• พ่อใหญ่ทรัมป์ (Daddy Trump) ประกาศต่อหน้าลูกชายของเขา "มาร์ค รุตเต" เลขาธิการนาโต ที่ทำเนียบขาวว่า:

    จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและประเทศคู่ค้าของพวกเขา 100% หากข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 50 วัน นั่นคือภายในสิ้นเดือนสิงหาคม

    "ผมผิดหวังในตัวประธานาธิบดีปูติน เพราะผมคิดว่าเราน่าจะมีข้อตกลงกันได้ตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว" ทรัมป์กล่าวด้วยความผิดหวัง

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐจะเป็นฝ่ายส่งอาวุธให้ยูเครน แต่สมาชิกนาโต้ทั้งหมดจะต้องร่วมกันชำระเงิน และสหรัฐจะไม่ร่วมจ่ายในส่วนนี้

    ขณะที่ มาร์ค รุตเต ไม่ลืมที่จะ "สอพลอ" ทรัมป์อย่างสุดขั้ว โดยกล่าวว่า:
    "หากวันนี้ผมเป็นวลาดิเมียร์ ปูติน และได้ยินสิ่งที่ทรัมป์พูดถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นในอีก 50 วันข้างหน้า รวมถึงประกาศเรื่องอาวุธ ผมคงต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่าผมควรจะให้ความสำคัญกับการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนมากกว่านี้หรือไม่"

    รุตเตยังกล่าวขอบคุณทรัมป์อย่างสุดซึ้งที่ส่งอาวุธมาช่วยเหลือครั้งนี้ โดยไม่สนใจว่าเงินที่ต้องจ่ายคืนสหรัฐจะต้องหามาจากไหน
    พ่อใหญ่ทรัมป์ (Daddy Trump) ประกาศต่อหน้าลูกชายของเขา "มาร์ค รุตเต" เลขาธิการนาโต ที่ทำเนียบขาวว่า: 👉จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและประเทศคู่ค้าของพวกเขา 100% หากข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 50 วัน นั่นคือภายในสิ้นเดือนสิงหาคม "ผมผิดหวังในตัวประธานาธิบดีปูติน เพราะผมคิดว่าเราน่าจะมีข้อตกลงกันได้ตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว" ทรัมป์กล่าวด้วยความผิดหวัง 👉นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐจะเป็นฝ่ายส่งอาวุธให้ยูเครน แต่สมาชิกนาโต้ทั้งหมดจะต้องร่วมกันชำระเงิน และสหรัฐจะไม่ร่วมจ่ายในส่วนนี้ 👉ขณะที่ มาร์ค รุตเต ไม่ลืมที่จะ "สอพลอ" ทรัมป์อย่างสุดขั้ว โดยกล่าวว่า: "หากวันนี้ผมเป็นวลาดิเมียร์ ปูติน และได้ยินสิ่งที่ทรัมป์พูดถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นในอีก 50 วันข้างหน้า รวมถึงประกาศเรื่องอาวุธ ผมคงต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่าผมควรจะให้ความสำคัญกับการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนมากกว่านี้หรือไม่" 👉รุตเตยังกล่าวขอบคุณทรัมป์อย่างสุดซึ้งที่ส่งอาวุธมาช่วยเหลือครั้งนี้ โดยไม่สนใจว่าเงินที่ต้องจ่ายคืนสหรัฐจะต้องหามาจากไหน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ..วัคซีนทำให้คนโง่ ถูกควบคุมโดยคลื่นที่มันออกแบบมา,mRNAวัคซีนตัดแปลงมันร้ายกว่าที่เราคิด.

    ..ข้อความสำคัญมากจาก ดร. สุจริต ภักดี: "วัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมอง เห็นได้ชัด และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เรากำลังเห็น -- ผมเกรงว่ามีคนหลายพันล้านคน -- ที่สมองไม่ทำงานอีกต่อไป ไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น พวกเขาถูกเปลี่ยนแปลงไป และพวกเขาไม่มีความมุ่งมั่นอีกต่อไป พวกเขาไม่มีสติปัญญาอีกต่อไป..."

    จะเป็นอย่างไรถ้าการเสียชีวิตจากวัคซีนเป็นเพียงผลรอง และเป้าหมายหลักคือการทำให้ประชากรจำนวนมากถูกตัดสมองทิ้ง? คุณคงสังเกตเห็นความเสื่อมถอยของประชากรที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่ยังคงฉีดวัคซีนอยู่ พวกมันกำลังสูญเสียเซลล์สมองเร็วกว่าพวกดมน้ำมันเบนซินเสียอีก แถมยังทำงานในธนาคาร หน่วยงานทางการแพทย์ รัฐบาล บริษัทเอกชน สถาบันการศึกษา ฯลฯ นั่นแหละคือเหตุผลที่ทุกคนดูโง่เง่ากันไปหมดในตอนนี้ เพราะพวกเขาถูกผ่าตัดสมองด้วยการฉีด mRNA และไม่ใช่มนุษย์ที่ทำงานได้ดีอีกต่อไปแล้ว
    ..วัคซีนทำให้คนโง่ ถูกควบคุมโดยคลื่นที่มันออกแบบมา,mRNAวัคซีนตัดแปลงมันร้ายกว่าที่เราคิด. ..ข้อความสำคัญมากจาก ดร. สุจริต ภักดี: "วัคซีน mRNA ทำลายเซลล์สมอง เห็นได้ชัด และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เรากำลังเห็น -- ผมเกรงว่ามีคนหลายพันล้านคน -- ที่สมองไม่ทำงานอีกต่อไป ไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น พวกเขาถูกเปลี่ยนแปลงไป และพวกเขาไม่มีความมุ่งมั่นอีกต่อไป พวกเขาไม่มีสติปัญญาอีกต่อไป..." จะเป็นอย่างไรถ้าการเสียชีวิตจากวัคซีนเป็นเพียงผลรอง และเป้าหมายหลักคือการทำให้ประชากรจำนวนมากถูกตัดสมองทิ้ง? คุณคงสังเกตเห็นความเสื่อมถอยของประชากรที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่ยังคงฉีดวัคซีนอยู่ พวกมันกำลังสูญเสียเซลล์สมองเร็วกว่าพวกดมน้ำมันเบนซินเสียอีก แถมยังทำงานในธนาคาร หน่วยงานทางการแพทย์ รัฐบาล บริษัทเอกชน สถาบันการศึกษา ฯลฯ นั่นแหละคือเหตุผลที่ทุกคนดูโง่เง่ากันไปหมดในตอนนี้ เพราะพวกเขาถูกผ่าตัดสมองด้วยการฉีด mRNA และไม่ใช่มนุษย์ที่ทำงานได้ดีอีกต่อไปแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่วันนี้ เวลาประมาณ 5:04 น. ที่โรงงานแบตเตอรี่ซานหยวน เอนเนอร์จี เทคโนโลยี (San Yuan Energy Technology) ในเขตเสี่ยวกัง (Xiaogang District) เมืองเกาสง (Kaohsiung) ของไต้หวัน

    โรงงานแห่งนี้ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ "โรงงานซูเปอร์แบตเตอรี่" ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและอากาศยาน

    ทางการไต้หวันออกประกาศคำแนะนำให้ประชาชนอพยพออกนอกพื้นที่ หรือให้อยู่ในบ้านโดยปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เนื่องจากปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งปริมาณไฮโดรเจนฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นสารระคายเคืองที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และดวงตา

    มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 16 ราย แบ่งเป็นคนงานของโรงงาน 12 ราย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 4 ราย

    สาเหตุของการระเบิดยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยมีการคาดเดาที่ยังไม่ได้รับการยืนยันบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น X ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจเป็นการก่อวินาศกรรม แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้

    โรงงานแห่งนี้ซึ่งดำเนินการโดย San Yuan Energy Technology (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Molicel ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Taiwan Cement Corporation) เป็นผู้ผลิตรายสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
    ภาพเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่วันนี้ เวลาประมาณ 5:04 น. ที่โรงงานแบตเตอรี่ซานหยวน เอนเนอร์จี เทคโนโลยี (San Yuan Energy Technology) ในเขตเสี่ยวกัง (Xiaogang District) เมืองเกาสง (Kaohsiung) ของไต้หวัน โรงงานแห่งนี้ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ "โรงงานซูเปอร์แบตเตอรี่" ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและอากาศยาน ทางการไต้หวันออกประกาศคำแนะนำให้ประชาชนอพยพออกนอกพื้นที่ หรือให้อยู่ในบ้านโดยปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เนื่องจากปริมาณฝุ่น PM2.5 ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งปริมาณไฮโดรเจนฟลูออไรด์ ซึ่งเป็นสารระคายเคืองที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนัง และดวงตา มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 16 ราย แบ่งเป็นคนงานของโรงงาน 12 ราย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 4 ราย สาเหตุของการระเบิดยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยมีการคาดเดาที่ยังไม่ได้รับการยืนยันบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น X ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจเป็นการก่อวินาศกรรม แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการสนับสนุนข้อกล่าวอ้างนี้ โรงงานแห่งนี้ซึ่งดำเนินการโดย San Yuan Energy Technology (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Molicel ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Taiwan Cement Corporation) เป็นผู้ผลิตรายสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ
    ดอกดาวเรือง : สัญลักษณ์แห่งแสงสว่าง
    ในพิธีกรรมต่างๆทางพุธศาสนา ดอกดาวเรื่องมักนำมาใช้เพื่อตกแต่งแท่นบูชาและบริเวณโดยรอบวัดวาอารมหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ด้วยความที่ดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใส จึงเปรียบเสมือนแสงสว่างของชีวิต ปัญญา และเส้นทางสู่การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ความหมายและความเชื่อมโยงทางสัญลักษณ์ระหว่างดอกดาวเรืองและแนวคิดทางพุทธศาสนา คือ ปัญญา ความเห็นอกเห็นใจ แต่การเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
    ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ ดอกดาวเรือง : สัญลักษณ์แห่งแสงสว่าง ในพิธีกรรมต่างๆทางพุธศาสนา ดอกดาวเรื่องมักนำมาใช้เพื่อตกแต่งแท่นบูชาและบริเวณโดยรอบวัดวาอารมหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ด้วยความที่ดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใส จึงเปรียบเสมือนแสงสว่างของชีวิต ปัญญา และเส้นทางสู่การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ความหมายและความเชื่อมโยงทางสัญลักษณ์ระหว่างดอกดาวเรืองและแนวคิดทางพุทธศาสนา คือ ปัญญา ความเห็นอกเห็นใจ แต่การเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังไม่ตาย – เพราะธุรกิจยังต้องการความมั่นคงและความชัดเจน

    นยุคที่ทุกคนมีสมาร์ตโฟนติดตัว โทรศัพท์พื้นฐานอาจดูเหมือนล้าสมัย แต่ในโลกธุรกิจ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในสถานที่ที่ต้องการความมั่นคง ความชัดเจน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ธนาคาร และสำนักงานกฎหมาย

    แม้ระบบโทรศัพท์จะเปลี่ยนจากสายทองแดงแบบเดิมไปสู่ระบบ IP (VoIP) ที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโอนสาย การบันทึกเสียง และการแยกสายงาน ยังคงทำได้ดีที่สุดผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ

    ในโรงแรมขนาด 250 ห้อง อาจมีโทรศัพท์มากกว่า 300 เครื่อง โดยติดตั้งในทุกห้องพักและพื้นที่สาธารณะ เพื่อรองรับการติดต่อ reception หรือโทรฉุกเฉินในกรณีที่สัญญาณมือถือไม่ดี

    บริษัทอย่าง AT&T และ Cisco ยังคงลงทุนในระบบโทรศัพท์ธุรกิจ โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การลดเสียงรบกวนด้วย AI และการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่

    แม้บางองค์กรจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบโทรผ่านซอฟต์แวร์ แต่หลายแห่งยังคงรักษาโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไว้ เพราะพนักงานบางคนยังรู้สึกสะดวกและปลอดภัยกว่า

    https://www.techspot.com/news/108653-why-business-landlines-essential-wireless-world.html
    โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังไม่ตาย – เพราะธุรกิจยังต้องการความมั่นคงและความชัดเจน นยุคที่ทุกคนมีสมาร์ตโฟนติดตัว โทรศัพท์พื้นฐานอาจดูเหมือนล้าสมัย แต่ในโลกธุรกิจ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในสถานที่ที่ต้องการความมั่นคง ความชัดเจน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ธนาคาร และสำนักงานกฎหมาย แม้ระบบโทรศัพท์จะเปลี่ยนจากสายทองแดงแบบเดิมไปสู่ระบบ IP (VoIP) ที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโอนสาย การบันทึกเสียง และการแยกสายงาน ยังคงทำได้ดีที่สุดผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ในโรงแรมขนาด 250 ห้อง อาจมีโทรศัพท์มากกว่า 300 เครื่อง โดยติดตั้งในทุกห้องพักและพื้นที่สาธารณะ เพื่อรองรับการติดต่อ reception หรือโทรฉุกเฉินในกรณีที่สัญญาณมือถือไม่ดี บริษัทอย่าง AT&T และ Cisco ยังคงลงทุนในระบบโทรศัพท์ธุรกิจ โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การลดเสียงรบกวนด้วย AI และการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ แม้บางองค์กรจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบโทรผ่านซอฟต์แวร์ แต่หลายแห่งยังคงรักษาโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไว้ เพราะพนักงานบางคนยังรู้สึกสะดวกและปลอดภัยกว่า https://www.techspot.com/news/108653-why-business-landlines-essential-wireless-world.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Why business landlines are still essential in a wireless world
    However, the modern business landline has evolved, with many organizations transitioning from legacy copper systems to digital solutions that use Internet Protocol (IP) to transmit calls. This...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## สงครามภาษี แค่ข้ออ้างบังหน้า...!!! ##
    ..
    ..
    ความจริงแล้ว อเมริกา ก็เป็นประเทศ เกษตรกรรม ครับ...
    .
    เพียงแต่ เขาใช้ เทคโนโลยี เข้ามาช่วย ดังนั้น การผลิต ทุกๆอย่างที่เขาขาย จึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เกษตรกรไทยมากนัก...
    .
    ถ้า รัฐบาลไทย บอกจะให้เขา ภาษี 0% อย่างว่า และ จะนำเข้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทย ตายแล้วตายอีก ตายอย่างเดียวครับ วิกฤตซ้ำซ้อน...
    .
    อีกอย่าง สินค้า Local ของไทยจริงๆ ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น สินค้าสวมตอซะเยอะครับ...
    .
    ความจริง อเมริกา แค่อยากปิดกั้นจีน ขณะเดียวกันก็บีบไทย เอาผลประโยชน์ และ บีบไทย เพื่อยอมให้เชาใช้พื้นที่...
    .
    ผมว่า เราไม่สู้ ปิดสถานกงสุลหมื่นล้านที่เชียงใหม่ดู เจรจาภาษี จะต่อรองได้มากขึ้นหล่ะครับ
    .
    สุดท้าย อเมริกา ต้องการ พื้นที่สำหรับสอดแนมจีน และ ฐานทัพ ไว้คอยจัดการจีน มากว่า ภาษีจากประเทศเล็กๆอย่างไทย...
    .
    แต่ แน่นอนว่า ถ้ารัฐบาลโง่ เจรจาไม่เป็น ไถจากเราได้เท่าไหร่เขาก็เอาครับ
    ....
    ....
    ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา
    .
    Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ...
    .
    รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย
    .
    ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ...
    .
    ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...???
    .
    การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก....
    .
    จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนับสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม
    .
    เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!!
    .
    ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0...
    .
    โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น..
    .
    1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง)
    2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย)
    3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย)
    4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา)
    5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ)
    .
    ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน
    .
    สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป...
    .
    มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!!
    .
    ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว...
    .
    สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    ....
    ....
    สุดท้ายต้องไม่ลืมไปดู 4 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย...!!!
    .
    ไอ้นิทาน รัฐปาตานี และ นโยบายพรรคการเมืองบางพรรค ที่ว่า ปกครองตนเอง ทรัพยากรท้องถิ่น เก็บกันเอง ใช้กันเองเนี่ย เผลอๆ อาจจะเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ...!!!
    .
    กลิ่น ไซออนิสต์ และ ขี้ข้า เป็นฝูง มันทำงานเชื่อมโยงกัน และ มีพวกลงไปอยู่ในพื้นที่ และ หนุน BRN อย่างรอบด้าน อยู่ตรงนั้นด้วย...
    ## สงครามภาษี แค่ข้ออ้างบังหน้า...!!! ## .. .. ความจริงแล้ว อเมริกา ก็เป็นประเทศ เกษตรกรรม ครับ... . เพียงแต่ เขาใช้ เทคโนโลยี เข้ามาช่วย ดังนั้น การผลิต ทุกๆอย่างที่เขาขาย จึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เกษตรกรไทยมากนัก... . ถ้า รัฐบาลไทย บอกจะให้เขา ภาษี 0% อย่างว่า และ จะนำเข้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทย ตายแล้วตายอีก ตายอย่างเดียวครับ วิกฤตซ้ำซ้อน... . อีกอย่าง สินค้า Local ของไทยจริงๆ ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น สินค้าสวมตอซะเยอะครับ... . ความจริง อเมริกา แค่อยากปิดกั้นจีน ขณะเดียวกันก็บีบไทย เอาผลประโยชน์ และ บีบไทย เพื่อยอมให้เชาใช้พื้นที่... . ผมว่า เราไม่สู้ ปิดสถานกงสุลหมื่นล้านที่เชียงใหม่ดู เจรจาภาษี จะต่อรองได้มากขึ้นหล่ะครับ . สุดท้าย อเมริกา ต้องการ พื้นที่สำหรับสอดแนมจีน และ ฐานทัพ ไว้คอยจัดการจีน มากว่า ภาษีจากประเทศเล็กๆอย่างไทย... . แต่ แน่นอนว่า ถ้ารัฐบาลโง่ เจรจาไม่เป็น ไถจากเราได้เท่าไหร่เขาก็เอาครับ .... .... ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา . Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ... . รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย . ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ... . ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...??? . การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก.... . จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนับสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม . เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!! . ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0... . โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น.. . 1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง) 2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย) 3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย) 4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา) 5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ) . ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน . สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป... . มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!! . ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว... . สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา .... .... สุดท้ายต้องไม่ลืมไปดู 4 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย...!!! . ไอ้นิทาน รัฐปาตานี และ นโยบายพรรคการเมืองบางพรรค ที่ว่า ปกครองตนเอง ทรัพยากรท้องถิ่น เก็บกันเอง ใช้กันเองเนี่ย เผลอๆ อาจจะเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ...!!! . กลิ่น ไซออนิสต์ และ ขี้ข้า เป็นฝูง มันทำงานเชื่อมโยงกัน และ มีพวกลงไปอยู่ในพื้นที่ และ หนุน BRN อย่างรอบด้าน อยู่ตรงนั้นด้วย...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ

    เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า

    นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ)

    ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง)

    ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา

    นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง
    - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน
    - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา
    - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian
    - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่
    - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง
    - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt
    - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ
    - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป
    - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ

    https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ) ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง) ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่ - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    WWW.NEOWIN.NET
    Oxford scientists create light from "darkness" and no it's not magic
    Scientists over at the University of Oxford have managed to generate light out of "darkness" and there is no magic involved here, just pure science.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าสว.โดน แสดงว่าการจัดตัังรัฐบาลจะมิชอบทันทีเพราะสว.เป็นคนละคะแนนรับรองด้วย.,ตลอดถึงสว.รับรองการมีอยู่ของครม.เชื่อมต่อกันหมด,เพราะดับอนาถที่ต้นเรื่องด้วยนั้นเอง,นั้นคือการมีอยู่ของรัฐบาลชุดปัจจุบันโมฆะทันที,เพราะเป็นการเกิดขึ้นโดยมิชอบทั้งตัวนายกฯเองทีีเกิดขึ้นมิชอบด้วย,การยื่นเสนอนายกฯได้เพราะมีรัฐบาลที่สว.ลงคะแนนให้เป็นด้วยนั้นเอง,จริงฯmouใดๆข้อตกลงใดๆในเวลานี้ รักษานายกฯไม่สามารถดำเนินการตัดสินใจได้และจะต้องโมฆะทัังหมดเพราะตนเองมิใช่นายกฯ100%,การเจรจาตกลงกับทรัมป์เรื่องภาษี36%นี้ก็ด้วย,รักษานายกมิสามารถกระทำได้ ยิ่งถ้าไปตกลงเรื่องตั้งฐานทัพในพังงา ตลอดยกเลิกมาตรา ม.112 อีกยิ่งไม่สามารถดำเนินการทัังทางตรงและทางลับได้,และหากดูดีๆนี้คือแผนที่อเมริกาไซออนิสต์จัดเตรียมไว้ด้วย ไทยเขมรคุยกันอัดเทปมาปล่อย ต่อมาให้นายกฯนอมินีออกจากวงเพราะเป็นเรื่องเกินตัวรักษาคุ้มครองลูกตนไว้,ให้รักษาการเล่นหมากแทนเพราะบทบาทจะเป็นเพียงรักษาการ,อเมริกาไซออนิสต์นำโดยเหี้ยทรัมป์บังเอิญที่มิใช่บังเอิญทำทีหยิบเรื่องภาษีมาชูเล่นในจังหวะเวลานี้พอดีเป๊ะเลย คือเตรียมเรื่องภาษีที่เดินหมากมาหลายเดือนแล้วจะได้ใช้อีกทีนัดสำคัญที่ไทยนี้ล่ะจากเคยใช้ในหลายประเทศมาแล้วบีบบังคับรีดไถ่ตังทุกๆประเทศทั่วโลกเพื่อหาตังใช้หนี้อเมริกาที่ยิวไซออนิสต์แกล้งไม่เข้าช่วยก็ว่า,จนมาถึงจังหวะที่ไทยจะได้รุกคืบกำจัดสถาบันพระมหากษัตริย์ในไทยคราวเดียวเลย,ได้ตั้งฐานทัพที่พังงายึดเส้นทางสายไหมจีนด้วยตัดเส้นทางสายไหมจีนดับฝันจีนไปในตัว ยิวไซออนิสต์นำโดยขี้ข้าอเมริกาdeep stateที่ทรัมป์ทรยศฝ่ายแสงยึดภาคใต้ไทยด้วยเลยแบ่งแยกประเทศไทยให้ภาคใต้เป็นอิสระก็ว่ายึดภาคใต้เลย,จึงเตรียมกฎหมายยึดภาคใต้ปูทางอ้างSECเตรียมไว้แล้วและทั้งขุดคลองคอดกระในอนาคตอีกที่คู่ขนานแลนด์บริดจ์ปูทางยึดภาคใต้ไว้ก่อน มีกฎหมายรับรองพื้นที่บริหารจัดการแลนด์บริดจ์รอให้ไว้ก่อนแล้ว,รุกฆาตโชว์สันดานแท้โชว์ตัวออกมาคือยึดภาคใต้ผ่านมุกตั้งกองทัพในพังงาอย่างอิสระเหยียบอธิปไตยไทยคุมอาเชียนทัังทางทะเลและลาดตะเวนทางบกก็สะดวก บินทิ้งระเบิดได้หมด บินไปอินโดฯก็สะดวก,บินไปพม่าเข้าจีนทิ้งระเบิดก็สบาย,จีนยิงขีปนาวุธมาก็มีเวลาพอยิงสกัดทันเพราะไกลขึ้นนิดหน่อยไม่ใช่ใกล้แบบเชียงใหม่.
    ..
    ..

    https://youtu.be/cu5Yue0XLNI?si=neBBeJFV4y9NvQ3C
    ถ้าสว.โดน แสดงว่าการจัดตัังรัฐบาลจะมิชอบทันทีเพราะสว.เป็นคนละคะแนนรับรองด้วย.,ตลอดถึงสว.รับรองการมีอยู่ของครม.เชื่อมต่อกันหมด,เพราะดับอนาถที่ต้นเรื่องด้วยนั้นเอง,นั้นคือการมีอยู่ของรัฐบาลชุดปัจจุบันโมฆะทันที,เพราะเป็นการเกิดขึ้นโดยมิชอบทั้งตัวนายกฯเองทีีเกิดขึ้นมิชอบด้วย,การยื่นเสนอนายกฯได้เพราะมีรัฐบาลที่สว.ลงคะแนนให้เป็นด้วยนั้นเอง,จริงฯmouใดๆข้อตกลงใดๆในเวลานี้ รักษานายกฯไม่สามารถดำเนินการตัดสินใจได้และจะต้องโมฆะทัังหมดเพราะตนเองมิใช่นายกฯ100%,การเจรจาตกลงกับทรัมป์เรื่องภาษี36%นี้ก็ด้วย,รักษานายกมิสามารถกระทำได้ ยิ่งถ้าไปตกลงเรื่องตั้งฐานทัพในพังงา ตลอดยกเลิกมาตรา ม.112 อีกยิ่งไม่สามารถดำเนินการทัังทางตรงและทางลับได้,และหากดูดีๆนี้คือแผนที่อเมริกาไซออนิสต์จัดเตรียมไว้ด้วย ไทยเขมรคุยกันอัดเทปมาปล่อย ต่อมาให้นายกฯนอมินีออกจากวงเพราะเป็นเรื่องเกินตัวรักษาคุ้มครองลูกตนไว้,ให้รักษาการเล่นหมากแทนเพราะบทบาทจะเป็นเพียงรักษาการ,อเมริกาไซออนิสต์นำโดยเหี้ยทรัมป์บังเอิญที่มิใช่บังเอิญทำทีหยิบเรื่องภาษีมาชูเล่นในจังหวะเวลานี้พอดีเป๊ะเลย คือเตรียมเรื่องภาษีที่เดินหมากมาหลายเดือนแล้วจะได้ใช้อีกทีนัดสำคัญที่ไทยนี้ล่ะจากเคยใช้ในหลายประเทศมาแล้วบีบบังคับรีดไถ่ตังทุกๆประเทศทั่วโลกเพื่อหาตังใช้หนี้อเมริกาที่ยิวไซออนิสต์แกล้งไม่เข้าช่วยก็ว่า,จนมาถึงจังหวะที่ไทยจะได้รุกคืบกำจัดสถาบันพระมหากษัตริย์ในไทยคราวเดียวเลย,ได้ตั้งฐานทัพที่พังงายึดเส้นทางสายไหมจีนด้วยตัดเส้นทางสายไหมจีนดับฝันจีนไปในตัว ยิวไซออนิสต์นำโดยขี้ข้าอเมริกาdeep stateที่ทรัมป์ทรยศฝ่ายแสงยึดภาคใต้ไทยด้วยเลยแบ่งแยกประเทศไทยให้ภาคใต้เป็นอิสระก็ว่ายึดภาคใต้เลย,จึงเตรียมกฎหมายยึดภาคใต้ปูทางอ้างSECเตรียมไว้แล้วและทั้งขุดคลองคอดกระในอนาคตอีกที่คู่ขนานแลนด์บริดจ์ปูทางยึดภาคใต้ไว้ก่อน มีกฎหมายรับรองพื้นที่บริหารจัดการแลนด์บริดจ์รอให้ไว้ก่อนแล้ว,รุกฆาตโชว์สันดานแท้โชว์ตัวออกมาคือยึดภาคใต้ผ่านมุกตั้งกองทัพในพังงาอย่างอิสระเหยียบอธิปไตยไทยคุมอาเชียนทัังทางทะเลและลาดตะเวนทางบกก็สะดวก บินทิ้งระเบิดได้หมด บินไปอินโดฯก็สะดวก,บินไปพม่าเข้าจีนทิ้งระเบิดก็สบาย,จีนยิงขีปนาวุธมาก็มีเวลาพอยิงสกัดทันเพราะไกลขึ้นนิดหน่อยไม่ใช่ใกล้แบบเชียงใหม่. .. .. https://youtu.be/cu5Yue0XLNI?si=neBBeJFV4y9NvQ3C
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย

    กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike)

    ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย

    ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี

    #Newskit
    เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike) ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วครับ ตัวเลขสถิติการเสียชีวิตของคนไทย ครึ่งแรกของปี เทียบรายปีตั้งแต่ปี 2558 ถึงปีปัจจุบัน2568 ให้สังเกตแนวโน้มเส้นสีฟ้าว่า กำลังอยู่ขาขึ้น
    ที่น่าสนใจ สีเหลืองคือ ก่อนการระบาดของโควิด สีส้มคือช่วงที่มีการระบาดหนักจนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สีแดงคือ การระบาดยุติ เลิกปิดบ้านปิดเมือง
    เห็นได้ชัดเจนว่า ปีแรกของการระบาด คนไทยไม่ได้ตายเพิ่มขึ้น ปีนั้นยังไม่มีวัคซีน
    ปีที่สองของการระบาด มีการฉีดวัคซีนกลับตายเพิ่มขึ้น
    ปี 2564 เริ่มมีการระดมฉีดวัคซีน กลับตายเพิ่มขึ้น
    แต่ที่น่า ตั้งคำถาม คือ ปี 2565 2566 2567 ที่ การระบาดยุติลง คนไทยกลับตายเพิ่มขึ้น มากกว่าก่อนการระบาดของโควิด ทั้งที่ เมื่อโควิด ยุติลง อัตราการเสียชีวิตควรจะกลับไปใกล้เคียงก่อนการระบาด
    ปีปัจจุบัน คนไทยยังเสียชีวิตในอัตราที่สูง แนวโน้มก็ยังอยู่ในขาขึ้น ทำไม?
    ถ้ารัฐบาล ใส่ใจ เรื่องชีวิตของคนไทย ต้องการแก้ปัญหาสาธารณสุข แค่เอาข้อมูล อายุเฉลี่ยของผู้ที่เสียชีวิตมาเทียบกันดู ก็จะเห็นว่า คนที่ตายอายุ น้อยลงด้วยไหม ตายก่อนวัยอันควรไหม?
    หลาย คนอาจสงสัยทำไมผมไม่วิเคราะห์เอง?
    ผม ไม่ได้เป็น รัฐบาล ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้
    แต่ รัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทำได้ง่ายๆ แต่ จะทำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ว่า เขาเห็นความสำคัญของชีวิตคนไทยไหม?

    นิลฉงน นลเฉลย
    https://www.facebook.com/share/p/167nL51Umt/

    ขอขอบคุณอาจารย์หมอที่สละเวลาทำข้อมูลให้คนไทยได้ตื่นครับ
    มาแล้วครับ ตัวเลขสถิติการเสียชีวิตของคนไทย ครึ่งแรกของปี เทียบรายปีตั้งแต่ปี 2558 ถึงปีปัจจุบัน2568 ให้สังเกตแนวโน้มเส้นสีฟ้าว่า กำลังอยู่ขาขึ้น ที่น่าสนใจ สีเหลืองคือ ก่อนการระบาดของโควิด สีส้มคือช่วงที่มีการระบาดหนักจนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน สีแดงคือ การระบาดยุติ เลิกปิดบ้านปิดเมือง เห็นได้ชัดเจนว่า ปีแรกของการระบาด คนไทยไม่ได้ตายเพิ่มขึ้น ปีนั้นยังไม่มีวัคซีน ปีที่สองของการระบาด มีการฉีดวัคซีนกลับตายเพิ่มขึ้น ปี 2564 เริ่มมีการระดมฉีดวัคซีน กลับตายเพิ่มขึ้น แต่ที่น่า ตั้งคำถาม คือ ปี 2565 2566 2567 ที่ การระบาดยุติลง คนไทยกลับตายเพิ่มขึ้น มากกว่าก่อนการระบาดของโควิด ทั้งที่ เมื่อโควิด ยุติลง อัตราการเสียชีวิตควรจะกลับไปใกล้เคียงก่อนการระบาด ปีปัจจุบัน คนไทยยังเสียชีวิตในอัตราที่สูง แนวโน้มก็ยังอยู่ในขาขึ้น ทำไม? ถ้ารัฐบาล ใส่ใจ เรื่องชีวิตของคนไทย ต้องการแก้ปัญหาสาธารณสุข แค่เอาข้อมูล อายุเฉลี่ยของผู้ที่เสียชีวิตมาเทียบกันดู ก็จะเห็นว่า คนที่ตายอายุ น้อยลงด้วยไหม ตายก่อนวัยอันควรไหม? หลาย คนอาจสงสัยทำไมผมไม่วิเคราะห์เอง? ผม ไม่ได้เป็น รัฐบาล ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ แต่ รัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทำได้ง่ายๆ แต่ จะทำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ว่า เขาเห็นความสำคัญของชีวิตคนไทยไหม? นิลฉงน นลเฉลย https://www.facebook.com/share/p/167nL51Umt/ ขอขอบคุณอาจารย์หมอที่สละเวลาทำข้อมูลให้คนไทยได้ตื่นครับ 🙏🙏🙏
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ทวนความบัดสบของอดีตผู้นำไทย,ธาตุแท้ที่ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศไทยเลยเมื่อเจอค่าจริงแต่ปฏิเสธว่าคุณคือฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลนะ,ไม่ยินยอมรับผิดตามที่ผู้นำประเทศบอกให้รับผิดนะ.
    ..มันคือความอัปรีย์สุดๆของคดีระหว่างประเทศที่ค่าจริงมีตรึม,หนองจานเป็นของเขมรพะนะ.,ยืนบนแผ่นดินไทยแท้ๆเสือกข้าราชการและนักการเมืองไทยเองอยู่ตรงข้ามกับประชาชนตน,เป็นความอัปยศมลทิลติดตัวมิรู้ลืม,คนจริงแฉคนชั่วเลวสมควรแล้ว.
    ..จริงๆประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทได้แล้ว เหมือนต้องยกเลิกกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะ,เพราะอะไร เพราะกฎหมายประเภทนี้ทำให้สังคมเสียสมดุลความเป็นจริง,ถ้าตนเองถูกด่าเพราะเขาไปรู้ว่าทำชั่วอะไร ก็ออกมาโต้คืนว่าไม่ได้จริงนะ มันด่าโคตรพ่มโคตรแมร่งมรึง มรึงก็ด่าคืนสิ เสือกอ้างกฎหมายปิดปากแฉความชั่วตนเสีย,ชุมนุมใครจะออกมาชุมนุมไล่หรือประท้วงตนถ้าไม่ชั่วเลวจริง เขาจึงมาขับไล่ออก ตนมีหลักฐานว่าไม่ชั่วเลวก็แถลงแจ้งสิ,ความจริงมีค่าเดียวอยู่แล้ว เสือกเขียนกฎหมายห้ามและเกิดในยุคหลังทหารยึดอำนาจจากกปปส.ยื่นใส่พานด้วย มันผิดปกติมาก,ผิดปกติคือกฎหมายหมิ่นประมาทแล้ว,เมื่อไม่มี คนจะควบคุมคนเองภายในสังคมเฉพาะบุคคลนัันๆ สองฝ่ายเขานั้น หมิ่นก็หมิ่นก็ด่าล้างโคตรด้วยวาจาหาลงไม้ลงมือกัน,ด่าบรมโคตรใครมันจะเป็นเหี้ยอะไรถ้าตนไม่ใช่คนไม่ดี สามารถด่าบรมโคตรมันคืนก็ได้,
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทหากยกเลิกไปได้นะ,จะมีการแฉความจริงมากมาย,ใครทำผิดก็แฉหน้าตาได้,กรณีที่สำคัญอีกตัว คือข่าวแบบพนักงานแบงค์เป็นโจรเสียเองนี้ก็ด้วย ลักขโมยตังในบัญชีคนฝาก กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นประโยชน์ชัดเจนแก่คนผิด,ปกป้องชื่อเสียงธนาคารนั่น ปกป้องพนักงานนั้นๆ,โจรข่มขื่นก็ได้ความดีแก่กฎหมายหมิ่นประมาทด้วย ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าใส่หมวกกันน็อคช่วยปกปิดด้วยเพราะถ้ากูอาเสี่ยอาเฮียโดนก็สามารถใช่กฎหมายหมิ่นประมาทนี้ซ่อนใบหน้าได้,หรือใครๆไม่สามารถรุมด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งกูได้ที่สั่งสอนมาแล้วข่มขืนเด็กๆได้,
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายที่ทำลายสังคม
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายผู้ดีที่ทำลายสมดุลในการปกป้องความสงบสุขแก่สังคม เป็นการกระจายข่าวปกป้องภัยในชุมชนสังคมได้หากยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทเพื่อปกป้องคนชั่วไว้ก่อนก็ว่า.
    ..กฎหมายหมิ่นประมาทจงมองดูดีๆ เกิดจากปากในกรณีพูดจาก,เกิดใจความคิดในกรณีเล่นโซเชียลและเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยมือแทนปาก ด่าว่าแทนปากพูด สรุปกฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายปิดปากใช้ควบคุมทาสแบบใส่หน้าอนามัยยุคโควิดนั้นล่ะ,วลีเท่ๆแค่นั่นแต่แท้จริงอีลิทdeep stateต้องการปิดปากคุณและทำตามคำสั่งแค่นั้นหรือรับกฎกติกาอย่างเชื่อฟังสถานเดียว,กูฟ้องนะหมิ่นกู,นี้ไง!!!,นี้จึงกฎหมายที่ทำให้เสียสมดุลธรรมชาติในการจัดการโดยธรรมชาติของคนด้วยกันเอง,มีตัวนี้ก็เสียสมดุล,,กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะก็ด้วย,นี้ก็ปิดปากประชาชนเช่นกัน ผูกตีนผูกมือไว้หลังจากปิดปากเสร็จ มันเป็นจังหวะเลยนะ,ควบคุมคนทาสดีๆนี้เอง,



    ..https://youtu.be/pddofSa4sJo?si=O4DIL442VA2TuXkF
    ..ทวนความบัดสบของอดีตผู้นำไทย,ธาตุแท้ที่ไม่สมควรเป็นผู้นำประเทศไทยเลยเมื่อเจอค่าจริงแต่ปฏิเสธว่าคุณคือฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลนะ,ไม่ยินยอมรับผิดตามที่ผู้นำประเทศบอกให้รับผิดนะ. ..มันคือความอัปรีย์สุดๆของคดีระหว่างประเทศที่ค่าจริงมีตรึม,หนองจานเป็นของเขมรพะนะ.,ยืนบนแผ่นดินไทยแท้ๆเสือกข้าราชการและนักการเมืองไทยเองอยู่ตรงข้ามกับประชาชนตน,เป็นความอัปยศมลทิลติดตัวมิรู้ลืม,คนจริงแฉคนชั่วเลวสมควรแล้ว. ..จริงๆประเทศไทยเรา สมควรยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทได้แล้ว เหมือนต้องยกเลิกกฎหมายชุมนุมในที่สาธารณะนั้นล่ะ,เพราะอะไร เพราะกฎหมายประเภทนี้ทำให้สังคมเสียสมดุลความเป็นจริง,ถ้าตนเองถูกด่าเพราะเขาไปรู้ว่าทำชั่วอะไร ก็ออกมาโต้คืนว่าไม่ได้จริงนะ มันด่าโคตรพ่มโคตรแมร่งมรึง มรึงก็ด่าคืนสิ เสือกอ้างกฎหมายปิดปากแฉความชั่วตนเสีย,ชุมนุมใครจะออกมาชุมนุมไล่หรือประท้วงตนถ้าไม่ชั่วเลวจริง เขาจึงมาขับไล่ออก ตนมีหลักฐานว่าไม่ชั่วเลวก็แถลงแจ้งสิ,ความจริงมีค่าเดียวอยู่แล้ว เสือกเขียนกฎหมายห้ามและเกิดในยุคหลังทหารยึดอำนาจจากกปปส.ยื่นใส่พานด้วย มันผิดปกติมาก,ผิดปกติคือกฎหมายหมิ่นประมาทแล้ว,เมื่อไม่มี คนจะควบคุมคนเองภายในสังคมเฉพาะบุคคลนัันๆ สองฝ่ายเขานั้น หมิ่นก็หมิ่นก็ด่าล้างโคตรด้วยวาจาหาลงไม้ลงมือกัน,ด่าบรมโคตรใครมันจะเป็นเหี้ยอะไรถ้าตนไม่ใช่คนไม่ดี สามารถด่าบรมโคตรมันคืนก็ได้, ..กฎหมายหมิ่นประมาทหากยกเลิกไปได้นะ,จะมีการแฉความจริงมากมาย,ใครทำผิดก็แฉหน้าตาได้,กรณีที่สำคัญอีกตัว คือข่าวแบบพนักงานแบงค์เป็นโจรเสียเองนี้ก็ด้วย ลักขโมยตังในบัญชีคนฝาก กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นประโยชน์ชัดเจนแก่คนผิด,ปกป้องชื่อเสียงธนาคารนั่น ปกป้องพนักงานนั้นๆ,โจรข่มขื่นก็ได้ความดีแก่กฎหมายหมิ่นประมาทด้วย ไม่ให้เปิดเผยใบหน้าใส่หมวกกันน็อคช่วยปกปิดด้วยเพราะถ้ากูอาเสี่ยอาเฮียโดนก็สามารถใช่กฎหมายหมิ่นประมาทนี้ซ่อนใบหน้าได้,หรือใครๆไม่สามารถรุมด่าโคตรพ่อโคตรแมร่งกูได้ที่สั่งสอนมาแล้วข่มขืนเด็กๆได้, ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายที่ทำลายสังคม ..กฎหมายหมิ่นประมาทจึงเป็นกฎหมายผู้ดีที่ทำลายสมดุลในการปกป้องความสงบสุขแก่สังคม เป็นการกระจายข่าวปกป้องภัยในชุมชนสังคมได้หากยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทเพื่อปกป้องคนชั่วไว้ก่อนก็ว่า. ..กฎหมายหมิ่นประมาทจงมองดูดีๆ เกิดจากปากในกรณีพูดจาก,เกิดใจความคิดในกรณีเล่นโซเชียลและเขียนแสดงความคิดเห็นด้วยมือแทนปาก ด่าว่าแทนปากพูด สรุปกฎหมายหมิ่นประมาทคือกฎหมายปิดปากใช้ควบคุมทาสแบบใส่หน้าอนามัยยุคโควิดนั้นล่ะ,วลีเท่ๆแค่นั่นแต่แท้จริงอีลิทdeep stateต้องการปิดปากคุณและทำตามคำสั่งแค่นั้นหรือรับกฎกติกาอย่างเชื่อฟังสถานเดียว,กูฟ้องนะหมิ่นกู,นี้ไง!!!,นี้จึงกฎหมายที่ทำให้เสียสมดุลธรรมชาติในการจัดการโดยธรรมชาติของคนด้วยกันเอง,มีตัวนี้ก็เสียสมดุล,,กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะก็ด้วย,นี้ก็ปิดปากประชาชนเช่นกัน ผูกตีนผูกมือไว้หลังจากปิดปากเสร็จ มันเป็นจังหวะเลยนะ,ควบคุมคนทาสดีๆนี้เอง, ..https://youtu.be/pddofSa4sJo?si=O4DIL442VA2TuXkF
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ
    ดอกบัว : สัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้
    ดอกบัวที่มีรากหยั่งและเติบโตในโคลน แต่ดอกจะผลิบานอยู่เหนือผิวน้ำ ถือว่าเป็นดอกไม้แห่งพระพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้ ความหมายของดอกบัวสามารถหมายถึงการเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายและความสงบที่เกิดจากภายในตัวเรา ดอกบัวในทางพุทธศาสนามีความลึกซึ้ง อุปมาเปรียบบุคคลเหมือนดอกบัว 4 จำพวก ได้แก่ บัวพ้นน้ำ ผู้ที่มีความพร้อมมีปัญญาสามารถมองเห็นเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลได้ บัวปริ่มน้ำ จำต้องพัฒนาซึ่งเมื่อขยายความเล็กน้อยก็จะมีความเข้าใจ บัวที่อยู่ใต้น้ำ ต้องอาศัยการเพาะบ่ม อบรมฝึกฝนอยู่เสมอ และบัวที่จม อยู่กับโคลนตมเป็นเหยื่อของสัตว์น้ำ แม้จะได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจหรือรึความหมายตามได้ แต่อย่างไรก็ตามมนุษย์ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้กลายมาเป็นบัวที่พ้นน้ำได้
    ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ ดอกบัว : สัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ ดอกบัวที่มีรากหยั่งและเติบโตในโคลน แต่ดอกจะผลิบานอยู่เหนือผิวน้ำ ถือว่าเป็นดอกไม้แห่งพระพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้ ความหมายของดอกบัวสามารถหมายถึงการเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายและความสงบที่เกิดจากภายในตัวเรา ดอกบัวในทางพุทธศาสนามีความลึกซึ้ง อุปมาเปรียบบุคคลเหมือนดอกบัว 4 จำพวก ได้แก่ บัวพ้นน้ำ ผู้ที่มีความพร้อมมีปัญญาสามารถมองเห็นเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลได้ บัวปริ่มน้ำ จำต้องพัฒนาซึ่งเมื่อขยายความเล็กน้อยก็จะมีความเข้าใจ บัวที่อยู่ใต้น้ำ ต้องอาศัยการเพาะบ่ม อบรมฝึกฝนอยู่เสมอ และบัวที่จม อยู่กับโคลนตมเป็นเหยื่อของสัตว์น้ำ แม้จะได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจหรือรึความหมายตามได้ แต่อย่างไรก็ตามมนุษย์ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้กลายมาเป็นบัวที่พ้นน้ำได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรยากาศการทำบุญภายในวัดโสธรวราราม ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา เงียบเหงาหนักแตกต่างจากช่วงทุกๆ เทศกาลสำคัญที่ผ่านมา หลังพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส กลายเป็นข่าวฉาว 1 ในพระผู้ใหญ่มีสัมพันธ์สวาท สีกากอล์ฟ

    วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา หลังเกิดข่าวฉาว พระครูสิริวิริยธาดา อายุ 39 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ฯ ต้องปาราชิกหลังปรากฏในคลิปมีสัมพันธ์สวาทกับ สีกากอล์ฟ มือพิฆาตพระชั้นผู้ใหญ่ จนต้องหนีไปลาสิกขายังวัดป่าเจริญธรรม จ.ชัยภูมิ ว่าเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัดแม้จะเป็นช่วงหยุดยาว 4 วันก็ตาม

    โดยในวันนี้ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำบุญค่อนข้าบางตา โดยเฉพาะจุดทำบุญพระประจำวันเกิด และจุดเติมน้ำมันตะเกียง แทบจะไม่มีใครเดินเข้าไปร่วมทำบุญ

    ส่วนภายในพระมหาวิหารหลวงพ่อโสธรองค์จำลอง แม้จะยังคงมีผู้คนเข้ามาทำบุญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนาแน่นเหมือนช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ผ่านมา ส่งผลให้การจราจรบริเวณหน้าวัดฯ ค่อนข้างโล่งและแทบจะเงียบเหงาไปทั้งเมือง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000065660

    #Thaitimes #MGROnline #วัดโสธรวราราม
    บรรยากาศการทำบุญภายในวัดโสธรวราราม ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา เงียบเหงาหนักแตกต่างจากช่วงทุกๆ เทศกาลสำคัญที่ผ่านมา หลังพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส กลายเป็นข่าวฉาว 1 ในพระผู้ใหญ่มีสัมพันธ์สวาท สีกากอล์ฟ • วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา หลังเกิดข่าวฉาว พระครูสิริวิริยธาดา อายุ 39 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด ฯ ต้องปาราชิกหลังปรากฏในคลิปมีสัมพันธ์สวาทกับ สีกากอล์ฟ มือพิฆาตพระชั้นผู้ใหญ่ จนต้องหนีไปลาสิกขายังวัดป่าเจริญธรรม จ.ชัยภูมิ ว่าเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัดแม้จะเป็นช่วงหยุดยาว 4 วันก็ตาม • โดยในวันนี้ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำบุญค่อนข้าบางตา โดยเฉพาะจุดทำบุญพระประจำวันเกิด และจุดเติมน้ำมันตะเกียง แทบจะไม่มีใครเดินเข้าไปร่วมทำบุญ • ส่วนภายในพระมหาวิหารหลวงพ่อโสธรองค์จำลอง แม้จะยังคงมีผู้คนเข้ามาทำบุญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนาแน่นเหมือนช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ผ่านมา ส่งผลให้การจราจรบริเวณหน้าวัดฯ ค่อนข้างโล่งและแทบจะเงียบเหงาไปทั้งเมือง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000065660 • #Thaitimes #MGROnline #วัดโสธรวราราม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรยากาศการทำบุญภายในวัดโสธรวราราม ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา เงียบเหงาหนักแตกต่างจากช่วงทุกๆ เทศกาลสำคัญที่ผ่านมา หลังพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส กลายเป็นข่าวฉาว 1 ในพระผู้ใหญ่มีสัมพันธ์สวาท สีกากอล์ฟ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065660

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    บรรยากาศการทำบุญภายในวัดโสธรวราราม ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา เงียบเหงาหนักแตกต่างจากช่วงทุกๆ เทศกาลสำคัญที่ผ่านมา หลังพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส กลายเป็นข่าวฉาว 1 ในพระผู้ใหญ่มีสัมพันธ์สวาท สีกากอล์ฟ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065660 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ยังคงมีเรื่องมาคุยกันจากละคร <สามีข้าเป็นฮีโร่> ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว สืบเนื่องจากเคยมีเพื่อนเพจอยากให้พูดคุยเกี่ยวกับอาคารบ้านเรือนจีนโบราณ และในละครเรื่องนี้นางเอกพยายามเผาห้องของพระเอกที่อยู่ติดกันซึ่งเรียกว่า “เอ่อร์ฝาง” (耳房) เนื้อหาตอนนี้ในหนังสือเรื่องนี้ไม่มี เราลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอ่อร์ฝางและเรือนจีนโบราณจากนิยายเรื่องอื่นกัน

    ความมีอยู่ว่า
    ... จิ้งหยวนแม้เป็นเรือนในชั้นรอง แต่ขนาดไม่ใหญ่ อาคารหลักที่เขาทั้งสองพักอาศัยเป็นอาคารสามห้อง ซ้ายขวามีเรือนห้อย (เอ่อร์ฝาง) ถัดไปเบื้องหน้าด้านซ้ายขวาเป็นอาคารตะวันตกและตะวันออก ห้องในอาคารหลักนี้ ประกอบด้วยห้องโถงรับรองตรงกลาง ห้องฟากตะวันตกเป็นห้องหนังสือ ส่วนห้องฟากตะวันออกเป็นห้องนอน มีตีผนังทะลุไปยังเรือนห้อยที่ติดกันกั้นไว้ด้วยผนังฉาก จัดเป็นห้องชำระ...
    - จากเรื่อง <เกิดใหม่อีกที ไม่ขอมีสามีสกุลหลี่> ผู้แต่ง ฉางโกวลั่วเยวี่ย
    (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    บทบรรยายข้างต้นเป็นการกล่าวถึงลักษณะเรือนซื่อเหอเยวี่ยน หรือเรือนสี่ประสานอันเป็นรูปทรงทั่วไปของเรือนจีนโบราณ (หาอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง)

    เอ่อร์ฝาง หรือเรือนห้อย (ดูภาพที่วงไว้ในแผนผังรูปอาคาร และรูปที่เอามาจากในละคร) วิธีจำง่ายๆ คือ “เอ่อร์” แปลว่าหู ก็นึกภาพว่าอาคารหลักมีหูสองข้างเป็นเรือนห้อยนี่แล่ะ เอกลักษณ์ของมันคือมันต้องเป็นห้องที่มีขนาดเล็กและหลังคาเตี้ยกว่าอาคารหลัก

    แล้วมันมีไว้เพื่อ? ในองค์ประกอบของเรือนสี่ประสานนั้น ใครอยู่ห้องไหนจะมีลำดับความสำคัญ เช่นเจ้าบ้านจะอยู่ในอาคารหลัก ในอาคารหลักแบ่งให้ผู้อาวุโสพำนักในห้องฝั่งตะวันออก อาวุโสรองลงมาก็อยู่ห้องฝั่งตะวันตก เป็นต้น และสำหรับคฤหาสน์ของคหบดีหรือข้าราชการที่มีฐานะ จะประกอบด้วยหมู่เรือนสี่ประสานหลายชั้น ลูกแต่ละคนก็มีเรือนส่วนตัวแยกเป็นของตนเอง

    เนื่องจากเอ่อร์ฝางเป็นเพียงห้องที่ห้อยติดกับอาคารหลัก จึงใช้เป็นห้องนอนสำหรับผู้ที่ด้อยศักดิ์ของครอบครัว หรืออนุ สำหรับบ้านที่ไม่ได้มีหลายหมู่เรือน หรือไว้ใช้อเนกประสงค์สำหรับบ้านที่ใหญ่และมีหมู่เรือนหลายชั้น (อย่างเช่นตัวอย่างตามบทความจากนิยายข้างต้น)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.sohu.com/a/450812871_100288750
    https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/
    Credit เนื้อหารวบรวมจาก:
    http://m.52shijing.com/lsjm/81120.html
    https://zh.m.wikipedia.org/wiki/%E8%80%B3%E6%88%BF

    เนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะเรือนสี่ประสาน อ่านเพิ่มเติม (ภาษาไทย) ได้ที่ https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/

    #สามีข้าคือฮีโร่ #เกิดใหม่อีกทีไม่ขอมีสามีสกุลหลี่ #บ้านจีนโบราณ #เรือนสี่ประสาน #ซื่อเหอย่วน #เรือนห้อย #เอ่อร์ฝาง #StoryfromStory
    วันนี้ยังคงมีเรื่องมาคุยกันจากละคร <สามีข้าเป็นฮีโร่> ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว สืบเนื่องจากเคยมีเพื่อนเพจอยากให้พูดคุยเกี่ยวกับอาคารบ้านเรือนจีนโบราณ และในละครเรื่องนี้นางเอกพยายามเผาห้องของพระเอกที่อยู่ติดกันซึ่งเรียกว่า “เอ่อร์ฝาง” (耳房) เนื้อหาตอนนี้ในหนังสือเรื่องนี้ไม่มี เราลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอ่อร์ฝางและเรือนจีนโบราณจากนิยายเรื่องอื่นกัน ความมีอยู่ว่า ... จิ้งหยวนแม้เป็นเรือนในชั้นรอง แต่ขนาดไม่ใหญ่ อาคารหลักที่เขาทั้งสองพักอาศัยเป็นอาคารสามห้อง ซ้ายขวามีเรือนห้อย (เอ่อร์ฝาง) ถัดไปเบื้องหน้าด้านซ้ายขวาเป็นอาคารตะวันตกและตะวันออก ห้องในอาคารหลักนี้ ประกอบด้วยห้องโถงรับรองตรงกลาง ห้องฟากตะวันตกเป็นห้องหนังสือ ส่วนห้องฟากตะวันออกเป็นห้องนอน มีตีผนังทะลุไปยังเรือนห้อยที่ติดกันกั้นไว้ด้วยผนังฉาก จัดเป็นห้องชำระ... - จากเรื่อง <เกิดใหม่อีกที ไม่ขอมีสามีสกุลหลี่> ผู้แต่ง ฉางโกวลั่วเยวี่ย (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) บทบรรยายข้างต้นเป็นการกล่าวถึงลักษณะเรือนซื่อเหอเยวี่ยน หรือเรือนสี่ประสานอันเป็นรูปทรงทั่วไปของเรือนจีนโบราณ (หาอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ข้างล่าง) เอ่อร์ฝาง หรือเรือนห้อย (ดูภาพที่วงไว้ในแผนผังรูปอาคาร และรูปที่เอามาจากในละคร) วิธีจำง่ายๆ คือ “เอ่อร์” แปลว่าหู ก็นึกภาพว่าอาคารหลักมีหูสองข้างเป็นเรือนห้อยนี่แล่ะ เอกลักษณ์ของมันคือมันต้องเป็นห้องที่มีขนาดเล็กและหลังคาเตี้ยกว่าอาคารหลัก แล้วมันมีไว้เพื่อ? ในองค์ประกอบของเรือนสี่ประสานนั้น ใครอยู่ห้องไหนจะมีลำดับความสำคัญ เช่นเจ้าบ้านจะอยู่ในอาคารหลัก ในอาคารหลักแบ่งให้ผู้อาวุโสพำนักในห้องฝั่งตะวันออก อาวุโสรองลงมาก็อยู่ห้องฝั่งตะวันตก เป็นต้น และสำหรับคฤหาสน์ของคหบดีหรือข้าราชการที่มีฐานะ จะประกอบด้วยหมู่เรือนสี่ประสานหลายชั้น ลูกแต่ละคนก็มีเรือนส่วนตัวแยกเป็นของตนเอง เนื่องจากเอ่อร์ฝางเป็นเพียงห้องที่ห้อยติดกับอาคารหลัก จึงใช้เป็นห้องนอนสำหรับผู้ที่ด้อยศักดิ์ของครอบครัว หรืออนุ สำหรับบ้านที่ไม่ได้มีหลายหมู่เรือน หรือไว้ใช้อเนกประสงค์สำหรับบ้านที่ใหญ่และมีหมู่เรือนหลายชั้น (อย่างเช่นตัวอย่างตามบทความจากนิยายข้างต้น) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/450812871_100288750 https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/ Credit เนื้อหารวบรวมจาก: http://m.52shijing.com/lsjm/81120.html https://zh.m.wikipedia.org/wiki/%E8%80%B3%E6%88%BF เนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะเรือนสี่ประสาน อ่านเพิ่มเติม (ภาษาไทย) ได้ที่ https://aichineseschool.wordpress.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/ #สามีข้าคือฮีโร่ #เกิดใหม่อีกทีไม่ขอมีสามีสกุลหลี่ #บ้านจีนโบราณ #เรือนสี่ประสาน #ซื่อเหอย่วน #เรือนห้อย #เอ่อร์ฝาง #StoryfromStory
    WWW.SOHU.COM
    《赘婿》首播:剧情搞笑,宋轶获赞,郭麒麟槽点较为集中_宁毅
    而郭麒麟从脸上讲就有点不合适,大家可以看一下这个镜头他和张若昀的对比,年龄和气质的差异一下子就能看出来,而且郭麒麟看起来特别的黑。 大家其实对郭麒麟这个演员没有什么意见,甚至也承认郭麒麟在平常生活中…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาค1 ส 12-7-68 ..
    E:\- m1 ภาค ส่ง
    1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม
    2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก
    3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้!
    4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม
    5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา
    6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม
    - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา
    • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว
    • ขจัดความยากจนของประเทศ
    • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด
    - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย
    กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว
    การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้
    ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ
    7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม
    8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์
    9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม
    # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4
    -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี
    -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ
    # ยกเลิกระบบลูกจ้าง
    -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล
    ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ)
    -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
    9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด
    9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ
    ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด
    ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก"
    ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม
    9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน
    9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร
    -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ
    -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่
    -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต
    -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ
    9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :-
    9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
    • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ
    • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ
    • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา
    • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ!
    9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
    จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน

    ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง

    ภาค1 ส 12-7-68 .. E:\- m1 ภาค ส่ง 1.ยุคนี้ เป็นยุคสส.(อดัม สมิธ)ที่ภาครัฐต้องเอื้ออำนวยบทบาทเอกชนเหล่าสส.เล่นได้เต็มที่ก็จะเกิดความมั่งคั่งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิตซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดแข่งขันเสรีโดยรวมแห่งระบบเลือกตั้งสังคมทุนนิยม 2.เมื่อโลกใบนี้(รวมทั้งไทย)ที่สส.ฐานะเป็นเอกชนซึ่งมีความโลภมีบทบาทแข่งกันเข้ากอบโกยสร้างรวยแก่ตนได้ อันเป็นความชอบธรรมทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อดัมสมิธ สส.จึงลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งชิงอำนาจครองเมืองเพื่อความได้เปรียบคู่แข่งต่อการกอบโกยอันเป็นลักษณะทั่วไปของระบบ “แข่งขันเข้าคูหาเลือกตั้ง” เพื่อชิงอำนาจครองเมืองแห่งทุนเสรีในยุคปัจจุบัน -นับแต่นี้ไป ต้องไม่เอื้อเหล่าสส.อดัม สมิธ ครองเมืองอีก 3.ประเทศไทยต้องสร้าง “การเมืองใหม่” ขึ้นมาให้ได้! 4.ธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ทั้งลม-ฟ้า-อากาศ และผืนดิน ธรรมชาติจึงสร้างมนุษย์ให้พึ่งพากันโดยมีแวว “ทักษะและความชอบ” แตกต่างกันไปเชิงสังคม 5.โครงสร้างสังคมหลักเศรษฐศาสตร์ใหม่ของเรา อิงวิถีธรรมชาติที่ให้เรามา 6.อนึ่ง ประเทศจีนปฏิวัติสังคมประเทศไปก่อนแล้ว โดยนำระบบการตลาดควบระบบสังคมนิยม - ด้านผลสำเร็จ คือทิศทางเราควรศึกษาจากเขา • จีนทุ่มงานวิจัยr&dเยอะจึงพัฒนาไปเร็ว • ขจัดความยากจนของประเทศ • ปราบคอร์รัปชั่นเฉียบขาด - ส่วนด้านจุดอ่อนนั้น เราก็อย่าให้เกิดซ้ำรอยที่เราอีก ในกรณี “อาชีพเก็งกำไร” เช่น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจสอนพิเศษ ตลาดหลักทรัพย์ จะต้องไม่ให้เกิดที่ไทย กรณีบทเรียนจีนอุดหนุนเอกชนผลิตรถอีวี แข่งขันกันพากันเจ๊ง กรณีจีนอุดหนุนส่งเสริมผลิตสินค้าผลิตให้มากเพื่อได้ต้นทุนต่ำ ผลิตล้นขายทั้งในและนอกประเทศเดือดร้อนไปทั่ว การศึกษาแข่งขันกันสูง ค่าเล่าเรียนจึงสูงมาก จบออกมาก็ยังหางานทำไม่ได้ ค่าบ้าน ค่าเรียน จึงเป็นภาระหนักของประชาชน จึงเป็นเหตุให้ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานก็ไม่อยากมีลูก เป็นเหตุให้จีนคนสูงวัยเยอะ แต่ขาดวัยแรงงานพัฒนาประเทศ 7.ประเทศไทย ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน คือด้านพลังงาน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจทั้งหมด (การกลั่นน้ำมัน ขายปลีกปั๋มน้ำมัน ไปจนถึงพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม 8. ยกเลิกธุรกิจเก็งกำไรทั้งปวง การธนาคารต้องเป็นรัฐ วิสาหกิจ(ยกเลิกการธนาคารเอกชน) รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ 9] ปลดโซ่ตรวนทุนเสรีทั้งปวง สร้างกำลังซื้อประชาชน การเงินจะได้สะพัดในระบบเศรษฐกิจสังคม # ต้องลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ลดภาระปัจจัย4 -บ้าน/อาคาร ที่พักอาศัย ที่ทำกิน-ที่ค้าขายต้องอยู่ฟรี -เครื่องมือ-อุปกรณ์การทำอาชีพต้องสนองให้และฟรี และมีการพัฒนาและเสริมให้ใหม่อยู่เสมอ # ยกเลิกระบบลูกจ้าง -ทุกอาชีพที่ต้องใช้คนช่วย ตั้งบริษัท เป็นนิติบุคคล ตั้งเป็นบริษัทพัฒนา (ตามสมัครใจ) -“บริษัฒนา” ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน 9.1]ด้วยธรรมชาติโลกใบนี้ “ปั่นป่วน” ยิ่งนัก ธรรมชาติจึงให้ “แวว” มนุษย์แตกต่างกันเกื้อกูลกันเชิงสังคม ภาครัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กๆ ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัย “เตรียมอนุบาล” เพื่อพัฒนาการ “แวว” ของเด็กแต่ละคนให้ตรงจุด 9.1.1] “เตรียมอนุบาล”เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิต เป็นวัยที่เริ่มแสดงออกถึงแววไปทางใด เช่น (ลักษณะผู้นำ) : คิดการไกล-มีวิสัยทัศน์ ช่างคิด คิดต่างเสมอ (ลักษณะผู้บริหาร) :อิงระบบ คุมกฎ ชอบจัด-วางระเบียบ. บุคลากรปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่ง บุคลากรที่ชอบออกแรงแบบใช้สมอง บุคลากรที่ชอบออกแรงแต่ไม่ชอบใช้สมอง ฯ ภาครัฐก็จะได้ส่งเสริมทิศทางแววได้ถูกจุด และเจ้าตัวก็จะได้รับรู้แววของตัวเองไปทางใด ดังคำพังเพยที่ว่า"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" ไม่จำเป็นต้องดัดอะไรอีกเลย เพียงทราบทิศทางแววไปทางไหนก็พัฒนาการไปทางนั้น นั่นคือจะเกิดความชื่นชอบส่วนลึกทางจิตใจโดยวิถีธรรมชาติของเขา นั่นความสุขใจในการปฏิบัติงานของเขา ก็จะได้ทรัพยากรบุคคที่มีคุณภาพให้แก่สังคม 9.1.2] ภาคเอกชน ก็รู้จักใช้คน ด้วยการจองตัวนักศึกษากับมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่ “แววดี” คะแนนดี มีผลงาน เอาไว้ใช้งาน 9.1.3] ภาครัฐก็เช่นกัน ควรวางตัวบุคคลากรในหน่วยงานตามลัษณะพิเศษของแวว ในตำแหน่งสำคัญๆ คือ แวว-ผู้นำองค์กร แวว-ผู้บริหารองค์กร -เช่น ภาครั.ฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ -มิเช่นนั้น กิจการรั.ฐวิสาหกิจก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ -คำกล่าวขานกันว่า ถ้าเป็นกิจการของรัฐมักไม่โต -อีกประการหนึ่ง กิจการของภาครัฐ มักถูกนักการเมืองเข้าบอนไซ ทำให้ง่อยเปลี้ยแล้วเข้าฮุบกิจการ 9.2]ยังมีแววลักษณะพิเศษอื่นๆ เช่น :- 9.2.1]เรียนไม่เก่งก็สร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ • อย่าง “แจ็คหม่า” เรียนไม่เก่ง ซ้ำชั้นบ่อยแม้ภาษาอังกฤษก็เรียนไม่ผ่าน ไปสมัครงานที่ไหนๆก็ไม่มีใครรับกัน KFCเขาก็ไม่รับ • แจ็คหม่ามีแววช่างคิด(เจ้าปัญญา)เขาเชื่อใจตัวเองว่า:เขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้ เขาปั่นจักรยานร่วมชั่วโมงไปในเมืองเป็นไกด์ จากที่เริ่มต้นพูดงูๆปลาๆจนพูดได้ดี ก็ไปเรียนต่อภาษาอังกฤษจนจบได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้สมใจ • แจ็กหม่าเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ทตอนทำธุรกิจการแปลภาษา กับตอนที่เป็นล่ามที่อเมริกา • แจ็คหม่าข้องใจว่า ในอีเตอร์เน็ทต่างประเทศลงสินค้าจีนแต่ไม่มีตัวแทนจีนเอาไปลงเลย สินค้าจีนบางตัวก็ไม่มีลง ก็ทำให้แจ็คหม่ามีแรงบันดาลใจ กลับจีนจะไปผลักดันเรื่องนี้ พอกลับก็ไปผลักดันจนในที่สุดก็สร้าง “เว็บไซต์ E-commerce อาลีบาบา”ขึ้นมา เป็นตลาดซื้อขายระดับต่างๆ ผลให้แจ็กหม่าในปี 2018 มีทรัพย์สินราว ๆ 1.2 ล้านล้านบาท กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 20 ของโลกในที่สุด – จากเด็กยากจนและเรียนไม่เก่ง แต่มีแววช่างคิดวิสัยทัศน์ไกลผลให้เติบโตสุดๆ! 9.2.2]คำวลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" นั่นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ จินตนาการหมายถึง การคิดสร้างภาพในจิตใจหรือพลังของจิตที่สร้างภาพขันใหม่ภายในใจ ให้น่าพอใจกว่า สวยกว่า เป็นระเบียบกว่าหรือร้ายกาจกว่าสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป จินตนาการทำให้เกิดภาพขึ้นในสำนึกเรียกว่า “จินตภาพ” จินตภาพเหล่านี้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้นับสะสมอยู่ภายใน ปล.ภาค1 ยังไม่จบ ต่อภาค2 ก่อน เกี่ยวกับตั้งพรรคการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ดิว อริสรา” คัมแบ็กไลฟ์ขายของรอบ 2 ยอดขายทะลุล้าน! เผยไม่รับงานไลฟ์เจ้าอื่น แม้ค่าจ้างล้านบาท เหตุยังไม่พร้อม-ช่องติ๊กต๊อกสำคัญ ยันไม่หยิ่ง รับทุกอย่างที่ทำ พร้อมใช้หนี้ ลั่นไม่กลับไทยไม่ใช่หนี แต่มีสิทธิ์ตั้งหลัก น้ำตาปริ่ม “กุ๊บกิ๊บ” เข้ามาเมนต์ให้กำลังใจ

    หลังจากที่เลื่อนไลฟ์วันที่ 3 ก.ค. ออกไป เหตุสัญญาณเน็ตข้ามประเทศมีปัญหา ล่าสุด “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” ได้กลับมาไลฟ์ขายอาหารเสริมอีกครั้งในวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งรอบนี้ยอดขายทะลุทะลวงล้านแตก ทำแม่ดิวยิ้มแก้มแตก พร้อมอัปเดตชีวิต และสาเหตุ ทำไมถึงปฏิเสธงานไลฟ์ของเจ้าอื่นๆ ที่ติดต่อเข้ามา แม้จ้างถึง 1 ล้าน

    -ดิวจะรับงานไลฟ์อย่างเต็มที่ เพื่อใช้หนี้นั่นแหละ แต่อยากให้เข้าใจว่าการใช้หนี้ไม่ใช่แค่การรับงานไลฟ์อย่างเดียวเพื่อใช้หนี้นะ เวลาเดียวกันดิวก็หาทางอื่น ดิ้นรนทางอื่นด้วยเหมือนกัน แต่นี่เป็นอีกหนึ่งทางที่ดิวพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้เงินมา จะได้เคลียร์เขาไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000065507

    #Thaitimes #MGROnline #ดิวอริสรา
    “ดิว อริสรา” คัมแบ็กไลฟ์ขายของรอบ 2 ยอดขายทะลุล้าน! เผยไม่รับงานไลฟ์เจ้าอื่น แม้ค่าจ้างล้านบาท เหตุยังไม่พร้อม-ช่องติ๊กต๊อกสำคัญ ยันไม่หยิ่ง รับทุกอย่างที่ทำ พร้อมใช้หนี้ ลั่นไม่กลับไทยไม่ใช่หนี แต่มีสิทธิ์ตั้งหลัก น้ำตาปริ่ม “กุ๊บกิ๊บ” เข้ามาเมนต์ให้กำลังใจ • หลังจากที่เลื่อนไลฟ์วันที่ 3 ก.ค. ออกไป เหตุสัญญาณเน็ตข้ามประเทศมีปัญหา ล่าสุด “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” ได้กลับมาไลฟ์ขายอาหารเสริมอีกครั้งในวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งรอบนี้ยอดขายทะลุทะลวงล้านแตก ทำแม่ดิวยิ้มแก้มแตก พร้อมอัปเดตชีวิต และสาเหตุ ทำไมถึงปฏิเสธงานไลฟ์ของเจ้าอื่นๆ ที่ติดต่อเข้ามา แม้จ้างถึง 1 ล้าน • -ดิวจะรับงานไลฟ์อย่างเต็มที่ เพื่อใช้หนี้นั่นแหละ แต่อยากให้เข้าใจว่าการใช้หนี้ไม่ใช่แค่การรับงานไลฟ์อย่างเดียวเพื่อใช้หนี้นะ เวลาเดียวกันดิวก็หาทางอื่น ดิ้นรนทางอื่นด้วยเหมือนกัน แต่นี่เป็นอีกหนึ่งทางที่ดิวพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้เงินมา จะได้เคลียร์เขาไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000065507 • #Thaitimes #MGROnline #ดิวอริสรา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ
    ดอกเบญจมาศ : สัญลักษณ์แห่งความไม่เที่ยง
    จากแนวคิดพื้นฐานในทางปรัชญาพุทธศาสนา ดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฎจักรของชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นหลักคำสอนให้กับชาวพุทธในการยอมรับกับความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการเจริญปัญญา ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและชาวจีน ดอกเบญจมาศสีขาวเปรียบเสมือนการตั้งสัจจะและความซื่อสัตย์ จึงเป็นดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นและจีนนำมาไหว้และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ
    ดอกไม้สำคัญในศาสนาพุทธ : สัญลักษณ์และความหมายทางจิตวิญญาณ ดอกเบญจมาศ : สัญลักษณ์แห่งความไม่เที่ยง จากแนวคิดพื้นฐานในทางปรัชญาพุทธศาสนา ดอกเบญจมาศเป็นสัญลักษณ์แห่งวัฎจักรของชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นหลักคำสอนให้กับชาวพุทธในการยอมรับกับความไม่เที่ยง ความไม่แน่นอน การใช้ชีวิตอย่างมีสติ และการเจริญปัญญา ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นและชาวจีน ดอกเบญจมาศสีขาวเปรียบเสมือนการตั้งสัจจะและความซื่อสัตย์ จึงเป็นดอกไม้ที่ชาวญี่ปุ่นและจีนนำมาไหว้และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาระสำคัญวันอาสาฬหบูชา 🪷 วันพระ พฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
    สาระสำคัญวันอาสาฬหบูชา 🪷 วันพระ พฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ยุโรปตะวันตก "กำลังพ่ายแพ้" ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับ 2 คู่แข่งสำคัญ จีนและสหรัฐฯ และกำลังประสบปัญหาขาดแคลนบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก จากความเห็นของเจมี ดิมอน ซีอีโอของสถาบันการเงินเจพีมอร์แกน เชส

    นับตั้งแต่ปี 2022 ครั้งที่สหภาพยุโรป(อียู) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุมเล่นงานพลังงานรัสเซีย ลงโทษเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน การเติบโตทั่วทั้งกลุ่มอยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยอรมนี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

    มอสโก ระบุว่ามาตรการจำกัดต่างๆของอียูเป็นการกระทำที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของตนเอง กระพือราคาพลังงานพุ่งสูงและก่อความอ่อนแอแก่เศรษฐกิจของทางกลุ่ม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000065526

    #Thaitimes #MGROnline #ยุโรปตะวันตก #สหภาพยุโรป #อียู
    ยุโรปตะวันตก "กำลังพ่ายแพ้" ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับ 2 คู่แข่งสำคัญ จีนและสหรัฐฯ และกำลังประสบปัญหาขาดแคลนบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก จากความเห็นของเจมี ดิมอน ซีอีโอของสถาบันการเงินเจพีมอร์แกน เชส • นับตั้งแต่ปี 2022 ครั้งที่สหภาพยุโรป(อียู) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุมเล่นงานพลังงานรัสเซีย ลงโทษเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน การเติบโตทั่วทั้งกลุ่มอยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยอรมนี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน • มอสโก ระบุว่ามาตรการจำกัดต่างๆของอียูเป็นการกระทำที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของตนเอง กระพือราคาพลังงานพุ่งสูงและก่อความอ่อนแอแก่เศรษฐกิจของทางกลุ่ม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000065526 • #Thaitimes #MGROnline #ยุโรปตะวันตก #สหภาพยุโรป #อียู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่

    แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้

    Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD

    จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น

    อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า

    แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU
    - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA
    - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก
    - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร
    - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น
    - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ
    - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง
    - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก
    - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง
    - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่

    https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    Huawei เปลี่ยนกลยุทธ์ชิป AI – หวังแซง NVIDIA ด้วยแนวทางใหม่ แม้สหรัฐฯ จะออกมาตรการแบนไม่ให้ NVIDIA ขายชิป AI รุ่นใหม่ในจีน แต่ความต้องการในตลาดยังสูงมาก จนรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาแบนประเทศอื่นอย่างมาเลเซียและไทยที่อาจเป็นช่องทางลัดให้จีนเข้าถึงชิปเหล่านี้ Huawei จึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ โดยจะเลิกเน้นการผลิตชิปแบบ ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน และหันไปพัฒนาชิปแบบ general-purpose ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายเหมือนกับ GPU ของ NVIDIA และ AMD จุดเปลี่ยนสำคัญคือการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ตัวกลาง” ที่สามารถแปลงคำสั่งจากภาษา Cuda (ที่ใช้กับ NVIDIA) ให้ทำงานกับชิปของ Huawei ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถย้ายงานจาก NVIDIA มาสู่ Huawei ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Huawei ยังต้องพึ่งโรงงานผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ซึ่งถูกแบนจากการเข้าถึงเครื่องจักรขั้นสูง ทำให้ยังผลิตได้แค่ระดับ 7 นาโนเมตร ขณะที่ NVIDIA ใช้เทคโนโลยีระดับ 4 นาโนเมตรหรือดีกว่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิต แต่บริษัทเทคโนโลยีจีนอย่าง Alibaba และ Tencent อาจไม่มีทางเลือกในอนาคต หาก Huawei สามารถพัฒนาชิปให้ใกล้เคียงกับ NVIDIA ได้จริง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Huawei เตรียมเปลี่ยนแนวทางการออกแบบชิป AI จาก ASIC ไปสู่ general-purpose GPU - พัฒนาซอฟต์แวร์ตัวกลางเพื่อให้รองรับภาษา Cuda ของ NVIDIA - หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนที่ยังต้องการชิป AI อย่างมาก - SMIC เป็นโรงงานผลิตหลัก แต่ยังจำกัดที่เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร - Alibaba และ Tencent อาจต้องหันมาใช้ชิปของ Huawei หากไม่มีทางเลือกอื่น - การเปลี่ยนแนวทางนี้อาจช่วยให้ Huawei แข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้ดีขึ้นในระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - SMIC ยังไม่สามารถผลิตชิประดับสูงได้เทียบเท่ากับ TSMC หรือ Samsung ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ - การพึ่งพาซอฟต์แวร์ตัวกลางอาจทำให้ประสิทธิภาพไม่เทียบเท่าการใช้ Cuda โดยตรง - การเปลี่ยนจาก ASIC ไปสู่ general-purpose ต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก - หากซอฟต์แวร์ของ Huawei ไม่ได้รับการยอมรับจากนักพัฒนา อาจทำให้ชิปไม่ถูกใช้งานจริง - การแข่งขันกับ NVIDIA ต้องอาศัยทั้ง ecosystem, tooling และการสนับสนุนจากนักพัฒนา ซึ่ง Huawei ยังขาดอยู่ https://wccftech.com/huawei-looks-to-shake-up-ai-chip-design-to-compete-with-nvidia-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Huawei Looks To Shake Up AI Chip Design To Compete With NVIDIA, Says Report
    Huawei aims to shift chip design strategy to compete with NVIDIA, focusing on general-purpose computing and new chip software.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ถูกแบนในเช็ก – เพราะอาจส่งข้อมูลผู้ใช้ให้รัฐบาลจีน

    DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวแอปบน iOS และ Android ในเดือนมกราคม 2025 โดยสามารถแซง ChatGPT ขึ้นอันดับหนึ่งใน App Store ได้ในหลายประเทศ

    แต่ความนิยมนี้กลับมาพร้อมกับความกังวลด้านความมั่นคง เมื่อหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติของเช็ก (NÚKIB) ออกรายงานเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ระบุว่า DeepSeek และบริษัทแม่ High-Flyer มี “ความเชื่อมโยงลึก” กับรัฐบาลจีน และอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจารกรรมข้อมูล

    รายงานอ้างถึงกฎหมายจีนหลายฉบับ เช่น:
    - กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
    - กฎหมายข่าวกรองแห่งชาติ
    - กฎหมายต่อต้านการจารกรรม

    ซึ่งทั้งหมดบังคับให้บริษัทจีนต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล ไม่ว่าผู้ใช้นั้นจะอยู่ประเทศใดก็ตาม

    ผลคือ Czechia ประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek ในเกือบทุกกรณี ยกเว้นสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท

    ประเทศอื่น ๆ ที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ (รวมถึงกองทัพเรือและ NASA), แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน

    NÚKIB ระบุว่า “ความกังวลต่อ DeepSeek ไม่ได้เกิดจากวัฒนธรรมร่วมกันหรือภูมิศาสตร์ แต่เป็นผลจากการประเมินความเสี่ยงอย่างเป็นกลาง” และคาดว่าประเทศอื่น ๆ จะออกมาตรการเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - รัฐบาลเช็กประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek เนื่องจากความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์
    - DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมในปี 2025
    - หน่วยงาน NÚKIB ระบุว่า DeepSeek มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน
    - อ้างถึงกฎหมายจีนที่บังคับให้บริษัทต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล
    - การแบนครอบคลุมทุกกรณี ยกเว้นนักวิจัยและการใช้งานแบบ self-host ที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    - ประเทศอื่นที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ผู้ใช้ DeepSeek อาจเสี่ยงต่อการถูกเก็บข้อมูลและส่งต่อให้รัฐบาลจีนโดยไม่รู้ตัว
    - กฎหมายจีนมีอำนาจเหนือบริษัทจีนแม้จะให้บริการในต่างประเทศ
    - การใช้งานโมเดล AI ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์จีนอาจเปิดช่องให้เกิดการจารกรรมข้อมูล
    - องค์กรควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการจากบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลต่างชาติในงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญ
    - การใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สควรทำแบบ self-host เพื่อป้องกันการส่งข้อมูลออกนอกองค์กร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/czechia-warns-that-deepseek-can-share-all-user-information-with-the-chinese-government
    DeepSeek ถูกแบนในเช็ก – เพราะอาจส่งข้อมูลผู้ใช้ให้รัฐบาลจีน DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัวแอปบน iOS และ Android ในเดือนมกราคม 2025 โดยสามารถแซง ChatGPT ขึ้นอันดับหนึ่งใน App Store ได้ในหลายประเทศ แต่ความนิยมนี้กลับมาพร้อมกับความกังวลด้านความมั่นคง เมื่อหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติของเช็ก (NÚKIB) ออกรายงานเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ระบุว่า DeepSeek และบริษัทแม่ High-Flyer มี “ความเชื่อมโยงลึก” กับรัฐบาลจีน และอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจารกรรมข้อมูล รายงานอ้างถึงกฎหมายจีนหลายฉบับ เช่น: - กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ - กฎหมายข่าวกรองแห่งชาติ - กฎหมายต่อต้านการจารกรรม ซึ่งทั้งหมดบังคับให้บริษัทจีนต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล ไม่ว่าผู้ใช้นั้นจะอยู่ประเทศใดก็ตาม ผลคือ Czechia ประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek ในเกือบทุกกรณี ยกเว้นสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และการใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ประเทศอื่น ๆ ที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ (รวมถึงกองทัพเรือและ NASA), แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน NÚKIB ระบุว่า “ความกังวลต่อ DeepSeek ไม่ได้เกิดจากวัฒนธรรมร่วมกันหรือภูมิศาสตร์ แต่เป็นผลจากการประเมินความเสี่ยงอย่างเป็นกลาง” และคาดว่าประเทศอื่น ๆ จะออกมาตรการเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - รัฐบาลเช็กประกาศแบนการใช้งาน DeepSeek เนื่องจากความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์ - DeepSeek เป็นบริษัท AI จากจีนที่เปิดตัวในปี 2023 และได้รับความนิยมในปี 2025 - หน่วยงาน NÚKIB ระบุว่า DeepSeek มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน - อ้างถึงกฎหมายจีนที่บังคับให้บริษัทต้องให้ข้อมูลผู้ใช้แก่รัฐบาล - การแบนครอบคลุมทุกกรณี ยกเว้นนักวิจัยและการใช้งานแบบ self-host ที่ไม่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท - ประเทศอื่นที่ออกมาตรการคล้ายกัน ได้แก่ สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินเดีย, อิตาลี, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ผู้ใช้ DeepSeek อาจเสี่ยงต่อการถูกเก็บข้อมูลและส่งต่อให้รัฐบาลจีนโดยไม่รู้ตัว - กฎหมายจีนมีอำนาจเหนือบริษัทจีนแม้จะให้บริการในต่างประเทศ - การใช้งานโมเดล AI ที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์จีนอาจเปิดช่องให้เกิดการจารกรรมข้อมูล - องค์กรควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการจากบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลต่างชาติในงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญ - การใช้งานโมเดลโอเพนซอร์สควรทำแบบ self-host เพื่อป้องกันการส่งข้อมูลออกนอกองค์กร https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/czechia-warns-that-deepseek-can-share-all-user-information-with-the-chinese-government
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Czechia warns that DeepSeek can share all user information with the Chinese government
    U.S. lawmakers issued similar warnings after the China-based AI company released its eponymous chatbot.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์

    RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense”

    บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision)

    CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก

    RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics

    บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ

    ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก

    ข้อมูลจากข่าว
    - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ
    - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek
    - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision
    - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก
    - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ
    - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics
    - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE
    - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ
    - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย
    - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน
    - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต
    - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    RealSense แยกตัวจาก Intel – รับทุน 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างอนาคต AI และหุ่นยนต์ RealSense ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีด้านกล้องตรวจจับความลึก (depth cameras) ได้ประกาศแยกตัวออกจาก Intel อย่างเป็นทางการ และจะดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทอิสระ โดยยังคงใช้ชื่อเดิม “RealSense” บริษัทได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek Innovation Fund เพื่อขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิต โดยเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และระบบคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) CEO ของ RealSense, Nadav Orbach กล่าวว่า “เราจะใช้ความเป็นอิสระนี้เพื่อเร่งนวัตกรรมและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว” พร้อมระบุว่าเทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้งานใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก RealSense มีลูกค้ากว่า 3,000 รายทั่วโลก และถือครองสิทธิบัตรด้าน computer vision มากกว่า 80 รายการ โดยมีพันธมิตรสำคัญ เช่น ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรด้าน AI และหุ่นยนต์ รวมถึงทีมขายและการตลาด เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาด edge AI และระบบจดจำใบหน้าในสถานที่สาธารณะ ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่รองรับ Power over Ethernet และใช้ชิป Vision SoC V5 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้งานในอุปกรณ์จำนวนมาก ✅ ข้อมูลจากข่าว - RealSense แยกตัวจาก Intel และกลายเป็นบริษัทอิสระ - ได้รับเงินลงทุน Series A จำนวน 50 ล้านดอลลาร์จาก Intel Capital และ MediaTek - มุ่งเน้นด้าน AI, หุ่นยนต์, ไบโอเมตริกซ์ และ computer vision - เทคโนโลยีของ RealSense ถูกใช้ใน 60% ของหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติและหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ทั่วโลก - มีลูกค้ากว่า 3,000 ราย และถือครองสิทธิบัตรกว่า 80 รายการ - พันธมิตรสำคัญ ได้แก่ ANYbotics, Eyesynth, Fit:Match และ Unitree Robotics - ผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือกล้อง D555 ที่ใช้ Vision SoC V5 และรองรับ PoE - บริษัทกำลังขยายทีมวิศวกรและทีมขายเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การแยกตัวจาก Intel อาจทำให้ RealSenseต้องเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรและการบริหารจัดการ - การแข่งขันในตลาด computer vision และ edge AI รุนแรงขึ้น โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย - การนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าไปใช้ในพื้นที่สาธารณะอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของประชาชน - การพึ่งพาเงินลงทุนจากบริษัทใหญ่ อาจมีข้อจำกัดด้านทิศทางธุรกิจในอนาคต - การนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากต้องใช้เวลาและการทดสอบที่เข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/realsense-completes-spin-out-from-intel-gets-usd50-million-in-funding-from-intel-capital-and-mediatek
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิศวกรรัสเซียลอบขโมยข้อมูลชิปจาก ASML และ NXP – ถูกตัดสินจำคุกในเนเธอร์แลนด์

    German Aksenov อดีตวิศวกรวัย 43 ปี ซึ่งเคยทำงานให้กับ ASML และ NXP ถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่งต่อให้กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (FSB)

    Aksenov ไม่ใช่แฮกเกอร์ แต่ใช้วิธีแบบดั้งเดิม:
    - คัดลอกไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    - เก็บไว้ใน USB และฮาร์ดดิสก์
    - นำอุปกรณ์เหล่านั้นเดินทางไปมอสโก และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ FSB

    เขาอ้างว่าเก็บไฟล์ไว้เพื่อ “พัฒนาความรู้ด้านอาชีพ” และไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ แต่ศาลเห็นว่าการกระทำของเขาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซียตั้งแต่ปี 2014

    ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV lithography เพียงรายเดียวในโลก ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง ส่วน NXP เป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี NFC กับ Sony ทำให้ทั้งสองบริษัทเป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมทางอุตสาหกรรม

    แม้จะไม่มีหลักฐานว่า Aksenov ได้รับค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว แต่ศาลยังคงลงโทษจำคุก โดยเปิดโอกาสให้เขายื่นอุทธรณ์ภายใน 14 วัน

    ข้อมูลจากข่าว
    - German Aksenov อดีตวิศวกรของ ASML และ NXP ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในเนเธอร์แลนด์
    - เขาลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตชิปส่งต่อให้กับ FSB ของรัสเซีย
    - ใช้วิธีคัดลอกไฟล์ลง USB และฮาร์ดดิสก์ แล้วนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ในมอสโก
    - อ้างว่าเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู้ด้านอาชีพ ไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ
    - ศาลลงโทษจำคุก แม้ไม่มีหลักฐานว่าได้รับค่าตอบแทน
    - ASML และ NXP เป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมด้านเทคโนโลยี
    - NXP ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ส่วน ASML ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การลักลอบขโมยข้อมูลจากภายในองค์กรยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
    - การส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์พกพา เช่น USB ยังเป็นช่องโหว่ที่หลายองค์กรมองข้าม
    - การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง
    - บริษัทเทคโนโลยีควรมีระบบตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลภายในอย่างเข้มงวด
    - พนักงานควรได้รับการอบรมเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

    https://www.techspot.com/news/108642-russian-engineer-jailed-stealing-chipmaking-secrets-asml-nxp.html
    วิศวกรรัสเซียลอบขโมยข้อมูลชิปจาก ASML และ NXP – ถูกตัดสินจำคุกในเนเธอร์แลนด์ German Aksenov อดีตวิศวกรวัย 43 ปี ซึ่งเคยทำงานให้กับ ASML และ NXP ถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่งต่อให้กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (FSB) Aksenov ไม่ใช่แฮกเกอร์ แต่ใช้วิธีแบบดั้งเดิม: - คัดลอกไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท - เก็บไว้ใน USB และฮาร์ดดิสก์ - นำอุปกรณ์เหล่านั้นเดินทางไปมอสโก และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ FSB เขาอ้างว่าเก็บไฟล์ไว้เพื่อ “พัฒนาความรู้ด้านอาชีพ” และไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ แต่ศาลเห็นว่าการกระทำของเขาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซียตั้งแต่ปี 2014 ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV lithography เพียงรายเดียวในโลก ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง ส่วน NXP เป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี NFC กับ Sony ทำให้ทั้งสองบริษัทเป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมทางอุตสาหกรรม แม้จะไม่มีหลักฐานว่า Aksenov ได้รับค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว แต่ศาลยังคงลงโทษจำคุก โดยเปิดโอกาสให้เขายื่นอุทธรณ์ภายใน 14 วัน ✅ ข้อมูลจากข่าว - German Aksenov อดีตวิศวกรของ ASML และ NXP ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในเนเธอร์แลนด์ - เขาลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตชิปส่งต่อให้กับ FSB ของรัสเซีย - ใช้วิธีคัดลอกไฟล์ลง USB และฮาร์ดดิสก์ แล้วนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ในมอสโก - อ้างว่าเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู้ด้านอาชีพ ไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ - ศาลลงโทษจำคุก แม้ไม่มีหลักฐานว่าได้รับค่าตอบแทน - ASML และ NXP เป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมด้านเทคโนโลยี - NXP ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ส่วน ASML ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การลักลอบขโมยข้อมูลจากภายในองค์กรยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง - การส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์พกพา เช่น USB ยังเป็นช่องโหว่ที่หลายองค์กรมองข้าม - การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง - บริษัทเทคโนโลยีควรมีระบบตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลภายในอย่างเข้มงวด - พนักงานควรได้รับการอบรมเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ https://www.techspot.com/news/108642-russian-engineer-jailed-stealing-chipmaking-secrets-asml-nxp.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Former ASML and NXP engineer jailed for leaking chipmaking secrets to Russia
    German Aksenov, a 43-year-old former employee of ASML and NXP, has been sentenced to three years in prison for sharing sensitive chip manufacturing documents with a contact...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts