• 🔥 อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรนในสนามรบเป็นครั้งแรก
    กองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ใช้ ระบบป้องกันด้วยเลเซอร์ ในการยิงโดรนของกลุ่ม Hezbollah เป็นครั้งแรกในสถานการณ์จริง โดยใช้ Lite Beam ซึ่งเป็นต้นแบบของ Iron Beam ที่จะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2025

    ระบบ Iron Beam เป็นเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อครั้ง เทียบกับระบบป้องกันแบบเดิมที่มีค่าใช้จ่าย 50,000 - 100,000 ดอลลาร์ต่อการยิงหนึ่งครั้ง

    นอกจากนี้ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ก็กำลังพัฒนาอาวุธเลเซอร์สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะระบบ DragonFire ของอังกฤษที่สามารถยิงโดรนได้จากระยะ 1 กิโลเมตร ด้วยต้นทุนเพียง 13 ดอลลาร์ต่อครั้ง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรน Hezbollah เป็นครั้งแรก ในสนามรบจริง
    - Lite Beam เป็นต้นแบบของ Iron Beam ซึ่งจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2025
    - Iron Beam ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือไม่กี่ดอลลาร์
    - ระบบสามารถยิงเป้าหมายได้ที่ความเร็วแสง และมี "กระสุน" ไม่จำกัดตราบใดที่มีพลังงาน
    - Iron Beam จะถูกบูรณาการเข้ากับระบบป้องกัน Iron Dome

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ประสิทธิภาพของเลเซอร์ลดลงในสภาพอากาศเลวร้าย เช่น หมอก, ฝนหนัก หรือพายุทราย
    - ระบบยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอการทดสอบเพิ่มเติม
    - การใช้เลเซอร์ในสนามรบอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นพัฒนาเทคโนโลยีคล้ายกัน
    - ต้องจับตาดูว่าการใช้เลเซอร์จะส่งผลต่อยุทธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศในอนาคต

    🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธ
    การใช้เลเซอร์ในสนามรบจริงเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาอาวุธในอนาคต โดยเฉพาะการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ

    https://www.techspot.com/news/108105-first-ever-operational-use-israel-reveals-shot-down.html
    🔥 อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรนในสนามรบเป็นครั้งแรก กองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ใช้ ระบบป้องกันด้วยเลเซอร์ ในการยิงโดรนของกลุ่ม Hezbollah เป็นครั้งแรกในสถานการณ์จริง โดยใช้ Lite Beam ซึ่งเป็นต้นแบบของ Iron Beam ที่จะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2025 ระบบ Iron Beam เป็นเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศที่ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อครั้ง เทียบกับระบบป้องกันแบบเดิมที่มีค่าใช้จ่าย 50,000 - 100,000 ดอลลาร์ต่อการยิงหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ก็กำลังพัฒนาอาวุธเลเซอร์สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ โดยเฉพาะระบบ DragonFire ของอังกฤษที่สามารถยิงโดรนได้จากระยะ 1 กิโลเมตร ด้วยต้นทุนเพียง 13 ดอลลาร์ต่อครั้ง ✅ ข้อมูลจากข่าว - อิสราเอลใช้เลเซอร์ยิงโดรน Hezbollah เป็นครั้งแรก ในสนามรบจริง - Lite Beam เป็นต้นแบบของ Iron Beam ซึ่งจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2025 - Iron Beam ใช้เลเซอร์แทนขีปนาวุธ ลดต้นทุนต่อการยิงลงเหลือไม่กี่ดอลลาร์ - ระบบสามารถยิงเป้าหมายได้ที่ความเร็วแสง และมี "กระสุน" ไม่จำกัดตราบใดที่มีพลังงาน - Iron Beam จะถูกบูรณาการเข้ากับระบบป้องกัน Iron Dome ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ประสิทธิภาพของเลเซอร์ลดลงในสภาพอากาศเลวร้าย เช่น หมอก, ฝนหนัก หรือพายุทราย - ระบบยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอการทดสอบเพิ่มเติม - การใช้เลเซอร์ในสนามรบอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นพัฒนาเทคโนโลยีคล้ายกัน - ต้องจับตาดูว่าการใช้เลเซอร์จะส่งผลต่อยุทธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศในอนาคต 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธ การใช้เลเซอร์ในสนามรบจริงเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาอาวุธในอนาคต โดยเฉพาะการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ https://www.techspot.com/news/108105-first-ever-operational-use-israel-reveals-shot-down.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Israel confirms world-first combat use of laser-beam weapon, downs Hezbollah drones
    The 10kW Lite Beam prototype system that was used is a less powerful version of the Iron Beam laser interceptor, which is set to become operational sometime...
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 🚨 สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน
    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งให้บริษัทผู้ผลิต Electronic Design Automation (EDA) software เช่น Synopsys, Cadence Design Systems และ Siemens EDA หยุดขายเทคโนโลยีให้กับจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวดขึ้น

    EDA software เป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบและจำลองชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลขั้นสูง การจำกัดการเข้าถึงซอฟต์แวร์นี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของจีนในการพัฒนา ชิปยุคใหม่

    ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้สั่งห้าม Nvidia ขายชิป H20 ให้กับจีน ซึ่งเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องจากการควบคุมการส่งออกชิป AI ตั้งแต่ปี 2022

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - สหรัฐฯ สั่งให้ Synopsys, Cadence และ Siemens EDA หยุดขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน
    - EDA software มีความสำคัญต่อการพัฒนา AI และเทคโนโลยีขั้นสูง
    - ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ห้าม Nvidia ขายชิป H20 ให้จีน
    - จีนคิดเป็น 16% ของรายได้ Synopsys และ 12% ของรายได้ Cadence
    - หุ้นของ Synopsys และ Cadence ร่วงลงกว่า 9% หลังข่าวนี้เผยแพร่

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การจำกัดการส่งออกอาจกระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
    - บริษัทสหรัฐฯ อาจสูญเสียรายได้จากตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    - การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเปราะบาง แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงหยุดการขึ้นภาษีใหม่เป็นเวลา 90 วัน
    - บริษัทจีน เช่น Empyrean Technology และ Primarius กำลังได้รับแรงหนุนจากมาตรการนี้

    🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    มาตรการของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้จีนเร่งพัฒนา EDA software ของตนเอง และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในระยะยาว

    https://www.techspot.com/news/108102-trump-blocks-china-key-semiconductor-design-software.html
    🚨 สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งให้บริษัทผู้ผลิต Electronic Design Automation (EDA) software เช่น Synopsys, Cadence Design Systems และ Siemens EDA หยุดขายเทคโนโลยีให้กับจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการส่งออกที่เข้มงวดขึ้น EDA software เป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบและจำลองชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลขั้นสูง การจำกัดการเข้าถึงซอฟต์แวร์นี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของจีนในการพัฒนา ชิปยุคใหม่ ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้สั่งห้าม Nvidia ขายชิป H20 ให้กับจีน ซึ่งเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องจากการควบคุมการส่งออกชิป AI ตั้งแต่ปี 2022 ✅ ข้อมูลจากข่าว - สหรัฐฯ สั่งให้ Synopsys, Cadence และ Siemens EDA หยุดขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน - EDA software มีความสำคัญต่อการพัฒนา AI และเทคโนโลยีขั้นสูง - ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ห้าม Nvidia ขายชิป H20 ให้จีน - จีนคิดเป็น 16% ของรายได้ Synopsys และ 12% ของรายได้ Cadence - หุ้นของ Synopsys และ Cadence ร่วงลงกว่า 9% หลังข่าวนี้เผยแพร่ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การจำกัดการส่งออกอาจกระตุ้นให้จีนเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง - บริษัทสหรัฐฯ อาจสูญเสียรายได้จากตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก - การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเปราะบาง แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงหยุดการขึ้นภาษีใหม่เป็นเวลา 90 วัน - บริษัทจีน เช่น Empyrean Technology และ Primarius กำลังได้รับแรงหนุนจากมาตรการนี้ 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ มาตรการของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้จีนเร่งพัฒนา EDA software ของตนเอง และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากตะวันตก ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในระยะยาว https://www.techspot.com/news/108102-trump-blocks-china-key-semiconductor-design-software.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Trump blocks China from key semiconductor design software
    These companies collectively control about 80 percent of China's EDA market, making them a critical part of the global semiconductor supply chain. EDA software, though a relatively...
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

    Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย
    - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน
    - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา
    - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC
    - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์
    - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ
    - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

    การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ Binance เคยถูกกล่าวหาว่า เพิ่มปริมาณการซื้อขายโดยไม่โปร่งใส, โอนเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่นักลงทุน อย่างไรก็ตาม การยกเลิกคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน และ Binance ยอมจ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ SEC ยังเคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า Coinbase จัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SEC ยกเลิกคดีฟ้องร้อง Binance โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย - Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance รับโทษจำคุก 4 เดือน จากคดีฟอกเงิน - Binance จ่ายค่าปรับ 4.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีอาญา - SEC เคยยกเลิกคดีฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจัดการซื้อขายโทเคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การยกเลิกคดีไม่ได้หมายความว่า Binance ไม่มีความผิด แต่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายของ SEC - นักลงทุนควรติดตามแนวทางใหม่ของ SEC ต่ออุตสาหกรรมคริปโตภายใต้การบริหารของทรัมป์ - Binance ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบในประเทศอื่น ๆ - ตลาดคริปโตยังคงมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน การยกเลิกคดี Binance ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต และอาจส่งผลต่อแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/us-sec-voluntarily-dismisses-lawsuit-against-binance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US SEC dismisses lawsuit against Binance crypto exchange
    (Reuters) -The U.S. Securities and Exchange Commission on Thursday voluntarily dismissed its civil lawsuit against Binance, the world's largest cryptocurrency exchange, extending the regulator's new approach to cryptocurrencies since President Donald Trump reentered the White House.
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst เพื่อขยายแพลตฟอร์ม AI ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Grammarly เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการช่วยตรวจสอบและปรับปรุงการเขียน โดยมีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนา AI agent ที่สามารถช่วยจัดการเอกสารและการสื่อสารในองค์กร

    General Catalyst ใช้ Customer Value Fund (CVF) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดย Grammarly เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดจากกองทุนนี้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst
    - เงินทุนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา AI และขยายแพลตฟอร์ม
    - Grammarly มีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 700 ล้านเหรียญ
    - General Catalyst ไม่ได้รับหุ้นของ Grammarly แต่จะได้รับผลตอบแทนจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Grammarly กำลังเปลี่ยนจากเครื่องมือช่วยเขียนไปเป็นแพลตฟอร์ม AI เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้
    - การลงทุนใน AI มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทใหญ่ เช่น Google และ Microsoft
    - General Catalyst ใช้โมเดลการลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนทั่วไป ซึ่งอาจมีผลต่อการเติบโตของ Grammarly ในระยะยาว
    - Grammarly มีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้น แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/exclusive-grammarly-secures-1-billion-from-general-catalyst-to-build-ai-productivity-platform
    Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst เพื่อขยายแพลตฟอร์ม AI ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น Grammarly เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการช่วยตรวจสอบและปรับปรุงการเขียน โดยมีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนา AI agent ที่สามารถช่วยจัดการเอกสารและการสื่อสารในองค์กร General Catalyst ใช้ Customer Value Fund (CVF) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดย Grammarly เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดจากกองทุนนี้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Grammarly ได้รับเงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก General Catalyst - เงินทุนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา AI และขยายแพลตฟอร์ม - Grammarly มีผู้ใช้ 40 ล้านคนต่อวัน และมีรายได้ต่อปีมากกว่า 700 ล้านเหรียญ - General Catalyst ไม่ได้รับหุ้นของ Grammarly แต่จะได้รับผลตอบแทนจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Grammarly กำลังเปลี่ยนจากเครื่องมือช่วยเขียนไปเป็นแพลตฟอร์ม AI เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ - การลงทุนใน AI มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทใหญ่ เช่น Google และ Microsoft - General Catalyst ใช้โมเดลการลงทุนที่แตกต่างจากกองทุนทั่วไป ซึ่งอาจมีผลต่อการเติบโตของ Grammarly ในระยะยาว - Grammarly มีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้น แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/exclusive-grammarly-secures-1-billion-from-general-catalyst-to-build-ai-productivity-platform
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Grammarly secures $1 billion from General Catalyst to build AI productivity platform
    (This story has been corrected to fix when Grammarly was founded, in paragraph 5, and to clarify the General Catalyst fund relationship, in paragraph 11)
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการว่า สหรัฐเริ่มดำเนินการตาม “นโยบายวีซ่าใหม่ที่เข้มแข็ง” เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติที่มีทัศนคติต่อต้านอิสราเอลเดินทางเข้าสหรัฐ

    สหรัฐจะดำเนินคดีกับ “องค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ” สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล...

    รูบิโอยังกล่าวอีกว่า จะปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับนักเรียนนักศึกษาที่พูดหรือแสดงความเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับอิสราเอล รวมทั้งชาวยิวทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่การพูดในแง่ลบเกี่ยวกับสหรัฐฯเท่านั้น
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการว่า สหรัฐเริ่มดำเนินการตาม “นโยบายวีซ่าใหม่ที่เข้มแข็ง” เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติที่มีทัศนคติต่อต้านอิสราเอลเดินทางเข้าสหรัฐ สหรัฐจะดำเนินคดีกับ “องค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ” สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล... รูบิโอยังกล่าวอีกว่า จะปฏิเสธการออกวีซ่าให้กับนักเรียนนักศึกษาที่พูดหรือแสดงความเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับอิสราเอล รวมทั้งชาวยิวทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่การพูดในแง่ลบเกี่ยวกับสหรัฐฯเท่านั้น
    0 Comments 0 Shares 93 Views 8 0 Reviews
  • US ระงับออกวีซ่า นศ.ต่างชาติ
    สะเทือนสถานะมหาอำนาจระดับโลก
    .
    จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับออกวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ที่ประสงค์จะมาเรียนต่อในสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เตรียมที่จะขยายการตรวจสอบประวัติของผู้ขอวีซ่า โดยล้วงลึกไปถึงเนื้อหาที่บรรดานักเรียนต่างชาติโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วยนั้น
    .
    ส่งผลให้ นายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกมาเตือนว่า นโยบายดังกล่าวกำลังทำให้เกิดสภาวะ "สมองไหล" ของบุคลากรออกจากซิลิคอนวัลเลย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคไอที ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียอย่างเช่น มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น และ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกง ก็๋ถือโอกาสนี้ในการอ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แบบไม่มีเงื่อนไขทันที ...
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSke63cpE/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สหรัฐระงับออกวีซ่านักศึกษาต่างชาติ #วีซ่านักเรียนสหรัฐ #ทรัมป์ #โดนัลด์ทรัมป์ #สหรัฐสมองไหล
    US ระงับออกวีซ่า นศ.ต่างชาติ สะเทือนสถานะมหาอำนาจระดับโลก . จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับออกวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ที่ประสงค์จะมาเรียนต่อในสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เตรียมที่จะขยายการตรวจสอบประวัติของผู้ขอวีซ่า โดยล้วงลึกไปถึงเนื้อหาที่บรรดานักเรียนต่างชาติโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วยนั้น . ส่งผลให้ นายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกมาเตือนว่า นโยบายดังกล่าวกำลังทำให้เกิดสภาวะ "สมองไหล" ของบุคลากรออกจากซิลิคอนวัลเลย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคไอที ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียอย่างเช่น มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น และ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกง ก็๋ถือโอกาสนี้ในการอ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แบบไม่มีเงื่อนไขทันที ... . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSke63cpE/ . #บูรพาไม่แพ้ #สหรัฐระงับออกวีซ่านักศึกษาต่างชาติ #วีซ่านักเรียนสหรัฐ #ทรัมป์ #โดนัลด์ทรัมป์ #สหรัฐสมองไหล
    @thedongfangbubai

    US ระงับออกวีซ่า นศ.ต่างชาติ สะเทือนสถานะมหาอำนาจระดับโลก . จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับออกวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ที่ประสงค์จะมาเรียนต่อในสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เตรียมที่จะขยายการตรวจสอบประวัติของผู้ขอวีซ่า โดยล้วงลึกไปถึงเนื้อหาที่บรรดานักเรียนต่างชาติโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วยนั้น . ส่งผลให้ นายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกมาเตือนว่า นโยบายดังกล่าวกำลังทำให้เกิดสภาวะ "สมองไหล" ของบุคลากรออกจากซิลิคอนวัลเลย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคไอที ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียอย่างเช่น มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น และ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกง ก็๋ถือโอกาสนี้ในการอ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แบบไม่มีเงื่อนไขทันที ... . . #บูรพาไม่แพ้ #สหรัฐระงับออกวีซ่านักศึกษาต่างชาติ #วีซ่านักเรียนสหรัฐ #ทรัมป์ #โดนัลด์ทรัมป์ #สหรัฐสมองไหล

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Haha
    Sad
    2
    0 Comments 1 Shares 55 Views 0 Reviews

  • รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์กรณีศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฏหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจได้

    เมื่อวาน 28 พฤษภาคม 2568

    ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯมีคำวินิจฉัยว่าทรัมป์ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้

    ศาลรัฐบาลกลางเพิ่งตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ

    เหตุผลของคำวินิจฉัย

    ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (โดยเฉพาะ US Court of International Trade) ตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ (International Emergency Economic Powers Act - IEEPA) สาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากประเด็นทางกฎหมายดังนี้:

    1 ขอบเขตของอำนาจฉุกเฉิน: ศาลอาจตีความว่ากฎหมาย IEEPA มีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการกำหนดภาษีศุลกากรในลักษณะที่กว้างขวางและมีผลกระทบในระดับโลกได้ คำว่า "ฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ" อาจถูกตีความว่ามีข้อจำกัดที่ชัดเจน ไม่ได้หมายถึงสถานการณ์ทางการค้าทั่วไป

    2 การจำแนกระหว่างภาษีศุลกากรและมาตรการฉุกเฉินอื่นๆ: ศาลอาจมองว่าการกำหนดภาษีศุลกากรเป็นอำนาจที่เกี่ยวข้องกับการคลังและนโยบายการค้า ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ภายใต้อำนาจของสภาคองเกรส (ฝ่ายนิติบัญญัติ) มากกว่าอำนาจฉุกเฉินของฝ่ายบริหาร การใช้กฎหมายฉุกเฉินเพื่อข้ามกระบวนการนิติบัญญัติในการเก็บภาษี อาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดการแบ่งแยกอำนาจ

    3 การขาดความชอบธรรมของสถานการณ์ฉุกเฉิน: ศาลอาจเห็นว่าสถานการณ์ทางการค้าที่ทรัมป์อ้างว่าเป็น "ภาวะฉุกเฉิน" นั้นไม่เข้าข่ายตามความหมายของกฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนถึงขั้นต้องใช้อำนาจพิเศษ

    4 การปกป้องการแบ่งแยกอำนาจ (Separation of Powers): คำวินิจฉัยนี้เป็นการตอกย้ำหลักการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร (ประธานาธิบดี) และฝ่ายนิติบัญญัติ (สภาคองเกรส) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ศาลมองว่าการเก็บภาษีเป็นอำนาจของสภาคองเกรส และประธานาธิบดีไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินมาแทนที่อำนาจดังกล่าวได้

    5 รัฐบาลทรัมป์มีทางเลือกในการอุทธรณ์คำวินิจฉัยนี้ไปยังศาลสูงกว่า เช่น ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง หรืออาจถึงศาลฎีกา ซึ่งกระบวนการอุทธรณ์อาจใช้เวลาและผลลัพธ์ก็ไม่แน่นอน

    อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางกฎหมายครั้งสำคัญสำหรับรัฐบาลทรัมป์ และอาจส่งผลให้กลยุทธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ ต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากศาลสูงยืนยันคำวินิจฉัยดังกล่าว
    รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์กรณีศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฏหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจได้ เมื่อวาน 28 พฤษภาคม 2568 ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯมีคำวินิจฉัยว่าทรัมป์ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ ศาลรัฐบาลกลางเพิ่งตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ เหตุผลของคำวินิจฉัย ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (โดยเฉพาะ US Court of International Trade) ตัดสินว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกภายใต้กฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ (International Emergency Economic Powers Act - IEEPA) สาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากประเด็นทางกฎหมายดังนี้: 1 ขอบเขตของอำนาจฉุกเฉิน: ศาลอาจตีความว่ากฎหมาย IEEPA มีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการกำหนดภาษีศุลกากรในลักษณะที่กว้างขวางและมีผลกระทบในระดับโลกได้ คำว่า "ฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ" อาจถูกตีความว่ามีข้อจำกัดที่ชัดเจน ไม่ได้หมายถึงสถานการณ์ทางการค้าทั่วไป 2 การจำแนกระหว่างภาษีศุลกากรและมาตรการฉุกเฉินอื่นๆ: ศาลอาจมองว่าการกำหนดภาษีศุลกากรเป็นอำนาจที่เกี่ยวข้องกับการคลังและนโยบายการค้า ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ภายใต้อำนาจของสภาคองเกรส (ฝ่ายนิติบัญญัติ) มากกว่าอำนาจฉุกเฉินของฝ่ายบริหาร การใช้กฎหมายฉุกเฉินเพื่อข้ามกระบวนการนิติบัญญัติในการเก็บภาษี อาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดการแบ่งแยกอำนาจ 3 การขาดความชอบธรรมของสถานการณ์ฉุกเฉิน: ศาลอาจเห็นว่าสถานการณ์ทางการค้าที่ทรัมป์อ้างว่าเป็น "ภาวะฉุกเฉิน" นั้นไม่เข้าข่ายตามความหมายของกฎหมายฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนถึงขั้นต้องใช้อำนาจพิเศษ 4 การปกป้องการแบ่งแยกอำนาจ (Separation of Powers): คำวินิจฉัยนี้เป็นการตอกย้ำหลักการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร (ประธานาธิบดี) และฝ่ายนิติบัญญัติ (สภาคองเกรส) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ศาลมองว่าการเก็บภาษีเป็นอำนาจของสภาคองเกรส และประธานาธิบดีไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินมาแทนที่อำนาจดังกล่าวได้ 5 รัฐบาลทรัมป์มีทางเลือกในการอุทธรณ์คำวินิจฉัยนี้ไปยังศาลสูงกว่า เช่น ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง หรืออาจถึงศาลฎีกา ซึ่งกระบวนการอุทธรณ์อาจใช้เวลาและผลลัพธ์ก็ไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางกฎหมายครั้งสำคัญสำหรับรัฐบาลทรัมป์ และอาจส่งผลให้กลยุทธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ ต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากศาลสูงยืนยันคำวินิจฉัยดังกล่าว
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 ซึ่งเป็น AI workstation GPU ที่ออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดจีน โดยชิปนี้จะเป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ และเป็นทางเลือกแทน NVIDIA Blackwell

    ตลาด AI ในจีนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ NVIDIA อาจต้องลดการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้ ในขณะเดียวกัน Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่อาจเข้ามาแทนที่ NVIDIA และ AMD ในตลาดจีน

    AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขายหลักของ Radeon AI PRO R9700 อย่างไรก็ตาม NVIDIA ยังคงได้เปรียบในด้าน ซอฟต์แวร์และระบบนิเวศ ที่แข็งแกร่งกว่า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AMD เตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 เพื่อเจาะตลาดจีน
    - ชิปนี้เป็น รุ่นปรับลดสเปก ให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ
    - NVIDIA อาจต้องลดธุรกิจในจีน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้า
    - Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ในตลาด AI ของจีน
    - AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขาย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AMD มีอิทธิพลในตลาดจีนน้อยกว่า NVIDIA ซึ่งอาจทำให้การเจาะตลาดเป็นเรื่องยาก
    - ข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อการพัฒนา AI chips ในอนาคต
    - Huawei กำลังขยายอิทธิพลในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้ AMD และ NVIDIA แข่งขันได้ยากขึ้น
    - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสเปกและประสิทธิภาพของ Radeon AI PRO R9700

    AMD กำลังพยายามขยายตลาด AI ในจีน แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากข้อจำกัดทางการค้าและการแข่งขันที่รุนแรงจาก Huawei และ NVIDIA

    https://wccftech.com/amd-to-launch-a-china-specific-ai-chip-option-to-rival-nvidia/
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 ซึ่งเป็น AI workstation GPU ที่ออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดจีน โดยชิปนี้จะเป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ และเป็นทางเลือกแทน NVIDIA Blackwell ตลาด AI ในจีนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ NVIDIA อาจต้องลดการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้ ในขณะเดียวกัน Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่อาจเข้ามาแทนที่ NVIDIA และ AMD ในตลาดจีน AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขายหลักของ Radeon AI PRO R9700 อย่างไรก็ตาม NVIDIA ยังคงได้เปรียบในด้าน ซอฟต์แวร์และระบบนิเวศ ที่แข็งแกร่งกว่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD เตรียมเปิดตัว Radeon AI PRO R9700 เพื่อเจาะตลาดจีน - ชิปนี้เป็น รุ่นปรับลดสเปก ให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของสหรัฐฯ - NVIDIA อาจต้องลดธุรกิจในจีน เนื่องจากข้อจำกัดทางการค้า - Huawei กำลังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ในตลาด AI ของจีน - AMD หวังใช้ ราคาที่แข่งขันได้และความพร้อมในการจัดส่ง เป็นจุดขาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AMD มีอิทธิพลในตลาดจีนน้อยกว่า NVIDIA ซึ่งอาจทำให้การเจาะตลาดเป็นเรื่องยาก - ข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อการพัฒนา AI chips ในอนาคต - Huawei กำลังขยายอิทธิพลในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้ AMD และ NVIDIA แข่งขันได้ยากขึ้น - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสเปกและประสิทธิภาพของ Radeon AI PRO R9700 AMD กำลังพยายามขยายตลาด AI ในจีน แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากข้อจำกัดทางการค้าและการแข่งขันที่รุนแรงจาก Huawei และ NVIDIA https://wccftech.com/amd-to-launch-a-china-specific-ai-chip-option-to-rival-nvidia/
    WCCFTECH.COM
    AMD to Launch a "China-Specific" AI Chip Option To Rival NVIDIA & Huawei; Expected to Be a Cut-Down Version of the Radeon AI PRO R9700
    AMD plans to focus on the China AI markets with its "Radeon PRO" workstation GPUs, which comply with US regulations.
    0 Comments 0 Shares 37 Views 0 Reviews
  • TSMC กำลังเปิด ศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อช่วยนักพัฒนาชิปในยุโรปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีการผลิตของบริษัท โดยศูนย์นี้จะให้บริการตั้งแต่การช่วยพัฒนา ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึงการปรับแต่งเทคโนโลยีการออกแบบ (DTCO) สำหรับ โปรเซสเซอร์ขั้นสูงที่ใช้ใน AI และ HPC

    TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก ในแคนาดา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสหรัฐฯ โดยศูนย์ในมิวนิกจะเป็นแห่งที่ 10 และเป็นแห่งแรกในยุโรป ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรป

    นอกจากนี้ TSMC ยังร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP ในการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป ซึ่งจะสามารถผลิตชิปที่ใช้กระบวนการ 12nm และ 16nm โดยเน้นไปที่ MCU แต่ก็สามารถผลิตชิปประเภทอื่นได้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - TSMC เปิดศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก เยอรมนี
    - ศูนย์นี้จะช่วยนักพัฒนาชิปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับเทคโนโลยีของ TSMC
    - ให้บริการตั้งแต่ MCU สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึง โปรเซสเซอร์ AI และ HPC
    - TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก และศูนย์ในมิวนิกเป็นแห่งที่ 10
    - TSMC ร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP สร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การออกแบบชิปต้องมีการปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
    - การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน และต้องทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และต้องแข่งขันกับสหรัฐฯ และเอเชีย
    - TSMC ไม่ได้ออกแบบชิปเอง แต่ให้บริการปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับการผลิต

    การเปิดศูนย์ออกแบบชิปในยุโรปของ TSMC เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนาชิปในยุโรปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตระดับสูงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้ยุโรปสามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้มากน้อยเพียงใด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-to-open-up-chip-design-center-in-munich-to-help-local-chip-developers
    TSMC กำลังเปิด ศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เพื่อช่วยนักพัฒนาชิปในยุโรปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีการผลิตของบริษัท โดยศูนย์นี้จะให้บริการตั้งแต่การช่วยพัฒนา ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึงการปรับแต่งเทคโนโลยีการออกแบบ (DTCO) สำหรับ โปรเซสเซอร์ขั้นสูงที่ใช้ใน AI และ HPC TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก ในแคนาดา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสหรัฐฯ โดยศูนย์ในมิวนิกจะเป็นแห่งที่ 10 และเป็นแห่งแรกในยุโรป ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรป นอกจากนี้ TSMC ยังร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP ในการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป ซึ่งจะสามารถผลิตชิปที่ใช้กระบวนการ 12nm และ 16nm โดยเน้นไปที่ MCU แต่ก็สามารถผลิตชิปประเภทอื่นได้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - TSMC เปิดศูนย์ออกแบบชิปแห่งแรกในยุโรป ที่เมืองมิวนิก เยอรมนี - ศูนย์นี้จะช่วยนักพัฒนาชิปปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับเทคโนโลยีของ TSMC - ให้บริการตั้งแต่ MCU สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึง โปรเซสเซอร์ AI และ HPC - TSMC มีศูนย์ออกแบบชิป 9 แห่งทั่วโลก และศูนย์ในมิวนิกเป็นแห่งที่ 10 - TSMC ร่วมมือกับ Bosch, Infineon และ NXP สร้างโรงงานผลิตชิปแห่งแรกในยุโรป ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การออกแบบชิปต้องมีการปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด - การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน และต้องทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และต้องแข่งขันกับสหรัฐฯ และเอเชีย - TSMC ไม่ได้ออกแบบชิปเอง แต่ให้บริการปรับแต่งการออกแบบให้เหมาะกับการผลิต การเปิดศูนย์ออกแบบชิปในยุโรปของ TSMC เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนาชิปในยุโรปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตระดับสูงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่าการลงทุนนี้จะช่วยให้ยุโรปสามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้มากน้อยเพียงใด https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-to-open-up-chip-design-center-in-munich-to-help-local-chip-developers
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯเผย จะบอกกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ให้ระงับการโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในขณะที่เขาส่งเสียงในแง่บวกเกี่ยวกับการเจรจานิวเคลียร์ ที่เวลานี้รัฐบาลของเขากำลังพูดคุยกับเตหะราน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000050209

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯเผย จะบอกกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ให้ระงับการโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในขณะที่เขาส่งเสียงในแง่บวกเกี่ยวกับการเจรจานิวเคลียร์ ที่เวลานี้รัฐบาลของเขากำลังพูดคุยกับเตหะราน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000050209 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 425 Views 0 Reviews
  • GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม

    GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง

    การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่

    🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ
    - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ
    - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET
    - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม
    - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด
    - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก
    - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว
    - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin

    GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    GameStop บริษัทค้าปลีกวิดีโอเกมที่เคยเป็นกระแสจากปรากฏการณ์หุ้นมีมในปี 2021 ได้ลงทุนซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยบริษัทซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยช่วงเวลาที่ทำการซื้อก็ตาม GameStop ดำเนินกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด และราคาหุ้นของ Strategy มักจะปรับตัวขึ้นตามราคาของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนบางรายสนใจลงทุนในบริษัทนี้แทนการลงทุนใน Bitcoin โดยตรง การลงทุนใน Bitcoin ของ GameStop อาจช่วยกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนและฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความหวังของนักลงทุนที่อาจมองว่าการเข้าสู่ตลาดคริปโตเป็นโอกาสใหม่ 🔍 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - GameStop ซื้อ Bitcoin มูลค่า 513 ล้านเหรียญ - ซื้อ Bitcoin จำนวน 4,710 เหรียญ - ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 108,903 เหรียญ ณ เวลา 7:00 น. ET - เป็นการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกของบริษัทหลังประกาศแผนลงทุนในเดือนมีนาคม - หุ้นของ GameStop เพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วงก่อนเปิดตลาด - บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์มูลค่า 4.78 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลงทุนใน Bitcoin มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนอย่างมาก - นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน เนื่องจาก Bitcoin อาจมีแนวโน้มลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - เกมสต็อปกำลังเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ และการซื้อ Bitcoin อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ชั่วคราว - นักลงทุนที่สนใจหุ้น GameStop ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ศักยภาพในการฟื้นตัวของธุรกิจหลัก ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนใน Bitcoin GameStop อาจพยายามใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างความสนใจจากตลาดและนักลงทุน แต่ก็ยังคงต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนใน Bitcoin จะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวได้จริงหรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/gamestop-buys-bitcoin-worth-513-million-in-crypto-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    GameStop buys bitcoin worth $513 million in crypto push
    (Reuters) -GameStop has purchased bitcoin worth about $513 million, the company said on Wednesday as the ailing video game retailer looks to capitalize on the growing adoption of cryptocurrencies globally.
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • วังเคลมลิน แสดงความคิดเห็นตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ขู่ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย "กำลังเล่นกับไฟ" ด้วยการปฏิเสธมีส่วนร่วมในการเจรจาหยุดยิงกับเคียฟ ระบุผลประโยชน์ของประเทศชาติคือสิ่งสำคัญสูงสุดของผู้นำรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000050208

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    วังเคลมลิน แสดงความคิดเห็นตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ขู่ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย "กำลังเล่นกับไฟ" ด้วยการปฏิเสธมีส่วนร่วมในการเจรจาหยุดยิงกับเคียฟ ระบุผลประโยชน์ของประเทศชาติคือสิ่งสำคัญสูงสุดของผู้นำรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000050208 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • พวกนักวิเคราะห์ทางทหารของจีน จัดวางเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ของสหรัฐฯ ในฐานะภัยคุกคามลำดับต้นๆ เหนือกว่าเครื่องบินล่องหนล้ำสมัยอย่าง F-35 สืบเนื่องจากศักยภาพในการบรรทุกนิวเคลียร์ พิสัยทำการและความอเนกประสงค์ในทางยุทธศาสตร์ เรียกร้องให้จีนยกระดับระบบตรวจการณ์และระบบป้องกันภัยทางอากาศ รับมือกับภัยคุกคามนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049821

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    พวกนักวิเคราะห์ทางทหารของจีน จัดวางเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ของสหรัฐฯ ในฐานะภัยคุกคามลำดับต้นๆ เหนือกว่าเครื่องบินล่องหนล้ำสมัยอย่าง F-35 สืบเนื่องจากศักยภาพในการบรรทุกนิวเคลียร์ พิสัยทำการและความอเนกประสงค์ในทางยุทธศาสตร์ เรียกร้องให้จีนยกระดับระบบตรวจการณ์และระบบป้องกันภัยทางอากาศ รับมือกับภัยคุกคามนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049821 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 488 Views 0 Reviews
  • ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU
    ✅ ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้
    - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้
    - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element

    ✅ การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์
    - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail

    ✅ แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน
    - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้

    ✅ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU ✅ ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้ - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม ✅ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้ - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element ✅ การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail ✅ แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ✅ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้ https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • Hygon และ Sugon รวมตัวเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน

    จีน กำลังสร้างอาณาจักรซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการควบรวม Hygon Information Technology ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิป และ Sugon ซึ่งเป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยการควบรวมนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีจากตะวันตก

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการควบรวม Hygon และ Sugon
    ✅ Hygon เป็นบริษัทที่เคยใช้สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD แต่ปัจจุบันพัฒนาไมโครอาร์คิเทคเจอร์ของตนเอง
    - ล่าสุด เปิดตัวชิป C86-5G ที่มี 128 คอร์ และรองรับ DDR5-5600

    ✅ Sugon เป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Chinese Academy of Sciences
    - ช่วยให้ จีนติดอันดับ 3 ของโลกในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์

    ✅ การควบรวมนี้เป็นการแลกเปลี่ยนหุ้น โดยหุ้นของทั้งสองบริษัทจะถูกนำออกจากตลาดเป็นเวลา 10 วัน
    - หลังจากนั้น บริษัทใหม่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้

    ✅ ทั้ง Hygon และ Sugon อยู่ในรายชื่อ Entity List ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเข้าถึงชิปจาก AMD, Intel และ Nvidia ได้โดยตรง
    - การควบรวมนี้ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองได้เร็วขึ้น

    ✅ นักวิเคราะห์คาดว่าการควบรวมนี้จะช่วยให้จีนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ Big Data ได้แข็งแกร่งขึ้น
    - เป็น ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนในการลดการพึ่งพาตะวันตก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/chinas-hygon-and-sugon-merge-to-form-a-vertically-integrated-supercomputing-giant-as-they-fend-off-us-sanctions
    Hygon และ Sugon รวมตัวเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน จีน กำลังสร้างอาณาจักรซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการควบรวม Hygon Information Technology ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิป และ Sugon ซึ่งเป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยการควบรวมนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการควบรวม Hygon และ Sugon ✅ Hygon เป็นบริษัทที่เคยใช้สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD แต่ปัจจุบันพัฒนาไมโครอาร์คิเทคเจอร์ของตนเอง - ล่าสุด เปิดตัวชิป C86-5G ที่มี 128 คอร์ และรองรับ DDR5-5600 ✅ Sugon เป็นผู้ผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Chinese Academy of Sciences - ช่วยให้ จีนติดอันดับ 3 ของโลกในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ✅ การควบรวมนี้เป็นการแลกเปลี่ยนหุ้น โดยหุ้นของทั้งสองบริษัทจะถูกนำออกจากตลาดเป็นเวลา 10 วัน - หลังจากนั้น บริษัทใหม่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ✅ ทั้ง Hygon และ Sugon อยู่ในรายชื่อ Entity List ของสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเข้าถึงชิปจาก AMD, Intel และ Nvidia ได้โดยตรง - การควบรวมนี้ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองได้เร็วขึ้น ✅ นักวิเคราะห์คาดว่าการควบรวมนี้จะช่วยให้จีนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ Big Data ได้แข็งแกร่งขึ้น - เป็น ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนในการลดการพึ่งพาตะวันตก https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/chinas-hygon-and-sugon-merge-to-form-a-vertically-integrated-supercomputing-giant-as-they-fend-off-us-sanctions
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • จีนเตรียมยุติการผลิต DDR4 เพื่อมุ่งสู่เทคโนโลยี DDR5 และ HBM

    ChangXin Memory Technologies (CXMT) ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของจีน เตรียมยุติการผลิต DDR4 สำหรับเซิร์ฟเวอร์และพีซีภายในกลางปีหน้า ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้ประเทศ เป็นผู้นำด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ CXMT
    ✅ CXMT เพิ่งเริ่มผลิต DDR4 ในช่วงปลายปี 2024 แต่ต้องเปลี่ยนไปเน้น DDR5 และ HBM ตามนโยบายของรัฐบาล
    - แสดงให้เห็นว่า จีนต้องการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำให้ทันกับสหรัฐฯ

    ✅ บริษัทกำลังเร่งพัฒนา HBM3 และคาดว่าจะผ่านการทดสอบภายในสิ้นปีนี้
    - HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ✅ Micron, Samsung และ SK hynix เตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025
    - ตลาดหน่วยความจำ กำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 และ LPDDR5 อย่างรวดเร็ว

    ✅ แม้ว่า CXMT จะประสบความสำเร็จในการผลิต DDR4 แต่ DDR5 ของบริษัทยังมีปัญหาด้านความเสถียร
    - พบว่า ชิป DDR5 ของ CXMT อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูงกว่า 60°C

    ✅ Samsung และ SK hynix จะยังคงผลิต DDR4 สำหรับตลาดเฉพาะ เช่น GigaDevice
    - ใช้กระบวนการผลิต 1z-nm ที่ไม่ต้องใช้ EUV

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/top-chinese-memory-maker-expected-to-abandon-ddr4-manufacturing-at-the-behest-of-beijing
    จีนเตรียมยุติการผลิต DDR4 เพื่อมุ่งสู่เทคโนโลยี DDR5 และ HBM ChangXin Memory Technologies (CXMT) ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของจีน เตรียมยุติการผลิต DDR4 สำหรับเซิร์ฟเวอร์และพีซีภายในกลางปีหน้า ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้ประเทศ เป็นผู้นำด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ CXMT ✅ CXMT เพิ่งเริ่มผลิต DDR4 ในช่วงปลายปี 2024 แต่ต้องเปลี่ยนไปเน้น DDR5 และ HBM ตามนโยบายของรัฐบาล - แสดงให้เห็นว่า จีนต้องการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำให้ทันกับสหรัฐฯ ✅ บริษัทกำลังเร่งพัฒนา HBM3 และคาดว่าจะผ่านการทดสอบภายในสิ้นปีนี้ - HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ Micron, Samsung และ SK hynix เตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025 - ตลาดหน่วยความจำ กำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 และ LPDDR5 อย่างรวดเร็ว ✅ แม้ว่า CXMT จะประสบความสำเร็จในการผลิต DDR4 แต่ DDR5 ของบริษัทยังมีปัญหาด้านความเสถียร - พบว่า ชิป DDR5 ของ CXMT อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูงกว่า 60°C ✅ Samsung และ SK hynix จะยังคงผลิต DDR4 สำหรับตลาดเฉพาะ เช่น GigaDevice - ใช้กระบวนการผลิต 1z-nm ที่ไม่ต้องใช้ EUV https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/top-chinese-memory-maker-expected-to-abandon-ddr4-manufacturing-at-the-behest-of-beijing
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน

    รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร
    ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น
    - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น

    ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ

    ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว"
    - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน

    ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
    - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป

    ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้
    - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจช่วยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน รายงานล่าสุดระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายเพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน อาจกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเองได้เร็วขึ้น โดยพบว่า บริษัทจีนบางแห่งสามารถปรับตัวและสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดด้านการนำเข้าเทคโนโลยีจากตะวันตก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตร ✅ แม้สหรัฐฯ และจีนจะตกลงระงับภาษีที่รุนแรงเป็นเวลา 90 วัน แต่ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเพิ่มขึ้น - บริษัทไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังถูกจับตามองมากขึ้น ✅ บริษัท Zhen Ding Technology ในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา - เนื่องจาก กลยุทธ์ "China for China" ที่เน้นการผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ ✅ Nvidia CEO Jensen Huang ระบุว่าการห้ามส่งออกชิป AI ไปจีนเป็น "ความล้มเหลว" - เพราะ บริษัทจีนหันไปใช้ผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งในประเทศแทน ✅ บริษัทจีนอาจใช้สวนอุตสาหกรรม AI ในไต้หวันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น - อาจทำให้ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงไป ✅ Nvidia อาจเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นใหม่สำหรับตลาดจีนภายในสิ้นปีนี้ - เพื่อ ทดแทนชิป H20 ที่ถูกแบน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/instead-of-crippling-chinas-semiconductor-ambitions-u-s-sanctions-may-be-inadvertently-accelerating-them-report-claims-washington-measures-could-be-bolstering-chinas-chip-market
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Report claims Washington measures could be bolstering China's chip market
    China's chip industry could emerge more resilient from U.S. sanctions
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • Telus เตรียมลงทุนกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย

    Telus ประกาศแผนลงทุนมากกว่า 50.88 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่ การเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง และการขยายเครือข่ายไร้สายไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนของ Telus
    ✅ Telus จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง
    - เพื่อ รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ✅ การลงทุนจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมและความจุของเครือข่ายไร้สาย
    - โดยเฉพาะ ในพื้นที่ชนบทที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

    ✅ เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ
    - สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เช่น เหล็ก, อะลูมิเนียม และรถยนต์

    ✅ Telus รายงานว่าความต้องการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายบรอดแบนด์ยังคงแข็งแกร่ง
    - บริษัท มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 218,000 รายในไตรมาสแรกของปี 2025

    ✅ การลงทุนนี้สอดคล้องกับแผนงบประมาณของ Telus สำหรับปี 2025
    - บริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telus-to-invest-over-50-billion-in-canada-over-next-five-years
    Telus เตรียมลงทุนกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย Telus ประกาศแผนลงทุนมากกว่า 50.88 พันล้านดอลลาร์ในแคนาดาในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นไปที่ การเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง และการขยายเครือข่ายไร้สายไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนของ Telus ✅ Telus จะเปิดตัวศูนย์ข้อมูล AI ใหม่ 2 แห่ง - เพื่อ รองรับการเติบโตของเทคโนโลยี AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ การลงทุนจะช่วยเพิ่มความครอบคลุมและความจุของเครือข่ายไร้สาย - โดยเฉพาะ ในพื้นที่ชนบทที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ✅ เศรษฐกิจแคนาดากำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ - สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เช่น เหล็ก, อะลูมิเนียม และรถยนต์ ✅ Telus รายงานว่าความต้องการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายบรอดแบนด์ยังคงแข็งแกร่ง - บริษัท มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 218,000 รายในไตรมาสแรกของปี 2025 ✅ การลงทุนนี้สอดคล้องกับแผนงบประมาณของ Telus สำหรับปี 2025 - บริษัท คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/28/telus-to-invest-over-50-billion-in-canada-over-next-five-years
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telus to invest over $50 billion in Canada over next five years
    (Reuters) - Telus is investing more than C$70 billion ($50.88 billion) in Canada over the next five years to expand its network infrastructure in the country, the telecom company said on Tuesday.
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • CISOs ควรเตรียมรับมือกับการโจมตีของ Scattered Spider

    Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ โดยล่าสุด Marks & Spencer, Harrods และ Co-op ในสหราชอาณาจักรตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งสร้างความเสียหายทางธุรกิจมหาศาล และคาดว่า กลุ่มนี้จะขยายการโจมตีไปยังสหรัฐฯ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Scattered Spider และแนวทางป้องกัน
    ✅ Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Social Engineering
    - ใช้ เทคนิคหลอกลวงพนักงานและฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อเข้าถึงระบบ

    ✅ กลุ่มนี้ร่วมมือกับ DragonForce ซึ่งเป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service
    - DragonForce อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย

    ✅ Scattered Spider เปลี่ยนกลยุทธ์จาก Phishing เป็น Social Engineering
    - ใช้ SIM Swapping และการปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่าน

    ✅ CISOs ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
    - โดยเฉพาะ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบ

    ✅ ควรมีระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ในเครือข่าย
    - เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของพนักงาน

    ✅ หากถูกโจมตี ควรใช้การกู้คืนข้อมูลจาก Backup แทนการจ่ายค่าไถ่
    - การจ่ายค่าไถ่ ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะไม่ถูกเผยแพร่

    https://www.csoonline.com/article/3994369/how-cisos-can-defend-against-scattered-spider-ransomware-attacks.html
    CISOs ควรเตรียมรับมือกับการโจมตีของ Scattered Spider Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีองค์กรขนาดใหญ่ โดยล่าสุด Marks & Spencer, Harrods และ Co-op ในสหราชอาณาจักรตกเป็นเป้าหมาย ซึ่งสร้างความเสียหายทางธุรกิจมหาศาล และคาดว่า กลุ่มนี้จะขยายการโจมตีไปยังสหรัฐฯ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Scattered Spider และแนวทางป้องกัน ✅ Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Social Engineering - ใช้ เทคนิคหลอกลวงพนักงานและฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อเข้าถึงระบบ ✅ กลุ่มนี้ร่วมมือกับ DragonForce ซึ่งเป็นกลุ่ม Ransomware-as-a-Service - DragonForce อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ✅ Scattered Spider เปลี่ยนกลยุทธ์จาก Phishing เป็น Social Engineering - ใช้ SIM Swapping และการปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อขอรีเซ็ตรหัสผ่าน ✅ CISOs ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ - โดยเฉพาะ ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าและพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบ ✅ ควรมีระบบตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้ในเครือข่าย - เช่น การเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของพนักงาน ✅ หากถูกโจมตี ควรใช้การกู้คืนข้อมูลจาก Backup แทนการจ่ายค่าไถ่ - การจ่ายค่าไถ่ ไม่รับประกันว่าข้อมูลจะไม่ถูกเผยแพร่ https://www.csoonline.com/article/3994369/how-cisos-can-defend-against-scattered-spider-ransomware-attacks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How CISOs can defend against Scattered Spider ransomware attacks
    CISOs should fortify help desk and employee defenses, enhance intrusion detection and tracking capabilities, and recognize that paying ransoms is not a viable strategy.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตือนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่า "กำลังเล่นกับไฟ" พร้อมกับจวกยับผู้นำมอสโกรายนี้ ในขณะที่วอชิงตันกำลังชั่งใจคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียรอบใหม่ต่อกรณีรุกรานยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049807

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตือนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่า "กำลังเล่นกับไฟ" พร้อมกับจวกยับผู้นำมอสโกรายนี้ ในขณะที่วอชิงตันกำลังชั่งใจคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียรอบใหม่ต่อกรณีรุกรานยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049807 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Angry
    5
    0 Comments 0 Shares 498 Views 0 Reviews
  • เยอรมันส่งสัญญาณข่มขู่ที่จะออกมาตรการใช้กับอิสราเอลหลังชี้ สถานการณ์ในเขตฉนวนกาซานั้นเกินทนชี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างเทลอาวีฟหลังยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 54,000 คน ขณะที่ IDF เปิดเผยรับการส่งมอบอาวุธจากสหรัฐฯจากเที่ยวบินรอบที่ 800 วันนี้(27 พ.ค) ขณะทั้งเยอรมันและฟินแลนด์ออกโรงเรียกร้องให้นานาชาติกดดันให้เทลอาวีฟเปิดทางเพื่อการบรรเทาทุกข์ คณะรัฐมนตรีไอร์แลนด์หารือแบนการนำเข้าสินค้าอิสราเอลที่มาจากเขตนิคมตั้งตัวของยิว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049803

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เยอรมันส่งสัญญาณข่มขู่ที่จะออกมาตรการใช้กับอิสราเอลหลังชี้ สถานการณ์ในเขตฉนวนกาซานั้นเกินทนชี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างเทลอาวีฟหลังยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 54,000 คน ขณะที่ IDF เปิดเผยรับการส่งมอบอาวุธจากสหรัฐฯจากเที่ยวบินรอบที่ 800 วันนี้(27 พ.ค) ขณะทั้งเยอรมันและฟินแลนด์ออกโรงเรียกร้องให้นานาชาติกดดันให้เทลอาวีฟเปิดทางเพื่อการบรรเทาทุกข์ คณะรัฐมนตรีไอร์แลนด์หารือแบนการนำเข้าสินค้าอิสราเอลที่มาจากเขตนิคมตั้งตัวของยิว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049803 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 510 Views 0 Reviews
  • เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ

    แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี

    โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร

    สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน

    ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด

    #Newskit
    เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด #Newskit
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • CISA เตือนภัย! การโจมตี Commvault อาจส่งผลกระทบต่อบริษัท SaaS ทั่วโลก

    หน่วยงาน Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ของสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการ SaaS จำนวนมาก โดยพบว่า แฮกเกอร์ระดับรัฐกำลังใช้ช่องโหว่ Zero-Day เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญของลูกค้า

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตี Commvault
    ✅ Commvault เป็นแพลตฟอร์ม SaaS ด้านการปกป้องข้อมูลที่ให้บริการสำรองข้อมูลสำหรับ Microsoft 365, VM และฐานข้อมูล
    - ระบบนี้ โฮสต์บน Microsoft Azure และใช้สำหรับการกู้คืนข้อมูล

    ✅ CISA ระบุว่าผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลลับของลูกค้า Commvault ผ่านช่องโหว่ Zero-Day
    - ช่องโหว่นี้ ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-3928 และส่งผลกระทบต่อ Commvault Web Server

    ✅ Microsoft แจ้งเตือน Commvault ว่าการโจมตีนี้เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ระดับรัฐ
    - พบว่ามี ลูกค้าจำนวนหนึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่นี้

    ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในรายการช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 3 สัปดาห์
    - มีการออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 11.36.46, 11.32.89, 11.28.141 และ 11.20.217 สำหรับ Windows และ Linux

    ✅ CISA เชื่อว่าการโจมตีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ใหญ่ขึ้นซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัท SaaS หลายแห่ง
    - โดยเฉพาะ ระบบคลาวด์ที่ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นและมีสิทธิ์ระดับสูง

    ✅ CISA แนะนำให้บริษัท SaaS ตรวจสอบบันทึก Entra, Microsoft Logs และรายการ Application Registrations
    - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/commvault-attack-may-put-saas-companies-across-the-world-at-risk-cisa-warns
    CISA เตือนภัย! การโจมตี Commvault อาจส่งผลกระทบต่อบริษัท SaaS ทั่วโลก หน่วยงาน Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ของสหรัฐฯ ออกคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการ SaaS จำนวนมาก โดยพบว่า แฮกเกอร์ระดับรัฐกำลังใช้ช่องโหว่ Zero-Day เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญของลูกค้า 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการโจมตี Commvault ✅ Commvault เป็นแพลตฟอร์ม SaaS ด้านการปกป้องข้อมูลที่ให้บริการสำรองข้อมูลสำหรับ Microsoft 365, VM และฐานข้อมูล - ระบบนี้ โฮสต์บน Microsoft Azure และใช้สำหรับการกู้คืนข้อมูล ✅ CISA ระบุว่าผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลลับของลูกค้า Commvault ผ่านช่องโหว่ Zero-Day - ช่องโหว่นี้ ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-3928 และส่งผลกระทบต่อ Commvault Web Server ✅ Microsoft แจ้งเตือน Commvault ว่าการโจมตีนี้เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ระดับรัฐ - พบว่ามี ลูกค้าจำนวนหนึ่งถูกโจมตีผ่านช่องโหว่นี้ ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ลงในรายการช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตี (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 3 สัปดาห์ - มีการออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 11.36.46, 11.32.89, 11.28.141 และ 11.20.217 สำหรับ Windows และ Linux ✅ CISA เชื่อว่าการโจมตีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่ใหญ่ขึ้นซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริษัท SaaS หลายแห่ง - โดยเฉพาะ ระบบคลาวด์ที่ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นและมีสิทธิ์ระดับสูง ✅ CISA แนะนำให้บริษัท SaaS ตรวจสอบบันทึก Entra, Microsoft Logs และรายการ Application Registrations - เพื่อ ลดความเสี่ยงจากการโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/commvault-attack-may-put-saas-companies-across-the-world-at-risk-cisa-warns
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • Google เผยผลวิจัยใหม่ ชี้ให้เห็นว่า Quantum Computer อาจสามารถเจาะระบบเข้ารหัส RSA ได้เร็วกว่าที่คาด

    Google เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับความสามารถของ Quantum Computer ในการถอดรหัส RSA โดยนักวิจัยพบว่า คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีน้อยกว่าหนึ่งล้าน qubits อาจสามารถเจาะระบบเข้ารหัส 2,048-bit RSA ได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมากจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้ ประมาณ 20 ล้าน qubits

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับภัยคุกคามจาก Quantum Computing
    ✅ การศึกษานี้นำโดย Craig Gidney และเผยแพร่บน arXiv
    - แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัมและเทคนิคการแก้ไขข้อผิดพลาดช่วยลดจำนวน qubits ที่ต้องใช้

    ✅ การใช้ Approximate Modular Exponentiation ช่วยลดจำนวน qubits ที่ต้องใช้ในการถอดรหัส
    - ทำให้ การโจมตี RSA มีความเป็นไปได้มากขึ้นในอนาคต

    ✅ เทคนิคใหม่ เช่น "Yoked Surface Codes" และ "Magic State Cultivation" ช่วยลดทรัพยากรที่ต้องใช้
    - ทำให้ Quantum Computer สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ แม้ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีหนึ่งล้าน qubits ยังไม่มีอยู่จริง แต่การพัฒนาในอุตสาหกรรมกำลังเร่งตัวขึ้น
    - IBM ตั้งเป้าสร้าง Quantum Computer 100,000 qubits ภายในปี 2033
    - Quantinuum ตั้งเป้าสร้าง Quantum Computer ที่มีความทนทานต่อข้อผิดพลาดภายในปี 2029

    ✅ RSA เป็นระบบเข้ารหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการสื่อสารออนไลน์ เช่น ธนาคารและลายเซ็นดิจิทัล
    - หากถูกเจาะได้ อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลทั่วโลก

    ✅ สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ (NIST) ได้เผยแพร่อัลกอริธึม Post-Quantum Cryptography (PQC) แล้ว
    - แนะนำให้ เริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบเข้ารหัสที่ทนต่อ Quantum Computing ภายในปี 2030

    https://www.techspot.com/news/108052-google-research-brings-quantum-attack-rsa-encryption-closer.html
    Google เผยผลวิจัยใหม่ ชี้ให้เห็นว่า Quantum Computer อาจสามารถเจาะระบบเข้ารหัส RSA ได้เร็วกว่าที่คาด Google เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับความสามารถของ Quantum Computer ในการถอดรหัส RSA โดยนักวิจัยพบว่า คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีน้อยกว่าหนึ่งล้าน qubits อาจสามารถเจาะระบบเข้ารหัส 2,048-bit RSA ได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมากจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้ ประมาณ 20 ล้าน qubits 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับภัยคุกคามจาก Quantum Computing ✅ การศึกษานี้นำโดย Craig Gidney และเผยแพร่บน arXiv - แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัมและเทคนิคการแก้ไขข้อผิดพลาดช่วยลดจำนวน qubits ที่ต้องใช้ ✅ การใช้ Approximate Modular Exponentiation ช่วยลดจำนวน qubits ที่ต้องใช้ในการถอดรหัส - ทำให้ การโจมตี RSA มีความเป็นไปได้มากขึ้นในอนาคต ✅ เทคนิคใหม่ เช่น "Yoked Surface Codes" และ "Magic State Cultivation" ช่วยลดทรัพยากรที่ต้องใช้ - ทำให้ Quantum Computer สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ แม้ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีหนึ่งล้าน qubits ยังไม่มีอยู่จริง แต่การพัฒนาในอุตสาหกรรมกำลังเร่งตัวขึ้น - IBM ตั้งเป้าสร้าง Quantum Computer 100,000 qubits ภายในปี 2033 - Quantinuum ตั้งเป้าสร้าง Quantum Computer ที่มีความทนทานต่อข้อผิดพลาดภายในปี 2029 ✅ RSA เป็นระบบเข้ารหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการสื่อสารออนไลน์ เช่น ธนาคารและลายเซ็นดิจิทัล - หากถูกเจาะได้ อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลทั่วโลก ✅ สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ (NIST) ได้เผยแพร่อัลกอริธึม Post-Quantum Cryptography (PQC) แล้ว - แนะนำให้ เริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบเข้ารหัสที่ทนต่อ Quantum Computing ภายในปี 2030 https://www.techspot.com/news/108052-google-research-brings-quantum-attack-rsa-encryption-closer.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google research shows quantum computers could break RSA encryption sooner than expected
    The finding is a dramatic reduction from earlier estimates that put the requirement at around 20 million qubits just a few years ago.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์จวกปูตินว่า “บ้าไปแล้วชนิดสุดๆ” หลังรัสเซียถล่มทางอากาศใส่ยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 3 ปี พร้อมกับลั่นปากกำลังพิจารณาเพิ่มมาตรการแซงก์ชันมอสโก อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ยังตวาดใส่เซเลนสกี้ด้วยว่าเป็นพวกชอบใช้ปากพาซวย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049372

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ทรัมป์จวกปูตินว่า “บ้าไปแล้วชนิดสุดๆ” หลังรัสเซียถล่มทางอากาศใส่ยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 3 ปี พร้อมกับลั่นปากกำลังพิจารณาเพิ่มมาตรการแซงก์ชันมอสโก อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ยังตวาดใส่เซเลนสกี้ด้วยว่าเป็นพวกชอบใช้ปากพาซวย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049372 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 420 Views 0 Reviews
More Results