• เปิดสาเหตุ เรือกู้ภัยทุกลำ เข้าพื้นที่เขต 8 ไม่ได้!!! 27/11/68 #น้ำท่วมภาคใต้ #สงขลา #เรือกู้ภัย #พื้นที่เขต 8
    เปิดสาเหตุ เรือกู้ภัยทุกลำ เข้าพื้นที่เขต 8 ไม่ได้!!! 27/11/68 #น้ำท่วมภาคใต้ #สงขลา #เรือกู้ภัย #พื้นที่เขต 8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ส่วนตัว สมควรสร้างรั้วกำแพงลวดหนามแบบจีนกั้นกับเวียดหนามเลย หนา สูง คนเวียดนามจะข้ามไปจีนจะลำบาก เอาไม้ เอาบันไดลิงพาดกำแพงรั้วลวดหนามไม่ง่ายหรือต่ออะไรให้สูงกระโดดข้ามมาหรือหย่อนบันไดลิงมาอีกด้านฝั่งเราก็ไม่ง่าย,หากทำต่ำๆไม่สูงอะไรแบบรั้วปกติของไทบ้านประชาชนคนไทย มันแอบลักลอบ แอบโยน แอบยื่นอะไรให้กันก็ง่ายเหมือนเดิม, สร้างแบบ2ใน3ของกำแพงคุกขังนักโทษยิ่งดี ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณมากหรอก,ตัดงบเบี้ยประชุมเบี้ยต่างๆเบิกน้ำมันเบิกอะไรของข้าราชการทั่วประเทศออกก็มีตังเหลือกว่า10,000ล้านบาทแล้วต่อเดือน,ตัดชัตดาวน์เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทั้งหมดทั่วประเทศไทยสัก1ปีแบบวิจัยทดลองดู ให้แต่เงินเดือนข้าราชการเท่านั้นบวกเพิ่มอีก1%ของเงินเดือนปกติก็พอ,เราจะมีเงินไว้สร้างกำแพงถาวรรั้วลวดหนามอย่างดีกว่า30,000ล้านบาทต่อเดือนโน้นเลย.

    ..จริงๆแบบ รูปแบบ การออกแบบรั้วลวดหนามสมควรเผยแผ่ออกสู่ประชาชนได้แล้วว่าเป็นแบบใด,ยิ่งให้ประชาชนลงประชามติเลือกแบบลวดหนามด้วยกันออนไลน์ทางเน็ตทางเว็บทางแอปแบบแอปเป๋าตังผ่านตู้ธนาคารแบบยืนยันตัวตนยิ่งจะดีมาก,1บัตรประชาชนต่อ1กดปุ่มตัวเลือกแบบรั้วลวดหนาม,ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย,ยิ่งทางเว็บของทหารเอง ให้คนไทยมีส่วนร่วมยิ่งดี บอกราคารั้วลวดหนามต่อกม.ให้ชัดเจนด้วย,เช่นแบบนี้เกรดAกม.ละ10ล้าน เกรดBกม.ละ5ล้าน เกรดCกม.ละ2ล้าน เกรดDไทบ้านกม.ละ1ล้าน หรือ1เมตร1,000บาทนั้นเอง.,เรามีแนวจะสร้างเกือบ900กม.ก็สูงสุดที่9,000ล้านบาทถือว่าคุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเราที่ติดแนวพรมแดนไทยกับเขมรทั้งหมดทันที ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินชัดเจนด้วย ไม่ต้องกังวลภัยอันตรายใดๆที่คนเขมร ทหารเขมรจะเข้ามาง่ายๆผ่านช่องทางธรรมชาติก่อนสร้างรั้วอีก,จากนั้นให้ทหารกำหนดห้ามมีประชาชนคนใดครอบครองที่ดินติดกำแพงเป็นฟรีเพื่อเป็นพื้นที่ลาดตะเวนตลอดแนวกำแพงรั้วลวดหนามห่างจากกำแพงรั้วลวดหนามฝั่งไทยคือ50เมตร. ทหารเราสามารถทำถนนไว้ลาดตะเวนติดรั้วลวดหนามเสริมกำลังและเข้าปฏิบัติการรักษาความสงบต่างๆใดๆได้ง่าย,ประชาชนคนไทยใดหมายทำอะไรใดๆไม่ดีก็เข้าพื้นที่เขตหวงห้ามนี้ลำบาก,โดยทหารจะสร้างแนวรั้วกั้นประชาชนแบบไทบ้านๆอีกชั้น,ถ้ามีประชาชนเข้าเขตเดทโซนนี้แสดงว่าคือพวกไม่ดีหมายติดต่อกระทำชั่วกับอีกฝั่งทันที,กล้องเราตรวจจับแม้ทันทีได้ แต่มันก็แค่กล้องไม่สามารถหยุดธุรกรรมกิจกรรมมันทันทีขณะนั้นได้ แม้ตามจับได้ในฝั่งไทยเราแต่เนื้องานทางส่งของให้คนร้ายมันทำสำเร็จกับอีกฝั่งแล้วนั้นเองไม่คุ้มค่ากับผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก.ถ้าอดีตอาจคือตัวจุดฉนวนระเบิดหรือขีปนาวุธเป็นต้นที่ไม่มีล้ำๆแบบปัจจุบันต้องส่งของส่งอะไหล่แบบสมัยๆเก่าๆในอดีตนั้น.,และมีนัยยะที่ดีมากมายต่อทางจิตใจคนติดชายแดนติดเขมรด้วย,สิ้นเปลืองแบบนี้ถือว่าคุ้มค่าและจ่ายครั้งเดียวจบแค่ซ่อมบำรุงรายปีเท่านั้นเอง.,
    ..ปัจจุบันประชาชนไม่เห็นแบบของทหารอะไรเลย,สูง มั่นคงหรือแบบเวียดนามกั้นเขมรมั้ย หรือแบบจีน กั้นเวียดนามมั้ย,หากเราไปลอกเลียนแบบรั้วลวดหนามแบบเมืองผู้ดีชาติตะวันตกบอกเลยแบบนั้นกาก,กระจอก,กับคนสันดานนิสัยเขมรต้องเด็ดขาดสไตล์รั้วแบบเวียดนามหรือแบบจีน จึงเหมาะสมแก่คนสันดานนิสัยแบบเขมร หัวสมองพวกลิ้น2แฉกมันต้องเจอแบบนี้,นี้ไม่รวมที่มันอาจขุดรูใต้ดินใต้กำแพงรั้วลวดหนามเข้าไทยอีกนะ กล้องฝันไปเลยจะเห็นมัน,ระยะฟรี50เมตรจึงพอดี ไม่กินเนื้อที่ที่ดินประชาชนด้วย,ประชาชนยินยอมยกที่ดินฟรีๆให้กองทัพให้ทหารแน่นอนเพราะมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยเราทั้งประเทศด้วย.,เราจึงต้องมีเครื่องมือสแกนสิ่งผิดปกติใต้พื้นดินด้วย แบบโพร่งแบบรูใต้เส้นทางถนนตลอดแนวขนานรั้วกำแพงลวดหนามของเรา,ในเขตพื้นที่รับผิดชอบต้องใช้เครื่องสแกนทุกๆเดือนใต้ถนนหนทางเราว่ามันขุดรูขุดอุโมงค์รอดมาด้วยมั้ยเช่นกัน.

    https://youtube.com/watch?v=sJTo0hhGfnA&si=hARi7QFm0aKjk7dL
    ส่วนตัว สมควรสร้างรั้วกำแพงลวดหนามแบบจีนกั้นกับเวียดหนามเลย หนา สูง คนเวียดนามจะข้ามไปจีนจะลำบาก เอาไม้ เอาบันไดลิงพาดกำแพงรั้วลวดหนามไม่ง่ายหรือต่ออะไรให้สูงกระโดดข้ามมาหรือหย่อนบันไดลิงมาอีกด้านฝั่งเราก็ไม่ง่าย,หากทำต่ำๆไม่สูงอะไรแบบรั้วปกติของไทบ้านประชาชนคนไทย มันแอบลักลอบ แอบโยน แอบยื่นอะไรให้กันก็ง่ายเหมือนเดิม, สร้างแบบ2ใน3ของกำแพงคุกขังนักโทษยิ่งดี ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณมากหรอก,ตัดงบเบี้ยประชุมเบี้ยต่างๆเบิกน้ำมันเบิกอะไรของข้าราชการทั่วประเทศออกก็มีตังเหลือกว่า10,000ล้านบาทแล้วต่อเดือน,ตัดชัตดาวน์เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทั้งหมดทั่วประเทศไทยสัก1ปีแบบวิจัยทดลองดู ให้แต่เงินเดือนข้าราชการเท่านั้นบวกเพิ่มอีก1%ของเงินเดือนปกติก็พอ,เราจะมีเงินไว้สร้างกำแพงถาวรรั้วลวดหนามอย่างดีกว่า30,000ล้านบาทต่อเดือนโน้นเลย. ..จริงๆแบบ รูปแบบ การออกแบบรั้วลวดหนามสมควรเผยแผ่ออกสู่ประชาชนได้แล้วว่าเป็นแบบใด,ยิ่งให้ประชาชนลงประชามติเลือกแบบลวดหนามด้วยกันออนไลน์ทางเน็ตทางเว็บทางแอปแบบแอปเป๋าตังผ่านตู้ธนาคารแบบยืนยันตัวตนยิ่งจะดีมาก,1บัตรประชาชนต่อ1กดปุ่มตัวเลือกแบบรั้วลวดหนาม,ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย,ยิ่งทางเว็บของทหารเอง ให้คนไทยมีส่วนร่วมยิ่งดี บอกราคารั้วลวดหนามต่อกม.ให้ชัดเจนด้วย,เช่นแบบนี้เกรดAกม.ละ10ล้าน เกรดBกม.ละ5ล้าน เกรดCกม.ละ2ล้าน เกรดDไทบ้านกม.ละ1ล้าน หรือ1เมตร1,000บาทนั้นเอง.,เรามีแนวจะสร้างเกือบ900กม.ก็สูงสุดที่9,000ล้านบาทถือว่าคุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเราที่ติดแนวพรมแดนไทยกับเขมรทั้งหมดทันที ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินชัดเจนด้วย ไม่ต้องกังวลภัยอันตรายใดๆที่คนเขมร ทหารเขมรจะเข้ามาง่ายๆผ่านช่องทางธรรมชาติก่อนสร้างรั้วอีก,จากนั้นให้ทหารกำหนดห้ามมีประชาชนคนใดครอบครองที่ดินติดกำแพงเป็นฟรีเพื่อเป็นพื้นที่ลาดตะเวนตลอดแนวกำแพงรั้วลวดหนามห่างจากกำแพงรั้วลวดหนามฝั่งไทยคือ50เมตร. ทหารเราสามารถทำถนนไว้ลาดตะเวนติดรั้วลวดหนามเสริมกำลังและเข้าปฏิบัติการรักษาความสงบต่างๆใดๆได้ง่าย,ประชาชนคนไทยใดหมายทำอะไรใดๆไม่ดีก็เข้าพื้นที่เขตหวงห้ามนี้ลำบาก,โดยทหารจะสร้างแนวรั้วกั้นประชาชนแบบไทบ้านๆอีกชั้น,ถ้ามีประชาชนเข้าเขตเดทโซนนี้แสดงว่าคือพวกไม่ดีหมายติดต่อกระทำชั่วกับอีกฝั่งทันที,กล้องเราตรวจจับแม้ทันทีได้ แต่มันก็แค่กล้องไม่สามารถหยุดธุรกรรมกิจกรรมมันทันทีขณะนั้นได้ แม้ตามจับได้ในฝั่งไทยเราแต่เนื้องานทางส่งของให้คนร้ายมันทำสำเร็จกับอีกฝั่งแล้วนั้นเองไม่คุ้มค่ากับผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก.ถ้าอดีตอาจคือตัวจุดฉนวนระเบิดหรือขีปนาวุธเป็นต้นที่ไม่มีล้ำๆแบบปัจจุบันต้องส่งของส่งอะไหล่แบบสมัยๆเก่าๆในอดีตนั้น.,และมีนัยยะที่ดีมากมายต่อทางจิตใจคนติดชายแดนติดเขมรด้วย,สิ้นเปลืองแบบนี้ถือว่าคุ้มค่าและจ่ายครั้งเดียวจบแค่ซ่อมบำรุงรายปีเท่านั้นเอง., ..ปัจจุบันประชาชนไม่เห็นแบบของทหารอะไรเลย,สูง มั่นคงหรือแบบเวียดนามกั้นเขมรมั้ย หรือแบบจีน กั้นเวียดนามมั้ย,หากเราไปลอกเลียนแบบรั้วลวดหนามแบบเมืองผู้ดีชาติตะวันตกบอกเลยแบบนั้นกาก,กระจอก,กับคนสันดานนิสัยเขมรต้องเด็ดขาดสไตล์รั้วแบบเวียดนามหรือแบบจีน จึงเหมาะสมแก่คนสันดานนิสัยแบบเขมร หัวสมองพวกลิ้น2แฉกมันต้องเจอแบบนี้,นี้ไม่รวมที่มันอาจขุดรูใต้ดินใต้กำแพงรั้วลวดหนามเข้าไทยอีกนะ กล้องฝันไปเลยจะเห็นมัน,ระยะฟรี50เมตรจึงพอดี ไม่กินเนื้อที่ที่ดินประชาชนด้วย,ประชาชนยินยอมยกที่ดินฟรีๆให้กองทัพให้ทหารแน่นอนเพราะมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยเราทั้งประเทศด้วย.,เราจึงต้องมีเครื่องมือสแกนสิ่งผิดปกติใต้พื้นดินด้วย แบบโพร่งแบบรูใต้เส้นทางถนนตลอดแนวขนานรั้วกำแพงลวดหนามของเรา,ในเขตพื้นที่รับผิดชอบต้องใช้เครื่องสแกนทุกๆเดือนใต้ถนนหนทางเราว่ามันขุดรูขุดอุโมงค์รอดมาด้วยมั้ยเช่นกัน. https://youtube.com/watch?v=sJTo0hhGfnA&si=hARi7QFm0aKjk7dL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนว พระราม 2
    แนวก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน

    มาแล้วเดวเราจะเป็น "เด็กแนวไหนดี"

    ผู้ใหญ่ทำให้เห็นแล้ว เขตก่อสร้าง เมื่อเร็วนี้ก็มีข่าว รถใหญ่ เบียดมอเตอร์ช่วงฝนตก ทำให้คนขับมอเตอร์ต้องไปเท้าแท่นวอริเออร์ ที่สายไฟอยู่ตรงสัน แท่น ตายไป

    พื้นที่เขตก่อสร้าง สมัยก่อนยุคเบบี้บูมไม่เป็นข่าว หรือเป็นข่าวแต่ไม่มีใครตามเรื่องต่อ (โชเชียล)

    ยุคนี้อะไรมา ตามกันมาไทยมุง ทั้งโชเชียล
    แนว พระราม 2 แนวก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน มาแล้วเดวเราจะเป็น "เด็กแนวไหนดี" ผู้ใหญ่ทำให้เห็นแล้ว เขตก่อสร้าง เมื่อเร็วนี้ก็มีข่าว รถใหญ่ เบียดมอเตอร์ช่วงฝนตก ทำให้คนขับมอเตอร์ต้องไปเท้าแท่นวอริเออร์ ที่สายไฟอยู่ตรงสัน แท่น ตายไป พื้นที่เขตก่อสร้าง สมัยก่อนยุคเบบี้บูมไม่เป็นข่าว หรือเป็นข่าวแต่ไม่มีใครตามเรื่องต่อ (โชเชียล) ยุคนี้อะไรมา ตามกันมาไทยมุง ทั้งโชเชียล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ตีแผ่ ม.157 เจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ข้าราชการไทย สมควรโดย ม.157 ยกพื้นที่เขตรับผิดชอบนี้ มหาดไทย ปกครองส่วนท้องถิ่น อบต อบจ. นายกฯอบต.อบท.อบจ.ต้องเจอ ม.157หมดยกแผง รู้เห็นเป็นใจต่อการกระทำชั่วซึ่งภัยคุกคามรุกรานไทย ทั้งคนส่วนหัว คนส่วนกลาง คนส่วนหางต้องเจอหมดโดยเฉพาะพวกรับเงินรับทองรับส่วยสาระพัดเถื่อนตรงเขตท้องที่นี้ ตลอดพวกเดอะแก๊งอิทธิพลท้องถิ่นนี้ด้วย จัดการทั้งหมดในคราวเดียว เบื้องจัดการส่วนหัวก่อน พักอำนาจ ให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมด,จะตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ จะทหารผู้บังคับบัญชาการเขตแดน,นายกฯอบต. ปลัดอบต. นายกฯ อบจ. ปลัดอบจ.ฝ่ายกฎหมายราชการทั้งหมด นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ปลัดนายอำเภอตัวยืนประจำท้องที่ ปลัดส่วนจังหวัด ฝ่ายบังคับกฎหมายคนต่างด้าวต่างชาติโดยเฉพาะภัยไส้ศึกยามสงครามนี้อย่างเขมร พวกเหล่านี้ต้องแอ็คชั่นทั้งหมด มิใช่แค่ทหารแล้ว เพราะชัดเจนย่อมไม่เหมือนแม่ทัพภาค2แล้ว สรุปได้กันมมนานยกเดอะแก๊งใครมัน ก็ต้องไปทั้งเดอะแก๊งใครมันทั้งหมด สามารถตีตราต่างด้าวที่แบบซื้อขายที่ดินไทย เขมรนี้ลักษณะนี้ที่เถื่อนๆอิทธิพลเถื่อนทั้งหมดตีตราขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศไทยทุกๆกรณีด้วย อาจลากยาวข้อหาจัดตั้งม็อบเขมรเพื่อคุกคามรุกรานอธิปไตยไทยอีกให้ขึ้นบัญชีดำทั้งครอบครัว ญาติพี่น้องมันทั้งหมดด้วยที่มีเชื้อสายเดียวเครือญาติมันห้ามเข้าประเทศไทยตลอดชีวิตทั้งหมดเป็นภัยต่ออธิปไตยดินแดนไทยนั้นเอง.
    ..แฉได้ดี ศัตรูของศัตรูมาเข้าด้วยฝั่งไทย ออกมาแฉความจริง,ถ้ายุคก่อนนะ จะให้ศัตรูของฮุนเซนแบบนี้ออกสื่อฝั่งไทยเยอะให้ฮุนเซนกระอักเลือดตายเลย,ยั่วยุจิตใจสงครามประสาทเต็มๆนั้นเองเพราะมาทำชั่วเลวกับไทยเราก่อนซึ่งจีนสนับสนุนจัดเต็มอีก,

    https://youtube.com/watch?v=61FXZpo2zGE&si=SrUJTbQAAyO6WNRb
    ..ตีแผ่ ม.157 เจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ข้าราชการไทย สมควรโดย ม.157 ยกพื้นที่เขตรับผิดชอบนี้ มหาดไทย ปกครองส่วนท้องถิ่น อบต อบจ. นายกฯอบต.อบท.อบจ.ต้องเจอ ม.157หมดยกแผง รู้เห็นเป็นใจต่อการกระทำชั่วซึ่งภัยคุกคามรุกรานไทย ทั้งคนส่วนหัว คนส่วนกลาง คนส่วนหางต้องเจอหมดโดยเฉพาะพวกรับเงินรับทองรับส่วยสาระพัดเถื่อนตรงเขตท้องที่นี้ ตลอดพวกเดอะแก๊งอิทธิพลท้องถิ่นนี้ด้วย จัดการทั้งหมดในคราวเดียว เบื้องจัดการส่วนหัวก่อน พักอำนาจ ให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมด,จะตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ จะทหารผู้บังคับบัญชาการเขตแดน,นายกฯอบต. ปลัดอบต. นายกฯ อบจ. ปลัดอบจ.ฝ่ายกฎหมายราชการทั้งหมด นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ปลัดนายอำเภอตัวยืนประจำท้องที่ ปลัดส่วนจังหวัด ฝ่ายบังคับกฎหมายคนต่างด้าวต่างชาติโดยเฉพาะภัยไส้ศึกยามสงครามนี้อย่างเขมร พวกเหล่านี้ต้องแอ็คชั่นทั้งหมด มิใช่แค่ทหารแล้ว เพราะชัดเจนย่อมไม่เหมือนแม่ทัพภาค2แล้ว สรุปได้กันมมนานยกเดอะแก๊งใครมัน ก็ต้องไปทั้งเดอะแก๊งใครมันทั้งหมด สามารถตีตราต่างด้าวที่แบบซื้อขายที่ดินไทย เขมรนี้ลักษณะนี้ที่เถื่อนๆอิทธิพลเถื่อนทั้งหมดตีตราขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศไทยทุกๆกรณีด้วย อาจลากยาวข้อหาจัดตั้งม็อบเขมรเพื่อคุกคามรุกรานอธิปไตยไทยอีกให้ขึ้นบัญชีดำทั้งครอบครัว ญาติพี่น้องมันทั้งหมดด้วยที่มีเชื้อสายเดียวเครือญาติมันห้ามเข้าประเทศไทยตลอดชีวิตทั้งหมดเป็นภัยต่ออธิปไตยดินแดนไทยนั้นเอง. ..แฉได้ดี ศัตรูของศัตรูมาเข้าด้วยฝั่งไทย ออกมาแฉความจริง,ถ้ายุคก่อนนะ จะให้ศัตรูของฮุนเซนแบบนี้ออกสื่อฝั่งไทยเยอะให้ฮุนเซนกระอักเลือดตายเลย,ยั่วยุจิตใจสงครามประสาทเต็มๆนั้นเองเพราะมาทำชั่วเลวกับไทยเราก่อนซึ่งจีนสนับสนุนจัดเต็มอีก, https://youtube.com/watch?v=61FXZpo2zGE&si=SrUJTbQAAyO6WNRb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 0 รีวิว
  • รั้วสไตล์เวียดนามใช้ชั่วคราวก็ดี.,เราใช้1:50,000ทำเองเลย,ระดมบริจาคตั้งเป็นกองทุนรั้วของชาติโดยเฉพาะเลย จิตศรัทธาเราคนไทยทั่วประเทศได้เท่าไรก็ได้ตลอดปีกันเลยจนเสร็จ กฐินหรือผ้าป่าลงวัดหรือใดๆ โอนมากองทุนรั้วแห่งชาติยิงดี,วัดดังๆทั่วไทยทำถึงแน่นอน,ปัจจุบันที่แฉๆกันวัดทั่วไปเงินกว่า400,000ล้านบาทธรรมดาที่ไหน,นี้คือแรงบริจาคจาคะพื้นฐานของจิตใจที่ดีงามของเราคนไทยปกติอยู่แล้ว,รัฐบาลพึ่งพาไม่ได้ แอ็คชั่นไม่ถึง ปล่อยปะละเลยจนเขมรยึดครองพื้นที่เขตไทยตนเองกว่า11จุดนี้คือกบฎชัดเจน,สาระพัดมากมายยกสมบัติทรัพยากรมีค่าตีมูลค่าเป็นเงินเป็นตังมหาศาลมาใช้พัฒนาประเทศได้มากมายก็ไปยกให้เอกชนต่างชาติเอกชนไทยทำกำไรทำเงินมหาศาลร่ำรวยมั่งคั่งแทนคนไทยตนประเทศไทยตน ให้ต่างชาติผูกขาดได้สิทธิไปหมด ส่วนคนไทยถึงบัตรคนจนเพิ่ม.ทหารบ้านเขมรยึดพื้นที่11จุดมานานขนาดนี้ถึง17ปี สามารถนับย้อนหลังได้ว่าเป็นช่วงของรัฐบาลใครในอดีตบ้าง แน่นอนต้องมียุคกปปส.ถวายพานทหารยึดอำนาจด้วย ซึ่งอำนาจเต็มล่าสุดของตนเต็มมือเต็มตีน ต้องขุดออกมาแฉความจริงทั้งหมดว่าเหตุใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่สืบต่อกันมายาวนานได้ขนาดนี้.

    https://youtube.com/shorts/8c5Uit7xJKo?si=ECeC-8QywBoJ6052
    รั้วสไตล์เวียดนามใช้ชั่วคราวก็ดี.,เราใช้1:50,000ทำเองเลย,ระดมบริจาคตั้งเป็นกองทุนรั้วของชาติโดยเฉพาะเลย จิตศรัทธาเราคนไทยทั่วประเทศได้เท่าไรก็ได้ตลอดปีกันเลยจนเสร็จ กฐินหรือผ้าป่าลงวัดหรือใดๆ โอนมากองทุนรั้วแห่งชาติยิงดี,วัดดังๆทั่วไทยทำถึงแน่นอน,ปัจจุบันที่แฉๆกันวัดทั่วไปเงินกว่า400,000ล้านบาทธรรมดาที่ไหน,นี้คือแรงบริจาคจาคะพื้นฐานของจิตใจที่ดีงามของเราคนไทยปกติอยู่แล้ว,รัฐบาลพึ่งพาไม่ได้ แอ็คชั่นไม่ถึง ปล่อยปะละเลยจนเขมรยึดครองพื้นที่เขตไทยตนเองกว่า11จุดนี้คือกบฎชัดเจน,สาระพัดมากมายยกสมบัติทรัพยากรมีค่าตีมูลค่าเป็นเงินเป็นตังมหาศาลมาใช้พัฒนาประเทศได้มากมายก็ไปยกให้เอกชนต่างชาติเอกชนไทยทำกำไรทำเงินมหาศาลร่ำรวยมั่งคั่งแทนคนไทยตนประเทศไทยตน ให้ต่างชาติผูกขาดได้สิทธิไปหมด ส่วนคนไทยถึงบัตรคนจนเพิ่ม.ทหารบ้านเขมรยึดพื้นที่11จุดมานานขนาดนี้ถึง17ปี สามารถนับย้อนหลังได้ว่าเป็นช่วงของรัฐบาลใครในอดีตบ้าง แน่นอนต้องมียุคกปปส.ถวายพานทหารยึดอำนาจด้วย ซึ่งอำนาจเต็มล่าสุดของตนเต็มมือเต็มตีน ต้องขุดออกมาแฉความจริงทั้งหมดว่าเหตุใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่สืบต่อกันมายาวนานได้ขนาดนี้. https://youtube.com/shorts/8c5Uit7xJKo?si=ECeC-8QywBoJ6052
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน

    อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์"

    อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ

    แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell)

    ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส

    ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย

    #Newskit
    กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์" อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell) ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย #Newskit
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 717 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยเตรียมร้อง UN! เขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี

    สถานการณ์ภายหลังเกิดเหตุการณ์กำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างปฏิบัติลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี วันนี้ (19 ก.ค. 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยว่า พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงผลการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดย นปท.3 ที่ระบุว่ามีวางทุ่นระเบิดใหม่ จำนวน 8 ทุ่น ในพื้นที่เขตแดนไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล  แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่หน่วยจะรายงานข้อเท็จจริงถึงกองทัพบกและรัฐบาล เพื่อประท้วงผ่าน UN ต่อไป พร้อมเตรียมส่งทหารเข้าตรวจพื้นที่ และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน ควบคู่ไปกับใช้การมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม


              พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุที่เกิดขึ้น  ด้วยกำลังพลของกองทัพบกเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน โดยทันทีที่ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ต้นสังกัดติดตามการรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กำลังพลและครอบครัวอย่างเต็มที่  พร้อมยืนยันจะดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวให้ดีที่สุด โดยกองทัพบกมีความห่วงใยในความรู้สึกของครอบครัว และบุคคลใกล้ชิดของกำลังพลเสมอมา


              โดย ผบ.ทบ. ยังระบุอีกว่า การลาดตระเวนของหน่วยทหารเป็นมาตรการเชิงรุกที่ได้ผลในการตรวจตราและรักษาพื้นที่แนวชายแดนไม่ให้ถูกรุกล้ำ แต่อาจต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนายตระหนักดี และพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อภารกิจในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ  และจากการตรวจที่เกิดเหตุตามที่ปรากฏความชัดเจนแล้วว่า ทุ่นระเบิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางขึ้นใหม่ 


              ข้อมูลนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ 


             กองทัพบกขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ ด้วยความรอบคอบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดี 


              ที่สำคัญกองทัพบกตระหนักดีว่า ประชาชนของไทยและกัมพูชาไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน มิใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ถูกตีความผิด จนบานปลายไปสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน


            ส่วนในเรื่องด่านฯ ผบ.ทบ. เน้นย้ำว่า ในปัจจุบันฝ่ายไทยไม่ได้มีการ “ปิดด่าน” แต่อย่างใด เป็นเพียงการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการคัดกรองบุคคล และการบริหารเวลาเข้า-ออกให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นเท่านั้น


             อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคม โดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจ     


              ผบ.ทบ. ขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า ทุกคนต่างทุ่มเท เสียสละ ทำหน้าที่ในด่านหน้าแทนพวกเราทุกคน ซึ่งกำลังใจจากสังคม อาจเป็นเหมือนของขวัญอันทรงคุณค่ายิ่ง  รวมถึงความสามัคคีกันของคนในชาติย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้
    ไทยเตรียมร้อง UN! เขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี สถานการณ์ภายหลังเกิดเหตุการณ์กำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างปฏิบัติลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี วันนี้ (19 ก.ค. 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยว่า พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงผลการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดย นปท.3 ที่ระบุว่ามีวางทุ่นระเบิดใหม่ จำนวน 8 ทุ่น ในพื้นที่เขตแดนไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล  แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่หน่วยจะรายงานข้อเท็จจริงถึงกองทัพบกและรัฐบาล เพื่อประท้วงผ่าน UN ต่อไป พร้อมเตรียมส่งทหารเข้าตรวจพื้นที่ และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน ควบคู่ไปกับใช้การมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม           พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุที่เกิดขึ้น  ด้วยกำลังพลของกองทัพบกเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน โดยทันทีที่ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ต้นสังกัดติดตามการรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กำลังพลและครอบครัวอย่างเต็มที่  พร้อมยืนยันจะดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวให้ดีที่สุด โดยกองทัพบกมีความห่วงใยในความรู้สึกของครอบครัว และบุคคลใกล้ชิดของกำลังพลเสมอมา           โดย ผบ.ทบ. ยังระบุอีกว่า การลาดตระเวนของหน่วยทหารเป็นมาตรการเชิงรุกที่ได้ผลในการตรวจตราและรักษาพื้นที่แนวชายแดนไม่ให้ถูกรุกล้ำ แต่อาจต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนายตระหนักดี และพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อภารกิจในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ  และจากการตรวจที่เกิดเหตุตามที่ปรากฏความชัดเจนแล้วว่า ทุ่นระเบิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางขึ้นใหม่            ข้อมูลนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ           กองทัพบกขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ ด้วยความรอบคอบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดี            ที่สำคัญกองทัพบกตระหนักดีว่า ประชาชนของไทยและกัมพูชาไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน มิใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ถูกตีความผิด จนบานปลายไปสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน         ส่วนในเรื่องด่านฯ ผบ.ทบ. เน้นย้ำว่า ในปัจจุบันฝ่ายไทยไม่ได้มีการ “ปิดด่าน” แต่อย่างใด เป็นเพียงการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการคัดกรองบุคคล และการบริหารเวลาเข้า-ออกให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นเท่านั้น          อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคม โดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจ                ผบ.ทบ. ขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า ทุกคนต่างทุ่มเท เสียสละ ทำหน้าที่ในด่านหน้าแทนพวกเราทุกคน ซึ่งกำลังใจจากสังคม อาจเป็นเหมือนของขวัญอันทรงคุณค่ายิ่ง  รวมถึงความสามัคคีกันของคนในชาติย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 812 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ส่วนตัว ทหารพระราชายึดอำนาจเถอะ,มีอะไรมากมายต้องเร่งดำเนินการด้วยกฎอัยการศึกพิเศษ,เช่นในมุมอธิปไตยชาติไทยมากมายหรือการฟื้นฟูเศรษฐตังเศรษฐเงินทำมาหาเลี้ยงชีพสัมมาอาชีพของประชาชน,หรือมิติมุมการเยี่ยวยาดูแลสุขภาพคนไทยภายในประเทศมากกว่าคนต่างชาติต่างด้าวในประเทศและสมควรผลักดันกลับประเทศมันเองทั้งหมดเหลือแต่คนไทยสัญชาติไทยจริงๆ,มิติต่างชาติต่างด้าวคือภัยคุกคามอธิปไตยประชาชนคนไทยอีกกรณีหนึ่ง,เมื่อระบบสัมมาชีวิตแบบวิถีล้ำๆยังไม่เกิดเราคตไทยก็จัดการปัจจุบันกันก่อน,สุขภาพคนไทยอันดับแรกต้องหาเหตุการไม่สบายจริงก่อนจากปกติไม่เคยเป็นแบบนี้จนรับวัคซีนโควิดกันหมดบ้านหมดเมืองโรคผีบ้าต่างๆจึงอุบัติขึ้นแปลกๆจำนวนมาก,ต่างชาติต่างด้าวอพยพมาไทยจะค้าแรงงานหรือใดๆก็ตามพวกนี้คือตัวนำพาโรคแปลกๆมาได้จึงอย่ารับต่างชาติต่างด้าวเข้ามาในไทยอีกทุกๆกรณี,เพราะคนไทยฉีดวัคซีนโควิดmRNAเกือบหมดทั้งประเทศในรัฐบาลทหารdeep state ยึดอำนาจ,ภูมิคุ้มกันธรรมชาติตนเองแต่ละคนจึงถูกทำลายลงตลอดเวลาจนสิ้นชีพตัวคุ้มกัน,โรคผีบ้าปัญญาอ่อนกากกระจอกๆน้อยนิดในอดีตร่างกายนั้นต่อต้านได้สบาย,แต่ปัจจุบันภูมิคุ้มกันตนถูกทำลายลง เมื่อเจอหรือติดเชื้อโรคกากๆกระจอกๆแบบเดิมๆนั้นก็ไม่สามารถต้านทานต่อต้านอะไรปกติๆแบบเดิมๆครั้งก่อนๆได้เลย,คนไทยบ้านชาวบ้านตอนนี้ทยอยตายลงไปเรื่อยๆมากขึ้นแล้ว,ลูกเป็นเด็กกำพร้ามากขึ้นอยู่กับตายายปู่ย่า,พ่อแม่สูญเสียลูกหลานก็มากขึ้นด้วย ยิ่งเจ็บป่วยอักเสบไม่สบายของร่างกายเป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนเป็นบ่อยขึ้นลาโรงเรียนเยอะแยะมากขึ้นเป็นอันมาก,หลายเคสหลายคนแล้วกินดื่มอะไรก็เป็นพิษเป็นแพ้ ไม่สบายร่างกายสาระพัดพร้อมตุยได้หลายลักษณะนั้นเอง,ตายายปู่ย่าตุยจากลูกหลานอีก,เป็นเด็กกำพร้าเต็มสูบเลย,แต่ด้วยรัฐบาลไร้คุณสมบัติขาดภาวะการเป็นผู้นำไปแล้วจึงเสี่ยงสูงที่จะมีมาตราการรับมือจริงจังช่วยเหลทอเยียวยาดูแลคนที่อยู่ที่กำพร้าในหลายลักษณะของคนไทยจริงจังแบบใด,นี้คืองานช้างที่จะเกิดขึ้นแน่นอน,จะรอจับค้าหมวกกันน็อค2,000บาทมาเยียวยาก็ใช่ทีรับมือ,และต้นเหตุความจริงของโรคตัวก่อโรคก็ต้องจริงใจบอกความจริงแก่ประชาชนด้วยประกาศอย่างเป็นทางการว่ารัฐบาลผีบ้านั้นกระทำผิดต่อประชาชนและยุคล่าสุดที่ละเลยละเมิดไม่สนใจในชีวิตประชาชนที่ความจริงอ่านคาดเห็นผลชัดเจนแน่นอนว่าชาวบ้านประชาชนคนไทยต้องเสียสุขภาพเสื่อมสุขภาพเจ็บป่วยต่อร่างกายอักเสบในสุขภาพบาดเจ็บในร่างกายสุขภาพและกระทั่งเสียชีวิตในที่สุดแน่นอน,ซึ่งสามารถเตรียมรับมือช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทันเวลาขับพิษออกเท่าที่สามารถขับได้ให้ดีที่สุด,มิให้เสียชีวิตก่อนเทคโนโลยีผีบ้าล้ำๆมาช่วยเหลือคนไทยทันก่อนตายอีกช่องตัวช่วยเหลือก็ว่าที่มโนว่าอาจมานั้นเอง.
    ..นายกฯจากทหารยึดอำนาจจึงสำคัญมาก,สั่งการอะไรๆตัดสินใจเด็ดขาดรวดเร็วไม่เป็นภัยต่อชาติไทยบ้านเมืองตนและประชาชนแน่นอนนั้นเอง,ถ้าแบบปัจจุบันก็เห็นแล้วว่าเหี้ย จะแบ่งผลประโยชน์บ่อน้ำมันอ่าวไทยคนละครึ่งตามที่เป็นข่าวจนถูกคนไทยกดดันให้ถอยโน้น,พื้นที่เขตแดนดินประเทศไทยแท้ๆเสือกยังจะยอมให้เขมรมาแย่งชิงอย่างง่ายๆแบบหน้าด้านๆอีก,ทหารไทยส้นตีนหากคิดไม่ได้จะยึดอำนาจมันมั้ยก็ให้สิ้นชาติไทยไปเถอะสิ้นสถาบันสามเสาหลักไปเลยให้สมสมองมี่คิดอ่านความเป็นจริงแท้ไม่ได้,จิตสำนึกพื้นฐานหรือพื้นๆก็ว่า,ให้มันจบที่รุ่นนี้ล่ะ จบแบบพังพินาศสิ้นชาติไทยก็เอาเลย,เสียดายอำนาจตำแหน่งทางระบบปกครองหรือทางราชการเพื่อรักษาไว้ซึ่งบ้านเมืองจริงๆ,รัฐบาลที่มาจากนักการเมืองเลวชั่วเป็นเดอะแก๊งชั่วเลวจะเก็บไว้ทำซากอะไร,ขึ้นหิงบูชาเป็นกษัตริย์ยุคต่อไปเหรอ.

    ..
    ..https://youtube.com/shorts/Z2H-Kkr_mc0?si=gCwymuajzLdWsq29
    ..ส่วนตัว ทหารพระราชายึดอำนาจเถอะ,มีอะไรมากมายต้องเร่งดำเนินการด้วยกฎอัยการศึกพิเศษ,เช่นในมุมอธิปไตยชาติไทยมากมายหรือการฟื้นฟูเศรษฐตังเศรษฐเงินทำมาหาเลี้ยงชีพสัมมาอาชีพของประชาชน,หรือมิติมุมการเยี่ยวยาดูแลสุขภาพคนไทยภายในประเทศมากกว่าคนต่างชาติต่างด้าวในประเทศและสมควรผลักดันกลับประเทศมันเองทั้งหมดเหลือแต่คนไทยสัญชาติไทยจริงๆ,มิติต่างชาติต่างด้าวคือภัยคุกคามอธิปไตยประชาชนคนไทยอีกกรณีหนึ่ง,เมื่อระบบสัมมาชีวิตแบบวิถีล้ำๆยังไม่เกิดเราคตไทยก็จัดการปัจจุบันกันก่อน,สุขภาพคนไทยอันดับแรกต้องหาเหตุการไม่สบายจริงก่อนจากปกติไม่เคยเป็นแบบนี้จนรับวัคซีนโควิดกันหมดบ้านหมดเมืองโรคผีบ้าต่างๆจึงอุบัติขึ้นแปลกๆจำนวนมาก,ต่างชาติต่างด้าวอพยพมาไทยจะค้าแรงงานหรือใดๆก็ตามพวกนี้คือตัวนำพาโรคแปลกๆมาได้จึงอย่ารับต่างชาติต่างด้าวเข้ามาในไทยอีกทุกๆกรณี,เพราะคนไทยฉีดวัคซีนโควิดmRNAเกือบหมดทั้งประเทศในรัฐบาลทหารdeep state ยึดอำนาจ,ภูมิคุ้มกันธรรมชาติตนเองแต่ละคนจึงถูกทำลายลงตลอดเวลาจนสิ้นชีพตัวคุ้มกัน,โรคผีบ้าปัญญาอ่อนกากกระจอกๆน้อยนิดในอดีตร่างกายนั้นต่อต้านได้สบาย,แต่ปัจจุบันภูมิคุ้มกันตนถูกทำลายลง เมื่อเจอหรือติดเชื้อโรคกากๆกระจอกๆแบบเดิมๆนั้นก็ไม่สามารถต้านทานต่อต้านอะไรปกติๆแบบเดิมๆครั้งก่อนๆได้เลย,คนไทยบ้านชาวบ้านตอนนี้ทยอยตายลงไปเรื่อยๆมากขึ้นแล้ว,ลูกเป็นเด็กกำพร้ามากขึ้นอยู่กับตายายปู่ย่า,พ่อแม่สูญเสียลูกหลานก็มากขึ้นด้วย ยิ่งเจ็บป่วยอักเสบไม่สบายของร่างกายเป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนเป็นบ่อยขึ้นลาโรงเรียนเยอะแยะมากขึ้นเป็นอันมาก,หลายเคสหลายคนแล้วกินดื่มอะไรก็เป็นพิษเป็นแพ้ ไม่สบายร่างกายสาระพัดพร้อมตุยได้หลายลักษณะนั้นเอง,ตายายปู่ย่าตุยจากลูกหลานอีก,เป็นเด็กกำพร้าเต็มสูบเลย,แต่ด้วยรัฐบาลไร้คุณสมบัติขาดภาวะการเป็นผู้นำไปแล้วจึงเสี่ยงสูงที่จะมีมาตราการรับมือจริงจังช่วยเหลทอเยียวยาดูแลคนที่อยู่ที่กำพร้าในหลายลักษณะของคนไทยจริงจังแบบใด,นี้คืองานช้างที่จะเกิดขึ้นแน่นอน,จะรอจับค้าหมวกกันน็อค2,000บาทมาเยียวยาก็ใช่ทีรับมือ,และต้นเหตุความจริงของโรคตัวก่อโรคก็ต้องจริงใจบอกความจริงแก่ประชาชนด้วยประกาศอย่างเป็นทางการว่ารัฐบาลผีบ้านั้นกระทำผิดต่อประชาชนและยุคล่าสุดที่ละเลยละเมิดไม่สนใจในชีวิตประชาชนที่ความจริงอ่านคาดเห็นผลชัดเจนแน่นอนว่าชาวบ้านประชาชนคนไทยต้องเสียสุขภาพเสื่อมสุขภาพเจ็บป่วยต่อร่างกายอักเสบในสุขภาพบาดเจ็บในร่างกายสุขภาพและกระทั่งเสียชีวิตในที่สุดแน่นอน,ซึ่งสามารถเตรียมรับมือช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทันเวลาขับพิษออกเท่าที่สามารถขับได้ให้ดีที่สุด,มิให้เสียชีวิตก่อนเทคโนโลยีผีบ้าล้ำๆมาช่วยเหลือคนไทยทันก่อนตายอีกช่องตัวช่วยเหลือก็ว่าที่มโนว่าอาจมานั้นเอง. ..นายกฯจากทหารยึดอำนาจจึงสำคัญมาก,สั่งการอะไรๆตัดสินใจเด็ดขาดรวดเร็วไม่เป็นภัยต่อชาติไทยบ้านเมืองตนและประชาชนแน่นอนนั้นเอง,ถ้าแบบปัจจุบันก็เห็นแล้วว่าเหี้ย จะแบ่งผลประโยชน์บ่อน้ำมันอ่าวไทยคนละครึ่งตามที่เป็นข่าวจนถูกคนไทยกดดันให้ถอยโน้น,พื้นที่เขตแดนดินประเทศไทยแท้ๆเสือกยังจะยอมให้เขมรมาแย่งชิงอย่างง่ายๆแบบหน้าด้านๆอีก,ทหารไทยส้นตีนหากคิดไม่ได้จะยึดอำนาจมันมั้ยก็ให้สิ้นชาติไทยไปเถอะสิ้นสถาบันสามเสาหลักไปเลยให้สมสมองมี่คิดอ่านความเป็นจริงแท้ไม่ได้,จิตสำนึกพื้นฐานหรือพื้นๆก็ว่า,ให้มันจบที่รุ่นนี้ล่ะ จบแบบพังพินาศสิ้นชาติไทยก็เอาเลย,เสียดายอำนาจตำแหน่งทางระบบปกครองหรือทางราชการเพื่อรักษาไว้ซึ่งบ้านเมืองจริงๆ,รัฐบาลที่มาจากนักการเมืองเลวชั่วเป็นเดอะแก๊งชั่วเลวจะเก็บไว้ทำซากอะไร,ขึ้นหิงบูชาเป็นกษัตริย์ยุคต่อไปเหรอ. .. ..https://youtube.com/shorts/Z2H-Kkr_mc0?si=gCwymuajzLdWsq29
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 574 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..555,จริงๆทหารพระราชาเราต้องขยายพื้นที่เขตอัยการศึกจริงจังด้วยตรงบริเวณภาคตะวันออกทั้งหมดและกรุงเทพฯพร้อมปริมลฑลทั้งหลายเพราะอะไร,เพราะว่าสามารถสั่งการทางทหารรวดเร็วทันทีสั่งตรงเพื่อรักษาความมั่นคงทางอธิปไตยทางศูนย์บัญชาตรงของทหารตนเองได้อย่างมีเอกสารหลักฐานค้ำยันการปฏิบัติทั้งหมดไง,เพราะแรงงานต่างด้าวต่างชาติทั้งหมดตรงพื้นที่บริเวณความเสี่ยงสร้างโกลาหลปั่นป่วนในไทยเราทั้งหมดนี้จะอาศัยอำนาจกฎอัยการศึกทหารรักษาความสงบสุขได้จริงในขีวิตและทรัพย์สินประชาชนตรงบริเวณพื้นที่เสี่ยงครอบคลุมเป็นวงกว้างจุดเสี่ยงภัยที่มีต่างด้าวกระจายอยู่เป็นจำนวนมากได้ทั้งหมดตลอดกิจการโรงงานบริษัทใดที่ต้องสงสัยในอธิปไตยความมั่นคงของไทยเราทั้งหมดทหารสามารถตรวจค้นจับกุมผู้เกี่ยวข้องสงสัยทั้งหมดสืบพิสูจน์ทราบความจริงในทันทีได้ไร้ความผิดละเมิดใดๆแก่ผู้ใดทั้งที่คือมรึงจะกิจการใหญ่ขนาดไหน เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศสอะไร,ทหารเข้าไปควบคุมถึงโรงงานคนต่างด้าวที่แอบซ่อนอยู่ตรวจสอบความจริงให้กระจ่างชัดเจนได้ทั้งหมดตลอดสามารถอนุญาตสื่อไทยเราแบบเปิดเผยทำข่าวร่วมเปิดโปงความจริงใดๆได้อีกเพราะเป็นอำนาจเต็มของทหารทั้งหมด บริษัทกิจการจะเอากฎหมายอื่นใดห้ามทหารเข้าไปตรวจค้นหาความจริงเพิ่มเติมใดๆไม่ได้อีกนั้นเองหรือมามุกเล่นงานทหารเราย้อนหลังไม่ได้นั้นเอง,ข้าศึกศัตรูมาในสไตล์พนักงานโรงงานได้ในพื้นที่ทั้งหมดที่ว่า,ปกป้องกรุงเทพฯปริมลฑลได้สะดวกต่อการปฏิบัติงานทั้งหมดนั้นเอง,ภาคตะวันออกทั้งภาคก็แรงงานสาระพัดต่างชาติต่างด้าวเยอะมาก,เถื่อนๆตรึมอีก,กวาดล้างในคราวเดียวก็ได้,แตกกำลังทหารเป็นหน่วยเหยี่ยววานรปฏิบัติการเร็วสามารถเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่เลวข้าราชการชั่วเจ้าสัวระยำเจ้าของกิจการต่างชาตินอกลู่บัดสบได้หมด,สาระพัดสินค้าเถื่อนสินค้าเลวสินค้าขยะสารพิษหรือสินค้ากระทำผิดใดๆในพื้นที่หรือเดอะแก๊งเหี้ยใดๆในพื้นที่สามารถจับปรับทัศนคติและติดคุกได้ทั้งหมดนั้นเอง.

    รัฐบาลนี้ขาดคุณสมบัติปกป้องอธิปไตยและบริหารประเทศแล้ว,ถ้าเทียบสมัยเสียกรุงอยุธยาก็พร้อมจะหนีทั้งคณะ การบ้านการปกครองดูแลเมืองดูแลประชาชนไม่อยู่ในสายตาความใส่ใจแล้ว,พังก็พัง พินาศก็พินาศ เสียเมืองเสียกรุงก็เสียไปชั่งแมร่งมันประมาณนั้น.,กูต้องรอดก่อนมันว่า,ปกครองปาหี่แหกตาหลอกๆไปวันๆ,เรามิอาจพึ่งพาอะไรนั้นเอง,นั่งทับเพื่อมิให้คมดาบคมหอกของใดๆหันมาหาตระกูลตนพวกตนโดยง่ายแค่นั้น,พอมีอำนาจสั่งการหยุดคดีตนมิให้เล่นงานตนเองและพวกตนเองสะดวกแค่นั้น,
    ..ทหารพระราชาเราสามารถประกาศกฎอัยการศึกตามที่ว่าเพิ่มเติมได้คือภาคกลางเฉพาะเจาะจงพิเศษคือกรุงเทพฯและปริมลฑลรอบทั้งหมดไม่เกิน200กมและไม่เกิน100กม.แบบคุ้มเข้มพิเศษ.บวกและภาคตะวันออกทั้งหมดตลอดอีสานใต้ตลอดแนวพรมแดนอีกครั้งบวกลบห่างจากพรมแดนไม่เกิน100กม.,คือเขตกฎอัยการศึกทัังหมดและพิเศษไม่เกิน50กม.ห่างจากพรมแดนทั้งหมดแบบคุ้มเข้ม.นี้คือภัยคุกคามอธิปไตยแดนดินประเทศไทยเราจริง,ทำเล่นๆที่ไหน,บวกกำจัดภายคุกคามแอบแฝงในหลายมิติบนดินแดนพื้นที่ความเสี่ยงภายในเราด้วยในตัว,นี้ยังมิใช่ยึดอำนาจนะแค่พื้นๆสถานะเรเวลที่1.
    ..ต้องเปลี่ยนผู้นำและรัฐบาลเป็นชุดใหม่จริงๆนะ.,งานหินมากมายรออยู่,แล้วปล่อยรัฐบาลกากๆไม่มีเหี้ยอะไรในสมองนำพาประเทศ,อย่าเก็บไว้ดีกว่า.
    ..
    ..https://youtu.be/szHQcFtvtkE?si=bNN_9XYVqoO4Im0q
    ..555,จริงๆทหารพระราชาเราต้องขยายพื้นที่เขตอัยการศึกจริงจังด้วยตรงบริเวณภาคตะวันออกทั้งหมดและกรุงเทพฯพร้อมปริมลฑลทั้งหลายเพราะอะไร,เพราะว่าสามารถสั่งการทางทหารรวดเร็วทันทีสั่งตรงเพื่อรักษาความมั่นคงทางอธิปไตยทางศูนย์บัญชาตรงของทหารตนเองได้อย่างมีเอกสารหลักฐานค้ำยันการปฏิบัติทั้งหมดไง,เพราะแรงงานต่างด้าวต่างชาติทั้งหมดตรงพื้นที่บริเวณความเสี่ยงสร้างโกลาหลปั่นป่วนในไทยเราทั้งหมดนี้จะอาศัยอำนาจกฎอัยการศึกทหารรักษาความสงบสุขได้จริงในขีวิตและทรัพย์สินประชาชนตรงบริเวณพื้นที่เสี่ยงครอบคลุมเป็นวงกว้างจุดเสี่ยงภัยที่มีต่างด้าวกระจายอยู่เป็นจำนวนมากได้ทั้งหมดตลอดกิจการโรงงานบริษัทใดที่ต้องสงสัยในอธิปไตยความมั่นคงของไทยเราทั้งหมดทหารสามารถตรวจค้นจับกุมผู้เกี่ยวข้องสงสัยทั้งหมดสืบพิสูจน์ทราบความจริงในทันทีได้ไร้ความผิดละเมิดใดๆแก่ผู้ใดทั้งที่คือมรึงจะกิจการใหญ่ขนาดไหน เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศสอะไร,ทหารเข้าไปควบคุมถึงโรงงานคนต่างด้าวที่แอบซ่อนอยู่ตรวจสอบความจริงให้กระจ่างชัดเจนได้ทั้งหมดตลอดสามารถอนุญาตสื่อไทยเราแบบเปิดเผยทำข่าวร่วมเปิดโปงความจริงใดๆได้อีกเพราะเป็นอำนาจเต็มของทหารทั้งหมด บริษัทกิจการจะเอากฎหมายอื่นใดห้ามทหารเข้าไปตรวจค้นหาความจริงเพิ่มเติมใดๆไม่ได้อีกนั้นเองหรือมามุกเล่นงานทหารเราย้อนหลังไม่ได้นั้นเอง,ข้าศึกศัตรูมาในสไตล์พนักงานโรงงานได้ในพื้นที่ทั้งหมดที่ว่า,ปกป้องกรุงเทพฯปริมลฑลได้สะดวกต่อการปฏิบัติงานทั้งหมดนั้นเอง,ภาคตะวันออกทั้งภาคก็แรงงานสาระพัดต่างชาติต่างด้าวเยอะมาก,เถื่อนๆตรึมอีก,กวาดล้างในคราวเดียวก็ได้,แตกกำลังทหารเป็นหน่วยเหยี่ยววานรปฏิบัติการเร็วสามารถเข้าจับกุมเจ้าหน้าที่เลวข้าราชการชั่วเจ้าสัวระยำเจ้าของกิจการต่างชาตินอกลู่บัดสบได้หมด,สาระพัดสินค้าเถื่อนสินค้าเลวสินค้าขยะสารพิษหรือสินค้ากระทำผิดใดๆในพื้นที่หรือเดอะแก๊งเหี้ยใดๆในพื้นที่สามารถจับปรับทัศนคติและติดคุกได้ทั้งหมดนั้นเอง. รัฐบาลนี้ขาดคุณสมบัติปกป้องอธิปไตยและบริหารประเทศแล้ว,ถ้าเทียบสมัยเสียกรุงอยุธยาก็พร้อมจะหนีทั้งคณะ การบ้านการปกครองดูแลเมืองดูแลประชาชนไม่อยู่ในสายตาความใส่ใจแล้ว,พังก็พัง พินาศก็พินาศ เสียเมืองเสียกรุงก็เสียไปชั่งแมร่งมันประมาณนั้น.,กูต้องรอดก่อนมันว่า,ปกครองปาหี่แหกตาหลอกๆไปวันๆ,เรามิอาจพึ่งพาอะไรนั้นเอง,นั่งทับเพื่อมิให้คมดาบคมหอกของใดๆหันมาหาตระกูลตนพวกตนโดยง่ายแค่นั้น,พอมีอำนาจสั่งการหยุดคดีตนมิให้เล่นงานตนเองและพวกตนเองสะดวกแค่นั้น, ..ทหารพระราชาเราสามารถประกาศกฎอัยการศึกตามที่ว่าเพิ่มเติมได้คือภาคกลางเฉพาะเจาะจงพิเศษคือกรุงเทพฯและปริมลฑลรอบทั้งหมดไม่เกิน200กมและไม่เกิน100กม.แบบคุ้มเข้มพิเศษ.บวกและภาคตะวันออกทั้งหมดตลอดอีสานใต้ตลอดแนวพรมแดนอีกครั้งบวกลบห่างจากพรมแดนไม่เกิน100กม.,คือเขตกฎอัยการศึกทัังหมดและพิเศษไม่เกิน50กม.ห่างจากพรมแดนทั้งหมดแบบคุ้มเข้ม.นี้คือภัยคุกคามอธิปไตยแดนดินประเทศไทยเราจริง,ทำเล่นๆที่ไหน,บวกกำจัดภายคุกคามแอบแฝงในหลายมิติบนดินแดนพื้นที่ความเสี่ยงภายในเราด้วยในตัว,นี้ยังมิใช่ยึดอำนาจนะแค่พื้นๆสถานะเรเวลที่1. ..ต้องเปลี่ยนผู้นำและรัฐบาลเป็นชุดใหม่จริงๆนะ.,งานหินมากมายรออยู่,แล้วปล่อยรัฐบาลกากๆไม่มีเหี้ยอะไรในสมองนำพาประเทศ,อย่าเก็บไว้ดีกว่า. .. ..https://youtu.be/szHQcFtvtkE?si=bNN_9XYVqoO4Im0q
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 803 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้

    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
    3 พฤษภาคม 2568
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 3 พฤษภาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 756 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    ด่วน!!
    เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย

    ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน

    นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว

    ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    3/ ด่วน!! เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • 2/
    ด่วน!!
    เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย

    ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน

    นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว

    ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    2/ ด่วน!! เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • 1/
    ด่วน!!
    เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย

    ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน

    นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว

    ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    1/ ด่วน!! เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลามอสโก มีรายงานเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเมือง Kirzhach ภูมิภาค Vladimir นอกจากนี้ ยังมีรายงานทะยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า การระเบิดเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในตำแหน่งเดียวกัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสื่อในพื้นที่ แจ้งว่าตำแหน่งที่เกิดการระเบิด เป็นตำแหน่งใกล้กับคลังอาวุธ GRAU ที่ 51 ของกองบัญชาการขีปนาวุธและปืนใหญ่แห่งกองทัพรัสเซีย ขณะนี้มีการประกาศอพยพผู้คนออกจากชุมชนหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น และหน่วยบริการฉุกเฉินกำลังทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Kirzhach ของภูมิภาค Vladimir แล้ว ประชาชนในพื้นที่เห็นรถพยาบาลหลายคัน คาดว่าอาจมีผู้บาดเจ็บรายหลาย แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนผู้บดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ก่อนการระเบิด ไม่มีรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยโดรนหรือการกระทำอื่น ๆ ของกองกำลังยูเครน เจ้าหน้าคาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ ในการลักลอบก่อวินาศกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยความในใจ!!

    เนทันยาฮู ประกาศชัดจะไม่ปล่อยให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ และสาบานว่าจะไม่ยุติ 'สงคราม' กับกลุ่มฮามาสอย่างเด็ดขาด บ่งบอกชัดเจนว่าข้อตกลงหยุดยิง และการอ้างเรื่องตัวประกัน เป็นเพียงคำพูดเลื่อนลอย โดยมีเหตุผลหลัก คือการทำลายฮามาส ที่เป็นอุปสรรคคอยขัดขวางแผนการยึดครองฉนวนกาซาของอิสราเอล โดยใช้ข้ออ้างวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลก่อน เพื่อทำลายฮามาสให้สิ้นซาก

    ขณะเดียวกัน อัลจาซีรารายงานว่า กองทัพอิสราเอลยึดครองพื้นที่ในฉนวนกาซามากถึงร้อยละ 69 โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่เขตห้ามเข้า
    เผยความในใจ!! เนทันยาฮู ประกาศชัดจะไม่ปล่อยให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ และสาบานว่าจะไม่ยุติ 'สงคราม' กับกลุ่มฮามาสอย่างเด็ดขาด บ่งบอกชัดเจนว่าข้อตกลงหยุดยิง และการอ้างเรื่องตัวประกัน เป็นเพียงคำพูดเลื่อนลอย โดยมีเหตุผลหลัก คือการทำลายฮามาส ที่เป็นอุปสรรคคอยขัดขวางแผนการยึดครองฉนวนกาซาของอิสราเอล โดยใช้ข้ออ้างวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลก่อน เพื่อทำลายฮามาสให้สิ้นซาก ขณะเดียวกัน อัลจาซีรารายงานว่า กองทัพอิสราเอลยึดครองพื้นที่ในฉนวนกาซามากถึงร้อยละ 69 โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่เขตห้ามเข้า
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • วุ่นแล้วล่ะสิ เมื่อศูนย์ฝึกกีฬามวยสากลของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในพื้นที่เขตบางกะปิ อาจจะมีปัญหาโครงสร้าง เนื่องจากได้ว่าจ้าง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ก่อสร้างด้วยงบประมาณ 608.4 ล้านบาท ซึ่งตกเป็นประเด็นหลัง ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่จตุจักร ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030669
    วุ่นแล้วล่ะสิ เมื่อศูนย์ฝึกกีฬามวยสากลของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในพื้นที่เขตบางกะปิ อาจจะมีปัญหาโครงสร้าง เนื่องจากได้ว่าจ้าง บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ก่อสร้างด้วยงบประมาณ 608.4 ล้านบาท ซึ่งตกเป็นประเด็นหลัง ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่จตุจักร ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000030669
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 979 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมียวดี – เกิดเหตุไฟไหม้อาคารโรงแรมหย่าไถ้อินเตอร์เนชั่นแนล ของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จีนในเมืองชเวโก๊กโก่ เมียวดี ที่ได้ชื่อเป็นเมืองศูนย์กลางแก๊งคอลฯ หวิดวอด

    วันนี้(20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.15 น.เศษที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารโรงแรมขนาดใหญ่ของบริษัทหย่าไถ้อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นอาคารสูงไม่ต่ำกว่า 10 ชั้น เปิดบริการมาได้ร่วมปีในเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ ตรงข้ามบ้านวังผา หมู่ 4 ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จ.ตาก โดยไม่ทราบสาเหตุ

    ซึ่งเหตุดังกล่าวก่อให้เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นจากชั้นสูงสุดของอาคาร มองจากฝั่งไทยเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมเพลิงได้ในเวลาไม่นานนัก แต่ยังไม่มีรายงานถึงสาเหตุและความเสียหายอย่างชุดเจน

    ทั้งนี้เมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ เป็นพื้นที่เขตอิทธิพลของกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force หรือ BGF) ประจำ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา กระทั่งปี 2560 ได้มีการให้สัมปทานแก่กลุ่มทุนหย่าไถ้ บนเนื้อที่ประมาณ 6,324 ไร่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000026636

    #MGROnline #ชเวโก๊กโก่ #โรงแรมหย่าไถ้อินเตอร์เนชั่นแนล
    เมียวดี – เกิดเหตุไฟไหม้อาคารโรงแรมหย่าไถ้อินเตอร์เนชั่นแนล ของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จีนในเมืองชเวโก๊กโก่ เมียวดี ที่ได้ชื่อเป็นเมืองศูนย์กลางแก๊งคอลฯ หวิดวอด • วันนี้(20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.15 น.เศษที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารโรงแรมขนาดใหญ่ของบริษัทหย่าไถ้อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นอาคารสูงไม่ต่ำกว่า 10 ชั้น เปิดบริการมาได้ร่วมปีในเมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ ตรงข้ามบ้านวังผา หมู่ 4 ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จ.ตาก โดยไม่ทราบสาเหตุ • ซึ่งเหตุดังกล่าวก่อให้เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นจากชั้นสูงสุดของอาคาร มองจากฝั่งไทยเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมเพลิงได้ในเวลาไม่นานนัก แต่ยังไม่มีรายงานถึงสาเหตุและความเสียหายอย่างชุดเจน • ทั้งนี้เมืองใหม่ชเวโก๊กโก่ เป็นพื้นที่เขตอิทธิพลของกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force หรือ BGF) ประจำ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา กระทั่งปี 2560 ได้มีการให้สัมปทานแก่กลุ่มทุนหย่าไถ้ บนเนื้อที่ประมาณ 6,324 ไร่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000026636 • #MGROnline #ชเวโก๊กโก่ #โรงแรมหย่าไถ้อินเตอร์เนชั่นแนล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพวิดีโอช่วงเวลาที่สมาชิกหน่วยรบพิเศษ Akhmat ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกหน่วยหนึ่งที่เข้าร่วมภารกิจเสี่ยงชีวิตมุดท่อก๊าซในพื้นที่เขตรอบเมืองซูดจา(Sudzha) กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางใกล้หมู่บ้าน Kubatkin ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่หน่วยนี้รับผิดชอบ หลังเพิ่งออกมาจากท่อก๊าซ

    ภารกิจครั้งนี้ นอกจากหน่วยพิเศษ Akhmat แล้ว ยังประกอบไปด้วยกองกำลังพิเศษของกองพลที่ 11 , กองพลทหารผ่านศึก และกองพลวอสตอก (Vostok)
    ภาพวิดีโอช่วงเวลาที่สมาชิกหน่วยรบพิเศษ Akhmat ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกหน่วยหนึ่งที่เข้าร่วมภารกิจเสี่ยงชีวิตมุดท่อก๊าซในพื้นที่เขตรอบเมืองซูดจา(Sudzha) กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางใกล้หมู่บ้าน Kubatkin ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่หน่วยนี้รับผิดชอบ หลังเพิ่งออกมาจากท่อก๊าซ ภารกิจครั้งนี้ นอกจากหน่วยพิเศษ Akhmat แล้ว ยังประกอบไปด้วยกองกำลังพิเศษของกองพลที่ 11 , กองพลทหารผ่านศึก และกองพลวอสตอก (Vostok)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้
    .
    เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์
    .
    พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ
    .
    โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน
    .
    จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้
    .
    พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล
    .
    ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป
    .
    สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย”
    ---------
    ที่มา : เดลินิวส์
    ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้ . เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์ . พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ . โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน . จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้ . พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล . ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป . สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย” --------- ที่มา : เดลินิวส์ ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1043 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเหตุการณ์รถถังของกองกำลังอิสราเอลเคลื่อนกำลังเข้าไปในพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002 เพื่อบังคับชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนออกจากพื้นที่

    เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเนทันยาฮู และอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหม ประกาศว่า เป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายในเขตเวสต์แบงก์ และมีคำสั่งยกระดับปฏิบัติการทหารอย่างเข้มข้น

    แคทซ์ ประกาศว่ากองกำลังอิสราเอลจะปักหลักในเวสต์แบงก์ต่อไปอีกหลายปีนับจากนี้ และส่งสัญญาณว่าชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนจะต้องอพยพออกไปและจะไม่สามารถกลับคืนถิ่นฐานได้อีก

    ทางด้านนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์ Al-Haq เรียกร้องให้มีการ "แทรกแซงระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วน" เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ 40,000 คน กำลังถูกบังคับให้ออกถิ่นฐานตนเอง นับตั้งแต่เริ่มมีการหยุดยิงในฉนวนกาซา
    ภาพเหตุการณ์รถถังของกองกำลังอิสราเอลเคลื่อนกำลังเข้าไปในพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002 เพื่อบังคับชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนออกจากพื้นที่ เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเนทันยาฮู และอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหม ประกาศว่า เป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายในเขตเวสต์แบงก์ และมีคำสั่งยกระดับปฏิบัติการทหารอย่างเข้มข้น แคทซ์ ประกาศว่ากองกำลังอิสราเอลจะปักหลักในเวสต์แบงก์ต่อไปอีกหลายปีนับจากนี้ และส่งสัญญาณว่าชาวปาเลสไตน์ราวสี่หมื่นคนจะต้องอพยพออกไปและจะไม่สามารถกลับคืนถิ่นฐานได้อีก ทางด้านนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์ Al-Haq เรียกร้องให้มีการ "แทรกแซงระหว่างประเทศอย่างเร่งด่วน" เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ 40,000 คน กำลังถูกบังคับให้ออกถิ่นฐานตนเอง นับตั้งแต่เริ่มมีการหยุดยิงในฉนวนกาซา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 492 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมอนามัย ลงพื้นที่เชียงใหม่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่น

    วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย
    แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการ
    ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และทีมงานกรมอนามัย ได้ลงพื้นที่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย
    และมุ้งสู้ฝุ่นให้แก่กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และพี่น้องประชาชน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ที่พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐานในระดับสีแดง คือ มากกว่า 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดกันหลายวัน และคาดว่าจะยาวนานจนถึงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตสุขภาพที่ 1 ทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ในปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคอัมพาตฉับพลัน (Stroke) และโรคหืด (Asthma) ที่เกิดจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น

    ด้าน แพทย์หญิงนงนุช รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม รองรับภาวะฉุกเฉินกรมอนามัย (HPEHOC) ให้เตรียมรับมือในการดูแลสุขภาพประชาชน กรมอนามัยจึงได้จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ โดยส่งเสริมให้เกิดห้องปลอดฝุ่น และมุ้งสู้ฝุ่น ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้แก่การให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม อาทิ 1) การปิดประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่บ้านเรือน
    2) กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในช่วงวิกฤตฝุ่นควัน 3) หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ คือ หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 4) งดออกกำลังกาย หรือทำงานหนักกลางแจ้ง ในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพ 5) ลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยลดการเผาทุกชนิด 6) การทำความสะอาดบ้านเพื่อลดความเข้มข้นของฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ แทนการใช้ไม้กวาดที่จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย กรมอนามัยมีความห่วงใยประชาชน จึงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มอบ หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย ให้กับกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ และ มอบมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5
    @Say_May
    กรมอนามัย / 21 กุมภาพันธ์ 2568
    กรมอนามัย ลงพื้นที่เชียงใหม่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่น วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และทีมงานกรมอนามัย ได้ลงพื้นที่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่นให้แก่กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และพี่น้องประชาชน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ที่พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐานในระดับสีแดง คือ มากกว่า 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดกันหลายวัน และคาดว่าจะยาวนานจนถึงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตสุขภาพที่ 1 ทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ในปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคอัมพาตฉับพลัน (Stroke) และโรคหืด (Asthma) ที่เกิดจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น ด้าน แพทย์หญิงนงนุช รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม รองรับภาวะฉุกเฉินกรมอนามัย (HPEHOC) ให้เตรียมรับมือในการดูแลสุขภาพประชาชน กรมอนามัยจึงได้จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ โดยส่งเสริมให้เกิดห้องปลอดฝุ่น และมุ้งสู้ฝุ่น ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้แก่การให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม อาทิ 1) การปิดประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่บ้านเรือน 2) กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในช่วงวิกฤตฝุ่นควัน 3) หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ คือ หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 4) งดออกกำลังกาย หรือทำงานหนักกลางแจ้ง ในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพ 5) ลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยลดการเผาทุกชนิด 6) การทำความสะอาดบ้านเพื่อลดความเข้มข้นของฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ แทนการใช้ไม้กวาดที่จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย กรมอนามัยมีความห่วงใยประชาชน จึงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มอบ หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย ให้กับกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ และ มอบมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 @Say_May กรมอนามัย / 21 กุมภาพันธ์ 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1470 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68

    โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า

    ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

    ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน

    สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก

    ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    #Newskit
    ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68 โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 742 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารยูเครน 16 นาย ยอมจำนนต่อนักรบรัสเซียในทิศทางคูราโคเว (Kurakhove)

    ทหารยูเครนบางนายเพิ่งมาถึงแนวหน้าเมื่อวันที่ 2 มกราคมนี่เอง และถูกส่งไปที่แนวหน้าในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมของ Kurakhove ทันที

    เป็นที่ทราบกันดีว่า การสู้รบในแนวหน้าทิศทาง Kurakhove นั้นดุเดือดเข้มข้นเป็นอย่างมาก
    ทหารยูเครน 16 นาย ยอมจำนนต่อนักรบรัสเซียในทิศทางคูราโคเว (Kurakhove) ทหารยูเครนบางนายเพิ่งมาถึงแนวหน้าเมื่อวันที่ 2 มกราคมนี่เอง และถูกส่งไปที่แนวหน้าในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมของ Kurakhove ทันที เป็นที่ทราบกันดีว่า การสู้รบในแนวหน้าทิศทาง Kurakhove นั้นดุเดือดเข้มข้นเป็นอย่างมาก
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝั่งธนยังต้องทน ก่อสร้างตลอดปี

    นับตั้งแต่ฝั่งธนบุรีมีการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บนถนนพระรามที่ 2 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) บนถนนสุขสวัสดิ์ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน และถนนประชาธิปก มาตั้งแต่ปี 2565 ทำการจราจรติดขัดทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นแล้ว ในปี 2568 มีการก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งทางยกระดับและรถไฟฟ้า คราวนี้กระทบโซนปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี ถึงถนนพุทธมณฑล สาย 4

    เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.2568 เวลา 22.00 น. จะปิดสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชั่น และถนนสุทธาวาส เพื่อดำเนินงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใช้เส้นทางนี้ระหว่างแยกพรานนก สถานีรถไฟธนบุรี ข้ามสะพานไปยังฝั่งถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน เพื่อไปออกถนนบรมราชชนนี สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน ถึงถนนกาญจนาภิเษก ได้รับผลกระทบ

    โดยผู้รับจ้างจะรื้อถอนสะพานข้ามแยกดังกล่าวเพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ OR2 จากนั้นจะก่อสร้างสะพานทดแทน ในเดือน ธ.ค.2569 และคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือน มิ.ย.2571 รวมระยะเวลาประมาณ 3 ปีครึ่ง

    อย่างต่อมา คือ การก่อสร้างส่วนต่อขยายทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี) ช่วงพุทธมณฑลสาย 3-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทางประมาณ 4.7 กิโลเมตร ปีงบประมาณ 2568 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 4,490 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 6 สัญญา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการคำนวณราคากลาง

    อีกโครงการหนึ่ง คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน–บางบัวทอง (M9) ระยะทาง 38 กิโลเมตร พาดผ่านพื้นที่เขตบางขุนเทียน เขตบางแค เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กทม. กับ อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ และ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 คาดว่าจะเปิดประมูลปลายปี 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี

    สำหรับส่วนต่อขยายถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 ที่จะแบ่งเบาการจราจรถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนี ได้แก่ โครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 2-ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,532 ล้านบาท ปัจจุบันคืบหน้าแล้ว 72.14% คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือน มิ.ย.2568 และโครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 3-ถนนพุทธมณฑลสาย 4 สิ้นสุดบริเวณตรงข้ามปากซอยกระทุ่มล้ม 9 อ.สามพราน จ.นครปฐม ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,299.90 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 720 วัน สิ้นสุดสัญญาเดือน ก.ย.2569

    #Newskit
    ฝั่งธนยังต้องทน ก่อสร้างตลอดปี นับตั้งแต่ฝั่งธนบุรีมีการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก บนถนนพระรามที่ 2 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) บนถนนสุขสวัสดิ์ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน และถนนประชาธิปก มาตั้งแต่ปี 2565 ทำการจราจรติดขัดทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นแล้ว ในปี 2568 มีการก่อสร้างเพิ่มเติมทั้งทางยกระดับและรถไฟฟ้า คราวนี้กระทบโซนปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี ถึงถนนพุทธมณฑล สาย 4 เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.2568 เวลา 22.00 น. จะปิดสะพานข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชั่น และถนนสุทธาวาส เพื่อดำเนินงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใช้เส้นทางนี้ระหว่างแยกพรานนก สถานีรถไฟธนบุรี ข้ามสะพานไปยังฝั่งถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน เพื่อไปออกถนนบรมราชชนนี สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน ถึงถนนกาญจนาภิเษก ได้รับผลกระทบ โดยผู้รับจ้างจะรื้อถอนสะพานข้ามแยกดังกล่าวเพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางขุนนนท์ OR2 จากนั้นจะก่อสร้างสะพานทดแทน ในเดือน ธ.ค.2569 และคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือน มิ.ย.2571 รวมระยะเวลาประมาณ 3 ปีครึ่ง อย่างต่อมา คือ การก่อสร้างส่วนต่อขยายทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี) ช่วงพุทธมณฑลสาย 3-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทางประมาณ 4.7 กิโลเมตร ปีงบประมาณ 2568 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 4,490 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 6 สัญญา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการคำนวณราคากลาง อีกโครงการหนึ่ง คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน–บางบัวทอง (M9) ระยะทาง 38 กิโลเมตร พาดผ่านพื้นที่เขตบางขุนเทียน เขตบางแค เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กทม. กับ อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ และ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 คาดว่าจะเปิดประมูลปลายปี 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี สำหรับส่วนต่อขยายถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 ที่จะแบ่งเบาการจราจรถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนี ได้แก่ โครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 2-ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,532 ล้านบาท ปัจจุบันคืบหน้าแล้ว 72.14% คาดว่าจะเปิดให้บริการเดือน มิ.ย.2568 และโครงการต่อเชื่อมถนนพุทธมณฑลสาย 3-ถนนพุทธมณฑลสาย 4 สิ้นสุดบริเวณตรงข้ามปากซอยกระทุ่มล้ม 9 อ.สามพราน จ.นครปฐม ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 1,299.90 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 720 วัน สิ้นสุดสัญญาเดือน ก.ย.2569 #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1505 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวะนรก ก่อนถึงความสูญเสีย

    อุบัติเหตุรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน พุ่งชนตำรวจจราจร ประชาชน และนักเรียนที่กำลังเลิกเรียน บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านดอนขวาง ถนนเพชรมาตุคลา ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 23 ธ.ค. 2567 เป็นเหตุให้ ร.ต.ท.วิมุต แท่นสุโพธิ์ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิต บาดเจ็บอีก 9 คน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกชนได้รับความเสียหายนับสิบคัน คนขับรถคันดังกล่าวคือ นายธเนศ อาศรัยเจ้า สภาพมึนเมาพูดคุยไม่รู้เรื่อง เมื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบพุ่งสูงขึ้นถึง 194 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

    เหตุการณ์นี้นอกจากจะเกิดความสูญเสียที่เป็นผลมาจากเมาแล้วขับโดยตรงแล้ว อาจเป็นจังหวะนรกของคนบางกลุ่ม

    เพราะเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ตัวแทนภาคเอกชน 14 องค์กรในจังหวัดนครราชสีมาเข้าพบ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อมอบกระเช้าแสดงความยินดี และหารือเรื่องความเดือดร้อนของผู้ประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหาร และประชาชนในพื้นที่ อ้างว่ามาตรการการตั้งด่านทำให้ประชาชนไม่กล้าออกมาใช้บริการ เศรษฐกิจในพื้นที่ซบเซา ซึ่ง พล.ต.ท.วัฒนา รับปากว่าจะกำชับให้ลดตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ แต่ให้เน้นการตั้งด่านบนถนนสายหลักเพื่อป้องกันอาชญากรรม และสิ่งของผิดกฎหมายเท่านั้น

    จากโศกนาฎกรรมดังกล่าว ทำให้เฟซบุ๊กเพจ "เพื่อนตำรวจ" กระบอกเสียงของตำรวจชั้นผู้น้อย ระบุว่า ผู้ประกอบการเพิ่งตบเท้าเข้าพบ ผบช.ภาค 3 ให้ลดการตั้งด่านเมาเเล้วขับ โดยอ้างเหตุผลว่าเศรษฐกิจซบเซาเพราะตำรวจตั้งด่านกวดขัน วันนี้ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิตเพราะคนเมาเเล้วขับ 14 องค์กรภาคเอกชนจะรับผิดชอบยังไง?

    จังหวะนรกก่อนหน้านี้ เมื่อเช้าวันที่ 1 ต.ค. 2567 สมาคมธุรกิจรถตู้ต่างจังหวัด ยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีให้แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะระเบียบของกรมการขนส่งทางบกที่กำหนดให้รถตู้โดยสารที่มีอายุ 13 ปี จะต้องเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสทั้งหมด ซึ่งผู้ประกอบการรถตู้มองว่าไม่คุ้มทุน จากต้นทุนเชื้อเพลิงของรถมินิบัสสูงกว่ารถตู้ แต่คนที่ใช้บริการเป็นประจำทราบดีว่า รถตู้ส่วนหนึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง

    ปรากฎว่า ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน เกิดโศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาบนถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ภายหลังสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า สาเหตุมาจากการรั่วไกลของก๊าซเอ็นจีวีบริเวณส่วนหน้าของรถ และพบว่ามีการติดถังถังก๊าซเอ็นจีวีมากกว่าที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

    #Newskit
    จังหวะนรก ก่อนถึงความสูญเสีย อุบัติเหตุรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน พุ่งชนตำรวจจราจร ประชาชน และนักเรียนที่กำลังเลิกเรียน บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านดอนขวาง ถนนเพชรมาตุคลา ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 23 ธ.ค. 2567 เป็นเหตุให้ ร.ต.ท.วิมุต แท่นสุโพธิ์ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิต บาดเจ็บอีก 9 คน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกชนได้รับความเสียหายนับสิบคัน คนขับรถคันดังกล่าวคือ นายธเนศ อาศรัยเจ้า สภาพมึนเมาพูดคุยไม่รู้เรื่อง เมื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบพุ่งสูงขึ้นถึง 194 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เหตุการณ์นี้นอกจากจะเกิดความสูญเสียที่เป็นผลมาจากเมาแล้วขับโดยตรงแล้ว อาจเป็นจังหวะนรกของคนบางกลุ่ม เพราะเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ตัวแทนภาคเอกชน 14 องค์กรในจังหวัดนครราชสีมาเข้าพบ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อมอบกระเช้าแสดงความยินดี และหารือเรื่องความเดือดร้อนของผู้ประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหาร และประชาชนในพื้นที่ อ้างว่ามาตรการการตั้งด่านทำให้ประชาชนไม่กล้าออกมาใช้บริการ เศรษฐกิจในพื้นที่ซบเซา ซึ่ง พล.ต.ท.วัฒนา รับปากว่าจะกำชับให้ลดตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ แต่ให้เน้นการตั้งด่านบนถนนสายหลักเพื่อป้องกันอาชญากรรม และสิ่งของผิดกฎหมายเท่านั้น จากโศกนาฎกรรมดังกล่าว ทำให้เฟซบุ๊กเพจ "เพื่อนตำรวจ" กระบอกเสียงของตำรวจชั้นผู้น้อย ระบุว่า ผู้ประกอบการเพิ่งตบเท้าเข้าพบ ผบช.ภาค 3 ให้ลดการตั้งด่านเมาเเล้วขับ โดยอ้างเหตุผลว่าเศรษฐกิจซบเซาเพราะตำรวจตั้งด่านกวดขัน วันนี้ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิตเพราะคนเมาเเล้วขับ 14 องค์กรภาคเอกชนจะรับผิดชอบยังไง? จังหวะนรกก่อนหน้านี้ เมื่อเช้าวันที่ 1 ต.ค. 2567 สมาคมธุรกิจรถตู้ต่างจังหวัด ยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีให้แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะระเบียบของกรมการขนส่งทางบกที่กำหนดให้รถตู้โดยสารที่มีอายุ 13 ปี จะต้องเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสทั้งหมด ซึ่งผู้ประกอบการรถตู้มองว่าไม่คุ้มทุน จากต้นทุนเชื้อเพลิงของรถมินิบัสสูงกว่ารถตู้ แต่คนที่ใช้บริการเป็นประจำทราบดีว่า รถตู้ส่วนหนึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง ปรากฎว่า ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน เกิดโศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาบนถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ภายหลังสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า สาเหตุมาจากการรั่วไกลของก๊าซเอ็นจีวีบริเวณส่วนหน้าของรถ และพบว่ามีการติดถังถังก๊าซเอ็นจีวีมากกว่าที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1697 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts