชชิงที่มีความสมจริงสูง โดยเป้าหมายคือ ขโมยข้อมูลล็อกอินของผู้ใช้ ผ่านอีเมลที่ดูเหมือนถูกส่งจากองค์กรจริง ✅ แฮกเกอร์ใช้ Gamma AI เพื่อสร้างหน้าเข้าสู่ระบบปลอมของ Microsoft SharePoint - Gamma เป็น เครื่องมือสร้างงานนำเสนอออนไลน์ ที่ถูกนำมาใช้ในแคมเปญฟิชชิง - หน้าเข้าสู่ระบบปลอมมี โลโก้ขององค์กรจริงและข้อความเชิญชวนให้ตรวจสอบเอกสาร ✅ อีเมลฟิชชิงถูกส่งจากบัญชีที่ถูกแฮกเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ - ใช้บัญชีที่ถูกแฮกเพื่อ ข้ามการตรวจสอบ SPF, DKIM และ DMARC - อีเมลมี ไฟล์ PDF แนบมา ซึ่งเป็นลิงก์ไปยังงานนำเสนอที่สร้างบน Gamma ✅ แฮกเกอร์ใช้ Cloudflare Turnstile เพื่อให้แน่ใจว่ามีแต่คนจริงที่เข้าถึงหน้าเว็บ - ระบบนี้ช่วยให้ บอทและเครื่องมือรักษาความปลอดภัยไม่สามารถตรวจจับเว็บไซต์ปลอมได้ - เมื่อเหยื่อคลิกที่ลิงก์ พวกเขาจะถูกนำไปยัง หน้าเข้าสู่ระบบ SharePoint ปลอม ✅ ระบบตรวจสอบข้อมูลล็อกอินแบบเรียลไทม์ - หากเหยื่อพิมพ์รหัสผ่านผิด ระบบจะ แจ้งข้อผิดพลาดเพื่อให้พวกเขาลองใหม่ - นักวิจัยเชื่อว่าแฮกเกอร์ใช้ Adversary-in-the-Middle (AiTM) เพื่อยืนยันข้อมูลล็อกอิน https://www.techradar.com/pro/security/popular-ai-program-spoofed-in-phishing-campaign-spawning-fake-microsoft-sharepoint-logins
    WWW.TECHRADAR.COM
    Popular AI program spoofed in phishing campaign spawning fake Microsoft Sharepoint logins
    Newly-discovered phishing campaign is hyper-realistic, researchers say
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • Zoom ได้แก้ไขปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้ทำให้บริการต่างๆ เช่น เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว

    ✅ Zoom ประสบปัญหาขัดข้องทั่วโลก และได้รับการแก้ไขแล้ว
    - ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อ เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน
    - Downdetector รายงานว่ามีผู้ใช้ 67,280 ราย แจ้งปัญหาในช่วงเวลาสูงสุด

    ✅ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รายงานปัญหาการเข้าถึง Zoom
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก
    - Zoom ได้แจ้งผ่าน แพลตฟอร์ม X ว่าบริการได้รับการกู้คืนแล้ว

    ✅ Downdetector ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาขัดข้อง
    - ระบบรวบรวมข้อมูลจาก รายงานของผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ
    - ช่วยให้สามารถติดตามปัญหาขัดข้องของบริการออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์

    ✅ Zoom เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอลที่ได้รับความนิยมสูง
    - มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการศึกษา
    - การขัดข้องของระบบอาจส่งผลกระทบต่อการประชุมและการเรียนออนไลน์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/zoom-down-for-thousands-of-users-downdetector-shows
    Zoom ได้แก้ไขปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้ทำให้บริการต่างๆ เช่น เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว ✅ Zoom ประสบปัญหาขัดข้องทั่วโลก และได้รับการแก้ไขแล้ว - ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อ เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน - Downdetector รายงานว่ามีผู้ใช้ 67,280 ราย แจ้งปัญหาในช่วงเวลาสูงสุด ✅ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รายงานปัญหาการเข้าถึง Zoom - ปัญหานี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก - Zoom ได้แจ้งผ่าน แพลตฟอร์ม X ว่าบริการได้รับการกู้คืนแล้ว ✅ Downdetector ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาขัดข้อง - ระบบรวบรวมข้อมูลจาก รายงานของผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ - ช่วยให้สามารถติดตามปัญหาขัดข้องของบริการออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ ✅ Zoom เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอลที่ได้รับความนิยมสูง - มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการศึกษา - การขัดข้องของระบบอาจส่งผลกระทบต่อการประชุมและการเรียนออนไลน์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/zoom-down-for-thousands-of-users-downdetector-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Zoom restored after outage affects thousands of users globally
    (Reuters) - Video-conferencing platform Zoom Communications said on Wednesday it had resolved a global outage that disrupted its services, including its website, video calls and application, affecting thousands of users worldwide.
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปิดให้ Copilot Vision ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ Edge ทุกคน ซึ่งก่อนหน้านี้ฟีเจอร์นี้สงวนไว้สำหรับสมาชิก Copilot Pro เท่านั้น โดย Copilot Vision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ แชร์เนื้อหาเว็บกับ Copilot และรับคำตอบที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นได้ทันที

    ✅ Copilot Vision เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ Edge
    - ก่อนหน้านี้ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะใน Copilot Pro แต่ตอนนี้เปิดให้ทุกคนใช้งานได้
    - ผู้ใช้สามารถ พูดคุยกับ Copilot เกี่ยวกับเนื้อหาบนเว็บที่กำลังดูอยู่

    ✅ Copilot Vision รองรับเว็บไซต์บางแห่งเท่านั้น
    - ใช้งานได้กับ Amazon.com, Target.com, Wikipedia และ Tripadvisor
    - ไม่สามารถใช้กับ เว็บไซต์ที่มี paywall หรือเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน

    ✅ Microsoft ยืนยันว่า Copilot Vision ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้
    - ไม่มีการบันทึก เสียง, รูปภาพ, ข้อความ หรือบทสนทนา เพื่อใช้ในการฝึกโมเดล AI
    - ฟีเจอร์นี้เป็น ระบบ opt-in ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานเอง

    ✅ Copilot Vision ขยายไปยังแอปมือถือและ Windows
    - ผู้ใช้สามารถใช้ Copilot mobile app เพื่อให้ AI วิเคราะห์ วิดีโอแบบเรียลไทม์และภาพถ่ายในแกลเลอรี
    - Copilot Vision ใน Windows รองรับ การแชร์หน้าต่างเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชัน

    ✅ วิธีใช้งาน Copilot Vision บน Windows
    - คลิกที่ ไอคอนแว่นตา ในแอป Copilot
    - เลือก หน้าต่างเบราว์เซอร์หรือแอปที่ต้องการแชร์
    - ถาม Copilot เกี่ยวกับเนื้อหาที่กำลังดู

    https://www.neowin.net/news/microsoft-just-made-copilot-vision-free-for-everyone-using-edge-browser/
    Microsoft ได้เปิดให้ Copilot Vision ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ Edge ทุกคน ซึ่งก่อนหน้านี้ฟีเจอร์นี้สงวนไว้สำหรับสมาชิก Copilot Pro เท่านั้น โดย Copilot Vision ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ แชร์เนื้อหาเว็บกับ Copilot และรับคำตอบที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นได้ทันที ✅ Copilot Vision เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ Edge - ก่อนหน้านี้ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะใน Copilot Pro แต่ตอนนี้เปิดให้ทุกคนใช้งานได้ - ผู้ใช้สามารถ พูดคุยกับ Copilot เกี่ยวกับเนื้อหาบนเว็บที่กำลังดูอยู่ ✅ Copilot Vision รองรับเว็บไซต์บางแห่งเท่านั้น - ใช้งานได้กับ Amazon.com, Target.com, Wikipedia และ Tripadvisor - ไม่สามารถใช้กับ เว็บไซต์ที่มี paywall หรือเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน ✅ Microsoft ยืนยันว่า Copilot Vision ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ - ไม่มีการบันทึก เสียง, รูปภาพ, ข้อความ หรือบทสนทนา เพื่อใช้ในการฝึกโมเดล AI - ฟีเจอร์นี้เป็น ระบบ opt-in ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องเปิดใช้งานเอง ✅ Copilot Vision ขยายไปยังแอปมือถือและ Windows - ผู้ใช้สามารถใช้ Copilot mobile app เพื่อให้ AI วิเคราะห์ วิดีโอแบบเรียลไทม์และภาพถ่ายในแกลเลอรี - Copilot Vision ใน Windows รองรับ การแชร์หน้าต่างเบราว์เซอร์หรือแอปพลิเคชัน ✅ วิธีใช้งาน Copilot Vision บน Windows - คลิกที่ ไอคอนแว่นตา ในแอป Copilot - เลือก หน้าต่างเบราว์เซอร์หรือแอปที่ต้องการแชร์ - ถาม Copilot เกี่ยวกับเนื้อหาที่กำลังดู https://www.neowin.net/news/microsoft-just-made-copilot-vision-free-for-everyone-using-edge-browser/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft just made Copilot Vision free for everyone using Edge browser
    Microsoft has made its Copilot Vision feature, previously exclusive to Pro subscribers, available for free to all Microsoft Edge users on select websites.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • Grok ได้เปิดตัว Grok Studio ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สร้างและแก้ไขเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์ ได้โดยตรง โดยฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานทั้งสำหรับ ผู้ใช้ฟรีและผู้ใช้แบบชำระเงิน

    ✅ Grok Studio ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์
    - เมื่อผู้ใช้สร้างเอกสารหรือโค้ด Grok Studio จะเปิดหน้าต่างแยกเพื่อให้สามารถ แก้ไขและทำงานร่วมกับ AI ได้แบบเรียลไทม์
    - รองรับ HTML snippets, Python, C++, JavaScript, TypeScript และ Bash scripts ซึ่งสามารถรันได้ในแท็บพรีวิว

    ✅ การผสานรวมกับ Google Drive
    - ผู้ใช้สามารถ แนบไฟล์จาก Google Drive ไปยัง Grok Studio เพื่อให้ AI ช่วยประมวลผลข้อมูล เช่น รายงานหรือสเปรดชีต
    - Grok สามารถช่วยสรุปเอกสารทางการเงินหรือค้นหาข้อมูลเฉพาะภายในไฟล์ที่แนบมา

    ✅ เปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ
    - OpenAI เคยเปิดตัว Canvas สำหรับ ChatGPT ในปี 2024 ซึ่งมีฟีเจอร์คล้ายกับ Grok Studio
    - Anthropic เปิดตัว Artifacts สำหรับ Claude ซึ่งเป็นเครื่องมือแรกที่มีฟีเจอร์การแก้ไขโค้ดแบบเรียลไทม์

    https://www.neowin.net/news/grok-can-now-generate-documents-code-and-browser-games/
    Grok ได้เปิดตัว Grok Studio ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สร้างและแก้ไขเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์ ได้โดยตรง โดยฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานทั้งสำหรับ ผู้ใช้ฟรีและผู้ใช้แบบชำระเงิน ✅ Grok Studio ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์ - เมื่อผู้ใช้สร้างเอกสารหรือโค้ด Grok Studio จะเปิดหน้าต่างแยกเพื่อให้สามารถ แก้ไขและทำงานร่วมกับ AI ได้แบบเรียลไทม์ - รองรับ HTML snippets, Python, C++, JavaScript, TypeScript และ Bash scripts ซึ่งสามารถรันได้ในแท็บพรีวิว ✅ การผสานรวมกับ Google Drive - ผู้ใช้สามารถ แนบไฟล์จาก Google Drive ไปยัง Grok Studio เพื่อให้ AI ช่วยประมวลผลข้อมูล เช่น รายงานหรือสเปรดชีต - Grok สามารถช่วยสรุปเอกสารทางการเงินหรือค้นหาข้อมูลเฉพาะภายในไฟล์ที่แนบมา ✅ เปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ - OpenAI เคยเปิดตัว Canvas สำหรับ ChatGPT ในปี 2024 ซึ่งมีฟีเจอร์คล้ายกับ Grok Studio - Anthropic เปิดตัว Artifacts สำหรับ Claude ซึ่งเป็นเครื่องมือแรกที่มีฟีเจอร์การแก้ไขโค้ดแบบเรียลไทม์ https://www.neowin.net/news/grok-can-now-generate-documents-code-and-browser-games/
    WWW.NEOWIN.NET
    Grok can now generate documents, code, and browser games
    Grok has officially announced a new tool called Grok Studio, allowing users to create documents and basic apps.
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปิดตัว เครื่องมือใหม่ใน Copilot Studio ที่ชื่อว่า “Computer Use” ซึ่งช่วยให้ AI สามารถ โต้ตอบกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ API

    ✅ Copilot Studio เพิ่มเครื่องมือ “Computer Use” สำหรับการโต้ตอบกับแอปและเว็บไซต์
    - AI สามารถ คลิกปุ่ม, เลือกเมนู และพิมพ์ข้อความ ในแอปพลิเคชันต่างๆ
    - ทำงานได้แม้ใน สภาพแวดล้อมที่ไม่มี API สำหรับการเชื่อมต่อ

    ✅ ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของ UI
    - สามารถ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของปุ่มและหน้าจอแบบเรียลไทม์
    - มี ระบบเหตุผลในตัว ที่ช่วยให้ AI สามารถแก้ไขปัญหาได้เอง

    ✅ ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานของ Microsoft เพื่อความปลอดภัย
    - ข้อมูลของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud และ ไม่ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI
    - องค์กรสามารถใช้เครื่องมือนี้โดยไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง

    ✅ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Robotic Process Automation (RPA)
    - ใช้งานง่าย: ผู้ใช้สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการเป็นภาษาธรรมชาติ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด
    - มีความฉลาด: AI สามารถมองเห็นหน้าจอและตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์
    - มีประวัติการใช้งาน: ผู้ใช้สามารถดู ภาพหน้าจอและขั้นตอนการทำงานย้อนหลัง

    ✅ Microsoft อาจใช้เทคโนโลยีเดียวกับ OpenAI Operator
    - OpenAI เปิดตัว Operator ซึ่งใช้โมเดล Computer-Using Agent (CUA) ที่รวม GPT-4o กับ Reinforcement Learning
    - Microsoft อาจนำเทคโนโลยีเดียวกันมาใช้ใน “Computer Use”

    ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานของ AI ในองค์กร
    - AI ที่สามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันโดยตรงอาจ ลดความจำเป็นในการพัฒนา API เฉพาะทาง

    ℹ️ ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย
    - แม้ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud แต่ต้องติดตามว่า มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์
    - หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปไกล อาจนำไปสู่ AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในระบบที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/microsofts-copilot-studio-gets-a-boost-with-computer-use-tool/
    Microsoft ได้เปิดตัว เครื่องมือใหม่ใน Copilot Studio ที่ชื่อว่า “Computer Use” ซึ่งช่วยให้ AI สามารถ โต้ตอบกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ API ✅ Copilot Studio เพิ่มเครื่องมือ “Computer Use” สำหรับการโต้ตอบกับแอปและเว็บไซต์ - AI สามารถ คลิกปุ่ม, เลือกเมนู และพิมพ์ข้อความ ในแอปพลิเคชันต่างๆ - ทำงานได้แม้ใน สภาพแวดล้อมที่ไม่มี API สำหรับการเชื่อมต่อ ✅ ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของ UI - สามารถ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของปุ่มและหน้าจอแบบเรียลไทม์ - มี ระบบเหตุผลในตัว ที่ช่วยให้ AI สามารถแก้ไขปัญหาได้เอง ✅ ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานของ Microsoft เพื่อความปลอดภัย - ข้อมูลของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud และ ไม่ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI - องค์กรสามารถใช้เครื่องมือนี้โดยไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง ✅ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Robotic Process Automation (RPA) - ใช้งานง่าย: ผู้ใช้สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการเป็นภาษาธรรมชาติ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด - มีความฉลาด: AI สามารถมองเห็นหน้าจอและตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ - มีประวัติการใช้งาน: ผู้ใช้สามารถดู ภาพหน้าจอและขั้นตอนการทำงานย้อนหลัง ✅ Microsoft อาจใช้เทคโนโลยีเดียวกับ OpenAI Operator - OpenAI เปิดตัว Operator ซึ่งใช้โมเดล Computer-Using Agent (CUA) ที่รวม GPT-4o กับ Reinforcement Learning - Microsoft อาจนำเทคโนโลยีเดียวกันมาใช้ใน “Computer Use” ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานของ AI ในองค์กร - AI ที่สามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันโดยตรงอาจ ลดความจำเป็นในการพัฒนา API เฉพาะทาง ℹ️ ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย - แม้ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud แต่ต้องติดตามว่า มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์ - หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปไกล อาจนำไปสู่ AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในระบบที่ซับซ้อนมากขึ้น https://www.neowin.net/news/microsofts-copilot-studio-gets-a-boost-with-computer-use-tool/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft's Copilot Studio gets a boost with “Computer use” tool
    Microsoft has introduced a research preview tool called "Computer use" within Copilot Studio. This LLM-powered feature enables AI agents to interact directly with any website or app.
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • OpenAI กำลังพัฒนา แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งของ X (เดิมคือ Twitter) โดยแพลตฟอร์มนี้จะเน้นการใช้ ChatGPT ในการสร้างภาพและเนื้อหา และอาจรวมเข้ากับ ChatGPT หรือเปิดตัวเป็นแอปใหม่

    ✅ OpenAI กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
    - แพลตฟอร์มนี้อยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นแอปใหม่หรือรวมเข้ากับ ChatGPT
    - มีการใช้ ChatGPT ในการสร้างภาพและเนื้อหา พร้อมฟีดแบบโซเชียล

    ✅ ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่าง Sam Altman และ Elon Musk
    - Musk เคยเสนอซื้อ OpenAI ในราคา 97.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ถูก Altman ปฏิเสธ
    - OpenAI และ Musk ต่างก็มีคดีความต่อกันเกี่ยวกับการควบคุมเทคโนโลยี AI

    ✅ เป้าหมายของ OpenAI ในการสร้างแพลตฟอร์มนี้
    - OpenAI ต้องการ ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อฝึก AI แทนการพึ่งพาข้อมูลจากแพลตฟอร์มอื่น
    - แพลตฟอร์มนี้อาจช่วยให้ OpenAI มี แหล่งข้อมูลของตัวเอง เหมือนกับที่ Musk ใช้ X ในการฝึก Grok

    ✅ แนวโน้มของตลาดโซเชียลมีเดียที่ใช้ AI
    - Meta กำลังใช้ Llama models ในการฝึก AI ด้วยข้อมูลจาก Facebook และ Instagram
    - OpenAI อาจต้องแข่งขันกับแพลตฟอร์มที่มีฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่

    ℹ️ ความท้าทายในการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่
    - OpenAI กำลังเผชิญกับหลายประเด็น เช่น การพัฒนาโมเดลใหม่, คดีความ และการขยายธุรกิจ
    - ต้องติดตามว่าแพลตฟอร์มนี้จะสามารถดึงดูดผู้ใช้ได้หรือไม่

    ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด AI
    - หาก OpenAI มีแพลตฟอร์มของตัวเอง อาจส่งผลต่อ การเข้าถึงข้อมูลของ AI คู่แข่ง
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแนวทางการพัฒนา AI ของบริษัทอื่น

    ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI ในโซเชียลมีเดีย
    - AI อาจมีบทบาทมากขึ้นในการสร้างเนื้อหาและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้
    - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.neowin.net/news/openai-is-reportedly-working-on-its-own-social-media-platform-to-rival-the-likes-of-x/
    OpenAI กำลังพัฒนา แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งของ X (เดิมคือ Twitter) โดยแพลตฟอร์มนี้จะเน้นการใช้ ChatGPT ในการสร้างภาพและเนื้อหา และอาจรวมเข้ากับ ChatGPT หรือเปิดตัวเป็นแอปใหม่ ✅ OpenAI กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย - แพลตฟอร์มนี้อยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นแอปใหม่หรือรวมเข้ากับ ChatGPT - มีการใช้ ChatGPT ในการสร้างภาพและเนื้อหา พร้อมฟีดแบบโซเชียล ✅ ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่าง Sam Altman และ Elon Musk - Musk เคยเสนอซื้อ OpenAI ในราคา 97.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ถูก Altman ปฏิเสธ - OpenAI และ Musk ต่างก็มีคดีความต่อกันเกี่ยวกับการควบคุมเทคโนโลยี AI ✅ เป้าหมายของ OpenAI ในการสร้างแพลตฟอร์มนี้ - OpenAI ต้องการ ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อฝึก AI แทนการพึ่งพาข้อมูลจากแพลตฟอร์มอื่น - แพลตฟอร์มนี้อาจช่วยให้ OpenAI มี แหล่งข้อมูลของตัวเอง เหมือนกับที่ Musk ใช้ X ในการฝึก Grok ✅ แนวโน้มของตลาดโซเชียลมีเดียที่ใช้ AI - Meta กำลังใช้ Llama models ในการฝึก AI ด้วยข้อมูลจาก Facebook และ Instagram - OpenAI อาจต้องแข่งขันกับแพลตฟอร์มที่มีฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ ℹ️ ความท้าทายในการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ - OpenAI กำลังเผชิญกับหลายประเด็น เช่น การพัฒนาโมเดลใหม่, คดีความ และการขยายธุรกิจ - ต้องติดตามว่าแพลตฟอร์มนี้จะสามารถดึงดูดผู้ใช้ได้หรือไม่ ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด AI - หาก OpenAI มีแพลตฟอร์มของตัวเอง อาจส่งผลต่อ การเข้าถึงข้อมูลของ AI คู่แข่ง - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแนวทางการพัฒนา AI ของบริษัทอื่น ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI ในโซเชียลมีเดีย - AI อาจมีบทบาทมากขึ้นในการสร้างเนื้อหาและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ - อาจมีการพัฒนา AI ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น https://www.neowin.net/news/openai-is-reportedly-working-on-its-own-social-media-platform-to-rival-the-likes-of-x/
    WWW.NEOWIN.NET
    OpenAI is reportedly working on its own social media platform to rival the likes of X
    OpenAI doesn't seem to be catching a break. A new report claims the company is quietly building a social media platform that could go head-to-head with X.
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
More Results