• อ่านเพิ่มเติม
    สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น 📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️ การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️ 🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568 การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร - มีสัญชาติไทย 🇹🇭 - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥 - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓 🚨 ข้อกำหนดพิเศษ - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨ - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน 📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป 🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล 📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร 🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท 🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ 🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ 📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568 การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่ 📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ! 📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร 🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร 📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568 🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์: ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com 📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง 🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸 ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔 ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠 ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓 ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖 📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB 💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท 📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้ 📍 ช่องทางชำระเงิน: - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦 - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲 - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย 🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น! 📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่ 📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com 🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน! 🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน 📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า 🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย 🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง ✅ ท่องศัพท์ ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ 🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ 🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง 🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ 😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ 🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀 📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่ 🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568 📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 716 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    ขอเรียนเชิญสมาชิกสรีรวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข วิทยาศาสตร์การแพทย์ นิสิต นักศึกษา ผู้สนใจร่วมประชุมอบรมสรีรวิทยา-พยาธิสรีรวิทยา ครั้งที่ 42 ประจำปี 2568 "ภาวะเปราะบาง: จากงานวิจัยสู่การปฏิบัติ | Frailty: From Bench to Bedside" วันพฤหัสบดีที่ 1 และ วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องบรรยายอวย เกตุสิงห์ อาคารศรีสวรินทิรา ชั้น 3 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดรับลงทะทะเบียน วันที่ 1 มีนาคม - 8 เมษายน 2568 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ps.si.mahidol.ac.th/pst42_frailty_from_bench_to_bedside
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    พระร่วงหลังรางปืน หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ปี2515 พระร่วงหลังรางปืน เนื้อผงน้ำมัน หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ออกวัดเทพธิดาราม ปี2515 //พระดีพิธีใหญ๋ รุ่นแรกและรุ่นเดียว หลวงพ่อแดงปลุกเสกตลอด 1 ไตรมาส (3 เดือน) มีส่วนผสมผงเก่าของพระเกจิรุ่นเก่า เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหม // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณอำนาจบารมี แคล้วคลาด โภคทรัพย์ โชคลาภ เมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี อีกทั้งป้องกันไฟไหม้ได้ด้วย >> ** พระร่วงหลังรางปืน หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ ท่านได้ปลุกเสกไว้ให้กับวัดเทพธิดาราม กทม. เพื่อช่วยบูรณะปฎิสังขรณ์กุฎิ หลวงพ่อแดง ปลุกเสกนาน 3 เดือน แล้วจึงนำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งหนึ่ง มีพระคณาจารย์ที่มาร่วมในพิธีปลุกเสก อาทิ พระราชปัญญาโสภณ (สุข)วัดราชนัดดา กทม. พระครูปลัดสำเริง วัดราชนัดดา พระญาณโพธิ์ วัดสุทัศน์ พระครูสิริวรคุณ วัดพระยาศิริไอยสวรรค์ พระครูนิมิตสีลคุณ วัดใหม่เทพนิมิต พระครูพิทักษ์วิหารกิจ (สา) วัดราชนัดดา พระครูปัญญาโชติวัตร (เจริญ) วัดทองนพคุณ เพชรบุรี หลวงพ่อมิ วัดสิงห์ (เชิงสะพานกรุงธน) กรุงเทพฯ ด้วยความนิยม และความต้องการ ของประชาชนทั่วไป จึงได้มีการสร้างเพิ่มขึ้นอีก 3 พิมพ์ในภายหลังเป็นกรณีพิเศษ(สร้างไม่มาก หายาก มวลสารชุดเดียวกัน และนำมาให้หลวงพ่อแดงปลุกเสกตลอดไตรมาสเช่นกัน) คือ 1. พระพิมพ์หลวงพ่อแดง หันข้าง จันทร์ลอย 2. พระปิดตา จันทร์ลอย 3. พระพิมพ์สมเด็จ หลังยันต์ครูของหลวงพ่อแดง >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    17 กุมภาพันธ์ พ ศ 2498 วันประหารชีวิต สามนักโทษกรณีสวรรคต หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า “มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน พยายามสื่อสารให้เข้าใจว่า รัชกาลที่เก้าเป็นผู้ปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8” ———— "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด" ผู้เขียนขอนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด เพราะมีสื่อต่างๆที่นำเสนอข้อมูลบางตอนที่ “อาจจะ” ทำให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน หากไม่อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน สื่อต่างๆที่ว่านี้ ได้แก่ 1. THE STANDARD TEAM เรื่อง “17 กุมภาพันธ์ 2498 – ประหารชีวิต ชิต, บุศย์, เฉลียว จำเลยคดีสวรรคตในหลวง ร.8” เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความดังนี้: “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2478 ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง 9 พรรษา พระองค์สวรรคตด้วยพระแสงปืนอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน คือ เฉลียว ปทุมรส, ชิต สิงหเสนี และ บุศย์ ปัทมศริน อ้างอิงจากแถลงการณ์กระทรวงมหาดไทย ดังนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทย ตามที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายเฉลียว ปทุมรส นายชิต สิงหเสนีย์ และนายบุศย์ ปัทมะศิรินทร์ จำเลยในคดีต้องหาว่าประทุษร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และจำเลยทั้งสามได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น บัดนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสามเสีย ทางราชทัณฑ์จึงได้นำตัวจำเลยทั้งสาม ไปประหารชีวิตตามคำพิพากษา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498 เวลา 05.00 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง ต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางเป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายแพทย์เชื้อ พัฒนเจริญ และนายหลอม บุญอ่อน รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมเรือนจำกลางบางขวางเป็นกรรมการ ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเป็นการเสร็จไปแล้ว จึงขอแถลงมาให้ทราบทั่วกันกระทรวงมหาดไทย วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498” ................ 2. สถาบันปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “สามจำเลยผู้บริสุทธิ์” โดย สุพจน์ ด่านตระกูล เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความบางตอนดังนี้ “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามคน เมื่อ 12 ตุลาคม 2497 แล้ว ต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497 จำเลยทั้งสามได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด เกี่ยวกับการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้งสามนั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. 2519 มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้ ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถาม จอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. 2498-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ทนจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า 647) และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุดตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้เพิ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์’” .................. 3. “ปัจฉิมวาจาของ ๓ นักโทษประหาร” มีข้อความบางตอนดังนี้: “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง ๓ คน เมื่อ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗ แล้วต่อมาในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ จำเลยทั้ง ๓ ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด เกี่ยวกับการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้ง ๓ นั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้ ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถามจอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. ๒๔๙๘-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ท่านจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า ๖๘๗) และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุด ตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้พึ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนรัชต์’” ---------- ผู้เขียนได้สืบค้นเงื่อนไขการขอพระราชทานอภัยโทษในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ พบว่า บทบัญญัติแห่งธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นั้น ทำให้พระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ต้องถูกลิดรอนลงจากเดิม จากการใช้พระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระมาสู่การใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญแล้ว ยังทำให้แนวความคิดและรูปแบบของการใช้พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อพุทธศักราช 2477 โดยได้กำหนดรูปแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษไว้ในภาค 7 ว่าด้วยอภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา และลดโทษมาตรา 259 ถึงมาตรา 267 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ถวายความเห็นและคำแนะนำเท่านั้น ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ แม้ว่าในบางกรณีความเห็นของกระทรวงมหาดไทยขัดแย้งกับความเห็นของคณะรัฐมนตรีก็ตาม (สรุปและเรียบเรียงจากหัวข้อ พระราชทานอภัยโทษ ฐานข้อมูล สถาบันพระปกเกล้า) ……… ในการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย —————- ผู้เขียนได้ไปสืบค้นรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ ๘๕/๒๔๙๗ วันพุธที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๙๗ มีข้อความทั้งหมดที่เกี่ยวกับกรณีการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ดังนี้: “๙. เรื่อง นักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน ขอพระราชทานอภัยลดโทษ (กระทรวงมหาดไทยนำส่งฎีกาพร้อมด้วยเอกสารการสอบสวนของนักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน เรือนจำกลาง บางขวาง ต้องโทษฐานสมคบกันกระทำการประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) กำหนดโทษประหารชีวิต ขอพระราชทานชีวิตให้คงไว้ มา น.ช. เฉลียว ฯ อ้างว่า ตนยังมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป ไม่เคยคิดที่จะหมิ่มพระบรมเดชานุภาพอย่างใด ขณะนี้ครอบครัวขาดผู้อุปการะ น.ช. ชิต ฯ อ้างว่า บรรพบุรุษในตระกูลของตน ซึ่งมีเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นต้นตระกูล ตลอดจนบิดา ได้เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต ส่วน น.ช. บุศย์ ฯ อ้างว่า ชีวิตของตนได้เติบโตขึ้นมาก็โดยความอุปการะในพระบรมราชตระกูลที่ได้ทรงชุบเลี้ยง การเข้ารับราชการจึงเป็นไปด้วยความจงรักภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (จอมพล ป พิบูลสงคราม) ได้สอบสวนพิจารณาแล้ว ไม่เห็นควรขอพระราชทานอภัยลดโทษได้ให้โดยอ้างว่า เรื่องนี้เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศตามหลักการของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วยแล้วนั้น จะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้ ควรยกฎีกาเสีย) มติ - เห็นชอบด้วยตามกระทรวงมหาดไทย ให้นำความกราบบังคมทูลได้.” (นอกจาก จอมพล ป จะเป็น รมต มหาดไทยแล้ว ยังเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย) ------------ จากข้อความในรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีข้างต้นและจากการเปลี่ยนแปลงพระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ถูกลิดรอนลงจากเดิมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระมหากษัตริย์จึงไม่มีพระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระ แต่ทรงใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญ ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ ขณะเดียวกัน จากคำบอกเล่าของ พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม ที่กล่าวถึง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้เป็นบิดาว่า “…ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง…” ………. ผู้เขียนใคร่เรียนขอว่า ถ้ามีใครมีหลักฐานการขอพระราชอภัยโทษอีกสองครั้ง โปรดกรุณานำมาเผยแพร่ด้วย จักเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์และต่อสาธารณชน ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ ป ล หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้รัชกาลที่เก้าเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษ ที่มา : เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ของ ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ พิมพ์สังฆาฏิสั้น EP.1 สวัสดีสมาชิกแฟนเพจทุกท่านครับ อย่างที่กล่าวไว้ในโพสที่แล้วนะครับ ทีมงานแอดมินอยากเน้นเรื่องความรู้ในการดูพระ โดยเราจะเริ่มจากพระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่กันอย่างเน้นๆ เมื่อท่านอาจารย์ได้ทราบถึงแนวทางของทีมงานแอดมิน ท่านจึงแนะนำว่าให้นำเอาบทความที่เน้นการดูเอกลักษณ์หรือตำหนิพุทธศิลป์มาลงมากยิ่งขึ้น โดยบทความเหล่านี้ท่านอาจารย์ได้เขียนให้ดูทีละจุด และในรูปจะมีการชี้ตำแหน่งที่ท่านเขียนถึง จะทำให้สมาชิกที่สนใจศึกษาการดูพระเกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แอดมินขออนุญาตนำบทความที่เคยลงไปแล้วในเดือนที่แล้วมา Rewrite กันอีกซักครั้งนะครับ ท่านอาจารย์ได้นำรูปพระองค์นี้มาอธิบายให้แอดมินฟังถึงตำหนิต่างๆ แอดมินเลยนำคำบรรยายของท่านอาจารย์มา Rewrite รวมเข้าไปกับบทความเดิมนะครับ 🙏🙏พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ที่1 พิมพ์สังฆาฏิสั้น ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุทฒาจารย์ โต พรหมรังสี🙏🙏 ท่านอาจารย์ได้อธิบายว่า พระสมเด็จฯองค์นี้มีความสวยงาม 2 ประการใหญ่รวมอยู่ในองค์เดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ประการที่ 1 ด้านความสวยงามจากสีขององค์พระ พระสมเด็จฯองค์นี้มีเนื้อเป็นสีเขียว ท่านอาจารย์บอกว่าหาได้ยากมาก ท่านอาจารย์ได้อธิบายว่า ส่วนประกอบหนึ่งในมวลสารที่สมเด็จโตท่านนำมาสร้างเป็นพระสมเด็จฯ คือดอกไม้ที่ญาติโยมนำมาถวายพระ สมเด็จโตท่านน่าจะเห็นว่าดอกไม้เหล่านี้เป็นของสูง ไม่ควรนำไปทิ้งในที่ที่ไม่ควร ท่านจึงนำดอกไม้เหล่านี้มาตากแห้ง และผสมรวมเข้าไปเป็นมวลสาร หนึ่งในดอกไม้ที่คนสมัยนั้นนิยมนำมาถวายพระคือดอกมะลิซ้อน ซึ่งเวลาญาติโยมนำดอกมะลิซ้อนมาถวายบูชาพระจะนำมาทั้งดอกและก้านใบ โดยมัดมาเป็นช่อเล็กๆ นำมาถวายพระ สีเขียวของพระองค์นี้มาจากสีของก้านมะลิที่เมื่อนำไปตากแห่ง ตำให้ละเอียดและผสมกับมวลสารอื่นๆ การผ่านการผสมกับน้ำมันตังอิ้วที่มีทั้งน้ำมันและความชื้นจึงทำให้สีของก้านมะลิละลายออกมา เหมือนเป็นการย้อมสีมวลสารโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่านอาจารย์กล่าวว่าท่านเคยเห็นพระสมเด็จฯที่มีสีเขียวอยู่บ้าง บางองค์เขียวเข้ม บางองค์เขียวอ่อน ล้วนแล้วแต่เป็นพระสมเด็จฯ ที่เป็นที่นิยมทั้งสิ้น ประการที่ 2 ด้านความสวยงามจากพุทธศิลป์ ท่านอาจารย์อธิบายว่าพระองค์นี้นอกจากจะสีสวยแล้ว การกดพิมพ์ยังกดได้ลึกและแน่นมาก ทำให้องค์พระประธานดูล่ำใหญ่ สามารถมองเห็นเอกลักษณ์จากแม่พิมพ์และตำหนิพุทธศิลป์ได้อย่างชัดเจน ทำให้เป็นพระที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นท่านอาจารย์ยังกล่าวด้วยว่า ด้วยความที่เราสามารถมองเห็นเอกลักษณ์และตำหนิพุทธศิลป์ได้อย่างชัดเจน พระองค์นี้จึงเหมาะมากที่จะกรณีศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจในการดูพระ เอาละครับ เรามาเริ่มกันเลย กับเอกลักษณ์และตำหนิพุทธศิลป์ต่างๆที่ท่านอาจารย์ได้เคยอธิบายไว้ดังนี้ (ดูตามหมายเลขในภาพได้เลยนะครับ) 1. กรอบแม่พิมพ์ เป็นพระที่ตัดปีกพอดีกับกรอบแม่พิมพ์ จึงเป็นกรอบแม่พิมพ์ไม่ชัดนัก 2. กรอบแม่พิมพ์ด้านซ้าย เป็นกรอบกระจกที่เกิดจากการใช้ตอกตัดจากพิมพ์ด้านหลังมาพิมพ์ด้านหน้า ทำให้เกินเป็นสันเล็กๆที่ด้านหน้าเรียกว่ากรอบกระจก ซึ่งเอกลักษณ์ของพระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ นั้นกรอบกระจกจะเป็นเส้นตรงลงมาจรดซุ้มเรือนแก้วบริเวณแนวข้อศอกซ้ายขององค์พระ 3. พระเกศ ปลายพระเกศจะแหลมจรดซุ้มเรือนแก้ว แต่โคนพระเกศจะอ้วนใหญ่เป็นกรวย จุดนี้เป็นเอกลักษณ์ของสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ที่1 ทั้งพิมพ์สังฆาฏิสั้น และสังฆาฏิยาว 4. พระเศียร ด้วยความที่พระองค์นี้กดพิมพ์ได้ลึกมาก ทำให้พระเศียรกลมโตเป็นพิเศษ 5. จมูก การกดพิมพ์ที่ลึกมากนั้นยังทำให้บริเวณปลายพระเศียรบริเวณจมูกนูนออกมาเล็กน้อย ซึ่งมีน้อยองค์มากๆที่จะเห็นรอยนูนนี้ 6. พระกรรณ พระกรรณข้างซ้ายจะเป็นปีกคมชัด ปลายพระกรรณยาวเกือบจรดบ่า พระกรรณข้างขวาติดรำไร เพราะเวลาถอดพระออกจากพิมพ์จะออกทางด้านซ้าย ทำให้ซึกซ้ายขององค์พระดูคมชัดกว่าซีกขวา (ในรูปมองเห็นพระกรรณไม่ชัดนัก แม้แต่ด้านซ้ายก็ตาม การถ่ายรูปถึงแม้จะถ่ายจาก Studio ที่มีประสบการณ์ก็ยังไม่สามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆนี้ให้เห็นเด่นชัดได้ ท่านอาจารย์บอกว่าถ้าได้ส่องจากองค์จริงจะมองเห็นชัดกว่าในรูป) 7. รักแร้ขององค์พระ จุดนี้ท่านอาจารย์เน้นย้ำว่า เป็นเอกลักษณ์ของพระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ทุกพิมพ์ รักแร้ด้านซ้ายจะลึกกว่าด้านขวา 8. ซุ้มเรือนแก้ว เป็นเส้นกลมเหมือนหวายผ่าซีก สำหรับพระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ที่1 จะมีซุ้มเรือนแก้วที่อ้วนและใหญ่กว่าพิมพ์ใหญ่พิมพ์อื่นทุกพิมพ์ และการหดตัวของซุ้มเรือนแก้วจะหดตัวในแนวตั้งฉาก (ตัวซุ้มเรือนแก้วเป็นแนวตั้งฉากกับพื้นองค์พระ) 9. แขนทั้ง 2 ข้าง กลมและใหญ่ มีการหดตัวในแนวตั้งฉากเช่นเดียวกับซุ้มเรือนแก้ว 10. ตำหนิที่ต้นแขนซ้าย เราจะเห็นตำหนิการยุบลงเล็กน้อยบริเวณต้นแขนซ้าย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระสมเด็จฯ พิมพ์ใหญ่ทุกพิมพ์ ยกเว้นพิมพ์สังฆาฏิยาวเท่านั้นที่ต้นแขนจะเต็ม ไม่มีตำหนิแบบองค์นี้ 11. จีวรใต้ข้อศอกซ้าย เป็นเส้นเล็กๆยาวจรดที่หัวเข่า ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่าต้องมองเทียบกันระหว่างใต้ศอกซ้าย กับใต้ศอกขวา จะเห็นว่าที่ใต้ศอกซ้ายจะมีเนื้อองค์พระที่ตื้นกว่าใต้ศอกขวา เส้นนี้แหละที่เรียกว่าจีวรใต้ศอกซ้าย 12. ขอบจีวรที่พาดผ่านอก เป็นเส้นตื้นๆ รำไรพาดจากบ่าซ้ายเฉียงลงไปที่ซอกแขนขวา ตามจุดที่ชี้ในรูปจะเห็นเป็นรอย เนื่องจากพระสมเด็จฯองค์นี้กดพิมพ์ได้ลึก จึงทำให้สามารถมองเห็นเส้นขอบจีวรนี้ได้ชัดกว่าองค์อื่นๆ (บางองค์มองแทบไม่เห็น ถ้ามองจากแค่รูปอาจจะไม่เห็นเลย ต้องส่องดูที่องค์จริงอาจจะเห็นเป็นรอยรำไรเท่านั้น) 13. เส้นสังฆาฏิ เป็นแผ่นโต และนูน พาดจากบ่าซ้ายลงมาที่ต้นช่องท้อง พระสมเด็จฯองค์นี้เราจะเห็นเส้นสังฆาฏิได้ง่ายและชัดมาก แต่บางองค์ที่กดพิมพ์ไม่ลึกมาก เส้นสังฆาฏิอาจจะมองยากซักนิดนึง โดยเฉพาะหากมองจากรูป อาจจะมองไม่เห็นเลย) 14. พระบาทซ้าย แนบที่หน้าตัก พระบาทยาวเกือบจรดเข่าขวา 15. ฐานชั้นที่3 เป็นทรงหมอนหนุน กลมโต และยาวตลอดหน้าตัก 16. เส้นแซมใต้ตัก ปลายฐานชั้นที่3 ทั้งสองข้างจะมีขอบม้วนขึ้นเป็นเส้นแซมใต้ตัก จากรูปตรงจุดที่เลข 16 ชี้นั้นเราจะเห็นเป็นเส้นนูนออกมาเล็กๆ ท่านอาจารย์กล่าวว่าด้วยความที่พระสมเด็จฯ องค์นี้กดพิมพ์ลึก จึงทำให้ยังสามารถเห็นได้แม้จะดูจากรูป แต่พระสมเด็จฯองค์อื่นๆ มองจากในรูปอาจจะไม่เห็นเส้นแซมใต้ตัก ต้องส่องจากองค์จริงถึงจะเห็น 17. ฐานชั้นที่2 เป็นโต๊ะขาสิงห์ ขอบโต๊ะจะเป็นทรงแหลม 18. ฐานชั้นที่1 เป็นฐานเขียงใหญ่และหนา ปลายฐานด้านขวาจะตัดเฉียงเป็นทรงหัวขวาน ท่านอาจารย์บอกว่าส่วนมากปลายล่างสุดด้านขวาของฐานชั้นที่ 1 จะชี้ไปยังมุมด้านล่างของซุ้มเรือนแก้ว 19. รอยหนอนด้น รอยหนอนด้นนั้นเราจะเห็นเป็นเส้นเล็กๆ เหมือนรอยปริแตก เกิดจากการสลายตัวของสารอินทรีย์ในมวลสารขององค์พระ ทำให้เกิดเป็นช่องว่าง เหมือนรอยแยก สำหรับพระสมเด็จฯองค์นี้เราจะเห็นรอยหนอนด้นบนซุ้มเรือนแก้ว (ตำแหน่งของรอยหนอนด้นบนองค์พระไม่แน่นอน แต่ละองค์ไม่เหมือนกัน ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่า รอยหนอนด้นเป็นสิ่งหนึ่งที่เอาไว้ดูว่าพระแท้หรือไม่ เพราะรอยดังกล่าวเกิดจากย่อยสลายของสารอินทรีย์ในมวลสาร ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะกลายเป็นรอยหนอนด้น) 20. เม็ดพระธาตุ เม็ดพระธาตุเป็นปูนอีกชนิดหนึ่งที่สมเด็จโตท่านเอามาผสมในมวลสาร ซึ่งปูนชนิดนี้ไม่ได้ผสมกลมกลืนกับปูนเปลือกหอยที่เป็นวัตถุดิบหลักในการทำมวลสาร เมื่อเวลาผ่านไปการหดตัวของปูน 2 ชนิดไม่เท่ากัน ทำให้เกิดรอยแยกเห็นปูนอีกชนิดหนึ่งเป็นเม็ดเล็กๆ ท่านอาจารย์เล่าให้ฟังว่าสันนิษฐานว่าเม็ดพระธาตุนี้คือเศษปูนที่ฉาบพระประธานในพระอุโบสถไว้ (สมัยโบราณจะมีการฉาบปูนทับองค์พระประธานไว้) เมื่อเศษปูนกระเทาะออก หรือมีการกระเทาะออกอย่างตั้งใจเพื่อที่จะทำการฉาบใหม่ สมเด็จโตท่านเห็นว่าปูนนี้เป็นของสูง ไม่ควรทิ้งในที่ที่มิควร จึงนำมาบดให้ละเอียดและผสมลงในมวลสาร แต่ถึงจะบดอย่างไร ปูนคงมิได้ละเอียดเป็นผง ยังคงมีเหลือที่เป็นเม็ดเล็กๆ เป็นที่มาของเม็ดพระธาตุ ท่านอาจารย์บอกว่าพระสมเด็จฯ องค์นี้ในสมัยที่ท่านยังโลดแล่นอยู่ในสนามพระ เรียกกันว่า "องค์เขียวมรกต" ถือเป็นหนึ่งในองค์ครูในการศึกษาการดูพระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ที่1 พิมพ์สังฆาฏิสั้น โดยเฉพาะการดูเอกลักษณ์แม่พิมพ์และตำหนิพุทธศิลป์ของพิมพ์หน้า แอดมินหวังว่าบทความที่ Rewrite ขึ้นมาใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกแฟนเพจที่ต้องการศึกษาการดูพระบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ พบกันใหม่ในโพสหน้าครับ #พระสมเด็จ #พระสมเด็จวัดระฆัง #เบญจภาคี #พระเครื่อง #สมเด็จโต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเพิ่มเติม
    กำแพงเพชร – ตำรวจแจงละเอียดยิบพฤติกรรมโหด “โน๊ต”มือฆ่าพ่อแม่ลูกหมกกระบะคลุมผ้าจอดบ้านร้างคลองขลุง นัดเคลียร์ขอกู้เงินแล้วโดนเบี้ยว จนทะเลาะกันแรง-ใช้บีบีกันดัดแปลง .38 ยิงพ่อก่อนเรียก “เข้” ช่วยยกศพขึ้นรถ จี้บังคับสองแม่ลูกนั่งกระบะไปด้วย อ้างระหว่างทางปืนลั่นทะลุเบ้าตาเด็ก-เลือดขึ้นหน้ายิงแม่ปิดปาก ก่อนขับรถหมกศพทิ้งบ้านร้าง-ให้ญาติมาพาหนี แต่ยังหาผ้าคลุมรถย้อนมาอำพราง-ตามดูวันพบศพ • วันนี้(15 ก.พ.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.พร้อมพ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.คลองขลุง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อกองทัพสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวฆ่าโหด 3 พ่อแม่ลูก คือ นายวงศกร (ใหม่) หงสไกร อายุ 37 ปี ,น.ส.นันทกานต์ (แจง) นาซึ อายุ 35 ปี ,ด.ช.นัทกร หงสไกร อายุ 7 ปี (น้องซันเดย์) ที่หายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค. หมกศพในรถกระบะ จอดอยู่ภายในบ้านร้างริมถนน อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร หลังพบศพวันที่ 13 ก.พ. ตำรวจใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ตามจับผู้ต้องหาได้ • สำหรับมูลเหตุการฆ่าอำพรางศพ 3พ่อแม่ลูก นายโน๊ต (ผู้ต้องหา)รับว่าเกิดจากนายวงศกร หรือใหม่ ผู้ตายเคยตกลงยินยอม จะให้นายศิวกรกู้เงินจำนวน 1 แสนบาท เพื่อที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าว ไปซื้อโดรนการเกษตร เนื่องจากนายโน๊ต มีอาชีพ ขับโดรนการเกษตร ซึ่งนายโน๊ตนำโดรนเก่าไปตีเทิรน์กับทางร้าน พร้อมวางมัดจำ 7 หมื่นบาท - ทำสัญญาจะหาเงินที่เหลืออีก 1 แสน 5 หมื่นบาทมาซื้อคืน ต่อมานายวงศกร เปลี่ยนใจไม่ให้กู้ยืม ทำให้นายศิวกรเกิดความเสียหาย จึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว ส่วนประเด็นในวงเเชร์เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่าไม่มีมูลเหตุเกี่ยวข้องแต่อย่างใด • ไทมไลน์นั้น วันเกิดเหตุ จากคำให้การของ นายโน๊ต (ผู้ต้องหา) ได้นัดผู้ตายไปเคลียร์เรื่องเงิน โดยให้ผู้ตายไปรับที่บ้าน แล้วนั่งรถไปด้วยกัน ซึ่งมีการขับรถไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง เพื่อไปจอดรถคุยกัน จากนั้นลงไปเคลียร์นอกรถจนมีปากเสียงกัน ก่อนที่นายโน๊ตจะยิงไปที่นายใหม่ 1 นัด โดยอ้างว่าใช้ปืนที่เคยไปจำนำกับนายใหม่ มาก่อเหตุ • ก่อนจะโทรหานายเข้ หรือนายนิรุธ มาช่วยเหลือยกร่างนายใหม่ หรือนายวงศกรมาไว้ที่หลังรถ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000015247 • #MGROnline #กู้เงิน #บีบีกันดัดแปลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้าน(ลับ)ในซอยลึก
    MARGARET -คาเฟ่อาหารเช้า ย่านวังสิงห์คำ เชียงไหม่
    ร้าน(ลับ)ในซอยลึก MARGARET -คาเฟ่อาหารเช้า ย่านวังสิงห์คำ เชียงไหม่
    Video Player is loading.
    Current Time 0:00
    Duration -:-
    Loaded: 0%
    Stream Type LIVE
    Remaining Time 0:00
     
    1x
      • Chapters
      • descriptions off, selected
      • subtitles off, selected
          0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 4 0 รีวิว
        • อ่านเพิ่มเติม
          เหรียญหลวงปู่แหวนหลัง ภปร.ใหญ่ วัดดอยแม่ปั๋ง ปี2521 เหรียญหลวงปู่แหวนหลัง ภปร.ใหญ่ เนื้อกะไหล่ทอง วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ปี2521 //เนื้อกะไหล่ทองนานๆจะเจอ หายากมาก สร้างน้อย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเป็นเลิศในเรื่องเมตตามหานิยม ค้าขายเจริญรุ่งเรือง โภคทรัพย์ จะเจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย โชคลาภ เรียกทรัพย์หนุนดวง อยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า แคล้วคลาดการเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย ปราศจากภยันตรายต่างๆ >> ** หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ เป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ในช่วงก่อนปี 2520 เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรอาจารย์อ้วนซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ได้นำหลวงปู่แหวนไปฝากกับ พระอาจารย์สิงห์ ขนตฺยาคโร ศิษย์เอกสำคัญสูงสุดองค์หนึ่งของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์เอกทางวิปัสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงมากที่วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอเกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี ขณะที่ท่านเดินฝ่าเปลวแดดมาหาพระอาจารย์สิงห์ อาจารย์สิงห์ได้เห็นนิมิตรปรากฏที่สามเณรแหวน เป็นแสงโอภาสออกจากร่างเยี่ยงผู้มีบุญญาธิการ อาจารย์สิงห์ล่วงรู้ด้วยอำนาจญาณโดยทันทีว่า สามเณรน้อยผู้นี้เป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด จึงได้ถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น ถือว่าเป็นพระสุปฏิปันโณรูปหนึ่ง ที่มีวัตรปฏิบัติน่าเลื่อมใส จนกระทั่งถึงปี 2528 อันเป็นปีที่ท่านมรณภาพท่าน มีอายุยืนยาวถึง 98 ปี เมื่อมรณภาพแล้วกระดูกของท่านกลายเป็นพระธาตุ บางเม็ดขาวใสคล้ายแก้วเลยครับ หลวงปู่แหวน ท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณรจนกระทั่งเป็นพระไม่เคยสึกเลย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
          0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
        • อ่านเพิ่มเติม
          มุกดาหาร- จัดมหกรรมประกวดควายไทยลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 2 ชิงถ้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์พัฒนาพันธุ์ควายไทย กระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เผยมีควายไทยจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 200 ฟาร์ม • วันนี้(8 ก.พ.)เวลา 11.00 น. ณ ลานข้างไทวัสดุ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน มหกรรมประกวดควายไทยลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 2 พร้อมด้วย นายไกร เอี่ยมจุฬา รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิริยะ ทองผา สส.เขต 1 จังหวัดมุกดาหาร นายวีระพงษ์ ทองผา ว่าที่ นายก อบจ. มุกดาหาร นายกสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาควายไทยฯลฯ การจัดงานครั้งนี้มีเจ้าของฟาร์มควายไทย 200 ฟาร์ม และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกว่า 500 คน • นายยิ่งคุณ ประจันทอน ผู้อำนวยการเลี้ยงสัตว์พระราชทาน ( แมน มณีวรรณ นักร้องลูกทุ่ง ) เปิดเผยว่า กระบือหรือควาย เป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับเกษตรกรไทยมาอย่างยาวนาน โดยใช้เป็นพาหนะ และใช้แรงงานในการทำการเกษตร แต่ในปัจจุบันการเลี้ยงกระบือได้ลดความสำคัญลง เนื่องจากเกษตรกรนิยมนำเครื่องจักรกลมาใช้ในการทำการเกษตรแทนกระบือ แต่ก็นำมาซึ่งต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้นจึงมีความจำเป็นต้องส่งเสริม อนุรักษ์ และพัฒนาพันธุ์ควายไทย ให้คงอยู่คู่กับสังคมการเกษตรของไทย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000012867 • #MGROnline #มหกรรมประกวดควายไทยลุ่มน้ำโขง
          Like
          1
          0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
        • อ่านเพิ่มเติม
          เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์5 วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2539 เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์5 ( ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ) วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2539 //พระดีพิธีใหญ่ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ร่วมกับ พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน ร่วมปลุกเสก //พระสถาพสวยมาก พร้อมซองเดิมๆ จากวัด พระสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> ** พระดี พิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยเกจิ สายหลวงพ่อทวด-และสายเขาอ้อ พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดช้างให้ ปลุกเสกโดย อาจารย์นองวัดทรายขาว พ่อท่านทองวัดสำเภาเชย พ่อท่านเขียววัดห้วยเงาะ พ่อท่านสิงห์ วัดลำพะยา พ่อท่านฉิ้น วัดเมือง พ่อท่านทอง วัดป่ากอ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังวิทยาคม ทั้งสิ้น >> ** พระสถาพสวยมาก พร้อมซองเดิมๆ จากวัด พระสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
          0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
        • อ่านเพิ่มเติม
          สิงห์สามขวัญเนื้อกระดูกแกะ สิงห์สามขวัญเนื้อกระดูกช้างแกะ หลังจารมือ // เนื้อสวยฉ่ำ "กระดูกช้าง" หายาก เชื่อถือกันมาแต่โบราณว่าเป็นของมงคลมีอานุภาพในตัว // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเด่นทางด้าน ตบะมหาอำนาจ แคล้วคลาด เดินทางปลอดภัย เมตตามหานิยม เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน หนุนดวงชะตา ปกป้องคุ้มครอง คงกะพันชาตรี และ เมตตามหานิยมสูง แคล้วคลาดภัยพิบัติ คงกระพัน โชคลาภ ใครมีบารมีได้ไว้จะรุ่งเรืองไม่มีวันตกต่ำ ** "กระดูกช้าง" ที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณว่าเป็นของมงคลมีอานุภาพในตัว ช่วยส่งเสริมวาสนา บารมี และตบะอำนาจให้แก่ผู้ครอบครองได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม ปัดเป่าคุณไสยมนต์ดำ และเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าภูติผีทั้งหลาย ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
          0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
        • อ่านเพิ่มเติม
          โคราชแชมป์บัตรโหวตโน ตรังเทียบผู้มาใช้สิทธิสูงสุด การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด หรือโหวตโน 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจประชาชน จากการรวบรวมข้อมูลผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด พบว่ามี 4 จังหวัดที่ไม่เปิดเผยคะแนนโหวตโนต่อสาธารณะ ได้แก่ พิจิตร บึงกาฬ นครนายก และกระบี่ ส่วนจังหวัดหนองบัวลำภูมีเฉพาะข้อมูลดิบ ไม่มีการรวมจำนวนมาให้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่ในประกาศ กกต.จังหวัด เรื่อง ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง หรือแบบฟอร์ม ส.ถ./ผ.ถ. 5/8 ที่ประธานและกรรมการ กกต.จังหวัดลงนามก่อนส่งไปยัง กกต.กลางเพื่อพิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งมีหลายจังหวัดเผยแพร่เอกสารนี้ ส่วน 43 จังหวัดที่เหลือ จากการจัดอันดับพบว่า นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 110,934 ใบ หรือคิดเป็น 9.58% ของจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดทั้งประเทศ รองลงมาคือ สงขลา 86,855 ใบ คิดเป็น 7.50% อันดับสาม ตรัง 63,333 ใบ คิดเป็น 5.47% อันดับสี่ เชียงใหม่ 57,625 ใบ คิดเป็น 4.98% อันดับห้า บุรีรัมย์ 51,525 ใบ คิดเป็น 4.45% อันดับหก นครปฐม 49,395 ใบ คิดเป็น 4.26% อันดับเจ็ด เชียงราย 43,406 ใบ คิดเป็น 3.75% อันดับแปด สมุทรปราการ 42,142 ใบ คิดเป็น 3.64% อันดับเก้า สระบุรี 39,017 ใบ คิดเป็น 3.37% และอันดับสิบ นนทบุรี 37,562 ใบ คิดเป็น 3.24% แต่หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่า ตรัง เป็นจังหวัดที่มีร้อยละของบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 21.30% รองลงมาคือ ยะลา 13.05% (29,334 ใบ) อันดับสาม นครปฐม 12.90% อันดับสี่ สิงห์บุรี 12.76% (12,741 ใบ) อันดับห้า สงขลา 12.63% อันดับหก สระบุรี 12.31% อันดับเจ็ด ฉะเชิงเทรา 10.20% (34,612 ใบ) อันดับแปด นครราชสีมา 9.60% อันดับเก้า สตูล 9.56% (14,659 ใบ) และอันดับสิบ น่าน 9.12% (22,872 ใบ) สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด (ไม่รวมจังหวัดที่ไม่เปิดเผยตัวเลข) ได้แก่ ตราด 3,003 ใบ คิดเป็น 2.86% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ส่วนจังหวัดที่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม 4,526 ใบ คิดเป็น 2.41% #Newskit
          Like
          2
          0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
        • TikTok@singha_atheart #คนหัวใจสิงห์ #ชุมชน #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา
          TikTok@singha_atheart #คนหัวใจสิงห์ #ชุมชน #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา
          Video Player is loading.
          Current Time 0:00
          Duration -:-
          Loaded: 0%
          Stream Type LIVE
          Remaining Time 0:00
           
          1x
            • Chapters
            • descriptions off, selected
            • subtitles off, selected
                1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 1 0 รีวิว
              • อ่านเพิ่มเติม
                เขาขึ้นหรือเขานางบวชและวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ .... ในท้องทุ่งแห่งลุ่มแม่น้ำน้อยมีตำนานเล่าเรื่องวีรชนแห่งบ้านระจันหรือบางระจัน ที่ต้านทัพพม่า ซึ่งเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาที่อยู่ทางใต้ไม่ไกลนักได้ถึง ๗ ครั้ง ชาวบ้านบางระจันได้รวมตัวกันต่อสู้รบและเสียชีวิตทั้งหมู่บ้านในครั้งที่ ๘ แม้นักประวัติศาสตร์หลายท่านจะเห็นแย้งและกล่าวว่าทัพพม่าเข้ามาทางบ้านตากนั้นยังคงไม่ถึงกรุงศรีอยุธยา เอกสารที่บันทึกไว้อย่างละเอียดน่าจะเป็นพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน่าจะขยายความและบรรยายอย่างละเอียด โดยมีนำมากล่าวถึงในหนังสือไทยรบพม่าของ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ส่วนพระราชพงศาวดารฉบับอื่นคงบรรยายไว้เพียงไม่มาก ปรากฎชื่อสถานที่ว่า ‘บ้านระจัน’ พระอาจารย์วัดเขานางบวชซึ่งก็หมายถึงพระอาจารย์ธรรมโชติ นายจันเขียว พระยารัตนาธิเบศ . อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารและบันทึกคำให้การต่างๆ ล้วนมีการบันทึกเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญและมีส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างใดนั้น เรื่องเล่าติดที่คือตำนานต่างๆ ถูกสร้างและแต่งเสริมด้วยผู้คนที่เป็นชาวบ้านแห่งท้องทุ่งในลุ่มแม่น้ำน้อยนี้ . น่าสนใจว่า ผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญ คือ ‘พระอาจารย์ธรรมโชติ’ แห่งวัดเขานางบวช สุพรรณบุรี นั้นกลายเป็น Culture hero แห่งเขตพื้นที่กลางอันเป็นพื้นที่นครรัฐเจนลีฟูแต่เดิม เมื่อย้อนกลับไปราวห้าร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้น . พื้นที่สู้รบนั้นอยู่ตามลำแม่น้ำน้อย ตั้งแต่แขวงเมืองวิเศษไชยชาญจนลงเข้าสู่ผักไห่และตั้งค่ายสำคัญอยู่ที่สีกุก . ส่วนด้านทางเหนือก็เข้าควบคุมพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านไปรวมกันแถบรอบวัดโพธิ์เก้าต้น ต่อชาวบ้านไปอาราธนาพระอาจารย์ธรรมโชติจากวัดเขานางบวช ให้ไปช่วยคุ้มครองทำผ้าประเจียด ตะกรุด พิสมร (ตะกรุดรูปแบบหนึ่ง ใช้ร้อยสายไว้ป้องกันอันตราย) แจกจ่ายนักรบชาวบ้าน เล่าสืบต่อมาว่าพระอาจารย์ธรรมโชติ บวชครั้งแรกที่ ‘วัดยาง’ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง กับวัดโพธิ์เก้าต้นหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘วัดแดง’ เพราะมีดงไม้แดงขึ้นเยอะ ทั้งสองวัดนี้เป็นวัดเก่า เพราะมีวิหารแบบแอ่นท้องสำเภา พระพุทธรูปหินทราย และพระพุทธรูปปูนปั้นประดิษฐานไว้ ก่อนย้ายไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำบนยอดเขานางบวช ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนามาอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบ . บริเวณ ‘วัดโพธิ์เก้าต้น’ นี้เป็นย่านชุมชนเก่ามาตั้งแต่สมัยทวารวดีช่วงปลาย แต่อยู่อาศัยกันบางเบาเพราะเป็นเขตที่ต้องใช้ดารเดินทางติดต่อทางน้ำเป็นหลัก [Riverine] เพราะอยู่ไม่ไกลจาก ‘เมืองคูเมือง’ ในตำบลแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ที่อยู่ห่างไปราว ๓ กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองรูปสี่เหลี่ยมของลุ่มน้ำระหว่างลำสีบัวทองและแม่น้ำน้อย มีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและยุคลพบุรีหรือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ และคงอยู่สืบเนื่องกันต่อเรื่อยมาจนถึงสิ้นกรุงศรีอยุธยา . พอพม่าเข้าตีค่ายบางระจันที่วัดโพธิ์เก้าต้นได้ ใน ‘ไทยรบพม่า’ พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ว่าชาวบ้านที่เหลือตายหนีไปได้บ้าง พม่าจับเอาไปเป็นเชลยบ้าง แต่พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นเลยหายสาบสูญไป จะถึงมรณภาพในเวลาเสียค่ายพม่าหรือหนีรอดไปได้ไม่มีหลักฐานปรากฎ . แต่ในบทความของอาจารย์มนัส โอภากุล เรื่อง พระอาจารย์ธรรมโชติ หายไปไหน? (มนัส โอภากุล. พระอาจารย์ธรรมโชติหายไปไหน? ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๒๗) ใช้ข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากทายกวัดนางบวช อายุ ๗๕ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๗ เล่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชติกลับมาจำพรรษาที่วัดเขานางบวชตามเดิม โดยคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายเล่าว่า เมื่อค่ายบางระจันแตก พระอาจารย์ธรรมโชติหลบหนีมาที่เขานางบวช ทหารก็ไล่ติดตามมาจนมาค้นที่วัดเขานางบวชหาตัวเท่าไหร่ก็ไม่พบ เพราะท่านลงไปหลบในอุโมงค์ภายในวิหารที่ยังปรากฎอยู่จนปัจจุบันที่เคยเป็นที่นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เล่ากันว่าภายในมีพื้นที่ให้คนนั่งรวมกันได้ ๕ - ๖ คน ทุกวันนี้ก็ยังปรากฎอยู่.... . ซึ่งเป็นความเชื่อในคุณวิเศษของพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ชาวบ้านทางแถบเดิมบางตลอดไปจนถึงเขาพระ หัวเขาและบ้านกำมะเชียร ในย่านลุ่มน้ำสุพรรณเชื่อถือกันสืบต่อมา . พระวิหารวิปัสสนาที่เขาขึ้นหรือวัดเขานางบวชนั้น เป็นอาคารยาวมุงกระเบื้องกาบกล้วยแบบเก่า ประดิษฐานรอยพระบาท ด้านหลังเป็นโพรงหรืออุโมงค์ลงไปในโพรงแคบๆ ของพระเจดีย์ที่อาจจะเป็นกรุมาแต่ดั้งเดิม (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชวินิจฉัยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นโพรงถ้ำวิปัสสนามาแต่ก่อน . ‘เขาขึ้น’ หรือ ‘เขานางบวช’ นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานบนเขาและชุมชนยุคแรกๆ มราเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ เนื่องจากใกล้ชิดกับชุมชนที่เดิมบางฯ ริมแม่น้ำสุพรรณซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อเส้นทางเดินทางสมัยโบราณได้หลายทิศทาง ไม่ว่าจะขึ้นเหนือไปทางลุ่มน้ำสะแกกรังผ่านไปทางลำน้ำปิง ทางลำน้ำมะเขามเฒ่าสู่กลุ่มเมืองทางอู่ตะเภาและพื้นที่ดอนที่ติดต่อกับที่ราบสูงโคราช ทางตะวันตกสู่ลุ่มน้ำสุพรรณ อู่ทองและแม่กลอง และทางใต้ติดต่อกับท้องทุ่งและลำน้ำใหญ่น้อยที่ลงสูากลุ่มละโว้ได้เช่นกัน และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่อง จนกลายเป็นแลนด์มาร์กและวัดสำคัญของท้องถิ่น มำตำนานของผู้เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ๆ สร้างให้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น และกลายมาเป็นการสร้างประเพณีสำคัญของท้องถิ่นสืบมาจนถึงปัจจุบัน . เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสขึ้นบนเขานางบวช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ในพระราชหัตถเลขาบันทึกไว้ว่า . ...ที่บนนั้นมีพระอุโบสถหลังหนึ่ง ห้าห้อง ไม่มีหน้าต่าง ก่อเว้นช่องอย่างวัดพุทไธสวรรย์ แต่ไม่มีหลังคามุงแฝกคลุมไว้ พระที่ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเป็นพระพุทธรูปศิลาปั้นปูน ประกอบปิดทอง ผนังโบสถ์ด้านหนึ่งก่อเป็นแท่นเหมือนอาสนสงฆ์ ตั้งพระพุทธรูป เป็นพระยืนขนาดใหญ่ เห็นจะเป็นพระเก่าผีมือดี ๆ อย่างโบราณ สวมเทริด หน้าต่าง ๆ แต่ ชำรุดทั้งสิ้น ได้เชิญให้ลงมาปฏิสังขรณ์ ๔ องค์ ถ้าเสร็จแล้วจะส่งกลับไปไว้ที่เขานั้นบ้าง เสมาใช้ศิลาแผ่นใหญ่ ๆ อย่างเสมาวัดหลวงกรุงเก่า มีกำแพงแก้วรอบไป จนกระทั่งเจดีย์และวิหารด้วย แต่วิหารนั้นเป็นที่น่าสงสัยอยู่ว่า ทำเป็นสองคราว เพราะกระชั้นพระเจดีย์นัก ไม่ได้ไว้ช่อง อีกมีช่องหน้าต่างเล็กสูงเพียงศอกเดียว กว้างกับเศษ ๒ ช่องเท่านั้น ท้ายวิหารจดฐานพระเจดีย์ มีทางเข้าไปในองค์พระเจดีย์ที่กำแพงแก้ว มีพระเจดีย์ประจำมุมเห็นจะมีถึงด้านละ ๔ องค์ พระเจดีย์นั้นก็เป็นพานแว่นฟ้า ๓ ชั้น . เขานางบวชนี้เป็นที่ราษฎรนับถือมาก มีกำหนดขึ้นไหว้กันกลางเดือน ๔ ทุกปี มาแต่หัวเมืองอื่นก็มากใช้เดินทางบกทั้งนั้น... . ลักษณะของเจดีย์ที่สร้างแบบผสมกับหินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งมักนิยมสร้างกันเช่นนี้ตามเขาที่มีฐานวิหารและพระเจดีย์บนเขา เช่น ที่บ้านหัวเขาในอำเภอเดิมบางฯ นี้ และแนวเขาพระที่ต่อเนื่องมาจากอู่ทองจนถึงเลาขวัญอีกหลายแห่ง ก็มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งเป็นยุคสมัยแบบลพบุรีหรือในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ อันเป็นช่วงร่วมสมัยกับกลุ่มนครรัฐเจนลีฟูที่ปรากฎขึ้นในบริเวณนี้ และเป็นรัฐที่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลักตามระบุไว้ในจดหมายเหตุจีน . และยังพบฐานแท่นหินทรายขนาดย่อมๆ สำหรับประติมากรรมที่อาจเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปก็ได้ และพระพุทธรูปยืนสวมเทริดทำจากหินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงที่อาจนำไปปฏิสังขรณ์แล้วและอาจไม่ได้ส่งกลับมาก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปแบบหินทรายปางมารวิชัยแบบเก่าซึ่งพบในแถบพื้นที่ดอนของสามชุก หนองหญ้าไซ และดอนเจดีย์ ... ภาพ วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติบนเขาขึ้นหรือเขานางบวช ต่อด้วยเจดีย์ทำจากก้อนหินผสมกับอิฐ ซึ่งมีโพรงด้านใน และพระอุโบสถมีพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยที่พบในเขตนี้หลายองค์ ทั้งใบเสมาทำจากหินชนวนแบบวัดหลวงแต่ทำลวดลายที่พบได้ทั่วไปในเขตชัยนาท เมืองสิงห์เก่าและเมืองพรหมเก่า
                0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
              • ไม่รอด! ศาลสั่งคุก คดีล่วงละเมิดสาว 17 : [News story]

                ศาลพิพากษาจำคุก สมรักษ์ คำสิงห์ เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท
                คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี
                ไม่รอด! ศาลสั่งคุก คดีล่วงละเมิดสาว 17 : [News story] ศาลพิพากษาจำคุก สมรักษ์ คำสิงห์ เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี
                Video Player is loading.
                Current Time 0:00
                Duration -:-
                Loaded: 0%
                Stream Type LIVE
                Remaining Time 0:00
                 
                1x
                  • Chapters
                  • descriptions off, selected
                  • subtitles off, selected
                      Like
                      5
                      0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 17 0 รีวิว
                    • อ่านเพิ่มเติม
                      คุกสมรักษ์ 2 ปี 13 เดือน อนาจารสาว 17 ศาลชี้มีรอยแผลไม่ใช่สมยอม ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก 4 ปี 8 เดือน อนาจารสาววัย 17 ปี หลังเที่ยวผับเมื่อปี 66 แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้สินไหมรวม 1.7 แสนบาท ชี้ผลชันสูตรพบร่องรอยความรุนแรง วันนี้ (23 ม.ค.) ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาจำคุกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 52 ปี อดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น รางวัลเหรียญทองโอลิมปิก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ อายุ 49 ปี เพื่อนนายสมรักษ์ จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ในคดีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กรณีที่หญิงวัย 17 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีว่านายสมรักษ์กระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566 โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงที่พบบริเวณเต้านม จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน ประกอบกับอวัยวะเพศจำเลยที่ 1 ไม่แข็งตัว จึงพยายามถูไถด้านนอก ข้อต่อสู้จำเลยว่าผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000007109 ......... Sondhi X
                      Like
                      Haha
                      Love
                      10
                      0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1732 มุมมอง 0 รีวิว
                    • อ่านเพิ่มเติม
                      ตื่นเช้ามาพบเรื่องไม่คาดฝันอีกแล้ว วันนี้ 16 มกรา วันครูซินะ .... lit nit เคารพครูในแบบที่ lit nit เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูจากวิทยาลัยเกษตรฯสิงห์บุรี เพราะนอกจากวิชาชีพสุจริตที่ทำให้ lit nit หล่อเลี้ยงชีพมาได้ไกลขนาดนี้ ครูเกษตรฯสิงห์ยังพัฒนา lit nit จากความเป็น "คน" เลื่อนขึ้นมาเป็น "มนุษย์" อีกด้วย พระคุณครูของสถาบันแห่งนี้จึงยิ่งใหญ่สำหรับ lit nit .... แต่ครูครับ...ศิษย์ยังมีเรื่องคาใจเล็ก ๆ อย่างเรื่องที่ไม่คาดฝันในเช้าวันนี้ 16 มกรา มันเป็นวันสำคัญนะครับครู แต่พอตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าเขาเปลี่ยนเป็นวันพรุ่งนี้ แบบนี้มันก็ทำให้ "ลาภเคลื่อน" น่ะสิครับครู ครูควรรับผิดชอบด้วยการอวยพรให้ลาภหยุดรอพบ lit nit ในวันพรุ่งนี้นะครับครู555 #สวัสดีวันครู ศิษย์ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยปกปักษ์รักษาใจครูทุกท่านทั้งที่เป็นอาจารย์และมิใช่อาจารย์ ให้สงบ เป็นสุขและร่มเย็นตลอดทุกลมหายใจครับ
                      0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
                    • 16 มกรา วันครู
                      ....
                      แบรนด์ศิษย์เกษตรของเรามันก็บอกเป็นนัย ๆ อยู่แล้วว่าเรามีวันนี้ได้เพราะครู ครูของเราคือครูที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงห์บุรี วิชาความรู้ตลอดจนคุณธรรมที่ติดตัวมา ก็ล้วนแต่ถูกปลูกฝังมาจากสถาบันแห่งนี้
                      #ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยช่วยปกปักรักษาใจของครูให้สงบ สุข และร่มเย็นทุกลมหายใจเข้าออกครับ
                      16 มกรา วันครู .... แบรนด์ศิษย์เกษตรของเรามันก็บอกเป็นนัย ๆ อยู่แล้วว่าเรามีวันนี้ได้เพราะครู ครูของเราคือครูที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงห์บุรี วิชาความรู้ตลอดจนคุณธรรมที่ติดตัวมา ก็ล้วนแต่ถูกปลูกฝังมาจากสถาบันแห่งนี้ #ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยช่วยปกปักรักษาใจของครูให้สงบ สุข และร่มเย็นทุกลมหายใจเข้าออกครับ
                      Love
                      1
                      0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
                    • อ่านเพิ่มเติม
                      หมู่บ้านคราฟท์ในฝัน#3 .... การสร้างหมู่บ้านที่จะมีไว้จรรโลงใจ จำเป็นจะต้องป้องกันภัยที่ก่อให้เกิดความหดหู่ เช่น ภัยน้ำท่วม พื้นที่หมู่บ้านคราฟท์ในฝันแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ เคยประสบภัยจากน้ำเมื่อครั้งปีท่วมใหญ่ ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะปรับเป็นพื้นที่ราบสูง .... ผลที่ได้คือสูงอย่างสบายใจ สูงเห็นวิวบึงน้ำที่ชุ่มเย็น สูงสูดกลิ่นดอกข้าวยามลมโชย สูงเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ใจของแขกแก้วที่จะมาเยือน และสูงพอที่จะคว้าความสุขมาเยือน เพราะที่นี่สูง...เพื่อเสพรับอิสระภาพ #หมู่บ้านคราฟท์ในฝันแห่งนี้ อยู่ที่นี่ ที่สิงห์บุรี^^
                      0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
                    • อ่านเพิ่มเติม
                      หมู่บ้านคราฟท์ในฝัน#3 .... การสร้างหมู่บ้านที่จะมีไว้จรรโลงใจ จำเป็นจะต้องป้องกันภัยที่ก่อให้เกิดความหดหู่ เช่น ภัยน้ำท่วม พื้นที่หมู่บ้านคราฟท์ในฝันแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ เคยประสบภัยจากน้ำเมื่อครั้งปีท่วมใหญ่ ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะปรับเป็นพื้นที่ราบสูง .... ผลที่ได้คือสูงอย่างสบายใจ สูงเห็นวิวบึงน้ำที่ชุ่มเย็น สูงสูดกลิ่นดอกข้าวยามลมโชย สูงเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ใจของแขกแก้วที่จะมาเยือน และสูงพอที่จะคว้าความสุขมาเยือน เพราะที่นี่สูง...เพื่อเสพรับอิสระภาพ #หมู่บ้านคราฟท์ในฝันแห่งนี้ อยู่ที่นี่ ที่สิงห์บุรี^^
                      0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
                    • เมื่อวานนี้ 5 ม.ค. 68 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายสักการะพระมหาธาตุเจดีย์-ประจำปีพระบรมราชสมภพ ปีนักษัตรมะโรง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

                      และ ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในยอดฉัตรทองคำ ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

                      เมื่อวานนี้ 5 ม.ค. 68 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายสักการะพระมหาธาตุเจดีย์-ประจำปีพระบรมราชสมภพ ปีนักษัตรมะโรง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และ ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในยอดฉัตรทองคำ ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
                      0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
                    • #ยกไม่แยกครับ 97 ชิ้น ...พระนเรศวร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ปี 2533 ...จัดสร้างโดยอธิบดีกรมการปกครอง ประมวล รุจนเสรี ต่อมาเป็น รมช.มหาดไทย ..ปลุกเสกวาระแรก สมเด็จพระสังฆราชญาณ ...วาระ 2 หลวงพ่อจรัญ และหลวงพ่อได้แจกจ่ายไป ประสบการณ์มากมายถึงอเมริกา ...หาอ่านใน Google ...สวยกริ๊ปทุกเหรียญ...ปี 33 มาแบบไหน...ก็อยู่แบบเดิม....**เคยเล่นกัน 1000 ++ ต่อเหรียญ. 🍎 วันนี้ ยกเท่านั้น 33000 รับเองนนทบุรีครับ..ดูภาพประกอบ ก็ไม่ต้องสงสัยเรื่องเก๊แท้นะครับ..โทร 091-7079909 ...ทักมา ขอความใกล้เคียงนะครับ 😶🙏🏻🙏🏻 สายเก็งกำไรจัดไปครับ
                      #ยกไม่แยกครับ 97 ชิ้น ...พระนเรศวร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ปี 2533 ...จัดสร้างโดยอธิบดีกรมการปกครอง ประมวล รุจนเสรี ต่อมาเป็น รมช.มหาดไทย ..ปลุกเสกวาระแรก สมเด็จพระสังฆราชญาณ ...วาระ 2 หลวงพ่อจรัญ และหลวงพ่อได้แจกจ่ายไป ประสบการณ์มากมายถึงอเมริกา ...หาอ่านใน Google ...สวยกริ๊ปทุกเหรียญ...ปี 33 มาแบบไหน...ก็อยู่แบบเดิม....**เคยเล่นกัน 1000 ++ ต่อเหรียญ. 🍎 วันนี้ ยกเท่านั้น 33000 รับเองนนทบุรีครับ..ดูภาพประกอบ ก็ไม่ต้องสงสัยเรื่องเก๊แท้นะครับ..โทร 091-7079909 ...ทักมา ขอความใกล้เคียงนะครับ 😶🙏🏻🙏🏻 สายเก็งกำไรจัดไปครับ
                      Video Player is loading.
                      Current Time 0:00
                      Duration -:-
                      Loaded: 0%
                      Stream Type LIVE
                      Remaining Time 0:00
                       
                      1x
                        • Chapters
                        • descriptions off, selected
                        • subtitles off, selected
                            Like
                            1
                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
                          • อ่านเพิ่มเติม
                            แน่นเหมือนเดิม!! ปชช.แห่เดินทางกลับเข้ากรุงเทพ หลังฉลองปีใหม่ ทำให้การจราจรถนนเอเชียผ่านชัยนาท –สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา รถมากต่อเนื่องจำนวมมาก มีชะลอตัวเป็นช่วงๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000175 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
                            Like
                            7
                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1464 มุมมอง 0 รีวิว
                          • อ่านเพิ่มเติม
                            ปัญหารถติดในเมืองเชียงใหม่ มีมานานแล้ว โดยเฉพาะในปีนี้ พศ.๒๕๖๗ ขุดถนนร้อยสายไฟบนฟ้า..โล่ง แต่ บนถนนรถติดมาก และ ซ่อมถนนที่แคบอยู่แล้ว บีบให้แคบไปอีก 1. แยกรินคำ ฉายา: แดงนานจนตกเครื่อง เหตุผล: แยกรินคำ รถมาจากซุปเปอร์+นิมมาน+ห้วยแก้ว+ม.ช.มารวมกันที่นี่ จึงนอนรอไฟเขียวได้เลย. 2. แยกศาลเด็ก ฉายา: เลี้ยวปุ๊บสายปั๊บ เหตุผล: แยกศาลเด็ก ใครเลี้ยวมาเข้าเส้นนี้...รถติดมาก ไปทำงานสายแน่นอน 3. แยกข่วงสิงห์ ฉายา: มีไฟเขียวจริงเปล่า เหตุผล: แยกข่วงสิงห์เป็นแหล่งชุมนุมรถจากทางเหนือ แม่ริม แม่แตง ก็แน่นมากทุกเช้า-เย็น และในขณะนี้กำลังซ่อมถนนโชตนาบีบเหลือเลนเดียว..ยิ่งหนัก 4. แยกแอร์พอร์ต ฉายา: ห้าแยกงุนงง เหตุผล: แยกแอร์พอร์ตรถติดหนัก มีทางเลี้ยวที่แยกหลายจุด ไปได้หลายทางตัดสินใจไม่ได้..อย่าง มึนๆ งง งง 5. ถนนมหิดล ฉายา: สนามแข่งตีนผี เหตุผล: ถนนมหิดลมีการจราจรหนาแน่นตลอดเวลา ทำให้ทุกคนต้องแข่งกันเพื่อถึงจุดหมายปลายทาง หรือ โรงพยาบาล แยกกันไม่ออก 6. แยกพืชสวนโลก ฉายา: ไฟจราจรสโลว์ไลฟ์ เหตุผล: ไฟจราจรแยกพืชสวนโลก-นานมาก นานเกินไป 7. แยกรวมโชค ฉายา: รถเครื่องพร้อมบิด เหตุผล: แยกรวมโชคเป็นแยกที่รถมอไซด์เยอะมาก กว่าแยกอื่นๆ ------------------------ สรุป : เชียงใหม่ยังต้องการการจัดการที่เหมาะสม เพื่อให้ตอบโจมย์การเดินทางของทุกคน
                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
                          • อ่านเพิ่มเติม
                            เลิกฝืนเถอะอุ๊งอิ๊ง เกาะกูดของไทยโดยหลักฐาน Mou 44 ถือเป็น Mou ขายชาติที่จะทําให้ไทยเสียสิทธิประโยชน์ทางทะเลโดยเฉพาะเกาะกูด ซึ่งเป็นของไทย ที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจาก Mou ที่นายทักษิณวางหมากไว้ จนถึงขั้นอาจต้องเปลี่ยนเจ้าของผู้ครอบครองจากไทยไปเป็นกัมพูชา ทั้งที่ ข้อเท็จจริงเกาะกูดเป็นของไทยมาโดยตลอด ในปี 1907 ไทยใช้สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส เป็นหลักฐานในการปักปันเขตแดนกับกัมพูชาระบุข้อความในข้อสองว่า รัฐบาลฝรั่งเศส ยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราดกับทั้งเกาะทั้งหลายซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงห์ลงไปจนถึงเกาะกูดนั้นให้แก่กรุงสยาม เมื่อพิจารณาหลักฐานดังกล่าวย่อมแสดงว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2450 นอกจากนี้ไทยยังมีหลักฐานการสร้างกระโจมไฟบนเกาะกูดและได้ส่งเอกสารการติดตั้งกระโจมไฟซึ่งปรากฏอยู่ในแผนที่เดินเรือของประเทศต่างต่างทั่วโลกที่ทุกชาติยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน เกาะกูดที่เสมือนเป็นหมุดหมายสําคัญในการอ้างอิงการเจรจาจัดทําพื้นที่พัฒนาร่วมจอยท์ ดีเวลลอปเม้นท์แอเรียหรือเจดีเอ เพื่อสํารวจและใช้ประโยชน์จากปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนหลายทวีปในอ่าวไทย การตีความโดยไม่ยึดโยงกับเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ นอกเหนือไปจากหลักฐานกฎหมายทางทะเลที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ทําให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าเกาะกูดอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิซับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชาทั้งที่ตามข้อเท็จจริงแล้วก่อกูดอยู่ภายใต้การปกครองและอธิปไตยของไทยโดยสมบูรณ์ แม้รัฐบาลโดยนายกคุณหนูแห่งบ้านจันส่องหล้า จะออกมายืนยันว่าเอ็มโอยู สี่สิบสี่จะไม่ทําให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา โดยเฉพาะจะไม่มีการสูญเสียเกาะกูดอย่างแน่นอน แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้คนจะไม่ค่อยเชื่อในถ้อยคําแถลงนั้นมากนัก เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่านายโทนี่ ทักษิณชินวัตรผู้ครอบงําบทบาทของลูกสาวมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นลึกซึ้งกับฮุนเซน อดีตผู้นํากัมพูชาและเป็นอดีตนักรบเขมรแดงที่เคยปฏิบัติการในน่านน้ําอ่าวไทยมาแล้วเมื่อ 50 ปีก่อนโดยไม่สนใจเรื่องเขตแดนทางทะเลผู้คนจึงหวั่นใจว่านายโทนี่จะวางหมากใดใดไว้ในกรณีเอ็มโอยูสี่สิบสี่หรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
                            Like
                            1
                            0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 644 มุมมอง 0 รีวิว
                          Pages Boosts