• **แมวป่าเซอลี่ สินสอดที่มอบให้เสี่ยวเฉียว**

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซี่รีส์เรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าตั้งแต่ต้นเรื่องมีการกล่าวถึงสินสอดที่หลิวเหยี่ยนนำมามอบให้นางเอกว่าใช้เพียงพอนมาแทนแมวป่า และเชื่อว่าหลายท่านอาจเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ว่าจริงๆ แล้วมันมีความหมายอย่างไร

    จริงๆ แล้วรายการสินสอดผันแปรไปตามยุคสมัย นอกจากจะปฏิบัติตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ในบางยุคสมัยยังมีกฎหมายกำหนด เช่นในสมัยถังเริ่มมีบทกฎหมายระบุเกณฑ์ขั้นสูงสุดของสินสอดสำหรับชาวบ้านทั่วไป ทั้งนี้เพื่อจำกัดพฤติกรรมการซื้อสะใภ้หรือขายลูกสาว

    <ปรปักษ์จำนน> เป็นยุคสมัยในจินตนาการแต่ดูองค์ประกอบคล้ายคลึงตอนปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (แถวๆ ช่วงปีค.ศ. 180-220) ซึ่งพิธีการและธรรมเนียมส่วนใหญ่สืบทอดมาจากราชวงศ์ก่อนๆ

    หากเราดูตามบันทึกพิธีการหลี่จี้จะพบว่าสินสอดสำหรับขุนนางในสมัยก่อนราชวงศ์ฮั่นนั้น ประกอบด้วยผ้าสีดำแดงห้าพับและหนังกวางเต็มตัวสองผืน ฟังดูไม่มากแต่ล้วนสะท้อนความนัย โดยสีดำแดงสะท้อนหยินหยางและฟ้าดินคู่กัน ผ้าผืนห้าพับจับปลายชนกันแสดงถึงห้าธาตุห้าวง และหนังกวางเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาย ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติชาวบ้านทั่วไปอาจใช้ห่านป่ามาทดแทนหนังกวางที่หายากและแพง

    ต่อมาในสมัยฮั่น รายการสินสอดถูกเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบรายการโดยให้ความสำคัญกับทองคำ ทั้งนี้ รายการอื่นประกอบด้วยสัตว์ (ซึ่งอาจแตกออกมาเป็นสัตว์สี่เท้าและสัตว์สองเท้า) ผ้าไหมหรือผ้าผืน สุรา และธัญพืชหลากชนิด ซึ่งอาจไม่ได้มีมูลค่าสูงนักแต่เน้นที่ความหมายมงคลและความตั้งใจในการคัดสรร

    แมวป่าที่พูดถึงใน ซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> นี้คือสัตว์สี่เท้าที่ถูกนำมาใช้เป็น ‘สัตว์หมั้นหมาย’ ((聘兽/พิ่นโซ่ว) ซึ่งในบริบทของสินสอดมันเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์หรือความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของฝ่ายชายนั่นเอง (อนึ่ง หากใช้สัตว์สี่เท้าชนิดอื่นก็อาจมีความหมายอื่น)

    แมวป่าดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘เซอลี่’ (หรือ Lynx ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าชนิดหนึ่งในตระกูลแมว มีขนาดเล็กกว่าเสือแต่ใหญ่กว่าแมว ลายจุดหางสั้น ลำตัวยาวประมาณ 0.8-1.3 เมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยมีเอกลักษณ์คือหูที่เรียวและมีขนสีดำยาวงอนขึ้น (ดูรูปประกอบ) ปัจจุบันมีอยู่สี่สายพันธ์ด้วยกันโดยที่พบเห็นในจีนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Eurasian Lynx และเป็นหนึ่งในสัตว์สงวน

    เท่าที่ Storyฯ ทำการบ้านมา ยังไม่เห็นความหมายเชิงมงคลเป็นพิเศษของแมวป่าเซอลี่ แต่มันถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งภูเขาด้วยความว่องไวของมันทั้งบนพื้นและบนต้นไม้ มีอีกชื่อเรียกว่า ‘โบยบินเหนือหญ้า’ (草上飞/เฉ่าซ่างเฟย) และคนที่มีฐานะอันจะกินในสมัยโบราณนิยมใช้เซอลี่เป็นตัวช่วยในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะในสมัยถัง จัดเป็นสัตว์ที่มีค่าหายากชนิดหนึ่ง

    และด้วยความที่แมวป่าเซอลี่เป็นสัตว์ที่ว่องไวล่าได้ยาก มันจึงถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> เป็นสัตว์หมั้นหมายที่แสดงถึงความตั้งใจอย่างยิ่งยวดของฝ่ายชาย โดยพระเอกตั้งใจออกไปล่ามาด้วยตนเองเพื่อใช้เป็นสินสอด ในขณะที่หลิวเหยี่ยนใช้เพียงพอนมาเป็นตัวแทน นอกจากนี้ รายการสินสอดอื่นที่หลิวเหยี่ยนมอบให้นางเอกนั้นยังตกๆ หล่นๆ ไม่ว่าจะจำนวนรายการที่ไม่มากและผ้าผืนที่มีเพียงผ้าสีดำ (ไม่ใช่สีดำแดงตามพิธีการโบราณ) สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของหลิวเหยี่ยนซึ่งนางเอกก็รู้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=230176 https://www.sohu.com/a/571225018_121392910
    https://www.toutiao.com/article/7327926416916775465/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_10502786
    https://www.163.com/dy/article/HTQM9DMC0552XHZR.html
    https://culture.ycwb.com/2020-05/02/content_796281.htm
    https://www.napaidd.com/news/c6036/d93278

    #ปรปักษ์จำนน #สินสอดจีนโบราณ #แมวป่า #เซอลี่ #สาระจีน
    **แมวป่าเซอลี่ สินสอดที่มอบให้เสี่ยวเฉียว** สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซี่รีส์เรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าตั้งแต่ต้นเรื่องมีการกล่าวถึงสินสอดที่หลิวเหยี่ยนนำมามอบให้นางเอกว่าใช้เพียงพอนมาแทนแมวป่า และเชื่อว่าหลายท่านอาจเกิดความ ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ว่าจริงๆ แล้วมันมีความหมายอย่างไร จริงๆ แล้วรายการสินสอดผันแปรไปตามยุคสมัย นอกจากจะปฏิบัติตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ในบางยุคสมัยยังมีกฎหมายกำหนด เช่นในสมัยถังเริ่มมีบทกฎหมายระบุเกณฑ์ขั้นสูงสุดของสินสอดสำหรับชาวบ้านทั่วไป ทั้งนี้เพื่อจำกัดพฤติกรรมการซื้อสะใภ้หรือขายลูกสาว <ปรปักษ์จำนน> เป็นยุคสมัยในจินตนาการแต่ดูองค์ประกอบคล้ายคลึงตอนปลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (แถวๆ ช่วงปีค.ศ. 180-220) ซึ่งพิธีการและธรรมเนียมส่วนใหญ่สืบทอดมาจากราชวงศ์ก่อนๆ หากเราดูตามบันทึกพิธีการหลี่จี้จะพบว่าสินสอดสำหรับขุนนางในสมัยก่อนราชวงศ์ฮั่นนั้น ประกอบด้วยผ้าสีดำแดงห้าพับและหนังกวางเต็มตัวสองผืน ฟังดูไม่มากแต่ล้วนสะท้อนความนัย โดยสีดำแดงสะท้อนหยินหยางและฟ้าดินคู่กัน ผ้าผืนห้าพับจับปลายชนกันแสดงถึงห้าธาตุห้าวง และหนังกวางเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของชาย ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติชาวบ้านทั่วไปอาจใช้ห่านป่ามาทดแทนหนังกวางที่หายากและแพง ต่อมาในสมัยฮั่น รายการสินสอดถูกเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบรายการโดยให้ความสำคัญกับทองคำ ทั้งนี้ รายการอื่นประกอบด้วยสัตว์ (ซึ่งอาจแตกออกมาเป็นสัตว์สี่เท้าและสัตว์สองเท้า) ผ้าไหมหรือผ้าผืน สุรา และธัญพืชหลากชนิด ซึ่งอาจไม่ได้มีมูลค่าสูงนักแต่เน้นที่ความหมายมงคลและความตั้งใจในการคัดสรร แมวป่าที่พูดถึงใน ซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> นี้คือสัตว์สี่เท้าที่ถูกนำมาใช้เป็น ‘สัตว์หมั้นหมาย’ ((聘兽/พิ่นโซ่ว) ซึ่งในบริบทของสินสอดมันเป็นสัญลักษณ์ของการล่าสัตว์หรือความสามารถในการทำมาหาเลี้ยงชีพของฝ่ายชายนั่นเอง (อนึ่ง หากใช้สัตว์สี่เท้าชนิดอื่นก็อาจมีความหมายอื่น) แมวป่าดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘เซอลี่’ (หรือ Lynx ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าชนิดหนึ่งในตระกูลแมว มีขนาดเล็กกว่าเสือแต่ใหญ่กว่าแมว ลายจุดหางสั้น ลำตัวยาวประมาณ 0.8-1.3 เมตรเมื่อโตเต็มที่ โดยมีเอกลักษณ์คือหูที่เรียวและมีขนสีดำยาวงอนขึ้น (ดูรูปประกอบ) ปัจจุบันมีอยู่สี่สายพันธ์ด้วยกันโดยที่พบเห็นในจีนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Eurasian Lynx และเป็นหนึ่งในสัตว์สงวน เท่าที่ Storyฯ ทำการบ้านมา ยังไม่เห็นความหมายเชิงมงคลเป็นพิเศษของแมวป่าเซอลี่ แต่มันถูกยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งภูเขาด้วยความว่องไวของมันทั้งบนพื้นและบนต้นไม้ มีอีกชื่อเรียกว่า ‘โบยบินเหนือหญ้า’ (草上飞/เฉ่าซ่างเฟย) และคนที่มีฐานะอันจะกินในสมัยโบราณนิยมใช้เซอลี่เป็นตัวช่วยในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะในสมัยถัง จัดเป็นสัตว์ที่มีค่าหายากชนิดหนึ่ง และด้วยความที่แมวป่าเซอลี่เป็นสัตว์ที่ว่องไวล่าได้ยาก มันจึงถูกนำมาใช้ในซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> เป็นสัตว์หมั้นหมายที่แสดงถึงความตั้งใจอย่างยิ่งยวดของฝ่ายชาย โดยพระเอกตั้งใจออกไปล่ามาด้วยตนเองเพื่อใช้เป็นสินสอด ในขณะที่หลิวเหยี่ยนใช้เพียงพอนมาเป็นตัวแทน นอกจากนี้ รายการสินสอดอื่นที่หลิวเหยี่ยนมอบให้นางเอกนั้นยังตกๆ หล่นๆ ไม่ว่าจะจำนวนรายการที่ไม่มากและผ้าผืนที่มีเพียงผ้าสีดำ (ไม่ใช่สีดำแดงตามพิธีการโบราณ) สะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของหลิวเหยี่ยนซึ่งนางเอกก็รู้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=230176 https://www.sohu.com/a/571225018_121392910 https://www.toutiao.com/article/7327926416916775465/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_10502786 https://www.163.com/dy/article/HTQM9DMC0552XHZR.html https://culture.ycwb.com/2020-05/02/content_796281.htm https://www.napaidd.com/news/c6036/d93278 #ปรปักษ์จำนน #สินสอดจีนโบราณ #แมวป่า #เซอลี่ #สาระจีน
    WWW.UPMEDIA.MG
    劉宇寧、宋祖兒新劇《折腰》首播熱度奪冠 來自台灣的「他」與她上演祖孫訣別逼哭全網--上報
    (以下內容涉及劇透,請斟酌閱讀)陸劇女星宋祖兒因逃稅慘遭冷藏2年,近期順利解禁,她主演的多部新劇傳出......
    1 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • เกิดมารอดอยู่
    รู้คุณอาศัย
    ความดีขวนขวาย
    ให้กรรมอาศัย

    มีธรรมความจริง
    ยิ่งพาขวนขวาย
    ครรลองมุ่งหมาย
    ไร้ทุกข์โทษภัย

    จิตธรรมสูงส่ง
    ทรงคุณมากมาย
    ผุดผ่องเมื่อไร
    ได้สุขแท้จริง

    ยามนี้ยังอยู่
    รู้ธรรมพึ่งพิง
    ให้พร้อมทุกสิ่ง
    ทิ้งเป็นทิ้งตาย

    ทางธรรมประเสริฐ
    เกิดมาขวนขวาย
    ยิ่งทำยิ่งได้
    ให้สว่างจริง

    ขอให้พบธรรมความดี ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    เกิดมารอดอยู่ รู้คุณอาศัย ความดีขวนขวาย ให้กรรมอาศัย มีธรรมความจริง ยิ่งพาขวนขวาย ครรลองมุ่งหมาย ไร้ทุกข์โทษภัย จิตธรรมสูงส่ง ทรงคุณมากมาย ผุดผ่องเมื่อไร ได้สุขแท้จริง ยามนี้ยังอยู่ รู้ธรรมพึ่งพิง ให้พร้อมทุกสิ่ง ทิ้งเป็นทิ้งตาย ทางธรรมประเสริฐ เกิดมาขวนขวาย ยิ่งทำยิ่งได้ ให้สว่างจริง ขอให้พบธรรมความดี ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • ประเทศมั่นคง
    ทรงคุณศีลธรรม
    สร้างกุศลกรรม
    ทำให้เจริญ

    นิติรัฐมี
    ดีพาก้าวเดิน
    คุมไม่ห่างเหิน
    เชิญมาอาศัย

    กฎหมายธำรง
    ทรงธรรมมุ่งหมาย
    หยุดความจัญไร
    ให้ร้ายดับไป

    พลังกายใจ
    ให้ดีเอาไว้
    งานการขวนขวาย
    ให้จบด้วยดี

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ประเทศมั่นคง ทรงคุณศีลธรรม สร้างกุศลกรรม ทำให้เจริญ นิติรัฐมี ดีพาก้าวเดิน คุมไม่ห่างเหิน เชิญมาอาศัย กฎหมายธำรง ทรงธรรมมุ่งหมาย หยุดความจัญไร ให้ร้ายดับไป พลังกายใจ ให้ดีเอาไว้ งานการขวนขวาย ให้จบด้วยดี ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย โพสต์ข้อความระบุ การประกาศตัดไฟเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ของ กัมพูชามาดูว่าปัจจุบันสถานการณ์การจ่ายไฟฟ้าเป็นยังไงบ้าง โดยก่อนประกาศตัดไฟ ไทยจ่ายไฟให้ เขมร 9 จุด คือ 1.สุรินทร์(ช่องจอม) ไป บ.โอสะเม็ด จ.อุดรมีชัย 2.สระแก้ว บ.หนอกปรือ ไป อ.มาลัย จ.บันเตียเมียเจย 3.สระแก้ว บ.คลองลึก ไป อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียเจย 4.เหมือนข้อ 3 เป็นวงจร 2 5.สระแก้ว บ.เขาดินไป อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง 6.จันทบุรี บ.ซับตารี ไป อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง 7.จันทบุรี บ.สวนส้ม ไป อ.โอสั๊ว จ.พระตะบอง 8.จันทบุรี บ.บ้านแหลมไป อ.ก๊อมเรียง จ.พระตะบอง และ 9.ตราด บ.หาดเล็ก ไป บ.หาดทราบยาว จ.เกาะกง ปัจจุบัน เขมรตัดไฟไปแค่ 3 จุด เท่านั้น คือ ข้อ 3,4,9 ยังคงจ่ายไฟอยู่ 6 จุด

    -ทหารชายแดนเตรียมพร้อม
    -ชวนติด#28มิถุนามาแน่
    -หนุนรถกระบะเก่าแลกใหม่
    -พร้อมตอบโต้อิหร่านแม้หยุดยิง
    พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย โพสต์ข้อความระบุ การประกาศตัดไฟเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ของ กัมพูชามาดูว่าปัจจุบันสถานการณ์การจ่ายไฟฟ้าเป็นยังไงบ้าง โดยก่อนประกาศตัดไฟ ไทยจ่ายไฟให้ เขมร 9 จุด คือ 1.สุรินทร์(ช่องจอม) ไป บ.โอสะเม็ด จ.อุดรมีชัย 2.สระแก้ว บ.หนอกปรือ ไป อ.มาลัย จ.บันเตียเมียเจย 3.สระแก้ว บ.คลองลึก ไป อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียเจย 4.เหมือนข้อ 3 เป็นวงจร 2 5.สระแก้ว บ.เขาดินไป อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง 6.จันทบุรี บ.ซับตารี ไป อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง 7.จันทบุรี บ.สวนส้ม ไป อ.โอสั๊ว จ.พระตะบอง 8.จันทบุรี บ.บ้านแหลมไป อ.ก๊อมเรียง จ.พระตะบอง และ 9.ตราด บ.หาดเล็ก ไป บ.หาดทราบยาว จ.เกาะกง ปัจจุบัน เขมรตัดไฟไปแค่ 3 จุด เท่านั้น คือ ข้อ 3,4,9 ยังคงจ่ายไฟอยู่ 6 จุด -ทหารชายแดนเตรียมพร้อม -ชวนติด#28มิถุนามาแน่ -หนุนรถกระบะเก่าแลกใหม่ -พร้อมตอบโต้อิหร่านแม้หยุดยิง
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 378 Views 30 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ คุณสนธิมีเรื่องมาเล่าหลายเรื่องอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ไทย-เขมร, การชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่มีพรรคบางพรรค คนบางคนทำตัวเป็น "งักปุกคุ้ง" วิญญูชนจอมปลอม ปล่อยข่าวว่าจะสร้างเงื่อนไขโน่นนี่ให้ แพทองธาร ชินวัตร ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วคือ เกมการต่อรองทางการเมืองเท่านั้น รวมไปถึงเรื่องต่างประเทศที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ สงครามระหว่างอิสราเอล-สหรัฐฯ และอิหร่าน ...
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ คุณสนธิมีเรื่องมาเล่าหลายเรื่องอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ไทย-เขมร, การชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่มีพรรคบางพรรค คนบางคนทำตัวเป็น "งักปุกคุ้ง" วิญญูชนจอมปลอม ปล่อยข่าวว่าจะสร้างเงื่อนไขโน่นนี่ให้ แพทองธาร ชินวัตร ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วคือ เกมการต่อรองทางการเมืองเท่านั้น รวมไปถึงเรื่องต่างประเทศที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ สงครามระหว่างอิสราเอล-สหรัฐฯ และอิหร่าน ... . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • กิเลสพาแย่
    แท้จริงปองร้าย
    เป็นโจรจัญไร
    ไร้คุณศีลธรรม

    เล่ห์กลกิเลส
    ก่อเหตุบาปกรรม
    วิธีระยำ
    ทำได้ทุกอย่าง

    ความโลภโกรธหลง
    วงจรหนทาง
    กรรมชั่วไม่ห่าง
    สร้างทุกข์เวียนว่าย

    เกิดพยาบาท
    อาฆาตมาดร้าย
    สาปแช่งติดใจ
    เวียนไปเวียนมา

    หนึ่งธรรมความจริง
    นิ่งให้ปัญญา
    แก่นใจดวงตา
    พาชำระมาร

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    กิเลสพาแย่ แท้จริงปองร้าย เป็นโจรจัญไร ไร้คุณศีลธรรม เล่ห์กลกิเลส ก่อเหตุบาปกรรม วิธีระยำ ทำได้ทุกอย่าง ความโลภโกรธหลง วงจรหนทาง กรรมชั่วไม่ห่าง สร้างทุกข์เวียนว่าย เกิดพยาบาท อาฆาตมาดร้าย สาปแช่งติดใจ เวียนไปเวียนมา หนึ่งธรรมความจริง นิ่งให้ปัญญา แก่นใจดวงตา พาชำระมาร ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • **ชื่อเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> กับวลีจีนโบราณ**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเรื่องชื่อนิยายและซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> ที่ Storyฯ รู้สึกว่าชื่อไทยแปลได้อรรถรสของชื่อจีนดีมาก

    ชื่อจีนของเรื่องนี้คือ ‘เจ๋อเยา’ (折腰) แปลตรงตัวว่าหักเอว ซึ่งมาจากการโค้งคำนับต่ำมากเพื่อแสดงถึงความเคารพอย่างยิ่งยวด แต่คำว่า ‘เจ๋อเยา’ ไม่ได้เป็นชื่อเรียกท่าโค้งคำนับ หากแต่มีความหมายว่ายอมจำนนหรือยอมสยบต่ออำนาจหรืออิทธิพลที่เหนือกว่า และมันมีที่มาจากวลีจีนโบราณ ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’

    วลีนี้ปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์จิ้น (晋书) ส่วนที่บันทึกเรื่องราวบุคคลสำคัญในบรรพที่ชื่อว่า ‘เถาเฉียนจ้วน’ (陶潜传 / ตำนานเถาเฉียน) และเจ้าของวลีคือเถายวนหมิง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เถาเฉียน เขาเป็นกวีและนักประพันธ์ชื่อดังในสมัยจิ้นตะวันออก (ค.ศ. 317-420) มีผลงานเลื่องชื่อมากมาย เช่น วรรณกรรมเรื่อง ‘บันทึกดินแดนดอกท้อ’ เกี่ยวกับดินแดนดอกท้ออันเป็นตัวแทนของดินแดนหรือสังคมในอุดมคติหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Utopia ที่มนุษย์แสวงหา (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ย้อนอ่านได้ที่ลิ้งค์ใต้บทความ)

    เถายวนหมิงมีพื้นเพมาจากตระกูลขุนนางเก่าซึ่งมีฐานะค่อนข้างดี ปู่ทวดเป็นมหาเสนาบดีกลาโหม ปู่เป็นผู้ว่าราชการมณฑล เขาจึงได้รับการศึกษาอย่างดีมาแต่เด็ก ต่อมาฐานะครอบครัวตกต่ำลงจนถึงขั้นยากจนหลังจากบิดาเสียชีวิตไปเมื่อเขาอายุได้แปดขวบ แต่เขาก็ยังหมั่นเพียรขยันศึกษาจนต่อมาได้รับอิทธิพลทางความคิดจากลัทธิเต๋า

    ในช่วงอายุ 29 – 40 ปี เถายวนหมิงเคยเข้ารับราชการเพื่อหาเลี้ยงชีพแต่ก็ต้องลาออกเพราะไม่ชอบการพินอบพิเทาเจ้านายและไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีทางการเมือง แต่แล้วก็เข้ารับราชการใหม่ เป็นเช่นนี้หลายครั้งครา ทั้งนี้เพราะเขามีใจใฝ่ความสงบของธรรมชาติ รักมัธยัสถ์ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดี ต่อมาจึงตัดสินใจลาออกจากราชการอย่างถาวรและหันไปทำไร่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ก็สุขใจสามารถร่ำสุราแต่งกลอนตามใจอยากและได้สร้างผลงานวรรณกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยผลงานของเขาล้วนแฝงด้วยจิตวิญญาณของธรรมชาติ ความเรียบง่าย และพลังแห่งชีวิต และต่อมาเถายวนหมิงได้ถูกยกย่องเป็นต้นแบบของการละทิ้งลาภยศชื่อเสียงและการใช้ชีวิตอย่างสมถะตามหลักปรัชญาแห่งเต๋า

    วลี ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’ นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเถายวนหมิงอายุสี่สิบปี เข้ารับราชการในตำแหน่งผู้ว่าการเขตเผิงเจ๋อ (ตั้งอยู่ทางเหนือของมณฑลเจียงซี) อยู่มาวันหนึ่งมีผู้ตรวจการมาตรวจงาน เสมียนหลวงบอกเขาว่าควรแต่งตัวให้เรียบร้อยอย่างเป็นทางการไปต้อนรับผู้ตรวจการ เขาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายและกล่าววลีนี้ออกมา และเมื่อกล่าวเสร็จเขาก็ยื่นใบลาออกหลังจากรับราชการมาได้เพียงแปดสิบเอ็ดวัน และหลังจากนั้นก็ไม่เข้ารับราชการอีกเลย

    แล้วทำไมต้อง ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ ?

    ประเด็นนี้มีการตีความกันหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่จะตีความว่า ข้าวสารห้าโต่วคือค่าจ้างของขุนนางระดับผู้ว่าการเขตในสมัยนั้น (หนึ่งโต่วในสมัยนั้นคือประมาณเจ็ดลิตร) ซึ่งฟังดูน้อยนิดเมื่อคำนวณเทียบกับบันทึกโบราณว่าด้วยเงินเดือนข้าราชการ บ้างก็ว่าเป็นเงินเดือนแต่ยังไม่รวมค่าตอบแทนอื่น เช่นผ้าไหม บ้างก็ว่าคิดได้เป็นค่าจ้างรายวันเท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นปริมาณข้าวสารที่พอเพียงสำหรับหนึ่งคนในหนึ่งเดือน

    แต่ไม่ว่า ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ จะมีความหมายที่แท้จริงอย่างไร เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้และกล่าวถึงอย่างยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการละทิ้งยศศักดิ์ และวลีนี้ได้กลายมาเป็นสำนวนจีนที่ถูกใช้ผ่านกาลเวลาหลายยุคสมัยเพื่อแปลว่า ไม่ยอมละทิ้งจิตวิญญาณของตนเพื่อยอมสยบให้กับอำนาจหรืออิทธิพล

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความเก่า:
    ดินแดนดอกท้อ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/525898876205076

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.yangtse.com/news/wy/202506/t20250603_215987.html
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_2197713
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/陶渊明/53944
    https://baike.baidu.com/item/陶潜传/75756
    https://k.sina.cn/article_5044281310_12ca99fde020004fcq.html

    #ปรปักษ์จำนน #เจ๋อเยา #เถาเฉียน #เถายวนหมิง #สาระจีน
    **ชื่อเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> กับวลีจีนโบราณ** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเรื่องชื่อนิยายและซีรีส์ <ปรปักษ์จำนน> ที่ Storyฯ รู้สึกว่าชื่อไทยแปลได้อรรถรสของชื่อจีนดีมาก ชื่อจีนของเรื่องนี้คือ ‘เจ๋อเยา’ (折腰) แปลตรงตัวว่าหักเอว ซึ่งมาจากการโค้งคำนับต่ำมากเพื่อแสดงถึงความเคารพอย่างยิ่งยวด แต่คำว่า ‘เจ๋อเยา’ ไม่ได้เป็นชื่อเรียกท่าโค้งคำนับ หากแต่มีความหมายว่ายอมจำนนหรือยอมสยบต่ออำนาจหรืออิทธิพลที่เหนือกว่า และมันมีที่มาจากวลีจีนโบราณ ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’ วลีนี้ปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์จิ้น (晋书) ส่วนที่บันทึกเรื่องราวบุคคลสำคัญในบรรพที่ชื่อว่า ‘เถาเฉียนจ้วน’ (陶潜传 / ตำนานเถาเฉียน) และเจ้าของวลีคือเถายวนหมิง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เถาเฉียน เขาเป็นกวีและนักประพันธ์ชื่อดังในสมัยจิ้นตะวันออก (ค.ศ. 317-420) มีผลงานเลื่องชื่อมากมาย เช่น วรรณกรรมเรื่อง ‘บันทึกดินแดนดอกท้อ’ เกี่ยวกับดินแดนดอกท้ออันเป็นตัวแทนของดินแดนหรือสังคมในอุดมคติหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Utopia ที่มนุษย์แสวงหา (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว ย้อนอ่านได้ที่ลิ้งค์ใต้บทความ) เถายวนหมิงมีพื้นเพมาจากตระกูลขุนนางเก่าซึ่งมีฐานะค่อนข้างดี ปู่ทวดเป็นมหาเสนาบดีกลาโหม ปู่เป็นผู้ว่าราชการมณฑล เขาจึงได้รับการศึกษาอย่างดีมาแต่เด็ก ต่อมาฐานะครอบครัวตกต่ำลงจนถึงขั้นยากจนหลังจากบิดาเสียชีวิตไปเมื่อเขาอายุได้แปดขวบ แต่เขาก็ยังหมั่นเพียรขยันศึกษาจนต่อมาได้รับอิทธิพลทางความคิดจากลัทธิเต๋า ในช่วงอายุ 29 – 40 ปี เถายวนหมิงเคยเข้ารับราชการเพื่อหาเลี้ยงชีพแต่ก็ต้องลาออกเพราะไม่ชอบการพินอบพิเทาเจ้านายและไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีทางการเมือง แต่แล้วก็เข้ารับราชการใหม่ เป็นเช่นนี้หลายครั้งครา ทั้งนี้เพราะเขามีใจใฝ่ความสงบของธรรมชาติ รักมัธยัสถ์ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดี ต่อมาจึงตัดสินใจลาออกจากราชการอย่างถาวรและหันไปทำไร่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ก็สุขใจสามารถร่ำสุราแต่งกลอนตามใจอยากและได้สร้างผลงานวรรณกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยผลงานของเขาล้วนแฝงด้วยจิตวิญญาณของธรรมชาติ ความเรียบง่าย และพลังแห่งชีวิต และต่อมาเถายวนหมิงได้ถูกยกย่องเป็นต้นแบบของการละทิ้งลาภยศชื่อเสียงและการใช้ชีวิตอย่างสมถะตามหลักปรัชญาแห่งเต๋า วลี ‘ไม่ยอมสยบ (หักเอว) เพื่อข้าวสารห้าโต่ว’ นี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเถายวนหมิงอายุสี่สิบปี เข้ารับราชการในตำแหน่งผู้ว่าการเขตเผิงเจ๋อ (ตั้งอยู่ทางเหนือของมณฑลเจียงซี) อยู่มาวันหนึ่งมีผู้ตรวจการมาตรวจงาน เสมียนหลวงบอกเขาว่าควรแต่งตัวให้เรียบร้อยอย่างเป็นทางการไปต้อนรับผู้ตรวจการ เขาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายและกล่าววลีนี้ออกมา และเมื่อกล่าวเสร็จเขาก็ยื่นใบลาออกหลังจากรับราชการมาได้เพียงแปดสิบเอ็ดวัน และหลังจากนั้นก็ไม่เข้ารับราชการอีกเลย แล้วทำไมต้อง ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ ? ประเด็นนี้มีการตีความกันหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่จะตีความว่า ข้าวสารห้าโต่วคือค่าจ้างของขุนนางระดับผู้ว่าการเขตในสมัยนั้น (หนึ่งโต่วในสมัยนั้นคือประมาณเจ็ดลิตร) ซึ่งฟังดูน้อยนิดเมื่อคำนวณเทียบกับบันทึกโบราณว่าด้วยเงินเดือนข้าราชการ บ้างก็ว่าเป็นเงินเดือนแต่ยังไม่รวมค่าตอบแทนอื่น เช่นผ้าไหม บ้างก็ว่าคิดได้เป็นค่าจ้างรายวันเท่านั้น บ้างก็ว่าเป็นปริมาณข้าวสารที่พอเพียงสำหรับหนึ่งคนในหนึ่งเดือน แต่ไม่ว่า ‘ข้าวสารห้าโต่ว’ จะมีความหมายที่แท้จริงอย่างไร เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้และกล่าวถึงอย่างยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการละทิ้งยศศักดิ์ และวลีนี้ได้กลายมาเป็นสำนวนจีนที่ถูกใช้ผ่านกาลเวลาหลายยุคสมัยเพื่อแปลว่า ไม่ยอมละทิ้งจิตวิญญาณของตนเพื่อยอมสยบให้กับอำนาจหรืออิทธิพล (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความเก่า: ดินแดนดอกท้อ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/525898876205076 Credit รูปภาพจาก: https://www.yangtse.com/news/wy/202506/t20250603_215987.html https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_2197713 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/陶渊明/53944 https://baike.baidu.com/item/陶潜传/75756 https://k.sina.cn/article_5044281310_12ca99fde020004fcq.html #ปรปักษ์จำนน #เจ๋อเยา #เถาเฉียน #เถายวนหมิง #สาระจีน
    1 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • วันพุธที่ 18/6/68 สวัสดีตรับ..
    วันพุธที่ 18/6/68 สวัสดีตรับ..
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • วันอังคาร สวัสดีครับ..17/6/2568
    วันอังคาร สวัสดีครับ..17/6/2568
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่ง
    สัทธรรมลำดับที่ : 653
    ชื่อบทธรรม :- ฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=653
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่-(เหมือนอาสวะสิ้นเอง เมื่อปฏิบัติชอบ)
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุตามประกอบการเจริญภาวนาอยู่,
    โดยแน่นอน เธอไม่ต้องปรารถนา ว่า
    “ โอหนอ ! จิตของเราถึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่มีอุปาทานเถิด”
    ดังนี้.
    จิตของเธอนั้นก็ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่มีอุปาทานได้เป็นแน่.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ข้อนั้นเพราะเหตุว่า
    เธอมีการเจริญ
    +--สติปัฏฐานสี่
    +--สัมมัปปธานสี่
    +--อิทธิบาทสี่
    +--อินทรีย์ห้า
    +--พละห้า
    +--โพชฌงค์เจ็ด
    ด้วย​ #อริยมรรคมีองค์แปด(อริยสฺส อฏฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส)​.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/127/?keywords=อริยสฺส+อฏฺฐงฺคิกสฺส+มคฺคสฺส

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน ฟองไข่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง
    http://etipitaka.com/read/pali/23/127/?keywords=กุกฺกุฏิยา+อณฺฑานิ
    อันแม่ไก่กกดีแล้ว พลิกให้ทั่วดีแล้ว คือฟักดีแล้ว,
    โดยแน่นอน แม่ไก่ ไม่ต้องปรารถนา ว่า
    “โอหนอ ! ลูกไก่ของเรา จงทำลายกระเปาะฟอง
    ด้วยปลายเล็บเท้า หรือจะงอยปาก ออกมาโดยสวัสดีเถิด”
    ดังนี้,
    ลูกไก่เหล่านั้นก็สามารถทำลายกระเปาะด้วยปลายเล็บเท้า
    หรือจะงอยปาก ออกมาโดยสวัสดีได้ โดยแท้,
    ฉันใดก็ฉันนั้น.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตตก.อํ. 23/98/68.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/98/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตตก.อํ. ๒๓/๑๒๗/๖๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/127/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม..
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=653
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=653
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45
    ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่ง สัทธรรมลำดับที่ : 653 ชื่อบทธรรม :- ฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=653 เนื้อความทั้งหมด :- --ฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่-(เหมือนอาสวะสิ้นเอง เมื่อปฏิบัติชอบ) --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุตามประกอบการเจริญภาวนาอยู่, โดยแน่นอน เธอไม่ต้องปรารถนา ว่า “ โอหนอ ! จิตของเราถึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่มีอุปาทานเถิด” ดังนี้. จิตของเธอนั้นก็ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่มีอุปาทานได้เป็นแน่. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ข้อนั้นเพราะเหตุว่า เธอมีการเจริญ +--สติปัฏฐานสี่ +--สัมมัปปธานสี่ +--อิทธิบาทสี่ +--อินทรีย์ห้า +--พละห้า +--โพชฌงค์เจ็ด ด้วย​ #อริยมรรคมีองค์แปด(อริยสฺส อฏฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส)​. http://etipitaka.com/read/pali/23/127/?keywords=อริยสฺส+อฏฺฐงฺคิกสฺส+มคฺคสฺส --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน ฟองไข่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง http://etipitaka.com/read/pali/23/127/?keywords=กุกฺกุฏิยา+อณฺฑานิ อันแม่ไก่กกดีแล้ว พลิกให้ทั่วดีแล้ว คือฟักดีแล้ว, โดยแน่นอน แม่ไก่ ไม่ต้องปรารถนา ว่า “โอหนอ ! ลูกไก่ของเรา จงทำลายกระเปาะฟอง ด้วยปลายเล็บเท้า หรือจะงอยปาก ออกมาโดยสวัสดีเถิด” ดังนี้, ลูกไก่เหล่านั้นก็สามารถทำลายกระเปาะด้วยปลายเล็บเท้า หรือจะงอยปาก ออกมาโดยสวัสดีได้ โดยแท้, ฉันใดก็ฉันนั้น.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตตก.อํ. 23/98/68. http://etipitaka.com/read/thai/23/98/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตตก.อํ. ๒๓/๑๒๗/๖๘. http://etipitaka.com/read/pali/23/127/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม.. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=653 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45&id=653 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=45 ลำดับสาธยายธรรม : 45 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_45.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (เป็นที่น่าสังเกตว่า พระพุทธองค์ทรงมีถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือของอินเดีย ซึ่งดูตามแผนที่แล้ว จะไม่มีโอกาสเกี่ยวข้องกับทะเล แต่ก็ยังทรงทราบเรื่องเรือเดินทะเล, เป็นบุคคลในระดับกษัตริย์ ก็ยังทรงรู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของชาวบ้าน เช่นหวายที่ผูกเรือแพเดินทะเลสิ้นอายุผุพังไปตามฤดูกาลได้ ; แสดงว่าทรงมีพื้นเพแห่งสติปัญญาสมกับที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเสียจริงๆ).
    -(เป็นที่น่าสังเกตว่า พระพุทธองค์ทรงมีถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือของอินเดีย ซึ่งดูตามแผนที่แล้ว จะไม่มีโอกาสเกี่ยวข้องกับทะเล แต่ก็ยังทรงทราบเรื่องเรือเดินทะเล, เป็นบุคคลในระดับกษัตริย์ ก็ยังทรงรู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของชาวบ้าน เช่นหวายที่ผูกเรือแพเดินทะเลสิ้นอายุผุพังไปตามฤดูกาลได้ ; แสดงว่าทรงมีพื้นเพแห่งสติปัญญาสมกับที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเสียจริงๆ). ฟองไข่ออกเป็นตัว มิใช่โดยเจตนาของแม่ไก่ (เหมือนอาสวะสิ้นเอง เมื่อปฏิบัติชอบ) ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุตามประกอบการเจริญภาวนาอยู่, โดยแน่นอน เธอไม่ต้องปรารถนา ว่า “ โอหนอ ! จิตของเราถึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่มีอุปาทานเถิด” ดังนี้. จิตของเธอนั้นก็ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่มีอุปาทานได้เป็นแน่. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ข้อนั้นเพราะเหตุว่า เธอมีการเจริญสติปัฏฐานสี่ สัมมัปปธานสี่ อิทธิบาทสี่ อินทรีย์ห้า พละห้า โพชฌงค์เจ็ด อริยมรรคมีองค์แปด. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือน ฟองไข่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง อันแม่ไก่กกดีแล้ว พลิกให้ทั่วดีแล้ว คือฟักดีแล้ว, โดยแน่นอน แม่ไก่ ไม่ต้องปรารถนา ว่า “โอหนอ ! ลูกไก่ของเรา จงทำลายกระเปาะฟอง ด้วยปลายเล็บเท้า หรือจะงอยปาก ออกมาโดยสวัสดีเถิด” ดังนี้, ลูกไก่เหล่านั้นก็สามารถทำลายกระเปาะด้วยปลายเล็บเท้า หรือจะงอยปาก ออกมาโดยสวัสดีได้ โดยแท้, ฉันใดก็ฉันนั้น.
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • **วลีจีน ‘นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย’**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่อง ‘วลีเด็ด’

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> คงจำได้ว่าตอนท้ายเรื่องพระเอกขอลาออกจากราชการ เหตุผลของเขานั้นหากอ่านจากซับไทยอาจไม่ค่อยเข้าใจความหมาย Storyฯ จึงขอแปลใหม่โดยมีความแตกต่างจากซับไทยเล็กน้อยว่า “จนเมื่อมาพบกับโต้วเจา นางทำให้กระหม่อมรู้ว่า นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” (หมายเหตุ ในซับไทยใช้คำว่า ‘นายพราน’ ซึ่งไม่ผิดแต่ทำให้บริบทที่มาของวลีนี้ขาดหายไป)

    ยังฟังดูงงๆ ใช่ไหม? จะเข้าใจความหมายของมันก็ต้องเข้าใจบริบทและที่มาของมันค่ะ สองประโยค “นักล่ากวาง.... ต้องมองให้กว้าง” นี้ไม่ใช่วลีจีนโบราณ แต่มันมีรากฐานมาจากวรรณกรรมโบราณที่ชื่อว่า ‘หวยหนานจื่อ’ (淮南子 / บุรุษเมืองหวยหนาน) ถูกยกมาจากบรรพที่มีชื่อว่า ‘ซัวหลินซุ่น’ (说林训/ คำสอนจากป่าไม้)

    หวยหนานจื่อเป็นผลงานในยุคสมัยฮั่นตะวันตกของอ๋องหวยหนาน (หลิวอัน) และบัณฑิตในสังกัด ต่อมาถูกนำถวายให้แก่องค์ฮั่นอู่ตี้ (ปี 138 ก่อนคริสตกาล) เดิมมีทั้งหมด 3 บทรวม 62 บรรพ: บทใน 21 บรรพยาวกว่าสองแสนอักษร (ปัจจุบันเหลือเพียงหนึ่งแสนสามหมื่นอักษร); บทกลาง 8 บรรพ (สูญหายไปแล้ว); และบทนอก 33 บรรพ (สูญหายไปแล้ว) โดยเนื้อหาของหวยหนานจื่อครอบคลุมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ตำนานเล่าขาน (เช่นเรื่องหนี่ว์วาซ่อมแซมฟ้า โฮ่วอี้ยิงตะวัน) ข้อมูลทางธรรมชาติ (เช่นฤดูกาล) หลักหยินหยาง คำสอนขงจื๊อ คำสอนลัทธิเต๋า กลยุทธ์การศึกการทหาร ฯลฯ เรียบเรียงเป็นคำกล่าวสอนชี้ชวนให้คิดและสะท้อนปรัชญาชีวิต จัดเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่อ่านยากมากที่สุดของจีน ทั้งด้วยภาษาที่ใช้และเนื้อหาที่ลึกซึ้งแอบแฝง โดยมีหลายวรรคหลายประโยคที่ถูกยกย่องเป็น ‘วลีเด็ด’ ข้ามกาลเวลาจวบจนปัจจุบัน

    ประโยค “นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ” แปลงมาจากหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย คนเจรจาสินค้าพันตำลึงทองไม่ถกเถียงเงินจำนวนเล็กน้อย” (逐鹿者不顾兔,决千金之货者不争铢两之价。) ความหมายก็คือว่า คนเราเมื่อมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ควรวอกแวกไปกับเรื่องเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามา เหมือนกับนักล่ากวางที่มีเป้าหมายคือกวาง ก็ไม่ควรเสียสมาธิและพลังงานไปกับการล่ากระต่ายที่ผ่านเข้ามา

    ส่วนประโยคหลัง “นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” แปลงมาจากอีกหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่าสัตว์มองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน ความกระหายภายนอกบดบังความกระจ่างภายในใจ” (逐兽者目不见太山,嗜欲在外,则明所蔽矣。) ความหมายก็คือว่า เมื่อเราใจจดจ่ออยู่กับบางอย่างเราจะมองไม่เห็นภาพใหญ่ เหมือนกับนายพรานที่มัวแต่มองเหยื่อจนไม่เห็นความสวยงามของภูเขา และความต้องการบางอย่างอาจรุนแรงจนบดบังสติความคิดที่ควรมี

    เมื่อเข้าใจบริบทที่มาของประโยคทั้งสองแล้ว เพื่อนเพจคงเข้าใจได้ไม่ยากถึงความนัยที่แท้จริง... พระเอกบอกว่า นางเอกสอนให้เขามองข้ามความสะใจชั่ววูบของการแก้แค้น แต่ให้มองการพลิกคดีของติ้งกั๋วกงและตระกูลเจี่ยงเป็นเป้าหมายใหญ่ และไม่ให้ความแค้นมาบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและภาระหน้าที่ในการผดุงธรรมเพื่อบ้านเมือง มองข้ามความรู้สึกส่วนตัวไปยังภาพที่ใหญ่กว่าซึ่งก็คือความเดือดร้อนหรือความสุขสงบของประชาชน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g63261255/blossom-ending/
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_27370559
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.ihchina.cn/details/7011.html
    https://paper.people.com.cn/fcyym/html/2024-08/02/content_26075300.htm
    https://ctext.org/huainanzi/shuo-lin-xun/zhs
    https://www.xinfajia.net/4835.html
    https://www.gushiwen.cn/mingju/juv_2e11ccdf0840.aspx
    https://www.shidianguji.com/zh/mingju/7474306868938162226

    #จิ่วฉงจื่อ #วลีจีน #หวยหนานจื่อ #นายพรานกับกระต่าย #สาระจีน
    **วลีจีน ‘นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย’** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่อง ‘วลีเด็ด’ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> คงจำได้ว่าตอนท้ายเรื่องพระเอกขอลาออกจากราชการ เหตุผลของเขานั้นหากอ่านจากซับไทยอาจไม่ค่อยเข้าใจความหมาย Storyฯ จึงขอแปลใหม่โดยมีความแตกต่างจากซับไทยเล็กน้อยว่า “จนเมื่อมาพบกับโต้วเจา นางทำให้กระหม่อมรู้ว่า นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” (หมายเหตุ ในซับไทยใช้คำว่า ‘นายพราน’ ซึ่งไม่ผิดแต่ทำให้บริบทที่มาของวลีนี้ขาดหายไป) ยังฟังดูงงๆ ใช่ไหม? จะเข้าใจความหมายของมันก็ต้องเข้าใจบริบทและที่มาของมันค่ะ สองประโยค “นักล่ากวาง.... ต้องมองให้กว้าง” นี้ไม่ใช่วลีจีนโบราณ แต่มันมีรากฐานมาจากวรรณกรรมโบราณที่ชื่อว่า ‘หวยหนานจื่อ’ (淮南子 / บุรุษเมืองหวยหนาน) ถูกยกมาจากบรรพที่มีชื่อว่า ‘ซัวหลินซุ่น’ (说林训/ คำสอนจากป่าไม้) หวยหนานจื่อเป็นผลงานในยุคสมัยฮั่นตะวันตกของอ๋องหวยหนาน (หลิวอัน) และบัณฑิตในสังกัด ต่อมาถูกนำถวายให้แก่องค์ฮั่นอู่ตี้ (ปี 138 ก่อนคริสตกาล) เดิมมีทั้งหมด 3 บทรวม 62 บรรพ: บทใน 21 บรรพยาวกว่าสองแสนอักษร (ปัจจุบันเหลือเพียงหนึ่งแสนสามหมื่นอักษร); บทกลาง 8 บรรพ (สูญหายไปแล้ว); และบทนอก 33 บรรพ (สูญหายไปแล้ว) โดยเนื้อหาของหวยหนานจื่อครอบคลุมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ตำนานเล่าขาน (เช่นเรื่องหนี่ว์วาซ่อมแซมฟ้า โฮ่วอี้ยิงตะวัน) ข้อมูลทางธรรมชาติ (เช่นฤดูกาล) หลักหยินหยาง คำสอนขงจื๊อ คำสอนลัทธิเต๋า กลยุทธ์การศึกการทหาร ฯลฯ เรียบเรียงเป็นคำกล่าวสอนชี้ชวนให้คิดและสะท้อนปรัชญาชีวิต จัดเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่อ่านยากมากที่สุดของจีน ทั้งด้วยภาษาที่ใช้และเนื้อหาที่ลึกซึ้งแอบแฝง โดยมีหลายวรรคหลายประโยคที่ถูกยกย่องเป็น ‘วลีเด็ด’ ข้ามกาลเวลาจวบจนปัจจุบัน ประโยค “นักล่ากวางเมื่อเจอกระต่ายต้องยับยั้งชั่งใจ” แปลงมาจากหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่ากวางไม่ยี่หระกระต่าย คนเจรจาสินค้าพันตำลึงทองไม่ถกเถียงเงินจำนวนเล็กน้อย” (逐鹿者不顾兔,决千金之货者不争铢两之价。) ความหมายก็คือว่า คนเราเมื่อมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ควรวอกแวกไปกับเรื่องเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามา เหมือนกับนักล่ากวางที่มีเป้าหมายคือกวาง ก็ไม่ควรเสียสมาธิและพลังงานไปกับการล่ากระต่ายที่ผ่านเข้ามา ส่วนประโยคหลัง “นักล่าสัตว์เจอภูเขาต้องมองให้กว้าง” แปลงมาจากอีกหนึ่งในวรรคเด็ดของ ‘หวยหนานจื่อ-ซัวหลินซุ่น’ ที่อ่านเต็มๆ ว่า “นักล่าสัตว์มองไม่เห็นภูเขาไท่ซาน ความกระหายภายนอกบดบังความกระจ่างภายในใจ” (逐兽者目不见太山,嗜欲在外,则明所蔽矣。) ความหมายก็คือว่า เมื่อเราใจจดจ่ออยู่กับบางอย่างเราจะมองไม่เห็นภาพใหญ่ เหมือนกับนายพรานที่มัวแต่มองเหยื่อจนไม่เห็นความสวยงามของภูเขา และความต้องการบางอย่างอาจรุนแรงจนบดบังสติความคิดที่ควรมี เมื่อเข้าใจบริบทที่มาของประโยคทั้งสองแล้ว เพื่อนเพจคงเข้าใจได้ไม่ยากถึงความนัยที่แท้จริง... พระเอกบอกว่า นางเอกสอนให้เขามองข้ามความสะใจชั่ววูบของการแก้แค้น แต่ให้มองการพลิกคดีของติ้งกั๋วกงและตระกูลเจี่ยงเป็นเป้าหมายใหญ่ และไม่ให้ความแค้นมาบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและภาระหน้าที่ในการผดุงธรรมเพื่อบ้านเมือง มองข้ามความรู้สึกส่วนตัวไปยังภาพที่ใหญ่กว่าซึ่งก็คือความเดือดร้อนหรือความสุขสงบของประชาชน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g63261255/blossom-ending/ https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_27370559 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.ihchina.cn/details/7011.html https://paper.people.com.cn/fcyym/html/2024-08/02/content_26075300.htm https://ctext.org/huainanzi/shuo-lin-xun/zhs https://www.xinfajia.net/4835.html https://www.gushiwen.cn/mingju/juv_2e11ccdf0840.aspx https://www.shidianguji.com/zh/mingju/7474306868938162226 #จิ่วฉงจื่อ #วลีจีน #หวยหนานจื่อ #นายพรานกับกระต่าย #สาระจีน
    1 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • สติสำคัญ
    หมั่นเพียรฝึกฝน
    ดับเหตุสับสน
    ด้วยหนทางธรรม

    ธรรมจริงประเสริฐ
    เชิดชูน้อมนำ
    มีกุศลกรรม
    ศีลธรรมเหตุดี

    ทางธรรมจริงแท้
    แพ้ภัยไม่มี
    ใช้พาชีวี
    ดีกรรมการงาน

    ธรรมจริงอาศัย
    ไม่จำกัดกาล
    ธรรมเมื่อชำนาญ
    งานจิตจับได้

    ธรรมจริงประสาน
    งานนอกงานใน
    ดำเนินขวนขวาย
    ให้เป็นหนึ่งเดียว

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    สติสำคัญ หมั่นเพียรฝึกฝน ดับเหตุสับสน ด้วยหนทางธรรม ธรรมจริงประเสริฐ เชิดชูน้อมนำ มีกุศลกรรม ศีลธรรมเหตุดี ทางธรรมจริงแท้ แพ้ภัยไม่มี ใช้พาชีวี ดีกรรมการงาน ธรรมจริงอาศัย ไม่จำกัดกาล ธรรมเมื่อชำนาญ งานจิตจับได้ ธรรมจริงประสาน งานนอกงานใน ดำเนินขวนขวาย ให้เป็นหนึ่งเดียว ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • EP.6 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร

    ค่ำวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ 20 วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีของไทย ในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร และยืนยันสิทธิ์ที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในอนาคต ดังนี้

    พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น

    รัฐบาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า ถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตส่าห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา

    เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว

    ทั้งนี้ มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป

    สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม

    เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและขมขื่นเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร

    พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไป เนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ

    ฉะนั้น แม้นว่า กัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง

    เหตุการณ์เกี่ยวกับเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า

    พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุกใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย

    การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย

    ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้องได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา

    ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป

    พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา ให้เป็นของชาติไทยให้จงได้ สวัสดี”

    https://youtube.com/shorts/Xdz0paAXVz4?si=k7SNESYjZJlELM04
    EP.6 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร ค่ำวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ 20 วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีของไทย ในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร และยืนยันสิทธิ์ที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในอนาคต ดังนี้ พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น รัฐบาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า ถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตส่าห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้ มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและขมขื่นเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไป เนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ ฉะนั้น แม้นว่า กัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์เกี่ยวกับเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุกใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้องได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา ให้เป็นของชาติไทยให้จงได้ สวัสดี” https://youtube.com/shorts/Xdz0paAXVz4?si=k7SNESYjZJlELM04
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • สมศักดิ์ แจงคลิปชาวจีนเข้าทำเนียบฯ แค่มาสวัสดีปีใหม่ โต้ ซับไทยไม่ตรงคำพูดจริง
    https://www.thai-tai.tv/news/19303/
    สมศักดิ์ แจงคลิปชาวจีนเข้าทำเนียบฯ แค่มาสวัสดีปีใหม่ โต้ ซับไทยไม่ตรงคำพูดจริง https://www.thai-tai.tv/news/19303/
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 9-6-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิจะมาจัดหนักต่อเนื่องกับกรณีปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดเขมรยอมถอยบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมิอาจไว้วางใจได้ เพราะผู้นำอย่าง "ฮุนเซน" นั้นมีนิสัยไม่ได้ต่างจากสุนัขลอบกัด ที่สำคัญคือ คุณสนธิจะมาวิเคราะห์และชี้ทางว่าพวกเราคนไทยจะต้องทำอย่างไรต่อไปในการแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=owMvvXsI870
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhitalk #ไทยเขมร #ฮุนเซน
    สนธิเล่าเรื่อง 9-6-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิจะมาจัดหนักต่อเนื่องกับกรณีปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดเขมรยอมถอยบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมิอาจไว้วางใจได้ เพราะผู้นำอย่าง "ฮุนเซน" นั้นมีนิสัยไม่ได้ต่างจากสุนัขลอบกัด ที่สำคัญคือ คุณสนธิจะมาวิเคราะห์และชี้ทางว่าพวกเราคนไทยจะต้องทำอย่างไรต่อไปในการแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=owMvvXsI870 . #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhitalk #ไทยเขมร #ฮุนเซน
    Like
    Love
    Haha
    19
    2 Comments 2 Shares 940 Views 1 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 9-6-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิจะมาจัดหนักต่อเนื่องกับกรณีปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดเขมรยอมถอยบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมิอาจไว้วางใจได้ เพราะผู้นำอย่าง "ฮุนเซน" นั้นมีนิสัยไม่ได้ต่างจากสุนัขลอบกัด ที่สำคัญคือ คุณสนธิจะมาวิเคราะห์และชี้ทางว่าพวกเราคนไทยจะต้องทำอย่างไรต่อไปในการแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=owMvvXsI870
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhitalk #ไทยเขมร #ฮุนเซน
    สนธิเล่าเรื่อง 9-6-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ วันนี้คุณสนธิจะมาจัดหนักต่อเนื่องกับกรณีปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดเขมรยอมถอยบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมิอาจไว้วางใจได้ เพราะผู้นำอย่าง "ฮุนเซน" นั้นมีนิสัยไม่ได้ต่างจากสุนัขลอบกัด ที่สำคัญคือ คุณสนธิจะมาวิเคราะห์และชี้ทางว่าพวกเราคนไทยจะต้องทำอย่างไรต่อไปในการแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=owMvvXsI870 . #สนธิเล่าเรื่อง #Sondhitalk #ไทยเขมร #ฮุนเซน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • สวัสดี วันอาทิตย์ 8 มิ.ย. 2568
    สวัสดี วันอาทิตย์ 8 มิ.ย. 2568
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 4-6-68
    .
    สวัสดีเช้าวันพุธ คุณสนธิจะมาจัดให้อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งชัดเจนว่าผู้มีอำนาจทั้งในและเหนือรัฐบาลไทยนั้นมีทีท่าเข้าข้างรัฐบาลกัมพูชาอย่างชัดเจน เรื่องนี้มีความเป็นมา เป็นไป และกำลังจะนำไปสู่อะไร โปรดรับฟังโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Le5oPQDuW6o
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ไทยกัมพูชา #ฮุนเซน
    สนธิเล่าเรื่อง 4-6-68 . สวัสดีเช้าวันพุธ คุณสนธิจะมาจัดให้อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งชัดเจนว่าผู้มีอำนาจทั้งในและเหนือรัฐบาลไทยนั้นมีทีท่าเข้าข้างรัฐบาลกัมพูชาอย่างชัดเจน เรื่องนี้มีความเป็นมา เป็นไป และกำลังจะนำไปสู่อะไร โปรดรับฟังโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Le5oPQDuW6o . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ไทยกัมพูชา #ฮุนเซน
    Like
    Love
    26
    4 Comments 3 Shares 1205 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 4-6-68
    .
    สวัสดีเช้าวันพุธ คุณสนธิจะมาจัดให้อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งชัดเจนว่าผู้มีอำนาจทั้งในและเหนือรัฐบาลไทยนั้นมีทีท่าเข้าข้างรัฐบาลกัมพูชาอย่างชัดเจน เรื่องนี้มีความเป็นมา เป็นไป และกำลังจะนำไปสู่อะไร โปรดรับฟังโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Le5oPQDuW6o
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ไทยกัมพูชา #ฮุนเซน
    สนธิเล่าเรื่อง 4-6-68 . สวัสดีเช้าวันพุธ คุณสนธิจะมาจัดให้อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งชัดเจนว่าผู้มีอำนาจทั้งในและเหนือรัฐบาลไทยนั้นมีทีท่าเข้าข้างรัฐบาลกัมพูชาอย่างชัดเจน เรื่องนี้มีความเป็นมา เป็นไป และกำลังจะนำไปสู่อะไร โปรดรับฟังโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Le5oPQDuW6o . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ไทยกัมพูชา #ฮุนเซน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • กิเลสมายา
    พาร่วมสมสู่
    ความจริงไม่รู้
    สู่ทางจัญไร

    กิเลสมายา
    เปลี่ยนมาเป็นไป
    บดบังชั่วไว้
    ไร้ความจริงแท้

    ความจริงเป็นธรรม
    นำพาแน่วแน่
    จิตธรรมจริงแท้
    แก้โรคทุกข์กรรม

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    กิเลสมายา พาร่วมสมสู่ ความจริงไม่รู้ สู่ทางจัญไร กิเลสมายา เปลี่ยนมาเป็นไป บดบังชั่วไว้ ไร้ความจริงแท้ ความจริงเป็นธรรม นำพาแน่วแน่ จิตธรรมจริงแท้ แก้โรคทุกข์กรรม ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • สวัสดีค่ะ
    สวัสดีค่ะ
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • “แรมโบ้อีสาน” อึดอัดประกาศ ทวงคืนพรรค รทสช.ไล่ “พีระพันธุ์” พ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรค ซัดไม่สง่างาม แฉ สส.บ่น ไม่อบอุ่น เข้าถึงยาก สร้างความแตกแยก ทำพรรคตกต่ำ มีพฤติกรรมส่อไม่บริสุทธิ์หลายเรื่อง

    วันนี้ (2 มิ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาประกาศทวงคืนพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยกล่าวว่า “ผมจะขอเอาพรรคคืน ขอไล่หัวหน้าออกไปท่านไม่สง่างาม ขอให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่านี้มาเป็นหัวหน้าพรรคดีกว่า มีอีกหลายเรื่องที่กรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ไปร้องคณะกรรมการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินั้น ข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือ ก็ไม่เคยออกมาชี้แจงความจริง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051554

    #MGROnline #แรมโบ้อีสาน
    “แรมโบ้อีสาน” อึดอัดประกาศ ทวงคืนพรรค รทสช.ไล่ “พีระพันธุ์” พ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรค ซัดไม่สง่างาม แฉ สส.บ่น ไม่อบอุ่น เข้าถึงยาก สร้างความแตกแยก ทำพรรคตกต่ำ มีพฤติกรรมส่อไม่บริสุทธิ์หลายเรื่อง • วันนี้ (2 มิ.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาประกาศทวงคืนพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยกล่าวว่า “ผมจะขอเอาพรรคคืน ขอไล่หัวหน้าออกไปท่านไม่สง่างาม ขอให้คนอื่นที่เหมาะสมกว่านี้มาเป็นหัวหน้าพรรคดีกว่า มีอีกหลายเรื่องที่กรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ไปร้องคณะกรรมการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินั้น ข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือ ก็ไม่เคยออกมาชี้แจงความจริง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051554 • #MGROnline #แรมโบ้อีสาน
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • ระวังตัณหา
    พาก่อกรรมชั่ว
    เดือดร้อนไปทั่ว
    พัวพันถึงตัว

    กิเลสความอยาก
    ลากพาไปทั่ว
    ก่อกรรมทำชั่ว
    นัวเนียติดอยู่

    อยากหรือไม่อยาก
    หากไม่ตามรู้
    ควบคุมให้อยู่
    สู้ทุกข์ไม่ได้

    อยากหรือไม่อยาก
    หากสติหาย
    กระวนกระวาย
    ไปตามความอยาก

    กิเลสกรรมชั่ว
    พัวพันความอยาก
    ยึดแล้วลำบาก
    ลากสู่ทุกข์ภัย

    ยิ่งยึดยิ่งทุกข์
    ซุกหมักหมมไว้
    ชำระไม่ได้
    ล้วนไม่สบาย

    ศีลธรรมกรรมดี
    มีอยากทำไป
    สติครองไว้
    ทำไปวางไป

    มีธรรมสายกลาง
    ทางประเสริฐไว้
    รู้ตามจริงได้
    ไกลทุกข์พอใจ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ระวังตัณหา พาก่อกรรมชั่ว เดือดร้อนไปทั่ว พัวพันถึงตัว กิเลสความอยาก ลากพาไปทั่ว ก่อกรรมทำชั่ว นัวเนียติดอยู่ อยากหรือไม่อยาก หากไม่ตามรู้ ควบคุมให้อยู่ สู้ทุกข์ไม่ได้ อยากหรือไม่อยาก หากสติหาย กระวนกระวาย ไปตามความอยาก กิเลสกรรมชั่ว พัวพันความอยาก ยึดแล้วลำบาก ลากสู่ทุกข์ภัย ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ซุกหมักหมมไว้ ชำระไม่ได้ ล้วนไม่สบาย ศีลธรรมกรรมดี มีอยากทำไป สติครองไว้ ทำไปวางไป มีธรรมสายกลาง ทางประเสริฐไว้ รู้ตามจริงได้ ไกลทุกข์พอใจ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 Comments 0 Shares 580 Views 0 Reviews
  • กรรมดีไม่ผุด
    ไม่หยุดกรรมชั่ว
    พาให้เมามัว
    ชั่วพามืดมิด

    กิเลสตัณหา
    พามาปกปิด
    ความเห็นก็ผิด
    บิดเบือนธรรมแท้

    ธรรมแท้ถูกตรง
    คงความจริงแน่
    รู้แล้วดูแล
    แก้ไขขวนขวาย

    ชำระกำจัด
    ปัดเป่าทุกข์ภัย
    กิเลสมารร้าย
    ให้ดับสิ้นไป

    มีธรรมความจริง
    อิงแนบอาศัย
    ศรัทธาไว้ใจ
    ให้ธรรมความจริง

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    กรรมดีไม่ผุด ไม่หยุดกรรมชั่ว พาให้เมามัว ชั่วพามืดมิด กิเลสตัณหา พามาปกปิด ความเห็นก็ผิด บิดเบือนธรรมแท้ ธรรมแท้ถูกตรง คงความจริงแน่ รู้แล้วดูแล แก้ไขขวนขวาย ชำระกำจัด ปัดเป่าทุกข์ภัย กิเลสมารร้าย ให้ดับสิ้นไป มีธรรมความจริง อิงแนบอาศัย ศรัทธาไว้ใจ ให้ธรรมความจริง ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลขัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
More Results