• ขยับหมาก ตอนที่ 3

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก”
    ตอน 3
    อยู่ๆ ทำไม Chatham House ถึงลุกขึ้นมาเล่นรัสเซียเสียแรง ยังกะตั้งใจจะแยกอยู่กันคนละโลกขนาดนั้น มันไม่น่าจะเป็นการโชว์กระเดือกเดี่ยว อย่างนั้นมันไม่ใช่รูปแบบของฝั่งตะวันตก ที่ชอบทาสี ตีปิ๊บ และรุมกันทึ้งตามสันดานนักล่าทั้งเก่าทั้งใหม่
    ย้อนไปดูความเคลื่อนไหวของโรงงานใบตองแห้งเสียหน่อย ไม่ต้องย้อนไปไกล เอาแค่ระยะใกล้ในเดือนมิถุนายน มีรายงายข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นาย Ashton Carter รัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ที่มีสีหน้า เหมือนกินเต้าหู้บูดเข้าไปตลอดเวลา ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการของกองทัพ US Eurpoean Commander ที่เมือง Stuttgart ของเยอรมัน และประชุมกับหัวกะทิของทหารอเมริกันประมาณ 2 โหล กับนักการทูตอีกหลายคน เพื่อหารือว่า จะยกระดับการจัดการทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการทหาร กับรัสเซียอย่างไรดี เนื่องจากสัมพันธภาพกับรัสเซียตอนนี้ กำลังเปลี่ยนเป็นทางดิ่งลง sad turn และสถานการณ์ในยุโรป ก็ไม่ได้สวยหวานอย่างเมื่อก่อนแล้ว
    ในวันเดียวกันนั้น ส่วนหนึ่งของรายงานของนายพล Martin Demsey ประธานคณะทำงาน Chairman of the US Joint Chief of Staffs ที่ไม่รู้ว่าใครมืออ่อน ทำหลุดไปถึงสื่อ รายงานนั้นระบุว่า วอชิงตันกำลังคิดจะติดหัวรบนิวเคลียร์ใส่จรวดแถวยุโรป เป็นการตอบโต้รัสเซีย ที่ถูกกล่าวหาว่า กำลังทำผิดสัญญาเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ระยะกลาง Intermediate-range Nuclear Forces (INF) ซึ่งรัสเซียบอกว่า เปล่าผิด จรวดที่ใช้ไม่อยู่ในข้อห้ามของสัญญา อเมริกาก็ใช้แบบนี้ในอิรัคไม่ใช่หรือ ประโยคหลัง ลุงนิทานถามแทน
    Pentagon กำลังคิดว่าจะติดตั้งจรวดยิงใส่รัสเซียที่ไหนดี ระหว่างยิงสวนใส่กลับไปที่จรวดรัสเซีย ที่กำลังลอยฟ้า หรือยิงใส่ฐานที่ตั้งกองกำลังของรัสเซีย จะยิงไปที่ไหนยังไม่ตัดสินใจ แต่นาย Robert Scher ผู้ช่วยคุณเต้าหูบูด ด้านนโยบายการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ได้แจ้งรัฐสภาเมื่อเมษายนนี้ว่า มีแผนเเช่นนั้นจริง ฮั่นแน่ จับได้แล้ว คิดรุกเขาแล้วซินะ
    หลังจากนั้นคุณเต้าหู้บูด ก็ไปประชุมกับหัวกะทิของนาโต้ที่ Brussels ตกลงจะเพิ่มกองกำลังรถถัง อาวุธหนัก อาวุธเบา เต็มอัตรา ให้กับฐานทัพนาโต้ที่อยู่แถวบอลติก รวมทั้งโปแลนด์ โรมาเนีย และบุลกาเรีย พวก (ที่เคยเป็น) เพื่อนรักคุณพี่ปูตินทั้งนั้น เปลี่ยนใจจากที่ว่า จะลดกำลังฝั่งแอตแลนติกไปเรียบร้อยแล้ว
    นอกจากนี้ ที่สำคัญ อเมริกาเพิ่งออกรายงาน US National Military Strategy (US NMS) 2015 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนนี้เอง ประเทศที่อเมริกาจับตามองเป็นพิเศษมีอยู่ 4 ประเทศ คือ รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และจีน
    วิธีที่อเมริกาเขียนถึง 4 ประเทศ แม้ไม่ประกาศชัดเจนว่าเป็นศัตรู แต่การบรรยายสรรพคุณแต่ละประเทศ ก็ทำให้เห็นว่ายากจะเป็นมิตรต่อกัน ถึงว่า มันน่าจะเป็นปาหี่
    ไอ้เรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์น่ะ
    เมื่อย้อนมาดูช่วงเวลาของการอ อก Grand Strategy แผนสอยมังกร สำหรับจีน ที่ออกมาในเดือนเมษายน เรื่อง Russia Challenge กูไม่คบมึง ในเดือนมิถุนายน ยุทธศาสตร์ USNMS 2015 ในเดือนมิถุนายน เรื่องอิหร่านดีล ที่ควรจะจบตั้งแต่ 30 มิถุนายน แต่ลากยาวมาถึงกรกฏาคม และญี่ปุ่น ที่กำลังเตรียมแบกถาด เมื่อสภาญี่ปุ่นอนุมัติให้แก้รัฐธรรมนูญ ให้แบกถาดร่อนไปทั่วได้ ซึ่งญี่ปุ่นคาดว่า ภายในกรกฏาคมนี้ คงผ่านสภา
    ดูเหมือนอเมริกาน่าจะเลือกเล่นเกมหมากล้อม ล้อม 4 ประเทศ ที่จับตาจ้องเขม็งนั่นแหละ และเตรียมเดินหมากไว้แล้วด้วย
    อเมริกาอาจจะเริ่มขยับหมาก เมื่อเรื่องกรีซ กับเรื่องอิหร่านจบตอนหนึ่ง หมากชื่อกรีก เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆ อาจจะเกี่ยว ส่วนอิหร่านนั้น เป็นหมากที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่าเรื่องอิหร่านจะจบอย่างไร ผลกระทบมีสูงทุกทาง
    ถ้าอเมริกา ใช้ยุทธศาตร์หมากล้อม ตามแนวที่วิเคราะห์ เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ และเรื่องกรีซ เราคงต้องตามดู แต่ดูการพัฒนาการของเรื่อง และระยะเวลาของแต่ละเรื่อง อย่าไปหลงทางตามรายละเอียดที่เขาตั้งใจสร้างให้เรางง การพัฒนาของทั้ง 2 เรื่อง จะทำให้เราเห็นว่า อเมริกาขยับหมากอย่างไร และจะมีเรื่องยาวตามมาหรือไม่ หรือการเดินหมากของอเมริกาล้มเหลว หรือแค่ชลอ รอเวลา…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    17 ก.ค. 2558
    ขยับหมาก ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก” ตอน 3 อยู่ๆ ทำไม Chatham House ถึงลุกขึ้นมาเล่นรัสเซียเสียแรง ยังกะตั้งใจจะแยกอยู่กันคนละโลกขนาดนั้น มันไม่น่าจะเป็นการโชว์กระเดือกเดี่ยว อย่างนั้นมันไม่ใช่รูปแบบของฝั่งตะวันตก ที่ชอบทาสี ตีปิ๊บ และรุมกันทึ้งตามสันดานนักล่าทั้งเก่าทั้งใหม่ ย้อนไปดูความเคลื่อนไหวของโรงงานใบตองแห้งเสียหน่อย ไม่ต้องย้อนไปไกล เอาแค่ระยะใกล้ในเดือนมิถุนายน มีรายงายข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นาย Ashton Carter รัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ที่มีสีหน้า เหมือนกินเต้าหู้บูดเข้าไปตลอดเวลา ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการของกองทัพ US Eurpoean Commander ที่เมือง Stuttgart ของเยอรมัน และประชุมกับหัวกะทิของทหารอเมริกันประมาณ 2 โหล กับนักการทูตอีกหลายคน เพื่อหารือว่า จะยกระดับการจัดการทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการทหาร กับรัสเซียอย่างไรดี เนื่องจากสัมพันธภาพกับรัสเซียตอนนี้ กำลังเปลี่ยนเป็นทางดิ่งลง sad turn และสถานการณ์ในยุโรป ก็ไม่ได้สวยหวานอย่างเมื่อก่อนแล้ว ในวันเดียวกันนั้น ส่วนหนึ่งของรายงานของนายพล Martin Demsey ประธานคณะทำงาน Chairman of the US Joint Chief of Staffs ที่ไม่รู้ว่าใครมืออ่อน ทำหลุดไปถึงสื่อ รายงานนั้นระบุว่า วอชิงตันกำลังคิดจะติดหัวรบนิวเคลียร์ใส่จรวดแถวยุโรป เป็นการตอบโต้รัสเซีย ที่ถูกกล่าวหาว่า กำลังทำผิดสัญญาเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์ระยะกลาง Intermediate-range Nuclear Forces (INF) ซึ่งรัสเซียบอกว่า เปล่าผิด จรวดที่ใช้ไม่อยู่ในข้อห้ามของสัญญา อเมริกาก็ใช้แบบนี้ในอิรัคไม่ใช่หรือ ประโยคหลัง ลุงนิทานถามแทน Pentagon กำลังคิดว่าจะติดตั้งจรวดยิงใส่รัสเซียที่ไหนดี ระหว่างยิงสวนใส่กลับไปที่จรวดรัสเซีย ที่กำลังลอยฟ้า หรือยิงใส่ฐานที่ตั้งกองกำลังของรัสเซีย จะยิงไปที่ไหนยังไม่ตัดสินใจ แต่นาย Robert Scher ผู้ช่วยคุณเต้าหูบูด ด้านนโยบายการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ได้แจ้งรัฐสภาเมื่อเมษายนนี้ว่า มีแผนเเช่นนั้นจริง ฮั่นแน่ จับได้แล้ว คิดรุกเขาแล้วซินะ หลังจากนั้นคุณเต้าหู้บูด ก็ไปประชุมกับหัวกะทิของนาโต้ที่ Brussels ตกลงจะเพิ่มกองกำลังรถถัง อาวุธหนัก อาวุธเบา เต็มอัตรา ให้กับฐานทัพนาโต้ที่อยู่แถวบอลติก รวมทั้งโปแลนด์ โรมาเนีย และบุลกาเรีย พวก (ที่เคยเป็น) เพื่อนรักคุณพี่ปูตินทั้งนั้น เปลี่ยนใจจากที่ว่า จะลดกำลังฝั่งแอตแลนติกไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ที่สำคัญ อเมริกาเพิ่งออกรายงาน US National Military Strategy (US NMS) 2015 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนนี้เอง ประเทศที่อเมริกาจับตามองเป็นพิเศษมีอยู่ 4 ประเทศ คือ รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และจีน วิธีที่อเมริกาเขียนถึง 4 ประเทศ แม้ไม่ประกาศชัดเจนว่าเป็นศัตรู แต่การบรรยายสรรพคุณแต่ละประเทศ ก็ทำให้เห็นว่ายากจะเป็นมิตรต่อกัน ถึงว่า มันน่าจะเป็นปาหี่ ไอ้เรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์น่ะ เมื่อย้อนมาดูช่วงเวลาของการอ อก Grand Strategy แผนสอยมังกร สำหรับจีน ที่ออกมาในเดือนเมษายน เรื่อง Russia Challenge กูไม่คบมึง ในเดือนมิถุนายน ยุทธศาสตร์ USNMS 2015 ในเดือนมิถุนายน เรื่องอิหร่านดีล ที่ควรจะจบตั้งแต่ 30 มิถุนายน แต่ลากยาวมาถึงกรกฏาคม และญี่ปุ่น ที่กำลังเตรียมแบกถาด เมื่อสภาญี่ปุ่นอนุมัติให้แก้รัฐธรรมนูญ ให้แบกถาดร่อนไปทั่วได้ ซึ่งญี่ปุ่นคาดว่า ภายในกรกฏาคมนี้ คงผ่านสภา ดูเหมือนอเมริกาน่าจะเลือกเล่นเกมหมากล้อม ล้อม 4 ประเทศ ที่จับตาจ้องเขม็งนั่นแหละ และเตรียมเดินหมากไว้แล้วด้วย อเมริกาอาจจะเริ่มขยับหมาก เมื่อเรื่องกรีซ กับเรื่องอิหร่านจบตอนหนึ่ง หมากชื่อกรีก เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆ อาจจะเกี่ยว ส่วนอิหร่านนั้น เป็นหมากที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่าเรื่องอิหร่านจะจบอย่างไร ผลกระทบมีสูงทุกทาง ถ้าอเมริกา ใช้ยุทธศาตร์หมากล้อม ตามแนวที่วิเคราะห์ เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ และเรื่องกรีซ เราคงต้องตามดู แต่ดูการพัฒนาการของเรื่อง และระยะเวลาของแต่ละเรื่อง อย่าไปหลงทางตามรายละเอียดที่เขาตั้งใจสร้างให้เรางง การพัฒนาของทั้ง 2 เรื่อง จะทำให้เราเห็นว่า อเมริกาขยับหมากอย่างไร และจะมีเรื่องยาวตามมาหรือไม่ หรือการเดินหมากของอเมริกาล้มเหลว หรือแค่ชลอ รอเวลา… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 17 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยับหมาก ตอนที่ 1

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก”
    ตอน 1
    เดือนกรกฏา ผ่านไปแค่ครึ่งเดือน เหตุการณ์ต่างๆทยอยกันมาเหมือน น้ำหลาก ทั้งๆที่ฝนแล้ง ผมตามอ่าน ตามขุด จนมึนหัวไปหมดยังไม่ทันการ เหตุการณ์พลิกผันสาระพัด แถมมีทั้งแผนล่อแผนลวง ข้อมูลบางแหล่งที่เคยเชื่อได้ ก็ชักจะต้องชั่งหลายหนว่าให้น้ำ หนักเก๊หรือเปล่า ผมไม่ได้รู้ไปหมด มีผิดพลาดได้ ผิดก็ขออภัย ท้วงมาแล้วกันครับ แล้วก็ช่วยกันหาที่ถูก เอามาแลกเปลี่ยนความคิดกัน หรือถ้า ผมเจอข้อมูลใหม่ ที่ทันสมัย หักล้าง น่าเชื่อถือ หรือลึกกว่าที่เคยขุดได้มา ผมก็จะมาขยายต่อ การศึกษา ค้นหา เรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด
    ดูซิ อย่างเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ที่เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 มิย เพิ่งออกข่าวว่า ตกลงเขายังไม่ตกลงกัน ยืดแล้วยืดอีก เหมือนหนังสติ๊กหมดอายุ จนนักข่าวที่ไปนั่งรอทำข่าว หน้าเหี่ยวเหงื่อตกกันหมด เขาบอกว่ายุโรปปีนี้ร้อนอร่อย เบียร์ยังอุ่นเลย นั่งรอการแถลงข่าวมาตั้งกะหัวค่ำ เปรี้ยวปากกันเป็นแถว พอตกดึก 2 ยามกว่าบ้านเรา CNN ก็ออกข่าว โดยโฆษกรูปหล่อประจำทำเนียบขาว ออกมาแถลงข่าวว่า ยัง…ยังไม่มีข้อตกลง นักข่าวถามว่า แล้วจะมีเมื่อไหร่ 1 วัน 2 วัน 2 อาทิตย์ รูปหล่อบอก เราไม่ได้เน้นเรื่องกำหนดเวลา เราต้องการให้ เป็นการตกลงที่ไม่มีปัญหา ไม่สร้างปัญหามากกว่า นักข่าวถามอีกว่า แล้วมีปัญหาอะไร ปัญหามาจากฝ่ายไหน …. ถามมากจัง ใครจะไปตอบได้ รูปหล่อชักเลิกลั่ก ….. ว่าแล้ว CNN ก็ตัดข่าวไปเรื่องสำคัญกว่า เกี่ยวกับเรื่องไอ้พวกค้ายา 46 คนแทน โอ้ย… ฮาจริง
    แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คือวันอังคารที่ 14 มิย ผมเปิดทีวี ตอนบ่ายแก่ๆ เย็นอ่อนๆ ประมาณ 4โมงเย็น ก็เห็น CNN ขึ้นหัวข่าวไว้แล้วว่า อิหร่านตกลงได้แล้ว อ้าว เมื่อคืนยังบอกไม่รู้เลยไอ้เบื้อก ผู้ประกาศทำเสียงตื่นเต้น จนผมไม่กล้านอนดูอย่างเคย หลังจากนั้น ก็มีการไปสัมภาษณ์ผู้ชำนาญการต่างๆ ซึ่งสรุปว่า ตกลงกันได้เสียที เสียเวลารอมานาน แต่ไม่มีใครเห็นด้วยเท่าไหร่ว่า เป็นข้อตกลงที่ดี และไม่มีใครเชื่อขี้หน้าอิหร่านว่าจะทำตามที่ตกลงได้ สัมภาษณ์วน พูดซ้ำ จนค่ำ พณฯ ใบตองแห้ง ถึงได้ออกมาทำหน้าเครียดตาแข็ง แถลงเอง
    “….เราตกลงกับอิหร่านแล้ว ใครว่าไม่สมควร เราว่าสมควร เราต้องแสดงให้เห็นว่า เรา ที่เป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจที่สุด ไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาด้วยการใช้กำลังเสมอไป เราใช้วิธีทางการทูตได้ … การที่เราทำเช่นนี้ ทำให้อิหร่านหมดทางที่จะผลิตนิวเคลียร์ไป 15 ปี อิหร่านเป็นประเทศที่ความสำคัญที่สุด ต่อผลประโยชน์ของอเมริกา……”
    หลังจากนั้น ผมก็ต้องขออนุญาตพณฯท่าน ปิดเสียง ขืนฟังต่อ เปลืองยาแย่ ฝ่ายอิหร่าน ก็มีการแถลงข่าวที่กรุงเตหะรานว่า ข้อตกลงบรรลุถึงวัตถุประสงค์ reached all objectives ส่วนอิสราเอล ออกมาบอกว่า เป็นการตกลงที่เลวร้ายที่สุดในโลก
    อืม… ปาหี่นี้ เขาเล่นกันได้น่าตื่นเต้น...สมจริงกันดี คงเข้าใจนะครับว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร ก็แค่ไม่มีใครอยากออกมาโดนประทับหน้า ว่าเป็นคนทำให้งานล่ม
    เอาเป็นว่า เขาว่า เขาตกลงกันได้แล้ว แต่มีขั้นตอนการทำงานอีกมากมายที่ต้องไปทำต่อจะทำได้แค่ไหน อย่างไร นานเท่าไหน ก็ดูกันต่อไป อย่างน้อยรัฐสภาอเมริกัน ก็มีเวลาประมาญ 60 วัน ในการตรวจสอบข้อตกลง ก่อนที่จะไปลงความเห็นในรัฐสภา ระหว่างนี้ จะเติมสี ตีไข่ยังก็ได้ ต้ัง 60 วัน
    เรามาดูภาพใหญ่ ทำความเข้าใจภาพรวมให้มากที่สุดกันดีกว่า ขืนตามข่าวทุกวันที่เขาเอามาเล่นหลอกเรา มึนหัวตายทั้งคนเขียนคนอ่าน ก่อนจะเดินหน้าเล่าเรื่อง เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ ขอถอยหลังทบทวนของเก่ากันหน่อย
    คงจำกันได้ เมื่อเดือนมีนาคม ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของบ้านไอ้นักล่าใบตองแห้ง Council on Foreign Relations หรือ CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกัน ได้ออกแผนสอยมังกร Grand Strategy สำหรับสยบจีน ที่แสดงถึงความกร่าง ดูถูก ปรามาส และประมาทใส่จีน มาให้เราฮือฮาไปแล้ว แต่ไอ้นักล่าใบตองแห้งคงจะเห็นว่า ชาวโลกคงตกใจไม่พอ หรือยังไม่แน่ใจกับความยิ่งใหญ่ อย่างชนิดไม่มีผู้ใด บังอาจจะกล้าทาบรัศมีของอเมริกา มันเป็นความต้ังใจของอเมริกา ที่จะใหญ่อย่างนี้แต่ผู้เดียวตลอดกาลนาน อย่างที่อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เคยคิดมาเป็นศตวรรษ แต่บัดนี้ ความคิดนั้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ชาวเกาะใหญ่ทำได้เพียงแค่ “นึกถึง” ความคิดนั้น อย่างขมขื่นอยู่ในอกฟีบและซีด แหม แดกซะยาวเลยนะลุง กว่าจะเลี้ยวกลับไปเข้าเรื่อง
    อเมริกาด่าจีนแค่นั้น เกรงจะไม่พอให้โลกตื่นเต้น อเมริกาเพิ่มแรงอัด เอาญี่ปุ่น มาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมที่จะไปแบกถาดรับใช้อเมริกา ถึงขนาดเตรียมการที่จะแก้การตีความกฏหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ ที่กำหนดให้ญี่ปุ่นมีกองกำลัง เพียงเพื่อดูแลป้องกันตัวเองเท่า นั้น Self Defence Force (SDF) มาถึงวันนี้ แม้การขอให้สภาอนุมัติ ยอมให้ตีความใหม่ ให้กองกำลังญี่ปุ่น SDF แบกถาดไปได้ทั่วโลก ยังไม่สำเร็จ แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าไปไกล โดยไม่รอสภา ก็นายท่านสั่งมา…
    SDF ของญี่ปุ่น เพิ่งไปทำการฝึกร่วมที่แดนจิ้งโจ้กับพวกจิงโจ้ และลูกพี่ใหญ่จากค่ายใบตองแห้ง แต่ฝึกเสร็จแล้วดูเหมือน จะแบกถาดหายวับไปกับตา ไม่รู้ไปซ่อนอยู่ตามเกาะไหนในมหาสมุทรแปซิฟิก กองทัพหายตัว แต่ตัวนายอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานรักของอดีตหัวหน้าใหญ่ยากูซ่า ก็ออกมาประกาศอย่างเข้มแข็งว่า ญี่ปุ่นพร้อมรบจีน นับว่าฝึกแบกถาดได้รวดเร็ว มีอนาคต แต่อนาคตไปทางไหน ก็อดใจรอดูกันหน่อย ส่วนนายกจิ้งโจ้ก็ออกมาบอกว่า กำลังรักกันจังกับคนแบกถาด และว่ามีเพื่อนซี้แถบเอเซียแยะ ไล่ชื่อให้นักข่าวฟัง โปรดจำกันไว้ด้วยว่า ไม่มีชื่อแดนสยามของสมันน้อย ว่าเป็นเพื่อน แต่มีชื่อเวียตนาม จำไว้นะ จำไว้ให้ดี
    อ้าว แล้วนี่จะปล่อยให้อเมริกา ทำตัวเป็นฝรั่งออกแขก เต้นอยู่หน้าโรงลิเกเจ้าเดียวได้ยังไง ว่าแล้วคู่หู หรือลูกพี่ ก็ต้องรีบแต่งตัว มาโชว์ลีลาด้วย กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง
    Chatham House หรือชื่อเต็มว่า The Royal Institute of International Affairs ถังขยะความคิด ฝาแฝดผู้พี่ ของ CFR ก็เพิ่งออกรายงานล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งชื่อรายงานได้สยองไม่แพ้แฝด น้อง “The Russian Challenge” รัสเซียกำเริบ (แปลภาษาลุงนิทาน) เรียกว่าแฝดแต่ละฝา ต่างออกมาประกบ คู่รัก กันคนละราย รายการแบ่งข้าง ศึกชิงแชมป์คราวนี้ คงมันยกร่อง สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 โปรดหลบไปห่างๆ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ก.ค. 2558
    ขยับหมาก ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ขยับหมาก” ตอน 1 เดือนกรกฏา ผ่านไปแค่ครึ่งเดือน เหตุการณ์ต่างๆทยอยกันมาเหมือน น้ำหลาก ทั้งๆที่ฝนแล้ง ผมตามอ่าน ตามขุด จนมึนหัวไปหมดยังไม่ทันการ เหตุการณ์พลิกผันสาระพัด แถมมีทั้งแผนล่อแผนลวง ข้อมูลบางแหล่งที่เคยเชื่อได้ ก็ชักจะต้องชั่งหลายหนว่าให้น้ำ หนักเก๊หรือเปล่า ผมไม่ได้รู้ไปหมด มีผิดพลาดได้ ผิดก็ขออภัย ท้วงมาแล้วกันครับ แล้วก็ช่วยกันหาที่ถูก เอามาแลกเปลี่ยนความคิดกัน หรือถ้า ผมเจอข้อมูลใหม่ ที่ทันสมัย หักล้าง น่าเชื่อถือ หรือลึกกว่าที่เคยขุดได้มา ผมก็จะมาขยายต่อ การศึกษา ค้นหา เรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด ดูซิ อย่างเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ที่เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 มิย เพิ่งออกข่าวว่า ตกลงเขายังไม่ตกลงกัน ยืดแล้วยืดอีก เหมือนหนังสติ๊กหมดอายุ จนนักข่าวที่ไปนั่งรอทำข่าว หน้าเหี่ยวเหงื่อตกกันหมด เขาบอกว่ายุโรปปีนี้ร้อนอร่อย เบียร์ยังอุ่นเลย นั่งรอการแถลงข่าวมาตั้งกะหัวค่ำ เปรี้ยวปากกันเป็นแถว พอตกดึก 2 ยามกว่าบ้านเรา CNN ก็ออกข่าว โดยโฆษกรูปหล่อประจำทำเนียบขาว ออกมาแถลงข่าวว่า ยัง…ยังไม่มีข้อตกลง นักข่าวถามว่า แล้วจะมีเมื่อไหร่ 1 วัน 2 วัน 2 อาทิตย์ รูปหล่อบอก เราไม่ได้เน้นเรื่องกำหนดเวลา เราต้องการให้ เป็นการตกลงที่ไม่มีปัญหา ไม่สร้างปัญหามากกว่า นักข่าวถามอีกว่า แล้วมีปัญหาอะไร ปัญหามาจากฝ่ายไหน …. ถามมากจัง ใครจะไปตอบได้ รูปหล่อชักเลิกลั่ก ….. ว่าแล้ว CNN ก็ตัดข่าวไปเรื่องสำคัญกว่า เกี่ยวกับเรื่องไอ้พวกค้ายา 46 คนแทน โอ้ย… ฮาจริง แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คือวันอังคารที่ 14 มิย ผมเปิดทีวี ตอนบ่ายแก่ๆ เย็นอ่อนๆ ประมาณ 4โมงเย็น ก็เห็น CNN ขึ้นหัวข่าวไว้แล้วว่า อิหร่านตกลงได้แล้ว อ้าว เมื่อคืนยังบอกไม่รู้เลยไอ้เบื้อก ผู้ประกาศทำเสียงตื่นเต้น จนผมไม่กล้านอนดูอย่างเคย หลังจากนั้น ก็มีการไปสัมภาษณ์ผู้ชำนาญการต่างๆ ซึ่งสรุปว่า ตกลงกันได้เสียที เสียเวลารอมานาน แต่ไม่มีใครเห็นด้วยเท่าไหร่ว่า เป็นข้อตกลงที่ดี และไม่มีใครเชื่อขี้หน้าอิหร่านว่าจะทำตามที่ตกลงได้ สัมภาษณ์วน พูดซ้ำ จนค่ำ พณฯ ใบตองแห้ง ถึงได้ออกมาทำหน้าเครียดตาแข็ง แถลงเอง “….เราตกลงกับอิหร่านแล้ว ใครว่าไม่สมควร เราว่าสมควร เราต้องแสดงให้เห็นว่า เรา ที่เป็นชาติที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจที่สุด ไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาด้วยการใช้กำลังเสมอไป เราใช้วิธีทางการทูตได้ … การที่เราทำเช่นนี้ ทำให้อิหร่านหมดทางที่จะผลิตนิวเคลียร์ไป 15 ปี อิหร่านเป็นประเทศที่ความสำคัญที่สุด ต่อผลประโยชน์ของอเมริกา……” หลังจากนั้น ผมก็ต้องขออนุญาตพณฯท่าน ปิดเสียง ขืนฟังต่อ เปลืองยาแย่ ฝ่ายอิหร่าน ก็มีการแถลงข่าวที่กรุงเตหะรานว่า ข้อตกลงบรรลุถึงวัตถุประสงค์ reached all objectives ส่วนอิสราเอล ออกมาบอกว่า เป็นการตกลงที่เลวร้ายที่สุดในโลก อืม… ปาหี่นี้ เขาเล่นกันได้น่าตื่นเต้น...สมจริงกันดี คงเข้าใจนะครับว่า มันมีความหมายว่าอย่างไร ก็แค่ไม่มีใครอยากออกมาโดนประทับหน้า ว่าเป็นคนทำให้งานล่ม เอาเป็นว่า เขาว่า เขาตกลงกันได้แล้ว แต่มีขั้นตอนการทำงานอีกมากมายที่ต้องไปทำต่อจะทำได้แค่ไหน อย่างไร นานเท่าไหน ก็ดูกันต่อไป อย่างน้อยรัฐสภาอเมริกัน ก็มีเวลาประมาญ 60 วัน ในการตรวจสอบข้อตกลง ก่อนที่จะไปลงความเห็นในรัฐสภา ระหว่างนี้ จะเติมสี ตีไข่ยังก็ได้ ต้ัง 60 วัน เรามาดูภาพใหญ่ ทำความเข้าใจภาพรวมให้มากที่สุดกันดีกว่า ขืนตามข่าวทุกวันที่เขาเอามาเล่นหลอกเรา มึนหัวตายทั้งคนเขียนคนอ่าน ก่อนจะเดินหน้าเล่าเรื่อง เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ ขอถอยหลังทบทวนของเก่ากันหน่อย คงจำกันได้ เมื่อเดือนมีนาคม ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของบ้านไอ้นักล่าใบตองแห้ง Council on Foreign Relations หรือ CFR ผู้กำกับรัฐบาลอเมริกัน ได้ออกแผนสอยมังกร Grand Strategy สำหรับสยบจีน ที่แสดงถึงความกร่าง ดูถูก ปรามาส และประมาทใส่จีน มาให้เราฮือฮาไปแล้ว แต่ไอ้นักล่าใบตองแห้งคงจะเห็นว่า ชาวโลกคงตกใจไม่พอ หรือยังไม่แน่ใจกับความยิ่งใหญ่ อย่างชนิดไม่มีผู้ใด บังอาจจะกล้าทาบรัศมีของอเมริกา มันเป็นความต้ังใจของอเมริกา ที่จะใหญ่อย่างนี้แต่ผู้เดียวตลอดกาลนาน อย่างที่อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เคยคิดมาเป็นศตวรรษ แต่บัดนี้ ความคิดนั้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ชาวเกาะใหญ่ทำได้เพียงแค่ “นึกถึง” ความคิดนั้น อย่างขมขื่นอยู่ในอกฟีบและซีด แหม แดกซะยาวเลยนะลุง กว่าจะเลี้ยวกลับไปเข้าเรื่อง อเมริกาด่าจีนแค่นั้น เกรงจะไม่พอให้โลกตื่นเต้น อเมริกาเพิ่มแรงอัด เอาญี่ปุ่น มาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมที่จะไปแบกถาดรับใช้อเมริกา ถึงขนาดเตรียมการที่จะแก้การตีความกฏหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ ที่กำหนดให้ญี่ปุ่นมีกองกำลัง เพียงเพื่อดูแลป้องกันตัวเองเท่า นั้น Self Defence Force (SDF) มาถึงวันนี้ แม้การขอให้สภาอนุมัติ ยอมให้ตีความใหม่ ให้กองกำลังญี่ปุ่น SDF แบกถาดไปได้ทั่วโลก ยังไม่สำเร็จ แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าไปไกล โดยไม่รอสภา ก็นายท่านสั่งมา… SDF ของญี่ปุ่น เพิ่งไปทำการฝึกร่วมที่แดนจิ้งโจ้กับพวกจิงโจ้ และลูกพี่ใหญ่จากค่ายใบตองแห้ง แต่ฝึกเสร็จแล้วดูเหมือน จะแบกถาดหายวับไปกับตา ไม่รู้ไปซ่อนอยู่ตามเกาะไหนในมหาสมุทรแปซิฟิก กองทัพหายตัว แต่ตัวนายอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานรักของอดีตหัวหน้าใหญ่ยากูซ่า ก็ออกมาประกาศอย่างเข้มแข็งว่า ญี่ปุ่นพร้อมรบจีน นับว่าฝึกแบกถาดได้รวดเร็ว มีอนาคต แต่อนาคตไปทางไหน ก็อดใจรอดูกันหน่อย ส่วนนายกจิ้งโจ้ก็ออกมาบอกว่า กำลังรักกันจังกับคนแบกถาด และว่ามีเพื่อนซี้แถบเอเซียแยะ ไล่ชื่อให้นักข่าวฟัง โปรดจำกันไว้ด้วยว่า ไม่มีชื่อแดนสยามของสมันน้อย ว่าเป็นเพื่อน แต่มีชื่อเวียตนาม จำไว้นะ จำไว้ให้ดี อ้าว แล้วนี่จะปล่อยให้อเมริกา ทำตัวเป็นฝรั่งออกแขก เต้นอยู่หน้าโรงลิเกเจ้าเดียวได้ยังไง ว่าแล้วคู่หู หรือลูกพี่ ก็ต้องรีบแต่งตัว มาโชว์ลีลาด้วย กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง Chatham House หรือชื่อเต็มว่า The Royal Institute of International Affairs ถังขยะความคิด ฝาแฝดผู้พี่ ของ CFR ก็เพิ่งออกรายงานล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งชื่อรายงานได้สยองไม่แพ้แฝด น้อง “The Russian Challenge” รัสเซียกำเริบ (แปลภาษาลุงนิทาน) เรียกว่าแฝดแต่ละฝา ต่างออกมาประกบ คู่รัก กันคนละราย รายการแบ่งข้าง ศึกชิงแชมป์คราวนี้ คงมันยกร่อง สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 โปรดหลบไปห่างๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลล์ 6,996

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์
    พักโรงแรม

    บานาฮิลล์
    สะพานมือยักษ์
    สะพานมังกร
    สะพานแห่งความรัก
    นั่งเรือกระด้ง
    เมืองโบราณฮอยอัน
    วัดหลินอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลล์ 😍🎡 6,996 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 วัดหลินอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน พักบานาฮิลล์ 11,888

    🗓 จำนวนวัน 4วัน 3คืน
    ✈ VJ-เวียดเจ็ทแอร์
    พักโรงแรม

    บานาฮิลล์
    สะพานมือยักษ์
    สะพานมังกร
    สะพานแห่งความรัก
    นั่งเรือกระด้ง
    เมืองโบราณฮอยอัน
    วัดหลินอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน พักบานาฮิลล์ 😍🎡 11,888 🔥 🗓 จำนวนวัน 4วัน 3คืน ✈ VJ-เวียดเจ็ทแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 วัดหลินอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ปฏิบัติการเงียบจากแดนมังกร: แฮกเกอร์จีนแฝงตัวในองค์กรนโยบายสหรัฐฯ นานนับเดือน

    การสืบสวนล่าสุดโดยทีม Broadcom Threat Hunter เผยให้เห็นการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนจากกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน โดยเจาะเข้าองค์กรไม่แสวงกำไรในสหรัฐฯ ที่มีบทบาทด้านนโยบายระหว่างประเทศ

    การโจมตีเริ่มต้นในเดือนเมษายน 2025 ด้วยการสแกนช่องโหว่ที่รู้จักกันดี เช่น Log4j, Apache Struts และ Atlassian OGNL Injection ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการแฝงตัวอย่างแนบเนียนผ่าน Scheduled Task และการใช้โปรแกรมระบบ Windows เช่น msbuild.exe และ csc.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายโดยไม่ถูกตรวจจับ

    หนึ่งในเทคนิคที่โดดเด่นคือ DLL Sideloading โดยใช้ไฟล์ vetysafe.exe จาก Vipre Antivirus เพื่อโหลด DLL ปลอมชื่อ sbamres.dll ซึ่งเคยถูกใช้ในแคมเปญของกลุ่มแฮกเกอร์จีนหลายกลุ่ม เช่น Space Pirates, Kelp (Salt Typhoon) และ Earth Longzhi (กลุ่มย่อยของ APT41)

    เสริมความรู้: DLL Sideloading และ Living-off-the-Land คืออะไร?
    DLL Sideloading คือการใช้โปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อโหลด DLL ปลอมที่แฮกเกอร์สร้างขึ้น ทำให้ระบบเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมจริง
    Living-off-the-Land (LOTL) คือการใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมที่มีอยู่ในระบบอยู่แล้ว เช่น msbuild.exe, certutil.exe เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากโปรแกรมป้องกันไวรัส

    กลุ่มผู้โจมตี
    เป็นกลุ่ม APT ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน เช่น APT41, Space Pirates, Kelp
    มีเป้าหมายเพื่อสอดแนมนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ

    เทคนิคที่ใช้
    สแกนช่องโหว่ที่รู้จักกันดี เช่น Log4j, Apache Struts
    ใช้ msbuild.exe และ csc.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายแบบ LOTL
    สร้าง Scheduled Task ที่รันทุกชั่วโมงในระดับ SYSTEM
    ใช้ DLL Sideloading ผ่าน vetysafe.exe เพื่อโหลด sbamres.dll

    ความสามารถของมัลแวร์
    สร้าง C2 connection เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    ใช้ msascui.exe ปลอมตัวเป็น MicrosoftRuntime เพื่อรัน payload
    ใช้ DCSync เพื่อขโมยข้อมูลจาก Active Directory
    ใช้ Imjpuexc.exe เพื่อหลบซ่อนในระบบ

    ความเสี่ยงต่อองค์กร
    องค์กรที่เกี่ยวข้องกับนโยบายหรือการทูตมีความเสี่ยงสูง
    การใช้โปรแกรมระบบทำให้การตรวจจับยากขึ้น
    การโจมตีแบบยาวนานอาจทำให้ข้อมูลสำคัญรั่วไหลโดยไม่รู้ตัว

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    ตรวจสอบ Scheduled Task ที่รันในระดับ SYSTEM
    ตรวจสอบการใช้โปรแกรมระบบที่ผิดปกติ เช่น msbuild.exe
    ใช้ระบบ EDR ที่สามารถตรวจจับ DLL Sideloading และ LOTL ได้

    https://securityonline.info/china-apt-infiltrates-us-policy-nonprofit-in-months-long-espionage-campaign-using-dll-sideloading/
    🧨 ปฏิบัติการเงียบจากแดนมังกร: แฮกเกอร์จีนแฝงตัวในองค์กรนโยบายสหรัฐฯ นานนับเดือน การสืบสวนล่าสุดโดยทีม Broadcom Threat Hunter เผยให้เห็นการโจมตีไซเบอร์ที่ซับซ้อนจากกลุ่ม APT (Advanced Persistent Threat) ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน โดยเจาะเข้าองค์กรไม่แสวงกำไรในสหรัฐฯ ที่มีบทบาทด้านนโยบายระหว่างประเทศ การโจมตีเริ่มต้นในเดือนเมษายน 2025 ด้วยการสแกนช่องโหว่ที่รู้จักกันดี เช่น Log4j, Apache Struts และ Atlassian OGNL Injection ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการแฝงตัวอย่างแนบเนียนผ่าน Scheduled Task และการใช้โปรแกรมระบบ Windows เช่น msbuild.exe และ csc.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายโดยไม่ถูกตรวจจับ หนึ่งในเทคนิคที่โดดเด่นคือ DLL Sideloading โดยใช้ไฟล์ vetysafe.exe จาก Vipre Antivirus เพื่อโหลด DLL ปลอมชื่อ sbamres.dll ซึ่งเคยถูกใช้ในแคมเปญของกลุ่มแฮกเกอร์จีนหลายกลุ่ม เช่น Space Pirates, Kelp (Salt Typhoon) และ Earth Longzhi (กลุ่มย่อยของ APT41) 🧠 เสริมความรู้: DLL Sideloading และ Living-off-the-Land คืออะไร? 🎗️ DLL Sideloading คือการใช้โปรแกรมที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อโหลด DLL ปลอมที่แฮกเกอร์สร้างขึ้น ทำให้ระบบเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมจริง 🎗️ Living-off-the-Land (LOTL) คือการใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมที่มีอยู่ในระบบอยู่แล้ว เช่น msbuild.exe, certutil.exe เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากโปรแกรมป้องกันไวรัส ✅ กลุ่มผู้โจมตี ➡️ เป็นกลุ่ม APT ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน เช่น APT41, Space Pirates, Kelp ➡️ มีเป้าหมายเพื่อสอดแนมนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ✅ เทคนิคที่ใช้ ➡️ สแกนช่องโหว่ที่รู้จักกันดี เช่น Log4j, Apache Struts ➡️ ใช้ msbuild.exe และ csc.exe เพื่อรันโค้ดอันตรายแบบ LOTL ➡️ สร้าง Scheduled Task ที่รันทุกชั่วโมงในระดับ SYSTEM ➡️ ใช้ DLL Sideloading ผ่าน vetysafe.exe เพื่อโหลด sbamres.dll ✅ ความสามารถของมัลแวร์ ➡️ สร้าง C2 connection เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล ➡️ ใช้ msascui.exe ปลอมตัวเป็น MicrosoftRuntime เพื่อรัน payload ➡️ ใช้ DCSync เพื่อขโมยข้อมูลจาก Active Directory ➡️ ใช้ Imjpuexc.exe เพื่อหลบซ่อนในระบบ ‼️ ความเสี่ยงต่อองค์กร ⛔ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับนโยบายหรือการทูตมีความเสี่ยงสูง ⛔ การใช้โปรแกรมระบบทำให้การตรวจจับยากขึ้น ⛔ การโจมตีแบบยาวนานอาจทำให้ข้อมูลสำคัญรั่วไหลโดยไม่รู้ตัว ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ ตรวจสอบ Scheduled Task ที่รันในระดับ SYSTEM ⛔ ตรวจสอบการใช้โปรแกรมระบบที่ผิดปกติ เช่น msbuild.exe ⛔ ใช้ระบบ EDR ที่สามารถตรวจจับ DLL Sideloading และ LOTL ได้ https://securityonline.info/china-apt-infiltrates-us-policy-nonprofit-in-months-long-espionage-campaign-using-dll-sideloading/
    SECURITYONLINE.INFO
    China APT Infiltrates US Policy Nonprofit in Months-Long Espionage Campaign Using DLL Sideloading
    A China-linked APT targeted a U.S. policy nonprofit for weeks in April 2025. The group used DLL sideloading via a VipreAV binary and msbuild.exe scheduled tasks to achieve SYSTEM persistence for espionage.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 5
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 5 (จบ)

    นายอาเบะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2012 เขามาจากครอบครัวนักการเมืองขนานแท้ดั้งเดิม ท้ังพ่อและปู่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ส่วนแม่ของอาเบะ เป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ นาย Nobusuke Kishi อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วง 1957-1960 ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยนายพลโตโจที่นำการรบ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Kishi เป็นผู้ต้ังพรรค Democratic Party ต่อมาพรรคนี้ไปรวมกับพรรค Liberty ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shigaru Yoshida พรรคขวาจัด ชาตินิยม และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค LDP ซึ่งครองอำนาจในญี่ปุ่นอย่างยาวนาน

    นายอาเบะ นี่ เคยไปเรียนหนังสือที่ University of Southern California แต่ไม่จบ กลับมาทำงานการเมืองในญี่ปุ่นต่อ เขานับเป็นลูกหม้อของพรรค LDP ถูกวางตัวให้เป็นดาราดาวรุ่ง ในที่สุดก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจคนดันในช่วงปี 2005-2006 เขาดูเหมือนนิยมตะวันตก และมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือมาตลอด โดยพยายามหาทางคว่ำบาตรเกาหลีเหนือผ่านสหประชาติ และเมื่อตอนหาเสียงเลือกต้ังในปี ค.ศ.2012 เขาชูประเด็นเรื่องข้อพิพาทกับจีน และการขึ้นมาของจีนแทนที่ญี่ปุ่น ในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าในเอเซีย

    นับว่า สุดกร่าง CFR มีสายตายาวไกล และลึกซึ้ง การเลือกไพ่แต่ละใบของนักล่าใบตองแห้ง ดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ชัดเจนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบ่อน หรือสร้างรังโจรที่ประเทศใด ไม่ว่าจะหัวนอก หรือหัวใน ต้องพร้อมรับใช้จนสุดทาง และสุดตัว
    คงจำกันได้ว่า CFR นั้นเป็นผลผลิตของกลุ่มอิลิต นักการเงิน และนักธุรกิจ แองโกลอเมริกัน จาก 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ความใหญ่ของ CFR นั้น เกินจินตนาการของเราๆ ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้จักว่า CFR คืออะไร มีอิทธิพลแค่ไหน อิทธิพล และอำนาจของ CFR เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอิทธิพลครอบงำการเมือง และรัฐบาลของอเมริกา ต้ังแต่ประมาณปี 1950 เป็นต้นมา และเมื่ออำนาจของอเมริกาครอบงำโลก ก็คงไม่เกินไปที่จะบอกว่า CFR นั้นก็มีส่วนครอบงำโลกด้วย

    (เรื่อง ของ CFR นั้น ผมเขียนเล่าไว้ในนิทาน เรื่อง “มายากลยุทธ” และ “แกะรอยนักล่า” สำหรับท่านผู้อ่าน ที่เข้ามาอ่านตอนหลังๆ ถ้าอยากเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ อีกมุมมอง อีกชุดของข้อมูล ลองอ่านนิทาน 2 เรื่องนี้นะครับ)

    ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับ CFR (เปิดดูจากกูเกิลได้ครับ) คือ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1921 มีสมาชิก เริ่มแรกประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษและอเมริกัน ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลกประมา ณ 5 พันคน สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นพวกฝรั่งแองโกลแซกซอน และชาวยุโรป ใน 5 พันคนนี้ ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้นำ หัวหน้า และผู้บริหารระดับสูงของประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ มีหลายคน เป็นประธานาธิบดีของอเมริกา หลายคน เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นรัฐมนตรีการคลัง เป็นผู้ว่าการธนาคารกลาง เป็นหัวหน้าซีไอเอและหลายคนเป็นพระราชวงศ์ในยุโรปและอังกฤษ ฯลฯ

    สำหรับไทยแลนด์แดนสมันน้อย เรามีคนไทยที่ถูกลาก หรือ สมัครใจ เข้าไปเกี่ยวกับ CFR โดยเป็นสมาชิกขององค์กร ชื่อ Trilatteral Commission ซึ่งเป็นองค์กรลูกของ CFR ที่ต้ังขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1973 ขณะน้ัน นาย David Rockefeller ซึ่งเป็นประธาน CFR เห็นว่า ควรจะเอานักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เข้ามาอยู่ในความดูแลของ CFR ด้วย เลยพ่วงเอาชาวเอเซีย ลาติน และอาฟริกา ที่เข้าข่ายน่าจะเป็นประโยชน์ และมีแนวความคิด เกี่ยวกับความเป็นไปในโลกแนวทางเดียวกันกับ CFR เข้ามาร่วมด้วย
    จากเอกสารของ Trilateral Commissionเอง ปี ค.ศ.2014 ปรากฏมีรายชื่อ คนไทย เป็นสมาชิก Trilatteral Commission 4 คน คือ

    1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี
    2. นายสมเกียรติ ต้ังกิจวานิชย์ (ผู้อำนวยการ สถาบัน TDRI ของไทย)
    3. นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)
    4. นายกานต์ ตระกูลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย)

    ปี ค.ศ.2015 รายชื่อ ซึ่งเปลี่ยนเมื่อเดือนเมษายน นี้เอง เหลือ 2 ชื่อ ดังนี้

    1. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
    2. นางธาริษา วัฒนเกศ

    ทำไมผมพูดเรื่องญี่ปุ่น นายอาเบะ และเครือข่ายของ CFR เพราะมันเกี่ยวกัน และมันเป็นตัวอย่าง ที่น่าจะทำให้เรามองเห็นภาพหลายภาพชัดเจนขึ้น

    CFR นั้น เริ่มมีคนพูดถึงกันในช่วงประมาณปี ค.ศ.1960 แต่ช่วงนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ของ CFR ยังไม่มีออกมาแพร่หลายมากนัก นักวิเคราะห์การเมือง และคนทั่วไป จึงมอง CFR ไปในแนวทฤษฏีสมคบคิด ซึ่งมักทำให้ที่ผู้ได้ยินเรื่อง CFR ไม่ให้น้ำหนัก ไม่ให้ความเชื่อถือ ถึงอำนาจและอิทธิพลจริงขององค์กรนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น และลึกขึ้น มีเอกสารที่เหมือนเป็นใบเสร็จ ออกมาให้เราศึกษามากขึ้น อย่างเช่นรายงานการวิเคราะห์ของ CFR เอง ที่ออกมาให้เห็นแนวความคิดของ CFR และกลายมาเป็นนโยบายของรัฐบาลอเมริกา และการดำเนินงานของอเมริกาตามนโยบาย ที่เสนอแนะโดย CFR อย่างจริงจังในหลายส่วนของโลก จึงทำให้ผู้ที่ติดตามดูความเป็น ไปขององค์กร CFR เชื่อมากขึ้นว่า การครอบงำโลกโดย CFR ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฏี แต่มันเป็นของจริง อำนาจจริง อิทธิพลจริง ที่ครอบงำโลกนี้อยู่

    และถ้ามันเป็นของจริงเช่นนั้น เรื่อง Grand Stategy แผนสอยมังกร ของ CFR ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะอ่านเล่น หรืออ่านแล้วก็แล้วกัน เราน่าจะต้อง อ่าน และวิเคราะห์เองต่อไปอีกด้วยว่า เมื่อญี่ปุ่น ซึ่งถูก Grand Strategy กำหนดให้มีบทบาทสำคัญ ในการสอยมังกรให้ร่วงนั้น ญี่ปุ่นเอาจริง เดินหน้าตามแผนที่ CFR กำหนดขนาดไหน และการเดินตามแผนนั้น เราคงจะพอมองเห็นได้ว่า อเมริกา กำลัง “ใช้” ญี่ปุ่น และไม่ได้ใช้ไปเดินเล่น จ่ายตลาด แต่ เป็นการ “ใช้” ให้ญี่ปุ่นไปรบแทน และอาจไปตายแทน ด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจเป็นเงินภาษี หรือเงินกู้ของญี่ปุ่น แต่มันเป็น “ราคา” ที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องจ่าย
    ขณะเดียวกัน ถ้าอเมริกลากเอาแดนสยาม เข้าไปร่วมขบวนการกับญี่ปุ่น ให้ช่วยกันสอยจีน เราจะถูก “ใช้” ไปรบแทน จนถึงตายแทน ร่วมกับญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง ที่ต้องคิดกัน แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่า ลุงตู่ของผมคงมองออก ไม่คิดเป็นคนรับใช้ต่างชาติ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ผันแปร มีการบีบไข่กัน จนต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ช่วยกันมอง ช่วยกันคิดให้ดีๆ นะครับ รูปแบบที่ไอ้นักล่ามันชอบใช้ ไพ่ที่มันชอบเล่นมีอยู่ อย่าตกหลุมมันง่ายๆอีก นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง

    แต่อีกเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าคือ กรณีที่ญี่ปุ่นเดินหน้า ตาม CFR อย่างไม่หยุดนั่นแหละครับ ถ้าเกิดถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกาสั่งให้ญี่ปุ่นเคลื่อนพล ไปปะทะจีน หรือตอนนั้นสถานการณ์ในเอเซียมันตึงเครียดได้ที่ ตามความต้องการของอเมริกาแล้ว แม้เราจะฉีกตัวออกมาจากการไปช่วยเขาแบกถาดได้ แต่ถ้าบรรดาคุณยุ่น ที่ขณะนี้ กระจายกันอยู่ในแดนสยามของเราไม่น้อย ไม่ว่าในกรุงเทพ โดยเฉพาะแถบสุขุมวิท ซึ่งใกล้จะเปลี่ยนเป็นแดนปลาดิบ แล้ว ยังมีที่ต่างจังหวัด ทางภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ศรีราชา หรือภาคใต้ เช่น ชุมพร ถ้าคุณยุ่นเขาพากันเปลี่ยนชุด หยิบเครื่องแบบทหารมาใส่ เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ที่กองทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเมือง ไทย ยกพลมาจากทางภาคใต้ของไทย มาจาก สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ พอถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2484 ชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็แต่งชุดทหารเดินเต็มอยู่ในกรุงเทพฯกันหมด แม้แต่หมอฟันของแม่ผม ผมได้แต่หวังว่า เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้นอีก

    และแม้ว่า ข้อสังเกตที่ว่า นายอาเบะอาจจะเล่นบท 2 หน้า จะเป็นซามูไรแบกถาด หรือซามูไรทิ้งถาด สิ่งที่ผมเขียนเล่ามา ผลกระทบต่อบ้านเรา ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงยังน่าเป็นห่วงเช่นเดิม บางส่วน บางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยน ถ้าเขาหักหลังกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอะไรขึ้นมา เพราะไม่น่าไว้วางใจทั้งคนใช้ให้แบกถาด และคนแบกถาด หรือจะเป็นคนทิ้งถาด
    ในชีวิตคนเรา เห็นสงครามโลกครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 2 ผมยังไม่โตพอที่จะไปรบ แต่โตพอที่จะรู้เรื่องว่า บ้านเมืองเราอยู่ในสภาพบ้านพัง สาแหร่กขาดอย่างไร ครอบครัวเราส่วนใหญ่ลำบากอย่างไร และมันทิ้งอะไรไว้กับบ้านเมืองเราครอบครัวเรา ผ่านไป 70 ปี ยังจำได้ไม่ลืม

    เราชาวสยาม จะต้องตื่นรู้เสียที ไม่ใช่เขียนให้แตกตื่น แต่ต้องตื่นมารับรู้ ทันเหตุการณ์นอกบ้าน ที่จะมีผลกระทบในบ้านเราเสียบ้าง ช่วยกันปลุก ช่วยกันให้ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่รู้แล้วเอาไปหาข้อมูลต่อ ว่า ที่อ่านกันมานี้ จริงเท็จอย่างไร แล้วคิดต่อ ดีกว่าไม่รู้จะคิดอะไร มันเป็นสมัยโลกาภิวัฒน์มิใช่หรือ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่ามัวเพลิดเพลินอยู่แต่กับการดูละครน้ำเน่า กับข่าวย้อมสี จนลืมสนใจภัยใหญ่ ที่อาจใกล้เราเข้ามาทุกทีแล้วนะครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 5 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 5 (จบ) นายอาเบะ ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2012 เขามาจากครอบครัวนักการเมืองขนานแท้ดั้งเดิม ท้ังพ่อและปู่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ส่วนแม่ของอาเบะ เป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ นาย Nobusuke Kishi อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วง 1957-1960 ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยนายพลโตโจที่นำการรบ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Kishi เป็นผู้ต้ังพรรค Democratic Party ต่อมาพรรคนี้ไปรวมกับพรรค Liberty ของอดีตนายกรัฐมนตรี Shigaru Yoshida พรรคขวาจัด ชาตินิยม และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค LDP ซึ่งครองอำนาจในญี่ปุ่นอย่างยาวนาน นายอาเบะ นี่ เคยไปเรียนหนังสือที่ University of Southern California แต่ไม่จบ กลับมาทำงานการเมืองในญี่ปุ่นต่อ เขานับเป็นลูกหม้อของพรรค LDP ถูกวางตัวให้เป็นดาราดาวรุ่ง ในที่สุดก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจคนดันในช่วงปี 2005-2006 เขาดูเหมือนนิยมตะวันตก และมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือมาตลอด โดยพยายามหาทางคว่ำบาตรเกาหลีเหนือผ่านสหประชาติ และเมื่อตอนหาเสียงเลือกต้ังในปี ค.ศ.2012 เขาชูประเด็นเรื่องข้อพิพาทกับจีน และการขึ้นมาของจีนแทนที่ญี่ปุ่น ในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าในเอเซีย นับว่า สุดกร่าง CFR มีสายตายาวไกล และลึกซึ้ง การเลือกไพ่แต่ละใบของนักล่าใบตองแห้ง ดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ชัดเจนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบ่อน หรือสร้างรังโจรที่ประเทศใด ไม่ว่าจะหัวนอก หรือหัวใน ต้องพร้อมรับใช้จนสุดทาง และสุดตัว คงจำกันได้ว่า CFR นั้นเป็นผลผลิตของกลุ่มอิลิต นักการเงิน และนักธุรกิจ แองโกลอเมริกัน จาก 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ความใหญ่ของ CFR นั้น เกินจินตนาการของเราๆ ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้จักว่า CFR คืออะไร มีอิทธิพลแค่ไหน อิทธิพล และอำนาจของ CFR เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอิทธิพลครอบงำการเมือง และรัฐบาลของอเมริกา ต้ังแต่ประมาณปี 1950 เป็นต้นมา และเมื่ออำนาจของอเมริกาครอบงำโลก ก็คงไม่เกินไปที่จะบอกว่า CFR นั้นก็มีส่วนครอบงำโลกด้วย (เรื่อง ของ CFR นั้น ผมเขียนเล่าไว้ในนิทาน เรื่อง “มายากลยุทธ” และ “แกะรอยนักล่า” สำหรับท่านผู้อ่าน ที่เข้ามาอ่านตอนหลังๆ ถ้าอยากเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ อีกมุมมอง อีกชุดของข้อมูล ลองอ่านนิทาน 2 เรื่องนี้นะครับ) ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับ CFR (เปิดดูจากกูเกิลได้ครับ) คือ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1921 มีสมาชิก เริ่มแรกประมาณ 20 คน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษและอเมริกัน ปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลกประมา ณ 5 พันคน สมาชิกส่วนใหญ่ เป็นพวกฝรั่งแองโกลแซกซอน และชาวยุโรป ใน 5 พันคนนี้ ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้นำ หัวหน้า และผู้บริหารระดับสูงของประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ มีหลายคน เป็นประธานาธิบดีของอเมริกา หลายคน เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นรัฐมนตรีกลาโหม เป็นรัฐมนตรีการคลัง เป็นผู้ว่าการธนาคารกลาง เป็นหัวหน้าซีไอเอและหลายคนเป็นพระราชวงศ์ในยุโรปและอังกฤษ ฯลฯ สำหรับไทยแลนด์แดนสมันน้อย เรามีคนไทยที่ถูกลาก หรือ สมัครใจ เข้าไปเกี่ยวกับ CFR โดยเป็นสมาชิกขององค์กร ชื่อ Trilatteral Commission ซึ่งเป็นองค์กรลูกของ CFR ที่ต้ังขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1973 ขณะน้ัน นาย David Rockefeller ซึ่งเป็นประธาน CFR เห็นว่า ควรจะเอานักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เข้ามาอยู่ในความดูแลของ CFR ด้วย เลยพ่วงเอาชาวเอเซีย ลาติน และอาฟริกา ที่เข้าข่ายน่าจะเป็นประโยชน์ และมีแนวความคิด เกี่ยวกับความเป็นไปในโลกแนวทางเดียวกันกับ CFR เข้ามาร่วมด้วย จากเอกสารของ Trilateral Commissionเอง ปี ค.ศ.2014 ปรากฏมีรายชื่อ คนไทย เป็นสมาชิก Trilatteral Commission 4 คน คือ 1. นายณรงค์ชัย อัครเศรณี 2. นายสมเกียรติ ต้ังกิจวานิชย์ (ผู้อำนวยการ สถาบัน TDRI ของไทย) 3. นางธาริษา วัฒนเกศ (อดีต ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) 4. นายกานต์ ตระกูลฮุน (กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปูนซิเมนต์ไทย) ปี ค.ศ.2015 รายชื่อ ซึ่งเปลี่ยนเมื่อเดือนเมษายน นี้เอง เหลือ 2 ชื่อ ดังนี้ 1. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ 2. นางธาริษา วัฒนเกศ ทำไมผมพูดเรื่องญี่ปุ่น นายอาเบะ และเครือข่ายของ CFR เพราะมันเกี่ยวกัน และมันเป็นตัวอย่าง ที่น่าจะทำให้เรามองเห็นภาพหลายภาพชัดเจนขึ้น CFR นั้น เริ่มมีคนพูดถึงกันในช่วงประมาณปี ค.ศ.1960 แต่ช่วงนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ของ CFR ยังไม่มีออกมาแพร่หลายมากนัก นักวิเคราะห์การเมือง และคนทั่วไป จึงมอง CFR ไปในแนวทฤษฏีสมคบคิด ซึ่งมักทำให้ที่ผู้ได้ยินเรื่อง CFR ไม่ให้น้ำหนัก ไม่ให้ความเชื่อถือ ถึงอำนาจและอิทธิพลจริงขององค์กรนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ง่ายขึ้น และลึกขึ้น มีเอกสารที่เหมือนเป็นใบเสร็จ ออกมาให้เราศึกษามากขึ้น อย่างเช่นรายงานการวิเคราะห์ของ CFR เอง ที่ออกมาให้เห็นแนวความคิดของ CFR และกลายมาเป็นนโยบายของรัฐบาลอเมริกา และการดำเนินงานของอเมริกาตามนโยบาย ที่เสนอแนะโดย CFR อย่างจริงจังในหลายส่วนของโลก จึงทำให้ผู้ที่ติดตามดูความเป็น ไปขององค์กร CFR เชื่อมากขึ้นว่า การครอบงำโลกโดย CFR ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฏี แต่มันเป็นของจริง อำนาจจริง อิทธิพลจริง ที่ครอบงำโลกนี้อยู่ และถ้ามันเป็นของจริงเช่นนั้น เรื่อง Grand Stategy แผนสอยมังกร ของ CFR ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เราจะอ่านเล่น หรืออ่านแล้วก็แล้วกัน เราน่าจะต้อง อ่าน และวิเคราะห์เองต่อไปอีกด้วยว่า เมื่อญี่ปุ่น ซึ่งถูก Grand Strategy กำหนดให้มีบทบาทสำคัญ ในการสอยมังกรให้ร่วงนั้น ญี่ปุ่นเอาจริง เดินหน้าตามแผนที่ CFR กำหนดขนาดไหน และการเดินตามแผนนั้น เราคงจะพอมองเห็นได้ว่า อเมริกา กำลัง “ใช้” ญี่ปุ่น และไม่ได้ใช้ไปเดินเล่น จ่ายตลาด แต่ เป็นการ “ใช้” ให้ญี่ปุ่นไปรบแทน และอาจไปตายแทน ด้วยค่าใช้จ่ายที่อาจเป็นเงินภาษี หรือเงินกู้ของญี่ปุ่น แต่มันเป็น “ราคา” ที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องจ่าย ขณะเดียวกัน ถ้าอเมริกลากเอาแดนสยาม เข้าไปร่วมขบวนการกับญี่ปุ่น ให้ช่วยกันสอยจีน เราจะถูก “ใช้” ไปรบแทน จนถึงตายแทน ร่วมกับญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ นั่นเป็นประเด็นหนึ่ง ที่ต้องคิดกัน แต่ผมค่อนข้างเชื่อว่า ลุงตู่ของผมคงมองออก ไม่คิดเป็นคนรับใช้ต่างชาติ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ผันแปร มีการบีบไข่กัน จนต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราก็ช่วยกันมอง ช่วยกันคิดให้ดีๆ นะครับ รูปแบบที่ไอ้นักล่ามันชอบใช้ ไพ่ที่มันชอบเล่นมีอยู่ อย่าตกหลุมมันง่ายๆอีก นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าคือ กรณีที่ญี่ปุ่นเดินหน้า ตาม CFR อย่างไม่หยุดนั่นแหละครับ ถ้าเกิดถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกาสั่งให้ญี่ปุ่นเคลื่อนพล ไปปะทะจีน หรือตอนนั้นสถานการณ์ในเอเซียมันตึงเครียดได้ที่ ตามความต้องการของอเมริกาแล้ว แม้เราจะฉีกตัวออกมาจากการไปช่วยเขาแบกถาดได้ แต่ถ้าบรรดาคุณยุ่น ที่ขณะนี้ กระจายกันอยู่ในแดนสยามของเราไม่น้อย ไม่ว่าในกรุงเทพ โดยเฉพาะแถบสุขุมวิท ซึ่งใกล้จะเปลี่ยนเป็นแดนปลาดิบ แล้ว ยังมีที่ต่างจังหวัด ทางภาคเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ศรีราชา หรือภาคใต้ เช่น ชุมพร ถ้าคุณยุ่นเขาพากันเปลี่ยนชุด หยิบเครื่องแบบทหารมาใส่ เหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ที่กองทหารญี่ปุ่นบุกเข้าเมือง ไทย ยกพลมาจากทางภาคใต้ของไทย มาจาก สงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ พอถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2484 ชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็แต่งชุดทหารเดินเต็มอยู่ในกรุงเทพฯกันหมด แม้แต่หมอฟันของแม่ผม ผมได้แต่หวังว่า เหตุการณ์เช่นนั้นคงไม่เกิดขึ้นอีก และแม้ว่า ข้อสังเกตที่ว่า นายอาเบะอาจจะเล่นบท 2 หน้า จะเป็นซามูไรแบกถาด หรือซามูไรทิ้งถาด สิ่งที่ผมเขียนเล่ามา ผลกระทบต่อบ้านเรา ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงยังน่าเป็นห่วงเช่นเดิม บางส่วน บางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยน ถ้าเขาหักหลังกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอะไรขึ้นมา เพราะไม่น่าไว้วางใจทั้งคนใช้ให้แบกถาด และคนแบกถาด หรือจะเป็นคนทิ้งถาด ในชีวิตคนเรา เห็นสงครามโลกครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 2 ผมยังไม่โตพอที่จะไปรบ แต่โตพอที่จะรู้เรื่องว่า บ้านเมืองเราอยู่ในสภาพบ้านพัง สาแหร่กขาดอย่างไร ครอบครัวเราส่วนใหญ่ลำบากอย่างไร และมันทิ้งอะไรไว้กับบ้านเมืองเราครอบครัวเรา ผ่านไป 70 ปี ยังจำได้ไม่ลืม เราชาวสยาม จะต้องตื่นรู้เสียที ไม่ใช่เขียนให้แตกตื่น แต่ต้องตื่นมารับรู้ ทันเหตุการณ์นอกบ้าน ที่จะมีผลกระทบในบ้านเราเสียบ้าง ช่วยกันปลุก ช่วยกันให้ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่รู้แล้วเอาไปหาข้อมูลต่อ ว่า ที่อ่านกันมานี้ จริงเท็จอย่างไร แล้วคิดต่อ ดีกว่าไม่รู้จะคิดอะไร มันเป็นสมัยโลกาภิวัฒน์มิใช่หรือ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เปลี่ยนแปลงเร็ว อย่ามัวเพลิดเพลินอยู่แต่กับการดูละครน้ำเน่า กับข่าวย้อมสี จนลืมสนใจภัยใหญ่ ที่อาจใกล้เราเข้ามาทุกทีแล้วนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 4
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 4

    อังกฤษ ซึ่งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่นมานานกว่าร้อยปี Anglo-Japanese Alliance มีมาตั้งแต่ ค.ศ.1902 ถ้าจำกันได้ การที่ญี่ปุ่นลุกขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย ในปี ค.ศ.1904 ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงยุของอังกฤษ ทำให้อังกฤษยังชื่นชมญี่ปุ่นอยู่จนทุกวันนี้ สัมพันธ์อังกฤษ-ญี่ปุ่นสะดุดชั่วคราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้อังกฤษตัดจนขาดกับญี่ปุ่นอย่างจริงจัง

    ล่าสุด เมื่ออังกฤษจะมีการเลือกตั้งทั่ว ไป ในต้นเดือนพฤษาคม และผลของการเลือกต้ัง ทำให้ได้นายเดวิด แคมารอน คนชอบจีบปากเวลาพูด กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อีกรอบหนึ่ง Chatham House ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของอังกฤษ แฝดตัวพี่ของไอ้สุดกร่าง CFR เจ้าของแผนสอยมังกร ซึ่งก็มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอังกฤษ ไม่ต่างกับที่ CFR มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกา ก็ได้เขียนบทความ ออกมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2015 เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ ไอ้สุดกร่าง เขียนแผนสอยมังกร ออกมาตบหน้าอาเฮีย ยังกับนัดกัน…

    รายงานของ Chatham House เป็นข้อเสนอต่อรัฐบาลอังกฤษ ชุดใหม่ ที่จะได้มาจากการเลือกตั้ง สรุปว่า

    …ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงของประเทศ โดยพยายามจัดทำนโยบายในแนวทางรุกมากขึ้น โดยมีเป้าหมายทั้งระดับภูมิภาค และระดับโลก นโยบายนี้น่าจะสอดคล้องกับความต้องการของอังกฤษ …

    …ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยอมรับว่า ตนเองมี (หรือ หวัง?!) ผลประโยชน์มากมายในเอเซีย เช่นที่อินโดนีเซีย เกี่ยวกับธุรกิจการเงิน และการประกันภัย หรือเกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน และแก๊ส ในส่วนอื่นของภูมิภาค ที่อยู่ทั้งในระยะสำรวจและขุดเจาะ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย ความมั่นคงของภูมิภาคเอเซีย จึงเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องหนึ่ง ที่อังกฤษให้ความสำคัญ โดยเฉพาะ จะต้องพยายามรักษาเส้นทางเดินเรือ จากอังกฤษไปถึงเอเซีย ในบริเวณต่างๆเอาไว้ แต่นโยบายของจีน เกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และตะวันออก การไม่สามัคคีกันในเอเซียอาคเณย์ และการถูกข่มขู่จากผู้ก่อการร้าย และสลัดทะเล ทำให้ผลประโยชน์ของอังกฤษมีความ เสี่ยงเพิ่มขึ้น … พูดภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า อังกฤษ ทำท่าจะไม่รวยขึ้น หรือจะจนลงด้วยซ้ำ จากการที่ควบคุม ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็กแถวเอเซีย ไม่อยู่หมัด เหมือนสมัยเป็นนายท่านของพวกอาณานิคม
    แต่มันติดปัญหา … ชาวเกาะใหญ่ฯ สารภาพอย่างหมดท่า แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็คงจะส่งกองกำลังของตนเอง ไปดูแลอย่างเดิมไม่ได้ เพราะงบด้านความมั่นคง ถูกตัดเสียเหลือสั้นกว่านิ้วก้อย และถ้าพรรคอนุรักษ์นิยม เจ้าของนโยบายการตัดงบด้านความมั่นคง กลับมาเป็นรัฐบาล (ซึ่งก็กลับมาจริงๆ) งบนี้ก็คงถูกตัดเหมือนเดิม ทางออกที่ดีที่สุดของรัฐบาลใหม่ คือไปจับมือกับญี่ปุ่นเสียให้แน่น เพราะญี่ปุ่นเองก็ต้องจับตาจ้อง คอยกันท่าไม่ให้จีนแหยมหน้า เข้ามาใกล้ตัวเองอยู่แล้ว...

    ….ข่าวเรื่องญี่ปุ่นต้ังงบด้าน ความมั่นคงสำหรับปี 2015 เสียสูงลิ่วถึง 4 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ ทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯ ตาโตเท่าไข่ห่าน งบขนาดนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ บอก เราไปเอี่ยวกับเขาน่ะ ดีที่สุดแล้ว …..

    นอกจากนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ ได้ยินมาว่า อเมริกากับญี่ปุ่น กำลังร่างยุทธศาสตร์ที่จะใช้ฐานทัพของญี่ปุ่นที่ Djibouti (ที่โซมาเลีย) ซึ่งเป็นฐานทัพนอกบ้านฐานแรกของญี่ปุ่น เพื่อใช้การปราบสลัดแถบนั้น ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์มาก กับเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ของอังกฤษ และดูแลผลประโยชน์ของอังกฤษ ได้ทั้งแถบตะวันออกกลาง และเอเซีย …. ซึ่งนายอาเบะ ก็แบะท่าไว้แล้ว ตั้งแต่มาคารวะอังกฤษในปี 2014 ว่า อยากจะเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกับอังกฤษมากขึ้น เป็นท่าทีใหม่ของญี่ปุ่นที่มีกับชาวเกาะใหญ่ฯ ในรอบหลายปีเลยทีเดียว…

    Chatham House ฝาแฝดตัวพี่ ของสุดกร่าง CFR บอกว่า เราน่าจะชวน ญี่ปุ่น ชาวเกาะด้วยกัน มาทำสัญญาความร่วมมือสาระพัด แต่ดูๆไปแล้ว มันเป็นการกลบเกลื่อนความต้องการ จริงของชาวเกาะใหญ่ ที่ต้องการให้ญี่ปุ่น เป็นตัวแทน เป็นยาม เป็นหน่วยลาดตะเวน เป็นหน่วยปะทะ ถือถาดบริการชาวเกาะใหญ่ ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ยาวไปถึงโซมาเลียได้ยิ่งดี เหมือนกับที่ญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวทำให้นักล่าใบตองแห้ง แต่ ชาวเกาะใหญ่ฯ ถือไพ่เหนือมือคุณยุ่นเขา เหมือนนักล่าฯ หรือเปล่าล่ะ อาจจะถือไพ่ใต้มือเขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขารู้ว่า บ้อท่า ถังแตก งบหดสั้นกว่านิ้วก้อยอย่างนั้น

    คิดไปคิดมา Chatham House แนะนำให้ชาวเกาะใหญ่กัดฟัน เสนอให้ร่วมมือด้านข่าวกรองกับญี่ปุ่นไปเลย และจริงๆ ถ้าจะปกป้องผลประโยชน์ของเราได้ดี เราก็น่าจะให้เขารู้ข้อมูลข่าวกรอง ของฝ่ายตรงกันข้ามมากกว่านี้ ….แสดงว่าชาวเกาะฝีมือไม่เบา จารกรรมจนได้ข้อมูลดีๆมาแยะ แต่อมแอบไว้ก่อน
    อืม… นี่มันเรื่องใหญ่มากนะครับ อังกฤษ มีระบบการจารกรรมข้อมูลข่าวสารและสัญญานทั่วโลก เช่นระบบ Echelon ที่โด่งดังมาก และมีระบบอื่นๆอีกมาก เขาว่ามันมีถึง 10 ระบบแล้ว จากหลายหน่วยงานข่าวกรองของอังกฤษ และข้อมูลทั้งหมดที่ไปล้วงได้มา จะถูกส่งไปที่ศูนย์รวม ที่เรียกว่า Government Communications Headquarters (GCHQ) ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับระบบจารก รรมข่าวกรองของ National Security Council (NSC) ของอเมริกา เช่น ระบบ Prism ที่นายEdward Snowden เอามาแฉ เมื่อ 2,3 ปีก่อน จนเป็นเรื่องครึกโครม ด่าทอ ต่อว่า พวกกันเอง แอบดักฟังกันเอง

    ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ มีข้อตกลงให้ความร่วมมือกัน ว่าข้อมูลที่ล้วงมาได้จากการจาร กรรมของ ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ ตกลงที่จะแชร์กัน กับ เฉพาะไม่กี่ประเทศ ที่เรียกว่า 5 ตา 7 ตา (5ตา five eyes มีเฉพาะพวกแองโกลแซกซอน คือ อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ส่วน 7 ตา เพิ่ม สวีเดน กับ เดนมาร์ก เข้าไปด้วย รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง ผลัดกันล้วง)

    ถ้าอังกฤษ และญี่ปุ่นตกลงให้ความร่วมมือกันด้านข่าวกรอง ญี่ปุ่นจะเป็นพันธมิตรข่าวกรองของกลุ่มแองโกลแซกซอน จากเอเซียชาติแรก และมันน่าจะทำให้เห็นชัดเจนว่า ญี่ปุ่นเลือกยืนอยู่ที่ใด และการแบ่งข้างในภูมิภาคเอเซี ยคงยิ่งกว่าชัดเจน และ ผู้ที่จะเป็นเป้าใหญ่ ของการเล่นเป็นทีม ของแฝดพี่น้องตัวแสบของโลก Chatham House และ CFR คงไม่พ้นอาเฮียแห่งแดนมังกร และน่าเป็นห่วงว่า เอเซียคงร้อนระอุไม่แพ้ตะวันออกกลาง สมใจอเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศในเอเซียทะเลาะกันเอง ตีกันเอง จนน่วม ก่อนที่อเมริกา จะยาตราเข้ามาเก็บกวาด
    และถ้าคิดถึงความต่อเนื่อง ของเรื่องราว ระยะเวลาของการปล่อยรายงาน สู่สาธารณะ และสันดานของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นการสมคบกัน ระหว่างฝาแฝดสุดแสบ ที่ CFR จะวางแผนร่วมกับ Chatham House คิดหาวิธีการที่จะสู้กับระบบป้องกัน A2/AD ของจีน ซึ่งอเมริกากำลังหนักใจอยู่ โดยการเอาระบบการเจาะข่าวกรอง ด้านสัญญาณ ทุกรูปแบบ รวมทั้งด้านไซเบอร์ ของอังกฤษ ร่วมกับของอเมริกา และออกข่าวกดดันจีน และไม่แน่ว่า อังกฤษ จะแอบมาติดต้ังระบบให้ญี่ปุ่น ที่เกาะ Yonaguni เรียบร้อยไปแล้วก็ได้ ป่านนี้คุณพี่อาเบะ อาจจะนับขนจมูกอาเฮียไปหลายรอบ แล้ว เหมือนกับฐานทัพของญี่ปุ่น ที่ Djibuti ที่อังกฤษออกมาปูดว่า ญี่ปุ่นมีแล้ว โดยที่เรื่อง การขยายกองทัพ SDF ของญี่ปุ่นยังไม่ผ่านสภาสูงเลย แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าทำไปจนเสร็จแล้ว

    ถ้าพวกเขา จับมือเล่นละครกันแบบนี้จริง เรื่อง Grand Strategy แผนสอยมังกร ของอเมริกา ก็ยิ่งน่าจับตามากขึ้น และเราก็คงต้องติดตามดูความเคลื่อนไหว ในภูมิภาคเอเซียของเรา กันอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องมันใกล้บ้านเรามากนะครับ

    (เรื่องระบบ A2/AD นี้ รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง แผนสอยมังกร ครับ)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 4 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 4 อังกฤษ ซึ่งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่นมานานกว่าร้อยปี Anglo-Japanese Alliance มีมาตั้งแต่ ค.ศ.1902 ถ้าจำกันได้ การที่ญี่ปุ่นลุกขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย ในปี ค.ศ.1904 ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงยุของอังกฤษ ทำให้อังกฤษยังชื่นชมญี่ปุ่นอยู่จนทุกวันนี้ สัมพันธ์อังกฤษ-ญี่ปุ่นสะดุดชั่วคราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้อังกฤษตัดจนขาดกับญี่ปุ่นอย่างจริงจัง ล่าสุด เมื่ออังกฤษจะมีการเลือกตั้งทั่ว ไป ในต้นเดือนพฤษาคม และผลของการเลือกต้ัง ทำให้ได้นายเดวิด แคมารอน คนชอบจีบปากเวลาพูด กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ อีกรอบหนึ่ง Chatham House ถังขยะความคิดหมายเลขหนึ่ง ของอังกฤษ แฝดตัวพี่ของไอ้สุดกร่าง CFR เจ้าของแผนสอยมังกร ซึ่งก็มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอังกฤษ ไม่ต่างกับที่ CFR มีอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกา ก็ได้เขียนบทความ ออกมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2015 เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ ไอ้สุดกร่าง เขียนแผนสอยมังกร ออกมาตบหน้าอาเฮีย ยังกับนัดกัน… รายงานของ Chatham House เป็นข้อเสนอต่อรัฐบาลอังกฤษ ชุดใหม่ ที่จะได้มาจากการเลือกตั้ง สรุปว่า …ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงของประเทศ โดยพยายามจัดทำนโยบายในแนวทางรุกมากขึ้น โดยมีเป้าหมายทั้งระดับภูมิภาค และระดับโลก นโยบายนี้น่าจะสอดคล้องกับความต้องการของอังกฤษ … …ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยอมรับว่า ตนเองมี (หรือ หวัง?!) ผลประโยชน์มากมายในเอเซีย เช่นที่อินโดนีเซีย เกี่ยวกับธุรกิจการเงิน และการประกันภัย หรือเกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน และแก๊ส ในส่วนอื่นของภูมิภาค ที่อยู่ทั้งในระยะสำรวจและขุดเจาะ และธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย ความมั่นคงของภูมิภาคเอเซีย จึงเป็นเรื่องจำเป็น และเป็นเรื่องหนึ่ง ที่อังกฤษให้ความสำคัญ โดยเฉพาะ จะต้องพยายามรักษาเส้นทางเดินเรือ จากอังกฤษไปถึงเอเซีย ในบริเวณต่างๆเอาไว้ แต่นโยบายของจีน เกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และตะวันออก การไม่สามัคคีกันในเอเซียอาคเณย์ และการถูกข่มขู่จากผู้ก่อการร้าย และสลัดทะเล ทำให้ผลประโยชน์ของอังกฤษมีความ เสี่ยงเพิ่มขึ้น … พูดภาษาชาวบ้าน ก็หมายความว่า อังกฤษ ทำท่าจะไม่รวยขึ้น หรือจะจนลงด้วยซ้ำ จากการที่ควบคุม ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็กแถวเอเซีย ไม่อยู่หมัด เหมือนสมัยเป็นนายท่านของพวกอาณานิคม แต่มันติดปัญหา … ชาวเกาะใหญ่ฯ สารภาพอย่างหมดท่า แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็คงจะส่งกองกำลังของตนเอง ไปดูแลอย่างเดิมไม่ได้ เพราะงบด้านความมั่นคง ถูกตัดเสียเหลือสั้นกว่านิ้วก้อย และถ้าพรรคอนุรักษ์นิยม เจ้าของนโยบายการตัดงบด้านความมั่นคง กลับมาเป็นรัฐบาล (ซึ่งก็กลับมาจริงๆ) งบนี้ก็คงถูกตัดเหมือนเดิม ทางออกที่ดีที่สุดของรัฐบาลใหม่ คือไปจับมือกับญี่ปุ่นเสียให้แน่น เพราะญี่ปุ่นเองก็ต้องจับตาจ้อง คอยกันท่าไม่ให้จีนแหยมหน้า เข้ามาใกล้ตัวเองอยู่แล้ว... ….ข่าวเรื่องญี่ปุ่นต้ังงบด้าน ความมั่นคงสำหรับปี 2015 เสียสูงลิ่วถึง 4 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ ทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯ ตาโตเท่าไข่ห่าน งบขนาดนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ บอก เราไปเอี่ยวกับเขาน่ะ ดีที่สุดแล้ว ….. นอกจากนี้ ชาวเกาะใหญ่ฯ ได้ยินมาว่า อเมริกากับญี่ปุ่น กำลังร่างยุทธศาสตร์ที่จะใช้ฐานทัพของญี่ปุ่นที่ Djibouti (ที่โซมาเลีย) ซึ่งเป็นฐานทัพนอกบ้านฐานแรกของญี่ปุ่น เพื่อใช้การปราบสลัดแถบนั้น ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์มาก กับเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ของอังกฤษ และดูแลผลประโยชน์ของอังกฤษ ได้ทั้งแถบตะวันออกกลาง และเอเซีย …. ซึ่งนายอาเบะ ก็แบะท่าไว้แล้ว ตั้งแต่มาคารวะอังกฤษในปี 2014 ว่า อยากจะเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกับอังกฤษมากขึ้น เป็นท่าทีใหม่ของญี่ปุ่นที่มีกับชาวเกาะใหญ่ฯ ในรอบหลายปีเลยทีเดียว… Chatham House ฝาแฝดตัวพี่ ของสุดกร่าง CFR บอกว่า เราน่าจะชวน ญี่ปุ่น ชาวเกาะด้วยกัน มาทำสัญญาความร่วมมือสาระพัด แต่ดูๆไปแล้ว มันเป็นการกลบเกลื่อนความต้องการ จริงของชาวเกาะใหญ่ ที่ต้องการให้ญี่ปุ่น เป็นตัวแทน เป็นยาม เป็นหน่วยลาดตะเวน เป็นหน่วยปะทะ ถือถาดบริการชาวเกาะใหญ่ ในเอเซีย ในตะวันออกกลาง ยาวไปถึงโซมาเลียได้ยิ่งดี เหมือนกับที่ญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวทำให้นักล่าใบตองแห้ง แต่ ชาวเกาะใหญ่ฯ ถือไพ่เหนือมือคุณยุ่นเขา เหมือนนักล่าฯ หรือเปล่าล่ะ อาจจะถือไพ่ใต้มือเขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขารู้ว่า บ้อท่า ถังแตก งบหดสั้นกว่านิ้วก้อยอย่างนั้น คิดไปคิดมา Chatham House แนะนำให้ชาวเกาะใหญ่กัดฟัน เสนอให้ร่วมมือด้านข่าวกรองกับญี่ปุ่นไปเลย และจริงๆ ถ้าจะปกป้องผลประโยชน์ของเราได้ดี เราก็น่าจะให้เขารู้ข้อมูลข่าวกรอง ของฝ่ายตรงกันข้ามมากกว่านี้ ….แสดงว่าชาวเกาะฝีมือไม่เบา จารกรรมจนได้ข้อมูลดีๆมาแยะ แต่อมแอบไว้ก่อน อืม… นี่มันเรื่องใหญ่มากนะครับ อังกฤษ มีระบบการจารกรรมข้อมูลข่าวสารและสัญญานทั่วโลก เช่นระบบ Echelon ที่โด่งดังมาก และมีระบบอื่นๆอีกมาก เขาว่ามันมีถึง 10 ระบบแล้ว จากหลายหน่วยงานข่าวกรองของอังกฤษ และข้อมูลทั้งหมดที่ไปล้วงได้มา จะถูกส่งไปที่ศูนย์รวม ที่เรียกว่า Government Communications Headquarters (GCHQ) ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับระบบจารก รรมข่าวกรองของ National Security Council (NSC) ของอเมริกา เช่น ระบบ Prism ที่นายEdward Snowden เอามาแฉ เมื่อ 2,3 ปีก่อน จนเป็นเรื่องครึกโครม ด่าทอ ต่อว่า พวกกันเอง แอบดักฟังกันเอง ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ มีข้อตกลงให้ความร่วมมือกัน ว่าข้อมูลที่ล้วงมาได้จากการจาร กรรมของ ทั้ง 2 หน่วยงานนี้ ตกลงที่จะแชร์กัน กับ เฉพาะไม่กี่ประเทศ ที่เรียกว่า 5 ตา 7 ตา (5ตา five eyes มีเฉพาะพวกแองโกลแซกซอน คือ อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ส่วน 7 ตา เพิ่ม สวีเดน กับ เดนมาร์ก เข้าไปด้วย รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง ผลัดกันล้วง) ถ้าอังกฤษ และญี่ปุ่นตกลงให้ความร่วมมือกันด้านข่าวกรอง ญี่ปุ่นจะเป็นพันธมิตรข่าวกรองของกลุ่มแองโกลแซกซอน จากเอเซียชาติแรก และมันน่าจะทำให้เห็นชัดเจนว่า ญี่ปุ่นเลือกยืนอยู่ที่ใด และการแบ่งข้างในภูมิภาคเอเซี ยคงยิ่งกว่าชัดเจน และ ผู้ที่จะเป็นเป้าใหญ่ ของการเล่นเป็นทีม ของแฝดพี่น้องตัวแสบของโลก Chatham House และ CFR คงไม่พ้นอาเฮียแห่งแดนมังกร และน่าเป็นห่วงว่า เอเซียคงร้อนระอุไม่แพ้ตะวันออกกลาง สมใจอเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศในเอเซียทะเลาะกันเอง ตีกันเอง จนน่วม ก่อนที่อเมริกา จะยาตราเข้ามาเก็บกวาด และถ้าคิดถึงความต่อเนื่อง ของเรื่องราว ระยะเวลาของการปล่อยรายงาน สู่สาธารณะ และสันดานของผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นการสมคบกัน ระหว่างฝาแฝดสุดแสบ ที่ CFR จะวางแผนร่วมกับ Chatham House คิดหาวิธีการที่จะสู้กับระบบป้องกัน A2/AD ของจีน ซึ่งอเมริกากำลังหนักใจอยู่ โดยการเอาระบบการเจาะข่าวกรอง ด้านสัญญาณ ทุกรูปแบบ รวมทั้งด้านไซเบอร์ ของอังกฤษ ร่วมกับของอเมริกา และออกข่าวกดดันจีน และไม่แน่ว่า อังกฤษ จะแอบมาติดต้ังระบบให้ญี่ปุ่น ที่เกาะ Yonaguni เรียบร้อยไปแล้วก็ได้ ป่านนี้คุณพี่อาเบะ อาจจะนับขนจมูกอาเฮียไปหลายรอบ แล้ว เหมือนกับฐานทัพของญี่ปุ่น ที่ Djibuti ที่อังกฤษออกมาปูดว่า ญี่ปุ่นมีแล้ว โดยที่เรื่อง การขยายกองทัพ SDF ของญี่ปุ่นยังไม่ผ่านสภาสูงเลย แต่ญี่ปุ่นก็เดินหน้าทำไปจนเสร็จแล้ว ถ้าพวกเขา จับมือเล่นละครกันแบบนี้จริง เรื่อง Grand Strategy แผนสอยมังกร ของอเมริกา ก็ยิ่งน่าจับตามากขึ้น และเราก็คงต้องติดตามดูความเคลื่อนไหว ในภูมิภาคเอเซียของเรา กันอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องมันใกล้บ้านเรามากนะครับ (เรื่องระบบ A2/AD นี้ รายละเอียดอยู่ในนิทานเรื่อง แผนสอยมังกร ครับ) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 3
    “ซามูไรแบกถาด”

    ตอน 3

    น่าสนใจว่า เมื่อนายอาเบะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ในปี ค.ศ.2012 นั้น เหมือนกับเขามากับภาระกิจพิเศษ รู้งานล่วงหน้าว่า จะต้องทำอะไรบ้าง และทำอะไรก่อนหลัง

    จากประเทศที่ประกาศตัวว่ารักสงบ และไม่ฝักฝ่ายการทำสงคราม เมื่อรับตำแหน่งใหม่ๆ นายอาเบะ ฉลองเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ด้วยการตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ National Security Council (NSC) ขึ้น เป็นครั้งแรกของญี่ปุ่น (หลังสงครามโลกครั้งที่ 2) ญี่ปุ่นใช้ สภาความมั่นคงของอเมริกา เป็นแม่แบบ และวัตถุประสงค์หลัก ของการจัดตั้ง NSC ตอนนึง ระบุว่า หนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุด ที่กระทบความมั่นคงของญี่ปุ่นคือ การเจริญเติบโตของจีน ญี่ปุ่นจะต้องมีนโยบายที่แก้ไขเรื่องนี้ อย่างครอบคลุมทุกด้าน ไม่ใช่แต่ทางวิธีการทูตเท่านั้น แต่จะต้องรวมนโยบายด้านการป้องกัน และการใช้นโยบายการค้า การเงิน และอื่นๆด้วย …สงสัยไอ้สุดกร่าง ช่วยร่างให้ เขียนแบบกร่างๆอย่างนี้….

    หลังจากนั้น เขาเสนอกฏหมายเกี่ยวกับการรักษาความลับของชาติเข้าสภา ต่อมาก็จัดร่างยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติและ พยายามที่จะให้มีการตีความรัฐธรรมนูญ ขยายขอบเขตนิยาม การปกป้องตนเอง ของประเทศให้กว้างขวางขึ้น …นี่เดินตามพิมพ์เขียว ของใครนะ

    นอกจากนั้น นายอาเบะยังเดินสาย แวะไปจับเข่าถึง 49 เข่า 49 ประเทศ แน่นอน ยกเว้นไม่ไปแดนมังกร กับไม่ไปเยี่ยมน้องคิมของผมที่เกาหลีเหนือ ดูเหมือนนายอาเบะนี่ แกจะชอบเข่าฝรั่งมากกว่าเข่าเอเซียด้วยกัน ข่าวว่า แกไปทำข้อตกลงความร่วมมือด้านความ มั่นคง กับออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และนาโต้ เรียบร้อยหมดแล้ว นับว่า สุดกร่าง CFR เป็นพี่เลี้ยง ที่ชำนาญการเลี้ยงเด็กสร้างจริงๆ

    การขยับดาบซามูไรของนายอาเบะในช่วงนั้น ทำให้สื่อคอการเมืองหันขวับ พาดหัวข่าวตัวโตว่า “Japan is back” ญี่ปุ่นกลับมาแล้ว กลับมาทำอะไร ตอนนั้นยังไม่มีใครตายาว มองเห็นว่า ญี่ปุ่น หรือนายอาเบะ มีแผนการอะไรกันแน่
    ระหว่างนั้น นายอาเบะ ก็ขยับงบประมาณด้านความมั่นคง ของประเทศ เขยิบขึ้นไปทุกปี และงบประมาณในปี 2015 สูงลิ่วไปถึง 4.98 ล้านล้านเย็น หรือ 4 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ เพื่อเตรียมจ่ายค่า เครื่องบินรบ เรือรบ ฯลฯ ที่พวกนายหน้าค้าอาวุธ (ต้ม) เตรียมไว้ให้

    งบประมาณสูงลิ่วนี้ มิได้ลอยมาง่ายๆ นายอาเบะ ต้องออกแรง ให้มีการตีความรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน

    นาย James R. Holmes ศาสตราจารย์ด้านการวางยุทธศาสตร์ของ Naval War College เขียนถึง ภารกิจแบกถาดของนายอาเบะไว้อย่างน่าคิด เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2015 หัวเรื่อง” This Brave New U.S – Japan Alliance”

    ” …นาย ชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางมาวอชิงตันสัปดาห์นี้ .. เป้าหมายหนึ่งคือ เพื่อมายกเครื่อง แนวทางความมั่นคงระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่น ซึ่งมีผลเกี่ยวกับการเมือง และการทหาร ของทั้ง 2 ประเทศ … ทั้ง 2 ฝ่ายสัญญากันว่า จะรักษาสันติภาพและความมั่นคงของญี่ปุนในทุกขั้นตอน รวมทั้งในสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ถูกโจมตีทางอาวุธ... ทั้งสองฝ่าย ตกลงว่า ต่างมีสิทธิที่จะตอบโต้ ผู้ที่ใช้อาวุธโจมตีอเมริกา หรือโจมตีประเทศอื่น ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่น และแม้ญี่ปุ่นเองจะไม่ได้ถูกโจมตีอย่างรุนแรง..”

    ท่านศาสตราจารย์มีความเห็นว่า ข้อตกลงแบบนี้ออกจะจืดชืด...ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น อย่างที่ตีปิ๊บกัน

    ท่าน ศจ ว่า การเป็นพันธมิตร มีหลายแบบ แบบเท่าเทียมกัน หรือแบบ who has the gold makes the rule ใครมีทองก็นับเป็นพี่ ซึ่งในความคิดของ ท่าน ศจ ว่า สัมพันธ์ วอชิงตัน-โตเกียวตั้งแต่ ค.ศ.1951 มาแล้ว เป็นแบบหลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา แม้อเมริกาจะเอาอดีตศัตรูมาเป็นพันธมิตร มันก็แค่เป็นการเอามาอยู่ใกล้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่า นักฆ่าจะไม่ฟื้นคืนชีพมากกว่า อเมริกาทำอย่างนั้น กับทั้งญี่ปุ่น และเยอรมัน … คุณป้าเข็มขัดเหล็กรับทราบด้วยนะครับ ว่าท่าน ศจ เขามองคุณป้าอย่างไร…

    ….ความคิดแบบนี้ ยังมีอยู่ตลอด ผู้คนยังจำได้เสมอ ถึงคำพูดอันโด่งดังของ Lord Ismay เลขาธิการนาโต้คนแรก ที่บอกว่า ..กลุ่มพันธมิตรแอตแลนติก Atlantic Alliance ยังมีอยู่ก็เพื่อ ให้อเมริกาคงอยู่ รัสเซียไป และเยอรมันล่ม the Americans in, the Russians out and the Germans down… เช่นเดียวกับ พันธมิตรของอเมริกา-ญี่ปุ่น ก็มีไว้ เพื่อให้อเมริกาคงอยู่ คอมมิวนิสต์ เช่นรัสเซีย จีน ไป และญี่ปุ่นล่ม…
    …อเมริกา ต้องการคุมญี่ปุ่น ไม่ให้เอาเงินไปสร้างกองทัพใหญ่โต ขณะเดียวกับรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ดันไปเดินประโคมข่าวในญี่ปุ่นว่า การปรับแนวทางด้านความมั่นคงใหม่ของญี่ปุ่นนี่ เยี่ยมยอด…. มันคงเยี่ยมจริง เพราะวอชิงตันยังไม่ต้องควักกระเป็าสักเหรียญเดียว แต่ญี่ปุ่นต้องแก้กฏหมายเกี่ยวกับการควบคุมงบประมาณด้านความมั่นคง ซึ่งกำหนดเพดานไว้ว่า ต้องไม่เกินกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี …. นี่แปลว่า อเมริกาเปลี่ยนใจเลิกคุมเข้มนักฆ่าแล้วหรือ เปล่าหรอก ท่าน ศจ บอกว่า อเมริกายังคุมญี่ปุ่นเข้มเหมือนเดิม ถึงจะสนับสนุนให้ญี่ปุ่นขยายกองกำลังอย่างไร สุดท้าย อเมริกาก็จะเป็นผู้ออกคำสั่งกับกองทัพญี่ปุ่นเอง … และไม่ว่า ต่อไปข้างหน้า ญี่ปุ่นจะมีเศรษฐกิจโตขี้นในเอเซียขนาดไหน เชื่อเถอะว่า วอชิงตัน ก็ยังมีวิธีคุมญี่ปุ่นได้อยู่ดี..

    … ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นความกล้าของทั้ง 2 ฝ่าย ที่เล่มเกมนี้กัน ก็หวังว่า ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมที่จะเล่นเกมนี้...ท่าน ศจ สรุป

    ท่าน ศจ นี่ เขียนได้กวนใจจริงๆ ชวนให้คิดว่า อเมริกาก็รู้ดีอยู่ว่า ญี่ปุ่นเองก็อาจคิดแหกคอก ถือโอกาสจากการที่อเมริกายกขึ้นเป็นหัวหมู่ สร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพื่อกลับมา เป็นญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ เหมือนสมัยสงครามโลก แต่ อเมริกาก็สนับสนุนให้ญี่ปุ่นทำ แสดงว่าอเมริกาน่าจะมีแผนสกัดสับคอ รออยู่ หรือหลอกให้ญี่ปุ่นลงเหวลึกไปเลย ญี่ปุ่นเอง ก็น่าจะรู้ว่าอเมริกาคิดกับตนเองอย่างไร รู้แล้วยังคิดแหกคอกไหม ถ้าคิดจะแหกคอก มันก็ต้องเล่นกันตอนนี้แหละ เนียนไปกับบทแบกถาด ถึงเวลาก็ค่อยโยนถาดทิ้ง

    แต่ไม่ว่าญี่ปุ่นจะคิดเล่นบทแบกถาด บริการอเมริกาต่อไป หรือคิดแหกคอก กลับมาสวมวิญญาณนักรบ หรือนักฆ่า เหมือนสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นก่อศัตรูคู่แค้นอย่าง จีน และเกาหลี ชนิดยากจะให้อภัยกัน ญี่ปุ่นก็ไม่เคยเป็นแบบอย่างของ การเป็นเพื่อนแท้กับใคร
    ปลาดิบ ทำจากปลาปักเป้า เขาว่าน่ากิน อร่อยหนักหนา มองไม่มีพิษ ไม่มีภัย แต่ถ้าเอาพิษปลาปักเป้าออกไม่เป็น คนกินก็ถูกนำส่งวัดมาหลายรายแล้ว

    สัมพันธ์ญี่ปุ่นอเมริกาน่าศึกษา และน่าจับตา ไม่ใช่เป็นเรื่องเข้าใจ และวางใจได้ง่ายๆ

    แต่ญี่ปุ่นคงต้องมีคุณสมบัติบางอย่าง ซึ่งเป็นที่น่าต้องการ ของผู้ที่มุ่งหมายจะให้การปฏิบัติภาระกิจสำเร็จลุล่วงอย่างไม่มีโอกาสพลาด เมื่อรับปากแล้วก็ต้องทำจนถึงที่สุด แม้ที่สุด จะหมายถึงจบชีวิต หรือความหายนะ มันคงเป็นนิสัยซามูไร ที่รับใช้ “นาย” จนถึงที่สุด หรืออย่างไร

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 3 “ซามูไรแบกถาด” ตอน 3 น่าสนใจว่า เมื่อนายอาเบะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ในปี ค.ศ.2012 นั้น เหมือนกับเขามากับภาระกิจพิเศษ รู้งานล่วงหน้าว่า จะต้องทำอะไรบ้าง และทำอะไรก่อนหลัง จากประเทศที่ประกาศตัวว่ารักสงบ และไม่ฝักฝ่ายการทำสงคราม เมื่อรับตำแหน่งใหม่ๆ นายอาเบะ ฉลองเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ด้วยการตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ National Security Council (NSC) ขึ้น เป็นครั้งแรกของญี่ปุ่น (หลังสงครามโลกครั้งที่ 2) ญี่ปุ่นใช้ สภาความมั่นคงของอเมริกา เป็นแม่แบบ และวัตถุประสงค์หลัก ของการจัดตั้ง NSC ตอนนึง ระบุว่า หนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุด ที่กระทบความมั่นคงของญี่ปุ่นคือ การเจริญเติบโตของจีน ญี่ปุ่นจะต้องมีนโยบายที่แก้ไขเรื่องนี้ อย่างครอบคลุมทุกด้าน ไม่ใช่แต่ทางวิธีการทูตเท่านั้น แต่จะต้องรวมนโยบายด้านการป้องกัน และการใช้นโยบายการค้า การเงิน และอื่นๆด้วย …สงสัยไอ้สุดกร่าง ช่วยร่างให้ เขียนแบบกร่างๆอย่างนี้…. หลังจากนั้น เขาเสนอกฏหมายเกี่ยวกับการรักษาความลับของชาติเข้าสภา ต่อมาก็จัดร่างยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติและ พยายามที่จะให้มีการตีความรัฐธรรมนูญ ขยายขอบเขตนิยาม การปกป้องตนเอง ของประเทศให้กว้างขวางขึ้น …นี่เดินตามพิมพ์เขียว ของใครนะ นอกจากนั้น นายอาเบะยังเดินสาย แวะไปจับเข่าถึง 49 เข่า 49 ประเทศ แน่นอน ยกเว้นไม่ไปแดนมังกร กับไม่ไปเยี่ยมน้องคิมของผมที่เกาหลีเหนือ ดูเหมือนนายอาเบะนี่ แกจะชอบเข่าฝรั่งมากกว่าเข่าเอเซียด้วยกัน ข่าวว่า แกไปทำข้อตกลงความร่วมมือด้านความ มั่นคง กับออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และนาโต้ เรียบร้อยหมดแล้ว นับว่า สุดกร่าง CFR เป็นพี่เลี้ยง ที่ชำนาญการเลี้ยงเด็กสร้างจริงๆ การขยับดาบซามูไรของนายอาเบะในช่วงนั้น ทำให้สื่อคอการเมืองหันขวับ พาดหัวข่าวตัวโตว่า “Japan is back” ญี่ปุ่นกลับมาแล้ว กลับมาทำอะไร ตอนนั้นยังไม่มีใครตายาว มองเห็นว่า ญี่ปุ่น หรือนายอาเบะ มีแผนการอะไรกันแน่ ระหว่างนั้น นายอาเบะ ก็ขยับงบประมาณด้านความมั่นคง ของประเทศ เขยิบขึ้นไปทุกปี และงบประมาณในปี 2015 สูงลิ่วไปถึง 4.98 ล้านล้านเย็น หรือ 4 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ เพื่อเตรียมจ่ายค่า เครื่องบินรบ เรือรบ ฯลฯ ที่พวกนายหน้าค้าอาวุธ (ต้ม) เตรียมไว้ให้ งบประมาณสูงลิ่วนี้ มิได้ลอยมาง่ายๆ นายอาเบะ ต้องออกแรง ให้มีการตีความรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน นาย James R. Holmes ศาสตราจารย์ด้านการวางยุทธศาสตร์ของ Naval War College เขียนถึง ภารกิจแบกถาดของนายอาเบะไว้อย่างน่าคิด เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2015 หัวเรื่อง” This Brave New U.S – Japan Alliance” ” …นาย ชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางมาวอชิงตันสัปดาห์นี้ .. เป้าหมายหนึ่งคือ เพื่อมายกเครื่อง แนวทางความมั่นคงระหว่างอเมริกากับญี่ปุ่น ซึ่งมีผลเกี่ยวกับการเมือง และการทหาร ของทั้ง 2 ประเทศ … ทั้ง 2 ฝ่ายสัญญากันว่า จะรักษาสันติภาพและความมั่นคงของญี่ปุนในทุกขั้นตอน รวมทั้งในสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ถูกโจมตีทางอาวุธ... ทั้งสองฝ่าย ตกลงว่า ต่างมีสิทธิที่จะตอบโต้ ผู้ที่ใช้อาวุธโจมตีอเมริกา หรือโจมตีประเทศอื่น ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่น และแม้ญี่ปุ่นเองจะไม่ได้ถูกโจมตีอย่างรุนแรง..” ท่านศาสตราจารย์มีความเห็นว่า ข้อตกลงแบบนี้ออกจะจืดชืด...ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น อย่างที่ตีปิ๊บกัน ท่าน ศจ ว่า การเป็นพันธมิตร มีหลายแบบ แบบเท่าเทียมกัน หรือแบบ who has the gold makes the rule ใครมีทองก็นับเป็นพี่ ซึ่งในความคิดของ ท่าน ศจ ว่า สัมพันธ์ วอชิงตัน-โตเกียวตั้งแต่ ค.ศ.1951 มาแล้ว เป็นแบบหลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา แม้อเมริกาจะเอาอดีตศัตรูมาเป็นพันธมิตร มันก็แค่เป็นการเอามาอยู่ใกล้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่า นักฆ่าจะไม่ฟื้นคืนชีพมากกว่า อเมริกาทำอย่างนั้น กับทั้งญี่ปุ่น และเยอรมัน … คุณป้าเข็มขัดเหล็กรับทราบด้วยนะครับ ว่าท่าน ศจ เขามองคุณป้าอย่างไร… ….ความคิดแบบนี้ ยังมีอยู่ตลอด ผู้คนยังจำได้เสมอ ถึงคำพูดอันโด่งดังของ Lord Ismay เลขาธิการนาโต้คนแรก ที่บอกว่า ..กลุ่มพันธมิตรแอตแลนติก Atlantic Alliance ยังมีอยู่ก็เพื่อ ให้อเมริกาคงอยู่ รัสเซียไป และเยอรมันล่ม the Americans in, the Russians out and the Germans down… เช่นเดียวกับ พันธมิตรของอเมริกา-ญี่ปุ่น ก็มีไว้ เพื่อให้อเมริกาคงอยู่ คอมมิวนิสต์ เช่นรัสเซีย จีน ไป และญี่ปุ่นล่ม… …อเมริกา ต้องการคุมญี่ปุ่น ไม่ให้เอาเงินไปสร้างกองทัพใหญ่โต ขณะเดียวกับรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ดันไปเดินประโคมข่าวในญี่ปุ่นว่า การปรับแนวทางด้านความมั่นคงใหม่ของญี่ปุ่นนี่ เยี่ยมยอด…. มันคงเยี่ยมจริง เพราะวอชิงตันยังไม่ต้องควักกระเป็าสักเหรียญเดียว แต่ญี่ปุ่นต้องแก้กฏหมายเกี่ยวกับการควบคุมงบประมาณด้านความมั่นคง ซึ่งกำหนดเพดานไว้ว่า ต้องไม่เกินกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี …. นี่แปลว่า อเมริกาเปลี่ยนใจเลิกคุมเข้มนักฆ่าแล้วหรือ เปล่าหรอก ท่าน ศจ บอกว่า อเมริกายังคุมญี่ปุ่นเข้มเหมือนเดิม ถึงจะสนับสนุนให้ญี่ปุ่นขยายกองกำลังอย่างไร สุดท้าย อเมริกาก็จะเป็นผู้ออกคำสั่งกับกองทัพญี่ปุ่นเอง … และไม่ว่า ต่อไปข้างหน้า ญี่ปุ่นจะมีเศรษฐกิจโตขี้นในเอเซียขนาดไหน เชื่อเถอะว่า วอชิงตัน ก็ยังมีวิธีคุมญี่ปุ่นได้อยู่ดี.. … ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นความกล้าของทั้ง 2 ฝ่าย ที่เล่มเกมนี้กัน ก็หวังว่า ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมที่จะเล่นเกมนี้...ท่าน ศจ สรุป ท่าน ศจ นี่ เขียนได้กวนใจจริงๆ ชวนให้คิดว่า อเมริกาก็รู้ดีอยู่ว่า ญี่ปุ่นเองก็อาจคิดแหกคอก ถือโอกาสจากการที่อเมริกายกขึ้นเป็นหัวหมู่ สร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพื่อกลับมา เป็นญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ เหมือนสมัยสงครามโลก แต่ อเมริกาก็สนับสนุนให้ญี่ปุ่นทำ แสดงว่าอเมริกาน่าจะมีแผนสกัดสับคอ รออยู่ หรือหลอกให้ญี่ปุ่นลงเหวลึกไปเลย ญี่ปุ่นเอง ก็น่าจะรู้ว่าอเมริกาคิดกับตนเองอย่างไร รู้แล้วยังคิดแหกคอกไหม ถ้าคิดจะแหกคอก มันก็ต้องเล่นกันตอนนี้แหละ เนียนไปกับบทแบกถาด ถึงเวลาก็ค่อยโยนถาดทิ้ง แต่ไม่ว่าญี่ปุ่นจะคิดเล่นบทแบกถาด บริการอเมริกาต่อไป หรือคิดแหกคอก กลับมาสวมวิญญาณนักรบ หรือนักฆ่า เหมือนสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นก่อศัตรูคู่แค้นอย่าง จีน และเกาหลี ชนิดยากจะให้อภัยกัน ญี่ปุ่นก็ไม่เคยเป็นแบบอย่างของ การเป็นเพื่อนแท้กับใคร ปลาดิบ ทำจากปลาปักเป้า เขาว่าน่ากิน อร่อยหนักหนา มองไม่มีพิษ ไม่มีภัย แต่ถ้าเอาพิษปลาปักเป้าออกไม่เป็น คนกินก็ถูกนำส่งวัดมาหลายรายแล้ว สัมพันธ์ญี่ปุ่นอเมริกาน่าศึกษา และน่าจับตา ไม่ใช่เป็นเรื่องเข้าใจ และวางใจได้ง่ายๆ แต่ญี่ปุ่นคงต้องมีคุณสมบัติบางอย่าง ซึ่งเป็นที่น่าต้องการ ของผู้ที่มุ่งหมายจะให้การปฏิบัติภาระกิจสำเร็จลุล่วงอย่างไม่มีโอกาสพลาด เมื่อรับปากแล้วก็ต้องทำจนถึงที่สุด แม้ที่สุด จะหมายถึงจบชีวิต หรือความหายนะ มันคงเป็นนิสัยซามูไร ที่รับใช้ “นาย” จนถึงที่สุด หรืออย่างไร สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 1
    “ซามูไรแบกถาด ”

    ตอน 1

    เรื่องโรฮิงญา เป็นเหมือนหนังขั้นรายการนะครับ ที่เจ้าของโรงฟอกย้อมยี่ห้อต่างๆ เขาเร่งใส่สีมาย้อมพวกเรา เพื่อสร้างประเด็นให้เราบ้าจี้ตาม และเขียนถึงกันทั้งวัน จนตัวด่างจากสีย้อมเละไปหมด แถมยืนงงและหลงทางตามที่เขาต้องการ จริงๆ ไม่ได้เป็นเรื่องตัดสินใจยาก หรือเป็นปัญหาใหญ่อะไรหนักหนา ใครที่เมตตาจิตสูง เห็นแล้วสงสาร ก็นึกเรื่องชาวนากับงูเห่าแล้วกัน น่าเลี้ยงไว้ดูเล่นนักหรือครับงูเห่าน่ะ เลิกบ้าจี้ตามสื่อฝรั่ง สื่อซื้อ สื่องี่เง่าบ้านเราได้แล้ว ไอ้พวกองค์กรอะไรมันสั่งให้เราสงสาร ก็ให้มันอุ้มไปเลี้ยงเอง โรฮิงญามันยังลอยเรืออยู่ทะเลนอกฝั่งเรา ก็ปล่อยให้มันลอยต่อไปแล้วกัน พูดเหมือนคนใจดำ แต่มันจำเป็น และลุงตู่คงจะมองออก เล่นเป็น

    วันนี้ เรามาคุยกันต่อ ถึงพวกที่ไม่ได้ลอยเรือ แต่ลอยฟ้ามาอยู่เต็มบ้านเราแล้ว ซักวันหนึ่ง อาจลุกขึ้นมามีพิษมากกว่างูเห่า ถ้ามันลุกขึ้นติดอาวุธกันหมด ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องจาก Grand Strategy ของสุดกร่าง CFR ที่ผมเล่าให้ฟังใน นิทานเรื่อง” แผนสอยมังกร” ดีไหมครับ

    Grand Strategy บอกว่า อเมริกาต้องมียุทธศาสตร์ ที่มีความเข้มข้นสูงสุด เพื่อเตรียมการสอย หรือสยบมังกร ที่โตเร็ว ใหญ่เร็ว จนอเมริกาทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ระดับใหญ่ยิ่งนี้ จำเป็นต้องจัดระเบียบลูกหาบแถวเอเซียเสียใหม่ อเมริกามอบหน้าที่ให้ญี่ปุ่นเป็นหัวหน้า หัวหมู่ทะลวงฟัน คุมลูกหาบของอเมริกาในภาคพื้นเอเซีย ซึ่งทุกราย ได้รับการติดยศติดอาวุธกันถ้วนหน้า เพื่อเตรียมตัวโซ้ยกับอาเฮีย แต่รายการนี้ คุณสมันน้อยไม่เกี่ยว ไอ้สุดกร่าง CFR มันไม่นับเราเป็นเพื่อน เป็นลูกหาบแล้ว ถือว่ามันเป็นฝ่ายตัดเราเองนะ ลุงตู่คร้าบ รับทราบด้วยนะคร้าบ มันตัดฉับเราเองนะ หมดเวรหมดกรรมกันแล้ว รีบไปทำบุญกรวดน้ำคว่ำขันให้มันด้วย แล้วอย่าไปใจอ่อนกับมันอีก จะมาขอยื้มใช้อะไร ก็ให้ไปใช้ที่อื่น ไปใช้ที่ญี่ปุ่นโน่นเลย ไปเลย
    Grand Strategy ไม่ได้เขียนออกมาขู่จีนเล่นๆ เขาเตรียมการตามแผนไว้ล่วงหน้าจนเกือบครบถ้วน เหลือแต่เอาผักชีมาโรยหลอกคนดูเท่านั้น จึงออกรายงานมาฟาดหน้าอาเฮีย เป็นการ “ท้าทาย” ยังไม่อยากใช้คำว่า ” ท้ารบ” เพราะไอ้นักล่าคงต้องการให้ฝั่งอาเฮียออกอาวุธก่อน

    หลังจาก Grand Strategy ออกมาไม่นานเท่าไหร่ พอให้ชาวบ้านรับรู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และจะมีแผนดำเนินการอย่างไรในเอเซีย นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซะ อาเบะ Shinzo Abe ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหมู่ ทะลวงฟัน ในแผนสอยมังกรของสุดกร่าง CFR ก็บังเอิญ ต้องเดินทางไปกรุงวอชิงตัน ในปลายเดือนเมษายน (2015) แหม วางบทให้ดาราออกฉากเป๊ะๆ สมกับเป็นเจ้าของโรงสร้างหนังฮอลลีวู้ด สุดยอดแห่งการฟอกย้อม ต้มตุ๋น (คนดู) จนเปื่อยทั้งโลกจริงๆ

    การไปอเมริกาของนายอาเบะครั้งนี้ ไม่ใช่ไปเยี่ยมเยียนธรรมดา มันเหมือนเป็นการไปสอบสัมภาษณ์ เพื่อเตรียมตัวเลื่อนชั้นของญี่ปุ่น จากลูกหาบที่ดีกว่าลูกหาบทั่วไปหน่อย เพราะยอมให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง มันปลูกดอกเห็ดเสียราบเป็นเมืองๆ ให้เลื่อนเป็นหัวหน้าลูกหาบหมายเลขหนี่งในเอเซียเลย ที่ไอ้นักล่าจะเมตตา ประทานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงเพิ่มเติมให้ โดยนายอาเบะ จะต้องไปบรรเลงให้รัฐสภาของอเมริกาฟัง ถึงสถานการณ์ในเอเซีย ในสายตาของญี่ปุ่น จริงๆก็คือไปพูดเกี่ยวกันจีนน่ะ ว่า น่ากลัว น่ารังเกียจอย่างไร รุกรานต่อความมั่นคงในภูมิภาคอย่าง ไร ไปด่าคนเอเซียด้วยกัน ผมดำตาตี่ด้วยกัน ให้ฝรั่งฟังนั่นแหละ มันถึงจะสมใจฝรั่ง และคราวนี้เขาว่า นายอาเบะ สอบสัมภาษณ์ แสดงสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษ ยาวหลายชั่วโมงด้วย เก่งจริงๆ

    ผลของการสอบสัมภาษณ์ ปรากฏว่า สื่อต่างพากันตบมือเป่าปากว่า นายอาเบะพูดดีเหลือหลาย ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การด่าจีนได้ผล ทำให้รัฐสภาของอเมริกานายใหญ่ ให้ความเห็นชอบต่อ “แนวทาง” การร่วมมือด้านความมั่นคง ระหว่างญี่ปุ่นกันอเมริกา US – Japan Joint Defense Guidelines ซึ่งสุดกร่าง CFR เตรียมไว้ให้นั่นแหละ
    แนวทาง หรือ Guidelines นี้ สร้างความตื่นเต้นสำหรับสำหรับผู้คนทั่วไป ที่ไม่รู้เบื้องหลัง และเบื้องหน้า เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงสถานะของญี่ปุ่นในด้านความมั่นคง หรือการทหาร แบบปฏิวัติ กลับหลังหัน หรือกลืนน้ำลายที่บ้วนไปแล้ว เรียกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แล้วแต่มุมมอง และอัธยาศัยของท่านผู้อ่าน

    นับแต่แพ้สงครามโลก ญี่ปุ่น ได้รับอนุญาตจากอเมริกาให้มีกองทัพได้ เพียงเพื่อเป็นการปกป้องตนเอง Japan Self- Defense Forces (JSDF) ในเฉพาะอาณาบริเวณ รอบๆประเทศญี่ปุ่น “area surrounding Japan” เท่านั้น แต่จากการไปสอบสัมภาษณ์ครั้งนี้ อเมริกาได้กลืนน้ำลาย ปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ ยอมให้ JSDF ของญี่ปุ่น ขยายกิจการ สามารถปฏิบัติการไปได้ “ทั่วโลก” ไม่ต้องจับเจ่า วิ่งวนอยู่แต่รอบเกาะญี่ปุ่นให้เวียนหัว… แน่จริงๆ คุณพี่อาเบะ แต่ผมสงสัย คุณพี่แกจะเข้าใจหรือเปล่านะว่า เขากำลังให้คุณพี่ทำอะไร

    มันจะสอบไม่ผ่าน ไม่ได้เลื่อนชั้นได้ยังไง ก็ทั้งคนสอบ คนตรวจข้อสอบ รู้ข้อสอบที่เขียนโดย สุดกร่าง CFR ล่วงหน้า อเมริกาจะให้ญี่ปุ่นเป็น หัวหมู่ทะลวงฟัน จะให้วิ่งจ๊องแจ๊งอยู่ระหว่างเกาะตัวเองจะไปทำอะไรได้ มันต้องให้วิ่งไปทุกย่านน้ำ เพื่อประกบหน้า ดักหลังจีนให้ครบ ทัพหลวงฝ่าด่านไหนไม่ได้ ให้คุณพี่อาเบะคุมทัพไปแทน มันต้องยั่งงี้ สื่อใส่สี ถึงกับออกปากว่า Guidelines นี้ เป็นเอกสารที่เป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ หรือปฏิรูปญี่ปุ่นที่เดียว a revolutionary document เล่นเอาวิญญานซามูไรหวนกลับ เดินหล่อกล้ามใหญ่ขึ้น เขาให้เอาไว้แบกถาดรับใช้เขาน่ะครับ
    ตามแนวทางใหม่นี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ John Kerry ( ผู้ซึ่งในสายตาของผม ช่างไร้เสน่ห์ และศิลปในทางเจรจาอย่างยิ่ง ยังไม่เคยสร้างความประทับใจให้ กับผมได้ ไม่ว่าทางบวก หรือทางลบ นอกจากสร้างความน่าเบื่อ) กับนาย Ashton Carter รัฐมนตรีกลาโหมมาดเสมียน ออกมาร่วมตีปิ๊บ กับรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น บอกว่า ….คราวนี้แหละ ญี่ปุ่น สามารถเข้ามาช่วยอเมริกาได้ แม้แต่ในการภาระกิจที่ตะวันออกกลาง ว่าเข้านั่น … เราไม่ได้ตั้งใจติดอาวุธให้ญี่ปุ่น เพื่อให้ไปรบกับจีนนะ แม้จะมีความน่าห่วงว่า จีนอาจจะเพิ่มความก่อกวนในทะเลจีนก็ตาม…เนี่ยะ มันพูดออกข่าวกันแบบนี้ จะให้ชื่นชมว่ามีศิลปในการเจรจา ไหวหรือครับ

    นอกจากนี้ ก๊วนตีปิ๊บ บอกอีกว่า … มันก็เป็นไปได้นะ ที่เกาหลีเหนือ ก็อาจจะเป็นอีกรายการหนึ่ง ที่สร้างความตึงเครียดให้กับภูมิภาค … นี่เป็นการพาดพิงถึงเกาหลีเหนือ ของน้องคิมของผม โดยไม่มีสาเหตุอันควรนะ ผมไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่น้องเขาจะคิดอย่างไร ผมไม่กล้าเดาใจเขา

    ลูกพี่พล่ามไม่พอ ลูกน้องก๊วนตีปิ๊บออกมาเสริมต่อ …ต่อไปนี้ ญี่ปุ่นจะสามารถปกป้องเรือรบของอเมริกัน ที่กำลังปฏิบัติภาระกิจ ยิงจรวดอยู่แถวนั้นก็ได้ …หมายความว่าอะไร เรือรบอเมริกาจะไปยิงจรวดใส่ใครอยู่แถวนั้น …แถวนั้น น่ะ แถวไหน

    ก๊วนตีปิ๊บยังเมามัน โม้ต่ออีกว่า …นอกจากญี่ปุ่น จะมีโอกาสตอบโต้ การโจมตีของประเทศที่สาม ถ้าเข้ามาใกล้ญี่ปุ่นแล้ว ….ความเป็นไปได้อีกอย่าง คือ ญี่ปุ่นอาจยิงจรวด ที่มีการมุ่งเป้าไปที่อเมริกา.. แม้ว่าญี่ปุ่นเอง จะไม่ได้ถูกโจมตี….

    อืม.. ไอ้นักล่าใบตองแห้งนี่มันร้ายจริงๆ มันหลอกยกญี่ปุ่นขึ้นแท่น ติดอาวุธ นอกจากคอยแบกถาดเดินตามบริการ จัดการสาระพัดที่ไอ้นักล่าจะสั่งแล้ว หัวหมู่ยังต้องทำหน้าที่เป็นยาม คอยเฝ้าดูมังกรขยับตัวให้มัน และนอกจากเฝ้าจีนแล้ว แต่ที่หัวหมู่จะต้องเฝ้ามอง แบบตาไม่กระพริบ น่าจะเป็นจรวด จากเกาหลีเหนือมากกว่า เพราะอยู่ใกล้กันแค่นั้น กลัวเขาจะส่งของขวัญ ข้ามน้ำข้ามทะเล มาลงกลางหลังคาทำเนียบขาว ..แบบไม่รู้ตัว หรือรู้ … แต่ ก็ทำอะไรไม่ทัน …..คุณพี่อาเบะทราบไหมครับ รับทำหน้าที่แบบนี้ แล้วดันเกิดผลฉิบหายในบ้านตัวเองแทน ประกันเขาไม่จ่ายให้นะครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 พ.ค. 2558
    ซามูไรแบกถาด ตอนที่ 1 “ซามูไรแบกถาด ” ตอน 1 เรื่องโรฮิงญา เป็นเหมือนหนังขั้นรายการนะครับ ที่เจ้าของโรงฟอกย้อมยี่ห้อต่างๆ เขาเร่งใส่สีมาย้อมพวกเรา เพื่อสร้างประเด็นให้เราบ้าจี้ตาม และเขียนถึงกันทั้งวัน จนตัวด่างจากสีย้อมเละไปหมด แถมยืนงงและหลงทางตามที่เขาต้องการ จริงๆ ไม่ได้เป็นเรื่องตัดสินใจยาก หรือเป็นปัญหาใหญ่อะไรหนักหนา ใครที่เมตตาจิตสูง เห็นแล้วสงสาร ก็นึกเรื่องชาวนากับงูเห่าแล้วกัน น่าเลี้ยงไว้ดูเล่นนักหรือครับงูเห่าน่ะ เลิกบ้าจี้ตามสื่อฝรั่ง สื่อซื้อ สื่องี่เง่าบ้านเราได้แล้ว ไอ้พวกองค์กรอะไรมันสั่งให้เราสงสาร ก็ให้มันอุ้มไปเลี้ยงเอง โรฮิงญามันยังลอยเรืออยู่ทะเลนอกฝั่งเรา ก็ปล่อยให้มันลอยต่อไปแล้วกัน พูดเหมือนคนใจดำ แต่มันจำเป็น และลุงตู่คงจะมองออก เล่นเป็น วันนี้ เรามาคุยกันต่อ ถึงพวกที่ไม่ได้ลอยเรือ แต่ลอยฟ้ามาอยู่เต็มบ้านเราแล้ว ซักวันหนึ่ง อาจลุกขึ้นมามีพิษมากกว่างูเห่า ถ้ามันลุกขึ้นติดอาวุธกันหมด ซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องจาก Grand Strategy ของสุดกร่าง CFR ที่ผมเล่าให้ฟังใน นิทานเรื่อง” แผนสอยมังกร” ดีไหมครับ Grand Strategy บอกว่า อเมริกาต้องมียุทธศาสตร์ ที่มีความเข้มข้นสูงสุด เพื่อเตรียมการสอย หรือสยบมังกร ที่โตเร็ว ใหญ่เร็ว จนอเมริกาทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ระดับใหญ่ยิ่งนี้ จำเป็นต้องจัดระเบียบลูกหาบแถวเอเซียเสียใหม่ อเมริกามอบหน้าที่ให้ญี่ปุ่นเป็นหัวหน้า หัวหมู่ทะลวงฟัน คุมลูกหาบของอเมริกาในภาคพื้นเอเซีย ซึ่งทุกราย ได้รับการติดยศติดอาวุธกันถ้วนหน้า เพื่อเตรียมตัวโซ้ยกับอาเฮีย แต่รายการนี้ คุณสมันน้อยไม่เกี่ยว ไอ้สุดกร่าง CFR มันไม่นับเราเป็นเพื่อน เป็นลูกหาบแล้ว ถือว่ามันเป็นฝ่ายตัดเราเองนะ ลุงตู่คร้าบ รับทราบด้วยนะคร้าบ มันตัดฉับเราเองนะ หมดเวรหมดกรรมกันแล้ว รีบไปทำบุญกรวดน้ำคว่ำขันให้มันด้วย แล้วอย่าไปใจอ่อนกับมันอีก จะมาขอยื้มใช้อะไร ก็ให้ไปใช้ที่อื่น ไปใช้ที่ญี่ปุ่นโน่นเลย ไปเลย Grand Strategy ไม่ได้เขียนออกมาขู่จีนเล่นๆ เขาเตรียมการตามแผนไว้ล่วงหน้าจนเกือบครบถ้วน เหลือแต่เอาผักชีมาโรยหลอกคนดูเท่านั้น จึงออกรายงานมาฟาดหน้าอาเฮีย เป็นการ “ท้าทาย” ยังไม่อยากใช้คำว่า ” ท้ารบ” เพราะไอ้นักล่าคงต้องการให้ฝั่งอาเฮียออกอาวุธก่อน หลังจาก Grand Strategy ออกมาไม่นานเท่าไหร่ พอให้ชาวบ้านรับรู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และจะมีแผนดำเนินการอย่างไรในเอเซีย นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซะ อาเบะ Shinzo Abe ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหมู่ ทะลวงฟัน ในแผนสอยมังกรของสุดกร่าง CFR ก็บังเอิญ ต้องเดินทางไปกรุงวอชิงตัน ในปลายเดือนเมษายน (2015) แหม วางบทให้ดาราออกฉากเป๊ะๆ สมกับเป็นเจ้าของโรงสร้างหนังฮอลลีวู้ด สุดยอดแห่งการฟอกย้อม ต้มตุ๋น (คนดู) จนเปื่อยทั้งโลกจริงๆ การไปอเมริกาของนายอาเบะครั้งนี้ ไม่ใช่ไปเยี่ยมเยียนธรรมดา มันเหมือนเป็นการไปสอบสัมภาษณ์ เพื่อเตรียมตัวเลื่อนชั้นของญี่ปุ่น จากลูกหาบที่ดีกว่าลูกหาบทั่วไปหน่อย เพราะยอมให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง มันปลูกดอกเห็ดเสียราบเป็นเมืองๆ ให้เลื่อนเป็นหัวหน้าลูกหาบหมายเลขหนี่งในเอเซียเลย ที่ไอ้นักล่าจะเมตตา ประทานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงเพิ่มเติมให้ โดยนายอาเบะ จะต้องไปบรรเลงให้รัฐสภาของอเมริกาฟัง ถึงสถานการณ์ในเอเซีย ในสายตาของญี่ปุ่น จริงๆก็คือไปพูดเกี่ยวกันจีนน่ะ ว่า น่ากลัว น่ารังเกียจอย่างไร รุกรานต่อความมั่นคงในภูมิภาคอย่าง ไร ไปด่าคนเอเซียด้วยกัน ผมดำตาตี่ด้วยกัน ให้ฝรั่งฟังนั่นแหละ มันถึงจะสมใจฝรั่ง และคราวนี้เขาว่า นายอาเบะ สอบสัมภาษณ์ แสดงสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษ ยาวหลายชั่วโมงด้วย เก่งจริงๆ ผลของการสอบสัมภาษณ์ ปรากฏว่า สื่อต่างพากันตบมือเป่าปากว่า นายอาเบะพูดดีเหลือหลาย ถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การด่าจีนได้ผล ทำให้รัฐสภาของอเมริกานายใหญ่ ให้ความเห็นชอบต่อ “แนวทาง” การร่วมมือด้านความมั่นคง ระหว่างญี่ปุ่นกันอเมริกา US – Japan Joint Defense Guidelines ซึ่งสุดกร่าง CFR เตรียมไว้ให้นั่นแหละ แนวทาง หรือ Guidelines นี้ สร้างความตื่นเต้นสำหรับสำหรับผู้คนทั่วไป ที่ไม่รู้เบื้องหลัง และเบื้องหน้า เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงสถานะของญี่ปุ่นในด้านความมั่นคง หรือการทหาร แบบปฏิวัติ กลับหลังหัน หรือกลืนน้ำลายที่บ้วนไปแล้ว เรียกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น แล้วแต่มุมมอง และอัธยาศัยของท่านผู้อ่าน นับแต่แพ้สงครามโลก ญี่ปุ่น ได้รับอนุญาตจากอเมริกาให้มีกองทัพได้ เพียงเพื่อเป็นการปกป้องตนเอง Japan Self- Defense Forces (JSDF) ในเฉพาะอาณาบริเวณ รอบๆประเทศญี่ปุ่น “area surrounding Japan” เท่านั้น แต่จากการไปสอบสัมภาษณ์ครั้งนี้ อเมริกาได้กลืนน้ำลาย ปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ ยอมให้ JSDF ของญี่ปุ่น ขยายกิจการ สามารถปฏิบัติการไปได้ “ทั่วโลก” ไม่ต้องจับเจ่า วิ่งวนอยู่แต่รอบเกาะญี่ปุ่นให้เวียนหัว… แน่จริงๆ คุณพี่อาเบะ แต่ผมสงสัย คุณพี่แกจะเข้าใจหรือเปล่านะว่า เขากำลังให้คุณพี่ทำอะไร มันจะสอบไม่ผ่าน ไม่ได้เลื่อนชั้นได้ยังไง ก็ทั้งคนสอบ คนตรวจข้อสอบ รู้ข้อสอบที่เขียนโดย สุดกร่าง CFR ล่วงหน้า อเมริกาจะให้ญี่ปุ่นเป็น หัวหมู่ทะลวงฟัน จะให้วิ่งจ๊องแจ๊งอยู่ระหว่างเกาะตัวเองจะไปทำอะไรได้ มันต้องให้วิ่งไปทุกย่านน้ำ เพื่อประกบหน้า ดักหลังจีนให้ครบ ทัพหลวงฝ่าด่านไหนไม่ได้ ให้คุณพี่อาเบะคุมทัพไปแทน มันต้องยั่งงี้ สื่อใส่สี ถึงกับออกปากว่า Guidelines นี้ เป็นเอกสารที่เป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ หรือปฏิรูปญี่ปุ่นที่เดียว a revolutionary document เล่นเอาวิญญานซามูไรหวนกลับ เดินหล่อกล้ามใหญ่ขึ้น เขาให้เอาไว้แบกถาดรับใช้เขาน่ะครับ ตามแนวทางใหม่นี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ John Kerry ( ผู้ซึ่งในสายตาของผม ช่างไร้เสน่ห์ และศิลปในทางเจรจาอย่างยิ่ง ยังไม่เคยสร้างความประทับใจให้ กับผมได้ ไม่ว่าทางบวก หรือทางลบ นอกจากสร้างความน่าเบื่อ) กับนาย Ashton Carter รัฐมนตรีกลาโหมมาดเสมียน ออกมาร่วมตีปิ๊บ กับรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น บอกว่า ….คราวนี้แหละ ญี่ปุ่น สามารถเข้ามาช่วยอเมริกาได้ แม้แต่ในการภาระกิจที่ตะวันออกกลาง ว่าเข้านั่น … เราไม่ได้ตั้งใจติดอาวุธให้ญี่ปุ่น เพื่อให้ไปรบกับจีนนะ แม้จะมีความน่าห่วงว่า จีนอาจจะเพิ่มความก่อกวนในทะเลจีนก็ตาม…เนี่ยะ มันพูดออกข่าวกันแบบนี้ จะให้ชื่นชมว่ามีศิลปในการเจรจา ไหวหรือครับ นอกจากนี้ ก๊วนตีปิ๊บ บอกอีกว่า … มันก็เป็นไปได้นะ ที่เกาหลีเหนือ ก็อาจจะเป็นอีกรายการหนึ่ง ที่สร้างความตึงเครียดให้กับภูมิภาค … นี่เป็นการพาดพิงถึงเกาหลีเหนือ ของน้องคิมของผม โดยไม่มีสาเหตุอันควรนะ ผมไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่น้องเขาจะคิดอย่างไร ผมไม่กล้าเดาใจเขา ลูกพี่พล่ามไม่พอ ลูกน้องก๊วนตีปิ๊บออกมาเสริมต่อ …ต่อไปนี้ ญี่ปุ่นจะสามารถปกป้องเรือรบของอเมริกัน ที่กำลังปฏิบัติภาระกิจ ยิงจรวดอยู่แถวนั้นก็ได้ …หมายความว่าอะไร เรือรบอเมริกาจะไปยิงจรวดใส่ใครอยู่แถวนั้น …แถวนั้น น่ะ แถวไหน ก๊วนตีปิ๊บยังเมามัน โม้ต่ออีกว่า …นอกจากญี่ปุ่น จะมีโอกาสตอบโต้ การโจมตีของประเทศที่สาม ถ้าเข้ามาใกล้ญี่ปุ่นแล้ว ….ความเป็นไปได้อีกอย่าง คือ ญี่ปุ่นอาจยิงจรวด ที่มีการมุ่งเป้าไปที่อเมริกา.. แม้ว่าญี่ปุ่นเอง จะไม่ได้ถูกโจมตี…. อืม.. ไอ้นักล่าใบตองแห้งนี่มันร้ายจริงๆ มันหลอกยกญี่ปุ่นขึ้นแท่น ติดอาวุธ นอกจากคอยแบกถาดเดินตามบริการ จัดการสาระพัดที่ไอ้นักล่าจะสั่งแล้ว หัวหมู่ยังต้องทำหน้าที่เป็นยาม คอยเฝ้าดูมังกรขยับตัวให้มัน และนอกจากเฝ้าจีนแล้ว แต่ที่หัวหมู่จะต้องเฝ้ามอง แบบตาไม่กระพริบ น่าจะเป็นจรวด จากเกาหลีเหนือมากกว่า เพราะอยู่ใกล้กันแค่นั้น กลัวเขาจะส่งของขวัญ ข้ามน้ำข้ามทะเล มาลงกลางหลังคาทำเนียบขาว ..แบบไม่รู้ตัว หรือรู้ … แต่ ก็ทำอะไรไม่ทัน …..คุณพี่อาเบะทราบไหมครับ รับทำหน้าที่แบบนี้ แล้วดันเกิดผลฉิบหายในบ้านตัวเองแทน ประกันเขาไม่จ่ายให้นะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 5

    A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน

    เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง

    เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่
    ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน

    ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ”

    ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก

    เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง

    อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย !

    ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง
    อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้

    แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน

    สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้

    สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน
    แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย

    #####
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร”

    ตอน 6 (จบ)
    (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)

    ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy

    แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy

    อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ

    ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน

    อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น

    อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ
    Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร

    และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ

    นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม

    สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2

    สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ

    อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร

    Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า
    จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว

    ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ)

    ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ

    อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว

    ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร

    Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้
    และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก

    แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2

    การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น

    อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้

    อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ
    ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ

    แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่
    หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน

    ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    16 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 5 A2/AD หรือ anti access/area-denial เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ในป้องกันประเทศจาก การรุกราน หรือรุกล้ำของศัตรู หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา โดยการกำหนดเขต หรือบริเวณหวงห้าม ที่ต้องได้รับอนุญาต และแสดงตนก่อนเข้าเขต มิฉะนั้น เจ้าของเขตหวงห้ามหรือบริเวณ สามารถระงับการผ่านเข้าเขตได้ ด้วยกำลังอาวุธ ที่มีทั้งแบบใช้เดี่ยว และใช้เป็นระบบหลายประเภทร่วมกัน เมื่อมีข่าวออกมาประมาณปี ค.ศ.2012 ว่า จีนคิดใช้ยุทธศาสตร์นี้ แทบไม่มีใครสนใจไม่มีใครให้ราคา โดยเฉพาะอเมริกา เพราะการจะใช้ระบบ A2/AD ให้ได้ผลจริงๆ ต้องมีระบบ(อาวุธ)ป้องกันการละเมิด การรุกราน ครบชุด ทั้งใต้ดิน บนดิน บนฟ้า และต้องมีระบบนี้จำนวนมากพอ ถึงจะป้องกันได้จริงจัง ซึ่งอเมริกาคิดว่า จีนไม่มีทางทำได้สำเร็จ ไม่ว่าด้านความสามารถในการคิดค้นระบบ ความสามารถทางทหาร และความสามารถในงบประมาณ เพราะอเมริกา ประกาศเสมอว่า งบประมาณด้านความมั่นคงของอเมริกานั้น ก้อนใหญ่กว่าจีนหลายเท่านัก ขนาดนั้นยังไม่แน่ว่า อเมริกาจะมีระบบนี้ใช้ได้ครบเครื่อง เมื่อตอนที่อเมริกาและนาโต้ ขนโขยงทั้งทหารจริงและทหารรับจ้าง ไปบดขยี้กัดดาฟี่ที่ลิเบีย ในปี ค.ศ. 2011 นั้น ยังไม่มีใครใช้ระบบ A2/AD อย่างน้อย แถวนั้นก็ยังไม่มีใครใช้ ทำให้การขนพลขยี้โดยเรือรบ และเรือดำน้ำ ผ่านเข้าไปในลิเบีย จากฝั่งทะเลด้านเหนือของอาฟริกา รอดพ้นจากการต้อนรับ ด้วยเครื่องบินรบหรือจรวด ซึ่งจะมีพร้อมในระบบป้องกันของ A2/AD แต่วันฤกษ์สะดวกของเพชรฆาตเช่นวันนั้น สำหรับอเมริกา อาจจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นอีกแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ง่าย ถ้าอเมริกาคิดจะยกพลไปขยี้จีน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติการกับกัดดาฟี่ ประมาณ 15 ปีมาแล้ว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีคลินตัน ขวัญใจเด็กฝึกงาน สั่งให้เรือรบ USS Independence กับเรือรบ USS Nimitz ขนกำลังทหาร ไปที่ช่องแคบไต้หวัน จ่อตรงหน้าประตูบ้านอาเฮีย เพื่อขู่ไม่ให้จีนมายุ่งกับไต้หวัน เรื่องแบบนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นอีก เพราะนับแต่วันที่จีนถูกอเมริกามาหยามถึงหน้าประตูบ้านเช่นนั้น จีนก็คร่ำเคร่ง ปรับปรุงระบบ A2/AD ของตนให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน ข่าวว่า ขณะนี้ระบบ A2/AD ของจีน เมื่อใช้ร่วมกับระบบดาวเทียม ความแม่นยำในการสกัด สิ่งเล็ก สิ่งใหญ่ ที่จะเล็ดลอดผ่านเข้ามาในเขตแดนของจีน ไม่ว่าจะเป็นธิเบต ซินเจียง ช่องแคบไต้หวัน และบริเวณทะเลจีน ฯลฯ จีนบอกว่า “น่าจะใช้การได้นะ” ใช้ได้จริงหรือเปล่า และเชื่อได้แค่ไหน ผมคงตอบไม่ได้ แต่คนที่ดูเหมือนจะตอบได้ น่าจะเป็นไอ้สุดกร่าง CFR นั่นแหละ ที่เป็นคนประทับตรารับรองให้จีน ไม่งั้นคงไม่ออก ใบประกาศ ให้ไว้ในรายงาน Grand Strategy นั้นหรอก เรากลับไปดู Grand Strategy ของสุดกร่างกันอีกที เพื่อจะตรวจสอบ “อาการ” จริงของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อย่างน้อยเกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่มีข่าวในปี 2012 ว่าจีนใช้ระบบ A2/AD และนับตั้งแต่นั้น ยังไม่มีข่าวออกมาว่า อเมริกาจัดการถล่มระบบนี้ของจีนได้ ในทางตรงกันข้าม กลับมีข่าวว่า รัสเซีย และ จีน ได้ทดสอบการสยบการเคลื่อนไหว เครื่องบินรบ และเรือรบของอเมริกา ในน่านน้ำ และน่านฟ้า เขตของจีนและบริเวณรัสเซียอยู่หลายครั้ง และทุกครั้ง ฝ่ายอเมริกาจะออกมาให้ข่าวว่า เป็นเรื่องการปล่อยโคมลอยเสมอ แต่คราวนี้ สุดกร่างรับรองให้จีนเอง ในรายงาน Grand Strategy เตรียมพร้อมทั้งตัวเอง และลูกหาบให้รับมือกับระบบ A2/AD ของอาเฮีย ! ตกลง Grand Strategy นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่ มัน Grand ตรงไหนนะ นอกจากหลอกด่าจีนและพวก จนหมดสีหมดไข่ไปแยะ อวดใหญ่คุยโว ว่ามีเด็กอยู่เต็มในกระเป๋า เดี๋ยวจะเอาของขวัญวันเด็ก แจกให้เด็กๆเอาไปเล่นกะอาเฮีย แต่ขณะเดียวกัน ก็บ่นว่ารัฐสภาต้องเพิ่มงบด้านความมั่นคงให้ อ้าว แล้วงี้จะเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อของขวัญแจกเด็ก สงสัยเด็กๆ มีหวังได้ของขวัญ ประเภทเขาตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถึงเอามาแจก มันดูเหมือนจะบรรยายความขัดกันเอง อเมริกาคิดอะไร จึงปล่อยให้ CFR ออกรายงานนี้ เนื้อความแบบนี้ มาในจังหวะช่วงเดือนกว่ามานี้ แถมในตอนสรุป สุดกร่างบอกว่า เชื่อว่าผู้อ่านรายงานนี้ คงมีปฏิกิริยาต่างๆกัน หลายคนคงบอกว่า รายงานนี้จะเป็นการยั่วยุจีน สุดกร่างบอก จีนคงมีปฏกิริยาแน่ แต่ถึงมี ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงรายงาน หรือเปลี่ยนใจอะไร เพราะยังไงเราก็ต้องทำรายงานแบบนี้ และแนะนำให้ดำเนินการตามที่เราเสนออยู่ดี บางคนว่า เรามองจีนในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ไม่เลย เราแน่ใจว่า เรามองอย่างตรงไปตรงมาที่สุด จากพฤติกรรมของจีนเอง นี่เรายังไม่ได้ใส่ลงไปนะ ว่าถ้าจีนเกิดเลียนแบบ พฤติกรรมของสหภาพโซเวียต ซึ่งเราคาดว่า จีนอาจจะทำ เรายิ่งต้องมองไปถึงเรื่องการปิดล้อมจีนเสียด้วยซ้ำ (containment) อย่านึกว่า ถ้าเราคิดปิดล้อมจีน จะไม่มีชาติเอเซียไม่เอาด้วยนะ และบางคนถามว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดผลที่มีความหมายอะไรไหม (meaningful result) สุดกร่างบอก อย่าไปคิดเล้ย เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่จีนคิดอยากเป็นขั้วอำนาจในเอเซียแทนที่อเมริกาอย่างนี้ มันจะมีผลมีดอกอะไรกัน สุดกร่างชักเบื่อ ถามทำไม คำถามพวกนี้ สิ่งที่สำคัญคือ จีนจะมีปฏิกิริยาตอบรับกับ Grand Strategy ของเรา อย่างไรมากกว่า … ใช่แล้ว อย่าว่าแต่เอ็งเลย ไอ้กร่าง ผมก็อยากรู้ สุดกร่าง ยังกร่างไม่หยุด ผมต้องยอมมัน มันขอแถมท้ายว่า เรื่องทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับท่านประธานาธิบดีโอบามานั่นแหละครับ ท่านโอ ท่านดำเนินนโยบายแบบเมตตาต่อจีน มาตลอด เพราะท่านโอ รวมทั้งรัฐบาลก่อนๆ วิเคราะห์จีนผิดหมด ไปมองว่าจีนคิดแต่ค้าขาย ไม่ได้เฉลียวฉลาดมองว่า ที่แท้จีนกำลังวัดรอยเท้าท่านอย่างใกล้ชิด กะจะใส่รองเท้าเบอร์เดียว แบบเดียวกะท่านเลย แล้วทีมงานของท่านโอ ก็ดีแต่คิดนโยบายที่จะร่วมมือกับจีน แทนที่จะคิดนโยบายขวางกั้น มาถึงตอนนี้ ก็ต้องวัดขนาดของหัวใจของท่านโอแล้วละครับว่า อเมริกาคิดจะเล่นการเมืองระดับโลกกับจีนแบบไหน มีความกล้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาขนาดไหน แม่จ้าวโว้ย ต้องยอมรับว่า สุดกร่างมันใหญ่จริง มันคือตัวจริงเสียงจริง ของไอ้นักล่าใบตองแห้งเลย ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ##### นิทานเรื่องจริง เรื่อง”แผนสอยมังกร” ตอน 6 (จบ) (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน) ลองไล่เรียงดูไทม์ไลน์ รายงาน Grand Strategy เขียนเสร็จ เมื่อปลายเดือนมีนาคม กลางเดือนเมษายน ปล่อยเอกสารออกมาให้อ่าน เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน Wall Sreet Journal ลงข่าวเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า นาย Ash Carter รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของนักล่าใบตองแห้ง แต่มาดออกไปทางเสมียน เตรียมเสนอให้กองทัพของอเมริกาใช้เรือรบ และเครื่องบินรบ ไปสำแดงแสนยานุภาพ ในแถบทะเลจีนที่มีข้อพิพาท เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า ต้องมีเสรีภาพในการเดินเรือในแถบนั้น ข้อเสนอ ของพณท่านรัฐมนตรีมาดเสมียน เป็นไปตามข้อเสนอ 1 ใน 8 ข้อ ของ Grand Strategy แปลว่า อเมริกาน่าจะเห็นด้วย และเอาจริงกับแผนตาม Grand Strategy อเมริกาเอาจริงขนาดไหนล่ะ ตอนนี้ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากแล้วใช่ไหม ถ้าคิดแบบนั้นแปลว่าไม่รู้จักอเมริกาจริง ขนาดหัวใจของนายโอบามาใหญ่กว่าปากมาตั้งแต่ต้น อาจจะตั้งแต่วันรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก มันถึงเล่นบทได้เนียน อเมริกา “พร้อมรบ ” จีนและพวก แน่นอนครับ เพียงแต่จะรบอย่างไร และเมื่อไหร่เท่านั้น อเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียตำแหน่งมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกให้แก่จีนอย่างเด็ดขาด ความคิดของอเมริกาวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับความคิดของอังกฤษเมื่อ 100 ปีก่อน ที่อังกฤษกลัวเยอรมันโตแซงหน้า และขึ้นมาเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกแทน แม้ตอนนั้นอังกฤษจะกระเป๋าแห้ง ซึ่งก็ไม่ต่างกับอเมริกาตอนนี้ ที่เศรษฐกิจก็กำลังถลาลง ถูกคู่แข่ง ไล่ตี ไล่ต้อนดอลล่าร์สาระพัดรูปแบบ Grand Strategy ไม่ได้เขียนให้นายโอบามาอ่าน Grand Strategy เขียนให้จีน พวกจีน และชาวโลกอย่างเราๆอ่าน ให้รู้ว่า อเมริกาคิดอย่างไรกับจีน และคิดจะจัดการอย่างไรกับจีน อเมริการังเกียจ อิจฉา ดูถูกจีน เหมือนกับอังกฤษมองเยอรมันและรัสเซียเมื่อ 100 ปีก่อนยังไง (และตอนนี้ก็ยังมองอย่างนั้นอยู่ ) ก็เช่นเดียวกันกับที่อเมริกามองจีนตอนนี้ และอีก 100 ปีข้างหน้า อเมริกา ก็คงไม่เปลี่ยนการมองจีน อเมริกามองจีนว่า ไม่เท่าเทียมกับอเมริกาเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้จีนเป็นมังกรลอยละล่องอยู่บนฟ้า เหนือกว่าอินทรีย์ได้อย่างไร และอย่าลืมว่า Grand Strategy เขียนโดยถังขยะความคิด CFR ซึ่งเป็นผลผลิต ของกลุ่มผู้สร้างละครลวงโลก ต้มข้ามศตวรรษ นายโอบามา ก็ไม่ต่างกับประธานาธิบดีวิลสันของอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เล่นบทเป็นผู้รักสันติภาพ ไม่พาประเทศเข้าสู่สงคราม ขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาอัน “เหมาะสม” อเมริกา ก็พร้อมที่จะประกาศสงคราม สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้าย อเมริกาเป็นพระเอก ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซีย ออตโตมานเป็นเหยื่ออันดับ 1 ยุโรปเป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเป็นผู้นำ เยอรมันเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ญี่ปุ่น(พร้อมใจรับบท) เป็นผู้ร้ายอันดับ 2 อเมริกาเป็นพระเอกตลอดกาล ยิวเป็นตัวกระตุ้น รัสเซียเป็นเหยื่อตลอดกาลอันดับ 1 ยุโรป เป็นเหยื่ออันดับ 2 สงครามโลกครั้งที่ 3 !?! จะหน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ร้าย ใครจะเป็นพระเอก ใครจะเป็นเหยื่อ อเมริกา “พร้อมรบ” กับจีน แต่อเมริกาจะรบกับจีนอย่างไร Major Christopher J McCarthy แห่งกองทัพอากาศ ได้เขียนบทความเรื่อง Anti-Acess/Area Denial : The Evolution of Modern Warfare ซึ่งระบุไว้ตอนหนึ่งว่า จีนวางยุทธศาสตร์ A2/AD ได้เข้าท่ามาก ด้วยการดักทางอเมริกา ตั้งแต่โอกินาวาถึงกวม จีนมีจรวดพิสัยใกล้ และกลาง สำหรับระงับการยกพลมาจากโอกินาวา และจากการศึกษาของฝ่ายอเมริกา ล่าสุดบอกว่า จรวดสกัดสำหรับระยะทางยาวถึงกวม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับจีนเช่นกัน แต่สำหรับอเมริกา ซึ่งถนัดในการใช้ยุทธศาสตร์ Air Sea Battle เคลื่อนกำลังทางเรือและโจมตีทางเครื่องบิน ถ้าอเมริกา ไม่สามารถใช้ฐานทัพที่โอกินาวา การเคลื่อนพลจากกวม ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก เพื่อมาต่อสู้กับจีน ก็น่าจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากกวมต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากโอกินาวาด้วย แปลว่าระบบ A2/AD ในปัจจุบันของจีน น่าจะสามารถสะกัดการเคลื่อนพลของอเมริกามาสู่จีน ทางแปซิฟิกได้เรียบร้อยแล้ว ตัวช่วยที่อเมริกาเคยเลือกไว้ และแน่ใจว่าอยู่ในกระเป๋าอเมริกามาตลอดเวลา คือ ไทยแลนด์ นี่แหละ ที่อเมริกาจะใช้เป็นฐานส่งกำลังพล และกำลังบำรุง ที่อเมริกาจะเคลื่อนมาไม่ว่าจากด้านแปซิฟิก หรือจากด้านมหาสมุทรอินเดีย อเมริกาจึงต้องจับมืออินเดียไว้ให้แน่นเช่นกัน แต่วันนี้ สัมพันธ์ไทย-อเมริกาไม่เหมือนเดิม แผนอเมริกาที่จะใช้ไทย จะเหมือนเดิมหรือไม่ และถ้าใช้ไม่ได้อเมริกาจะ “จัดการ” กับไทยอย่างไร (ไทยจะอยู่ในสถานะลำบาก ยอมอเมริกา ก็เจอ A2/AD จากจีน ไม่ยอมอเมริกา ก็คงจะได้รับของขวัญบ่อยๆ) ถ้าเป็นเช่นนั้น อเมริกา จะ “พร้อมรบ” จีนได้อย่างไร ถ้าเคลื่อนพลมาจากแปซิฟิกไม่สำเร็จ อเมริกาก็คงใช้ยุทธศาสตร์ หรือน่าจะเรียกว่า อุบาย หรือนิสัยเดิมๆ คือ ไม่มีตอนไหนที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้ดีกว่า ตอนที่คู่ต่อสู่น่วม ใกล้เละแล้ว ขนาดจะเคลื่อนพลไปชิดจีน อเมริกายังทำยากเลย แล้วจะทำให้จีนน่วมได้อย่างไร Grand Strategy บอกใบ้ไว้แล้ว อเมริกาคงพยายามทำให้เอเซียวุ่นวาย และฉิบหายในที่สุด เพื่อสร้างความปั่นป่วนต่อจีนจากด้านนอก จีนใหญ่เกินไปและเข้าไปข้างในจีนยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า สร้างความปั่นป่วนจากข้างนอกไม่ได้ และแน่นอน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม คงจะรับบทนักป่วนแถวทะเลจีน ส่วนเด็กๆ ที่เหลือ ก็ป่วนมันรอบเอเซีย จากของขวัญวันเด็ก ที่อเมริกาจะทุ่มให้ และจะต้องจับตา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และทางทางภาคใต้ของเราเป็นพิเศษ ถ้าอเมริกาใช้เส้นทางแปซิฟิกไม่ได้ เส้นทางมหาสมุทรอินเดีย ก็เป็นทางเลือก และอเมริกาคงพยายามคุมช่องแคบมะละกา เพื่อใช้คุมเส้นทางเดินเรือของจีน และใช้เป็นเส้นทางของตนเอง แม้มาเลเซียจะไม่รักกับอเมริกานัก แต่มาเลเซียก็คงถูกนายท่านสั่งให้อยู่ในแถว และภาคใต้ของเราก็คงน่าเป็นห่วงตามไปด้วย ข่าวเรือรบของอเมริกาเคลื่อนตัวแถวแปซิฟิก ตั้งแต่เหนือลงใต้ ในทะเลจีน และทางมหาสมุทรอินเดีย จะเป็นข่าวที่เราจะได้ยินเกือบทุกวันจากนี้ไป และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า อเมริกา “ยกระดับ” ความพร้อมรบกับจีนขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ รายการป่วนเอเซียของอเมริกา จะออกหัว ออกก้อย ก็ขึ้นกับจีนและพวกว่า จีนจะใช้ยุทธศาสตร์ใดรับมือ ซึ่งมีทั้งยุทธศาสตร์ที่ระงับความร้อนแรง และยุทธศาสตร์ที่เร่งความร้อน จนกลายเป็นสงครามโลก เห็นได้จาก Grand Strategy ว่า อเมริกาพยายามยั่วยุจีน เพื่อให้ฝ่ายจีนเป็นผู้เริ่มออกอาการ ออกอาวุธ และอเมริกาจะได้เล่นบทพระเอก ไม่ต่างกับบทการเล่นสงครามของอเมริกา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 การเตรียมรบของอเมริกา มิได้มีเพียงเท่านี้ นี่เป็นการโหมโรงเท่านั้น อเมริกาเชื่อว่า จีนไม่รบเดี่ยวแน่นอน จีนก็มีเพื่อน และเพื่อนจีนไม่ใช่ระดับลูกหาบ หรือเด็กถือกระเป๋า เพื่อนของจีนระดับรุ่นใหญ่พิษลึกอย่างรัสเซีย หรือระดับพิษร้ายอิหร่าน หรือรุ่นเล็กแต่พิษแรง ชนิดอเมริกาก็แหยงอย่างเกาหลีเหนือ และตุรกีที่เลิกเล่นไต่ลวดแล้ว น่าจะทำให้อเมริกาสะเทือนได้เมื่อมีความพร้อม ถ้าเพื่อนของจีนพร้อมจะยืนเรียงแถวไล่ไปเป็นเส้นยาว ตั้งแต่เอเซีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ทำให้อเมริกาก็ต้องคิดหนัก จะเลือกยุทธศาสตร์ไหนมาใช้ อเมริกาอาจจะใช้แยกส่วน แยกซอย ใช้ยุทธศาสตร์ป่วน เล่นเกมยาว เช่นเดียวกันกับเอเซีย เป็นการซื้อเวลา และดูรูปมวยไปก่อน สำหรับรัสเซีย ก็ยกให้นาโต้กับประเทศที่อเมริกาบีบไข่ได้ ไปแหย่รัสเซียให้คุณพี่ปูเหนื่อ ยเหงื่อตก ทั้งที่หิมะยังขาวโพลน ตะวันออกกลางง่ายมาก ยุให้เจ้าของปั้มตีกันเอง อิหร่าน และตรุกี จะได้ไม่มีเวลาหันไปทางจีน ส่วนเกาหลีเหนือ อเมริกามอบแล้วให้เป็นภาระของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ระหว่างนี้ก็ใช้สีเทใส่ สร้างข่าวให้เป็นตัวร้ายไปเรื่อยๆ ถ้าอเมริกาเลือกยุทธศาสตร์ป่วน ก็เหนื่อยกันไปทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่า ฝ่ายไหนจะอึดกว่ากัน ฝ่ายไหนออกอาการอึดไม่อยู่ การส่งเห็ดพิษให้กินก็คงเกิดขึ้น แล้วก็ฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่แผนทำให้จีนน่วมของอเมริกา คงไม่มีแค่การป่วน บอกแล้วว่าอเมริกาใกล้จะเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว สั่งให้แผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำได้หมด การทำให้จีนน่วมแบบนั้นแหละ คือ fundermental collapse อย่างแท้จริง จีนจะรับมือกับการรบนอกรูปแบบเช่นนี้ได้หรือไม่ หรือไม่แน่ว่า จีนก็สั่งให้ภูเขาเคลื่อนที่ ไฟปะทุได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้น บุญกุศลเท่านั้นกระมังที่จะคุ้มโลกและเราได้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 16 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 4

    หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง

    สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้

    1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่

    2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย

    3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป)

    4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ ….

    4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย
    5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย

    6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง

    7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก

    8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล

    ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน

    ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง

    คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง

    และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้

    – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง

    – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น
    – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ

    – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ

    – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น

    – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน

    – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ

    – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย
    – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย

    – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่

    – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง

    – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด

    เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย

    ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 4 หลังจากอ่าน Grand Strategy ไปประมาณ 25 หน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการประเมิน หรือประณาม จีน ด้วยวิธีกระทบกระแทกด่าอาเฮียกับพวก ( ซึ่งสงสัยว่าจะรวมเอาไทยแลนด์แดนสมันน้อยเข้าไปด้วย!?) เสียชอกช้ำ เป็นจ้ำไปทั้งตัวแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะเข้าเรื่องว่า พระเจ้านักล่าใบตองแห้ง คิดจะดำเนินการกับโลกส่วนเอเซียนี้ อย่างไรบ้าง สุดกร่างบอกว่า ส่วนสำคัญของอเมริกา ในการสอยมังกร คือเรื่องกองกำลัง ไม่มีใครโดยเฉพาะจีนเอง จะเกรงกลัวอเมริกา ถ้าอเมริกาไม่ปรับปรุงในเรื่องต่อไปนี้ 1. รัฐสภา ต้องยกเลิกเรื่องตัดงบการทหารแบบเหี้ยนเต้ทั้งกระดาน sequestion caps ที่ทำมา 2,3 ปีแล้ว และเปลี่ยนกลับมาเพิ่มงบด้านความมั่นคงและ ทำงานร่วมกับรัฐบาล ในการกำหนดงบประมาณด้านความมั่นคงเสียใหม่ 2. การถ่วงดุลย์เรื่องอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างจีนกับอเมริกา จะต้องทำให้เกิดขึ้น เพราะเป็นความจำเป็น ในการกำหนดการท่าทีของอเมริกาในเอเซีย 3. วอชิงตัน จะต้องรีบแสดงท่าทีทางทหาร เพื่อเป็นการต่อต้านการกำหนดเขต A2/AD ของจีน โดยเฉพาะ ในบริเวณที่อเมริกายังมีความได้เปรียบอยู่ทางด้านอาวุธ ที่อเมริกาแอบซ่อนอยู่ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ … ข้อนี้อ่านช้าๆ และให้ความสนใจเป็นพิเศษนะครับ มันอาจจะเป็นหัวไม่ขีด ที่เขาจะใช้จุดชนวนก็ได้ ..เพราะมันแปลว่า วอชิงตันกำลังคิดใช้อาวุธตอบโต้กับจีน ในบริเวณที่จีนกำหนดเขต A2/AD ( A2/AD คืออะไร ใจเย็นนิดนะครับ เดี๋ยวจะเล่าขยายในตอนต่อไป) 4. วอชิงตัน จะต้องย้ำถึงความมีเสรีภาพในเส้นทางการเดินเรือและการบิน รวมทั้งสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจ สำหรับด้านทหารและพลเรือน และ” ตอบโต้จีน ” อย่างเหมาะสม เมื่อเสรีภาพดังกล่าวถูกละเมิด…. นี่ก็เป็นอีกข้อ ที่เราควรให้ความสนใจ …. 4. วอชิงตัน ควรสร้างความสามารถทางทหาร และความสามารถที่จะร่วมงานทุกรูปแบบกับพันธมิตร และหุ้นส่วนในเอเซีย รวมทั้งความช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อให้พวกเขากำหนดเขต A2/AD กับจีนด้วย 5. วอชิงตัน จะต้องเร่งสร้างเครือข่ายระบบสะกัดกั้นการโจมตีจากจรวด และระบบอื่นเป็นการสนับสนุนให้กับพันธมิตรในเอเซีย 6. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความพยายามในการปกป้องบริเวณชั้นอวกาศของตน และพัฒนาการสื่อสารระบบคลื่นความถี่สูง 7. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มความถี่ของการประจำการณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบในบริเวณทะเลจีนใต้ และตะวันออก 8. วอชิงตัน จะต้องเพิ่มจำนวน และระยะเวลาการฝึกของกองทัพเรือ ในบริเวณทะเลจีนใต้ และ รอบฝั่งทะเล ถ้าขี้เกียจอ่าน 8 ข้อข้างต้นยาวๆ ผมสรุปให้ว่า เป็นข้อเสนอของไอ้สุดกร่าง ที่จะให้อเมริกาคิดใช้อาวุธ ตอบโต้กับจีนในเขต A2/AD ของจีน รวมทั้งติดอาวุธ ให้บรรดาพันธมิตรของอเมริกาในเอเซีย เพื่อให้ทำการขัดขืน และไม่ให้ความร่วมมือกับจีน ข้อเสนอแบบนี้ นอกจากจะทำให้อุณหภูมิสัมพันธ์ ระหว่างอเมริกากับจีน ร้อนระอุ หรือเย็นเป็นน้ำแข็ง อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแบ่งพวก กาหน้าประเทศในเอเซียให้ชัดว่า ใครพวกใคร ใครเป็นพวกอเมริกา ก็ยืด มีปลอกคอ มีอาวุธแจกให้ เป็นการสร้างบรรยากาศ ให้ประเทศในเอเซีย ตั้งการ์ดสูงใส่กัน ไม่ไว้ใจกัน ไม่ร่วมมือกัน ไม่ต่างกับ ที่อเมริกา ทำอยู่ในตะวันออกกลาง คราวนี้ ให้เอเซียเป็นสนามรบบ้าง จะได้ไม่น้อยหน้า ตะวันออกกลาง และเพื่อให้แน่ใจว่าเอเซีย จะได้มีโอกาสแตกคอกันจริง กัดกันเอง ตามที่อเมริกาต้องการ อเมริกาจะแบ่งหน้าที่ และแจกบทให้ พันธมิตร ลูกหาบ หรือขี้ข้า แต่ละรายดังนี้ – ญี่ปุ่น : ซึ่งสุดกร่างบอกว่า ไม่เคยผิดหวังกับสอนง่าย สั่งให้นอนให้กลิ้งได้ของญี่ปุ่น ดังนั้น ญี่ปุ่นจะได้รับหน้าที่ใหญ่โต เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน เป็นผู้จัดการภาค เป็นตัวแทนอเมริกา คราใดที่อเมริกาไม่ได้มาลูบหลัง ตบหัว บรรดาลูกหาบด้วยตัวเอง ให้หัวหมู่ทำหน้าที่แทน และในฐานะเป็นหัวหมู่ อเมริกาจะจัดเครื่องทรง ติดอาวุธเต็มยศ ชุดใหญ่ ให้แก่ญี่ปุ่น .. มีหวังได้ดู หนัง Pearl Habour รอบสอง – เกาหลีใต้ : นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปแล้ว และได้พัดยศ เครื่องทรงติดอาวุธครบสูตรแล้ว เกาหลีใต้มีภาระกิจพิเศษ ที่จะต้องคิดยุทธศาสตร์ ร่วมกับ หัวหมู่ ในการกำจัดน้องคิมของผมและพรรคพวก ให้พ้นไปจากเกาหลีเหนืออย่างไม่เหลือทั้งเศษทั้งส่วน....น้องคิมครับ ถ้าลูกน้องเขารายงานน้องถึงตรงนี้ น้องก็ใจเย็นหน่อยนะครับ อย่าหุนหันใจร้อน … ใจร้อนเวลาเล็งเป้า เดี๋ยวมันไม่แม่น – ออสเตรเลีย : แม้จะอยู่ค่อนไปทางใต้ แต่ก็เป็นตัวเชื่อม อินโดแปซิฟิก ให้อเมริกา ที่สำคัญ มาจากโคตรเดียวกัน แองโกลแซกซอนด้วยกัน ยังไงพัดยศ ทั้งอาวุธ ทั้งทหารประจำฐานทัพ ก็ต้องส่งมาให้อุ่นใจเต็มที่ ติดเครื่องหมายพิเศษอยู่แล้ว สงสัยระบบสกัดกั้นการโจมตี คงจะเป็นรุ่นพิเศษ และติดตั้งให้รุ่นแรกๆ – อินเดีย : อันนี้มาแปลก อีนี่ มารวมกลุ่มกันไงเนี่ย ไม่รู้ใคร ต้มใคร แถมสุดกร่างบอกว่าอเมริกา จะต้องทำหูทวนลมเสียบ้าง ในเรื่องที่ลือกันว่า อินเดียก็มีนิวเคลียร์ แถมยังจะต้องสนับสนุนอาวุธให้อินเดียอีกด้วย เพราะอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่มีเขตแดนติดกับจีนยาวเหยียด และมอบหน้าที่ให้อินเดียเป็นตำรวจน้ำ ดูแลมหาสมุทรอินเดีย อย่าให้เรือของจีนซ่าเข้ามา โดยอเมริกาจะให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเทคโนโลยีด้านกองทัพเรือให้กับอินเดีย … รายการนี้ อีนี่ ลุงนิทาน บรรยายไม่ออกเลย เจอแขกเล่นกล คนโบราณนี่ท่านฉลาดจริงๆ – เอเซียอาคเณย์ : สุดกร่างบอก แถบนี้เป็นเป้าหมายการบีบของจีน ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาทะเลจีนเท่านั้น – ฟิลิปปินส์ : ลูกหาบของตาย ที่ไม่มีปัญญาจะดิ้นรนไปไหนได้ เจอแต่ใต้ฝุ่น จนหัวหมุน แบบนี้ต้องปลอบใจด้วยการเพิ่มกำลังอาวุธ ด้านกองทัพ แบบจัดเต็ม full range เพื่อไม่ให้ใครมาบุกรุกเขตแดนของลูกหาบเดนตายนี้ได้ ….ผมละสงสารประเทศนี้จริง ถูกใช้ซะโทรมไม่ฟื้นเลย เป็นตัวอย่างที่สมันน้อย ควรศึกษาไว้เป็นบทเรียน – อินโดนีเซีย : แม้อยู่ไกลปืน แต่ยังไงตาโอก็ต้องให้ดูแล เอ้า จัดไป ให้มีการฝึกร่วมกันให้บ่อยหน่อยแล้วกัน มีแค่นี้เองหรือ …แค่นี้จริงๆครับ แต่ไม่แปลกใจ – สิงคโปร์ : จัดการให้มีการยกระดับสมรรถนะ ของกองทัพอากาศ จาก F-16s เป็น F-35s ….อืม สงสัยรายการนี้ หลอกกันใช้นี่หว่า เห็นปู่ลีไปสวรรค์แล้ว ต้มลูกให้เละดีกว่า ให้อะไรไม่ให้ ดันให้เครื่องบิน สิงคโปร์น่ะ ฐานทัพอากาศยังไม่มีเลย เวลาจะฝึกบิน ยังต้องอาศัยฐานแถวบ้านเราเลย แล้ว F-35s เขาว่าขับยาก ฉ. ห. ต้องฝึกอย่างน้อย 1 ปี เครื่องทรงก็น้ำหนักมาก ร่างกายก็ต้องฟิตเปรียะ ถึงจะรับน้ำหนักไหว เออ ถ้าเจ้านายเกิดใจดี ให้มาจริง อาตี๋ผอมกระหร่อง จะขับไหวหรือ แล้วกว่าเครื่องจะมา กว่าจะฝึกเสร็จ ตอนนั้นเกาะสิงคโปร์ จะเหลืออยู่แค่ไหน ผมยังสงสัย – มาเลเซีย : จัดการให้มาเลเซียเข้าร่วมโครงการด้านความริเริ่มด้านความ มั่นคง และสนับสนุนให้มาเลเซีย มีส่วนร่วมในการฝึกร่วม ต่างๆ … ดูเหมือน สุดกร่างจะ ให้เข้า โครงการฝึกแยะหน่อย ท่าทาง มาเลเซียนี่ คงจะหนืดยืดยาดพิกล หรือว่า สั่งกันตรงไม่ได้ ต้องฝากชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ไปบอกกับเด็กของนายท่านเอง หรือยังมีเรื่องคาใจเคลียร์ไม่ออกค้างกันอยู่ ถูกสอยซ้ำซาก ใครมันจะอยากคุยด้วย – เวียตนาม : จะต้องมีการขยายการฝึกร่วมด้านกองทัพเรือ รวมทั้งฝึกด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ การค้นหา/การ ช่วยเหลือ โดยกองทัพเรืออเมริกา จะแวะเข้ามาใช้ท่าเรือ Cam Rahn ระยะสั้น แต่ถี่ขึ้น …. รายการนี้ น่าสนใจครับ ทำไม เน้นให้เวียตนามดูแล ด้านการบรรเทาทุกข์และภัยพิบัติ ทั้งๆที่ทหารเวียตนามนี่รบเก่งไม่เบา อ้อ ยังไม่แน่ใจว่า รัศมีของคุณพี่ปูติน จางจากเวียตนามหมดจริงหรือเปล่า หรือสาวเวียตนามยังแอบพกรูปคุณพี่ปูตินไว้ในเบื้องลึกอยู่ – เมียนมาร์ หรือพม่า : จะมีการให้งบ IMET งบฝึกอบรมทางทหาร ที่อเมริกาเคยใช้หลอกเลี้ยงทหารไทยมา ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ ตัดสัมพันธ์กับไทย เลยจะเอาเศษเงินที่เหลืออยู่ ไปหลอกเลี้ยงทหารพม่าแทน และพยายามที่จะดึงทหารพม่าเข้ามาร่วมการฝึกกับนานาชาติ … กำลังจะเป็นเด็กสร้างคนใหม่ เพราะเพิ่งเปิดประเทศ ทรัพยากรยังอยู่อื้อ ที่สำคัญ คุณน้าอองซาน แกชอบคบและซบฝรั่ง มากกว่าเอเซียด้วยกัน เอาเลยลูกพี่ แล้วจะได้รู้จักของจริง – ไต้หวัน : ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับ ไต้หวัน อย่างไม่เป็นทางการ ใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้านึกเรื่อง เจียงไคเช็ค พี่น้องสามสาวตระกูลซ่ง คงพอเข้าใจสัมพันธ์พิเศษนี้ สุดกร่างบอกว่า ไต้หวัน เป็นส่วนสำคัญใน Grand Strategy กับจีน แน่นอน … คงไม่แคล้ว ใช้คนกันเอง ไปเก็บกันเอง ตามถนัด แต่ก็มีพวกที่เห็นค่าของสายพันธ์ ที่สืบทอดจากที่เดียวกันมายาวนาน แบงค์กงเต๊กใช่ว่าจะซื้อได้หมด เอาละครับ ผมไล่เรียงให้ทั้งหมด ที่สุดกร่าง CFR เขาเขียนถึงบทบาท ของประเทศในเอเซีย และเอเซียอาคเณย์ ที่เป็นพรรคพวกของอเมริกาทั้งหมด และมีอยู่ เพียง 4 ประเทศ ที่ เขาไม่เอ่ยถึง คือ บรูไน ลาว กัมพูชา และ ไทย ทำไมไม่มีชื่อ ประเทศไทย ดี หรือ ไม่ดี เขามองเราอย่างไร และเราควรจัดสถานะของตนเองไว้ที่ไหนอย่างไร ยังควรให้เขามาใช้ ฐานทัพที่อู่ตะเภา ที่เขาอ้างว่า เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ให้แก่เนปาลหรือไม่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 3

    เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้:

    – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย)

    – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ)

    – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง)

    – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย)
    ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ

    – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี

    – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !?

    – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ

    – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง
    Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง

    และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน

    อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 3 เมื่ออเมริกา ในสายตาของ CFR มองว่า จีนกำลังท้าทายอำนาจอันใหญ่ยิ่งของอเมริกาที่แผ่ไพศาล ปกคลุมโลกใบนี้ อย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ามาท้าทาย ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ถ้าอเมริกาปล่อยให้จีนยืนยืดอก ท้าวสะเอว มองอเมริกาอย่างนี้ต่อไป อเมริกาคิดว่า หน้าตัวเองคงเหลือเพียงเสี้ยวเดียว ไม่รู้เสี้ยวบน หรือเสี้ยวล่าง อเมริกา โดยคำแนะนำ (หรือควรจะเรียกว่า คำสั่ง ?!) ของสุดกร่าง CFR จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปนี้: – ป้องกัน ยับยั้ง และลดโอกาส การข่มขู่ หรือคุกคาม การรุกรานทั้งในรูปแบบ หรือนอกรูปแบบ บนดินแดนของอเมริกาเอง หรือที่อเมริกามีอำนาจปกครอง ( ข้อนี้ นอกจากจะหมายถึงอาเฮียเองแล้ว สงสัย ตั้งใจส่งผ่านไปให้น้องคิมของผม ที่เกาหลีเหนือด้วย) – รักษาดุลยอำนาจในยุโรปและเอเซีย โดยการสนับสนุนให้มีสันติภาพ และความมั่นคงภายใต้การเป็น “ผู้นำ” ของอเมริกาและพันธมิตรของอเมริกา ( ข้อนี้ เข้าใจว่า คุณพี่ปูติน ขวัญใจสาวๆ คงต้องมาร่วมรับการด่ากระทบ พร้อมกับอาเฮีย ..แหม แต่ไอ้สุดกร่าง มันเขียนได้กร่างจริงๆ) – ป้องกันมิให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือยับยั้งการขยายตัว ของการใช้อาวุธประเภทที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง รวมทั้งจัดการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ วัสดุ และส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้ง การแพร่ขยาย และการเป็นตัวกลาง ผู้ให้การสนับสนุนระบบนิวเคลียร์ ( ข้อนี้ เข้าใจว่า ตั้งใจส่งข้อกล่าวหาหมู่ รวมเอาคุณพี่ปูติน และเสี่ยนิวเคลียร์สองลูกของผมที่อิหร่าน เข้าไปด้วย แต่ผมว่า ผู้ที่น่าจะต้องถูกควบคุมมากที่สุดตามข้อหานี้ น่าจะเป็นพระเจ้านักล่าใบตองแห้งเองมากกว่านะ ไอ้สุดกร่าง) – สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นในสากลโลก ( ข้อนี้ คงอยู่ในแบบฟอร์มมาตรฐาน ถ้าไม่เอามาใส่ เป้าหมายการดำเนินการมันจะชัดจนน่าเกลียด และก็ทำให้นึกถึง พวกสมุนฝรั่งในบ้านเรา ที่ชอบท่องสูตรนี้เป็นประจำ อย่างน่าเบื่อหน่าย) ในการดำเนินการข้างต้น สุดกร่างบอกอเมริกาเอง ก็ต้องจัดระเบียบในบ้านตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ใช่ร้องเพลงเดียวกันแต่คนละโน็ต เสียงหลง จนหมาแมวข้างบ้านทนฟังไม่ไหว หอนรับกันเกรียว…. นี่ มันสมเป็นกับถังขยะความคิดสุดกร่างจริงๆ – อเมริกาจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจในบ้านตัวเองใหม่ ต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้าในเอเซียให้กระชับแน่นขี้น แน่นอน ยกเว้นกับจีน ซึ่งคงจะเป็นบทกระชากมาอัดมากกว่า และสร้างนโยบายด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ (geo-economic) ขึ้นในเอเซีย ระหว่างพันธมิตรของอเมริกา ที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน และหากลไกที่จะควบคุมจีนเช่นเดียวกัน(กับความคิดของอเมริกา) … ข้อนี้ อ่านกันสัก 2 รอบนะครับ จะได้เข้าใจว่า เขาหมายรวม หรือไม่รวม ไทยแลนด์แดนสยาม ของสมันน้อยเข้าไปด้วย ชอบคุยกันเองดีนัก ว่าจะวางนโยบายในประเทศยังไงเพื่อไปจับมือต่อ กับใครที่ไหน ระวังจะหน้าแตกแหกเยินกลับมาไม่รู้หรือไง ว่าเขาไม่นับตัวเป็นพวกแล้วนะ ไอ้พวกบ้าอยากเป็นขี้ข้าฝรั่ง คิดเป็นแต่เรื่อง จีดีพี – อเมริกาจะต้องเพิ่มงบประมาณลงทุน ในด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก เพื่อกองทัพของอเมริกา จะได้มีความพร้อมในการเอาชนะจีน ซึ่งรวมถึงเอาชนะการร่วมมือของฝ่ายจีนในการต่อต้านอเมริกาด้วย … นี่ก็เป็นการแจกของขวัญรวมของไอ้สุดกร่างนะครับ ว่าแต่ เขาหมายรวมไปถึงใครกันบ้าง …ที่เรียกว่า ฝ่ายจีน !? – อเมริกา จะต้องเสริมสร้างยุทธศาสตร์ ที่แสดงถึงสัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างอเมริกากับพันธมิตรในภูมิภาค ทั่วอาณาบริเวณอินโดแปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตร ที่จะรับมือกับจีนได้อย่างอิสระ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกัน และการสนับสนุนอย่างเป็นระบบของอเมริกา … อืม…..สัมพันธภาพ ที่มาจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ….นี่มันด่าเราหรือไง จริงๆ น่าจะเป็นเราด่ามันมากกว่านะครับ – อเมริกา ควรจะมีการเจรจาทางการทูตระดับสูงกับจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดระหว่างจีนกับอเมริกา ที่มีอยู่อย่างล้ำลึกและตลอดเวลา และเพื่อให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เข้าใจว่าอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน .. เขียนด่าเขาสาดเสียเทเสียแบบนี้เนี่ยะนะ คิดหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า.…แหลน่าดูเลย ไอ้กร่าง Grand Strategy นี้ สุดกร่างบอกว่า จะต้องดำเนินการภายใต้การนำของโอบามา และผู้ที่จะมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แม้ว่าจะมีเรื่องความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดกับรัสเซียเกิด ขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ผู้นำของอเมริกา จะไม่จัดการให้มี Grand Strategy กับจีนไม่ได้ เพราะ การผงาดขึ้นมาของจีน เป็นการท้าทายอเมริกาไปอีกหลายทศวรรษ ผู้นำอเมริกาจะต้องเป็นผู้ลงมือถือบังเหียน และแส้เอง และจะต้องเป็นผู้เดินสาย ไปนั่งจับเข่าพูดกับผู้นำของเอเซีย และยุโรป ด้วยตนเอง และสำหรับฝ่ายรัฐสภา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ Grand Strategy นี้เกิดขึ้น ก็จะต้องให้ความร่วมมือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย ต้องสนับสนุนให้อำนาจประธานาธิบดี ในการเดินหน้าเรื่อง Trans-Pacific Partnership (TPP) การทำสัญญาทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ในเอเซีย การปรับปรุงเรื่องกองทัพ และงบประมาณที่สำคัญสำหรับการคงอำนาจของอเมริกาในภูมิภาคนี้ และที่จะตอบโต้การเติบโตของจีน อ่านบทความนี้ ถึงตอนนี้ ผมใกล้จะเชื่อเต็มทีแล้วว่า นายโอบามา น่าจะเป็นเพียงเสมียนประจำทำเนียบขาว และ CFR น่าจะเป็นผู้นำของอเมริกาตัวจริง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนสอยมังกร ตอนที่ 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร”

    ตอน 1

    วันนี้ เดิมผมตั้งใจจะเอาตอนแถมของนิทาน เรื่อง”ต้มข้ามศตวรรษ ” (หรือหม้อตุ๋นแตก ที่คุณจตุพร เพชรเรียง ตั้งชื่อให้ ซึ่งผมชอบมาก) มาลงให้อ่าน แต่ก่อนหน้านี้ ผมได้ไปเจอเอกสารชิ้นหนึ่งน่าสนใจมาก ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเล่าให้ฟังกัน หลังจากลงของแถม แต่บังเอิญเช้านี้ ได้กลิ่นทะแม่งๆค่อนข้างแรง เลยขอพาท่านผู้อ่าน เดินทางกลับจากอดีต 100 ปี เข้าสู่ปัจจุบันกันก่อนเดี๋ยวจะตกข่าวสำคัญ แล้วกลายเป็นว่า ลุงนิทานดีแต่เขียนเรื่องอดีต ปัจจุบันเขาไปถึงไหนกันแล้วไม่บอกกันมั่ง หมู่นี้ลุงนิทานโดนค่อนขอดนินทาแยะแล้ว ไม่อยากโดนเพิ่ม แต่ไม่เป็นไรครับ นินทาลุงแล้วนอนหลับสบายก็เชิญ ถือว่าลุงนิทานได้ทำกุศล 555

    เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Council on Foreign Relations หรือ CFR ถังขยะความคิด (think tank) ที่มีอิทธิพลสูงลิ่ว และมีเสียงดังฟังชัด ซึ่งในหลายๆครั้ง (จริงๆก็เกือบทุกครั้ง) ดูเหมือนจะดังนำ จนเสียงของประธานาธิบดี ต้องว่าตามเสียงอ่อยๆเสียด้วยซ้ำ ได้ออกรายงาน Council Special Report No. 72 ชื่อ “Revising U.S. Grand Strategy Toward China” ซึ่งกว่าผมจะได้อ่าน ก็นู่น จะหมดเดือนเมษาเข้าไปแล้ว อากาศบ้านเรากำลังร้อนจัด แค่เห็นหัวข้อ ผมก็แทบสะอึก พออ่านจบ ผมต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และลดความร้อนในใจอยู่หลายวัน กว่าจะตัดสินใจว่า จะเอามาเขียนเล่าสู่กันฟัง

    รายงานนี้มีความหมายมากครับ เหมือนเป็นเข็มทิศและเครื่องวัดอุณหภูมิของโลก และที่สำคัญ มีความเกี่ยวพันกับแดนสมันน้อยของเรา ในช่วงเวลานับจากนี้เป็นต้นไป

    Edward Mead บรรณาธิการรุ่นเก๋าชื่อดัง ได้เขียนอธิบายความหมายของคำว่า Grand Strategy ไว้ว่า เป็นศิลปะของการควบคุม และการใช้ทรัพยากรทั้งหมดของประเทศอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์สุงสุดของประเทศและเพื่อปกป้องตนเองจากผู้ที่เป็นศัตรู หรือมีโอกาสที่จะกลายเป็นศัตรู หรือเพียงแต่คาดว่า อาจจะเป็นศัตรู… และเป็นยุทธศาสตร์ที่มิได้ใช้เฉพาะในภาวะสงครามเท่านั้น แต่ใช้ในทุกสภาวะของรัฐนั้น
    เทียบกับสมัยโบราณของบ้านเรา Grand Stategy คงจะเป็นทำนองหลักพิชัยสงครามขั้นสูงสุด นะครับ

    ” จีน นับเป็นขู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา ในขณะนี้ และในอีกหลายๆทศวรรษต่อไป”
    China represents and will remain the most significant competitor to the United States for decades to come”

    คนเขียนรายงานการวิเคราะห์ เขาเกริ่นเริ่มต้นเช่นนั้น อ่านเผินๆ เหมือนน้ำไหลเอี่อยๆ
    ไม่เห็นต้องสดุ้ง สะอึก อะไรเลย แต่ประโยคต่อไปของเขา ความเอื่อยค่อยๆเปลี่ยน..

    …จีน กำลังดำเนินยุทธศาสตร์ ของตน ซึ่งมีเป้าหมาย ที่จะควบคุมประชาสังคมทั้งในและนอกประเทศจีน ที่อยู่ใกล้กับอาณาบริเวณของจีน ให้สงบราบคาบ และสร้างสถานะของจีนให้แข็งแกร่งในประชาคมนานาชาติ เพื่อเข้าไปแทนที่อเมริกา ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเอเซีย..

    …ความพยายามของอเมริกา ที่จะนำจีนเข้ามาอยู่ในระบบที่ใช้กันอยู่ในสากล กลายเป็นการสร้างความคุกคามให้แก่อเมริกาเอง ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในเอเซีย และในที่สุดจีนอาจเป็นผู้ท้าทาย ความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในโลก ของอเมริกาด้วย..

    .. อเมริกาจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด ในนโยบายปัจจุบันของอเมริกา เพื่อเป็นการจำกัดอันตราย ที่อาจมีต่อผลประโยชน์ของอเมริกาในภูมิภาคเอเซีย และในระดับโลก ที่เกิดจากการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และการทหารของจีน

    การเปลี่ยนแปลงยโยบายของอเมริกาดังกล่าว จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นความจำเป็น ที่จะต้องรักษาความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของอเมริกาในระบบปัจจุบันของโลกเอา ไว้…

    ….การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของจีน ในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้จีนสามารถสร้างอำนาจ ที่ยากแก่การเอาชนะ กลายเป็นประเทศที่สามารถจะครอบงำภูมิภาคเอเซีย และเป็นอันตรายต่อวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และผลประโยชน์ ของอเมริกาในภูมิภาค
    ด้วยเศรษฐกิจที่โตแบบพุ่งพรวดของจีน แม้รายได้ต่อหัวของคนจีน จะยังตามหลังคนอเมริกันก็ตาม แต่ก็ยังทำให้ปักกิ่ง สามารถท้าทายความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านแถบเอเซียและอิทธิพลของอเมริกาในเอเซีย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่ออเมริกาอย่างน่าอันตราย และแม้การเติบโตของจีดีพีของจีน อาจจะช้าลงอย่างเห็นชัดในอนาคต แต่เมื่อเทียบกับของอเมริกาในอนาคตแล้ว ก็ยังจะสูงกว่าอเมริกาอยู่ดี จึงทำให้การถ่วงดุลอำนาจจีน จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

    การทำให้รากฐานของจีนล่มสลายเท่า นั้น (fundamental collapse) จึงเป็นทางเดียว ที่จะทำให้อเมริกาพ้นจาก “ภาระ” การถ่วงดุลกับจีน เพราะว่า แม้จะทำให้จีน “สะดุด” หัวทิ่มบ้าง ก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะขจัดอันตราย ที่จีนมีต่ออเมริกาในเอเซีย และที่ไกลโพ้นไปกว่านั้น

    ในบรรดาชาติทั้งหมด และไม่ว่าในสถานการณ์ใดเท่าที่จะคาดการณ์ได้ มีแต่จีนเท่านั้น ที่จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา และจะเป็นอยู่เช่นนั้นไปอีกหลายทศวรรษ การผงาดขึ้นมาของจีน จนถึงขณะนี้ ได้สร้างความท้าทายอำนาจของอเมริกา (และอำนาจของอเมริกาที่มีต่อ)มิตร ของอเมริกา ไม่ว่าทางด้านภูมิศาสตร์ การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และที่สำคัญ ต่อการจัดระเบียบโลก “ภายใต้ข้อกำหนด” ของอเมริกา และถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป ยิ่งนานไป ก็ยิ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของอเมริการุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ

    นโยบายที่อเมริกาใช้อยู่กับจีนขณะนี้ เป็นนโยบายที่รับรองคุณค่าของจีนทางเศรษฐกิจและปล่อยให้เกิดเสรีทางการเมืองในนานาชาติ ด้วยค่าใช้จ่าย หรือการเสียประโยชน์ของอเมริกาในการเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก มันห่างไกลกับการใช้ยุทธศาสตร์แบบ “grand” แถมไม่มีทางจะได้ผลอะไรขึ้นมา จำเป็นอย่างยิ่งแล้ว ที่อเมริกาจะต้องตอบโต้การเติบโตของอำนาจจีนอย่างเร่งด่วน ซึ่งแม้จะทำตอนนี้ ยังเกือบจะสายไป..
    อือ หือ…. ผมอ่านวิธีการเขียนของ คุณสุดกร่าง ถังขยะความคิด CFR แล้วต้องยอม ว่าเขาใหญ่จริง เขาตบอาเฮียของผม แบบไม่เลี้ยงเลยนะ เอาซะกกหูบวม หัวโน คางโย้ เพราะอาเฮียอีดันโตเร็ว โตไป ใหญ่ไป มันคงไปกระตุ้นต่อมอิจฉา ต่อมหมั่นไส้ ของไอ้พวกนักล่าใบตองแห้ง อย่างทนไม่ไหว เอาซะใบตองปลิวกระจาย ข้อหาความผิดของอาเฮีย คือใหญ่ขนาดมาทาบรัศมี นี่ ไอ้นักล่ารับไม่ได้จริงๆ คงเหมือนเด็กถูกเหยียบเงาหัว ที่สำคัญคือ อาเฮียไม่ยอมคุกเข่า สะบัดแขนคำนับอเมริกา แถมยังเดินหน้าตามวิธีการ นอกรูปแบบ ที่อเมริกากำกับ หรือสั่งให้สิ่งมีชีวิตทั้งโลกทำตาม ขนาดสั่งให้แผ่นดินไหว ให้เกิดพายุยังทำได้เลย จวนจะเป็นพระเจ้าอยู่แล้วรู้ไหม เอะ หรือเป็นแล้ว… แล้วจีนเป็นใครมาจากไหน ถึงสั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ เรื่องมันสำคัญตรงนี้ เพราะฉะนั้น สำหรับนักล่าเมื่อสั่งกันไม่ได้ ก็ต้องสอยให้ร่วง (fundamental collapse) มีแค่นั้นเอง เข้าใจไหมครับอาเฮีย

    “แผนสอยมังกร”

    ตอน 2

    จีนสร้างความเจริญเติบโตอย่างไร สุดกร่าง CFR บอกว่า จีนขึ้นต้นด้วยการสร้างหัวขบวนก่อนอื่น สร้างหัวหน้าที่มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ เหนือกว่าสถาบันใดในประเทศ หลังจากนั้นจึงเดินหน้าสู่ภาระกิจ 4 ประการ

    – จัดระเบียบภายในประเทศ จัดแถวหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่สุดกร่าง ติติง ว่า การเป็นผู้นำประเทศของจีนมักมีปัญหาในเรื่องของการปกครองที่ไม่ชอบธรรม และขาดธรรมาภิบาล ( ผมว่า ไอ้สุดกร่างนี่มันเขียนลอกจากคู่มือ ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง แจกไปทั่วโลก เรื่องธรรมาภิบาลในการบริหาร Good Governance ทำให้นึกถึงน้านันของผมเลย มีอยู่ช่วงหนึ่ง ขึ้นเวทีไหนไม่พูดเรื่องนี้ เหมือนเป็นตัวปลอมเลย 55)
    – จีนเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งในสมัยเติ้งเสี่ยวผิง เพราะเชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจของประเทศดี ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ความวุ่นวายทางสังคมจะน้อยลง และการปกครองประชาชนจะง่ายขึ้น ดังนั้นนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นนโยบายที่จำเป็นอย่างยิ่งของจีน นอกจากนั้น การเน้นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ยังเป็นเครื่องมือให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) สามารถจัดระเบียบสังคมจีน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันนัก (การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจของจีน ไม่ได้เกี่ยวกับการแข่งขันทางการเมือง เพราะทางการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ในการบริหารประเทศ) ดังนั้นการปฏิรูปประเทศ ด้านเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่เป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เป็นนโยบายสำคัญด้านการเมืองภายในของจีนด้วย หมายความว่า จีนไม่มีทางเลิกนโยบายนี้ และเป็นเรื่องที่สุดกร่าง CFR บอกว่า ยิ่งจีนเดินหน้าตามเส้นทางนี้ โอกาสกระแทกนักล่า หล่นจากการเป็นผู้กุมชะตาโลกแต่ผู้เดียว ก็เป็นเรื่องน่าหวั่นใจมาก…. แหม ก็แค่ทำแท่นให้มันใหญ่ขึ้น ยืนด้วยกันหลายๆคน ใหญ่ๆ ด้วยกัน เก่งๆ กันทั้งนั้น ช่วยๆกันทำให้โลกนี้มันดีขึ้นนี่ พวกเอ็งขัดใจมากนักหรือไง ขอโทษครับ ผมไม่สุภาพไปหน่อย

    – เมื่อเศรษฐกิจจีนดีขึ้น ต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 กว่า ถึง 1990 กว่า จีนก็รวยเอาๆ จนเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐี เป็นเศรษฐีแล้วจะนั่งอุดอู้อยู่แต่ในบ้านทำไม สุดกร่างบอก จีนเลยเริ่มเดินเผ่นผ่านออกไปนอกบ้าน ไปตบหัวลูบหลังเด็กๆที่อยู่แถวนอกบ้าน จึงเป็นที่มาของนโยบายของจีน ที่จะแผ่อิทธิพลในแถบอินโดแปซิฟิก

    แต่โลกมันก็เปลี่ยนด้วย รอบตัวจีนไม่ได้มีแต่พวกเด็กน้อยที่รอจีนมาตบหัวลูบหลัง แต่มีพวกกล้ามใหญ่ที่เป็นคู่แข็งจีนด้วยซ้ำ ยืนกอดอกดูจีนอยู่เหมือนกัน เช่น รัสเซีย ญี่ปุ่น และอินเดีย และนอกจากนั้น พวกที่อาจเคยเกรงใจจีนมาในสมัยก่อน เช่น เกาหลีใต้ และเวียตนาม แต่บัดนี้ ก็กลายเป็นประเทศที่ดูแลตนเองได้ แม้จะยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง ก็ไม่แสดงความสนใจว่าจะไปซุกอยู่ใต้อุ้งเล็บมังกร และเมื่อจีนคิดขยายวง ประเล้าประโลมออกไปเรื่อยๆ ก็ดันไปเจอเอาฐานทัพและกองกำลังอันแข็งแกร่งของอเมริกา ที่กระจายอยู่เต็มบ้านของพันธมิตรของอเมริกา ซึ่งยากที่จีนจะทะลวงเข้าไปได้ ….แม่จ้าวโว้ย อ่านที่ไอ้สุดกร่างบรรยายถึงตอนนี้ เล่นเอาผมเคลิ้มจนเอกสารปึกใหญ่หล่น
    เมื่อทางเข้าเส้นนี้มีอุปสรรค หนทางเดินหน้าตามแผนของจีน ในความเห็นของสุดกร่าง ก็คือ จีนยิ่งใช้อำนาจทางเศรษฐกิจ สานไมตรีกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคหนักเข้าไปกว่าเดิมและเพื่อไม่ให้ถูกนินทาว่า จีนกำลังจะฮุบเอเซีย จีนก็เริ่มหันไปจับมือกับรัสเซีย ทำทีเป็นเห็นใจรัสเซีย ที่ถูกตะวันตกคว่ำบาตรใส่ จนหน้าบุบไปหมดแล้ว แต่ที่แสบที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องอิทธิพลอเมริกาที่มีอยู่ทั่วเอเซียอย่างชอบธรรมนั้น จีนพยายามหาเหตุอ้างว่าไม่เหมาะสม และกำลังเดินนโยบายที่จีนบอกว่า จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจอเมริกาในเอเซียเสียใหม่ … อาเฮียครับ พระเจ้านักล่าบอกว่า อิทธิพลของเขาที่มีอยู่ทั่วเอเซีย “ชอบธรรม” แล้ว อาเฮียจะเถียง จะท้าทายเขาแน่จริงไหมครับ พวกผมจะได้เตรียมตัว..หลบ

    – ประการสุดท้าย ที่จีนแสดงอาการให้เห็นเป็นการท้าทายอเมริกา ในความเห็นของสุดกร่าง คือ จีนเริ่มก้าวเข้าไปเบ่งกล้ามใน ระบบสากล เพื่อแสดงให้เห็นว่า จีนก็เป็นดาราอินเตอร์ได้ อันที่จริง บทดาราอินเตอร์ จีนก็ได้เล่นอยู่แล้ว ต้ังแต่ก่อน การปฏิวัติคอมมิวนิสต์ ค.ศ.1949 ซึ่งจีนได้รับสิทธิในการออกเสียงคัดค้าน (veto) ในฐานะสมาชิกถาวร ในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ (UNSC) เพียงแต่ตอนนั้น จีนเลือกที่จะเป็นคอมจนๆ เสียงในสากลก็เลยไม่ดัง ตอนนี้ จีนเปลี่ยนมาเล่นบทเป็นเศรษฐี บวกกับยังมีตำแหน่งดาราอินเตอร์ของเดิมค้างอยู่ คราวนี้ เสียงจีนในสหประชาชาติ ก็เลยยิ่งดังโดยไม่ต้องใช้ไมค์… แบบนี้ เขาจะไม่หมั่นไส้อาเฮีย จนคันไปทั้งแผงหลังได้ยังไง….

    และจีนก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อเห็นว่าตัวเองมีเศรษฐกิจดี จีนเริ่มออกความเห็น และพยายามเข้ามามีอิทธิพลใน IMF และ World Bank เพื่อใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของตน จีนทำตัวเป็นดาราอินเตอร์เต็มตัว เหมือนกับพวกที่เริ่มมีอำนาจทางการเมืองโลกใหม่เขาทำๆกัน นี่.. ด่ากระทบซะเลย
    แต่พวกเศรษฐีใหม่ก็เป็นอย่างนี้แหละ พยายามเสนอตัวเอง เข้าไปในสังคมโลก เฉพาะในทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ถ้าจะต้องเสียสละทำให้สวนรวม ก็ยังไม่เห็นจีนแสดงบทบาทอะไรที่เหมาะสมกับความเป็นเศรษฐีของตน และแม้ว่าจะเป็นถึงหมายเลขสองของโลกในด้าน เศรษฐกิจและการงบประมาณด้านทหาร จีนก็พยายามวางนโยบาย ที่จะเอาภาระที่จะต้องเสียสละให้แก่สังคม ไปให้อเมริกาและประเทศอื่น ที่ยังมีสถานะเป็นเพียงประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยซ้ำ ..อันนี้ด่าอาเฮียเจ็บนะครับ หาว่า เขารวย แต่ เค็ม เห็นแก่ตัว ทำนองนั้น….

    แต่เวลาจะสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง จีนกลับตัดอเมริกาออก เช่น เมื่อจีนพยายามรวมกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้า ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยการรวมกลุ่มกับบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และอาฟริกาใต้ (BRICS) นอกจากนั้น จีนยังพยายามสร้างความร่วมมือ กับประเทศในภูมิภาคอื่น เช่น China-Africa Cooperation, China-Arab Cooperation Forum เพื่อแข่งขันกับองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจรุ่นเก่าๆ สมดังคำเปรียบเปรยของ นาย เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่กล่าวว่า จีนยังวุ่นอยู่กับการนำตัวเองเข้าไปจัดการองค์กรที่ได้จัดสร้างขึ้น โดยจีนไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาวัตถุประสงค์ขององค์กรเหล่านั้น … ไอ้สุดกร่าง นี่มันสรรหามาแดกดันได้ทุกเรื่องจริงๆ

    สุดกร่างสรุปในที่สุดว่า จีนไม่ได้มีนโยบายที่จะเป็นประเทศที่มุ่งจะทำการค้าขาย “trading state” แต่อย่างใด แม้ว่าในผลลัพธ์จะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม แต่โดยแท้จริงแล้ว จีนมุ่งหมายที่จะเป็นมหาอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ conventional great power เต็มยศชุดใหญ่ ในด้านการเมือง และการทหาร การท้าชิงความเป็นใหญ่ในเอเซียกับอเมริกา เป็นแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น สำหรับการก้าวไปสู่การเป็นมหาอำนาจในโลกของจีน

    นี่คือ ” จีน ” ตามข้อกล่าวหา และในสายตาของถังความคิด CFR ที่ประธานาธิบดีของอเมริกาเกือบทุกคน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ” ต้อง” ให้ความสนใจ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 พ.ค. 2558
    แผนสอยมังกร ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนสอยมังกร” ตอน 1 วันนี้ เดิมผมตั้งใจจะเอาตอนแถมของนิทาน เรื่อง”ต้มข้ามศตวรรษ ” (หรือหม้อตุ๋นแตก ที่คุณจตุพร เพชรเรียง ตั้งชื่อให้ ซึ่งผมชอบมาก) มาลงให้อ่าน แต่ก่อนหน้านี้ ผมได้ไปเจอเอกสารชิ้นหนึ่งน่าสนใจมาก ตั้งใจไว้ว่าจะเขียนเล่าให้ฟังกัน หลังจากลงของแถม แต่บังเอิญเช้านี้ ได้กลิ่นทะแม่งๆค่อนข้างแรง เลยขอพาท่านผู้อ่าน เดินทางกลับจากอดีต 100 ปี เข้าสู่ปัจจุบันกันก่อนเดี๋ยวจะตกข่าวสำคัญ แล้วกลายเป็นว่า ลุงนิทานดีแต่เขียนเรื่องอดีต ปัจจุบันเขาไปถึงไหนกันแล้วไม่บอกกันมั่ง หมู่นี้ลุงนิทานโดนค่อนขอดนินทาแยะแล้ว ไม่อยากโดนเพิ่ม แต่ไม่เป็นไรครับ นินทาลุงแล้วนอนหลับสบายก็เชิญ ถือว่าลุงนิทานได้ทำกุศล 555 เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Council on Foreign Relations หรือ CFR ถังขยะความคิด (think tank) ที่มีอิทธิพลสูงลิ่ว และมีเสียงดังฟังชัด ซึ่งในหลายๆครั้ง (จริงๆก็เกือบทุกครั้ง) ดูเหมือนจะดังนำ จนเสียงของประธานาธิบดี ต้องว่าตามเสียงอ่อยๆเสียด้วยซ้ำ ได้ออกรายงาน Council Special Report No. 72 ชื่อ “Revising U.S. Grand Strategy Toward China” ซึ่งกว่าผมจะได้อ่าน ก็นู่น จะหมดเดือนเมษาเข้าไปแล้ว อากาศบ้านเรากำลังร้อนจัด แค่เห็นหัวข้อ ผมก็แทบสะอึก พออ่านจบ ผมต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และลดความร้อนในใจอยู่หลายวัน กว่าจะตัดสินใจว่า จะเอามาเขียนเล่าสู่กันฟัง รายงานนี้มีความหมายมากครับ เหมือนเป็นเข็มทิศและเครื่องวัดอุณหภูมิของโลก และที่สำคัญ มีความเกี่ยวพันกับแดนสมันน้อยของเรา ในช่วงเวลานับจากนี้เป็นต้นไป Edward Mead บรรณาธิการรุ่นเก๋าชื่อดัง ได้เขียนอธิบายความหมายของคำว่า Grand Strategy ไว้ว่า เป็นศิลปะของการควบคุม และการใช้ทรัพยากรทั้งหมดของประเทศอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์สุงสุดของประเทศและเพื่อปกป้องตนเองจากผู้ที่เป็นศัตรู หรือมีโอกาสที่จะกลายเป็นศัตรู หรือเพียงแต่คาดว่า อาจจะเป็นศัตรู… และเป็นยุทธศาสตร์ที่มิได้ใช้เฉพาะในภาวะสงครามเท่านั้น แต่ใช้ในทุกสภาวะของรัฐนั้น เทียบกับสมัยโบราณของบ้านเรา Grand Stategy คงจะเป็นทำนองหลักพิชัยสงครามขั้นสูงสุด นะครับ ” จีน นับเป็นขู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา ในขณะนี้ และในอีกหลายๆทศวรรษต่อไป” China represents and will remain the most significant competitor to the United States for decades to come” คนเขียนรายงานการวิเคราะห์ เขาเกริ่นเริ่มต้นเช่นนั้น อ่านเผินๆ เหมือนน้ำไหลเอี่อยๆ ไม่เห็นต้องสดุ้ง สะอึก อะไรเลย แต่ประโยคต่อไปของเขา ความเอื่อยค่อยๆเปลี่ยน.. …จีน กำลังดำเนินยุทธศาสตร์ ของตน ซึ่งมีเป้าหมาย ที่จะควบคุมประชาสังคมทั้งในและนอกประเทศจีน ที่อยู่ใกล้กับอาณาบริเวณของจีน ให้สงบราบคาบ และสร้างสถานะของจีนให้แข็งแกร่งในประชาคมนานาชาติ เพื่อเข้าไปแทนที่อเมริกา ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเอเซีย.. …ความพยายามของอเมริกา ที่จะนำจีนเข้ามาอยู่ในระบบที่ใช้กันอยู่ในสากล กลายเป็นการสร้างความคุกคามให้แก่อเมริกาเอง ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในเอเซีย และในที่สุดจีนอาจเป็นผู้ท้าทาย ความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในโลก ของอเมริกาด้วย.. .. อเมริกาจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด ในนโยบายปัจจุบันของอเมริกา เพื่อเป็นการจำกัดอันตราย ที่อาจมีต่อผลประโยชน์ของอเมริกาในภูมิภาคเอเซีย และในระดับโลก ที่เกิดจากการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ และการทหารของจีน การเปลี่ยนแปลงยโยบายของอเมริกาดังกล่าว จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นความจำเป็น ที่จะต้องรักษาความเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของอเมริกาในระบบปัจจุบันของโลกเอา ไว้… ….การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของจีน ในช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้จีนสามารถสร้างอำนาจ ที่ยากแก่การเอาชนะ กลายเป็นประเทศที่สามารถจะครอบงำภูมิภาคเอเซีย และเป็นอันตรายต่อวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และผลประโยชน์ ของอเมริกาในภูมิภาค ด้วยเศรษฐกิจที่โตแบบพุ่งพรวดของจีน แม้รายได้ต่อหัวของคนจีน จะยังตามหลังคนอเมริกันก็ตาม แต่ก็ยังทำให้ปักกิ่ง สามารถท้าทายความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านแถบเอเซียและอิทธิพลของอเมริกาในเอเซีย ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่ออเมริกาอย่างน่าอันตราย และแม้การเติบโตของจีดีพีของจีน อาจจะช้าลงอย่างเห็นชัดในอนาคต แต่เมื่อเทียบกับของอเมริกาในอนาคตแล้ว ก็ยังจะสูงกว่าอเมริกาอยู่ดี จึงทำให้การถ่วงดุลอำนาจจีน จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง การทำให้รากฐานของจีนล่มสลายเท่า นั้น (fundamental collapse) จึงเป็นทางเดียว ที่จะทำให้อเมริกาพ้นจาก “ภาระ” การถ่วงดุลกับจีน เพราะว่า แม้จะทำให้จีน “สะดุด” หัวทิ่มบ้าง ก็ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะขจัดอันตราย ที่จีนมีต่ออเมริกาในเอเซีย และที่ไกลโพ้นไปกว่านั้น ในบรรดาชาติทั้งหมด และไม่ว่าในสถานการณ์ใดเท่าที่จะคาดการณ์ได้ มีแต่จีนเท่านั้น ที่จะเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของอเมริกา และจะเป็นอยู่เช่นนั้นไปอีกหลายทศวรรษ การผงาดขึ้นมาของจีน จนถึงขณะนี้ ได้สร้างความท้าทายอำนาจของอเมริกา (และอำนาจของอเมริกาที่มีต่อ)มิตร ของอเมริกา ไม่ว่าทางด้านภูมิศาสตร์ การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และที่สำคัญ ต่อการจัดระเบียบโลก “ภายใต้ข้อกำหนด” ของอเมริกา และถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป ยิ่งนานไป ก็ยิ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของอเมริการุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ นโยบายที่อเมริกาใช้อยู่กับจีนขณะนี้ เป็นนโยบายที่รับรองคุณค่าของจีนทางเศรษฐกิจและปล่อยให้เกิดเสรีทางการเมืองในนานาชาติ ด้วยค่าใช้จ่าย หรือการเสียประโยชน์ของอเมริกาในการเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก มันห่างไกลกับการใช้ยุทธศาสตร์แบบ “grand” แถมไม่มีทางจะได้ผลอะไรขึ้นมา จำเป็นอย่างยิ่งแล้ว ที่อเมริกาจะต้องตอบโต้การเติบโตของอำนาจจีนอย่างเร่งด่วน ซึ่งแม้จะทำตอนนี้ ยังเกือบจะสายไป.. อือ หือ…. ผมอ่านวิธีการเขียนของ คุณสุดกร่าง ถังขยะความคิด CFR แล้วต้องยอม ว่าเขาใหญ่จริง เขาตบอาเฮียของผม แบบไม่เลี้ยงเลยนะ เอาซะกกหูบวม หัวโน คางโย้ เพราะอาเฮียอีดันโตเร็ว โตไป ใหญ่ไป มันคงไปกระตุ้นต่อมอิจฉา ต่อมหมั่นไส้ ของไอ้พวกนักล่าใบตองแห้ง อย่างทนไม่ไหว เอาซะใบตองปลิวกระจาย ข้อหาความผิดของอาเฮีย คือใหญ่ขนาดมาทาบรัศมี นี่ ไอ้นักล่ารับไม่ได้จริงๆ คงเหมือนเด็กถูกเหยียบเงาหัว ที่สำคัญคือ อาเฮียไม่ยอมคุกเข่า สะบัดแขนคำนับอเมริกา แถมยังเดินหน้าตามวิธีการ นอกรูปแบบ ที่อเมริกากำกับ หรือสั่งให้สิ่งมีชีวิตทั้งโลกทำตาม ขนาดสั่งให้แผ่นดินไหว ให้เกิดพายุยังทำได้เลย จวนจะเป็นพระเจ้าอยู่แล้วรู้ไหม เอะ หรือเป็นแล้ว… แล้วจีนเป็นใครมาจากไหน ถึงสั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ เรื่องมันสำคัญตรงนี้ เพราะฉะนั้น สำหรับนักล่าเมื่อสั่งกันไม่ได้ ก็ต้องสอยให้ร่วง (fundamental collapse) มีแค่นั้นเอง เข้าใจไหมครับอาเฮีย “แผนสอยมังกร” ตอน 2 จีนสร้างความเจริญเติบโตอย่างไร สุดกร่าง CFR บอกว่า จีนขึ้นต้นด้วยการสร้างหัวขบวนก่อนอื่น สร้างหัวหน้าที่มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ เหนือกว่าสถาบันใดในประเทศ หลังจากนั้นจึงเดินหน้าสู่ภาระกิจ 4 ประการ – จัดระเบียบภายในประเทศ จัดแถวหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ แต่สุดกร่าง ติติง ว่า การเป็นผู้นำประเทศของจีนมักมีปัญหาในเรื่องของการปกครองที่ไม่ชอบธรรม และขาดธรรมาภิบาล ( ผมว่า ไอ้สุดกร่างนี่มันเขียนลอกจากคู่มือ ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง แจกไปทั่วโลก เรื่องธรรมาภิบาลในการบริหาร Good Governance ทำให้นึกถึงน้านันของผมเลย มีอยู่ช่วงหนึ่ง ขึ้นเวทีไหนไม่พูดเรื่องนี้ เหมือนเป็นตัวปลอมเลย 55) – จีนเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการสร้างความเข้มแข็งในสมัยเติ้งเสี่ยวผิง เพราะเชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจของประเทศดี ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ความวุ่นวายทางสังคมจะน้อยลง และการปกครองประชาชนจะง่ายขึ้น ดังนั้นนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นนโยบายที่จำเป็นอย่างยิ่งของจีน นอกจากนั้น การเน้นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ ยังเป็นเครื่องมือให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) สามารถจัดระเบียบสังคมจีน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันนัก (การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจของจีน ไม่ได้เกี่ยวกับการแข่งขันทางการเมือง เพราะทางการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ในการบริหารประเทศ) ดังนั้นการปฏิรูปประเทศ ด้านเศรษฐกิจ จึงไม่ใช่เป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เป็นนโยบายสำคัญด้านการเมืองภายในของจีนด้วย หมายความว่า จีนไม่มีทางเลิกนโยบายนี้ และเป็นเรื่องที่สุดกร่าง CFR บอกว่า ยิ่งจีนเดินหน้าตามเส้นทางนี้ โอกาสกระแทกนักล่า หล่นจากการเป็นผู้กุมชะตาโลกแต่ผู้เดียว ก็เป็นเรื่องน่าหวั่นใจมาก…. แหม ก็แค่ทำแท่นให้มันใหญ่ขึ้น ยืนด้วยกันหลายๆคน ใหญ่ๆ ด้วยกัน เก่งๆ กันทั้งนั้น ช่วยๆกันทำให้โลกนี้มันดีขึ้นนี่ พวกเอ็งขัดใจมากนักหรือไง ขอโทษครับ ผมไม่สุภาพไปหน่อย – เมื่อเศรษฐกิจจีนดีขึ้น ต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 กว่า ถึง 1990 กว่า จีนก็รวยเอาๆ จนเปลี่ยนฐานะเป็นเศรษฐี เป็นเศรษฐีแล้วจะนั่งอุดอู้อยู่แต่ในบ้านทำไม สุดกร่างบอก จีนเลยเริ่มเดินเผ่นผ่านออกไปนอกบ้าน ไปตบหัวลูบหลังเด็กๆที่อยู่แถวนอกบ้าน จึงเป็นที่มาของนโยบายของจีน ที่จะแผ่อิทธิพลในแถบอินโดแปซิฟิก แต่โลกมันก็เปลี่ยนด้วย รอบตัวจีนไม่ได้มีแต่พวกเด็กน้อยที่รอจีนมาตบหัวลูบหลัง แต่มีพวกกล้ามใหญ่ที่เป็นคู่แข็งจีนด้วยซ้ำ ยืนกอดอกดูจีนอยู่เหมือนกัน เช่น รัสเซีย ญี่ปุ่น และอินเดีย และนอกจากนั้น พวกที่อาจเคยเกรงใจจีนมาในสมัยก่อน เช่น เกาหลีใต้ และเวียตนาม แต่บัดนี้ ก็กลายเป็นประเทศที่ดูแลตนเองได้ แม้จะยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง ก็ไม่แสดงความสนใจว่าจะไปซุกอยู่ใต้อุ้งเล็บมังกร และเมื่อจีนคิดขยายวง ประเล้าประโลมออกไปเรื่อยๆ ก็ดันไปเจอเอาฐานทัพและกองกำลังอันแข็งแกร่งของอเมริกา ที่กระจายอยู่เต็มบ้านของพันธมิตรของอเมริกา ซึ่งยากที่จีนจะทะลวงเข้าไปได้ ….แม่จ้าวโว้ย อ่านที่ไอ้สุดกร่างบรรยายถึงตอนนี้ เล่นเอาผมเคลิ้มจนเอกสารปึกใหญ่หล่น เมื่อทางเข้าเส้นนี้มีอุปสรรค หนทางเดินหน้าตามแผนของจีน ในความเห็นของสุดกร่าง ก็คือ จีนยิ่งใช้อำนาจทางเศรษฐกิจ สานไมตรีกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคหนักเข้าไปกว่าเดิมและเพื่อไม่ให้ถูกนินทาว่า จีนกำลังจะฮุบเอเซีย จีนก็เริ่มหันไปจับมือกับรัสเซีย ทำทีเป็นเห็นใจรัสเซีย ที่ถูกตะวันตกคว่ำบาตรใส่ จนหน้าบุบไปหมดแล้ว แต่ที่แสบที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องอิทธิพลอเมริกาที่มีอยู่ทั่วเอเซียอย่างชอบธรรมนั้น จีนพยายามหาเหตุอ้างว่าไม่เหมาะสม และกำลังเดินนโยบายที่จีนบอกว่า จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจอเมริกาในเอเซียเสียใหม่ … อาเฮียครับ พระเจ้านักล่าบอกว่า อิทธิพลของเขาที่มีอยู่ทั่วเอเซีย “ชอบธรรม” แล้ว อาเฮียจะเถียง จะท้าทายเขาแน่จริงไหมครับ พวกผมจะได้เตรียมตัว..หลบ – ประการสุดท้าย ที่จีนแสดงอาการให้เห็นเป็นการท้าทายอเมริกา ในความเห็นของสุดกร่าง คือ จีนเริ่มก้าวเข้าไปเบ่งกล้ามใน ระบบสากล เพื่อแสดงให้เห็นว่า จีนก็เป็นดาราอินเตอร์ได้ อันที่จริง บทดาราอินเตอร์ จีนก็ได้เล่นอยู่แล้ว ต้ังแต่ก่อน การปฏิวัติคอมมิวนิสต์ ค.ศ.1949 ซึ่งจีนได้รับสิทธิในการออกเสียงคัดค้าน (veto) ในฐานะสมาชิกถาวร ในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ (UNSC) เพียงแต่ตอนนั้น จีนเลือกที่จะเป็นคอมจนๆ เสียงในสากลก็เลยไม่ดัง ตอนนี้ จีนเปลี่ยนมาเล่นบทเป็นเศรษฐี บวกกับยังมีตำแหน่งดาราอินเตอร์ของเดิมค้างอยู่ คราวนี้ เสียงจีนในสหประชาชาติ ก็เลยยิ่งดังโดยไม่ต้องใช้ไมค์… แบบนี้ เขาจะไม่หมั่นไส้อาเฮีย จนคันไปทั้งแผงหลังได้ยังไง…. และจีนก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อเห็นว่าตัวเองมีเศรษฐกิจดี จีนเริ่มออกความเห็น และพยายามเข้ามามีอิทธิพลใน IMF และ World Bank เพื่อใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของตน จีนทำตัวเป็นดาราอินเตอร์เต็มตัว เหมือนกับพวกที่เริ่มมีอำนาจทางการเมืองโลกใหม่เขาทำๆกัน นี่.. ด่ากระทบซะเลย แต่พวกเศรษฐีใหม่ก็เป็นอย่างนี้แหละ พยายามเสนอตัวเอง เข้าไปในสังคมโลก เฉพาะในทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ถ้าจะต้องเสียสละทำให้สวนรวม ก็ยังไม่เห็นจีนแสดงบทบาทอะไรที่เหมาะสมกับความเป็นเศรษฐีของตน และแม้ว่าจะเป็นถึงหมายเลขสองของโลกในด้าน เศรษฐกิจและการงบประมาณด้านทหาร จีนก็พยายามวางนโยบาย ที่จะเอาภาระที่จะต้องเสียสละให้แก่สังคม ไปให้อเมริกาและประเทศอื่น ที่ยังมีสถานะเป็นเพียงประเทศที่กำลังพัฒนาด้วยซ้ำ ..อันนี้ด่าอาเฮียเจ็บนะครับ หาว่า เขารวย แต่ เค็ม เห็นแก่ตัว ทำนองนั้น…. แต่เวลาจะสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง จีนกลับตัดอเมริกาออก เช่น เมื่อจีนพยายามรวมกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้า ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยการรวมกลุ่มกับบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และอาฟริกาใต้ (BRICS) นอกจากนั้น จีนยังพยายามสร้างความร่วมมือ กับประเทศในภูมิภาคอื่น เช่น China-Africa Cooperation, China-Arab Cooperation Forum เพื่อแข่งขันกับองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจรุ่นเก่าๆ สมดังคำเปรียบเปรยของ นาย เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่กล่าวว่า จีนยังวุ่นอยู่กับการนำตัวเองเข้าไปจัดการองค์กรที่ได้จัดสร้างขึ้น โดยจีนไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาวัตถุประสงค์ขององค์กรเหล่านั้น … ไอ้สุดกร่าง นี่มันสรรหามาแดกดันได้ทุกเรื่องจริงๆ สุดกร่างสรุปในที่สุดว่า จีนไม่ได้มีนโยบายที่จะเป็นประเทศที่มุ่งจะทำการค้าขาย “trading state” แต่อย่างใด แม้ว่าในผลลัพธ์จะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม แต่โดยแท้จริงแล้ว จีนมุ่งหมายที่จะเป็นมหาอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ conventional great power เต็มยศชุดใหญ่ ในด้านการเมือง และการทหาร การท้าชิงความเป็นใหญ่ในเอเซียกับอเมริกา เป็นแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น สำหรับการก้าวไปสู่การเป็นมหาอำนาจในโลกของจีน นี่คือ ” จีน ” ตามข้อกล่าวหา และในสายตาของถังความคิด CFR ที่ประธานาธิบดีของอเมริกาเกือบทุกคน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ” ต้อง” ให้ความสนใจ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 636 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน พักบานาฮิลล์ 5,999

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ FD-แอร์เอเชีย
    พักโรงแรม

    บานาฮิลล์
    สะพานมือยักษ์
    สะพานมังกร
    สะพานแห่งความรัก
    นั่งเรือกระด้ง
    เมืองโบราณฮอยอัน
    วัดหลินอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    จองและจ่ายภายใน 04-11 พ.ย. 68 เท่านั้น

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน พักบานาฮิลล์ 😍🎡 5,999 🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ FD-แอร์เอเชีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 วัดหลินอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina 🔥🔥 จองและจ่ายภายใน 04-11 พ.ย. 68 เท่านั้น 🔥🔥 รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน พักบานาฮิลล์ ปี 69 11,900

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์
    พักโรงแรม

    บานาฮิลล์
    สะพานมือยักษ์
    สะพานมังกร
    สะพานแห่งความรัก
    นั่งเรือกระด้ง
    เมืองโบราณฮอยอัน
    วัดหลินอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน พักบานาฮิลล์ ปี 69😍🎡 11,900 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 วัดหลินอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ชาวนาแดนมังกรสร้างเรือดำน้ำใช้งานได้จริงด้วยงบแค่ $5,570! ความฝันที่กลายเป็นจริงของ Zhang Shengwu

    เรื่องราวสุดเหลือเชื่อของ Zhang Shengwu ชาวนาจากมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ผู้ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำส่วนตัวชื่อ “Big Black Fish” ด้วยงบประมาณเพียงประมาณ 5,570 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกว่า “ความฝันไม่จำกัดด้วยอาชีพหรือเงินทุน”.

    Zhang เติบโตริมแม่น้ำแยงซี เคยทำงานเป็นชาวนา ช่างไม้ ช่างเชื่อม และในอุตสาหกรรมขนส่ง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรือดำน้ำเลย จนกระทั่งปี 2014 เขาเห็นเรือดำน้ำครั้งแรกจากรายการโทรทัศน์ และตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาเองจากเศษเหล็ก แบตเตอรี่ และเครื่องยนต์

    หลังจากต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่ว Zhang พัฒนารุ่นใหม่ที่สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ และเคยใช้เรือดำน้ำนี้ช่วยค้นหาอวนหายจนได้รับค่าจ้างถึง $417

    เรื่องราวของ Zhang ไม่ใช่แค่การสร้างเรือดำน้ำ แต่คือการพิสูจน์ว่า “ความฝันสามารถเป็นจริงได้” หากมีความมุ่งมั่นและความพยายาม

    Zhang Shengwu ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำเอง
    เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจที่ได้จากรายการโทรทัศน์ในปี 2014

    งบประมาณทั้งหมดเพียงประมาณ $5,570
    ใช้กับวัสดุและการก่อสร้างทั้งหมด

    เรือดำน้ำชื่อ “Big Black Fish” มีขนาด 22 ฟุต ยาว 5.9 ฟุต สูง
    ดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน

    ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ
    เคยใช้ช่วยค้นหาอวนหายและได้รับค่าจ้าง $417

    เสริมความมั่นคงด้วยคอนกรีตเกือบ 2 ตันและถังถ่วงน้ำ
    ใช้ซิลิโคนเสริมรอยเชื่อม และมีแผงควบคุมเรืองแสงสีฟ้า

    ได้รับสิทธิบัตรระดับประเทศจากต้นแบบเรือดำน้ำ
    และอีกหนึ่งสิทธิบัตรจากเรือผิวน้ำที่สร้างคลื่นน้อย

    ต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่วเมื่ออยู่ใต้น้ำ
    ทำให้ต้องพัฒนาใหม่เป็นเรือผิวน้ำก่อนกลับมาสร้างเรือดำน้ำอีกครั้ง

    การสร้างเรือดำน้ำต้องใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและความปลอดภัยสูง
    อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านช่างหรือการออกแบบโครงสร้าง

    https://www.slashgear.com/2010050/china-farmer-homemade-submarine-zhang-shengwu/
    🌊 ชาวนาแดนมังกรสร้างเรือดำน้ำใช้งานได้จริงด้วยงบแค่ $5,570! ความฝันที่กลายเป็นจริงของ Zhang Shengwu เรื่องราวสุดเหลือเชื่อของ Zhang Shengwu ชาวนาจากมณฑลอานฮุย ประเทศจีน ผู้ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำส่วนตัวชื่อ “Big Black Fish” ด้วยงบประมาณเพียงประมาณ 5,570 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกว่า “ความฝันไม่จำกัดด้วยอาชีพหรือเงินทุน”. Zhang เติบโตริมแม่น้ำแยงซี เคยทำงานเป็นชาวนา ช่างไม้ ช่างเชื่อม และในอุตสาหกรรมขนส่ง แต่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรือดำน้ำเลย จนกระทั่งปี 2014 เขาเห็นเรือดำน้ำครั้งแรกจากรายการโทรทัศน์ และตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาเองจากเศษเหล็ก แบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ หลังจากต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่ว Zhang พัฒนารุ่นใหม่ที่สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ และเคยใช้เรือดำน้ำนี้ช่วยค้นหาอวนหายจนได้รับค่าจ้างถึง $417 เรื่องราวของ Zhang ไม่ใช่แค่การสร้างเรือดำน้ำ แต่คือการพิสูจน์ว่า “ความฝันสามารถเป็นจริงได้” หากมีความมุ่งมั่นและความพยายาม 💪 ✅ Zhang Shengwu ใช้เวลากว่า 10 ปีสร้างเรือดำน้ำเอง ➡️ เริ่มต้นจากแรงบันดาลใจที่ได้จากรายการโทรทัศน์ในปี 2014 ✅ งบประมาณทั้งหมดเพียงประมาณ $5,570 ➡️ ใช้กับวัสดุและการก่อสร้างทั้งหมด ✅ เรือดำน้ำชื่อ “Big Black Fish” มีขนาด 22 ฟุต ยาว 5.9 ฟุต สูง ➡️ ดำน้ำได้ลึกถึง 26 ฟุต รองรับผู้โดยสาร 2 คน ✅ ใช้กล้องติดเสาเพื่อตรวจสอบพื้นแม่น้ำก่อนดำน้ำ ➡️ เคยใช้ช่วยค้นหาอวนหายและได้รับค่าจ้าง $417 ✅ เสริมความมั่นคงด้วยคอนกรีตเกือบ 2 ตันและถังถ่วงน้ำ ➡️ ใช้ซิลิโคนเสริมรอยเชื่อม และมีแผงควบคุมเรืองแสงสีฟ้า ✅ ได้รับสิทธิบัตรระดับประเทศจากต้นแบบเรือดำน้ำ ➡️ และอีกหนึ่งสิทธิบัตรจากเรือผิวน้ำที่สร้างคลื่นน้อย ‼️ ต้นแบบแรกมีปัญหาเรื่องการรั่วเมื่ออยู่ใต้น้ำ ⛔ ทำให้ต้องพัฒนาใหม่เป็นเรือผิวน้ำก่อนกลับมาสร้างเรือดำน้ำอีกครั้ง ‼️ การสร้างเรือดำน้ำต้องใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมและความปลอดภัยสูง ⛔ อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านช่างหรือการออกแบบโครงสร้าง https://www.slashgear.com/2010050/china-farmer-homemade-submarine-zhang-shengwu/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Chinese Farmer Has A Unique Hobby – He Built A Working Submarine - SlashGear
    A Chinese Farmer living near the Yangtze River in the Anhui province built a working submarine, investing a surprisingly low sum of around $5,570.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำความมั่นใจ สามารถแก้ไขปัญหาและบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้ ในการประชุมเจรจากับ สี จิ้นผิง ซึ่งปักกิ่งเพิ่งออกมายืนยันว่า ผู้นำทั้งสองจะพบปะกันที่เมืองปูซาน ของเกาหลีใต้ ในวันพฤหัสฯ (30 ต.ค.) และแดนมังกรยินดีร่วมมือกับอเมริกาเพื่อให้แน่ใจว่า ซัมมิตครั้งนี้จะมีผลลัพธ์ที่ดี อีกทั้งสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์อันมั่นคงระหว่างสองประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103515

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    โดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำความมั่นใจ สามารถแก้ไขปัญหาและบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้ ในการประชุมเจรจากับ สี จิ้นผิง ซึ่งปักกิ่งเพิ่งออกมายืนยันว่า ผู้นำทั้งสองจะพบปะกันที่เมืองปูซาน ของเกาหลีใต้ ในวันพฤหัสฯ (30 ต.ค.) และแดนมังกรยินดีร่วมมือกับอเมริกาเพื่อให้แน่ใจว่า ซัมมิตครั้งนี้จะมีผลลัพธ์ที่ดี อีกทั้งสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์อันมั่นคงระหว่างสองประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103515 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ?

    ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน

    การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์

    Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้”

    สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ

    1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO
    ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์
    65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น
    25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack
    การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย

    คำเตือน
    หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป”
    การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว

    2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง”
    ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์
    Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ
    Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น
    เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง

    คำเตือน
    ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น
    หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม

    3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า
    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ
    Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน”
    Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email

    คำเตือน
    การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม
    การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย

    4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน
    ความเห็นจาก Oberlaender
    บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง
    ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก
    ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล

    คำเตือน
    การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง
    การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    🛡️ ทำไม CISO ต้อง “ปราบมังกรไซเบอร์” เพื่อให้ธุรกิจเคารพ? ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ตำแหน่ง CISO (Chief Information Security Officer) กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นตำแหน่งที่มักถูกมองข้ามหรือกลายเป็น “แพะรับบาป” เมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ บทความจาก CSO Online ได้สำรวจว่าเหตุใด CISO จึงต้องเผชิญกับความท้าทายมหาศาลเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน การรับมือกับเหตุการณ์ไซเบอร์ เช่น ransomware attack ไม่เพียงแต่เป็นบททดสอบด้านเทคนิค แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของชื่อเสียงและอำนาจภายในองค์กร จากการสำรวจของ Cytactic พบว่า 65% ของ CISO ที่เคยนำทีมรับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ขณะที่ 25% ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังเกิดเหตุการณ์ Michael Oberlaender อดีต CISO ที่เคยผ่านวิกฤตใหญ่เล่าว่า หลังจากป้องกันการโจมตีได้สำเร็จ เขาได้รับอำนาจเต็มในการตัดสินใจทางการเงิน และเสียงของเขาในที่ประชุมก็ได้รับการรับฟังอย่างจริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่า การได้รับความเคารพไม่ควรต้องแลกกับการเผชิญภัยคุกคามเสมอไป Jeff Pollard จาก Forrester กล่าวว่า “ถ้าเราไม่เห็นภัยเกิดขึ้น เราก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” และ Chris Jackson เปรียบ CISO กับโค้ชกีฬา: “ต่อให้ชนะทุกเกม แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็อาจถูกปลดได้” 🔍 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ 1️⃣ เหตุการณ์ไซเบอร์คือจุดเปลี่ยนของ CISO ✅ ผลกระทบจากการรับมือเหตุการณ์ ➡️ 65% ของ CISO ที่รับมือเหตุการณ์สำเร็จ ได้รับความเคารพเพิ่มขึ้น ➡️ 25% ถูกปลดหลังเกิด ransomware attack ➡️ การรับมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของทีมรักษาความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ หากรับมือผิดพลาด อาจกลายเป็น “แพะรับบาป” ⛔ การไม่เตรียมซ้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า อาจทำให้ทีมล้มเหลว 2️⃣ ความเคารพต้องแลกด้วย “การพิสูจน์ตัวเอง” ✅ ตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์ ➡️ Michael Oberlaender ได้รับอำนาจเต็มหลังป้องกันเหตุการณ์สำเร็จ ➡️ Finance และผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น ➡️ เสียงของเขาในที่ประชุมได้รับการรับฟังอย่างจริงจัง ‼️ คำเตือน ⛔ ความเคารพอาจเกิดขึ้นเฉพาะหลังเกิดวิกฤตเท่านั้น ⛔ หากไม่มีเหตุการณ์ให้ “โชว์ฝีมือ” CISO อาจถูกมองข้าม 3️⃣ ปัญหาการสื่อสารและการมองเห็นคุณค่า ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ Brian Levine ชี้ว่า การเพิ่มงบประมาณหลังเหตุการณ์ ไม่ใช่เพราะเคารพ CISO แต่เพราะต้องเสริมระบบ ➡️ Jeff Pollard ชี้ว่า “ถ้าไม่เห็นภัย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการป้องกัน” ➡️ Erik Avakian แนะนำให้ใช้ KPI เพื่อแสดงคุณค่าทางธุรกิจ เช่น การลด spam email ‼️ คำเตือน ⛔ การสื่อสารไม่ชัดเจน อาจทำให้ความสำเร็จถูกมองข้าม ⛔ การไม่แสดงผลลัพธ์เป็นตัวเลข อาจทำให้ผู้บริหารไม่เข้าใจคุณค่าของงานรักษาความปลอดภัย 4️⃣ ปัญหาการจ้างงาน CISO ในตลาดปัจจุบัน ✅ ความเห็นจาก Oberlaender ➡️ บริษัทควรจ้าง CISO ที่มีประสบการณ์จริง ➡️ ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกจ้าง “virtual CISO” ที่ขาดความรู้ลึก ➡️ ส่งผลให้เกิดการจัดการเหตุการณ์ผิดพลาดและข้อมูลรั่วไหล ‼️ คำเตือน ⛔ การจ้างงานราคาถูกอาจนำไปสู่ความเสียหายที่มีต้นทุนสูง ⛔ การละเลยคุณสมบัติด้านประสบการณ์ อาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/4074994/why-must-cisos-slay-a-cyber-dragon-to-earn-business-respect.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why must CISOs slay a cyber dragon to earn business respect?
    Security leaders and industry experts weigh in on the complex calculus of CISOs’ internal clout.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีคะคุณอาสนธิ🙏🏾"หนูเห็นข่าวจีนจะมาปรามสแกมเมอร์ที่กัมพูชา จะปรามได้จริงๆเหรอคราวก่อนก็มาบ้านเราไปที่พม่าขนกลับไป5หมื่นคน ต่อมามีศูนย์ใหญ่ที่กัมพูชากับพม่าเหมือนเดิมแบบนี้มันคืออะไรกัน หลับตาข้างหนึ่งหรือเปล่า จริงๆส่งพวกนี้มาบ่อนทำลายความมั่นคงในเอเซียแล้วก็เอาเงินสกปรกมาให้ นกม.หนุนอยู่ข้างหลังไหมเพราะถ้าปรามจริงป่านี้น่าจะหมดไปแล้วนะหนูสงสัยว่าเขากำลังเล่นบทอะไรอยู่ "มังกรกับอีแร้งพวกเดียวกันหรือเปล่า เห็นว่ามังกรปรามทุจริตคอรัปชั่นแต่!!!!"มาเฟียเต็มไปหมด ทั่วทุกวงการ ไทยมามีศึกคราวนี้มองเห็นอะไรๆชัดขึ้นเยอะเลยจริงๆแล้วมีแต่คนต้องการผลประโยชน์จากเรา ไม่มีมิตรจริงๆที่คบได้เลย มังกรไปทำเหมืองที่พม่าก็ปล่อยสารเคมีลงแม่น้ำเรา ทางเหนือใช้น้ำไม่ได้เลยอันตรายปนเปื้อนสัตว์น้ำตายเกลื่อน เขาสร้างเขื่อนเหนือแม่น้ำโขงวันดีคืนดีก็ปล่อยน้ำมาท่วมเรามาช่วงหลังๆทางเหนือน้ำท่วมผิดปกติเวลาแล้งเดินเล่นได้เลยไม่ปล่อยน้ำให้ประเทศท้ายน้ำได้ใช้เลย ตอนนี้ทั้งมังกร&อีแร้งแทรกแซงไทยมาตลอดตั้งแต่รบเขมรส่งอาวุธให้เขมรอีกต่างหากเป็นแบบนี้ไงเราถึงไม่ควรอยู่ข้างใครทั้งสิ้นยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง แต่"นกม มันเอาแต่ผลประโยชน์พวกมันน่ะซิ เขาส่งอาวุธให้เขมรๆมันถึงท้าเรารบตลอดเวลาเพราะมีพี่ใหญ่หนุน ส่วนไอกันก็อยากได้แหล่งน้ำมันแก๊สในอ่าวไทยเรา แล้วคนไทยมันก็ตัดแผ่นดินขายซะด้วยหนูฟังชาวเวียดนามเขาคุยกันถึงสยามประเทศไทยฟังแล้วยัง งง?ส่วนมังกรถ้าไม่ได้เราก็ทำลายทิ้งซะเลยแบบนั้นไหมปล่อยน้ำมาท่วมให้มันไม่ฟื้นเลย มาตอนนี้เห็นคนจีนเขาคุยกันว่าชนชั้นนำจะฆ่าใครก็ได้....มีนายกคนหนึ่งพูดว่าฆ่าคนเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่งเท่านั้นแคร์ทำไม?คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้นำ ""หนูว่าคอมมิวนิสต์ฯนี้ก็ไม่ไหวนะ ใครวิจารณ์ คนอยู่ในความหวาดกลัว"ส่วนอีแร้งก็ไม่แพ้กันเผด็จการสุดขั้วไปเลย แค่โพตส์ด่าปธน.ตำรวจไปยิงตายถึงบ้านเลย ตอนนี้ไม่รู้ประเทศไทยยังไว้ใจใครได้อีกบ้างไหม??
    สวัสดีคะคุณอาสนธิ🙏🏾"หนูเห็นข่าวจีนจะมาปรามสแกมเมอร์ที่กัมพูชา จะปรามได้จริงๆเหรอคราวก่อนก็มาบ้านเราไปที่พม่าขนกลับไป5หมื่นคน ต่อมามีศูนย์ใหญ่ที่กัมพูชากับพม่าเหมือนเดิมแบบนี้มันคืออะไรกัน หลับตาข้างหนึ่งหรือเปล่า จริงๆส่งพวกนี้มาบ่อนทำลายความมั่นคงในเอเซียแล้วก็เอาเงินสกปรกมาให้ นกม.หนุนอยู่ข้างหลังไหมเพราะถ้าปรามจริงป่านี้น่าจะหมดไปแล้วนะหนูสงสัยว่าเขากำลังเล่นบทอะไรอยู่ "มังกรกับอีแร้งพวกเดียวกันหรือเปล่า เห็นว่ามังกรปรามทุจริตคอรัปชั่นแต่!!!!🙄"มาเฟียเต็มไปหมด ทั่วทุกวงการ ไทยมามีศึกคราวนี้มองเห็นอะไรๆชัดขึ้นเยอะเลยจริงๆแล้วมีแต่คนต้องการผลประโยชน์จากเรา ไม่มีมิตรจริงๆที่คบได้เลย มังกรไปทำเหมืองที่พม่าก็ปล่อยสารเคมีลงแม่น้ำเรา ทางเหนือใช้น้ำไม่ได้เลยอันตรายปนเปื้อนสัตว์น้ำตายเกลื่อน เขาสร้างเขื่อนเหนือแม่น้ำโขงวันดีคืนดีก็ปล่อยน้ำมาท่วมเรามาช่วงหลังๆทางเหนือน้ำท่วมผิดปกติเวลาแล้งเดินเล่นได้เลยไม่ปล่อยน้ำให้ประเทศท้ายน้ำได้ใช้เลย ตอนนี้ทั้งมังกร&อีแร้งแทรกแซงไทยมาตลอดตั้งแต่รบเขมรส่งอาวุธให้เขมรอีกต่างหากเป็นแบบนี้ไงเราถึงไม่ควรอยู่ข้างใครทั้งสิ้นยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง แต่"นกม มันเอาแต่ผลประโยชน์พวกมันน่ะซิ เขาส่งอาวุธให้เขมรๆมันถึงท้าเรารบตลอดเวลาเพราะมีพี่ใหญ่หนุน ส่วนไอกันก็อยากได้แหล่งน้ำมันแก๊สในอ่าวไทยเรา แล้วคนไทยมันก็ตัดแผ่นดินขายซะด้วยหนูฟังชาวเวียดนามเขาคุยกันถึงสยามประเทศไทยฟังแล้วยัง งง?ส่วนมังกรถ้าไม่ได้เราก็ทำลายทิ้งซะเลยแบบนั้นไหมปล่อยน้ำมาท่วมให้มันไม่ฟื้นเลย มาตอนนี้เห็นคนจีนเขาคุยกันว่าชนชั้นนำจะฆ่าใครก็ได้....มีนายกคนหนึ่งพูดว่าฆ่าคนเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่งเท่านั้นแคร์ทำไม?😯คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้นำ ""หนูว่าคอมมิวนิสต์ฯนี้ก็ไม่ไหวนะ ใครวิจารณ์💀 คนอยู่ในความหวาดกลัว🤐"ส่วนอีแร้งก็ไม่แพ้กันเผด็จการสุดขั้วไปเลย แค่โพตส์ด่าปธน.ตำรวจไปยิงตายถึงบ้านเลย ตอนนี้ไม่รู้ประเทศไทยยังไว้ใจใครได้อีกบ้างไหม??😔
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีคะคุณอาสนธิ"หลายเดือนก่อนมีกระแสปฏิวัติยึดอำนาจ สีจินผิงจริงๆใช่ไหมคะ เพราะเขาไปขอเข้าพบ หูจินเทาแต่เขาอ้างว่าสุขภาพไม่ดีไม่ออกมาพบให้เลขาเอาหนังสือ8ข้อออกมาอ่านให้ฟังมันเหมือนตบหน้าสีจินผิงอย่างแรง อย่างข้อแรก(1).บอกเธอมาพบฉันไม่ใช่เพราะอยากพบฉันแต่เธอมาเพื่ออำนาจของเธอ วันนั้นเธอเชิญฉันออกกลางคันอ้างสุขภาพฉัน แต่เธอต้องการอยู่เป็น ปธน.ตลอดไป(2).เธอเองก็70แล้วนะจะครองอำนาจแบบนี้ต่อไปคิดหรือว่าคนๆเดียวอยู่ในอำนาจจะคุ้มครองทุกคนเบื้องหลังเธอได้งั้นหรือ(3).ตอนนี้ทุกคนในประเทศตกอยู่ในความกลัวเธอสั่งประหารชีวิตนายก...จำชื่อไม่ได้คะ อ้างปรามคอรัปชั่นแล้วพวกเธอทำอะไร ฉันเสียใจจนวันนี้ที่ฉันไม่ได้ช่วยเขาๆเป็นคนดีทำงานกับพรรคมาอย่างซื่อสัตย์ แล้วนักวิชาการคนนั้นเขาตายอย่างผิดธรรมชาติ ทำไม เขาก็แค่นักวิชาการเขาทำอะไรเธอไม่ได้หรอก(4).เธอควรลงจากตำแหน่งได้แล้วตามกฎพรรคคอมมิวนืสต์ไม่ใช่จะอยู่ตลอดไปแบบนี้(5).จะมีการประชุมพรรคในวันที่20-25/10/2568นี้ไม่รู้วันนั้นพรรคจะสรุป..
    ?ข้ออื่นๆหนูเองก็จำไม่ได้แล้วแต่เห็นว่าหูจินเทาเขารู้ว่าสีจินผิงคอรัปชั่นกับพวกทำกันเป็นขบวนการทั้งในประเทศและนอกประเทศ ใช้วงการบันเทิงของรัฐบังหน้าแท้จริงใช้สำหรับฟอกเงินสกปรกทั้งค้าอาวุธ,ยา,มนุษย์(อวัยวะ),ธุรกิจในนามครอบครัวการสร้างทางรถไฟในไทยไม่ใช่ในนามรัฐบาลแต่เป็นส่วนตัว"#พระเอกหนุ่มหลายคนในวงการถูกนำชื่อไปเป็นบัญชีม้าจัดตั้งบริษัทในนามชื่อเขาสัญญาทาสที่เซ็นแล้วห้ามออกถ้าออกตายซึ้งเกิดขึ้นสะสมมานานมากๆแล้วหลายคนเสียชีวิตผิดธรรมชาติอวัยวะภายในหายหมดเลย...!!!"กรณีล่าสุดคือ #YUMENGLONG โด่งดังและน่าสงสารมากเขาถูกเลือกตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมังกรสีแดงพูดกับเขาว่ารักษาตัวดีๆนะอีก12ปี.มีอะไรต้องทำร่วมกันก็ครบในปีนี้เขาถูกควบคุมตัวเหมือนนักโทษไม่มีอิสรภาพใดๆเขาอยากออกจากสังกัดๆอื่นยอมจ่ายชดเชยให้แต่ค่ายนี้ก็ไม่ยอมปล่อยกฎใต้โต๊ะคือต้องยอมบำเรอกามให้พวกมันถูกลวงละเมิดรังแกทำร้ายมาตลอดล่าสุดให้เขาไปพบผู้หญิงคนหนึ่งแต่เขาปฏิเสธและกลับไปบ้านที่ อุรุมชี ซินเจียงอุยกูร์เขตปกครองตนเองสอนหนังสือเด็กบนเขา3ปีสัญญาต้นสังกัดหมดแล้วเขากลับมาเข้าสังกัดใหม่แต่ค่ายเดิมก็ยังไม่ยอมปล่อยเพราะเขารู้ความลับพวกมันมากเขาแอบเก็บข้อมูลลับทุกอย่างไว้ใน"USB..เพื่อต่อรองขอเป็นอิสระจากสังกัดแต่ก็ยังพักอยู่ในคอนโดสังกัดพวกมันอยู่จึงมีอันตรายมาก มีคำสั่งธงแดงลงมาให้ประหารชีวิตเขาจึงมีอุบายจัดงานปาร์ตี้ บ.นี้ปกติก็บังคับให้ดาราในสังกัดต้องไปดื่มกับพวกมันอยู่แล้ว อวี่เหมิงหลงไม่ชอบดื่มนางนกต่อและเพื่อนสนิทมาหลอกเขาถูกจับขังไว้ในชั้นใต้ดินในอาคาร "Art798..บังคับให้สตรีมสดโดยเหมือนปกติแต่คนดูกังเกตุเห็นเงาสะท้อนจากขวดน้ำดื่มว่าเป็นห้องแคบๆฉาบซีเมนต์หยาบๆไม่สม่ำเสมอ"Yu..เขารู้ว่าเขาต้องตายแน่ๆเพราะมันรู้ว่าเขาแอบบันทึกข้อมูลการฟอกเงินของพวกมันไว้ต้องปิดปาก อีกสิ่งที่สำคัญมากก็คือใช้เขาเป็นเหยื่อในพิธีบูชายัญในแบบสมัยโบราณคือมีตัวตายตัวแทนเขาเกิดวันเดียวกับผู้นำ15ชื่อของเขา"Yumenglong แปลว่ามังกรเอาชีวิตเขาขโมยเวลาและโชควาสนาบารมีของเขาไปให้ผู้นำๆที่นำความลับไปขายให้ไส้ศึกด้วย(แดนอาทิตย์อุทัย)ศัตรูเก่าเขาไม่ยอมลงง่ายๆเขาจะสู้ทุกทางเพื่ออำนาจของตัวเองทำพิธีแลกเปลี่ยนวิญญาณความเชื่อตั้งแต่สมัยราชวงค์(ปล.จำสมัยไม่ได้)เขากลับมาเลยโดนจัดการทันทีวิธีที่ทรมานและโหดร้ายมากทั้งถอดเล็บสดๆถอนฟันเกือบหมดปากเหลือไว้ 1 ซี่เอาเส้นผมไปทำพืธีที่เทือกเขาทิเบตเขาโดนผ่าท้องสดๆมันโหดร้ายสุดจริงๆเขารู้มานานมากแล้วก็จริงแต่หนีไม่ได้ครอบครัวโดนข่มขู่เขาถูกฆ่าอย่างทารุณเขาไม่ได้เต็มใจเสียสละเพื่อผู้นำแต่โดนบังคับและวางยาพิษใส่ในเครื่องดื่มให้เขาดื่มร่างกายบอบช้ำมากแม่เขาถูกตำรวจข่มขู่ให้เซ็นยอมความแต่เธอไม่ยอมญาติของเขาถูกฆ่าน้องสาวกลายเป็นบ้าแม่อยู่ในICU แม่เขาต้องการศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านพวกมันไม่ให้ จัดงานศพปลอมๆว่าจะให้แต่เถ้ากระดูกไป แต่ก็ไม่ใช่YUๆร่างถูกเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดินNO4ช่อง14...มันเอาศพใครมาเผานะหลอกลวงสังคมสั่งลบคลิปหนังละครของเขาออกจากสื่อทั้งหมดห้ามใครโพตส์ชื่อลงโซเชี่ยลเด็ดขาดโดนปรามรุนแรงแบนและโดนคุมตัวด้วย เคยคิดว่าสีจินผิงเป็นคนดี หนูมองผิดอีกตามเคยเศร้าใจ#39วันแล้วหนูนอนไม่หลับเลยสะเทือนใจมาก
    สวัสดีคะคุณอาสนธิ"หลายเดือนก่อนมีกระแสปฏิวัติยึดอำนาจ สีจินผิงจริงๆใช่ไหมคะ เพราะเขาไปขอเข้าพบ หูจินเทาแต่เขาอ้างว่าสุขภาพไม่ดีไม่ออกมาพบให้เลขาเอาหนังสือ8ข้อออกมาอ่านให้ฟังมันเหมือนตบหน้าสีจินผิงอย่างแรง อย่างข้อแรก(1).บอกเธอมาพบฉันไม่ใช่เพราะอยากพบฉันแต่เธอมาเพื่ออำนาจของเธอ วันนั้นเธอเชิญฉันออกกลางคันอ้างสุขภาพฉัน แต่เธอต้องการอยู่เป็น ปธน.ตลอดไป(2).เธอเองก็70แล้วนะจะครองอำนาจแบบนี้ต่อไปคิดหรือว่าคนๆเดียวอยู่ในอำนาจจะคุ้มครองทุกคนเบื้องหลังเธอได้งั้นหรือ(3).ตอนนี้ทุกคนในประเทศตกอยู่ในความกลัวเธอสั่งประหารชีวิตนายก...จำชื่อไม่ได้คะ อ้างปรามคอรัปชั่นแล้วพวกเธอทำอะไร ฉันเสียใจจนวันนี้ที่ฉันไม่ได้ช่วยเขาๆเป็นคนดีทำงานกับพรรคมาอย่างซื่อสัตย์ แล้วนักวิชาการคนนั้นเขาตายอย่างผิดธรรมชาติ ทำไม เขาก็แค่นักวิชาการเขาทำอะไรเธอไม่ได้หรอก(4).เธอควรลงจากตำแหน่งได้แล้วตามกฎพรรคคอมมิวนืสต์ไม่ใช่จะอยู่ตลอดไปแบบนี้(5).จะมีการประชุมพรรคในวันที่20-25/10/2568นี้ไม่รู้วันนั้นพรรคจะสรุป.. ?ข้ออื่นๆหนูเองก็จำไม่ได้แล้วแต่เห็นว่าหูจินเทาเขารู้ว่าสีจินผิงคอรัปชั่นกับพวกทำกันเป็นขบวนการทั้งในประเทศและนอกประเทศ ใช้วงการบันเทิงของรัฐบังหน้าแท้จริงใช้สำหรับฟอกเงินสกปรกทั้งค้าอาวุธ,ยา,มนุษย์(อวัยวะ),ธุรกิจในนามครอบครัวการสร้างทางรถไฟในไทยไม่ใช่ในนามรัฐบาลแต่เป็นส่วนตัว"#พระเอกหนุ่มหลายคนในวงการถูกนำชื่อไปเป็นบัญชีม้าจัดตั้งบริษัทในนามชื่อเขาสัญญาทาสที่เซ็นแล้วห้ามออกถ้าออกตายซึ้งเกิดขึ้นสะสมมานานมากๆแล้วหลายคนเสียชีวิตผิดธรรมชาติอวัยวะภายในหายหมดเลย...!!!"กรณีล่าสุดคือ #YUMENGLONG โด่งดังและน่าสงสารมากเขาถูกเลือกตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมังกรสีแดงพูดกับเขาว่ารักษาตัวดีๆนะอีก12ปี.มีอะไรต้องทำร่วมกันก็ครบในปีนี้เขาถูกควบคุมตัวเหมือนนักโทษไม่มีอิสรภาพใดๆเขาอยากออกจากสังกัดๆอื่นยอมจ่ายชดเชยให้แต่ค่ายนี้ก็ไม่ยอมปล่อยกฎใต้โต๊ะคือต้องยอมบำเรอกามให้พวกมันถูกลวงละเมิดรังแกทำร้ายมาตลอดล่าสุดให้เขาไปพบผู้หญิงคนหนึ่งแต่เขาปฏิเสธและกลับไปบ้านที่ อุรุมชี ซินเจียงอุยกูร์เขตปกครองตนเองสอนหนังสือเด็กบนเขา3ปีสัญญาต้นสังกัดหมดแล้วเขากลับมาเข้าสังกัดใหม่แต่ค่ายเดิมก็ยังไม่ยอมปล่อยเพราะเขารู้ความลับพวกมันมากเขาแอบเก็บข้อมูลลับทุกอย่างไว้ใน"USB..เพื่อต่อรองขอเป็นอิสระจากสังกัดแต่ก็ยังพักอยู่ในคอนโดสังกัดพวกมันอยู่จึงมีอันตรายมาก มีคำสั่งธงแดงลงมาให้ประหารชีวิตเขาจึงมีอุบายจัดงานปาร์ตี้ บ.นี้ปกติก็บังคับให้ดาราในสังกัดต้องไปดื่มกับพวกมันอยู่แล้ว อวี่เหมิงหลงไม่ชอบดื่มนางนกต่อและเพื่อนสนิทมาหลอกเขาถูกจับขังไว้ในชั้นใต้ดินในอาคาร "Art798..บังคับให้สตรีมสดโดยเหมือนปกติแต่คนดูกังเกตุเห็นเงาสะท้อนจากขวดน้ำดื่มว่าเป็นห้องแคบๆฉาบซีเมนต์หยาบๆไม่สม่ำเสมอ"Yu..เขารู้ว่าเขาต้องตายแน่ๆเพราะมันรู้ว่าเขาแอบบันทึกข้อมูลการฟอกเงินของพวกมันไว้ต้องปิดปาก อีกสิ่งที่สำคัญมากก็คือใช้เขาเป็นเหยื่อในพิธีบูชายัญในแบบสมัยโบราณคือมีตัวตายตัวแทนเขาเกิดวันเดียวกับผู้นำ15ชื่อของเขา"Yumenglong แปลว่ามังกรเอาชีวิตเขาขโมยเวลาและโชควาสนาบารมีของเขาไปให้ผู้นำๆที่นำความลับไปขายให้ไส้ศึกด้วย(แดนอาทิตย์อุทัย)ศัตรูเก่าเขาไม่ยอมลงง่ายๆเขาจะสู้ทุกทางเพื่ออำนาจของตัวเองทำพิธีแลกเปลี่ยนวิญญาณความเชื่อตั้งแต่สมัยราชวงค์(ปล.จำสมัยไม่ได้)เขากลับมาเลยโดนจัดการทันทีวิธีที่ทรมานและโหดร้ายมากทั้งถอดเล็บสดๆถอนฟันเกือบหมดปากเหลือไว้ 1 ซี่เอาเส้นผมไปทำพืธีที่เทือกเขาทิเบตเขาโดนผ่าท้องสดๆมันโหดร้ายสุดจริงๆเขารู้มานานมากแล้วก็จริงแต่หนีไม่ได้ครอบครัวโดนข่มขู่เขาถูกฆ่าอย่างทารุณเขาไม่ได้เต็มใจเสียสละเพื่อผู้นำแต่โดนบังคับและวางยาพิษใส่ในเครื่องดื่มให้เขาดื่มร่างกายบอบช้ำมากแม่เขาถูกตำรวจข่มขู่ให้เซ็นยอมความแต่เธอไม่ยอมญาติของเขาถูกฆ่าน้องสาวกลายเป็นบ้าแม่อยู่ในICU แม่เขาต้องการศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านพวกมันไม่ให้ จัดงานศพปลอมๆว่าจะให้แต่เถ้ากระดูกไป แต่ก็ไม่ใช่YUๆร่างถูกเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดินNO4ช่อง14...มันเอาศพใครมาเผานะหลอกลวงสังคมสั่งลบคลิปหนังละครของเขาออกจากสื่อทั้งหมดห้ามใครโพตส์ชื่อลงโซเชี่ยลเด็ดขาดโดนปรามรุนแรงแบนและโดนคุมตัวด้วย เคยคิดว่าสีจินผิงเป็นคนดี หนูมองผิดอีกตามเคย🥺😭😔เศร้าใจ🖤#39วันแล้วหนูนอนไม่หลับเลยสะเทือนใจมาก
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 606 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “MSI เปิดตัว EZ PC Builder ผู้ช่วย AI ประกอบคอม — แนะนำ 9800X3D เป็น ‘ซีพียูราคาประหยัด’” — เมื่อ AI ช่วยจัดสเปกคอม แต่ดันเกินงบไปเกือบเท่าตัว

    MSI เปิดตัว EZ PC Builder ผู้ช่วย AI สำหรับมือใหม่ที่อยากประกอบคอมพิวเตอร์ โดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ผ่านบริการ Amazon Bedrock เพื่อให้คำแนะนำแบบแชทบ็อต โดยมีมาสคอตมังกรน้อยเป็นผู้ช่วยพูดคุย

    อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบของสื่อ พบว่า AI แนะนำ Ryzen 9 9800X3D เป็น “ตัวเลือกประหยัด” ทั้งที่เป็นซีพียูระดับสูงราคาเกือบ $500 และยังแนะนำอุปกรณ์ MSI แทบทั้งหมด เช่น เมนบอร์ด B650, การ์ดจอ RTX 5060, ชุดน้ำ AIO 360mm, SSD Gen4, พาวเวอร์ซัพพลาย 850W และเคส ATX เต็มใบ รวมมูลค่ากว่า $1,700 ทั้งที่ผู้ใช้ตั้งงบไว้เพียง $1,000

    แม้จะมีความพยายามในการให้คำแนะนำที่สมเหตุสมผล เช่น แนะนำ 7800X3D แทนเพื่อประหยัดงบ แต่ระบบยังมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ไม่สามารถเช็กราคาจริงจากร้านค้าออนไลน์ได้ และไม่มีการถามความชอบด้าน GPU เหมือนที่ถามเรื่องซีพียู

    นอกจากนี้ RAM ที่แนะนำคือ DDR5 5600MT/s ซึ่งถือว่าต่ำเกินไปสำหรับซีพียูระดับ 9800X3D และอาจเป็นคอขวดด้านประสิทธิภาพ

    MSI เปิดตัว EZ PC Builder ผู้ช่วย AI สำหรับประกอบคอม
    ใช้โมเดล LLM ผ่าน Amazon Bedrock

    มีมาสคอตมังกรน้อยเป็นผู้ช่วยพูดคุย
    ให้คำแนะนำแบบแชทบ็อต

    แนะนำ Ryzen 9 9800X3D เป็นซีพียู “ราคาประหยัด”
    ทั้งที่เป็นรุ่นระดับสูงราคาเกือบ $500

    แนะนำอุปกรณ์ MSI แทบทั้งหมดในสเปก
    เช่น B650, RTX 5060, AIO 360mm, SSD Gen4, PSU 850W, เคส ATX

    มูลค่ารวมของสเปกที่แนะนำเกิน $1,700
    ขณะที่ผู้ใช้ตั้งงบไว้เพียง $1,000

    มีความพยายามแนะนำรุ่นรอง เช่น 7800X3D เพื่อประหยัดงบ
    แต่ยังไม่แม่นยำพอในภาพรวม

    RAM ที่แนะนำคือ DDR5 5600MT/s
    ไม่เหมาะกับซีพียูระดับสูงอย่าง 9800X3D

    https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/msis-new-ai-powered-pc-building-assistant-recommends-the-9800x3d-as-a-budget-cpu-ez-pc-builder-specd-out-over-usd1-700-of-parts-for-a-usd1-000-build
    🛠️ “MSI เปิดตัว EZ PC Builder ผู้ช่วย AI ประกอบคอม — แนะนำ 9800X3D เป็น ‘ซีพียูราคาประหยัด’” — เมื่อ AI ช่วยจัดสเปกคอม แต่ดันเกินงบไปเกือบเท่าตัว MSI เปิดตัว EZ PC Builder ผู้ช่วย AI สำหรับมือใหม่ที่อยากประกอบคอมพิวเตอร์ โดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ผ่านบริการ Amazon Bedrock เพื่อให้คำแนะนำแบบแชทบ็อต โดยมีมาสคอตมังกรน้อยเป็นผู้ช่วยพูดคุย อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบของสื่อ พบว่า AI แนะนำ Ryzen 9 9800X3D เป็น “ตัวเลือกประหยัด” ทั้งที่เป็นซีพียูระดับสูงราคาเกือบ $500 และยังแนะนำอุปกรณ์ MSI แทบทั้งหมด เช่น เมนบอร์ด B650, การ์ดจอ RTX 5060, ชุดน้ำ AIO 360mm, SSD Gen4, พาวเวอร์ซัพพลาย 850W และเคส ATX เต็มใบ รวมมูลค่ากว่า $1,700 ทั้งที่ผู้ใช้ตั้งงบไว้เพียง $1,000 แม้จะมีความพยายามในการให้คำแนะนำที่สมเหตุสมผล เช่น แนะนำ 7800X3D แทนเพื่อประหยัดงบ แต่ระบบยังมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ไม่สามารถเช็กราคาจริงจากร้านค้าออนไลน์ได้ และไม่มีการถามความชอบด้าน GPU เหมือนที่ถามเรื่องซีพียู นอกจากนี้ RAM ที่แนะนำคือ DDR5 5600MT/s ซึ่งถือว่าต่ำเกินไปสำหรับซีพียูระดับ 9800X3D และอาจเป็นคอขวดด้านประสิทธิภาพ ✅ MSI เปิดตัว EZ PC Builder ผู้ช่วย AI สำหรับประกอบคอม ➡️ ใช้โมเดล LLM ผ่าน Amazon Bedrock ✅ มีมาสคอตมังกรน้อยเป็นผู้ช่วยพูดคุย ➡️ ให้คำแนะนำแบบแชทบ็อต ✅ แนะนำ Ryzen 9 9800X3D เป็นซีพียู “ราคาประหยัด” ➡️ ทั้งที่เป็นรุ่นระดับสูงราคาเกือบ $500 ✅ แนะนำอุปกรณ์ MSI แทบทั้งหมดในสเปก ➡️ เช่น B650, RTX 5060, AIO 360mm, SSD Gen4, PSU 850W, เคส ATX ✅ มูลค่ารวมของสเปกที่แนะนำเกิน $1,700 ➡️ ขณะที่ผู้ใช้ตั้งงบไว้เพียง $1,000 ✅ มีความพยายามแนะนำรุ่นรอง เช่น 7800X3D เพื่อประหยัดงบ ➡️ แต่ยังไม่แม่นยำพอในภาพรวม ✅ RAM ที่แนะนำคือ DDR5 5600MT/s ➡️ ไม่เหมาะกับซีพียูระดับสูงอย่าง 9800X3D https://www.tomshardware.com/desktops/pc-building/msis-new-ai-powered-pc-building-assistant-recommends-the-9800x3d-as-a-budget-cpu-ez-pc-builder-specd-out-over-usd1-700-of-parts-for-a-usd1-000-build
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 13

    ส่วนกองกำลังนอกระบบนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เริ่มมีมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารเกณฑ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะจากอังกฤษและแถบยุโรป เมื่อปลดประจำการ แต่ยังติดใจรสชาติการต่อสู้อยู่ ก็พากันไปเป็นทหารรับจ้าง Mercenaries ในแถบอาฟริกา และเมืองต่างๆที่เคยเป็นอาณานิคม และดิ้นรนที่จะให้หลุดพ้นจากการปกครอง ของพวกนักล่าอาณานิคม

    หลังสงครามเย็นเลิก และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมา บรรดารัฐต่างๆ ที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต ต่างประกาศตัวเป็นอิสระ ขณะเดียวกับที่อเมริกา ก็เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้เพื่อเป็นอิสระของรัฐเหล่านั้น อเมริกาไม่ใช้กองทัพของตนเข้าไปทั้งหมด แต่ว่าจ้างให้กลุ่มนักรบเข้าไป ทำการแทน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพวก Contractors ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Mercenaries นัก และเมื่อมีการเข้าไปสำรวจ ขุดเจาะ ทรัพยากรในตะวันออกกลาง อาฟริกา ลาตินอเมริกา ฯลฯ พวกที่เข้าไปสำรวจ ก็จ้างนักรบเข้าไปดูแลทรัพย์สินและเจ้าหน้าที่ของตนด้วย Contractors จึงมีอีกชื่อหนึ่ง เรียกกันว่า Private Military Contractors หรือ (PMC) หรือ Private Security Contractors (PSC)

    สำหรับอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคาวบอย Bush, Clinton รวมถึง Obama ล้วนใช้บริการของ Contractors ทั้งสิ้น และที่น่าสนใจ สหประชาชาติเอง ในการส่งกองกำลังของสหประชาชาติ ไปดูแลความสงบในประเทศใดๆ ที่อ้างว่ามีทหารจากประเทศสมาชิกส่งไปนั้น ของจริงมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวก Contractors ทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีการปะทะกันรุนแรง

    อเมริกาเลือกใช้บริการของ Contractors เพื่อหลีกเลี่ยงการแถลงความจริงต่อสภาสูง เนื่องจากการส่งกองทัพไปประจำที่ใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาสูง และที่สำคัญ การใช้ Contractors มี ความคล่องตัวในการย้ายกองกำลังและทุนที่ใช้ โดยใช้ผ่านงบลับต่างๆ ซึ่งอเมริกาชำนาญการเดินเรื่องแบบสีเทาใต้โต๊ะเช่นนี้อยู่แล้ว และหากมีปัญหาอะไร การเก็บกวาดง่ายกว่าเป็นกองทัพ

    อเมริกาส่งกองกำลัง Contractors ไปทุกแห่ง ทั้งแถบอดีตสหภาพโซเวียต อาฟริกา ลาติน อาฟกานิสถาน เอเซีย ตะวันออกกลาง สำหรับตะวันออกกลางนั้น มีรายงานบอกว่า เมื่อสมัยทำสงครามอ่าว อัตราส่วนระหว่างพลประจำกองทัพ กับพวก Contractors ประมาณ 1:50 แต่เมื่ออเมริกาเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก และอาฟกานิสถาน จำนวนของ Contractors มีจำนวนมากกว่า จำนวนทหารในกองทัพเสียอีก !
    ช่วงอเมริกาขยิ้อิรัก เขาว่าบริษัท Contractors งอก ขึ้นมาเป็นร้อย ในช่วงสูงสุดใช้ถึง 500 บริษัท มีทั้งบริษัทใหญ่ บริษัทย่อยและเป็นที่รู้กันว่า ในการรบ ปะทะ ยึดเมือง ทั้งหมด เกือบทุกรายการของอเมริกา ใช้ Contractors เป็นหัวเจาะนำเข้าไปก่อน และคุมพื้นที่ให้จนเรียบร้อย กองทัพตัวจริงจึงเข้ามา ดังนั้นความใหญ่ กร่าง และราคาของ Contractors จึงสูงขึ้นตามไปด้วย

    Contractors ส่วน ใหญ่ มีคนในรัฐบาลอเมริกันนั่นแหละ เป็นผู้มีส่วนจัดตั้ง ดูแล ส่งงานให้ และเป็นลูกพี่คุ้มหัวให้อีกต่อ เป็นธุรกิจมืดที่โด่งดัง มีอิทธิพล และราคาสูงจนน่าตกใจของอเมริกา

    Contractors ระดับ เจ้าพ่อของอเมริกา ที่สามารถระดมพลได้เป็นเรือนแสน และรับงานได้ทุกระดับความอันตราย ทุกพื้นที่ และเป็นเรื่องที่เป็นความลับสุดยอด ที่โด่งดัง มีอยู่ไม่เกิน 5 บริษัท หนึ่งในนั้นคือ Blackwater !

    ผมเคยเล่าเรื่อง Blackwater ให้ฟังกันประมาณกลางปีนี้ ในบทความนิทาน “หวังว่าเป็นเพียงข่าวลือ” สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่าน หรือจำไม่ได้ ผมจะทบทวนให้ฟังเล็กน้อย

    Blackwater ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีที่ชอบการต่อสู้ เขาเป็นอดีตนาวิกโยธิน และประจำหน่วย Seal ฝีมือดีของกองทัพอเมริกา Blackwater รับงานระดับจัดหนัก hardcore ทั้งสิ้น เช่น ปฎิบัติการที่ อาฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ฯลฯ การเก็บผู้ก่อการร้ายสำคัญ ล้วนเป็นฝีมือของพวก Blackwater เป็นส่วนมาก ค่าจ้างของ Blackwater เป็นหลักพันล้านเหรียญขึ้นไป ธุรกิจของ Blackwaterไปได้สวยและโด่งดังมาก จน Blackwater ไปสะดุดหัวแม่เท้าของใครไม่ทราบ ปี ค.ศ.2009 ลูกน้องของเขาถูกจับและถูกสอบสวน กรณีทำให้ชาวบ้านตายที่อิรัก ส่วนตัวนาย Prince ถูกเล่นงานด้วยข้อหาหนีภาษี

    ข่าวบอกว่า Eric Prince ขายหุ้นใน Blackwater ทิ้งในปี ค.ศ.2010 และตัวเขาหลบไปอยู่ที่ Abu Dhabi บ้างก็ว่าไปอยู่ฮ่องกง ส่วน Blackwater เปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนชื่อเป็น Academi

    แต่นาย Eric Prince ไม่ได้ทิ้งงาน Contractors ไปจริงๆหรอก มีข่าวว่า เขาเข้าไปทำธุรกิจที่อาฟริกา ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Frontier Resource Group อ้างว่าเป็นการลงทุนด้าน infrastructure ใน อาฟริการ่วมกับบริษัทจีน แถบซูดาน คองโก และไนจีเรีย จริงๆก็คือไปดูแลธุรกิจของจีน และนักลงทุนจีน ที่เข้าไปอยู่กันเต็มในอาฟริกา ตั้งแต่ปี คศ 2000 เป็นต้นมา
    หลังจากนั้นก็มีข่าวทยอยมาอีกว่า Frontier ไม่ ได้รับงานแค่ 3 ประเทศ แต่ดูแลไปถึง เคนยา, แองโกลา, เอธิโอเปีย, แทนซาเนีย, ยูกานดา, พิทแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระอยู่ในโซมาเลีย ก็เกือบหมดอาฟริกานั่นแหละ !

    ที่อาฟริกา Frontier ของนาย Eric Prince ทำงานร่วมกับ Contractors ระดับเจ้าพ่ออีกรายชื่อ บริษัท Saracen ซึ่งมีสำนักงานอยู่หลายแห่ง เช่นที่ South Africa และ Lebanon เจ้าของ Saracenเป็นใคร ข้อมูลบางรายบอกว่าเป็นของนาย Lafras Luitingh บ้าง บางรายก็บอกว่านาย Luitingh ก็เป็นคู่หูของนาย Eric Prince นั่นแหละ

    Saracen มีฐานสำคัญอยู่อีก 2 ที่ ที่หนึ่งคือ Somalia อีกที่หนึ่งคือ Kosovo ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Poland ลองเดาดูกันมั่งครับ ว่ามีความหมายอย่างไร

    ท่านผู้อ่านคงสงสัย ผมเล่าเรื่องนาย Eric Prince และ Frontier กับ Saracen ทำไมยืดยาว

    เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ.2014 South China Morning Post ลงข่าวแบบไม่ตีปีบว่า หุ้น DVN Holding ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือนายJohnson Ko Chun-shun และ Citic Group ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ทะยานขึ้น 7.3% ตั้งแต่มีการตั้งนาย Eric Prince อดีตเจ้าของบริษัท Blackwater ที่อื้อฉาวเป็นประธานบริษัท DVN ยังให้ สิทธิ Option ในการซื้อหุ้นแก่นาย Eric อีกด้วย DVN เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง !

    เรื่องนี้คงไม่เป็นแค่ข่าวลือ เพราะ South China ลงข่าวอย่างเป็นทางการ

    และหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน วันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ.2014 ก็มีการแถลงข่าวที่อเมริกาว่า Academi (ชื่อใหม่ของ Blackwater ที่นาย Prince อ้างว่า ขายไปแล้ว) และบริษัท Contractors อีก 5 บริษัท ได้ควบรวมกับ Triple Canopy และตั้งเป็นบริษัท Contractors ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ Constellis Holding ถือเป็นข่าวสะท้านวงการของพวกกองกำลังนอกระบบ และเสทือนไปถึงกองกำลังในระบบของอเมริกา !

    ในวงการเขาเล่ากันว่า นาย Eric Prince นั้นคุมกองกำลังพวก Contractors ประมาณ 30 % ของ Contractors ทั้งหมด ส่วน Constellis คุมอีก 40% ที่เหลือน่าจะเป็นของ Dyn Corp (ซึ่งเป็นของพวกทหาร ที่ออกมาจากหน่วย Special Force เป็นส่วนใหญ่ กลุ่มนี้ เป็นรุ่นแรกที่เป็นนักรบรับจ้างตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยเข้าไปใน Bosnia, Kosovo) และบริษัทรายย่อย

    สำหรับนาย Eric Prince คงชัดเจนว่าแปรพักตร์ไปเรียบร้อยแล้วจากอเมริกา เขาเป็นผู้ชำนาญการแถบตะวันออกกลาง ถ้าดูระยะเวลาเมื่อดอก ISIS บาน ที่อิรักเมื่อกลางปี ค.ศ.2014 และพวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลางกลุ่มซาอุดิ พยายามกดดันให้อเมริกาส่งกองกำลังไปจัดการ คงพอเป็นคำตอบได้ว่า อเมริกาจะเอากองกำลังนอกระบบที่ไหน ที่จะเข้าไปไล่จับ ISIS ในตะวันออกกลาง อย่างน้อยกองกำลังนอกระบบก็หายไปแล้ว 30% ที่เหลืออยู่ใช่ว่าจะอยู่ว่างๆเดินเล่น ต่างก็อาจติดภาระกิจที่ทำสัญญากันไว้แล้ว

    และถ้าปรากฏว่า Constellis Holding นั้น ก็ย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับนาย Eric Prince ด้วย แล้ว อเมริกาคงเหนื่อยแน่ ดูจากสีหน้าอันโทรมจัดของนายโอบามา ระยะหลัง โดยเฉพาะเมื่อไปโผล่หน้าที่แดนมังกร ฝืนยิ้มได้ฝืดตลอดรายการ ก็เกือบจะเชื่อแล้วว่ามีการย้ายฝั่งกันจริง นายโอบามาคงจะเดินเสียวสันหลังตลอดเวลาที่อยู่แดนมังกร ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อเมริกาจะแก้เกมอันนี้อย่างไรล่ะ ก็ต้องพึ่งกองกำลังในระบบคือกองทัพอย่างเดียว มิน่าเล่า นาย Chuck Hagel รัฐมนตรีกลาโหม ถึงได้ร้องเพลงถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องให้นายโอบามาบีบหรอกครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 13 ส่วนกองกำลังนอกระบบนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เริ่มมีมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารเกณฑ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะจากอังกฤษและแถบยุโรป เมื่อปลดประจำการ แต่ยังติดใจรสชาติการต่อสู้อยู่ ก็พากันไปเป็นทหารรับจ้าง Mercenaries ในแถบอาฟริกา และเมืองต่างๆที่เคยเป็นอาณานิคม และดิ้นรนที่จะให้หลุดพ้นจากการปกครอง ของพวกนักล่าอาณานิคม หลังสงครามเย็นเลิก และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมา บรรดารัฐต่างๆ ที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต ต่างประกาศตัวเป็นอิสระ ขณะเดียวกับที่อเมริกา ก็เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้เพื่อเป็นอิสระของรัฐเหล่านั้น อเมริกาไม่ใช้กองทัพของตนเข้าไปทั้งหมด แต่ว่าจ้างให้กลุ่มนักรบเข้าไป ทำการแทน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพวก Contractors ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Mercenaries นัก และเมื่อมีการเข้าไปสำรวจ ขุดเจาะ ทรัพยากรในตะวันออกกลาง อาฟริกา ลาตินอเมริกา ฯลฯ พวกที่เข้าไปสำรวจ ก็จ้างนักรบเข้าไปดูแลทรัพย์สินและเจ้าหน้าที่ของตนด้วย Contractors จึงมีอีกชื่อหนึ่ง เรียกกันว่า Private Military Contractors หรือ (PMC) หรือ Private Security Contractors (PSC) สำหรับอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคาวบอย Bush, Clinton รวมถึง Obama ล้วนใช้บริการของ Contractors ทั้งสิ้น และที่น่าสนใจ สหประชาชาติเอง ในการส่งกองกำลังของสหประชาชาติ ไปดูแลความสงบในประเทศใดๆ ที่อ้างว่ามีทหารจากประเทศสมาชิกส่งไปนั้น ของจริงมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวก Contractors ทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีการปะทะกันรุนแรง อเมริกาเลือกใช้บริการของ Contractors เพื่อหลีกเลี่ยงการแถลงความจริงต่อสภาสูง เนื่องจากการส่งกองทัพไปประจำที่ใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาสูง และที่สำคัญ การใช้ Contractors มี ความคล่องตัวในการย้ายกองกำลังและทุนที่ใช้ โดยใช้ผ่านงบลับต่างๆ ซึ่งอเมริกาชำนาญการเดินเรื่องแบบสีเทาใต้โต๊ะเช่นนี้อยู่แล้ว และหากมีปัญหาอะไร การเก็บกวาดง่ายกว่าเป็นกองทัพ อเมริกาส่งกองกำลัง Contractors ไปทุกแห่ง ทั้งแถบอดีตสหภาพโซเวียต อาฟริกา ลาติน อาฟกานิสถาน เอเซีย ตะวันออกกลาง สำหรับตะวันออกกลางนั้น มีรายงานบอกว่า เมื่อสมัยทำสงครามอ่าว อัตราส่วนระหว่างพลประจำกองทัพ กับพวก Contractors ประมาณ 1:50 แต่เมื่ออเมริกาเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก และอาฟกานิสถาน จำนวนของ Contractors มีจำนวนมากกว่า จำนวนทหารในกองทัพเสียอีก ! ช่วงอเมริกาขยิ้อิรัก เขาว่าบริษัท Contractors งอก ขึ้นมาเป็นร้อย ในช่วงสูงสุดใช้ถึง 500 บริษัท มีทั้งบริษัทใหญ่ บริษัทย่อยและเป็นที่รู้กันว่า ในการรบ ปะทะ ยึดเมือง ทั้งหมด เกือบทุกรายการของอเมริกา ใช้ Contractors เป็นหัวเจาะนำเข้าไปก่อน และคุมพื้นที่ให้จนเรียบร้อย กองทัพตัวจริงจึงเข้ามา ดังนั้นความใหญ่ กร่าง และราคาของ Contractors จึงสูงขึ้นตามไปด้วย Contractors ส่วน ใหญ่ มีคนในรัฐบาลอเมริกันนั่นแหละ เป็นผู้มีส่วนจัดตั้ง ดูแล ส่งงานให้ และเป็นลูกพี่คุ้มหัวให้อีกต่อ เป็นธุรกิจมืดที่โด่งดัง มีอิทธิพล และราคาสูงจนน่าตกใจของอเมริกา Contractors ระดับ เจ้าพ่อของอเมริกา ที่สามารถระดมพลได้เป็นเรือนแสน และรับงานได้ทุกระดับความอันตราย ทุกพื้นที่ และเป็นเรื่องที่เป็นความลับสุดยอด ที่โด่งดัง มีอยู่ไม่เกิน 5 บริษัท หนึ่งในนั้นคือ Blackwater ! ผมเคยเล่าเรื่อง Blackwater ให้ฟังกันประมาณกลางปีนี้ ในบทความนิทาน “หวังว่าเป็นเพียงข่าวลือ” สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่าน หรือจำไม่ได้ ผมจะทบทวนให้ฟังเล็กน้อย Blackwater ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีที่ชอบการต่อสู้ เขาเป็นอดีตนาวิกโยธิน และประจำหน่วย Seal ฝีมือดีของกองทัพอเมริกา Blackwater รับงานระดับจัดหนัก hardcore ทั้งสิ้น เช่น ปฎิบัติการที่ อาฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ฯลฯ การเก็บผู้ก่อการร้ายสำคัญ ล้วนเป็นฝีมือของพวก Blackwater เป็นส่วนมาก ค่าจ้างของ Blackwater เป็นหลักพันล้านเหรียญขึ้นไป ธุรกิจของ Blackwaterไปได้สวยและโด่งดังมาก จน Blackwater ไปสะดุดหัวแม่เท้าของใครไม่ทราบ ปี ค.ศ.2009 ลูกน้องของเขาถูกจับและถูกสอบสวน กรณีทำให้ชาวบ้านตายที่อิรัก ส่วนตัวนาย Prince ถูกเล่นงานด้วยข้อหาหนีภาษี ข่าวบอกว่า Eric Prince ขายหุ้นใน Blackwater ทิ้งในปี ค.ศ.2010 และตัวเขาหลบไปอยู่ที่ Abu Dhabi บ้างก็ว่าไปอยู่ฮ่องกง ส่วน Blackwater เปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนชื่อเป็น Academi แต่นาย Eric Prince ไม่ได้ทิ้งงาน Contractors ไปจริงๆหรอก มีข่าวว่า เขาเข้าไปทำธุรกิจที่อาฟริกา ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Frontier Resource Group อ้างว่าเป็นการลงทุนด้าน infrastructure ใน อาฟริการ่วมกับบริษัทจีน แถบซูดาน คองโก และไนจีเรีย จริงๆก็คือไปดูแลธุรกิจของจีน และนักลงทุนจีน ที่เข้าไปอยู่กันเต็มในอาฟริกา ตั้งแต่ปี คศ 2000 เป็นต้นมา หลังจากนั้นก็มีข่าวทยอยมาอีกว่า Frontier ไม่ ได้รับงานแค่ 3 ประเทศ แต่ดูแลไปถึง เคนยา, แองโกลา, เอธิโอเปีย, แทนซาเนีย, ยูกานดา, พิทแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระอยู่ในโซมาเลีย ก็เกือบหมดอาฟริกานั่นแหละ ! ที่อาฟริกา Frontier ของนาย Eric Prince ทำงานร่วมกับ Contractors ระดับเจ้าพ่ออีกรายชื่อ บริษัท Saracen ซึ่งมีสำนักงานอยู่หลายแห่ง เช่นที่ South Africa และ Lebanon เจ้าของ Saracenเป็นใคร ข้อมูลบางรายบอกว่าเป็นของนาย Lafras Luitingh บ้าง บางรายก็บอกว่านาย Luitingh ก็เป็นคู่หูของนาย Eric Prince นั่นแหละ Saracen มีฐานสำคัญอยู่อีก 2 ที่ ที่หนึ่งคือ Somalia อีกที่หนึ่งคือ Kosovo ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Poland ลองเดาดูกันมั่งครับ ว่ามีความหมายอย่างไร ท่านผู้อ่านคงสงสัย ผมเล่าเรื่องนาย Eric Prince และ Frontier กับ Saracen ทำไมยืดยาว เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ.2014 South China Morning Post ลงข่าวแบบไม่ตีปีบว่า หุ้น DVN Holding ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือนายJohnson Ko Chun-shun และ Citic Group ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ทะยานขึ้น 7.3% ตั้งแต่มีการตั้งนาย Eric Prince อดีตเจ้าของบริษัท Blackwater ที่อื้อฉาวเป็นประธานบริษัท DVN ยังให้ สิทธิ Option ในการซื้อหุ้นแก่นาย Eric อีกด้วย DVN เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ! เรื่องนี้คงไม่เป็นแค่ข่าวลือ เพราะ South China ลงข่าวอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน วันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ.2014 ก็มีการแถลงข่าวที่อเมริกาว่า Academi (ชื่อใหม่ของ Blackwater ที่นาย Prince อ้างว่า ขายไปแล้ว) และบริษัท Contractors อีก 5 บริษัท ได้ควบรวมกับ Triple Canopy และตั้งเป็นบริษัท Contractors ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ Constellis Holding ถือเป็นข่าวสะท้านวงการของพวกกองกำลังนอกระบบ และเสทือนไปถึงกองกำลังในระบบของอเมริกา ! ในวงการเขาเล่ากันว่า นาย Eric Prince นั้นคุมกองกำลังพวก Contractors ประมาณ 30 % ของ Contractors ทั้งหมด ส่วน Constellis คุมอีก 40% ที่เหลือน่าจะเป็นของ Dyn Corp (ซึ่งเป็นของพวกทหาร ที่ออกมาจากหน่วย Special Force เป็นส่วนใหญ่ กลุ่มนี้ เป็นรุ่นแรกที่เป็นนักรบรับจ้างตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยเข้าไปใน Bosnia, Kosovo) และบริษัทรายย่อย สำหรับนาย Eric Prince คงชัดเจนว่าแปรพักตร์ไปเรียบร้อยแล้วจากอเมริกา เขาเป็นผู้ชำนาญการแถบตะวันออกกลาง ถ้าดูระยะเวลาเมื่อดอก ISIS บาน ที่อิรักเมื่อกลางปี ค.ศ.2014 และพวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลางกลุ่มซาอุดิ พยายามกดดันให้อเมริกาส่งกองกำลังไปจัดการ คงพอเป็นคำตอบได้ว่า อเมริกาจะเอากองกำลังนอกระบบที่ไหน ที่จะเข้าไปไล่จับ ISIS ในตะวันออกกลาง อย่างน้อยกองกำลังนอกระบบก็หายไปแล้ว 30% ที่เหลืออยู่ใช่ว่าจะอยู่ว่างๆเดินเล่น ต่างก็อาจติดภาระกิจที่ทำสัญญากันไว้แล้ว และถ้าปรากฏว่า Constellis Holding นั้น ก็ย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับนาย Eric Prince ด้วย แล้ว อเมริกาคงเหนื่อยแน่ ดูจากสีหน้าอันโทรมจัดของนายโอบามา ระยะหลัง โดยเฉพาะเมื่อไปโผล่หน้าที่แดนมังกร ฝืนยิ้มได้ฝืดตลอดรายการ ก็เกือบจะเชื่อแล้วว่ามีการย้ายฝั่งกันจริง นายโอบามาคงจะเดินเสียวสันหลังตลอดเวลาที่อยู่แดนมังกร ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อเมริกาจะแก้เกมอันนี้อย่างไรล่ะ ก็ต้องพึ่งกองกำลังในระบบคือกองทัพอย่างเดียว มิน่าเล่า นาย Chuck Hagel รัฐมนตรีกลาโหม ถึงได้ร้องเพลงถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องให้นายโอบามาบีบหรอกครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 608 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 8

    ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้

    สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง

    แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ

    – พันธมิตร
    – สภาพเศรษฐกิจ
    – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software
    – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ

    สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย

    ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี
    ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด

    ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย

    ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก

    ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน

    ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย

    นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย

    แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 8 ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้ สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ – พันธมิตร – สภาพเศรษฐกิจ – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ หมดยุคนก 2 หัว เข้าสู่ยุคมังกร 2 หัว ตีสองหน้า จะหาประโยชน์จากไทยและกัมพูชา เป็นกลางเพื่อตักตวงผลประโยชน์
    #7ดอกจิก
    ♣ หมดยุคนก 2 หัว เข้าสู่ยุคมังกร 2 หัว ตีสองหน้า จะหาประโยชน์จากไทยและกัมพูชา เป็นกลางเพื่อตักตวงผลประโยชน์ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลล์ 7,997

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์
    พักโรงแรม

    บานาฮิลล์
    สะพานมือยักษ์
    สะพานมังกร
    สะพานแห่งความรัก
    นั่งเรือกระด้ง
    เมืองโบราณฮอยอัน
    วัดหลินอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ทัวร์เวียดนาม ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลล์ 😍🎡 7,997 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ EK-เอมิเรตส์แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 วัดหลินอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 629 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts