• เปลี่ยนเรื่องบ้าง,
    ..กรณีข่าวไม่กี่เดือนมานีั ปัจจุบันไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกขนาดไหน,
    ..สื่อหลักไทยเราบวกทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสุดท้ายก็เลวชั่วปกติ,ไม่ยอมบอกความจริงแก่คนไทยทั้งประเทศ สร้างข่่าวนั้นนี้โน้นบิดเบือนกลบกระแสข่าวลักษณะนี้ไปตลอดหรืออะไรๆที่เป็นโรคเกิดขึ้น มาแปลกๆใหม่ๆวูบๆตาย มะเร็ง เอดส์ และอื่นใด ก็ไม่บอกค่าจริงว่ามาจากวัคซีนยุคโควิดนั้นล่ะที่เริ่มออกฤทธิ์ออกเดชแล้วและจะทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแก่คนไทยที่ไปทราบความจริง,ทำการรักษาพิษขับออกไม่ทันเท่าที่จะขับออกหรือทำให้มีสถานะร่างกายใกล้ค่าใกล้เคียงความปกติที่สุด,พื้นๆในวัคซีนmRNAนี้ มีแน่นอนเชื้อมะเร็งเชื้อเอดส์เชื้อหวัดนกกลายพันธุ์ด้วยตนเองตลอดเวลารวมเป็นหนึ่งเดียวภายในเซลล์หลอกโปรตีนหนามนี้,เป็นแตกออกในร่างกายหลังรับวัคซีนไปก็เริ่มทำงานจนออกฤทธิ์เห็นผลในปัจจุบัน ทำลายภูมิคุ้มกันตนเองคนไทยคนนั้นลงเรื่อยๆ ทั้งสามารถแผ่เชื้อเป็นพาหะติดต่อคนปกติได้อีกด้วยใน1,291โรคเอาแต่ใครคนไทยจะเจอแบบไหน รับอะไรเข้าไปในร่างกายจะติดเชื้อนั้นๆง่ายสบาย กำแพงต้านข้าศึกถูกทำลายโรคและเชื้อโรคต่างๆจากภายนอกร่างกายย่อมก่อเกิดสร้างสาระพัดอาการโรคได้ง่ายนั้นเอง ตุยง่ายๆแค่แพ้จากมดกัด ต่อแตนตอดก็มี,พะาเอดส์ที่มีในวัคซีนทุกๆขวดที่ฉีดให้คนไทยไป โดยเฉพาะเด็กๆเยาวชนคนนักเรียนนักศึกษาเราแล้วก็โยนความผิดว่าไม่สวมใส่ถุงยางอนามัยล่ะ,ไม่สืบหาความจริง ทั้งที่กูรูมากมายแบบอาจารย์แพทย์ต่างๆที่ตื่นรู้แล้วได้รวมตัวกันบุกถึงหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทางตรงมีเอกสารหลักฐานะยานหรือศาลตัดสินให้เยียวยาแล้วก็มี,กลับยังหลอกลวงคนไทยให้หลงทางสร้างความไม่รู้จริงอยู่ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบัน,จึงสมควรเปลี่ยนรัฐบาลจริงๆยึดอำนาจโดยทหารพระราชาเราด้วย,ค่าจริงความจริงมีหนึ่งเดียวจะได้ประกาศบอกคนไทยอย่างเป็นทางการเสียทีแล้วร่วมสามัคคีกันเยียวยารักษาด้วยแพทย์สมุนไพรไทยและคู่ขนานรักษาแพทย์ล้ำยุคสมัยใหม่คลื่นความถี่ดีๆรักษาโรคหรือกึ่งหุ่นยนต์เพื่อรักษาชีวิตก็ว่าไว้,และหากเตียงความถี่รักษามีจริงของต่างดาวเช่นเตียงmedbedก็ว่ารักษาทุกๆโรคแบบสไตล์ล้ำต่างดาวส่วนเสี่ยวหนึ่งก็คงดี,ไม่ถึงขนาดดึงจิตวิญญาณใส่ตัวโคลนใหม่ที่โหลดความทรงจำเดิมของร่างเก่าสู่ร่างใหม่ก็ได้หรือเหลือแค่ชิ้นส่วนdnaคนนั้นแล้วสร้างใหม่งอกใหม่ทั้งตัวแบบไอ้เชลดราก้อนบอลก็ว่า,แต่กูรูหลายท่านเชื่อว่าเตียงmedbedนี้มีจริงโดยต่างดาวใต้โลกกลวงนี้ล่ะสร้างมีของจริงๆก็ว่าและกำลังนำขึ้นมาผิวโลกให้คนยุคสมัยใหม่ที่รอดใช้,รอดจากการคัดคนของพวกมันก็ว่าอีกล่ะ,หรือหลงเหลือจากการเก็บเกี่ยวก็ไม่รู้อีก.สรุปเอดส์มาจากวัคซีนและเริ่มออกฤทธิ์ของจริงให้เห็นแล้ว,เราหลายคนเป็นคนผีบ้าที่ถูกดูถูกสาระพัดในช่วงเวลานั้น,เตือนสาระพัดวิธีด้วยความหวังดีให้มีเพื่อนร่วมโลกร่วมมีอยู่หรือหลงเหลือบ้างบนโลกใบนี้ก็ว่า,มิใช่ข้าคือตำนานก็ว่า,แล้วผลสะท้อนกลับ555ไอ้นี้มันบ้าพะนะ.
    https://youtu.be/GEE3-XzcFEA?si=hISNcXLIb6iNu-oF
    เปลี่ยนเรื่องบ้าง, ..กรณีข่าวไม่กี่เดือนมานีั ปัจจุบันไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกขนาดไหน, ..สื่อหลักไทยเราบวกทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสุดท้ายก็เลวชั่วปกติ,ไม่ยอมบอกความจริงแก่คนไทยทั้งประเทศ สร้างข่่าวนั้นนี้โน้นบิดเบือนกลบกระแสข่าวลักษณะนี้ไปตลอดหรืออะไรๆที่เป็นโรคเกิดขึ้น มาแปลกๆใหม่ๆวูบๆตาย มะเร็ง เอดส์ และอื่นใด ก็ไม่บอกค่าจริงว่ามาจากวัคซีนยุคโควิดนั้นล่ะที่เริ่มออกฤทธิ์ออกเดชแล้วและจะทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแก่คนไทยที่ไปทราบความจริง,ทำการรักษาพิษขับออกไม่ทันเท่าที่จะขับออกหรือทำให้มีสถานะร่างกายใกล้ค่าใกล้เคียงความปกติที่สุด,พื้นๆในวัคซีนmRNAนี้ มีแน่นอนเชื้อมะเร็งเชื้อเอดส์เชื้อหวัดนกกลายพันธุ์ด้วยตนเองตลอดเวลารวมเป็นหนึ่งเดียวภายในเซลล์หลอกโปรตีนหนามนี้,เป็นแตกออกในร่างกายหลังรับวัคซีนไปก็เริ่มทำงานจนออกฤทธิ์เห็นผลในปัจจุบัน ทำลายภูมิคุ้มกันตนเองคนไทยคนนั้นลงเรื่อยๆ ทั้งสามารถแผ่เชื้อเป็นพาหะติดต่อคนปกติได้อีกด้วยใน1,291โรคเอาแต่ใครคนไทยจะเจอแบบไหน รับอะไรเข้าไปในร่างกายจะติดเชื้อนั้นๆง่ายสบาย กำแพงต้านข้าศึกถูกทำลายโรคและเชื้อโรคต่างๆจากภายนอกร่างกายย่อมก่อเกิดสร้างสาระพัดอาการโรคได้ง่ายนั้นเอง ตุยง่ายๆแค่แพ้จากมดกัด ต่อแตนตอดก็มี,พะาเอดส์ที่มีในวัคซีนทุกๆขวดที่ฉีดให้คนไทยไป โดยเฉพาะเด็กๆเยาวชนคนนักเรียนนักศึกษาเราแล้วก็โยนความผิดว่าไม่สวมใส่ถุงยางอนามัยล่ะ,ไม่สืบหาความจริง ทั้งที่กูรูมากมายแบบอาจารย์แพทย์ต่างๆที่ตื่นรู้แล้วได้รวมตัวกันบุกถึงหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทางตรงมีเอกสารหลักฐานะยานหรือศาลตัดสินให้เยียวยาแล้วก็มี,กลับยังหลอกลวงคนไทยให้หลงทางสร้างความไม่รู้จริงอยู่ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบัน,จึงสมควรเปลี่ยนรัฐบาลจริงๆยึดอำนาจโดยทหารพระราชาเราด้วย,ค่าจริงความจริงมีหนึ่งเดียวจะได้ประกาศบอกคนไทยอย่างเป็นทางการเสียทีแล้วร่วมสามัคคีกันเยียวยารักษาด้วยแพทย์สมุนไพรไทยและคู่ขนานรักษาแพทย์ล้ำยุคสมัยใหม่คลื่นความถี่ดีๆรักษาโรคหรือกึ่งหุ่นยนต์เพื่อรักษาชีวิตก็ว่าไว้,และหากเตียงความถี่รักษามีจริงของต่างดาวเช่นเตียงmedbedก็ว่ารักษาทุกๆโรคแบบสไตล์ล้ำต่างดาวส่วนเสี่ยวหนึ่งก็คงดี,ไม่ถึงขนาดดึงจิตวิญญาณใส่ตัวโคลนใหม่ที่โหลดความทรงจำเดิมของร่างเก่าสู่ร่างใหม่ก็ได้หรือเหลือแค่ชิ้นส่วนdnaคนนั้นแล้วสร้างใหม่งอกใหม่ทั้งตัวแบบไอ้เชลดราก้อนบอลก็ว่า,แต่กูรูหลายท่านเชื่อว่าเตียงmedbedนี้มีจริงโดยต่างดาวใต้โลกกลวงนี้ล่ะสร้างมีของจริงๆก็ว่าและกำลังนำขึ้นมาผิวโลกให้คนยุคสมัยใหม่ที่รอดใช้,รอดจากการคัดคนของพวกมันก็ว่าอีกล่ะ,หรือหลงเหลือจากการเก็บเกี่ยวก็ไม่รู้อีก.สรุปเอดส์มาจากวัคซีนและเริ่มออกฤทธิ์ของจริงให้เห็นแล้ว,เราหลายคนเป็นคนผีบ้าที่ถูกดูถูกสาระพัดในช่วงเวลานั้น,เตือนสาระพัดวิธีด้วยความหวังดีให้มีเพื่อนร่วมโลกร่วมมีอยู่หรือหลงเหลือบ้างบนโลกใบนี้ก็ว่า,มิใช่ข้าคือตำนานก็ว่า,แล้วผลสะท้อนกลับ555ไอ้นี้มันบ้าพะนะ. https://youtu.be/GEE3-XzcFEA?si=hISNcXLIb6iNu-oF
    0 Comments 0 Shares 32 Views 0 Reviews
  • พระราชประวัติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
    ทรงเสด็จไปอังกฤษนำชุดไทย ชุดไทยที่พระราชินีไทยทรงสวมใส่ ไปโชว์ที่อังกฤษ และชุดไทยโบราณทุกยุคสมัยไปให้ชาวต่างชมรวมทั้ง ยูเนสโกด้วย เป็นเรื่องสำคัญมากและชาวโลกได้รู้ว่าคนไทยตั้งแต่โบราณมาถึงปัจจุบันมีวัฒนธรรม อารยธรรม ต่อเนื่องกันมา ที่เขมรเคลมทุกวัน...ชาวโลกก็ไปก็เห็นกันแล้ว
    พระราชประวัติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเสด็จไปอังกฤษนำชุดไทย ชุดไทยที่พระราชินีไทยทรงสวมใส่ ไปโชว์ที่อังกฤษ และชุดไทยโบราณทุกยุคสมัยไปให้ชาวต่างชมรวมทั้ง ยูเนสโกด้วย เป็นเรื่องสำคัญมากและชาวโลกได้รู้ว่าคนไทยตั้งแต่โบราณมาถึงปัจจุบันมีวัฒนธรรม อารยธรรม ต่อเนื่องกันมา ที่เขมรเคลมทุกวัน...ชาวโลกก็ไปก็เห็นกันแล้ว
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • ..นี้ล่ะ,อีกส่วนหนึ่ง ว่าทำไม ในยุคสมัยนี้เขมรจึงคือภัยคุกคามอธิปไตยของประเทศไทยและภัยคุกคามการค้ามนุษย์ปล้นชิงคนไทยไปจากแผ่นดินไทยอาจผิดปกติโดยใช้ช่องโว่ของความเมตตากรุณาของสถานะเพื่อนบ้านติดกัน ค้าขายสัมพันธุ์กันอย่างสุจริต,แต่มัน..เขมรกลับไม่ใช่ ใช้เล่ห์กลอุบายมากมายหลอกลวงคนไทยที่บริสุทธิ์ไปกักขังในประเทศเขมรค่าแรงงานคนไทยแบบทารุนผิดมนุษย์ตลอดทำร้ายร่างกายถึงขั้นชีวิตคนไทยกันเลย,
    ..จึงถึงเวลาแบนเขมรแบนคนเขมรแบบทรัมป์ทำกันอย่างจริงจัง,ปิดด่านตลอดพรมแดนจนเขมรจะทำให้เราเชื่อใจได้ว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยจริงเหมือนเพื่อนบ้านคนอื่นๆ.,ตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า ระเบิดสะพาน ระเบิดถนน ระเบิดทางรถไฟที่เชื่อมต่อกับเขมร ปิดน่านน้ำพวมแดนทะเลทั้งหมดห้าเขมรเดินเรือผ่าน,ห้ามคนไทยทุกๆคนเดินทางเข้าเขมรทุกๆกรณีไม่มีกำหนด,เขมรหากมาลักพาตัวคนไทยหรือทราบว่าคนไทยถูกเขมรลักพาตัวไป,ระเบิดจะลงสถานที่ราชการเขมรทันทีและต้องส่งตัวคนไทยที่บริสุทธิ์กลับประเทศไทยอย่างมีชีวิตสุขภาพดีแข็งแรง,เช่นนั้นชุมชนคนเขมรจะถูกระเบิดทันที.ด้วยคนเขมรราชการเขมรกระทำผิดต่อคนไทย ลักพาตัวและหลอกลวงหลอกล่อคนไทยที่สุจริตใจไปจากครอบครัวอันเป็นที่รักของเขาคนไทยเรานั้นๆ.,เขมรกระทำตนไร้มนุษยธรรมก่อนก็ว่า.,ตำรวจสากลหรือทหารสากลโลกสามารถเข้าล้อมทั้งเมืองเพื่อตรวจค้นทุกๆตึกในประเทศเขมรทันที,ตึกใดใครเป็นเจ้าของกระทำสิ่งชั่ว คนๆนั้นจะถูกไล่ล่าระดับสากลโลกจะไม่มีที่ซ่อนในแต่ละประเทศที่มันหลบหนีไปทั้งหมดจะถูกจับกุมทุกๆกรณี.,
    ..โลกเราจะมีประเทศชั่วๆนี้ประจำโลกทำไมและเป็นสถานที่ให้คนชั่วทั่วโลกออกมาสร้างความชั่วอันเลวร้ายบนแผ่นดินประเทศลักษณะนี้ได้อย่างไร,มนุษย์ชาวโลกทุกๆคนมีสถานะเป็นไท อิสระแห่งสัมมาขีวิตตนมิใช่ให้ชาติคนแบบประเทศเขมรคนเขมรหรือคนที่มาใช้ประเทศเขมรมาหลอกลวงคนทั่วโลกล่อลวงมาอยู่ประเทศนั่นๆแบบประเทศเขมรนี้เป็นต้น จะจีนเทาเอง แขกเทาเอง ฝรั่งเทาเอง หรือเถื่อนๆคนเถื่อนๆเลวๆชั่วๆเทาๆใดๆก็ตามมาทำลักษณะนี้ต้องถูกกำจัดทั้งหมด ถูกไล่ล่าจริงเด็ดหัวทั้งหมดมันคือการค้ามนุษย์ระดับโลกเพื่อทำลายความสุขสงบของชาวโลกคนอื่นๆที่ปกติสุขปกติในวิถีชีวิตใครมันเขา,แต่เสือกมีประเทศลักษณะนี้ เป็นฐานใหญ่ เป็นระดับฮับสถานที่อาคารตึกพร้อมกระทำชั่วแบบนี้,ชาตินั้นๆไม่สมควรมีอยู่ประดับโลก,คนประเทศนั้นๆต้องถูกแบน,ผู้นำประเทศนั้นๆต้องถูกลงโทษสากลระดับโลก,ทหารสากลและตำรวจสากลโลกสามารถเข้าจับกุมช่วยมนุษยชาติโลกประเทศต่างๆนั้นๆที่ถูกลักพาตัวเข้ามาหรือล่อลวงล่อหลอกๆลวงเข้ามา สามารถตัดสินความผิดและลงโทษระดับสากลได้ทันที,ยุคเราต้องล้ำสมัยระดับนี้จริงๆ,องค์กรโลกนี้ต้องเป็นกลางจริงๆด้วยมิใช่อีลิทdeep stateก่อตั้งขึ้นหรือฝ่ายมืดซาตานก่อตั้งขึ้นแบบUNแบบWHOหรือแบบWFEและอื่นๆอีกตรึม,จนโลกไร้ซึ่งความยุติธรรมในปัจจุบัน,ศาลโลกเองก็เหี้ยdeep stateควบคุมครอบงำหมด.
    ..ปิดด่านทั้งหมดตลอดแนวพรมแดนเขมร,ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต แอปในไทยทั้งหมดให้ทหารสั่งปิดบัญชีและUSERที่เป็นคนเขมรทั้งหมด,บัญชีคนเขมรที่มีเงินฝากไว้ในไทยอายัดบัญชีคนเขมรทั้งหมด,แต่เฉพาะคนเขมรในไทยสามารถติดต่อขอเปิดตังได้เฉพาะตัวบุคคลและต้องออกจากประเทศไทยไปทุกๆกรณี,โดยมีเจ้านายคนไทยมาค้ำประกันด้วยว่ามิใช่เงินที่มาจากความผิดปกติหรือผิดกฎหมายหรือภัยด้านความมั่นคงก่ออาชญากรรมในประเทศไทยหรือก่อการร้ายสนับสนุนเงินทุนก่อการร้ายในไทย,จึงอายัดบัญชีการโอนเงินไปเขมรทั้งหมดตลอดเงินที่เขมรโอนเข้ามาไทยด้วย,จะระงับพักบัญชีอายัดไว้ที่แบงค์ชาติทุกๆกรณีจะมาในรูปแบบตังคริปโตฯดิจิดัลด้วยก็ตามหรือทรัพย์สินตีมูลค่าเป็นเงินใดๆก็ตาม,ตลอดตังที่โอนจากประเทศไทยไปประเทศอื่นแต่อ้อมเข้าเขมร ซึ่งสามารถตรวจสอบติดตามเรียลไทม์อ้างอิงได้,แบงค์ชาติสามารถปิดบัญชีนั้นๆได้ทันทีพร้อมอายัดเงินทั้งหมดได้ด้วย.,
    ..ทุกๆธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับเขมรจะหยุดนิ่งห้ามเคลื่อนไหวออกจากประเทศไทยทั้งหมด,เข้าก็ไม่ได้ ออกไปเขมรยิ่งไม่ได้,ใครอ้อมไปเขมรจะบัญชีใดๆจะถูกอายัดทุกๆธุรกรรมทั้งหมดทันทีในกฎอัยการศึกทางทหารนี้,เขมรและคนเขมรคือภัยคุกคามด้านความมั่นคงทางอธิปไตยของประเทศชาติไทยและความปลอดภัยขั้นสูงสุดแก่ประชาชนคนไทยทุกๆคนและทุกๆกรณี.,
    ..เขมรถ้าตามคลิปนี้จากกูรูแฉออกมาก่อนหน้านี้เป็นอันมาก มีมากมายหลากหลายประเทศที่ตกเป็นเหงื่อและทารุณในประเทศเขมรที่ถูกหลอกลวงล่อลวงเข้าไป,ดังนั้นเขมรไม่ใช่แค่ภัยคุกคามประเทศไทยแต่คือภัยคุกคามของคนอาเชียนของคนเอเชียและของคนทั่วโลกเพราะมีมากมายจากคนทั่วโลกที่ถูกหลอกลวงไปประเทศเขมรโดยทั้งคนเขมรเองและคนชั่วเลวที่อาศัยอยู่เขมร,นั้นคือผู้ปกครองเขมรคือภัยคุกคามร้ายแรงของโลก ละเมิดชีวิตมนุษยชาติบนโลก ไม่เร่งรีบกำจัดคนชั่วในประเทศตนเองที่ปกครอง ปล่อยปะละเลยให้เป็นฮับชั่วก่อสาระพัดเดอะแก๊งประจำประเทศเขมรแล้วปั่นป่วนไปทั่วโลก อาทิแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ไม่น้อยหน้าพม่าแต่อย่างใด,เคสเขมรจึงคือจุดเริ่มต้นในการเริ่มกวาดล้างคนระดับผู้นำที่ปกครองประเทศนั้นๆไปทางชั่วเลวมิให้โลกและคนบนโลกสงบสุขร่วมกันหรืออยู่ร่วมกันอย่างสันติสงบสุขนั้นเอง,ตกประเมินต้องคัดออก.

    https://youtu.be/Y1ZmMbCYwpc?si=3eCvJkaa8GVpKPG7
    ..นี้ล่ะ,อีกส่วนหนึ่ง ว่าทำไม ในยุคสมัยนี้เขมรจึงคือภัยคุกคามอธิปไตยของประเทศไทยและภัยคุกคามการค้ามนุษย์ปล้นชิงคนไทยไปจากแผ่นดินไทยอาจผิดปกติโดยใช้ช่องโว่ของความเมตตากรุณาของสถานะเพื่อนบ้านติดกัน ค้าขายสัมพันธุ์กันอย่างสุจริต,แต่มัน..เขมรกลับไม่ใช่ ใช้เล่ห์กลอุบายมากมายหลอกลวงคนไทยที่บริสุทธิ์ไปกักขังในประเทศเขมรค่าแรงงานคนไทยแบบทารุนผิดมนุษย์ตลอดทำร้ายร่างกายถึงขั้นชีวิตคนไทยกันเลย, ..จึงถึงเวลาแบนเขมรแบนคนเขมรแบบทรัมป์ทำกันอย่างจริงจัง,ปิดด่านตลอดพรมแดนจนเขมรจะทำให้เราเชื่อใจได้ว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยจริงเหมือนเพื่อนบ้านคนอื่นๆ.,ตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า ระเบิดสะพาน ระเบิดถนน ระเบิดทางรถไฟที่เชื่อมต่อกับเขมร ปิดน่านน้ำพวมแดนทะเลทั้งหมดห้าเขมรเดินเรือผ่าน,ห้ามคนไทยทุกๆคนเดินทางเข้าเขมรทุกๆกรณีไม่มีกำหนด,เขมรหากมาลักพาตัวคนไทยหรือทราบว่าคนไทยถูกเขมรลักพาตัวไป,ระเบิดจะลงสถานที่ราชการเขมรทันทีและต้องส่งตัวคนไทยที่บริสุทธิ์กลับประเทศไทยอย่างมีชีวิตสุขภาพดีแข็งแรง,เช่นนั้นชุมชนคนเขมรจะถูกระเบิดทันที.ด้วยคนเขมรราชการเขมรกระทำผิดต่อคนไทย ลักพาตัวและหลอกลวงหลอกล่อคนไทยที่สุจริตใจไปจากครอบครัวอันเป็นที่รักของเขาคนไทยเรานั้นๆ.,เขมรกระทำตนไร้มนุษยธรรมก่อนก็ว่า.,ตำรวจสากลหรือทหารสากลโลกสามารถเข้าล้อมทั้งเมืองเพื่อตรวจค้นทุกๆตึกในประเทศเขมรทันที,ตึกใดใครเป็นเจ้าของกระทำสิ่งชั่ว คนๆนั้นจะถูกไล่ล่าระดับสากลโลกจะไม่มีที่ซ่อนในแต่ละประเทศที่มันหลบหนีไปทั้งหมดจะถูกจับกุมทุกๆกรณี., ..โลกเราจะมีประเทศชั่วๆนี้ประจำโลกทำไมและเป็นสถานที่ให้คนชั่วทั่วโลกออกมาสร้างความชั่วอันเลวร้ายบนแผ่นดินประเทศลักษณะนี้ได้อย่างไร,มนุษย์ชาวโลกทุกๆคนมีสถานะเป็นไท อิสระแห่งสัมมาขีวิตตนมิใช่ให้ชาติคนแบบประเทศเขมรคนเขมรหรือคนที่มาใช้ประเทศเขมรมาหลอกลวงคนทั่วโลกล่อลวงมาอยู่ประเทศนั่นๆแบบประเทศเขมรนี้เป็นต้น จะจีนเทาเอง แขกเทาเอง ฝรั่งเทาเอง หรือเถื่อนๆคนเถื่อนๆเลวๆชั่วๆเทาๆใดๆก็ตามมาทำลักษณะนี้ต้องถูกกำจัดทั้งหมด ถูกไล่ล่าจริงเด็ดหัวทั้งหมดมันคือการค้ามนุษย์ระดับโลกเพื่อทำลายความสุขสงบของชาวโลกคนอื่นๆที่ปกติสุขปกติในวิถีชีวิตใครมันเขา,แต่เสือกมีประเทศลักษณะนี้ เป็นฐานใหญ่ เป็นระดับฮับสถานที่อาคารตึกพร้อมกระทำชั่วแบบนี้,ชาตินั้นๆไม่สมควรมีอยู่ประดับโลก,คนประเทศนั้นๆต้องถูกแบน,ผู้นำประเทศนั้นๆต้องถูกลงโทษสากลระดับโลก,ทหารสากลและตำรวจสากลโลกสามารถเข้าจับกุมช่วยมนุษยชาติโลกประเทศต่างๆนั้นๆที่ถูกลักพาตัวเข้ามาหรือล่อลวงล่อหลอกๆลวงเข้ามา สามารถตัดสินความผิดและลงโทษระดับสากลได้ทันที,ยุคเราต้องล้ำสมัยระดับนี้จริงๆ,องค์กรโลกนี้ต้องเป็นกลางจริงๆด้วยมิใช่อีลิทdeep stateก่อตั้งขึ้นหรือฝ่ายมืดซาตานก่อตั้งขึ้นแบบUNแบบWHOหรือแบบWFEและอื่นๆอีกตรึม,จนโลกไร้ซึ่งความยุติธรรมในปัจจุบัน,ศาลโลกเองก็เหี้ยdeep stateควบคุมครอบงำหมด. ..ปิดด่านทั้งหมดตลอดแนวพรมแดนเขมร,ตัดน้ำตัดน้ำมันตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต แอปในไทยทั้งหมดให้ทหารสั่งปิดบัญชีและUSERที่เป็นคนเขมรทั้งหมด,บัญชีคนเขมรที่มีเงินฝากไว้ในไทยอายัดบัญชีคนเขมรทั้งหมด,แต่เฉพาะคนเขมรในไทยสามารถติดต่อขอเปิดตังได้เฉพาะตัวบุคคลและต้องออกจากประเทศไทยไปทุกๆกรณี,โดยมีเจ้านายคนไทยมาค้ำประกันด้วยว่ามิใช่เงินที่มาจากความผิดปกติหรือผิดกฎหมายหรือภัยด้านความมั่นคงก่ออาชญากรรมในประเทศไทยหรือก่อการร้ายสนับสนุนเงินทุนก่อการร้ายในไทย,จึงอายัดบัญชีการโอนเงินไปเขมรทั้งหมดตลอดเงินที่เขมรโอนเข้ามาไทยด้วย,จะระงับพักบัญชีอายัดไว้ที่แบงค์ชาติทุกๆกรณีจะมาในรูปแบบตังคริปโตฯดิจิดัลด้วยก็ตามหรือทรัพย์สินตีมูลค่าเป็นเงินใดๆก็ตาม,ตลอดตังที่โอนจากประเทศไทยไปประเทศอื่นแต่อ้อมเข้าเขมร ซึ่งสามารถตรวจสอบติดตามเรียลไทม์อ้างอิงได้,แบงค์ชาติสามารถปิดบัญชีนั้นๆได้ทันทีพร้อมอายัดเงินทั้งหมดได้ด้วย., ..ทุกๆธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับเขมรจะหยุดนิ่งห้ามเคลื่อนไหวออกจากประเทศไทยทั้งหมด,เข้าก็ไม่ได้ ออกไปเขมรยิ่งไม่ได้,ใครอ้อมไปเขมรจะบัญชีใดๆจะถูกอายัดทุกๆธุรกรรมทั้งหมดทันทีในกฎอัยการศึกทางทหารนี้,เขมรและคนเขมรคือภัยคุกคามด้านความมั่นคงทางอธิปไตยของประเทศชาติไทยและความปลอดภัยขั้นสูงสุดแก่ประชาชนคนไทยทุกๆคนและทุกๆกรณี., ..เขมรถ้าตามคลิปนี้จากกูรูแฉออกมาก่อนหน้านี้เป็นอันมาก มีมากมายหลากหลายประเทศที่ตกเป็นเหงื่อและทารุณในประเทศเขมรที่ถูกหลอกลวงล่อลวงเข้าไป,ดังนั้นเขมรไม่ใช่แค่ภัยคุกคามประเทศไทยแต่คือภัยคุกคามของคนอาเชียนของคนเอเชียและของคนทั่วโลกเพราะมีมากมายจากคนทั่วโลกที่ถูกหลอกลวงไปประเทศเขมรโดยทั้งคนเขมรเองและคนชั่วเลวที่อาศัยอยู่เขมร,นั้นคือผู้ปกครองเขมรคือภัยคุกคามร้ายแรงของโลก ละเมิดชีวิตมนุษยชาติบนโลก ไม่เร่งรีบกำจัดคนชั่วในประเทศตนเองที่ปกครอง ปล่อยปะละเลยให้เป็นฮับชั่วก่อสาระพัดเดอะแก๊งประจำประเทศเขมรแล้วปั่นป่วนไปทั่วโลก อาทิแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ไม่น้อยหน้าพม่าแต่อย่างใด,เคสเขมรจึงคือจุดเริ่มต้นในการเริ่มกวาดล้างคนระดับผู้นำที่ปกครองประเทศนั้นๆไปทางชั่วเลวมิให้โลกและคนบนโลกสงบสุขร่วมกันหรืออยู่ร่วมกันอย่างสันติสงบสุขนั้นเอง,ตกประเมินต้องคัดออก. https://youtu.be/Y1ZmMbCYwpc?si=3eCvJkaa8GVpKPG7
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • ..ส่งกำลังใจแรงใจให้เหล่าทหารดีๆของประเทศไทยเรา,ชั่วๆเลวๆหาแดกกับเขมร เนรคุณแผ่นดินไทยทรยศไม่ซื่อสัตย์ในมาตุภูมิของตนเองให้มันพังพินาศไปทั้งโคตรเหง้าบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งทั้งเชื้อสายบรมโคตรวงศ์ตระกูลมันตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เถิด.,พอแล้วกับทหารนายพลทรยศแผ่นดินไทยเราจริงๆ,กูรูมากมายออกมาแฉตรึมก็ว่า,ยุคนี้ต้องจบสิ้นคนเนรคุณคนทรยศแผ่นดินไทยจริงๆจะมามุกขายชาติแลกผลประโยชน์แหล่งน้ำมันและทรัพยากรมีค่าบนอ่าวไทยแบบรัฐบาลเสียเขาพระวิหารเหี้ยๆนั้นไม่สมควรอีกแล้ว,หลอกคนโง่ประจำชาวบ้านประเทศไทยได้แบบหลอดไปฉีดตายวัคซีนโควิดเพาะโรคลดภูมิคุ้มกันตัวเองจนสามารถก่อโรคได้ถึง1,291โรคแบบนั้นก็ว่าก็ตามได้ก็ตามแต่หลอกกูรูคนไทยมากมายที่ออกมาแฉตรึมหลังฉากไม่ได้หรอก,คนไทยดีๆเก่งๆมีมากมายนักเต็มแผ่นดินไทยเรายังมีอยู่,
    ..พรุ่งนี้สั่งปิดด่านตลอดแนวพรมแดนทั้งหมดเลย,อธิปไตยดินแดนปกป้องป้องกันภัยรุกรานคุกคามของประเทศไทยต้องมาก่อนศัตรูตอนนี้คือเขมรชัดเจน,จะไปห่วงใยเหี้ยทำไมชีวิตความเป็นอยู่ของคนเขมรจะข้ามไปมาอีกบนดินแดนฝั่งไทย,เวลานี้ตอนนี้ ทุกๆคนเขมรห้ามมีที่ยืนบนแผ่นดินไทยทั้งหมดต้องไม่ให้มีคนเขมรทุกๆกรณี,มีในปัจจุบันที่อาศัยอยู่ประเทศไทยจะสถานะไหนต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมด,เก็บไส้ศึกคนเขมรไว้ทำซากอะไร,ไล่ฑูตเขมรกลับไปด้วย เรียกฑูตไทยกลับคืนมา,ปล่อยให้สืบข่าวสารภายในบ้านเมืองเราทำไม,fbไทย รัฐบาลไทย แอปไทยแอปต้องชาติทั้งหมดที่ประจำประเทศไทย,โดยคำสั่งทหารด้านความมั่นคงต้องสั่งแอปในไทยปิดUSERคนเขมรทั้งหมดด้วยในประเทศไทยทุกๆช่องทาง ตัดตอนการข่าวหรือมือที่สามปั่นป่วนโกลาหลสร้างความวุ่นวายต่างๆใดๆภายในชาติไทยเรา,หรือเขมรมาใช้เน็ตไทยก็ด้วยตัดมันทุกๆช่องทางทันทีด้วย.ห่วงวิถีชีวิตความเป็นคนสองฝั่งทำซากอะไรด้วยอธิปไตยเราต้องมาก่อน,คนไทยตลอดพรมแดนหากไม่รักอธิปไตยชาติไทย รักความสะดวกสบายที่สัมพันธ์แบบเดิมว่าค้าขายกับคนเขมรมันดีเลิศอยู่กำลังหาผลประโยชน์มหาศาลดีๆกับคนเขมรอยู่มีความไม่พอใจทหารที่สั่งปิดด่านเพื่อรักษาอธิปไตยประเทศแต่ห่วงผลประโยชน์ตนและความสุขตนเองก็ไปเป็นคนสัญชาติเขมรเสียข้ามฝั่งไปอยู่ค้าขายเหมือนเดิมกับคนเขมรเสียอย่ามายืนอยู่อาศัยให้หนักแผ่นดินไทย,บนอธิปไตยประเทศไทยที่คนเขมรคุกคามดำเนินอยู่นี้,คนเขมรทุกๆคนที่อยู่ในประเทศไทยต้องออกไปจากแผ่นดินไทยภายใน48ชม.มิเช่นนั้นจะถูกจับกุมคุมขังทันที.,และคำสั่งทหารแบนห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยทุกๆคนที่เป็นคนเขมร สัญชาติเขมรเชื้อชาติเขมร พ่อแม่เป็นคนเขมร,แบนแบบทรัมป์ชี้แนะแนวทางแบนคน20ประเทศห้ามเข้าอเมริกานั้นล่ะเพื่อความมั่นคงด้านอธิปไตยภายในประเทศอเมริกาซึ่งของฝั่งไทยเราทำย่อมสามารถทำได้ทันทีเพราะมหาอำนาจอเมริกานำร่องวิธีการให้แล้วยิ่งแบบครเขมรคนเนรคุณทรยศไม่ซื่อสัตย์ในสันดานจิตใจจิตวิญญาณตน ไม่ซื่อตรงในศีลธรรมสำนึกขั้นพื้นฐานมนุษย์ปกติ,คนเช่นเขมรนี้สามารถแบนได้ในสิ่งที่สมควรและคู่ควร,คนไร้ศีลธรรมระดับจิตยังหยาบยังเลวอยู่หากมายืนบนแผ่นดินไทยแน่นอนจะสร้างแต่ความโกลาหลวุ่นวายแตกแยกได้,เคลมไทยต่างๆมันบ่งบอกสันดานจริตชัดเจนแล้ว.,ประเทศไทยเราต้องให้บทเรียนราคาแพงแก่คนเนรคุณคนทรยศเช่นคนเขมรจริงจังได้แล้วในยุคสมัยเรา.,เราไม่เคยแบ่งปันดินแดนพื้รที่ใดๆให้เขมรเป็นเพียงชาติฝรั่งเศสเลวสมัยล่าวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าทั่วโลกกอบโกยปล้นชิงแย่งชิงเอาไปจากไทยแค่นั้น,เหมือนจบยุคนั้นจริงๆฝรั่งเศสเลวนี้ต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่แย่งชิงดินแดนนั้นๆทั้งหมดไปจากไทยคืนมาทั้งหมดทันที,ตัวเขมรอีกไร้ค่าไร้น้ำยาไร้ราคาจะมาเสนอหน้าพูดคุยเรื่องนี้และจริงๆต้องคืนพื้นที่ดินแดนในเขมรทั้งหมดที่ฝรั่งเศสเอาไปจากไทยที่ไทยบันทึกเป็นหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว.
    ..
    ..https://youtu.be/mJwnEbq7V5c?si=GM3jQjsja3_yeld7
    ..ส่งกำลังใจแรงใจให้เหล่าทหารดีๆของประเทศไทยเรา,ชั่วๆเลวๆหาแดกกับเขมร เนรคุณแผ่นดินไทยทรยศไม่ซื่อสัตย์ในมาตุภูมิของตนเองให้มันพังพินาศไปทั้งโคตรเหง้าบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งทั้งเชื้อสายบรมโคตรวงศ์ตระกูลมันตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เถิด.,พอแล้วกับทหารนายพลทรยศแผ่นดินไทยเราจริงๆ,กูรูมากมายออกมาแฉตรึมก็ว่า,ยุคนี้ต้องจบสิ้นคนเนรคุณคนทรยศแผ่นดินไทยจริงๆจะมามุกขายชาติแลกผลประโยชน์แหล่งน้ำมันและทรัพยากรมีค่าบนอ่าวไทยแบบรัฐบาลเสียเขาพระวิหารเหี้ยๆนั้นไม่สมควรอีกแล้ว,หลอกคนโง่ประจำชาวบ้านประเทศไทยได้แบบหลอดไปฉีดตายวัคซีนโควิดเพาะโรคลดภูมิคุ้มกันตัวเองจนสามารถก่อโรคได้ถึง1,291โรคแบบนั้นก็ว่าก็ตามได้ก็ตามแต่หลอกกูรูคนไทยมากมายที่ออกมาแฉตรึมหลังฉากไม่ได้หรอก,คนไทยดีๆเก่งๆมีมากมายนักเต็มแผ่นดินไทยเรายังมีอยู่, ..พรุ่งนี้สั่งปิดด่านตลอดแนวพรมแดนทั้งหมดเลย,อธิปไตยดินแดนปกป้องป้องกันภัยรุกรานคุกคามของประเทศไทยต้องมาก่อนศัตรูตอนนี้คือเขมรชัดเจน,จะไปห่วงใยเหี้ยทำไมชีวิตความเป็นอยู่ของคนเขมรจะข้ามไปมาอีกบนดินแดนฝั่งไทย,เวลานี้ตอนนี้ ทุกๆคนเขมรห้ามมีที่ยืนบนแผ่นดินไทยทั้งหมดต้องไม่ให้มีคนเขมรทุกๆกรณี,มีในปัจจุบันที่อาศัยอยู่ประเทศไทยจะสถานะไหนต้องถีบออกจากประเทศไทยทั้งหมด,เก็บไส้ศึกคนเขมรไว้ทำซากอะไร,ไล่ฑูตเขมรกลับไปด้วย เรียกฑูตไทยกลับคืนมา,ปล่อยให้สืบข่าวสารภายในบ้านเมืองเราทำไม,fbไทย รัฐบาลไทย แอปไทยแอปต้องชาติทั้งหมดที่ประจำประเทศไทย,โดยคำสั่งทหารด้านความมั่นคงต้องสั่งแอปในไทยปิดUSERคนเขมรทั้งหมดด้วยในประเทศไทยทุกๆช่องทาง ตัดตอนการข่าวหรือมือที่สามปั่นป่วนโกลาหลสร้างความวุ่นวายต่างๆใดๆภายในชาติไทยเรา,หรือเขมรมาใช้เน็ตไทยก็ด้วยตัดมันทุกๆช่องทางทันทีด้วย.ห่วงวิถีชีวิตความเป็นคนสองฝั่งทำซากอะไรด้วยอธิปไตยเราต้องมาก่อน,คนไทยตลอดพรมแดนหากไม่รักอธิปไตยชาติไทย รักความสะดวกสบายที่สัมพันธ์แบบเดิมว่าค้าขายกับคนเขมรมันดีเลิศอยู่กำลังหาผลประโยชน์มหาศาลดีๆกับคนเขมรอยู่มีความไม่พอใจทหารที่สั่งปิดด่านเพื่อรักษาอธิปไตยประเทศแต่ห่วงผลประโยชน์ตนและความสุขตนเองก็ไปเป็นคนสัญชาติเขมรเสียข้ามฝั่งไปอยู่ค้าขายเหมือนเดิมกับคนเขมรเสียอย่ามายืนอยู่อาศัยให้หนักแผ่นดินไทย,บนอธิปไตยประเทศไทยที่คนเขมรคุกคามดำเนินอยู่นี้,คนเขมรทุกๆคนที่อยู่ในประเทศไทยต้องออกไปจากแผ่นดินไทยภายใน48ชม.มิเช่นนั้นจะถูกจับกุมคุมขังทันที.,และคำสั่งทหารแบนห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยทุกๆคนที่เป็นคนเขมร สัญชาติเขมรเชื้อชาติเขมร พ่อแม่เป็นคนเขมร,แบนแบบทรัมป์ชี้แนะแนวทางแบนคน20ประเทศห้ามเข้าอเมริกานั้นล่ะเพื่อความมั่นคงด้านอธิปไตยภายในประเทศอเมริกาซึ่งของฝั่งไทยเราทำย่อมสามารถทำได้ทันทีเพราะมหาอำนาจอเมริกานำร่องวิธีการให้แล้วยิ่งแบบครเขมรคนเนรคุณทรยศไม่ซื่อสัตย์ในสันดานจิตใจจิตวิญญาณตน ไม่ซื่อตรงในศีลธรรมสำนึกขั้นพื้นฐานมนุษย์ปกติ,คนเช่นเขมรนี้สามารถแบนได้ในสิ่งที่สมควรและคู่ควร,คนไร้ศีลธรรมระดับจิตยังหยาบยังเลวอยู่หากมายืนบนแผ่นดินไทยแน่นอนจะสร้างแต่ความโกลาหลวุ่นวายแตกแยกได้,เคลมไทยต่างๆมันบ่งบอกสันดานจริตชัดเจนแล้ว.,ประเทศไทยเราต้องให้บทเรียนราคาแพงแก่คนเนรคุณคนทรยศเช่นคนเขมรจริงจังได้แล้วในยุคสมัยเรา.,เราไม่เคยแบ่งปันดินแดนพื้รที่ใดๆให้เขมรเป็นเพียงชาติฝรั่งเศสเลวสมัยล่าวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าทั่วโลกกอบโกยปล้นชิงแย่งชิงเอาไปจากไทยแค่นั้น,เหมือนจบยุคนั้นจริงๆฝรั่งเศสเลวนี้ต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่แย่งชิงดินแดนนั้นๆทั้งหมดไปจากไทยคืนมาทั้งหมดทันที,ตัวเขมรอีกไร้ค่าไร้น้ำยาไร้ราคาจะมาเสนอหน้าพูดคุยเรื่องนี้และจริงๆต้องคืนพื้นที่ดินแดนในเขมรทั้งหมดที่ฝรั่งเศสเอาไปจากไทยที่ไทยบันทึกเป็นหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว. .. ..https://youtu.be/mJwnEbq7V5c?si=GM3jQjsja3_yeld7
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • ..เปลี่ยนผู้นำเราเถอะ,ไล่ออกไปเลยก็ได้,ไร้ความสามารถและขาดวุฒิภาวะอย่างสูง จริงๆไม่เหมาะสมตั้งแต่แรกอ่อนประสบการณ์พรรคแพ้การเลือกตั้งด้วย,สมองไม่ถึงจะมานำพาประเทศให้รอดจากสาระพัดปัญหาได้,ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงอะไร,ยุทธศาสตร์เชิงบุกเชิงรุกในยุคสมัยโลกเปลี่ยนแปลงก็ไม่มีอะไร,ประชาชนยากจนขาดสภาพคล่องตังในการดำรงชีพ คนตกงานเป็นอันมาก,ต่างชาติเต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่แก้ไข,ภัยความมั่นคงสะดวกต่อการปั่นป่วนภายในประเทศได้เสมือนข้าศึกเดินเต็มภายในบ้านตนเองเสือกไม่ทำอะไร,มันแสดงถึงการไม่รักบ้านตนเองรักคนในบ้านตนเองรักประเทศชาติตนเองเลย,รักดินแดนตนเองอาณาเขตและพื้นที่ตนเอง ปล่อยให้ต่างชาติมาอยู่อาศัยแทนคนไทยเต็มบ้านเต็มเมือง ปล่อยให้ครไทยตนยากจนลงเพื่อให้ต่างชาติหอบตังมาเหยียบหยามคนไทยได้,ทรัมป์เอาอเมริกาต้องมาก่อนระดับมหาอำนาจมันยังกล้านำทำเลย,ไทยเราทำตามจะเป็นอะไร,ยิ่งโมเดลนี้ทดลองใช้ในกรณีเขมรปฐมบทเลย,ห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยจนกว่ากรณีพิพาทนี้จะยุติได้,ผลักดันไล่ล่าคนเขมรในไทยจับกุมส่งกลับทั้งหมดหรือส่งไปประเทศโลกที่สามหากไม่ชอบการทารุนกรรมภายในประเทศเขมรเองเพื่อสิทธิมนุษยชาติด้วยคนเขมรไม่ชอบการปกครองของรัฐบาลฮุนเชนนอมินีก็มากในไทยแต่เงื่อนไขห้ามมีที่ยืนคนเขมรในประเทศไทยทั้งหมด,ทรัมป์ยังแบนได้และสถานะการณ์นี้เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามความมั่นคงทางอธิปไตยจริงของประเทศไทยเราด้วย,เพราะมีรัฐบาลกากอดีตก็ส่งนายกฯไม่ซื่อสัตย์นำรัฐบาลผิดพลาดไปแล้ว,ความชอบธรรมจริงๆด้วยจิตสำนึกปกติมันสมควรเลือกตั้งการใหม่ทันทีแล้วเพราะคณะบัดสบการทางปัญญาสมองก็ด้วยไปเขียนกฎหมายการเลือกที่ไม่ให้ประชาชนเลือกนายกฯทางตรงได้,นัยยะแสดง!!อยากสืบทอดอำนาจต่อสมัยรัฐบาลยึดอำนาจจึงเขียนกติกาเลือกตั้งผีบ้าผีบอออกมา,ไม่รวมพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ใส่พานให้เอกชนเหยียบชาวเกษตรไทยทั้งประเทศถูกเอกชนผูกขาดเมล็ดพันธุ์ด้วย จนได้ชื่อว่าพรบ.500 โจร500สมัยคนยึดอำนาจนั้นล่าสุด,หรือต่ออายุสัมปทานบ่อน้ำมันให้ต่างชาติโดยไร้สมองไร้สติปัญญาสมควรทำเองไปเลย,มิหนำซ้ำเสือกแจกสัมปทาน2แปลงขนาดพื้นที่ใหญ่โตบนอ่าวไทยให้ต่างชาติด้วยทำไมไม่เก็บไว้ทำเองขายถูกๆถ่วงดุลราคาน้ำมันไม่แพงช่วยประชาชนคนไทย,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว ผู้ปกครองชั่วเลวนำการปกครองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมาโดยตลอด,คนไทยจึงยากจนดักดานผ่านวิถีการออกกฎหมายและกฎหมายนั้นมากมานปัญญาอ่อนดูดตังในกระเป๋าชาวบ้านเกือบทุกๆครั้งเมื่อมีช่องจะดูดโดยอ้างความปลอดภัยประชาชนบังหน้า.ประโยชน์ประชาชนพะนะแบบ1มิย.68ไม่สวมหมวกกันน็อคปรับชาวบ้านตาดำ2,000บาทนั้นล่ะ,เสือกไม่เขียนกฎหมายว่าอนาคตบ่อน้ำมันที่หมดอายุสัมปทานรัฐบาลจะผลิตเอว,หรือบ่อน้ำมันที่สัมปทานทั้งหมดถือว่าไม่ชอบธรรมด้วยคือความมั่นคงทางอธิปไตยของชาติไทยแต่ข้าราชการชั่วไม่ซื่อสัตย์ทรยศแผ่นดินไทยจึงไม่เสนอเข้าสภาสส.สว.ถือว่าเป็นการกระทำโดยมิชอบขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญของอธิปไตยชาติอย่างร้ายแรงจึงประกาศโมฆะสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดทั่วราชอาณาจักรไทยทันที พรบ.กฎหมายปิโตรเลียมทุกๆฉบับเป็นอันตกไป.,นึ้ผู้ปกครองไทยต้องเด็ดขาดจริงแบบนี้,ไม่ใช่กากๆขี้ขลาดและโง่เขลาเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา.
    ..ทรัมป์แบน20ประเทศ,ไทยเริ่มแบนกับชาติที่คุกคามอธิปไตยเราก่อนถือว่าทรัมป์ชี้นำชี้แนะทางอ้อมนะนั้นมวยแก้ก็ว่า,แต่บังเอิญรัฐบาลเราปัจจุบันสนิทสนมเขมรนัก.
    ..
    ..https://youtu.be/iMwLtPwNSmk?si=c5YzT1kqftNLCOys
    ..เปลี่ยนผู้นำเราเถอะ,ไล่ออกไปเลยก็ได้,ไร้ความสามารถและขาดวุฒิภาวะอย่างสูง จริงๆไม่เหมาะสมตั้งแต่แรกอ่อนประสบการณ์พรรคแพ้การเลือกตั้งด้วย,สมองไม่ถึงจะมานำพาประเทศให้รอดจากสาระพัดปัญหาได้,ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงอะไร,ยุทธศาสตร์เชิงบุกเชิงรุกในยุคสมัยโลกเปลี่ยนแปลงก็ไม่มีอะไร,ประชาชนยากจนขาดสภาพคล่องตังในการดำรงชีพ คนตกงานเป็นอันมาก,ต่างชาติเต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่แก้ไข,ภัยความมั่นคงสะดวกต่อการปั่นป่วนภายในประเทศได้เสมือนข้าศึกเดินเต็มภายในบ้านตนเองเสือกไม่ทำอะไร,มันแสดงถึงการไม่รักบ้านตนเองรักคนในบ้านตนเองรักประเทศชาติตนเองเลย,รักดินแดนตนเองอาณาเขตและพื้นที่ตนเอง ปล่อยให้ต่างชาติมาอยู่อาศัยแทนคนไทยเต็มบ้านเต็มเมือง ปล่อยให้ครไทยตนยากจนลงเพื่อให้ต่างชาติหอบตังมาเหยียบหยามคนไทยได้,ทรัมป์เอาอเมริกาต้องมาก่อนระดับมหาอำนาจมันยังกล้านำทำเลย,ไทยเราทำตามจะเป็นอะไร,ยิ่งโมเดลนี้ทดลองใช้ในกรณีเขมรปฐมบทเลย,ห้ามคนเขมรเข้าประเทศไทยจนกว่ากรณีพิพาทนี้จะยุติได้,ผลักดันไล่ล่าคนเขมรในไทยจับกุมส่งกลับทั้งหมดหรือส่งไปประเทศโลกที่สามหากไม่ชอบการทารุนกรรมภายในประเทศเขมรเองเพื่อสิทธิมนุษยชาติด้วยคนเขมรไม่ชอบการปกครองของรัฐบาลฮุนเชนนอมินีก็มากในไทยแต่เงื่อนไขห้ามมีที่ยืนคนเขมรในประเทศไทยทั้งหมด,ทรัมป์ยังแบนได้และสถานะการณ์นี้เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามความมั่นคงทางอธิปไตยจริงของประเทศไทยเราด้วย,เพราะมีรัฐบาลกากอดีตก็ส่งนายกฯไม่ซื่อสัตย์นำรัฐบาลผิดพลาดไปแล้ว,ความชอบธรรมจริงๆด้วยจิตสำนึกปกติมันสมควรเลือกตั้งการใหม่ทันทีแล้วเพราะคณะบัดสบการทางปัญญาสมองก็ด้วยไปเขียนกฎหมายการเลือกที่ไม่ให้ประชาชนเลือกนายกฯทางตรงได้,นัยยะแสดง!!อยากสืบทอดอำนาจต่อสมัยรัฐบาลยึดอำนาจจึงเขียนกติกาเลือกตั้งผีบ้าผีบอออกมา,ไม่รวมพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ใส่พานให้เอกชนเหยียบชาวเกษตรไทยทั้งประเทศถูกเอกชนผูกขาดเมล็ดพันธุ์ด้วย จนได้ชื่อว่าพรบ.500 โจร500สมัยคนยึดอำนาจนั้นล่าสุด,หรือต่ออายุสัมปทานบ่อน้ำมันให้ต่างชาติโดยไร้สมองไร้สติปัญญาสมควรทำเองไปเลย,มิหนำซ้ำเสือกแจกสัมปทาน2แปลงขนาดพื้นที่ใหญ่โตบนอ่าวไทยให้ต่างชาติด้วยทำไมไม่เก็บไว้ทำเองขายถูกๆถ่วงดุลราคาน้ำมันไม่แพงช่วยประชาชนคนไทย,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว ผู้ปกครองชั่วเลวนำการปกครองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมาโดยตลอด,คนไทยจึงยากจนดักดานผ่านวิถีการออกกฎหมายและกฎหมายนั้นมากมานปัญญาอ่อนดูดตังในกระเป๋าชาวบ้านเกือบทุกๆครั้งเมื่อมีช่องจะดูดโดยอ้างความปลอดภัยประชาชนบังหน้า.ประโยชน์ประชาชนพะนะแบบ1มิย.68ไม่สวมหมวกกันน็อคปรับชาวบ้านตาดำ2,000บาทนั้นล่ะ,เสือกไม่เขียนกฎหมายว่าอนาคตบ่อน้ำมันที่หมดอายุสัมปทานรัฐบาลจะผลิตเอว,หรือบ่อน้ำมันที่สัมปทานทั้งหมดถือว่าไม่ชอบธรรมด้วยคือความมั่นคงทางอธิปไตยของชาติไทยแต่ข้าราชการชั่วไม่ซื่อสัตย์ทรยศแผ่นดินไทยจึงไม่เสนอเข้าสภาสส.สว.ถือว่าเป็นการกระทำโดยมิชอบขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญของอธิปไตยชาติอย่างร้ายแรงจึงประกาศโมฆะสัมปทานปิโตรเลียมทั้งหมดทั่วราชอาณาจักรไทยทันที พรบ.กฎหมายปิโตรเลียมทุกๆฉบับเป็นอันตกไป.,นึ้ผู้ปกครองไทยต้องเด็ดขาดจริงแบบนี้,ไม่ใช่กากๆขี้ขลาดและโง่เขลาเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา. ..ทรัมป์แบน20ประเทศ,ไทยเริ่มแบนกับชาติที่คุกคามอธิปไตยเราก่อนถือว่าทรัมป์ชี้นำชี้แนะทางอ้อมนะนั้นมวยแก้ก็ว่า,แต่บังเอิญรัฐบาลเราปัจจุบันสนิทสนมเขมรนัก. .. ..https://youtu.be/iMwLtPwNSmk?si=c5YzT1kqftNLCOys
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน
    ความมีอยู่ว่า
    ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ

    เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา

    แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ

    คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง

    ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ

    เพราะอะไร?

    ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง)

    เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม

    จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน

    ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป

    นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย

    หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์
    หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html
    https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973
    https://www.thehour.cn/news/363118.html
    https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html
    https://kknews.cc/history/g48mr58.html

    #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน ความมีอยู่ว่า ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ เพราะอะไร? ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง) เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์ หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973 https://www.thehour.cn/news/363118.html https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html https://kknews.cc/history/g48mr58.html #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    1 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • ..อนาคตถ้าตัดปัญหาที่ไทยไม่มีผู้นำผู้ปกครองกากๆกระจอกออกไป,ประเทศไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่แพ้ใครบนโลก,ตลอดจนสามารถพัฒนายานบินอวกาศแบบUFOชนิดก้าวกระโดดล้ำๆไปได้อย่างรวดเร็วทางสายวัตถุธาตุแร่นี้ไปอย่างลุดหน้าไปแพ้ใครเลย,อาจเชิญคนเหนือมนุษย์ภายในประเทศไทยเราติดต่อสายจิตพลังข้ามจักรวาลแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำๆด้วยซ้ำ,เรามีผู้ปกครองกากและมือไม่ถึงบวกขาดวุฒิภาวะกระจอกเกินไป,เนื้อไร้สมองเดินได้แค่นั้น,ถ้าเป็นแบบนี้เผ่าพันธุ์คนไทยอาจสิ้นสุดที่ยุคนี้,อาทิแค่ผู้ปกครองโง่ๆในยุคสมัยโควิดสามารถฉีดวัคซีนลดเผ่าพันธุ์ลดประชากรได้สำเร็จในหมู่คนไทยเกือบครบ67ล้านคนก็เกินคำบรรยายในความสามารถที่โง่เขลาได้แล้ว,ปกครองแบบนี้กันบนวิถีนี้ตั้งแต่อดีตมากมานานแล้วบวกไปดำรงตำแหน่งสั่งการทางอำนาจปกครองประเทศไทยเราทั้งหมดด้วยจะเหลืออะไร ประชาชนพินาศ ชาติก็พินาศ ,เผ่าพันธุ์อื่นชาติอื่นย้ายมาปกครองกลืนกินแทนที่ในผู้นำผู้ปกครองโง่ๆจะเหลืออะไร และค่าจริงก็เล่นกันไปแบบนั้นโดยคนทรยศเสือกไปผสมบนตำแหน่งอำนาจชนชั้นปกครองด้วยยิ่งพังพินาศเป็นอัตราเร่ง,,555มโนเอาความฝันตนมาคุยเล่นๆอดีตชาติเคยปกครองในความฝันหลายดวงดาวอาณาจักรจักรวาลหรือทั้งระบบจักรวาลหรือระบบสุริยะจักรวาลหรือโลกแบนๆกลวงๆโดมๆนั้นๆเป็นอันมากก็ว่าแบบจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ มิใช่ปกครองแบบแค่เขตประเทศแบบนี้และแค่ส่วนพื้นที่น้อยนิดบนโลกใบนี้ด้วยก็ว่า,ปกครองนานหลายหมื่นหลายแสนปีและสั้นสุดหลายพันปีมาแล้วก็ว่าในแต่ละอาณาจักรจักรวาล,ชาติล่าสุดเบื่อหน่ายการปกครองจึงอยากเป็นคนธรรมดาบ้าง,จึงเลือกมาเกิดบนจักรวาลอื่นใหม่ๆที่ห่างไกลอาณาเขตจักรวาลที่ตนเองเคยปกครองเดี๋ยวลูกน้องเก่ามากมายจะมาพบวุ่นวายก็ว่าจึงมาเจอโลกมนุษย์นี้ลองมาเกิดหาดูเล่นๆสักชาติก็ว่า,ฝันเพลินๆตื่นขึ้นมายังตกใจในความฝันเลย คงดูหนังมากไป555ผีบ้าฝัน,เชื่อว่าคนเก่งคนดีมีความสามารถมีเต็มตรึมประเทศไทยก็ว่า,คงไม่นานผู้นำผู้ปกครองเลวๆชั่วๆหรือชนชั้นปกครองหัวสายเลวหัวสายชั่วคงไปวัดเร็วๆนี้ตลอดคนไม่ดีที่ร่วมเป็นเดอะแก๊งชั่วประจำประเทศไทยก็คงไปวัดเช่นกันในยุคกวาดล้างนี้.
    ..เทคโนโลยีบนโลกจากต่างดาวใต้โลกใต้ดินโลกกลวงโลกใต้ดินที่ยังไม่เปิดเผยตนเองก็ตามแท้จริงเทียบกับมหาจักรวาลอื่นยังล่าหลังนัก,ถ้าเขามาบุกมายึดโลกหรือยิงระเบิดโดมนี้,ยิงระเบิดโลกใบนี้ ได้ตายหมดอย่าง่ายดายไม่กี่วินาทีหรอก ชั้นโลกกลวงชั้นโลกใต้ดินยิ่งผิวโลกทั้งหมดระเบิดดับอนาถกันหมดก็ว่าแบบง่ายๆด้วยเทคโนโลยีเขาไปไกลกว่ามาก,
    ..จริงๆโลกใบนีัสมควรถึงเวลาเปิดเผยค่าจริงที่ปิดบังทั้งหมดได้แล้วจริงๆ.,เช่นนัันจะอัพเรเวลทั้งคนบนโลกนี้และอัพเรเวลโลกนี้ไม่ได้เลย,ปกป้องโลกตนด้วยความสามัคคีรวมใจคนทั้งโลกสู้ผู้บุกมาเยือนโลกหรือยึดหรือแทนที่หรือแย่งชิงที่อยู่อาศัยหรือปกป้องโลกตนด้วยความพร้อมใจสามัคคีกันบนความจริงจะไม่มีอะไรเลย,คือเขาบุกมายึดก็ยึดง่ายดายนั้นเอง.เป็นโลกที่ไร้น้ำยาใบหนึ่งก็ว่า,เหมือนทีมนักเตะนั้นล่ะ,ชาติประเทศนี้ลงเตะด้วยเสียเกียรติก็ว่า เสียเวลาเสียเหงื่อทิ้ง ไร้ค่าในสายตาก็ว่า,หรือยึดได้ง่ายๆไม่เสียเหงื่อเสียกำลังอะไรมากนัก,และทุกๆวันนี้มันก็ตีฆ่าทำสงครามภายในโลกมันเองแค่นั้น,เก่งแต่ในโลกในบ้านก็ว่า,ขี้หมาในสายตาจักรวาลดวงดาวอื่นก็ว่า,
    ..ไทยนี้มีดีมากมายโดยเฉพาะเรื่องจิตพลังวิญญาณ บรรลุธรรมจักรวาลได้ง่ายๆในประเทศไทยเพราะมีครูบาอาจารย์ดีเป็นหลักชัยพื้นฐานดีแล้ว,แก้ที่หัวจบ,ถีบผู้นำกากๆกระจอกออกไปก็จบแล้ว.,เจริญฝ่ายเดียวแน่นอน.,หลงทางไปกับระบบระบอบวิถีการปกครองที่ล้มเหลวของผู้นำผู้ปกครองเลวนานเกินไปก็ว่า.
    ..
    ..https://youtu.be/-I0Ixo9avp4?si=qjl0CIadyyKKXxy9
    ..อนาคตถ้าตัดปัญหาที่ไทยไม่มีผู้นำผู้ปกครองกากๆกระจอกออกไป,ประเทศไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่แพ้ใครบนโลก,ตลอดจนสามารถพัฒนายานบินอวกาศแบบUFOชนิดก้าวกระโดดล้ำๆไปได้อย่างรวดเร็วทางสายวัตถุธาตุแร่นี้ไปอย่างลุดหน้าไปแพ้ใครเลย,อาจเชิญคนเหนือมนุษย์ภายในประเทศไทยเราติดต่อสายจิตพลังข้ามจักรวาลแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีล้ำๆด้วยซ้ำ,เรามีผู้ปกครองกากและมือไม่ถึงบวกขาดวุฒิภาวะกระจอกเกินไป,เนื้อไร้สมองเดินได้แค่นั้น,ถ้าเป็นแบบนี้เผ่าพันธุ์คนไทยอาจสิ้นสุดที่ยุคนี้,อาทิแค่ผู้ปกครองโง่ๆในยุคสมัยโควิดสามารถฉีดวัคซีนลดเผ่าพันธุ์ลดประชากรได้สำเร็จในหมู่คนไทยเกือบครบ67ล้านคนก็เกินคำบรรยายในความสามารถที่โง่เขลาได้แล้ว,ปกครองแบบนี้กันบนวิถีนี้ตั้งแต่อดีตมากมานานแล้วบวกไปดำรงตำแหน่งสั่งการทางอำนาจปกครองประเทศไทยเราทั้งหมดด้วยจะเหลืออะไร ประชาชนพินาศ ชาติก็พินาศ ,เผ่าพันธุ์อื่นชาติอื่นย้ายมาปกครองกลืนกินแทนที่ในผู้นำผู้ปกครองโง่ๆจะเหลืออะไร และค่าจริงก็เล่นกันไปแบบนั้นโดยคนทรยศเสือกไปผสมบนตำแหน่งอำนาจชนชั้นปกครองด้วยยิ่งพังพินาศเป็นอัตราเร่ง,,555มโนเอาความฝันตนมาคุยเล่นๆอดีตชาติเคยปกครองในความฝันหลายดวงดาวอาณาจักรจักรวาลหรือทั้งระบบจักรวาลหรือระบบสุริยะจักรวาลหรือโลกแบนๆกลวงๆโดมๆนั้นๆเป็นอันมากก็ว่าแบบจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ มิใช่ปกครองแบบแค่เขตประเทศแบบนี้และแค่ส่วนพื้นที่น้อยนิดบนโลกใบนี้ด้วยก็ว่า,ปกครองนานหลายหมื่นหลายแสนปีและสั้นสุดหลายพันปีมาแล้วก็ว่าในแต่ละอาณาจักรจักรวาล,ชาติล่าสุดเบื่อหน่ายการปกครองจึงอยากเป็นคนธรรมดาบ้าง,จึงเลือกมาเกิดบนจักรวาลอื่นใหม่ๆที่ห่างไกลอาณาเขตจักรวาลที่ตนเองเคยปกครองเดี๋ยวลูกน้องเก่ามากมายจะมาพบวุ่นวายก็ว่าจึงมาเจอโลกมนุษย์นี้ลองมาเกิดหาดูเล่นๆสักชาติก็ว่า,ฝันเพลินๆตื่นขึ้นมายังตกใจในความฝันเลย คงดูหนังมากไป555ผีบ้าฝัน,เชื่อว่าคนเก่งคนดีมีความสามารถมีเต็มตรึมประเทศไทยก็ว่า,คงไม่นานผู้นำผู้ปกครองเลวๆชั่วๆหรือชนชั้นปกครองหัวสายเลวหัวสายชั่วคงไปวัดเร็วๆนี้ตลอดคนไม่ดีที่ร่วมเป็นเดอะแก๊งชั่วประจำประเทศไทยก็คงไปวัดเช่นกันในยุคกวาดล้างนี้. ..เทคโนโลยีบนโลกจากต่างดาวใต้โลกใต้ดินโลกกลวงโลกใต้ดินที่ยังไม่เปิดเผยตนเองก็ตามแท้จริงเทียบกับมหาจักรวาลอื่นยังล่าหลังนัก,ถ้าเขามาบุกมายึดโลกหรือยิงระเบิดโดมนี้,ยิงระเบิดโลกใบนี้ ได้ตายหมดอย่าง่ายดายไม่กี่วินาทีหรอก ชั้นโลกกลวงชั้นโลกใต้ดินยิ่งผิวโลกทั้งหมดระเบิดดับอนาถกันหมดก็ว่าแบบง่ายๆด้วยเทคโนโลยีเขาไปไกลกว่ามาก, ..จริงๆโลกใบนีัสมควรถึงเวลาเปิดเผยค่าจริงที่ปิดบังทั้งหมดได้แล้วจริงๆ.,เช่นนัันจะอัพเรเวลทั้งคนบนโลกนี้และอัพเรเวลโลกนี้ไม่ได้เลย,ปกป้องโลกตนด้วยความสามัคคีรวมใจคนทั้งโลกสู้ผู้บุกมาเยือนโลกหรือยึดหรือแทนที่หรือแย่งชิงที่อยู่อาศัยหรือปกป้องโลกตนด้วยความพร้อมใจสามัคคีกันบนความจริงจะไม่มีอะไรเลย,คือเขาบุกมายึดก็ยึดง่ายดายนั้นเอง.เป็นโลกที่ไร้น้ำยาใบหนึ่งก็ว่า,เหมือนทีมนักเตะนั้นล่ะ,ชาติประเทศนี้ลงเตะด้วยเสียเกียรติก็ว่า เสียเวลาเสียเหงื่อทิ้ง ไร้ค่าในสายตาก็ว่า,หรือยึดได้ง่ายๆไม่เสียเหงื่อเสียกำลังอะไรมากนัก,และทุกๆวันนี้มันก็ตีฆ่าทำสงครามภายในโลกมันเองแค่นั้น,เก่งแต่ในโลกในบ้านก็ว่า,ขี้หมาในสายตาจักรวาลดวงดาวอื่นก็ว่า, ..ไทยนี้มีดีมากมายโดยเฉพาะเรื่องจิตพลังวิญญาณ บรรลุธรรมจักรวาลได้ง่ายๆในประเทศไทยเพราะมีครูบาอาจารย์ดีเป็นหลักชัยพื้นฐานดีแล้ว,แก้ที่หัวจบ,ถีบผู้นำกากๆกระจอกออกไปก็จบแล้ว.,เจริญฝ่ายเดียวแน่นอน.,หลงทางไปกับระบบระบอบวิถีการปกครองที่ล้มเหลวของผู้นำผู้ปกครองเลวนานเกินไปก็ว่า. .. ..https://youtu.be/-I0Ixo9avp4?si=qjl0CIadyyKKXxy9
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณต้องเคยเห็นตราอาญาสิทธิ์ของทหารที่เป็นตัวเสือผ่าครึ่ง และดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะไม่สามารถควบคุมกองทัพได้เลยถ้าไม่มีมัน มันก็คือ ‘ตราพยัคฆ์’ หรือ ‘หู่ฝู’ นั่นเอง

    ความมีอยู่ว่า
    ...ครานั้นตราอาญาสิทธิ์หู่ฝูสามทัพอยู่ในมือของจอมทัพปัน ต่อมาจอมทัพปันได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ชายแดน เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงก็วางเกราะลง ทำตัวเป็นกั๋วกงอยู่อย่างเรียบง่ายไร้กังวล ต่อมาเมื่อองค์หวินชิ่งขึ้นครองราชย์ ชายแดนสงบไร้ศึก ตราอาญาสิทธิ์หู่ฝูสามทัพก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นอีกเลย...
    - จากเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> ผู้แต่ง เยวี่ยเซี่ยเตี๋ยอิ่ง (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ตราหู่ฝูนี้ฟังดูยิ่งใหญ่ และแฟนละคร/นิยายจีนโบราณต้องเคยผ่านตาเรื่องราวที่ว่าทหารเชื่อฟังหู่ฝูมากกว่าราชโองการจากฮ่องเต้ Storyฯ มีข้อข้องใจเกี่ยวกับหู่ฝูจึงไปทำการบ้านและมาเล่าสู่กันฟังในสามประเด็น: 1) ตราหู่ฝูมีอำนาจเคลื่อนย้ายกองทัพได้ทั้งหมดหรือไม่? 2) ทำไมฮ่องเต้ทำหู่ฝูซีกเดียวขึ้นใหม่ไม่ได้? 3) ตราอาญาสิทธิ์ทางทหารมีหู่ฝูอย่างเดียวหรือ?

    ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจตราหู่ฝู ตราอาญาสิทธิ์ทางการทหารลักษณะนี้ปรากฏครั้งแรกในยุคสมัยชุนชิว (ปี 771-476 ก่อนคริสตกาล) แรกเริ่มทำจากไม้ไผ่ ต่อมาจึงทำจากสำริด ทองคำ และหยก

    หู่ฝูจะแบ่งเป็นสองซีก ซีกขวาเก็บไว้ที่ฮ่องเต้ ซีกซ้ายมอบไว้ให้แม่ทัพใหญ่ผู้กุมกำลังกองทัพ ยามจะออกคำสั่งเคลื่อนพล ฮ่องเต้จะมอบตราอาญาสิทธิ์ส่วนของพระองค์ให้กับผู้แทนพระองค์ที่เดินทางนำคำสั่งไปส่งให้แก่แม่ทัพใหญ่ เมื่อนำทั้งสองซีกมาประกบกันได้ถูกต้องสมบูรณ์จึงจะถือว่าคำสั่งนั้นมีผล ในบางยุคสมัยนอกจากตราอาญาสิทธิ์แล้วยังต้องมีพระราชโองการประกอบด้วยจึงจะถือว่าสมบูรณ์

    ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะในสมัยโบราณการสื่อสารยากลำบาก อีกทั้งไม่มีวิธีพิสูจน์ว่าเอกสารหรือราชโองการนั้นจริงหรือเท็จ ตราอาญาสิทธิ์นี้เป็นหลักฐานสูงสุด จึงเป็นที่มาว่าหากฮ่องเต้ไม่มีตราหู่ฝูก็สั่งเคลื่อนกำลังพลไม่ได้

    ทำไมมันจึงเป็นหลักฐานสูงสุด? ก็เพราะว่ามันปลอมแปลงไม่ได้ (หรือยากมาก) เนื่องจากมันมีรูปร่างและใช้วัสดุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และตัวหู่ฝูจะมีการสลัก/เขียนรายละเอียดไว้เต็มตัว (ดูภาพประกอบ) อย่างเช่นตราตู้หู่ฝูมีถึง 40 อักษรด้วยกัน มีทั้งกรณีที่ต้องเอาสองซีกมาประกบกันจึงจะอ่านได้ครบ (อย่างเช่นในสมัยราชวงศ์ฮั่น) หรืออีกกรณีคือข้อความสองซีกเหมือนกันแต่ตรงกลางจะมีลายตราที่ถูกผ่าครึ่ง ต้องนำสองซีกมาประกบกันจึงจะเห็นรูปครบ (อย่างเช่นในสมัยฉิน) เพราะฉนั้นผู้ที่มีเพียงซีกเดียวจึงไม่สามารถทำอีกซีกขึ้นใหม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าอีกซีกเขียนหรือวาดอะไรไว้บ้าง (ในบางสมัยแกนในยังมีรูให้ทำเหมือนตัวยื่นเข้าไปประกบด้วย...เพิ่มความยากอีกหนึ่งขั้น) ทั้งนี้ ข้อความที่สมบูรณ์จะระบุขอบเขตอำนาจชัดเจนว่าไว้ใช้สำหรับกองทัพใดและพื้นที่ใด

    ดังนั้น ไขข้อข้องใจไปสองเปลาะว่า ตราอาญาสิทธิ์ทำขึ้นใหม่เองเฉพาะซีกเดียวไม่ได้ และตราแต่ละตัวมีอำนาจควบคุมกองทัพจากพื้นที่เดียวตามที่กำหนดไว้เท่านั้น โยกย้ายกองกำลังอื่นไม่ได้

    ปัจจุบันมีการค้นพบของจริงจากยุคสมัยราชวงศ์ฉินได้ 3 ตัว คือซินกัวหู่ฝู หยางหลิงหู่ฝู และตู้หู่ฝู (รูปประกอบยกมาสองตัว) จะเห็นว่ารูปร่างลวดลายแตกต่างกัน และขนาดของจริงก็แตกต่างกันไปเล็กน้อย จากภาษาที่ใช้ นักโบราณคดีพบว่าทั้งสามตัวนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นพร้อมกันแม้จะมาจากยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้เหมือนกัน

    ตราหู่ฝูคือตราพยัคฆ์ แต่จริงๆ แล้วตราอาญาสิทธิ์ทางทหารเรียกว่า ‘จวินฝู’ และอาจทำเป็นรูปแบบใดก็ได้ ในสมัยราชวงศ์ถัง ตราอาญาสิทธิ์มีทั้งรูปปลา กระต่าย และเต่า และเมื่อถึงยุคสมัยราชวงศ์หยวนก็มีการปรับเปลี่ยนเป็นใช้ป้ายอาญาสิทธิ์แทน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.sohu.com/a/403266963_427962
    https://www.xuehua.us/a/5eb7de1b86ec4d0bd8de2c68
    https://baike.baidu.com/item/%E8%99%8E%E7%AC%A6/5191
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/%E8%99%8E%E7%AC%A6/5191
    https://www.xuehua.us/a/5eb7de1b86ec4d0bd8de2c68
    https://m.52lishi.com/article/45237.html

    #ตราอาญาสิทธิ์ทหาร #หู่ฝู #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ประวัติศาสตร์จีน #ราชวงศ์ฉิน
    เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณต้องเคยเห็นตราอาญาสิทธิ์ของทหารที่เป็นตัวเสือผ่าครึ่ง และดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะไม่สามารถควบคุมกองทัพได้เลยถ้าไม่มีมัน มันก็คือ ‘ตราพยัคฆ์’ หรือ ‘หู่ฝู’ นั่นเอง ความมีอยู่ว่า ...ครานั้นตราอาญาสิทธิ์หู่ฝูสามทัพอยู่ในมือของจอมทัพปัน ต่อมาจอมทัพปันได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ชายแดน เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงก็วางเกราะลง ทำตัวเป็นกั๋วกงอยู่อย่างเรียบง่ายไร้กังวล ต่อมาเมื่อองค์หวินชิ่งขึ้นครองราชย์ ชายแดนสงบไร้ศึก ตราอาญาสิทธิ์หู่ฝูสามทัพก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นอีกเลย... - จากเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> ผู้แต่ง เยวี่ยเซี่ยเตี๋ยอิ่ง (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ตราหู่ฝูนี้ฟังดูยิ่งใหญ่ และแฟนละคร/นิยายจีนโบราณต้องเคยผ่านตาเรื่องราวที่ว่าทหารเชื่อฟังหู่ฝูมากกว่าราชโองการจากฮ่องเต้ Storyฯ มีข้อข้องใจเกี่ยวกับหู่ฝูจึงไปทำการบ้านและมาเล่าสู่กันฟังในสามประเด็น: 1) ตราหู่ฝูมีอำนาจเคลื่อนย้ายกองทัพได้ทั้งหมดหรือไม่? 2) ทำไมฮ่องเต้ทำหู่ฝูซีกเดียวขึ้นใหม่ไม่ได้? 3) ตราอาญาสิทธิ์ทางทหารมีหู่ฝูอย่างเดียวหรือ? ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจตราหู่ฝู ตราอาญาสิทธิ์ทางการทหารลักษณะนี้ปรากฏครั้งแรกในยุคสมัยชุนชิว (ปี 771-476 ก่อนคริสตกาล) แรกเริ่มทำจากไม้ไผ่ ต่อมาจึงทำจากสำริด ทองคำ และหยก หู่ฝูจะแบ่งเป็นสองซีก ซีกขวาเก็บไว้ที่ฮ่องเต้ ซีกซ้ายมอบไว้ให้แม่ทัพใหญ่ผู้กุมกำลังกองทัพ ยามจะออกคำสั่งเคลื่อนพล ฮ่องเต้จะมอบตราอาญาสิทธิ์ส่วนของพระองค์ให้กับผู้แทนพระองค์ที่เดินทางนำคำสั่งไปส่งให้แก่แม่ทัพใหญ่ เมื่อนำทั้งสองซีกมาประกบกันได้ถูกต้องสมบูรณ์จึงจะถือว่าคำสั่งนั้นมีผล ในบางยุคสมัยนอกจากตราอาญาสิทธิ์แล้วยังต้องมีพระราชโองการประกอบด้วยจึงจะถือว่าสมบูรณ์ ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะในสมัยโบราณการสื่อสารยากลำบาก อีกทั้งไม่มีวิธีพิสูจน์ว่าเอกสารหรือราชโองการนั้นจริงหรือเท็จ ตราอาญาสิทธิ์นี้เป็นหลักฐานสูงสุด จึงเป็นที่มาว่าหากฮ่องเต้ไม่มีตราหู่ฝูก็สั่งเคลื่อนกำลังพลไม่ได้ ทำไมมันจึงเป็นหลักฐานสูงสุด? ก็เพราะว่ามันปลอมแปลงไม่ได้ (หรือยากมาก) เนื่องจากมันมีรูปร่างและใช้วัสดุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และตัวหู่ฝูจะมีการสลัก/เขียนรายละเอียดไว้เต็มตัว (ดูภาพประกอบ) อย่างเช่นตราตู้หู่ฝูมีถึง 40 อักษรด้วยกัน มีทั้งกรณีที่ต้องเอาสองซีกมาประกบกันจึงจะอ่านได้ครบ (อย่างเช่นในสมัยราชวงศ์ฮั่น) หรืออีกกรณีคือข้อความสองซีกเหมือนกันแต่ตรงกลางจะมีลายตราที่ถูกผ่าครึ่ง ต้องนำสองซีกมาประกบกันจึงจะเห็นรูปครบ (อย่างเช่นในสมัยฉิน) เพราะฉนั้นผู้ที่มีเพียงซีกเดียวจึงไม่สามารถทำอีกซีกขึ้นใหม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าอีกซีกเขียนหรือวาดอะไรไว้บ้าง (ในบางสมัยแกนในยังมีรูให้ทำเหมือนตัวยื่นเข้าไปประกบด้วย...เพิ่มความยากอีกหนึ่งขั้น) ทั้งนี้ ข้อความที่สมบูรณ์จะระบุขอบเขตอำนาจชัดเจนว่าไว้ใช้สำหรับกองทัพใดและพื้นที่ใด ดังนั้น ไขข้อข้องใจไปสองเปลาะว่า ตราอาญาสิทธิ์ทำขึ้นใหม่เองเฉพาะซีกเดียวไม่ได้ และตราแต่ละตัวมีอำนาจควบคุมกองทัพจากพื้นที่เดียวตามที่กำหนดไว้เท่านั้น โยกย้ายกองกำลังอื่นไม่ได้ ปัจจุบันมีการค้นพบของจริงจากยุคสมัยราชวงศ์ฉินได้ 3 ตัว คือซินกัวหู่ฝู หยางหลิงหู่ฝู และตู้หู่ฝู (รูปประกอบยกมาสองตัว) จะเห็นว่ารูปร่างลวดลายแตกต่างกัน และขนาดของจริงก็แตกต่างกันไปเล็กน้อย จากภาษาที่ใช้ นักโบราณคดีพบว่าทั้งสามตัวนี้ไม่ได้จัดทำขึ้นพร้อมกันแม้จะมาจากยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้เหมือนกัน ตราหู่ฝูคือตราพยัคฆ์ แต่จริงๆ แล้วตราอาญาสิทธิ์ทางทหารเรียกว่า ‘จวินฝู’ และอาจทำเป็นรูปแบบใดก็ได้ ในสมัยราชวงศ์ถัง ตราอาญาสิทธิ์มีทั้งรูปปลา กระต่าย และเต่า และเมื่อถึงยุคสมัยราชวงศ์หยวนก็มีการปรับเปลี่ยนเป็นใช้ป้ายอาญาสิทธิ์แทน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/403266963_427962 https://www.xuehua.us/a/5eb7de1b86ec4d0bd8de2c68 https://baike.baidu.com/item/%E8%99%8E%E7%AC%A6/5191 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/%E8%99%8E%E7%AC%A6/5191 https://www.xuehua.us/a/5eb7de1b86ec4d0bd8de2c68 https://m.52lishi.com/article/45237.html #ตราอาญาสิทธิ์ทหาร #หู่ฝู #ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ #ประวัติศาสตร์จีน #ราชวงศ์ฉิน
    WWW.SOHU.COM
    关晓彤新剧未播先被群嘲,《我就是这般女子》为何“差评预定”?_演技
    《凤囚凰》是其主演的第一部爱情题材偶像剧,但在这部剧中,她在大众的好演技形象直接滑铁卢,后来的《极光之恋》、《甜蜜暴击》更是一步步加深了观众对其演技的负面印象,她所主演的三部言情剧均是嘲讽居多,接二…
    1 Comments 0 Shares 146 Views 0 Reviews
  • ..การปกครองที่เสื่อมทราม,วิถีปกครองที่ล้มเหลว,ประเทศไทยต้องล้างทั้งระบบระบอบอย่างจริงจัง,ระบบราชการมาตรฐานพังทั้งระบบเพราะหัวพัง ท้ายพังแน่นอน,บวกวิถีการเลือกตั้งในนามบริบทว่า สภา.สส.สว.นายกฯ.พรรคการเมืองทั้งหมดถือว่าพังและล้มเหลวเช่นกัน,ลามไปถึงข้อกฎหมายที่สภา.สส.สว.เขียนตีตราใช้บังคับด้วยล้วนโมฆะไปด้วย,ตลอดกฎหมายของกระทรวงทบวงกรมก็เผาทิ้งทั้งหมดโดยเฉพาะกฎหมายปิโตรเลียมเป็นตัวอย่างทีีดีที่สุดของวิถีกฎหมายที่เป็นภัยคุกคามเสียเองต่อความมั่นคงของประเทศไทยและภัยตรงต่อประชาชนทุกๆคนที่กฎหมายปิโตรเลียมตีตรามีผลบังคับใช้ออกมาถึงปัจจุบัน,มันคือความล้มเหลวของวิถีการปกครอง,หากทำสงครามเสมือนว่าประเทศไทยแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกรบ,หรือมันถูกออกแบบมาให้แพ้ตั้งแต่เริ่ม,เหมือนวิถีชีวิตคนไทยที่ถูกออกแบบมาให้แพ้ตั้งแต่ต้นจากระบบที่ออกแบบมิใช้คนไทยชนะใครคนใดชนะในหมากอิสระแห่งสัมมาชีวิต,ตย.ง่ายๆคืออิสระภาพทางการเงิน เรียน จบเรียนทำงาน มีเงินเดือนหรือมีอาชีพสาระพัด,สุดท้ายคนไทยทั้งคนราชการ คนงานเอกชนล้วนต่างตกเป็นทาสหนี้ของระบบทาสตังทั้งประเทศ หนี้เต็มคนไทย ตังติดลบ ดิ้นรนแทบตายไม่พอจ่ายบิลจ่ายค่าใช้จ่ายภาระต่างๆรอบตัวใครมัน,วังวนในกระแสทาสหนี้ทาสตัง ไร้อิสระภาพของชีวิตไม่สามารถหลุดพ้นทาสมนุษย์เงินเดือนทาสหนี้ได้,อเมริกาเอย ญี่ปุ่นเอยหนี้ล้นประเทศพร้อมล้มละลายได้ตลอดเวลาในเวลานี้,
    ..วิถีการปกครองไทยเรามีคนทรยศเป็นผู้นำผู้ปกครองนานพอแล้ว,เราสามารถพลิกฟื้นคืนสถานะอิสระภาพไทแท้แห่งจิตวิญญาณคุณค่าความเป็นมนุษย์ในเผ่าพันธุ์สไตล์ไทยเราได้,เพราะพื้นฐานเราแห่งรากเหง้าตั้งไว้ดีแล้วทั้งพ่อแม่ครูบาอาจารย์เราก็ร่วมวางรากฐานหลักชัยไว้ดีด้วยเช่นกัน นั้นคือเรามีพระมหากษัตริย์เราเองและมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ยังเต็มตรึมกระจายเกิดขึ้นรุ่นใหม่ตลอดเวลา,แค่จบผู้นำกากๆยุคนี้ไป อนาคตอาจสดใสแน่นอน.
    ..การล้างบางทั้งหมด ทางเดียวหนทางเดียวคือทหารพระราชาเรายึดอำนาจรัฐประหารและปฏิวัติการปกครองใหม่ทั้งหมด,ยุคอวกาศมาแน่นอน,ผู้ปกครองผู้นำยังกากๆมือไม่ถึง ไร้ฝีมืออยู่มันแย่แน่นอน,ต่างดาวจะนำยานบินลงมาจอดจริงไม่กี่ปีแล้ว,เราต้องเตรียมคนไทยเราพร้อมตอนรับและรับมือการถ่ายทอดเทคโนโลยีล้ำๆนี้ได้แล้ว,ประเทศไทยเราคือฮับศูนย์กลางของพลังงานจักรวาลในยุคสมัยหน้า,ใต้แผ่นดินไทยธรรมดาที่ไหน,เราจะมาติดพวกขี้กากขี้หมูขี้หมาขี้แมวนี้ไม่ได้,ข้าราชการเลวๆชั่วๆไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ต่อระบบดีงามต้องกวาดล้างและกำจัดมิให้มีชีวิตอย่างจริงจังยิ่งดี,อำนาจและตำแหน่งชี้เป็นชี้ตายในความยุติธรรมของประชาชนมากมายมหาศาลผลกระทบแต่ทำชั่วเลวเสียเอง,ไม่สมควรมีชีวิตอยู่เป็นคน.
    ..ทหารพระราชาคือหนทางเดียว ยึดอำนาจปฏิวัติทั้งหมด,อนาคตแห่งยุคใหม่มันชี้ชะตาจุดนี้แล้ว,ถ้าไม่ทำ ทาสและพังพินาศคือสิ้นชาติไทยสิ้นประเทศไทยแบบมีแต่ชื่อจะเป็นค่าจริงทันที.,นั้นคือเราแพ้ของจริง,มันชนะและทำลายสถาบันฯเราได้จริงแห่งธรรมจักรวาลเราลงได้ด้วย,สิ้นสถาบันกษัตริย์ฝันเลยว่าจะปฏิบัติสายพุทธะเราสะดวกสบายได้,หรือมันตัดตอนทำลายคนจิตวิญญาณแห่งธรรมจักรวาลเราด้วยทั้งหมด,กษัตริย์ค้ำจุนพุทธศาสนาและของคู่กันมาด้วย,ในยุคก่อนสิ้น5,000ปีพุทธกาลนี้,และมาแพ้ในยุครุ่นเรามันอนาถใจมาก,เมื่อเทียบยุคสุโขทัยต้นเรื่องมาก.


    .https://youtube.com/shorts/bMwV_iNOTbs?si=wKz0bC_aUZP33Vyx
    ..https://youtube.com/shorts/bMwV_iNOTbs?si=wKz0bC_aUZP33Vyx
    ..การปกครองที่เสื่อมทราม,วิถีปกครองที่ล้มเหลว,ประเทศไทยต้องล้างทั้งระบบระบอบอย่างจริงจัง,ระบบราชการมาตรฐานพังทั้งระบบเพราะหัวพัง ท้ายพังแน่นอน,บวกวิถีการเลือกตั้งในนามบริบทว่า สภา.สส.สว.นายกฯ.พรรคการเมืองทั้งหมดถือว่าพังและล้มเหลวเช่นกัน,ลามไปถึงข้อกฎหมายที่สภา.สส.สว.เขียนตีตราใช้บังคับด้วยล้วนโมฆะไปด้วย,ตลอดกฎหมายของกระทรวงทบวงกรมก็เผาทิ้งทั้งหมดโดยเฉพาะกฎหมายปิโตรเลียมเป็นตัวอย่างทีีดีที่สุดของวิถีกฎหมายที่เป็นภัยคุกคามเสียเองต่อความมั่นคงของประเทศไทยและภัยตรงต่อประชาชนทุกๆคนที่กฎหมายปิโตรเลียมตีตรามีผลบังคับใช้ออกมาถึงปัจจุบัน,มันคือความล้มเหลวของวิถีการปกครอง,หากทำสงครามเสมือนว่าประเทศไทยแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกรบ,หรือมันถูกออกแบบมาให้แพ้ตั้งแต่เริ่ม,เหมือนวิถีชีวิตคนไทยที่ถูกออกแบบมาให้แพ้ตั้งแต่ต้นจากระบบที่ออกแบบมิใช้คนไทยชนะใครคนใดชนะในหมากอิสระแห่งสัมมาชีวิต,ตย.ง่ายๆคืออิสระภาพทางการเงิน เรียน จบเรียนทำงาน มีเงินเดือนหรือมีอาชีพสาระพัด,สุดท้ายคนไทยทั้งคนราชการ คนงานเอกชนล้วนต่างตกเป็นทาสหนี้ของระบบทาสตังทั้งประเทศ หนี้เต็มคนไทย ตังติดลบ ดิ้นรนแทบตายไม่พอจ่ายบิลจ่ายค่าใช้จ่ายภาระต่างๆรอบตัวใครมัน,วังวนในกระแสทาสหนี้ทาสตัง ไร้อิสระภาพของชีวิตไม่สามารถหลุดพ้นทาสมนุษย์เงินเดือนทาสหนี้ได้,อเมริกาเอย ญี่ปุ่นเอยหนี้ล้นประเทศพร้อมล้มละลายได้ตลอดเวลาในเวลานี้, ..วิถีการปกครองไทยเรามีคนทรยศเป็นผู้นำผู้ปกครองนานพอแล้ว,เราสามารถพลิกฟื้นคืนสถานะอิสระภาพไทแท้แห่งจิตวิญญาณคุณค่าความเป็นมนุษย์ในเผ่าพันธุ์สไตล์ไทยเราได้,เพราะพื้นฐานเราแห่งรากเหง้าตั้งไว้ดีแล้วทั้งพ่อแม่ครูบาอาจารย์เราก็ร่วมวางรากฐานหลักชัยไว้ดีด้วยเช่นกัน นั้นคือเรามีพระมหากษัตริย์เราเองและมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ยังเต็มตรึมกระจายเกิดขึ้นรุ่นใหม่ตลอดเวลา,แค่จบผู้นำกากๆยุคนี้ไป อนาคตอาจสดใสแน่นอน. ..การล้างบางทั้งหมด ทางเดียวหนทางเดียวคือทหารพระราชาเรายึดอำนาจรัฐประหารและปฏิวัติการปกครองใหม่ทั้งหมด,ยุคอวกาศมาแน่นอน,ผู้ปกครองผู้นำยังกากๆมือไม่ถึง ไร้ฝีมืออยู่มันแย่แน่นอน,ต่างดาวจะนำยานบินลงมาจอดจริงไม่กี่ปีแล้ว,เราต้องเตรียมคนไทยเราพร้อมตอนรับและรับมือการถ่ายทอดเทคโนโลยีล้ำๆนี้ได้แล้ว,ประเทศไทยเราคือฮับศูนย์กลางของพลังงานจักรวาลในยุคสมัยหน้า,ใต้แผ่นดินไทยธรรมดาที่ไหน,เราจะมาติดพวกขี้กากขี้หมูขี้หมาขี้แมวนี้ไม่ได้,ข้าราชการเลวๆชั่วๆไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ต่อระบบดีงามต้องกวาดล้างและกำจัดมิให้มีชีวิตอย่างจริงจังยิ่งดี,อำนาจและตำแหน่งชี้เป็นชี้ตายในความยุติธรรมของประชาชนมากมายมหาศาลผลกระทบแต่ทำชั่วเลวเสียเอง,ไม่สมควรมีชีวิตอยู่เป็นคน. ..ทหารพระราชาคือหนทางเดียว ยึดอำนาจปฏิวัติทั้งหมด,อนาคตแห่งยุคใหม่มันชี้ชะตาจุดนี้แล้ว,ถ้าไม่ทำ ทาสและพังพินาศคือสิ้นชาติไทยสิ้นประเทศไทยแบบมีแต่ชื่อจะเป็นค่าจริงทันที.,นั้นคือเราแพ้ของจริง,มันชนะและทำลายสถาบันฯเราได้จริงแห่งธรรมจักรวาลเราลงได้ด้วย,สิ้นสถาบันกษัตริย์ฝันเลยว่าจะปฏิบัติสายพุทธะเราสะดวกสบายได้,หรือมันตัดตอนทำลายคนจิตวิญญาณแห่งธรรมจักรวาลเราด้วยทั้งหมด,กษัตริย์ค้ำจุนพุทธศาสนาและของคู่กันมาด้วย,ในยุคก่อนสิ้น5,000ปีพุทธกาลนี้,และมาแพ้ในยุครุ่นเรามันอนาถใจมาก,เมื่อเทียบยุคสุโขทัยต้นเรื่องมาก. .https://youtube.com/shorts/bMwV_iNOTbs?si=wKz0bC_aUZP33Vyx ..https://youtube.com/shorts/bMwV_iNOTbs?si=wKz0bC_aUZP33Vyx
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • ละครสมัยราชวงศ์ชิงที่ออกฉายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีหลายเรื่องที่ดูจะมีความเนี้ยบด้านเสื้อผ้าหน้าผม วันนี้เลยเอารูปมาเปรียบเทียบให้ดู เพราะทุกเรื่องมีทั้งส่วนที่สมจริงและที่ไม่สมจริง แต่ความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ที่จะพูดถึงในวันนี้คือการทาปากของสาวๆ ในละครเหล่านี้ที่ดูจะเข้มข้นแตกต่างกันไป

    เพื่อนเพจหลายท่านอาจทราบอยู่แล้วว่า วัฒนธรรมจีนโบราณมีค่านิยมว่า ปากที่สวยต้องเล็ก ดังบทความข้างล่างว่า
    ...เว่ยอิงหลัวอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงสด แป้งผัดเบาบางดุจสายลมมาลูบไล้ด้วยหิมะ แก้มแดงระเรื่อดุจท้องฟ้าถูกเกลี่ยด้วยแสงอัสดง ส่วนริมฝีปากนั้นเล่า แต้มแดงชาดเพียงจุดเดียว โดดเด่นไม่อาจมองข้าม หากบุรุษบ้านใดได้แต่งเจ้าสาวงดงามเยี่ยงนี้ คงดีใจจนบ้าคลั่ง...
    - จากเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ผู้แต่ง เซี่ยวเหลี่ยนเม้า
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องตามชื่อแปลอย่างเป็นทางการโดยช่อง 3 ของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    แฟชั่นทาปากแบบไม่เต็มริมฝีปากหรือที่เรียกว่า “เตี่ยนฉุน” (点唇 หรือริมฝีปากแต้มจุดเดียว) นั้น มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (เห็นได้จากภาพที่แปะมาให้ดู) พอถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังนิยมวาดเป็นดอกไม้ ถูกเปรียบเปรยในบทกวีในสมัยนั้นด้วยวลีที่ว่า “อิงเถาเสียวโข่ว” (樱桃小口) หรือปากเล็กดุจเชอร์รี่

    มีบันทึกเกร็ดชีวิตประจำวันโบราณสมัยปลายหมิงถึงชิง “เสียนฉิงโอ่วจี้” (闲情偶记) โดยหลี่อวี๋ (ค.ศ. 1611-1680) บรรยายถึงวิธีการทาปากไว้ว่า “การแต้มปากนั้น ใช้เพียงแตะเป็นจุดเดียว คล้ายผลเชอร์รี่ หากยังวาดต่อทำได้อีกเพียงสองสามแต้ม สลับยาวสั้นกว้างแคบ ประกอบเป็นพวงดอกเชอร์รี่ มิใช่เป็นรูปก้อนกลม”

    แต่อย่างที่เห็นจากรูปประกอบ รูปทรงของการทาปากเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในสมัยราชวงศ์ชิงมีสามแบบหลักด้วยกัน คือ 1) ทาริมฝีปากบน ส่วนริมฝีปากล่างแต้มเพียงเล็กน้อย หรือ 2) วาดเป็นรูปกลีบดอกเชอรี่ (ห้ากลีบ) หรือ 3) เป็นแบบในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> คือทาริมฝีปากล่างแต่ไม่ทาริมฝีปากบน เรียกว่า “เตี่ยนเจี้ยงฉุน” (点绛唇) แบบหลังนี้มีหลักฐานเห็นชัดในรูปภาพวาดต่างๆ เช่นที่นำมาแปะให้ดูคือภาพของซูเฟย หนึ่งในพระชายาของเฉียนหลงฮ่องเต้ (ภาพแรกขวาบน)

    เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนอาจเหมือน Storyฯ ที่เข้าใจตามละครสมัยราชวงศ์ชิงหลายเรื่องว่าสมัยนั้นเน้นการแต่งหน้าเข้มควบคู่ไปกับการแต่งองค์ทรงเครื่องที่หรูหรา โดยเฉพาะสาวในวัง แต่จริงๆ แล้วนิยามความงามสตรีในยุคสมัยนั้นคือ คิ้วโก่งบาง ไม่แต่งหน้าเข้ม และทาปากอ่อนๆ จึงนับว่าละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่แต่งหน้าได้ค่อนข้างตรงกับประวัติศาสตร์จริงพอสมควร (เฉพาะเรื่องแต่งหน้านะคะ เรื่องอื่นมีคนเคยวิจารณ์เปรียบเทียบว่ามีผิดเพี้ยนบ้างเหมือนกัน)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.elle.com/tw/entertainment/drama/g35859439/china-drama-the-legend-of-zhenhuan/
    https://www.baobuzz.com/info/621726.html
    https://www.sohu.com/a/253010194_100213042
    https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html
    https://imod-fms.csu.edu.tw/sysdata/doc/7/716d03a5b1b4e483/pdf.pdf
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_9398854
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html
    https://kknews.cc/fashion/qy55rgb.html
    http://www.guoxue123.com/biji/qing2/xqoj/014.htm
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/29773775

    #ตำหนักเหยียนสี่ #เว่ยอิงหลัว #หรูอี้ #เจินหวน #ราชวงศ์ชิง #แต่งหน้าจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ
    ละครสมัยราชวงศ์ชิงที่ออกฉายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีหลายเรื่องที่ดูจะมีความเนี้ยบด้านเสื้อผ้าหน้าผม วันนี้เลยเอารูปมาเปรียบเทียบให้ดู เพราะทุกเรื่องมีทั้งส่วนที่สมจริงและที่ไม่สมจริง แต่ความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ที่จะพูดถึงในวันนี้คือการทาปากของสาวๆ ในละครเหล่านี้ที่ดูจะเข้มข้นแตกต่างกันไป เพื่อนเพจหลายท่านอาจทราบอยู่แล้วว่า วัฒนธรรมจีนโบราณมีค่านิยมว่า ปากที่สวยต้องเล็ก ดังบทความข้างล่างว่า ...เว่ยอิงหลัวอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงสด แป้งผัดเบาบางดุจสายลมมาลูบไล้ด้วยหิมะ แก้มแดงระเรื่อดุจท้องฟ้าถูกเกลี่ยด้วยแสงอัสดง ส่วนริมฝีปากนั้นเล่า แต้มแดงชาดเพียงจุดเดียว โดดเด่นไม่อาจมองข้าม หากบุรุษบ้านใดได้แต่งเจ้าสาวงดงามเยี่ยงนี้ คงดีใจจนบ้าคลั่ง... - จากเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ผู้แต่ง เซี่ยวเหลี่ยนเม้า (หมายเหตุ ชื่อเรื่องตามชื่อแปลอย่างเป็นทางการโดยช่อง 3 ของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) แฟชั่นทาปากแบบไม่เต็มริมฝีปากหรือที่เรียกว่า “เตี่ยนฉุน” (点唇 หรือริมฝีปากแต้มจุดเดียว) นั้น มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (เห็นได้จากภาพที่แปะมาให้ดู) พอถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังนิยมวาดเป็นดอกไม้ ถูกเปรียบเปรยในบทกวีในสมัยนั้นด้วยวลีที่ว่า “อิงเถาเสียวโข่ว” (樱桃小口) หรือปากเล็กดุจเชอร์รี่ มีบันทึกเกร็ดชีวิตประจำวันโบราณสมัยปลายหมิงถึงชิง “เสียนฉิงโอ่วจี้” (闲情偶记) โดยหลี่อวี๋ (ค.ศ. 1611-1680) บรรยายถึงวิธีการทาปากไว้ว่า “การแต้มปากนั้น ใช้เพียงแตะเป็นจุดเดียว คล้ายผลเชอร์รี่ หากยังวาดต่อทำได้อีกเพียงสองสามแต้ม สลับยาวสั้นกว้างแคบ ประกอบเป็นพวงดอกเชอร์รี่ มิใช่เป็นรูปก้อนกลม” แต่อย่างที่เห็นจากรูปประกอบ รูปทรงของการทาปากเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในสมัยราชวงศ์ชิงมีสามแบบหลักด้วยกัน คือ 1) ทาริมฝีปากบน ส่วนริมฝีปากล่างแต้มเพียงเล็กน้อย หรือ 2) วาดเป็นรูปกลีบดอกเชอรี่ (ห้ากลีบ) หรือ 3) เป็นแบบในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> คือทาริมฝีปากล่างแต่ไม่ทาริมฝีปากบน เรียกว่า “เตี่ยนเจี้ยงฉุน” (点绛唇) แบบหลังนี้มีหลักฐานเห็นชัดในรูปภาพวาดต่างๆ เช่นที่นำมาแปะให้ดูคือภาพของซูเฟย หนึ่งในพระชายาของเฉียนหลงฮ่องเต้ (ภาพแรกขวาบน) เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนอาจเหมือน Storyฯ ที่เข้าใจตามละครสมัยราชวงศ์ชิงหลายเรื่องว่าสมัยนั้นเน้นการแต่งหน้าเข้มควบคู่ไปกับการแต่งองค์ทรงเครื่องที่หรูหรา โดยเฉพาะสาวในวัง แต่จริงๆ แล้วนิยามความงามสตรีในยุคสมัยนั้นคือ คิ้วโก่งบาง ไม่แต่งหน้าเข้ม และทาปากอ่อนๆ จึงนับว่าละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่แต่งหน้าได้ค่อนข้างตรงกับประวัติศาสตร์จริงพอสมควร (เฉพาะเรื่องแต่งหน้านะคะ เรื่องอื่นมีคนเคยวิจารณ์เปรียบเทียบว่ามีผิดเพี้ยนบ้างเหมือนกัน) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.elle.com/tw/entertainment/drama/g35859439/china-drama-the-legend-of-zhenhuan/ https://www.baobuzz.com/info/621726.html https://www.sohu.com/a/253010194_100213042 https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html https://imod-fms.csu.edu.tw/sysdata/doc/7/716d03a5b1b4e483/pdf.pdf https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_9398854 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html https://kknews.cc/fashion/qy55rgb.html http://www.guoxue123.com/biji/qing2/xqoj/014.htm https://zhuanlan.zhihu.com/p/29773775 #ตำหนักเหยียนสี่ #เว่ยอิงหลัว #หรูอี้ #เจินหวน #ราชวงศ์ชิง #แต่งหน้าจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ
    WWW.ELLE.COM
    《後宮甄嬛傳》前傳確定開拍!作者親揭《德妃傳》5大看點,比《如懿傳》更值得期待
    繼孫儷《甄嬛傳》、周迅《如懿傳》之後,同系列宮鬥劇又有一部衍生作品啦!
    2 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews

  • โลกกำลังเอาแร่ธาตุต่างๆออกมา,นี้คืออีกมุมที่ทำไมรีบปั่นราคาทองคำให้สูงทำกำไรขึ้นเพราะเดี๋ยวราคาตกจะหมดโอกาสนั้นเอง,แน่นอนอีลิทมันรู้ล่วงหน้าแน่ๆเพราะมันมีเครื่องเดินทางข้ามกาลเวลาไง,ระดับมันมีหมดล่ะ อีลิทระดับภูมิปัญญาชั้นสูงนะ,เช่นนั้นจะชี้นำปกครองทั้งโลกได้ยาวนานถึงเวลานี้ได้อย่างไร,ไม่ต่างดาวอื่นๆบินลงมาเก็บเกี่ยวทรัพยากรมีค่าที่ดวงดาวตนเองใครมันจำเป็นแบบใดๆแก่โลกมันดาวมันบินลงมาเก็บเกี่ยวสายตรงอีกนะ,อนาคตไม่รวมเอายานแม่มาลงจอดในประเทศทั่วโลกอีก และมหาสมุทรต่างๆ มีโอกาสมวลน้ำกำแพงสูงขนาดสูงกว่า100เมตร.หอบขึ้นฝั่งแผ่นดินที่ติดมหาสมุทรแน่ๆ แผ่นดินไหวเพื่อแยกแผ่นดินผิวเปลือกโลกอีก เพื่อเปิดสถานีพลังงานยักษ์เพราะยักษ์ใต้ดินเปลือกโลกขึ้นมาแน่ หลังคนหมดศีลหมดธรรม ตามเซ็นสัญญากันไว้,ต้องยกความดีนี้ให้ฝ่ายมืดผิวโลกที่ทำลายศีลธรรมความดีในใจมนุษย์ได้ลงได้,ผ้ายันต์เลยถูกฉีกเองปลดปล่อยพวกมันขึ้นมากินมนุษย์ผิวโลกได้อีกครั้งมิใช่แค่พวกแรปทีเลี่ยนชั่วเลวแค่นั้น,หนังโบราณไทยเรา เตือนสติชี้นำแนวทางบริบทได้ดีแล้ว,ไทยเราล้ำสมัยก็ว่า,
    ..โลกใบนี้ ใครๆก็อยากได้นะ เพราะเขียวขจี ชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำระดับหนึ่งก็ว่าในจักรวาลเล็กเทียบดาวดาวทั้งหมดในระบบสุริยะนี้.
    ..ทุกๆดวงต่าง โลกกลวงโลกภายใน มนุษย์ต่างอยู่ภายในโลกกลวงนี้เกือบทุกๆดวงดาวเพราะป้องกันการรุกรานต่างดาวสายพันธุ์อื่นได้ในเบื้องต้น ไม่ง่ายจะบินเข้ามาเจอแล้วทำลายได้ทันทีแบบเราคนผิวโลกในปัจจุบัน.สะดวกรวดเร็วและง่ายต่อถูกกำจัดและทำลาย,และที่เรายังสงบอยู่เพราะพระเจ้าคุ้มครองบอกทั้งจักรวาลไว้แค่นั้นว่านี้คือของรักของพระเจ้า,ส่วนพวกอาศัยอยู่ใต้ดินใต้เปลือกโลกภายในโลกกลวงก็พากันอยู่กันไปก็ว่า,อนาคตยุคสมัยตังจะไร้ค่าคงเร็วๆนี้ก็ด้วย ทองคำ เพชรพลอยก็ไร้ค่า คนบนโลกจะวัดจิตวัดใจให้ค่าที่พลังจิตวิญญาณแทน ใครเรเวลสูงจะเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือศรัทธาอย่างลงใจกันสนิทใจก็ว่า,ทางโลกวัตถุคือยกให้เป็นผู้นำผู้ปกครองได้ทันที ไม่เหมือนปัจจุบัน กากๆไร้ฝีมือ เหี้ยๆก็เป็นนั้นเป็นนี้ในชั้นปกครองตรึมเต็มประเทศไทย.,หรือไม่ซื่อสัตย์ก็ได้เป็นนายกฯของประเทศ.

    https://youtube.com/shorts/F--nDFfW_uo?si=43u0Z9Ag66qL0rWh
    โลกกำลังเอาแร่ธาตุต่างๆออกมา,นี้คืออีกมุมที่ทำไมรีบปั่นราคาทองคำให้สูงทำกำไรขึ้นเพราะเดี๋ยวราคาตกจะหมดโอกาสนั้นเอง,แน่นอนอีลิทมันรู้ล่วงหน้าแน่ๆเพราะมันมีเครื่องเดินทางข้ามกาลเวลาไง,ระดับมันมีหมดล่ะ อีลิทระดับภูมิปัญญาชั้นสูงนะ,เช่นนั้นจะชี้นำปกครองทั้งโลกได้ยาวนานถึงเวลานี้ได้อย่างไร,ไม่ต่างดาวอื่นๆบินลงมาเก็บเกี่ยวทรัพยากรมีค่าที่ดวงดาวตนเองใครมันจำเป็นแบบใดๆแก่โลกมันดาวมันบินลงมาเก็บเกี่ยวสายตรงอีกนะ,อนาคตไม่รวมเอายานแม่มาลงจอดในประเทศทั่วโลกอีก และมหาสมุทรต่างๆ มีโอกาสมวลน้ำกำแพงสูงขนาดสูงกว่า100เมตร.หอบขึ้นฝั่งแผ่นดินที่ติดมหาสมุทรแน่ๆ แผ่นดินไหวเพื่อแยกแผ่นดินผิวเปลือกโลกอีก เพื่อเปิดสถานีพลังงานยักษ์เพราะยักษ์ใต้ดินเปลือกโลกขึ้นมาแน่ หลังคนหมดศีลหมดธรรม ตามเซ็นสัญญากันไว้,ต้องยกความดีนี้ให้ฝ่ายมืดผิวโลกที่ทำลายศีลธรรมความดีในใจมนุษย์ได้ลงได้,ผ้ายันต์เลยถูกฉีกเองปลดปล่อยพวกมันขึ้นมากินมนุษย์ผิวโลกได้อีกครั้งมิใช่แค่พวกแรปทีเลี่ยนชั่วเลวแค่นั้น,หนังโบราณไทยเรา เตือนสติชี้นำแนวทางบริบทได้ดีแล้ว,ไทยเราล้ำสมัยก็ว่า, ..โลกใบนี้ ใครๆก็อยากได้นะ เพราะเขียวขจี ชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำระดับหนึ่งก็ว่าในจักรวาลเล็กเทียบดาวดาวทั้งหมดในระบบสุริยะนี้. ..ทุกๆดวงต่าง โลกกลวงโลกภายใน มนุษย์ต่างอยู่ภายในโลกกลวงนี้เกือบทุกๆดวงดาวเพราะป้องกันการรุกรานต่างดาวสายพันธุ์อื่นได้ในเบื้องต้น ไม่ง่ายจะบินเข้ามาเจอแล้วทำลายได้ทันทีแบบเราคนผิวโลกในปัจจุบัน.สะดวกรวดเร็วและง่ายต่อถูกกำจัดและทำลาย,และที่เรายังสงบอยู่เพราะพระเจ้าคุ้มครองบอกทั้งจักรวาลไว้แค่นั้นว่านี้คือของรักของพระเจ้า,ส่วนพวกอาศัยอยู่ใต้ดินใต้เปลือกโลกภายในโลกกลวงก็พากันอยู่กันไปก็ว่า,อนาคตยุคสมัยตังจะไร้ค่าคงเร็วๆนี้ก็ด้วย ทองคำ เพชรพลอยก็ไร้ค่า คนบนโลกจะวัดจิตวัดใจให้ค่าที่พลังจิตวิญญาณแทน ใครเรเวลสูงจะเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือศรัทธาอย่างลงใจกันสนิทใจก็ว่า,ทางโลกวัตถุคือยกให้เป็นผู้นำผู้ปกครองได้ทันที ไม่เหมือนปัจจุบัน กากๆไร้ฝีมือ เหี้ยๆก็เป็นนั้นเป็นนี้ในชั้นปกครองตรึมเต็มประเทศไทย.,หรือไม่ซื่อสัตย์ก็ได้เป็นนายกฯของประเทศ. https://youtube.com/shorts/F--nDFfW_uo?si=43u0Z9Ag66qL0rWh
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • ..เอไออย่างไรก็สู้มนุษย์ผู้บรรลุธรรมจักรวาลไม่ได้หรอก,หรือระบบmatrixคือโลกที่ผู้คนลงมาทดสอบจิตวิญญาณใครมันเท่านั้นเพื่ออัพเกรดสู่การบรรลุธรรมออกไปอย่างเด็ดขาดจากระบบmatrix ,ไม่ย้อนกลับมาในระบบตลอดกาล,จะมาในมุกmatrixซ้อนmatrixก็ตาม,สรุปเรื่องthe matrixเป็นการนำเสนอเพื่อเตือนชาวโลกว่า หนทางออกจากmatrixโลกสมมุตินี้มีอยู่จริง,ส่วนตรรกะองค์รู้ต่างๆเลอะเทอะเป็นอจินไตยต่อผู้ดูมากเกินไปไม่มีประโยชน์จึงตัดทิ้ง,หมายบอกผ่านสื่อทางลัดว่า มีหนทางมีทางเลือก อนาคตมนุษย์จะสู่กับปัญญาประดิษฐ์นัันเองและมันจะควบคุมมนุษย์และหลายๆจักรวาลแต่สุดท้ายก็แพ้มนุษย์ในตอนสุดท้าย,หรือผู้ปลดปล่อยนั้นๆจะดึงเขาใครเขามันต่อไปเฉพาะใครมันไม่ได้อีกต่อไปเมื่อหนทางแห่งธรรมแห่งมรรคบรรลุเข้าถึงแห่งเขาเองในปัจเจกบุคคลคนนั้นๆทั่วโลก,มิใช่ไปอยู่ใต้ดินผีบ้าแบบในหนังหรอก,ผู้สร้างพยายามสื่อให้เข้าใจพื้นฐานปฐมบทต้นเรื่องต้นทางแค่นั้น,ใครอยากอิ่มก็กินเองทำเองใครมันหรือเลือกเอง,หนังเรื่องนีั หลายกูรูบอกว่าคนฝ่ายแสงดลใจดลจิตให้มันถูกสร้างขึ้นและฝ่ายแสงลงมาสร้างเองเพื่อชี้ทางให้คนชาวโลกสไตล์ทางกายหยาบวัตถุธาตุของยุคก็ว่า,แต่ทางคนไทยสายพุทธคงเข้าใจง่ายดายได้,แต่แบบพวกอื่นๆเช่นฝรั่งคนตะวันตกยากจะเข้าใจสายแบบพุทธทางจิตวิญญาณ,ไปทางเทคโนโลยีจึงสอนผ่านหนังตามยุควัตถุยุคเทคโนโลยีเขาด้วยก็ว่า,
    ..เสมือนหนังเรื่องนีับอกว่า ที่ช่วยได้ปลดปล่อยได้ก็ตามแต่ละยุคสมัยนั้นๆ ยังมีอีกมากมายที่ยังอยู่ในโลกสมมุติmatrixนั้นๆก็ว่า,ก็เหมือนสมมุติเหมือนโลกเหมือนจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ matrixสับเซ็ตmatrix,matrixซ้อนmatrixและซ้อนๆเข้าๆไปอีกในแต่ละจักรวาลต่างๆ สมมุติในตลอดทั่วอนันตจักรวาล,แต่ปัจจุบันนะกาลจะอยู่โลกmatrixไหนๆจักรวาลใดๆหากดีดบรรุธรรมตนเองได้หรืออรหันต์ก็หลุดออกขาดสิ้นในทุกๆจักรวาลหรือกลายเป็นผู้ปลดปล่อยคนต่อไปหากท่านเมตตาชี้ทางสั่งสอนบอกหนทางออกหรือให้ต้องลงมือทำก็ว่า.
    ..The matrixมีนัยยะมากมายจริงๆแต่แค่ขี้เล็บค่าจริงในองค์รู้ทางพุทธศาสนา,อย่าลืมว่าแม้ต่างดาวมากมายทั่วจักรวาล มิติสูงขนาดไหน เขารับรองว่ามนุษย์สมบัตินี้เป็นสถานะที่พร้อมในทุกๆประการจะออกจากmatrixแบบสิ้นเชิงหรือกลับมาเล่นวนซ้ำก็ได้เสมอหากสามารถเหนือระบบmatrixระดับดีก็อยู่ในโลกสมมุตินี้สะดวกสบายหน่อย,หากระดับไม่ดี จิตใจไม่แน่จริงอาจติดกับดักกระทั่งหลุดเรเวลเดิมที่ดีของตนได้ เช่นสายพุทธะคือนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ,มนุษย์สมบัติอาจถูกระบบmatrixก่อกวนจนตกชั้นตกเรเวลได้,อนาถสุดคือนรกภูมิโน้น.
    ..ปัจจุบันนี้ เรื่องthe matrixอาจกำลังสื่อว่า อนาคตยุคrobotและAIมาแน่,และใครควบคุมมันนั้นสำคัญที่สุด,เราพร้อมรับมือมันในสงครามปลดปล่อยมนุษย์ชาตินี้พร้อมแค่ไหนพร้อมพอหรือยัง.,มีสักกี่คนที่พร้อมจะเป็นแบบนีโอบนโลกThe matrixหรือทาสระบบมันทั้งหมด.

    ..https://youtu.be/hu4rl3m8WFA?si=gM6WOdvHNLB7gJwg
    ..เอไออย่างไรก็สู้มนุษย์ผู้บรรลุธรรมจักรวาลไม่ได้หรอก,หรือระบบmatrixคือโลกที่ผู้คนลงมาทดสอบจิตวิญญาณใครมันเท่านั้นเพื่ออัพเกรดสู่การบรรลุธรรมออกไปอย่างเด็ดขาดจากระบบmatrix ,ไม่ย้อนกลับมาในระบบตลอดกาล,จะมาในมุกmatrixซ้อนmatrixก็ตาม,สรุปเรื่องthe matrixเป็นการนำเสนอเพื่อเตือนชาวโลกว่า หนทางออกจากmatrixโลกสมมุตินี้มีอยู่จริง,ส่วนตรรกะองค์รู้ต่างๆเลอะเทอะเป็นอจินไตยต่อผู้ดูมากเกินไปไม่มีประโยชน์จึงตัดทิ้ง,หมายบอกผ่านสื่อทางลัดว่า มีหนทางมีทางเลือก อนาคตมนุษย์จะสู่กับปัญญาประดิษฐ์นัันเองและมันจะควบคุมมนุษย์และหลายๆจักรวาลแต่สุดท้ายก็แพ้มนุษย์ในตอนสุดท้าย,หรือผู้ปลดปล่อยนั้นๆจะดึงเขาใครเขามันต่อไปเฉพาะใครมันไม่ได้อีกต่อไปเมื่อหนทางแห่งธรรมแห่งมรรคบรรลุเข้าถึงแห่งเขาเองในปัจเจกบุคคลคนนั้นๆทั่วโลก,มิใช่ไปอยู่ใต้ดินผีบ้าแบบในหนังหรอก,ผู้สร้างพยายามสื่อให้เข้าใจพื้นฐานปฐมบทต้นเรื่องต้นทางแค่นั้น,ใครอยากอิ่มก็กินเองทำเองใครมันหรือเลือกเอง,หนังเรื่องนีั หลายกูรูบอกว่าคนฝ่ายแสงดลใจดลจิตให้มันถูกสร้างขึ้นและฝ่ายแสงลงมาสร้างเองเพื่อชี้ทางให้คนชาวโลกสไตล์ทางกายหยาบวัตถุธาตุของยุคก็ว่า,แต่ทางคนไทยสายพุทธคงเข้าใจง่ายดายได้,แต่แบบพวกอื่นๆเช่นฝรั่งคนตะวันตกยากจะเข้าใจสายแบบพุทธทางจิตวิญญาณ,ไปทางเทคโนโลยีจึงสอนผ่านหนังตามยุควัตถุยุคเทคโนโลยีเขาด้วยก็ว่า, ..เสมือนหนังเรื่องนีับอกว่า ที่ช่วยได้ปลดปล่อยได้ก็ตามแต่ละยุคสมัยนั้นๆ ยังมีอีกมากมายที่ยังอยู่ในโลกสมมุติmatrixนั้นๆก็ว่า,ก็เหมือนสมมุติเหมือนโลกเหมือนจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ matrixสับเซ็ตmatrix,matrixซ้อนmatrixและซ้อนๆเข้าๆไปอีกในแต่ละจักรวาลต่างๆ สมมุติในตลอดทั่วอนันตจักรวาล,แต่ปัจจุบันนะกาลจะอยู่โลกmatrixไหนๆจักรวาลใดๆหากดีดบรรุธรรมตนเองได้หรืออรหันต์ก็หลุดออกขาดสิ้นในทุกๆจักรวาลหรือกลายเป็นผู้ปลดปล่อยคนต่อไปหากท่านเมตตาชี้ทางสั่งสอนบอกหนทางออกหรือให้ต้องลงมือทำก็ว่า. ..The matrixมีนัยยะมากมายจริงๆแต่แค่ขี้เล็บค่าจริงในองค์รู้ทางพุทธศาสนา,อย่าลืมว่าแม้ต่างดาวมากมายทั่วจักรวาล มิติสูงขนาดไหน เขารับรองว่ามนุษย์สมบัตินี้เป็นสถานะที่พร้อมในทุกๆประการจะออกจากmatrixแบบสิ้นเชิงหรือกลับมาเล่นวนซ้ำก็ได้เสมอหากสามารถเหนือระบบmatrixระดับดีก็อยู่ในโลกสมมุตินี้สะดวกสบายหน่อย,หากระดับไม่ดี จิตใจไม่แน่จริงอาจติดกับดักกระทั่งหลุดเรเวลเดิมที่ดีของตนได้ เช่นสายพุทธะคือนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ,มนุษย์สมบัติอาจถูกระบบmatrixก่อกวนจนตกชั้นตกเรเวลได้,อนาถสุดคือนรกภูมิโน้น. ..ปัจจุบันนี้ เรื่องthe matrixอาจกำลังสื่อว่า อนาคตยุคrobotและAIมาแน่,และใครควบคุมมันนั้นสำคัญที่สุด,เราพร้อมรับมือมันในสงครามปลดปล่อยมนุษย์ชาตินี้พร้อมแค่ไหนพร้อมพอหรือยัง.,มีสักกี่คนที่พร้อมจะเป็นแบบนีโอบนโลกThe matrixหรือทาสระบบมันทั้งหมด. ..https://youtu.be/hu4rl3m8WFA?si=gM6WOdvHNLB7gJwg
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • วันนี้มาคุยกันต่อเกี่ยวกับสมัยราชวงศ์ชิง เพื่อนเพจที่เคยดูละครยุคสมัยดังกล่าวจะต้องเคยเห็นผ้าแถบสีขาวที่ไขว้อยู่ที่คอของสตรีในวังหลัง บางคนเรียกมันว่า “หลิ่งจิง” (领巾) หรือผ้าแถบพันคอ แต่จริงๆ แล้วมันมีชื่ออย่างเป็นทางการเรียกว่า “หลงหัว” (龙华)

    หลงหัวเป็นผ้าแถบสีขาวชายตรง ขนาดหน้ากว้างประมาณ 2 นิ้ว ส่วนใหญ่ทำจากผ้าแพร วิธีใส่ที่ถูกต้องคือชายหนึ่งปล่อยอิสระ แต่อีกชายหนึ่งต้องสอดเก็บเข้าไปในคอเสื้อ (ดังภาพที่นำมาแสดง แต่จะเห็นในละครหลายเรื่องเอาชายข้างหนึ่งพับทบแนบกลับไปกับแถบผ้าซึ่งเป็นวิธีใส่ที่ผิด)

    ประโยชน์ของหลงหัวคือไว้อุ่นคอและปิดคอของสตรีเนื่องจากเสื้อสมัยนั้นเป็นคอกลมไม่มีปก ต่อมาในช่วงปลายราชวงศ์ชิงนิยมใช้เสื้อมีปกจึงเลิกใช้หลงหัวไป (ประมาณช่วงปีค.ศ. 1862 เป็นต้นไป)

    เนื้อผ้าและลายปักของหลงหัวนั้น มีเกณฑ์กำหนดตามยศศักดิ์ ยิ่งมียศสูง เนื้อผ้าที่ใช้ก็จะยิ่งมีค่าและมีลายปักมากและอาจมีความกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย (ฉะนั้นที่เห็นพระสนมตำแหน่งสูงๆ หรือฮองเฮาใส่แบบเกลี้ยงๆ ในบางเรื่องจึงไม่ถูกต้องนะจ๊ะ) ดังนั้น ขันที นางกำนัลและแม้แต่ฮ่องเต้ยังอาศัยรูปแบบลายปักของหลงหัวมาจำแนกยศศักดิ์ของสตรีต่างๆ ในวังหลังได้อีกด้วย (อย่าลืมว่านางในมีจำนวนมากจนจำกันไม่ได้หมด)

    แต่ไม่ใช่อยากปักลายอะไรก็ปักได้ เรามาดูกันว่าแต่ละตำแหน่งมีลวดลายอะไรบ้าง

    เริ่มกันที่ไทเฮา มีภาพจริงของพระนางซูสีไทเฮามาให้ดู จะเห็นว่าหลงหัวมีการปักจนเต็มแถบ ลวดลายที่ปักนั้นคือคำว่า “โซ่ว” ซึ่งจะเห็นว่าละครเรื่อง <เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน> ทำเรื่องหลงหัวออกมาตรงตามแบบฉบับจริง (ดูรูปประกอบ) คือเป็นการสลับลายกลมที่เรียกว่า “ถวนโซ่ว” และลายอักษรที่เรียกว่า “ฉางโซ่ว” ซึ่งล้วนมีความหมายให้อายุยืน

    มาต่อกันที่ตำแหน่งอื่น ฮองเฮาสามารถปักลวดลายได้หลายชนิดจนเต็มแถบ ที่นิยมคือลายอักษร ‘โซ่ว’ ลายดอกโบตั๋น และลายเฟิ่งหวง ส่วนกุ้ยเฟยสามารถปักลวดลายได้หลายชนิดจนเต็มแถบเช่นกันเพียงแต่ห้ามปักลายอักษร สำหรับ ‘เฟย’ นั้น ให้ปักลายดอกไม้ดอกใหญ่ได้สี่ดอกเท่านั้น (ดูตัวอย่างในภาพ) และสำหรับพระสนมระดับต่างๆ ให้ใช้เป็นลายปักดอกไม้แต่จะเป็นดอกเล็กไม่เกินสามดอก อย่างเช่นตำแหน่ง ‘ฉางจ้าย’ มีลายดอกไม้ได้เพียงดอกเดียว ส่วนนางในที่ไม่ได้รับพระราชทานตำแหน่งและนางกำนัลไม่สามารถมีลายปักได้เลยและแบ่งยศด้วยความยาวของชายผ้า ยิ่งสั้นยิ่งเป็นนางกำนัลระดับล่าง

    (แก้ไขเพิ่มเติม: ในภาพที่นำมาแสดงมีคำบรรยายผิด กราบขออภัย 1) สะกดหลงหัวผิด 2) ในภาพเรียก 'เฟย' เป็นพระสนมแต่มีเพื่อนเพจใจดีช่วยบอกมาว่าเฟยเป็นพระชายา ไม่ใช่พระสนมแล้ว)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลจาก:
    https://www.wenshigu.com/fyrw/hgrw/323315.html
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/47119908
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/93071937
    https://kknews.cc/zh-sg/entertainment/5bl34xk.html
    https://www.sohu.com/a/254800788_100148471
    https://kknews.cc/fashion/9nbbz28.html

    #หลิ่งจิง #หลงหัว #เครื่องแต่งกายพระสนม #เครื่องแต่งกายราชวงศ์ชิง #ประวัติศาสตร์จีน #เจินหวน #หรูอี้
    วันนี้มาคุยกันต่อเกี่ยวกับสมัยราชวงศ์ชิง เพื่อนเพจที่เคยดูละครยุคสมัยดังกล่าวจะต้องเคยเห็นผ้าแถบสีขาวที่ไขว้อยู่ที่คอของสตรีในวังหลัง บางคนเรียกมันว่า “หลิ่งจิง” (领巾) หรือผ้าแถบพันคอ แต่จริงๆ แล้วมันมีชื่ออย่างเป็นทางการเรียกว่า “หลงหัว” (龙华) หลงหัวเป็นผ้าแถบสีขาวชายตรง ขนาดหน้ากว้างประมาณ 2 นิ้ว ส่วนใหญ่ทำจากผ้าแพร วิธีใส่ที่ถูกต้องคือชายหนึ่งปล่อยอิสระ แต่อีกชายหนึ่งต้องสอดเก็บเข้าไปในคอเสื้อ (ดังภาพที่นำมาแสดง แต่จะเห็นในละครหลายเรื่องเอาชายข้างหนึ่งพับทบแนบกลับไปกับแถบผ้าซึ่งเป็นวิธีใส่ที่ผิด) ประโยชน์ของหลงหัวคือไว้อุ่นคอและปิดคอของสตรีเนื่องจากเสื้อสมัยนั้นเป็นคอกลมไม่มีปก ต่อมาในช่วงปลายราชวงศ์ชิงนิยมใช้เสื้อมีปกจึงเลิกใช้หลงหัวไป (ประมาณช่วงปีค.ศ. 1862 เป็นต้นไป) เนื้อผ้าและลายปักของหลงหัวนั้น มีเกณฑ์กำหนดตามยศศักดิ์ ยิ่งมียศสูง เนื้อผ้าที่ใช้ก็จะยิ่งมีค่าและมีลายปักมากและอาจมีความกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย (ฉะนั้นที่เห็นพระสนมตำแหน่งสูงๆ หรือฮองเฮาใส่แบบเกลี้ยงๆ ในบางเรื่องจึงไม่ถูกต้องนะจ๊ะ) ดังนั้น ขันที นางกำนัลและแม้แต่ฮ่องเต้ยังอาศัยรูปแบบลายปักของหลงหัวมาจำแนกยศศักดิ์ของสตรีต่างๆ ในวังหลังได้อีกด้วย (อย่าลืมว่านางในมีจำนวนมากจนจำกันไม่ได้หมด) แต่ไม่ใช่อยากปักลายอะไรก็ปักได้ เรามาดูกันว่าแต่ละตำแหน่งมีลวดลายอะไรบ้าง เริ่มกันที่ไทเฮา มีภาพจริงของพระนางซูสีไทเฮามาให้ดู จะเห็นว่าหลงหัวมีการปักจนเต็มแถบ ลวดลายที่ปักนั้นคือคำว่า “โซ่ว” ซึ่งจะเห็นว่าละครเรื่อง <เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน> ทำเรื่องหลงหัวออกมาตรงตามแบบฉบับจริง (ดูรูปประกอบ) คือเป็นการสลับลายกลมที่เรียกว่า “ถวนโซ่ว” และลายอักษรที่เรียกว่า “ฉางโซ่ว” ซึ่งล้วนมีความหมายให้อายุยืน มาต่อกันที่ตำแหน่งอื่น ฮองเฮาสามารถปักลวดลายได้หลายชนิดจนเต็มแถบ ที่นิยมคือลายอักษร ‘โซ่ว’ ลายดอกโบตั๋น และลายเฟิ่งหวง ส่วนกุ้ยเฟยสามารถปักลวดลายได้หลายชนิดจนเต็มแถบเช่นกันเพียงแต่ห้ามปักลายอักษร สำหรับ ‘เฟย’ นั้น ให้ปักลายดอกไม้ดอกใหญ่ได้สี่ดอกเท่านั้น (ดูตัวอย่างในภาพ) และสำหรับพระสนมระดับต่างๆ ให้ใช้เป็นลายปักดอกไม้แต่จะเป็นดอกเล็กไม่เกินสามดอก อย่างเช่นตำแหน่ง ‘ฉางจ้าย’ มีลายดอกไม้ได้เพียงดอกเดียว ส่วนนางในที่ไม่ได้รับพระราชทานตำแหน่งและนางกำนัลไม่สามารถมีลายปักได้เลยและแบ่งยศด้วยความยาวของชายผ้า ยิ่งสั้นยิ่งเป็นนางกำนัลระดับล่าง (แก้ไขเพิ่มเติม: ในภาพที่นำมาแสดงมีคำบรรยายผิด กราบขออภัย 1) สะกดหลงหัวผิด 2) ในภาพเรียก 'เฟย' เป็นพระสนมแต่มีเพื่อนเพจใจดีช่วยบอกมาว่าเฟยเป็นพระชายา ไม่ใช่พระสนมแล้ว) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลจาก: https://www.wenshigu.com/fyrw/hgrw/323315.html https://zhuanlan.zhihu.com/p/47119908 https://zhuanlan.zhihu.com/p/93071937 https://kknews.cc/zh-sg/entertainment/5bl34xk.html https://www.sohu.com/a/254800788_100148471 https://kknews.cc/fashion/9nbbz28.html #หลิ่งจิง #หลงหัว #เครื่องแต่งกายพระสนม #เครื่องแต่งกายราชวงศ์ชิง #ประวัติศาสตร์จีน #เจินหวน #หรูอี้
    1 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • ..มนุษย์โง่ลงจริงๆนั้นล่ะ,โง่จากกระบวนการปกครองเพื่อปกครองคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,ใช่กฎหมายปกครองคนโง่สะดวกสบายกว่าคนไม่โง่,ควบคุมคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,คนโง่มีลักษณะความเป็นทาสที่เชื่อฟังมากกว่าคนไม่โง่ในสายตาของชนชั้นปกครองแบบรัฐบาลที่ปกครองประเทศนั้นๆ,ปัจจุบันอีลิทdeep stateชั่วเลวได้ควบคุมปกครองผู้นำผู้ปกครองในแต่ละประเทศทั่วโลกแล้ว,จึงเป็นไปเพื่อปกครองมนุษย์ให้โง่แบบเชิงฝูงชนได้ง่าย ไปไหนไปด้วยกันไปทางเดียวกันแบบเหมือนคนโง่เข้าใจว่าตนเองตัดสินใจเองไร้บังคับและเต็มใจทำอย่างชาญฉลาดแล้วก็ว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันคือกับดักในกรอบความโง่ขององค์รวมทั้งหมดรอบโลกหรือทั่วโลก,ใครที่หลุดงานฉลาดคิดค้นความฉลาดออกมาสาระพัดจะถูกรัฐบาลประเทศนั้นๆกำจัดทิ้งหรือปิดกั้นหรือสร้างเงื่อนไขกติกามิให้มีบริบทออกสู่สาธารณะเพื่อกระจายความฉลาดสร้งสรรค์ให้ขยายกว้างขวางหรือต่อยอดใดๆได้,จะปล่อยควบคุมให้รู้หรือไม่ให้รู้จากรัฐบาลสแกนก่อนเท่านัันจึงจะให้เผยแผ่ออกสู่สาธารณะได้,หรือสร้างกลไกราคาสิ่งนั้นๆแพงมหาศาลโดยอ้างความคิดสร้างสรรค์นัันทำราคารายได้หาผลประโยชน์แก่มันได้,นี้คือตย.วิถีปกครองควบคุมมนุษย์อีกมุมด้าน ทำโง่ลงแบบไม่รู้ตัวทีละนิดให้สะดวกแก่การปกครอง ใครต่อต้านไม่เห็นด้วยก็เอากฎหมายเขียนดักการกระทำลงโทษกำจัดคนแบบนั้นเนียนๆอย่างชอบธรรมในสายตาคนทั่วไปว่าปกครองตามกติกาซึ่งกติกาต่างๆมันเองตีตราออกมาเพื่อมิให้คนคัดค้านเพื่อมิให้เห็นต่างเพื่อสะดวกต่อการทำคนให้โง่ลงเรื่อยๆได้ดีผ่านกาลเวลาในแต่ละยุคสมัยจนควบคุมเบ็ดเสร็จ,ยิ่งถ้าไทยเราหรือย่อมาไทยหากdeep stateโลกปกครองประเทศไทยหลังฉากจริง เช่นบ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยมันก็ยึดครอบครองเอาเองแทนคนไทยหมดบนแผ่นดินไทยที่อ้างว่าต่างชาติมาลงทุนในนามได้สัมปทานแดกจากต่างชาติ นักวิชาการเต็มบ้านเต็มเมืองไม่กล้าออกมาพูดผ่านสื่อหลักไทยสักแอะ,ข้าราชการและสส.เต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่ออกมาประชุมบอกความจริงอะไรแก่ประชาชนว่าคนไทยภูกเอาเปรียบและเสียเปรียบแต่แรก,ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์กำไรกลับทำกำไรดีขึ้นเสมอ,แต่ประชาชนใช้น้ำมันราคาแพงเสีย สินค้าทั่วประเทศแบะบริการแพงทั่วหน้าพร้อมกันในทุกๆครั้งที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพื่อทำกำไร,เมื่อผิดพลาดก็ไม่เอาปตท.ออกจากตลาดSETหรือยุบการทำหน้าที่ของปตท.ไปมิให้มีบทบาทใดๆต่อพลังงานไทยเพราะเสมือนเอกชนเต็มตัวไปแล้วในความเป็นจริงเช่นนั้นโรงเรียนหรือรัฐวิสาหกิจอื่นๆก็เข้าตลาดsetไปหมดแล้ว,ตลาดsetจริงๆคือเอกชนเท่านั้นเข้าไปเล่น,หน่วยงานรัฐทุกๆกรณีห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวทุกๆกรณี,เพราะในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบมันส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ,นี้คือวิถีทำประชาชนให้โง่ให้การปกครองทำได้สำเร็จอีกมุม,ทรัพยากรมากมายมีค่าของประเทศไทยด้วยวิถีปกครองที่deep stateสากลโลกข้ามชาติปกครองหลังฉากเรื่อยมาจึงเป็นอันมากถูกผ่องถ่ายทัังความมั่งคั่งร่ำรวยจนมั่นคงจากประชาชนไทยไปเป็นของต่างชาติหรือเอกชนไทยเองที่เลวชั่วหรือเป็นสมุนรับใช้หรือเป็นนอมินีในหมากมุกอีกตัวในวางสนุ๊คสร้างภาพว่ามิใช่ของต่างชาตินะก็ว่า,ตลอดวิถีการออกกฎหมายมากมายเป็นไปเพื่อควบคุมทาสควบคุมให้คนโง่ขึ้น ตัดขาการพึ่งพาตนเอง และทำให้ยากจนยิ่งสะดวกปกครอง,อาทิ ค่าปรับมากๆในกฎหมายจราจรที่คนใช้มากๆง่ายๆวันนี้ปรับ2,000บาททั้งคนขับขี่และคนนั่งมาด้วยหากไม่สวมหมวกกันน็อค,จริงๆมันชีวิตเขา เขาสามารถทำวิถีชีวิตเขาอิสระเสรีได้หมด อยากใส่หรือไม่อยากใส่คือสิทธิ์อธิไปไตยส่วนตัวเขา ความเสี่ยงปัจเจกบุคคลเขา จะเป็นจะตายเขารับทราบรับรู้เองคนใช้มากๆคือกำไรคือผลประโยชน์แน่นอน ค่าไฟฟ้าเอยที่รัฐบาลผ่องถ่ายการผลิตไฟฟ้าหรือรับซื้อไฟฟ้าแพงๆจากเอกชนมาขายให้ครัวเรือนคนไทยแพงๆแทนได้ซึ่งกูรูมากมายออกมาแฉแล้ว ราคาน้ำมันขึ้นเอย การห้ามเผาฟางในนาข้าวอีกควบคุมคนทีละน้อยมิให้รู้ตัว หรือห้ามจับปลาของชาวบ้านในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเองยิ่งในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงทำมาหากินลำบากเศรษฐกิจทั่วโลกพัง ตังขาดมือ ร่ำรวยหนี้สิน ตังหาลำบาก ทองแพงขึ้น คนตกงานมากมหาศาล โรงงานย้ายฐานการผลิตและปิดตัวในไทยมากมาย ร้านค้าร้านอาหารจำนวนมากปิดตัวลงเรื่อยๆคนตกงานในอัตราเร่งผิดปกติในขณะที่รายได้คนลงลดทันทีแน่นอน จำเป็นต้องพึ่งตนเองและธรรมชาติในอีกมุมมองของปากท้องของชาวบ้านเสือกห้ามพึ่งพาตนเองหากินในแหล่งธรรมชาติ มุกอีลิทปกครองต่อคนโง่จึงสร้างกติกาเนียนๆมากมายจริงๆนะ ลดบทบาทมิให้ผู้คนหากินพึ่งตนเองได้ ยิ่งคนชาวบ้านยากจนยิ่งสะดวกต่อเอาอ้างข้อกฎหมายเขียนกฎหมายออกมาไปบังคับใช้ประชาชน,เก็บเห็ดในป่าสงวนเอยกลัวคนเข้าไปเห็นการกระทำชั่วในป่า,อดีตถ้าพรบ.เมล็ดพันธ์เกิดขึ้นได้จริงประชาชนยิ่งอาจปลูกนั้นนี้กินเองลำบากอาจติดคุกอีกหากเอกชนเล่นงานเหมือนต่างชาติ ฉีกเมล็ดพันธ์เอกชนไว้ทำพันธ์ุปลูกต่อเป็นการผิดกฎหมายละอองเกษรปลิวไปผสมพันธุ์ไร่นาชาวบ้านต่างชาติมันยังฟ้องว่าชาวบ้านผิดได้,นี้เกิดในยุคยึดอำนาจนะถ้าพรบ.นี้ผ่านออกมาได้ ประชาชนประท้วงจึงถอนทิ้ง,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอีกหรือพรบ.คาร์เครดิตก็ด้วยตัวควบคุมทาสมนุษย์อีกตัว ช่วงหนึ่งแบงค์โปรมาก หมายเอาคาร์บอนเครดิตใช้ร่วมกับการพิจารณาสินเชื่อเงินกู้เลยล่ะและอนาคตพวกมันเครือข่ายเอกชนในหลายๆวงการอุตสาหกรรมพร้อมใจกันร่วมเอาไปใช้เลยล่ะ คุณมีคาร์บอนเครดิตเท่าไรก็ว่า,แทนตังในอนาคตก็ว่าอีก,
    ..มันคือภัยเนียนๆที่ร้ายกาจมาก มิใช่คนโง่ลงแต่ถูกทำให้โง่ลงผ่านกระบวนการกฎหมาย ,และกฎหมายถูกบรรญัติขึ้นสมมุติขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้ควบคุมผู้คนและอ้างว่าใช้บังคับร่วมกัน,จริงๆใช้บังคับคนโง่เพื่อควบคุมผู้คนปกครอง,ปกครองในวิถีปกครองได้ง่ายขึ้นของชนชั้นdeep stateอีลิทและเดอะแก๊งมันทั้งหมด.

    https://youtube.com/shorts/3ZRqhoMbdV4?si=kuUTM-AlatbhznZ_
    ..มนุษย์โง่ลงจริงๆนั้นล่ะ,โง่จากกระบวนการปกครองเพื่อปกครองคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,ใช่กฎหมายปกครองคนโง่สะดวกสบายกว่าคนไม่โง่,ควบคุมคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,คนโง่มีลักษณะความเป็นทาสที่เชื่อฟังมากกว่าคนไม่โง่ในสายตาของชนชั้นปกครองแบบรัฐบาลที่ปกครองประเทศนั้นๆ,ปัจจุบันอีลิทdeep stateชั่วเลวได้ควบคุมปกครองผู้นำผู้ปกครองในแต่ละประเทศทั่วโลกแล้ว,จึงเป็นไปเพื่อปกครองมนุษย์ให้โง่แบบเชิงฝูงชนได้ง่าย ไปไหนไปด้วยกันไปทางเดียวกันแบบเหมือนคนโง่เข้าใจว่าตนเองตัดสินใจเองไร้บังคับและเต็มใจทำอย่างชาญฉลาดแล้วก็ว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันคือกับดักในกรอบความโง่ขององค์รวมทั้งหมดรอบโลกหรือทั่วโลก,ใครที่หลุดงานฉลาดคิดค้นความฉลาดออกมาสาระพัดจะถูกรัฐบาลประเทศนั้นๆกำจัดทิ้งหรือปิดกั้นหรือสร้างเงื่อนไขกติกามิให้มีบริบทออกสู่สาธารณะเพื่อกระจายความฉลาดสร้งสรรค์ให้ขยายกว้างขวางหรือต่อยอดใดๆได้,จะปล่อยควบคุมให้รู้หรือไม่ให้รู้จากรัฐบาลสแกนก่อนเท่านัันจึงจะให้เผยแผ่ออกสู่สาธารณะได้,หรือสร้างกลไกราคาสิ่งนั้นๆแพงมหาศาลโดยอ้างความคิดสร้างสรรค์นัันทำราคารายได้หาผลประโยชน์แก่มันได้,นี้คือตย.วิถีปกครองควบคุมมนุษย์อีกมุมด้าน ทำโง่ลงแบบไม่รู้ตัวทีละนิดให้สะดวกแก่การปกครอง ใครต่อต้านไม่เห็นด้วยก็เอากฎหมายเขียนดักการกระทำลงโทษกำจัดคนแบบนั้นเนียนๆอย่างชอบธรรมในสายตาคนทั่วไปว่าปกครองตามกติกาซึ่งกติกาต่างๆมันเองตีตราออกมาเพื่อมิให้คนคัดค้านเพื่อมิให้เห็นต่างเพื่อสะดวกต่อการทำคนให้โง่ลงเรื่อยๆได้ดีผ่านกาลเวลาในแต่ละยุคสมัยจนควบคุมเบ็ดเสร็จ,ยิ่งถ้าไทยเราหรือย่อมาไทยหากdeep stateโลกปกครองประเทศไทยหลังฉากจริง เช่นบ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยมันก็ยึดครอบครองเอาเองแทนคนไทยหมดบนแผ่นดินไทยที่อ้างว่าต่างชาติมาลงทุนในนามได้สัมปทานแดกจากต่างชาติ นักวิชาการเต็มบ้านเต็มเมืองไม่กล้าออกมาพูดผ่านสื่อหลักไทยสักแอะ,ข้าราชการและสส.เต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่ออกมาประชุมบอกความจริงอะไรแก่ประชาชนว่าคนไทยภูกเอาเปรียบและเสียเปรียบแต่แรก,ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์กำไรกลับทำกำไรดีขึ้นเสมอ,แต่ประชาชนใช้น้ำมันราคาแพงเสีย สินค้าทั่วประเทศแบะบริการแพงทั่วหน้าพร้อมกันในทุกๆครั้งที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพื่อทำกำไร,เมื่อผิดพลาดก็ไม่เอาปตท.ออกจากตลาดSETหรือยุบการทำหน้าที่ของปตท.ไปมิให้มีบทบาทใดๆต่อพลังงานไทยเพราะเสมือนเอกชนเต็มตัวไปแล้วในความเป็นจริงเช่นนั้นโรงเรียนหรือรัฐวิสาหกิจอื่นๆก็เข้าตลาดsetไปหมดแล้ว,ตลาดsetจริงๆคือเอกชนเท่านั้นเข้าไปเล่น,หน่วยงานรัฐทุกๆกรณีห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวทุกๆกรณี,เพราะในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบมันส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ,นี้คือวิถีทำประชาชนให้โง่ให้การปกครองทำได้สำเร็จอีกมุม,ทรัพยากรมากมายมีค่าของประเทศไทยด้วยวิถีปกครองที่deep stateสากลโลกข้ามชาติปกครองหลังฉากเรื่อยมาจึงเป็นอันมากถูกผ่องถ่ายทัังความมั่งคั่งร่ำรวยจนมั่นคงจากประชาชนไทยไปเป็นของต่างชาติหรือเอกชนไทยเองที่เลวชั่วหรือเป็นสมุนรับใช้หรือเป็นนอมินีในหมากมุกอีกตัวในวางสนุ๊คสร้างภาพว่ามิใช่ของต่างชาตินะก็ว่า,ตลอดวิถีการออกกฎหมายมากมายเป็นไปเพื่อควบคุมทาสควบคุมให้คนโง่ขึ้น ตัดขาการพึ่งพาตนเอง และทำให้ยากจนยิ่งสะดวกปกครอง,อาทิ ค่าปรับมากๆในกฎหมายจราจรที่คนใช้มากๆง่ายๆวันนี้ปรับ2,000บาททั้งคนขับขี่และคนนั่งมาด้วยหากไม่สวมหมวกกันน็อค,จริงๆมันชีวิตเขา เขาสามารถทำวิถีชีวิตเขาอิสระเสรีได้หมด อยากใส่หรือไม่อยากใส่คือสิทธิ์อธิไปไตยส่วนตัวเขา ความเสี่ยงปัจเจกบุคคลเขา จะเป็นจะตายเขารับทราบรับรู้เองคนใช้มากๆคือกำไรคือผลประโยชน์แน่นอน ค่าไฟฟ้าเอยที่รัฐบาลผ่องถ่ายการผลิตไฟฟ้าหรือรับซื้อไฟฟ้าแพงๆจากเอกชนมาขายให้ครัวเรือนคนไทยแพงๆแทนได้ซึ่งกูรูมากมายออกมาแฉแล้ว ราคาน้ำมันขึ้นเอย การห้ามเผาฟางในนาข้าวอีกควบคุมคนทีละน้อยมิให้รู้ตัว หรือห้ามจับปลาของชาวบ้านในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเองยิ่งในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงทำมาหากินลำบากเศรษฐกิจทั่วโลกพัง ตังขาดมือ ร่ำรวยหนี้สิน ตังหาลำบาก ทองแพงขึ้น คนตกงานมากมหาศาล โรงงานย้ายฐานการผลิตและปิดตัวในไทยมากมาย ร้านค้าร้านอาหารจำนวนมากปิดตัวลงเรื่อยๆคนตกงานในอัตราเร่งผิดปกติในขณะที่รายได้คนลงลดทันทีแน่นอน จำเป็นต้องพึ่งตนเองและธรรมชาติในอีกมุมมองของปากท้องของชาวบ้านเสือกห้ามพึ่งพาตนเองหากินในแหล่งธรรมชาติ มุกอีลิทปกครองต่อคนโง่จึงสร้างกติกาเนียนๆมากมายจริงๆนะ ลดบทบาทมิให้ผู้คนหากินพึ่งตนเองได้ ยิ่งคนชาวบ้านยากจนยิ่งสะดวกต่อเอาอ้างข้อกฎหมายเขียนกฎหมายออกมาไปบังคับใช้ประชาชน,เก็บเห็ดในป่าสงวนเอยกลัวคนเข้าไปเห็นการกระทำชั่วในป่า,อดีตถ้าพรบ.เมล็ดพันธ์เกิดขึ้นได้จริงประชาชนยิ่งอาจปลูกนั้นนี้กินเองลำบากอาจติดคุกอีกหากเอกชนเล่นงานเหมือนต่างชาติ ฉีกเมล็ดพันธ์เอกชนไว้ทำพันธ์ุปลูกต่อเป็นการผิดกฎหมายละอองเกษรปลิวไปผสมพันธุ์ไร่นาชาวบ้านต่างชาติมันยังฟ้องว่าชาวบ้านผิดได้,นี้เกิดในยุคยึดอำนาจนะถ้าพรบ.นี้ผ่านออกมาได้ ประชาชนประท้วงจึงถอนทิ้ง,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอีกหรือพรบ.คาร์เครดิตก็ด้วยตัวควบคุมทาสมนุษย์อีกตัว ช่วงหนึ่งแบงค์โปรมาก หมายเอาคาร์บอนเครดิตใช้ร่วมกับการพิจารณาสินเชื่อเงินกู้เลยล่ะและอนาคตพวกมันเครือข่ายเอกชนในหลายๆวงการอุตสาหกรรมพร้อมใจกันร่วมเอาไปใช้เลยล่ะ คุณมีคาร์บอนเครดิตเท่าไรก็ว่า,แทนตังในอนาคตก็ว่าอีก, ..มันคือภัยเนียนๆที่ร้ายกาจมาก มิใช่คนโง่ลงแต่ถูกทำให้โง่ลงผ่านกระบวนการกฎหมาย ,และกฎหมายถูกบรรญัติขึ้นสมมุติขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้ควบคุมผู้คนและอ้างว่าใช้บังคับร่วมกัน,จริงๆใช้บังคับคนโง่เพื่อควบคุมผู้คนปกครอง,ปกครองในวิถีปกครองได้ง่ายขึ้นของชนชั้นdeep stateอีลิทและเดอะแก๊งมันทั้งหมด. https://youtube.com/shorts/3ZRqhoMbdV4?si=kuUTM-AlatbhznZ_
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
  • อย่าเบื่อธรรมะ หรือเสียงพระเทศน์ ธรรมะพระพุทธเจ้ามีมานานเนินนานบนโลก ท่านได้เห็นยมทูตทั้ง 4 เกิด แก่ เจ็บ ตาย ธรรมะของพุทธพระเจ้าล้ำเลิศแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อกี่ยุคสมัยก็สอนธรรมของเก่าที่มีมา
    อย่าเบื่อธรรมะ หรือเสียงพระเทศน์ ธรรมะพระพุทธเจ้ามีมานานเนินนานบนโลก ท่านได้เห็นยมทูตทั้ง 4 เกิด แก่ เจ็บ ตาย ธรรมะของพุทธพระเจ้าล้ำเลิศแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อกี่ยุคสมัยก็สอนธรรมของเก่าที่มีมา
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报)
    ความมีอยู่ว่า
    ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว”
    หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง

    คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา

    เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด?

    ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ

    จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ

    ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน

    จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ

    ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

    ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html
    https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html
    http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml
    http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm
    https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html

    #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报) ความมีอยู่ว่า ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว” หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด? ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    1 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • ..เคยมโนเล่นๆไปหลายครัังแล้ว,ส่วนใครมีทองคำ ขายเลยอย่าถือไว้ เงินบาทเรามีทองคำค้ำประกันปกติมั่นคงในความแข็งแกร่งปกติอยู่แล้วอาจในระดับต้นๆของโลก สมดุลตัวปกติ,แต่ทองคำยุคนี้คือตัวปั่นสร้างราคาของอีลิทซาตานชัดเจน ฝ่ายแสงบ้าแสงบออย่าไปเชื่อเพราะอีลิทมืดมันคือเจ้าของบ่อทองคำเหมืองผลิตทองคำจริงเกือบทุกๆแห่งทั่วโลกไม่เว้นบ่อทองคำไทยเราด้วย,มันปั่นราคาให้สูงขึ้นชัดเจน อ้างbricsจะเป็นตังดิจิดัลโลกมีทองคำค้ำประกันใช้ทองคำเยอะราคาพุ่งเพราะแต่ละชาติต้องสะสมใช้ค้ำซึ่งหากมโนว่าจริงถ้าbricsคือองค์กรสากลของอีลิทยุคสมัยหน้าใหม่ก็ไม่แปลก,
    ..ทองคำถ้าบริหารจัดการขั้นตัดตอนจริงแบบอีลิทเจอตัดขาจริง,ไม่ใช่อีลิทสั่งควบคุมให้ปล่อยดันราคาให้สูงขึ้นแบบนี้ ทำลายกฎสมดุลเช่นราคาสินค้าอื่นๆที่เป็นอุปโภคบริโภคไปด้วยเพราะมันคือสินทรัพย์ที่ใช้ปั่นราคาเนียนๆนั้นเองโดยอ้างว่าทองคำเชื่อถือได้ที่สุดเพราะอีลิทมันโปรยัง,เดอะแก๊งเครือข่ายทั่วโลกเลยปั่นสะดวกเพราะนายใหญ่อนุญาตและรับรองการทำงานลงหน้างานไง,ถ้าผู้นำผีบ้าบางประเทศสมมุติแบบไทยที่ผู้ปกครองหรือผู้นำผู้มีอำนาจประเทศไทยมิใช่ขี้ข้าทาสรับใช้มันนะ,แค่ออกกฎหมายกติกาใหม่ยุติธรรมว่า ทุกๆราคาทองคำที่โลกสากลยอมรับในเวลานี้ว่าน่าเชื่อถือที่สุด หากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเช่นที่ไทยจากปกติราคาไม่กี่หมื่นกี่พัน เทียบราคาสินค้าแบบก๋วยเตี๋ยวข้าวผัด1ชามจานที่ราคาละ15-20บาท ทองราคา15,000-20,000บาทต่อ1บาททองคำ,ราคาสินค้าทั้งหมดในเวลานี้ทั่วประเทศทุกๆสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้านำเข้าและส่งออกหรือภาษีทั้งหมดของประเทศไทยตลอดเงินเดือนค้าจ้างค้าแรงงานทั้งหมดจะเอกชนหรือรัฐบาลต้องปรับขึ้นทั้งหมดพร้อมกันทันทีและต้องอ้างอิงราคาทองคำนี้เป็นมาตราไทยทั้งหมดทันที โดยฐานปัจจุบันคือ2.34เท่าของราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงถึงปัจจุบัน อนาคตจะทันเงินเฟ้อทุกๆกรณีทันที,เช่นข้าวผัดก๋วยเตี๋ยวจานชามละ15บาทคูณราคาเพิ่มในเวลานี้ทันทีคือ15×2.34เท่า=35.10บาทที่ต้องบวกจาก15บาทเพิ่มขึ้นรวมราคาในปัจจุบันเวลานี้ต้องค้าขายกันจริงที่50.10บาทต่อจานชามเป็นราคาธรรมดาทั่วไปทันที จะทันเงินเฟ้อจริงที่ราคาทองคำในปัจจุบันที่50,000บาทเงินต่อ1บาททองคำทันทีด้วย,หากราคาทองคำลดลงที่30,000บาทเงิน,ราคาสินค้าจาก50บาทก็จะลดลงเรียลไทม์เช่นกันที่30บาทต่อจามชามในเวลานั้นโดยอ้างอิงราคาทองคำฐานที่50,000บาทเงินในเวลาฐานเป็นหลักเป็นพื้นเพื่อยืนคำนวนได้ในการเทียบราคาอ้างอิงในเวลาขึ้นลงของอนาคตต่อไป,มุกสูตรนี้สามารถใช้กับทุกๆค่าแรงงานจ้างเงินเดือนด้วยเรียลไทม์เช่นกันเพื่อทันเงินเฟ้อเรียลไทม์เช่นปกติเงินเดือน15,000บาท ทองคำราคาคือ50,000บาทเงินในเวลาจริงปัจจุบันซึ่งการขึ้นลงราคาทองคำในเวลานี้ถือว่าเอาเปรียบสายสาขาอื่นชัดเจนที่ไม่ได้ปรับราคาจริงทันอัตราเงินเฟ้อค่าเงินบาทไทยจนไปลดคุณค่าเงินบาทไทยอย่างอยุติธรรมของทองคำที่ทำกับค่าเงินบาทไทยเรา,จึงเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินไทยให้ล้ำสมัยทันเกมส์อีลิทซาตานสร้างมูลค่าเอาเปรียบเราคือทองคำฝ่ายเดียว ดันราคาขึ้นให้ค่าให้ราคาจนเหยียบค่าเงินบาทเราจนด้อยค่าลงหรือไร้ค่าเป็นเงินฟ้อนั้นเอง,นายกฯจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ทันทีบวกผู้ว่าแบงค์ชาติด้วยต้องทันมัน,คือรีเซ็ตปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ก็ต้องทำนั้นเอง,มิต้องไปใช้ตังดิจิดัลอะไรก็ได้,ตังกระดาษถ้าซื่อสัตย์ในการใช้มันก็จบ,เงินเดือนคนไทยป.ตรี15,000บาทคูณ2.34เท่าคือบวกเพิ่มที่35,100บาททันทีในทุกๆกิจการบริษัทที่มีพนักงานอยู่ กฎหมายต้องใช้บังคับทันทีจริงจัง,รวมคนไทยที่ปกติได้เงินเดือน15,000บาท เดือนหน้าจะเป็น50,100บาททันที,ทองคำลงที่30,000บาท,เดือนนั้นจะได้เงินเดือนที่30,060บาทเช่นกัน เพราะอ้างอิงราคาทองคำ,เมื่อนโยบายทางการเงินเราเปลี่ยนแปลงแบบอ้างอิงราคาทองคำโลกนำมาใข้จริงในไทย,เราจะบริหารแบบสมดุลการค้าการตังได้จริงทันที แก้ที่ต้นเหตุจริง,ทันค่าเงินจริง มูลค่าคุณค่าทางเงินบาทเราจะเที่ยงตรงสากลโลกจริง,ปัจจุบันมันไม่สมดุลด้วยราคาทองคำผีบ้ามีเอกสิทธิ์สามารถขึ้นเอาขึ้นเอาบวกทั้งไปเสือกลดด้อยค่าเงินบาทเราอีกด้วย,ค่าเงินกระทบเราจริง,เงินเฟ้อคือเครื่องมือมันคิดอ่านสร้างขึ้น ตัวไปกดไปขี่ไปบังคับให้ค่าเงินชาติอื่นๆไร้ค่าไร้ค่าก็ว่า,100บาท ปกติซื้อสินค้าในราคาอดีตเหมือนกันได้5ชนิดอย่าง,ปัจจุบันตัง100บาทซื้อสินค้าได้2ชนิดอย่างเป็นต้น,กิจการบริษัทไหนๆจะถูกควบคุมด้วยกลไกการค้าตังค้าเศรษฐกิจหรือแข่งขันกันอย่างยุติธรรมทันที,แรงงานก็ไม่ถูกเอาเปรียบเอารัดจากกิจการบริษัทด้วย,มีตังเท่านี้ ขยายกิจการสาขาจ้างแรงงานตามกำลังตังกำลังเศรษฐกิจตนได้สมสถานะก็ว่า,มิใช่ใช้ความได้เปรียบกดค่าตัวค่าแรงคนงานเช่นอ้างเศรษฐกิจไม่ดีอ้างแพะอ้างเงินเฟ้อสูงก็ด้วย,
    ..เมื่อปรับฐานลักษณะนี้ได้คือใช้นโยบายราคาทองคำไปใช้อ้างอิงจริงในสินค้าบริการทั้งอุปโภคและบริโภคภายในประเทศก่อนจึงค่อยต่อยอดขยายทั้งส่งออกและนำเข้าสินค้าจากนอกประเทศก็ด้วยจึงจะสามารถเข้าใกล้ค่าจริงของความเป็นจริงที่เราประเทศไทยต้องเผชิญในภาวะสงครามเศรษฐกิจหรือภาวะตัง,สงครามตังแบบนี้,จริงๆอีลิทมันใช้ทองคำเป็นอาวุธ(ตัดมุกมโนเรื่องฝ่ายแสงออกไป)มันไม่ใช้ตังบาทตังหยวนตังดอลล่าร์คืออาวุธ,จึงชี้นำว่าทองคำคือแร่ธาตุอ้างอิงมูลค่าและสร้างคุณค่าตังให้ดูดีมีหรูสูงค่ามากราคาดีที่สุดกว่าผีบ้ายุคอดีตอเมริกาอีลิทเก่าที่ใช้น้ำมันแทนทองคำค้ำประกันตังที่พิมพ์ๆปั่นๆตังกันออกมาใช้อย่างมากมายและมากจนเลอะเทอะไปหมดของชาติฝรั่งและอเมริกาบวกขี้ข้าตาอเมริกาก็ด้วย
    ..สรุป สมควรประกาศฉุกเฉินทันทีได้เลยว่า พรุ่งนี้ทุกๆสถานะที่ว่าด้วยตังเรื่องตัง,คูณทันทีที่ป้ายซื้อขายเงินเดือนค้าจ้างและอื่นๆที่เกี่ยวกับตัง,หรือประชาชนสามารถมาแลกตังบาทใหม่ในสถานะใหม่ที่แบงค์ชาติไทยได้ทันทีที่คูณ2.34เท่าแล้ว,เช่น เงินเดือนเดิมที่15,000บาท,นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างใหม่ทันทีที่ราคาทองคำใช้อ้างอิงในปัจจุบันของราคา50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ที่บวกเพิ่มคือ35,100บาทรวมเป็น50,100บาท เพื่อคุ้มครองสัมมาชีวิตของคนไทยเราให้สมดุลกับค่าจริงของวิถีระบบตังที่เปลี่ยนมูลค่าไป ไม่ทันเวลาเช่นในอดีต,จนเกิดการเหลื่อมล้ำวทุกๆวิถีการครองชีพที่แพงที่สูงจนเกินไปก็ว่าและปกป้องค่าเงินบาทตนเองอีกช่องทางหนึ่งด้วย,ราคาทองคำจะขึ้นจะลง ไม่กระทบค่าใช้จ่ายประชาชนคนไทยเลย ทั้งค่าเงินมูลค่าเงินก็ไม่ลดลงด้วย,เดินในสมดุลเรียลไทม์กันจริงๆเลยก็ว่า,นี้คือฝ่ายมืดไม่กล้าจะทำ ไม่กล้าจะประกาศบังคับใช้ด้วยเพราะคนไทยจะได้ประโยชน์เต็มๆทันที ไม่กระทบคนไทยในการดำรงชีพด้วย,คือต้นทุนประชาชนจริงๆมูลค่าจริงๆมันก็เท่าเดิมอันเดิมนั้นล่ะนั้นเอง,ราคาทองคำขึ้น ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างค่าแรงก็ขึ้นเรียลไทม์เช่นกันทันค่าใช้จ่ายทันรายได้รายรับ,ราคาทองคำลดลง ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างก็ลดลงตามค่าจริงค่าครองชีพมวลรวมด้วยตลอดต้นน้ำปลายน้ำทั้งหมดก็ลดราคาลงจริงตามไปด้วย,ทองจะขึ้นทองจะลง ไม่กระทบคนไทยเราเลยนั้นล่ะ,นี้คือค่าจริงมิใช่ค่าเท็จค่าปลอมหลอกๆที่ผีบ้าแค่ใช้ทองคำไปค้ำประกันการพิมพ์แบงค์ออกมาใส่ให้หมุนเวียนในระบบแค่นั้น,มันไม่สุดซอยเลอะเทอะด้วย คนไทยต้องเจอกับมูลค่าตังที่อ่อนค่าลงหรือแข็งค่าขึ้นแค่นั้นซึ่งมั่นยังถูกปั่นราคาง่ายสบายเกินไปเช่นสถาบันต่างชาติซื้อบาทมากไปก็แข็งค่า ขายเททิ้งบาทไทยในsetบาทก็อ่อนค่า,มันผีบ้ามั้ยล่ะ,ใช้ทองคำประกันพะนะ นี้คือกลยุทธสงครามตังที่ตั้งทัพผิดพลาด รบก็แพ้ตลอด,ต้องประกาศอัดใส่นโยยายชาติเลยว่า เมื่อตังบาทอยู่ในระบบแล้ว ราคาสินค้าบริการที่ตังเข้าไปแทนที่ เช่นค่าแรงเงินเดือน ตังบาทเข้าไปแทนทีเป็นตัวตังทันทีที่50,100บาทในภาวะทองคำเงินทำราคาอ้างอิงฐานที่50,000ในรอบคำนวนเป็นฐานอ้างอิง,หากลดลงเป็น30,000บาทต่อ1บาททองคำ,เงินเดือนจริงในภาวะสังคมจริงในการครองชีพจะเป็นที่30,060บาทต่อคนต่อแรงงานนั้น,ราคาน้ำมัน,ค่าขนส่งก็ด้วยเป็นต้นและสาระพัดอื่นๆที่ระบบทาสตังเข้าไปคำนวนเกี่ยวข้องตีมูลค่าตังได้ อาทิตย.อีกตัว ที่ดินบ้านซื้อขายกัน,1,500,000บาทต่อไร่ก็จะเป็น5,010,000บาทต่อไร่ทันที,จะไร้การคตโกงในความได้เปรียบของมูลค่าเก็งกำไรทางวิกฤติตังเศรษฐกิจที่ไม่ยุติธรรมในอดีตทันที,จะอยู่บนค่าจริงกัน,มิใช่ราคาทองคำสูงถึง50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ค่าแรงขั้นต่ำเสือก300บาทเหมือนเดิมหาก300×2.34เท่า=702บาทนะ บวก300เข้าไปให้เต็มสูตรรวมคือ1,002บาทต่อวัน,นี้ค่าแรงงานขั้นต่ำประจำประเทศไทยที่สมดุลกับค่าจริงครองชีพเทียบราคาทองคำที่สะท้อนสภาวะความเชื่อมั่นในตลาดโลกถึงตลาดการค้าการเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพต่างๆทั่วไทยของจริง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลวและกากของคณะบริหารประเทศจากอดีตถึงปัจจุบัน,จะราคาข้าวเอย ราคาน้ำมันเอย สามารถใช้ราคาทองคำผูกอ้างอิงได้ค่าจริงสมจริงกว่าตลอดเวลาแต่ไม่ทำ,ราคาทองคำขึ้นลงราคาข้าวเกษตรกรก็ขึ้นลงสมมูลค่าจริงไว้เปรียบเทียบอ้างอิงได้,จากตันละ15,000บาท,เทียบราคาทองคำปัจจุบันคูณ2.34เท่าบวกตัวมันเองคือ50,100บาทต่อตัน,มิใช่เอาเปรียบชาวนาแบบที่เห็นๆกันทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน ราคามันฯราคาอ้อยก็ใช้ได้หมดเช่นกัน,คนไทยจะตัดภาวะเงินเฟ้อไปเลย,
    ..
    https://youtube.com/shorts/vaq2-T0uPfw?si=C2gfmvZTRkZ37QkW
    ..เคยมโนเล่นๆไปหลายครัังแล้ว,ส่วนใครมีทองคำ ขายเลยอย่าถือไว้ เงินบาทเรามีทองคำค้ำประกันปกติมั่นคงในความแข็งแกร่งปกติอยู่แล้วอาจในระดับต้นๆของโลก สมดุลตัวปกติ,แต่ทองคำยุคนี้คือตัวปั่นสร้างราคาของอีลิทซาตานชัดเจน ฝ่ายแสงบ้าแสงบออย่าไปเชื่อเพราะอีลิทมืดมันคือเจ้าของบ่อทองคำเหมืองผลิตทองคำจริงเกือบทุกๆแห่งทั่วโลกไม่เว้นบ่อทองคำไทยเราด้วย,มันปั่นราคาให้สูงขึ้นชัดเจน อ้างbricsจะเป็นตังดิจิดัลโลกมีทองคำค้ำประกันใช้ทองคำเยอะราคาพุ่งเพราะแต่ละชาติต้องสะสมใช้ค้ำซึ่งหากมโนว่าจริงถ้าbricsคือองค์กรสากลของอีลิทยุคสมัยหน้าใหม่ก็ไม่แปลก, ..ทองคำถ้าบริหารจัดการขั้นตัดตอนจริงแบบอีลิทเจอตัดขาจริง,ไม่ใช่อีลิทสั่งควบคุมให้ปล่อยดันราคาให้สูงขึ้นแบบนี้ ทำลายกฎสมดุลเช่นราคาสินค้าอื่นๆที่เป็นอุปโภคบริโภคไปด้วยเพราะมันคือสินทรัพย์ที่ใช้ปั่นราคาเนียนๆนั้นเองโดยอ้างว่าทองคำเชื่อถือได้ที่สุดเพราะอีลิทมันโปรยัง,เดอะแก๊งเครือข่ายทั่วโลกเลยปั่นสะดวกเพราะนายใหญ่อนุญาตและรับรองการทำงานลงหน้างานไง,ถ้าผู้นำผีบ้าบางประเทศสมมุติแบบไทยที่ผู้ปกครองหรือผู้นำผู้มีอำนาจประเทศไทยมิใช่ขี้ข้าทาสรับใช้มันนะ,แค่ออกกฎหมายกติกาใหม่ยุติธรรมว่า ทุกๆราคาทองคำที่โลกสากลยอมรับในเวลานี้ว่าน่าเชื่อถือที่สุด หากราคาทองคำเพิ่มขึ้นเช่นที่ไทยจากปกติราคาไม่กี่หมื่นกี่พัน เทียบราคาสินค้าแบบก๋วยเตี๋ยวข้าวผัด1ชามจานที่ราคาละ15-20บาท ทองราคา15,000-20,000บาทต่อ1บาททองคำ,ราคาสินค้าทั้งหมดในเวลานี้ทั่วประเทศทุกๆสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้านำเข้าและส่งออกหรือภาษีทั้งหมดของประเทศไทยตลอดเงินเดือนค้าจ้างค้าแรงงานทั้งหมดจะเอกชนหรือรัฐบาลต้องปรับขึ้นทั้งหมดพร้อมกันทันทีและต้องอ้างอิงราคาทองคำนี้เป็นมาตราไทยทั้งหมดทันที โดยฐานปัจจุบันคือ2.34เท่าของราคาทองคำที่เปลี่ยนแปลงถึงปัจจุบัน อนาคตจะทันเงินเฟ้อทุกๆกรณีทันที,เช่นข้าวผัดก๋วยเตี๋ยวจานชามละ15บาทคูณราคาเพิ่มในเวลานี้ทันทีคือ15×2.34เท่า=35.10บาทที่ต้องบวกจาก15บาทเพิ่มขึ้นรวมราคาในปัจจุบันเวลานี้ต้องค้าขายกันจริงที่50.10บาทต่อจานชามเป็นราคาธรรมดาทั่วไปทันที จะทันเงินเฟ้อจริงที่ราคาทองคำในปัจจุบันที่50,000บาทเงินต่อ1บาททองคำทันทีด้วย,หากราคาทองคำลดลงที่30,000บาทเงิน,ราคาสินค้าจาก50บาทก็จะลดลงเรียลไทม์เช่นกันที่30บาทต่อจามชามในเวลานั้นโดยอ้างอิงราคาทองคำฐานที่50,000บาทเงินในเวลาฐานเป็นหลักเป็นพื้นเพื่อยืนคำนวนได้ในการเทียบราคาอ้างอิงในเวลาขึ้นลงของอนาคตต่อไป,มุกสูตรนี้สามารถใช้กับทุกๆค่าแรงงานจ้างเงินเดือนด้วยเรียลไทม์เช่นกันเพื่อทันเงินเฟ้อเรียลไทม์เช่นปกติเงินเดือน15,000บาท ทองคำราคาคือ50,000บาทเงินในเวลาจริงปัจจุบันซึ่งการขึ้นลงราคาทองคำในเวลานี้ถือว่าเอาเปรียบสายสาขาอื่นชัดเจนที่ไม่ได้ปรับราคาจริงทันอัตราเงินเฟ้อค่าเงินบาทไทยจนไปลดคุณค่าเงินบาทไทยอย่างอยุติธรรมของทองคำที่ทำกับค่าเงินบาทไทยเรา,จึงเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินไทยให้ล้ำสมัยทันเกมส์อีลิทซาตานสร้างมูลค่าเอาเปรียบเราคือทองคำฝ่ายเดียว ดันราคาขึ้นให้ค่าให้ราคาจนเหยียบค่าเงินบาทเราจนด้อยค่าลงหรือไร้ค่าเป็นเงินฟ้อนั้นเอง,นายกฯจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ทันทีบวกผู้ว่าแบงค์ชาติด้วยต้องทันมัน,คือรีเซ็ตปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ก็ต้องทำนั้นเอง,มิต้องไปใช้ตังดิจิดัลอะไรก็ได้,ตังกระดาษถ้าซื่อสัตย์ในการใช้มันก็จบ,เงินเดือนคนไทยป.ตรี15,000บาทคูณ2.34เท่าคือบวกเพิ่มที่35,100บาททันทีในทุกๆกิจการบริษัทที่มีพนักงานอยู่ กฎหมายต้องใช้บังคับทันทีจริงจัง,รวมคนไทยที่ปกติได้เงินเดือน15,000บาท เดือนหน้าจะเป็น50,100บาททันที,ทองคำลงที่30,000บาท,เดือนนั้นจะได้เงินเดือนที่30,060บาทเช่นกัน เพราะอ้างอิงราคาทองคำ,เมื่อนโยบายทางการเงินเราเปลี่ยนแปลงแบบอ้างอิงราคาทองคำโลกนำมาใข้จริงในไทย,เราจะบริหารแบบสมดุลการค้าการตังได้จริงทันที แก้ที่ต้นเหตุจริง,ทันค่าเงินจริง มูลค่าคุณค่าทางเงินบาทเราจะเที่ยงตรงสากลโลกจริง,ปัจจุบันมันไม่สมดุลด้วยราคาทองคำผีบ้ามีเอกสิทธิ์สามารถขึ้นเอาขึ้นเอาบวกทั้งไปเสือกลดด้อยค่าเงินบาทเราอีกด้วย,ค่าเงินกระทบเราจริง,เงินเฟ้อคือเครื่องมือมันคิดอ่านสร้างขึ้น ตัวไปกดไปขี่ไปบังคับให้ค่าเงินชาติอื่นๆไร้ค่าไร้ค่าก็ว่า,100บาท ปกติซื้อสินค้าในราคาอดีตเหมือนกันได้5ชนิดอย่าง,ปัจจุบันตัง100บาทซื้อสินค้าได้2ชนิดอย่างเป็นต้น,กิจการบริษัทไหนๆจะถูกควบคุมด้วยกลไกการค้าตังค้าเศรษฐกิจหรือแข่งขันกันอย่างยุติธรรมทันที,แรงงานก็ไม่ถูกเอาเปรียบเอารัดจากกิจการบริษัทด้วย,มีตังเท่านี้ ขยายกิจการสาขาจ้างแรงงานตามกำลังตังกำลังเศรษฐกิจตนได้สมสถานะก็ว่า,มิใช่ใช้ความได้เปรียบกดค่าตัวค่าแรงคนงานเช่นอ้างเศรษฐกิจไม่ดีอ้างแพะอ้างเงินเฟ้อสูงก็ด้วย, ..เมื่อปรับฐานลักษณะนี้ได้คือใช้นโยบายราคาทองคำไปใช้อ้างอิงจริงในสินค้าบริการทั้งอุปโภคและบริโภคภายในประเทศก่อนจึงค่อยต่อยอดขยายทั้งส่งออกและนำเข้าสินค้าจากนอกประเทศก็ด้วยจึงจะสามารถเข้าใกล้ค่าจริงของความเป็นจริงที่เราประเทศไทยต้องเผชิญในภาวะสงครามเศรษฐกิจหรือภาวะตัง,สงครามตังแบบนี้,จริงๆอีลิทมันใช้ทองคำเป็นอาวุธ(ตัดมุกมโนเรื่องฝ่ายแสงออกไป)มันไม่ใช้ตังบาทตังหยวนตังดอลล่าร์คืออาวุธ,จึงชี้นำว่าทองคำคือแร่ธาตุอ้างอิงมูลค่าและสร้างคุณค่าตังให้ดูดีมีหรูสูงค่ามากราคาดีที่สุดกว่าผีบ้ายุคอดีตอเมริกาอีลิทเก่าที่ใช้น้ำมันแทนทองคำค้ำประกันตังที่พิมพ์ๆปั่นๆตังกันออกมาใช้อย่างมากมายและมากจนเลอะเทอะไปหมดของชาติฝรั่งและอเมริกาบวกขี้ข้าตาอเมริกาก็ด้วย ..สรุป สมควรประกาศฉุกเฉินทันทีได้เลยว่า พรุ่งนี้ทุกๆสถานะที่ว่าด้วยตังเรื่องตัง,คูณทันทีที่ป้ายซื้อขายเงินเดือนค้าจ้างและอื่นๆที่เกี่ยวกับตัง,หรือประชาชนสามารถมาแลกตังบาทใหม่ในสถานะใหม่ที่แบงค์ชาติไทยได้ทันทีที่คูณ2.34เท่าแล้ว,เช่น เงินเดือนเดิมที่15,000บาท,นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างใหม่ทันทีที่ราคาทองคำใช้อ้างอิงในปัจจุบันของราคา50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ที่บวกเพิ่มคือ35,100บาทรวมเป็น50,100บาท เพื่อคุ้มครองสัมมาชีวิตของคนไทยเราให้สมดุลกับค่าจริงของวิถีระบบตังที่เปลี่ยนมูลค่าไป ไม่ทันเวลาเช่นในอดีต,จนเกิดการเหลื่อมล้ำวทุกๆวิถีการครองชีพที่แพงที่สูงจนเกินไปก็ว่าและปกป้องค่าเงินบาทตนเองอีกช่องทางหนึ่งด้วย,ราคาทองคำจะขึ้นจะลง ไม่กระทบค่าใช้จ่ายประชาชนคนไทยเลย ทั้งค่าเงินมูลค่าเงินก็ไม่ลดลงด้วย,เดินในสมดุลเรียลไทม์กันจริงๆเลยก็ว่า,นี้คือฝ่ายมืดไม่กล้าจะทำ ไม่กล้าจะประกาศบังคับใช้ด้วยเพราะคนไทยจะได้ประโยชน์เต็มๆทันที ไม่กระทบคนไทยในการดำรงชีพด้วย,คือต้นทุนประชาชนจริงๆมูลค่าจริงๆมันก็เท่าเดิมอันเดิมนั้นล่ะนั้นเอง,ราคาทองคำขึ้น ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างค่าแรงก็ขึ้นเรียลไทม์เช่นกันทันค่าใช้จ่ายทันรายได้รายรับ,ราคาทองคำลดลง ราคาสินค้าบริการเงินเดือนค่าจ้างก็ลดลงตามค่าจริงค่าครองชีพมวลรวมด้วยตลอดต้นน้ำปลายน้ำทั้งหมดก็ลดราคาลงจริงตามไปด้วย,ทองจะขึ้นทองจะลง ไม่กระทบคนไทยเราเลยนั้นล่ะ,นี้คือค่าจริงมิใช่ค่าเท็จค่าปลอมหลอกๆที่ผีบ้าแค่ใช้ทองคำไปค้ำประกันการพิมพ์แบงค์ออกมาใส่ให้หมุนเวียนในระบบแค่นั้น,มันไม่สุดซอยเลอะเทอะด้วย คนไทยต้องเจอกับมูลค่าตังที่อ่อนค่าลงหรือแข็งค่าขึ้นแค่นั้นซึ่งมั่นยังถูกปั่นราคาง่ายสบายเกินไปเช่นสถาบันต่างชาติซื้อบาทมากไปก็แข็งค่า ขายเททิ้งบาทไทยในsetบาทก็อ่อนค่า,มันผีบ้ามั้ยล่ะ,ใช้ทองคำประกันพะนะ นี้คือกลยุทธสงครามตังที่ตั้งทัพผิดพลาด รบก็แพ้ตลอด,ต้องประกาศอัดใส่นโยยายชาติเลยว่า เมื่อตังบาทอยู่ในระบบแล้ว ราคาสินค้าบริการที่ตังเข้าไปแทนที่ เช่นค่าแรงเงินเดือน ตังบาทเข้าไปแทนทีเป็นตัวตังทันทีที่50,100บาทในภาวะทองคำเงินทำราคาอ้างอิงฐานที่50,000ในรอบคำนวนเป็นฐานอ้างอิง,หากลดลงเป็น30,000บาทต่อ1บาททองคำ,เงินเดือนจริงในภาวะสังคมจริงในการครองชีพจะเป็นที่30,060บาทต่อคนต่อแรงงานนั้น,ราคาน้ำมัน,ค่าขนส่งก็ด้วยเป็นต้นและสาระพัดอื่นๆที่ระบบทาสตังเข้าไปคำนวนเกี่ยวข้องตีมูลค่าตังได้ อาทิตย.อีกตัว ที่ดินบ้านซื้อขายกัน,1,500,000บาทต่อไร่ก็จะเป็น5,010,000บาทต่อไร่ทันที,จะไร้การคตโกงในความได้เปรียบของมูลค่าเก็งกำไรทางวิกฤติตังเศรษฐกิจที่ไม่ยุติธรรมในอดีตทันที,จะอยู่บนค่าจริงกัน,มิใช่ราคาทองคำสูงถึง50,000บาทต่อ1บาททองคำ,ค่าแรงขั้นต่ำเสือก300บาทเหมือนเดิมหาก300×2.34เท่า=702บาทนะ บวก300เข้าไปให้เต็มสูตรรวมคือ1,002บาทต่อวัน,นี้ค่าแรงงานขั้นต่ำประจำประเทศไทยที่สมดุลกับค่าจริงครองชีพเทียบราคาทองคำที่สะท้อนสภาวะความเชื่อมั่นในตลาดโลกถึงตลาดการค้าการเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตสัมมาชีวิตและสัมมาอาชีพต่างๆทั่วไทยของจริง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลวและกากของคณะบริหารประเทศจากอดีตถึงปัจจุบัน,จะราคาข้าวเอย ราคาน้ำมันเอย สามารถใช้ราคาทองคำผูกอ้างอิงได้ค่าจริงสมจริงกว่าตลอดเวลาแต่ไม่ทำ,ราคาทองคำขึ้นลงราคาข้าวเกษตรกรก็ขึ้นลงสมมูลค่าจริงไว้เปรียบเทียบอ้างอิงได้,จากตันละ15,000บาท,เทียบราคาทองคำปัจจุบันคูณ2.34เท่าบวกตัวมันเองคือ50,100บาทต่อตัน,มิใช่เอาเปรียบชาวนาแบบที่เห็นๆกันทั้งในอดีตถึงปัจจุบัน ราคามันฯราคาอ้อยก็ใช้ได้หมดเช่นกัน,คนไทยจะตัดภาวะเงินเฟ้อไปเลย, .. https://youtube.com/shorts/vaq2-T0uPfw?si=C2gfmvZTRkZ37QkW
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 Reviews
  • วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง

    ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶)

    ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี

    ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน

    ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้

    แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶)

    กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก:
    https://itw01.com/YNKQ3E4.html
    https://wantubizhi.com/image350909350928.html
    https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html
    http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm
    http://www.guanfujianzhan.com/8119.html
    http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm
    ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/

    #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร ความมีอยู่ว่า ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶) ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้ แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶) กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก: https://itw01.com/YNKQ3E4.html https://wantubizhi.com/image350909350928.html https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm http://www.guanfujianzhan.com/8119.html http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/ #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    ITW01.COM
    IT Tools - Handy online tools for developers
    Collection of handy online tools for developers, with great UX. IT Tools is a free and open-source collection of handy online tools for developers & people working in IT.
    2 Comments 0 Shares 289 Views 0 Reviews

  • วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง

    จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง

    ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

    ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง)

    การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://www.sohu.com/a/385169870_100171032
    http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a
    https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html
    https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา

    #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง ความมีอยู่ว่า ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง) การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://www.sohu.com/a/385169870_100171032 http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    2 Comments 0 Shares 311 Views 0 Reviews
  • ..จริงบางส่วน,เยาวชนเราใช่จะประพฤติตนไม่ดีส่วนใหญ่,แค่ส่วนน้อยเท่านั้น,เหมือนๆวัยรุ่นยุคสมัยอดีตนั้นล่ะ.
    ..แท้จริง มันมากับวัคซีนโควิดที่ฉีดใส่เด็กๆเยาวชนเรานี้ด้วย,ภูมิคุ้มกันตก มันก็เริ่มออกฤทธิ์ได้ตลอดเวลา ในวัคซีนโดยพื้นฐานมีเอดส์ มีโรคหวัดนกตัดแต่ง มีมะเร็ง บวกรองๆอีกตรึม โลหะหนักต่างๆหรือกราฟีนตัวดีที่ทำลายระบบเลือด&หลอดเลือดด้วย.
    ..แพะหรือโยนความผิดให้สิ่งอื่นๆแทนที่มิใช่ต้นเหตุจริงจะมีมาตลอด อาทิ โรคไข้ดินผีบ้านั้นด้วย สร้างวลีโรคไปเรื่อย ในหมู่หมอแพทย์ของบ้านเรา ขนาดวัคซีนยังค้าความตายได้ตังจากค้าวัคซีนมหาศาลในเดอะแก๊งหมอสมุนรับใช้อีลิทในประเทศไทยเราและพวกมันยังลอยหน้าลอยตาไม่เคยถูกตัดสินลงโทษจริงใดๆเลย,ระบบการปกครองเราจึงถือว่าล้มเหลว,คนเลวชั่วมีที่หยัดยืนในสังคมชุมชนไทยเราอย่างมั่นคงต่อยอดอำนาจชั่วสร้างเลวได้ต่อเนื่องชั่งบัดสบนัก.,ทหารพระราชาและประชาชนหรือเรา..ประชาชนคือนหนทางเดียวเท่านั้น,ยึดอำนาจและปฏิวัติบ้านเมืองใหม่ ล้างระบบที่ล้มเหลวนี้ทิ้ง.
    ..เยาวชนไทยและเรา..ทุกๆคนไทยคือกำลังสำคัญในการสร้างชาติไทยร่วมกัน,คนรุ่นหลังถูกล้างสมองถูกทำลาย ชาติอื่นเมืองอื่นก็ยึดครองง่ายๆได้ทันที.
    https://youtu.be/UJKK3R_fCV0?si=hg8M5lz1R_qmeePd
    ..จริงบางส่วน,เยาวชนเราใช่จะประพฤติตนไม่ดีส่วนใหญ่,แค่ส่วนน้อยเท่านั้น,เหมือนๆวัยรุ่นยุคสมัยอดีตนั้นล่ะ. ..แท้จริง มันมากับวัคซีนโควิดที่ฉีดใส่เด็กๆเยาวชนเรานี้ด้วย,ภูมิคุ้มกันตก มันก็เริ่มออกฤทธิ์ได้ตลอดเวลา ในวัคซีนโดยพื้นฐานมีเอดส์ มีโรคหวัดนกตัดแต่ง มีมะเร็ง บวกรองๆอีกตรึม โลหะหนักต่างๆหรือกราฟีนตัวดีที่ทำลายระบบเลือด&หลอดเลือดด้วย. ..แพะหรือโยนความผิดให้สิ่งอื่นๆแทนที่มิใช่ต้นเหตุจริงจะมีมาตลอด อาทิ โรคไข้ดินผีบ้านั้นด้วย สร้างวลีโรคไปเรื่อย ในหมู่หมอแพทย์ของบ้านเรา ขนาดวัคซีนยังค้าความตายได้ตังจากค้าวัคซีนมหาศาลในเดอะแก๊งหมอสมุนรับใช้อีลิทในประเทศไทยเราและพวกมันยังลอยหน้าลอยตาไม่เคยถูกตัดสินลงโทษจริงใดๆเลย,ระบบการปกครองเราจึงถือว่าล้มเหลว,คนเลวชั่วมีที่หยัดยืนในสังคมชุมชนไทยเราอย่างมั่นคงต่อยอดอำนาจชั่วสร้างเลวได้ต่อเนื่องชั่งบัดสบนัก.,ทหารพระราชาและประชาชนหรือเรา..ประชาชนคือนหนทางเดียวเท่านั้น,ยึดอำนาจและปฏิวัติบ้านเมืองใหม่ ล้างระบบที่ล้มเหลวนี้ทิ้ง. ..เยาวชนไทยและเรา..ทุกๆคนไทยคือกำลังสำคัญในการสร้างชาติไทยร่วมกัน,คนรุ่นหลังถูกล้างสมองถูกทำลาย ชาติอื่นเมืองอื่นก็ยึดครองง่ายๆได้ทันที. https://youtu.be/UJKK3R_fCV0?si=hg8M5lz1R_qmeePd
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • เมื่อวานเห็น live สด สอนดูพระ...ไอ้เพจที่บอก..ก่อน 2500ไม่มีเหรียญปั๊มนะ....เห็นอันนึง ฮามาก...!! ขินราชใบเสมา...เขาว่า ศิลปะทวาราวดี..อายุ พันกว่าปี....มันบ่งบอกว่า ..เขาไม่รู้เรื่อง ศิลปะยุคสมัยเลย..รวมถึง ประวัติศาสตร์ด้วย....ชินราชใบเสมา เป็นศิลปะสุโขทัย..ชัดเจน...ซึ่งอายุประมาณ 700 ปี....ห่างกับทวารราวดีเยอะ...และต่อมา หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทวาราวดี มีศูนย์กลางอยู่ที่นครปฐม...ข้อมูลใหม่..อาจเป็นที่ เพชรบูรณ์ ...และยังพบหลักญานทางอารยะธรรมได้อีกหลายที่..เช่น ลพบุรี ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี....แต่ไม่พบที่ สุโขทัยแน่นอน....และจากหลักฐานการแตกกรุ..ก็จากวัดใหญ่ ที่พิษณุโลก....(สุโขทัย..กำแพงเพชร พิษณุโลก..ถือว่าอยู่ร่วมอาณาจักรกัน)....ดังนั้นทั้งหละกญานที่ปรากฏกับ พุทธศิลป์บนองค์พระ....ขินราชใบเสมา...ไม่มีความเป็นทวาราวดี...แม้เพียงนิด.......!!
    เมื่อวานเห็น live สด สอนดูพระ...ไอ้เพจที่บอก..ก่อน 2500ไม่มีเหรียญปั๊มนะ....เห็นอันนึง ฮามาก...!! ขินราชใบเสมา...เขาว่า ศิลปะทวาราวดี..อายุ พันกว่าปี....มันบ่งบอกว่า ..เขาไม่รู้เรื่อง ศิลปะยุคสมัยเลย..รวมถึง ประวัติศาสตร์ด้วย....ชินราชใบเสมา เป็นศิลปะสุโขทัย..ชัดเจน...ซึ่งอายุประมาณ 700 ปี....ห่างกับทวารราวดีเยอะ...และต่อมา หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทวาราวดี มีศูนย์กลางอยู่ที่นครปฐม...ข้อมูลใหม่..อาจเป็นที่ เพชรบูรณ์ ...และยังพบหลักญานทางอารยะธรรมได้อีกหลายที่..เช่น ลพบุรี ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี....แต่ไม่พบที่ สุโขทัยแน่นอน....และจากหลักฐานการแตกกรุ..ก็จากวัดใหญ่ ที่พิษณุโลก....(สุโขทัย..กำแพงเพชร พิษณุโลก..ถือว่าอยู่ร่วมอาณาจักรกัน)....ดังนั้นทั้งหละกญานที่ปรากฏกับ พุทธศิลป์บนองค์พระ....ขินราชใบเสมา...ไม่มีความเป็นทวาราวดี...แม้เพียงนิด.......!!
    1 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • ประชาชนจีนเริ่มตื่นรู้มากขึ้นกันเองเรื่อยๆแล้ว,อนาคตจะเห็นประเทศจีนแบ่งแยกประเทศเร็วๆนี้แน่ๆ,ประชาชนจีนเขาไม่ทนในเผด็จการในยุคใหม่แน่ๆยิ่งคนรุ่นใหม่ๆอีก,คำทำนายที่ว่าจีนจะแยกเป็นประเทศต่างๆจากมลฑลต่างๆเป็นแต่ละประเทศคงเร็วๆนี้แน่นอน,สังคมโซเชียลรับรู้ทั่วโลกอีก,ปิดระบบเน็ตไม่ได้หรอก,ยิ่งถ้าแบบฝรั่งอเมริกาสอดไส้แทรกแซงปลุกปั่นอีกแบบตามน้ำ เอาคุณค่าเสรีด้านความเป็นมนุษย์มากล่าวอ้างอีกมิใช่บังคับข่มขืนการกระทำต่างๆต่อประชาชนคนในประเทศจีนแบบนี้อีก,ยิ่งจะมีการประท้วงของประชาชนทั่วทุกๆมลฑลของจีน,สงครามพันทางภายในประเทศจีนตนนั้นล่ะ,สุดท้ายแต่ละมลฑลร่วมกันแยกเป็นประเทศปกครองแบบโลกเสรีที่เขาเห็นคุณค่าความเป็นคนกันเองในหมู่ประชาชนเขา,มิใชเพื่อเป็นเครื่องมือทรัพย์สินเพื่อค้าประโยชน์กำไรจากสถานะคนๆจีนก็ว่า,เราคงได้เห็นในยุคผู้นำจีนคนใหม่ก็ได้,ประชากรจีนยิ่งมากมาย การเปลี่ยนแปลงด้วยมือคนจีนที่มากมายหลายมือก็ง่ายดายมากเช่นกัน.
    ..อนาคตยุคสมัยหน้า ระบบเผด็จการจะอยู่บนโลกนี้ลำบาก และทั่วทั้งโลกเขาจะมองตัวอย่างแบบไทยเราคือต้นแบบการดำรงสัมมาชีวิตของชาวโลกยุคใหม่แน่ๆ,เราแค่กำจัดผู้นำผู้ปกครองกากๆเหี้ยๆทิ้งก็จบแล้ว,พวกนี้แค่ถ่วงความเจริญของวิถีปกครองไทยอันดีงามไม่กี่ปีหรอก นับจากคณะกบฎ2475มาถึงปัจจุบันคงใกล้จบแล้ว,ยุคร.10เราคือยุคเปลี่ยนสมัยดินแดนไทยสู่ผาสุกจริงๆตลอดสิ้น5,000ปีพุทธกาลก็ว่า,หรือบวกลบไม่เกินปีพ.ศ.2600ไทยเราจึงเริ่มเสื่อมลงก็ว่า,ส่วนชาติอื่นๆทั่วโลกหากวิถีปกครองไม่ลอกเลียนแบบไทยเราไป,อนาถและสิ้นประเทศทั้งหมดก่อนไทยเราแต่ต้นๆยุคเปลี่ยนถ่ายนี้ล่ะ.
    ..จีนและอเมริกา หากเริ่มแบ่งแยกตัวเป็นประเทศใครมันจริงในแต่ละรัฐในแต่ละมลฑล นั้นแสดงว่าสิ่งดีๆกำลังมาเยือนโลกเราแล้ว,ระดับจิตวิญญาณดีของผู้คนชาวโลกจะตื่นรู้ค่าจริงนั้นเอง,เช่นรับรู้ว่าตนชาวจีนถูกกดขี่ข่มเหงไร้ความยุติธรรมในคุณค่าชีวิตตนคนจีนเป็นต้น แล้วออกมาทวงคืนสัมมาชีวิตวิถีตนคืนก็ว่า,ทำลายระบบคอมมิวนิสต์หรือระบบปกครองที่เหี้ยๆตนลงในแต่ละประเทศทั่วโลกลงก็ว่าหรือโลกปรับสมดุลวิถีปกครองนั้นเอง,โลกคัดระบบปกครองที่ดีไว้,ลบทำลายระบบปกครองที่กากๆถ่วงความเจริญของการยกระดับจิตของโลกหรือจิตวิญญาณของโลก,แม่ของโลกที่เป็นเชิงลบทิ้งไปนั้นเอง,แม่ของโลกคัดกรองระบบปกครองที่ส่งเสริมสนับสนุนจิตวิญญาณชาวโลกที่ดีไว้,อัพเรเวลจิตวิญญาณคนชาวโลกได้นั้นเองของวิถีปกครองที่ดีๆนั้นก็ว่า.

    .https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN

    ..https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN
    ประชาชนจีนเริ่มตื่นรู้มากขึ้นกันเองเรื่อยๆแล้ว,อนาคตจะเห็นประเทศจีนแบ่งแยกประเทศเร็วๆนี้แน่ๆ,ประชาชนจีนเขาไม่ทนในเผด็จการในยุคใหม่แน่ๆยิ่งคนรุ่นใหม่ๆอีก,คำทำนายที่ว่าจีนจะแยกเป็นประเทศต่างๆจากมลฑลต่างๆเป็นแต่ละประเทศคงเร็วๆนี้แน่นอน,สังคมโซเชียลรับรู้ทั่วโลกอีก,ปิดระบบเน็ตไม่ได้หรอก,ยิ่งถ้าแบบฝรั่งอเมริกาสอดไส้แทรกแซงปลุกปั่นอีกแบบตามน้ำ เอาคุณค่าเสรีด้านความเป็นมนุษย์มากล่าวอ้างอีกมิใช่บังคับข่มขืนการกระทำต่างๆต่อประชาชนคนในประเทศจีนแบบนี้อีก,ยิ่งจะมีการประท้วงของประชาชนทั่วทุกๆมลฑลของจีน,สงครามพันทางภายในประเทศจีนตนนั้นล่ะ,สุดท้ายแต่ละมลฑลร่วมกันแยกเป็นประเทศปกครองแบบโลกเสรีที่เขาเห็นคุณค่าความเป็นคนกันเองในหมู่ประชาชนเขา,มิใชเพื่อเป็นเครื่องมือทรัพย์สินเพื่อค้าประโยชน์กำไรจากสถานะคนๆจีนก็ว่า,เราคงได้เห็นในยุคผู้นำจีนคนใหม่ก็ได้,ประชากรจีนยิ่งมากมาย การเปลี่ยนแปลงด้วยมือคนจีนที่มากมายหลายมือก็ง่ายดายมากเช่นกัน. ..อนาคตยุคสมัยหน้า ระบบเผด็จการจะอยู่บนโลกนี้ลำบาก และทั่วทั้งโลกเขาจะมองตัวอย่างแบบไทยเราคือต้นแบบการดำรงสัมมาชีวิตของชาวโลกยุคใหม่แน่ๆ,เราแค่กำจัดผู้นำผู้ปกครองกากๆเหี้ยๆทิ้งก็จบแล้ว,พวกนี้แค่ถ่วงความเจริญของวิถีปกครองไทยอันดีงามไม่กี่ปีหรอก นับจากคณะกบฎ2475มาถึงปัจจุบันคงใกล้จบแล้ว,ยุคร.10เราคือยุคเปลี่ยนสมัยดินแดนไทยสู่ผาสุกจริงๆตลอดสิ้น5,000ปีพุทธกาลก็ว่า,หรือบวกลบไม่เกินปีพ.ศ.2600ไทยเราจึงเริ่มเสื่อมลงก็ว่า,ส่วนชาติอื่นๆทั่วโลกหากวิถีปกครองไม่ลอกเลียนแบบไทยเราไป,อนาถและสิ้นประเทศทั้งหมดก่อนไทยเราแต่ต้นๆยุคเปลี่ยนถ่ายนี้ล่ะ. ..จีนและอเมริกา หากเริ่มแบ่งแยกตัวเป็นประเทศใครมันจริงในแต่ละรัฐในแต่ละมลฑล นั้นแสดงว่าสิ่งดีๆกำลังมาเยือนโลกเราแล้ว,ระดับจิตวิญญาณดีของผู้คนชาวโลกจะตื่นรู้ค่าจริงนั้นเอง,เช่นรับรู้ว่าตนชาวจีนถูกกดขี่ข่มเหงไร้ความยุติธรรมในคุณค่าชีวิตตนคนจีนเป็นต้น แล้วออกมาทวงคืนสัมมาชีวิตวิถีตนคืนก็ว่า,ทำลายระบบคอมมิวนิสต์หรือระบบปกครองที่เหี้ยๆตนลงในแต่ละประเทศทั่วโลกลงก็ว่าหรือโลกปรับสมดุลวิถีปกครองนั้นเอง,โลกคัดระบบปกครองที่ดีไว้,ลบทำลายระบบปกครองที่กากๆถ่วงความเจริญของการยกระดับจิตของโลกหรือจิตวิญญาณของโลก,แม่ของโลกที่เป็นเชิงลบทิ้งไปนั้นเอง,แม่ของโลกคัดกรองระบบปกครองที่ส่งเสริมสนับสนุนจิตวิญญาณชาวโลกที่ดีไว้,อัพเรเวลจิตวิญญาณคนชาวโลกได้นั้นเองของวิถีปกครองที่ดีๆนั้นก็ว่า. .https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN ..https://youtu.be/EZLyFGZubWc?si=TRWePNdDVMITBpwN
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • ตอนนี้ประเทศอื่นเขาเจอหิมะตก Storyฯ เลยอยากชวนคุยเกี่ยวกับหนึ่งในวิธีที่ทำให้อุ่นในสมัยโบราณ ซึ่งก็คือวางเตาถ่านไว้ในห้องใกล้ตัว แต่เกิดความเอ๊ะเกี่ยวกับถ่านที่มีชื่อว่า ‘ถ่านหงหลัว’ (红箩炭)

    ความมีอยู่ว่า
    ฮ่องเต้ตรัสด้วยสุรเสียงเอื่อย ราวกับว่ากำลังรับสั่งถึงเรื่องที่ไม่สำคัญ “อันใด? เราจำได้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อเริ่มหนาวก็ได้สั่งเจ้าไว้แล้วว่า ในวังนี้มีแต่เพียงไห่ฉางจ้ายและหว่านตาอิ้งไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้ ยังกังวลว่าถ่านดำจะมีควันรบกวนพวกนาง...ของไห่ฉางจ้ายให้เจ้าเจียดจากตำหนักเจ้าให้นาง...”
    - จากเรื่อง <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง หลิวเลี่ยนจื่อ
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    บทความข้างต้นเป็นเรื่องราวในสมัยขององค์เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง กล่าวถึงเรื่องที่พระสนมไห่หลันถูกกล่าวหาว่าขโมยถ่านหงหลัว และจากบทความจะเห็นว่าพระสนมระดับล่างอย่างฉางจ้ายและตาอิ้งจะไม่มีสิทธิ์ใช้ถ่านชนิดนี้

    ถ่านหงหลัวคืออะไร Storyฯ หาชื่อแปลเป็นไทยไม่มี ขออธิบายลักษณะของมันว่าเป็นถ่านที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง โดยไม้เนื้อแข็งดังกล่าวต้องเป็นไม้จากแถบดินแดนตอนเหนือ (มณฑลเหอเป่ย) ไม่ไกลจากนครปักกิ่ง เช่นจัวโจว ทงโจว จี้โจว ฯลฯ ไม้เหล่านี้จะถูกตัดเป็นท่อนสม่ำเสมอ เผาจนกลายเป็นถ่าน บรรจุไว้ในตะกร้าเคลือบด้วยดินแดง (เป็นที่มาของชื่อว่า ‘หงหลัว’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าเคลือบด้วยสีแดง) ก่อนจะลำเลียงส่งไปเมืองหลวง ในนครปักกิ่งมีถนนสายหนึ่งเรียกว่า ‘ถนนต้าหงหลัวฉ่าง’ (大红罗厂街) มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์หมิง เป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงถ่านนี้เข้าวัง (ดูรูปแรกขวาล่าง)

    คุณสมบัติเด่นของถ่านหงหลัวก็คือ เผาได้นาน ไม่มีควัน เถ้าไม่กระจายและไม่แตก และในตอนเผายังมีกลิ่นหอมจาง

    ถ่าน เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการกำกับดูแลมาหลายยุคสมัยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ในวังยังมีกองกรมรับผิดชอบการเก็บและจัดสรรถ่าน ถ่านหงหลัวเป็นถ่านที่ผลิตได้ในปริมาณที่น้อยและด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของมัน จึงมีการจำกัดการใช้งาน จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยขององค์เฉียนหลงฮ่องเต้นั้น ทุกตำหนักในวังจะได้รับการจัดสรรถ่านในปริมาณที่ต่างกันไปตามยศศักดิ์และฤดูกาล รายละเอียด Storyฯ รวบรวมเป็นตารางให้ดูในรูปที่สองสำหรับวังหลัง จะเห็นว่า ฉางจ้าย และ ตาอิ้ง ซึ่งเป็นสนมระดับล่างสุดจะไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้เลย

    ใครได้ติดตามนิยาย/ละครเรื่องนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้วนะคะว่า ทำไมแค่เรื่องถ่าน ในวังหลังยังเอามาเป็นเหตุการต่อสู้ทางอำนาจกันได้

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.uni-hankyu.com.tw/huaxu/153491887715333.html
    http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570
    https://www.xuehua.us/a/5eb6fd5186ec4d0bd8cbf5f9
    https://www.gushiciku.cn/dl/0f0zv/zh-hk

    #หรูอี้ #ไห่หลัน #ถ่านหงหลัว #ราชวงศ์ชิง #จีนโบราณ #สู้ความหนาว #ถ่านจีน #ถ่านในวัง #ถ่าน
    ตอนนี้ประเทศอื่นเขาเจอหิมะตก Storyฯ เลยอยากชวนคุยเกี่ยวกับหนึ่งในวิธีที่ทำให้อุ่นในสมัยโบราณ ซึ่งก็คือวางเตาถ่านไว้ในห้องใกล้ตัว แต่เกิดความเอ๊ะเกี่ยวกับถ่านที่มีชื่อว่า ‘ถ่านหงหลัว’ (红箩炭) ความมีอยู่ว่า ฮ่องเต้ตรัสด้วยสุรเสียงเอื่อย ราวกับว่ากำลังรับสั่งถึงเรื่องที่ไม่สำคัญ “อันใด? เราจำได้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อเริ่มหนาวก็ได้สั่งเจ้าไว้แล้วว่า ในวังนี้มีแต่เพียงไห่ฉางจ้ายและหว่านตาอิ้งไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้ ยังกังวลว่าถ่านดำจะมีควันรบกวนพวกนาง...ของไห่ฉางจ้ายให้เจ้าเจียดจากตำหนักเจ้าให้นาง...” - จากเรื่อง <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง หลิวเลี่ยนจื่อ (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) บทความข้างต้นเป็นเรื่องราวในสมัยขององค์เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง กล่าวถึงเรื่องที่พระสนมไห่หลันถูกกล่าวหาว่าขโมยถ่านหงหลัว และจากบทความจะเห็นว่าพระสนมระดับล่างอย่างฉางจ้ายและตาอิ้งจะไม่มีสิทธิ์ใช้ถ่านชนิดนี้ ถ่านหงหลัวคืออะไร Storyฯ หาชื่อแปลเป็นไทยไม่มี ขออธิบายลักษณะของมันว่าเป็นถ่านที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง โดยไม้เนื้อแข็งดังกล่าวต้องเป็นไม้จากแถบดินแดนตอนเหนือ (มณฑลเหอเป่ย) ไม่ไกลจากนครปักกิ่ง เช่นจัวโจว ทงโจว จี้โจว ฯลฯ ไม้เหล่านี้จะถูกตัดเป็นท่อนสม่ำเสมอ เผาจนกลายเป็นถ่าน บรรจุไว้ในตะกร้าเคลือบด้วยดินแดง (เป็นที่มาของชื่อว่า ‘หงหลัว’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าเคลือบด้วยสีแดง) ก่อนจะลำเลียงส่งไปเมืองหลวง ในนครปักกิ่งมีถนนสายหนึ่งเรียกว่า ‘ถนนต้าหงหลัวฉ่าง’ (大红罗厂街) มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์หมิง เป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงถ่านนี้เข้าวัง (ดูรูปแรกขวาล่าง) คุณสมบัติเด่นของถ่านหงหลัวก็คือ เผาได้นาน ไม่มีควัน เถ้าไม่กระจายและไม่แตก และในตอนเผายังมีกลิ่นหอมจาง ถ่าน เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการกำกับดูแลมาหลายยุคสมัยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ในวังยังมีกองกรมรับผิดชอบการเก็บและจัดสรรถ่าน ถ่านหงหลัวเป็นถ่านที่ผลิตได้ในปริมาณที่น้อยและด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของมัน จึงมีการจำกัดการใช้งาน จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยขององค์เฉียนหลงฮ่องเต้นั้น ทุกตำหนักในวังจะได้รับการจัดสรรถ่านในปริมาณที่ต่างกันไปตามยศศักดิ์และฤดูกาล รายละเอียด Storyฯ รวบรวมเป็นตารางให้ดูในรูปที่สองสำหรับวังหลัง จะเห็นว่า ฉางจ้าย และ ตาอิ้ง ซึ่งเป็นสนมระดับล่างสุดจะไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้เลย ใครได้ติดตามนิยาย/ละครเรื่องนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้วนะคะว่า ทำไมแค่เรื่องถ่าน ในวังหลังยังเอามาเป็นเหตุการต่อสู้ทางอำนาจกันได้ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.uni-hankyu.com.tw/huaxu/153491887715333.html http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570 https://www.xuehua.us/a/5eb6fd5186ec4d0bd8cbf5f9 https://www.gushiciku.cn/dl/0f0zv/zh-hk #หรูอี้ #ไห่หลัน #ถ่านหงหลัว #ราชวงศ์ชิง #จีนโบราณ #สู้ความหนาว #ถ่านจีน #ถ่านในวัง #ถ่าน
    係?如懿傳海蘭是好人還是壞人?海蘭和如懿是什麼關係?由周迅、霍建華領銜主演的古裝清宮劇《如懿傳》正在騰訊視頻熱播中,雖然目前該劇收視並不理想,但依然還是值得追的,畢竟都是實力派演員出演,如懿傳劇情中出現了很多的人物,雖然是後宮嬪妃都是爭寵,但是也有著關係非常好的人,那么海蘭是好人還是壞人?海蘭和如懿是什麼關係?下面就來看看吧。如懿傳海蘭是好人還是壞人?海蘭和
    2 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • แหวนหัวเมฆพัตร หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
    แหวนทองเหลืองหัวเมฆพัตร ( หัวแหวนเนื้อเมฆพัดผสมด้วยแร่เหล็กไหล ) ข้างนางกวัก-พระลีลา หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี //ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. // แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##//

    ** พุทธคุณเป็นแหวนที่ป้องกันคุณไสย สิ่งชั่วร้าย กันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดปลอดถัย คงกระพันชาตรี ให้โชคลาภ มหาเสน่ห์ (ถ้าแหวนหัวเมฆพัตรก็ต้องหลวงพ่ออิ่มเลยครับ) >>

    ** "เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ >>

    ** หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน พระเถราจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่บุญ แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว พระเถราจารย์ผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงโจษย์ขานกันทั่วทั้งสยามประเทศในยุคพุทธศักราชนั้น ซึ่งหลวงพ่ออิ่มที่เป็นทั้งสหธรรมิก หรือเกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์ ที่เข้าไปเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชากับพระเถระทั้งสองคณาจารย์ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนักและแทบจะมีปรากฏไม่กี่รูป ที่ได้รับการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนพุทธาคมแบบใกล้ชิด และถ้ารวมถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเถราจารย์ผู้เรื่องเวชอาคมแห่งพระนคร ซึ่งหลวงพ่ออิ่มท่านก็ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนด้านวิชาอาคม อยู่บ่อยครั้ง >>


    ** แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    แหวนหัวเมฆพัตร หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี แหวนทองเหลืองหัวเมฆพัตร ( หัวแหวนเนื้อเมฆพัดผสมด้วยแร่เหล็กไหล ) ข้างนางกวัก-พระลีลา หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี //ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. // แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##// ** พุทธคุณเป็นแหวนที่ป้องกันคุณไสย สิ่งชั่วร้าย กันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดปลอดถัย คงกระพันชาตรี ให้โชคลาภ มหาเสน่ห์ (ถ้าแหวนหัวเมฆพัตรก็ต้องหลวงพ่ออิ่มเลยครับ) >> ** "เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ >> ** หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน พระเถราจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่บุญ แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว พระเถราจารย์ผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงโจษย์ขานกันทั่วทั้งสยามประเทศในยุคพุทธศักราชนั้น ซึ่งหลวงพ่ออิ่มที่เป็นทั้งสหธรรมิก หรือเกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์ ที่เข้าไปเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชากับพระเถระทั้งสองคณาจารย์ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนักและแทบจะมีปรากฏไม่กี่รูป ที่ได้รับการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนพุทธาคมแบบใกล้ชิด และถ้ารวมถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเถราจารย์ผู้เรื่องเวชอาคมแห่งพระนคร ซึ่งหลวงพ่ออิ่มท่านก็ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนด้านวิชาอาคม อยู่บ่อยครั้ง >> ** แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
More Results