• เตรียมปราบแก๊งตบทรัพย์ 'บิ๊กเต่า' สอบเข้มทุกกรณี คาดมีบอสโดนไถอีกเพียบ
    .
    มหากาพย์ข่าว The Icon เวลานี้ถือว่าขยายวงไปไกลมาก โดยไม่ได้มีเพียงเฉพาะการเอาผิดกับกลุ่มผู้บริหารเท่านั้น แต่ยังพบขบวนการตบทรัพย์ของบรรดาของบุคคลที่สวมสูทแสร้งทำตัวเป็นคนดีด้วย โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ที่มีการเรียกรับเงิน นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล
    .
    พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงความคึบหน้าในการสอบสวนนักตบทรัพย์ว่า กรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการเรียกรับเงินจากบอสพอล จำนวน 300,000 บาท และ 450,000 บาท ซึ่งตอนนี้มีการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ไปแล้วถึง 80-90% และจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นในส่วนนี้จะเข้าข่ายความผิดกรรโชกทรัพย์ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ
    .
    บิ๊กเต่า ระบุอีกว่า ส่วนกรณีเรื่องต่อมาคือเรื่องใหม่ที่ทนายของ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีระหว่าง น.ส.กฤษอนงค์ กับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ที่มีการกล่าวอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย และรายการโหนกระแสไปเรียกรับเงินจากบอสปันและบอสพอล จำนวน 20 ล้านบาทนั้น ในส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของ กก.1 บก.ป. เบื้องต้นในส่วนที่หนุ่ม กรรชัย แจ้งความเอาผิด 2 บุคคลดังกล่าวในข้อหาพยายามฉ้อโกงและหมิ่นประมาท และจากหลักฐานที่ได้มายืนยันว่าคลิปเสียงไม่ได้มีการตัดต่อแต่อย่างใด และขณะนี้ก็ได้มีการประสานทนายบอสพอลเพื่อให้นำหลักฐานต่างๆ มาร้องทุกข์ แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ซึ่งทนายบอสพอลยืนยันว่าจะดำเนินคดีด้วย และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด
    .
    "คาดว่ายังมีบอสอีกหลายคนที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้ขอทำเป็นเรื่องๆ ไปก่อน" บิ๊กเต่า ระบุ
    .
    ด้าน นางสาวกฤษอนงค์ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าเสียงผู้หญิงในคลิปบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นตัวเองจริง แต่คลิปเสียงมีการตัดตอนออกบางช่วง ส่วนจำนวนเงิน 20 ล้านบาทนั้น เป็นค่าแผนงานโครงสร้างธุรกิจ เช่น งบประชาสัมพันธ์, เงินเยียวยาผู้เสียหาย โดยเงินจำนวนนี้เกิดจากพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน ที่ประเมินมูลค่าแผนงานดังกล่าวมาจากขนาดธุรกิจ
    .
    ไที่ตัวเองตกเป็นเป้าหมายสำคัญในคดีนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีดิไอคอน จำนวน 89 คน ให้ได้รับเงินเยียวยา จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์มีความแค้น"
    ..............
    Sondhi X
    เตรียมปราบแก๊งตบทรัพย์ 'บิ๊กเต่า' สอบเข้มทุกกรณี คาดมีบอสโดนไถอีกเพียบ . มหากาพย์ข่าว The Icon เวลานี้ถือว่าขยายวงไปไกลมาก โดยไม่ได้มีเพียงเฉพาะการเอาผิดกับกลุ่มผู้บริหารเท่านั้น แต่ยังพบขบวนการตบทรัพย์ของบรรดาของบุคคลที่สวมสูทแสร้งทำตัวเป็นคนดีด้วย โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง ที่มีการเรียกรับเงิน นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล . พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงความคึบหน้าในการสอบสวนนักตบทรัพย์ว่า กรณีคลิปเสียงของ น.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการเรียกรับเงินจากบอสพอล จำนวน 300,000 บาท และ 450,000 บาท ซึ่งตอนนี้มีการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ไปแล้วถึง 80-90% และจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นในส่วนนี้จะเข้าข่ายความผิดกรรโชกทรัพย์ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ . บิ๊กเต่า ระบุอีกว่า ส่วนกรณีเรื่องต่อมาคือเรื่องใหม่ที่ทนายของ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีระหว่าง น.ส.กฤษอนงค์ กับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม รัฐภูมิ ที่มีการกล่าวอ้างชื่อหนุ่ม กรรชัย และรายการโหนกระแสไปเรียกรับเงินจากบอสปันและบอสพอล จำนวน 20 ล้านบาทนั้น ในส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของ กก.1 บก.ป. เบื้องต้นในส่วนที่หนุ่ม กรรชัย แจ้งความเอาผิด 2 บุคคลดังกล่าวในข้อหาพยายามฉ้อโกงและหมิ่นประมาท และจากหลักฐานที่ได้มายืนยันว่าคลิปเสียงไม่ได้มีการตัดต่อแต่อย่างใด และขณะนี้ก็ได้มีการประสานทนายบอสพอลเพื่อให้นำหลักฐานต่างๆ มาร้องทุกข์ แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ซึ่งทนายบอสพอลยืนยันว่าจะดำเนินคดีด้วย และกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด . "คาดว่ายังมีบอสอีกหลายคนที่ถูกกระทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้ขอทำเป็นเรื่องๆ ไปก่อน" บิ๊กเต่า ระบุ . ด้าน นางสาวกฤษอนงค์ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าเสียงผู้หญิงในคลิปบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นตัวเองจริง แต่คลิปเสียงมีการตัดตอนออกบางช่วง ส่วนจำนวนเงิน 20 ล้านบาทนั้น เป็นค่าแผนงานโครงสร้างธุรกิจ เช่น งบประชาสัมพันธ์, เงินเยียวยาผู้เสียหาย โดยเงินจำนวนนี้เกิดจากพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน ที่ประเมินมูลค่าแผนงานดังกล่าวมาจากขนาดธุรกิจ . ไที่ตัวเองตกเป็นเป้าหมายสำคัญในคดีนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือผู้เสียหายจากคดีดิไอคอน จำนวน 89 คน ให้ได้รับเงินเยียวยา จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์มีความแค้น" .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12-11-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.14

    01.ขี้แตก! ทั้งฐานทัพอียิว และฐานทัพทหารเหี้ยมะกันในซีเรีย ต้อนรับอีทรัมปป์จะยุติสงคราม เรื่องของมรึง! กูยังเมามันส์ฆ่ายิวและขี้ข้าไม่เลิก ไม่ออกคือตาย ไม่หยุดเหี้ยคือลงขุมนรก ผลงานเฮซบอเลาะห์ เยเมน อิรัก ยิ่งวงใน ไล่ฆ่ากันมันส์หยด ระเบิดรายวัน บีบให้กองทัพเหี้ยถอยจนหลังผิงกำแพง ดอกนี้ จะจบที่ฮามาสประกาศชัยชนะ สภาพจะไม่แตกต่างจากอัฟกานิสถาน เหี้ยต้องหนีตาย ภาพชัดซะยิ่งกว่า 5K

    02.อีต้มตุ๊ด..ขี้แตก! สัญญาจ้าง 71 ล้าน มัดตราสังข์! หมามั้ยล่ะ? อีสายบัวทนายตุ๊ดแถไม่ออก เสน่หาต่อมั้ยจ๊ะ? ตอแหลไม่เลิก เริ่มต้นบอกอย่าง พอเห็นหลักฐานแถเปลี่ยนไปเรื่อย คนดูไม่โง่ มีแต่ควายที่โง่ สันดานมันฟ้อง คนกับเหี้ยต่างกันยังไง? เหี้ยให้สุดซอยไปเลย แล้วตายห่าในคุกซะ งานนี้ หัวหน้าเหี้ยมรึงมันชิ่งหนีแล้ว ช่วยตัวเองเหอะ?

    03.อีเด ร้อนวิชา ผู้ใหญ่เหี้ยสั่งมาสิน่ะ เล่นผิดคน มวยคนละรุ่น ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เตรียมโดนฟ้องกลับหมิ่นประมาท ให้ร้าย ระดับครูบา อาจารย์ เค้าไม่เล่นปาหี่ดอกน่ะ งานนี้ มีกราบตรีนชัวร์! จะหมาไปไหน? เห็นแน่ๆ มาเยอะ สุดท้าย จบอย่างหมา ทนายหิวแสงตายเกลื่อนแผ่นดินทอง แสงมาเต็ม!

    04.เฮ้ย! หนังคนละม้วน! มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่าเนี่ย? ยิวสั่งลุย ดาหน้าไล่ฆ่า ยึดแผ่นดินปาเลสไตน์ต่อ แต่ไอ้ที่กูเห็นของจริง คือ อียิวร้องขอชีวิต ตายห่าวันละ 1000 ตัว ยังถูกถล่มไม่เลิก ทัพแตก ทหารใหม่ตายเกลื่อน ระเบิดลงหัวทุก 45 นาที เหนือ กลาง ใต้ ถูกเจาะหมดเกลี้ยง ตื่น ตื่น ตื่น

    05.มรึงคิด ELITE ย้ายออก ภาคอุตสาหกรรมย้ายออก อีทรัมปป์เตรียมจะทำอย่างไร เมื่ออีลาเตรียมขัดขาทุกเรื่อง ทั้งหมด ที่มันจะทำ ไม่ใช่เพื่อรักษาอเมริกา แต่จะแตกเป็น TRUMP LAND จำคีย์ตรงนี้ให้ดีดี จากนี้ สิ่งที่มรึงจะเห็น ไม่ใช่กอบกู้อเมริกาอย่างที่มันว่า แต่เตรียมจะแยกตัวต่างหากล่ะ อาวุธจะไปตุนอยู่กับรัฐอีช้าง กวักมือเรียกนายพลหิวแสง หิวเงินเข้ามาเป็นพวก เพื่อเตรียมชนอีตาเพน เหี้ย C คนละเรื่องกับภาพที่ควายโลกคิด ปูติน รู้!

    06.ไม่จริง! ทรัมปป์ไม่ได้โทรหาปูติน สื่ออย่าเสี้ยม? ใครจะบอกมรึงตรงๆ กันล่ะ หลังไมค์ คุยกันตลอด สิ่งที่รัสเซียช่วยทรัมปป์ได้คือ กำจัดยิวเหี้ยไซออนนิสต์ เมื่อศัตรูตัวเดียวกัน ทำไมล่ะ จะรวมมือกันไม่ได้ เพราะแท้จริง อียิวคือขวากหนาม TRUMP LAND ดูให้สุดซอย ทรัมปป์มาเพื่อแก้แค้น เอาคืน เอาทุกอย่างที่กูมีคืนมาให้หมด รวมทั้งดินแดน ดูการกระทำ จากนี้ สหรัฐจะไม่ชนกับรัสเซีย จีน ซึ่งหน้า ด้านกำลังพล เพราะรู้ดีว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไร คนที่ได้คือ อียิวเท่านั้น ดังนั้น อีช้าง อีลา มันคุยกันจบแล้ว แบ่งแผ่นดินกันไป ของใคร ของมัน ไปตั้ง KING ใหม่กันเอาเอง?

    07.ไอ้สัส! J-35 นี่มัน F-35 เซินเจิ้นนี่หว่า? เหมือนกันเป๊ะเด๊ะ แต่เบากว่า ถูกกว่าเยอะ ไวกว่า แม่นยำกว่า เทคโนโลยี AI ทั้งลำ แถวบ้านเรียก "เตะตัดขา" ไม่ต้องมีเงื่อนไขยุ่งยาก ไม่ต้องซ่อมมากกว่าใช้ ที่สำคัญ ผลิตไม่อั้น จีนรุกการค้าเหี้ยยิวถึงอุตสาหกรรมอาวุธเต็มตัวแล้ว อีโบอิ้งมีเจ๊งชัวร์! อีร็อคฮีท มาร์ติน มีกระอักเลือด จะทำสงครามการค้าชุดใหญ่ มรึงต้องพร้อมกว่า ดีออก? ไม่ต้องถามใครซื้อ อาเซียนจองกันหมดแล้ว! ที่สำคัญ ซื้ออาวุธจีน พ่วงการคุ้มครอง เหี้ยไอ้อี หน้าไหนก็ไม่กล้าเสือก? จีนล่อทั้งรถไฟฟ้า EV ยันไปถึงเครื่องบินเจ็ท ทุกอย่างที่เหี้ยมะกันขาย กูล้มทับแม่งให้หมด มันส์มั้ยจ๊ะ? วอนส้นตรีนเอง อย่าร้อง?

    08.อีเสี้ยนยารู้ดี ดองยาวเข้านาโต้ EU ค้าน สู้ต่อไม่ไหว เงินไม่มา อาวุธไม่มี กองกำลังไม่ช่วย ไม่เหลือทางรอด นอกจากกราบตรีนปูติน ศึกนี้ รัสเซียไม่เลี้ยงเหี้ย อีเสี้ยนยาต้องตายเท่านั้น ไม่เก็บไว้ทำพ่อง? จนป่านนี้ เคียฟเหลือแต่ซาก แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมเข้าไปยึดให้จบซักกะที รู้แล้วชิมิ เพราะอะไร? ล่อเหยื่อให้เข้ามาตายห่าเรื่อยๆ ตัดกำลัง ตัดคลังแสง ตัดเศรษฐกิจยุโรป อเมริกา ตะวันตก กว่ามรึงจะรู้ตัว ก็ฉิบหายไปหมดแล้ว รัสเซียแค่ต้องการใบเสร็จยอมรับ ยินยอม แพ้ราบคาบ ส่วนดินแดนเอาเฉพาะที่เป็นยุทธศาสตร์ ส่วนที่เหลือให้โปรรัสเซียคุมแทนต่อเอง โอนสัณชาติกันเพี๊ยบ รับไม่อั้น?

    09.ใครๆ ก็หักหลังมรึง? อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก มาหมด หากสดชื่น อีโจ๊ก อีเสรี ทนายกู้ชาติ เสรีไทย 2 ดาหน้าล่อโคตรพ่องเหลี่ยมขี้แตก กร่างชิมิ เห่าเก่งชิมิ? โดนย้อนศรเอามาเป็นหลักฐานมัดตราสังข์ตัวเอง ศาลส่อรอฟัน อสส.ยิงตรง แม้แต่อีลูกสาวร่านก็ไม่เหลือ โดนหมดทั้งคดีเเก่า คดีใหม่ พ่วงเป็นปรปักษ์แผ่นดิน หนีสิจ๊ะ จะอยู่ให้โง่ เปิดช่องหมาลอดให้แล้ว จ่ายคือจบ ไม่จ่ายคือตายโหง คืนเงินแผ่นดินมาให้หมด ยึดทรัพย์มันชัวร์อยู่แล้ว ขั้นตอนมันมี มรึงอย่าการ์ตูนมาก สินทรัพย์ต่างแดน ดึงคืนเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีหลักฐานพิสูจน์ชัด ท่อน้ำเลี้ยง แหล่งที่มา แค่หัวเหี้ยวอชิงตันมันไป ทุกอย่างจะราบรื่นสะดวกโยธินบูรณะทันที คำถามคือ ทำไมอดีตขี้ข้า อดีตพรรคร่วมหักหลัง เพราะเจ้ามือคนใหม่ มันใหญ่จริงเกินบรรยาย คุ้มกะลาหัวได้สบายตรีน

    10.หลายคนห่วงคลังชาติ กระแสต่อต้านสอดไส้คาราเมลแบงค์ชาติ มรึงอย่าได้กังวล ทหารเค้าปล่อยให้เหี้ยมันเดินสุดซอยก่อน อะไรน่ะ มันมาตามกฎหมาย งั้นกฎหมายมาจากไหน กฎหมายรับรองโดยรัฐธรรมนูญ แล้วหากไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือถูกฉีกขาดล่ะ รถถังมาแทน จะจบเร็วมุย? ทุกความกังวลของมรึง ทั้งเกาะหมา เกาะแมว แบงค์ชาติ กูรูต่างรู้ "ปาหี่" ทั้งนั้น แค่กองทัพเขยิบ ชีวิตเปลี่ยนทันที เค้ารอให้มันสะเด็ดน้ำก่อน มรึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ไม่ถึงที่สุดจริง แววไม่ฉิบหายหนักจริง ควายไทย ไทยบัดซบ มันจะตื่นมุย? ที่เสียเวลาปล่อยเหยื่อมางับ ก็เพื่ออะไรล่ะ? ไม่มีอะไรดีไปกว่า ปล่อย เหี้ยมันเผยธาตุแท้ตัวมันเองดอกน่ะ? ที่มันเร่งเพราะวอชิงตันมันบีบ ความซวยเพราะเป็นขี้ข้ายิวไงล่ะ โดนคุกกันหมดทั้งยวง ตั้งแต่หัวยันหาง เผ่นออกนอกกันหมด เป็นไปตามแผนวังเค้า ไม่มีใครตาย แผ่นดินสะอาดขึ้นทันตาเห็น กูไบ้ไปเยอะซะขนาดนี้แล้ว ยังจะมาถามกูอีกเหรอ?

    หมายเหตุ : เกมส์โลกขั้วใหม่ชนะใสใสหัวใจแบเบอร์ เกมส์ไทย แสงทำงานฉลุย เหี้ยแฉกันเอง ฆ่ากันเอง เผยตัวตนแท้จริงออกหมดเปลือก เพราะแสงทำงาน ความจริงจึงเปิดเผย เพราะแสงเข้าถึงทุกที่ แผลเก่า แผลใหม่มาหมด ไทยจัดการภายในกันเองได้ ส่วนเพื่อนบ้าน เป็นแค่ตัวปลากรอบ อีขะแมร์อีก 1000 ชาติ ก็เป็นได้แค่ที่รองตรีนไทย "เบ๊ตลอดชีวิต" แต่กูคิดว่าไม่ต้องรอถึง 1000 ชาติดอกน่ะ อีกไม่นาน หลังอีฮุนเซน เสื่อมอำนาจ มรึงจะถูกไทยเขมือบ ผนวกรวมเแผ่นดิน หรือไม่ก็เป็นเมืองขึ้น รัฐอิสระปกครองพิเศษอย่างเป็นทางการ สรุปคือ อะไรที่ขั้วใหม่เคยเสียไป จะได้คืนมาหมด พ่วงของใหม่เข้ามาเพิ่ม ไทยเองก็เช่นกัน จะได้พื้นที่ดินแดนพ่อร.5 กลับคืนมาจนหมดสิ้น ไม่ต้องใช้กำลัง มากันเอง เต็มใจมา เพราะไทยเป็นฮับ ขยายไปไกลทั่วโลก อาเซียนจะรวมตัวกัน รวมชาติใหญ่ขึ้น แผ่นดินสุวรรณภูมิ ชื่อนี้ เทวดาตั้งให้ เพราะมันคือแผ่นดินที่มีไว้ให้ลูกหลานไทยนั่นเอง หมดกลียุค อีก 100 ปี มรึงกับกู คงได้มาเจอกันใหม่ ยามที่ชาติ หรือแผ่นดินต้องการ ภพนี้ หน้าที่มรึงและกู ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

    หมี CNN(เกมส์พลิกโลกเพิ่งจะเริ่ม ขั้วใหม่เดินหน้าอย่างไว ไม่รีรอ ใส่ชุดใหญ่ไฟกระพริบ BRICS ดึง 130 ชาติ เข้าสู่ระบบชำระเงินใหม่สำเร็จแล้ว ทางเลือกใหม่ที่โลกเลือก แล้ว SWIFT ล่ะ ก็หมาไงจ๊ะ มีใช้อยู่ 6-7 ชาติหลัก ช่วงเปลี่ยนผ่าน หยวนจะถูกดันขึ้นสู่บังลังก์ตัวจริง เก็บหยวนไว้ในมือ ไม่มีจน รูเบิลจะแข็งโป๊ะขึ้นอีก ทองคำจากนี้ จะกลายร่างจริง ที่ไม่มีอียิวมากดได้อีกแล้ว ขาขึ้นทะลุสวรรค์ไปเลย หาแรงต้านไม่มี ข้าวปลาสิของจริง สิ่งที่พ่อร.9 ทำมาตลอดชีวิต กำลังจะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้านี้ เกษตรกรไทยจะหมดหนี้)
    12 พฤศจิกายน 67
    10.55 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    12-11-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.14 01.ขี้แตก! ทั้งฐานทัพอียิว และฐานทัพทหารเหี้ยมะกันในซีเรีย ต้อนรับอีทรัมปป์จะยุติสงคราม เรื่องของมรึง! กูยังเมามันส์ฆ่ายิวและขี้ข้าไม่เลิก ไม่ออกคือตาย ไม่หยุดเหี้ยคือลงขุมนรก ผลงานเฮซบอเลาะห์ เยเมน อิรัก ยิ่งวงใน ไล่ฆ่ากันมันส์หยด ระเบิดรายวัน บีบให้กองทัพเหี้ยถอยจนหลังผิงกำแพง ดอกนี้ จะจบที่ฮามาสประกาศชัยชนะ สภาพจะไม่แตกต่างจากอัฟกานิสถาน เหี้ยต้องหนีตาย ภาพชัดซะยิ่งกว่า 5K 02.อีต้มตุ๊ด..ขี้แตก! สัญญาจ้าง 71 ล้าน มัดตราสังข์! หมามั้ยล่ะ? อีสายบัวทนายตุ๊ดแถไม่ออก เสน่หาต่อมั้ยจ๊ะ? ตอแหลไม่เลิก เริ่มต้นบอกอย่าง พอเห็นหลักฐานแถเปลี่ยนไปเรื่อย คนดูไม่โง่ มีแต่ควายที่โง่ สันดานมันฟ้อง คนกับเหี้ยต่างกันยังไง? เหี้ยให้สุดซอยไปเลย แล้วตายห่าในคุกซะ งานนี้ หัวหน้าเหี้ยมรึงมันชิ่งหนีแล้ว ช่วยตัวเองเหอะ? 03.อีเด ร้อนวิชา ผู้ใหญ่เหี้ยสั่งมาสิน่ะ เล่นผิดคน มวยคนละรุ่น ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เตรียมโดนฟ้องกลับหมิ่นประมาท ให้ร้าย ระดับครูบา อาจารย์ เค้าไม่เล่นปาหี่ดอกน่ะ งานนี้ มีกราบตรีนชัวร์! จะหมาไปไหน? เห็นแน่ๆ มาเยอะ สุดท้าย จบอย่างหมา ทนายหิวแสงตายเกลื่อนแผ่นดินทอง แสงมาเต็ม! 04.เฮ้ย! หนังคนละม้วน! มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่าเนี่ย? ยิวสั่งลุย ดาหน้าไล่ฆ่า ยึดแผ่นดินปาเลสไตน์ต่อ แต่ไอ้ที่กูเห็นของจริง คือ อียิวร้องขอชีวิต ตายห่าวันละ 1000 ตัว ยังถูกถล่มไม่เลิก ทัพแตก ทหารใหม่ตายเกลื่อน ระเบิดลงหัวทุก 45 นาที เหนือ กลาง ใต้ ถูกเจาะหมดเกลี้ยง ตื่น ตื่น ตื่น 05.มรึงคิด ELITE ย้ายออก ภาคอุตสาหกรรมย้ายออก อีทรัมปป์เตรียมจะทำอย่างไร เมื่ออีลาเตรียมขัดขาทุกเรื่อง ทั้งหมด ที่มันจะทำ ไม่ใช่เพื่อรักษาอเมริกา แต่จะแตกเป็น TRUMP LAND จำคีย์ตรงนี้ให้ดีดี จากนี้ สิ่งที่มรึงจะเห็น ไม่ใช่กอบกู้อเมริกาอย่างที่มันว่า แต่เตรียมจะแยกตัวต่างหากล่ะ อาวุธจะไปตุนอยู่กับรัฐอีช้าง กวักมือเรียกนายพลหิวแสง หิวเงินเข้ามาเป็นพวก เพื่อเตรียมชนอีตาเพน เหี้ย C คนละเรื่องกับภาพที่ควายโลกคิด ปูติน รู้! 06.ไม่จริง! ทรัมปป์ไม่ได้โทรหาปูติน สื่ออย่าเสี้ยม? ใครจะบอกมรึงตรงๆ กันล่ะ หลังไมค์ คุยกันตลอด สิ่งที่รัสเซียช่วยทรัมปป์ได้คือ กำจัดยิวเหี้ยไซออนนิสต์ เมื่อศัตรูตัวเดียวกัน ทำไมล่ะ จะรวมมือกันไม่ได้ เพราะแท้จริง อียิวคือขวากหนาม TRUMP LAND ดูให้สุดซอย ทรัมปป์มาเพื่อแก้แค้น เอาคืน เอาทุกอย่างที่กูมีคืนมาให้หมด รวมทั้งดินแดน ดูการกระทำ จากนี้ สหรัฐจะไม่ชนกับรัสเซีย จีน ซึ่งหน้า ด้านกำลังพล เพราะรู้ดีว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไร คนที่ได้คือ อียิวเท่านั้น ดังนั้น อีช้าง อีลา มันคุยกันจบแล้ว แบ่งแผ่นดินกันไป ของใคร ของมัน ไปตั้ง KING ใหม่กันเอาเอง? 07.ไอ้สัส! J-35 นี่มัน F-35 เซินเจิ้นนี่หว่า? เหมือนกันเป๊ะเด๊ะ แต่เบากว่า ถูกกว่าเยอะ ไวกว่า แม่นยำกว่า เทคโนโลยี AI ทั้งลำ แถวบ้านเรียก "เตะตัดขา" ไม่ต้องมีเงื่อนไขยุ่งยาก ไม่ต้องซ่อมมากกว่าใช้ ที่สำคัญ ผลิตไม่อั้น จีนรุกการค้าเหี้ยยิวถึงอุตสาหกรรมอาวุธเต็มตัวแล้ว อีโบอิ้งมีเจ๊งชัวร์! อีร็อคฮีท มาร์ติน มีกระอักเลือด จะทำสงครามการค้าชุดใหญ่ มรึงต้องพร้อมกว่า ดีออก? ไม่ต้องถามใครซื้อ อาเซียนจองกันหมดแล้ว! ที่สำคัญ ซื้ออาวุธจีน พ่วงการคุ้มครอง เหี้ยไอ้อี หน้าไหนก็ไม่กล้าเสือก? จีนล่อทั้งรถไฟฟ้า EV ยันไปถึงเครื่องบินเจ็ท ทุกอย่างที่เหี้ยมะกันขาย กูล้มทับแม่งให้หมด มันส์มั้ยจ๊ะ? วอนส้นตรีนเอง อย่าร้อง? 08.อีเสี้ยนยารู้ดี ดองยาวเข้านาโต้ EU ค้าน สู้ต่อไม่ไหว เงินไม่มา อาวุธไม่มี กองกำลังไม่ช่วย ไม่เหลือทางรอด นอกจากกราบตรีนปูติน ศึกนี้ รัสเซียไม่เลี้ยงเหี้ย อีเสี้ยนยาต้องตายเท่านั้น ไม่เก็บไว้ทำพ่อง? จนป่านนี้ เคียฟเหลือแต่ซาก แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมเข้าไปยึดให้จบซักกะที รู้แล้วชิมิ เพราะอะไร? ล่อเหยื่อให้เข้ามาตายห่าเรื่อยๆ ตัดกำลัง ตัดคลังแสง ตัดเศรษฐกิจยุโรป อเมริกา ตะวันตก กว่ามรึงจะรู้ตัว ก็ฉิบหายไปหมดแล้ว รัสเซียแค่ต้องการใบเสร็จยอมรับ ยินยอม แพ้ราบคาบ ส่วนดินแดนเอาเฉพาะที่เป็นยุทธศาสตร์ ส่วนที่เหลือให้โปรรัสเซียคุมแทนต่อเอง โอนสัณชาติกันเพี๊ยบ รับไม่อั้น? 09.ใครๆ ก็หักหลังมรึง? อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก มาหมด หากสดชื่น อีโจ๊ก อีเสรี ทนายกู้ชาติ เสรีไทย 2 ดาหน้าล่อโคตรพ่องเหลี่ยมขี้แตก กร่างชิมิ เห่าเก่งชิมิ? โดนย้อนศรเอามาเป็นหลักฐานมัดตราสังข์ตัวเอง ศาลส่อรอฟัน อสส.ยิงตรง แม้แต่อีลูกสาวร่านก็ไม่เหลือ โดนหมดทั้งคดีเเก่า คดีใหม่ พ่วงเป็นปรปักษ์แผ่นดิน หนีสิจ๊ะ จะอยู่ให้โง่ เปิดช่องหมาลอดให้แล้ว จ่ายคือจบ ไม่จ่ายคือตายโหง คืนเงินแผ่นดินมาให้หมด ยึดทรัพย์มันชัวร์อยู่แล้ว ขั้นตอนมันมี มรึงอย่าการ์ตูนมาก สินทรัพย์ต่างแดน ดึงคืนเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีหลักฐานพิสูจน์ชัด ท่อน้ำเลี้ยง แหล่งที่มา แค่หัวเหี้ยวอชิงตันมันไป ทุกอย่างจะราบรื่นสะดวกโยธินบูรณะทันที คำถามคือ ทำไมอดีตขี้ข้า อดีตพรรคร่วมหักหลัง เพราะเจ้ามือคนใหม่ มันใหญ่จริงเกินบรรยาย คุ้มกะลาหัวได้สบายตรีน 10.หลายคนห่วงคลังชาติ กระแสต่อต้านสอดไส้คาราเมลแบงค์ชาติ มรึงอย่าได้กังวล ทหารเค้าปล่อยให้เหี้ยมันเดินสุดซอยก่อน อะไรน่ะ มันมาตามกฎหมาย งั้นกฎหมายมาจากไหน กฎหมายรับรองโดยรัฐธรรมนูญ แล้วหากไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือถูกฉีกขาดล่ะ รถถังมาแทน จะจบเร็วมุย? ทุกความกังวลของมรึง ทั้งเกาะหมา เกาะแมว แบงค์ชาติ กูรูต่างรู้ "ปาหี่" ทั้งนั้น แค่กองทัพเขยิบ ชีวิตเปลี่ยนทันที เค้ารอให้มันสะเด็ดน้ำก่อน มรึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ไม่ถึงที่สุดจริง แววไม่ฉิบหายหนักจริง ควายไทย ไทยบัดซบ มันจะตื่นมุย? ที่เสียเวลาปล่อยเหยื่อมางับ ก็เพื่ออะไรล่ะ? ไม่มีอะไรดีไปกว่า ปล่อย เหี้ยมันเผยธาตุแท้ตัวมันเองดอกน่ะ? ที่มันเร่งเพราะวอชิงตันมันบีบ ความซวยเพราะเป็นขี้ข้ายิวไงล่ะ โดนคุกกันหมดทั้งยวง ตั้งแต่หัวยันหาง เผ่นออกนอกกันหมด เป็นไปตามแผนวังเค้า ไม่มีใครตาย แผ่นดินสะอาดขึ้นทันตาเห็น กูไบ้ไปเยอะซะขนาดนี้แล้ว ยังจะมาถามกูอีกเหรอ? หมายเหตุ : เกมส์โลกขั้วใหม่ชนะใสใสหัวใจแบเบอร์ เกมส์ไทย แสงทำงานฉลุย เหี้ยแฉกันเอง ฆ่ากันเอง เผยตัวตนแท้จริงออกหมดเปลือก เพราะแสงทำงาน ความจริงจึงเปิดเผย เพราะแสงเข้าถึงทุกที่ แผลเก่า แผลใหม่มาหมด ไทยจัดการภายในกันเองได้ ส่วนเพื่อนบ้าน เป็นแค่ตัวปลากรอบ อีขะแมร์อีก 1000 ชาติ ก็เป็นได้แค่ที่รองตรีนไทย "เบ๊ตลอดชีวิต" แต่กูคิดว่าไม่ต้องรอถึง 1000 ชาติดอกน่ะ อีกไม่นาน หลังอีฮุนเซน เสื่อมอำนาจ มรึงจะถูกไทยเขมือบ ผนวกรวมเแผ่นดิน หรือไม่ก็เป็นเมืองขึ้น รัฐอิสระปกครองพิเศษอย่างเป็นทางการ สรุปคือ อะไรที่ขั้วใหม่เคยเสียไป จะได้คืนมาหมด พ่วงของใหม่เข้ามาเพิ่ม ไทยเองก็เช่นกัน จะได้พื้นที่ดินแดนพ่อร.5 กลับคืนมาจนหมดสิ้น ไม่ต้องใช้กำลัง มากันเอง เต็มใจมา เพราะไทยเป็นฮับ ขยายไปไกลทั่วโลก อาเซียนจะรวมตัวกัน รวมชาติใหญ่ขึ้น แผ่นดินสุวรรณภูมิ ชื่อนี้ เทวดาตั้งให้ เพราะมันคือแผ่นดินที่มีไว้ให้ลูกหลานไทยนั่นเอง หมดกลียุค อีก 100 ปี มรึงกับกู คงได้มาเจอกันใหม่ ยามที่ชาติ หรือแผ่นดินต้องการ ภพนี้ หน้าที่มรึงและกู ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว หมี CNN(เกมส์พลิกโลกเพิ่งจะเริ่ม ขั้วใหม่เดินหน้าอย่างไว ไม่รีรอ ใส่ชุดใหญ่ไฟกระพริบ BRICS ดึง 130 ชาติ เข้าสู่ระบบชำระเงินใหม่สำเร็จแล้ว ทางเลือกใหม่ที่โลกเลือก แล้ว SWIFT ล่ะ ก็หมาไงจ๊ะ มีใช้อยู่ 6-7 ชาติหลัก ช่วงเปลี่ยนผ่าน หยวนจะถูกดันขึ้นสู่บังลังก์ตัวจริง เก็บหยวนไว้ในมือ ไม่มีจน รูเบิลจะแข็งโป๊ะขึ้นอีก ทองคำจากนี้ จะกลายร่างจริง ที่ไม่มีอียิวมากดได้อีกแล้ว ขาขึ้นทะลุสวรรค์ไปเลย หาแรงต้านไม่มี ข้าวปลาสิของจริง สิ่งที่พ่อร.9 ทำมาตลอดชีวิต กำลังจะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้านี้ เกษตรกรไทยจะหมดหนี้) 12 พฤศจิกายน 67 10.55 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12-11-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.14

    01.ขี้แตก! ทั้งฐานทัพอียิว และฐานทัพทหารเหี้ยมะกันในซีเรีย ต้อนรับอีทรัมปป์จะยุติสงคราม เรื่องของมรึง! กูยังเมามันส์ฆ่ายิวและขี้ข้าไม่เลิก ไม่ออกคือตาย ไม่หยุดเหี้ยคือลงขุมนรก ผลงานเฮซบอเลาะห์ เยเมน อิรัก ยิ่งวงใน ไล่ฆ่ากันมันส์หยด ระเบิดรายวัน บีบให้กองทัพเหี้ยถอยจนหลังผิงกำแพง ดอกนี้ จะจบที่ฮามาสประกาศชัยชนะ สภาพจะไม่แตกต่างจากอัฟกานิสถาน เหี้ยต้องหนีตาย ภาพชัดซะยิ่งกว่า 5K

    02.อีต้มตุ๊ด..ขี้แตก! สัญญาจ้าง 71 ล้าน มัดตราสังข์! หมามั้ยล่ะ? อีสายบัวทนายตุ๊ดแถไม่ออก เสน่หาต่อมั้ยจ๊ะ? ตอแหลไม่เลิก เริ่มต้นบอกอย่าง พอเห็นหลักฐานแถเปลี่ยนไปเรื่อย คนดูไม่โง่ มีแต่ควายที่โง่ สันดานมันฟ้อง คนกับเหี้ยต่างกันยังไง? เหี้ยให้สุดซอยไปเลย แล้วตายห่าในคุกซะ งานนี้ หัวหน้าเหี้ยมรึงมันชิ่งหนีแล้ว ช่วยตัวเองเหอะ?

    03.อีเด ร้อนวิชา ผู้ใหญ่เหี้ยสั่งมาสิน่ะ เล่นผิดคน มวยคนละรุ่น ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เตรียมโดนฟ้องกลับหมิ่นประมาท ให้ร้าย ระดับครูบา อาจารย์ เค้าไม่เล่นปาหี่ดอกน่ะ งานนี้ มีกราบตรีนชัวร์! จะหมาไปไหน? เห็นแน่ๆ มาเยอะ สุดท้าย จบอย่างหมา ทนายหิวแสงตายเกลื่อนแผ่นดินทอง แสงมาเต็ม!

    04.เฮ้ย! หนังคนละม้วน! มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่าเนี่ย? ยิวสั่งลุย ดาหน้าไล่ฆ่า ยึดแผ่นดินปาเลสไตน์ต่อ แต่ไอ้ที่กูเห็นของจริง คือ อียิวร้องขอชีวิต ตายห่าวันละ 1000 ตัว ยังถูกถล่มไม่เลิก ทัพแตก ทหารใหม่ตายเกลื่อน ระเบิดลงหัวทุก 45 นาที เหนือ กลาง ใต้ ถูกเจาะหมดเกลี้ยง ตื่น ตื่น ตื่น

    05.มรึงคิด ELITE ย้ายออก ภาคอุตสาหกรรมย้ายออก อีทรัมปป์เตรียมจะทำอย่างไร เมื่ออีลาเตรียมขัดขาทุกเรื่อง ทั้งหมด ที่มันจะทำ ไม่ใช่เพื่อรักษาอเมริกา แต่จะแตกเป็น TRUMP LAND จำคีย์ตรงนี้ให้ดีดี จากนี้ สิ่งที่มรึงจะเห็น ไม่ใช่กอบกู้อเมริกาอย่างที่มันว่า แต่เตรียมจะแยกตัวต่างหากล่ะ อาวุธจะไปตุนอยู่กับรัฐอีช้าง กวักมือเรียกนายพลหิวแสง หิวเงินเข้ามาเป็นพวก เพื่อเตรียมชนอีตาเพน เหี้ย C คนละเรื่องกับภาพที่ควายโลกคิด ปูติน รู้!

    06.ไม่จริง! ทรัมปป์ไม่ได้โทรหาปูติน สื่ออย่าเสี้ยม? ใครจะบอกมรึงตรงๆ กันล่ะ หลังไมค์ คุยกันตลอด สิ่งที่รัสเซียช่วยทรัมปป์ได้คือ กำจัดยิวเหี้ยไซออนนิสต์ เมื่อศัตรูตัวเดียวกัน ทำไมล่ะ จะรวมมือกันไม่ได้ เพราะแท้จริง อียิวคือขวากหนาม TRUMP LAND ดูให้สุดซอย ทรัมปป์มาเพื่อแก้แค้น เอาคืน เอาทุกอย่างที่กูมีคืนมาให้หมด รวมทั้งดินแดน ดูการกระทำ จากนี้ สหรัฐจะไม่ชนกับรัสเซีย จีน ซึ่งหน้า ด้านกำลังพล เพราะรู้ดีว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไร คนที่ได้คือ อียิวเท่านั้น ดังนั้น อีช้าง อีลา มันคุยกันจบแล้ว แบ่งแผ่นดินกันไป ของใคร ของมัน ไปตั้ง KING ใหม่กันเอาเอง?

    07.ไอ้สัส! J-35 นี่มัน F-35 เซินเจิ้นนี่หว่า? เหมือนกันเป๊ะเด๊ะ แต่เบากว่า ถูกกว่าเยอะ ไวกว่า แม่นยำกว่า เทคโนโลยี AI ทั้งลำ แถวบ้านเรียก "เตะตัดขา" ไม่ต้องมีเงื่อนไขยุ่งยาก ไม่ต้องซ่อมมากกว่าใช้ ที่สำคัญ ผลิตไม่อั้น จีนรุกการค้าเหี้ยยิวถึงอุตสาหกรรมอาวุธเต็มตัวแล้ว อีโบอิ้งมีเจ๊งชัวร์! อีร็อคฮีท มาร์ติน มีกระอักเลือด จะทำสงครามการค้าชุดใหญ่ มรึงต้องพร้อมกว่า ดีออก? ไม่ต้องถามใครซื้อ อาเซียนจองกันหมดแล้ว! ที่สำคัญ ซื้ออาวุธจีน พ่วงการคุ้มครอง เหี้ยไอ้อี หน้าไหนก็ไม่กล้าเสือก? จีนล่อทั้งรถไฟฟ้า EV ยันไปถึงเครื่องบินเจ็ท ทุกอย่างที่เหี้ยมะกันขาย กูล้มทับแม่งให้หมด มันส์มั้ยจ๊ะ? วอนส้นตรีนเอง อย่าร้อง?

    08.อีเสี้ยนยารู้ดี ดองยาวเข้านาโต้ EU ค้าน สู้ต่อไม่ไหว เงินไม่มา อาวุธไม่มี กองกำลังไม่ช่วย ไม่เหลือทางรอด นอกจากกราบตรีนปูติน ศึกนี้ รัสเซียไม่เลี้ยงเหี้ย อีเสี้ยนยาต้องตายเท่านั้น ไม่เก็บไว้ทำพ่อง? จนป่านนี้ เคียฟเหลือแต่ซาก แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมเข้าไปยึดให้จบซักกะที รู้แล้วชิมิ เพราะอะไร? ล่อเหยื่อให้เข้ามาตายห่าเรื่อยๆ ตัดกำลัง ตัดคลังแสง ตัดเศรษฐกิจยุโรป อเมริกา ตะวันตก กว่ามรึงจะรู้ตัว ก็ฉิบหายไปหมดแล้ว รัสเซียแค่ต้องการใบเสร็จยอมรับ ยินยอม แพ้ราบคาบ ส่วนดินแดนเอาเฉพาะที่เป็นยุทธศาสตร์ ส่วนที่เหลือให้โปรรัสเซียคุมแทนต่อเอง โอนสัณชาติกันเพี๊ยบ รับไม่อั้น?

    09.ใครๆ ก็หักหลังมรึง? อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก มาหมด หากสดชื่น อีโจ๊ก อีเสรี ทนายกู้ชาติ เสรีไทย 2 ดาหน้าล่อโคตรพ่องเหลี่ยมขี้แตก กร่างชิมิ เห่าเก่งชิมิ? โดนย้อนศรเอามาเป็นหลักฐานมัดตราสังข์ตัวเอง ศาลส่อรอฟัน อสส.ยิงตรง แม้แต่อีลูกสาวร่านก็ไม่เหลือ โดนหมดทั้งคดีเเก่า คดีใหม่ พ่วงเป็นปรปักษ์แผ่นดิน หนีสิจ๊ะ จะอยู่ให้โง่ เปิดช่องหมาลอดให้แล้ว จ่ายคือจบ ไม่จ่ายคือตายโหง คืนเงินแผ่นดินมาให้หมด ยึดทรัพย์มันชัวร์อยู่แล้ว ขั้นตอนมันมี มรึงอย่าการ์ตูนมาก สินทรัพย์ต่างแดน ดึงคืนเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีหลักฐานพิสูจน์ชัด ท่อน้ำเลี้ยง แหล่งที่มา แค่หัวเหี้ยวอชิงตันมันไป ทุกอย่างจะราบรื่นสะดวกโยธินบูรณะทันที คำถามคือ ทำไมอดีตขี้ข้า อดีตพรรคร่วมหักหลัง เพราะเจ้ามือคนใหม่ มันใหญ่จริงเกินบรรยาย คุ้มกะลาหัวได้สบายตรีน

    10.หลายคนห่วงคลังชาติ กระแสต่อต้านสอดไส้คาราเมลแบงค์ชาติ มรึงอย่าได้กังวล ทหารเค้าปล่อยให้เหี้ยมันเดินสุดซอยก่อน อะไรน่ะ มันมาตามกฎหมาย งั้นกฎหมายมาจากไหน กฎหมายรับรองโดยรัฐธรรมนูญ แล้วหากไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือถูกฉีกขาดล่ะ รถถังมาแทน จะจบเร็วมุย? ทุกความกังวลของมรึง ทั้งเกาะหมา เกาะแมว แบงค์ชาติ กูรูต่างรู้ "ปาหี่" ทั้งนั้น แค่กองทัพเขยิบ ชีวิตเปลี่ยนทันที เค้ารอให้มันสะเด็ดน้ำก่อน มรึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ไม่ถึงที่สุดจริง แววไม่ฉิบหายหนักจริง ควายไทย ไทยบัดซบ มันจะตื่นมุย? ที่เสียเวลาปล่อยเหยื่อมางับ ก็เพื่ออะไรล่ะ? ไม่มีอะไรดีไปกว่า ปล่อย เหี้ยมันเผยธาตุแท้ตัวมันเองดอกน่ะ? ที่มันเร่งเพราะวอชิงตันมันบีบ ความซวยเพราะเป็นขี้ข้ายิวไงล่ะ โดนคุกกันหมดทั้งยวง ตั้งแต่หัวยันหาง เผ่นออกนอกกันหมด เป็นไปตามแผนวังเค้า ไม่มีใครตาย แผ่นดินสะอาดขึ้นทันตาเห็น กูไบ้ไปเยอะซะขนาดนี้แล้ว ยังจะมาถามกูอีกเหรอ?

    หมายเหตุ : เกมส์โลกขั้วใหม่ชนะใสใสหัวใจแบเบอร์ เกมส์ไทย แสงทำงานฉลุย เหี้ยแฉกันเอง ฆ่ากันเอง เผยตัวตนแท้จริงออกหมดเปลือก เพราะแสงทำงาน ความจริงจึงเปิดเผย เพราะแสงเข้าถึงทุกที่ แผลเก่า แผลใหม่มาหมด ไทยจัดการภายในกันเองได้ ส่วนเพื่อนบ้าน เป็นแค่ตัวปลากรอบ อีขะแมร์อีก 1000 ชาติ ก็เป็นได้แค่ที่รองตรีนไทย "เบ๊ตลอดชีวิต" แต่กูคิดว่าไม่ต้องรอถึง 1000 ชาติดอกน่ะ อีกไม่นาน หลังอีฮุนเซน เสื่อมอำนาจ มรึงจะถูกไทยเขมือบ ผนวกรวมเแผ่นดิน หรือไม่ก็เป็นเมืองขึ้น รัฐอิสระปกครองพิเศษอย่างเป็นทางการ สรุปคือ อะไรที่ขั้วใหม่เคยเสียไป จะได้คืนมาหมด พ่วงของใหม่เข้ามาเพิ่ม ไทยเองก็เช่นกัน จะได้พื้นที่ดินแดนพ่อร.5 กลับคืนมาจนหมดสิ้น ไม่ต้องใช้กำลัง มากันเอง เต็มใจมา เพราะไทยเป็นฮับ ขยายไปไกลทั่วโลก อาเซียนจะรวมตัวกัน รวมชาติใหญ่ขึ้น แผ่นดินสุวรรณภูมิ ชื่อนี้ เทวดาตั้งให้ เพราะมันคือแผ่นดินที่มีไว้ให้ลูกหลานไทยนั่นเอง หมดกลียุค อีก 100 ปี มรึงกับกู คงได้มาเจอกันใหม่ ยามที่ชาติ หรือแผ่นดินต้องการ ภพนี้ หน้าที่มรึงและกู ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

    หมี CNN(เกมส์พลิกโลกเพิ่งจะเริ่ม ขั้วใหม่เดินหน้าอย่างไว ไม่รีรอ ใส่ชุดใหญ่ไฟกระพริบ BRICS ดึง 130 ชาติ เข้าสู่ระบบชำระเงินใหม่สำเร็จแล้ว ทางเลือกใหม่ที่โลกเลือก แล้ว SWIFT ล่ะ ก็หมาไงจ๊ะ มีใช้อยู่ 6-7 ชาติหลัก ช่วงเปลี่ยนผ่าน หยวนจะถูกดันขึ้นสู่บังลังก์ตัวจริง เก็บหยวนไว้ในมือ ไม่มีจน รูเบิลจะแข็งโป๊ะขึ้นอีก ทองคำจากนี้ จะกลายร่างจริง ที่ไม่มีอียิวมากดได้อีกแล้ว ขาขึ้นทะลุสวรรค์ไปเลย หาแรงต้านไม่มี ข้าวปลาสิของจริง สิ่งที่พ่อร.9 ทำมาตลอดชีวิต กำลังจะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้านี้ เกษตรกรไทยจะหมดหนี้)
    12 พฤศจิกายน 67
    10.55 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    12-11-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.14 01.ขี้แตก! ทั้งฐานทัพอียิว และฐานทัพทหารเหี้ยมะกันในซีเรีย ต้อนรับอีทรัมปป์จะยุติสงคราม เรื่องของมรึง! กูยังเมามันส์ฆ่ายิวและขี้ข้าไม่เลิก ไม่ออกคือตาย ไม่หยุดเหี้ยคือลงขุมนรก ผลงานเฮซบอเลาะห์ เยเมน อิรัก ยิ่งวงใน ไล่ฆ่ากันมันส์หยด ระเบิดรายวัน บีบให้กองทัพเหี้ยถอยจนหลังผิงกำแพง ดอกนี้ จะจบที่ฮามาสประกาศชัยชนะ สภาพจะไม่แตกต่างจากอัฟกานิสถาน เหี้ยต้องหนีตาย ภาพชัดซะยิ่งกว่า 5K 02.อีต้มตุ๊ด..ขี้แตก! สัญญาจ้าง 71 ล้าน มัดตราสังข์! หมามั้ยล่ะ? อีสายบัวทนายตุ๊ดแถไม่ออก เสน่หาต่อมั้ยจ๊ะ? ตอแหลไม่เลิก เริ่มต้นบอกอย่าง พอเห็นหลักฐานแถเปลี่ยนไปเรื่อย คนดูไม่โง่ มีแต่ควายที่โง่ สันดานมันฟ้อง คนกับเหี้ยต่างกันยังไง? เหี้ยให้สุดซอยไปเลย แล้วตายห่าในคุกซะ งานนี้ หัวหน้าเหี้ยมรึงมันชิ่งหนีแล้ว ช่วยตัวเองเหอะ? 03.อีเด ร้อนวิชา ผู้ใหญ่เหี้ยสั่งมาสิน่ะ เล่นผิดคน มวยคนละรุ่น ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เตรียมโดนฟ้องกลับหมิ่นประมาท ให้ร้าย ระดับครูบา อาจารย์ เค้าไม่เล่นปาหี่ดอกน่ะ งานนี้ มีกราบตรีนชัวร์! จะหมาไปไหน? เห็นแน่ๆ มาเยอะ สุดท้าย จบอย่างหมา ทนายหิวแสงตายเกลื่อนแผ่นดินทอง แสงมาเต็ม! 04.เฮ้ย! หนังคนละม้วน! มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่าเนี่ย? ยิวสั่งลุย ดาหน้าไล่ฆ่า ยึดแผ่นดินปาเลสไตน์ต่อ แต่ไอ้ที่กูเห็นของจริง คือ อียิวร้องขอชีวิต ตายห่าวันละ 1000 ตัว ยังถูกถล่มไม่เลิก ทัพแตก ทหารใหม่ตายเกลื่อน ระเบิดลงหัวทุก 45 นาที เหนือ กลาง ใต้ ถูกเจาะหมดเกลี้ยง ตื่น ตื่น ตื่น 05.มรึงคิด ELITE ย้ายออก ภาคอุตสาหกรรมย้ายออก อีทรัมปป์เตรียมจะทำอย่างไร เมื่ออีลาเตรียมขัดขาทุกเรื่อง ทั้งหมด ที่มันจะทำ ไม่ใช่เพื่อรักษาอเมริกา แต่จะแตกเป็น TRUMP LAND จำคีย์ตรงนี้ให้ดีดี จากนี้ สิ่งที่มรึงจะเห็น ไม่ใช่กอบกู้อเมริกาอย่างที่มันว่า แต่เตรียมจะแยกตัวต่างหากล่ะ อาวุธจะไปตุนอยู่กับรัฐอีช้าง กวักมือเรียกนายพลหิวแสง หิวเงินเข้ามาเป็นพวก เพื่อเตรียมชนอีตาเพน เหี้ย C คนละเรื่องกับภาพที่ควายโลกคิด ปูติน รู้! 06.ไม่จริง! ทรัมปป์ไม่ได้โทรหาปูติน สื่ออย่าเสี้ยม? ใครจะบอกมรึงตรงๆ กันล่ะ หลังไมค์ คุยกันตลอด สิ่งที่รัสเซียช่วยทรัมปป์ได้คือ กำจัดยิวเหี้ยไซออนนิสต์ เมื่อศัตรูตัวเดียวกัน ทำไมล่ะ จะรวมมือกันไม่ได้ เพราะแท้จริง อียิวคือขวากหนาม TRUMP LAND ดูให้สุดซอย ทรัมปป์มาเพื่อแก้แค้น เอาคืน เอาทุกอย่างที่กูมีคืนมาให้หมด รวมทั้งดินแดน ดูการกระทำ จากนี้ สหรัฐจะไม่ชนกับรัสเซีย จีน ซึ่งหน้า ด้านกำลังพล เพราะรู้ดีว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไร คนที่ได้คือ อียิวเท่านั้น ดังนั้น อีช้าง อีลา มันคุยกันจบแล้ว แบ่งแผ่นดินกันไป ของใคร ของมัน ไปตั้ง KING ใหม่กันเอาเอง? 07.ไอ้สัส! J-35 นี่มัน F-35 เซินเจิ้นนี่หว่า? เหมือนกันเป๊ะเด๊ะ แต่เบากว่า ถูกกว่าเยอะ ไวกว่า แม่นยำกว่า เทคโนโลยี AI ทั้งลำ แถวบ้านเรียก "เตะตัดขา" ไม่ต้องมีเงื่อนไขยุ่งยาก ไม่ต้องซ่อมมากกว่าใช้ ที่สำคัญ ผลิตไม่อั้น จีนรุกการค้าเหี้ยยิวถึงอุตสาหกรรมอาวุธเต็มตัวแล้ว อีโบอิ้งมีเจ๊งชัวร์! อีร็อคฮีท มาร์ติน มีกระอักเลือด จะทำสงครามการค้าชุดใหญ่ มรึงต้องพร้อมกว่า ดีออก? ไม่ต้องถามใครซื้อ อาเซียนจองกันหมดแล้ว! ที่สำคัญ ซื้ออาวุธจีน พ่วงการคุ้มครอง เหี้ยไอ้อี หน้าไหนก็ไม่กล้าเสือก? จีนล่อทั้งรถไฟฟ้า EV ยันไปถึงเครื่องบินเจ็ท ทุกอย่างที่เหี้ยมะกันขาย กูล้มทับแม่งให้หมด มันส์มั้ยจ๊ะ? วอนส้นตรีนเอง อย่าร้อง? 08.อีเสี้ยนยารู้ดี ดองยาวเข้านาโต้ EU ค้าน สู้ต่อไม่ไหว เงินไม่มา อาวุธไม่มี กองกำลังไม่ช่วย ไม่เหลือทางรอด นอกจากกราบตรีนปูติน ศึกนี้ รัสเซียไม่เลี้ยงเหี้ย อีเสี้ยนยาต้องตายเท่านั้น ไม่เก็บไว้ทำพ่อง? จนป่านนี้ เคียฟเหลือแต่ซาก แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมเข้าไปยึดให้จบซักกะที รู้แล้วชิมิ เพราะอะไร? ล่อเหยื่อให้เข้ามาตายห่าเรื่อยๆ ตัดกำลัง ตัดคลังแสง ตัดเศรษฐกิจยุโรป อเมริกา ตะวันตก กว่ามรึงจะรู้ตัว ก็ฉิบหายไปหมดแล้ว รัสเซียแค่ต้องการใบเสร็จยอมรับ ยินยอม แพ้ราบคาบ ส่วนดินแดนเอาเฉพาะที่เป็นยุทธศาสตร์ ส่วนที่เหลือให้โปรรัสเซียคุมแทนต่อเอง โอนสัณชาติกันเพี๊ยบ รับไม่อั้น? 09.ใครๆ ก็หักหลังมรึง? อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก มาหมด หากสดชื่น อีโจ๊ก อีเสรี ทนายกู้ชาติ เสรีไทย 2 ดาหน้าล่อโคตรพ่องเหลี่ยมขี้แตก กร่างชิมิ เห่าเก่งชิมิ? โดนย้อนศรเอามาเป็นหลักฐานมัดตราสังข์ตัวเอง ศาลส่อรอฟัน อสส.ยิงตรง แม้แต่อีลูกสาวร่านก็ไม่เหลือ โดนหมดทั้งคดีเเก่า คดีใหม่ พ่วงเป็นปรปักษ์แผ่นดิน หนีสิจ๊ะ จะอยู่ให้โง่ เปิดช่องหมาลอดให้แล้ว จ่ายคือจบ ไม่จ่ายคือตายโหง คืนเงินแผ่นดินมาให้หมด ยึดทรัพย์มันชัวร์อยู่แล้ว ขั้นตอนมันมี มรึงอย่าการ์ตูนมาก สินทรัพย์ต่างแดน ดึงคืนเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีหลักฐานพิสูจน์ชัด ท่อน้ำเลี้ยง แหล่งที่มา แค่หัวเหี้ยวอชิงตันมันไป ทุกอย่างจะราบรื่นสะดวกโยธินบูรณะทันที คำถามคือ ทำไมอดีตขี้ข้า อดีตพรรคร่วมหักหลัง เพราะเจ้ามือคนใหม่ มันใหญ่จริงเกินบรรยาย คุ้มกะลาหัวได้สบายตรีน 10.หลายคนห่วงคลังชาติ กระแสต่อต้านสอดไส้คาราเมลแบงค์ชาติ มรึงอย่าได้กังวล ทหารเค้าปล่อยให้เหี้ยมันเดินสุดซอยก่อน อะไรน่ะ มันมาตามกฎหมาย งั้นกฎหมายมาจากไหน กฎหมายรับรองโดยรัฐธรรมนูญ แล้วหากไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือถูกฉีกขาดล่ะ รถถังมาแทน จะจบเร็วมุย? ทุกความกังวลของมรึง ทั้งเกาะหมา เกาะแมว แบงค์ชาติ กูรูต่างรู้ "ปาหี่" ทั้งนั้น แค่กองทัพเขยิบ ชีวิตเปลี่ยนทันที เค้ารอให้มันสะเด็ดน้ำก่อน มรึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ไม่ถึงที่สุดจริง แววไม่ฉิบหายหนักจริง ควายไทย ไทยบัดซบ มันจะตื่นมุย? ที่เสียเวลาปล่อยเหยื่อมางับ ก็เพื่ออะไรล่ะ? ไม่มีอะไรดีไปกว่า ปล่อย เหี้ยมันเผยธาตุแท้ตัวมันเองดอกน่ะ? ที่มันเร่งเพราะวอชิงตันมันบีบ ความซวยเพราะเป็นขี้ข้ายิวไงล่ะ โดนคุกกันหมดทั้งยวง ตั้งแต่หัวยันหาง เผ่นออกนอกกันหมด เป็นไปตามแผนวังเค้า ไม่มีใครตาย แผ่นดินสะอาดขึ้นทันตาเห็น กูไบ้ไปเยอะซะขนาดนี้แล้ว ยังจะมาถามกูอีกเหรอ? หมายเหตุ : เกมส์โลกขั้วใหม่ชนะใสใสหัวใจแบเบอร์ เกมส์ไทย แสงทำงานฉลุย เหี้ยแฉกันเอง ฆ่ากันเอง เผยตัวตนแท้จริงออกหมดเปลือก เพราะแสงทำงาน ความจริงจึงเปิดเผย เพราะแสงเข้าถึงทุกที่ แผลเก่า แผลใหม่มาหมด ไทยจัดการภายในกันเองได้ ส่วนเพื่อนบ้าน เป็นแค่ตัวปลากรอบ อีขะแมร์อีก 1000 ชาติ ก็เป็นได้แค่ที่รองตรีนไทย "เบ๊ตลอดชีวิต" แต่กูคิดว่าไม่ต้องรอถึง 1000 ชาติดอกน่ะ อีกไม่นาน หลังอีฮุนเซน เสื่อมอำนาจ มรึงจะถูกไทยเขมือบ ผนวกรวมเแผ่นดิน หรือไม่ก็เป็นเมืองขึ้น รัฐอิสระปกครองพิเศษอย่างเป็นทางการ สรุปคือ อะไรที่ขั้วใหม่เคยเสียไป จะได้คืนมาหมด พ่วงของใหม่เข้ามาเพิ่ม ไทยเองก็เช่นกัน จะได้พื้นที่ดินแดนพ่อร.5 กลับคืนมาจนหมดสิ้น ไม่ต้องใช้กำลัง มากันเอง เต็มใจมา เพราะไทยเป็นฮับ ขยายไปไกลทั่วโลก อาเซียนจะรวมตัวกัน รวมชาติใหญ่ขึ้น แผ่นดินสุวรรณภูมิ ชื่อนี้ เทวดาตั้งให้ เพราะมันคือแผ่นดินที่มีไว้ให้ลูกหลานไทยนั่นเอง หมดกลียุค อีก 100 ปี มรึงกับกู คงได้มาเจอกันใหม่ ยามที่ชาติ หรือแผ่นดินต้องการ ภพนี้ หน้าที่มรึงและกู ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว หมี CNN(เกมส์พลิกโลกเพิ่งจะเริ่ม ขั้วใหม่เดินหน้าอย่างไว ไม่รีรอ ใส่ชุดใหญ่ไฟกระพริบ BRICS ดึง 130 ชาติ เข้าสู่ระบบชำระเงินใหม่สำเร็จแล้ว ทางเลือกใหม่ที่โลกเลือก แล้ว SWIFT ล่ะ ก็หมาไงจ๊ะ มีใช้อยู่ 6-7 ชาติหลัก ช่วงเปลี่ยนผ่าน หยวนจะถูกดันขึ้นสู่บังลังก์ตัวจริง เก็บหยวนไว้ในมือ ไม่มีจน รูเบิลจะแข็งโป๊ะขึ้นอีก ทองคำจากนี้ จะกลายร่างจริง ที่ไม่มีอียิวมากดได้อีกแล้ว ขาขึ้นทะลุสวรรค์ไปเลย หาแรงต้านไม่มี ข้าวปลาสิของจริง สิ่งที่พ่อร.9 ทำมาตลอดชีวิต กำลังจะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้านี้ เกษตรกรไทยจะหมดหนี้) 12 พฤศจิกายน 67 10.55 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ
    .
    คุณชูวิทย์เขาเล่าให้ผมฟังว่า ชีวิตเขาถูกหลอกใช้มาตลอด เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น เขาถูกคนที่ชื่อ สุชาติ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของคีรี บอกว่าจะเอาเรื่องการคอร์รัปชันไหม เขามีข้อมูลให้พร้อม ก็เลยเอาข้อมูลมาให้ชูวิทย์ นั่นคือที่มาของการโจมตี ช.การช่าง และการคอร์รัปชัน รวมไปจนถึงการมีงานโอนเงินค่าคอมมิชันไปที่สิงคโปร์ เป็นฝีมือที่มาจากคนที่ให้ข่าวเขาทั้งสิ้น “แล้วมันก็ทิ้งผมไป หลังจากใช้ผมได้เรียบร้อยแล้ว”
    .
    เขาค่อนข้างเจ็บช้ำน้ำใจมากหลายๆเรื่อง โดนฟ้องอยู่หลายคดี สันธนะ ประยูรรัตน์ก็ฟ้องเขา และที่สำคัญคือเรื่องเขากระโดง เขาก็โดนฟ้องที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์
    .
    ผมไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่จะพูดอะไรในเรื่องนี้ได้ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า คนที่อยู่ในสภาพอย่างชูวิทย์ คนที่เป็นเจ้าทุกข์ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกคุณจะทำบุญทำกุศลกัน เพราะคุณชูวิทย์เขาอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
    .
    ความแค้นไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณมีความสุขหรอก ณ วันนี้ ถ้าคุณจะทำไปเพื่อล้างแค้นที่ชูวิทย์เขาว่าอะไรคุณ ก็เชิญตามสบาย คนเรามันจะแค้นอะไรกันนักกันหนา หรือทั้งคุณเนวิน และคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไม่ยอมรับว่าชีวิตคุณเองก็มีการทำผิดพลาดเยอะมากพอสมควร อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่คุณชูวิทย์พูดเรื่องเขากระโดงก็เป็นความจริง
    .
    ผมสงสารและเห็นใจเขา เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรนะ ไม่ได้เรียกร้องคุณศักดิ์สยามและคุณเนวิน คุณคงอยากให้คุณชูวิทย์คลานเข้าไปแล้วกราบเท้าคุณใช่ไหม ซึ่งถ้าเขาทำผิดกฎหมายเพราะเขาไปหมิ่นประมาทคุณ อันนั้นคือกฎหมาย แต่ที่อยู่เหนือกฎหมาย คือคุณธรรม ความเห็นอกเห็นใจ คุณจะเรียกว่าความเวทนาก็ได้ ที่คุณชูวิทย์เขาเจ็บไข้ได้ป่วยหนักขนาดนี้ ที่สามารถจะตายได้ทุกเมื่อ ตรงนี้ต่างหากที่มันอยู่เหนือกฎหมาย นั่นคือความเป็นมนุษย์
    .
    คุณชูวิทย์อาจจะพูดอะไร แล้วคุณเจ็บใจแค้นใจมาก ผมเข้าใจดี รวมไปถึงคุณสันธนะด้วย ขนาดคุณชูวิทย์นั่งข้างๆ คุณ แล้วมาขอโทษคุณบนเก้าอี้รถเข็น ใจคอคุณบอกยังไม่ให้ ผมไม่รู้ว่าจิตใจพวกคุณทั้งหลายทำด้วยอะไร
    .
    สำหรับผมแล้ว ชูวิทย์เป็นคนที่มีคุณูปการต่อสังคม การทำงานของชูวิทย์นั้น จะดีจะชั่วก็ยังดีกว่านักการเมืองเลวๆ บางคนที่เอาอำนาจทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ ยึดที่ดินของรัฐเข้าไปเป็นของครอบครัวตัวเอง ผมว่าชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ พวกนั้นอีก

    ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ

    #Thaitimes
    ชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ . คุณชูวิทย์เขาเล่าให้ผมฟังว่า ชีวิตเขาถูกหลอกใช้มาตลอด เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น เขาถูกคนที่ชื่อ สุชาติ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของคีรี บอกว่าจะเอาเรื่องการคอร์รัปชันไหม เขามีข้อมูลให้พร้อม ก็เลยเอาข้อมูลมาให้ชูวิทย์ นั่นคือที่มาของการโจมตี ช.การช่าง และการคอร์รัปชัน รวมไปจนถึงการมีงานโอนเงินค่าคอมมิชันไปที่สิงคโปร์ เป็นฝีมือที่มาจากคนที่ให้ข่าวเขาทั้งสิ้น “แล้วมันก็ทิ้งผมไป หลังจากใช้ผมได้เรียบร้อยแล้ว” . เขาค่อนข้างเจ็บช้ำน้ำใจมากหลายๆเรื่อง โดนฟ้องอยู่หลายคดี สันธนะ ประยูรรัตน์ก็ฟ้องเขา และที่สำคัญคือเรื่องเขากระโดง เขาก็โดนฟ้องที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ . ผมไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่จะพูดอะไรในเรื่องนี้ได้ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า คนที่อยู่ในสภาพอย่างชูวิทย์ คนที่เป็นเจ้าทุกข์ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกคุณจะทำบุญทำกุศลกัน เพราะคุณชูวิทย์เขาอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว . ความแค้นไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณมีความสุขหรอก ณ วันนี้ ถ้าคุณจะทำไปเพื่อล้างแค้นที่ชูวิทย์เขาว่าอะไรคุณ ก็เชิญตามสบาย คนเรามันจะแค้นอะไรกันนักกันหนา หรือทั้งคุณเนวิน และคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไม่ยอมรับว่าชีวิตคุณเองก็มีการทำผิดพลาดเยอะมากพอสมควร อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่คุณชูวิทย์พูดเรื่องเขากระโดงก็เป็นความจริง . ผมสงสารและเห็นใจเขา เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรนะ ไม่ได้เรียกร้องคุณศักดิ์สยามและคุณเนวิน คุณคงอยากให้คุณชูวิทย์คลานเข้าไปแล้วกราบเท้าคุณใช่ไหม ซึ่งถ้าเขาทำผิดกฎหมายเพราะเขาไปหมิ่นประมาทคุณ อันนั้นคือกฎหมาย แต่ที่อยู่เหนือกฎหมาย คือคุณธรรม ความเห็นอกเห็นใจ คุณจะเรียกว่าความเวทนาก็ได้ ที่คุณชูวิทย์เขาเจ็บไข้ได้ป่วยหนักขนาดนี้ ที่สามารถจะตายได้ทุกเมื่อ ตรงนี้ต่างหากที่มันอยู่เหนือกฎหมาย นั่นคือความเป็นมนุษย์ . คุณชูวิทย์อาจจะพูดอะไร แล้วคุณเจ็บใจแค้นใจมาก ผมเข้าใจดี รวมไปถึงคุณสันธนะด้วย ขนาดคุณชูวิทย์นั่งข้างๆ คุณ แล้วมาขอโทษคุณบนเก้าอี้รถเข็น ใจคอคุณบอกยังไม่ให้ ผมไม่รู้ว่าจิตใจพวกคุณทั้งหลายทำด้วยอะไร . สำหรับผมแล้ว ชูวิทย์เป็นคนที่มีคุณูปการต่อสังคม การทำงานของชูวิทย์นั้น จะดีจะชั่วก็ยังดีกว่านักการเมืองเลวๆ บางคนที่เอาอำนาจทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ ยึดที่ดินของรัฐเข้าไปเป็นของครอบครัวตัวเอง ผมว่าชีวิตของชูวิทย์มีค่ายิ่งกว่านักการเมืองเลวๆ พวกนั้นอีก ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฟ้องร้อง #หลอกลวง #กล่าวเท็จ #ด่า #หมิ่นประมาท #สุดซอย #ความจริงมีหนึ่งเดียว
    #ฟ้องร้อง #หลอกลวง #กล่าวเท็จ #ด่า #หมิ่นประมาท #สุดซอย #ความจริงมีหนึ่งเดียว
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • เมตตาธรรมค้ำจุนโลกในวันครบรอบวันเกิด 77 ปีของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

    7 พฤศจิกายน 2567 - เฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รอต้อนรับคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เชิงบันไดบ้านพระอาทิตย์ ที่มาอวยพรในวันเกิดของสนธิ โดยคุณสนธิได้เข้าสวมกอดคุณชูวิทย์ทันทีที่ลงจากรถ ก่อนที่คุณชูวิทย์จะมอบพวงมาลัยขอขมาคุณสนธิซึ่งร่วมเดินประคองชูวิทย์เข้าไปสนทนาปราศรัยในบ้านพระอาทิตย์

    สำหรับคุณชูวิทย์ได้กลับมาประเทศไทยเมื่อ 4 พฤศจิกายน2567ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่องที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเริ่มรักษามาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา

    การกลับมาไทยของคุณชูวิทย์ครั้งนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีนาย สันธนะ ประยูรรัตน์ ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท โดยก่อนหน้านี้คุณชูวิทย์ยื่นขอเลื่อนนัดศาล เพื่อรักษาอาการป่วยตามกระบวนการจนครบขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งทุกศาลอนุญาตให้เลื่อนจนถึงปัจจุบัน ขณะที่มีการเปิดเผยด้วยว่า คุณชูวิทย์ได้ฝากขอโทษพี่สนธิผ่านนายสันธนะ

    ในเวลาต่อมา คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ”สนธิเล่าเรื่อง“ถึงคุณชูวิทย์ว่า อยากจบะอกว่า ลืมไปหมดแล้ว และขอให้หายไวไว
    .
    "เรื่องของคุณชูวิทย์ ด้วยความสัตย์จริง ผมลืมไปหมดแล้ว ในชีวิตคนเราการอภัยให้กันเป็นเรื่องยาก แต่การลืมไปเลยยากกว่า ซึ่งผมลืมไปแล้วจริงๆ ไม่ได้โกหก"

    ที่มา https://www.facebook.com/share/188j7SrCpa/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เมตตาธรรมค้ำจุนโลกในวันครบรอบวันเกิด 77 ปีของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล 7 พฤศจิกายน 2567 - เฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รอต้อนรับคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เชิงบันไดบ้านพระอาทิตย์ ที่มาอวยพรในวันเกิดของสนธิ โดยคุณสนธิได้เข้าสวมกอดคุณชูวิทย์ทันทีที่ลงจากรถ ก่อนที่คุณชูวิทย์จะมอบพวงมาลัยขอขมาคุณสนธิซึ่งร่วมเดินประคองชูวิทย์เข้าไปสนทนาปราศรัยในบ้านพระอาทิตย์ สำหรับคุณชูวิทย์ได้กลับมาประเทศไทยเมื่อ 4 พฤศจิกายน2567ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่องที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเริ่มรักษามาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา การกลับมาไทยของคุณชูวิทย์ครั้งนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีนาย สันธนะ ประยูรรัตน์ ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท โดยก่อนหน้านี้คุณชูวิทย์ยื่นขอเลื่อนนัดศาล เพื่อรักษาอาการป่วยตามกระบวนการจนครบขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งทุกศาลอนุญาตให้เลื่อนจนถึงปัจจุบัน ขณะที่มีการเปิดเผยด้วยว่า คุณชูวิทย์ได้ฝากขอโทษพี่สนธิผ่านนายสันธนะ ในเวลาต่อมา คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ”สนธิเล่าเรื่อง“ถึงคุณชูวิทย์ว่า อยากจบะอกว่า ลืมไปหมดแล้ว และขอให้หายไวไว . "เรื่องของคุณชูวิทย์ ด้วยความสัตย์จริง ผมลืมไปหมดแล้ว ในชีวิตคนเราการอภัยให้กันเป็นเรื่องยาก แต่การลืมไปเลยยากกว่า ซึ่งผมลืมไปแล้วจริงๆ ไม่ได้โกหก" ที่มา https://www.facebook.com/share/188j7SrCpa/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Love
    Like
    Yay
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1035 มุมมอง 1 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ
    .
    ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
    .
    วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที
    .
    ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน
    .
    นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้
    .
    แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย
    .
    จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
    .
    กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย
    .
    ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า
    .
    ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด
    .
    ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่
    .
    ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
    .
    เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา
    .
    นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ กำชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส อย่างง่ายดายและเด็ดขาดเกินคาดหมายในวันพุธ (6 พ.ย.) หลังกวาดคะแนนจากรัฐสมรภูมิสำคัญ และได้กลับสู่ทำเนียบขาวสมัยที่สองที่มีแนวโน้มสร้างแรงกระเพื่อมทั่วโลก นอกจากนั้น พรรครีพับลิกันของเขายังสามารถชิงอำนาจการควบคุมวุฒิสภาจากเดโมแครตได้สำเร็จ . ถึงแม้ผลสำรวจจากหลายสำนักก่อนหน้าการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นในวันอังคาร (5) ต่างระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะคู่คี่สูสีกันมากและอาจต้องรอนานหลายวันกว่าจะรู้ผล แต่กลายเป็นว่า พวกสื่อยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ สามารถประกาศอย่างเป็นเสียงเอกฉันท์ชนิดไม่มีเจ้าไหนแตกแถวตั้งแต่ในวันพุธ (6) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี เป็นผู้ชนะ หลังจากอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สามารถกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) เกิน 270 คะแนนซึ่งเป็นเกณฑ์สำหรับผู้ชนะ และได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 . วิสคอนซิน ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ผู้ออกเสียงไม่ได้แสดงความนิยมในผู้สมัครคนไหนหรือพรรคใหญ่พรรคใดอย่างชัดเจน จึงถูกมองว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผู้มีชัยในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้กลายเป็นรัฐตัดสินไปจริงๆ โดยหลังจากฟ็อกซ์นิวส์ เป็นสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าแรกที่คาดการณ์ว่าทรัมป์ชนะในรัฐนี้ แล้วจึงประกาศว่าเขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและเป็นผู้ชนะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแล้ว ถัดจากนั้นอีกหลายชั่วโมงต่อมา สื่อยักษ์ใหญ่อื่นๆ ได้แก่ เอบีซี ซีบีเอส เอ็นบีซี ซีเอ็นเอ็น เอพี ก็เดินมาในรอยทางเดียวกัน กล่าวคือ ทยอยประกาศคาดการณ์ว่าทรัมป์ได้วิสคอนซินซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียงไป และทำให้เป็นผู้ชนะโดยรวม ถึงแม้ในทางเป็นจริงแล้วยังมีอีกหลายรัฐที่นับคะแนนยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ตามที . ไม่เพียงชนะด้วยเสียงคณะผู้เลือกตั้ง ในครั้งนี้ทรัมป์ยังได้คะแนนป็อปปูลาร์โหวต หรือเสียงโหวตจากผู้ออกเสียงทั่วประเทศ นำหน้าแฮร์ริสถึงประมาณ 5 ล้านคะแนน แตกต่างจากตอนที่เขาชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2016 ซึ่งเขามีชัยด้านเสียงคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตให้แก่คู่แข่งคือ ฮิลลารี คลินตัน เกือบ 3 ล้านคะแนน . นอกจากนั้นแล้ว พรรครีพับลิกันของทรัมป์ ยังเข้ายึดวุฒิสภามาจากเดโมแครตได้สำเร็จ โดยชิงที่นั่งซึ่งเดิมเป็นของเดโมแครตมาได้ 2 ที่นั่ง ทำให้พวกเขาเวลานี้เป็นฝ่ายที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎรที่ชุดที่แล้วรีพับลิกันครองเสียงข้างมากเกินครึ่งเพียงเล็กน้อยนั้น ยังไม่มีพรรคใดทำท่าชนะอย่างแน่นอนชัดเจน และต้องรอผลการนับคะแนนอย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ . แฮร์ริสที่ถูกเปลี่ยนตัวเข้าแทนที่ โจ ไบเดน และมีเวลาในการรณรงค์หาเสียงเพียง 15 สัปดาห์เท่านั้น ทำไม่สำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนให้มากพอเพื่อยับยั้งทรัมป์ โดยเฉพาะในการคลายความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ มิหนำซ้ำผู้ออกเสียงส่วนใหญ่ยังไม่สนใจคำเตือนของแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ที่ว่า ทรัมป์ต้องการอำนาจแบบไม่มีการตรวจสอบและเป็นตัวอันตรายสำหรับประชาธิปไตย ทำให้ประเด็นหลักในการหาเสียงของแฮร์ริสคือ การสร้างความเป็นเอกภาพและสนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง สุดท้ายยังไม่เพียงพอให้เธอสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นหญิงผิวดำและเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกด้วย . จากโพลสำเร็จของรอยเตอร์/อิปซอสส์ บ่งชี้ว่าพวกผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่า เรื่องงานและเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยคนอเมริกันจำนวนมากไม่พอใจปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อยู่ในอาการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นพุ่งทำสถิติ ค่าแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอัตราว่างงานต่ำ ทั้งนี้นอกจากคนเหล่านั้นมองว่า เรื่องเงินเฟ้อเป็นความผิดของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ยังบอกว่า ไว้ใจทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ . กลุ่มฮิสปานิกหรือกลุ่มคนพูดภาษาสเปน ที่เดิมทีเป็นฐานเสียงของเดโมแครต รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรงที่สุด กลายเป็นตัวช่วยส่งให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ นอกเหนือจากฐานเสียงที่จงรักภักดีเหนียวแน่นกับพวกเขาซึ่งได้แก่กลุ่มคนผิวขาวที่เรียนไม่ถึงระดับมหาวิทยาลัย . ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมต่ำต่อเนื่อง เคยผ่านกระบวนการถูกพิจารณาถอดถอนถึง 2 ครั้ง ถูกอดีตหัวหน้าคณะทำงานในทำเนียบขาวของตนเองระบุว่าเป็น “ฟาสซิสต์” ถูกฟ้องร้องคดีอาญา 4 คดี และถูกตัดสินว่าผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศและการหมิ่นประมาท ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเขาถูกคณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินว่า กระทำผิดในการปลอมแปลงข้อมูลธุรกิจเพื่อปกปิดการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังปลุกใจเสือป่า . ด้วยวัย 78 ปี ทรัมป์กำลังจะสร้างสถิติใหม่ในการเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุด . ชัยชนะของทรัมป์ยังมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้า ผู้อพยพ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของอเมริกา และสงครามในยูเครน . นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ข้อเสนอขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงของทรัมป์มีแนวโน้มจุดชนวนสงครามการค้ารุนแรงขึ้นกับจีน ตลอดจนกับพวกประเทศพันธมิตรของอเมริกา นอกจากนั้นเขายังให้สัญญาเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ . ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของผู้สนับสนุนที่ไปรวมตัวติดตามดูการนับคะแนนอยู่ที่รัฐฟลอริดา ทรัมป์ขึ้นเวทีพร้อมเมลาเนีย ภรรยา และลูกๆ และประกาศว่า นี่คือชัยชนะอันงดงามสำหรับคนอเมริกัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ตนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง . เขายังกล่าวถึงการรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารสองครั้งระหว่างช่วงหาเสียงว่า หลายคนบอกว่าพระเจ้าปกป้องเขา . นอกจากครอบครัวทรัมป์ วุฒิสมาชิก เจดี. แวนซ์ คู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี และบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันแล้ว งานนี้ยังมี อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลกที่อัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ราว 120 ล้านดอลลาร์ เข้าร่วมฉลองด้วย โดยทรัมป์ยกย่องนายใหญ่เอ็กซ์และเทสลาผู้นี้เป็น “ดาวดวงใหม่” และก่อนหน้านี้ยังประกาศว่า จะแต่งตั้งมัสก์เป็นประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประสิทธิภาพของรัฐบาล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000107148 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว
    กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล
    เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา
    ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566
    เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้
    นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้
    ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า
    เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม
    ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566 เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้ นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้ ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.ก.เผยเร่งตรวจสอบ "ทนายตั้ม" เรียกเงินดิไอคอนกรุ๊ป 7.5 ล้านบาท พบใช้โทรศัพท์สำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม ติดต่อ "บอสพอล" เตือนจิตอาสาตรวจสอบหลักฐานก่อนเผยแพร่สาธารณะป้องกันถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาท- พ.ร.บ.คอมฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105414

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รอง ผบช.ก.เผยเร่งตรวจสอบ "ทนายตั้ม" เรียกเงินดิไอคอนกรุ๊ป 7.5 ล้านบาท พบใช้โทรศัพท์สำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม ติดต่อ "บอสพอล" เตือนจิตอาสาตรวจสอบหลักฐานก่อนเผยแพร่สาธารณะป้องกันถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาท- พ.ร.บ.คอมฯ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105414 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    31
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2406 มุมมอง 1 รีวิว
  • “ทนายตั้ม” นั่งกระบะ 4 ประตู หลบสื่อขึ้นประตูหลังศาลนครพนม คดี "ศุภชัย โพธิ์สุ" ผู้ช่วย รมว.มหาดไทย อดีตรอง ปธ.สภา พร้อมลูกสาว นายก อบจ.นครพนม และเลขาฯ ฟ้องฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน ศาลนัดสืบพยานจำเลยวันนี้

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000104913

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทนายตั้ม” นั่งกระบะ 4 ประตู หลบสื่อขึ้นประตูหลังศาลนครพนม คดี "ศุภชัย โพธิ์สุ" ผู้ช่วย รมว.มหาดไทย อดีตรอง ปธ.สภา พร้อมลูกสาว นายก อบจ.นครพนม และเลขาฯ ฟ้องฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน ศาลนัดสืบพยานจำเลยวันนี้ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000104913 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    23
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2832 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13/10/67

    คิดถึงพ่อ

    ในหลวง ร.9

    คลิปที่หลายๆคนไม่เคยเห็น ในหลวงเสด็จด้วยรถไฟใต้ดิน ชอบตอนที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน...ตอนใกล้ๆจบ #แบ่งปันกันนะ


    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 53 ตามประวัติศาสตร์ไทย ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ด้วยพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จนสวรรคต เป็นประมุขแห่งรัฐที่ครองราชย์ยาวนานมากที่สุดตลอดกาลในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปเอเชีย[1] พระองค์ยังเป็นประมุขแห่งรัฐที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในโลกในขณะทรงพระชนม์ นับตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2532 กระทั่งสวรรคตใน พ.ศ. 2559[2] อีกทั้งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ของโลก ด้วยระยะเวลาในราชสมบัติทั้งสิ้น 70 ปี 126 วัน[1]


    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
    มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
    บรมนาถบพิตร
    พระภัทรมหาราช

    พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503
    พระมหากษัตริย์ไทย
    ครองราชย์
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
    (70 ปี 126 วัน)
    ราชาภิเษก
    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
    ก่อนหน้า
    พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ถัดไป
    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    ดูรายพระนามและรายชื่อ
    นายกรัฐมนตรี
    ดูรายชื่อ
    พระราชสมภพ
    5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ
    สวรรคต
    13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา)
    โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
    ถวายพระเพลิง
    26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
    พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง
    บรรจุพระอัฐิ
    พระวิมานทองกลาง
    บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
    พระอัครมเหสี
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493)
    พระราชบุตร
    รายละเอียด
    ดูรายพระนาม
    วัดประจำรัชกาล
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    ราชวงศ์
    จักรี
    ราชสกุล
    มหิดล
    พระราชบิดา
    สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
    พระราชมารดา
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
    ศาสนา
    พุทธเถรวาท
    ลายพระอภิไธย

    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
    มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
    บรมนาถบพิตร
    พระภัทรมหาราช

    พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503
    พระมหากษัตริย์ไทย
    ครองราชย์
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
    (70 ปี 126 วัน)
    ราชาภิเษก
    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
    ก่อนหน้า
    พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ถัดไป
    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    ดูรายพระนามและรายชื่อ
    นายกรัฐมนตรี
    ดูรายชื่อ
    พระราชสมภพ
    5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ
    สวรรคต
    13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา)
    โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
    ถวายพระเพลิง
    26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
    พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง
    บรรจุพระอัฐิ
    พระวิมานทองกลาง
    บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
    พระอัครมเหสี
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493)
    พระราชบุตร
    รายละเอียด
    ดูรายพระนาม
    วัดประจำรัชกาล
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    ราชวงศ์
    จักรี
    ราชสกุล
    มหิดล
    พระราชบิดา
    สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
    พระราชมารดา
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
    ศาสนา
    พุทธเถรวาท
    ลายพระอภิไธย

    พระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
    ระยะเวลา: 1 minute and 31 seconds1:31
    พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า


    พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น กบฏเมษาฮาวายใน พ.ศ. 2524 และกบฏทหารนอกราชการใน พ.ศ. 2528 กระนั้น ในสมัยของพระองค์ได้มีการทำรัฐประหารโดยทหารหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ใน พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 26 คน โดยเริ่มต้นที่ปรีดี พนมยงค์ และสิ้นสุดลงที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา[3]
    ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เคารพพระองค์[4][5][6] อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ และผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา[6] คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[7][8] กระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อ พ.ศ. 2548 ว่า สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้[9]
    พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์[10] ด้านสินทรัพย์ของพระองค์ นิตยสาร ฟอบส์ จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556[11] เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 พระองค์มีพระราชทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ดูหมายเหตุด้านล่าง)[12] สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์สินเพื่อสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระองค์ผู้เดียว[13] พระองค์ยังทรงอุทิศพระราชทรัพย์ในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ[14]


    พระชนม์ชีพช่วงต้น
    พระราชสมภพ
    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ อันเป็นที่ซึ่งพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ นพศก จ.ศ. 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ตะละภัฎ, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) มีพระนามเมื่อแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า "เบบี สงขลา" (อังกฤษ: Baby Songkla)[15] ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล
    อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซา น (Chailly-sur-Lausanne)
    13/10/67 คิดถึงพ่อ ในหลวง ร.9 คลิปที่หลายๆคนไม่เคยเห็น ในหลวงเสด็จด้วยรถไฟใต้ดิน ชอบตอนที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน...ตอนใกล้ๆจบ #แบ่งปันกันนะ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 53 ตามประวัติศาสตร์ไทย ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ด้วยพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จนสวรรคต เป็นประมุขแห่งรัฐที่ครองราชย์ยาวนานมากที่สุดตลอดกาลในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปเอเชีย[1] พระองค์ยังเป็นประมุขแห่งรัฐที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในโลกในขณะทรงพระชนม์ นับตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2532 กระทั่งสวรรคตใน พ.ศ. 2559[2] อีกทั้งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ของโลก ด้วยระยะเวลาในราชสมบัติทั้งสิ้น 70 ปี 126 วัน[1] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระภัทรมหาราช พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503 พระมหากษัตริย์ไทย ครองราชย์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (70 ปี 126 วัน) ราชาภิเษก 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ถัดไป พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดูรายพระนามและรายชื่อ นายกรัฐมนตรี ดูรายชื่อ พระราชสมภพ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ สวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ถวายพระเพลิง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง บรรจุพระอัฐิ พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระอัครมเหสี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493) พระราชบุตร รายละเอียด ดูรายพระนาม วัดประจำรัชกาล วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวงศ์ จักรี ราชสกุล มหิดล พระราชบิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชมารดา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ศาสนา พุทธเถรวาท ลายพระอภิไธย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระภัทรมหาราช พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503 พระมหากษัตริย์ไทย ครองราชย์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (70 ปี 126 วัน) ราชาภิเษก 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ถัดไป พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดูรายพระนามและรายชื่อ นายกรัฐมนตรี ดูรายชื่อ พระราชสมภพ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ สวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ถวายพระเพลิง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง บรรจุพระอัฐิ พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระอัครมเหสี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493) พระราชบุตร รายละเอียด ดูรายพระนาม วัดประจำรัชกาล วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวงศ์ จักรี ราชสกุล มหิดล พระราชบิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชมารดา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ศาสนา พุทธเถรวาท ลายพระอภิไธย พระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ระยะเวลา: 1 minute and 31 seconds1:31 พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น กบฏเมษาฮาวายใน พ.ศ. 2524 และกบฏทหารนอกราชการใน พ.ศ. 2528 กระนั้น ในสมัยของพระองค์ได้มีการทำรัฐประหารโดยทหารหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ใน พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 26 คน โดยเริ่มต้นที่ปรีดี พนมยงค์ และสิ้นสุดลงที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา[3] ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เคารพพระองค์[4][5][6] อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ และผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา[6] คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[7][8] กระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อ พ.ศ. 2548 ว่า สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้[9] พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์[10] ด้านสินทรัพย์ของพระองค์ นิตยสาร ฟอบส์ จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556[11] เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 พระองค์มีพระราชทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ดูหมายเหตุด้านล่าง)[12] สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์สินเพื่อสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระองค์ผู้เดียว[13] พระองค์ยังทรงอุทิศพระราชทรัพย์ในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ[14] พระชนม์ชีพช่วงต้น พระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ อันเป็นที่ซึ่งพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ นพศก จ.ศ. 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ตะละภัฎ, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) มีพระนามเมื่อแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า "เบบี สงขลา" (อังกฤษ: Baby Songkla)[15] ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซา น (Chailly-sur-Lausanne)
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 91 0 รีวิว
  • 'ณฐพร โตประยูร' ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 'รังสิมันต์ โรม' ใช้อำนาจ กมธ.ล้วงลูกคดี 'ทุน มิน หลัด'

    9 ตุลาคม 2567 - รายงานข่าวไทยโพสต์ระบุว่า นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นกรณี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยใช้สถานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ก้าวก่าย แทรกแซงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากส่วนราชการ อ้างวาระประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน และการใช้บัญชีม้าในขบวนการยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยนำคดีของ นายทุน มิน หลัดที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องมาพิจารณา รวม 3 ครั้ง คือ วันที่ 29 ส.ค. 2567 วันที่ 11 ก.ย. 2567 และวันที่ 3 ต.ค. 2567 เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ในการต่อสู้คดีที่ถูกนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา ฟ้องหมิ่นประมาทจำนวน 3 คดี ค่าเสียหายรวม 140 ล้านบาท

    นายณฐพร กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน เพราะหากนายรังสิมันต์จะหาข้อเท็จจริงต้องทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คือ ต้องมีหนังสือถึงรัฐมนตรีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งข้อเท็จจริงให้ นอกจากนี้ยังเรียกให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียมาให้ข้อมูลต่อที่ประชุม ทั้ง ๆ ที่นายอุปกิต ฟ้อง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ต่อศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 และคดียังอยู่ชั้นศาลอุทธรณ์ ดังนั้นข้อมูลจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ จึงเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นกลาง และทำให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ รู้ข้อมูลเชิงลับ ในการสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการ ถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ฯ และ ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 ที่ได้วางมาตรการป้องกันการใช้อำนาจของคณะกรรมาธิการอีกด้วย

    “ในเนื้อหาการประชุมเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า นายรังสิมันต์ มิได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม เช่น ต้องการให้ดำเนินคดีกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาแม่สายที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และยังให้ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยไปหาแนวทางยกเลิกสัญญาระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินระบุ

    https://www.thaipost.net/x-cite-news/670670/

    #Thaitimes
    'ณฐพร โตประยูร' ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 'รังสิมันต์ โรม' ใช้อำนาจ กมธ.ล้วงลูกคดี 'ทุน มิน หลัด' 9 ตุลาคม 2567 - รายงานข่าวไทยโพสต์ระบุว่า นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นกรณี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยใช้สถานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ก้าวก่าย แทรกแซงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากส่วนราชการ อ้างวาระประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน และการใช้บัญชีม้าในขบวนการยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยนำคดีของ นายทุน มิน หลัดที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องมาพิจารณา รวม 3 ครั้ง คือ วันที่ 29 ส.ค. 2567 วันที่ 11 ก.ย. 2567 และวันที่ 3 ต.ค. 2567 เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ในการต่อสู้คดีที่ถูกนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา ฟ้องหมิ่นประมาทจำนวน 3 คดี ค่าเสียหายรวม 140 ล้านบาท นายณฐพร กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน เพราะหากนายรังสิมันต์จะหาข้อเท็จจริงต้องทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ คือ ต้องมีหนังสือถึงรัฐมนตรีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งข้อเท็จจริงให้ นอกจากนี้ยังเรียกให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียมาให้ข้อมูลต่อที่ประชุม ทั้ง ๆ ที่นายอุปกิต ฟ้อง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ต่อศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 และคดียังอยู่ชั้นศาลอุทธรณ์ ดังนั้นข้อมูลจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ จึงเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นกลาง และทำให้ พ.ต.ท.มานะพงษ์ รู้ข้อมูลเชิงลับ ในการสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการ ถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ฯ และ ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 129 ที่ได้วางมาตรการป้องกันการใช้อำนาจของคณะกรรมาธิการอีกด้วย “ในเนื้อหาการประชุมเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า นายรังสิมันต์ มิได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม เช่น ต้องการให้ดำเนินคดีกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาแม่สายที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และยังให้ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยไปหาแนวทางยกเลิกสัญญาระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินระบุ https://www.thaipost.net/x-cite-news/670670/ #Thaitimes
    WWW.THAIPOST.NET
    'ณฐพร' ร้องสอบจริยธรรม 'ทั่นโรม' ใช้อำนาจล้วงลูกคดี!
    'ณฐพร' ร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม 'รังสิมันต์ โรม' ใช้อำนาจ กมธ.ล้วงลูกคดี 'ทุน มิน หลัด'
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!!

    ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!!

    ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev
    ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน……
    ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน……
    แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี)

    ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน
    หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol
    ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ……
    แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า
    “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด
    คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก
    เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..”

    ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง
    เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน
    และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002
    ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค

    ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ
    ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ
    ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน
    ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน
    แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน……

    ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้
    เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์
    แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว
    แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี
    บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน……

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี
    และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด?
    ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า
    “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด..
    เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……”
    ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ
    เขาพูดต่อไปว่า…
    “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ
    ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!”

    ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง……
    แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!!

    ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์
    และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง

    เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด

    ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan
    ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า
    Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย
    รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว

    เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว
    และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่
    ฟังแต่เพลงร๊อค
    ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช
    จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
    จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก
    เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!”

    กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง…
    ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย
    สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ
    และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ
    ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น

    ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา
    “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย……
    ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS
    มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย

    แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า……
    เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ
    ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ
    บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า
    “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง”
    “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย”
    “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด……

    วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด
    ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!!
    เลยต้องร้องขอไป.……
    สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย
    และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
    กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด
    MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก…
    ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia
    และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS
    โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา
    ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า……
    “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว”

    ซาร์โกซี่รีบค้าน…
    “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร?
    ปูตินย้อนทันทีว่า……
    “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!”
    แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า……
    “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ
    บุชลูกหรือ..?!!

    สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่……
    ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008)

    ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย……

    ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช
    ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า
    สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad

    หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล

    แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!! ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!! ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน…… ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน…… แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี) ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ…… แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..” ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน…… ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้ เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์ แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน…… หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด? ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด.. เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……” ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ เขาพูดต่อไปว่า… “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!” ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง…… แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!! ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่ ฟังแต่เพลงร๊อค ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!” กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง… ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย…… ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า…… เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง” “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย” “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด…… วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!! เลยต้องร้องขอไป.…… สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก… ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า…… “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว” ซาร์โกซี่รีบค้าน… “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร? ปูตินย้อนทันทีว่า…… “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!” แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า…… “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ บุชลูกหรือ..?!! สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่…… ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008) ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย…… ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 23-9-67
    .
    วันนี้คุณสนธิจะเล่าเรื่องที่ เฉลิม อยู่บำรุงฟ้องหมิ่นประมาท เรียกเงินค่าเสียหาย 30 ล้านบาท และเบื้องลึกเบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่าง "จักรทิพย์ ชัยจินดา-โจ๊ก สุรเชชษฐ์-ชูวิทย์-ทนายตั้ม" ให้ฟังแบบ Exclusive หารับฟังที่ไหนไม่ได้
    .
    คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=xUo8tNUV6p4
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    สนธิเล่าเรื่อง 23-9-67 . วันนี้คุณสนธิจะเล่าเรื่องที่ เฉลิม อยู่บำรุงฟ้องหมิ่นประมาท เรียกเงินค่าเสียหาย 30 ล้านบาท และเบื้องลึกเบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่าง "จักรทิพย์ ชัยจินดา-โจ๊ก สุรเชชษฐ์-ชูวิทย์-ทนายตั้ม" ให้ฟังแบบ Exclusive หารับฟังที่ไหนไม่ได้ . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=xUo8tNUV6p4 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    Like
    Love
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2687 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณติ่งๆทั้งหลายขา….ฉุดไม่อยู่แล้วค่าาาา พี่ปูก้าวขึ้นไปในจุดที่สูงสุดแบบรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มนั้นเชียว…

    ตอนสิบ……ปูตินที่ว่าเหนือชั้นแล้ว……เยลซินยิ่งเหนือกว่า……!!!

    จากสายตาของประชาชนทั่วไป นายกรัฐมนตรีปูติน คือ คนที่เยลซินเลือกมานั่งในตำแหน่ง เหมือนอย่างคนอื่นๆที่มาแล้วก็ไป จนผู้คนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แถมไม่สนใจด้วยซ้ำ
    พอเรื่องสงครามที่เชเชนที่มีผลดี ชื่อปูตินก็ดีขึ้นมาหน่อย
    แต่ก็ยังเป็นหน้าใหม่อยู่ดี
    ในผลโพลความนิยมในเดือนตุลาคม กระเตื้องขึ้นมาเป็น 27 เปอร์เซ็นต์ ยังน้อยกว่า Primakov
    นโยบายพรรคการเมือง Unity ของเยลซิน คือ กึ่งสังคมนิยม
    แต่ที่ผ่านๆมา คือการสนับสนุนไปทางทหาร รักษาชายแดน
    เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ……จึงเชื่อได้ว่า ไม่น่าจะชนะแบบแลนด์สไลด์……
    ในเดือนตุลาคม ที่พอมองเห็นว่า คะแนนของพรรคยังอยู่หลังพรรคฝั่งซ้าย The Fatherland ที่มีฐานเสียงเป็นประชาชนรอบนอกส่วนใหญ่
    พรรคยูนิตี้ของเยลซิน ฐานเสียงคือ มอสโคว์ เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และเหล่านายทุน (ที่จะไประดมมา……)
    ยกตัวอย่างเช่น Boris Berezovsky**(ที่เยลซินเทไปแล้ว…)
    เขาได้ใช้ความเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ โทรทัศน์ ออกข่าว
    โจมตีคู่แข่งอย่าง Luzhkov ในเรื่อง คอร์รัปชั่นกันทั้งครอบครัว
    และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมในหลายคดี
    คนอื่นๆก็ถูกขุดขึ้นมาแฉโพยด้วย เป็นการสกัดไว้ชั้นหนึ่งก่อน
    การกล่าวหานี้ โดยปรกติแล้วมันเป็นยิ่งกว่าการหมิ่นประมาท
    แต่…มักใช้ได้ผลแบบทันตาเห็น (เรื่องคดีไว้ว่ากันทีหลัง…)

    แต่ที่ทุกคนไม่รู้……คือ เยลซินได้ฝากความหวังของรัสเซียทั้งหมดไว้กับนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งแกะกล่อง วลาดิเมียร์ ปูติน
    เมื่อช่วงปลายปี 1999 สุขภาพของเยลซินเริ่มถดถอย อีกทั้งเรื่องคดีความทางกฎหมาย เช่นเรื่องไล่อัยการ Skuratov ออกเพราะว่ามีเทปลับสามคนผัวเมีย……
    ซึ่งอัยการฟ้องกลับ……อีกทั้งสาวหาเรื่องอื่นเกี่ยวกับ”วงใน” และ”นายทุน” รวมทั้งการที่ครอบครัวของท่านผู้นำไปมีหุ้นอยู่ที่บริษัท Mabetex ในสวิตเซอร์แลนด์

    เยลซินเหลือเวลาไม่มากนักในการต่อสู้กับเกมชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะสำหรับเขาคือ ไม่มีโอกาสเพราะเป็นสมัยที่สอง และถ้าพรรคอื่นได้มาเป็น……นั่นหมายถึงเขาจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก อย่าหวังว่าจะได้พึ่งพวกเศรษฐีนายทุน เพราะคนพวกนี้มักจะเกาะอยู่กับกลุ่มอำนาจที่อำนวยผลประโยชน์ให้ได้เท่านั้น

    หลังสงครามเชเชน……ปูตินได้รับความนิยมขึ้นมาถึง 40%
    แต่เขาไม่ได้ร่วมเป็นสมาขิกของพรรค Unity
    เพราะเขาต้องการความเป็นอิสระ จากกรอบนโยบาย
    หากแต่…เขาให้ความสนับสนุนโดยการให้สัมภาษณ์ว่า
    “ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมไม่ควรที่จะบอกว่าชื่นชอบพรรคไหนเป็นพิเศษ……แต่ถ้าในฐานะประชาชนคนธรรมดา ผมจะโหวตให้กับยูนิตี้……”

    วันที่ 14 ธันวาคม ก่อนวันเลือกตั้ง 5 วัน และเยลซินได้เรียกให้ปูตินไปพบเป็นการส่วนตัว……เพื่อที่จะบอกแผนการที่ได้ตระเตรียมไว้……

    “ฉันจะลาออกจากตำแหน่งแล้วนะ ปีนี้จะเป็นปีที่สำคัญมากแห่งศตวรรษ มันจะเป็นศตวรรษที่ยิ่งใหญ่ของนาย……วลาดิเมียร์ ปูติน……นายเข้าใจไหม…?”
    ปูตินส่ายหน้า….ไม่เข้าใจ……เพราะที่เคยคุยกันไว้ครั้งที่แล้ว คือ ถ้าเยลซินพ้นจากตำแหน่งไป……เขาก็จะลาออก จบชีวิตทางการเมือง……
    เยลซินกล่าวต่อว่า………
    “นายไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันได้เตรียมแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว นายก็รู้ดีถึงรัฐธรรมนูญในตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ว่า
    ถ้าประธานาธิบดีลาออกจากตำแหน่งกลางคัน ก่อนวันเลือกตั้ง
    ผู้ที่จะต้องดำรงตำแหน่งแทน คือ นายกรัฐมนตรี และการเลือกตั้งจะต้องมีขึ้นภายใน 90 วัน…นายเข้าใจหรือยัง…?

    ในเก้าสิบวันนี้แหละ คือ เก้าสิบวันที่นายจะได้ทำหน้าที่ สร้างความเลื่อมใสกับประชาชน เพื่อที่จะครองตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งต่อไป……”

    ปูตินนั่งนิ่งขึง………อยู่ในอาการสับสนปนทึ่ง สักพัก เขาตอบว่า
    “ผมยังไม่แน่ใจกับการที่จะตัดสินใจ เพราะเป้าหมายคือหน้าที่ที่ใหญ่ยิ่ง”

    เยลซินได้พูด(กล่อม) ต่อไปว่า……
    “ฟังนะ ตอนที่ฉันเข้ามาในสนามการเมืองในมอสโคว์ ตอนนั้นฉันอายุห้าสิบกว่าแล้ว ยังทำได้ แล้วหนุ่มๆไฟแรง มุ่งมั่นอย่างนายจะไปได้ไกล และจะดูแลบ้านเมืองไปได้อีกนาน จะรอให้แต่คนแก่มาทำงาน ชาติก็จะยิ่งถอยหลัง ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมานั่งในตำแหน่งนี้ มันไม่ง่าย มันเหนื่อย แต่เราถอยไม่ได้……นายเป็นคนที่เหมาะที่สุด……ว่าไง……ให้คำตอบฉันได้หรือยัง……วลาดิเมียร์ วลาดิมิโรวิช..?”
    ~~”วลาดิเมียร์ วลาดิมิโรวิช คือการเรียกเต็มยศ ที่แปลได้ว่า
    วลาดิเมียร์ บุตรชายนายวลาดิเมียร์…”

    ในที่สุด ปูตินได้ตกลงใจ รับข้อเสนอที่เยลชินบรรจงจัดแต่งให้
    เป็นความลับที่รู้กันแค่สองคน……ในใจความคือ เยลซินต้องการยิงนกหลายตัวในกระสุนนัดเดียว
    การที่ประกาศลาออกของเขานั้น คือ ……กระสุน
    นกตัวที่หนึ่ง คือ การเลือกตั้งที่จะตอนกลางปี คือ เดือนมิถุนายน จะต้องเลื่อนขึ้นมาในเดือนมีนาคม
    นกตัวที่สอง คือ เมื่อปูตินก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีรักษาการ จะได้”แสง” ทั้งหมดจากนอกและในประเทศ ไม่ต้องง้อสื่อไหนๆ ทุกคนย่อมติดตามทำข่าวประธานาธิบดีตามหน้าที่อยู่แล้ว
    นกตัวที่สาม……คือ กลุ่มที่จะล้างแค้นเยลซิน ก็จะหมดโอกาส
    เผลอๆจะถูกล้างเอง…
    นกตัวที่สี่……ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป……ปูตินก็จะได้เป็นประธานาธิบดีต่อไปอย่างแน่นอน เพราะกำลังอยู่ในขาขึ้น
    นกตัวที่ห้า……คือเหล่านายทุนทั้งหลายที่เกาะกินประเทศมาสุมหัวกันอยู่ในเครมลินตั้งแต่สมัยกอร์บาเชฟ จะได้โดนล้างบางเสียที…

    ต้องยกให้เยลซิน………เป็นขงเบ้งแห่งรัสเซีย….!!!!

    วันที่ 19 ธันวาคม 1999 ที่มีการเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภา
    พรรคคอมมิวนิสต์ ได้ 24%, พรรคยูนิตี้ของเยลซิน ได้ 23%
    พรรค Luzhkov-Primakov alliance ได้ 13%
    ซึ่งยังต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ยังต้องดูบัตรเสีย และต้องผ่านขั้นตอนขบวนพิจารณาทางกฏหมาย ที่จะต้องใช้เวลาในช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว……

    เยลซินได้เตรียมการประกาศลาออกแบบฟ้าผ่าในวันสิ้นปี
    เพราะจะใช้เวลาที่ประธานาธิบดีกล่าวสวัสดีปีใหม่และอวยพรออกทีวี……ในคราวเดียวกัน
    ในเช้าวันนั้น ปูตินได้มาถึงพร้อมทีม ตั้งแต่เวลา 9:30 เพื่อซักซ้อมอัดเทปการอ่านคำรับแถลงการณ์ ที่มีทีท่าเขินอายนิดๆ
    เยลซินได้มีคำสั่งให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมการส่งกระเป๋าที่มี โค้ดสำหรับปุ่มกดนิวเคลียร์ทั้งหลายให้เรียบร้อย เพื่อที่จะส่งมอบให้กับประธานาธิบดีคนใหม่

    เมื่อเวลามาถึง……เที่ยงตรง สถานีโทรทัศน์ Ostankino ได้เตรียมออกอากาศในวาระสำคัญของการเริ่มต้นปี 2000
    ที่ประธานาธิบดีเยลซินได้เริ่มต้นว่า……

    “เพื่อนประชาชนที่รักทั้งหลาย……
    ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมามาก กับข่าวลือที่ว่า ข้าพเจ้าหวงอำนาจ
    เกาะติดเก้าอี้ ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีความจริงแต่ประการใด ข้าพเจ้าพร้อมที่จะมอบตำแหน่งให้กับผู้ที่รักชาติที่มีความสามารถ

    แต่ข้าพเจ้าต้องขออภัย ขอให้ยกโทษให้กับข้าพเจ้าในสิ่งที่อาจมีความผิดพลาด หรือ สร้างความไม่สบายใจ แต่จากนี้ไป ข้าพเจ้าได้หวังว่า เราจะได้รับแต่สิ่งดีๆ ประเทศชาติแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง มากไปกว่าที่ผ่านมา………
    รัสเซียควรเข้าสู่ยุคสองพัน ด้วยนักการเมืองรุ่นใหม่ ไฟแรง
    มีวิสัยทัศน์กระจ่างแจ้ง ในขณะที่ข้าพเจ้าที่มองเห็นตัวเองว่าเป็นคนรุ่นเก่า….จึงขออำลา……และเปิดทางให้เขาก้าวเข้ามา
    สร้างฝันของพวกเราให้เป็นจริง…”

    เยลซินได้กล่าวคำอำลา ด้วยน้ำตาของลูกผู้ชาย………

    ลุดมิลาไม่ได้ดูข่าวทีวี……แต่เพียงห้านาทีจากนั้น มีเพื่อนสาวโทรเข้ามาแสดงความยินดีและอวยพรที่เธอก็แสดงความยินดีตอบ เพราะคิดว่าเป็นการอวยพรวันปีใหม่
    เพื่อนต้องอธิบายให้ฟัง ว่า “สามีเธอน่ะ……เป็นประธานาธิบดีไปแล้ว..”
    ลุดมิลา…ไม่รู้เรื่องอะไรเลย……ปูตินไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังแม้แต่นิด เหมือนอย่างครั้งแรก ที่เช้ายังคุยกันดีๆ จู่ๆตอนบ่ายเขาก็เป็นผู้ว่านครเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก หรือ จากคนตกงาน กลายมาเป็น ผู้อำนวยการ FSB
    เธอก็ไม่แปลกใจอะไร……แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ความเป็นอยู่ของครอบครัว ที่เหมือนเธอกลับเข้าสู่ยุคของมาดามสายลับอีกครั้ง ไปไหนก็จะมีทีมอารักขา ลูกๆต้องเรียนที่บ้านกับเหล่าติวเตอร์

    ลุดมิลามีเพื่อนน้อยมาก เพราะเธอไม่สามารถมีสังคมเหมือนคนทั่วไป อดีตเพื่อนสนิทคนหนึ่ง คือ Irene Pietsch เป็นภรรยาของนายธนาคารเยอรมัน ไอรีน ที่ลุดมิลาสามารถปรับทุกข์ได้
    ว่า ชีวิตสมรสของเธอมีปัญหา เธอไม่เคยมีเครดิตการ์ดเหมือนคนอื่นๆ ต้องใช้ชีวิตเหมือนค้างคาวที่ต้องอยู่ในความมืดตลอดเวลา ไม่เคยได้ไปไหนตามที่ต้องการ ไม่สามารถพูดในสิ่งที่ต้องการ เธออยากจะมีชีวิตที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ
    ส่วนปูติน……ก็เคยบอกกับไอรีนในช่วงที่เคยไปเที่ยวพักร้อนด้วยกันว่า……

    “ถ้าใครสามารถอยู่กับเมียผมได้ถึงสามอาทิตย์ละก้อ……ผมจะสร้างอนุสาวรีย์ให้อย่างใหญ่เลยเชียว……”

    ลุดมิลา…ได้แต่หวังว่า สามีของเธอจะอยู่ในตำแหน่งในฐานะ
    ประธานาธิบดีรักษาการ ที่มีอายุสามเดือนเท่านั้น……
    เพราะถ้านานกว่านั้น……เธอคงรับไม่ไหว..!!!

    คนอื่นๆก็คงอยู่ไม่ไหวเหมือนกัน หมายถึงคนในเครมลิน
    เพราะนโยบายหลักของปูติน คือ ล้างบางคอร์รัปชั่น และ
    กำจัดเหลือบนายทุนที่เกาะกินอยู่กับรัฐบาลเยลซินมานานแสนนาน
    สอบสวนไปมา ปรากฏว่า มาเฟียตัวแม่……ที่ทำตัวเป็นสายใยชักเปอร์เซ็นต์ เป็นล็อบบี้กินส่วนแบ่ง ไม่ใช่ใครที่ไหน
    แต่ เธอคือ Tatyana Yumasheva ที่เป็นธิดาของอดีตประธานาธิบดีเยลซิน มือปั้นนั่นเอง
    ทาเทียน่า มีตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีในเครมลิน
    และเป็นหนึ่งในวงในที่ประสานทางการเงินกับ Boris Berezovsky และ Roman Abramovich (อดีตเจ้าของทีมเชลซี) รวมทั้งมีส่วนได้ส่วนเสียกับเส้นทางการเงินที่ไหลไปในต่างประเทศ

    ปูตินได้ให้ความกรุณาสูงสุด คือ ไล่เธอออกจากตำแหน่งในเดือนแรกที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดี….!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    คุณติ่งๆทั้งหลายขา….ฉุดไม่อยู่แล้วค่าาาา พี่ปูก้าวขึ้นไปในจุดที่สูงสุดแบบรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มนั้นเชียว… ตอนสิบ……ปูตินที่ว่าเหนือชั้นแล้ว……เยลซินยิ่งเหนือกว่า……!!! จากสายตาของประชาชนทั่วไป นายกรัฐมนตรีปูติน คือ คนที่เยลซินเลือกมานั่งในตำแหน่ง เหมือนอย่างคนอื่นๆที่มาแล้วก็ไป จนผู้คนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แถมไม่สนใจด้วยซ้ำ พอเรื่องสงครามที่เชเชนที่มีผลดี ชื่อปูตินก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังเป็นหน้าใหม่อยู่ดี ในผลโพลความนิยมในเดือนตุลาคม กระเตื้องขึ้นมาเป็น 27 เปอร์เซ็นต์ ยังน้อยกว่า Primakov นโยบายพรรคการเมือง Unity ของเยลซิน คือ กึ่งสังคมนิยม แต่ที่ผ่านๆมา คือการสนับสนุนไปทางทหาร รักษาชายแดน เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ……จึงเชื่อได้ว่า ไม่น่าจะชนะแบบแลนด์สไลด์…… ในเดือนตุลาคม ที่พอมองเห็นว่า คะแนนของพรรคยังอยู่หลังพรรคฝั่งซ้าย The Fatherland ที่มีฐานเสียงเป็นประชาชนรอบนอกส่วนใหญ่ พรรคยูนิตี้ของเยลซิน ฐานเสียงคือ มอสโคว์ เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และเหล่านายทุน (ที่จะไประดมมา……) ยกตัวอย่างเช่น Boris Berezovsky**(ที่เยลซินเทไปแล้ว…) เขาได้ใช้ความเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ โทรทัศน์ ออกข่าว โจมตีคู่แข่งอย่าง Luzhkov ในเรื่อง คอร์รัปชั่นกันทั้งครอบครัว และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมในหลายคดี คนอื่นๆก็ถูกขุดขึ้นมาแฉโพยด้วย เป็นการสกัดไว้ชั้นหนึ่งก่อน การกล่าวหานี้ โดยปรกติแล้วมันเป็นยิ่งกว่าการหมิ่นประมาท แต่…มักใช้ได้ผลแบบทันตาเห็น (เรื่องคดีไว้ว่ากันทีหลัง…) แต่ที่ทุกคนไม่รู้……คือ เยลซินได้ฝากความหวังของรัสเซียทั้งหมดไว้กับนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งแกะกล่อง วลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อช่วงปลายปี 1999 สุขภาพของเยลซินเริ่มถดถอย อีกทั้งเรื่องคดีความทางกฎหมาย เช่นเรื่องไล่อัยการ Skuratov ออกเพราะว่ามีเทปลับสามคนผัวเมีย…… ซึ่งอัยการฟ้องกลับ……อีกทั้งสาวหาเรื่องอื่นเกี่ยวกับ”วงใน” และ”นายทุน” รวมทั้งการที่ครอบครัวของท่านผู้นำไปมีหุ้นอยู่ที่บริษัท Mabetex ในสวิตเซอร์แลนด์ เยลซินเหลือเวลาไม่มากนักในการต่อสู้กับเกมชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะสำหรับเขาคือ ไม่มีโอกาสเพราะเป็นสมัยที่สอง และถ้าพรรคอื่นได้มาเป็น……นั่นหมายถึงเขาจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก อย่าหวังว่าจะได้พึ่งพวกเศรษฐีนายทุน เพราะคนพวกนี้มักจะเกาะอยู่กับกลุ่มอำนาจที่อำนวยผลประโยชน์ให้ได้เท่านั้น หลังสงครามเชเชน……ปูตินได้รับความนิยมขึ้นมาถึง 40% แต่เขาไม่ได้ร่วมเป็นสมาขิกของพรรค Unity เพราะเขาต้องการความเป็นอิสระ จากกรอบนโยบาย หากแต่…เขาให้ความสนับสนุนโดยการให้สัมภาษณ์ว่า “ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมไม่ควรที่จะบอกว่าชื่นชอบพรรคไหนเป็นพิเศษ……แต่ถ้าในฐานะประชาชนคนธรรมดา ผมจะโหวตให้กับยูนิตี้……” วันที่ 14 ธันวาคม ก่อนวันเลือกตั้ง 5 วัน และเยลซินได้เรียกให้ปูตินไปพบเป็นการส่วนตัว……เพื่อที่จะบอกแผนการที่ได้ตระเตรียมไว้…… “ฉันจะลาออกจากตำแหน่งแล้วนะ ปีนี้จะเป็นปีที่สำคัญมากแห่งศตวรรษ มันจะเป็นศตวรรษที่ยิ่งใหญ่ของนาย……วลาดิเมียร์ ปูติน……นายเข้าใจไหม…?” ปูตินส่ายหน้า….ไม่เข้าใจ……เพราะที่เคยคุยกันไว้ครั้งที่แล้ว คือ ถ้าเยลซินพ้นจากตำแหน่งไป……เขาก็จะลาออก จบชีวิตทางการเมือง…… เยลซินกล่าวต่อว่า……… “นายไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันได้เตรียมแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว นายก็รู้ดีถึงรัฐธรรมนูญในตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ว่า ถ้าประธานาธิบดีลาออกจากตำแหน่งกลางคัน ก่อนวันเลือกตั้ง ผู้ที่จะต้องดำรงตำแหน่งแทน คือ นายกรัฐมนตรี และการเลือกตั้งจะต้องมีขึ้นภายใน 90 วัน…นายเข้าใจหรือยัง…? ในเก้าสิบวันนี้แหละ คือ เก้าสิบวันที่นายจะได้ทำหน้าที่ สร้างความเลื่อมใสกับประชาชน เพื่อที่จะครองตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งต่อไป……” ปูตินนั่งนิ่งขึง………อยู่ในอาการสับสนปนทึ่ง สักพัก เขาตอบว่า “ผมยังไม่แน่ใจกับการที่จะตัดสินใจ เพราะเป้าหมายคือหน้าที่ที่ใหญ่ยิ่ง” เยลซินได้พูด(กล่อม) ต่อไปว่า…… “ฟังนะ ตอนที่ฉันเข้ามาในสนามการเมืองในมอสโคว์ ตอนนั้นฉันอายุห้าสิบกว่าแล้ว ยังทำได้ แล้วหนุ่มๆไฟแรง มุ่งมั่นอย่างนายจะไปได้ไกล และจะดูแลบ้านเมืองไปได้อีกนาน จะรอให้แต่คนแก่มาทำงาน ชาติก็จะยิ่งถอยหลัง ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมานั่งในตำแหน่งนี้ มันไม่ง่าย มันเหนื่อย แต่เราถอยไม่ได้……นายเป็นคนที่เหมาะที่สุด……ว่าไง……ให้คำตอบฉันได้หรือยัง……วลาดิเมียร์ วลาดิมิโรวิช..?” ~~”วลาดิเมียร์ วลาดิมิโรวิช คือการเรียกเต็มยศ ที่แปลได้ว่า วลาดิเมียร์ บุตรชายนายวลาดิเมียร์…” ในที่สุด ปูตินได้ตกลงใจ รับข้อเสนอที่เยลชินบรรจงจัดแต่งให้ เป็นความลับที่รู้กันแค่สองคน……ในใจความคือ เยลซินต้องการยิงนกหลายตัวในกระสุนนัดเดียว การที่ประกาศลาออกของเขานั้น คือ ……กระสุน นกตัวที่หนึ่ง คือ การเลือกตั้งที่จะตอนกลางปี คือ เดือนมิถุนายน จะต้องเลื่อนขึ้นมาในเดือนมีนาคม นกตัวที่สอง คือ เมื่อปูตินก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีรักษาการ จะได้”แสง” ทั้งหมดจากนอกและในประเทศ ไม่ต้องง้อสื่อไหนๆ ทุกคนย่อมติดตามทำข่าวประธานาธิบดีตามหน้าที่อยู่แล้ว นกตัวที่สาม……คือ กลุ่มที่จะล้างแค้นเยลซิน ก็จะหมดโอกาส เผลอๆจะถูกล้างเอง… นกตัวที่สี่……ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป……ปูตินก็จะได้เป็นประธานาธิบดีต่อไปอย่างแน่นอน เพราะกำลังอยู่ในขาขึ้น นกตัวที่ห้า……คือเหล่านายทุนทั้งหลายที่เกาะกินประเทศมาสุมหัวกันอยู่ในเครมลินตั้งแต่สมัยกอร์บาเชฟ จะได้โดนล้างบางเสียที… ต้องยกให้เยลซิน………เป็นขงเบ้งแห่งรัสเซีย….!!!! วันที่ 19 ธันวาคม 1999 ที่มีการเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภา พรรคคอมมิวนิสต์ ได้ 24%, พรรคยูนิตี้ของเยลซิน ได้ 23% พรรค Luzhkov-Primakov alliance ได้ 13% ซึ่งยังต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ยังต้องดูบัตรเสีย และต้องผ่านขั้นตอนขบวนพิจารณาทางกฏหมาย ที่จะต้องใช้เวลาในช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว…… เยลซินได้เตรียมการประกาศลาออกแบบฟ้าผ่าในวันสิ้นปี เพราะจะใช้เวลาที่ประธานาธิบดีกล่าวสวัสดีปีใหม่และอวยพรออกทีวี……ในคราวเดียวกัน ในเช้าวันนั้น ปูตินได้มาถึงพร้อมทีม ตั้งแต่เวลา 9:30 เพื่อซักซ้อมอัดเทปการอ่านคำรับแถลงการณ์ ที่มีทีท่าเขินอายนิดๆ เยลซินได้มีคำสั่งให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมการส่งกระเป๋าที่มี โค้ดสำหรับปุ่มกดนิวเคลียร์ทั้งหลายให้เรียบร้อย เพื่อที่จะส่งมอบให้กับประธานาธิบดีคนใหม่ เมื่อเวลามาถึง……เที่ยงตรง สถานีโทรทัศน์ Ostankino ได้เตรียมออกอากาศในวาระสำคัญของการเริ่มต้นปี 2000 ที่ประธานาธิบดีเยลซินได้เริ่มต้นว่า…… “เพื่อนประชาชนที่รักทั้งหลาย…… ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมามาก กับข่าวลือที่ว่า ข้าพเจ้าหวงอำนาจ เกาะติดเก้าอี้ ทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีความจริงแต่ประการใด ข้าพเจ้าพร้อมที่จะมอบตำแหน่งให้กับผู้ที่รักชาติที่มีความสามารถ แต่ข้าพเจ้าต้องขออภัย ขอให้ยกโทษให้กับข้าพเจ้าในสิ่งที่อาจมีความผิดพลาด หรือ สร้างความไม่สบายใจ แต่จากนี้ไป ข้าพเจ้าได้หวังว่า เราจะได้รับแต่สิ่งดีๆ ประเทศชาติแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง มากไปกว่าที่ผ่านมา……… รัสเซียควรเข้าสู่ยุคสองพัน ด้วยนักการเมืองรุ่นใหม่ ไฟแรง มีวิสัยทัศน์กระจ่างแจ้ง ในขณะที่ข้าพเจ้าที่มองเห็นตัวเองว่าเป็นคนรุ่นเก่า….จึงขออำลา……และเปิดทางให้เขาก้าวเข้ามา สร้างฝันของพวกเราให้เป็นจริง…” เยลซินได้กล่าวคำอำลา ด้วยน้ำตาของลูกผู้ชาย……… ลุดมิลาไม่ได้ดูข่าวทีวี……แต่เพียงห้านาทีจากนั้น มีเพื่อนสาวโทรเข้ามาแสดงความยินดีและอวยพรที่เธอก็แสดงความยินดีตอบ เพราะคิดว่าเป็นการอวยพรวันปีใหม่ เพื่อนต้องอธิบายให้ฟัง ว่า “สามีเธอน่ะ……เป็นประธานาธิบดีไปแล้ว..” ลุดมิลา…ไม่รู้เรื่องอะไรเลย……ปูตินไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังแม้แต่นิด เหมือนอย่างครั้งแรก ที่เช้ายังคุยกันดีๆ จู่ๆตอนบ่ายเขาก็เป็นผู้ว่านครเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก หรือ จากคนตกงาน กลายมาเป็น ผู้อำนวยการ FSB เธอก็ไม่แปลกใจอะไร……แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ความเป็นอยู่ของครอบครัว ที่เหมือนเธอกลับเข้าสู่ยุคของมาดามสายลับอีกครั้ง ไปไหนก็จะมีทีมอารักขา ลูกๆต้องเรียนที่บ้านกับเหล่าติวเตอร์ ลุดมิลามีเพื่อนน้อยมาก เพราะเธอไม่สามารถมีสังคมเหมือนคนทั่วไป อดีตเพื่อนสนิทคนหนึ่ง คือ Irene Pietsch เป็นภรรยาของนายธนาคารเยอรมัน ไอรีน ที่ลุดมิลาสามารถปรับทุกข์ได้ ว่า ชีวิตสมรสของเธอมีปัญหา เธอไม่เคยมีเครดิตการ์ดเหมือนคนอื่นๆ ต้องใช้ชีวิตเหมือนค้างคาวที่ต้องอยู่ในความมืดตลอดเวลา ไม่เคยได้ไปไหนตามที่ต้องการ ไม่สามารถพูดในสิ่งที่ต้องการ เธออยากจะมีชีวิตที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ ส่วนปูติน……ก็เคยบอกกับไอรีนในช่วงที่เคยไปเที่ยวพักร้อนด้วยกันว่า…… “ถ้าใครสามารถอยู่กับเมียผมได้ถึงสามอาทิตย์ละก้อ……ผมจะสร้างอนุสาวรีย์ให้อย่างใหญ่เลยเชียว……” ลุดมิลา…ได้แต่หวังว่า สามีของเธอจะอยู่ในตำแหน่งในฐานะ ประธานาธิบดีรักษาการ ที่มีอายุสามเดือนเท่านั้น…… เพราะถ้านานกว่านั้น……เธอคงรับไม่ไหว..!!! คนอื่นๆก็คงอยู่ไม่ไหวเหมือนกัน หมายถึงคนในเครมลิน เพราะนโยบายหลักของปูติน คือ ล้างบางคอร์รัปชั่น และ กำจัดเหลือบนายทุนที่เกาะกินอยู่กับรัฐบาลเยลซินมานานแสนนาน สอบสวนไปมา ปรากฏว่า มาเฟียตัวแม่……ที่ทำตัวเป็นสายใยชักเปอร์เซ็นต์ เป็นล็อบบี้กินส่วนแบ่ง ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ เธอคือ Tatyana Yumasheva ที่เป็นธิดาของอดีตประธานาธิบดีเยลซิน มือปั้นนั่นเอง ทาเทียน่า มีตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีในเครมลิน และเป็นหนึ่งในวงในที่ประสานทางการเงินกับ Boris Berezovsky และ Roman Abramovich (อดีตเจ้าของทีมเชลซี) รวมทั้งมีส่วนได้ส่วนเสียกับเส้นทางการเงินที่ไหลไปในต่างประเทศ ปูตินได้ให้ความกรุณาสูงสุด คือ ไล่เธอออกจากตำแหน่งในเดือนแรกที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดี….!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 623 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใช้เฟสอวตาลมา comment ด่าเขา ใส่ร้ายเขา ตามได้ไหม? ตอบว่า ได้ 100% ทุกบัญชีการใช้งาน มี IP Adress ระบุสถานที่อยู่ ที่เข้าใช้งาน.. 2คดี ที่จะตามมา 1 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
    2 พรบ.คอม.นำความเท็จเข้าสู่ระบบ com
    #คดีอาญา
    ใช้เฟสอวตาลมา comment ด่าเขา ใส่ร้ายเขา ตามได้ไหม? ตอบว่า ได้ 100% ทุกบัญชีการใช้งาน มี IP Adress ระบุสถานที่อยู่ ที่เข้าใช้งาน.. 2คดี ที่จะตามมา 1 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 2 พรบ.คอม.นำความเท็จเข้าสู่ระบบ com #คดีอาญา
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไพบูลย์” ฟ้องกราวรูด “หมาแก่" และรักษาการ ผอ.อสมท ฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาททำเสียชื่อเสียง หลังแฉคลิป ”ลุงบ้านป่า“ จ่อฟ้อง กสทช.ระงับออกอากาศรายการ
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000085423

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ไพบูลย์” ฟ้องกราวรูด “หมาแก่" และรักษาการ ผอ.อสมท ฐานหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาททำเสียชื่อเสียง หลังแฉคลิป ”ลุงบ้านป่า“ จ่อฟ้อง กสทช.ระงับออกอากาศรายการ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000085423 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Wow
    Sad
    51
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 6399 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่แปลกหรอกถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย:

    ๑.ผมสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ทำรัฐประหาร เพราะช่วงนั้น คุณทักษิณ ชินวัตรโกงชาติโกงแผ่นดินมากมายแล้วกฎหมายบ้านเมืองเอาผิดไม่ได้

    คุณทักษิณคุมทหาร คุมตำรวจ คุมอัยการ คุมกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เมื่อกฎหมายเอาผิดคุณทักษิณไม่ได้ ประชาชนก็ออกถนน กลายเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง พอเห็นเสื้อเหลืองออกถนน คุณทักษิณก็สร้างมวลชนเสื้อแดงมาต่อต้าน ถึงขั้นเผาศาลากลางจังหวัดด้วย

    เมื่อประชาธิปไตยเดินหน้าไม่ได้ ทหารก็จำเป็นต้องทำรัฐประหาร ผมมองว่าการทำรัฐประหารเป็นการผ่าทางตันและนำหลักนิติธรรมนิติรัฐกลับมา

    ถ้าพรรคประชาชนหรือนักการเมืองพรรคนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ก็เป็นเรื่องของท่าน อเมริกาทำรัฐประหารในประเทศอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดตนเองเป็นประจำ เช่น ที่ปากีสถาน บังกลาเทศ ตอนนี้ กำลังหาทางทำที่บราซิลและเวเนซุเอล่า ทำไมคนไทยจะทำไม่ได้บ้างละครับ เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงกลับคืนมา?

    รัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ก็ทำโครงการดีๆ หลายเรื่อง เอาคนเก่งมาทำงาน สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัดดีขึ้นจนผิดหูผิดตา เศรษฐกิจไม่ดี ท่านก็มีเป๋าตังค์หรือโครงการคนละครึ่งช่วยเหลือประชาชน

    ข้อสำคัญ ไม่มีใครสงสัยในความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของท่าน และอีกข้อคือท่านไม่มีประเด็นด่างพร้อยเรื่องทุจริต อย่างน้อยก็ไม่มีใครเอาผิดท่านได้

    จึงไม่แปลกหรอกที่ประชาชนไทยจำนวนมากจะคิดถึงท่านพลเอกประยุทธ์ แม้ท่านจะหมดอำนาจจากรัฐบาลไปแล้ว

    ๒.ปัญหาก็คือพอทำรัฐประหารได้อำนาจมา พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตั้งใจหาทางแก้กฎหมายด้านความมั่นคงหลายๆ ด้านให้รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น

    ไม่ออกกฎหมายกวาดล้าง NGOs ที่แทรกแซงการเมืองภายในประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการคนที่ไลฟ์สดคุยกับนักโทษที่หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการสื่อโซเชียลมิเดียที่หมิ่นประมาทต่อสถาบันกษัตริย์เหมือนรัฐบาลประเทศอื่นๆ หลายปรเทศ ไม่ออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมิเดียที่โฆษณาบ่อนพนันเป็นอาจิณ ฯลฯ คุณทักษิณจึงไลฟ์สดเข้าประเทศไทย หาเสียงได้อย่างสบายๆ ต่างชาติก็ยังใช้ NGOs ปลุกระดมประชาชนช่วยพรรคฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายๆ เหมือนเดิม

    ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หันไปเน้นสร้างถนนและรถไฟฟ้ามากมายหลายเส้นสายแทน

    ผมเคยวิจารณ์ว่าแค่สร้างรถไฟทางคู่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศก็พอแล้ว หันไปเน้นขุดคลองส่งน้ำในชนบทภาคอีสานและภาคอื่นๆ อย่างทั่วถึงจะดีกว่า ประชาชนจะได้อยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้นเพราะรายได้ประชาชนยังมีไม่มาก ถ้าสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นสายแล้วประชาชนไม่มีเงินนั่ง จะเจ๊งเอาได้

    ตอนนี้ก็มีข่าวว่าเริ่มเป็นปัญหาคือรถไฟฟ้าหลายเส้นทางก่อหนี้สิ้นมากขึ้นแล้ว เพราะค่ารถไฟฟ้าแพง คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะไปนั่ง

    แถมรัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ยังเปิดทาง ปล่อยคุณยิ่งลักษณ์ให้หลบหนีไปต่างประเทศอย่างสะดวกสบายอีกด้วย

    ๓.ต่อมา พอมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคท่านพลเอกประยุทธ์พ่ายแพ้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ก็มีดีลพาคุณทักษิณ ชินวัตรกลับบ้าน มีการเสนออภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร โดยพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชการโองการ มีวุฒิสมาชิกสายพลเอกประยุทธ์โหวตให้คุณเศรษฐาเป็นนายก

    แล้วคุณทักษิณ ชินวัตรก็กลับประเทศไทย และทำผิดกติกา ไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว เป็นการทำลายระบบนิติธรรมนิติรัฐ คุณทักษิณกลายเป็นผู้กว้างขวางนอกรัฐธรรมนูญหรืออภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยขึ้นมา

    ตอนนี้ คุณทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้นัดพบนักการเมืองพรรคต่างๆ ไปพบ แล้วเอาลูกตัวเองเป็นนายิการัฐมนตรี

    จะแปลกอะไรถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย?


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ไม่แปลกหรอกถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย: ๑.ผมสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ทำรัฐประหาร เพราะช่วงนั้น คุณทักษิณ ชินวัตรโกงชาติโกงแผ่นดินมากมายแล้วกฎหมายบ้านเมืองเอาผิดไม่ได้ คุณทักษิณคุมทหาร คุมตำรวจ คุมอัยการ คุมกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เมื่อกฎหมายเอาผิดคุณทักษิณไม่ได้ ประชาชนก็ออกถนน กลายเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง พอเห็นเสื้อเหลืองออกถนน คุณทักษิณก็สร้างมวลชนเสื้อแดงมาต่อต้าน ถึงขั้นเผาศาลากลางจังหวัดด้วย เมื่อประชาธิปไตยเดินหน้าไม่ได้ ทหารก็จำเป็นต้องทำรัฐประหาร ผมมองว่าการทำรัฐประหารเป็นการผ่าทางตันและนำหลักนิติธรรมนิติรัฐกลับมา ถ้าพรรคประชาชนหรือนักการเมืองพรรคนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ก็เป็นเรื่องของท่าน อเมริกาทำรัฐประหารในประเทศอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดตนเองเป็นประจำ เช่น ที่ปากีสถาน บังกลาเทศ ตอนนี้ กำลังหาทางทำที่บราซิลและเวเนซุเอล่า ทำไมคนไทยจะทำไม่ได้บ้างละครับ เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงกลับคืนมา? รัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ก็ทำโครงการดีๆ หลายเรื่อง เอาคนเก่งมาทำงาน สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัดดีขึ้นจนผิดหูผิดตา เศรษฐกิจไม่ดี ท่านก็มีเป๋าตังค์หรือโครงการคนละครึ่งช่วยเหลือประชาชน ข้อสำคัญ ไม่มีใครสงสัยในความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของท่าน และอีกข้อคือท่านไม่มีประเด็นด่างพร้อยเรื่องทุจริต อย่างน้อยก็ไม่มีใครเอาผิดท่านได้ จึงไม่แปลกหรอกที่ประชาชนไทยจำนวนมากจะคิดถึงท่านพลเอกประยุทธ์ แม้ท่านจะหมดอำนาจจากรัฐบาลไปแล้ว ๒.ปัญหาก็คือพอทำรัฐประหารได้อำนาจมา พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตั้งใจหาทางแก้กฎหมายด้านความมั่นคงหลายๆ ด้านให้รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น ไม่ออกกฎหมายกวาดล้าง NGOs ที่แทรกแซงการเมืองภายในประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการคนที่ไลฟ์สดคุยกับนักโทษที่หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการสื่อโซเชียลมิเดียที่หมิ่นประมาทต่อสถาบันกษัตริย์เหมือนรัฐบาลประเทศอื่นๆ หลายปรเทศ ไม่ออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมิเดียที่โฆษณาบ่อนพนันเป็นอาจิณ ฯลฯ คุณทักษิณจึงไลฟ์สดเข้าประเทศไทย หาเสียงได้อย่างสบายๆ ต่างชาติก็ยังใช้ NGOs ปลุกระดมประชาชนช่วยพรรคฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายๆ เหมือนเดิม ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หันไปเน้นสร้างถนนและรถไฟฟ้ามากมายหลายเส้นสายแทน ผมเคยวิจารณ์ว่าแค่สร้างรถไฟทางคู่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศก็พอแล้ว หันไปเน้นขุดคลองส่งน้ำในชนบทภาคอีสานและภาคอื่นๆ อย่างทั่วถึงจะดีกว่า ประชาชนจะได้อยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้นเพราะรายได้ประชาชนยังมีไม่มาก ถ้าสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นสายแล้วประชาชนไม่มีเงินนั่ง จะเจ๊งเอาได้ ตอนนี้ก็มีข่าวว่าเริ่มเป็นปัญหาคือรถไฟฟ้าหลายเส้นทางก่อหนี้สิ้นมากขึ้นแล้ว เพราะค่ารถไฟฟ้าแพง คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะไปนั่ง แถมรัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ยังเปิดทาง ปล่อยคุณยิ่งลักษณ์ให้หลบหนีไปต่างประเทศอย่างสะดวกสบายอีกด้วย ๓.ต่อมา พอมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคท่านพลเอกประยุทธ์พ่ายแพ้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ก็มีดีลพาคุณทักษิณ ชินวัตรกลับบ้าน มีการเสนออภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร โดยพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชการโองการ มีวุฒิสมาชิกสายพลเอกประยุทธ์โหวตให้คุณเศรษฐาเป็นนายก แล้วคุณทักษิณ ชินวัตรก็กลับประเทศไทย และทำผิดกติกา ไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว เป็นการทำลายระบบนิติธรรมนิติรัฐ คุณทักษิณกลายเป็นผู้กว้างขวางนอกรัฐธรรมนูญหรืออภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยขึ้นมา ตอนนี้ คุณทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้นัดพบนักการเมืองพรรคต่างๆ ไปพบ แล้วเอาลูกตัวเองเป็นนายิการัฐมนตรี จะแปลกอะไรถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย? ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣️ รัฐบาลจีนลงดาบแบนแฟนกีฬาแย่ๆ ที่ตามด่า คุกคามนักกีฬาที่พลาดท่าไร้ชัยชนะ รวมทั้งจับกุมกองเชียร์โพสต์หมิ่นประมาท
    #7ดอกจิก
    ♣️ รัฐบาลจีนลงดาบแบนแฟนกีฬาแย่ๆ ที่ตามด่า คุกคามนักกีฬาที่พลาดท่าไร้ชัยชนะ รวมทั้งจับกุมกองเชียร์โพสต์หมิ่นประมาท #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เสรีหางโผล่ผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนโจ๊กพ้นคดีย์
    ในที่สุดตัวละครตัวสำคัญก็ออกหน้าชัดเจน
    ในขณะที่การสอบสวนคดีย์โจ๊กที่มีสายโยงเงินเทา
    มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ลูกน้องรอบตัวโจ๊กไม่รอด
    แม้โจ๊กจะโยนทุกอย่างให้ลูกน้องตามนิสัย
    แต่การเชื่อมโยงเส้นทางสีเทามันหนีไม่ได้
    จึงเป็นที่มาของการถูกออกจากราชการ
    ก็ดูเหมือนจะมีหมาแก่ และเสรี ที่พยายามบิดข้อเท็จจริง
    ว่าเป็นการทะเลาะ การวางเกมส์ตำแหน่งกันในวงการสีกากี
    สุดท้ายความจริงก็คือความจริง
    เมื่อวันนี้ ที่คณะกรรมการตำรวจได้ลงมติเอกฉันท์
    ว่าคำสั่งให้โจ๊กออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฏหมาย
    ที่หลายคนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะไปต่ออย่างไร
    อย่างที่รู้ๆกันดีว่า สุรเชษฐ์ต้องการกลับมาตำแหน่ง ผบตร.
    ก็เพื่อยังมีอำนาจที่จะเข้ามาขับเคลื่นอคดีย์ของตัวเอง
    ป่วนทั้งพยานหลักฐาน เพื่อให้พ้นผิด
    แต่เมื่อถูกปลด สายบังคับบัญชาขาดตอน
    สั่งใครก็ไม่หัน โจ๊กจึงดิ้นสุดชีวีเพื่อรักษาอำนาจ
    แต่การที่มีมติแบบนี้ ถึงแม้เสรีจะช่วยวางแผน
    ให้สุรเชษฐ์อุทรณ์ต่อแต่กว่าจะเสร็จกระบวนการแม้ชนะ
    ก็ต้องใช้เวลา 3 - 5 ปี ซึ่งเวลานั้น สุรเชษฐ์ก็หมดโอกาส
    ที่จะได้กลับมาอำนาจด้วยอายุราชการ
    โดยเสรีพิสุทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์กับเรื่องนี้ วีนแตก
    ทั้งการหมิ่นประมาทคณะกรรมการที่ลงมติ
    ว่าหวังผลประโยชน์ต่างๆนาๆโดยไม่เกรงกลัวจะถูกดำเนินคดีย์
    ซ้ำยังหลุดปากว่า จะให้โจ๊กฟ้องให้รอบองค์กรตำรวจ
    พูดง่ายๆ เมื่อโจ๊กไม่มีความสุขระหว่างนี้ก็อย่าหวังให้ใครมีความสุข
    ทั้ง ดนัยหมาแก่ เสรีพิสุทธิ์ และทนายตั้มทนายสายเทาที่มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เว็บออนไลน์ของโจ๊ก รวมถึงสรย้วยที่เป็นสื่อที่เข้าข้างสุรเชษฐ์อย่างออกหน้าออกตา จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป
    หรือเมื่อผลออกมาแบบนี้ จะกลายเป็นซากแมวที่ไม่มีใครเหลียวแล
    เหลือแต่เพียงเสรีพิสุทธิ์ที่ไม่แน่ใจว่า โจ๊กแบ่งกล้วยให้ไปมากน้อยแค่ไหน
    เสรีจึงได้ออกตัวแรง เหมือนเป็นพ่อบุญธรรมของสุรเชษฐ์
    ทั้งๆที่ตัวเอง ยึดถือศักดิ์ศรี เรียกตัวเองว่าวีระบุษนาแก
    แต่กลับหัวฟัดหัวเหวี่ยงหาทางช่วยอดีตนายตำรวจที่มีความผิดอาญาที่มีหลักฐานชัดเจนเพียงนี้
    หรือเพราะเมียน้อยใช้ตังค์เก่ง เลยต้องเอากล้วยของโจ๊กมาเปย์
    งั้นเปลี่ยนเถอะ ฉายาวีรบุรุษนาแก เป็น
    "เสรีพิสูทธ์" วีระบุรษ นากีย์"
    #คิงส์โพธิ์แดง
    จะ
    #เสรีหางโผล่ผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนโจ๊กพ้นคดีย์ ในที่สุดตัวละครตัวสำคัญก็ออกหน้าชัดเจน ในขณะที่การสอบสวนคดีย์โจ๊กที่มีสายโยงเงินเทา มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ลูกน้องรอบตัวโจ๊กไม่รอด แม้โจ๊กจะโยนทุกอย่างให้ลูกน้องตามนิสัย แต่การเชื่อมโยงเส้นทางสีเทามันหนีไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการถูกออกจากราชการ ก็ดูเหมือนจะมีหมาแก่ และเสรี ที่พยายามบิดข้อเท็จจริง ว่าเป็นการทะเลาะ การวางเกมส์ตำแหน่งกันในวงการสีกากี สุดท้ายความจริงก็คือความจริง เมื่อวันนี้ ที่คณะกรรมการตำรวจได้ลงมติเอกฉันท์ ว่าคำสั่งให้โจ๊กออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฏหมาย ที่หลายคนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะไปต่ออย่างไร อย่างที่รู้ๆกันดีว่า สุรเชษฐ์ต้องการกลับมาตำแหน่ง ผบตร. ก็เพื่อยังมีอำนาจที่จะเข้ามาขับเคลื่นอคดีย์ของตัวเอง ป่วนทั้งพยานหลักฐาน เพื่อให้พ้นผิด แต่เมื่อถูกปลด สายบังคับบัญชาขาดตอน สั่งใครก็ไม่หัน โจ๊กจึงดิ้นสุดชีวีเพื่อรักษาอำนาจ แต่การที่มีมติแบบนี้ ถึงแม้เสรีจะช่วยวางแผน ให้สุรเชษฐ์อุทรณ์ต่อแต่กว่าจะเสร็จกระบวนการแม้ชนะ ก็ต้องใช้เวลา 3 - 5 ปี ซึ่งเวลานั้น สุรเชษฐ์ก็หมดโอกาส ที่จะได้กลับมาอำนาจด้วยอายุราชการ โดยเสรีพิสุทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์กับเรื่องนี้ วีนแตก ทั้งการหมิ่นประมาทคณะกรรมการที่ลงมติ ว่าหวังผลประโยชน์ต่างๆนาๆโดยไม่เกรงกลัวจะถูกดำเนินคดีย์ ซ้ำยังหลุดปากว่า จะให้โจ๊กฟ้องให้รอบองค์กรตำรวจ พูดง่ายๆ เมื่อโจ๊กไม่มีความสุขระหว่างนี้ก็อย่าหวังให้ใครมีความสุข ทั้ง ดนัยหมาแก่ เสรีพิสุทธิ์ และทนายตั้มทนายสายเทาที่มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เว็บออนไลน์ของโจ๊ก รวมถึงสรย้วยที่เป็นสื่อที่เข้าข้างสุรเชษฐ์อย่างออกหน้าออกตา จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป หรือเมื่อผลออกมาแบบนี้ จะกลายเป็นซากแมวที่ไม่มีใครเหลียวแล เหลือแต่เพียงเสรีพิสุทธิ์ที่ไม่แน่ใจว่า โจ๊กแบ่งกล้วยให้ไปมากน้อยแค่ไหน เสรีจึงได้ออกตัวแรง เหมือนเป็นพ่อบุญธรรมของสุรเชษฐ์ ทั้งๆที่ตัวเอง ยึดถือศักดิ์ศรี เรียกตัวเองว่าวีระบุษนาแก แต่กลับหัวฟัดหัวเหวี่ยงหาทางช่วยอดีตนายตำรวจที่มีความผิดอาญาที่มีหลักฐานชัดเจนเพียงนี้ หรือเพราะเมียน้อยใช้ตังค์เก่ง เลยต้องเอากล้วยของโจ๊กมาเปย์ งั้นเปลี่ยนเถอะ ฉายาวีรบุรุษนาแก เป็น "เสรีพิสูทธ์" วีระบุรษ นากีย์" #คิงส์โพธิ์แดง จะ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 601 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาสั่งจำคุกอีก 4 ปี ไม่รอลงอาญา “อานนท์ นำภา” ทนายม็อบราษฎร โพสต์หมิ่นเบื้องสูง ตามม.112 นับโทษต่ออีก 3 คดีรวมคุก 14 ปีเศษ

    25 กรกฎาคม 2567 -ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำอ.735/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาเป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา ทนายความกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลอาญามาตรา112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง

    โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุป ว่า เมื่อวันที่ 11มกราคม 2564 จำเลยได้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเจตนาให้ผู้พบเห็นหลงเชื่อ ทำนองว่า การที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ลงมาบริหารประเทศด้วยตนเอง ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และเมื่อคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาพูดก็โดนมาตรา 112 และข้อความอื่นๆ ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงแล้วสถาบันกษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย
    ศาลอาญาสั่งจำคุกอีก 4 ปี ไม่รอลงอาญา “อานนท์ นำภา” ทนายม็อบราษฎร โพสต์หมิ่นเบื้องสูง ตามม.112 นับโทษต่ออีก 3 คดีรวมคุก 14 ปีเศษ 25 กรกฎาคม 2567 -ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำอ.735/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาเป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา ทนายความกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลอาญามาตรา112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุป ว่า เมื่อวันที่ 11มกราคม 2564 จำเลยได้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเจตนาให้ผู้พบเห็นหลงเชื่อ ทำนองว่า การที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ลงมาบริหารประเทศด้วยตนเอง ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และเมื่อคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาพูดก็โดนมาตรา 112 และข้อความอื่นๆ ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงแล้วสถาบันกษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • สส.หนีทหาร งานศพกินฟรี แพ้คดีหมิ่นประมาท คุก 1 ปี (รอลงอาญา) ปรับ 1 แสน ชดใช้ 5 แสน พาลโมโหความยุติธรรม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #จิรัฏฐ์
    สส.หนีทหาร งานศพกินฟรี แพ้คดีหมิ่นประมาท คุก 1 ปี (รอลงอาญา) ปรับ 1 แสน ชดใช้ 5 แสน พาลโมโหความยุติธรรม #คิงส์โพธิ์แดง #จิรัฏฐ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว