• 📌การรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่มีการประคับประคองอาการ (palliative care) มักมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตมากกว่าการรักษาที่จะรักษาโรคให้หายขาด

    ☘️ส่วนการใช้สารสกัดจากข้าวไรย์ (polytin) ก็เป็นทางเลือกเสริมที่บางคนเลือกใช้ เนื่องจากมีการศึกษางาตวิจัย ระบุว่าข้าวไรย์ มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการบางประการของผู้ป่วยมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม การใช้สารสกัดดังกล่าวควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ

    ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด
    ☎️. 090-465-6360


    #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    📌การรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่มีการประคับประคองอาการ (palliative care) มักมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตมากกว่าการรักษาที่จะรักษาโรคให้หายขาด ☘️ส่วนการใช้สารสกัดจากข้าวไรย์ (polytin) ก็เป็นทางเลือกเสริมที่บางคนเลือกใช้ เนื่องจากมีการศึกษางาตวิจัย ระบุว่าข้าวไรย์ มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการบางประการของผู้ป่วยมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม การใช้สารสกัดดังกล่าวควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด ☎️. 090-465-6360 #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 417 Views 60 0 Reviews
  • โรคมะเร็ง (Cancer) คือกลุ่มของโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ ทำให้เกิดปัญหาทั้งในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม สิ่งแวดล้อม การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

    ประเภทของมะเร็ง

    มะเร็งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิด เช่น

    มะเร็งปอด: เกิดขึ้นในปอด มักสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่

    มะเร็งตับ: มักสัมพันธ์กับการดื่มแอลกอฮอล์และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ

    มะเร็งเต้านม: เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อเต้านม โดยพบในผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่

    มะเร็งกระเพาะอาหาร: เกิดขึ้นในกระเพาะอาหาร อาจสัมพันธ์กับการบริโภคอาหารที่มีสารเคมีหรืออาหารที่แปรรูปสูง

    มะเร็งผิวหนัง: เกิดขึ้นบนผิวหนัง มักเกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน


    อาการของมะเร็ง

    อาการของมะเร็งอาจแตกต่างกันไปตามประเภทและตำแหน่งที่เกิดมะเร็ง เช่น

    การเกิดก้อนหรือเนื้อแผลที่ผิดปกติ

    การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง

    อาการไอเรื้อรังหรือปัญหาการหายใจ

    อาการปวดที่ไม่ทราบสาเหตุ

    น้ำหนักลดหรือเบื่ออาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ


    การรักษามะเร็ง

    การรักษามะเร็งมีหลายวิธี เช่น

    การผ่าตัด: ใช้ในการตัดก้อนเนื้องอกออกจากร่างกาย

    การฉายรังสี: ใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง

    เคมีบำบัด (Chemotherapy): ใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง

    ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง

    การบำบัดแบบเจาะจงเป้าหมาย (Targeted Therapy): ใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งเพื่อลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติ


    การป้องกันโรคมะเร็ง

    การป้องกันโรคมะเร็งอาจทำได้โดยลดปัจจัยเสี่ยง เช่น

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

    จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์

    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

    หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีอันตราย


    #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    โรคมะเร็ง (Cancer) คือกลุ่มของโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ ทำให้เกิดปัญหาทั้งในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม สิ่งแวดล้อม การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ประเภทของมะเร็ง มะเร็งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิด เช่น มะเร็งปอด: เกิดขึ้นในปอด มักสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ มะเร็งตับ: มักสัมพันธ์กับการดื่มแอลกอฮอล์และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ มะเร็งเต้านม: เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อเต้านม โดยพบในผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร: เกิดขึ้นในกระเพาะอาหาร อาจสัมพันธ์กับการบริโภคอาหารที่มีสารเคมีหรืออาหารที่แปรรูปสูง มะเร็งผิวหนัง: เกิดขึ้นบนผิวหนัง มักเกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน อาการของมะเร็ง อาการของมะเร็งอาจแตกต่างกันไปตามประเภทและตำแหน่งที่เกิดมะเร็ง เช่น การเกิดก้อนหรือเนื้อแผลที่ผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง อาการไอเรื้อรังหรือปัญหาการหายใจ อาการปวดที่ไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลดหรือเบื่ออาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ การรักษามะเร็ง การรักษามะเร็งมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด: ใช้ในการตัดก้อนเนื้องอกออกจากร่างกาย การฉายรังสี: ใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง เคมีบำบัด (Chemotherapy): ใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง การบำบัดแบบเจาะจงเป้าหมาย (Targeted Therapy): ใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งเพื่อลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติ การป้องกันโรคมะเร็ง การป้องกันโรคมะเร็งอาจทำได้โดยลดปัจจัยเสี่ยง เช่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีอันตราย #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 491 Views 76 0 Reviews
  • การรักษาโรคมะเร็งแบบแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine) เป็นการผสมผสานระหว่างการรักษามะเร็งด้วยวิธีการแพทย์แผนปัจจุบันกับการบำบัดทางเลือกหรือการรักษาทางธรรมชาติ โดยเน้นการรักษาแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาและบรรเทาอาการข้างเคียงจากการรักษาหลัก

    แนวทางในการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ

    1. การรักษาหลักด้วยวิธีทางการแพทย์

    ใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy)

    การฉายแสง (Radiation Therapy)

    การผ่าตัด (Surgery)

    การใช้ยามุ่งเป้าหรือยาชีวบำบัด (Targeted Therapy/Immunotherapy)



    2. การเสริมด้วยวิธีธรรมชาติและทางเลือก

    การรับประทานอาหารที่เหมาะสม: แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ร่างกายมีการอักเสบสูง เช่น น้ำตาลขาว อาหารแปรรูป หรือไขมันทรานส์

    การบำบัดด้วยสมุนไพร: เช่น ขมิ้นชัน เห็ดหลินจือ หรือตรีผลา สมุนไพรบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบหรือเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    การออกกำลังกายเบาๆ: เช่น โยคะ ไทเก็ก หรือการเดิน ซึ่งช่วยลดความเครียดและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย

    การบำบัดด้านจิตใจ: เช่น การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการฝึกหายใจ เพื่อช่วยควบคุมความเครียดและความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็ง

    การใช้วิทยาการเสริมจากธรรมชาติ: เช่น การฝังเข็ม การบำบัดด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy) การนวดบำบัด ซึ่งอาจช่วยลดผลข้างเคียงบางอย่างจากการรักษาหลัก เช่น คลื่นไส้ ปวด หรืออาการอ่อนเพลีย


    ประโยชน์ของการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ

    ลดอาการข้างเคียงจากการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน

    เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของร่างกาย

    ลดความเครียดและสร้างความมั่นใจในการเผชิญกับโรค

    ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยในระหว่างและหลังการรักษา


    ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด
    ☎️. 090-465-6360

    ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์
    https://lin.ee/pBbSqSD

    #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    การรักษาโรคมะเร็งแบบแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine) เป็นการผสมผสานระหว่างการรักษามะเร็งด้วยวิธีการแพทย์แผนปัจจุบันกับการบำบัดทางเลือกหรือการรักษาทางธรรมชาติ โดยเน้นการรักษาแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาและบรรเทาอาการข้างเคียงจากการรักษาหลัก แนวทางในการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ 1. การรักษาหลักด้วยวิธีทางการแพทย์ ใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy) การฉายแสง (Radiation Therapy) การผ่าตัด (Surgery) การใช้ยามุ่งเป้าหรือยาชีวบำบัด (Targeted Therapy/Immunotherapy) 2. การเสริมด้วยวิธีธรรมชาติและทางเลือก การรับประทานอาหารที่เหมาะสม: แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ร่างกายมีการอักเสบสูง เช่น น้ำตาลขาว อาหารแปรรูป หรือไขมันทรานส์ การบำบัดด้วยสมุนไพร: เช่น ขมิ้นชัน เห็ดหลินจือ หรือตรีผลา สมุนไพรบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบหรือเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย การออกกำลังกายเบาๆ: เช่น โยคะ ไทเก็ก หรือการเดิน ซึ่งช่วยลดความเครียดและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย การบำบัดด้านจิตใจ: เช่น การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการฝึกหายใจ เพื่อช่วยควบคุมความเครียดและความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็ง การใช้วิทยาการเสริมจากธรรมชาติ: เช่น การฝังเข็ม การบำบัดด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy) การนวดบำบัด ซึ่งอาจช่วยลดผลข้างเคียงบางอย่างจากการรักษาหลัก เช่น คลื่นไส้ ปวด หรืออาการอ่อนเพลีย ประโยชน์ของการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ ลดอาการข้างเคียงจากการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของร่างกาย ลดความเครียดและสร้างความมั่นใจในการเผชิญกับโรค ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยในระหว่างและหลังการรักษา ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด ☎️. 090-465-6360 ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์ https://lin.ee/pBbSqSD #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 631 Views 86 0 Reviews
  • 12/10/67

    "ใบบัวบก" กับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก

    บัวบก (ภาษาอังกฤษ: Gotu Kola หรือ Centella asiatica ) เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงในเรื่องสรรพคุณมากมาย หลายคนเชื่อว่าบัวบกสามารถช่วยบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ การคิด และช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดียิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานว่าบัวบกอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสรรพคุณของบัวบกยังคงมีอยู่อย่างจำกัด หลายคนอาจรับรู้ถึงประโยชน์ของบัวบก แต่อาจไม่ค่อยมีใครรับรู้ถึงผลข้างเคียงของบัวบกว่ามีอะไรบ้าง

    บัวบกกับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก
    การใช้บัวบกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ในบางราย เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือเวียนหัว เพื่อลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเหล่านี้ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้บัวบกในปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างช้า ๆ การใช้บัวบกเป็นประจำติดต่อกันไม่ควรเกิน 2-6 สัปดาห์ต่อครั้ง ควรหยุดพักการใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนกลับมาใช้ใหม่

    สำหรับการใช้บัวบกแบบทาภายนอก อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังได้ ดังนั้นจึงควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้โดยทาบัวบกในบริเวณผิวหนังเล็ก ๆ และสังเกตอาการแพ้เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง

     อย่าใช้บัวบกหากคุณ
    * กำลังตั้งครรภ์
    * กำลังให้นมบุตร
    * มีโรคตับอักเสบหรือโรคตับอื่น ๆ
    * มีกำหนดการผ่าตัดภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า
    * มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
    * มีประวัติเป็นมะเร็งผิวหนัง

    พูดคุยกับแพทย์ของคุณก่อนใช้บัวบกหากคุณ
    * มีโรคตับ
    * มีโรคเบาหวาน
    * มีคอเลสเตอรอลสูง
    * กำลังรับประทานยา เช่น ยาระงับประสาท เพื่อการนอนหลับหรือวิตกกังวล
    * กำลังใช้ยาขับปัสสาวะ

    cr:sanook
    12/10/67 "ใบบัวบก" กับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก บัวบก (ภาษาอังกฤษ: Gotu Kola หรือ Centella asiatica ) เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงในเรื่องสรรพคุณมากมาย หลายคนเชื่อว่าบัวบกสามารถช่วยบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ การคิด และช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานว่าบัวบกอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสรรพคุณของบัวบกยังคงมีอยู่อย่างจำกัด หลายคนอาจรับรู้ถึงประโยชน์ของบัวบก แต่อาจไม่ค่อยมีใครรับรู้ถึงผลข้างเคียงของบัวบกว่ามีอะไรบ้าง บัวบกกับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก การใช้บัวบกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ในบางราย เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือเวียนหัว เพื่อลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเหล่านี้ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้บัวบกในปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างช้า ๆ การใช้บัวบกเป็นประจำติดต่อกันไม่ควรเกิน 2-6 สัปดาห์ต่อครั้ง ควรหยุดพักการใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนกลับมาใช้ใหม่ สำหรับการใช้บัวบกแบบทาภายนอก อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังได้ ดังนั้นจึงควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้โดยทาบัวบกในบริเวณผิวหนังเล็ก ๆ และสังเกตอาการแพ้เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง  อย่าใช้บัวบกหากคุณ * กำลังตั้งครรภ์ * กำลังให้นมบุตร * มีโรคตับอักเสบหรือโรคตับอื่น ๆ * มีกำหนดการผ่าตัดภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า * มีอายุต่ำกว่า 18 ปี * มีประวัติเป็นมะเร็งผิวหนัง พูดคุยกับแพทย์ของคุณก่อนใช้บัวบกหากคุณ * มีโรคตับ * มีโรคเบาหวาน * มีคอเลสเตอรอลสูง * กำลังรับประทานยา เช่น ยาระงับประสาท เพื่อการนอนหลับหรือวิตกกังวล * กำลังใช้ยาขับปัสสาวะ cr:sanook
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • นิตยสาร TIME ยกย่องเด็กหนุ่มเอธิโอเปียวัย 15 ปีเป็น”Kid of The Year“สำหรับผลงานสบู่ของเขาที่อาจช่วยรักษาโรคมะเร็งผิวหนังได้!

    ในวิดีโอที่แนบมากับบทความ ของ TIMEอธิบายการทำงานของสบู่ของ Bekele ว่าสบู่มีอนุภาคนาโนที่ "บรรจุ" ด้วย imiquimod ซึ่งเป็นตัวยาที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษามะเร็งผิวหนังบางประเภทได้แล้ว ซึ่งBekeleแล้วช่วยให้มั่นใจได้ว่ายาจะอยู่บนผิวหนังใน "ระดับโมเลกุล" แม้เมื่อล้างสบู่ออกไปแล้วก็ตาม

    ความคิดทำสบู่รักษามะเร็งของ Bekele เกิดจากเขาคิดย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตในช่วงวัยเด็กของเขาในเอธิโอเปียและสงสัยว่าจะมีวิธีใดที่จะใช้ imiquimod ในการรักษามะเร็งผิวหนังในระยะเริ่มแรกและทำให้ผู้คนจากฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่แตกต่างกันเข้าถึงยานี้ได้ง่ายขึ้นหรือไม่

    แนวคิดของเขามีศักยภาพตามที่นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยและรักษามะเร็งผิวหนังได้กล่าวไว้ เช่นเดียวกับคณะกรรมการของบริษัท 3M และการแข่งขัน Young Scientist Challenge ประจำปี 2023 ของ Discovery Education ที่ได้เลือก Bekele เป็นผู้ชนะและมอบเงินรางวัล 25,000 ดอลลาร์ให้กับเขา

    ยังคงต้องมีขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนก่อนที่สบู่จะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษา แต่ในช่วงที่ Bekele ไม่ได้เรียนอยู่ที่ Woodson High School ใน Fairfax County รัฐเวอร์จิเนีย เขาก็ไปทำวิจัยที่ Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ในเมืองบัลติมอร์

    ที่มา : https://youtu.be/ugxW77Wk3P8?si=GoifRt_xIcC8D5vk

    #Thaitimes
    นิตยสาร TIME ยกย่องเด็กหนุ่มเอธิโอเปียวัย 15 ปีเป็น”Kid of The Year“สำหรับผลงานสบู่ของเขาที่อาจช่วยรักษาโรคมะเร็งผิวหนังได้! ในวิดีโอที่แนบมากับบทความ ของ TIMEอธิบายการทำงานของสบู่ของ Bekele ว่าสบู่มีอนุภาคนาโนที่ "บรรจุ" ด้วย imiquimod ซึ่งเป็นตัวยาที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษามะเร็งผิวหนังบางประเภทได้แล้ว ซึ่งBekeleแล้วช่วยให้มั่นใจได้ว่ายาจะอยู่บนผิวหนังใน "ระดับโมเลกุล" แม้เมื่อล้างสบู่ออกไปแล้วก็ตาม ความคิดทำสบู่รักษามะเร็งของ Bekele เกิดจากเขาคิดย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตในช่วงวัยเด็กของเขาในเอธิโอเปียและสงสัยว่าจะมีวิธีใดที่จะใช้ imiquimod ในการรักษามะเร็งผิวหนังในระยะเริ่มแรกและทำให้ผู้คนจากฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่แตกต่างกันเข้าถึงยานี้ได้ง่ายขึ้นหรือไม่ แนวคิดของเขามีศักยภาพตามที่นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยและรักษามะเร็งผิวหนังได้กล่าวไว้ เช่นเดียวกับคณะกรรมการของบริษัท 3M และการแข่งขัน Young Scientist Challenge ประจำปี 2023 ของ Discovery Education ที่ได้เลือก Bekele เป็นผู้ชนะและมอบเงินรางวัล 25,000 ดอลลาร์ให้กับเขา ยังคงต้องมีขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนก่อนที่สบู่จะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษา แต่ในช่วงที่ Bekele ไม่ได้เรียนอยู่ที่ Woodson High School ใน Fairfax County รัฐเวอร์จิเนีย เขาก็ไปทำวิจัยที่ Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ในเมืองบัลติมอร์ ที่มา : https://youtu.be/ugxW77Wk3P8?si=GoifRt_xIcC8D5vk #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 768 Views 0 Reviews