• White Israel Fig #Fig #มะเดื่อฝรั่ง #ฟิก
    White Israel Fig #Fig #มะเดื่อฝรั่ง #ฟิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇮🇩 กองทัพเรือรัสเซีย, อินโดนีเซีย เตรียมจัดการซ้อมรบร่วมครั้งแรกภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔"

    กองทัพเรือรัสเซียและอินโดนีเซียจะจัดการซ้อมรบร่วมกันครั้งแรก, ภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔," ที่สุราบายาและทะเลชวา ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤศจิกายน การซ้อมรบดังกล่าวประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อินโดนีเซียได้รับเอกราชเมื่อ ๗๙ ปีที่แล้ว

    🔸นกสองตัว
    รหัส "ออร์รูดา" มาจากการผสมระหว่างนกอินทรีรัสเซียและนกในตำนานของอินโดนีเซียอย่างการูด้า, ซึ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งและความตั้งใจของทั้งสองประเทศที่จะจัดการซ้อมรบแบบ "ปีกชนปีก"

    🔸กองเรือแปซิฟิกเดินทางมาถึง
    เมื่อวันอาทิตย์, กองเรือจากกองเรือแปซิฟิกของกองทัพเรือรัสเซีย, ซึ่งรวมถึงเรือคอร์เวต Gromkiy, Rezky, ฮีโร่ของสหพันธรัฐรัสเซีย Aldar Tsydenzhapov, และเรือสนับสนุน Pechenga, ได้เดินทางเข้าสู่สุราบายาอย่างเป็นมิตร เอกอัครราชทูตรัสเซีย Sergey Tolchenov เข้าร่วมพิธีต้อนรับ, ซึ่งมีการเต้นรำแบบดั้งเดิมด้วย

    🔸กิจกรรมที่วางแผนไว้, ติดตามอย่างใกล้ชิด
    "Orruda ๒๐๒๔" จะมีเวทีที่ท่าเรือและทางทะเลในสุราบายาและทะเลชวา เอกอัครราชทูตเน้นย้ำว่าการซ้อมรบเป็นกิจกรรมประจำสำหรับประเทศพันธมิตร, ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม, ผู้สังเกตการณ์คาดว่าจะติดตามการซ้อมรบอย่างใกล้ชิด

    ผู้บัญชาการ Alexey Antsiferov กล่าวว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของรัสเซียที่จะให้ความช่วยเหลืออินโดนีเซีย และแสดงความหวังว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะกลายเป็นกิจกรรมประจำปีและขยายขนาดขึ้น
    .
    🇷🇺🇮🇩 RUSSIAN, INDONESIAN NAVIES TO HOLD FIRST EVER JOINT EXERCISES 'ORRUDA 2024'

    The navies of Russia and Indonesia will hold their first joint exercises, codenamed "Orruda 2024," in Surabaya and the Java Sea from November 4 to 8. The drills were announced in August and will be the first since Indonesia gained independence 79 years ago.

    🔸Two Birds
    The codename "Orruda" combines the Russian eagle and the Indonesian mythical bird Garuda, symbolizing strength and the intention of the two countries to conduct the drills "wing to wing."

    🔸Pacific Fleet Arrival
    On Sunday, a detachment from the Russian Navy's Pacific Fleet, including the corvettes Gromkiy, Rezky, Hero of the Russian Federation Aldar Tsydenzhapov, and the support ship Pechenga, made a friendly entry into Surabaya. Russian Ambassador Sergey Tolchenov attended the welcoming ceremony, which featured traditional dances.

    🔸Planned Event, Monitored Closely
    "Orruda 2024" will include port and naval stages in Surabaya and the Java Sea. The ambassador stressed the exercises are a routine event for partner nations, not aimed at any third party. Despite this, observers are expected to monitor the exercises closely.

    Commander Alexey Antsiferov noted these drills would show Russia's readiness to assist Indonesia and expressed hope that they would become annual and grow in scale.
    .
    Last edited 10:56 AM · Nov 4, 2024 · 2,754 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1853285176706531387
    🇷🇺🇮🇩 กองทัพเรือรัสเซีย, อินโดนีเซีย เตรียมจัดการซ้อมรบร่วมครั้งแรกภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔" กองทัพเรือรัสเซียและอินโดนีเซียจะจัดการซ้อมรบร่วมกันครั้งแรก, ภายใต้รหัส "ออร์รูดา ๒๐๒๔," ที่สุราบายาและทะเลชวา ระหว่างวันที่ ๔-๘ พฤศจิกายน การซ้อมรบดังกล่าวประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อินโดนีเซียได้รับเอกราชเมื่อ ๗๙ ปีที่แล้ว 🔸นกสองตัว รหัส "ออร์รูดา" มาจากการผสมระหว่างนกอินทรีรัสเซียและนกในตำนานของอินโดนีเซียอย่างการูด้า, ซึ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งและความตั้งใจของทั้งสองประเทศที่จะจัดการซ้อมรบแบบ "ปีกชนปีก" 🔸กองเรือแปซิฟิกเดินทางมาถึง เมื่อวันอาทิตย์, กองเรือจากกองเรือแปซิฟิกของกองทัพเรือรัสเซีย, ซึ่งรวมถึงเรือคอร์เวต Gromkiy, Rezky, ฮีโร่ของสหพันธรัฐรัสเซีย Aldar Tsydenzhapov, และเรือสนับสนุน Pechenga, ได้เดินทางเข้าสู่สุราบายาอย่างเป็นมิตร เอกอัครราชทูตรัสเซีย Sergey Tolchenov เข้าร่วมพิธีต้อนรับ, ซึ่งมีการเต้นรำแบบดั้งเดิมด้วย 🔸กิจกรรมที่วางแผนไว้, ติดตามอย่างใกล้ชิด "Orruda ๒๐๒๔" จะมีเวทีที่ท่าเรือและทางทะเลในสุราบายาและทะเลชวา เอกอัครราชทูตเน้นย้ำว่าการซ้อมรบเป็นกิจกรรมประจำสำหรับประเทศพันธมิตร, ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม, ผู้สังเกตการณ์คาดว่าจะติดตามการซ้อมรบอย่างใกล้ชิด ผู้บัญชาการ Alexey Antsiferov กล่าวว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของรัสเซียที่จะให้ความช่วยเหลืออินโดนีเซีย และแสดงความหวังว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะกลายเป็นกิจกรรมประจำปีและขยายขนาดขึ้น . 🇷🇺🇮🇩 RUSSIAN, INDONESIAN NAVIES TO HOLD FIRST EVER JOINT EXERCISES 'ORRUDA 2024' The navies of Russia and Indonesia will hold their first joint exercises, codenamed "Orruda 2024," in Surabaya and the Java Sea from November 4 to 8. The drills were announced in August and will be the first since Indonesia gained independence 79 years ago. 🔸Two Birds The codename "Orruda" combines the Russian eagle and the Indonesian mythical bird Garuda, symbolizing strength and the intention of the two countries to conduct the drills "wing to wing." 🔸Pacific Fleet Arrival On Sunday, a detachment from the Russian Navy's Pacific Fleet, including the corvettes Gromkiy, Rezky, Hero of the Russian Federation Aldar Tsydenzhapov, and the support ship Pechenga, made a friendly entry into Surabaya. Russian Ambassador Sergey Tolchenov attended the welcoming ceremony, which featured traditional dances. 🔸Planned Event, Monitored Closely "Orruda 2024" will include port and naval stages in Surabaya and the Java Sea. The ambassador stressed the exercises are a routine event for partner nations, not aimed at any third party. Despite this, observers are expected to monitor the exercises closely. Commander Alexey Antsiferov noted these drills would show Russia's readiness to assist Indonesia and expressed hope that they would become annual and grow in scale. . Last edited 10:56 AM · Nov 4, 2024 · 2,754 Views https://x.com/SputnikInt/status/1853285176706531387
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลิเวอร์พูล ได้วางตัว เกิคชู กลางรับจาก เบนฟิก้า เป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของพวกเขา มีค่าฉีกสัญญากับ เบนฟิก้า ประมาณ 130 ล้านยูโร หลังจากที่คว้าตัวมาจาก เฟเยนูร์ด 25 ล้านยูโร ในปี 2023

    Source Record Portugal
    ลิเวอร์พูล ได้วางตัว เกิคชู กลางรับจาก เบนฟิก้า เป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของพวกเขา มีค่าฉีกสัญญากับ เบนฟิก้า ประมาณ 130 ล้านยูโร หลังจากที่คว้าตัวมาจาก เฟเยนูร์ด 25 ล้านยูโร ในปี 2023 Source Record Portugal
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานล่าสุดว่า จีนส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีซานตงและเหลียวหนิง พร้อมเรือพิฆาตติดขีปนาวุธปล่อยนำวิถี Type 055 และ Type 025D และเรือดำนํ้าโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ Type 093 ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ตามรายงานระบุว่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนทำการลาดตระเวนในน่านนํ้าสากลห่างจากหมู่เกาะฮาวายของสหรัฐฯ เพียง 530 กิโลเมตร

    .
    https://www.facebook.com/groups/849053944049634/permalink/875884628033232/
    มีรายงานล่าสุดว่า จีนส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีซานตงและเหลียวหนิง พร้อมเรือพิฆาตติดขีปนาวุธปล่อยนำวิถี Type 055 และ Type 025D และเรือดำนํ้าโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ Type 093 ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ตามรายงานระบุว่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนทำการลาดตระเวนในน่านนํ้าสากลห่างจากหมู่เกาะฮาวายของสหรัฐฯ เพียง 530 กิโลเมตร . https://www.facebook.com/groups/849053944049634/permalink/875884628033232/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯจะไม่กำหนดข้อจำกัดกับเคียฟ ในการใช้อาวุธของอเมริกา หากว่าเกาหลีเหนือเข้าสู่ศึกสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซีย จากคำเตือนของเพนตากอน หลังจากนาโตออกมาเผยว่าหน่วยทหารของเปียงยางเข้าประจำการในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    การประจำการทหารของเกาหลีเหนือโหมกระพือความกังวลแก่ตะวันตก ว่าความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปีครึ่งในยูเครน อาจลุกลามบานปลาย แม้ขณะเดียวกันเป้าความสนใจได้เบี่ยงไปยังตะวันออกกลาง
    .
    มันอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า รัสเซียกำลังหวังชดเชยความสูญเสียที่มากขึ้นเรื่อยๆในสนามรบ และเดินหน้ารุกคืบในภาคตะวันออกของยูเครน อย่างช้าๆแต่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
    .
    "ความร่วมมือทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของทั้งภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และอียู-แอตแลนติก" มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกกับผู้สื่อข่าวหลังจากพูดคุยกับคณะผู้แทนของเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการประจำการทหารของเกาหลีเหนือ
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่าสถานการณ์นี้เป็นอันตรายอย่างมาก หลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนตากอน) ประเมินว่าตอนนี้มีทหารเกาหลีเหนือราวๆ 10,000 นาย ถูกส่งเข้าประจำการในภาคตะวันออกของรัสเซีย สำหรับการฝึกฝน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดหมายเมื่อวันพุธที่แล้ว(23ต.ค.) ว่ามีอยู่ประมาณ 3,000 นาย
    .
    "ส่วนหนึ่งของทหารเหล่านี้ได้เคลื่อนเข้าไปประชิดยูเครนแล้ว และเรามีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆว่ารัสเซียมีความตั้งใจใช้ทหารเหล่านี้ในการสู้รบหรือสนับสนุนปฏิบัติการสู้รบกับกองกำลังยูเครน ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ใกล้ชายแดนติดกับยูเครน" ซาบรินา ซิงห์ โฆษกเพนตากอนกล่าว
    .
    หน่วยข่าวกรองของกองทัพยูเครน กล่าวอ้างเมื่อวันพฤหัสบดี(24ต.ค.) ว่าพบเห็นหน่วยทหารเกาหลีเหนือชุดแรกอยู่ในแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน บริเวณที่ทหารของยูเครนกำลังปฏิบัติการ นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานเข้าสู่ดินแดนของรัสเซียแห่งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคม
    .
    อย่างไรก็ตามเพนตากอนไม่ได้ยืนยันว่ากองกำลังเกาหลีเหนือยู่ในแคว้นคูร์สก์แล้วหรือไม่ "มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางที่มุ่งหน้าสู่คูร์สก์ แต่ฉันยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้" ซิงห์กล่าว
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวหาว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายโดยรัสเซีย ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน เผยว่าเคียฟได้เตือนเกี่ยวกับการประจำการทหารเกาหลีเหนือมานานหลายสัปดาห์แล้ว พร้อมกล่าวหาพันธมิตรล้มเหลวในการตอบโต้หนักหน่วง
    .
    "ขีดเส้นใต้เอาไว้ กรุณาฟังยูเครน ทางออกคือ ยกเลิกข้อจำกัดเราเดี๋ยวนี้เลย เกี่ยวกับการใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย" อันดรี ซีบีฮา รัฐมนตรีต่างประเทศยูคเรนเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    เบื้องต้น วังเครมลินปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับการประจำการของทหารเกาหลีเหนือว่าเป็น "ข่าวปลอม" แต่ ปูติน ในวันพฤหัสบดี(24ต.ค.) ไม่ปฏิเสธมีทหารเปียงยางอยู่ในรัสเซีย และบอกว่ามันเป็นเรื่องของมอสโก ในแนวทางการใช้ประโยชน์จากสนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนกับเปียงยาง
    .
    เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ ไม่ยืนยันรายงานข่าวของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการประจำการทหารในรัสเซีย แต่บอกว่าถ้าเปียงยางดำเนินการดังกล่าว เขาเชื่อว่ามันจะเป็นไปตามกรอบบรรทัดฐานในระดับสากล
    .
    นับตั้งแต่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ พบกันที่ภูมิภาคตคะวันออกไกลของรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร พวกเขาพบปะกันอีกครั้งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ลงนามในข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม ในนั้นรวมถึงความตกลงกลาโหมร่วม
    .
    เลขาธิการนาโตบอกว่า การประจำการทหารเกาหลีเหนือ เป็นสัญญาณว่า ในส่วนของปูตินนั้น กำลังเผชิญกับความสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ "มีทหารรัสเซียกว่า 600,000 นายที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามของปูติน และเขาไม่สามารถเดินหน้าการจู่โจมของเขาเล่นงานยูเครน โดยปราศจากแรงสนับสนุนจากต่างชาติ"
    .
    อันเดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องว่ามาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอในมาตรการตอบโต้การเข้ามาพัวพันของเกาหลีเหนือ เขาบอกว่าเคียฟต้องการอาวุธและแผนที่ชัดเจนในการสกัดการยกระดับการเข้ามามีส่วนร่วมของเปียงยาง
    .
    "ศัตรูมีจุดแข็งที่ทราบกันดี และพันธมิตรของเราก็มีจุดแข็งนี้เช่นกัน" เยอร์มัคกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103973
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯจะไม่กำหนดข้อจำกัดกับเคียฟ ในการใช้อาวุธของอเมริกา หากว่าเกาหลีเหนือเข้าสู่ศึกสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซีย จากคำเตือนของเพนตากอน หลังจากนาโตออกมาเผยว่าหน่วยทหารของเปียงยางเข้าประจำการในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . การประจำการทหารของเกาหลีเหนือโหมกระพือความกังวลแก่ตะวันตก ว่าความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปีครึ่งในยูเครน อาจลุกลามบานปลาย แม้ขณะเดียวกันเป้าความสนใจได้เบี่ยงไปยังตะวันออกกลาง . มันอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า รัสเซียกำลังหวังชดเชยความสูญเสียที่มากขึ้นเรื่อยๆในสนามรบ และเดินหน้ารุกคืบในภาคตะวันออกของยูเครน อย่างช้าๆแต่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง . "ความร่วมมือทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของทั้งภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และอียู-แอตแลนติก" มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต บอกกับผู้สื่อข่าวหลังจากพูดคุยกับคณะผู้แทนของเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการประจำการทหารของเกาหลีเหนือ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่าสถานการณ์นี้เป็นอันตรายอย่างมาก หลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนตากอน) ประเมินว่าตอนนี้มีทหารเกาหลีเหนือราวๆ 10,000 นาย ถูกส่งเข้าประจำการในภาคตะวันออกของรัสเซีย สำหรับการฝึกฝน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดหมายเมื่อวันพุธที่แล้ว(23ต.ค.) ว่ามีอยู่ประมาณ 3,000 นาย . "ส่วนหนึ่งของทหารเหล่านี้ได้เคลื่อนเข้าไปประชิดยูเครนแล้ว และเรามีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆว่ารัสเซียมีความตั้งใจใช้ทหารเหล่านี้ในการสู้รบหรือสนับสนุนปฏิบัติการสู้รบกับกองกำลังยูเครน ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ใกล้ชายแดนติดกับยูเครน" ซาบรินา ซิงห์ โฆษกเพนตากอนกล่าว . หน่วยข่าวกรองของกองทัพยูเครน กล่าวอ้างเมื่อวันพฤหัสบดี(24ต.ค.) ว่าพบเห็นหน่วยทหารเกาหลีเหนือชุดแรกอยู่ในแคว้นคูร์สก์ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน บริเวณที่ทหารของยูเครนกำลังปฏิบัติการ นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานเข้าสู่ดินแดนของรัสเซียแห่งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคม . อย่างไรก็ตามเพนตากอนไม่ได้ยืนยันว่ากองกำลังเกาหลีเหนือยู่ในแคว้นคูร์สก์แล้วหรือไม่ "มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางที่มุ่งหน้าสู่คูร์สก์ แต่ฉันยังไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้" ซิงห์กล่าว . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวหาว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายโดยรัสเซีย ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน เผยว่าเคียฟได้เตือนเกี่ยวกับการประจำการทหารเกาหลีเหนือมานานหลายสัปดาห์แล้ว พร้อมกล่าวหาพันธมิตรล้มเหลวในการตอบโต้หนักหน่วง . "ขีดเส้นใต้เอาไว้ กรุณาฟังยูเครน ทางออกคือ ยกเลิกข้อจำกัดเราเดี๋ยวนี้เลย เกี่ยวกับการใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย" อันดรี ซีบีฮา รัฐมนตรีต่างประเทศยูคเรนเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . เบื้องต้น วังเครมลินปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับการประจำการของทหารเกาหลีเหนือว่าเป็น "ข่าวปลอม" แต่ ปูติน ในวันพฤหัสบดี(24ต.ค.) ไม่ปฏิเสธมีทหารเปียงยางอยู่ในรัสเซีย และบอกว่ามันเป็นเรื่องของมอสโก ในแนวทางการใช้ประโยชน์จากสนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนกับเปียงยาง . เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ ไม่ยืนยันรายงานข่าวของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการประจำการทหารในรัสเซีย แต่บอกว่าถ้าเปียงยางดำเนินการดังกล่าว เขาเชื่อว่ามันจะเป็นไปตามกรอบบรรทัดฐานในระดับสากล . นับตั้งแต่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ พบกันที่ภูมิภาคตคะวันออกไกลของรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร พวกเขาพบปะกันอีกครั้งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ลงนามในข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม ในนั้นรวมถึงความตกลงกลาโหมร่วม . เลขาธิการนาโตบอกว่า การประจำการทหารเกาหลีเหนือ เป็นสัญญาณว่า ในส่วนของปูตินนั้น กำลังเผชิญกับความสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ "มีทหารรัสเซียกว่า 600,000 นายที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามของปูติน และเขาไม่สามารถเดินหน้าการจู่โจมของเขาเล่นงานยูเครน โดยปราศจากแรงสนับสนุนจากต่างชาติ" . อันเดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องว่ามาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอในมาตรการตอบโต้การเข้ามาพัวพันของเกาหลีเหนือ เขาบอกว่าเคียฟต้องการอาวุธและแผนที่ชัดเจนในการสกัดการยกระดับการเข้ามามีส่วนร่วมของเปียงยาง . "ศัตรูมีจุดแข็งที่ทราบกันดี และพันธมิตรของเราก็มีจุดแข็งนี้เช่นกัน" เยอร์มัคกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103973 .............. Sondhi X
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1235 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยรบพิเศษของเกาหลีเหนือราว 5,000 นาย รวมตัวกันอยู่ที่แนวรบภูมิภาคเคิร์ส คาดว่าพร้อมเปิดฉากวันจันทร์นี้ เพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจาก ดินแดนรัสเซีย

    ก่อนหน้านี้ยูเครนออกมาระบุว่า มีทหารเหาหลีเหนือมากถึง 12,000 นาย ต่อมาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ยืนยันว่ากองกำลังเกาหลีเหนือจำนวนหนึ่งเดินทางมาทางเรือไปยังวลาดิวอสต็อก เมืองใหญ่ของรัสเซียริมมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่านี่จะเป็นสถานการณ์ที่ "รุนแรงมาก" สำหรับยูเครน

    รายงานล่าสุด กองกำลังทหารเกาหลีเหนือชุดแรกได้เดินทางข้ามมายังภูมิภาคเคิร์ส ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนกล่าวว่า คาดว่าจะมีทหารเกาหลีเหนือมากถึง 5,000 นาย ที่พร้อมจะเข้าร่วมรบได้ภายในวันจันทร์นี้เลย
    หน่วยรบพิเศษของเกาหลีเหนือราว 5,000 นาย รวมตัวกันอยู่ที่แนวรบภูมิภาคเคิร์ส คาดว่าพร้อมเปิดฉากวันจันทร์นี้ เพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจาก ดินแดนรัสเซีย ก่อนหน้านี้ยูเครนออกมาระบุว่า มีทหารเหาหลีเหนือมากถึง 12,000 นาย ต่อมาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ยืนยันว่ากองกำลังเกาหลีเหนือจำนวนหนึ่งเดินทางมาทางเรือไปยังวลาดิวอสต็อก เมืองใหญ่ของรัสเซียริมมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่านี่จะเป็นสถานการณ์ที่ "รุนแรงมาก" สำหรับยูเครน รายงานล่าสุด กองกำลังทหารเกาหลีเหนือชุดแรกได้เดินทางข้ามมายังภูมิภาคเคิร์ส ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนกล่าวว่า คาดว่าจะมีทหารเกาหลีเหนือมากถึง 5,000 นาย ที่พร้อมจะเข้าร่วมรบได้ภายในวันจันทร์นี้เลย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันแบงค็อก กับห้าง‘หลง’ที่สุด

    จากความตั้งใจของเสี่ยเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่อยากให้ประเทศไทยมีแลนด์มาร์คพิเศษ ที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกชื่นชมที่จะนำความเจริญ และความภาคภูมิใจมาสู่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำมาสู่ วันแบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 108 ไร่ ซึ่งเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567

    พื้นที่ค้าปลีกกว่า 190,000 ตารางเมตร ที่เปิดให้บริการมี 2 โซน ได้แก่ โซนพาเหรด (Parade) โซนเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ที่ยังไม่เปิดคือโซนโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท (POST 1928) เสียงวิจารณ์ที่ตามมานอกจากทำถนนวิทยุ ถนนพระรามที่ 4 และถนนสาทร รถติดหนักกว่าเดิมแล้ว โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่และแยกเป็นหลายอาคาร ทำให้คนที่มาเยือนครั้งแรกเกิดหลงทางทันที จากเดิมที่เซ็นทรัลเวิลด์ครองแชมป์เดินแล้วหลง เจอวันแบงค็อกเข้าไปต้องเรียกพี่

    แนะนำว่าถ้ามาครั้งแรก ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีลุมพินี ทางออก 1 ดีที่สุด มีทางเชื่อมใต้ดินไปยังโครงการ และจำไว้ว่า MRT ตั้งอยู่ในโซนพาเหรด ชั้น B1 อาคาร Tower 3 ฝั่งถนนพระรามที่ 4

    ชั้น B1 พบกับบิ๊กซีมินิ ร้านอาหาร เดินเลี้ยวขวาสุดทางเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์สัญชาติญี่ปุ่น มิตซูโคชิ เดปาจิกะ (Mitsukoshi Depachika) ชั้น G เป็นลานพาเหรดสแควร์ (Parade Square) สำหรับจัดงานมินิคอนเสิร์ต ชั้น 1-2 เป็นคิงเพาเวอร์ ซิตี้บูติก (King Power City Boutique) จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี สินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที ชั้น 3 เป็นห้างสารพัดไทย ของคิงเพาเวอร์ ชั้น 5 เป็นโรงภาพยนตร์วันอัลตร้าสกรีน (One Ultra Screen) และศูนย์อาหารฟู้ดสตรีท (Food Street)

    เดินไปทางซ้ายจะเป็นโซนเดอะสตอรี่ส์ ฝั่งถนนวิทยุ ประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งสองโซนจะเชื่อมถึงกัน ตรงกลางจะเป็นวันแบงค็อกพาร์ค (One Bangkok Park) พื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ทางเข้าอาคาร Tower 4

    ถัดไปจะเป็นวันแบงค็อกบูเลอวาร์ด (One Bangkok Boulevard) อาคารโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท อาคาร Tower 5 และอาคารวันแบงค็อกฟอรั่ม (One Bangkok Forum) ศูนย์ประชุมและจัดคอนเสิร์ต โดยชั้น G มีบิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ (Big C Bangkok Marché) โมเดลฟู้ดเพลสรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ อยู่ใกล้ทางเชื่อมทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านลุมพินีมากที่สุด นับจากนี้จะมีโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ตามมา และอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2569

    #Newskit #OneBangkok
    วันแบงค็อก กับห้าง‘หลง’ที่สุด จากความตั้งใจของเสี่ยเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่อยากให้ประเทศไทยมีแลนด์มาร์คพิเศษ ที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกชื่นชมที่จะนำความเจริญ และความภาคภูมิใจมาสู่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นำมาสู่ วันแบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย มูลค่าการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 108 ไร่ ซึ่งเช่าระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2567 พื้นที่ค้าปลีกกว่า 190,000 ตารางเมตร ที่เปิดให้บริการมี 2 โซน ได้แก่ โซนพาเหรด (Parade) โซนเดอะสตอรี่ส์ (The Storeys) ที่ยังไม่เปิดคือโซนโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท (POST 1928) เสียงวิจารณ์ที่ตามมานอกจากทำถนนวิทยุ ถนนพระรามที่ 4 และถนนสาทร รถติดหนักกว่าเดิมแล้ว โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่และแยกเป็นหลายอาคาร ทำให้คนที่มาเยือนครั้งแรกเกิดหลงทางทันที จากเดิมที่เซ็นทรัลเวิลด์ครองแชมป์เดินแล้วหลง เจอวันแบงค็อกเข้าไปต้องเรียกพี่ แนะนำว่าถ้ามาครั้งแรก ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีลุมพินี ทางออก 1 ดีที่สุด มีทางเชื่อมใต้ดินไปยังโครงการ และจำไว้ว่า MRT ตั้งอยู่ในโซนพาเหรด ชั้น B1 อาคาร Tower 3 ฝั่งถนนพระรามที่ 4 ชั้น B1 พบกับบิ๊กซีมินิ ร้านอาหาร เดินเลี้ยวขวาสุดทางเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์สัญชาติญี่ปุ่น มิตซูโคชิ เดปาจิกะ (Mitsukoshi Depachika) ชั้น G เป็นลานพาเหรดสแควร์ (Parade Square) สำหรับจัดงานมินิคอนเสิร์ต ชั้น 1-2 เป็นคิงเพาเวอร์ ซิตี้บูติก (King Power City Boutique) จำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี สินค้าซื้อแล้วรับกลับทันที ชั้น 3 เป็นห้างสารพัดไทย ของคิงเพาเวอร์ ชั้น 5 เป็นโรงภาพยนตร์วันอัลตร้าสกรีน (One Ultra Screen) และศูนย์อาหารฟู้ดสตรีท (Food Street) เดินไปทางซ้ายจะเป็นโซนเดอะสตอรี่ส์ ฝั่งถนนวิทยุ ประกอบด้วยร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งสองโซนจะเชื่อมถึงกัน ตรงกลางจะเป็นวันแบงค็อกพาร์ค (One Bangkok Park) พื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ทางเข้าอาคาร Tower 4 ถัดไปจะเป็นวันแบงค็อกบูเลอวาร์ด (One Bangkok Boulevard) อาคารโพสต์ไนน์ทีนไนน์ตี้เอท อาคาร Tower 5 และอาคารวันแบงค็อกฟอรั่ม (One Bangkok Forum) ศูนย์ประชุมและจัดคอนเสิร์ต โดยชั้น G มีบิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ (Big C Bangkok Marché) โมเดลฟู้ดเพลสรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ อยู่ใกล้ทางเชื่อมทางด่วนเฉลิมมหานคร ด่านลุมพินีมากที่สุด นับจากนี้จะมีโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ตามมา และอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย ปี 2569 #Newskit #OneBangkok
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • สูตรปุ๋ยฟิก (มะเดื่อฝรั่ง)ช่วงหลังตัดแต่งกิ่ง #ฟิก #มะเดื่อฝรั่ง #ผลไม้ #ปลอดสารพิษ
    สูตรปุ๋ยฟิก (มะเดื่อฝรั่ง)ช่วงหลังตัดแต่งกิ่ง #ฟิก #มะเดื่อฝรั่ง #ผลไม้ #ปลอดสารพิษ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 🇮🇳 อินเดียได้ประโยชน์จากทุกคนอย่างไร?

    อินเดียเพิ่งปรากฏตัวในการประชุมสุดยอด BRICS ร่วมกับปูตินและสีจิ้นผิง, ขณะที่จีนขู่ว่าจะทำสงครามในไต้หวัน และรัสเซียยังคงทำสงครามในยูเครน

    อย่างไรก็ตาม, อินเดียกำลังฝ่ามรสุมโลกครั้งนี้และได้รับประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย

    ตั้งแต่ปี ๒๐๒๒, อินเดียได้นำเข้าน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียในขณะที่ยังคงรักษาข้อตกลงทางทหารจำนวนมาก—โดยฮาร์ดแวร์ป้องกันประเทศ ๗๐% มาจากรัสเซีย

    อย่างไรก็ตาม, อินเดียยังกระชับความสัมพันธ์กับตะวันตก, โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านความร่วมมือ เช่น Quad เพื่อต่อต้านจีนในอินโด-แปซิฟิก

    จุดสำคัญคืออะไร? อินเดียยังสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอิหร่าน, ซึ่งเป็นประเทศที่ตะวันตกต้องการควบคุมอย่างยิ่ง

    พวกเขากำลังทำงานร่วมกับอิหร่านเพื่อพัฒนาท่าเรือชบาฮาร์เชิงยุทธศาสตร์, เข้าถึงเส้นทางการค้า และเพิ่มอิทธิพลในตะวันออกกลาง

    ในขณะที่อิหร่านยังคงขัดแย้งกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์และความตึงเครียดกับอิสราเอล

    อินเดียกำลังเล่นทั้งสองฝ่ายอย่างเชี่ยวชาญ—สร้างสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับรัสเซีย, เสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐฯ, และจัดแนวยุทธศาสตร์ร่วมกับผู้เล่นหลัก เช่น อิหร่าน

    อินเดียกำลังใช้กลุ่ม BRICS เป็นแพลตฟอร์มเพื่อเสริมสร้างสถานะของตนในระดับโลกในขณะที่เดินอยู่บนเส้นแบ่งบางๆระหว่างตะวันออกและตะวันตก

    อินเดียกำลังทำสิ่งนี้ได้อย่างไร—และจะนำไปสู่จุดใดต่อไป?
    .
    🇮🇳 HOW IS INDIA PROFITING FROM EVERYONE?

    India just showed up at the BRICS summit alongside Putin and Xi, while China threatens war over Taiwan and Russia continues its war in Ukraine.

    But somehow, India is navigating this global storm and benefiting from both sides.

    Since 2022, India’s been importing cheap Russian oil while maintaining massive military deals—70% of its defense hardware comes from Russia.

    Yet, India’s also deepening ties with the West, especially through partnerships like the Quad to counter China in the Indo-Pacific.

    The kicker? India is also forging stronger ties with Iran, a country the West is desperate to control.

    They’re working with Iran to develop the strategic Chabahar port, gaining access to trade routes and increasing influence in the Middle East.

    All while Iran remains at odds with the U.S. over nuclear ambitions and tensions with Israel.

    India is playing both sides expertly—balancing ties with Russia, strengthening partnerships with the U.S., and strategically aligning with key players like Iran.

    It’s using BRICS as a platform to boost its global standing while walking the fine line between East and West.

    How is India doing this—and where does it lead next?
    .
    3:39 AM · Oct 23, 2024 · 600.7K Views
    https://x.com/MarioNawfal/status/1848826559316021664
    🇮🇳 อินเดียได้ประโยชน์จากทุกคนอย่างไร? อินเดียเพิ่งปรากฏตัวในการประชุมสุดยอด BRICS ร่วมกับปูตินและสีจิ้นผิง, ขณะที่จีนขู่ว่าจะทำสงครามในไต้หวัน และรัสเซียยังคงทำสงครามในยูเครน อย่างไรก็ตาม, อินเดียกำลังฝ่ามรสุมโลกครั้งนี้และได้รับประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่ปี ๒๐๒๒, อินเดียได้นำเข้าน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียในขณะที่ยังคงรักษาข้อตกลงทางทหารจำนวนมาก—โดยฮาร์ดแวร์ป้องกันประเทศ ๗๐% มาจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม, อินเดียยังกระชับความสัมพันธ์กับตะวันตก, โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านความร่วมมือ เช่น Quad เพื่อต่อต้านจีนในอินโด-แปซิฟิก จุดสำคัญคืออะไร? อินเดียยังสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอิหร่าน, ซึ่งเป็นประเทศที่ตะวันตกต้องการควบคุมอย่างยิ่ง พวกเขากำลังทำงานร่วมกับอิหร่านเพื่อพัฒนาท่าเรือชบาฮาร์เชิงยุทธศาสตร์, เข้าถึงเส้นทางการค้า และเพิ่มอิทธิพลในตะวันออกกลาง ในขณะที่อิหร่านยังคงขัดแย้งกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์และความตึงเครียดกับอิสราเอล อินเดียกำลังเล่นทั้งสองฝ่ายอย่างเชี่ยวชาญ—สร้างสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับรัสเซีย, เสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐฯ, และจัดแนวยุทธศาสตร์ร่วมกับผู้เล่นหลัก เช่น อิหร่าน อินเดียกำลังใช้กลุ่ม BRICS เป็นแพลตฟอร์มเพื่อเสริมสร้างสถานะของตนในระดับโลกในขณะที่เดินอยู่บนเส้นแบ่งบางๆระหว่างตะวันออกและตะวันตก อินเดียกำลังทำสิ่งนี้ได้อย่างไร—และจะนำไปสู่จุดใดต่อไป? . 🇮🇳 HOW IS INDIA PROFITING FROM EVERYONE? India just showed up at the BRICS summit alongside Putin and Xi, while China threatens war over Taiwan and Russia continues its war in Ukraine. But somehow, India is navigating this global storm and benefiting from both sides. Since 2022, India’s been importing cheap Russian oil while maintaining massive military deals—70% of its defense hardware comes from Russia. Yet, India’s also deepening ties with the West, especially through partnerships like the Quad to counter China in the Indo-Pacific. The kicker? India is also forging stronger ties with Iran, a country the West is desperate to control. They’re working with Iran to develop the strategic Chabahar port, gaining access to trade routes and increasing influence in the Middle East. All while Iran remains at odds with the U.S. over nuclear ambitions and tensions with Israel. India is playing both sides expertly—balancing ties with Russia, strengthening partnerships with the U.S., and strategically aligning with key players like Iran. It’s using BRICS as a platform to boost its global standing while walking the fine line between East and West. How is India doing this—and where does it lead next? . 3:39 AM · Oct 23, 2024 · 600.7K Views https://x.com/MarioNawfal/status/1848826559316021664
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มฮิซบอลเลาะห์คุย ยิงจรวดโจมตีฐานทัพ 2 แห่งของอิสราเอล แห่งหนึ่งใกล้เทลอาวีฟ อีกแห่งเป็นฐานทัพเรือทางตะวันตกของเมืองไฮฟา ขณะที่กองทัพรัฐยิวโวว่า โจมตีเป้าหมายฮิซบอลเลาะห์ราว 300 แห่งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงห้องใต้ดินที่ซุกซ่อนเงินดอลลาร์และทองคำรวมมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน ของสหรัฐฯ เดินทางถึงอิสราเอล เพื่อผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในกาซา หลังจากผู้แทนของอเมริกาที่ไปเยือนเบรุตเรียกร้องยุติสงครามในเลบานอนทันที
    .
    บลิงเคน เดินทางถึงอิสราเอลในวันอังคาร (22 ต.ค.) ซึ่งเป็นการเยือนอิสราเอลครั้งที่ 11 นับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นเมื่อกว่า 1 ปีที่แล้ว โดยมีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของอิสราเอล เพื่อผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในกาซา รวมทั้งจะมีการหารือเกี่ยวกับแผนการของอิสราเอลในการตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
    .
    วันเดียวกันนั้น เตหะรานเปิดเผยว่า ได้รับการรับรองจากประเทศเพื่อนบ้านว่า จะไม่อนุญาตให้อิสราเอลใช้น่านฟ้าเพื่อโจมตีอิหร่าน
    .
    ทั้งนี้ ความพยายามของอเมริกาก่อนหน้านี้ในการยุติสงครามกาซาและควบคุมไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับการผลักดันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส สำหรับข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในเลบานอน
    .
    ในวันจันทร์ (21) อามอส ฮ็อกสทีน ผู้แทนของอเมริกาที่เดินทางไปเยือนกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน กล่าวว่า คณะบริหารไบเดนต้องการให้สงครามในเลบานอนยุติลงโดยเร็วที่สุด และต้องการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงที่อิงกับมติของสหประชาชาติ ที่ยุติสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์เมื่อปี 2006 ที่กำหนดให้ฮิซบอลเลาะห์ถอนกำลังออกจากทางใต้ของเลบานอนใกล้กับพรมแดนอิสราเอล คงเหลือเพียงกองทัพที่อ่อนแอของเลบานอนและกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นประจำการอยู่ในบริเวณนั้น
    .
    ทว่า ฮิซบอลเลาะห์ยังคงวางกำลังอยู่ทางใต้ของแม่น้ำลิทานีในเลบานอน และเริ่มโจมตีข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาส
    .
    ขณะเดียวกัน หลังจากทำสงครามในกาซามาเกือบปี อิสราเอลเบนเข็มมาโจมตีเลบานอน โดยอ้างว่า เพื่อให้สามารถนำพลเรือนชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนกลับสู่ถิ่นฐานบริเวณชายแดนติดกับเลบานอนได้อย่างปลอดภัย
    .
    อิสราเอลระดมโจมตีทางอากาศต่อที่มั่นฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน และวันที่ 30 กันยายนได้ส่งทหารบุกภาคพื้นดิน และนับจากวันที่ 23 เดือนที่แล้วมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,489 คนในประเทศนี้
    .
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงานว่า อิสราเอลโจมตีใกล้โรงพยาบาลราฟิกฮาริรีทางใต้ของกรุงเบรุต นอกเขตที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เมื่อวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และอาคารโรงพยาบาลเสียหายเล็กน้อย ขณะที่อาคารใกล้เคียง 4 หลังราบเป็นหน้ากลอง
    .
    กองทัพอิสราเอลแถลงในวันจันทร์ว่า โจมตีเป้าหมายฮิซบอลเลาะห์ราว 300 แห่งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงห้องใต้ดินที่ซุกซ่อนเงินดอลลาร์และทองคำรวมมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ที่เป็นของอัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน บริษัทการเงินของฮิซบอลเลาะห์
    .
    พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ยังระบุว่า มีบังเกอร์อีกแห่งที่ยังไม่ได้โจมตีซึ่งคาดว่า มีเงินดอลลาร์และทองคำซุกซ่อนอยู่มูลค่าอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์
    .
    กองทัพอิสราเอลเสริมว่า กำลังเล็งโจมตีกองกำลังทางเรือของฮิซบอลเลาะห์ และได้ออกคำเตือนประชาชนให้อพยพแล้ว
    .
    ทางด้านฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ได้ยิงจรวดโจมตีที่มั่นสองแห่งชานเมืองเทลอาวีฟตอนกลางของอิสราเอล ซึ่งรวมถึงฐานทัพกลิล็อตที่เป็นที่ตั้งของหน่วยข่าวกรองของกองทัพอิสราเอล อีกทั้งยังโจมตีฐานทัพเรือสเตลลามาริสใกล้เมืองไฮฟาทางตอนเหนือ นอกจากนั้นนักรบฮิซบอลเลาะห์ยังปะทะกับทหารอิสราเอลใกล้หมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง
    .
    อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าวของฮิซบอลเลาะห์ โดยทางการอิสราเอลเผยว่า สัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศทำงานในบริเวณทางใต้ของเทลอาวีฟเนื่องจากตรวจพบจรวดลูกหนึ่งที่ยิงมาจากเลบานอน แต่จรวดดังกล่าวในที่สุดแล้วก็ตกลงในพื้นที่โล่ง นอกจากนั้นยังมีเสียงไซเรนดังในเทลอาวีฟ
    .
    สำหนับที่ฉนวนกาซา อิสราเอลเปิดการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของกาซาตั้งแต่ต้นเดือนเพื่อขัดขวางไม่ให้กลุ่มฮามาสซ่องสุมกำลังกลับมาใหม่
    .
    หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซารายงานว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 4 คนจากการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือเมื่อวันจันทร์ ขณะที่สำนักงานผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็นคาดว่า มีพลเรือนถูกปิดล้อมอยู่ทางตอนเหนือของกาซาถึงราว 400,000 คน
    .
    ยูเอ็นยังเตือนความเสี่ยงเกิดภาวะอดอยากในกาซา พร้อมระบุว่า ตลอดเดือนนี้มีรถบรรทุกความช่วยเหลือเข้าสู่ดินแดนนี้เพียง 396 คัน เทียบกับ 3,003 คันในเดือนกันยายน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102031
    ..............
    Sondhi X
    กลุ่มฮิซบอลเลาะห์คุย ยิงจรวดโจมตีฐานทัพ 2 แห่งของอิสราเอล แห่งหนึ่งใกล้เทลอาวีฟ อีกแห่งเป็นฐานทัพเรือทางตะวันตกของเมืองไฮฟา ขณะที่กองทัพรัฐยิวโวว่า โจมตีเป้าหมายฮิซบอลเลาะห์ราว 300 แห่งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงห้องใต้ดินที่ซุกซ่อนเงินดอลลาร์และทองคำรวมมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน ของสหรัฐฯ เดินทางถึงอิสราเอล เพื่อผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในกาซา หลังจากผู้แทนของอเมริกาที่ไปเยือนเบรุตเรียกร้องยุติสงครามในเลบานอนทันที . บลิงเคน เดินทางถึงอิสราเอลในวันอังคาร (22 ต.ค.) ซึ่งเป็นการเยือนอิสราเอลครั้งที่ 11 นับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นเมื่อกว่า 1 ปีที่แล้ว โดยมีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของอิสราเอล เพื่อผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในกาซา รวมทั้งจะมีการหารือเกี่ยวกับแผนการของอิสราเอลในการตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา . วันเดียวกันนั้น เตหะรานเปิดเผยว่า ได้รับการรับรองจากประเทศเพื่อนบ้านว่า จะไม่อนุญาตให้อิสราเอลใช้น่านฟ้าเพื่อโจมตีอิหร่าน . ทั้งนี้ ความพยายามของอเมริกาก่อนหน้านี้ในการยุติสงครามกาซาและควบคุมไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับการผลักดันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส สำหรับข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในเลบานอน . ในวันจันทร์ (21) อามอส ฮ็อกสทีน ผู้แทนของอเมริกาที่เดินทางไปเยือนกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน กล่าวว่า คณะบริหารไบเดนต้องการให้สงครามในเลบานอนยุติลงโดยเร็วที่สุด และต้องการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงที่อิงกับมติของสหประชาชาติ ที่ยุติสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์เมื่อปี 2006 ที่กำหนดให้ฮิซบอลเลาะห์ถอนกำลังออกจากทางใต้ของเลบานอนใกล้กับพรมแดนอิสราเอล คงเหลือเพียงกองทัพที่อ่อนแอของเลบานอนและกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นประจำการอยู่ในบริเวณนั้น . ทว่า ฮิซบอลเลาะห์ยังคงวางกำลังอยู่ทางใต้ของแม่น้ำลิทานีในเลบานอน และเริ่มโจมตีข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาส . ขณะเดียวกัน หลังจากทำสงครามในกาซามาเกือบปี อิสราเอลเบนเข็มมาโจมตีเลบานอน โดยอ้างว่า เพื่อให้สามารถนำพลเรือนชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนกลับสู่ถิ่นฐานบริเวณชายแดนติดกับเลบานอนได้อย่างปลอดภัย . อิสราเอลระดมโจมตีทางอากาศต่อที่มั่นฮิซบอลเลาะห์ทั่วเลบานอน และวันที่ 30 กันยายนได้ส่งทหารบุกภาคพื้นดิน และนับจากวันที่ 23 เดือนที่แล้วมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,489 คนในประเทศนี้ . กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงานว่า อิสราเอลโจมตีใกล้โรงพยาบาลราฟิกฮาริรีทางใต้ของกรุงเบรุต นอกเขตที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เมื่อวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และอาคารโรงพยาบาลเสียหายเล็กน้อย ขณะที่อาคารใกล้เคียง 4 หลังราบเป็นหน้ากลอง . กองทัพอิสราเอลแถลงในวันจันทร์ว่า โจมตีเป้าหมายฮิซบอลเลาะห์ราว 300 แห่งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงห้องใต้ดินที่ซุกซ่อนเงินดอลลาร์และทองคำรวมมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ที่เป็นของอัล-การ์ด อัล-ฮัสซัน บริษัทการเงินของฮิซบอลเลาะห์ . พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ยังระบุว่า มีบังเกอร์อีกแห่งที่ยังไม่ได้โจมตีซึ่งคาดว่า มีเงินดอลลาร์และทองคำซุกซ่อนอยู่มูลค่าอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์ . กองทัพอิสราเอลเสริมว่า กำลังเล็งโจมตีกองกำลังทางเรือของฮิซบอลเลาะห์ และได้ออกคำเตือนประชาชนให้อพยพแล้ว . ทางด้านฮิซบอลเลาะห์เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ได้ยิงจรวดโจมตีที่มั่นสองแห่งชานเมืองเทลอาวีฟตอนกลางของอิสราเอล ซึ่งรวมถึงฐานทัพกลิล็อตที่เป็นที่ตั้งของหน่วยข่าวกรองของกองทัพอิสราเอล อีกทั้งยังโจมตีฐานทัพเรือสเตลลามาริสใกล้เมืองไฮฟาทางตอนเหนือ นอกจากนั้นนักรบฮิซบอลเลาะห์ยังปะทะกับทหารอิสราเอลใกล้หมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง . อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าวของฮิซบอลเลาะห์ โดยทางการอิสราเอลเผยว่า สัญญาณเตือนภัยการโจมตีทางอากาศทำงานในบริเวณทางใต้ของเทลอาวีฟเนื่องจากตรวจพบจรวดลูกหนึ่งที่ยิงมาจากเลบานอน แต่จรวดดังกล่าวในที่สุดแล้วก็ตกลงในพื้นที่โล่ง นอกจากนั้นยังมีเสียงไซเรนดังในเทลอาวีฟ . สำหนับที่ฉนวนกาซา อิสราเอลเปิดการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของกาซาตั้งแต่ต้นเดือนเพื่อขัดขวางไม่ให้กลุ่มฮามาสซ่องสุมกำลังกลับมาใหม่ . หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของกาซารายงานว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 4 คนจากการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือเมื่อวันจันทร์ ขณะที่สำนักงานผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็นคาดว่า มีพลเรือนถูกปิดล้อมอยู่ทางตอนเหนือของกาซาถึงราว 400,000 คน . ยูเอ็นยังเตือนความเสี่ยงเกิดภาวะอดอยากในกาซา พร้อมระบุว่า ตลอดเดือนนี้มีรถบรรทุกความช่วยเหลือเข้าสู่ดินแดนนี้เพียง 396 คัน เทียบกับ 3,003 คันในเดือนกันยายน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102031 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1174 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌐ขอบเขตและอำนาจทางการเงินของกลุ่ม BRICS

    เมื่อการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS เริ่มต้นขึ้น, โดยมีผู้นำระดับโลกมากกว่า ๒๐ รายและคณะผู้แทน 30 รายเข้าร่วม, ลองชมอินโฟกราฟิกของ Sputnik ซึ่งแสดงประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งและการพัฒนาของสมาคม

    ปัจจุบัน ประเทศสมาชิก BRICS คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก และคิดเป็นประมาณ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคผลิตภัณฑ์น้ำมันทั่วโลก

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในอินโฟกราฟิกของ Sputnik!

    #BRICS2024
    .
    🌐BRICS SCOPE AND MONETARY MIGHT

    As the BRICS Summit kicks off, bringing together more than 20 world leaders and 30 delegations, take a look at Sputnik's infographic showing the history of the association’s creation and development.

    The BRICS countries now account for more than 40 percent of global oil production and about 40 percent of global consumption of oil products.

    Explore Sputnik's infographic for more details!

    #BRICS2024
    .
    12:55 PM · Oct 22, 2024 · 6,486 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1848603944450203943
    🌐ขอบเขตและอำนาจทางการเงินของกลุ่ม BRICS เมื่อการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS เริ่มต้นขึ้น, โดยมีผู้นำระดับโลกมากกว่า ๒๐ รายและคณะผู้แทน 30 รายเข้าร่วม, ลองชมอินโฟกราฟิกของ Sputnik ซึ่งแสดงประวัติความเป็นมาของการก่อตั้งและการพัฒนาของสมาคม ปัจจุบัน ประเทศสมาชิก BRICS คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก และคิดเป็นประมาณ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคผลิตภัณฑ์น้ำมันทั่วโลก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในอินโฟกราฟิกของ Sputnik! #BRICS2024 . 🌐BRICS SCOPE AND MONETARY MIGHT As the BRICS Summit kicks off, bringing together more than 20 world leaders and 30 delegations, take a look at Sputnik's infographic showing the history of the association’s creation and development. The BRICS countries now account for more than 40 percent of global oil production and about 40 percent of global consumption of oil products. Explore Sputnik's infographic for more details! #BRICS2024 . 12:55 PM · Oct 22, 2024 · 6,486 Views https://x.com/SputnikInt/status/1848603944450203943
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำรองทองคำของโลกที่อยู่ในครอบครองของประเทศ BRICS มีมากเพียงใด?

    ประเทศ BRICS ถือครองสำรองทองคำของโลกมากกว่า ๒๐ เปอร์เซ็นต์, โดยรัสเซียและจีนครองส่วนแบ่งมากที่สุด, ตามการคำนวณของ Sputnik ซึ่งใช้ข้อมูลของ World Gold Council

    ในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๐๒๔, สำรองทองคำของโลกมีทั้งหมด ๒๙,๐๓๐ ตัน, โดยประเทศ BRICS (ไม่รวมอิหร่านและเอธิโอเปีย) ถือครอง ๖,๒๐๐ ตัน, หรือ ๒๑.๔ เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดของโลก รัสเซียเป็นผู้นำในกลุ่ม BRICS โดยมี ๒,๓๔๐ ตัน หรือ ๘.๑ เปอร์เซ็นต์ของทองคำทั้งหมดของโลก, รองลงมาคือจีน ซึ่งมี ๒,๒๖๐ ตัน (๗.๘ เปอร์เซ็นต์)

    ประเทศสมาชิก BRICS อื่นๆ—อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, บราซิล, อียิปต์, แอฟริกาใต้, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์—มีส่วนแบ่งน้อยกว่า, โดยรวมกันมีสัดส่วนน้อยกว่า ๓ เปอร์เซ็นต์ของสำรองทองคำทั่วโลก อินเดียมี ๘๔๐.๗๖ ตัน, ซาอุดีอาระเบีย ๓๒๓ ตัน, บราซิล ๑๒๙.๗ ตัน, อียิปต์ ๑๒๖.๕๗ ตัน, แอฟริกาใต้ ๑๒๕.๔๔ ตัน, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๗๔.๕ ตัน

    📊 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม, โปรดดูอินโฟกราฟิกของ Sputnik!
    .
    HOW MUCH OF THE WORLD’S GOLD RESERVES ARE HELD BY BRICS NATIONS?

    Over 20 percent of the world's gold reserves are held by BRICS countries, with Russia and China leading the field, according to Sputnik’s calculations based on World Gold Council data.

    As of the second quarter of 2024, global gold reserves totaled 29,030 tons, with BRICS (excluding Iran and Ethiopia) holding 6,200 tons, or 21.4 percent of the world's total. Russia leads within BRICS with 2,340 tons or 8.1 percent of the world's gold, followed by China with 2,260 tons (7.8 percent).

    Other BRICS members—India, Saudi Arabia, Brazil, Egypt, South Africa, and the UAE—hold smaller shares, collectively less than 3 percent of global reserves. India has 840.76 tons, Saudi Arabia 323 tons, Brazil 129.7 tons, Egypt 126.57 tons, South Africa 125.44 tons and the UAE 74.5 tons.

    📊 For more details, check out Sputnik’s infographic!
    .
    2:39 AM · Oct 22, 2024 · 3,729 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1848449111307001975
    สำรองทองคำของโลกที่อยู่ในครอบครองของประเทศ BRICS มีมากเพียงใด? ประเทศ BRICS ถือครองสำรองทองคำของโลกมากกว่า ๒๐ เปอร์เซ็นต์, โดยรัสเซียและจีนครองส่วนแบ่งมากที่สุด, ตามการคำนวณของ Sputnik ซึ่งใช้ข้อมูลของ World Gold Council ในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๐๒๔, สำรองทองคำของโลกมีทั้งหมด ๒๙,๐๓๐ ตัน, โดยประเทศ BRICS (ไม่รวมอิหร่านและเอธิโอเปีย) ถือครอง ๖,๒๐๐ ตัน, หรือ ๒๑.๔ เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดของโลก รัสเซียเป็นผู้นำในกลุ่ม BRICS โดยมี ๒,๓๔๐ ตัน หรือ ๘.๑ เปอร์เซ็นต์ของทองคำทั้งหมดของโลก, รองลงมาคือจีน ซึ่งมี ๒,๒๖๐ ตัน (๗.๘ เปอร์เซ็นต์) ประเทศสมาชิก BRICS อื่นๆ—อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, บราซิล, อียิปต์, แอฟริกาใต้, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์—มีส่วนแบ่งน้อยกว่า, โดยรวมกันมีสัดส่วนน้อยกว่า ๓ เปอร์เซ็นต์ของสำรองทองคำทั่วโลก อินเดียมี ๘๔๐.๗๖ ตัน, ซาอุดีอาระเบีย ๓๒๓ ตัน, บราซิล ๑๒๙.๗ ตัน, อียิปต์ ๑๒๖.๕๗ ตัน, แอฟริกาใต้ ๑๒๕.๔๔ ตัน, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๗๔.๕ ตัน 📊 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม, โปรดดูอินโฟกราฟิกของ Sputnik! . HOW MUCH OF THE WORLD’S GOLD RESERVES ARE HELD BY BRICS NATIONS? Over 20 percent of the world's gold reserves are held by BRICS countries, with Russia and China leading the field, according to Sputnik’s calculations based on World Gold Council data. As of the second quarter of 2024, global gold reserves totaled 29,030 tons, with BRICS (excluding Iran and Ethiopia) holding 6,200 tons, or 21.4 percent of the world's total. Russia leads within BRICS with 2,340 tons or 8.1 percent of the world's gold, followed by China with 2,260 tons (7.8 percent). Other BRICS members—India, Saudi Arabia, Brazil, Egypt, South Africa, and the UAE—hold smaller shares, collectively less than 3 percent of global reserves. India has 840.76 tons, Saudi Arabia 323 tons, Brazil 129.7 tons, Egypt 126.57 tons, South Africa 125.44 tons and the UAE 74.5 tons. 📊 For more details, check out Sputnik’s infographic! . 2:39 AM · Oct 22, 2024 · 3,729 Views https://x.com/SputnikInt/status/1848449111307001975
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=y3AD4iT_C5c
    บทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #basiclistening

    The conversations from the clip :

    Girl : Hi there! Are you traveling to Bangkok too?
    Boy : Yes, I am! It’s my first time visiting. How about you?
    Girl : I’ve been there a couple of times. It’s a great city! What are you planning to do there?
    Boy : I’m really excited to visit the temples and explore the markets. Any recommendations?
    Girl : Definitely visit the Grand Palace and Wat Pho. The Reclining Buddha is amazing!
    Boy : That sounds incredible! I also heard the street food in Bangkok is famous.
    Girl : Oh, you’re in for a treat! You must try pad thai and mango sticky rice. They’re delicious!
    Boy : I can’t wait! How’s the traffic in Bangkok? I’ve heard it can be pretty crazy.
    Girl : Yeah, it can be busy, especially during rush hour. But using the BTS Skytrain or taking a boat ride is a great way to avoid it.
    Boy : Good to know! I was thinking of taking a boat tour along the river.
    Girl : That’s a great idea! The Chao Phraya River has some beautiful views of the city.
    Boy : I’m looking forward to it! How long are you staying in Bangkok?
    Girl : Just for a few days before I head to Chiang Mai. How about you?
    Boy : I’ll be in Bangkok for a week, then I might explore some nearby islands.
    Girl : That sounds amazing! You’ll have a great time.

    Girl: สวัสดี! คุณกำลังเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยใช่ไหม?
    Boy: ใช่แล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วคุณล่ะ?
    Girl: ฉันเคยไปมาแล้วสองสามครั้ง มันเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม! คุณมีแผนจะทำอะไรที่นั่นบ้าง?
    Boy: ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเยี่ยมชมวัดและสำรวจตลาด คุณมีที่ไหนแนะนำบ้างไหม?
    Girl: คุณต้องไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดโพธิ์แน่นอน พระพุทธไสยาสน์น่าทึ่งมาก!
    Boy: ฟังดูน่าอัศจรรย์มาก! ผมยังได้ยินมาว่าอาหารริมทางที่กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงมาก
    Girl: โอ้! คุณจะได้ลองของอร่อยแน่ ๆ คุณต้องลองผัดไทยและข้าวเหนียวมะม่วง มันอร่อยมาก!
    Boy: ผมรอไม่ไหวแล้ว! การจราจรในกรุงเทพฯ เป็นยังไงบ้าง? ผมได้ยินว่ามันอาจจะวุ่นวายมาก
    Girl: ใช่ มันอาจจะหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แต่การใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสหรือการนั่งเรือเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยง
    Boy: ดีที่รู้แบบนี้! ผมกำลังคิดว่าจะไปล่องเรือชมแม่น้ำ
    Girl: นั่นเป็นความคิดที่ดี! แม่น้ำเจ้าพระยามีวิวสวย ๆ ของเมือง
    Boy: ผมตั้งตารอเลย! คุณจะอยู่กรุงเทพฯ นานแค่ไหน?
    Girl: แค่ไม่กี่วันก่อนที่ฉันจะไปเชียงใหม่ แล้วคุณล่ะ?
    Boy: ผมจะอยู่กรุงเทพฯ สักหนึ่งสัปดาห์ แล้วอาจจะไปสำรวจเกาะใกล้เคียง
    Girl: ฟังดูเยี่ยมเลย! คุณต้องสนุกมากแน่ ๆ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Temple (เทมเพิล) noun. แปลว่า วัด
    Market (มาร์เก็ต) noun. แปลว่า ตลาด
    Recommendation (เร็คเคอะเมนเดชัน) noun. แปลว่า คำแนะนำ
    Reclining Buddha (รีคลายนิง บุดด้า) noun. แปลว่า พระพุทธไสยาสน์
    Street food (สตรีท ฟู้ด) noun. แปลว่า อาหารริมทาง
    Famous (เฟมัส) adj. แปลว่า มีชื่อเสียง
    Delicious (ดิลิชัส) adj. แปลว่า อร่อย
    Traffic (แทรฟฟิก) noun. แปลว่า การจราจร
    Rush hour (รัช เอาเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมงเร่งด่วน
    BTS Skytrain (บีทีเอส สกายเทรน) noun. แปลว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส
    Boat ride (โบท ไรด์) noun. แปลว่า การนั่งเรือ
    River (ริเวอร์) noun. แปลว่า แม่น้ำ
    View (วิว) noun. แปลว่า วิว, ทัศนียภาพ
    Explore (เอ็กซพลอร์) verb. แปลว่า สำรวจ
    Nearby (เนียร์บาย) adj. แปลว่า ที่อยู่ใกล้
    https://www.youtube.com/watch?v=y3AD4iT_C5c บทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาท่องเที่ยวประเทศไทยบนเครื่องบิน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #basiclistening The conversations from the clip : Girl : Hi there! Are you traveling to Bangkok too? Boy : Yes, I am! It’s my first time visiting. How about you? Girl : I’ve been there a couple of times. It’s a great city! What are you planning to do there? Boy : I’m really excited to visit the temples and explore the markets. Any recommendations? Girl : Definitely visit the Grand Palace and Wat Pho. The Reclining Buddha is amazing! Boy : That sounds incredible! I also heard the street food in Bangkok is famous. Girl : Oh, you’re in for a treat! You must try pad thai and mango sticky rice. They’re delicious! Boy : I can’t wait! How’s the traffic in Bangkok? I’ve heard it can be pretty crazy. Girl : Yeah, it can be busy, especially during rush hour. But using the BTS Skytrain or taking a boat ride is a great way to avoid it. Boy : Good to know! I was thinking of taking a boat tour along the river. Girl : That’s a great idea! The Chao Phraya River has some beautiful views of the city. Boy : I’m looking forward to it! How long are you staying in Bangkok? Girl : Just for a few days before I head to Chiang Mai. How about you? Boy : I’ll be in Bangkok for a week, then I might explore some nearby islands. Girl : That sounds amazing! You’ll have a great time. Girl: สวัสดี! คุณกำลังเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยใช่ไหม? Boy: ใช่แล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวกรุงเทพฯ แล้วคุณล่ะ? Girl: ฉันเคยไปมาแล้วสองสามครั้ง มันเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม! คุณมีแผนจะทำอะไรที่นั่นบ้าง? Boy: ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเยี่ยมชมวัดและสำรวจตลาด คุณมีที่ไหนแนะนำบ้างไหม? Girl: คุณต้องไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังและวัดโพธิ์แน่นอน พระพุทธไสยาสน์น่าทึ่งมาก! Boy: ฟังดูน่าอัศจรรย์มาก! ผมยังได้ยินมาว่าอาหารริมทางที่กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงมาก Girl: โอ้! คุณจะได้ลองของอร่อยแน่ ๆ คุณต้องลองผัดไทยและข้าวเหนียวมะม่วง มันอร่อยมาก! Boy: ผมรอไม่ไหวแล้ว! การจราจรในกรุงเทพฯ เป็นยังไงบ้าง? ผมได้ยินว่ามันอาจจะวุ่นวายมาก Girl: ใช่ มันอาจจะหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แต่การใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสหรือการนั่งเรือเป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยง Boy: ดีที่รู้แบบนี้! ผมกำลังคิดว่าจะไปล่องเรือชมแม่น้ำ Girl: นั่นเป็นความคิดที่ดี! แม่น้ำเจ้าพระยามีวิวสวย ๆ ของเมือง Boy: ผมตั้งตารอเลย! คุณจะอยู่กรุงเทพฯ นานแค่ไหน? Girl: แค่ไม่กี่วันก่อนที่ฉันจะไปเชียงใหม่ แล้วคุณล่ะ? Boy: ผมจะอยู่กรุงเทพฯ สักหนึ่งสัปดาห์ แล้วอาจจะไปสำรวจเกาะใกล้เคียง Girl: ฟังดูเยี่ยมเลย! คุณต้องสนุกมากแน่ ๆ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Temple (เทมเพิล) noun. แปลว่า วัด Market (มาร์เก็ต) noun. แปลว่า ตลาด Recommendation (เร็คเคอะเมนเดชัน) noun. แปลว่า คำแนะนำ Reclining Buddha (รีคลายนิง บุดด้า) noun. แปลว่า พระพุทธไสยาสน์ Street food (สตรีท ฟู้ด) noun. แปลว่า อาหารริมทาง Famous (เฟมัส) adj. แปลว่า มีชื่อเสียง Delicious (ดิลิชัส) adj. แปลว่า อร่อย Traffic (แทรฟฟิก) noun. แปลว่า การจราจร Rush hour (รัช เอาเออร์) noun. แปลว่า ชั่วโมงเร่งด่วน BTS Skytrain (บีทีเอส สกายเทรน) noun. แปลว่า รถไฟฟ้าบีทีเอส Boat ride (โบท ไรด์) noun. แปลว่า การนั่งเรือ River (ริเวอร์) noun. แปลว่า แม่น้ำ View (วิว) noun. แปลว่า วิว, ทัศนียภาพ Explore (เอ็กซพลอร์) verb. แปลว่า สำรวจ Nearby (เนียร์บาย) adj. แปลว่า ที่อยู่ใกล้
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูอาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกขโมยมา จากหมอชาวปาเลสไตน์ ตอฟิก คานาน และครอบครัวของเขา

    เขาคือผู้ตั้งถิ่นฐานผิดกฎหมาย!

    (เปิดเผยในหนังสือพิมพ์ Yedioth)
    .
    Netanyahu lives in a stolen house, looted from Palestinian Doctor Tawfik Canaan and his family.

    He's an illegal settler!

    (Revealed in Yedioth newspaper.)
    .
    8:20 PM · Oct 19, 2024 · 977.6K Views
    https://x.com/Kahlissee/status/1847628922319495189
    เนทันยาฮูอาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกขโมยมา จากหมอชาวปาเลสไตน์ ตอฟิก คานาน และครอบครัวของเขา เขาคือผู้ตั้งถิ่นฐานผิดกฎหมาย! (เปิดเผยในหนังสือพิมพ์ Yedioth) . Netanyahu lives in a stolen house, looted from Palestinian Doctor Tawfik Canaan and his family. He's an illegal settler! (Revealed in Yedioth newspaper.) . 8:20 PM · Oct 19, 2024 · 977.6K Views https://x.com/Kahlissee/status/1847628922319495189
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • ผู้นำจาก ๒๔ ประเทศ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน, ซึ่งเน้นที่การพหุภาคีและการพัฒนาทั่วโลก ด้วยสมาชิกใหม่ เช่น อียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ปัจจุบัน BRICS ครองส่วนแบ่งการผลิตและการบริโภคน้ำมันมากกว่า ๔๐% ของโลก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากอินโฟกราฟิกของเรา!
    .
    Leaders of 24 countries will attend the BRICS summit in Kazan, focused on multilateralism and global development. With new members like Egypt and the UAE, BRICS now accounts for over 40% of global oil production and consumption. Explore our infographic for more details!
    .
    5:25 PM · Oct 17, 2024 · 6,472 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1846860171542253729
    ผู้นำจาก ๒๔ ประเทศ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองคาซาน, ซึ่งเน้นที่การพหุภาคีและการพัฒนาทั่วโลก ด้วยสมาชิกใหม่ เช่น อียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ปัจจุบัน BRICS ครองส่วนแบ่งการผลิตและการบริโภคน้ำมันมากกว่า ๔๐% ของโลก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากอินโฟกราฟิกของเรา! . Leaders of 24 countries will attend the BRICS summit in Kazan, focused on multilateralism and global development. With new members like Egypt and the UAE, BRICS now accounts for over 40% of global oil production and consumption. Explore our infographic for more details! . 5:25 PM · Oct 17, 2024 · 6,472 Views https://x.com/SputnikInt/status/1846860171542253729
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศส ว่า กองทัพอิสราเอลพบอาวุธล้ำสมัยของรัสเซีย ระหว่างปฏิบัติการตรวจค้นฐานที่มั่นต่างๆ ของพวกฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้ของเลบานอน เหตุการณ์ที่อาจทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายเกินกว่าจินตนาการ
    .
    เนทันยาฮู เน้นย้ำกับหนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร ในการสัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (16 ต.ค.) ว่า ภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อปี 2006 มีเพียงแค่ทหารเลบานอนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธบริเวณทางใต้ของแม่น้ำลิตานี แม่น้ำสายหลักของประเทศ
    .
    "อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่นี้พวกฮิซบอลเลาะห์ขุดอุโมงค์และที่ซ่อนนับร้อย ซึ่งเราเพิ่งพบอาวุธล้ำสมัยของรัสเซียจำนวนหนึ่ง" เนทันยาฮูให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส
    .
    ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐฯ เคยกล่าวอ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอล รายงานว่าอิสราเอลพบอาวุธต่อต้านรถถังของรัสเซียและจีน ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมภายในเลบานอน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับพวกฮิซบอลเลาะห์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านลุกลามขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    กองทัพอิสราเอลยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวของเอเอฟพี เกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู
    .
    อิสราเอลบอกว่ายุทธการทางทหารของพวกเขาในการจัดการกับพวกฮิซบอลเลาะห์มีเป้าประสงค์คือทำให้พื้นที่แถบดังกล่าวมีความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อเปิดทางให้พลเรือนที่อพยพหลบหนีจากทางเหนือของอิสราเอลกว่า 60,000 คน สามารถกลับสู่ถิ่นฐานได้
    .
    พลเมืองจำนวนมากต้องหลบหนีออกจากถิ่นฐานของตนเอง สืบเนื่องจากเหตุยิงปะทะข้ามชายแดนระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเกิดขึ้นทันทีตามหลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีและรุกรานฉนวนกาซา แก้แค้นกรณีที่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมสายฟ้าแลบเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน
    .
    "สงครามกลางเมืองครั้งใหม่ในเลบานอนจะเป็นเรื่องน่าเศร้า แน่นอนว่าเราไม่มีเป้าหมายยั่วยุให้เกิดขึ้นอีกรอบ อิสราเอลไม่ได้มีเจตนาแทรกแซงกิจการภายในของเลบานอน" เนทันยาฮูบอกกับสื่อมวลชนฝรั่งเศส "เป้าหมายของเราคือเปิดทางให้พลเมืองของเราที่อยู่ตามแนวหน้าติดกับเลบานอน กลับบ้านและรู้สึกถึงความปลอดภัย"
    .
    ฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลยกระดับการสู้รบดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตามหลังการรุกรานอิสราเอลของพวกฮามาส จุดชนวนสงครามในกาซา
    .
    ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดหลายพันลูกเข้าใส่อิสราเอลตลอดขวบปีที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนพันธมิตรอย่างนักรบฮามาส ที่สู้รบกับอิสราเอลในกาซา ทำให้ชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนต้องไร้ถิ่นฐาน
    .
    อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการทางอากาศถล่มพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นมา จากนั้นก็เปิดปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้นในอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง อ้างว่าเป็นความพยายามผลักดันให้พวกนักรบติดอาวุธล่าถอยออกห่างชายแดนทางเหนือ
    .
    นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มจู่โจมฮิซบอลเลาะห์ มีผู้คนอย่างน้อย 1,373 รายแล้ว ที่เสียชีวิตในเลบานอน จากการนับของเอเอฟพีต่อข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเลบานอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000100026
    ..............
    Sondhi X
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนฝรั่งเศส ว่า กองทัพอิสราเอลพบอาวุธล้ำสมัยของรัสเซีย ระหว่างปฏิบัติการตรวจค้นฐานที่มั่นต่างๆ ของพวกฮิซบอลเลาะห์ ทางใต้ของเลบานอน เหตุการณ์ที่อาจทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายเกินกว่าจินตนาการ . เนทันยาฮู เน้นย้ำกับหนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร ในการสัมภาษณ์ที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (16 ต.ค.) ว่า ภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อปี 2006 มีเพียงแค่ทหารเลบานอนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธบริเวณทางใต้ของแม่น้ำลิตานี แม่น้ำสายหลักของประเทศ . "อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่นี้พวกฮิซบอลเลาะห์ขุดอุโมงค์และที่ซ่อนนับร้อย ซึ่งเราเพิ่งพบอาวุธล้ำสมัยของรัสเซียจำนวนหนึ่ง" เนทันยาฮูให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส . ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐฯ เคยกล่าวอ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอล รายงานว่าอิสราเอลพบอาวุธต่อต้านรถถังของรัสเซียและจีน ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมภายในเลบานอน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับพวกฮิซบอลเลาะห์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านลุกลามขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว . กองทัพอิสราเอลยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวของเอเอฟพี เกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู . อิสราเอลบอกว่ายุทธการทางทหารของพวกเขาในการจัดการกับพวกฮิซบอลเลาะห์มีเป้าประสงค์คือทำให้พื้นที่แถบดังกล่าวมีความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อเปิดทางให้พลเรือนที่อพยพหลบหนีจากทางเหนือของอิสราเอลกว่า 60,000 คน สามารถกลับสู่ถิ่นฐานได้ . พลเมืองจำนวนมากต้องหลบหนีออกจากถิ่นฐานของตนเอง สืบเนื่องจากเหตุยิงปะทะข้ามชายแดนระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเกิดขึ้นทันทีตามหลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีและรุกรานฉนวนกาซา แก้แค้นกรณีที่พวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมสายฟ้าแลบเล่นงานอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน . "สงครามกลางเมืองครั้งใหม่ในเลบานอนจะเป็นเรื่องน่าเศร้า แน่นอนว่าเราไม่มีเป้าหมายยั่วยุให้เกิดขึ้นอีกรอบ อิสราเอลไม่ได้มีเจตนาแทรกแซงกิจการภายในของเลบานอน" เนทันยาฮูบอกกับสื่อมวลชนฝรั่งเศส "เป้าหมายของเราคือเปิดทางให้พลเมืองของเราที่อยู่ตามแนวหน้าติดกับเลบานอน กลับบ้านและรู้สึกถึงความปลอดภัย" . ฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลยกระดับการสู้รบดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตามหลังการรุกรานอิสราเอลของพวกฮามาส จุดชนวนสงครามในกาซา . ทั้งนี้ ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดหลายพันลูกเข้าใส่อิสราเอลตลอดขวบปีที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนพันธมิตรอย่างนักรบฮามาส ที่สู้รบกับอิสราเอลในกาซา ทำให้ชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนต้องไร้ถิ่นฐาน . อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการทางอากาศถล่มพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นมา จากนั้นก็เปิดปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้นในอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง อ้างว่าเป็นความพยายามผลักดันให้พวกนักรบติดอาวุธล่าถอยออกห่างชายแดนทางเหนือ . นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มจู่โจมฮิซบอลเลาะห์ มีผู้คนอย่างน้อย 1,373 รายแล้ว ที่เสียชีวิตในเลบานอน จากการนับของเอเอฟพีต่อข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเลบานอน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000100026 .............. Sondhi X
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1306 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปาฎิหาริย์ กลางแปซิฟิก 67 วัน : [News Story]
    ‘รัสเซีย’ ช่วยชายติดบนเรือลอยกลางมหาสมุทรแปซิฟิก 67 วัน
    #Newsstory #News1 #ปาฎิหาริย์ #มหาสมุทรแปซิฟิก #รัสเซียช่วยชายติดบนเรือ #ติดบนเรือ67วัน
    ปาฎิหาริย์ กลางแปซิฟิก 67 วัน : [News Story] ‘รัสเซีย’ ช่วยชายติดบนเรือลอยกลางมหาสมุทรแปซิฟิก 67 วัน #Newsstory #News1 #ปาฎิหาริย์ #มหาสมุทรแปซิฟิก #รัสเซียช่วยชายติดบนเรือ #ติดบนเรือ67วัน
    Like
    Wow
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 322 0 รีวิว
  • White Israel Fig #Fig #fig #fruit #figtree #fruitcutting #figlife #ฟิก #มะเดื่อฝรั่ง
    White Israel Fig #Fig #fig #fruit #figtree #fruitcutting #figlife #ฟิก #มะเดื่อฝรั่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇨🇳 เรือรบรัสเซียและจีนฝึกซ้อมร่วมกันในแปซิฟิก, โดยเน้นการต่อต้านการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇨🇳 Russian and Chinese warships conduct joint drills in the Pacific, focusing on repelling a missile attack.
    .
    9:12 AM · Oct 14, 2024 · 26.6K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1845648853350928634
    🇷🇺🇨🇳 เรือรบรัสเซียและจีนฝึกซ้อมร่วมกันในแปซิฟิก, โดยเน้นการต่อต้านการโจมตีด้วยขีปนาวุธ . JUST IN: 🇷🇺🇨🇳 Russian and Chinese warships conduct joint drills in the Pacific, focusing on repelling a missile attack. . 9:12 AM · Oct 14, 2024 · 26.6K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1845648853350928634
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพจีนเริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ใกล้ไต้หวัน ระบุเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งถึง "พฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน" โดยคราวนี้ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดใดๆ ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากรัฐบาลไทเป
    .
    ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย และถูกจีนกล่าวอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน อยู่ในภาวะเฝ้าระวังขั้นสูงต่อการซ้อมรบครั้งใหม่ใดๆ ของจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ในสุนทรพจน์ ไล่ ได้ประกาศกร้าวจะเดินหน้าต่อต้านการผนวกดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ และบอกว่าปักกิ่งไม่มีสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวัน แม้อีกด้านหนึ่งเขาได้เสนอร่วมมือกับปักกิ่งก็ตาม
    .
    สุนทรพจน์ดังกล่าวเรียกเสียงปะณามมาจากปักกิ่ง และล่าสุดทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดเผยว่า การซ้อมรบ Joint Sword-2024B ได้เริ่มขึ้นแล้วและกำลังมีขึ้นในช่องแคบไต้หวัน และพื้นที่ต่างๆ ทางเหนือ ทางใต้และตะวันออกของไต้หวัน
    .
    "การซ้อมรบยังเป็นคำเตือนอย่างจริงจังต่อพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน มันเป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศชาติ" ถ้อยแถลงของกองทัพจีนระบุ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงนี้มีเผยแพร่ทั้งในรูปแบบภาษาจีนและภาษาอังกฤษ
    .
    กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่แผนที่หนึ่งซึ่งเผยให้เห็น 9 พื้นที่รอบไต้หวัน บริเวณที่มีการซ้อมรบ ในนั้น 2 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ 3 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก 1 จุดทางเหนือ และอีก 3 จุด แถวหมู่เกาะต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวัน ใกล้กับชายฝั่งของจีน
    .
    "กองเรือและฝูงบินของจีนมุ่งหน้าเข้าหาไต้หวันในระยะประชิดจากทุกทิศทุกทาง มุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมลาดตระเวนเพื่อความพร้อมด้านการสู้รบทั้งทางทะเลและอากาศ การปิดล้อมท่าเรือและพื้นที่สำคัญๆ การจู่โจมเป้าหมายทางทะเลและทางภาคพื้น รวมถึงฉวยความได้เปรียบอย่างครอบคลุม"
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แถลงว่ามีการฝึกซ้อมกระสุนจริงหรือกำหนดเขตห้ามบินใดๆ หรือไม่ ในขณะที่เมื่อปี 2022 ไม่นานหลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน ทางจีนได้รัวยิงขีปนาวุธข้ามเกาะแห่งนี้
    .
    สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่าการซ้อมรบล่าสุดของจีนและไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง คือการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งที่บ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง
    .
    อย่างไรก็ตาม สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน เน้นย้ำว่าแม้ถูกจีนยกระดับข่มขู่ทางการเมือง ทางทหารและเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ไต้หวันจะไม่ยอมจำนน "ประธานาธิบดีไล่ ได้แสดงออกถึงไมตรีจิตในคำกล่าวสุนทรพจน์เรื่องในวันชาติ และมีความตั้งใจแบกรับความรับผิดชอบธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน"
    .
    กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่าพวกเขาได้ส่งกองกำลังของตนเองออกไปเช่นกัน
    .
    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงรายหนึ่งของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว เชื่อว่าจีนกำลังฝึกซ้อมปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ของไต้หวันในทางเหนือและทางใต้ของเกาะ รวมถึงเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการฝึกซ้อมสกัดการเดินทางเข้ามาของกองกำลังต่างชาติ
    .
    ไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) รายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของจีน ล่องสู่ทางใต้ของเกาะ ผ่านช่องแคบยุทธศาสตร์ "บาชิ" ที่กั้นระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์ และเชื่อมทะเลจีนใต้ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก
    .
    นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว สื่อมวลชนแห่งรัฐจีนรายงานเรื่องราวต่างๆ และความคิดเห็นของบรรดาผู้สันทัดกรณี ที่ประณามคำกล่าวสุนทรพจน์ของไล่ และในวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่วิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่อ้างว่าพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ
    .
    จีนเคยจัดการซ้อมรบ Joint Sword-2024A รอบเกาะไต้หวัน เป็นเวลา 2 วัน ในเดือนพฤษภาคม ไม่นานหลังจาก ไล่ เข้ารับตำแหน่ง โดยบอกว่ามันเป็นการลงโทษต่อคำกล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไล่ ที่มีเนื้อหาแบ่งแยกดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000098420
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพจีนเริ่มทำการซ้อมรบครั้งใหม่ใกล้ไต้หวัน ระบุเป็นสัญญาณเตือนที่ส่งถึง "พฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน" โดยคราวนี้ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุดใดๆ ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากรัฐบาลไทเป . ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย และถูกจีนกล่าวอ้างเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน อยู่ในภาวะเฝ้าระวังขั้นสูงต่อการซ้อมรบครั้งใหม่ใดๆ ของจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . ในสุนทรพจน์ ไล่ ได้ประกาศกร้าวจะเดินหน้าต่อต้านการผนวกดินแดนของจีนแผ่นดินใหญ่ และบอกว่าปักกิ่งไม่มีสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวัน แม้อีกด้านหนึ่งเขาได้เสนอร่วมมือกับปักกิ่งก็ตาม . สุนทรพจน์ดังกล่าวเรียกเสียงปะณามมาจากปักกิ่ง และล่าสุดทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เปิดเผยว่า การซ้อมรบ Joint Sword-2024B ได้เริ่มขึ้นแล้วและกำลังมีขึ้นในช่องแคบไต้หวัน และพื้นที่ต่างๆ ทางเหนือ ทางใต้และตะวันออกของไต้หวัน . "การซ้อมรบยังเป็นคำเตือนอย่างจริงจังต่อพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน มันเป็นปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและความเป็นหนึ่งเดียวกันของประเทศชาติ" ถ้อยแถลงของกองทัพจีนระบุ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงนี้มีเผยแพร่ทั้งในรูปแบบภาษาจีนและภาษาอังกฤษ . กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่แผนที่หนึ่งซึ่งเผยให้เห็น 9 พื้นที่รอบไต้หวัน บริเวณที่มีการซ้อมรบ ในนั้น 2 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ 3 จุดอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก 1 จุดทางเหนือ และอีก 3 จุด แถวหมู่เกาะต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวัน ใกล้กับชายฝั่งของจีน . "กองเรือและฝูงบินของจีนมุ่งหน้าเข้าหาไต้หวันในระยะประชิดจากทุกทิศทุกทาง มุ่งเน้นไปที่การฝึกซ้อมลาดตระเวนเพื่อความพร้อมด้านการสู้รบทั้งทางทะเลและอากาศ การปิดล้อมท่าเรือและพื้นที่สำคัญๆ การจู่โจมเป้าหมายทางทะเลและทางภาคพื้น รวมถึงฉวยความได้เปรียบอย่างครอบคลุม" . อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แถลงว่ามีการฝึกซ้อมกระสุนจริงหรือกำหนดเขตห้ามบินใดๆ หรือไม่ ในขณะที่เมื่อปี 2022 ไม่นานหลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน ทางจีนได้รัวยิงขีปนาวุธข้ามเกาะแห่งนี้ . สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่าการซ้อมรบล่าสุดของจีนและไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลัง คือการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งที่บ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง . อย่างไรก็ตาม สภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน เน้นย้ำว่าแม้ถูกจีนยกระดับข่มขู่ทางการเมือง ทางทหารและเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ไต้หวันจะไม่ยอมจำนน "ประธานาธิบดีไล่ ได้แสดงออกถึงไมตรีจิตในคำกล่าวสุนทรพจน์เรื่องในวันชาติ และมีความตั้งใจแบกรับความรับผิดชอบธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน ร่วมกับคอมมิวนิสต์จีน" . กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่าพวกเขาได้ส่งกองกำลังของตนเองออกไปเช่นกัน . เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงรายหนึ่งของไต้หวัน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว เชื่อว่าจีนกำลังฝึกซ้อมปิดกั้นท่าเรือต่างๆ ของไต้หวันในทางเหนือและทางใต้ของเกาะ รวมถึงเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการฝึกซ้อมสกัดการเดินทางเข้ามาของกองกำลังต่างชาติ . ไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) รายงานว่าเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของจีน ล่องสู่ทางใต้ของเกาะ ผ่านช่องแคบยุทธศาสตร์ "บาชิ" ที่กั้นระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์ และเชื่อมทะเลจีนใต้ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก . นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว สื่อมวลชนแห่งรัฐจีนรายงานเรื่องราวต่างๆ และความคิดเห็นของบรรดาผู้สันทัดกรณี ที่ประณามคำกล่าวสุนทรพจน์ของไล่ และในวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ทางกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่วิดีโอหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่อ้างว่าพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบ . จีนเคยจัดการซ้อมรบ Joint Sword-2024A รอบเกาะไต้หวัน เป็นเวลา 2 วัน ในเดือนพฤษภาคม ไม่นานหลังจาก ไล่ เข้ารับตำแหน่ง โดยบอกว่ามันเป็นการลงโทษต่อคำกล่าวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไล่ ที่มีเนื้อหาแบ่งแยกดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000098420 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 894 มุมมอง 0 รีวิว
  • United Airlines ประกาศเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ ในปี2568 เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง และขยายเส้นทางบินในเอเชียแปซิฟิก เปิดบินไปเกาสง ไต้หวันและอูลานบาตอร์ในมองโกเลียด้วย

    11 ตุลาคม 2567 -รายงานจากยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส(UA/UAL) สายการบินของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ในปี 2568 นี้ โดยจะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง

    ในจำนวนนี้มีจุดบินที่น่าสนใจในเอเชียแปซิฟิก เมื่อยูไนเต็ดประกาศว่าจะให้บริการสู่เกาสง ไต้หวัน จากโตเกียวด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบินตั้งแต่ 11 กรกฎาคม 2568 และให้บริการสู่อูลานบาตอร์ มองโกเลีย จากโตเกียวด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบบเฉพาะฤดูกาลเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568

    การขยายสู่จุดบินใหม่สองแห่งในเอเชียด้วยการใช้สิทธิตามเสรีภาพการบินที่ 5(Fifth Freedom of Flight) จากโตเกียวนี้เป็นการเพิ่มโอกาสและการเชื่อมต่อเมืองหรือดินแดนใหม่ ๆ ให้กับสายการบินยูไนเต็ด โดยผู้โดยสารจากเมืองต่าง ๆ ในเอเชียสามารถเดินทางกับยูไนเต็ดและพันธมิตรไปยังสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ รวมถึงดินแดนของสหรัฐฯ ในแปซิฟิกได้ ผ่านโตเกียว

    ยูไนเต็ดแอร์ไลน์สมีเที่ยวบินจากโตเกียว(นาริตะ) สู่เซบู(เริ่มบิน 27 ตุลาคม) และจะเพิ่มอีก 2 จุดบินในเอเชียคือ เกาสง และอูลานบาตอร์จะเริ่มให้บริการในปี 2568 และให้บริการจุดบินอื่น ๆ ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) ผ่านกิจการร่วมค้ากับสายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ โดยที่ยูไนเต็ดมีเที่ยวบินเชื่อม 7 จุดบินในสหรัฐอเมริกากับนาริตะ ได้แก่ เดนเวอร์ กวม ฮุสตัน ลอสแอนเจลิส นูอาร์ก ไซปันและซานฟรานซิสโก (หากรวมเที่ยวบินที่บริการด้วยออลนิปปอนแอร์เวย์สด้วยจะเพิ่มเป็น 9 จุดบินคือเพิ่ม ชิคาโก และโฮโนลูลู)

    สำหรับในเอเชียปัจจุบัน สายการบินยูไนเต็ดให้บริการเที่ยวบิน(รวมที่ทำการบินจากจุดบินอื่น ๆ ไม่เพียงแค่โตเกียว นาริตะ)สู่จุดบินต่าง ๆ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โซล(อินชอน) โตเกียว(ฮาเนดะ) นาโกย่า ฟุกุโอกะ ฮ่องกง ไทเป มะนิลา และสิงคโปร์

    แต่เส้นทางบินใหม่ของUnited Airlines ยังขยายเครือข่ายในแปซิฟิกด้วย โดยจะเพิ่มเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย และเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสายการบินอื่นใดในสหรัฐฯ ให้บริการ นอกจากนี้ United ยังจะเปิดตัวเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังโครอร์ ประเทศปาเลา โดยต่อยอดจากบริการที่มีอยู่จากกวมและมะนิลา

    สำหรับประเทศไทย ในอดีตสายการบินยูไนเต็ดเคยให้บริการมายังกรุงเทพฯ โดยทำการบินจากจุดบินในสหรัฐอเมริกาผ่านโตเกียว ต่อมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ของยูไนเต็ดนั้นได้ให้บริการต่อเนื่องยาวนานถึง 28 ปี จนกระทั่งสายการบินยูไนเต็ดได้หยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างนาริตะกับกรุงเทพฯ เมื่อ 31 มีนาคม 2557 (เที่ยวบินสุดท้าย 30 มีนาคม 2557) และให้บริการกรุงเทพฯ ผ่านกิจการร่วมค้ากับออลนิปปอนแอร์เวย์สแทน ซึ่งออลนิปปอนแอร์เวย์สจะเป็นผู้ให้บริการเที่ยวบินที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ จากทั้งโตเกียว(นาริตะและฮาเนดะ) เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินของยูไนเต็ดหรือออลนิปปอนแอร์เวย์สในเส้นทางสู่อเมริกาเหนือมานับแต่นั้น

    ทั้งนี้ วิกิพีเดียระบุว่ายูไนเต็ดแอร์ไลน์ (อังกฤษ: United Airlines) เป็นสายการบินหลักของสหรัฐ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอย ตามจำนวนฝูงบินและจุดหมายปลายทาง ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก หลังจากการผนวกกิจการเข้ากับคอนติเนนตัลแอร์ไลน์ในปี 2010 ยูไนเต็ดมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ และเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของสตาร์อัลไลแอนซ์

    #Thaitimes
    United Airlines ประกาศเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ ในปี2568 เพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง และขยายเส้นทางบินในเอเชียแปซิฟิก เปิดบินไปเกาสง ไต้หวันและอูลานบาตอร์ในมองโกเลียด้วย 11 ตุลาคม 2567 -รายงานจากยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส(UA/UAL) สายการบินของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศครั้งใหญ่ในปี 2568 นี้ โดยจะเพิ่มเส้นทางบินใหม่ 13 เส้นทางไปยัง 8 เมือง ในจำนวนนี้มีจุดบินที่น่าสนใจในเอเชียแปซิฟิก เมื่อยูไนเต็ดประกาศว่าจะให้บริการสู่เกาสง ไต้หวัน จากโตเกียวด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบินตั้งแต่ 11 กรกฎาคม 2568 และให้บริการสู่อูลานบาตอร์ มองโกเลีย จากโตเกียวด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบบเฉพาะฤดูกาลเริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 การขยายสู่จุดบินใหม่สองแห่งในเอเชียด้วยการใช้สิทธิตามเสรีภาพการบินที่ 5(Fifth Freedom of Flight) จากโตเกียวนี้เป็นการเพิ่มโอกาสและการเชื่อมต่อเมืองหรือดินแดนใหม่ ๆ ให้กับสายการบินยูไนเต็ด โดยผู้โดยสารจากเมืองต่าง ๆ ในเอเชียสามารถเดินทางกับยูไนเต็ดและพันธมิตรไปยังสหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ รวมถึงดินแดนของสหรัฐฯ ในแปซิฟิกได้ ผ่านโตเกียว ยูไนเต็ดแอร์ไลน์สมีเที่ยวบินจากโตเกียว(นาริตะ) สู่เซบู(เริ่มบิน 27 ตุลาคม) และจะเพิ่มอีก 2 จุดบินในเอเชียคือ เกาสง และอูลานบาตอร์จะเริ่มให้บริการในปี 2568 และให้บริการจุดบินอื่น ๆ ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ(สุวรรณภูมิ) ผ่านกิจการร่วมค้ากับสายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ โดยที่ยูไนเต็ดมีเที่ยวบินเชื่อม 7 จุดบินในสหรัฐอเมริกากับนาริตะ ได้แก่ เดนเวอร์ กวม ฮุสตัน ลอสแอนเจลิส นูอาร์ก ไซปันและซานฟรานซิสโก (หากรวมเที่ยวบินที่บริการด้วยออลนิปปอนแอร์เวย์สด้วยจะเพิ่มเป็น 9 จุดบินคือเพิ่ม ชิคาโก และโฮโนลูลู) สำหรับในเอเชียปัจจุบัน สายการบินยูไนเต็ดให้บริการเที่ยวบิน(รวมที่ทำการบินจากจุดบินอื่น ๆ ไม่เพียงแค่โตเกียว นาริตะ)สู่จุดบินต่าง ๆ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ โซล(อินชอน) โตเกียว(ฮาเนดะ) นาโกย่า ฟุกุโอกะ ฮ่องกง ไทเป มะนิลา และสิงคโปร์ แต่เส้นทางบินใหม่ของUnited Airlines ยังขยายเครือข่ายในแปซิฟิกด้วย โดยจะเพิ่มเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย และเกาสง ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสายการบินอื่นใดในสหรัฐฯ ให้บริการ นอกจากนี้ United ยังจะเปิดตัวเที่ยวบินตรงจากโตเกียว นาริตะ ไปยังโครอร์ ประเทศปาเลา โดยต่อยอดจากบริการที่มีอยู่จากกวมและมะนิลา สำหรับประเทศไทย ในอดีตสายการบินยูไนเต็ดเคยให้บริการมายังกรุงเทพฯ โดยทำการบินจากจุดบินในสหรัฐอเมริกาผ่านโตเกียว ต่อมายังกรุงเทพฯ ซึ่งเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ของยูไนเต็ดนั้นได้ให้บริการต่อเนื่องยาวนานถึง 28 ปี จนกระทั่งสายการบินยูไนเต็ดได้หยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างนาริตะกับกรุงเทพฯ เมื่อ 31 มีนาคม 2557 (เที่ยวบินสุดท้าย 30 มีนาคม 2557) และให้บริการกรุงเทพฯ ผ่านกิจการร่วมค้ากับออลนิปปอนแอร์เวย์สแทน ซึ่งออลนิปปอนแอร์เวย์สจะเป็นผู้ให้บริการเที่ยวบินที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ จากทั้งโตเกียว(นาริตะและฮาเนดะ) เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินของยูไนเต็ดหรือออลนิปปอนแอร์เวย์สในเส้นทางสู่อเมริกาเหนือมานับแต่นั้น ทั้งนี้ วิกิพีเดียระบุว่ายูไนเต็ดแอร์ไลน์ (อังกฤษ: United Airlines) เป็นสายการบินหลักของสหรัฐ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ชิคาโก รัฐอิลลินอย ตามจำนวนฝูงบินและจุดหมายปลายทาง ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของโลก หลังจากการผนวกกิจการเข้ากับคอนติเนนตัลแอร์ไลน์ในปี 2010 ยูไนเต็ดมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ และเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของสตาร์อัลไลแอนซ์ #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
  • Surging Seas In A Warming World

    ในปี 2021 คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้สรุปด้วยความเชื่อมั่นสูงว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างน้อยในรอบ 3,000 ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์

    เอกสารสรุปทางเทคนิคนี้ให้ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ล่าสุดเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและผลกระทบในปัจจุบันและที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงน้ำท่วมชายฝั่งในระดับโลกและระดับภูมิภาค โดยเน้นที่เมืองชายฝั่งหลักในกลุ่มประเทศ G20 และประเทศกำลังพัฒนาเกาะเล็กในแปซิฟิก

    ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนชายฝั่งและประเทศเกาะที่อยู่ต่ำทั่วโลกในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การดำเนินการและการตัดสินใจด้านสภาพภูมิอากาศของผู้นำทางการเมืองและผู้กำหนดนโยบายในอีกไม่กี่เดือนและปีข้างหน้าจะกำหนดว่าผลกระทบเหล่านี้จะเลวร้ายเพียงใดและจะเลวร้ายลงอย่างรวดเร็วเพียงใด

    อ้างอิง: https://www.un.org/en/climatechange/reports/sea-level-rise
    Surging Seas In A Warming World ในปี 2021 คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้สรุปด้วยความเชื่อมั่นสูงว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างน้อยในรอบ 3,000 ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เอกสารสรุปทางเทคนิคนี้ให้ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ล่าสุดเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและผลกระทบในปัจจุบันและที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงน้ำท่วมชายฝั่งในระดับโลกและระดับภูมิภาค โดยเน้นที่เมืองชายฝั่งหลักในกลุ่มประเทศ G20 และประเทศกำลังพัฒนาเกาะเล็กในแปซิฟิก ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนชายฝั่งและประเทศเกาะที่อยู่ต่ำทั่วโลกในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การดำเนินการและการตัดสินใจด้านสภาพภูมิอากาศของผู้นำทางการเมืองและผู้กำหนดนโยบายในอีกไม่กี่เดือนและปีข้างหน้าจะกำหนดว่าผลกระทบเหล่านี้จะเลวร้ายเพียงใดและจะเลวร้ายลงอย่างรวดเร็วเพียงใด อ้างอิง: https://www.un.org/en/climatechange/reports/sea-level-rise
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ

    ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย

    การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ

    จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

    โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

    ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน

    ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙

    เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน

    วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น

    การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป

    #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
    #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร
    #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน

    ที่มา : @พระลาน
    https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน ที่มา : @พระลาน https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.78: ไซบีเรีย

    ความในตอนที่แล้วได้เล่าไปถึงเรื่องท่อก๊าซไซบีเรียที่รัสเซียต่อท่อส่งมาขายให้จีน ผมก็เกิดสงสัยขึ้นว่า “ไซบีเรียนี่อยู่ตรงไหนกันแน่?”

    ในความคิดแรก ผมคิดแค่ว่าไซบีเรียคงเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งในรัสเซีย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ ไซบีเรียนั้นคือแผ่นดินขนาดยักษ์ที่ถือเป็น 80% ของประเทศรัสเซียเลย

    ถ้าพูดเอาง่ายก็คือ รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ครอบคลุมสองทวีปคือยุโรปและเอเซีย ซึ่งแบ่งกันด้วยเทือกเขาอูราล ฝั่งซ้ายของเทือกเขาอูราลเป็นฝั่งยุโรปครับ เมืองใหญ่ๆเช่น มอสโคว หรือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่ทำการรัฐบาลรัสเซียอยู่ฝั่งนี้

    ส่วนฝั่งขวาของอูราลเป็นฝั่งเอเซียครับ ซึ่งแผ่นดินรัสเซียทั้งหมดในฝั่งเอเซียนี่แหละครับที่เราเรียกว่า “ไซบีเรีย” กว้างใหญ่ไพศาลประมาณ 13 ล้านตร.กม.

    ไซบีเรียนั้นใหญ่กว่าประเทศไทยราวๆ 10 เท่าครับ
    .
    .
    .
    เมื่อเราย้อนเวลาไปประมาณ 150 ปีที่แล้ว ไซบีเรียนั้นเป็นพื้นที่หนาวเหน็บและทุรกันดารมาก รัฐบาลของพระเจ้าซาร์ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจมากเท่าไรเพราะถือเป็นแผ่นดินไกลโพ้น

    ในเวลานั้นเมืองของรัสเซียที่อยู่ไกลสุดฝั่งตะวันออกมีอยู่สองเมืองชื่อว่า “วลาดิวอสสต็อก” กับ “คาบารอฟ” ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนของจีนที่เรียกว่า “แมนจูเรีย” ครับ

    ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียในยุคนั้น ก็คือไม่ได้รักกันแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันครับ อยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไปยังงั้นแหละ ชาวไซบีเรียบางส่วนก็หน้าตาคล้ายคนจีน แถมบางกลุ่มยังคิดว่าตัวเองอยู่ในแผ่นดินของจักรพรรดิจีนอยู่เลย

    แต่เมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม อันมีทั้งอังกฤษ โปรตุเกส และสเปน เข้ามามีอิทธิพลในเอเซีย รัสเซียก็เลยเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของดินแดนตัวเองที่อยู่ใกล้ๆจีน คือ เมืองวลาดิวอสต็อก

    ในเวลานั้น เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้รุกรานแผ่นดินอื่นคือ “ทางรถไฟ” ครับ

    อเมริกาใช้การก่อสร้างรางรถไฟเพื่อขยายรุกคืบไปยึดครองอเมริกาฝั่งตะวันตก ชื่อว่า “ทางรถไฟสายทรานส์คอนติเนนทัล"

    อังกฤษก็ใช้วิธีเดียวกันในการรุกคืบแผ่นดินแคนาดาฝั่งตะวันตก คือ สร้างรางรถไฟชื่อว่า ”แคเนเดี้ยน แปซิฟิก เรลเวย์“

    รัสเซียเกรงว่าเมื่ออังกฤษยึดครองแคนาดาฝั่งตะวันตก (แถวๆแวนคูเวอร์) เสร็จแล้ว ก็จะเอาทหารนั่งเรือต่อมายังเอเซียและมาวุ่นวายกับดินแดนรัสเซียฝั่งเอเซียเข้า

    โครงการอภิมหาโปรเจคท์สร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงกำเนิดขึ้นในปี 1881

    เป้าหมายของรัสเซียคือ เพื่อให้กองทัพรัสเซียขนส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกให้ได้โดยเร็วเมื่อเกิดสงคราม

    ต้องขอเล่าก่อนว่า แต่ดั้งเดิมนั้นการเดินทางจากเมืองมอสโควไปยังตะวันออกของรัสเซีย ควีนคัทรินมหาราชินีแห่งรัสเซียได้เคยสร้างถนนยาวนับหมื่นกิโลเมตรไว้แล้ว แต่ก็ผุพังไปเพราะไม่มีการบำรุงรักษา

    ต่อมาคนรัสเซียจึงใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บหฤโหดมาก แม่น้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งถึงปีละ 8 เดือน

    ในเบื้องแรกรัฐบาลรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ควรจะสร้างทางรถไฟทอดข้ามไซบีเรียกัน แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคมนาคมกับรัฐมนตรีคลังทะเลาะกันอยู่เป็นปี เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะให้ทางรถไฟวิ่งผ่านในพื้นที่ของตัวเอง

    พระเจ้าซาร์ทนไม่ไหวจึงเขียนจดหมายไปสั่งรัฐบาลว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เราต้องสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียเดี๋ยวนี้”

    การทะเลาะกันจึงยุติลงและเริ่มก่อสร้างโดยทันที
    .
    .
    .
    การก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านภูมิประเทศที่กันดาร มีการเจาะภูเขา สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหลายสาย ลงหุบเขา รวมถึงต้องสร้างโรงหลอมเหล็กตามไปเป็นระยะๆ

    แต่กระนั้นก็ยังหาเหล็กได้ไม่พอ จนต้องสั่งซื้อเพิ่มจากโปแลนด์ อังกฤษและอเมริกา

    ส่วนแรงงานนั้นก็หลากหลาย มีตั้งแต่แรงงานรับจ้างไปจนถึงนักโทษที่เกณฑ์มา

    ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเส้นแรกนั้น มีบางส่วนที่ตัดผ่านแผ่นดินแมนจูเรียที่รัสเซียเช่าจากรัฐบาลจีน แต่เมื่อสร้างเสร็จปุ๊บ การณ์กลับกลายเป็นว่ามีคนจีนก่อหวอดประท้วง จนรัสเซียกับจีนต้องบาดหมางกัน

    และญี่ปุ่นเปิดฉากก่อสงครามกับรัสเซีย ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ Russo-Japanese war จนกองทัพเรือรัสเซียฝั่งแปซิฟิกย่อยยับ

    รัสเซียจึงเห็นว่าการสร้างทางรถไฟบางส่วนในแผ่นดินจีนนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง รัสเซียจึงทิ้งรางรถไฟทั้งหมดในแมนจูเรีย แล้วพัฒนาเปลี่ยนเส้นทางให้รางรถไฟทั้งหมดวิ่งในแผ่นดินรัสเซีย และขยายจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ด้วย

    ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงสำเร็จได้ในปี 1916

    ชนรัสเซียนั้นเขาภูมิใจในทางรถไฟสายนี้มาก แต่ไม่ใช่ที่รางรถไฟนะครับ เพราะความมหัศจรรย์ที่แท้ของทรานส์ไซบีเรียคือ “สะพาน”

    วิศวกรรมการก่อสร้างสะพานตลอดเส้นทางทรานส์ไซบีเรียนั้นหลากหลายมาก สะพานบางแห่งสูงถึง 64 เมตร บางช่วงทอดข้ามแม่น้ำที่ยาวถึง 2.6 กิโลเมตร

    เรียกกันว่า “Amur Miracle"

    อ้อ....ลืมบอกไปว่า ทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียนั้นยาวถึง 9,500 กิโลเมตรครับ
    .
    .
    .
    เมื่อทรานส์ไซบีเรียสร้างเสร็จปุ๊บ รัฐบาลรัสเซียก็พยายามชักชวนให้คนไปอาศัยอยู่ที่ไซบีเรีย โดยแถมโปรโมชั่นให้เพียบเช่น กู้เงินได้ง่าย, งดเก็บภาษี 10 ปี, รักษาพยาบาลฟรี, ลูกหลานเรียนฟรี, มีเงินอุดหนุนมากมายจากรัฐ

    ผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลไปไซบีเรีย ประชากรจึงเพิ่มจากหลักหมื่น ไปสู่หลักแสนและหลักล้านในที่สุด

    ทุกวันนี้ภูมิภาคไซบีเรียมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 37 ล้านคน

    และกลายเป็นภูมิภาคสำคัญ เพราะมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้แผ่นดินไซบีเรียมหาศาล

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.78: ไซบีเรีย ความในตอนที่แล้วได้เล่าไปถึงเรื่องท่อก๊าซไซบีเรียที่รัสเซียต่อท่อส่งมาขายให้จีน ผมก็เกิดสงสัยขึ้นว่า “ไซบีเรียนี่อยู่ตรงไหนกันแน่?” ในความคิดแรก ผมคิดแค่ว่าไซบีเรียคงเป็นจังหวัดหรือมณฑลหนึ่งในรัสเซีย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ ไซบีเรียนั้นคือแผ่นดินขนาดยักษ์ที่ถือเป็น 80% ของประเทศรัสเซียเลย ถ้าพูดเอาง่ายก็คือ รัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ครอบคลุมสองทวีปคือยุโรปและเอเซีย ซึ่งแบ่งกันด้วยเทือกเขาอูราล ฝั่งซ้ายของเทือกเขาอูราลเป็นฝั่งยุโรปครับ เมืองใหญ่ๆเช่น มอสโคว หรือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และที่ทำการรัฐบาลรัสเซียอยู่ฝั่งนี้ ส่วนฝั่งขวาของอูราลเป็นฝั่งเอเซียครับ ซึ่งแผ่นดินรัสเซียทั้งหมดในฝั่งเอเซียนี่แหละครับที่เราเรียกว่า “ไซบีเรีย” กว้างใหญ่ไพศาลประมาณ 13 ล้านตร.กม. ไซบีเรียนั้นใหญ่กว่าประเทศไทยราวๆ 10 เท่าครับ . . . เมื่อเราย้อนเวลาไปประมาณ 150 ปีที่แล้ว ไซบีเรียนั้นเป็นพื้นที่หนาวเหน็บและทุรกันดารมาก รัฐบาลของพระเจ้าซาร์ไม่ค่อยได้ให้ความใส่ใจมากเท่าไรเพราะถือเป็นแผ่นดินไกลโพ้น ในเวลานั้นเมืองของรัสเซียที่อยู่ไกลสุดฝั่งตะวันออกมีอยู่สองเมืองชื่อว่า “วลาดิวอสสต็อก” กับ “คาบารอฟ” ซึ่งอยู่ติดกับดินแดนของจีนที่เรียกว่า “แมนจูเรีย” ครับ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียในยุคนั้น ก็คือไม่ได้รักกันแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันครับ อยู่เป็นเพื่อนบ้านกันไปยังงั้นแหละ ชาวไซบีเรียบางส่วนก็หน้าตาคล้ายคนจีน แถมบางกลุ่มยังคิดว่าตัวเองอยู่ในแผ่นดินของจักรพรรดิจีนอยู่เลย แต่เมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม อันมีทั้งอังกฤษ โปรตุเกส และสเปน เข้ามามีอิทธิพลในเอเซีย รัสเซียก็เลยเริ่มกังวลถึงความปลอดภัยของดินแดนตัวเองที่อยู่ใกล้ๆจีน คือ เมืองวลาดิวอสต็อก ในเวลานั้น เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้รุกรานแผ่นดินอื่นคือ “ทางรถไฟ” ครับ อเมริกาใช้การก่อสร้างรางรถไฟเพื่อขยายรุกคืบไปยึดครองอเมริกาฝั่งตะวันตก ชื่อว่า “ทางรถไฟสายทรานส์คอนติเนนทัล" อังกฤษก็ใช้วิธีเดียวกันในการรุกคืบแผ่นดินแคนาดาฝั่งตะวันตก คือ สร้างรางรถไฟชื่อว่า ”แคเนเดี้ยน แปซิฟิก เรลเวย์“ รัสเซียเกรงว่าเมื่ออังกฤษยึดครองแคนาดาฝั่งตะวันตก (แถวๆแวนคูเวอร์) เสร็จแล้ว ก็จะเอาทหารนั่งเรือต่อมายังเอเซียและมาวุ่นวายกับดินแดนรัสเซียฝั่งเอเซียเข้า โครงการอภิมหาโปรเจคท์สร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงกำเนิดขึ้นในปี 1881 เป้าหมายของรัสเซียคือ เพื่อให้กองทัพรัสเซียขนส่งทหารและยุทโธปกรณ์ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกให้ได้โดยเร็วเมื่อเกิดสงคราม ต้องขอเล่าก่อนว่า แต่ดั้งเดิมนั้นการเดินทางจากเมืองมอสโควไปยังตะวันออกของรัสเซีย ควีนคัทรินมหาราชินีแห่งรัสเซียได้เคยสร้างถนนยาวนับหมื่นกิโลเมตรไว้แล้ว แต่ก็ผุพังไปเพราะไม่มีการบำรุงรักษา ต่อมาคนรัสเซียจึงใช้การล่องเรือไปตามแม่น้ำ แต่ก็ทำได้จำกัดเพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บหฤโหดมาก แม่น้ำแข็งจนเป็นน้ำแข็งถึงปีละ 8 เดือน ในเบื้องแรกรัฐบาลรัสเซียก็เห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ควรจะสร้างทางรถไฟทอดข้ามไซบีเรียกัน แต่ปรากฏว่ารัฐมนตรีคมนาคมกับรัฐมนตรีคลังทะเลาะกันอยู่เป็นปี เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะให้ทางรถไฟวิ่งผ่านในพื้นที่ของตัวเอง พระเจ้าซาร์ทนไม่ไหวจึงเขียนจดหมายไปสั่งรัฐบาลว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เราต้องสร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียเดี๋ยวนี้” การทะเลาะกันจึงยุติลงและเริ่มก่อสร้างโดยทันที . . . การก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านภูมิประเทศที่กันดาร มีการเจาะภูเขา สร้างสะพานข้ามแม่น้ำหลายสาย ลงหุบเขา รวมถึงต้องสร้างโรงหลอมเหล็กตามไปเป็นระยะๆ แต่กระนั้นก็ยังหาเหล็กได้ไม่พอ จนต้องสั่งซื้อเพิ่มจากโปแลนด์ อังกฤษและอเมริกา ส่วนแรงงานนั้นก็หลากหลาย มีตั้งแต่แรงงานรับจ้างไปจนถึงนักโทษที่เกณฑ์มา ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเส้นแรกนั้น มีบางส่วนที่ตัดผ่านแผ่นดินแมนจูเรียที่รัสเซียเช่าจากรัฐบาลจีน แต่เมื่อสร้างเสร็จปุ๊บ การณ์กลับกลายเป็นว่ามีคนจีนก่อหวอดประท้วง จนรัสเซียกับจีนต้องบาดหมางกัน และญี่ปุ่นเปิดฉากก่อสงครามกับรัสเซีย ซึ่งเรารู้จักกันในชื่อของ Russo-Japanese war จนกองทัพเรือรัสเซียฝั่งแปซิฟิกย่อยยับ รัสเซียจึงเห็นว่าการสร้างทางรถไฟบางส่วนในแผ่นดินจีนนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง รัสเซียจึงทิ้งรางรถไฟทั้งหมดในแมนจูเรีย แล้วพัฒนาเปลี่ยนเส้นทางให้รางรถไฟทั้งหมดวิ่งในแผ่นดินรัสเซีย และขยายจากรางเดี่ยวเป็นรางคู่ด้วย ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจึงสำเร็จได้ในปี 1916 ชนรัสเซียนั้นเขาภูมิใจในทางรถไฟสายนี้มาก แต่ไม่ใช่ที่รางรถไฟนะครับ เพราะความมหัศจรรย์ที่แท้ของทรานส์ไซบีเรียคือ “สะพาน” วิศวกรรมการก่อสร้างสะพานตลอดเส้นทางทรานส์ไซบีเรียนั้นหลากหลายมาก สะพานบางแห่งสูงถึง 64 เมตร บางช่วงทอดข้ามแม่น้ำที่ยาวถึง 2.6 กิโลเมตร เรียกกันว่า “Amur Miracle" อ้อ....ลืมบอกไปว่า ทางรถไฟทรานส์ไซบีเรียนั้นยาวถึง 9,500 กิโลเมตรครับ . . . เมื่อทรานส์ไซบีเรียสร้างเสร็จปุ๊บ รัฐบาลรัสเซียก็พยายามชักชวนให้คนไปอาศัยอยู่ที่ไซบีเรีย โดยแถมโปรโมชั่นให้เพียบเช่น กู้เงินได้ง่าย, งดเก็บภาษี 10 ปี, รักษาพยาบาลฟรี, ลูกหลานเรียนฟรี, มีเงินอุดหนุนมากมายจากรัฐ ผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลไปไซบีเรีย ประชากรจึงเพิ่มจากหลักหมื่น ไปสู่หลักแสนและหลักล้านในที่สุด ทุกวันนี้ภูมิภาคไซบีเรียมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 37 ล้านคน และกลายเป็นภูมิภาคสำคัญ เพราะมีทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่ใต้แผ่นดินไซบีเรียมหาศาล …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ… นัทแนะ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠

    คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University)

    ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)

    ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

    เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

    แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร

    น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ

    นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา

    นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต

    ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง

    ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน!

    ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย

    อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์...

    ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ?

    ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠 คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University) ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน! ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์... ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ? ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถิติรายเดือนของการสูญเสียกองทัพยูเครน : สำหรับเดือนสิงหาคม 2024

    อินโฟกราฟิกถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ: การสูญเสียที่ได้รับการยืนยันด้วยสายตาในอุปกรณ์ของกองทัพยูเครน/NSU ที่เผยแพร่ใน ช่อง Rubrika จาก Ledok ...
    สถิติรายเดือนของการสูญเสียกองทัพยูเครน : สำหรับเดือนสิงหาคม 2024 อินโฟกราฟิกถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ: การสูญเสียที่ได้รับการยืนยันด้วยสายตาในอุปกรณ์ของกองทัพยูเครน/NSU ที่เผยแพร่ใน ช่อง Rubrika จาก Ledok ...
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🍇 Masui Dauphine: #ราชินีแห่งฟิกญี่ปุ่น! 🇯🇵

    ตื่นตาตื่นใจไปกับ Masui Dauphine ฟิกญี่ปุ่นสายพันธุ์พิเศษที่จะทำให้คุณหลงรัก:

    ✨ สีสันสวยงาม: ผิวสีม่วงเข้มเป็นประกาย
    🍯 รสชาติหวานฉ่ำ: สัมผัสความหอมหวานในทุกคำ
    🏆 ผลใหญ่พิเศษ: ขนาดผลที่ใหญ่กว่าฟิกทั่วไป

    🌟 เคล็ดลับความอร่อย:
    เราปลูก Masui Dauphine ด้วยวิธีพิเศษ ใช้ปุ๋ย AB เมล่อนที่ค่า EC 800 เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูงสุด! 🧪🌱

    รู้หรือไม่? 🤔
    ฟิก Masui Dauphine อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยบำรุงสุขภาพและผิวพรรณ! 💪🏼✨

    #MasuiDauphine #ฟิกญี่ปุ่น #ผลไม้พรีเมียม #เกษตรคุณภาพ #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    "🍇 Masui Dauphine: #ราชินีแห่งฟิกญี่ปุ่น! 🇯🇵 ตื่นตาตื่นใจไปกับ Masui Dauphine ฟิกญี่ปุ่นสายพันธุ์พิเศษที่จะทำให้คุณหลงรัก: ✨ สีสันสวยงาม: ผิวสีม่วงเข้มเป็นประกาย 🍯 รสชาติหวานฉ่ำ: สัมผัสความหอมหวานในทุกคำ 🏆 ผลใหญ่พิเศษ: ขนาดผลที่ใหญ่กว่าฟิกทั่วไป 🌟 เคล็ดลับความอร่อย: เราปลูก Masui Dauphine ด้วยวิธีพิเศษ ใช้ปุ๋ย AB เมล่อนที่ค่า EC 800 เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูงสุด! 🧪🌱 รู้หรือไม่? 🤔 ฟิก Masui Dauphine อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยบำรุงสุขภาพและผิวพรรณ! 💪🏼✨ #MasuiDauphine #ฟิกญี่ปุ่น #ผลไม้พรีเมียม #เกษตรคุณภาพ #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียตามข้อเท็จจริงและตัวเลข

    ประธานาธิบดีปูตินเสนอแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียในสัปดาห์นี้ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น, รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากกลยุทธ์สงครามลูกผสมของนาโต้ นี่คือสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับคลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียที่ยิงจากพื้นดิน, ทางทะเล และทางอากาศเพื่อป้องกันการรุกราน:

    ◻️ อย่างเป็นทางการ, จำนวนและประเภทของอาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียครอบครองเป็นความลับของรัฐที่ปกปิดไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม, การประมาณการโดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้, รวมถึงวารสารนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์, สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม, สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน, และข้อมูลที่รวบรวมโดยสื่อของรัสเซีย ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการและกระทรวงกลาโหม, ทำให้ทราบถึงศักยภาพของประเทศอย่างคร่าวๆ

    ◻️ รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑,๗๑๐ หัวที่ติดตั้งในเรือบรรทุกเครื่องบินต่างๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง, โดยมีอีก ๒,๖๗๐ หัวที่อยู่ในคลังเก็บ, และอีก ๑,๒๐๐ หัวที่ปลดระวางและอยู่ระหว่างการรื้อถอน, ทำให้มีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด ๕,๕๘๐ หัว, ตามข้อมูลของ FAS ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญา START ใหม่ปี ๒๐๑๐ ซึ่งถูกระงับไปแล้ว โดยอนุญาตให้มหาอำนาจนิวเคลียร์สามารถเก็บขีปนาวุธและเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ติดตั้งแล้ว ๗๐๐ ลูก, หัวรบนิวเคลียร์ที่ติดตั้งแล้ว ๑,๕๕๐ หัว (รวมถึงหัวรบขีปนาวุธที่มีหลายหัวรบ ซึ่งเรียกว่า MIRV) และเครื่องบินทิ้งระเบิด, และเครื่องยิงที่ติดตั้งแล้วและไม่ได้ติดตั้งอีก ๘๐๐ เครื่อง (ในรูปแบบท่อขีปนาวุธ และเครื่องบินทิ้งระเบิด)

    คลังอาวุธยุทธศาสตร์ของรัสเซีย (กล่าวคือ อาวุธนิวเคลียร์ที่มุ่งเป้าไปที่การรักษาสมดุลของการก่อการร้ายแบบ "ทำลายล้างซึ่งกันและกัน" ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีหรือในสนามรบ, ซึ่งไม่ได้นำมาพิจารณาที่นี่) สามารถแบ่งแยกได้โดยระบบยิงบนพื้นดิน, เรือดำน้ำ, และเครื่องบิน

    ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากภาคพื้นดิน

    ◻️ RS-24 Yars: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนนหรือติดตั้งในไซโล, โดยแต่ละลูกสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ ๓ หัว โดยสามารถยิงได้ ๒๐๐ นอต รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๗๗๒ ลูกสำหรับขีปนาวุธเหล่านี้

    ◻️ Topol-M: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนน/ติดตั้งในไซโลอีกชนิดหนึ่ง, ซึ่งบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๘๐๐ นอตได้ ๑ หัว รัสเซียมี ๗๘ หัวในคลังอาวุธ

    ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: ICBM จากภาคพื้นดินที่บรรทุกหัวรบได้ ๕๕๐-๗๕๐ นอต โดยบรรจุหัวรบนิวเคลียร์หรือตัวล่อได้ ๑๐ หัว รัสเซียมีขีปนาวุธ Voevodas ๔๖ ลูก พร้อมหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๔๐ ลูก

    ◻️ RS-28 Sarmat: ขีปนาวุธข้ามทวีปชนิดใหม่ที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง ๑๖ ลูก โดยแต่ละลูกสามารถยิงได้ ๗๕๐ นอต คาดว่าจะมีขีปนาวุธ Sarmats ทั้งหมด ๔๖ ลูก โดยลูกแรกจะนำไปใช้งานในปี ๒๐๒๓

    ◻️ Avangard: ยานร่อนความเร็วเหนือเสียงที่ยิงจากขีปนาวุธ Voevoda หรือ Sarmat ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงการป้องกันขีปนาวุธ โดยคาดว่าสามารถยิงได้ ๘๐๐ นอตถึง ๒ เมกะตัน ปัจจุบันรัสเซียมีระบบ Avangard อยู่ ๗ ระบบ

    ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากทะเล

    ◾️ RSM-56 Bulava: ขีปนาวุธปล่อยใต้พื้นดินนี้เป็นกระดูกสันหลังของส่วนประกอบทางเรือของอาวุธนิวเคลียร์สามชนิดของรัสเซีย ขีปนาวุธแต่ละลูกบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๖-๑๐ ลูก โดยสามารถยิงได้ ๑๐๐-๑๕๐ นอต (รวมหัวรบนิวเคลียร์ ๕๗๖ หัว) เรือดำน้ำติดอาวุธ Bulavas ลาดตระเวนในทะเลเหนือ มหาสมุทรแอตแลนติก และแปซิฟิก รอการโจมตีตอบโต้

    ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBM ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ ๔x๕๐๐ kt หรือ ๑๐-๑๒x๑๐๐ kt คลังอาวุธทั้งหมดมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๒๐ หัว

    การส่งอาวุธนิวเคลียร์จากอากาศ

    🔹 Tu-95MS: เครื่องบินทิ้งระเบิดเทอร์โบพร็อพความเร็วต่ำกว่าเสียงซึ่งบรรทุกขีปนาวุธร่อนนิวเคลียร์ Kh-55 หรือ Kh-102 โดย Kh-55 มีแรงส่ง ๒๐๐-๕๐๐ kt ส่วน Kh-102 มีระยะยิงตั้งแต่ ๒๕๐ kt ถึง ๑ เมกะตัน เครื่องบินทิ้งระเบิดแต่ละลำสามารถบรรทุก Kh-55 ได้สูงสุด ๖ ลูก หรือ Kh-102 ได้สูงสุด ๘ ลูก คลังอาวุธทั้งหมดโดยประมาณ: หัวรบนิวเคลียร์ ๔๔๘ หัว

    🔹 Tu-160: เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง โดยแต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อน Kh-55/102 ได้สูงสุด ๖ ลูก รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑๓๒ ลูกที่ประจำการอยู่ในกองเรือทิ้งระเบิดนี้
    .
    RUSSIA’S ARSENAL OF STRATEGIC NUCLEAR WARHEADS IN FACTS AND FIGURES

    President Putin proposed amendments to Russia’s nuclear doctrine this week to account for emerging threats, including risks posed by NATO’s hybrid warfare strategy. Here’s what to know about Russia’s aggression-deterring arsenal of land, sea and air-launched strategic nuclear warheads:

    ◻️ Officially, the number and type of nuclear weapons possessed by Russia are closely-guarded state secret. However, estimates based on respected sources, including the Bulletin of the Atomic Scientists, the Stockholm International Peace Research Institute, the Federation of American Scientists, and information pieced together by Russian media based on official and MoD statements, give a rough idea of the country’s potential.

    ◻️ Russia has an estimated 1,710 warheads deployed in various carriers at any given time, with another 2,670 in storage, and 1,200 more retired and in the process of being dismantled, for a total of 5,580, according to FAS. That’s well within the limits set out by the now-suspended 2010 New START Treaty, which allows the nuclear superpowers to keep 700 deployed missiles and bombers, 1,550 deployed warheads (including missile payloads containing multiple warheads – known as MIRVs) and bombers, and 800 deployed and non-deployed launchers (in missile tube and bomber form).

    Russia’s strategic arsenal (i.e. nuclear weapons aimed at maintaining the ‘mutually assured destruction’ balance of terror, not tactical or battlefield nukes, which are not accounted for here) can be broken down by their ground, submarine and aircraft-based launch systems.

    Ground-Based Nuclear Missiles

    ◻️ RS-24 Yars: Road-mobile or silo-based, each missile carries up to three warheads with a 200-kt yield. Russia has about 772 warheads for these missiles.

    ◻️ Topol-M: Another road-mobile/silo-based missile, it carries a single 800-kt warhead. Russia has 78 in its arsenal.

    ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: Ground-based ICBM with a 550-750 kt payload, carrying up to 10 warheads or decoys. Russia has 46 Voevodas, with about 340 warheads.

    ◻️ RS-28 Sarmat: New ICBM capable of carrying up to 16 warheads, each with a 750-kt yield. Total of 46 Sarmats expected, with the first deployed in 2023.

    ◻️ Avangard: Hypersonic glide vehicles launched from Voevoda or Sarmat ICBMs, designed to evade missile defenses. Yield estimated between 800 kt and 2 megatons. Russia currently has seven Avangard systems.

    Sea-Based Nuclear Missiles

    ◾️ RSM-56 Bulava: This sub-launched missile is the backbone of the naval component of Russia's nuclear triad. Each missile carries 6-10 warheads with a 100-150 kt yield (576 warheads total). Subs armed with Bulavas patrol the North Sea, the Atlantic and Pacific Oceans, waiting for a counterstrike.

    ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBMs with either 4x500 kt or 10-12x100 kt warheads. Total arsenal includes about 320 warheads.

    Air-Based Nuclear Delivery

    🔹 Tu-95MS: Subsonic turboprop bombers carrying Kh-55 or Kh-102 nuclear cruise missiles. Kh-55s have a 200-500 kt yield, while Kh-102s range from 250 kt to 1 megaton. Each bomber can carry up to six Kh-55s or eight Kh-102s. Estimated total arsenal: 448 warheads.

    🔹 Tu-160: Supersonic strategic bombers, each capable of carrying up to six Kh-55/102 cruise missiles. Russia has around 132 warheads assigned to this bomber fleet.
    .
    Last edited 12:06 AM · Sep 28, 2024 · 7,582 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839713179682910420
    คลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียตามข้อเท็จจริงและตัวเลข ประธานาธิบดีปูตินเสนอแก้ไขหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซียในสัปดาห์นี้ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น, รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดจากกลยุทธ์สงครามลูกผสมของนาโต้ นี่คือสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับคลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียที่ยิงจากพื้นดิน, ทางทะเล และทางอากาศเพื่อป้องกันการรุกราน: ◻️ อย่างเป็นทางการ, จำนวนและประเภทของอาวุธนิวเคลียร์ที่รัสเซียครอบครองเป็นความลับของรัฐที่ปกปิดไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม, การประมาณการโดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้, รวมถึงวารสารนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์, สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม, สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน, และข้อมูลที่รวบรวมโดยสื่อของรัสเซีย ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการและกระทรวงกลาโหม, ทำให้ทราบถึงศักยภาพของประเทศอย่างคร่าวๆ ◻️ รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑,๗๑๐ หัวที่ติดตั้งในเรือบรรทุกเครื่องบินต่างๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง, โดยมีอีก ๒,๖๗๐ หัวที่อยู่ในคลังเก็บ, และอีก ๑,๒๐๐ หัวที่ปลดระวางและอยู่ระหว่างการรื้อถอน, ทำให้มีหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด ๕,๕๘๐ หัว, ตามข้อมูลของ FAS ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญา START ใหม่ปี ๒๐๑๐ ซึ่งถูกระงับไปแล้ว โดยอนุญาตให้มหาอำนาจนิวเคลียร์สามารถเก็บขีปนาวุธและเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ติดตั้งแล้ว ๗๐๐ ลูก, หัวรบนิวเคลียร์ที่ติดตั้งแล้ว ๑,๕๕๐ หัว (รวมถึงหัวรบขีปนาวุธที่มีหลายหัวรบ ซึ่งเรียกว่า MIRV) และเครื่องบินทิ้งระเบิด, และเครื่องยิงที่ติดตั้งแล้วและไม่ได้ติดตั้งอีก ๘๐๐ เครื่อง (ในรูปแบบท่อขีปนาวุธ และเครื่องบินทิ้งระเบิด) คลังอาวุธยุทธศาสตร์ของรัสเซีย (กล่าวคือ อาวุธนิวเคลียร์ที่มุ่งเป้าไปที่การรักษาสมดุลของการก่อการร้ายแบบ "ทำลายล้างซึ่งกันและกัน" ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีหรือในสนามรบ, ซึ่งไม่ได้นำมาพิจารณาที่นี่) สามารถแบ่งแยกได้โดยระบบยิงบนพื้นดิน, เรือดำน้ำ, และเครื่องบิน ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากภาคพื้นดิน ◻️ RS-24 Yars: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนนหรือติดตั้งในไซโล, โดยแต่ละลูกสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ ๓ หัว โดยสามารถยิงได้ ๒๐๐ นอต รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๗๗๒ ลูกสำหรับขีปนาวุธเหล่านี้ ◻️ Topol-M: ขีปนาวุธที่เคลื่อนที่บนถนน/ติดตั้งในไซโลอีกชนิดหนึ่ง, ซึ่งบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๘๐๐ นอตได้ ๑ หัว รัสเซียมี ๗๘ หัวในคลังอาวุธ ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: ICBM จากภาคพื้นดินที่บรรทุกหัวรบได้ ๕๕๐-๗๕๐ นอต โดยบรรจุหัวรบนิวเคลียร์หรือตัวล่อได้ ๑๐ หัว รัสเซียมีขีปนาวุธ Voevodas ๔๖ ลูก พร้อมหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๔๐ ลูก ◻️ RS-28 Sarmat: ขีปนาวุธข้ามทวีปชนิดใหม่ที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง ๑๖ ลูก โดยแต่ละลูกสามารถยิงได้ ๗๕๐ นอต คาดว่าจะมีขีปนาวุธ Sarmats ทั้งหมด ๔๖ ลูก โดยลูกแรกจะนำไปใช้งานในปี ๒๐๒๓ ◻️ Avangard: ยานร่อนความเร็วเหนือเสียงที่ยิงจากขีปนาวุธ Voevoda หรือ Sarmat ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงการป้องกันขีปนาวุธ โดยคาดว่าสามารถยิงได้ ๘๐๐ นอตถึง ๒ เมกะตัน ปัจจุบันรัสเซียมีระบบ Avangard อยู่ ๗ ระบบ ขีปนาวุธนิวเคลียร์จากทะเล ◾️ RSM-56 Bulava: ขีปนาวุธปล่อยใต้พื้นดินนี้เป็นกระดูกสันหลังของส่วนประกอบทางเรือของอาวุธนิวเคลียร์สามชนิดของรัสเซีย ขีปนาวุธแต่ละลูกบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ ๖-๑๐ ลูก โดยสามารถยิงได้ ๑๐๐-๑๕๐ นอต (รวมหัวรบนิวเคลียร์ ๕๗๖ หัว) เรือดำน้ำติดอาวุธ Bulavas ลาดตระเวนในทะเลเหนือ มหาสมุทรแอตแลนติก และแปซิฟิก รอการโจมตีตอบโต้ ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBM ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ ๔x๕๐๐ kt หรือ ๑๐-๑๒x๑๐๐ kt คลังอาวุธทั้งหมดมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๓๒๐ หัว การส่งอาวุธนิวเคลียร์จากอากาศ 🔹 Tu-95MS: เครื่องบินทิ้งระเบิดเทอร์โบพร็อพความเร็วต่ำกว่าเสียงซึ่งบรรทุกขีปนาวุธร่อนนิวเคลียร์ Kh-55 หรือ Kh-102 โดย Kh-55 มีแรงส่ง ๒๐๐-๕๐๐ kt ส่วน Kh-102 มีระยะยิงตั้งแต่ ๒๕๐ kt ถึง ๑ เมกะตัน เครื่องบินทิ้งระเบิดแต่ละลำสามารถบรรทุก Kh-55 ได้สูงสุด ๖ ลูก หรือ Kh-102 ได้สูงสุด ๘ ลูก คลังอาวุธทั้งหมดโดยประมาณ: หัวรบนิวเคลียร์ ๔๔๘ หัว 🔹 Tu-160: เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง โดยแต่ละลำสามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อน Kh-55/102 ได้สูงสุด ๖ ลูก รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ ๑๓๒ ลูกที่ประจำการอยู่ในกองเรือทิ้งระเบิดนี้ . RUSSIA’S ARSENAL OF STRATEGIC NUCLEAR WARHEADS IN FACTS AND FIGURES President Putin proposed amendments to Russia’s nuclear doctrine this week to account for emerging threats, including risks posed by NATO’s hybrid warfare strategy. Here’s what to know about Russia’s aggression-deterring arsenal of land, sea and air-launched strategic nuclear warheads: ◻️ Officially, the number and type of nuclear weapons possessed by Russia are closely-guarded state secret. However, estimates based on respected sources, including the Bulletin of the Atomic Scientists, the Stockholm International Peace Research Institute, the Federation of American Scientists, and information pieced together by Russian media based on official and MoD statements, give a rough idea of the country’s potential. ◻️ Russia has an estimated 1,710 warheads deployed in various carriers at any given time, with another 2,670 in storage, and 1,200 more retired and in the process of being dismantled, for a total of 5,580, according to FAS. That’s well within the limits set out by the now-suspended 2010 New START Treaty, which allows the nuclear superpowers to keep 700 deployed missiles and bombers, 1,550 deployed warheads (including missile payloads containing multiple warheads – known as MIRVs) and bombers, and 800 deployed and non-deployed launchers (in missile tube and bomber form). Russia’s strategic arsenal (i.e. nuclear weapons aimed at maintaining the ‘mutually assured destruction’ balance of terror, not tactical or battlefield nukes, which are not accounted for here) can be broken down by their ground, submarine and aircraft-based launch systems. Ground-Based Nuclear Missiles ◻️ RS-24 Yars: Road-mobile or silo-based, each missile carries up to three warheads with a 200-kt yield. Russia has about 772 warheads for these missiles. ◻️ Topol-M: Another road-mobile/silo-based missile, it carries a single 800-kt warhead. Russia has 78 in its arsenal. ◻️ R-36M2/RS-20B Voevoda: Ground-based ICBM with a 550-750 kt payload, carrying up to 10 warheads or decoys. Russia has 46 Voevodas, with about 340 warheads. ◻️ RS-28 Sarmat: New ICBM capable of carrying up to 16 warheads, each with a 750-kt yield. Total of 46 Sarmats expected, with the first deployed in 2023. ◻️ Avangard: Hypersonic glide vehicles launched from Voevoda or Sarmat ICBMs, designed to evade missile defenses. Yield estimated between 800 kt and 2 megatons. Russia currently has seven Avangard systems. Sea-Based Nuclear Missiles ◾️ RSM-56 Bulava: This sub-launched missile is the backbone of the naval component of Russia's nuclear triad. Each missile carries 6-10 warheads with a 100-150 kt yield (576 warheads total). Subs armed with Bulavas patrol the North Sea, the Atlantic and Pacific Oceans, waiting for a counterstrike. ◾️ R-29RMU2 Sineva/R-29RMU2 Layner: SLBMs with either 4x500 kt or 10-12x100 kt warheads. Total arsenal includes about 320 warheads. Air-Based Nuclear Delivery 🔹 Tu-95MS: Subsonic turboprop bombers carrying Kh-55 or Kh-102 nuclear cruise missiles. Kh-55s have a 200-500 kt yield, while Kh-102s range from 250 kt to 1 megaton. Each bomber can carry up to six Kh-55s or eight Kh-102s. Estimated total arsenal: 448 warheads. 🔹 Tu-160: Supersonic strategic bombers, each capable of carrying up to six Kh-55/102 cruise missiles. Russia has around 132 warheads assigned to this bomber fleet. . Last edited 12:06 AM · Sep 28, 2024 · 7,582 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839713179682910420
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 711 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠

    🤯สาม การพลิกกลับ🤯

    สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม

    เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด

    ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก

    ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก

    สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม

    แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต

    เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้

    อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้

    เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง

    ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น

    แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี

    ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก

    🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯

    อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน

    ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้

    บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา

    ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้

    ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน

    😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎

    เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน

    ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง

    สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง

    ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠 🤯สาม การพลิกกลับ🤯 สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้ เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก 🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯 อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้ บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้ ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน 😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎 เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวีเดนประกาศปิดสำนักงานสถานทูตในพนมเปญ แต่มาใช้สถานทูตสวีเดนในกรุงเทพฯ แทน อ้างเหตุผลจากการระงับความร่วมมือทวิภาคีกับกัมพูชา และการจัดการสนับสนุนกัมพูชาภายใต้กลยุทธ์ระดับภูมิภาคสำหรับความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับเอเชียและแปซิฟิกได้ถูกโอนไปยังสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสวีเดน (Sida - Styrelsen för Internationellt Utvecklingssamarbete) ในกรุงสตอกโฮล์มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม2567ที่ผ่านมา

    21 กันยายน 2567-รายงานจากเพจเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาได้ประกาศปิดอย่างเป็นทางการและจะยุติการปฏิบัติงานในวันที่ 30 กันยายน 2567 นี้ โดยได้มีการประกาศแจ้งชาวสวีเดนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา โดยจะใช้สถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงเทพฯ เป็นแทน

    ซึ่งทางการสวีเดนระบุว่า สาเหตุของการปิดสถานทูตสวีเดน ในกัมพูชาเนื่องจากการตัดสินใจของรัฐบาลสวีเดนในการระงับความร่วมมือทวีภาคีกับกัมพูชา และการจัดการสนับสนุนกัมพูชาภายใต้กลยุทธ์ระดับภูมิภาคสำหรับความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับเอเชียและแปซิฟิกได้ถูกโอนไปยังสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสวีเดน (Sida - Styrelsen för Internationellt Utvecklingssamarbete) ในกรุงสตอกโฮล์มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา

    ส่วนสถานกงสุลสวีเดนในกรุงพนมเปญ จะยังคงเปิดให้บริการพื้นฐานแก่พลเมืองสวีเดนในกัมพูชาต่อไป ซึ่งการปิดสำนักงานฯ ที่เกิดขึ้นนั้นรวมถึงการปิดเพจเฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงพนมเปญ โดยได้แนะนำให้พลเมืองสวีเดนใช้ติดต่อประสานงานผ่านช่องทาง เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงเทพฯ แทนเช่นกัน

    #Thaitimes
    สวีเดนประกาศปิดสำนักงานสถานทูตในพนมเปญ แต่มาใช้สถานทูตสวีเดนในกรุงเทพฯ แทน อ้างเหตุผลจากการระงับความร่วมมือทวิภาคีกับกัมพูชา และการจัดการสนับสนุนกัมพูชาภายใต้กลยุทธ์ระดับภูมิภาคสำหรับความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับเอเชียและแปซิฟิกได้ถูกโอนไปยังสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสวีเดน (Sida - Styrelsen för Internationellt Utvecklingssamarbete) ในกรุงสตอกโฮล์มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม2567ที่ผ่านมา 21 กันยายน 2567-รายงานจากเพจเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาได้ประกาศปิดอย่างเป็นทางการและจะยุติการปฏิบัติงานในวันที่ 30 กันยายน 2567 นี้ โดยได้มีการประกาศแจ้งชาวสวีเดนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา โดยจะใช้สถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงเทพฯ เป็นแทน ซึ่งทางการสวีเดนระบุว่า สาเหตุของการปิดสถานทูตสวีเดน ในกัมพูชาเนื่องจากการตัดสินใจของรัฐบาลสวีเดนในการระงับความร่วมมือทวีภาคีกับกัมพูชา และการจัดการสนับสนุนกัมพูชาภายใต้กลยุทธ์ระดับภูมิภาคสำหรับความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับเอเชียและแปซิฟิกได้ถูกโอนไปยังสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสวีเดน (Sida - Styrelsen för Internationellt Utvecklingssamarbete) ในกรุงสตอกโฮล์มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่วนสถานกงสุลสวีเดนในกรุงพนมเปญ จะยังคงเปิดให้บริการพื้นฐานแก่พลเมืองสวีเดนในกัมพูชาต่อไป ซึ่งการปิดสำนักงานฯ ที่เกิดขึ้นนั้นรวมถึงการปิดเพจเฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงพนมเปญ โดยได้แนะนำให้พลเมืองสวีเดนใช้ติดต่อประสานงานผ่านช่องทาง เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสวีเดน ณ กรุงเทพฯ แทนเช่นกัน #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1589 มุมมอง 0 รีวิว
  • Creative Valuation เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมงานศิลปะคุณภาพสูง ทั้งภาพสต็อก ภาพวาดสีน้ำ และกราฟิกดีไซน์ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก โดยเน้นความเป็นเอกลักษณ์และความละเอียดในการสร้างสรรค์ผลงาน การซื้อขายบนแพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้รับผลงานที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ โฆษณา หรือสื่อสิ่งพิมพ์

    จุดเด่นของ Creative Valuation

    1. ศิลปะที่ไม่เหมือนใคร: แพลตฟอร์มนี้นำเสนอผลงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์เกิดจากศิลปินมืออาชีพที่สร้างสรรค์ด้วยมือ ทำให้ผลงานแต่ละชิ้นมีความเป็นธรรมชาติและมีอารมณ์ที่จับต้องได้
    2. คุณภาพสูง: ทุกชิ้นงานบนเว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบเพื่อคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ ล้วนผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน
    3. ใช้งานได้หลากหลาย: ผู้ซื้อสามารถใช้ผลงานจาก Creative Valuation ในหลากหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบดิจิทัล สื่อสิ่งพิมพ์ การโฆษณา หรือการนำเสนอ
    4. สนับสนุนศิลปินอิสระ: ทุกการซื้อขายบนเว็บไซต์นี้ ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ ให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้ศิลปินสามารถแสดงผลงานและขายได้โดยตรง

    วิธีการใช้งาน Creative Valuation

    1. เลือกประเภทของงานศิลปะ: ไม่ว่าคุณจะมองหาภาพสต็อกเพื่อใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ หรือภาพวาดสีน้ำที่สวยงามเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับงานพิมพ์ คุณสามารถค้นหางานศิลปะที่เหมาะสมได้จากหมวดหมู่ที่จัดไว้อย่างชัดเจน
    2. สั่งซื้อและดาวน์โหลด: หลังจากเลือกผลงานที่ต้องการแล้ว การสั่งซื้อเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถชำระเงินและดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้คุณได้รับผลงานพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
    3. ร่วมเป็นศิลปิน: หากคุณเป็นศิลปินและต้องการมีช่องทางในการเผยแพร่และขายผลงานของคุณ Creative Valuation ยังเปิดโอกาสให้คุณเข้าร่วมและนำเสนอผลงานของคุณบนแพลตฟอร์ม

    แนวทางการส่งเสริมเว็บไซต์ Creative Valuation

    1. สร้างความสัมพันธ์กับชุมชนศิลปิน: การโปรโมต Creative Valuation สามารถเริ่มต้นจากการสร้างเครือข่ายกับศิลปินอิสระผ่านโซเชียลมีเดีย การเชิญชวนให้ศิลปินแชร์ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ และการเผยแพร่ผลงานที่พวกเขาได้ขายผ่านแพลตฟอร์มนี้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมั่น
    2. แคมเปญการตลาดออนไลน์: การใช้โฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ Instagram ช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการงานศิลปะคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังสามารถจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนในครั้งแรก
    3. การโปรโมตผ่านผู้ทรงอิทธิพล: การร่วมงานกับ influencers ในวงการศิลปะหรือกราฟิกดีไซน์ สามารถช่วยให้ Creative Valuation ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
    4. รีวิวและบทความในบล็อก: การเขียนบทความรีวิวเกี่ยวกับการใช้เว็บไซต์ Creative Valuation รวมถึงการแนะนำผลงานเด่นๆ บนบล็อกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับการออกแบบและศิลปะ จะช่วยให้เว็บเป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อถือให้กับผู้ที่กำลังมองหาแหล่งซื้อขายงานศิลปะออนไลน์

    ประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ

    • ความเป็นเอกลักษณ์: ผลงานบน Creative Valuation มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้คุณสามารถใช้ภาพและกราฟิกที่แตกต่างจากแหล่งอื่น ๆ
    • ใช้งานง่าย: เว็บไซต์ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและสะดวกในการค้นหา คุณสามารถหาและดาวน์โหลดงานศิลปะได้อย่างรวดเร็ว
    • ราคาสมเหตุสมผล: Creative Valuation นำเสนอผลงานในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะคุณภาพสูงได้ง่ายๆ

    ประโยชน์สำหรับศิลปิน

    • แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาส: ศิลปินสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อเผยแพร่ผลงานของตน และได้รับรายได้จากการขายผลงาน
    • สร้างชื่อเสียง: การที่ผลงานของคุณถูกนำไปใช้ในหลากหลายโครงการจะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงในวงการ
    • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงผลงาน: Creative Valuation ให้ศิลปินสามารถลงผลงานได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้า

    สรุป
    Creative Valuation เป็นแหล่งรวมงานศิลปะคุณภาพที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่ต้องการซื้อภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ และศิลปินที่ต้องการแสดงผลงานของตนให้เป็นที่รู้จัก การโปรโมตเว็บไซต์นี้ควรเน้นที่ความเป็นเอกลักษณ์ของผลงาน คุณภาพสูง และโอกาสในการสนับสนุนศิลปินอิสระเพื่อให้ชุมชนศิลปะเติบโตไปด้วยกัน

    เยี่ยมชม Creative Valuation เพื่อค้นพบและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ศิลปะใหม่ๆ ที่นี่ https://creativevaluation.com
    Creative Valuation เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมงานศิลปะคุณภาพสูง ทั้งภาพสต็อก ภาพวาดสีน้ำ และกราฟิกดีไซน์ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก โดยเน้นความเป็นเอกลักษณ์และความละเอียดในการสร้างสรรค์ผลงาน การซื้อขายบนแพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้รับผลงานที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ โฆษณา หรือสื่อสิ่งพิมพ์ จุดเด่นของ Creative Valuation 1. ศิลปะที่ไม่เหมือนใคร: แพลตฟอร์มนี้นำเสนอผลงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์เกิดจากศิลปินมืออาชีพที่สร้างสรรค์ด้วยมือ ทำให้ผลงานแต่ละชิ้นมีความเป็นธรรมชาติและมีอารมณ์ที่จับต้องได้ 2. คุณภาพสูง: ทุกชิ้นงานบนเว็บไซต์ได้รับการตรวจสอบเพื่อคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ ล้วนผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน 3. ใช้งานได้หลากหลาย: ผู้ซื้อสามารถใช้ผลงานจาก Creative Valuation ในหลากหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบดิจิทัล สื่อสิ่งพิมพ์ การโฆษณา หรือการนำเสนอ 4. สนับสนุนศิลปินอิสระ: ทุกการซื้อขายบนเว็บไซต์นี้ ช่วยสนับสนุนศิลปินอิสระ ให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้ศิลปินสามารถแสดงผลงานและขายได้โดยตรง วิธีการใช้งาน Creative Valuation 1. เลือกประเภทของงานศิลปะ: ไม่ว่าคุณจะมองหาภาพสต็อกเพื่อใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ หรือภาพวาดสีน้ำที่สวยงามเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับงานพิมพ์ คุณสามารถค้นหางานศิลปะที่เหมาะสมได้จากหมวดหมู่ที่จัดไว้อย่างชัดเจน 2. สั่งซื้อและดาวน์โหลด: หลังจากเลือกผลงานที่ต้องการแล้ว การสั่งซื้อเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถชำระเงินและดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที ซึ่งช่วยให้คุณได้รับผลงานพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว 3. ร่วมเป็นศิลปิน: หากคุณเป็นศิลปินและต้องการมีช่องทางในการเผยแพร่และขายผลงานของคุณ Creative Valuation ยังเปิดโอกาสให้คุณเข้าร่วมและนำเสนอผลงานของคุณบนแพลตฟอร์ม แนวทางการส่งเสริมเว็บไซต์ Creative Valuation 1. สร้างความสัมพันธ์กับชุมชนศิลปิน: การโปรโมต Creative Valuation สามารถเริ่มต้นจากการสร้างเครือข่ายกับศิลปินอิสระผ่านโซเชียลมีเดีย การเชิญชวนให้ศิลปินแชร์ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ และการเผยแพร่ผลงานที่พวกเขาได้ขายผ่านแพลตฟอร์มนี้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมั่น 2. แคมเปญการตลาดออนไลน์: การใช้โฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ Instagram ช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการงานศิลปะคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังสามารถจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนในครั้งแรก 3. การโปรโมตผ่านผู้ทรงอิทธิพล: การร่วมงานกับ influencers ในวงการศิลปะหรือกราฟิกดีไซน์ สามารถช่วยให้ Creative Valuation ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น 4. รีวิวและบทความในบล็อก: การเขียนบทความรีวิวเกี่ยวกับการใช้เว็บไซต์ Creative Valuation รวมถึงการแนะนำผลงานเด่นๆ บนบล็อกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับการออกแบบและศิลปะ จะช่วยให้เว็บเป็นที่รู้จักและสร้างความเชื่อถือให้กับผู้ที่กำลังมองหาแหล่งซื้อขายงานศิลปะออนไลน์ ประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ • ความเป็นเอกลักษณ์: ผลงานบน Creative Valuation มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้คุณสามารถใช้ภาพและกราฟิกที่แตกต่างจากแหล่งอื่น ๆ • ใช้งานง่าย: เว็บไซต์ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและสะดวกในการค้นหา คุณสามารถหาและดาวน์โหลดงานศิลปะได้อย่างรวดเร็ว • ราคาสมเหตุสมผล: Creative Valuation นำเสนอผลงานในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะคุณภาพสูงได้ง่ายๆ ประโยชน์สำหรับศิลปิน • แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาส: ศิลปินสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อเผยแพร่ผลงานของตน และได้รับรายได้จากการขายผลงาน • สร้างชื่อเสียง: การที่ผลงานของคุณถูกนำไปใช้ในหลากหลายโครงการจะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงในวงการ • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงผลงาน: Creative Valuation ให้ศิลปินสามารถลงผลงานได้ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้า สรุป Creative Valuation เป็นแหล่งรวมงานศิลปะคุณภาพที่เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่ต้องการซื้อภาพสต็อกหรือภาพวาดสีน้ำ และศิลปินที่ต้องการแสดงผลงานของตนให้เป็นที่รู้จัก การโปรโมตเว็บไซต์นี้ควรเน้นที่ความเป็นเอกลักษณ์ของผลงาน คุณภาพสูง และโอกาสในการสนับสนุนศิลปินอิสระเพื่อให้ชุมชนศิลปะเติบโตไปด้วยกัน เยี่ยมชม Creative Valuation เพื่อค้นพบและเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ศิลปะใหม่ๆ ที่นี่ https://creativevaluation.com
    CREATIVEVALUATION.COM
    Human Artistry : Handcrafted Imagery , Authentic Watercolor creations & Stock Photos .
    Discover a curated collection of genuine human-made art. Explore handcrafted imagery, authentic watercolor paintings, and unique photography-every piece created by talented artists, not AI. Perfect for those who value true artistic craftsmanship.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันก่อนได้ดื่มโซดาจูปาจุ๊ปส์ด้วยความอยากรู้อยากลอง แต่ก็ฮีลใจเลย จังหวะชีวิตเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองครับ ถ้าเราหมั่นฝึกฝนตนเองและพัฒนาตนเองอยู่สม่ำเสมอและตลอดเวลา ทั้งเขียนบทความวิจารณ์ Woke เขียนปูพื้นฐานก่อนลงมือแต่งเนื้อเรื่อง และฝึกทำอินโฟกราฟฟิกและฝึกวาดรูปด้วยครับ
    วันก่อนได้ดื่มโซดาจูปาจุ๊ปส์ด้วยความอยากรู้อยากลอง แต่ก็ฮีลใจเลย จังหวะชีวิตเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองครับ ถ้าเราหมั่นฝึกฝนตนเองและพัฒนาตนเองอยู่สม่ำเสมอและตลอดเวลา ทั้งเขียนบทความวิจารณ์ Woke เขียนปูพื้นฐานก่อนลงมือแต่งเนื้อเรื่อง และฝึกทำอินโฟกราฟฟิกและฝึกวาดรูปด้วยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมสหรัฐฯถึงต้องควักเงินกว่า ๔๐๐ ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างสนามบินบนเกาะแปซิฟิกสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้นมาใหม่?

    กองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังยึดสนามบินเก่าในแปซิฟิกคืน “เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นกับจีน,” รายงานของสื่อสหรัฐฯ ระบุ

    สนามบินดังกล่าวตั้งอยู่บนเกาะทินเนียน และรายงานว่าวอชิงตันกำลังใช้เงิน ๔๐๙ ล้านดอลลาร์ ในความพยายาม “ขัดขวาง, หรือเอาชนะ, กองทัพจีน”

    การปรับปรุงปัจจุบันของวอชิงตันมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มศักยภาพของสนามบินสำหรับปฏิบัติการประจำวันและปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนภารกิจในพื้นที่อินโด-แปซิฟิกอันกว้างใหญ่

    📌ในเดือนสิงหาคม ๑๙๔๕, สนามบินเหนือของทินเนียนได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯสองลำ ที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของญี่ปุ่น ทำให้พลเรือนเสียชีวิตมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน📌

    ทำไมเหยี่ยวอีแร้งของสหรัฐฯจึงมองว่าทินเนียนมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์?

    🔹เกาะทิเนียนเป็นหนึ่งในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในแปซิฟิกตะวันตก, ซึ่งเป็นชายแดนตะวันตกสุดของสหรัฐอเมริกา, ร่วมกับเกาะกวม;

    🔹ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของเกาะทิเนียนมาจากความใกล้ชิดกับโตเกียวและจีน (ห่างจากทั้งสองเกาะน้อยกว่า ๑,๕๐๐ ไมล์);

    🔹เกาะนี้ตั้งอยู่ห่างจากช่องแคบไต้หวัน, ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ ๑,๕๐๐ – ๑,๗๐๐ ไมล์;

    🔹เกาะนี้เคยถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารมาแล้ว, ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒, เกาะนี้เคยมีสนามบินที่ใช้งานอยู่ ๒ แห่ง
    .
    Why’s the US shelling out over $400 mln to rebuild a WWII-era Pacific island airfield?

    The US Air Force is reclaiming an old airfield in the Pacific “as it prepares for a possible future fight with China,” a US media report said.

    The airfield in question is located on Tinian island, and Washington is reportedly spending $409 million in efforts to “deter, or defeat, the Chinese military.”

    Washington’s current enhancements are aimed at boosting the airfield's capacity for routine and contingency operations in support of missions in the vast Indo-Pacific theater.

    In August 1945, Tinian’s North Field launched the two infamous US bombers that dropped nukes on Japan’s Hiroshima and Nagasaki, killing over 200,000 civilians.

    Why do US hawks see Tinian as strategically important?

    🔹Tinian is one of the Northern Mariana Islands in the Western Pacific, the US’s westernmost frontier, along with Guam;

    🔹Tinian’s strategic importance stems from its proximity to Tokyo and China (less than 1,500 miles away from both);

    🔹The island is 1,500 – 1,700 miles from the Taiwan Strait, and the East and South China seas;

    🔹It’s already been used for military purposes, during WWII, the island housed two active airfields.
    .
    1:48 AM · Sep 19, 2024 · 3,452 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836477418695217348
    ทำไมสหรัฐฯถึงต้องควักเงินกว่า ๔๐๐ ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างสนามบินบนเกาะแปซิฟิกสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้นมาใหม่? กองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังยึดสนามบินเก่าในแปซิฟิกคืน “เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นกับจีน,” รายงานของสื่อสหรัฐฯ ระบุ สนามบินดังกล่าวตั้งอยู่บนเกาะทินเนียน และรายงานว่าวอชิงตันกำลังใช้เงิน ๔๐๙ ล้านดอลลาร์ ในความพยายาม “ขัดขวาง, หรือเอาชนะ, กองทัพจีน” การปรับปรุงปัจจุบันของวอชิงตันมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มศักยภาพของสนามบินสำหรับปฏิบัติการประจำวันและปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนภารกิจในพื้นที่อินโด-แปซิฟิกอันกว้างใหญ่ 📌ในเดือนสิงหาคม ๑๙๔๕, สนามบินเหนือของทินเนียนได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯสองลำ ที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของญี่ปุ่น ทำให้พลเรือนเสียชีวิตมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน📌 ทำไมเหยี่ยวอีแร้งของสหรัฐฯจึงมองว่าทินเนียนมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์? 🔹เกาะทิเนียนเป็นหนึ่งในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในแปซิฟิกตะวันตก, ซึ่งเป็นชายแดนตะวันตกสุดของสหรัฐอเมริกา, ร่วมกับเกาะกวม; 🔹ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของเกาะทิเนียนมาจากความใกล้ชิดกับโตเกียวและจีน (ห่างจากทั้งสองเกาะน้อยกว่า ๑,๕๐๐ ไมล์); 🔹เกาะนี้ตั้งอยู่ห่างจากช่องแคบไต้หวัน, ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ ๑,๕๐๐ – ๑,๗๐๐ ไมล์; 🔹เกาะนี้เคยถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารมาแล้ว, ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒, เกาะนี้เคยมีสนามบินที่ใช้งานอยู่ ๒ แห่ง . Why’s the US shelling out over $400 mln to rebuild a WWII-era Pacific island airfield? The US Air Force is reclaiming an old airfield in the Pacific “as it prepares for a possible future fight with China,” a US media report said. The airfield in question is located on Tinian island, and Washington is reportedly spending $409 million in efforts to “deter, or defeat, the Chinese military.” Washington’s current enhancements are aimed at boosting the airfield's capacity for routine and contingency operations in support of missions in the vast Indo-Pacific theater. In August 1945, Tinian’s North Field launched the two infamous US bombers that dropped nukes on Japan’s Hiroshima and Nagasaki, killing over 200,000 civilians. Why do US hawks see Tinian as strategically important? 🔹Tinian is one of the Northern Mariana Islands in the Western Pacific, the US’s westernmost frontier, along with Guam; 🔹Tinian’s strategic importance stems from its proximity to Tokyo and China (less than 1,500 miles away from both); 🔹The island is 1,500 – 1,700 miles from the Taiwan Strait, and the East and South China seas; 🔹It’s already been used for military purposes, during WWII, the island housed two active airfields. . 1:48 AM · Sep 19, 2024 · 3,452 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836477418695217348
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • การออกแบบชุด "ชาติพันธุ์ 4 ภาค" จำนวน 8 ชุด ผลงานออกแบบโดยนักศึกษา ระดับ ปวส.1 SBAC - Digital Graphic และผลงานตัดเย็บชุดโดย ร้านเช่าชุด SmileWay

    และการแสดงแบบโดยนางแบบมืออาชีพระดับเวทีนางงาม
    💜 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ผีกะ"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณศุภิสรา แสงทอง (ส้มส้ม) มิสแกรนด์ปราจีนบุรี 2023

    🩵 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ฟ้อนกิงกะลา"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณปลายฟ้า ทองดอนพุ่ม (ปลายฟ้า) มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2024

    💙 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณธนัชพร พานแก้ว (มุกกุ) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2022

    💚 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "ประเพณีหงษ์ธงตะขาบ"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณกุลธิดา ทองเลิศ (พิกุล) มิสแกรนด์กาญจนบุรี 2024

    💛 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" ที่นำวัฒนธรรมชาว "กูย"
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณพีรดา ยอดใจ (ดาว) มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2021-2022

    🧡 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" พิธีความเชื่อรักษาอาการป่วย
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณเอลิชา แสงโชติ (ลูกพีช) รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสแกรนด์ลำพูน 2024

    ❤️ ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" กลุ่มคนชาวเผ่าทางภาคใต้
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณ กนกวรรณ นันสูงเนิน (จ๊ะจ๋า) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2024

    🩷 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" ประเพณีตและความเป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้
    ผู้สวมใส่ชุด
    คุณสุทธิพร อ่วมกอง (แบมแบม) มิสแกรนด์พะเยา 2024

    #DEKSBAC67 #เรียนกราฟิกชีวิตออกแบบได้
    #SBAC #BuildingFutureSkills
    #ปวช #ปวส #อาชีวศึกษา #thaitimes
    #thaitimesเยาวชน
    การออกแบบชุด "ชาติพันธุ์ 4 ภาค" จำนวน 8 ชุด ผลงานออกแบบโดยนักศึกษา ระดับ ปวส.1 SBAC - Digital Graphic และผลงานตัดเย็บชุดโดย ร้านเช่าชุด SmileWay และการแสดงแบบโดยนางแบบมืออาชีพระดับเวทีนางงาม 💜 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ผีกะ" ผู้สวมใส่ชุด คุณศุภิสรา แสงทอง (ส้มส้ม) มิสแกรนด์ปราจีนบุรี 2023 🩵 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคเหนือ "ฟ้อนกิงกะลา" ผู้สวมใส่ชุด คุณปลายฟ้า ทองดอนพุ่ม (ปลายฟ้า) มิสแกรนด์ประจวบคีรีขันธ์ 2024 💙 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก" ผู้สวมใส่ชุด คุณธนัชพร พานแก้ว (มุกกุ) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2022 💚 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคกลาง "ประเพณีหงษ์ธงตะขาบ" ผู้สวมใส่ชุด คุณกุลธิดา ทองเลิศ (พิกุล) มิสแกรนด์กาญจนบุรี 2024 💛 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" ที่นำวัฒนธรรมชาว "กูย" ผู้สวมใส่ชุด คุณพีรดา ยอดใจ (ดาว) มิสแกรนด์สมุทรปราการ 2021-2022 🧡 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคอีสาน" พิธีความเชื่อรักษาอาการป่วย ผู้สวมใส่ชุด คุณเอลิชา แสงโชติ (ลูกพีช) รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสแกรนด์ลำพูน 2024 ❤️ ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" กลุ่มคนชาวเผ่าทางภาคใต้ ผู้สวมใส่ชุด คุณ กนกวรรณ นันสูงเนิน (จ๊ะจ๋า) มิสแกรนด์สุพรรณบุรี 2024 🩷 ชุด "ชาติพันธุ์ ประจำภาคใต้" ประเพณีตและความเป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้ ผู้สวมใส่ชุด คุณสุทธิพร อ่วมกอง (แบมแบม) มิสแกรนด์พะเยา 2024 #DEKSBAC67 #เรียนกราฟิกชีวิตออกแบบได้ #SBAC #BuildingFutureSkills #ปวช #ปวส #อาชีวศึกษา #thaitimes #thaitimesเยาวชน
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1052 มุมมอง 251 0 รีวิว
  • “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!”

    คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ...

    เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง...

    โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย”

    เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”...

    อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก”

    ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!!

    และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้...

    แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย...

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180

    #Thaitimes
    “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!” คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ... เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง... โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย” เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”... อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก” ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!! และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้... แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย... https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    “สงครามโลก” ก่อนหรือหลัง “เลือกตั้งอเมริกา”???
    ถึงแม้การเลือกตั้งอเมริกาจะเหลืออีกประมาณเดือนกว่าๆ ใกล้ๆ 2 เดือน...แต่ก็คงไม่น่าถึงกับต้องไปให้ความสำคัญกับการ “ดีเบต” หรือการโต้กันไป-โต้กันมา ระหว่าง 2 ผู้สมัคร คู่ชิง อย่าง “ทรัมป์บ้า” หรือคุณน้อง “กมลา”
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1062 มุมมอง 0 รีวิว
  • มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน น้ำกะปิหวานและน้ำกะปิหวานภาคกลาง และได้จิ้มกะปิ 2 ภาค ดับเบิ้ลภาค แผล็บๆๆ แต่ผสมกับกะปิหวานภาคใต้แล้วรสชาติอร่อย มันๆเปรี้ยวๆเผ็ดๆ ถ้าเป็นน้ำปลาหวานผมนี่เบียวบุพเพสันนิวาสเลยครับ
    ทำไงได้ก็มันอร่อยนี่แถมต้องรีบกินให้หมด กลัวจะเสียซะก่อนครับ
    วันนี้โพสต์อะไรใน VK ซะเยอะเลย พยายามผลิตเนื้อหาและบทความที่ผมเขียนแล้วให้คนอ่านเหมือนได้สู้เพื่อองค์จักรพรรดิใน Warhammer
    และเมื่อวานหายไปทั้งวันเพราะตัดผม เคลียร์งานบ้านสารพัด และสุดท้ายต้องนอนตามแพทย์สั่งประมาณ 22.30 - 23.30
    บางทีคงอดหลับอดนอนไม่ได้ แต่ก็พยายามตื่นสัก ตี 4 ตี 5 แต่ก็ทำไม่ได้สักที อย่างมากก็ 8 โมง ดีที่ทำงานอิสระ แต่งานอิสระส่วนใหญ่นอนน้อย ไม่ได้หลับไม่ได้นอน รวมทั้งตัวผม และเป็นงานตามวิชาชีพ เช่น เขียนโปรแกรม จัดการข้อมูล งานประพันธ์ ทำเกมส์ ทำกราฟฟิกครับ
    มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน น้ำกะปิหวานและน้ำกะปิหวานภาคกลาง และได้จิ้มกะปิ 2 ภาค ดับเบิ้ลภาค แผล็บๆๆ แต่ผสมกับกะปิหวานภาคใต้แล้วรสชาติอร่อย มันๆเปรี้ยวๆเผ็ดๆ ถ้าเป็นน้ำปลาหวานผมนี่เบียวบุพเพสันนิวาสเลยครับ ทำไงได้ก็มันอร่อยนี่แถมต้องรีบกินให้หมด กลัวจะเสียซะก่อนครับ วันนี้โพสต์อะไรใน VK ซะเยอะเลย พยายามผลิตเนื้อหาและบทความที่ผมเขียนแล้วให้คนอ่านเหมือนได้สู้เพื่อองค์จักรพรรดิใน Warhammer และเมื่อวานหายไปทั้งวันเพราะตัดผม เคลียร์งานบ้านสารพัด และสุดท้ายต้องนอนตามแพทย์สั่งประมาณ 22.30 - 23.30 บางทีคงอดหลับอดนอนไม่ได้ แต่ก็พยายามตื่นสัก ตี 4 ตี 5 แต่ก็ทำไม่ได้สักที อย่างมากก็ 8 โมง ดีที่ทำงานอิสระ แต่งานอิสระส่วนใหญ่นอนน้อย ไม่ได้หลับไม่ได้นอน รวมทั้งตัวผม และเป็นงานตามวิชาชีพ เช่น เขียนโปรแกรม จัดการข้อมูล งานประพันธ์ ทำเกมส์ ทำกราฟฟิกครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)

    15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่”

    พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่”

    “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน

    ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ
    ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์

    ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป

    ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก
    “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา"

    ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA

    #Thaitimes
    พระสันตปาปาทรงชื่นชมจีนว่า“ “จีนเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการสนทนาและความเข้าใจที่เหนือกว่าประเทศระบบประชาธิปไตย“ก่อนที่จะมีการต่ออายุข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและนครรัฐวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป) 15 กันยายน2567-สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงตรัสแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินของพระองค์ขณะเสด็จกลับกรุงโรมหลังจากเสด็จเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเวลา 12 วันว่า “ข้าพเจ้าอยากไปเยือนประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่” พระสันตปาปาตรัสว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมจีน ข้าพเจ้าเคารพจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่นับพันปีและมีศักยภาพในการเจรจากับความสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งเหนือกว่าระบบประชาธิปไตยที่มีอยู่” “ข้าพเจ้าเชื่อว่าจีนคือคำมั่นสัญญาและความหวังของคริสตจักร” โป๊ปฟรานซิสตรัสและเสริมว่าพระองค์พอใจกับการเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างวาติกันกับจีน ความคิดเห็นของพระองค์ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ข้อตกลงระหว่างปักกิ่งและวาติกันเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช(บิชอป)ซึ่งเป็นประมุขสังฆมณฑลในเขตปกครองศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกจะมีการต่ออายุอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายตกลงทำข้อตกลงทางประวัติศาสตร์แต่เป็นความลับเมื่อปี 2018 ซึ่งให้ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งบาทหลวงคาธอลิกในประเทศคอมมิวนิสต์ ข้อตกลงดังกล่าวมีการต่ออายุในปี 2020 และ 2022 ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำชาวคาธอลิกที่ติดอยู่ระหว่างคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่างเป็นทางการในจีนและขบวนการใต้ดินที่จงรักภักดีต่อโรมมารวมกัน ทั้งนี้เป็นการให้พระสันตปาปามีอำนาจขั้นสุดท้ายในการแต่งตั้งบิชอป ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 87 พรรษา เสร็จสิ้นภารกิจเสด็จเยือนเอเชีย-แปซิฟิก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน โดยเสด็จเยือน4 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์-เลสเต และสิงคโปร์ ขณะที่ทรงเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากกว่า 40 กิจกรรม ระยะเดินทาง 33,000 กม. แม้สุขภาพพระสันตะปาปาอ่อนแอลง แต่พระองค์มักจะได้รับพลังพิเศษอยู่เสมอท่ามกลางศรัทธาของศาสนิกชนชาวคริสต์ โรมันคาทอลิก “ "ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดที่เคยมีมา" ที่มา:https://x.com/rnaudbertrand/status/1835171408256942149?s=46&t=nn3z3yuHSlOFcPbFyzmrQA #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินโฟกราฟฟิก แม่น้ำโขงและเขื่อน - แผนภาพแสดงเส้นทางของแม่น้ำในประเทศไทยที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงและตำแหน่งเขื่อนบนแม่น้ำโขงที่ดำเนินการในปัจจุบัน

    ที่มา : เพจ GeoThai.net https://www.facebook.com/share/p/MmqaenmTk6iz4ng5/?mibextid=WC7FNe

    #Thaitimes
    อินโฟกราฟฟิก แม่น้ำโขงและเขื่อน - แผนภาพแสดงเส้นทางของแม่น้ำในประเทศไทยที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงและตำแหน่งเขื่อนบนแม่น้ำโขงที่ดำเนินการในปัจจุบัน ที่มา : เพจ GeoThai.net https://www.facebook.com/share/p/MmqaenmTk6iz4ng5/?mibextid=WC7FNe #Thaitimes
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่องไวรัลมาเลเซีย 2024

    เฟซบุ๊กเพจ MGAG ในมาเลเซียเปิดเผยอินโฟกราฟิกที่ชื่อว่า "2024 Malaysia Meme Calender" รวบรวมประเด็นไวรัลเด่นที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนของประเทศมาเลเซีย จากการสืบค้นของ Newskit พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจดังนี้

    ม.ค. 2567 - Derrick Gan แฟนบอลทีมชาติมาเลเซีย ประกาศขายรถจักรยานยนต์ 4,500 ริงกิต (ประมาณ 34,000 บาท) เพื่อใช้เดินทางไปเชียร์ฟุตบอลเอเชียนคัพ ที่ประเทศกาตาร์ หลังกลับมา ค่าย Modenas มอบรถจักรยานยนต์คันใหม่ให้เขา

    ก.พ. 2567 - คลิปหญิงวัย 23 ปีจากอัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าไปเที่ยวไนต์คลับตั้งแต่อายุ 18 ปี กลับบ้านกับผู้ชายถึงสองครั้ง ถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ภายหลังอ้างว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น คลิปดังกล่าวมีจุดประสงค์ทางการตลาดเท่านั้น

    มี.ค. 2567 - ชายชาวจีนที่อาศัยในมาเลเซีย เจ้าของร้านอาหารหมี่โกโล แต่งงานพร้อมกันกับภรรยา 2 คน ที่ทำงานในร้านเดียวกัน ที่เมืองกุชิง รัฐซาราวัก รัฐมนตรีวิจารณ์ว่าผู้ที่มิใช่ชาวมุสลิม ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่สามารถมีคู่สมรสหลายคนได้

    เม.ย. 2567 - Aliff Aziz นักร้องและนักแสดงชาวสิงคโปร์ ถูกกรมกิจการอิสลาม (JAWI) จับกุมพร้อมกับ Ruhainies Farehah นักแสดงสาว ขณะที่อดีตภรรยา Bella Astillah ชี้ว่า Aliff โกหกเรื่องเมียน้อยถึง 11 ครั้ง ยื่นฟ้องหย่าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

    พ.ค. 2567 - แอดมินเพจร้านอาหารฟาสฟู้ด DarSA Fried Chicken (DFC) ในเมืองราวัง รัฐสลังงอร์ ตอบกลับลูกค้าใช้คำว่า "พวก Type C" ถูกมองว่าเหยียดเชื้อชาติจีนในมาเลเซีย ทางร้านขอโทษและยืนยันว่ายินดีต้อนรับลูกค้าทุกเชื้อชาติและศาสนา

    มิ.ย. 2567 - เจ้าของร้านขายของชำย่านเซเบอรัง จายา รัฐปีนัง กำราบลูกค้าขี้เมาด้วยคำว่า "One by One Gentleman" ภายหลังพบว่าเจ้าของร้านเคยเป็นครูสอนเทควันโดสายดำมาก่อน ส่วนลูกค้าขี้เมาก็กล่าวว่าตนเองเคยเป็นนักคาราเต้สายดำ

    ก.ค. 2567 - เครื่องแต่งกายนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย ที่จะไปแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ถูกวิจารณ์ว่าดีไซน์น่าเกลียด ดูราคาถูก ล้าสมัย และไร้แรงบันดาลใจ ทำให้สภาโอลิมปิกมาเลเซีย ตัดสินใจทำเสื้อแจ็กเก็ตลายใหม่เพื่อลดเสียงวิจารณ์

    ส.ค. 2567 - ขบวนพาเหรดเนื่องในวันชาติมาเลเซีย 2024 ผู้คนให้ความสนใจผู้ชายในเครื่องแบบที่เรียกว่า Abang ปีนี้แข่งกันระหว่าง Abang Bomba ของดับเพลิงและกู้ภัย Abang JPJ ของกรมขนส่งทางบก และ Abang Askar จากกองทัพมาเลเซีย

    #Newskit #Viral #Malaysia
    ส่องไวรัลมาเลเซีย 2024 เฟซบุ๊กเพจ MGAG ในมาเลเซียเปิดเผยอินโฟกราฟิกที่ชื่อว่า "2024 Malaysia Meme Calender" รวบรวมประเด็นไวรัลเด่นที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนของประเทศมาเลเซีย จากการสืบค้นของ Newskit พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจดังนี้ ม.ค. 2567 - Derrick Gan แฟนบอลทีมชาติมาเลเซีย ประกาศขายรถจักรยานยนต์ 4,500 ริงกิต (ประมาณ 34,000 บาท) เพื่อใช้เดินทางไปเชียร์ฟุตบอลเอเชียนคัพ ที่ประเทศกาตาร์ หลังกลับมา ค่าย Modenas มอบรถจักรยานยนต์คันใหม่ให้เขา ก.พ. 2567 - คลิปหญิงวัย 23 ปีจากอัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าไปเที่ยวไนต์คลับตั้งแต่อายุ 18 ปี กลับบ้านกับผู้ชายถึงสองครั้ง ถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ภายหลังอ้างว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น คลิปดังกล่าวมีจุดประสงค์ทางการตลาดเท่านั้น มี.ค. 2567 - ชายชาวจีนที่อาศัยในมาเลเซีย เจ้าของร้านอาหารหมี่โกโล แต่งงานพร้อมกันกับภรรยา 2 คน ที่ทำงานในร้านเดียวกัน ที่เมืองกุชิง รัฐซาราวัก รัฐมนตรีวิจารณ์ว่าผู้ที่มิใช่ชาวมุสลิม ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว ไม่สามารถมีคู่สมรสหลายคนได้ เม.ย. 2567 - Aliff Aziz นักร้องและนักแสดงชาวสิงคโปร์ ถูกกรมกิจการอิสลาม (JAWI) จับกุมพร้อมกับ Ruhainies Farehah นักแสดงสาว ขณะที่อดีตภรรยา Bella Astillah ชี้ว่า Aliff โกหกเรื่องเมียน้อยถึง 11 ครั้ง ยื่นฟ้องหย่าเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา พ.ค. 2567 - แอดมินเพจร้านอาหารฟาสฟู้ด DarSA Fried Chicken (DFC) ในเมืองราวัง รัฐสลังงอร์ ตอบกลับลูกค้าใช้คำว่า "พวก Type C" ถูกมองว่าเหยียดเชื้อชาติจีนในมาเลเซีย ทางร้านขอโทษและยืนยันว่ายินดีต้อนรับลูกค้าทุกเชื้อชาติและศาสนา มิ.ย. 2567 - เจ้าของร้านขายของชำย่านเซเบอรัง จายา รัฐปีนัง กำราบลูกค้าขี้เมาด้วยคำว่า "One by One Gentleman" ภายหลังพบว่าเจ้าของร้านเคยเป็นครูสอนเทควันโดสายดำมาก่อน ส่วนลูกค้าขี้เมาก็กล่าวว่าตนเองเคยเป็นนักคาราเต้สายดำ ก.ค. 2567 - เครื่องแต่งกายนักกีฬาทีมชาติมาเลเซีย ที่จะไปแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ถูกวิจารณ์ว่าดีไซน์น่าเกลียด ดูราคาถูก ล้าสมัย และไร้แรงบันดาลใจ ทำให้สภาโอลิมปิกมาเลเซีย ตัดสินใจทำเสื้อแจ็กเก็ตลายใหม่เพื่อลดเสียงวิจารณ์ ส.ค. 2567 - ขบวนพาเหรดเนื่องในวันชาติมาเลเซีย 2024 ผู้คนให้ความสนใจผู้ชายในเครื่องแบบที่เรียกว่า Abang ปีนี้แข่งกันระหว่าง Abang Bomba ของดับเพลิงและกู้ภัย Abang JPJ ของกรมขนส่งทางบก และ Abang Askar จากกองทัพมาเลเซีย #Newskit #Viral #Malaysia
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 954 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินโฟนกราฟฟิกครับ
    อินโฟนกราฟฟิกครับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • อินโฟนกราฟิกงานขอผมเองคับบ
    อินโฟนกราฟิกงานขอผมเองคับบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทดสอบพื้นที่โฆษณา #Newskit ขนาด 1820 x 450 Pixel บริเวณด้านล่างของอินโฟกราฟิก แต่ยังไม่มีโฆษณาเข้าหรอก ใส่แบนเนอร์ #Thaitimes ไปก่อน
    ทดสอบพื้นที่โฆษณา #Newskit ขนาด 1820 x 450 Pixel บริเวณด้านล่างของอินโฟกราฟิก แต่ยังไม่มีโฆษณาเข้าหรอก ใส่แบนเนอร์ #Thaitimes ไปก่อน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 รีวิว
  • (Ch024.057) : เดี๋ยวถามพ่อก่อน

    อยู่มาวันหนึ่งสัตว์ก็ขับไล่คนออกไปจากฟาร์มได้สำเร็จ
    และตั้งกฎขึ้นมาใหม่

    1.อะไรที่เดินด้วยสองขาคือศัตรู
    และมีกฎอีกหลายข้อ

    ผมจำได้ว่าเจอชื่อหนังสือเล่มนี้ในหิ้งหนังสือของพ่อ แต่หน้าปกเป็นรูปวาดด้วยมือของกราฟฟิกยุคเก่าสมัยก่อน

    จะกี่ปีผ่านไปเนื้อหาและการสื่อความยังร่วมสมัย

    ไม่ต้องรอถามพ่อ
    (Ch024.057) : เดี๋ยวถามพ่อก่อน อยู่มาวันหนึ่งสัตว์ก็ขับไล่คนออกไปจากฟาร์มได้สำเร็จ และตั้งกฎขึ้นมาใหม่ 1.อะไรที่เดินด้วยสองขาคือศัตรู และมีกฎอีกหลายข้อ ผมจำได้ว่าเจอชื่อหนังสือเล่มนี้ในหิ้งหนังสือของพ่อ แต่หน้าปกเป็นรูปวาดด้วยมือของกราฟฟิกยุคเก่าสมัยก่อน จะกี่ปีผ่านไปเนื้อหาและการสื่อความยังร่วมสมัย ไม่ต้องรอถามพ่อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรับดีไซน์ #Newskit รอบใหม่ เปลี่ยนขนาดภาพกราฟิก ให้มีมิติคล้ายหนังสือพิมพ์แทบลอยด์มากขึ้น ใช้พื้นหลังเป็นลายกระดาษหนังสือพิมพ์จริงๆ (ย้อมสีขาวดำ) พร้อมเปลี่ยน Timestamp เป็นภาษาไทย และเปลี่ยนสโลแกนเป็นภาษาไทยบนโลโก้ ชอบไม่ชอบอย่างไรติชมกันมาได้นะครับ
    ปรับดีไซน์ #Newskit รอบใหม่ เปลี่ยนขนาดภาพกราฟิก ให้มีมิติคล้ายหนังสือพิมพ์แทบลอยด์มากขึ้น ใช้พื้นหลังเป็นลายกระดาษหนังสือพิมพ์จริงๆ (ย้อมสีขาวดำ) พร้อมเปลี่ยน Timestamp เป็นภาษาไทย และเปลี่ยนสโลแกนเป็นภาษาไทยบนโลโก้ ชอบไม่ชอบอย่างไรติชมกันมาได้นะครับ
    BRT เก่าไปใหม่มา จาก NGV สู่รถบัส EV

    เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย. 2567 รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที (BRT) สายสาทร-ราชพฤกษ์ ใช้รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นวันแรก ทดแทนรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่ให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2553 ยาวนานถึง 14 ปี โดยเดินรถวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ก่อนนำรถโดยสารคันเก่าจำนวน 15 คัน ไปไว้ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงและควบคุมส่วนกลาง สายสะพานใหม่-คูคต เป็นการชั่วคราว เพื่อรอการปลดระวางต่อไป

    รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที BRT-EV โฉมใหม่ เป็นพื้นชานต่ำ มีที่นั่งรวม 30 ที่นั่ง ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีประตูขึ้น-ลงบริเวณตอนกลางของรถทั้งสองฝั่ง พร้อมทางลาดสำหรับรถเข็นผู้พิการ หรือวีลแชร์ พร้อมติดตั้งกล้องซีซีทีวี 5 ตัว ติดตั้งระบบ GPS พร้อมหน้าจอแสดงตำแหน่งแบบเรียลไทม์ภายในรถ และประตูทางออกฉุกเฉิน ส่วนระบบเก็บค่าโดยสาร ปรับมาใช้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติบนรถ แทนการซื้อตั๋วที่สถานี รับชำระผ่านบัตรแรบบิทหรือสแกน QR Code

    สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (สจส.กทม.) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี (BTSC) ให้บริการฟรีตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ถึง 31 ต.ค. 2567 เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มจุดรับ-ส่งผู้โดยสารเพิ่มเติมอีก 2 สถานี ได้แก่ สถานีถนนจันทน์เหนือ และสถานีถนนจันทน์ใต้ รวมจุดจอดทั้งหมด 14 สถานี สำหรับค่าโดยสาร กทม.จะเป็นผู้กำหนด เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นไปในลักษณะจ้างเอกชนเดินรถ

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. บีทีเอสซี ชนะการประกวดราคาจ้างโครงการพัฒนาระบบการเดินรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) ด้วยวิธีประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของ กทม. เสนอราคาต่ำสุด วงเงิน 465 ล้านบาท โดยสัญญามีอายุ 5 ปี ระหว่างปี 2567-2572 จากนั้นได้สั่งซื้อรถโดยสารจากบริษัท อรุณพลัส จำกัด บริษัทย่อยของกลุ่ม ปตท. จำนวน 23 คัน โดยให้บริษัท เชิดชัย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผลิตตัวถังรถโดยสารที่โรงงานในจังหวัดนครราชสีมา

    สำหรับโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษบีอาร์ที (BRT หรือ Bus Rapid Transit) กทม.เริ่มดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2550 มีระยะทาง 15.9 กิโลเมตร แนวเส้นทางเริ่มจากสถานีสาทร บริเวณแยกสาทร-นราธิวาสฯ ไปตามถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ถึงแยกพระรามที่ 3-นราธิวาสฯ เลี้ยวขวาไปตามถนนพระรามที่ 3 ขึ้นสะพานพระราม 3 ไปตามถนนรัชดาภิเษก สิ้นสุดที่สถานีราชพฤกษ์ บริเวณแยกรัชดาฯ-ตลาดพลู โดยมีช่องทางการเดินรถแยกจากช่องทางปกติควบคู่กับระบบขนส่งอัจฉริยะ

    โครงการนี้เกิดขึ้นในสมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ได้เดินรถในสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 2,078.47 ล้านบาท

    ที่ผ่านมา กทม. ว่าจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที (KT) วิสาหกิจของ กทม. ให้เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยได้ให้สิทธิเอกชน คือ บีทีเอสซี เป็นผู้เดินรถ รายได้จากค่าโดยสารนำส่ง กทม. ทั้งหมด และ กทม. สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่โครงการฯ เมื่อสิ้นสุดสัญญาจึงมอบหมายให้เคทีเป็นผู้ดำเนินการโครงการ ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2560 ถึง 31 ส.ค. 2566 โดยข้อมูล ณ เดือน มิ.ย. 2566 มีปริมาณผู้โดยสารรวม 258,415 เที่ยว-คน

    อย่างไรก็ตาม การให้บริการรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ที่ผ่านมาขาดทุนสะสมต่อเนื่องปีละ 200 ล้านบาท เพราะผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 25,000 คน ส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนที่ได้รับสิทธิใช้บริการฟรี และผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิลดหย่อนค่าโดยสาร ทำให้การให้บริการไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังมีรถบางคันเข้ามาวิ่งในเลนรถด่วนพิเศษ จึงใช้เวลาเดินทางไม่ต่างกับรถโดยสารธรรมดา ทำให้ครั้งหนึ่ง กทม. เคยประกาศยกเลิกโครงการเมื่อปี 2560 แต่มีเสียงคัดค้าน ต้องเลื่อนแผนการยกเลิกโครงการฯ ออกไป

    ถึงยุคนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พบว่าจำนวนผู้โดยสารลดลงเหลือเฉลี่ยวันละ 900-1,000 คน และสัญญาได้หมดลงในวันที่ 31 ส.ค. 2566 จึงให้เดินรถต่อไปก่อนโดยไม่คิดค่าโดยสาร และให้ สจส.กทม. เป็นผู้ดำเนินการเองแทนเคที กระทั่งจัดการประมูลด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณ 478,932,000 บาท สัญญาจ้าง 5 ปี มีเอกชนซื้อซองข้อเสนอจำนวน 2 ราย ได้แก่ บีทีเอสซี และบริษัท ไทยสมาล์บัส จำกัด หรือทีเอสบี กระทั่งบีทีเอสซีชนะประมูลในที่สุด

    #Newskit #BRTEV #รถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากคอลัมน์ มันเป็นเช่นนั้นเอง โดยทับทิม พญาไท ในผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2567

    “สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ลักษณะภายนอก อาจดูผิดแผก แตกต่างไปจากทั้งสองแนวรบอยู่มั่ง แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงไส้ในความร้อนเร่า ร้อนผ่าวๆ หรือ “ความไวไฟ” ก็ไม่น่าจะผิดไปจากกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมองถึงการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan”

    เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา (27-29 ส.ค.) เพราะการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงอเมริกันรายนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...อาจต่างไปจากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนประเทศแต่ละประเทศตามปกติธรรมดา หรือตามขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่วๆ ไป แต่ถือเป็นการเดินทางไปเยือนตาม “คำเชื้อเชิญ” ของคณะกรรมการกลางและโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อให้มีโอกาส “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน” ดังที่บทบรรณาธิการ “Global Times” เขาว่าเอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นแหละทั่น...

    และการพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะเจรจาของ 2 มหาอำนาจในคราวนี้...อาจแทบไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์คิดค้นคำพูดประเภทสวยๆ หรูๆ แบบพวกนักการทูตที่ชอบวกไป-วนมาแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการพูดคุยสื่อสารแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” (military-to-military communications) อะไรประมาณนั้น โดยผลสรุปของการพูดคุยเจรจา ถ้าฟังจากคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน หรือจากคำประกาศของตัวแทนฝ่ายจีน อย่างรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง “พลเอกZhang Youxia” ต้องเรียกว่า...เผลอๆอาจต้อง “หรี่แอร์” ในระหว่างการประชุมหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะออกจะเป็นอะไรที่ “หนาวว์ว์ว์ยะเยือก” อยู่พอสมควรทีเดียว หรืออย่างที่สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักเขาถึงกับหยิบไปพาดหัวไว้ว่า...ปักกิ่งแสดงความต้องการที่จะให้วอชิงตัน “หยุดสมคบคิดทางทหาร” กับไต้หวัน เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

    คือ “พลเอกZhang Youxia” รายที่ว่านี้...แม้ว่าโดยฐานะ ตำแหน่ง จะเป็นแค่ “รองประธาน” ของคณะกรรมาธิการกลางทางทหารกองทัพจีนก็เถอะ แต่โดยความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำสูงสุดของจีน อย่างประธานาธิบดี “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” นั้นว่ากันว่าสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งคู่ และนอกจากเคยผ่านศึกสมรภูมิสงครามอย่าง “สงครามสั่งสอนเวียดนาม” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1979 แล้ว ยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้คำพูด คำจาในแต่ละวรรค แต่ละประโยค ของบุคคลผู้นี้ คงต้อง “ฟัง” และฟังแบบต้อง “ได้ยิน” อีกต่างหาก โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ปมประเด็นปัญหาไต้หวันอันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยกได้นั้น ถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเป็นหมายเลขหนึ่งของ...เส้นตาย (Red Line) ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจีนจะพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด แต่ก็ต้องขอเตือนเอาไว้ด้วยว่า...สิ่งเหล่านี้อาจเป็นไปไม่ได้ถ้าหากยังมีความพยายามแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน!!!”

    นี่...ฟังแล้วต้องหรี่แอร์-ไม่หรี่แอร์ คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน ยิ่งเป็นคำพูดระหว่าง “ทหาร-ต่อ-ทหาร” ไม่ใช่คำพูดหวานๆ แบบบรรดานักการทูตทั้งหลาย ก็คงต้องคิดหน้า-คิดหลังยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อรองประธานคณะกรรมาธิการทหารรายนี้ได้เน้นย้ำไว้ด้วยว่า “อเมริกาควรจะมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในมุมมองที่มีต่อจีน และควรที่จะกลับมาสู่ความมีเหตุมีผลและนโยบายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อประเทศของเรา เคารพในผลประโยชน์หลักของจีนในทางปฏิบัติและพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ร่วมกันแบกรับภาระความรับผิดชอบในฐานะประเทศมหาอำนาจ” อันถือเป็นคำพูดที่สอดคล้องต้องกันกับผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่บอกกับ “นายJake Sullivan” เอาไว้ก่อนหน้านั้นประมาณว่า... “จีนและสหรัฐฯ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ต่อประชาชนและต่อโลก” อีกด้วย...

    ดังนั้น...คำพูดที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวได้รับฟังแบบชนิดเต็มรูหู ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 11 ชั่วโมงในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ ประมาณ 6 วาระ ระหว่างวันอังคารที่ 27 และพุธที่ 28 ส.ค. ถ้าหากจะสรุปย่อๆ แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ตามสำบัดสำนวนของ “พลเอกZhang Youxia” ก็คือ... “หยุดสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน-หยุดติดอาวุธ-หยุดสร้างข่าวลือแบบผิดๆ” หรือเลิกกระตุ้น เลิกยุแยงตะแคงรั่ว ให้เกิดความคิดความทะเยอทะยานของบรรดาชาวไต้หวันบางกลุ่ม-บางราย ที่จะแยกไต้หวันออกจากจีนโดยเด็ดขาด!!!

    ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้การพบปะระหว่างที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวกับฝ่ายจีนคราวนี้ ในสายตานักคิด-นักเขียนและนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ อย่าง “K.J. Noh” ถึงได้สรุปว่า นี่ไม่ใช่การพบปะเพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือปรับปรุงความสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป แต่ถือเป็นการตอกย้ำ “ข้อสงสัย” ของจีนต่อบทบาทของอเมริการในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ควรจะต้องเป็นไปตาม “ข้อตกลงที่บาหลี” (Bali Agreement) หรือระหว่างการประชุมสุดยอดของผู้นำจีนและผู้นำอเมริกันที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2023 นั่นก็คือข้อห้าม 5 ข้อ (Five Nos) ที่อเมริกาเคยสัญญิง-สัญญาไว้กับจีนว่าไม่คิดจะก่อสงครามเย็น-สงครามร้อน-ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบปกครองจีน-ไม่ขัดขวางกิจกรรมของกันและกันและไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน...

    ดังนั้น...การที่คุณพ่ออเมริกายังไม่หยุดขายอาวุธไม่รู้จะกี่ต่อกี่พันล้าน-หมื่นล้านให้กับไต้หวัน ยังเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันและที่ปรึกษาความมั่นคง ดอดเข้าไป “ประชุมลับ” กับอเมริกากันถึงที่ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแถมยังพยายามหันไปสร้าง “ดาวยั่วดวงใหม่”

    อย่างฟิลิปปินส์ ชนิดถึงกับยอมทุ่มเทเงินทองถึง 1.894 ล้านล้านเปโซ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท (33,740 ล้านดอลลาร์) เพื่อซื้ออาวุธ ซื้อเครื่องบินโจมตีมารับมือกับจีน โดยยังไม่นับรวมไปถึงการคิดจะนำเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของอเมริกามาติดตั้งไว้ในฟิลิปปินส์อีกต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่น่าจะทำให้ “แนวรบในทะเลจีนใต้” นับแต่นี้ น่าจะยิ่งร้อนเร่า ร้อนแรง ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกอย่างจีน ไม่ได้คิดจะเอาแต่ลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันแบบแต่ก่อน แต่กล้าที่จะพูดจาแบบตรงไป-ตรงมา หรือแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” กับอเมริกา ให้ต้อง “ฟัง...แล้วได้ยิน” อย่างมิอาจเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ได้อีกต่อไป...

    อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ “แนวรบ” ทุกแนวรบ กลายเป็นสิ่งที่สอดประสานซึ่งกันและกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางและทะเลจีนใต้ ที่ได้กลายเป็นตัวสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย ที่เพียงแค่เจอกับรัสเซียในแนวรบยุโรปตะวันออกเท่านั้นก็แทบ “ไปไม่เป็น” กันไปทั้งแผง ไม่ใช่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” อย่างเยอรมนีเท่านั้น ที่ต้องออกมาสารภาพว่าชักจะ “บ่อจี๊” ไม่เหลือเงิน-เหลือทองพอที่จะไปช่วย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนได้อีกต่อไปแล้ว แต่กระทั่งโปแลนด์ที่อยู่หน้าปากประตูบ้านของรัสเซีย เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ก็ยังต้องออกมาสารภาพว่าแทบไม่เหลืออาวุธที่จะส่งไปให้ยูเครนอีกต่อไป ส่วนในแนวรบตะวันออกกลาง การตระเตรียมรับมือกับ “สงครามใหญ่” อันอาจเกิดจากการแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่าน ถึงกับทำให้เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำของอเมริกาไม่สามารถถอนสมอไปไหน-มาไหนได้อีก แถมจรวดราคาลูกละเป็นล้านๆ ดอลลาร์ที่ต้องเอาไว้สกัดกั้นจรวดหรือเครื่องบินโดรนราคาถูกๆ ของพวกนักรบเยเมนอย่าง “กบฏฮูตี” ก็ชักจะร่อยหรอแทบไม่เหลือติดคลังเอาไว้เลยก็ว่าได้...

    ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากต้องมาเจอกับแนวรบอีกแนวรบ นั่นคือแนวรบทะเลจีนใต้ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งบรรดาพันธมิตรในโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ต่างก็ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้นจะยังคงยืนหยัด ยืนยัน ถึงความเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไม่ยอมเปิดโอกาส ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงว่าโลกทุกวันนี้ ได้กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงเป็นได้แค่คำคุยโม้ คุยโต ไปวันๆ เท่านั้นเอง!!!”

    ที่มา : คอลัมน์มันเป็นเช่นนั้นเอง/ทับทิม พญาไท
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000080996

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากคอลัมน์ มันเป็นเช่นนั้นเอง โดยทับทิม พญาไท ในผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2567 “สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ลักษณะภายนอก อาจดูผิดแผก แตกต่างไปจากทั้งสองแนวรบอยู่มั่ง แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงไส้ในความร้อนเร่า ร้อนผ่าวๆ หรือ “ความไวไฟ” ก็ไม่น่าจะผิดไปจากกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมองถึงการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา (27-29 ส.ค.) เพราะการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงอเมริกันรายนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...อาจต่างไปจากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนประเทศแต่ละประเทศตามปกติธรรมดา หรือตามขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่วๆ ไป แต่ถือเป็นการเดินทางไปเยือนตาม “คำเชื้อเชิญ” ของคณะกรรมการกลางและโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อให้มีโอกาส “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน” ดังที่บทบรรณาธิการ “Global Times” เขาว่าเอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นแหละทั่น... และการพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะเจรจาของ 2 มหาอำนาจในคราวนี้...อาจแทบไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์คิดค้นคำพูดประเภทสวยๆ หรูๆ แบบพวกนักการทูตที่ชอบวกไป-วนมาแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการพูดคุยสื่อสารแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” (military-to-military communications) อะไรประมาณนั้น โดยผลสรุปของการพูดคุยเจรจา ถ้าฟังจากคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน หรือจากคำประกาศของตัวแทนฝ่ายจีน อย่างรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง “พลเอกZhang Youxia” ต้องเรียกว่า...เผลอๆอาจต้อง “หรี่แอร์” ในระหว่างการประชุมหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะออกจะเป็นอะไรที่ “หนาวว์ว์ว์ยะเยือก” อยู่พอสมควรทีเดียว หรืออย่างที่สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักเขาถึงกับหยิบไปพาดหัวไว้ว่า...ปักกิ่งแสดงความต้องการที่จะให้วอชิงตัน “หยุดสมคบคิดทางทหาร” กับไต้หวัน เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! คือ “พลเอกZhang Youxia” รายที่ว่านี้...แม้ว่าโดยฐานะ ตำแหน่ง จะเป็นแค่ “รองประธาน” ของคณะกรรมาธิการกลางทางทหารกองทัพจีนก็เถอะ แต่โดยความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำสูงสุดของจีน อย่างประธานาธิบดี “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” นั้นว่ากันว่าสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งคู่ และนอกจากเคยผ่านศึกสมรภูมิสงครามอย่าง “สงครามสั่งสอนเวียดนาม” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1979 แล้ว ยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้คำพูด คำจาในแต่ละวรรค แต่ละประโยค ของบุคคลผู้นี้ คงต้อง “ฟัง” และฟังแบบต้อง “ได้ยิน” อีกต่างหาก โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ปมประเด็นปัญหาไต้หวันอันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยกได้นั้น ถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเป็นหมายเลขหนึ่งของ...เส้นตาย (Red Line) ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจีนจะพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด แต่ก็ต้องขอเตือนเอาไว้ด้วยว่า...สิ่งเหล่านี้อาจเป็นไปไม่ได้ถ้าหากยังมีความพยายามแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน!!!” นี่...ฟังแล้วต้องหรี่แอร์-ไม่หรี่แอร์ คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน ยิ่งเป็นคำพูดระหว่าง “ทหาร-ต่อ-ทหาร” ไม่ใช่คำพูดหวานๆ แบบบรรดานักการทูตทั้งหลาย ก็คงต้องคิดหน้า-คิดหลังยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อรองประธานคณะกรรมาธิการทหารรายนี้ได้เน้นย้ำไว้ด้วยว่า “อเมริกาควรจะมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในมุมมองที่มีต่อจีน และควรที่จะกลับมาสู่ความมีเหตุมีผลและนโยบายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อประเทศของเรา เคารพในผลประโยชน์หลักของจีนในทางปฏิบัติและพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ร่วมกันแบกรับภาระความรับผิดชอบในฐานะประเทศมหาอำนาจ” อันถือเป็นคำพูดที่สอดคล้องต้องกันกับผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่บอกกับ “นายJake Sullivan” เอาไว้ก่อนหน้านั้นประมาณว่า... “จีนและสหรัฐฯ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ต่อประชาชนและต่อโลก” อีกด้วย... ดังนั้น...คำพูดที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวได้รับฟังแบบชนิดเต็มรูหู ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 11 ชั่วโมงในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ ประมาณ 6 วาระ ระหว่างวันอังคารที่ 27 และพุธที่ 28 ส.ค. ถ้าหากจะสรุปย่อๆ แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ตามสำบัดสำนวนของ “พลเอกZhang Youxia” ก็คือ... “หยุดสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน-หยุดติดอาวุธ-หยุดสร้างข่าวลือแบบผิดๆ” หรือเลิกกระตุ้น เลิกยุแยงตะแคงรั่ว ให้เกิดความคิดความทะเยอทะยานของบรรดาชาวไต้หวันบางกลุ่ม-บางราย ที่จะแยกไต้หวันออกจากจีนโดยเด็ดขาด!!! ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้การพบปะระหว่างที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวกับฝ่ายจีนคราวนี้ ในสายตานักคิด-นักเขียนและนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ อย่าง “K.J. Noh” ถึงได้สรุปว่า นี่ไม่ใช่การพบปะเพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือปรับปรุงความสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป แต่ถือเป็นการตอกย้ำ “ข้อสงสัย” ของจีนต่อบทบาทของอเมริการในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ควรจะต้องเป็นไปตาม “ข้อตกลงที่บาหลี” (Bali Agreement) หรือระหว่างการประชุมสุดยอดของผู้นำจีนและผู้นำอเมริกันที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2023 นั่นก็คือข้อห้าม 5 ข้อ (Five Nos) ที่อเมริกาเคยสัญญิง-สัญญาไว้กับจีนว่าไม่คิดจะก่อสงครามเย็น-สงครามร้อน-ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบปกครองจีน-ไม่ขัดขวางกิจกรรมของกันและกันและไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน... ดังนั้น...การที่คุณพ่ออเมริกายังไม่หยุดขายอาวุธไม่รู้จะกี่ต่อกี่พันล้าน-หมื่นล้านให้กับไต้หวัน ยังเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันและที่ปรึกษาความมั่นคง ดอดเข้าไป “ประชุมลับ” กับอเมริกากันถึงที่ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแถมยังพยายามหันไปสร้าง “ดาวยั่วดวงใหม่” อย่างฟิลิปปินส์ ชนิดถึงกับยอมทุ่มเทเงินทองถึง 1.894 ล้านล้านเปโซ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท (33,740 ล้านดอลลาร์) เพื่อซื้ออาวุธ ซื้อเครื่องบินโจมตีมารับมือกับจีน โดยยังไม่นับรวมไปถึงการคิดจะนำเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของอเมริกามาติดตั้งไว้ในฟิลิปปินส์อีกต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่น่าจะทำให้ “แนวรบในทะเลจีนใต้” นับแต่นี้ น่าจะยิ่งร้อนเร่า ร้อนแรง ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกอย่างจีน ไม่ได้คิดจะเอาแต่ลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันแบบแต่ก่อน แต่กล้าที่จะพูดจาแบบตรงไป-ตรงมา หรือแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” กับอเมริกา ให้ต้อง “ฟัง...แล้วได้ยิน” อย่างมิอาจเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ได้อีกต่อไป... อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ “แนวรบ” ทุกแนวรบ กลายเป็นสิ่งที่สอดประสานซึ่งกันและกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางและทะเลจีนใต้ ที่ได้กลายเป็นตัวสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย ที่เพียงแค่เจอกับรัสเซียในแนวรบยุโรปตะวันออกเท่านั้นก็แทบ “ไปไม่เป็น” กันไปทั้งแผง ไม่ใช่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” อย่างเยอรมนีเท่านั้น ที่ต้องออกมาสารภาพว่าชักจะ “บ่อจี๊” ไม่เหลือเงิน-เหลือทองพอที่จะไปช่วย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนได้อีกต่อไปแล้ว แต่กระทั่งโปแลนด์ที่อยู่หน้าปากประตูบ้านของรัสเซีย เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ก็ยังต้องออกมาสารภาพว่าแทบไม่เหลืออาวุธที่จะส่งไปให้ยูเครนอีกต่อไป ส่วนในแนวรบตะวันออกกลาง การตระเตรียมรับมือกับ “สงครามใหญ่” อันอาจเกิดจากการแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่าน ถึงกับทำให้เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำของอเมริกาไม่สามารถถอนสมอไปไหน-มาไหนได้อีก แถมจรวดราคาลูกละเป็นล้านๆ ดอลลาร์ที่ต้องเอาไว้สกัดกั้นจรวดหรือเครื่องบินโดรนราคาถูกๆ ของพวกนักรบเยเมนอย่าง “กบฏฮูตี” ก็ชักจะร่อยหรอแทบไม่เหลือติดคลังเอาไว้เลยก็ว่าได้... ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากต้องมาเจอกับแนวรบอีกแนวรบ นั่นคือแนวรบทะเลจีนใต้ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งบรรดาพันธมิตรในโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ต่างก็ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้นจะยังคงยืนหยัด ยืนยัน ถึงความเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไม่ยอมเปิดโอกาส ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงว่าโลกทุกวันนี้ ได้กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงเป็นได้แค่คำคุยโม้ คุยโต ไปวันๆ เท่านั้นเอง!!!” ที่มา : คอลัมน์มันเป็นเช่นนั้นเอง/ทับทิม พญาไท https://mgronline.com/daily/detail/9670000080996 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    สมรภูมิใหม่...ในแนวรบทะเลจีนใต้???
    เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตชวนไปแวะดู “แนวรบทะเลจีนใต้” เป็นการเฉพาะ เพราะสำหรับแนวรบอีก 2 แนวคือยุโรปตะวันออกกับตะวันออกกลางนั้น แทบไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์เจาะลึกอะไรกันมาก ด้วยเหตุเพราะโดยสภาพ
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 887 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อบอก AI ให้สร้างกราฟิก ที่คิดว่า คนเห็น จะต้องยิ้ม
    เมื่อบอก AI ให้สร้างกราฟิก ที่คิดว่า คนเห็น จะต้องยิ้ม
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 1 รีวิว
  • ปล่อยตัว เจสสิก้า วองโซ ทันฑ์บนคดีกาแฟไซยาไนด์

    ข่าวใหญ่ในอินโดนีเซียเวลานี้ คือ ผู้ต้องขังคดีฆาตกรรม เจสสิก้า วองโซ (Jessica Wongso) นักออกแบบกราฟิก ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 หลังกรมราชทัณฑ์อินโดนีเซียประเมินว่าเป็นผู้คุมขังที่มีความประพฤติดี จึงได้รับการผ่อนผันการลงโทษ โดยได้รับโทษรวม 58 เดือน 30 วัน หรือประมาณ 4 ปี 11 เดือน

    เจสสิก้าได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำปอนดกบัมบู เมืองจาการ์ตาตะวันออก โดยมี อ็อตโต้ ฮาซิบวน (Otto Hasibuan) ทนายความเป็นผู้มารับ โดยได้ทักทายกับกองทัพสื่อมวลชน และกล่าวว่า ตนหิว อยากกินซูชิและเครื่องดื่มเย็นๆ

    โฆษกกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมของอินโดนีเซีย เดดดี้ เอ็ดวาร์ เอกา ซาปูตรา (Deddy Eduar Eka Saputra) ระบุว่า ระหว่างที่ถูกคุมขัง เจสสิก้าได้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ดีตามระบบคะแนนของผู้ต้องขัง จึงได้รับโทษทัณฑ์บน ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2575 แต่ระหว่างนั้นจะต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เป็นประจำ

    เจสสิก้าถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรม หลังจากเพื่อนสนิท วายัน มิร์นา ซาลิอิน (Wayan Mirna Salihin) ดื่มกาแฟเวียดนามเย็น ระหว่างพบกับเพื่อนๆ ที่ร้านโอลิเวอร์คาเฟ่ ภายในศูนย์การค้าแกรนด์อินโดนีเซีย กรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2559 ก่อนที่มิร์นาจะมีอาการชักและหมดสติ เสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล

    คดีนี้ตำรวจระบุว่า พบสารไซยาไนด์ในกาแฟที่มิร์นาดื่ม และเจสสิก้าตกเป็นผู้ต้องสงสัย กระทั่งถูกตำรวจควบคุมตัวเจสสิก้าเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ต่อมาวันที่ 21 มิถุนายน 2560 ศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 20 ปี และส่งตัวไปยังเรือนจำ แม้ฝ่ายของเจสสิก้าจะยื่นคำอุทธรณ์ แต่ศาลชั้นสูงได้ปฏิเสธคำอุทธรณ์ดังกล่าว

    เรื่องดังกล่าวเป็นคดีฆาตกรรมที่โด่งดังในปี 2559 สื่อมวลชนรายงานข่าวคดีนี้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งการพิพากษาคดีได้รับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และมีผู้ชมนับล้านคน หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์ รายงานว่า ตามคำฟ้อง ผู้พิพากษาสรุปว่าเจสสิกาฆ่ามิร์นาเพื่อแก้แค้น ที่ก่อนหน้านี้มิร์นาบอกให้เจสสิกาเลิกกับ แพทริก โอคอนเนอร์ อดีตแฟนหนุ่มชาวออสเตรเลียของเธอ

    เรื่องราวระหว่างเจสสิก้าและมิร์นาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Ice Cold: Murder, Coffee and Jessica Wongso ผลิตโดย Beach House Pictures ออกอากาศผ่านเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเนื้อหาที่ยั่วยุและทำให้เกิดความวุ่นวาย เพราะวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของอินโดนีเซีย

    ขณะที่ทนายความอีกคนหนึ่งของเจสสิก้าอย่าง ฮิดายัต บอสตัม (Hidayat Bostam) กล่าวกับสำนักข่าวจาการ์ตาโกลบ (Jakarta Globe) ว่า ทีมทนายความยังคงดำเนินการพิจารณาทบทวนการตัดสินลงโทษเจสสิกาต่อไป โดยอ้างว่ามีหลักฐานใหม่ที่อาจพลิกคำตัดสินว่ามีความผิดได้ และจะยื่นคำร้องในสัปดาห์หน้า

    #Newskit #JessicaWongso #IceColdMurder
    ปล่อยตัว เจสสิก้า วองโซ ทันฑ์บนคดีกาแฟไซยาไนด์ ข่าวใหญ่ในอินโดนีเซียเวลานี้ คือ ผู้ต้องขังคดีฆาตกรรม เจสสิก้า วองโซ (Jessica Wongso) นักออกแบบกราฟิก ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 หลังกรมราชทัณฑ์อินโดนีเซียประเมินว่าเป็นผู้คุมขังที่มีความประพฤติดี จึงได้รับการผ่อนผันการลงโทษ โดยได้รับโทษรวม 58 เดือน 30 วัน หรือประมาณ 4 ปี 11 เดือน เจสสิก้าได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำปอนดกบัมบู เมืองจาการ์ตาตะวันออก โดยมี อ็อตโต้ ฮาซิบวน (Otto Hasibuan) ทนายความเป็นผู้มารับ โดยได้ทักทายกับกองทัพสื่อมวลชน และกล่าวว่า ตนหิว อยากกินซูชิและเครื่องดื่มเย็นๆ โฆษกกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมของอินโดนีเซีย เดดดี้ เอ็ดวาร์ เอกา ซาปูตรา (Deddy Eduar Eka Saputra) ระบุว่า ระหว่างที่ถูกคุมขัง เจสสิก้าได้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ดีตามระบบคะแนนของผู้ต้องขัง จึงได้รับโทษทัณฑ์บน ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2575 แต่ระหว่างนั้นจะต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เป็นประจำ เจสสิก้าถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรม หลังจากเพื่อนสนิท วายัน มิร์นา ซาลิอิน (Wayan Mirna Salihin) ดื่มกาแฟเวียดนามเย็น ระหว่างพบกับเพื่อนๆ ที่ร้านโอลิเวอร์คาเฟ่ ภายในศูนย์การค้าแกรนด์อินโดนีเซีย กรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2559 ก่อนที่มิร์นาจะมีอาการชักและหมดสติ เสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล คดีนี้ตำรวจระบุว่า พบสารไซยาไนด์ในกาแฟที่มิร์นาดื่ม และเจสสิก้าตกเป็นผู้ต้องสงสัย กระทั่งถูกตำรวจควบคุมตัวเจสสิก้าเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ต่อมาวันที่ 21 มิถุนายน 2560 ศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 20 ปี และส่งตัวไปยังเรือนจำ แม้ฝ่ายของเจสสิก้าจะยื่นคำอุทธรณ์ แต่ศาลชั้นสูงได้ปฏิเสธคำอุทธรณ์ดังกล่าว เรื่องดังกล่าวเป็นคดีฆาตกรรมที่โด่งดังในปี 2559 สื่อมวลชนรายงานข่าวคดีนี้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งการพิพากษาคดีได้รับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และมีผู้ชมนับล้านคน หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์ รายงานว่า ตามคำฟ้อง ผู้พิพากษาสรุปว่าเจสสิกาฆ่ามิร์นาเพื่อแก้แค้น ที่ก่อนหน้านี้มิร์นาบอกให้เจสสิกาเลิกกับ แพทริก โอคอนเนอร์ อดีตแฟนหนุ่มชาวออสเตรเลียของเธอ เรื่องราวระหว่างเจสสิก้าและมิร์นาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Ice Cold: Murder, Coffee and Jessica Wongso ผลิตโดย Beach House Pictures ออกอากาศผ่านเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเนื้อหาที่ยั่วยุและทำให้เกิดความวุ่นวาย เพราะวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของอินโดนีเซีย ขณะที่ทนายความอีกคนหนึ่งของเจสสิก้าอย่าง ฮิดายัต บอสตัม (Hidayat Bostam) กล่าวกับสำนักข่าวจาการ์ตาโกลบ (Jakarta Globe) ว่า ทีมทนายความยังคงดำเนินการพิจารณาทบทวนการตัดสินลงโทษเจสสิกาต่อไป โดยอ้างว่ามีหลักฐานใหม่ที่อาจพลิกคำตัดสินว่ามีความผิดได้ และจะยื่นคำร้องในสัปดาห์หน้า #Newskit #JessicaWongso #IceColdMurder
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 890 มุมมอง 0 รีวิว
  • ออสเตรเลีย=รัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ?
    โดย นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย

    ผมได้ยินชื่อของพอล คีทติ้ง บ่อย เพราะแกเป็นอดีตหัวหน้าพรรคแรงงานของออสเตรเลีย

    สมัยก่อนตอนโน้น เคยมีผู้สมัคร สส.ของพรรคแรงงานมาพักที่บ้านเราที่กรุงเทพฯ และเล่าเรื่องของนายคีทติ้งให้พวกเราฟังบ่อย

    ช่วงที่พ่อของผมเรียนอยู่ที่ St. Arnaud High School รัฐวิคตอเรีย ตอนนั้นนายคีทติ้งดังมาก แกเป็น สส.มาตั้งแต่ ค.ศ.1969 จนถึง 1996 เปิดทีวีดูหรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็จะเจอเรื่องราวของ สส.คีทติ้ง

    ต่อมาคีทติ้งเป็นรัฐมนตรีคลัง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคแรงงาน และเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของออสเตรเลีย

    ครอบครัวผมตามการทำงานของนายคีทติ้งมานานกว่า 45 ปี ทำให้เราทราบว่านายคีทติ้งมองโลกอย่างคนที่ตกผลึกมีประสบการณ์ที่ชั่วเคยมีดีเคยผ่านมาก่อน

    ออสเตรเลียเป็นประเทศของพวกฝรั่งมังค่าผิวขาวที่มาลงหลักปักฐานในซีกโลกใต้ อยู่ใกล้กับจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศในกลุ่มอาเซียนอีกหลายแห่ง

    ดูเหมือนนายคีทติ้งมองว่าออสเตรเลียควรรักษาความสัมพันธ์กับประเทศใกล้บ้านไว้เพื่อความสุขสงบในปัจจุบันและในภายภาคหน้า

    นโยบายของสหรัฐฯคือต้องยับยั้งการเจริญเติบโตของจีนให้ได้ สหรัฐฯจึงสร้างกลุ่มขึ้นมาหลายกลุ่มเพื่อต่อต้านจีน ที่น่าสนใจคือ AUKUS หรือออคัส ซึ่งเป็นอักษรย่อจากชื่อของออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

    เป็นกติกาสัญญาความมั่นคงไตรภาคี ภายใต้กติกาออคัส สหรัฐฯและอังกฤษจะช่วยออสเตรเลียพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สำหรับการเพิ่มบทบาททางการทหารของชาติตะวันตกในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

    ในการประกาศร่วมของนายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน (ออสเตรเลีย) นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน (อังกฤษ) และประธานาธิบดีไบเดน (สหรัฐฯ) แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อว่าตั้งกลุ่มออคัสขึ้นมาเพื่อจะต่อต้านอิทธิพลของใครในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

    แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า 3 ประเทศตะวันตกมีเป้าหมายที่จะเหยียบจีน ทั้ง 3 ประเทศรอจังหวะความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันเพื่อจะใช้สร้างความชอบธรรมในการลุยกับจีน

    ออคัสยังครอบคลุมอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญญาประดิษฐ์ สงครามไซเบอร์ สมรรถนะใต้น้ำ สมรรถนะในการโจมตีระยะไกล ฯลฯ

    สหรัฐฯเข้ามาสร้างกลุ่มหลายกลุ่มในภูมิภาคนี้เพื่อเตรียมลุยกับจีน ไม่ว่าจะเป็นกติกาสัญญาแอนซัส (สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) ไฟฟ์อายส์ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตร แบ่งปันข่าวกรองระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่มีเกาหลีใต้และญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย

    มีนาคม 2023 ออสเตรเลียประกาศจะซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯจำนวน 5 ลำ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียสมัยนั้นคือ นายอัลบาเนซี ประกาศว่า ‘นี่คือการยกระดับการทหารครั้งใหญ่สุดของประเทศ’ ส่วนประธานาธิบดีไบเดนโม้ว่า ‘นี่จะทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกมีความเปิดกว้างและเสรี’

    ขณะที่นักการเมืองออสเตรเลียจำนวนหนึ่งเอาเรื่องเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่จะซื้อจากสหรัฐฯไปโม้กับประชาชน ผู้ที่อยู่กับการเมืองมายาวนานกว่า 55 ปี เป็นรัฐมนตรี รองนายกฯ และนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลานานถึง 21 ปี อย่างนายคีทติ้งกลับบอกว่า “นี่เป็นหายนะครั้งใหญ่”

    “ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่านี่เป็นความหายนะ” นายคีทติ้งพูดต่อว่า “หลายคนบอกว่าจีนต้องการครอบครองซิดนีย์และเมลเบิร์น ผมขอถามว่าเพื่ออะไร เพื่อการทหารอย่างนั้นหรือ” “นี่เป็นการเดินทางที่อันตรายและไม่จำเป็น และจะนำผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา เมื่อประเทศถูกนำไปพัวพันกับความขัดแย้งในอนาคต”

    8 สิงหาคม 2024 นายคีทติ้งให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซี นิวส์ว่า ข้อตกลงออคัสจะทำให้สหรัฐฯเข้ามาประจำการแทนที่ทหารของเรา (ออสเตรเลีย) และล้อมประเทศของเราด้วยฐานทัพ

    แคนเบอร์รา (ออสเตรเลีย) ต้องสละสิทธิ์ในการตัดสินใจนโยบายต่างประเทศและกลาโหมของตนเอง ออสเตรเลียจะสูญเสียความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์โดยสิ้นเชิง

    “นี่คือการควบคุมออสเตรเลียทางด้านการทหาร” และ “เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนออสเตรเลียให้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ”

    ผู้นำที่จัดเจนโลกอย่างคีทติ้งพยายามทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างออสเตรเลียกับประเทศอื่น (อย่างเช่นจีน) เบาลง

    แต่สหรัฐฯจะไม่มีวันยอม.

    ที่มา : เฟซบุ๊ก นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย
    https://www.facebook.com/share/p/pssHLmKwqPJRatV4/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ออสเตรเลีย=รัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ? โดย นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย ผมได้ยินชื่อของพอล คีทติ้ง บ่อย เพราะแกเป็นอดีตหัวหน้าพรรคแรงงานของออสเตรเลีย สมัยก่อนตอนโน้น เคยมีผู้สมัคร สส.ของพรรคแรงงานมาพักที่บ้านเราที่กรุงเทพฯ และเล่าเรื่องของนายคีทติ้งให้พวกเราฟังบ่อย ช่วงที่พ่อของผมเรียนอยู่ที่ St. Arnaud High School รัฐวิคตอเรีย ตอนนั้นนายคีทติ้งดังมาก แกเป็น สส.มาตั้งแต่ ค.ศ.1969 จนถึง 1996 เปิดทีวีดูหรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็จะเจอเรื่องราวของ สส.คีทติ้ง ต่อมาคีทติ้งเป็นรัฐมนตรีคลัง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคแรงงาน และเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของออสเตรเลีย ครอบครัวผมตามการทำงานของนายคีทติ้งมานานกว่า 45 ปี ทำให้เราทราบว่านายคีทติ้งมองโลกอย่างคนที่ตกผลึกมีประสบการณ์ที่ชั่วเคยมีดีเคยผ่านมาก่อน ออสเตรเลียเป็นประเทศของพวกฝรั่งมังค่าผิวขาวที่มาลงหลักปักฐานในซีกโลกใต้ อยู่ใกล้กับจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศในกลุ่มอาเซียนอีกหลายแห่ง ดูเหมือนนายคีทติ้งมองว่าออสเตรเลียควรรักษาความสัมพันธ์กับประเทศใกล้บ้านไว้เพื่อความสุขสงบในปัจจุบันและในภายภาคหน้า นโยบายของสหรัฐฯคือต้องยับยั้งการเจริญเติบโตของจีนให้ได้ สหรัฐฯจึงสร้างกลุ่มขึ้นมาหลายกลุ่มเพื่อต่อต้านจีน ที่น่าสนใจคือ AUKUS หรือออคัส ซึ่งเป็นอักษรย่อจากชื่อของออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นกติกาสัญญาความมั่นคงไตรภาคี ภายใต้กติกาออคัส สหรัฐฯและอังกฤษจะช่วยออสเตรเลียพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สำหรับการเพิ่มบทบาททางการทหารของชาติตะวันตกในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในการประกาศร่วมของนายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน (ออสเตรเลีย) นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน (อังกฤษ) และประธานาธิบดีไบเดน (สหรัฐฯ) แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อว่าตั้งกลุ่มออคัสขึ้นมาเพื่อจะต่อต้านอิทธิพลของใครในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า 3 ประเทศตะวันตกมีเป้าหมายที่จะเหยียบจีน ทั้ง 3 ประเทศรอจังหวะความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันเพื่อจะใช้สร้างความชอบธรรมในการลุยกับจีน ออคัสยังครอบคลุมอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญญาประดิษฐ์ สงครามไซเบอร์ สมรรถนะใต้น้ำ สมรรถนะในการโจมตีระยะไกล ฯลฯ สหรัฐฯเข้ามาสร้างกลุ่มหลายกลุ่มในภูมิภาคนี้เพื่อเตรียมลุยกับจีน ไม่ว่าจะเป็นกติกาสัญญาแอนซัส (สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) ไฟฟ์อายส์ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตร แบ่งปันข่าวกรองระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่มีเกาหลีใต้และญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย มีนาคม 2023 ออสเตรเลียประกาศจะซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯจำนวน 5 ลำ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียสมัยนั้นคือ นายอัลบาเนซี ประกาศว่า ‘นี่คือการยกระดับการทหารครั้งใหญ่สุดของประเทศ’ ส่วนประธานาธิบดีไบเดนโม้ว่า ‘นี่จะทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกมีความเปิดกว้างและเสรี’ ขณะที่นักการเมืองออสเตรเลียจำนวนหนึ่งเอาเรื่องเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่จะซื้อจากสหรัฐฯไปโม้กับประชาชน ผู้ที่อยู่กับการเมืองมายาวนานกว่า 55 ปี เป็นรัฐมนตรี รองนายกฯ และนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลานานถึง 21 ปี อย่างนายคีทติ้งกลับบอกว่า “นี่เป็นหายนะครั้งใหญ่” “ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่านี่เป็นความหายนะ” นายคีทติ้งพูดต่อว่า “หลายคนบอกว่าจีนต้องการครอบครองซิดนีย์และเมลเบิร์น ผมขอถามว่าเพื่ออะไร เพื่อการทหารอย่างนั้นหรือ” “นี่เป็นการเดินทางที่อันตรายและไม่จำเป็น และจะนำผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา เมื่อประเทศถูกนำไปพัวพันกับความขัดแย้งในอนาคต” 8 สิงหาคม 2024 นายคีทติ้งให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซี นิวส์ว่า ข้อตกลงออคัสจะทำให้สหรัฐฯเข้ามาประจำการแทนที่ทหารของเรา (ออสเตรเลีย) และล้อมประเทศของเราด้วยฐานทัพ แคนเบอร์รา (ออสเตรเลีย) ต้องสละสิทธิ์ในการตัดสินใจนโยบายต่างประเทศและกลาโหมของตนเอง ออสเตรเลียจะสูญเสียความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์โดยสิ้นเชิง “นี่คือการควบคุมออสเตรเลียทางด้านการทหาร” และ “เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนออสเตรเลียให้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ” ผู้นำที่จัดเจนโลกอย่างคีทติ้งพยายามทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างออสเตรเลียกับประเทศอื่น (อย่างเช่นจีน) เบาลง แต่สหรัฐฯจะไม่มีวันยอม. ที่มา : เฟซบุ๊ก นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย https://www.facebook.com/share/p/pssHLmKwqPJRatV4/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 710 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคยได้ยินคำนี้ไหม​ "ติดกระดุมเม็ด​แรกผิดมันก็จะปิดไปหมดเลย" นี่แค่เริ่มต้น​ ถ้าถูก​ตัดสินว่าผิดคดีนึงแล้ว​ มันก็จะลามไปหาอีกหลายๆคดี​ คิดว่าจบแค่นี้หรอ?
    บทเหยื่อยังมีให้คุณ​เล่นอีกยาวๆครับ🫰

    คนเรานะ​ ถ้ากล้าที่จะเข้าไปท้าทาย​ต่อสู้กับใครหรืออะไรแล้ว​ ต่อให้อยู่ในกติกา​ของเขา​ เราก็ต้องเล่นให้ชนะ​" ไม่ไช่สู้ไปร้องไป" เหมือนอะไร? คิดเอา

    พรรคการเมือง​นักการเมือง​ ที่เขาต่อสู้จนชนะ​ นักปฎิวัติ​ที่ต่อสู้​จนชนะ​ พวกเขาล้วนสู้ในกติกา​ ของเผด็จการ​และชนะจนได้โดยไม่ร้องงอแงสักคำ​
    ยกตัวอย่าง​ "เนลสัน​แมน​เด​ลา" ของอาฟฟิกาใต้​
    เช​ และ​ ฟีเดล​ ของคิวบา​ แต่พวกคุณ​มันแค่​... 😏✍️

    เลิกงอแงเมื่อไหร่​ ก็จะมีอนาคตเอง​👍
    เคยได้ยินคำนี้ไหม​ "ติดกระดุมเม็ด​แรกผิดมันก็จะปิดไปหมดเลย" นี่แค่เริ่มต้น​ ถ้าถูก​ตัดสินว่าผิดคดีนึงแล้ว​ มันก็จะลามไปหาอีกหลายๆคดี​ คิดว่าจบแค่นี้หรอ? บทเหยื่อยังมีให้คุณ​เล่นอีกยาวๆครับ🫰 คนเรานะ​ ถ้ากล้าที่จะเข้าไปท้าทาย​ต่อสู้กับใครหรืออะไรแล้ว​ ต่อให้อยู่ในกติกา​ของเขา​ เราก็ต้องเล่นให้ชนะ​" ไม่ไช่สู้ไปร้องไป" เหมือนอะไร? คิดเอา พรรคการเมือง​นักการเมือง​ ที่เขาต่อสู้จนชนะ​ นักปฎิวัติ​ที่ต่อสู้​จนชนะ​ พวกเขาล้วนสู้ในกติกา​ ของเผด็จการ​และชนะจนได้โดยไม่ร้องงอแงสักคำ​ ยกตัวอย่าง​ "เนลสัน​แมน​เด​ลา" ของอาฟฟิกาใต้​ เช​ และ​ ฟีเดล​ ของคิวบา​ แต่พวกคุณ​มันแค่​... 😏✍️ เลิกงอแงเมื่อไหร่​ ก็จะมีอนาคตเอง​👍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • Canva
    เข้าซื้อ
    Leonardo AI

    ต่อไปนี้สมัคร Canva ตัวเดียวได้ทั้งแอพทำงานกราฟฟิก ได้ทั้ง AI ทำรูปทำวีดีโอ จบในตัวเดียว
    Canva เข้าซื้อ Leonardo AI ต่อไปนี้สมัคร Canva ตัวเดียวได้ทั้งแอพทำงานกราฟฟิก ได้ทั้ง AI ทำรูปทำวีดีโอ จบในตัวเดียว
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts