TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้:
---
ช่วงการลงนาม TOR 2003
18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003)
นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ:
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย:
นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น)
---
ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี
เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003
---
JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554)
นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์
ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ)
JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)
นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน
จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง
---
JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด
นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี)
ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ
สรุป:
ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ”
โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI
ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร)
--พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย:
---
วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา
1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ
2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto
3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม”
4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ
---
สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”:
ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย
1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000
2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN
3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม”
4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง
5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน
---
ความเสี่ยง:
หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ
→ จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว”
หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล
เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก
---
ช่วงการลงนาม TOR 2003
18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003)
นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ:
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย:
นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น)
---
ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี
เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003
---
JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554)
นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์
ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ)
JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)
นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน
จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง
---
JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด
นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี)
ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ
สรุป:
ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ”
โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI
ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร)
--พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย:
---
วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา
1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ
2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto
3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม”
4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ
---
สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”:
ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย
1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000
2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN
3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม”
4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง
5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน
---
ความเสี่ยง:
หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ
→ จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว”
หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล
เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก
TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้:
---
📌 ช่วงการลงนาม TOR 2003
📅 18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003)
🧑⚖️ นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
🕴️ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ:
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
📌 ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย:
นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น)
---
📌 ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
🧑⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี
🧾 เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003
---
📌 JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554)
🧑⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์
🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ)
📌 JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)
🧑⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน
จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง
---
📌 JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด
🧑⚖️ นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
🕴️ รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี)
🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ
📍 สรุป:
ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ”
โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI
ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร)
--พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย:
---
✅ วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา
1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ
2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto
3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม”
4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ
---
📌 สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”:
ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย
1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000
2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN
3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม”
4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง
5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน
---
🚨 ความเสี่ยง:
หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ
→ จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว”
หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล
เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก
0 Comments
0 Shares
1 Views
0 Reviews