• https://www.youtube.com/watch?v=AXUUKNHyOs8
    บทสนทนาเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียวดูหมูเด้ง
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อเสื้อที่ร้านเสื้อผ้า
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ
    มาทดสอบความรู้ของเราและพัฒนาทักษะไปด้วยกันเถอะ! คุณพร้อมไหม? มาเริ่มกันเลย!

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #หมูเด้ง

    The conversations from the clip :

    Tourist 1: Look! That’s Jonah the hippo!
    Tourist 2: Wow, she’s adorable. And she’s the mother of Moo Deng, who’s so famous!
    Tourist 1: Yeah, but Moo Deng is just sleeping. I was hoping to see her moving around.
    Tourist 2: Me too. It’s too bad we missed her, but she must be taking a superstar nap.
    Tourist 1: I know! Well, let’s come back later. Should we check out the penguins next?
    Tourist 2: Great idea! And I heard they’re having a penguin feeding session soon. Penguins are always fun to watch.
    Tourist 1: A penguin feeding session? That sounds adorable! They’re so cute when they waddle around.
    Tourist 2: And I love watching them line up and get excited for food. Penguins are the best!
    Tourist 1: Definitely. I heard they might even be fed during the parade.
    Tourist 2: That sounds amazing! Let’s head over there so we don’t miss it.
    Tourist 1: I hope we can get a good view. Watching them all line up must be so funny.
    Tourist 2: Yes! And after that, let’s check if Moo Deng is awake before we leave.
    Tourist 1: Good idea. I’d love to see her and Jonah together, maybe even playing!
    Tourist 2: Oh, and before we head out, let’s stop by the elephant pool.
    Tourist 1: Yes! Seeing elephants swim would be the perfect way to end the day.
    Tourist 2: Agreed! Let’s go see those elephants before we call it a day.

    นักท่องเที่ยว 1: ดูสิ! นั่นคือโจน่าฮิปโป!
    นักท่องเที่ยว 2: ว้าว เธอน่ารักจัง และเธอเป็นแม่ของหมูเด้งที่โด่งดัง!
    นักท่องเที่ยว 1: ใช่ แต่หมูเด้งกำลังนอนอยู่ ฉันหวังว่าจะได้เห็นเธอขยับตัว
    นักท่องเที่ยว 2: ฉันก็เช่นกัน เสียดายที่เราไม่ได้เห็นเธอ แต่เธอคงกำลังงีบแบบซุปเปอร์สตาร์
    นักท่องเที่ยว 1: ฉันก็รู้! เอาล่ะ กลับมาใหม่ทีหลังดีไหม? เราควรไปดูเพนกวินต่อดีไหม?
    นักท่องเที่ยว 2: ไอเดียดีเลย! และฉันได้ยินมาว่าจะมีการให้อาหารเพนกวินเร็วๆ นี้ เพนกวินน่าดูเสมอ
    นักท่องเที่ยว 1: การให้อาหารเพนกวิน? ฟังดูน่ารักมาก! พวกมันน่ารักมากเวลามันเดินโซซัดโซเซ
    นักท่องเที่ยว 2: และฉันชอบดูพวกมันเรียงแถวและตื่นเต้นเมื่อถึงเวลาอาหาร เพนกวินที่สุด!
    นักท่องเที่ยว 1: แน่นอน ฉันได้ยินมาว่าอาจจะมีการให้อาหารพวกมันระหว่างการพาเหรดด้วย
    นักท่องเที่ยว 2: ฟังดูน่าทึ่งมาก! ไปดูกันเถอะเพื่อจะไม่พลาด
    นักท่องเที่ยว 1: หวังว่าเราจะได้ที่นั่งที่ดีนะ ดูพวกมันเรียงแถวคงขำไม่น้อย
    นักท่องเที่ยว 2: ใช่เลย! และหลังจากนั้นเราค่อยมาดูหมูเด้งว่าตื่นหรือยังก่อนที่จะกลับ
    นักท่องเที่ยว 1: ไอเดียดี ฉันอยากเห็นเธอกับโจน่าด้วย บางทีอาจจะได้เห็นเล่นกัน!
    นักท่องเที่ยว 2: โอ้ และก่อนกลับเราควรแวะดูที่สระช้างกัน
    นักท่องเที่ยว 1: ใช่! การได้เห็นช้างว่ายน้ำคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจบทริปนี้
    นักท่องเที่ยว 2: เห็นด้วย! ไปดูช้างกันก่อนที่จะกลับกัน

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Hippo (ฮิป-โพ) n. - ฮิปโปโปเตมัส
    Adorable (อะ-ดอร์-อะ-เบิล) adj. - น่ารัก
    Mother (มัธ-เธอร์) n. - แม่
    Famous (เฟ-มัส) adj. - มีชื่อเสียง
    Sleeping (สลี-ปิ้ง) v. - กำลังนอน
    Superstar (ซู-เพอร์-สตาร์) n. - ดาราดัง
    Nap (แน็พ) n. - การงีบหลับ
    Penguin (เพ็ง-กวิน) n. - เพนกวิน
    Feeding (ฟี-ดิง) v. - การให้อาหาร
    Waddle (ว็อด-เดิล) v. - เดินโคลงเคลง
    Line up (ไลน์ อัพ) v. - ต่อแถว
    Excited (เอ็ก-ไซ-ทิด) adj. - ตื่นเต้น
    View (วิว) n. - ทิวทัศน์, มุมมอง
    Elephant (เอล-ละ-เฟนท์) n. - ช้าง
    Perfect (เพอร์-เฟ็คท) adj. - สมบูรณ์แบบ
    https://www.youtube.com/watch?v=AXUUKNHyOs8 บทสนทนาเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียวดูหมูเด้ง แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาซื้อเสื้อที่ร้านเสื้อผ้า มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ มาทดสอบความรู้ของเราและพัฒนาทักษะไปด้วยกันเถอะ! คุณพร้อมไหม? มาเริ่มกันเลย! #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #หมูเด้ง The conversations from the clip : Tourist 1: Look! That’s Jonah the hippo! Tourist 2: Wow, she’s adorable. And she’s the mother of Moo Deng, who’s so famous! Tourist 1: Yeah, but Moo Deng is just sleeping. I was hoping to see her moving around. Tourist 2: Me too. It’s too bad we missed her, but she must be taking a superstar nap. Tourist 1: I know! Well, let’s come back later. Should we check out the penguins next? Tourist 2: Great idea! And I heard they’re having a penguin feeding session soon. Penguins are always fun to watch. Tourist 1: A penguin feeding session? That sounds adorable! They’re so cute when they waddle around. Tourist 2: And I love watching them line up and get excited for food. Penguins are the best! Tourist 1: Definitely. I heard they might even be fed during the parade. Tourist 2: That sounds amazing! Let’s head over there so we don’t miss it. Tourist 1: I hope we can get a good view. Watching them all line up must be so funny. Tourist 2: Yes! And after that, let’s check if Moo Deng is awake before we leave. Tourist 1: Good idea. I’d love to see her and Jonah together, maybe even playing! Tourist 2: Oh, and before we head out, let’s stop by the elephant pool. Tourist 1: Yes! Seeing elephants swim would be the perfect way to end the day. Tourist 2: Agreed! Let’s go see those elephants before we call it a day. นักท่องเที่ยว 1: ดูสิ! นั่นคือโจน่าฮิปโป! นักท่องเที่ยว 2: ว้าว เธอน่ารักจัง และเธอเป็นแม่ของหมูเด้งที่โด่งดัง! นักท่องเที่ยว 1: ใช่ แต่หมูเด้งกำลังนอนอยู่ ฉันหวังว่าจะได้เห็นเธอขยับตัว นักท่องเที่ยว 2: ฉันก็เช่นกัน เสียดายที่เราไม่ได้เห็นเธอ แต่เธอคงกำลังงีบแบบซุปเปอร์สตาร์ นักท่องเที่ยว 1: ฉันก็รู้! เอาล่ะ กลับมาใหม่ทีหลังดีไหม? เราควรไปดูเพนกวินต่อดีไหม? นักท่องเที่ยว 2: ไอเดียดีเลย! และฉันได้ยินมาว่าจะมีการให้อาหารเพนกวินเร็วๆ นี้ เพนกวินน่าดูเสมอ นักท่องเที่ยว 1: การให้อาหารเพนกวิน? ฟังดูน่ารักมาก! พวกมันน่ารักมากเวลามันเดินโซซัดโซเซ นักท่องเที่ยว 2: และฉันชอบดูพวกมันเรียงแถวและตื่นเต้นเมื่อถึงเวลาอาหาร เพนกวินที่สุด! นักท่องเที่ยว 1: แน่นอน ฉันได้ยินมาว่าอาจจะมีการให้อาหารพวกมันระหว่างการพาเหรดด้วย นักท่องเที่ยว 2: ฟังดูน่าทึ่งมาก! ไปดูกันเถอะเพื่อจะไม่พลาด นักท่องเที่ยว 1: หวังว่าเราจะได้ที่นั่งที่ดีนะ ดูพวกมันเรียงแถวคงขำไม่น้อย นักท่องเที่ยว 2: ใช่เลย! และหลังจากนั้นเราค่อยมาดูหมูเด้งว่าตื่นหรือยังก่อนที่จะกลับ นักท่องเที่ยว 1: ไอเดียดี ฉันอยากเห็นเธอกับโจน่าด้วย บางทีอาจจะได้เห็นเล่นกัน! นักท่องเที่ยว 2: โอ้ และก่อนกลับเราควรแวะดูที่สระช้างกัน นักท่องเที่ยว 1: ใช่! การได้เห็นช้างว่ายน้ำคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจบทริปนี้ นักท่องเที่ยว 2: เห็นด้วย! ไปดูช้างกันก่อนที่จะกลับกัน Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Hippo (ฮิป-โพ) n. - ฮิปโปโปเตมัส Adorable (อะ-ดอร์-อะ-เบิล) adj. - น่ารัก Mother (มัธ-เธอร์) n. - แม่ Famous (เฟ-มัส) adj. - มีชื่อเสียง Sleeping (สลี-ปิ้ง) v. - กำลังนอน Superstar (ซู-เพอร์-สตาร์) n. - ดาราดัง Nap (แน็พ) n. - การงีบหลับ Penguin (เพ็ง-กวิน) n. - เพนกวิน Feeding (ฟี-ดิง) v. - การให้อาหาร Waddle (ว็อด-เดิล) v. - เดินโคลงเคลง Line up (ไลน์ อัพ) v. - ต่อแถว Excited (เอ็ก-ไซ-ทิด) adj. - ตื่นเต้น View (วิว) n. - ทิวทัศน์, มุมมอง Elephant (เอล-ละ-เฟนท์) n. - ช้าง Perfect (เพอร์-เฟ็คท) adj. - สมบูรณ์แบบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔸Real Life Real Image🔸
    "ชาร์จพลังผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชเพื่อส่งต่อ"
    🔸วินาทีที่เป็นอิสระ🔸 Ep 006
    +++ โอ๊ต +++
    "หน้าที่ ความรัก ความรับผิดชอบ"
    โอ๊ต ลงทะเบียนมาร่วมกิจกรรม
    ว่าจะมาเป็นเพื่อน
    คุณแม่ที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช
    ซึ่งเป็นพี่ชายของโอ๊ต
    แต่โอ๊ตก็ยินดีที่จะเข้าร่วมกิจกรรม
    โอ๊ตเป็นคนกลางระหว่างแม่กับพี่ชาย
    รักและเข้าใจแม่ที่ต้องดูแลพี่ชาย
    เห็นถึงภาระหน้าที่หนักอึ้งของแม่
    เห็นความรักของแม่กับพี่ชาย
    อาการเจ็บป่วยของพี่ชายที่เกิดขึ้นมานาน
    ในยุคที่หลายคนไม่เข้าถึงอาการที่เกิดขึ้น
    ข้อมูลต่างๆไม่ได้แพร่หลายมากมายอย่างปัจจุบัน
    โอ๊ตอยู่ระหว่างความเข้าใจและไม่เข้าใจ
    ชีวิตและครอบครัวที่แยกกันไม่ออก
    มุมมองจากตัวเองจากเลนส์ที่มุมแคบ
    เห็นด้านเดียว บางครั้งก็ทุกข์ใจบ้าง
    การมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้
    โอ๊ตสะท้อนให้พวกเราฟัง
    "หลังวันนี้เมื่อจบกิจกรรม
    ผมก็ต้องกลับเจอกับ
    ทุกอย่างที่เหมือนเดิม
    แต่วันนี้ผมมี(เลนส์) มุมมองเพิ่ม
    อีกหลายตัวทั้งเลนส์มาตรฐาน
    เลนส์มุมกว้าง ทำให้เข้าใจ
    มากขึ้นจากมุมมองที่ต่างออกไป"
    ผมกับโอ๊ตเลือกภาพนี้เหมือนกัน
    ผมให้เหตุผลที่เลือกว่า
    "พี่ชอบภาพนี้เพราะเห็น
    [วินาทีที่เป็นอิสระ]
    ของโอ๊ต การหันหน้าไปด้านข้าง
    ด้วยสายตาที่มีความหวัง
    ซึ่งบางครั้งเราต้องหันหน้าไปบ้าง
    ไม่ใช่หนีไป แต่ให้เวลา
    ให้โอกาสกับตัวเองบ้าง"
    โอ๊ตพยักหน้าเสมือนว่า เห็นด้วย
    นอกจากการรักครอบครัวแล้ว
    ตัวของเราเองก็ต้องรักตัวเองเช่นกัน
    🔸Real Life Real Image🔸 "ชาร์จพลังผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชเพื่อส่งต่อ" 🔸วินาทีที่เป็นอิสระ🔸 Ep 006 +++ โอ๊ต +++ "หน้าที่ ความรัก ความรับผิดชอบ" โอ๊ต ลงทะเบียนมาร่วมกิจกรรม ว่าจะมาเป็นเพื่อน คุณแม่ที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งเป็นพี่ชายของโอ๊ต แต่โอ๊ตก็ยินดีที่จะเข้าร่วมกิจกรรม โอ๊ตเป็นคนกลางระหว่างแม่กับพี่ชาย รักและเข้าใจแม่ที่ต้องดูแลพี่ชาย เห็นถึงภาระหน้าที่หนักอึ้งของแม่ เห็นความรักของแม่กับพี่ชาย อาการเจ็บป่วยของพี่ชายที่เกิดขึ้นมานาน ในยุคที่หลายคนไม่เข้าถึงอาการที่เกิดขึ้น ข้อมูลต่างๆไม่ได้แพร่หลายมากมายอย่างปัจจุบัน โอ๊ตอยู่ระหว่างความเข้าใจและไม่เข้าใจ ชีวิตและครอบครัวที่แยกกันไม่ออก มุมมองจากตัวเองจากเลนส์ที่มุมแคบ เห็นด้านเดียว บางครั้งก็ทุกข์ใจบ้าง การมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โอ๊ตสะท้อนให้พวกเราฟัง "หลังวันนี้เมื่อจบกิจกรรม ผมก็ต้องกลับเจอกับ ทุกอย่างที่เหมือนเดิม แต่วันนี้ผมมี(เลนส์) มุมมองเพิ่ม อีกหลายตัวทั้งเลนส์มาตรฐาน เลนส์มุมกว้าง ทำให้เข้าใจ มากขึ้นจากมุมมองที่ต่างออกไป" ผมกับโอ๊ตเลือกภาพนี้เหมือนกัน ผมให้เหตุผลที่เลือกว่า "พี่ชอบภาพนี้เพราะเห็น [วินาทีที่เป็นอิสระ] ของโอ๊ต การหันหน้าไปด้านข้าง ด้วยสายตาที่มีความหวัง ซึ่งบางครั้งเราต้องหันหน้าไปบ้าง ไม่ใช่หนีไป แต่ให้เวลา ให้โอกาสกับตัวเองบ้าง" โอ๊ตพยักหน้าเสมือนว่า เห็นด้วย นอกจากการรักครอบครัวแล้ว ตัวของเราเองก็ต้องรักตัวเองเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูติน: รัสเซียไม่แสวงหาศัตรูหรืออำนาจเหนือโลกในระเบียบโลกใหม่

    ปูตินกล่าวว่า รัสเซียไม่ได้มองอารยธรรมตะวันตกเป็นศัตรูและไม่มองความสัมพันธ์ระดับโลกเป็นเรื่องของ "เราหรือพวกเขา"

    เขากล่าวถึงจุดยืนที่ว่า "ถ้าคุณไม่อยู่กับเรา, คุณก็ต่อต้านเรา" ว่าเป็นสูตรอันตราย

    เขาเน้นย้ำถึงการไม่แทรกแซงของรัสเซีย, โดยระบุว่ารัสเซียไม่พยายามที่จะสั่งสอนหรือยัดเยียดมุมมองโลกของตนให้กับผู้อื่น

    ปูตินยังยืนยันด้วยว่า ไม่สามารถมีอำนาจเหนือโลกในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่กำลังเกิดขึ้น
    .
    Putin: Russia seeks no enemies or hegemony in the new global order

    Putin stated that Russia does not view Western civilization as an enemy and does not see global relations as a matter of "us or them."

    He described the stance of "if you’re not with us, you’re against us" as a dangerous formula.

    Emphasizing Russia’s non-interference, he noted that Russia does not seek to teach or impose its worldview on others.

    Putin also asserted that there can be no hegemony in the emerging international environment.
    .
    11:59 PM · Nov 7, 2024 · 6,631 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1854569304873701453
    ปูติน: รัสเซียไม่แสวงหาศัตรูหรืออำนาจเหนือโลกในระเบียบโลกใหม่ ปูตินกล่าวว่า รัสเซียไม่ได้มองอารยธรรมตะวันตกเป็นศัตรูและไม่มองความสัมพันธ์ระดับโลกเป็นเรื่องของ "เราหรือพวกเขา" เขากล่าวถึงจุดยืนที่ว่า "ถ้าคุณไม่อยู่กับเรา, คุณก็ต่อต้านเรา" ว่าเป็นสูตรอันตราย เขาเน้นย้ำถึงการไม่แทรกแซงของรัสเซีย, โดยระบุว่ารัสเซียไม่พยายามที่จะสั่งสอนหรือยัดเยียดมุมมองโลกของตนให้กับผู้อื่น ปูตินยังยืนยันด้วยว่า ไม่สามารถมีอำนาจเหนือโลกในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่กำลังเกิดขึ้น . Putin: Russia seeks no enemies or hegemony in the new global order Putin stated that Russia does not view Western civilization as an enemy and does not see global relations as a matter of "us or them." He described the stance of "if you’re not with us, you’re against us" as a dangerous formula. Emphasizing Russia’s non-interference, he noted that Russia does not seek to teach or impose its worldview on others. Putin also asserted that there can be no hegemony in the emerging international environment. . 11:59 PM · Nov 7, 2024 · 6,631 Views https://x.com/SputnikInt/status/1854569304873701453
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ข่าวอีกด้าน(จริงเท็จมิทราบ)
    ..
    ระเบิด! Kamala Harris กำลังหลบหนี! กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ขณะที่การกลับมาของทรัมป์ส่งสัญญาณการล่มสลายของหุ่นเชิด Deep State – GITMO รออยู่!

    Kamala Harris ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งของ Deep State กำลังวิ่งหนีเพื่อหลบซ่อน หลังจากชัยชนะของทรัมป์ในปี 2024 โลกของเธอพลิกคว่ำ สถานการณ์พลิกผัน และ Kamala ตกเป็นเหยื่อ

    กลุ่มหมวกขาวกำลังเข้าใกล้ ตั้งใจที่จะนำเธอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บทบาทของเธอในฐานะหุ่นเชิดเพื่อการจัดการของชนชั้นสูงสิ้นสุดลงแล้ว และเธออยู่บนเส้นทางเดียวสู่ GITMO ทุกการกระทำที่ซ่อนเร้น ทุกข้อตกลงที่เธอทำในความลับ ถูกเปิดเผยแล้ว เธอไม่ใช่รองประธานาธิบดีอีกต่อไป เธอเป็นเพียงผู้หลบหนีที่หลบหนีจากความจริง

    บทบาทที่แท้จริงของ Kamala ถูกเปิดเผย

    เป็นเวลาหลายปีที่การเติบโตของ Kamala ถูกจัดฉากขึ้นเพื่อรับใช้วาระของ Deep State ภาพลักษณ์ที่เธอสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันเป็นเพียงหน้ากากสำหรับผลประโยชน์ของชนชั้นสูงเท่านั้น เบื้องหลังมุมมองของสาธารณชน เธอยังคงรักษาอำนาจของ Deep State เอาไว้ แต่การเลือกตั้งในปี 2024 ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยชัยชนะของทรัมป์ กลุ่มรักชาติได้รับอำนาจในการนำความจริงมาเปิดเผย

    พันธมิตรและสายสัมพันธ์ลับๆ ของกมลากำลังคลี่คลาย และกลุ่มหมวกขาวก็ไม่ยอมลดละ เปิดเผยเครือข่ายของเธอ สายสัมพันธ์ของเธอกับ CIA, FBI และหน่วยงานลับอื่นๆ กลายเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ

    ไม่มีที่ใดให้หนีอีกแล้ว

    เส้นทางหลบหนีของกมลาหายไปแล้ว และคนควบคุมระดับสูงของเธอก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้ กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ นี่ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเท่านั้น แต่เป็นการกำจัดผู้ปฏิบัติการที่ฝังตัวมากที่สุดคนหนึ่งของ Deep State ด้วยกลยุทธ์ และจุดหมายปลายทางก็ถูกกำหนดไว้แล้ว: กวนตัน เธอไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เธอเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรยศ หุ่นเชิดของผลประโยชน์ของโลกาภิวัตน์ที่เผชิญกับความยุติธรรมที่แท้จริงในขณะนี้

    กวนตานาโมรออยู่: จุดจบของการปกครองของกมลา

    สิ่งอำนวยความสะดวกที่กวนตานาโม ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับคนทรยศต่อประเทศชาติ พร้อมแล้ว การบ่อนทำลายประชาธิปไตยของกมลาและความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้าหน้าที่โลกาภิวัตน์กำลังถูกเปิดโปง นี่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกร้องความสมบูรณ์ของอเมริกาคืนมาด้วย ผู้รักชาติได้เปิดเผยแผนการของเธอ บทบาทของเธอในการทำให้การเลือกตั้งไม่มั่นคง และการทรยศต่อประชาชนของเธอ

    คำสั่งโดยตรงของทรัมป์

    ด้วยการกลับมาของทรัมป์ กองทัพกำลังดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมาย คำสั่งของเขาในการนำกมลาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เกี่ยวกับการแก้แค้น แต่เป็นการทำลายผู้นำทุกคนของดีพสเตต พันธมิตรทางทหารของทรัมป์พร้อมที่จะดำเนินการตามภารกิจนี้ให้สำเร็จ หลายคนที่เคยปกป้องเธอตอนนี้กำลังร่วมมือกับกลุ่มหมวกขาว โดยเข้าใจถึงผลที่ตามมา

    การล่มสลายของกมลาส่งสารบางอย่าง

    การจับกุมเธอไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนที่คิดว่าพวกเขาสามารถจัดการระบบได้ กลุ่มหมวกขาวจะไม่หยุดจนกว่าคนทุจริตทุกคนจะต้องเผชิญกับความยุติธรรม การล่มสลายของกมลาเป็นหลักฐานว่าอเมริกาของทรัมป์จะไม่ยอมทนต่อการทรยศ ผู้รักชาติทุกที่ต่างได้เห็นความจริงที่ถูกเปิดเผย

    ความยุติธรรมสำหรับประชาชน

    การมาถึงของกมลาที่กวนตานาโมนั้นไม่ใช่แค่สัญลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการฟื้นคืนความยุติธรรมอีกด้วย เธอเป็นตัวแทนของระบบที่ทุจริต แต่ตอนนี้ผู้รักชาติกำลังเรียกร้องประเทศของตนคืน วันแห่งการชดใช้ของเธอใกล้เข้ามาแล้ว และประชาชนกำลังเฝ้าดูอยู่ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวกำลังรื้อถอนกลุ่มดีพสเตตทีละชิ้น ในอเมริกาของทรัมป์ การทรยศจะไม่ลอยนวลพ้นโทษ
    ..ข่าวอีกด้าน(จริงเท็จมิทราบ) .. ระเบิด! Kamala Harris กำลังหลบหนี! กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ขณะที่การกลับมาของทรัมป์ส่งสัญญาณการล่มสลายของหุ่นเชิด Deep State – GITMO รออยู่! Kamala Harris ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งของ Deep State กำลังวิ่งหนีเพื่อหลบซ่อน หลังจากชัยชนะของทรัมป์ในปี 2024 โลกของเธอพลิกคว่ำ สถานการณ์พลิกผัน และ Kamala ตกเป็นเหยื่อ กลุ่มหมวกขาวกำลังเข้าใกล้ ตั้งใจที่จะนำเธอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บทบาทของเธอในฐานะหุ่นเชิดเพื่อการจัดการของชนชั้นสูงสิ้นสุดลงแล้ว และเธออยู่บนเส้นทางเดียวสู่ GITMO ทุกการกระทำที่ซ่อนเร้น ทุกข้อตกลงที่เธอทำในความลับ ถูกเปิดเผยแล้ว เธอไม่ใช่รองประธานาธิบดีอีกต่อไป เธอเป็นเพียงผู้หลบหนีที่หลบหนีจากความจริง บทบาทที่แท้จริงของ Kamala ถูกเปิดเผย เป็นเวลาหลายปีที่การเติบโตของ Kamala ถูกจัดฉากขึ้นเพื่อรับใช้วาระของ Deep State ภาพลักษณ์ที่เธอสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันเป็นเพียงหน้ากากสำหรับผลประโยชน์ของชนชั้นสูงเท่านั้น เบื้องหลังมุมมองของสาธารณชน เธอยังคงรักษาอำนาจของ Deep State เอาไว้ แต่การเลือกตั้งในปี 2024 ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยชัยชนะของทรัมป์ กลุ่มรักชาติได้รับอำนาจในการนำความจริงมาเปิดเผย พันธมิตรและสายสัมพันธ์ลับๆ ของกมลากำลังคลี่คลาย และกลุ่มหมวกขาวก็ไม่ยอมลดละ เปิดเผยเครือข่ายของเธอ สายสัมพันธ์ของเธอกับ CIA, FBI และหน่วยงานลับอื่นๆ กลายเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ ไม่มีที่ใดให้หนีอีกแล้ว เส้นทางหลบหนีของกมลาหายไปแล้ว และคนควบคุมระดับสูงของเธอก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้ กลุ่มหมวกขาวติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเธอ นี่ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเท่านั้น แต่เป็นการกำจัดผู้ปฏิบัติการที่ฝังตัวมากที่สุดคนหนึ่งของ Deep State ด้วยกลยุทธ์ และจุดหมายปลายทางก็ถูกกำหนดไว้แล้ว: กวนตัน เธอไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เธอเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรยศ หุ่นเชิดของผลประโยชน์ของโลกาภิวัตน์ที่เผชิญกับความยุติธรรมที่แท้จริงในขณะนี้ กวนตานาโมรออยู่: จุดจบของการปกครองของกมลา สิ่งอำนวยความสะดวกที่กวนตานาโม ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับคนทรยศต่อประเทศชาติ พร้อมแล้ว การบ่อนทำลายประชาธิปไตยของกมลาและความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้าหน้าที่โลกาภิวัตน์กำลังถูกเปิดโปง นี่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกร้องความสมบูรณ์ของอเมริกาคืนมาด้วย ผู้รักชาติได้เปิดเผยแผนการของเธอ บทบาทของเธอในการทำให้การเลือกตั้งไม่มั่นคง และการทรยศต่อประชาชนของเธอ คำสั่งโดยตรงของทรัมป์ ด้วยการกลับมาของทรัมป์ กองทัพกำลังดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมาย คำสั่งของเขาในการนำกมลาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้เกี่ยวกับการแก้แค้น แต่เป็นการทำลายผู้นำทุกคนของดีพสเตต พันธมิตรทางทหารของทรัมป์พร้อมที่จะดำเนินการตามภารกิจนี้ให้สำเร็จ หลายคนที่เคยปกป้องเธอตอนนี้กำลังร่วมมือกับกลุ่มหมวกขาว โดยเข้าใจถึงผลที่ตามมา การล่มสลายของกมลาส่งสารบางอย่าง การจับกุมเธอไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนเจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนที่คิดว่าพวกเขาสามารถจัดการระบบได้ กลุ่มหมวกขาวจะไม่หยุดจนกว่าคนทุจริตทุกคนจะต้องเผชิญกับความยุติธรรม การล่มสลายของกมลาเป็นหลักฐานว่าอเมริกาของทรัมป์จะไม่ยอมทนต่อการทรยศ ผู้รักชาติทุกที่ต่างได้เห็นความจริงที่ถูกเปิดเผย ความยุติธรรมสำหรับประชาชน การมาถึงของกมลาที่กวนตานาโมนั้นไม่ใช่แค่สัญลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการฟื้นคืนความยุติธรรมอีกด้วย เธอเป็นตัวแทนของระบบที่ทุจริต แต่ตอนนี้ผู้รักชาติกำลังเรียกร้องประเทศของตนคืน วันแห่งการชดใช้ของเธอใกล้เข้ามาแล้ว และประชาชนกำลังเฝ้าดูอยู่ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทรัมป์และกลุ่มหมวกขาวกำลังรื้อถอนกลุ่มดีพสเตตทีละชิ้น ในอเมริกาของทรัมป์ การทรยศจะไม่ลอยนวลพ้นโทษ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง

    โอ้..คุณพระ!

    #TomorrowandTomorrowandTomorrow
    นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม

    สนพ.แซลมอน
    แกเบรียล เซวิน เขียน
    สุวิชชา จันทร แปล
    พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566
    หนา 400 หน้า 495 บาท

    หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง

    เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ

    ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้

    💻

    แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก

    💻

    เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป

    💻

    เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง

    วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย

    💻

    ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย

    💻

    แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้

    💻

    เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย

    💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ

    (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ)

    1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ

    ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี

    .

    2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป

    ..

    3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว

    ...

    4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก

    ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด

    ....

    5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

    .....

    6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน

    7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง

    พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้.

    แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง

    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #วิดีโอเกม
    #นิยายแปล
    #การสร้างเกม
    เคยมีคำกล่าวว่าแมวมีเก้าชีวิตซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ที่ในความเป็นจริงก็ตายแล้วตายเลยไม่ต่างจากสัตว์อื่นหรือมนุษย์ โตขึ้นมาสักหน่อยประมาณช่วงมัธยมต้น ช่างประปานามว่ามาริโอ้ทำให้ผมทึ่ง เพราะในอาณาจักรเห็ดแล้ว เขามีชีวิตได้สูงสุดถึง 99 ครั้ง โอ้..คุณพระ! #TomorrowandTomorrowandTomorrow นี่คือหนังสือที่เปิดเผยวงการสร้างเกมวิดีโอได้เจาะลึกและน่าสนใจมากเล่มหนึ่งที่มีอยู่ไม่มากนักในตลาด ที่สำคัญมีอะไรมากไปกว่าแค่เรื่องเด็กสร้างเกม สนพ.แซลมอน แกเบรียล เซวิน เขียน สุวิชชา จันทร แปล พิมพ์เมื่อ กรกฎาคม 2566 หนา 400 หน้า 495 บาท หนังสือเล่มใหญ่มากแถมยังหนา ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานพ็อกเก็ตบุ๊กทั่วไปพอสมควร เป็นอุปสรรคในการถืออ่านพอสมควร ด้วยความหนักบวกเทอะทะ จึงไม่เหมาะพกพาอ่านนอกสถานที่เท่าใดนัก แต่นี่ไม่ทำให้ใจที่อยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้างลดน้อยลง เปิดประตูสู่โลกในจินตนาการ ด้วยเหตุใดก็ตามที่บันดาลให้เด็กหญิงเซดีน กรีน เชื้อสายอเมริกันยิว ในวัยสิบกว่าปีที่มาเยี่ยมพี่สาวอายุห่างจากเธอ 2 ปีกับแม่ แล้วทำให้พี่สาวแหกปากลั่น จนแม่ต้องไล่ให้เซดีออกไปนอกห้องสักพัก จนเธอเดินเปะปะมาเจอกับ แซม เมเซอ ที่เป็นเด็กชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีหน้าตาแปลก และเท้ามีปัญหา ซึ่งกำลังจดจ่อกับการบังคับมาริโอ้ เกมจากเครื่องเล่นนินเทนโดในห้องสันทนาการ ถือได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสายใยพิเศษพิสดาร ที่จะผูกโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันไปอีกนานหลายสิบปีนับจากนี้ 💻 แม้จะไม่เคยมีใครสามารถทำให้แซมอ้าปากพูดได้มาก่อน นับตั้งแต่เขาอยู่ใน รพ.มาเป็นระยะเวลากว่าหกสัปดาห์ แต่เซดี คือบุคคลอันน่าเหลือเชื่อ ที่ทั้งหมอ และพยาบาลต่างแปลกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนับแต่เดินไปเห็นเขา แล้วยืนชมแซมเล่นตัวมาริโอ้ด้วยเทคนิกชั้นเซียน จนอีกไม่กี่อึดใจถัดมา แซมก็เอ่ยปากคุยกับเธอเกี่ยวกับเกมที่เขากำลังเล่น จากนั้นทั้งสองก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ราวกับรู้จักกันดีมาเป็นเวลานานทั้งที่เพิ่งจะพบกันในวันนั้นเป็นครั้งแรก 💻 เหตุนี้เอง หมอและพยาบาลจึงอยากให้แม่ของเซดี ยอมให้เธอมาที่รพ.บ่อย ๆ และเป็นเพื่อนคุยกับแซม เพื่อหวังว่าจะช่วยให้เขาแจ่มใสร่าเริงขึ้น หลังประสบเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ทำให้เท้าของเขามีปัญหาไม่ธรรมดา ซึ่งเซดีเองก็ยินดี เธอและแซมเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องของวิดีโอเกม จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่รู้จักกันได้ไม่กี่เดือน และไปกระทบกระเทือนใจของแซมอย่างรุนแรงจนเขาผิดหวังและไล่เธอไม่ให้มาพบเจอกันอีกต่อไป 💻 เวลาผ่านไปหลายปี เซดีเรียนต่อที่ mit ทางด้านสาขาการออกแบบเกม ส่วนแซมเข้าฮาร์วาร์ดได้ เขาถนัดด้านคณิตศาสตร์ เท้าเจ้ากรรมยังคงแย่ไม่แพ้สมัยเด็ก แซมได้รูมเมตเป็นลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกันญี่ปุ่นชื่อว่า มาร์กซ์ วาตานาเบะ ผู้มีจิตใจดีและเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือแนะนำเขาในหลายเรื่อง วันหนึ่ง แซม ได้พบกับเซดี ในระหว่างทางที่กำลังจะขึ้นรถไฟใต้ดิน เขาอดใจไม่ไหวร้องเรียกเธอ แล้วได้คุยกันสั้น ๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงอดีต เธอฝากแผ่นเกมสำหรับเล่นกับเครื่องพีซีให้เขาไว้ บอกว่าเป็นเกมที่เธอสร้างเอง เล่นจบแล้วรู้สึกอย่างไรช่วยติดต่อบอกด้วยตามที่อยู่อีเมล จากนั้นต่างแยกย้าย 💻 ระหว่างนั้นเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายกับเซดี ที่ทำให้เธอสิ้นหวังและหมดพลังในชีวิต แต่เป็นแซมที่พยายามหาทางติดต่อกลับ แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากเธอเลย วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจเดินด้วยเท้าสภาพเน่า ๆ เสี่ยงไปยังที่พักของเธอ เมื่อได้พบกันเซดีเหมือนผีตายซากที่รอเวลาแห้งเหี่ยว แซมมาหาเธอทุกวันจนในที่สุด สาวน้อยคนเก่ากลับฟื้นคืนสติเป็นผู้เป็นคน จนยอมรับข้อเสนอมาร่วมกันสร้างเกมกับเขาในช่วงปิดภาคเรียนไม่กี่เดือน เพื่อต้องการสานฝันให้เป็นจริง ซึ่งต่อมาทั้งสองได้มาร์กซ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย 💻 แล้วตำนานแห่งสามสหายที่ให้กำเนิดโคตรเกมที่ยิ่งใหญ่และตีตลาดจนเป็นที่นิยมในวงกว้าง ก็ถือกำเนิดขึ้น นำพาผู้อ่านท่องสู่จักรวาลของผู้สร้างอันบรรเจิดเพริศแพร้ว จนมีหลายบริษัทเข้าแถวอยากทำสัญญาด้วย ต่อมาโชคชะตาเอื้ออำนวย ให้ทั้งสามก่อตั้งบริษัทผลิตเกมเป็นของตน จนสร้างสรรค์ผลงานน่าจดจำป้อนสู่ตลาด มีทั้งที่ประสบความสำเร็จงดงาม และบางเกมก็โดนหามลงจากเวที ตลอดจนประสบพบเจออุปสรรคหลากหลายที่ล้วนแต่รุนแรงต่อเนื่องเป็นระลอกถึงกับเกือบจะล้มหายไปจากวงการ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้ 💻 เรื่องราวสุดแสนเข้มข้นน่าติดตามค้นหาอีกมากมาย รอคอยให้ผู้อ่านเช่นคุณเสาะแสวงหามาทดสอบ ต่อให้ไม่ใช่คนที่รักชอบในการเล่นวิดีโอเกมมาก่อนเลย ก็สามารถจะทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็ได้รับความบันเทิงควบคู่ไปด้วย 💽ความน่าทึ่งซึ่งปรากฏชัดหลังอ่านจบ (ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหนังสือ ต่อจากนี้ไปอาจมีกล่าวถึงเนื้อหาสำคัญบางส่วน โปรดพิจารณา ถ้าไม่กังวลก็ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ) 1. ผมทั้งถูกใจและขัดใจในขนาดรูปเล่มที่ทำออกมา คือถืออ่านไม่ถนัดมือ รูปภาพที่ทำปกก็ดูไม่เข้ากับเรื่องเกม ไม่ค่อยดึงดูดให้คนอยากอ่าน ไม่สื่อถึงเรื่องวงการเกม แต่เมื่ออ่านเนื้อหาภายในไปสักพักจึงเข้าใจที่มาของรูปคลื่น อ้อ ..ความเกี่ยวข้องกับเกมอยู่ตรงนี้เองสำคัญด้วยสิ แต่คนที่จะรู้ได้คือต้องอ่านก่อนเท่านั้นนี่คือจุดบอด นอกจากภาพปกก็การจัดทำอาร์ตเวิร์ก ทีแรกไม่ชอบเลย ทำไมถึงตั้งใจให้อักษรถูกวางเรียงเป็นพรืด ออกมาเป็นบล็อกราวกับก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถมยังเว้นพื้นที่ว่างด้านริมชิดขอบหนังสือนิดเดียว แต่กลับเว้นช่องว่างด้านหลังแถวอักษรเยอะ กลายเป็นเมื่อเปิดหน้าหนังสือออก จะมีบริเวณที่เว้นว่างซึ่งไม่มีอักษรเลยช่วงกึ่งกลางเล่มเป็นช่องโล่งกว้างใหญ่ มองแล้วแปลก ๆ ตัวอักษรที่ถูกเลือกใช้อีก ไม่ใช่แบบอักษรที่นิยม มองแล้วไม่นุ่มนวล ออกจะเป็นอักษรที่ดูแข็งทื่อและกระด้างเมื่อเรียงอยู่ด้วยกันเป็นแถวยาว แต่เมื่อมองไปมองมา พลิกอ่านไปสักระยะก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้น นี่มันเหมือนรูปแบบของตัวพิกเซลเลยนี่นา ความเป็นเหลี่ยม เป็นก้อน เป็นบล็อก หรือนี่คือความตั้งใจที่ได้รับการออกแบบไว้แต่แรกของผู้เขียนและสนพ. เนื่องจากไม่เคยเห็นฉบับภาษาอังกฤษจึงไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่เชื่อว่าฉบับแปลไทยก็คงจะพยายามทำออกมาโดยคงแนวคิดเดิมให้ได้มากสุด เมื่อคิดได้ดังนี้ จากที่ตอนแรกขัดใจกลักลายเป็นนึกชมขึ้นมาแทน ไม่รู้หรอกว่าจะใช่อย่างที่เดาไหม แต่ถ้าใช่ถือว่าทำสำเร็จ เพราะมันเข้ากับเรื่องราวที่กล่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมพอดี . 2. ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยกับรูปแบบการเขียนของแกเบรียลที่เหมือนกับเล่ม "หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ" คือคนอ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมากกับเรื่องที่ผู้เขียนเล่า เพราะเขาจะไม่มีการขึ้นบทใหม่ หรือใช้ย่อหน้า หรือเลขแบ่ง หรือเว้นวรรคที่ว่าง เพื่อแบ่งฉากให้รู้ชัดเจนว่านี่คือเรื่องราวของฉากใหม่ เหตุการณ์ใหม่ วันใหม่แล้วนะ เรียกว่าเล่าเรื่องฉากหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็ตัดจบไปดื้อ ๆ แล้วบรรทัดถัดไปก็เป็นเรื่องราวใหม่ที่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แถมไม่มีบรรยายเกริ่น แต่เริ่มด้วยบทสนทนาของตัวละครทันที ดังนั้นบ่อยครั้งที่อ่านอยู่แล้วพอพลิกหน้าต่อไปก็เอ๋อ งงอยู่นานว่าทำไมเรื่องราวมันจึงไม่ต่อเนื่องกัน ตัวละครคุยกันเรื่องหนึ่ง ไฉนกลายเป็นใครไม่รู้มาคุยในอีกเรื่องหนึ่ง กว่าจะทำความเข้าใจว่า อ๋อ..นี่คือตอนใหม่ คนละช่วงเวลาแล้วนะก็เบลอเป็นระยะ เพราะปรากฏลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งการจัดวางรูปแบบให้แถวอักษรเรียงเท่ากันเป็นตับด้วยแล้ว จึงยิ่งทำให้การอ่านนั้นยากขึ้น แต่เมื่อชินกับสไตล์การเขียนของเขาแล้ว ช่วงหลัง ๆ ก็จะเริ่มอ่านง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหนังสือของนักเขียนคนนี้ อ่านเร็วไม่ได้ ต้องค่อย ๆ อ่านอย่างจดจ่อแล้วคิดตามไป .. 3. การเล่าเรื่องเป็นมุมมองอย่างพระเจ้าที่มองเห็นความคิด ความในใจของตัวละครทั้งหมด เพียงแต่ผู้เขียนเลือกที่จะเล่าเท่าที่อยากบอกในช่วงแรกแค่นิดหน่อย แล้วค่อย ๆ เผยเรื่องราวความลับของตัวละครหลักทั้งสามออกมาทีละนิดในภายหลัง ชนิดปิดทั้งตัวละครอื่นในเรื่องเองที่ไม่รู้ความจริง รวมถึงปิดคนอ่านด้วย โดยมาเปิดให้รู้ภายหลังเมื่อถึงช่วงที่สำคัญในจังหวะและบรรยากาศ ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นไต่ระดับถึงจุดอิ่มของตัวละครที่ดำเนินอยู่พอดี ทั้งตัวละครบางตัวรวมถึงคนอ่าน จะได้รู้เรื่องราวในอดีตไปพร้อมกัน จึงเกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอกในเรื่อง กลายเป็นแรงผลักดันให้นิยายเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผู้เขียนต้องการ ซึ่งนับว่ามีความชาญฉลาดที่เลือกการทยอยเล่าความจริง ได้เหมาะเจาะกับฉากนั้นอย่างลงตัว ... 4. เชื่อว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ ทิศทางความชอบหรือไม่ชอบหลังอ่านจบแล้วจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มที่ชอบถึงชอบมาก กับกลุ่มที่ไม่ชอบเลย หลายคนที่ยังไม่เคยอ่านและไม่คิดจะอ่าน เพียงเพราะคิดว่าเนื้อหาอย่างนี้คงเหมาะกับผู้อ่านเฉพาะกลุ่ม คือคนที่เคยสัมผัสกับการเล่มวิดีโอเกมมาก่อนเท่านั้น คนที่ไม่เคยเล่นคงเข้าถึงได้ยากและน่าจะไม่สนุกแน่เลย ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แน่นอนว่าผมชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก แม้ในปัจจุบันเวลาชีวิตจะไม่อำนวยให้สามารถกลับไปเล่นได้เหมือนในอดีต ทว่าอยากยืนยันสิ่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมั่นใจ ถึงคนที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อน ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสนุก และไม่ได้เข้าใจยากจนเกินไปนัก ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจจะเป็นด่านที่ต้องใช้เวลาสักหน่อยก็จริง เพราะเรื่องถูกเล่าแบบไม่รีบร้อน อีกทั้งบรรยายรายละเอียดชีวิตของตัวเอกทั้งสองแบบไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นสนใจนัก ทว่าพอผ่านไปสักพักความรู้สึกเฉย ๆ กึ่งเริ่มจะเบื่อแล้วนะ จะค่อย ๆ หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้เรื่องราวต่อไปของทั้งเซดีนและแซม น่าแปลกเหมือนกัน แต่เหมือนบุคลิกและความสัมพันธ์ของทั้งสองมีแรงดึงดูดประหลาด ที่ทำให้ไม่อาจจะหยุดอ่าน คงคล้ายเมื่อเราได้เริ่มเล่นเกมสักเกมหนึ่งซึ่งทีแรกเกือบจะท้อแท้และบอกตัวเองว่า เกมอะไรไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย แต่ใจหนึ่งก็กระซิบบอกตัวเองว่า เล่นต่ออีกหน่อยน่าอย่าเพิ่งรีบยอมแพ้ และพอตั้งใจให้สมาธิกับการจดจ่อกับฉากตรงหน้าแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกมเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะเราเริ่มถูกดึงเข้าไปสู่โลกของมัน และการเล่นก็เข้าฝัก เกิดความคุ้นชิน ไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อดังที่คิด .... 5. สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงเกมมาก่อน อาจมีข้อได้เปรียบและสามารถสนุกไปกับเนื้อหาที่ผู้เขียนใส่เข้ามา มากกว่าคนกลุ่มอื่นพอสมควร เหมือนได้พบเจอเพื่อนเก่า เนื่องจากมีการกล่าวถึงชื่อเกมหลายเกมที่เป็นที่นิยมของบรรดาผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ประมาณช่วงยุคแปดศูนย์ ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่เคยแตะโลกของเกมมาก่อน ก็ยังสามารถสนุกไปกับเนื้อหายาวเหยียดได้เช่นกัน หากว่าชื่นชอบในการได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้นำเสนอให้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างเกมตั้งแต่ขั้นแรกเริ่มหรือพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นตอนทางความคิดการออกแบบตัวละคร ฉาก องค์ประกอบเรื่องราวเนื้อหา จนแล้วเสร็จไปถึงขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การแสดงงาน ให้สัมภาษณ์ เดินสายไปตามที่ต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้เขียนออกมาอย่างหนังสือวิชาการ แต่ผ่านการบอกเล่าอย่างมีชั้นเชิงของนิยาย ที่ผูกโยงเข้ากับเรื่องราวความใฝ่ฝันของตัวเอกทั้งสาม ที่อยากจะสร้างเกมที่นักเล่นทุกคนจะเล่นได้อย่างสนุกและรักมัน เป็นโลกที่พวกเขาจะไม่มีวันแพ้ เพราะถ้าตายก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ..... 6. ในเล่มนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา ศิลปะ การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่น อย่างเพื่อนร่วมงาน เพื่อนรัก คนในครอบครัว และจิตวิทยาการใช้ชีวิตและจูงใจคน รวมถึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกัน นี่ไม่ใช่แค่นิยายเพ้อฝันที่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มสาวสามคนที่อยากโลดแล่นในวงการนักออกแบบเกมเท่านั้นภายในจำนวนแถวอักษรยาวเหยียดที่เรียงเป็นตับกว่าสี่ร้อยหน้า โลกเบื้องหลังนั้นมีความซับซ้อน และโยงใยยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์ของคนต่อคน และคนกับสังคมวงกว้างอย่างลึกล้ำ ยิ่งอ่านก็ยิ่งดำดิ่งลงไปในเรื่องราวดราม่ากว่าจะมาเป็นเกมสักเกมให้คนเล่นเสพสมจนสนุกสนาน ทว่าชีวิตของคนสร้างที่ให้กำเนิดเกมฮิตนั้น เขาและเธอต้องพบเจอและผ่านด่าน อุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วกี่ร้อยกี่พันฉาก ปะปนทั้งน้ำตาและเสียงหัวเราะ ความขมขื่นที่ไม่มีใครรับรู้แม้แต่คนที่นึกว่าเป็นเพื่อนซึ่งเหมือนใกล้ชิดสุดกว่าใครอื่นในชีวิต ความว่างเปล่าโหวงเหวงที่บรรจุอยู่ภายในจิตใจ เมื่อถึงที่สุดได้แตกกระจายและขยายตัวออกสู่ภายนอก จนกระทั่งตัวเองไม่สามารถจัดการรับมือกับสิ่งที่เกิดและประเดประดังเข้าหา สิ่งที่หลงเหลือต่อจากนั้นพวกเขาแต่ละคนจะจัดการเส้นทางชีวิตตนอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง และเก็บสาระที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตน 7. ผมชอบเนื้อหาในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างแซม กับมาร์กซ์ แซมกับเซดี และมาร์กซ์กับเซดี ที่มีมุมแตกต่างให้เราได้ศึกษา ได้เห็นถึงน้ำใจที่ไม่ธรรมดาที่พวกเขามีให้กัน ในขณะเดียวกันเมื่อมีโจทย์มาทดสอบความเป็นเพื่อนและมิตรภาพของพวกเขา แต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นปุถุชนคนทั่วไป ที่ยังรักตัวรักตนมากเหนือสิ่งอื่นใด จึงในบางคราวก็รับบทบาทร้ายกาจไร้ซึ่งเหตุผลอันสมควรได้เหมือนกัน แม้นเป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายเมื่อกาลเวลาหมุนผ่านยาวนานเพียงพอ คนเราก็จะเติบโตขึ้น เรียนรู้จากความบกพร่องผิดพลาดของตนในอดีต และเข้าใจโลกมากกว่าเก่า จนสามารถจะปลดปล่อยปลงวางปมที่เคยขมวดแน่นในใจ ให้คลี่คลายลงแล้วก้าวข้ามผ่านเกมชีวิตจริง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมดังชื่อเรื่อง พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้ และ พรุ่งนี้. แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นที่นักอ่านท่านอื่นอาจจะไม่ได้เห็นเช่นเดียวกันก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพียงหวังใจว่าใครที่มีเล่มนี้อยู่ที่บ้านแต่ยังไม่ได้อ่าน จะเกิดความรู้สึกอยากทำความรู้จักกับ แซม, มาร์กซ์ และเซดี ขึ้นมาบ้าง #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #วิดีโอเกม #นิยายแปล #การสร้างเกม
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยันอย่างเดียวไม่เพียงพอหากขาดการสังเกต เพราะการสังเกตช่วยให้เราค้นพบทางลัดที่นำไปสู่เป้าหมายได้เร็วกว่า การขยันที่ไม่ได้ใช้สติปัญญาในการดูทิศทางอาจทำให้วนเวียนอยู่ที่เดิม เปรียบเหมือนวิ่งในเขาวงกตโดยไร้แผน ผู้นั้นจะพลาดโอกาสในการหาทางออกง่าย ๆ ที่อาจอยู่แค่ปลายตา เพราะขยันไปอย่างไร้ทิศทางจะไม่ช่วยให้สำเร็จ

    แท้จริงแล้ว ความสำเร็จเกิดจากการขยันที่ควบคู่กับความฉลาดในการตั้งคำถาม คนฉลาดมักตั้งคำถามใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดข้อสังเกต และเมื่อมีข้อสังเกต ความคิดสร้างสรรค์หรือการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็จะเกิดขึ้น การตั้งคำถามที่ฉลาดเป็นเหมือนบันไดที่ช่วยนำทางออกจากเขาวงกตไปยังจุดหมายได้ โดยไม่ต้องพยายามอย่างหนักเกินไป

    การฝึกตั้งคำถามและการสังเกตจึงสำคัญ เพราะคำถามทำให้เราไม่หยุดอยู่กับที่ เปิดโอกาสให้เราได้ค้นคว้าและคิดค้นแนวทางใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา การตั้งคำถามฉลาด ๆ ไม่เพียงสร้างมุมมองใหม่ ๆ ให้เราเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียใหม่ที่อาจทำให้เราก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องเหนื่อยเกินจำเป็น

    ขยันอย่างเดียวไม่เพียงพอหากขาดการสังเกต เพราะการสังเกตช่วยให้เราค้นพบทางลัดที่นำไปสู่เป้าหมายได้เร็วกว่า การขยันที่ไม่ได้ใช้สติปัญญาในการดูทิศทางอาจทำให้วนเวียนอยู่ที่เดิม เปรียบเหมือนวิ่งในเขาวงกตโดยไร้แผน ผู้นั้นจะพลาดโอกาสในการหาทางออกง่าย ๆ ที่อาจอยู่แค่ปลายตา เพราะขยันไปอย่างไร้ทิศทางจะไม่ช่วยให้สำเร็จ แท้จริงแล้ว ความสำเร็จเกิดจากการขยันที่ควบคู่กับความฉลาดในการตั้งคำถาม คนฉลาดมักตั้งคำถามใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดข้อสังเกต และเมื่อมีข้อสังเกต ความคิดสร้างสรรค์หรือการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็จะเกิดขึ้น การตั้งคำถามที่ฉลาดเป็นเหมือนบันไดที่ช่วยนำทางออกจากเขาวงกตไปยังจุดหมายได้ โดยไม่ต้องพยายามอย่างหนักเกินไป การฝึกตั้งคำถามและการสังเกตจึงสำคัญ เพราะคำถามทำให้เราไม่หยุดอยู่กับที่ เปิดโอกาสให้เราได้ค้นคว้าและคิดค้นแนวทางใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา การตั้งคำถามฉลาด ๆ ไม่เพียงสร้างมุมมองใหม่ ๆ ให้เราเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียใหม่ที่อาจทำให้เราก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องเหนื่อยเกินจำเป็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว
    กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล
    เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา
    ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566
    เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้
    นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้
    ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า
    เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม
    ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ปากบอกแค่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย แต่ไฉนทนายจุ๊กกรู้ เดชา ดันสอดแทรกการเชียร์ ทนายตั้ม สวนกระแส ไม่แคร์สื่ออยู่คนเดียว กระแสเสียงในโลกโซเชียลจึงเริ่มก่อตัวเข้าไปตั้งคําถามกับจุดยืนของนายเดชาทําไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนหนึ่งที่สุดจะทนกับลีลาของนายเดชาที่ให้ความรู้ข้อกฎหมายแบบมีเหลี่ยมซ่อนเร้น จนต้องออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์ตรงตรงก็คือ สื่อใหญ่สนธิลิ้มทองกุล เพราะสนธิเห็นว่าทนายเดชาเหมือนพยายามช่วยเหลือทนายตั้มในคดีฉ้อโกงพี่อ้อยจตุพรอุบลเลิศนางฟ้าเดินดิน แม้จะมาในรูปแบบอีแอบ ก็เป็นเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่อาจรับได้อีกต่อไปจึงพูดเตือนสติทนายเดชาว่าคนเป็นทนายความควรจะเห็นใจผู้เสียหายที่ถูกกระทํา มากกว่าไปเห็นใจคนกระทํา ที่ผ่านมาทนายจุ๊กกรู้พูดแก้ต่างให้ทนายตั้มเพื่อนต่างวัยในหลายประเด็นอย่างเรื่องอายุความคดีฉ้อโกง นายเดชาถึงกับปั่นแรงๆว่าคดีนี้หมดอายุความแล้ว อ้างว่าเจ้าทุกข์ต้องแจ้งความภายในสามเดือนขณะที่คดีนี้พี่อ้อยโอนเงินให้ทนายตั้มไปตั้งแต่ต้นปี 2566 เท่ากับขาดอายุความทั้งที่ความรู้ทางกฎหมายระดับเบสิกใครก็รู้ทั้งนั้นว่าภายในสามเดือนที่ว่านั้นคือสามเดือนนับจากรู้ตัวว่าถูกโกง ไม่ใช่สามเดือนนับจากวันโอนเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงทําไมคนจบเนติบัณฑิตถึงตีความกฏหมายออกมาเช่นนี้ นอกจากนี้ นายเดชายังชี้ว่าการที่กองปราบปรามสอบแล้วสอบอีกนานขนาดนี้อาจหมายถึงคดีไม่มีน้ําหนักเอาผิดทนายตั้มไม่ได้ ทางด้านสนธิลิ้มทองกุลชี้ว่าคําพูดนี้ของนายเดชาเป็นการตีความที่ผิดเพราะที่จริงแล้วการสอบแล้วสอบอีกมันหมายถึงกองปราบ กําลังทําคดีให้รัดกุมที่สุดต่างหากและกองปราบก็คงไม่รับทําคดีที่หมดอายุความแล้วจะเห็นว่ามุมมองของสนธิ เป็นคนละเรื่องกับที่ทนายเดชาพยายามสื่อให้สังคมสับสน สนธิลิ้มทองกุลยังฝากไปถึงนายเดชาว่า แม้ว่ายังรบไม่จบกับทนายตั้ม แต่ถ้านายเดชาต้องการก็พร้อมจะรบกับนายเดชาอีกคนไปพร้อมกันและท้าว่าหากนายเดชาไม่พอใจ จะฟ้องหมิ่นประมาทอะไรก็เอาเลยเชิญตามสบายปรากฏว่านายเดชาตอบคําถามเรื่องนี้ในรายการหนึ่งว่า เขาไม่คิดจะฟ้องสนธิหรือใครๆเขาแค่แสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพราะเขาเป็นคนเล่นพวก ไม่กระทืบพวกเดียวกันคําตอบนี้ของนายเดชาตอกย้ําจุดยืนชัดเจนเลยว่า พวกพ้องของเขาต้องมาก่อนความถูกต้องชอบธรรม ตอนนี้คนทั้งประเทศมองเห็นถึงเล่ห์ฉ้อฉลของโจรที่เป็นทนายแต่ทนายเดชา กิตติวิทยานันกลับขยันตีความกฎหมายให้เข้าทางโจรซะอย่างนั้นนะจ๊ะ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • 05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก!

    ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง?

    หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ)
    05 พฤศจิกายน 67
    10.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก! ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง? หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ) 05 พฤศจิกายน 67 10.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม

    พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
    ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ภูมิธรรม" ร้องโอ้โห! "กิตติรัตน์" ถูกมองแทรกแซงแบงค์ชาติ ถูกส่งมาจากฝ่ายการเมือง หลังเคยเป็นสมาชิกเพื่อไทย - มองเป็นคนมีความรู้การเงินการคลัง หากเข้าไปได้ จะเต็มเติม - ชี้ยังไม่เห็นประเด็นที่ต้องคัดค้าน

    วันนี้ (4พ.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเลื่อนประชุมคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. หลังมีชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งในแคนดิเดต ว่า ตนได้ยินว่าวันนี้เขาเลื่อน ต้องไปถาม นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ ประธานคัดเลือกประธานกรรมการคัดเลือกและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ธปท. ว่าทำไมถึงเลื่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และไม่ใช่เรื่องของตน

    ส่วนที่มีกระแสโจมตีว่านายกิตติรัตน์ มาจากฝ่ายการเมืองนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยแล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปหาข้อสรุป และต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ตัวบทกฎหมาย เมื่อนายกิตติรัตน์อยากสมัคร เมื่อมีโอกาสและเงื่อนไขอยากสมัครก็สมัคร แต่ถ้าตามกฎระเบียบ มันเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องถูกปฏิเสธไปแต่ถ้าเป็นได้ก็ไปว่ากัน แล้วจริงๆ ตนยังไม่เห็นประเด็น ว่าทำไมต้องคัดค้านนายกิตติรัตน์

    เมื่อถามว่าเพราะมองว่านายกิตติรัตน์มาจากฝ่ายการเมืองอาจจะมีการแทรกแซง ผู้ว่า ธปท.เกิดขึ้น นายธรรม ร้อง โอ้โห ถ้าวันนี้รัฐธรรมนูญบอกว่าทุกคน เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เสร็จแล้วก็ไปทำงานไม่ได้เลย ซึ่งตนคิดว่าการที่นายกิตติรัตน์เข้าไป ก็เป็นมืออาชีพมีความรู้เรื่องทางการเงินและการคลัง หากนายกิตติรัตน์เข้าไปก็เป็นมองว่าเป็นการเข้าไปเติมเต็มให้มีการพูดคุยกัน ในมุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ต้องไปถามนายกิตติรัตน์ ตนตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเข้าสู่กระบวนการ และกระบวนการตัดสินใจ เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ก็อยู่ที่บอร์ดของแบงค์ชาติ ที่ตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมา ก็ต้องไปถามทางนั้น

    #MGROnline #ภูมิธรรม #กิตติรัตน์ #แบงค์ชาติ
    "ภูมิธรรม" ร้องโอ้โห! "กิตติรัตน์" ถูกมองแทรกแซงแบงค์ชาติ ถูกส่งมาจากฝ่ายการเมือง หลังเคยเป็นสมาชิกเพื่อไทย - มองเป็นคนมีความรู้การเงินการคลัง หากเข้าไปได้ จะเต็มเติม - ชี้ยังไม่เห็นประเด็นที่ต้องคัดค้าน • วันนี้ (4พ.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเลื่อนประชุมคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท. หลังมีชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหนึ่งในแคนดิเดต ว่า ตนได้ยินว่าวันนี้เขาเลื่อน ต้องไปถาม นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ ประธานคัดเลือกประธานกรรมการคัดเลือกและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ธปท. ว่าทำไมถึงเลื่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และไม่ใช่เรื่องของตน • ส่วนที่มีกระแสโจมตีว่านายกิตติรัตน์ มาจากฝ่ายการเมืองนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยแล้วนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปหาข้อสรุป และต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ตัวบทกฎหมาย เมื่อนายกิตติรัตน์อยากสมัคร เมื่อมีโอกาสและเงื่อนไขอยากสมัครก็สมัคร แต่ถ้าตามกฎระเบียบ มันเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องถูกปฏิเสธไปแต่ถ้าเป็นได้ก็ไปว่ากัน แล้วจริงๆ ตนยังไม่เห็นประเด็น ว่าทำไมต้องคัดค้านนายกิตติรัตน์ • เมื่อถามว่าเพราะมองว่านายกิตติรัตน์มาจากฝ่ายการเมืองอาจจะมีการแทรกแซง ผู้ว่า ธปท.เกิดขึ้น นายธรรม ร้อง โอ้โห ถ้าวันนี้รัฐธรรมนูญบอกว่าทุกคน เป็นสมาชิกพรรคการเมือง เสร็จแล้วก็ไปทำงานไม่ได้เลย ซึ่งตนคิดว่าการที่นายกิตติรัตน์เข้าไป ก็เป็นมืออาชีพมีความรู้เรื่องทางการเงินและการคลัง หากนายกิตติรัตน์เข้าไปก็เป็นมองว่าเป็นการเข้าไปเติมเต็มให้มีการพูดคุยกัน ในมุมมองที่กว้างขึ้น แต่ก็ต้องไปถามนายกิตติรัตน์ ตนตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเข้าสู่กระบวนการ และกระบวนการตัดสินใจ เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ก็อยู่ที่บอร์ดของแบงค์ชาติ ที่ตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมา ก็ต้องไปถามทางนั้น • #MGROnline #ภูมิธรรม #กิตติรัตน์ #แบงค์ชาติ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว 4 พ.ย.

    เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว
    .
    วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง
    .
    นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท.
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร
    .
    ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน
    ..............
    Sondhi X
    ข่าว 4 พ.ย. เลื่อนเคาะเลือกประธาน ธปท. 'กิตติรัตน์' ตัวเต็งแต่มีชนัก เหตุคดีขายข้าวติดตัว . วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นวันที่บรรดาคนในแวดวงการเงินการธนาคารต่างจับตาไปที่การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากมีชื่อของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งคนสำคัญที่มีโอกาสคว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครอง . นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการประชุมในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้เวลา 14.00 น.เพื่อประชุมลงมติว่าจะคัดเลือกบุคคลใดเป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่ ซึ่งยืนยันว่ากรรมการสรรหาฯแต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง และต้องเป็นไปตามหลักการ คือ บุคคลที่จะได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ และมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ มีส่วนได้เสียอย่างมีนัยยะสำคัญกับธปท.หรือไม่ โดยลักษณะต้องห้ามนั้นมีหลายกรณี เช่น ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ต้องไม่เป็นข้าราชการการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือมีตำแหน่งในคณะทำงานของพรรคการเมือง ส่วนเรื่องคุณสมบัติ จะต้องมีความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือขัดแย้งทางผลประโยชน์กับธปท. . ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการสรรหาฯ ได้มีการให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหาฯไปตรวจสอบหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคน คือนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อดีตอธิบดีกรมศุลกากร -อดีตผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อดีตผู้ตรวจกระทรวงการคลัง และนายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามต่างๆ เบื้องต้นพบว่าทั้งสามคนยังไม่มีกรณีต้องห้ามตามกฎหมาย แม้ว่าในกรณีของทั้งนายกุลิศ และ นายกิตติรัตน์ จะต่างเคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในอดีตมาก่อนก็ตาม เนื่องจากเป็นเพียงที่ปรึกษาทั่วไปไม่มีเงินเดือน และไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกับข้าราชการเมืองตามกฎหมาย อีกทั้งนายกิตติรัตน์ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว . อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายกิตติรัตน์นั้นมีประเด็นที่คณะกรรมการสรรหาฯต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติให้อุทธรณ์คดีขายข้าวอินโดนีเซียหรือคดี BULOG อินโดนีเซีย ที่นายกิตติรัตน์เคยตกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ฟ้องคดีว่าจะเห็นด้วยกับป.ป.ช.หรือไม่ จึงต้องรอดูว่าคณะกรรมการสรรหาฯจะมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร . ข่าวแจ้งว่า นายสถิตย์ ได้สั่งเลือกประชุมกรรมการสรรหาจากบ่าย2โมงวันนี้ ไปก่อน .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม

    ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า

    จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว

    ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต

    ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท

    #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    Like
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพวิดีโออีกหนึ่งมุมมองของขีปนาวุธข้ามทวีป (intercontinental ballistic missile - ICBM) ฮวาซอง-19 (Hwasong-19) ของเกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบการยิงไปเมื่อวันก่อน

    เกาหลีเหนืออ้างว่านี่เป็นขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์ที่ “ทรงอานุภาพที่สุด” ที่สุดในโลก
    ภาพวิดีโออีกหนึ่งมุมมองของขีปนาวุธข้ามทวีป (intercontinental ballistic missile - ICBM) ฮวาซอง-19 (Hwasong-19) ของเกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบการยิงไปเมื่อวันก่อน เกาหลีเหนืออ้างว่านี่เป็นขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์ที่ “ทรงอานุภาพที่สุด” ที่สุดในโลก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 61 0 รีวิว
  • ..อีกมุมมองหนึ่งก่อนปฐมบทกวาดล้างซาตาน.(จริงหรือเท็จ ไม่รู้)

    ..ข้อความที่ยอดเยี่ยมจากแดเนียล

    “เมื่อเราเอาชนะพายุแห่งการล่มสลายของคับบาลและระบบทั้งหมดของมัน เราก็สามารถเริ่มต้นได้... เริ่มส่องแสงของเรา เริ่มให้ความรู้แก่ลูกหลานของเราให้ดูแลการรักษาของมนุษยชาติและโลกนี้ด้วยความสามัคคี จิตสำนึก และความตระหนักในจิตวิญญาณ และกฎสากลควอนตัม แทนที่จะเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบหนูแข่ง 9 ถึง 5 งาน จำนองและเงินบำนาญด้วยความกลัวและความเครียดอย่างต่อเนื่องเนื่องจากภาพลวงตาของการแยกจากกันและความตาย ถึงเวลาแล้ว! ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงและการตระหนักรู้"

    ส่งความรัก ดาเนียล สโตติจน์


    ..อีกมุมมองหนึ่งก่อนปฐมบทกวาดล้างซาตาน.(จริงหรือเท็จ ไม่รู้) ..ข้อความที่ยอดเยี่ยมจากแดเนียล “เมื่อเราเอาชนะพายุแห่งการล่มสลายของคับบาลและระบบทั้งหมดของมัน เราก็สามารถเริ่มต้นได้... เริ่มส่องแสงของเรา เริ่มให้ความรู้แก่ลูกหลานของเราให้ดูแลการรักษาของมนุษยชาติและโลกนี้ด้วยความสามัคคี จิตสำนึก และความตระหนักในจิตวิญญาณ และกฎสากลควอนตัม แทนที่จะเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบหนูแข่ง 9 ถึง 5 งาน จำนองและเงินบำนาญด้วยความกลัวและความเครียดอย่างต่อเนื่องเนื่องจากภาพลวงตาของการแยกจากกันและความตาย ถึงเวลาแล้ว! ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงและการตระหนักรู้" ส่งความรัก ดาเนียล สโตติจน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า

    “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว !

    ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2

    แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย

    นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้

    เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ

    ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121

    การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้

    - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972)

    - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972)

    - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544)

    ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น

    ผิดทั้งหมด !

    เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว

    การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน

    แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ !

    ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้

    นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554

    นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด !

    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

    “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้

    อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ

    เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา

    แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย

    จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา !

    นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย

    โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน

    ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร

    ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ…

    “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้”

    การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก

    แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย

    โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน

    พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U

    วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา

    MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี

    แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด

    หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง

    ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ

    หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร

    ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ !

    ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน

    ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย

    แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982

    หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น

    เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ !

    หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้

    ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA

    #Thaitimes
    อดีตวุฒิสมาชิก นายคำนูณ สิทธิสมาน เขียนบทความสำคัญเรื่อง “เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้” เนื้อหาระบุว่า “ เกาะกูดเป็นของไทยมา 127 ปีแล้ว ! ตามหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 ข้อ 2 แต่ต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกาะที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบเท่านั้น หากหมายรวมถึงผืนน้ำโดยรอบทั้งหมด ทั้งส่วนที่ไม่ว่าจะเป็น “ทะเลอาณาเขต”, “เขตต่อเนื่อง”, “เขตเศรษฐกิจจำเพาะ” หรือ “ไหล่ทวีป” ด้วย นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ เพราะเกาะกูดแม้จะเป็น “เกาะ” แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ยึดถือกันอยู่ในปัจจุบันมีค่าเท่ากับ “แผ่นดิน(ของรัฐชายฝั่ง)” มีอาณาเขตทางทะเลของตนเหมือนกันทุกประการ ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 (UNCLOS 1982) ข้อ 121 การที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเขียนแผนที่หรือแผนผังแบบไหนก็ตามใน 3 แบบนี้ - แบบลากพาดผ่านตัวเกาะตรง ๆ (ก.ต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นประกอบการแถลงข่าวชี้แจงกฤษฎีกา 1972) - แบบลากมาหยุดอยู่ที่ตัวเกาะด้านทิศตะวันออก/เว้นตัวเกาะ/แล้วลากต่อออกจากตัวเกาะด้านทิศตะวันตกไปยังกลางอ่าวไทย (แผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ฝรั่งเศสที่ใช้เป็นแผนที่แนบท้ายกฤษฎีกาฯ 1972) - หรือล่าสุด จะเขียนเส้นโค้งเว้าอ้อมประชิดตัวเกาะด้านทิศใต้เป็นรูปตัว U (แผนผังแนบท้าย MOU 2544) ล้วนมีค่าเสมอกันทั้งสิ้น ผิดทั้งหมด ! เพราะเป็นการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย รวมทั้งอาจเป็นการแสดงออกทางกฎหมายถึงการรับรู้หรือยอมรับโดยปริยายซึ่งการมีอยู่และคงอยู่ของการจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทยดังกล่าว การที่ประกาศกฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชาอ้างหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 และสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตร์แดนติดท้ายหนังสือสัญญา ค.ศ. 1907 ที่มีแผนที่หรือแผนผังต่อท้ายปรากฎเส้นประ (dotted line) จากเกาะกูดถึงแผ่นดินชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดเพื่อแสดงจุดเล็งหาหลักเขตที่ 73 อันเป็นหลักเขตสุดท้ายด้านทิศใต้ของการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับกัมพูขา (อินโดจีนของฝรั่งเศสในปี 1907) โดยระบุเท็จว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับฝรั่งเศสแล้ว จากนั้นบนพื้นฐานเท็จดังกล่าวกฤษฎีกาก็กำหนดให้ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูดเป็นจุด “S” เพื่อรับช่วงเชื่อมต่อเส้นจากหลักเขตที่ 73 ที่กำหนดไว้เป็นจุด “A” เจือสมให้รับกับความมุ่งหวังให้เขตไหล่ทวีปของประเทศเขามีเส้นฐานตรง (Straight baseline) ลากตรงไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่จุด ”P” ด้านหนึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเปลือยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลเพื่อนบ้านเราเมื่อ 52 ปีก่อน แท้จริงแล้ว เป็นการเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องหาช่องเพื่อสนองเจตนาหวัง “ฮุบ” ทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทยเป็นสำคัญ ! ถ้าไม่มีเส้นเขตไหล่ทวีปแนว “A-S-P” ที่ผ่ากลางเกาะกูดมาจบที่กึ่งกลางอ่าวไทยก่อนวกลงใต้ ก็ไม่สามารถสนองเจตนา ”ฮุบ“ ทรัพยากรกลางอ่าวไทยได้ นายพลลอนนอล ประธานาธิบดีกัมพูชายุคนั้น เคยชี้แจงกับจอมพลประภาส จารุเสถียรเมื่อปี 2515-2516 ว่าเป็นการลากเส้นที่เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและบริษัทเอกชนตะวันตกที่ขอสัมปทานผลิตปิโตรเลี่ยมเสนอมา ทั้งนี้ จากการบอกเล่าของพล.ร.อ.ถนอม เจริญลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในคณะกรรมการพลายชุด (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ต่อสาธารณะ ณ สยามสมาคม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2554 นี่คือกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิด ! ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “นปก.เกาะกูด” มีการซ้อมรบทางยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี ล่าสุดก็เมื่อเดือนมีนาคม 2567 นี้ อย่างไรก็ดี การที่ทั้งกัมพูชาและไทยต่างประกาศเขตพื้นที่ไหล่ทวีปของตนออกมาในปี 1972 และ 1973 โดยมีความแตกต่างกันจึงก่อให้เกิดผลโดยธรรมชาติในประการสำคัญ เกิดสิ่งที่เรียกว่า “พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน” หรือ OCA ขึ้นมา แต่แม้จะเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ประเทศไทยก็ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการที่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้ว่ามีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนในอ่าวไทย จาก “ฮุบ” กัมพูชาแปรมาเป็น “ฮั้ว” ในเวลาต่อมา ! นั่นคือนับแต่มีความสงบในแผ่นดินตามสมควรในช่วงทศวรรษที่ 2530 กัมพูชาได้เริ่มกระบวนการเจรจาปัญหาเขตพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกับประเทศไทย โดยหลักคือขอแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ต้องพูดเรื่องเขตแดน ไม่ใช่แบ่งตัวเกาะกูดที่เป็นแผ่นดินโผล่พ้นน้ำและมีน้ำล้อมรอบ แต่เป็นการแบ่งทรัพยาการปิโตรเลี่ยมใต้ท้องทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิในเขตไหล่ทวีปที่แตกต่างและทับซ้อนกันของ 2 ประเทศ ระหว่างเส้น 1972 ของกัมพูชา กับเส้น 1973 ของไทย เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ไทยตอบสนองยอมรับการเจรจาด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ประการ ประการหนึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านพรมแดนประชิดติดกันเมื่อมีปัญหาใดก็ต้องพูดคุยกัน ประการสอง ไทยเองทางฟากฝั่งหน่วยงานด้านพลังงานก็ต้องการนำทรัพยากรปิโตรเลี่ยมขึ้นมาใช้เช่นกัน และประการสุดท้ายที่สำคัญมากเช่นกัน คือ ไทยทางฟากฝั่งกระทรวงการต่างประเทศต้องการเคลียร์เรื่องเส้นกำหนดเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาที่ผ่ากลางเกาะกูดตรงไปกลางอ่าวไทย ภาษาของคนทำงานด้านการต่างประเทศคือ… “พยายามเอาเส้น 1972 ลงให้ได้” การเจรจาเกิดขึ้นหลายยก แต่ไม่คืบหน้า เพราะกัมพูชายืนยันจะพูดแต่เรื่องแบ่งผลประโยชน์ ไม่พูดเรื่องเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศไทย โดนรุกหนัก ๆ ก็บอกว่าตามรัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ห้ามเปลี่ยนแปลงเขตแดน พอจะกล่าวได้ว่าคืบหน้ามากที่สุดคือเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) ไทยกับกัมพูชาได้ลงนามใน “บันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราขอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544“ หรือ “MOU 2544” ที่มีแผนผังจำลองเส้นเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชาเขียนแบบใหม่อ้อมประชิดเกาะกูดทางทิศใต้เป็นรูปตัว U วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก เพราะในมุมมองหนึ่งเสมือนเป็นครั้งแรกที่รัฐไทยยอมรับอย่างเป็นทางการถึงการมีอยู่ของพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน รวมทั้งการมีอยู่ของเขตไหล่ทวีป 1972 ของกัมพูชา MOU 2544 จะเป็นความคืบหน้าในทางบวกหรือลบกับประเทศไทย ถูกหรือผิด นี่เป็นประเด็นวิวาทะกันมายาวนานกว่า 20 ปี แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดำเนินการยกเลิกจริง ๆ ในที่สุด หมุดหมายทางประวัติศาสตร์ที่มีนัยสำคัญของปัญหานี้ผ่านมา 23 ปี ลูกสาวของนายกรัฐมนตรีคนที่ทำ MOU 2544 กับกัมพูชาได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วิวาทะเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะอย่างไร MOU 2544 คือทางตัน ไม่ใช่ทางออกของปัญหาแน่ แต่อาจเป็นได้แค่ทางออกจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ หากถามแบรวบยอดขอข้อสรุปสั้น ๆ ว่าทางออกของปัญหาคืออะไร ขอฟันธงว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ ! ทางแก้มีหนึ่งเดียวเป็นปฐมบท คือก่อนเดินหน้าเจรจาใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้อ่าวไทย ประเทศไทยต้องขอตรง ๆ ให้กัมพูชาปลดกระดุมเม็ดแรกที่จงใจกลัดผิดเมื่อปี 1972 ออกเสียก่อน ยกเลิกกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972 เสีย แล้วดำเนินการประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาด้านอ่าวไทยเสียใหม่ที่ไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของไทย โดยให้เป็นไปตามหลักการในบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หากเขตไหล่ทวีปที่กำหนดใหม่นั้นยังคงมีความแตกต่างกับเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยที่มีประกาศพระบรมราชโองการไว้เมื่อปี 2516 และยังคงมีพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนเหลืออยู่ หากไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปใหม่นั้นไม่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย จึงค่อยพิจารณาหาหนทางเจรจากัน ทั้งการปักปันเขตแดนทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรปิโตรเลี่ยมใต้ทะเลในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนที่ยังเหลืออยู่นั้น เอาเส้นฮุบปิโตรเลี่ยม 1972 ลงก่อน แล้วค่อยคุยกัน - ว่างั้นเถอะ ! หากกัมพูชาไม่อาจแก้ไขการกระทำที่ผิดในอดีต ก็ไม่มีเหตุใดให้ประเทศไทยต้องไปเจรจาด้วยในเรื่องนี้ ที่มา https://www.isranews.org/article/isranews-article/132953-thai-3.html?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0Y2pOmFG6gs__qtC3DLdEJhxo-f2CSzSda_vFloiUYKIrhaV-5FbhP3-k_aem_SPiVtR0CAy5ruurc2LQGTA #Thaitimes
    WWW.ISRANEWS.ORG
    เกาะกูดเป็นของไทย ทั้งตัวเกาะ-ทะเลอาณาเขต รัฐอื่นจะลากเส้นผ่ากลางไม่ได้
    ประเทศไทยดำเนินการตอบโต้มาโดยตลอดเป็นขั้นตอน เริ่มตั้งแต่มีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ตามด้วยการตั้งประภาคารและกระโจมไฟบนเกาะกูดรวม 6 จุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2517 รวมทั้งการส่งกำลังทางทหารเข้าประจำการและลาดตระเวนเพื่อรักษาอธิปไตยทั้งบนตัวเกาะและน่านน้ำโดยรอบ กำลังทหารยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งมาจนทุกวันนี้ โดยกองทัพเรือได้จัดตั้งหน่วยตรวจการพิเศษที่ 1 ขึ้นบนเกาะกูดเมื่อปี 2521 และเปลี่ยนชื่อเป็น “หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด” (อักษรย่อ “นปก.”) เมื่อปี 2529 เป็นกองกำลังเฉพาะกิจอยู่ภายใต้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ขึ้นตรงทางยุทธการกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • Benjamin Fulfort:

    แทบไม่มีสิ่งใดเลยที่ Jacob BAUER Rothschild ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสายเลือดของเขาไม่เกี่ยวข้องด้วย

    การก่อตั้งอิสราเอล

    การบังคับใช้ธนาคารกลาง

    ธงฟาเซล 9/11

    สงครามกับปาเลสไตน์

    กลุ่มล่ามนุษย์

    จักรวรรดิอังกฤษ - รวมถึงต่อไปนี้

    สหราชอาณาจักร

    แคนาดา

    ออสเตรเลีย

    นิวซีแลนด์

    อินเดีย

    ประเทศในแอฟริกา 19 ประเทศ

    แคริบเบียน

    (รวมถึงการที่ไทยต้องเสียดินแดน...)

    โดยคณะลูกขุนใหญ่

    คำพูด: สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในลอนดอนซิตี้ พื้นที่หนึ่งตารางไมล์ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ลอนดอนไม่ได้ถูกปกครองโดยรัฐบาลอังกฤษ แต่ในทางกลับกันกลับมีอำนาจเหนือลอนดอน

    ลอนดอนมีศาลและกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง และไม่เคยถูกท้าทายอำนาจอธิปไตยและการปกครองตนเอง ลอนดอนปกครองทั้งราชวงศ์และโลกเกือบทั้งหมด ชนชั้นสูงของอังกฤษเชื่อว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะกดขี่มนุษย์ที่เหลือซึ่งพวกเขามองว่าเป็น "ปศุสัตว์" ของพวกเขา

    ในมุมมองของพวกเขา พวกเขาเป็นเจ้าของประชากร ทั้งร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ประชาธิปไตยเป็นเพียงภาพลวงตาที่ปล่อยให้ประชาชนอยู่ตามลำพังในขณะที่ลอนดอนเป็นผู้สั่งการและดึงเชือก ชนชั้นสูงกลุ่มนี้พยายามหลายครั้งเพื่อสร้าง "ระเบียบโลกใหม่" แต่ทั้งหมดล้มเหลว พวกเขาเกือบจะประสบความสำเร็จในการปกครองสหรัฐอเมริกา แต่ก็ล้มเหลวที่นั่นเช่นกัน

    เท็กซัสกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะกำจัดกลุ่มธนาคารกลางสหรัฐออกจากรัฐทั้งหมด ร่วมกับอีกกว่า 40 ประเทศที่กำลังแนะนำระบบการเงินใหม่ หนี้ส่วนบุคคลของเราทั้งหมดอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ

    ทันทีที่เราเปลี่ยนไปสู่หน่วยการเงินอื่น เราก็จะไม่ถูกผูกมัดกับระบบหนี้ของภาคธนาคารอีกต่อไป ซึ่งจะล่มสลายลงพร้อมกับตลาดอนุพันธ์ที่เชื่อมโยงกับธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้เข้ามาควบคุมเมื่อหลายปีก่อน

    สิ่งที่เรากำลังเห็นคือการสิ้นสุดของระบอบการปกครองที่แสวงหาการครอบครองโลก บุคคลสำคัญที่มีความรับผิดชอบทั้งหมดกำลังถูกปลดออกทีละน้อย และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของพวกเขาก็สูญเสียการควบคุมรัฐบาลที่พวกเขาไม่ได้ควบคุมอีกต่อไปเช่นกัน

    ต้องขอบคุณเรื่องของ EPA

    ต้องขอบคุณกฎ Basel 3

    ต้องขอบคุณประเทศมากกว่า 40 ประเทศที่กลับมาใช้มาตรฐานทองคำ

    ทำไมคุณคิดว่า Blackrock จึงถอนตัวจากวาระเกี่ยวกับสภาพอากาศ คุณไม่สามารถพึ่งพาหน่วยงาน 3 ตัวอักษรในการขู่กรรโชก จ่ายสินบน รีดไถ หรือขู่กรรโชกนักการเมืองของสหรัฐฯ ให้ร่างกฎหมายที่บังคับให้รัฐบาลของเราปฏิบัติตามวาระที่บ่อนทำลายประเทศนี้ต่อไปได้อีกต่อไป

    คุณไม่รู้สึกแปลกใจหรือที่สหประชาชาติถูกปิดชั่วคราวเพราะจ่ายค่าไฟฟ้าไม่ได้? คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกแค่ไหนสำหรับคนที่อยากครอบครองโลกและไม่สามารถจ่ายค่าไฟฟ้ารายเดือนได้อีกต่อไป ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นของธนาคารที่พิมพ์เงินออกมาจากอากาศบางๆ

    นั่นคงบอกคุณได้ว่าพระเจ้ามีอารมณ์ขันเช่นกัน ตอนนี้คุณเห็นผู้เล่นหลักคนหนึ่ง ลอร์ดจาคอบ ร็อธส์ไชลด์ ถูกย้ายออกจากโลกใบนี้ ฉันรู้ว่าเรื่องนี้คงทำให้เบนจามิน เนทันยาฮูรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในตอนนี้

    พวกคุณทุกคนต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ลึกซึ้งแค่ไหน ตั้งแต่ปี 1871 เป็นอย่างน้อย สายเลือดทั้งหมดนี้มีความรับผิดชอบว่าทำไมเราถึงล้าหลังในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งเราทุกคนคาดหวังว่าจะได้รับการเผยแพร่ในที่สุดในไม่ช้าและเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล

    เพื่อให้สั้นลง ทุกสิ่งที่เราทำในการสืบสวนการทุจริตที่เกิดจากการผูกขาดของราชวงศ์อังกฤษและเงินของเมืองลอนดอนดูเหมือนจะย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานี้ประมาณปี 1870 เมื่อมีการปฏิวัติหลายครั้งโดยชนชั้นนำของอังกฤษ

    🔥 ในนามของไซออน 🔥
    Benjamin Fulfort: แทบไม่มีสิ่งใดเลยที่ Jacob BAUER Rothschild ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสายเลือดของเขาไม่เกี่ยวข้องด้วย การก่อตั้งอิสราเอล การบังคับใช้ธนาคารกลาง ธงฟาเซล 9/11 สงครามกับปาเลสไตน์ กลุ่มล่ามนุษย์ จักรวรรดิอังกฤษ - รวมถึงต่อไปนี้ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ประเทศในแอฟริกา 19 ประเทศ แคริบเบียน (รวมถึงการที่ไทยต้องเสียดินแดน...) โดยคณะลูกขุนใหญ่ คำพูด: สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในลอนดอนซิตี้ พื้นที่หนึ่งตารางไมล์ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ลอนดอนไม่ได้ถูกปกครองโดยรัฐบาลอังกฤษ แต่ในทางกลับกันกลับมีอำนาจเหนือลอนดอน ลอนดอนมีศาลและกองกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง และไม่เคยถูกท้าทายอำนาจอธิปไตยและการปกครองตนเอง ลอนดอนปกครองทั้งราชวงศ์และโลกเกือบทั้งหมด ชนชั้นสูงของอังกฤษเชื่อว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะกดขี่มนุษย์ที่เหลือซึ่งพวกเขามองว่าเป็น "ปศุสัตว์" ของพวกเขา ในมุมมองของพวกเขา พวกเขาเป็นเจ้าของประชากร ทั้งร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ประชาธิปไตยเป็นเพียงภาพลวงตาที่ปล่อยให้ประชาชนอยู่ตามลำพังในขณะที่ลอนดอนเป็นผู้สั่งการและดึงเชือก ชนชั้นสูงกลุ่มนี้พยายามหลายครั้งเพื่อสร้าง "ระเบียบโลกใหม่" แต่ทั้งหมดล้มเหลว พวกเขาเกือบจะประสบความสำเร็จในการปกครองสหรัฐอเมริกา แต่ก็ล้มเหลวที่นั่นเช่นกัน เท็กซัสกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะกำจัดกลุ่มธนาคารกลางสหรัฐออกจากรัฐทั้งหมด ร่วมกับอีกกว่า 40 ประเทศที่กำลังแนะนำระบบการเงินใหม่ หนี้ส่วนบุคคลของเราทั้งหมดอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทันทีที่เราเปลี่ยนไปสู่หน่วยการเงินอื่น เราก็จะไม่ถูกผูกมัดกับระบบหนี้ของภาคธนาคารอีกต่อไป ซึ่งจะล่มสลายลงพร้อมกับตลาดอนุพันธ์ที่เชื่อมโยงกับธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้เข้ามาควบคุมเมื่อหลายปีก่อน สิ่งที่เรากำลังเห็นคือการสิ้นสุดของระบอบการปกครองที่แสวงหาการครอบครองโลก บุคคลสำคัญที่มีความรับผิดชอบทั้งหมดกำลังถูกปลดออกทีละน้อย และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของพวกเขาก็สูญเสียการควบคุมรัฐบาลที่พวกเขาไม่ได้ควบคุมอีกต่อไปเช่นกัน ต้องขอบคุณเรื่องของ EPA ต้องขอบคุณกฎ Basel 3 ต้องขอบคุณประเทศมากกว่า 40 ประเทศที่กลับมาใช้มาตรฐานทองคำ ทำไมคุณคิดว่า Blackrock จึงถอนตัวจากวาระเกี่ยวกับสภาพอากาศ คุณไม่สามารถพึ่งพาหน่วยงาน 3 ตัวอักษรในการขู่กรรโชก จ่ายสินบน รีดไถ หรือขู่กรรโชกนักการเมืองของสหรัฐฯ ให้ร่างกฎหมายที่บังคับให้รัฐบาลของเราปฏิบัติตามวาระที่บ่อนทำลายประเทศนี้ต่อไปได้อีกต่อไป คุณไม่รู้สึกแปลกใจหรือที่สหประชาชาติถูกปิดชั่วคราวเพราะจ่ายค่าไฟฟ้าไม่ได้? คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกแค่ไหนสำหรับคนที่อยากครอบครองโลกและไม่สามารถจ่ายค่าไฟฟ้ารายเดือนได้อีกต่อไป ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นของธนาคารที่พิมพ์เงินออกมาจากอากาศบางๆ นั่นคงบอกคุณได้ว่าพระเจ้ามีอารมณ์ขันเช่นกัน ตอนนี้คุณเห็นผู้เล่นหลักคนหนึ่ง ลอร์ดจาคอบ ร็อธส์ไชลด์ ถูกย้ายออกจากโลกใบนี้ ฉันรู้ว่าเรื่องนี้คงทำให้เบนจามิน เนทันยาฮูรู้สึกประหม่าเล็กน้อยในตอนนี้ พวกคุณทุกคนต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ลึกซึ้งแค่ไหน ตั้งแต่ปี 1871 เป็นอย่างน้อย สายเลือดทั้งหมดนี้มีความรับผิดชอบว่าทำไมเราถึงล้าหลังในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งเราทุกคนคาดหวังว่าจะได้รับการเผยแพร่ในที่สุดในไม่ช้าและเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล เพื่อให้สั้นลง ทุกสิ่งที่เราทำในการสืบสวนการทุจริตที่เกิดจากการผูกขาดของราชวงศ์อังกฤษและเงินของเมืองลอนดอนดูเหมือนจะย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานี้ประมาณปี 1870 เมื่อมีการปฏิวัติหลายครั้งโดยชนชั้นนำของอังกฤษ 🔥 ในนามของไซออน 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดทแรกควรจะพาสาวไปที่ไหนดี
    ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องการเข้าสังคมนะ
    ไม่รู้ว่าควรจะเลือกที่เดทยังไงดี

    ก่อนที่คุณจะคิดพาเธอไปไหนนะ

    ในมุมมองของแพนด้าเอง เวลาที่จะเลือกที่เดทโดยเฉพาะครั้งแรกนะครับ
    ในภาพรวม แพนด้าจะให้น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเองเป็นหลักครับ

    ซึ่งวันนี้แพนด้ามี 2 ที่นะครับ ที่ฟันธงเลยว่า คุณควรจะพาเธอไป

    ที่แรกนะ จำไว้ มันคือ ที่ๆ ทำให้ตัวคุณเองมีพลัง
    สมมุติ ถ้าคุณพาเธอไปร้านหรูๆ เลยนะ
    บรรยาศดูดี อบอวนไปด้วยกลิ่นอายความโรแมนติก
    แต่ตัวจริงของคุณเองอะ ดันไม่คุ้นเคยกับอะไรแบบนั้นเลยอะครับ
    ถ้าถ้าดันเผลอทำอะไรเงอะๆ งะๆ เปิ่นๆ โก๊ะๆ มันทำให้เธออายขึ้นมา
    เน่าเลยนะน่ะ.. พังนะ..
    เลือกที่ดูดีอะใช่ และมันต้องให้คุณดูเฉิดฉายได้ด้วย

    ที่ๆ 2 คือ.. ที่คุณควรพาเธอไปเดท คือ ที่ๆ น่าจดจำ
    เวลาพูดถึงการไปเดท คุณคิดว่าคนทั่วๆ ไปจะไปเดทกันที่ไหนกัน
    โรงหนัง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ วนๆ ประมาณนี้ป่ะ..
    มันคือของเหมือนๆ กันน่ะ ไม่ได้มีความแตกต่าง ไม่ได้น่าจดจำอะไรเลย
    ลองชวนเค้าไปทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง
    วงเล็บ.. ถ้าคุณคุ้นเคยด้วยจะยิ่งดี
    มันจะช่วยทำคุณดูโดดเด่นกว่าคนอื่นครับ

    ซึ่งนี่ไม่ใช่กฎเกณฑ์ทั้งหมดนะครับ
    ทั้งนี้ทั้งนั้นนะ มันต้องดูกาลเทศะ ความเหมาะสมอย่างอื่นประกอบด้วยนะ

    อย่างที่แพนด้าบอกครับ คุณควรให้น้ำหนักอยู่ที่ตัวเอง
    เพราะคุณต้องการโดดเด่นในสายตาเธอ

    ถึงแม้เราจะอยู่ในโลกยุคเท่าเทียม แต่สัญชาติญาณก็ยังทำให้ผู้หญิง
    ถูกดึดดูดด้วยความเป็นผู้นำของผู้ชายอยู่ดี

    -

    เทคนิคพวกนี้ พี่แพนด้าได้มาจากเล่มนี้ครับ
    “คู่มือชนะใจคน พบ 100 ครั้ง เป็นที่รัก 100 ครั้ง”
    เหมาะกับคนที่ไม่เข้าใจเกมของการเข้าสังคมอะ
    ไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้ รืแม้แต่แบบ..
    ไปมาเยอะนะ แต่คุยแล้วหาย คุยแล้วหาย ไม่ success อยู่ดี

    คนเขียนแต่ก่อนเค้าก็ทรงนี้แหละครับ
    จนเค้าพัฒนาตัวเอง จนประสบความสำเร็จในการสร้างสัมพันธ์
    เบิกบาน มีความสุข หลุดจากโลกอึดอัดๆ เหงาๆ แบบหลายๆ คนน่ะ
    แล้วก็มาเขียนเล่มนี้ล่ะคับ

    พิกัดสินค้า จิ้มไอคอนตระกร้าที่หน้าจอครับ

    ———

    หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร
    จริงๆ แล้วถ้าคุณเป็นคนที่งงมากเลยอะ เบลอๆ แบล๊งค์ๆ ไม่เข้าใจการเข้าสังคม
    เช่น การจะไปเดทกับสาว
    เราควรจะโฟกัสไปที่อะไร

    อะไรคือ Key Success กันแน่ ที่จะสร้างความประทับใจให้อีกฝั่งนึงได้

    การสร้างความประทับใจน
    ที่ไม่ได้แปลว่า คุณต้องพยายามไปท่อง พยายามจำ หรือพยายามพูด พยายามทำอะไรให้เค้าประทับใจ

    แต่มันคือการที่คุณรู้สึกมั่นใจ รู้ว่าอะไรให้พลังคุณ..เวลาที่ไปถึงหน้างานแล้ว และคุณรู้ว่าจุดที่เค้าจะจดจำคุณน่ะคืออะไร

    คุณไม่จำเป็นต้องกลัว และ!! คุณไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนาตลอดเวลาขนาดนั้น
    เห้ย มนุษย์ มนุษย์นคนนึง เค้าไม่ได้อยากฟังตลอดเวลา เค้าไม่ได้อยากคุยตลอดเวลา
    เป็นคุณๆ เอามั้ยอะ มีแฟนที่พูดไม่หยุดตั้งแต่เช้ายันเย็น

    พิกัดหนังสือ = https://s.shopee.co.th/sGlhvEjU

    #ความรัก
    #ความรักความสัมพันธ์
    #จิตวิทยาความรัก
    #จีบสาว
    #สอนจีบสาว
    #แพนด้าบางรัก
    เดทแรกควรจะพาสาวไปที่ไหนดี ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องการเข้าสังคมนะ ไม่รู้ว่าควรจะเลือกที่เดทยังไงดี ก่อนที่คุณจะคิดพาเธอไปไหนนะ ในมุมมองของแพนด้าเอง เวลาที่จะเลือกที่เดทโดยเฉพาะครั้งแรกนะครับ ในภาพรวม แพนด้าจะให้น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเองเป็นหลักครับ ซึ่งวันนี้แพนด้ามี 2 ที่นะครับ ที่ฟันธงเลยว่า คุณควรจะพาเธอไป ที่แรกนะ จำไว้ มันคือ ที่ๆ ทำให้ตัวคุณเองมีพลัง สมมุติ ถ้าคุณพาเธอไปร้านหรูๆ เลยนะ บรรยาศดูดี อบอวนไปด้วยกลิ่นอายความโรแมนติก แต่ตัวจริงของคุณเองอะ ดันไม่คุ้นเคยกับอะไรแบบนั้นเลยอะครับ ถ้าถ้าดันเผลอทำอะไรเงอะๆ งะๆ เปิ่นๆ โก๊ะๆ มันทำให้เธออายขึ้นมา เน่าเลยนะน่ะ.. พังนะ.. เลือกที่ดูดีอะใช่ และมันต้องให้คุณดูเฉิดฉายได้ด้วย ที่ๆ 2 คือ.. ที่คุณควรพาเธอไปเดท คือ ที่ๆ น่าจดจำ เวลาพูดถึงการไปเดท คุณคิดว่าคนทั่วๆ ไปจะไปเดทกันที่ไหนกัน โรงหนัง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ วนๆ ประมาณนี้ป่ะ.. มันคือของเหมือนๆ กันน่ะ ไม่ได้มีความแตกต่าง ไม่ได้น่าจดจำอะไรเลย ลองชวนเค้าไปทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง วงเล็บ.. ถ้าคุณคุ้นเคยด้วยจะยิ่งดี มันจะช่วยทำคุณดูโดดเด่นกว่าคนอื่นครับ ซึ่งนี่ไม่ใช่กฎเกณฑ์ทั้งหมดนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นนะ มันต้องดูกาลเทศะ ความเหมาะสมอย่างอื่นประกอบด้วยนะ อย่างที่แพนด้าบอกครับ คุณควรให้น้ำหนักอยู่ที่ตัวเอง เพราะคุณต้องการโดดเด่นในสายตาเธอ ถึงแม้เราจะอยู่ในโลกยุคเท่าเทียม แต่สัญชาติญาณก็ยังทำให้ผู้หญิง ถูกดึดดูดด้วยความเป็นผู้นำของผู้ชายอยู่ดี - เทคนิคพวกนี้ พี่แพนด้าได้มาจากเล่มนี้ครับ “คู่มือชนะใจคน พบ 100 ครั้ง เป็นที่รัก 100 ครั้ง” เหมาะกับคนที่ไม่เข้าใจเกมของการเข้าสังคมอะ ไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้ รืแม้แต่แบบ.. ไปมาเยอะนะ แต่คุยแล้วหาย คุยแล้วหาย ไม่ success อยู่ดี คนเขียนแต่ก่อนเค้าก็ทรงนี้แหละครับ จนเค้าพัฒนาตัวเอง จนประสบความสำเร็จในการสร้างสัมพันธ์ เบิกบาน มีความสุข หลุดจากโลกอึดอัดๆ เหงาๆ แบบหลายๆ คนน่ะ แล้วก็มาเขียนเล่มนี้ล่ะคับ พิกัดสินค้า จิ้มไอคอนตระกร้าที่หน้าจอครับ ——— หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร จริงๆ แล้วถ้าคุณเป็นคนที่งงมากเลยอะ เบลอๆ แบล๊งค์ๆ ไม่เข้าใจการเข้าสังคม เช่น การจะไปเดทกับสาว เราควรจะโฟกัสไปที่อะไร อะไรคือ Key Success กันแน่ ที่จะสร้างความประทับใจให้อีกฝั่งนึงได้ การสร้างความประทับใจน ที่ไม่ได้แปลว่า คุณต้องพยายามไปท่อง พยายามจำ หรือพยายามพูด พยายามทำอะไรให้เค้าประทับใจ แต่มันคือการที่คุณรู้สึกมั่นใจ รู้ว่าอะไรให้พลังคุณ..เวลาที่ไปถึงหน้างานแล้ว และคุณรู้ว่าจุดที่เค้าจะจดจำคุณน่ะคืออะไร คุณไม่จำเป็นต้องกลัว และ!! คุณไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนาตลอดเวลาขนาดนั้น เห้ย มนุษย์ มนุษย์นคนนึง เค้าไม่ได้อยากฟังตลอดเวลา เค้าไม่ได้อยากคุยตลอดเวลา เป็นคุณๆ เอามั้ยอะ มีแฟนที่พูดไม่หยุดตั้งแต่เช้ายันเย็น พิกัดหนังสือ = https://s.shopee.co.th/sGlhvEjU #ความรัก #ความรักความสัมพันธ์ #จิตวิทยาความรัก #จีบสาว #สอนจีบสาว #แพนด้าบางรัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤตสมองไหลจากสหรัฐ หัวกะทิหนีไปจีนต่อยอดความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์จีน
    .
    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สถาบันการศึกษาชั้นนำในอเมริกากำลังเผชิญปัญหาที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรับรู้ แต่สถานการณ์ดังกล่าวขณะนี้มีความรุนแรงขึ้นทุกทีๆและนี่คือปัญหาใหญ่ที่คนอเมริกันไม่รู้ คือวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ชั้นนำทางด้านวิจัยกำลังล่มสลาย
    .
    รัฐบาลอเมริกาในยุคนายโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่อยมาจนถึงยุคโจ ไบเดน มีมุมมองและทัศนคติเชิงลบต่อนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยชาวจีนที่มาเรียนหนังสือและมาทำงานที่อเมริกา รวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง กลัวว่าจะเป็นสายลับจารกรรมส่งข้อมูลสำคัญให้จีน ถึงกับสั่งให้หน่วยสืบราชการลับอย่าง FBI ติดตามสอบสวน ข่มขู่ และดำเนินคดีนับพันราย บางรายตายอย่างมีเงื่อนงำ
    .
    ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยเทคโนโลยีเชื้อสายจีน หวาดผวาภัยคุกคาม ไม่กล้ารับทุนวิจัยของสหรัฐ และมีอยู่จำนวนมากอพยพหนีไปอยู่ต่างประเทศ และไปที่จีนมากที่สุด นี่ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เป็นการอพยพหนีอเมริกาครั้งใหญ่เลยของนักวิจัยที่มีความสามารถในสาขาที่สำคัญ
    .
    ปัญหาสมองไหลนี้ หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานระบุรายชื่อนักวิจัยชั้นนำหลายคนที่ลาออก ย้ายจากสหรัฐฯ ไปจีน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ชีวะ เคมี วิทยาศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง วิทยาศาสตร์สุขภาพ การวิจัยสมอง ชีววิทยาโครงสร้าง ข้อมูลทางทะเล พลังงานใหม่ และวิทยาศาสตร์ข้อมูลของนาซา
    .
    ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญสำหรับสหรัฐฯ แต่กลับกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของประเทศจีนที่ได้สุดยอดนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการบุกเบิกพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีก้าวหน้าและนวัตกรรมต่างๆ ของจีนต่อไป
    วิกฤตสมองไหลจากสหรัฐ หัวกะทิหนีไปจีนต่อยอดความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์จีน . ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สถาบันการศึกษาชั้นนำในอเมริกากำลังเผชิญปัญหาที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรับรู้ แต่สถานการณ์ดังกล่าวขณะนี้มีความรุนแรงขึ้นทุกทีๆและนี่คือปัญหาใหญ่ที่คนอเมริกันไม่รู้ คือวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ชั้นนำทางด้านวิจัยกำลังล่มสลาย . รัฐบาลอเมริกาในยุคนายโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่อยมาจนถึงยุคโจ ไบเดน มีมุมมองและทัศนคติเชิงลบต่อนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยชาวจีนที่มาเรียนหนังสือและมาทำงานที่อเมริกา รวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง กลัวว่าจะเป็นสายลับจารกรรมส่งข้อมูลสำคัญให้จีน ถึงกับสั่งให้หน่วยสืบราชการลับอย่าง FBI ติดตามสอบสวน ข่มขู่ และดำเนินคดีนับพันราย บางรายตายอย่างมีเงื่อนงำ . ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยเทคโนโลยีเชื้อสายจีน หวาดผวาภัยคุกคาม ไม่กล้ารับทุนวิจัยของสหรัฐ และมีอยู่จำนวนมากอพยพหนีไปอยู่ต่างประเทศ และไปที่จีนมากที่สุด นี่ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เป็นการอพยพหนีอเมริกาครั้งใหญ่เลยของนักวิจัยที่มีความสามารถในสาขาที่สำคัญ . ปัญหาสมองไหลนี้ หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานระบุรายชื่อนักวิจัยชั้นนำหลายคนที่ลาออก ย้ายจากสหรัฐฯ ไปจีน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ชีวะ เคมี วิทยาศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง วิทยาศาสตร์สุขภาพ การวิจัยสมอง ชีววิทยาโครงสร้าง ข้อมูลทางทะเล พลังงานใหม่ และวิทยาศาสตร์ข้อมูลของนาซา . ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญสำหรับสหรัฐฯ แต่กลับกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของประเทศจีนที่ได้สุดยอดนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการบุกเบิกพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีก้าวหน้าและนวัตกรรมต่างๆ ของจีนต่อไป
    Like
    Love
    Angry
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 773 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อัจฉริยะ !"

    สำหรับตัวผมแล้ว ถ้าพูดถึงนักเขียนญี่ปุ่นที่เป็นปรมาจารย์ด้านการเล่าเรื่อง และการบรรยายที่สร้างบรรยากาศที่หลอน ๆ สั่นประสาท ความดำมืดและวิปริตของจิตใจของตัวฆาตกรร้าย รวมถึงความรู้สึกเย็บวาบ ขนลุกซู่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ที่มีความโดดเด่นแล้ว ชื่อที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเลยคือ เอโดะงะวะ รัมโปะ ตามมาด้วย โยโคมิโซะ เซชิ

    #ลายนิ้วมือปีศาจ คืออีกหนึ่งผลงานที่ยืนยันข้อความข้างต้น

    สนพ.เจคลาส
    ผู้เขียน เอโดะงาวะ รัมโปะ
    ผู้แปล ทินภาส พาหะนิชย์
    พิมพ์ เม.ย.2561
    230 บาท 226 หน้า

    เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมไม่คาดฝันขึ้น โดยเหยื่อรายแรกเป็นผู้ช่วยงานของนักสืบเอกชนผู้มีชื่อเสียงนามว่า ดร.มุนะกะตะ ซึ่งมีความสามารถและเชี่ยวชาญทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ชื่อเสียงควบคู่มากับยอดนักสืบเอกอะเกะชิ โคะโงะโร เรื่องราวจึงไม่ธรรมดา แต่เป็นคดีที่มีความยอกย้อนซ่อนเงื่อน และคนร้ายมีวิธีการที่น่ากลัวกว่าฆาตกรทั่วไปอย่างเทียบไม่ได้

    เนื่องจาก นักสืบอะเกะชิที่เป็นเพื่อนและรู้จักกับสารวัตรนะกะมุระแห่งกรมตำรวจนครบาลโตเกียวไม่ว่าง ติดภารกิจที่ต่างแดน จึงเป็นหน้าที่ของ ดร.มุนะกะตะ ที่ต้องออกโรง ทั้งเพื่อล้างอายตนเองที่ไม่สามารถช่วยลูกน้องได้ และเพื่อชื่อเสียงในฐานะนักสืบของตนไม่ให้มัวหมอง เขาจึงเริ่มตามสืบหาตัวคนร้าย ที่ส่งข้อความมาถึง เศรษฐีนักธุรกิจผู้หนึ่งที่มีกิจการค้าของตนเองนาม คะวะเตะ โชตะโร ระบุชัดว่ามีเป้าหมายเพื่อต้องการฆ่าล้างแค้นคนในครอบครัวของเขาทั้งหมด 3 ชีวิต คือตัวคะวะเตะ และลูกสาวอีกสองคนที่เติบโตเป็นสาวสวยแล้ว โดยเขาก็นึกไม่ออกว่าได้สร้างความโกรธแค้นให้เกิดแก่ใครจนถึงขั้นจ้องจะทำลายล้างตระกูลให้ไม่เหลือสักคนเดียว

    แม้นว่า ดร.มุนะกะตะ จะได้หลักฐานสำคัญที่พบจากซองเอกสารที่ผู้ช่วยชายพยายามจะส่งให้ถึงมือเขา ก่อนจะถูกวางยาพิษเสียชีวิต เป็นรอยนิ้วมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ที่กำลังวางแผนฆ่าครอบครัวคะวะเตะ เป็นรอยนิ้วประหลาดน่าขนลุกที่มีลักษณะคล้ายก้นหอย3วง จึงพยายามตามสืบจากเบาะแสดังกล่าว โดยมอบหมายให้ผู้ช่วยชายอีกคนไปดำเนินการ ไม่นานต่อมาลูกสาวทั้งสองของผู้ว่าจ้างกลับพบชะตากรรมดำมืด กลายเป็นเหยื่อถูกฆ่าตายไปทีละคนอย่างน่าพิศวง ทั้งที่มีตำรวจจำนวนมาก และนักสืบคอยเฝ้ายามรักษาความปลอดภัยให้อย่างรัดกุมแน่นหนา

    นี่..ไม่น่าเป็นไปได้ ฆาตกรทำอย่างไร จึงสามารถราวกับภูติผีปีศาจ แถมยังหยามน้ำหน้านักสืบด้วยการทิ้งรอยนิ้วมือที่มีก้นหอย3วงเอาไว้ในหลายวาระ ดร.มุนะกะตะเหมือนถูกคนร้ายนำหน้าหนึ่งก้าวเสมอ สถานการณ์เลวร้ายลง คะวะตะเองนั้นทั้งเศร้าเสียใจและตื่นกลัวอย่างมาก ความแค้นใดในอดีต ที่ฝังแน่นในจิตใจของฆาตกร จนถึงขั้นวางแผนเพื่อจะกำจัดตระกูลของเขาให้สิ้นซาก หลังฆ่าเหยื่อแล้วยังจัดแสดงศพเพื่อหวังให้สาธารณะพบเห็นเป็นการประจานอย่างอำมหิต แต่ในที่สุดฆาตกรก็ไม่อาจรอดพ้นฝีมือในการสืบสวนและแกะรอยของดร.มุนะกะตะ จนสามารถปิดคดีลงได้ แม้จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกถึง 3 รายก็ตาม

    แต่เรื่องราวกลับไม่จบลงง่ายดายเพียงนั้น หลังจากนักสืบอะเกะชิเสร็จจากภารกิจกลับมา และได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดจากคำบอกเล่าของสารวัตรนะกะมุระ เขาจึงเริ่มดำเนินการสืบสวนในแบบฉบับของตนอย่างลับ ๆ และได้ข้อสรุปที่มีมุมมองต่อคดีนี้แตกต่างไปจากของตำรวจและ ดร.มุนะกะตะโดยสิ้นเชิง อาเกะชิเชื่อว่าคดียังไม่จบ คนร้ายตัวจริงยังลอยนวล แล้วที่แท้ได้เกิดอะไรขึ้นกับเหยื่อทั้งหมดที่สูญเสียไปกันแน่ ตกลงความจริงคือ..ใครกันที่สืบสวนผิดพลาดระหว่าง ดร.มุนะกะตะ กับอาเกะชิ

    นี่คืออีกหนึ่งสุดยอดของความร้ายกาจ กับความจงเกลียดจงชังเข้าขั้นหมกมุ่น และอาฆาตพยาบาทรุนแรงที่สุดคดีหนึ่งเท่าที่ผมเคยได้อ่านมา

    🖋หลังอ่านจบ

    โคตรน่าทึ่ง...คงต้องใช้คำนี้ ไม่นึกว่าผู้เขียนจะบรรจงสร้างโครงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นการฆ่าล้างแค้นที่พบได้ในนิยายแนวสืบสวนฆาตกรรมทั่วไป ให้มีความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ และชั้นเชิงลูกเล่นเทคนิกแพรวพรายได้ขนาดนี้ ดูเหมือนคนร้ายแทบจะไม่ได้ใช้หรืออาศัยความรู้เฉพาะทางพิเศษใดในวิธีการลงมือฆ่าเหยื่อ เพียงอาศัยเรื่องที่ดูธรรมดาสามัญที่สุด มาสร้างขึ้นเป็นกำดักทางจิตใจ หลอกทั้งตัวละครนักสืบในเรื่องและหลอกคนอ่านได้อย่างแนบเนียน แม้นจะมีวางจุดสังเกตที่ชวนให้คิดด้วยความน่าฉงนตามรายทางเป็นระยะ ซึ่งหากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนดี ๆ อาจพอจะเริ่มจับจุดและสังเกตเห็นบางอย่าง แต่ถ้าอ่านแบบขี้เกียจคิดให้วุ่นวาย แค่ตามเรื่องราวไปเรื่อย ๆ พอถึงช่วงเฉลยจะส่งผลให้ชวนอัศจรรย์ใจเพิ่มขึ้น ในส่วนของการดำเนินเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดทางถึงตอนจบ ไม่มีความน่าเบื่อปรากฏให้เห็น มีแต่สร้างความรู้สึกอยากรู้ ชวนลุ้น เอาใจช่วยให้เหยื่อรอดพ้น และนักสืบจับคนร้ายได้โดยไว ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสยิวไปกับบรรยากาศแห่งความไม่น่าไว้ใจ ปริศนาที่ราวกับลูกเล่นหรือมายากลของปีศาจฆาตกร ความโรคจิตขั้นรุนแรงชวนสะอิดสะเอียนที่เลือดเย็น ปนเปกับความรู้สึกอกสั่นขวัญบิน เมื่อนึกถึงแผนการอันชั่วร้ายที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ตอนนี้ดีที่ไม่ยาวมาก เรียกว่าเนื้อหากำลังเหมาะ

    เอโดะงาวะมีความสามารถในการสร้างปมตัวร้ายที่น่าเศร้าระคนน่ารังเกียจ ไปจนถึงขั้นน่าเกลียดได้อย่างถึงแก่น ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุเห็นถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของบุคคลธรรมดา ที่ภายนอกดูไม่เหมือนจะเป็นคนร้ายได้เลยนำมาใช้เป็นวัตถุดิบชั้นดี แต่ทั้งอย่างนั้นชีวิตเบื้องหลังที่ถูกแต่งแต้มขึ้นก็ช่างสมจริง จนทำให้รู้สึกสงสารในชะตากรรมรันทดของผู้ก่ออาชญากรรมด้วยเช่นกัน เมื่อบวกกับสไตล์ที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ในการเล่าเรื่องเสมือนประหนึ่งตัวเองกำลังนั่งชวนคุยกับคนอ่านในวงล้อมรอบกองไฟยามดึกสงัด และรู้จักการหยอดถ้อยคำบางช่วงตอนที่ยิ่งสร้างอารมณ์ให้คนที่กำลังติดตามเรื่องเล่าของเขาอย่างจดจ่อ เกิดความตื่นเต้นตึงเตรียดไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นความน่าหลงใหลอันชวนให้ไม่อยากลุกไปไหนหรือทำอิริยาบถใดอื่น นอกจากฟังสิ่งที่เขาเล่าต่อจนจบเรื่อง ใจที่เขม็งเกลียวจนแน่นจึงคลายออกและปลอดโปร่งในที่สุด เรื่องนี้ก็เป็นเช่นที่ว่ามานี้ แม้นถูกเขียนมานานกว่า 80 ปี แต่อ่านในยุคปัจจุบันยังคงได้อรรถรส สาระความบันเทิงไม่ด้อยกว่าเรื่องที่แต่งโดยนักเขียนรุ่นใหม่ยุคหลังเลย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    และอะเกะชิเองก็สมกับความเป็นยอดนักสืบเอกโดยแท้ บุคลิกที่ดูน่าเกรงขามในยามที่ต้องแสดงออกถึงอำนาจให้คนอื่นเห็น แต่ก็ขี้เล่น หัวเราะง่ายยิ้มง่าย ช่วยทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย อีกทั้งวาทศิลป์ในการเลือกใช้คำพูดให้เข้ากับสถานการณ์ก็ยอดเยี่ยม ประกอบกับไหวพริบความช่างสังเกตในการแยกแยะและประมวลผลข้อมูล เห็นถึงจุดอื่นที่คนทั้งหลายไม่ทันเห็นหรือมองข้ามไป ล้วนเป็นคุณสมบัติและภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ แม้นจะปรากฏตัวมาในช่วงท้ายใกล้จบ แต่มีบทบาทสำคัญยิ่งที่ส่งผลต่อการพลิกโฉมของคดีนี้ที่สุด

    สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านงานของรัมโปะมาก่อนเลย เริ่มต้นด้วย "ลายนิ้วมือปีศาจ" ก็ไม่เลวครับ

    ป.ล. พบความผิดพลาดในการพิมพ์หนึ่งจุด

    #thaitimes
    #เอโดะงาวะรัมโปะ
    #ฆาตกรรม
    #สืบสวน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #หนังสือน่าอ่าน
    #ล้างแค้น
    #นักสืบ
    #รีวิวหนังสือ
    #วิจารณ์หนังสือ
    "อัจฉริยะ !" สำหรับตัวผมแล้ว ถ้าพูดถึงนักเขียนญี่ปุ่นที่เป็นปรมาจารย์ด้านการเล่าเรื่อง และการบรรยายที่สร้างบรรยากาศที่หลอน ๆ สั่นประสาท ความดำมืดและวิปริตของจิตใจของตัวฆาตกรร้าย รวมถึงความรู้สึกเย็บวาบ ขนลุกซู่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ที่มีความโดดเด่นแล้ว ชื่อที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเลยคือ เอโดะงะวะ รัมโปะ ตามมาด้วย โยโคมิโซะ เซชิ #ลายนิ้วมือปีศาจ คืออีกหนึ่งผลงานที่ยืนยันข้อความข้างต้น สนพ.เจคลาส ผู้เขียน เอโดะงาวะ รัมโปะ ผู้แปล ทินภาส พาหะนิชย์ พิมพ์ เม.ย.2561 230 บาท 226 หน้า เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมไม่คาดฝันขึ้น โดยเหยื่อรายแรกเป็นผู้ช่วยงานของนักสืบเอกชนผู้มีชื่อเสียงนามว่า ดร.มุนะกะตะ ซึ่งมีความสามารถและเชี่ยวชาญทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ชื่อเสียงควบคู่มากับยอดนักสืบเอกอะเกะชิ โคะโงะโร เรื่องราวจึงไม่ธรรมดา แต่เป็นคดีที่มีความยอกย้อนซ่อนเงื่อน และคนร้ายมีวิธีการที่น่ากลัวกว่าฆาตกรทั่วไปอย่างเทียบไม่ได้ เนื่องจาก นักสืบอะเกะชิที่เป็นเพื่อนและรู้จักกับสารวัตรนะกะมุระแห่งกรมตำรวจนครบาลโตเกียวไม่ว่าง ติดภารกิจที่ต่างแดน จึงเป็นหน้าที่ของ ดร.มุนะกะตะ ที่ต้องออกโรง ทั้งเพื่อล้างอายตนเองที่ไม่สามารถช่วยลูกน้องได้ และเพื่อชื่อเสียงในฐานะนักสืบของตนไม่ให้มัวหมอง เขาจึงเริ่มตามสืบหาตัวคนร้าย ที่ส่งข้อความมาถึง เศรษฐีนักธุรกิจผู้หนึ่งที่มีกิจการค้าของตนเองนาม คะวะเตะ โชตะโร ระบุชัดว่ามีเป้าหมายเพื่อต้องการฆ่าล้างแค้นคนในครอบครัวของเขาทั้งหมด 3 ชีวิต คือตัวคะวะเตะ และลูกสาวอีกสองคนที่เติบโตเป็นสาวสวยแล้ว โดยเขาก็นึกไม่ออกว่าได้สร้างความโกรธแค้นให้เกิดแก่ใครจนถึงขั้นจ้องจะทำลายล้างตระกูลให้ไม่เหลือสักคนเดียว แม้นว่า ดร.มุนะกะตะ จะได้หลักฐานสำคัญที่พบจากซองเอกสารที่ผู้ช่วยชายพยายามจะส่งให้ถึงมือเขา ก่อนจะถูกวางยาพิษเสียชีวิต เป็นรอยนิ้วมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ที่กำลังวางแผนฆ่าครอบครัวคะวะเตะ เป็นรอยนิ้วประหลาดน่าขนลุกที่มีลักษณะคล้ายก้นหอย3วง จึงพยายามตามสืบจากเบาะแสดังกล่าว โดยมอบหมายให้ผู้ช่วยชายอีกคนไปดำเนินการ ไม่นานต่อมาลูกสาวทั้งสองของผู้ว่าจ้างกลับพบชะตากรรมดำมืด กลายเป็นเหยื่อถูกฆ่าตายไปทีละคนอย่างน่าพิศวง ทั้งที่มีตำรวจจำนวนมาก และนักสืบคอยเฝ้ายามรักษาความปลอดภัยให้อย่างรัดกุมแน่นหนา นี่..ไม่น่าเป็นไปได้ ฆาตกรทำอย่างไร จึงสามารถราวกับภูติผีปีศาจ แถมยังหยามน้ำหน้านักสืบด้วยการทิ้งรอยนิ้วมือที่มีก้นหอย3วงเอาไว้ในหลายวาระ ดร.มุนะกะตะเหมือนถูกคนร้ายนำหน้าหนึ่งก้าวเสมอ สถานการณ์เลวร้ายลง คะวะตะเองนั้นทั้งเศร้าเสียใจและตื่นกลัวอย่างมาก ความแค้นใดในอดีต ที่ฝังแน่นในจิตใจของฆาตกร จนถึงขั้นวางแผนเพื่อจะกำจัดตระกูลของเขาให้สิ้นซาก หลังฆ่าเหยื่อแล้วยังจัดแสดงศพเพื่อหวังให้สาธารณะพบเห็นเป็นการประจานอย่างอำมหิต แต่ในที่สุดฆาตกรก็ไม่อาจรอดพ้นฝีมือในการสืบสวนและแกะรอยของดร.มุนะกะตะ จนสามารถปิดคดีลงได้ แม้จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกถึง 3 รายก็ตาม แต่เรื่องราวกลับไม่จบลงง่ายดายเพียงนั้น หลังจากนักสืบอะเกะชิเสร็จจากภารกิจกลับมา และได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดจากคำบอกเล่าของสารวัตรนะกะมุระ เขาจึงเริ่มดำเนินการสืบสวนในแบบฉบับของตนอย่างลับ ๆ และได้ข้อสรุปที่มีมุมมองต่อคดีนี้แตกต่างไปจากของตำรวจและ ดร.มุนะกะตะโดยสิ้นเชิง อาเกะชิเชื่อว่าคดียังไม่จบ คนร้ายตัวจริงยังลอยนวล แล้วที่แท้ได้เกิดอะไรขึ้นกับเหยื่อทั้งหมดที่สูญเสียไปกันแน่ ตกลงความจริงคือ..ใครกันที่สืบสวนผิดพลาดระหว่าง ดร.มุนะกะตะ กับอาเกะชิ นี่คืออีกหนึ่งสุดยอดของความร้ายกาจ กับความจงเกลียดจงชังเข้าขั้นหมกมุ่น และอาฆาตพยาบาทรุนแรงที่สุดคดีหนึ่งเท่าที่ผมเคยได้อ่านมา 🖋หลังอ่านจบ โคตรน่าทึ่ง...คงต้องใช้คำนี้ ไม่นึกว่าผู้เขียนจะบรรจงสร้างโครงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นการฆ่าล้างแค้นที่พบได้ในนิยายแนวสืบสวนฆาตกรรมทั่วไป ให้มีความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ และชั้นเชิงลูกเล่นเทคนิกแพรวพรายได้ขนาดนี้ ดูเหมือนคนร้ายแทบจะไม่ได้ใช้หรืออาศัยความรู้เฉพาะทางพิเศษใดในวิธีการลงมือฆ่าเหยื่อ เพียงอาศัยเรื่องที่ดูธรรมดาสามัญที่สุด มาสร้างขึ้นเป็นกำดักทางจิตใจ หลอกทั้งตัวละครนักสืบในเรื่องและหลอกคนอ่านได้อย่างแนบเนียน แม้นจะมีวางจุดสังเกตที่ชวนให้คิดด้วยความน่าฉงนตามรายทางเป็นระยะ ซึ่งหากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนดี ๆ อาจพอจะเริ่มจับจุดและสังเกตเห็นบางอย่าง แต่ถ้าอ่านแบบขี้เกียจคิดให้วุ่นวาย แค่ตามเรื่องราวไปเรื่อย ๆ พอถึงช่วงเฉลยจะส่งผลให้ชวนอัศจรรย์ใจเพิ่มขึ้น ในส่วนของการดำเนินเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดทางถึงตอนจบ ไม่มีความน่าเบื่อปรากฏให้เห็น มีแต่สร้างความรู้สึกอยากรู้ ชวนลุ้น เอาใจช่วยให้เหยื่อรอดพ้น และนักสืบจับคนร้ายได้โดยไว ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสยิวไปกับบรรยากาศแห่งความไม่น่าไว้ใจ ปริศนาที่ราวกับลูกเล่นหรือมายากลของปีศาจฆาตกร ความโรคจิตขั้นรุนแรงชวนสะอิดสะเอียนที่เลือดเย็น ปนเปกับความรู้สึกอกสั่นขวัญบิน เมื่อนึกถึงแผนการอันชั่วร้ายที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ตอนนี้ดีที่ไม่ยาวมาก เรียกว่าเนื้อหากำลังเหมาะ เอโดะงาวะมีความสามารถในการสร้างปมตัวร้ายที่น่าเศร้าระคนน่ารังเกียจ ไปจนถึงขั้นน่าเกลียดได้อย่างถึงแก่น ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุเห็นถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของบุคคลธรรมดา ที่ภายนอกดูไม่เหมือนจะเป็นคนร้ายได้เลยนำมาใช้เป็นวัตถุดิบชั้นดี แต่ทั้งอย่างนั้นชีวิตเบื้องหลังที่ถูกแต่งแต้มขึ้นก็ช่างสมจริง จนทำให้รู้สึกสงสารในชะตากรรมรันทดของผู้ก่ออาชญากรรมด้วยเช่นกัน เมื่อบวกกับสไตล์ที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ในการเล่าเรื่องเสมือนประหนึ่งตัวเองกำลังนั่งชวนคุยกับคนอ่านในวงล้อมรอบกองไฟยามดึกสงัด และรู้จักการหยอดถ้อยคำบางช่วงตอนที่ยิ่งสร้างอารมณ์ให้คนที่กำลังติดตามเรื่องเล่าของเขาอย่างจดจ่อ เกิดความตื่นเต้นตึงเตรียดไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นความน่าหลงใหลอันชวนให้ไม่อยากลุกไปไหนหรือทำอิริยาบถใดอื่น นอกจากฟังสิ่งที่เขาเล่าต่อจนจบเรื่อง ใจที่เขม็งเกลียวจนแน่นจึงคลายออกและปลอดโปร่งในที่สุด เรื่องนี้ก็เป็นเช่นที่ว่ามานี้ แม้นถูกเขียนมานานกว่า 80 ปี แต่อ่านในยุคปัจจุบันยังคงได้อรรถรส สาระความบันเทิงไม่ด้อยกว่าเรื่องที่แต่งโดยนักเขียนรุ่นใหม่ยุคหลังเลย . . . . . . . . . . . และอะเกะชิเองก็สมกับความเป็นยอดนักสืบเอกโดยแท้ บุคลิกที่ดูน่าเกรงขามในยามที่ต้องแสดงออกถึงอำนาจให้คนอื่นเห็น แต่ก็ขี้เล่น หัวเราะง่ายยิ้มง่าย ช่วยทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย อีกทั้งวาทศิลป์ในการเลือกใช้คำพูดให้เข้ากับสถานการณ์ก็ยอดเยี่ยม ประกอบกับไหวพริบความช่างสังเกตในการแยกแยะและประมวลผลข้อมูล เห็นถึงจุดอื่นที่คนทั้งหลายไม่ทันเห็นหรือมองข้ามไป ล้วนเป็นคุณสมบัติและภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ แม้นจะปรากฏตัวมาในช่วงท้ายใกล้จบ แต่มีบทบาทสำคัญยิ่งที่ส่งผลต่อการพลิกโฉมของคดีนี้ที่สุด สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านงานของรัมโปะมาก่อนเลย เริ่มต้นด้วย "ลายนิ้วมือปีศาจ" ก็ไม่เลวครับ ป.ล. พบความผิดพลาดในการพิมพ์หนึ่งจุด #thaitimes #เอโดะงาวะรัมโปะ #ฆาตกรรม #สืบสวน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #หนังสือน่าอ่าน #ล้างแค้น #นักสืบ #รีวิวหนังสือ #วิจารณ์หนังสือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว

  • แอปเปิลปักหลักจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทานที่ถึงพร้อมระดับสูง หลังจีนแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ

    สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า แถลงการณ์โดยกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของแอปเปิลในจีน รวมถึงสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยระหว่างการหารือ คุกแสดงความมุ่งมั่น ที่จะดำเนินการพัฒนาระยะยาว และเพิ่มการลงทุนในจีน

    หวังกล่าวว่า จีนออกมาตรการเปิดกว้างใหม่และดำเนินการอันเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ และยินดีต้อนรับแอปเปิลเข้ามาคว้าโอกาส และขยายธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และเดินหน้าให้บริการที่มีคุณภาพสูง แก่บริษัทซึ่งใช้เงินทุนจากต่างประเทศ

    หวังเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วม ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของทั้งสองประเทศ และเป็นพลังอันมั่นคงให้กับความสัมพันธ์ทวิภาคี จีนยินดีจะฟื้นฟูการพัฒนาอันมั่นคงดีของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างภาครัฐ-ภาคธุรกิจ ให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น

    ด้านคุกกล่าวว่า การพัฒนาอันรวดเร็วของจีน ช่วยให้แอปเปิลบรรลุการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน แอปเปิลมองจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทาน พร้อมมุ่งดำเนินการพัฒนาระยะยาวในจีนและจะเพิ่มการลงทุนด้านต่าง ๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นสะพานการสื่อสารและแลกเปลี่ยน ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในด้านเศรษฐกิจและการค้า

    ที่มา : XINHUA
    ภาพ : Ministry of Commerce, People’s Republic of China

    #Thaitimes
    แอปเปิลปักหลักจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทานที่ถึงพร้อมระดับสูง หลังจีนแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า แถลงการณ์โดยกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของแอปเปิลในจีน รวมถึงสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยระหว่างการหารือ คุกแสดงความมุ่งมั่น ที่จะดำเนินการพัฒนาระยะยาว และเพิ่มการลงทุนในจีน หวังกล่าวว่า จีนออกมาตรการเปิดกว้างใหม่และดำเนินการอันเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ และยินดีต้อนรับแอปเปิลเข้ามาคว้าโอกาส และขยายธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และเดินหน้าให้บริการที่มีคุณภาพสูง แก่บริษัทซึ่งใช้เงินทุนจากต่างประเทศ หวังเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วม ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของทั้งสองประเทศ และเป็นพลังอันมั่นคงให้กับความสัมพันธ์ทวิภาคี จีนยินดีจะฟื้นฟูการพัฒนาอันมั่นคงดีของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างภาครัฐ-ภาคธุรกิจ ให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ด้านคุกกล่าวว่า การพัฒนาอันรวดเร็วของจีน ช่วยให้แอปเปิลบรรลุการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน แอปเปิลมองจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทาน พร้อมมุ่งดำเนินการพัฒนาระยะยาวในจีนและจะเพิ่มการลงทุนด้านต่าง ๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นสะพานการสื่อสารและแลกเปลี่ยน ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในด้านเศรษฐกิจและการค้า ที่มา : XINHUA ภาพ : Ministry of Commerce, People’s Republic of China #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อนาคตแบงค์พาณิชย์ไทยจะพังจะเจ๊งเหมือนแบงค์ตะวันตกแบงค์ยุโรปที่เป็นข่าวขนานใหญ่มาแล้วเมื่อปีก่อนและก่อนๆหน้านี้จนส่งผลถึงเศรษฐกิจทั่วโลก แบงค์ไทยมาเก็ตแคปเล็กนิดเดียว มูลค่าแค่ไม่กี่ล้านล้านบาท ซอยแยกย่อยต่อแบงค์ยิ่งเล็กไม่กี่แสนล้านบาท อย่าลืมว่าแบงค์เอกชนไทยผู้ถือหุ้นใหญ่คือคนต่างชาติแล้วมาจากต่างประเทศและสมุนท่านลอร์ดด้วย ช่วงนี้เดอะแก๊งท่านลอร์ดถูกฝ่ายแสงยึดทรัพย์หมดแล้วตลอดเลยซวยถึงบริษัทในเครือในลูกต่างๆทั่วโลกด้วย แบงค์ยุโรปพังๆไม่ใช่อะไรหรอกฝ่ายแสงเขายึดทรัพย์นั้นเอง กิจการในเครือจึงขาดสภาพคล่อง เลยล้มกันทั้งตะวันตกและยุโรป ตังให้สมุนรีบใช้ตนไปหมุนไม่ได้ไม่พอจึงอนาถทั่วโลก กิจการท่านลอร์ดน้อยๆที่ไหนในเครือ อาทิท่านลอร์ดรอธไชล์ดนั้นล่ะ ขาดสภาพคล่องตรึมสิ จึงปิดกิจการกันทั่วโลก,พังระเนระนาดแบงค์ล้มบะลายต่อๆกันทั่วยุโรปทั่วอเมริกาตะวันตก คนตกงานเพราะกิจการปิด เลิกจ้างตรึมตามมาไง,กำลังมาไทยด้วย ปลายปีนี้บวกปีหน้าเห็นแน่ มุกดูดตังจึงต้องยืมสมุนใต้ดินดูดตังคนฝากไง,ฟอกตังไปในตัวด้วย เจ้าหน้าที่บอกมาเอาตังที่ถูกดูดคืนได้นะ ค้ำประกันเงินเถื่อนเป็นถูกกฎหมายในตัวเลย,ฟอกเงินดีๆในอีกมุมมอง,
    ..ใครมีตังถอนมาเก็บไว้ให้หมดจากทุกๆธนาคารนะ กว่าจะหาตังมาได้โคตรเกน็ดโคตรเหนื่อยกันเอาชีวิตแลกมาก็ว่าเพื่อคนรักข้างหลังท่านๆอีก ไฟดับแน่ก่อนทรัมป์เลือกตััง มีความน่าจะเป็นสูง ระบบธนาคารปั่นป่วนไม่เสถียรนานแล้ว,หรือรีเซ็ตระบบใหม่แบบควอนตันห่าเหวอะไรก็อย่าไว้วางใจเชื่อมัน ถอนออกมาให้หมด มีหุ้นขายหุ้นทิ้งทุกๆตัว ซื้อกองทุนอะไรไว้ ขายออกเอาตังมาเก็บไว้ให้หมด,แบ่งซื้อทองคำขนาดเส้นเล็กเก็บไว้ด้วยอย่างละครึ่งยิ่งดี มี100ล้าน 50ล้านแรกเก็บเป็นเงินสดพกติดบ้านติดตัวฝังไว้ใต้ดินบ้านก็ได้,อีก50ล้านซื้อทองคำเส้นสร้อยเล็กไว้เบิกทางหากเงินสดไร้ค่า,ในยุควิบัติวิกฤติในอนาคต,ขึ้นอีสานขึ้นเหนือ โคราชที่สูงๆไว้ไร้รอยเลื่อนแผ่นดินไหวจะดีก่อนสิ้นปี,ซื้อที่แถวนี้ยิ่งดีย้ายที่อยู่สะ,มีตังหน่อยทำบังเกอร์หลบภัยไว้ หนาๆกันกัมมันตรังสีด้วยยิ่งดี ซื้ออาหารกักตุนไว้ประมาณ3เดือนไม่เดือนร้อนก็ดี,ตู้คอนเทนเนอร์ประยุกต์กันซอมบี้ได้ด้วย เพราะคนที่ฉีดวัคซีนจะกลายพันธุ์เป็นซอมบี้ได้แน่นอน,อสูรกายอีกพวกแรปทีเลี่ยนที่หลงเหลือนั้นล่ะ,ช่วงนี้มันดิ้นรนสู้หัวชนฝาแล้วติดกำแพงก็ว่า,ปั่นป่วนทั่วโลกนั้นเอง,
    ..ปีหน้าพังแน่นอน หุ้นกู้ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นมีตรึม เอกชนบริษัทนี้ออกหุ้นกู้ออกตราสารหนี้สาระพัดนะ,หนี้มันตรึมไม่น้อยแต่ปกปิดไว้แค่นั้น แบงค์ปล่อยกู้ไม่พอหรอกตังแค่นี้ มันจะเอาตังออกนอกประเทศไปช่วยเครือแม่มันโน้น,หรือช่วยก็แค่กิจการเจ้าสัวใหญ่ๆล่ะ,500กว่า1,000กว่าบริษัทในตลาดหุ้นล่ะก็ถูกทิ้งแบบปีที่แล้วสิ,นี้แค่สร้างภาพ&ภาพลวงตา,ใครมาเห็นข้อความนี้กรุณาบอกต่อกับคนที่คุณรักด้วย,ลุกลามมาเอเชียมาอาเชียนแล้ว ไทยปลายปีนีัปีหน้าหนักๆแน่นอน,และหนักต่อเนื่องด้วยเพราะสาระพัดทิศแน่,เก็บเงินสดพยุงตนเองและครอบครัวท่านไว้ก่อนดีที่สุด มีอะไรขายได้ขายออกไปก่อน,ของเต็มร้านเต็มโกดังก็ให้รีบขาย,สงครามโลกเกิดซวยแน่ จะขายอะไรไม่ออก ทุนจมด้วย ,สงครามนี้คือการทำลายแรปทีเลี่ยนขี้ข้าสมุนที่หลงเหลือแค่นั้น แต่มีฤทธิ์มีเดชอยู่ ใต้ดินลึกลงไปของยูเครนคือศูนย์บัญชาการใหญ่ของพวกมัน,ยุโรปเกือบครึ่งคือพวกเผ่าพันธุ์แดกมนุษย์ คนปาเลสไตน์ถูกลักพาตัวพร้อมเด็กๆไปแดกไปค้ามนุษย์อย่างมาก,อาศัยสงครามบังหน้านั้นเอง,อิสราเอลทะลุยูเครนอุโมงค์เชื่อมถึงกันหมด,สี ปูติน คิม บวกทรัมป์ รับรู้เรื่องนี้ดี จึงตกลงต้องจบเรื่องอุบาทก์ของโลกนี้เสียทีอย่างจริงจังร่วมกัน แม่มันคือQE2ตายไปวัดล่าสุดพวกมันหวาดกลัวอย่างมากรวมถึงสมุนรับใช้ขี้ข้ามันทั่วโลกก็ว่า,สื่อหลักเราบิดเบือนโดนมากตั้งแต่ยุคโควิดเลย ทำให้เห็นชัดเจนว่าสื่อหลักทั้งหมดในไทยคือพวกมันทั้งหมด,และเป้าหมายมันคือทำลายสถาบันกษัตริย์ไทยเราด้วย ซึ่งคนไทยเรายอมไม่ได้แน่นอน.
    ..อนาคตแบงค์พาณิชย์ไทยจะพังจะเจ๊งเหมือนแบงค์ตะวันตกแบงค์ยุโรปที่เป็นข่าวขนานใหญ่มาแล้วเมื่อปีก่อนและก่อนๆหน้านี้จนส่งผลถึงเศรษฐกิจทั่วโลก แบงค์ไทยมาเก็ตแคปเล็กนิดเดียว มูลค่าแค่ไม่กี่ล้านล้านบาท ซอยแยกย่อยต่อแบงค์ยิ่งเล็กไม่กี่แสนล้านบาท อย่าลืมว่าแบงค์เอกชนไทยผู้ถือหุ้นใหญ่คือคนต่างชาติแล้วมาจากต่างประเทศและสมุนท่านลอร์ดด้วย ช่วงนี้เดอะแก๊งท่านลอร์ดถูกฝ่ายแสงยึดทรัพย์หมดแล้วตลอดเลยซวยถึงบริษัทในเครือในลูกต่างๆทั่วโลกด้วย แบงค์ยุโรปพังๆไม่ใช่อะไรหรอกฝ่ายแสงเขายึดทรัพย์นั้นเอง กิจการในเครือจึงขาดสภาพคล่อง เลยล้มกันทั้งตะวันตกและยุโรป ตังให้สมุนรีบใช้ตนไปหมุนไม่ได้ไม่พอจึงอนาถทั่วโลก กิจการท่านลอร์ดน้อยๆที่ไหนในเครือ อาทิท่านลอร์ดรอธไชล์ดนั้นล่ะ ขาดสภาพคล่องตรึมสิ จึงปิดกิจการกันทั่วโลก,พังระเนระนาดแบงค์ล้มบะลายต่อๆกันทั่วยุโรปทั่วอเมริกาตะวันตก คนตกงานเพราะกิจการปิด เลิกจ้างตรึมตามมาไง,กำลังมาไทยด้วย ปลายปีนี้บวกปีหน้าเห็นแน่ มุกดูดตังจึงต้องยืมสมุนใต้ดินดูดตังคนฝากไง,ฟอกตังไปในตัวด้วย เจ้าหน้าที่บอกมาเอาตังที่ถูกดูดคืนได้นะ ค้ำประกันเงินเถื่อนเป็นถูกกฎหมายในตัวเลย,ฟอกเงินดีๆในอีกมุมมอง, ..ใครมีตังถอนมาเก็บไว้ให้หมดจากทุกๆธนาคารนะ กว่าจะหาตังมาได้โคตรเกน็ดโคตรเหนื่อยกันเอาชีวิตแลกมาก็ว่าเพื่อคนรักข้างหลังท่านๆอีก ไฟดับแน่ก่อนทรัมป์เลือกตััง มีความน่าจะเป็นสูง ระบบธนาคารปั่นป่วนไม่เสถียรนานแล้ว,หรือรีเซ็ตระบบใหม่แบบควอนตันห่าเหวอะไรก็อย่าไว้วางใจเชื่อมัน ถอนออกมาให้หมด มีหุ้นขายหุ้นทิ้งทุกๆตัว ซื้อกองทุนอะไรไว้ ขายออกเอาตังมาเก็บไว้ให้หมด,แบ่งซื้อทองคำขนาดเส้นเล็กเก็บไว้ด้วยอย่างละครึ่งยิ่งดี มี100ล้าน 50ล้านแรกเก็บเป็นเงินสดพกติดบ้านติดตัวฝังไว้ใต้ดินบ้านก็ได้,อีก50ล้านซื้อทองคำเส้นสร้อยเล็กไว้เบิกทางหากเงินสดไร้ค่า,ในยุควิบัติวิกฤติในอนาคต,ขึ้นอีสานขึ้นเหนือ โคราชที่สูงๆไว้ไร้รอยเลื่อนแผ่นดินไหวจะดีก่อนสิ้นปี,ซื้อที่แถวนี้ยิ่งดีย้ายที่อยู่สะ,มีตังหน่อยทำบังเกอร์หลบภัยไว้ หนาๆกันกัมมันตรังสีด้วยยิ่งดี ซื้ออาหารกักตุนไว้ประมาณ3เดือนไม่เดือนร้อนก็ดี,ตู้คอนเทนเนอร์ประยุกต์กันซอมบี้ได้ด้วย เพราะคนที่ฉีดวัคซีนจะกลายพันธุ์เป็นซอมบี้ได้แน่นอน,อสูรกายอีกพวกแรปทีเลี่ยนที่หลงเหลือนั้นล่ะ,ช่วงนี้มันดิ้นรนสู้หัวชนฝาแล้วติดกำแพงก็ว่า,ปั่นป่วนทั่วโลกนั้นเอง, ..ปีหน้าพังแน่นอน หุ้นกู้ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นมีตรึม เอกชนบริษัทนี้ออกหุ้นกู้ออกตราสารหนี้สาระพัดนะ,หนี้มันตรึมไม่น้อยแต่ปกปิดไว้แค่นั้น แบงค์ปล่อยกู้ไม่พอหรอกตังแค่นี้ มันจะเอาตังออกนอกประเทศไปช่วยเครือแม่มันโน้น,หรือช่วยก็แค่กิจการเจ้าสัวใหญ่ๆล่ะ,500กว่า1,000กว่าบริษัทในตลาดหุ้นล่ะก็ถูกทิ้งแบบปีที่แล้วสิ,นี้แค่สร้างภาพ&ภาพลวงตา,ใครมาเห็นข้อความนี้กรุณาบอกต่อกับคนที่คุณรักด้วย,ลุกลามมาเอเชียมาอาเชียนแล้ว ไทยปลายปีนีัปีหน้าหนักๆแน่นอน,และหนักต่อเนื่องด้วยเพราะสาระพัดทิศแน่,เก็บเงินสดพยุงตนเองและครอบครัวท่านไว้ก่อนดีที่สุด มีอะไรขายได้ขายออกไปก่อน,ของเต็มร้านเต็มโกดังก็ให้รีบขาย,สงครามโลกเกิดซวยแน่ จะขายอะไรไม่ออก ทุนจมด้วย ,สงครามนี้คือการทำลายแรปทีเลี่ยนขี้ข้าสมุนที่หลงเหลือแค่นั้น แต่มีฤทธิ์มีเดชอยู่ ใต้ดินลึกลงไปของยูเครนคือศูนย์บัญชาการใหญ่ของพวกมัน,ยุโรปเกือบครึ่งคือพวกเผ่าพันธุ์แดกมนุษย์ คนปาเลสไตน์ถูกลักพาตัวพร้อมเด็กๆไปแดกไปค้ามนุษย์อย่างมาก,อาศัยสงครามบังหน้านั้นเอง,อิสราเอลทะลุยูเครนอุโมงค์เชื่อมถึงกันหมด,สี ปูติน คิม บวกทรัมป์ รับรู้เรื่องนี้ดี จึงตกลงต้องจบเรื่องอุบาทก์ของโลกนี้เสียทีอย่างจริงจังร่วมกัน แม่มันคือQE2ตายไปวัดล่าสุดพวกมันหวาดกลัวอย่างมากรวมถึงสมุนรับใช้ขี้ข้ามันทั่วโลกก็ว่า,สื่อหลักเราบิดเบือนโดนมากตั้งแต่ยุคโควิดเลย ทำให้เห็นชัดเจนว่าสื่อหลักทั้งหมดในไทยคือพวกมันทั้งหมด,และเป้าหมายมันคือทำลายสถาบันกษัตริย์ไทยเราด้วย ซึ่งคนไทยเรายอมไม่ได้แน่นอน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • #สายพราย ผงกระดูก P ดิน slow forest..😅
    ของแรง ของเฮี้ยน ช่วงนี้คนกล่าวถึงกันมาก.. .จากการเก็บข้อมูล ...พอถามตรงจุด กับคนเคยใช้ จำนวน หลายสิบคน เอาในมุมมองว่า แรง แล้วมีประโยชน์อะไรบ้างกับตัวเรา โชคลาภ เป็นไง แคล้วคลาดเป็นไง เมตตามหาเสน่ห์ เป็นไง เหนียวเป็นไง ลางสังหรณ์แบบพรายกระซิบมีไหม? ....กลับไม่ได้คำตอบที่ตรงคำถามเลย แม้แต่รายเดียว..มีแต่เรื่อง แรง มากระตุก มาส่งเสียงให้รับรู้..ประสบการณ์อื่นที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ยังไม่ปรากฏชัด...แต่ละคนลองใช้หลายๆเดือน......ถามว่า แล้วมีประโยชน์กับเราอย่างไร.... ไม่ได้ลบลู่ หรือดูถูกนะ ..เพียงแต่ตอนแรกจะหามาใช้ เลยศึกษา เก็บข้อมูลมาได้ดังนี้...
    ...ของดีจริงมีแน่นอน แต่คงไม่ใช่ทุกสำนักที่ใช้สูตรนี้...แล้วจะดี...
    ...โปรดใช้วิจารณญาณของท่านเอง #ความเห็นส่วนตัว#
    #สายพราย ผงกระดูก P ดิน slow forest..😅 ของแรง ของเฮี้ยน ช่วงนี้คนกล่าวถึงกันมาก.. .จากการเก็บข้อมูล ...พอถามตรงจุด กับคนเคยใช้ จำนวน หลายสิบคน เอาในมุมมองว่า แรง แล้วมีประโยชน์อะไรบ้างกับตัวเรา โชคลาภ เป็นไง แคล้วคลาดเป็นไง เมตตามหาเสน่ห์ เป็นไง เหนียวเป็นไง ลางสังหรณ์แบบพรายกระซิบมีไหม? ....กลับไม่ได้คำตอบที่ตรงคำถามเลย แม้แต่รายเดียว..มีแต่เรื่อง แรง มากระตุก มาส่งเสียงให้รับรู้..ประสบการณ์อื่นที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ยังไม่ปรากฏชัด...แต่ละคนลองใช้หลายๆเดือน......ถามว่า แล้วมีประโยชน์กับเราอย่างไร.... ไม่ได้ลบลู่ หรือดูถูกนะ ..เพียงแต่ตอนแรกจะหามาใช้ เลยศึกษา เก็บข้อมูลมาได้ดังนี้... ...ของดีจริงมีแน่นอน แต่คงไม่ใช่ทุกสำนักที่ใช้สูตรนี้...แล้วจะดี... ...โปรดใช้วิจารณญาณของท่านเอง #ความเห็นส่วนตัว#
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลงานชิ้นเอก ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

    เป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา ที่ดีที่สุดในยุคแผ่นดินรัชกาลที่ ๙

    เป็นหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้พระไพศาล วิสาโล บวชไม่คิดสึก

    ‘พุทธธรรม’ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์. (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)) คือ หนังสือที่พระไพศาลยกย่อง ถึงขั้นที่ว่าถ้ามีหนังสือเพียงเล่มเดียวที่สามารถติดตัวไปได้ในชีวิต ‘พุทธธรรม’ คือ เล่มที่ท่านเลือก...

    “หนังสือเล่มนี้อาตมาอ่านจบช่วงเข้าพรรษาสมัยที่เป็นฆราวาส เมื่อ พ.ศ. 2525 ตั้งใจว่าอ่านให้ได้วันละ 10 หน้า ก็อ่านได้ทุกวัน พรรษาหนึ่งประมาณ 90 กว่าวัน หนังสือมีความหนาประมาณพันกว่าหน้า อ่านตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก็พอดี เป็นการฝึกความเพียรและวินัยด้วย บางทีเราเดินทางไปต่างจังหวัดก่อนหน้านั้นวันหนึ่งจะต้องอ่านเพิ่มอีก 10 หน้าเพื่อชดเชยกับวันที่ต้องเดินทาง”

    นอกจากความเพียรในการอ่านแล้ว ช่วงนั้นพระไพศาลซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยยังได้รับความเมตตาจากพระราชวรมุนี (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) อนุญาตให้เข้าพบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสนทนาธรรมสอบถามข้อสงสัยจากหนังสืออีกด้วย

    “อ่านหนังสือแล้วไปถามท่านเราก็ได้ความกระจ่างเยอะ ถือเป็นความโชคดีในฐานะนักอ่าน ยิ่งได้คุยกับท่านยิ่งรู้ว่า ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ ถ้าจัดเรตให้ต้องถือว่าเฟิร์สตเรต อัศจรรย์มาก”

    พุทธธรรมเป็นวรรณกรรมพุทธศาสนา ที่ได้รับการยอมรับว่าแสดงหลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างซื่อตรงต่อพระ ไตรปิฎกเป็นอย่างยิ่ง นำเสนอหลักการและสาระสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างครบถ้วน และเป็นระบบอย่างชัดเจน พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2514 ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ผู้เขียนได้ปรับปรุงและขยายความเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นหนังสือเล่มใหญ่หนาเป็นพันหน้า

    “อ่านไปก็อดทึ่งคนเขียนไม่ได้ว่าทั้งฉลาดทั้งมีความเพียรสูง ค้นข้อมูลมามากทีเดียวกว่าจะเขียนได้อย่างนี้ คือไม่ใช่แค่สรุปความย่อความเหมือนหนังสือบางเล่ม แต่เป็นการเขียนขึ้นมาใหม่ โดยมีพระไตรปิฎก เป็นพื้นฐาน นำเสนอด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ด้วยวิธีคิดของคนสมัยใหม่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เราจะไม่เจอแบบนี้ในงานเขียนพระพุทธศาสนา บางทีเคยไปเจอหนังสือเกี่ยวกับสาระพระไตรปิฎก เขียนโดยฆราวาสที่เคยบวชพระมาจะเห็นว่าลีลาสไตล์การเขียนแตกต่างกัน บางทีก็แค่ย่อความมาให้เราดู การย่อความก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านเจ้าประคุณทำได้มากกว่านั้น จึงนำมาเสนอใหม่ ด้วยชนิดที่เรียกว่าสามารถจะสื่อสารกับเราด้วยภาษาของเราได้ และพยายามโยงให้เข้าถึงปัญหาสังคมสมัยใหม่โดยใช้มุมมองแบบพุทธ ซึ่งสมควรแล้วที่คนจะพูดว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดในยุครัชกาลที่ 9 และถือว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของรัตนโกสินทร์”

    อาตมายกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดีของชีวิต ประการที่หนึ่งเพราะนำเสนอพุทธธรรมอย่างเป็นระบบและรอบด้านที่สุดภายในเล่มเดียว คือมีหลายท่านพูดถึงพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแต่พูดเป็นบางแง่ อย่างท่านพุทธทาสก็พูดเป็นบางแง่ เช่น ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา แต่เล่มนี้พูดครบทุกแง่อย่างเป็นระบบ ทุกแง่ทุกมุมอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ขอให้ค้นให้เป็น อาตมาเคยพูดนะว่าหนังสือเล่มนี้มี 3 มิติ ทั้งลึก กว้าง ไกล ลึกคือทำให้เราเข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งของตัวเอง และทำให้เราเห็นกว้าง เห็นโลกและสังคมได้อย่างกว้าง เล่มนี้จะพูดถึงสังคมสมัยใหม่ไว้พอสมควร ทำให้เราได้เห็นมิติด้านไกล นั่นคือได้เห็นว่าการสอนพุทธศาสนานี้ผ่านการตีความมายังไงบ้าง ประการต่อมาคือใช้ภาษาที่งดงามสละสลวย ภาษาท่านงดงามมาก และสามารถสื่อได้ตรงใจผู้เขียน แม้ว่าเนื้อหาจะลึกซึ้ง คือทุกวันนี้แม้ตัวเองจะอ่านงานท่านเจ้าประคุณมาเยอะ เวลาจะสื่ออะไรบางอย่าง เรารู้สึกว่าเราจนต่อถ้อยคำ ไม่สามารถจะเขียนให้สุดความคิดได้ แต่หนังสือเล่มนี้ท่านเจ้าประคุณสามารถบรรยายให้สุดความคิดได้ อาตมาคิดว่าเป็นแบบอย่างของงานเขียนในทางศาสนาและงานวิชาการได้ คือมีทั้งอรรถและรส อรรถคือเนื้อหา รสคือรสของภาษา”

    ซึ่งพระไพศาลยอมรับว่าได้รับอิทธิพลจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) และท่านพุทธทาส ในการใช้ชีวิตและเขียนหนังสือพอสมควร โดยเฉพาะจากหนังสือพุทธธรรมนั้นมีอิทธิพลต่องานเขียน และการค้นคว้าทางพุทธศาสนาอย่างมาก

    “ถ้ามีเล่มเดียวที่สามารถติดไปได้ในชีวิตก็เล่มนี้แหละ ถึงแม้จะหนักหน่อยก็ตาม อาตมายังรู้สึกเลยนะว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้เราภูมิใจที่เป็นคนไทย การที่คุณเป็นคนไทยแล้วได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าโชคดีและคุ้มค่าในการที่ได้เป็นคนไทยแล้ว บางทีเราก็รู้สึกว่าเป็นฝรั่งโชคดีนะ ได้อ่านหนังสือที่ลึกซึ้ง หนังสือเยอะแยะหลากหลาย แต่พุทธธรรมนี่แหละที่ทำให้เราสามารถเป็นที่อิจฉาของฝรั่งได้ เพราะฝรั่งอ่านเล่มนี้ไม่ได้ แต่คนไทยอ่านได้ ฉะนั้นถ้าในแง่ชาวพุทธและในแง่ความเป็นคนไทย หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราภูมิใจและรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นคนไทย ที่อ่านภาษาไทยออก”

    และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีหนังสือพุทธธรรมในครอบครอง แต่ยังไม่เคยเปิดอ่าน พระไพศาลบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะรสชาติของหนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือทั่ว ๆ ไป

    “อ่านแล้วจะทำให้เกิดความพิศวงและความปีติเมื่อได้พบความจริง”
    นั่นคือพุทธธรรม...

    Save เก็บได้เลย... 1360 หน้า อัพเดทล่าสุด เป็นฉบับปรับขยายครับ อ่านวันละ 10 หน้าแป๊บเดี๋ยวก็จบแล้ว
    https://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/buddhadhamma_extended_edition.pdf?fbclid=IwAR1WFAHlZSqoUQa01X13IvZno7o9FgFuHC450ktPmxfQAxLyUtGOl9ndrSY

    ท่านสามารถดาวโหลดเสียงอ่านหนังสือ
    "พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย"
    ของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต))

    เสียงอ่านโดย..พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

    ได้ที่ Link เสียงอ่าน พุทธธรรม
    http://bit.ly/1nZnfef

    Link สำหรับพุทธธรรม ๒๓ บท ตามนี้ครับ

    ๐๑. ขันธ์5
    http://bit.ly/1qih1Xj

    ๐๒. อายตนะ ๖
    http://bit.ly/1Xq7tVe

    ๐๓.ไตรลักษณ์
    http://bit.ly/1VhCuNd

    ๐๔. ปฏิจสุปบาท
    http://bit.ly/1SYJnj1

    ๐๕. กรรม
    http://bit.ly/20u0M6t

    ๐๖. นิพพาน
    http://bit.ly/1Q2AZKF

    ๐๗. ประเภทนิพพาน
    http://bit.ly/1qIMFOI

    ๐๘. สมถะ-วิปัสสนา
    http://bit.ly/1UUvg1A

    ๐๙. หลักการสำคัญของการบรรลุนิพพาน
    http://bit.ly/1VLTVUU

    ๑๐. บทสรุปเรื่องนิพพาน
    http://bit.ly/23wfOdI

    ๑๑. บทนำมัชฌิมาปฏิปทา
    http://bit.ly/1S4wT9r

    ๑๒. ปรโตโฆสะที่ดี_กัลยาณมิตร
    http://bit.ly/1S0ftIV

    ๑๓. โยนิโสมนสิการ
    http://bit.ly/1RNTVlX

    ๑๔. ปัญญา
    http://bit.ly/1RNU211

    ๑๕. ศีล
    http://bit.ly/23nRiid

    ๑๖. สมาธิ
    http://bit.ly/1MoRbve

    ๑๗. บทสรุปอริยสัจ
    http://bit.ly/1qihTv3

    ๑๘. โสดาบัน
    http://bit.ly/1MoRfeq

    ๑๙. วินัย
    http://bit.ly/1SYK63G

    ๒๐. ปาฏิหาริย์
    http://bit.ly/1VLUY7z

    ๒๑. ปัญหาแรงจูงใจ
    http://bit.ly/1N3oUKE

    ๒๒. ความสุข ๑ ฉบับแบบแผน
    http://bit.ly/1VLV3rJ

    ๒๓. ความสุข ๒ ฉบับประมวลความ
    http://bit.ly/1SYK9g0

    เครดิต Kanlayanatam
    ผลงานชิ้นเอก ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา ที่ดีที่สุดในยุคแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ เป็นหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้พระไพศาล วิสาโล บวชไม่คิดสึก ‘พุทธธรรม’ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์. (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)) คือ หนังสือที่พระไพศาลยกย่อง ถึงขั้นที่ว่าถ้ามีหนังสือเพียงเล่มเดียวที่สามารถติดตัวไปได้ในชีวิต ‘พุทธธรรม’ คือ เล่มที่ท่านเลือก... “หนังสือเล่มนี้อาตมาอ่านจบช่วงเข้าพรรษาสมัยที่เป็นฆราวาส เมื่อ พ.ศ. 2525 ตั้งใจว่าอ่านให้ได้วันละ 10 หน้า ก็อ่านได้ทุกวัน พรรษาหนึ่งประมาณ 90 กว่าวัน หนังสือมีความหนาประมาณพันกว่าหน้า อ่านตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก็พอดี เป็นการฝึกความเพียรและวินัยด้วย บางทีเราเดินทางไปต่างจังหวัดก่อนหน้านั้นวันหนึ่งจะต้องอ่านเพิ่มอีก 10 หน้าเพื่อชดเชยกับวันที่ต้องเดินทาง” นอกจากความเพียรในการอ่านแล้ว ช่วงนั้นพระไพศาลซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยยังได้รับความเมตตาจากพระราชวรมุนี (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) อนุญาตให้เข้าพบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสนทนาธรรมสอบถามข้อสงสัยจากหนังสืออีกด้วย “อ่านหนังสือแล้วไปถามท่านเราก็ได้ความกระจ่างเยอะ ถือเป็นความโชคดีในฐานะนักอ่าน ยิ่งได้คุยกับท่านยิ่งรู้ว่า ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ ถ้าจัดเรตให้ต้องถือว่าเฟิร์สตเรต อัศจรรย์มาก” พุทธธรรมเป็นวรรณกรรมพุทธศาสนา ที่ได้รับการยอมรับว่าแสดงหลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างซื่อตรงต่อพระ ไตรปิฎกเป็นอย่างยิ่ง นำเสนอหลักการและสาระสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างครบถ้วน และเป็นระบบอย่างชัดเจน พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2514 ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ผู้เขียนได้ปรับปรุงและขยายความเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นหนังสือเล่มใหญ่หนาเป็นพันหน้า “อ่านไปก็อดทึ่งคนเขียนไม่ได้ว่าทั้งฉลาดทั้งมีความเพียรสูง ค้นข้อมูลมามากทีเดียวกว่าจะเขียนได้อย่างนี้ คือไม่ใช่แค่สรุปความย่อความเหมือนหนังสือบางเล่ม แต่เป็นการเขียนขึ้นมาใหม่ โดยมีพระไตรปิฎก เป็นพื้นฐาน นำเสนอด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ด้วยวิธีคิดของคนสมัยใหม่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เราจะไม่เจอแบบนี้ในงานเขียนพระพุทธศาสนา บางทีเคยไปเจอหนังสือเกี่ยวกับสาระพระไตรปิฎก เขียนโดยฆราวาสที่เคยบวชพระมาจะเห็นว่าลีลาสไตล์การเขียนแตกต่างกัน บางทีก็แค่ย่อความมาให้เราดู การย่อความก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านเจ้าประคุณทำได้มากกว่านั้น จึงนำมาเสนอใหม่ ด้วยชนิดที่เรียกว่าสามารถจะสื่อสารกับเราด้วยภาษาของเราได้ และพยายามโยงให้เข้าถึงปัญหาสังคมสมัยใหม่โดยใช้มุมมองแบบพุทธ ซึ่งสมควรแล้วที่คนจะพูดว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดในยุครัชกาลที่ 9 และถือว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของรัตนโกสินทร์” อาตมายกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดีของชีวิต ประการที่หนึ่งเพราะนำเสนอพุทธธรรมอย่างเป็นระบบและรอบด้านที่สุดภายในเล่มเดียว คือมีหลายท่านพูดถึงพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแต่พูดเป็นบางแง่ อย่างท่านพุทธทาสก็พูดเป็นบางแง่ เช่น ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา แต่เล่มนี้พูดครบทุกแง่อย่างเป็นระบบ ทุกแง่ทุกมุมอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ขอให้ค้นให้เป็น อาตมาเคยพูดนะว่าหนังสือเล่มนี้มี 3 มิติ ทั้งลึก กว้าง ไกล ลึกคือทำให้เราเข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งของตัวเอง และทำให้เราเห็นกว้าง เห็นโลกและสังคมได้อย่างกว้าง เล่มนี้จะพูดถึงสังคมสมัยใหม่ไว้พอสมควร ทำให้เราได้เห็นมิติด้านไกล นั่นคือได้เห็นว่าการสอนพุทธศาสนานี้ผ่านการตีความมายังไงบ้าง ประการต่อมาคือใช้ภาษาที่งดงามสละสลวย ภาษาท่านงดงามมาก และสามารถสื่อได้ตรงใจผู้เขียน แม้ว่าเนื้อหาจะลึกซึ้ง คือทุกวันนี้แม้ตัวเองจะอ่านงานท่านเจ้าประคุณมาเยอะ เวลาจะสื่ออะไรบางอย่าง เรารู้สึกว่าเราจนต่อถ้อยคำ ไม่สามารถจะเขียนให้สุดความคิดได้ แต่หนังสือเล่มนี้ท่านเจ้าประคุณสามารถบรรยายให้สุดความคิดได้ อาตมาคิดว่าเป็นแบบอย่างของงานเขียนในทางศาสนาและงานวิชาการได้ คือมีทั้งอรรถและรส อรรถคือเนื้อหา รสคือรสของภาษา” ซึ่งพระไพศาลยอมรับว่าได้รับอิทธิพลจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) และท่านพุทธทาส ในการใช้ชีวิตและเขียนหนังสือพอสมควร โดยเฉพาะจากหนังสือพุทธธรรมนั้นมีอิทธิพลต่องานเขียน และการค้นคว้าทางพุทธศาสนาอย่างมาก “ถ้ามีเล่มเดียวที่สามารถติดไปได้ในชีวิตก็เล่มนี้แหละ ถึงแม้จะหนักหน่อยก็ตาม อาตมายังรู้สึกเลยนะว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้เราภูมิใจที่เป็นคนไทย การที่คุณเป็นคนไทยแล้วได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าโชคดีและคุ้มค่าในการที่ได้เป็นคนไทยแล้ว บางทีเราก็รู้สึกว่าเป็นฝรั่งโชคดีนะ ได้อ่านหนังสือที่ลึกซึ้ง หนังสือเยอะแยะหลากหลาย แต่พุทธธรรมนี่แหละที่ทำให้เราสามารถเป็นที่อิจฉาของฝรั่งได้ เพราะฝรั่งอ่านเล่มนี้ไม่ได้ แต่คนไทยอ่านได้ ฉะนั้นถ้าในแง่ชาวพุทธและในแง่ความเป็นคนไทย หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราภูมิใจและรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นคนไทย ที่อ่านภาษาไทยออก” และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีหนังสือพุทธธรรมในครอบครอง แต่ยังไม่เคยเปิดอ่าน พระไพศาลบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะรสชาติของหนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือทั่ว ๆ ไป “อ่านแล้วจะทำให้เกิดความพิศวงและความปีติเมื่อได้พบความจริง” นั่นคือพุทธธรรม... Save เก็บได้เลย... 1360 หน้า อัพเดทล่าสุด เป็นฉบับปรับขยายครับ อ่านวันละ 10 หน้าแป๊บเดี๋ยวก็จบแล้ว https://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/buddhadhamma_extended_edition.pdf?fbclid=IwAR1WFAHlZSqoUQa01X13IvZno7o9FgFuHC450ktPmxfQAxLyUtGOl9ndrSY ท่านสามารถดาวโหลดเสียงอ่านหนังสือ "พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย" ของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)) เสียงอ่านโดย..พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล ได้ที่ Link เสียงอ่าน พุทธธรรม http://bit.ly/1nZnfef Link สำหรับพุทธธรรม ๒๓ บท ตามนี้ครับ ๐๑. ขันธ์5 http://bit.ly/1qih1Xj ๐๒. อายตนะ ๖ http://bit.ly/1Xq7tVe ๐๓.ไตรลักษณ์ http://bit.ly/1VhCuNd ๐๔. ปฏิจสุปบาท http://bit.ly/1SYJnj1 ๐๕. กรรม http://bit.ly/20u0M6t ๐๖. นิพพาน http://bit.ly/1Q2AZKF ๐๗. ประเภทนิพพาน http://bit.ly/1qIMFOI ๐๘. สมถะ-วิปัสสนา http://bit.ly/1UUvg1A ๐๙. หลักการสำคัญของการบรรลุนิพพาน http://bit.ly/1VLTVUU ๑๐. บทสรุปเรื่องนิพพาน http://bit.ly/23wfOdI ๑๑. บทนำมัชฌิมาปฏิปทา http://bit.ly/1S4wT9r ๑๒. ปรโตโฆสะที่ดี_กัลยาณมิตร http://bit.ly/1S0ftIV ๑๓. โยนิโสมนสิการ http://bit.ly/1RNTVlX ๑๔. ปัญญา http://bit.ly/1RNU211 ๑๕. ศีล http://bit.ly/23nRiid ๑๖. สมาธิ http://bit.ly/1MoRbve ๑๗. บทสรุปอริยสัจ http://bit.ly/1qihTv3 ๑๘. โสดาบัน http://bit.ly/1MoRfeq ๑๙. วินัย http://bit.ly/1SYK63G ๒๐. ปาฏิหาริย์ http://bit.ly/1VLUY7z ๒๑. ปัญหาแรงจูงใจ http://bit.ly/1N3oUKE ๒๒. ความสุข ๑ ฉบับแบบแผน http://bit.ly/1VLV3rJ ๒๓. ความสุข ๒ ฉบับประมวลความ http://bit.ly/1SYK9g0 เครดิต Kanlayanatam
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมเคิล พอร์เตอร์ (1996) ได้กำหนดคำว่า กลยุทธ์ ว่าเป็นกิจกรรมของบริษัทที่ทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อให้บรรลุข้อเสนอที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า หรือรวดเร็วกว่าแก่ลูกค้า ตำแหน่งกลยุทธ์ใหม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงของลูกค้า หรือการจัดหาหลายประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการ อันเดรีย โอแวนส์ (2022) ได้จำกัดความกลยุทธ์ลงเป็น 3 ตัวเลือกหลัก:

    - ทำสิ่งใหม่
    - สร้างจากสิ่งที่คุณทำอยู่แล้ว
    - ตอบสนองอย่างมีโอกาสต่อความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น

    คำจำกัดความและขอบเขตข้างต้นเป็นมุมมองในการกำหนดกลยุทธ์ของบริษัทผ่านการแข่งขันในตลาด หากเราใช้แมทริกซ์ 2×2 เพื่อชี้แจงมุมมองนี้พร้อมกับทิศทางในอนาคตของบริษัท แมทริกซ์ต่อไปนี้สามารถอธิบายประเภทของกลยุทธ์ที่บริษัทจำเป็นต้องวางแผนได้

    หากบริษัทพอใจกับตำแหน่งในตลาดปัจจุบันและผลการดำเนินงาน กลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับบริษัทเหล่านี้คือ Operational Excellence (OE) กลยุทธ์ OE เกี่ยวข้องกับการรักษาความสามารถในปัจจุบันที่บริษัททำได้ดีกว่าคู่แข่ง บริษัทเหล่านี้มีความได้เปรียบในบางระดับของการผูกขาด บริษัทที่ใช้กลยุทธ์นี้มักจะมุ่งมั่นสู่แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในขั้นตอนการดำเนินงานมาตรฐาน กิจกรรมและเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ได้แก่ การจัดการคุณภาพรวม (Total Quality Management), การเปรียบเทียบมาตรฐาน (benchmarking), การแข่งขันตามเวลา (time-based competition), การจ้างงานภายนอก (outsourcing), การออกแบบใหม่ (reengineering), การจัดการการเปลี่ยนแปลง (change management) เป็นต้น

    หากบริษัทต้องการปรับปรุงตำแหน่งในตลาดปัจจุบัน จะต้องเสนอคุณค่าในด้านราคาและประสิทธิภาพที่ดีกว่าให้กับลูกค้า กลยุทธ์ประเภทนี้คือการสร้างจากความสามารถในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการดึงดูดและรักษาลูกค้าจากคู่แข่ง โดยการทำเช่นนี้ บริษัทจะต้องเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าหรือราคาถูกกว่าลูกค้า กิจกรรมทางการตลาดยังสามารถช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ให้กับลูกค้าในการได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการจากบริษัทมากกว่าคู่แข่ง กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับตลาดเดิมโดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

    กลยุทธ์ Seizing Opportunistic Possibilities ต้องการให้บริษัทสามารถรับรู้ถึงการเกิดขึ้นของโอกาสใหม่และปรับความสามารถในปัจจุบันเพื่อจับโอกาสเหล่านั้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกระบวนการที่ส่งผลให้เกิดประสบการณ์ใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า นี่คือการขยายตลาดที่มีอยู่

    กลยุทธ์สุดท้ายคือ Innovative Exploitation ซึ่งหมายถึงการสำรวจผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ นวัตกรรมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลาดใหม่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการแนะนำวิธีแก้ไขใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาใหม่ ๆ วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมและความสามารถของบุคลากรใหม่เป็นหัวใจสำคัญของหมวดหมู่นี้
    ไมเคิล พอร์เตอร์ (1996) ได้กำหนดคำว่า กลยุทธ์ ว่าเป็นกิจกรรมของบริษัทที่ทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อให้บรรลุข้อเสนอที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า หรือรวดเร็วกว่าแก่ลูกค้า ตำแหน่งกลยุทธ์ใหม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงของลูกค้า หรือการจัดหาหลายประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการ อันเดรีย โอแวนส์ (2022) ได้จำกัดความกลยุทธ์ลงเป็น 3 ตัวเลือกหลัก: - ทำสิ่งใหม่ - สร้างจากสิ่งที่คุณทำอยู่แล้ว - ตอบสนองอย่างมีโอกาสต่อความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น คำจำกัดความและขอบเขตข้างต้นเป็นมุมมองในการกำหนดกลยุทธ์ของบริษัทผ่านการแข่งขันในตลาด หากเราใช้แมทริกซ์ 2×2 เพื่อชี้แจงมุมมองนี้พร้อมกับทิศทางในอนาคตของบริษัท แมทริกซ์ต่อไปนี้สามารถอธิบายประเภทของกลยุทธ์ที่บริษัทจำเป็นต้องวางแผนได้ หากบริษัทพอใจกับตำแหน่งในตลาดปัจจุบันและผลการดำเนินงาน กลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับบริษัทเหล่านี้คือ Operational Excellence (OE) กลยุทธ์ OE เกี่ยวข้องกับการรักษาความสามารถในปัจจุบันที่บริษัททำได้ดีกว่าคู่แข่ง บริษัทเหล่านี้มีความได้เปรียบในบางระดับของการผูกขาด บริษัทที่ใช้กลยุทธ์นี้มักจะมุ่งมั่นสู่แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในขั้นตอนการดำเนินงานมาตรฐาน กิจกรรมและเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ได้แก่ การจัดการคุณภาพรวม (Total Quality Management), การเปรียบเทียบมาตรฐาน (benchmarking), การแข่งขันตามเวลา (time-based competition), การจ้างงานภายนอก (outsourcing), การออกแบบใหม่ (reengineering), การจัดการการเปลี่ยนแปลง (change management) เป็นต้น หากบริษัทต้องการปรับปรุงตำแหน่งในตลาดปัจจุบัน จะต้องเสนอคุณค่าในด้านราคาและประสิทธิภาพที่ดีกว่าให้กับลูกค้า กลยุทธ์ประเภทนี้คือการสร้างจากความสามารถในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการดึงดูดและรักษาลูกค้าจากคู่แข่ง โดยการทำเช่นนี้ บริษัทจะต้องเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าหรือราคาถูกกว่าลูกค้า กิจกรรมทางการตลาดยังสามารถช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ให้กับลูกค้าในการได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการจากบริษัทมากกว่าคู่แข่ง กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับตลาดเดิมโดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด กลยุทธ์ Seizing Opportunistic Possibilities ต้องการให้บริษัทสามารถรับรู้ถึงการเกิดขึ้นของโอกาสใหม่และปรับความสามารถในปัจจุบันเพื่อจับโอกาสเหล่านั้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกระบวนการที่ส่งผลให้เกิดประสบการณ์ใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า นี่คือการขยายตลาดที่มีอยู่ กลยุทธ์สุดท้ายคือ Innovative Exploitation ซึ่งหมายถึงการสำรวจผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ นวัตกรรมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลาดใหม่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการแนะนำวิธีแก้ไขใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาใหม่ ๆ วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมและความสามารถของบุคลากรใหม่เป็นหัวใจสำคัญของหมวดหมู่นี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซานแสดงให้เห็นถึงการถ่วงดุลกับกลุ่ม G7 ที่กำลังประสบปัญหา

    Paolo Raffone, ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านกิจการภูมิรัฐศาสตร์ CIPI Foundation ซึ่งตั้งอยู่ในบรัสเซลส์

    จากมุมมองเชิงยุทธศาสตร์, กลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซานแสดงให้เห็นถึงการถ่วงดุลกับกลุ่ม G7, ที่กำลังประสบปัญหา ในช่วงเวลาที่มีสมาชิกหลักหลายคนจากการประชุมสองปีครั้งของเครือจักรภพ [เลือก] กลุ่ม BRICS แทน, 🤣และในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำลังสร้างความหวาดกลัวให้กับความไม่แน่นอนของสถาบันในประเทศและระหว่างประเทศของตนเอง🤣

    การเข้าร่วมของเลขาธิการสหประชาชาติ, กูเตอร์เรส, ยืนยันเจตนารมณ์ที่สันติและร่วมมือกันภายในระบบพหุภาคี 🤣นักวิจารณ์อุดมการณ์ของกลุ่ม BRICS ต่างผิดหวังที่ไม่มีการได้ยินหรือเขียนแถลงการณ์ที่เป็นการยั่วยุใดๆ🤣

    คำประกาศ [การประชุมสุดยอดที่เมืองคาซาน] ระบุอย่างเงียบๆแต่เด็ดขาดว่า แม้กลุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดจะคัดค้าน แต่เส้นทางสู่การมีตัวแทนและความรับผิดชอบที่สมดุลยิ่งขึ้นในกิจการโลกก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไป มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาไม่ใช่เรื่องของทิศทางหรือผลลัพธ์
    #BRICS2024
    .
    BRICS SUMMIT IN KAZAN PROVES A COUNTERBALANCE TO THE AILING G7

    Paolo Raffone, director of the Brussels-based CIPI Foundation geopolitical affairs think tank

    From a strategic point of view, BRICS in Kazan counterbalance the ailing G7, at a time that sees several key members of the ongoing bi-annual meeting of The Commonwealth [choosing] BRICS instead, and when the US and the EU are peddling of fear in the uncertainty of their own national and international institutions.

    The attendance by the UN Secretary general, Guterres, confirms their peaceful and cooperative intentions within the multilateral system. To the dismay of the ideological critics of BRICS no incendiary statements were heard or written.

    The [Kazan Summit] declaration is quietly but resolutely stating that despite the hegemons’ opposition the path towards a more balanced representation and responsibility in world affairs cannot be stopped anymore. It’s just a matter of time not of direction and outcome.
    #BRICS2024
    .
    1:10 AM · Oct 24, 2024 · 3,192 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1849151432210989399
    การประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซานแสดงให้เห็นถึงการถ่วงดุลกับกลุ่ม G7 ที่กำลังประสบปัญหา Paolo Raffone, ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านกิจการภูมิรัฐศาสตร์ CIPI Foundation ซึ่งตั้งอยู่ในบรัสเซลส์ จากมุมมองเชิงยุทธศาสตร์, กลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซานแสดงให้เห็นถึงการถ่วงดุลกับกลุ่ม G7, ที่กำลังประสบปัญหา ในช่วงเวลาที่มีสมาชิกหลักหลายคนจากการประชุมสองปีครั้งของเครือจักรภพ [เลือก] กลุ่ม BRICS แทน, 🤣และในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำลังสร้างความหวาดกลัวให้กับความไม่แน่นอนของสถาบันในประเทศและระหว่างประเทศของตนเอง🤣 การเข้าร่วมของเลขาธิการสหประชาชาติ, กูเตอร์เรส, ยืนยันเจตนารมณ์ที่สันติและร่วมมือกันภายในระบบพหุภาคี 🤣นักวิจารณ์อุดมการณ์ของกลุ่ม BRICS ต่างผิดหวังที่ไม่มีการได้ยินหรือเขียนแถลงการณ์ที่เป็นการยั่วยุใดๆ🤣 คำประกาศ [การประชุมสุดยอดที่เมืองคาซาน] ระบุอย่างเงียบๆแต่เด็ดขาดว่า แม้กลุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดจะคัดค้าน แต่เส้นทางสู่การมีตัวแทนและความรับผิดชอบที่สมดุลยิ่งขึ้นในกิจการโลกก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไป มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาไม่ใช่เรื่องของทิศทางหรือผลลัพธ์ #BRICS2024 . BRICS SUMMIT IN KAZAN PROVES A COUNTERBALANCE TO THE AILING G7 Paolo Raffone, director of the Brussels-based CIPI Foundation geopolitical affairs think tank From a strategic point of view, BRICS in Kazan counterbalance the ailing G7, at a time that sees several key members of the ongoing bi-annual meeting of The Commonwealth [choosing] BRICS instead, and when the US and the EU are peddling of fear in the uncertainty of their own national and international institutions. The attendance by the UN Secretary general, Guterres, confirms their peaceful and cooperative intentions within the multilateral system. To the dismay of the ideological critics of BRICS no incendiary statements were heard or written. The [Kazan Summit] declaration is quietly but resolutely stating that despite the hegemons’ opposition the path towards a more balanced representation and responsibility in world affairs cannot be stopped anymore. It’s just a matter of time not of direction and outcome. #BRICS2024 . 1:10 AM · Oct 24, 2024 · 3,192 Views https://x.com/SputnikInt/status/1849151432210989399
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts