• ใครเหนือกว่าใครในระบบการเงินโลกใหม่?
    BEYOND DIGITAL : The new world financial system?
    เหลือเวลาเพียง 5 นาทีใน 24 ชม.ของระบบ ในระบบโลกการเงินแบบเก่าที่เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลเงินหลักของโลกในวันนี้ กำลังๆๆๆ หมดคุณค่าที่เป็นเงินตราของโลกเข้ามาทุกที อะไรจะมาแทนระหว่าง Bitcoin กับ Digital Yuan?

    ถ้าโลกแบ่งออกเป็นสองขั้วทางการเงินใหญ่ ๆ คือ
    • ฝ่ายอเมริกาและพันธมิตรเลือกใช้ Bitcoin
    • ฝ่ายจีนและกลุ่ม BRICS เลือกใช้ Digital หยวน (e-CNY)
    จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจระดับโลกครั้งใหญ่มาก เราอาจจะได้เห็นระบบการเงินโลกใหม่ที่ไม่ได้มีศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป
    ลักษณะของระบบการเงินทั้งสอง
    1. ฝ่ายอเมริกา + พันธมิตร (Bitcoin)
    • ไร้ศูนย์กลาง (Decentralized) ไม่มีรัฐบาลควบคุม
    • ใช้ระบบ Blockchain แบบเปิด โปร่งใสและตรวจสอบได้
    • มีจำนวนจำกัด (21 ล้าน BTC) ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อน้อยในระยะยาว
    • อิงหลักการ ตลาดเสรี และความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน
    • ธนาคารกลางจะมีบทบาทลดลงมาก หรือถูกบีบให้ปรับตัว
    2. ฝ่ายจีน + BRICS (Digital Yuan/e-CNY)
    • มีศูนย์กลาง (Centralized) ควบคุมโดยรัฐและธนาคารกลางจีน
    • ใช้ Blockchain แบบปิด หรือเทคโนโลยี ledger เฉพาะภายใน
    • ใช้เป็นเครื่องมือกำหนดนโยบายการเงินของรัฐได้อย่างแม่นยำ
    • ติดตามและควบคุมธุรกรรมของผู้ใช้งานได้
    • สร้างระบบการโอนเงินระหว่างประเทศใหม่ เช่น CIPS แทน SWIFT
    จุดร่วมของทั้งสองระบบ
    • เป็น เงินดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain หรือ DLT
    • มีความเร็วในการโอนเงินข้ามประเทศสูงกว่าระบบธนาคารเดิม
    • ลดต้นทุนในการทำธุรกรรม
    • เป็นการท้าทายระบบการเงินเดิมที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ
    จุดแตกต่างหลัก
    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    • ระบบการเงินโลกจะแตกออกเป็น 2 มาตรฐาน เหมือนสงครามเย็นทางเศรษฐกิจ
    • ประเทศต่าง ๆ อาจต้องเลือกข้าง หรือพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองให้รองรับทั้งสองระบบ
    • ดอลลาร์สหรัฐอาจสูญเสียสถานะการเป็นเงินสำรองหลักของโลก หาก Bitcoin หรือ e-CNY ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
    • แรงกดดันต่อ IMF, World Bank และระบบ SWIFT ให้ปรับตัวหรือเสื่อมอิทธิพลลง
    • เกิดโอกาสใหม่สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ที่จะพึ่งพาระบบใหม่โดยไม่ผ่านระบบดั้งเดิมของตะวันตก
    นี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชั่วโมงต่อไปในวันใหม่ เราจะยื่นตรงไหนจะเลือกใช่ระบบการเงินใหม่ในโลกอนาคตกันอย่างไรตัวเราเล็กเกินที่จะกำหนดอะไรได้เองแต่เราเลือกที่จะเข้าใจและเลือกที่จะเดินไปพร้อมกับระบบใหม่นี้กันดีกว่า...

    TABU
    รัชชสิทธิ์ เปี่ยมโรจนภัทร
    ใครเหนือกว่าใครในระบบการเงินโลกใหม่? BEYOND DIGITAL : The new world financial system? เหลือเวลาเพียง 5 นาทีใน 24 ชม.ของระบบ ในระบบโลกการเงินแบบเก่าที่เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลเงินหลักของโลกในวันนี้ กำลังๆๆๆ หมดคุณค่าที่เป็นเงินตราของโลกเข้ามาทุกที อะไรจะมาแทนระหว่าง Bitcoin กับ Digital Yuan? ถ้าโลกแบ่งออกเป็นสองขั้วทางการเงินใหญ่ ๆ คือ • ฝ่ายอเมริกาและพันธมิตรเลือกใช้ Bitcoin • ฝ่ายจีนและกลุ่ม BRICS เลือกใช้ Digital หยวน (e-CNY) จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจระดับโลกครั้งใหญ่มาก เราอาจจะได้เห็นระบบการเงินโลกใหม่ที่ไม่ได้มีศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป ลักษณะของระบบการเงินทั้งสอง 1. ฝ่ายอเมริกา + พันธมิตร (Bitcoin) • ไร้ศูนย์กลาง (Decentralized) ไม่มีรัฐบาลควบคุม • ใช้ระบบ Blockchain แบบเปิด โปร่งใสและตรวจสอบได้ • มีจำนวนจำกัด (21 ล้าน BTC) ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อน้อยในระยะยาว • อิงหลักการ ตลาดเสรี และความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน • ธนาคารกลางจะมีบทบาทลดลงมาก หรือถูกบีบให้ปรับตัว 2. ฝ่ายจีน + BRICS (Digital Yuan/e-CNY) • มีศูนย์กลาง (Centralized) ควบคุมโดยรัฐและธนาคารกลางจีน • ใช้ Blockchain แบบปิด หรือเทคโนโลยี ledger เฉพาะภายใน • ใช้เป็นเครื่องมือกำหนดนโยบายการเงินของรัฐได้อย่างแม่นยำ • ติดตามและควบคุมธุรกรรมของผู้ใช้งานได้ • สร้างระบบการโอนเงินระหว่างประเทศใหม่ เช่น CIPS แทน SWIFT จุดร่วมของทั้งสองระบบ • เป็น เงินดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain หรือ DLT • มีความเร็วในการโอนเงินข้ามประเทศสูงกว่าระบบธนาคารเดิม • ลดต้นทุนในการทำธุรกรรม • เป็นการท้าทายระบบการเงินเดิมที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ จุดแตกต่างหลัก ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น • ระบบการเงินโลกจะแตกออกเป็น 2 มาตรฐาน เหมือนสงครามเย็นทางเศรษฐกิจ • ประเทศต่าง ๆ อาจต้องเลือกข้าง หรือพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองให้รองรับทั้งสองระบบ • ดอลลาร์สหรัฐอาจสูญเสียสถานะการเป็นเงินสำรองหลักของโลก หาก Bitcoin หรือ e-CNY ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง • แรงกดดันต่อ IMF, World Bank และระบบ SWIFT ให้ปรับตัวหรือเสื่อมอิทธิพลลง • เกิดโอกาสใหม่สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ที่จะพึ่งพาระบบใหม่โดยไม่ผ่านระบบดั้งเดิมของตะวันตก นี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชั่วโมงต่อไปในวันใหม่ เราจะยื่นตรงไหนจะเลือกใช่ระบบการเงินใหม่ในโลกอนาคตกันอย่างไรตัวเราเล็กเกินที่จะกำหนดอะไรได้เองแต่เราเลือกที่จะเข้าใจและเลือกที่จะเดินไปพร้อมกับระบบใหม่นี้กันดีกว่า... TABU รัชชสิทธิ์ เปี่ยมโรจนภัทร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนระงับการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ทั้งหมด

    อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของสื่อตะวันตก จีนได้หยุดนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ มาเป็นเวลากว่า 60 วันแล้ว เนื่องจากสงครามด้านภาษี จีนตอบโต้สหรัฐด้วยการขึ้นภาษี LNG 15% ในเดือนกุมภาพันธ์ และครั้งล่าสุดเพิ่มเป็น 49% ทำให้ LNG ของสหรัฐต้องออกจากตลาดจีนไปโดยปริยาย

    คาดว่าสหรัฐจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากคำสั่งซื้อจากจีน มีปริมาณไม่ติด 1 ใน 20 ของผู้สั่งซื้อ LNG จากสหรัฐ

    สาเหตุที่จันระงับการสั่งซื้อ อาจมาหลายปัจจัย นอกจากนี้การตอบโต้สหรัฐแล้ว จีนกำลังมองหาหุ้นส่วนใหม่ที่ให้ข้อเสนอในราคาต่ำกว่า 9 ดอลลาร์ ฤดูหนาวที่ไม่รุนแรง และปริมาณสำรองของจีนยังอยู่ในสถานะสูงสุด ทำให้ความต้องการของจีนน้อยลง

    คาดการณ์กันว่า จีนจะระงับการสั่งซื้อไปตลอดปี 2025 นี้
    จีนระงับการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของสื่อตะวันตก จีนได้หยุดนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ มาเป็นเวลากว่า 60 วันแล้ว เนื่องจากสงครามด้านภาษี จีนตอบโต้สหรัฐด้วยการขึ้นภาษี LNG 15% ในเดือนกุมภาพันธ์ และครั้งล่าสุดเพิ่มเป็น 49% ทำให้ LNG ของสหรัฐต้องออกจากตลาดจีนไปโดยปริยาย คาดว่าสหรัฐจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากคำสั่งซื้อจากจีน มีปริมาณไม่ติด 1 ใน 20 ของผู้สั่งซื้อ LNG จากสหรัฐ สาเหตุที่จันระงับการสั่งซื้อ อาจมาหลายปัจจัย นอกจากนี้การตอบโต้สหรัฐแล้ว จีนกำลังมองหาหุ้นส่วนใหม่ที่ให้ข้อเสนอในราคาต่ำกว่า 9 ดอลลาร์ ฤดูหนาวที่ไม่รุนแรง และปริมาณสำรองของจีนยังอยู่ในสถานะสูงสุด ทำให้ความต้องการของจีนน้อยลง คาดการณ์กันว่า จีนจะระงับการสั่งซื้อไปตลอดปี 2025 นี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • 170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️

    📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️

    🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍

    แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม"

    📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398

    จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂

    กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง

    นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย

    💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก…

    ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต

    หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร

    ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น

    👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้

    การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾

    🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล

    ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️

    📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง...
    ✅ เปิดประตูการค้าเสรี
    ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก
    ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว
    ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง
    ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง

    📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง

    😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้

    ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด

    ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่

    ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้

    ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย

    ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”?
    📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ
    📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ
    📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก
    📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น

    📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต

    🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม

    ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า?

    “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง

    ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5

    สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568

    📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย
    #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม
    #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย
    #โลกาภิวัตน์กับไทย
    170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️ 📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️ 🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍 แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม" 📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂 กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย 💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก… ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น 👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้ การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾 🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️ 📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง... ✅ เปิดประตูการค้าเสรี ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง 📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง 😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้ ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่ ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้ ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”? 📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ 📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ 📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก 📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น 📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต 🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า? “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5 สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568 📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย #โลกาภิวัตน์กับไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน

    ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน
    - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า
    - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia

    ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน
    - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน
    - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน

    ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
    - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ
    - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ

    ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน
    - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก
    - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด

    https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    WCCFTECH.COM
    Intel Sees No Leverage From the Trump Administration, Now Requires Export License to Sell Gaudi Chips to China
    US chipmaker Intel hasn't seen any exemption at all, as it is reported that the firm would require a license to sell its chips in China.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก TechSpot ระบุว่า ความหนาแน่นของพลังงานและความร้อนที่เพิ่มขึ้น กำลังเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง โดยปัญหานี้เกิดจาก การสิ้นสุดของ Dennard scaling ซึ่งเคยช่วยให้สามารถลดแรงดันไฟฟ้าพร้อมกับการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์

    ✅ ความหนาแน่นของพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดวิกฤตความร้อนในชิปยุคใหม่
    - อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลต่อ ประสิทธิภาพและการใช้พลังงานของชิป
    - ความร้อนที่มากเกินไปสามารถ ชะลอการส่งสัญญาณ, ลดประสิทธิภาพ และเพิ่มการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า

    ✅ การสิ้นสุดของ Dennard scaling ทำให้แรงดันไฟฟ้าไม่สามารถลดลงได้อีก
    - ก่อนปี 2000 วิศวกรสามารถ ลดแรงดันไฟฟ้าพร้อมกับการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์
    - แต่ในปัจจุบัน แรงดันไฟฟ้าไม่สามารถลดลงได้อีก ทำให้พลังงานที่ใช้ต่อพื้นที่เพิ่มขึ้น

    ✅ เทคโนโลยีใหม่ เช่น CFETs อาจทำให้ปัญหาความร้อนรุนแรงขึ้น
    - CFETs (Complementary Field-Effect Transistors) เพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์โดยการซ้อนกัน
    - การจำลองแสดงให้เห็นว่า CFETs อาจเพิ่มอุณหภูมิของชิปขึ้น 9°C

    ✅ นักวิจัยกำลังพัฒนาแนวทางใหม่ในการจัดการความร้อน
    - Microfluidic cooling: ใช้ของเหลวไหลผ่านช่องทางระดับไมโครภายในชิป
    - Jet impingement: ใช้กระแสของเหลวความเร็วสูงเพื่อระบายความร้อน
    - Immersion cooling: จุ่มบอร์ดทั้งหมดลงในของเหลวที่นำความร้อนได้ดี

    ✅ แนวทางใหม่ในการจัดการพลังงานของชิป
    - Backside power delivery network (BSPDN): ย้ายเครือข่ายจ่ายไฟไปด้านหลังของชิปเพื่อลดความต้านทานไฟฟ้า
    - BSPDN อาจช่วยลดแรงดันไฟฟ้า แต่ อาจเพิ่มอุณหภูมิของชิปขึ้น 14°C

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - หากปัญหาความร้อนยังคงเพิ่มขึ้น อาจทำให้ การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ต้องชะลอตัว

    ℹ️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่
    - เทคโนโลยีเช่น microfluidic cooling และ immersion cooling อาจมีต้นทุนสูงและต้องปรับโครงสร้างพื้นฐาน

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ในอนาคต
    - หาก BSPDN ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม อาจช่วยให้ ชิปสามารถทำงานที่แรงดันไฟฟ้าต่ำลงและลดความร้อน

    https://www.techspot.com/news/107585-rising-power-density-heat-threaten-future-advanced-semiconductors.html
    รายงานจาก TechSpot ระบุว่า ความหนาแน่นของพลังงานและความร้อนที่เพิ่มขึ้น กำลังเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง โดยปัญหานี้เกิดจาก การสิ้นสุดของ Dennard scaling ซึ่งเคยช่วยให้สามารถลดแรงดันไฟฟ้าพร้อมกับการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ ✅ ความหนาแน่นของพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดวิกฤตความร้อนในชิปยุคใหม่ - อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลต่อ ประสิทธิภาพและการใช้พลังงานของชิป - ความร้อนที่มากเกินไปสามารถ ชะลอการส่งสัญญาณ, ลดประสิทธิภาพ และเพิ่มการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า ✅ การสิ้นสุดของ Dennard scaling ทำให้แรงดันไฟฟ้าไม่สามารถลดลงได้อีก - ก่อนปี 2000 วิศวกรสามารถ ลดแรงดันไฟฟ้าพร้อมกับการเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ - แต่ในปัจจุบัน แรงดันไฟฟ้าไม่สามารถลดลงได้อีก ทำให้พลังงานที่ใช้ต่อพื้นที่เพิ่มขึ้น ✅ เทคโนโลยีใหม่ เช่น CFETs อาจทำให้ปัญหาความร้อนรุนแรงขึ้น - CFETs (Complementary Field-Effect Transistors) เพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์โดยการซ้อนกัน - การจำลองแสดงให้เห็นว่า CFETs อาจเพิ่มอุณหภูมิของชิปขึ้น 9°C ✅ นักวิจัยกำลังพัฒนาแนวทางใหม่ในการจัดการความร้อน - Microfluidic cooling: ใช้ของเหลวไหลผ่านช่องทางระดับไมโครภายในชิป - Jet impingement: ใช้กระแสของเหลวความเร็วสูงเพื่อระบายความร้อน - Immersion cooling: จุ่มบอร์ดทั้งหมดลงในของเหลวที่นำความร้อนได้ดี ✅ แนวทางใหม่ในการจัดการพลังงานของชิป - Backside power delivery network (BSPDN): ย้ายเครือข่ายจ่ายไฟไปด้านหลังของชิปเพื่อลดความต้านทานไฟฟ้า - BSPDN อาจช่วยลดแรงดันไฟฟ้า แต่ อาจเพิ่มอุณหภูมิของชิปขึ้น 14°C ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - หากปัญหาความร้อนยังคงเพิ่มขึ้น อาจทำให้ การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ต้องชะลอตัว ℹ️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่ - เทคโนโลยีเช่น microfluidic cooling และ immersion cooling อาจมีต้นทุนสูงและต้องปรับโครงสร้างพื้นฐาน ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ในอนาคต - หาก BSPDN ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม อาจช่วยให้ ชิปสามารถทำงานที่แรงดันไฟฟ้าต่ำลงและลดความร้อน https://www.techspot.com/news/107585-rising-power-density-heat-threaten-future-advanced-semiconductors.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Rising power density and heat threaten the future of advanced semiconductors
    The underlying issue is closely linked to the end of Dennard scaling, a principle that once allowed engineers to shrink transistors and reduce voltage simultaneously – keeping...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tesla กำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับ การปรับเปลี่ยนค่ามิเตอร์ระยะทาง (odometer) ในรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าซ่อมแพงขึ้นและหมดสิทธิ์รับบริการภายใต้การรับประกันเร็วกว่าที่ควร

    ✅ Tesla ถูกกล่าวหาว่าปรับเปลี่ยนค่ามิเตอร์ระยะทางเพื่อหลีกเลี่ยงการรับประกัน
    - คดีนี้ถูกยื่นโดย Nyree Hinton ซึ่งซื้อ Tesla Model Y ปี 2020 ในเดือนธันวาคม 2022
    - รถของเขามีระยะทาง 36,772 ไมล์ ซึ่งยังอยู่ภายใต้การรับประกัน 50,000 ไมล์

    ✅ Hinton พบว่าระยะทางที่บันทึกเพิ่มขึ้นผิดปกติ
    - จากเดือนธันวาคม 2022 ถึงกุมภาพันธ์ 2023 เขาขับรถเฉลี่ย 55.54 ไมล์ต่อวัน
    - แต่ระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2023 ระยะทางที่บันทึกเพิ่มขึ้นเป็น 72.53 ไมล์ต่อวัน

    ✅ Tesla ออกประกาศเรียกคืนเกี่ยวกับปัญหาระบบกันสะเทือน แต่ Hinton ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง
    - เมื่อเขานำรถเข้าซ่อมในเดือนมกราคม 2024 Tesla แจ้งว่า การรับประกันหมดอายุแล้ว
    - ในเดือนตุลาคม 2024 ระบบกันสะเทือนของรถเสียหายจนต้องลากไปที่ศูนย์บริการ ซึ่ง Tesla แจ้งว่าค่าซ่อมอยู่ที่ $10,000

    ✅ Hinton ยื่นฟ้อง Tesla และขอให้คดีนี้เป็นคดีแบบกลุ่ม
    - หากคดีได้รับสถานะ class-action เจ้าของ Tesla รายอื่นที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้าร่วมได้

    ✅ มีเจ้าของ Tesla รายอื่นที่พบปัญหาคล้ายกัน
    - ผู้ใช้ใน Reddit และฟอรัมของ Tesla รายงานว่าระยะทางที่บันทึกสูงกว่าความเป็นจริง

    https://www.techspot.com/news/107589-tesla-sued-allegedly-faking-odometer-readings-avoid-warranty.html
    Tesla กำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับ การปรับเปลี่ยนค่ามิเตอร์ระยะทาง (odometer) ในรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าซ่อมแพงขึ้นและหมดสิทธิ์รับบริการภายใต้การรับประกันเร็วกว่าที่ควร ✅ Tesla ถูกกล่าวหาว่าปรับเปลี่ยนค่ามิเตอร์ระยะทางเพื่อหลีกเลี่ยงการรับประกัน - คดีนี้ถูกยื่นโดย Nyree Hinton ซึ่งซื้อ Tesla Model Y ปี 2020 ในเดือนธันวาคม 2022 - รถของเขามีระยะทาง 36,772 ไมล์ ซึ่งยังอยู่ภายใต้การรับประกัน 50,000 ไมล์ ✅ Hinton พบว่าระยะทางที่บันทึกเพิ่มขึ้นผิดปกติ - จากเดือนธันวาคม 2022 ถึงกุมภาพันธ์ 2023 เขาขับรถเฉลี่ย 55.54 ไมล์ต่อวัน - แต่ระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2023 ระยะทางที่บันทึกเพิ่มขึ้นเป็น 72.53 ไมล์ต่อวัน ✅ Tesla ออกประกาศเรียกคืนเกี่ยวกับปัญหาระบบกันสะเทือน แต่ Hinton ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง - เมื่อเขานำรถเข้าซ่อมในเดือนมกราคม 2024 Tesla แจ้งว่า การรับประกันหมดอายุแล้ว - ในเดือนตุลาคม 2024 ระบบกันสะเทือนของรถเสียหายจนต้องลากไปที่ศูนย์บริการ ซึ่ง Tesla แจ้งว่าค่าซ่อมอยู่ที่ $10,000 ✅ Hinton ยื่นฟ้อง Tesla และขอให้คดีนี้เป็นคดีแบบกลุ่ม - หากคดีได้รับสถานะ class-action เจ้าของ Tesla รายอื่นที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้าร่วมได้ ✅ มีเจ้าของ Tesla รายอื่นที่พบปัญหาคล้ายกัน - ผู้ใช้ใน Reddit และฟอรัมของ Tesla รายงานว่าระยะทางที่บันทึกสูงกว่าความเป็นจริง https://www.techspot.com/news/107589-tesla-sued-allegedly-faking-odometer-readings-avoid-warranty.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tesla sued for allegedly faking odometer readings to avoid warranty repairs
    Nyree Hinton brought the suit after he bought a 2020 Tesla Model Y in December 2022 with 36,772 miles on the clock, which meant it was still...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kraken ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังปรับโครงสร้างองค์กรโดย ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อน และรวมทีมที่มีบทบาทคล้ายกัน ขณะที่ยังคงเปิดรับสมัครในตำแหน่งสำคัญ

    ✅ Kraken ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร
    - บริษัทกำลัง ปรับทีมงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาว
    - การปรับลดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Kraken ลดพนักงานลง 15% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 400 คน

    ✅ Kraken กำลังขยายธุรกิจไปยังตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
    - บริษัทประกาศซื้อ NinjaTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์สสำหรับนักลงทุนรายย่อย
    - การเข้าซื้อกิจการนี้มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และช่วยให้ Kraken สามารถขยายไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

    ✅ Kraken ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีของ SEC
    - คดีที่ SEC กล่าวหา Kraken ว่า ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม
    - Kraken ระบุว่าการยกเลิกคดีนี้เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต

    ✅ Kraken เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน
    - บริษัทเริ่มให้บริการ ซื้อขายหุ้นและ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ กว่า 11,000 รายการ
    - นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการ ขยายผลิตภัณฑ์และเพิ่มฐานผู้ใช้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/kraken-lays-off-hundreds-ahead-of-ipo-coindesk-reports
    Kraken ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังปรับโครงสร้างองค์กรโดย ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อน และรวมทีมที่มีบทบาทคล้ายกัน ขณะที่ยังคงเปิดรับสมัครในตำแหน่งสำคัญ ✅ Kraken ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร - บริษัทกำลัง ปรับทีมงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาว - การปรับลดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Kraken ลดพนักงานลง 15% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 400 คน ✅ Kraken กำลังขยายธุรกิจไปยังตลาดการเงินแบบดั้งเดิม - บริษัทประกาศซื้อ NinjaTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์สสำหรับนักลงทุนรายย่อย - การเข้าซื้อกิจการนี้มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และช่วยให้ Kraken สามารถขยายไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ✅ Kraken ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีของ SEC - คดีที่ SEC กล่าวหา Kraken ว่า ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม - Kraken ระบุว่าการยกเลิกคดีนี้เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต ✅ Kraken เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน - บริษัทเริ่มให้บริการ ซื้อขายหุ้นและ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ กว่า 11,000 รายการ - นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการ ขยายผลิตภัณฑ์และเพิ่มฐานผู้ใช้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/kraken-lays-off-hundreds-ahead-of-ipo-coindesk-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Cryptocurrency exchange Kraken cuts redundant roles amid traditional finance push
    (Reuters) - Kraken, one of the world's largest cryptocurrency exchanges, is reorganizing its workforce by reducing some positions and consolidating teams where redundancies exist, while continuing to hire in key areas, a company spokesperson said on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน

    ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา
    - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล
    - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว

    ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
    - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า
    - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้

    ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
    - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet
    - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด

    ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน
    - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่
    - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ

    ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน
    - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ระบุว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติม รวมถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Google มีการผูกขาดที่ผิดกฎหมายในเทคโนโลยีโฆษณา - คดีนี้เกี่ยวข้องกับ Google Network ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาซื้อพื้นที่โฆษณาแบบประมูล - อัยการระบุว่า Google ใช้อำนาจเหนือเทคโนโลยีโฆษณาเพื่อกำจัดคู่แข่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้เผยแพร่โฆษณา เช่น สำนักข่าว ✅ Google อ้างว่าการแข่งขันของตนเป็นผลจากเทคโนโลยีที่เหนือกว่า - Google ระบุว่า บริษัทสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า - อย่างไรก็ตาม ศาลไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งนี้ ✅ ธุรกิจโฆษณาของ Google มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท - รายได้จากโฆษณาคิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งหมดของ Alphabet - Google Network คิดเป็น 8.7% ของรายได้ทั้งหมด ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจสั่งให้ Google แยกธุรกิจโฆษณาออกจากกัน - หน่วยงานกำกับดูแลต้องพิจารณาว่า Google ควรขายแพลตฟอร์ม Google Ad Manager หรือไม่ - Google เคยเสนอขาย Advertising Exchange เพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด แต่ผู้เผยแพร่โฆษณาปฏิเสธข้อเสนอ ✅ Google เตรียมอุทธรณ์คำตัดสิน - กระบวนการทางกฎหมายอาจใช้เวลาหลายปี หากไม่มีการตกลงกันระหว่าง Google และรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/explainer-what-does-ruling-on-google039s-illegal-ad-tech-monopoly-mean
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Explainer-What does ruling on Google's illegal ad tech monopoly mean?
    SAN FRANCISCO (Reuters) -A U.S. judge's ruling that Google has illegal monopolies in ad technology sets up the possibility of U.S. prosecutors seeking a breakup. Here's what the case involves and what Google owner Alphabet faces from here.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดจาก CSO Online ระบุว่า การเมืองกำลังส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติใบรับรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือในระดับสากล

    ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเชื่อมโยงใบรับรองความปลอดภัยกับจุดยืนทางการเมือง
    - คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นเซอร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งปี 2020 และ COVID-19 จะถูกเพิกถอนใบรับรองความปลอดภัย
    - Chris Krebs อดีตหัวหน้า CISA ถูกเพิกถอนใบรับรอง และบริษัท SentinelOne ที่เขาเกี่ยวข้องก็ได้รับผลกระทบ

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยกังวลว่าการเมืองจะทำให้ข้อมูลภัยคุกคามขาดความน่าเชื่อถือ
    - CISOs อาจต้องพิจารณาว่าข้อมูลจากบริษัทอเมริกัน ได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลหรือไม่
    - มีความกังวลว่าบริษัทอาจถูกกดดันให้ ละเว้นข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากบางประเทศ

    ✅ บริษัทด้านความปลอดภัยจากประเทศอื่นอาจได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้
    - บริษัทจาก แคนาดา, ออสเตรเลีย, อิสราเอล, อินเดีย, เยอรมนี และญี่ปุ่น อาจได้รับความไว้วางใจมากขึ้น
    - CISOs อาจต้องพิจารณา เปลี่ยนไปใช้บริการจากบริษัทที่ไม่ได้รับอิทธิพลทางการเมือง

    ✅ การเพิกถอนใบรับรองของ SentinelOne อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
    - หากรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการนี้กับบริษัทอื่น อาจทำให้ อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือ

    https://www.csoonline.com/article/3965056/will-politicization-of-security-clearances-make-us-cybersecurity-firms-radioactive.html
    รายงานล่าสุดจาก CSO Online ระบุว่า การเมืองกำลังส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติใบรับรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือในระดับสากล ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเชื่อมโยงใบรับรองความปลอดภัยกับจุดยืนทางการเมือง - คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นเซอร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งปี 2020 และ COVID-19 จะถูกเพิกถอนใบรับรองความปลอดภัย - Chris Krebs อดีตหัวหน้า CISA ถูกเพิกถอนใบรับรอง และบริษัท SentinelOne ที่เขาเกี่ยวข้องก็ได้รับผลกระทบ ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยกังวลว่าการเมืองจะทำให้ข้อมูลภัยคุกคามขาดความน่าเชื่อถือ - CISOs อาจต้องพิจารณาว่าข้อมูลจากบริษัทอเมริกัน ได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลหรือไม่ - มีความกังวลว่าบริษัทอาจถูกกดดันให้ ละเว้นข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากบางประเทศ ✅ บริษัทด้านความปลอดภัยจากประเทศอื่นอาจได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้ - บริษัทจาก แคนาดา, ออสเตรเลีย, อิสราเอล, อินเดีย, เยอรมนี และญี่ปุ่น อาจได้รับความไว้วางใจมากขึ้น - CISOs อาจต้องพิจารณา เปลี่ยนไปใช้บริการจากบริษัทที่ไม่ได้รับอิทธิพลทางการเมือง ✅ การเพิกถอนใบรับรองของ SentinelOne อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น - หากรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการนี้กับบริษัทอื่น อาจทำให้ อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือ https://www.csoonline.com/article/3965056/will-politicization-of-security-clearances-make-us-cybersecurity-firms-radioactive.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Will politicization of security clearances make US cybersecurity firms radioactive?
    Following Trump's executive order to strip SentinelOne of its security clearances, many wonder if CISOs will soon put American security firms in the same bad light as Russia’s Kaspersky and China’s Nuctech.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ออก แพตช์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขช่องโหว่ zero-day ที่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ซับซ้อนสูง โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ CoreAudio และ RPAC ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายและข้ามการตรวจสอบสิทธิ์

    ✅ Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน CoreAudio และ RPAC
    - ช่องโหว่ CVE-2025-31200 ใน CoreAudio อาจถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายผ่านไฟล์เสียงที่ถูกดัดแปลง
    - ช่องโหว่ CVE-2025-31201 ใน RPAC อาจถูกใช้เพื่อ ข้ามการตรวจสอบ Pointer Authentication ซึ่งช่วยป้องกันการโจมตีแบบ memory corruption

    ✅ ช่องโหว่นี้ถูกใช้ใน "การโจมตีที่ซับซ้อนสูง" บน iOS
    - Apple ระบุว่า มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีบุคคลเป้าหมาย
    - แม้ว่าจะพบการโจมตีบน iPhone แต่ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ iOS, iPadOS, tvOS, visionOS และ macOS

    ✅ Apple ได้ออกแพตช์สำหรับทุกระบบที่ได้รับผลกระทบ
    - ระบบที่ได้รับการแก้ไข ได้แก่ tvOS 18.4.1, visionOS 2.4.1, iOS 18.4.1, iPadOS 18.4.1 และ macOS Sequoia 15.4.1
    - อุปกรณ์ที่ได้รับแพตช์ ได้แก่ iPhone XS และรุ่นใหม่กว่า, iPad Pro 13-inch, iPad Air 3rd generation และ iPad mini 5th generation

    ✅ Apple เผชิญกับช่องโหว่ zero-day หลายครั้งในปีนี้
    - นี่เป็นช่องโหว่ zero-day ครั้งที่ 5 ในปี 2025 ที่ Apple ต้องแก้ไข
    - ในปี 2024 Apple เผชิญกับ 6 ช่องโหว่ zero-day รวมถึงช่องโหว่ที่ถูกใช้ใน Operation Triangulation

    https://www.csoonline.com/article/3964668/hackers-target-apple-users-in-an-extremely-sophisticated-attack.html
    Apple ได้ออก แพตช์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขช่องโหว่ zero-day ที่ถูกใช้ใน การโจมตีที่ซับซ้อนสูง โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ CoreAudio และ RPAC ซึ่งสามารถถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายและข้ามการตรวจสอบสิทธิ์ ✅ Apple ออกแพตช์ฉุกเฉินเพื่อแก้ไขช่องโหว่ใน CoreAudio และ RPAC - ช่องโหว่ CVE-2025-31200 ใน CoreAudio อาจถูกใช้เพื่อ รันโค้ดที่เป็นอันตรายผ่านไฟล์เสียงที่ถูกดัดแปลง - ช่องโหว่ CVE-2025-31201 ใน RPAC อาจถูกใช้เพื่อ ข้ามการตรวจสอบ Pointer Authentication ซึ่งช่วยป้องกันการโจมตีแบบ memory corruption ✅ ช่องโหว่นี้ถูกใช้ใน "การโจมตีที่ซับซ้อนสูง" บน iOS - Apple ระบุว่า มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีบุคคลเป้าหมาย - แม้ว่าจะพบการโจมตีบน iPhone แต่ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ iOS, iPadOS, tvOS, visionOS และ macOS ✅ Apple ได้ออกแพตช์สำหรับทุกระบบที่ได้รับผลกระทบ - ระบบที่ได้รับการแก้ไข ได้แก่ tvOS 18.4.1, visionOS 2.4.1, iOS 18.4.1, iPadOS 18.4.1 และ macOS Sequoia 15.4.1 - อุปกรณ์ที่ได้รับแพตช์ ได้แก่ iPhone XS และรุ่นใหม่กว่า, iPad Pro 13-inch, iPad Air 3rd generation และ iPad mini 5th generation ✅ Apple เผชิญกับช่องโหว่ zero-day หลายครั้งในปีนี้ - นี่เป็นช่องโหว่ zero-day ครั้งที่ 5 ในปี 2025 ที่ Apple ต้องแก้ไข - ในปี 2024 Apple เผชิญกับ 6 ช่องโหว่ zero-day รวมถึงช่องโหว่ที่ถูกใช้ใน Operation Triangulation https://www.csoonline.com/article/3964668/hackers-target-apple-users-in-an-extremely-sophisticated-attack.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Hackers target Apple users in an ‘extremely sophisticated attack’
    The bugs, found in Apple’s CoreAudio and RPAC components, enabled code execution and memory corruption attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้ อนุภาคทองคำระดับนาโน (plasmonic gold nanorods - AuNRs) เพื่อช่วยฟื้นฟูการมองเห็นสำหรับผู้ที่มีภาวะจอประสาทตาเสื่อม (macular degeneration) และโรคเรตินิติส พิกเมนโตซา (retinitis pigmentosa)

    ✅ นักวิทยาศาสตร์ใช้อนุภาคทองคำระดับนาโนเพื่อช่วยฟื้นฟูการมองเห็น
    - อนุภาคทองคำเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก บางกว่าผมมนุษย์หลายพันเท่า
    - สามารถกระตุ้นเซลล์ประสาทตา โดยใช้แสงเลเซอร์อินฟราเรด

    ✅ เทคนิคนี้ช่วยให้เซลล์ประสาทตาทำงานแทนเซลล์รับแสงที่เสียหาย
    - เซลล์ที่ถูกกระตุ้น ได้แก่ เซลล์ไบโพลาร์และเซลล์แกงเกลียน ซึ่งส่งสัญญาณไปยังสมอง
    - ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับรู้ภาพได้ แม้เซลล์รับแสงจะถูกทำลาย

    ✅ ข้อดีของเทคนิคนี้เมื่อเทียบกับการรักษาแบบเดิม
    - ไม่ต้องผ่าตัดซับซ้อน เหมือนการฝังอิเล็กโทรดในจอประสาทตา
    - ไม่ต้องใช้การดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อให้เซลล์ตอบสนองต่อแสง

    ✅ การทดลองในหนูแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี
    - หนูที่ได้รับการรักษามี กิจกรรมของสมองเพิ่มขึ้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น
    - ไม่มีผลข้างเคียงหรือความเป็นพิษ แม้จะผ่านไปหลายเดือนหลังการฉีด

    ✅ นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับมนุษย์ในอนาคต
    - อาจมีการพัฒนา อุปกรณ์สวมใส่ เช่น แว่นตาหรือแว่นตา VR ที่มีเลเซอร์ในตัว
    - ต้องมีการศึกษาต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่า เทคนิคนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในมนุษย์

    ℹ️ ผลกระทบต่อการรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม
    - หากเทคนิคนี้ได้รับการพัฒนา อาจช่วยให้ ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

    ℹ️ ความท้าทายในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับมนุษย์
    - ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพื่อ ตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระยะยาว

    ℹ️ แนวโน้มของการใช้อนุภาคนาโนในการรักษาโรคตา
    - หากเทคโนโลยีนี้ประสบความสำเร็จ อาจมีการนำไปใช้กับ โรคตาอื่นๆ เช่น เบาหวานขึ้นตา

    https://www.neowin.net/news/study-finds-gold-can-hold-the-key-to-let-people-see-way-better/
    นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้ อนุภาคทองคำระดับนาโน (plasmonic gold nanorods - AuNRs) เพื่อช่วยฟื้นฟูการมองเห็นสำหรับผู้ที่มีภาวะจอประสาทตาเสื่อม (macular degeneration) และโรคเรตินิติส พิกเมนโตซา (retinitis pigmentosa) ✅ นักวิทยาศาสตร์ใช้อนุภาคทองคำระดับนาโนเพื่อช่วยฟื้นฟูการมองเห็น - อนุภาคทองคำเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก บางกว่าผมมนุษย์หลายพันเท่า - สามารถกระตุ้นเซลล์ประสาทตา โดยใช้แสงเลเซอร์อินฟราเรด ✅ เทคนิคนี้ช่วยให้เซลล์ประสาทตาทำงานแทนเซลล์รับแสงที่เสียหาย - เซลล์ที่ถูกกระตุ้น ได้แก่ เซลล์ไบโพลาร์และเซลล์แกงเกลียน ซึ่งส่งสัญญาณไปยังสมอง - ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับรู้ภาพได้ แม้เซลล์รับแสงจะถูกทำลาย ✅ ข้อดีของเทคนิคนี้เมื่อเทียบกับการรักษาแบบเดิม - ไม่ต้องผ่าตัดซับซ้อน เหมือนการฝังอิเล็กโทรดในจอประสาทตา - ไม่ต้องใช้การดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อให้เซลล์ตอบสนองต่อแสง ✅ การทดลองในหนูแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี - หนูที่ได้รับการรักษามี กิจกรรมของสมองเพิ่มขึ้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น - ไม่มีผลข้างเคียงหรือความเป็นพิษ แม้จะผ่านไปหลายเดือนหลังการฉีด ✅ นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับมนุษย์ในอนาคต - อาจมีการพัฒนา อุปกรณ์สวมใส่ เช่น แว่นตาหรือแว่นตา VR ที่มีเลเซอร์ในตัว - ต้องมีการศึกษาต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่า เทคนิคนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในมนุษย์ ℹ️ ผลกระทบต่อการรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม - หากเทคนิคนี้ได้รับการพัฒนา อาจช่วยให้ ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ℹ️ ความท้าทายในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับมนุษย์ - ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพื่อ ตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระยะยาว ℹ️ แนวโน้มของการใช้อนุภาคนาโนในการรักษาโรคตา - หากเทคโนโลยีนี้ประสบความสำเร็จ อาจมีการนำไปใช้กับ โรคตาอื่นๆ เช่น เบาหวานขึ้นตา https://www.neowin.net/news/study-finds-gold-can-hold-the-key-to-let-people-see-way-better/
    WWW.NEOWIN.NET
    Study finds gold can hold the key to let people see way better
    Researchers have discovered that a particular form of gold can actually help people see way better by improving the eye's vision.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮามาส “ไม่ตกลง” กับข้อเสนอหยุดยิงของอิสราเอล

    อิสราเอลเสนอจะหยุดการโจมตีเป็นเวลา 6 สัปดาห์ แต่จะต้องให้ฮามาสยอมทิ้งอาวุธทั้งหมด และปล่อยตัวตัวประกันที่อีก 24 คน

    ฮามาสปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว เนื่องจากข้อตกลงไม่ได้รวมถึงการยุติสงครามหรือการถอนทหารอิสราเอลออกจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็น 2 สิ่งที่ฮามาสบอกว่าไม่สามารถต่อรองได้

    นอกจากนี้ ฮามาสต้องการข้อตกลงหยุดยิงอย่างถาวรจากที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่อิสราเอลมาทำลายไปเสียก่อน

    ในขณะที่อิสราเอลยังคงปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น อาหาร เชื้อเพลิง ยารักษาโรคไม่ให้เข้าสู่ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก และโรงพยาบาลต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
    ฮามาส “ไม่ตกลง” กับข้อเสนอหยุดยิงของอิสราเอล อิสราเอลเสนอจะหยุดการโจมตีเป็นเวลา 6 สัปดาห์ แต่จะต้องให้ฮามาสยอมทิ้งอาวุธทั้งหมด และปล่อยตัวตัวประกันที่อีก 24 คน ฮามาสปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว เนื่องจากข้อตกลงไม่ได้รวมถึงการยุติสงครามหรือการถอนทหารอิสราเอลออกจากฉนวนกาซา ซึ่งเป็น 2 สิ่งที่ฮามาสบอกว่าไม่สามารถต่อรองได้ นอกจากนี้ ฮามาสต้องการข้อตกลงหยุดยิงอย่างถาวรจากที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่อิสราเอลมาทำลายไปเสียก่อน ในขณะที่อิสราเอลยังคงปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น อาหาร เชื้อเพลิง ยารักษาโรคไม่ให้เข้าสู่ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก และโรงพยาบาลต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่น่าสนใจ:

    อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ โพสต์ข้อความ "ยูเครนตกลงหยุดยิงอย่างถาวรและไม่มีเงื่อนไข"

    และในช่วงเวลาเดียวกัน เซเลนสกี โพสต์ข้อความยืนยันมีการสนทนากับประธานาธิบดีฟินแลนด์จริง และพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง

    "ขณะนี้ผ่านมา 36 วันแล้วที่สหรัฐฯ เสนอให้หยุดการโจมตีทางอากาศ ทางทะเล และทางบกอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข ยูเครนยอมรับข้อเสนอนี้ทันที เมื่อกว่าหนึ่งเดือนก่อน รัสเซียยังคงเพิกเฉยต่อข้อเสนอนี้ และยังคงไม่รู้สึกถึงผลกระทบใดๆ นั่นคือปัญหาสำคัญ" ข้อความบางส่วนของเซเลนสกี

    เหตุการณ์นี้น่าสนใจตรงที่ เซเลนสกีกลับมาพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง หลังจากรัสเซียโจมตีอย่างหนักในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคซูมี ซึ่งส่งผลให้ทหารยูเครนกว่า 60 ราย รวมทั้งผู้บัญชาการทหารต้องเสียชีวิตในครั้งนี้

    นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทรัมป์ปฏิเสธส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธห้กับยูเครนรวมกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ ตามรายงานที่สื่อนำเสนอ ทรัมป์สนใจการ "เจรจากับปูติน" มากกว่าที่จะส่งอาวุธให้ยูเครน
    สิ่งที่น่าสนใจ: อเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ โพสต์ข้อความ "ยูเครนตกลงหยุดยิงอย่างถาวรและไม่มีเงื่อนไข" และในช่วงเวลาเดียวกัน เซเลนสกี โพสต์ข้อความยืนยันมีการสนทนากับประธานาธิบดีฟินแลนด์จริง และพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง "ขณะนี้ผ่านมา 36 วันแล้วที่สหรัฐฯ เสนอให้หยุดการโจมตีทางอากาศ ทางทะเล และทางบกอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข ยูเครนยอมรับข้อเสนอนี้ทันที เมื่อกว่าหนึ่งเดือนก่อน รัสเซียยังคงเพิกเฉยต่อข้อเสนอนี้ และยังคงไม่รู้สึกถึงผลกระทบใดๆ นั่นคือปัญหาสำคัญ" ข้อความบางส่วนของเซเลนสกี เหตุการณ์นี้น่าสนใจตรงที่ เซเลนสกีกลับมาพูดถึงข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้ง หลังจากรัสเซียโจมตีอย่างหนักในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคซูมี ซึ่งส่งผลให้ทหารยูเครนกว่า 60 ราย รวมทั้งผู้บัญชาการทหารต้องเสียชีวิตในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทรัมป์ปฏิเสธส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธห้กับยูเครนรวมกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ ตามรายงานที่สื่อนำเสนอ ทรัมป์สนใจการ "เจรจากับปูติน" มากกว่าที่จะส่งอาวุธให้ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในปี 2024 บอท (Bots) คิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง โดยรายงานจาก Imperva ระบุว่า บอทที่เป็นอันตราย (Bad Bots) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวและค้าปลีก

    ✅ บอทคิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2024
    - รายงานจาก Imperva ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง
    - การเพิ่มขึ้นของบอทส่วนหนึ่งมาจาก AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM)

    ✅ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการท่องเที่ยวและค้าปลีก
    - บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 41% ของปริมาณการใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
    - ในอุตสาหกรรมค้าปลีก บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 59% ของปริมาณการใช้งาน

    ✅ ByteSpider Bot เป็นตัวการสำคัญของการโจมตีที่ใช้ AI
    - ByteSpider Bot คิดเป็น 54% ของการโจมตีที่ใช้ AI
    - บอทอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ AppleBot (26%), ClaudeBot (13%) และ ChatGPT User Bot (6%)

    ✅ บอทที่เป็นอันตรายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    - ในปี 2023 บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 32% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต
    - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 37% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6

    ✅ บอทที่มีประโยชน์ยังคงมีบทบาทสำคัญ
    - บอทที่ใช้ในการ จัดทำดัชนีเว็บไซต์, ตรวจสอบประสิทธิภาพ, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และรวบรวมข้อมูล ยังคงมีความจำเป็น

    https://www.techradar.com/pro/security/bots-now-account-for-over-half-of-all-internet-traffic
    ในปี 2024 บอท (Bots) คิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง โดยรายงานจาก Imperva ระบุว่า บอทที่เป็นอันตราย (Bad Bots) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวและค้าปลีก ✅ บอทคิดเป็น 51% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปี 2024 - รายงานจาก Imperva ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่บอทมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใช้จริง - การเพิ่มขึ้นของบอทส่วนหนึ่งมาจาก AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ✅ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการท่องเที่ยวและค้าปลีก - บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 41% ของปริมาณการใช้งานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว - ในอุตสาหกรรมค้าปลีก บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 59% ของปริมาณการใช้งาน ✅ ByteSpider Bot เป็นตัวการสำคัญของการโจมตีที่ใช้ AI - ByteSpider Bot คิดเป็น 54% ของการโจมตีที่ใช้ AI - บอทอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ AppleBot (26%), ClaudeBot (13%) และ ChatGPT User Bot (6%) ✅ บอทที่เป็นอันตรายกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง - ในปี 2023 บอทที่เป็นอันตรายคิดเป็น 32% ของปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต - ในปี 2024 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 37% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ✅ บอทที่มีประโยชน์ยังคงมีบทบาทสำคัญ - บอทที่ใช้ในการ จัดทำดัชนีเว็บไซต์, ตรวจสอบประสิทธิภาพ, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และรวบรวมข้อมูล ยังคงมีความจำเป็น https://www.techradar.com/pro/security/bots-now-account-for-over-half-of-all-internet-traffic
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ ได้ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อ AMD และ Nvidia โดย AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ จากสินค้าคงคลังและคำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ สหรัฐฯ ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน
    - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ AMD MI308 และ Nvidia H20 ซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตก่อนส่งออก
    - รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อ รักษาความเป็นผู้นำด้าน AI และป้องกันจีนจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือกว่า

    ✅ AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์
    - ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึง สินค้าคงคลัง, คำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ และการตั้งสำรองทางบัญชี
    - Nvidia ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยคาดว่าจะต้อง ตัดจำหน่ายสินค้าคงคลังมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์

    ✅ ข้อจำกัดนี้ทำให้บริษัทจีนหาทางนำเข้าชิปผ่านประเทศที่สาม
    - มีรายงานว่าธุรกิจจีนใช้ ตัวกลางในมาเลเซีย, เวียดนาม และไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด
    - สิงคโปร์และมาเลเซียกำลังพยายาม ลดการรั่วไหลของชิป AI ไปยังจีน แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามาตรการเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด

    ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ
    - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้เป็นไปตาม คำสั่งของประธานาธิบดี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-takes-usd800m-haircut-as-us-govt-cuts-off-chinas-ai-gpu-supply
    สหรัฐฯ ได้ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อ AMD และ Nvidia โดย AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ จากสินค้าคงคลังและคำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ ✅ สหรัฐฯ ออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกชิป AI ไปยังจีน - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ AMD MI308 และ Nvidia H20 ซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตก่อนส่งออก - รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อ รักษาความเป็นผู้นำด้าน AI และป้องกันจีนจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ✅ AMD คาดว่าจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ - ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึง สินค้าคงคลัง, คำสั่งซื้อที่ได้รับผลกระทบ และการตั้งสำรองทางบัญชี - Nvidia ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยคาดว่าจะต้อง ตัดจำหน่ายสินค้าคงคลังมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อจำกัดนี้ทำให้บริษัทจีนหาทางนำเข้าชิปผ่านประเทศที่สาม - มีรายงานว่าธุรกิจจีนใช้ ตัวกลางในมาเลเซีย, เวียดนาม และไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด - สิงคโปร์และมาเลเซียกำลังพยายาม ลดการรั่วไหลของชิป AI ไปยังจีน แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามาตรการเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่ามาตรการนี้เป็นไปตาม คำสั่งของประธานาธิบดี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-takes-usd800m-haircut-as-us-govt-cuts-off-chinas-ai-gpu-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านข่าวนี้ลุงนี่ใจหาย กลัวขึ้นมาเลย

    การศึกษาใหม่จาก UC San Francisco พบว่า การใช้ CT scan อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งใหม่ถึง 103,000 รายในสหรัฐฯ ต่อปี โดยนักวิจัยเตือนว่าความเสี่ยงจากรังสีไอออไนซ์ของ CT scan อาจสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

    ✅ CT scan อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งถึง 5% ของผู้ป่วยรายใหม่ในแต่ละปี
    - การศึกษานี้ตีพิมพ์ใน JAMA Internal Medicine และได้รับทุนสนับสนุนจาก National Institutes of Health
    - นักวิจัยพบว่า CT scan มีความเสี่ยงต่อสุขภาพเทียบเท่ากับการบริโภคแอลกอฮอล์และน้ำหนักเกิน

    ✅ จำนวนการใช้ CT scan ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก
    - ตั้งแต่ปี 2007 จำนวนการตรวจ CT scan เพิ่มขึ้น 30%
    - ในปี 2023 มีการตรวจ CT scan 93 ล้านครั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่ 103,000 รายของมะเร็งใหม่

    ✅ ผลกระทบต่อกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน
    - ผู้ใหญ่ช่วงอายุ 50-59 ปี มีอัตราการเกิดมะเร็งจาก CT scan สูงสุด
    - เด็กที่ได้รับ CT scan มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ ทารกที่มีโอกาสเกิดมะเร็งสูงกว่ากลุ่มอื่นถึง 10 เท่า

    ✅ ประเภทของมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ CT scan
    - ผู้ใหญ่: มะเร็งปอด, ลำไส้ใหญ่, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, กระเพาะปัสสาวะ และเต้านม
    - เด็ก: มะเร็งไทรอยด์, ปอด และเต้านม

    ✅ นักวิจัยแนะนำให้ลดจำนวนการใช้ CT scan ที่ไม่จำเป็น
    - CT scan ที่ใช้ตรวจ การติดเชื้อทางเดินหายใจหรืออาการปวดศีรษะโดยไม่มีอาการรุนแรง อาจไม่จำเป็น
    - ควรพิจารณาทางเลือกอื่นหรือใช้ CT scan ที่มีปริมาณรังสีต่ำกว่า

    https://www.techspot.com/news/107564-study-finds-ct-scans-could-responsible-103000-new.html
    อ่านข่าวนี้ลุงนี่ใจหาย กลัวขึ้นมาเลย การศึกษาใหม่จาก UC San Francisco พบว่า การใช้ CT scan อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งใหม่ถึง 103,000 รายในสหรัฐฯ ต่อปี โดยนักวิจัยเตือนว่าความเสี่ยงจากรังสีไอออไนซ์ของ CT scan อาจสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ✅ CT scan อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งถึง 5% ของผู้ป่วยรายใหม่ในแต่ละปี - การศึกษานี้ตีพิมพ์ใน JAMA Internal Medicine และได้รับทุนสนับสนุนจาก National Institutes of Health - นักวิจัยพบว่า CT scan มีความเสี่ยงต่อสุขภาพเทียบเท่ากับการบริโภคแอลกอฮอล์และน้ำหนักเกิน ✅ จำนวนการใช้ CT scan ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก - ตั้งแต่ปี 2007 จำนวนการตรวจ CT scan เพิ่มขึ้น 30% - ในปี 2023 มีการตรวจ CT scan 93 ล้านครั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่ 103,000 รายของมะเร็งใหม่ ✅ ผลกระทบต่อกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน - ผู้ใหญ่ช่วงอายุ 50-59 ปี มีอัตราการเกิดมะเร็งจาก CT scan สูงสุด - เด็กที่ได้รับ CT scan มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ ทารกที่มีโอกาสเกิดมะเร็งสูงกว่ากลุ่มอื่นถึง 10 เท่า ✅ ประเภทของมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับ CT scan - ผู้ใหญ่: มะเร็งปอด, ลำไส้ใหญ่, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, กระเพาะปัสสาวะ และเต้านม - เด็ก: มะเร็งไทรอยด์, ปอด และเต้านม ✅ นักวิจัยแนะนำให้ลดจำนวนการใช้ CT scan ที่ไม่จำเป็น - CT scan ที่ใช้ตรวจ การติดเชื้อทางเดินหายใจหรืออาการปวดศีรษะโดยไม่มีอาการรุนแรง อาจไม่จำเป็น - ควรพิจารณาทางเลือกอื่นหรือใช้ CT scan ที่มีปริมาณรังสีต่ำกว่า https://www.techspot.com/news/107564-study-finds-ct-scans-could-responsible-103000-new.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Study finds CT scans could be responsible for 103,000 new cancer cases in the US each year
    "CT can save lives, but its potential harms are often overlooked," said Dr. Rebecca Smith-Bindman, the study's lead author and a UCSF radiologist. Smith-Bindman, who also serves...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • Zoom ได้แก้ไขปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้ทำให้บริการต่างๆ เช่น เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว

    ✅ Zoom ประสบปัญหาขัดข้องทั่วโลก และได้รับการแก้ไขแล้ว
    - ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อ เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน
    - Downdetector รายงานว่ามีผู้ใช้ 67,280 ราย แจ้งปัญหาในช่วงเวลาสูงสุด

    ✅ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รายงานปัญหาการเข้าถึง Zoom
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก
    - Zoom ได้แจ้งผ่าน แพลตฟอร์ม X ว่าบริการได้รับการกู้คืนแล้ว

    ✅ Downdetector ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาขัดข้อง
    - ระบบรวบรวมข้อมูลจาก รายงานของผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ
    - ช่วยให้สามารถติดตามปัญหาขัดข้องของบริการออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์

    ✅ Zoom เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอลที่ได้รับความนิยมสูง
    - มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการศึกษา
    - การขัดข้องของระบบอาจส่งผลกระทบต่อการประชุมและการเรียนออนไลน์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/zoom-down-for-thousands-of-users-downdetector-shows
    Zoom ได้แก้ไขปัญหาขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายพันคนทั่วโลก โดยเหตุการณ์นี้ทำให้บริการต่างๆ เช่น เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว ✅ Zoom ประสบปัญหาขัดข้องทั่วโลก และได้รับการแก้ไขแล้ว - ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อ เว็บไซต์, วิดีโอคอล และแอปพลิเคชัน - Downdetector รายงานว่ามีผู้ใช้ 67,280 ราย แจ้งปัญหาในช่วงเวลาสูงสุด ✅ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รายงานปัญหาการเข้าถึง Zoom - ปัญหานี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก - Zoom ได้แจ้งผ่าน แพลตฟอร์ม X ว่าบริการได้รับการกู้คืนแล้ว ✅ Downdetector ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาขัดข้อง - ระบบรวบรวมข้อมูลจาก รายงานของผู้ใช้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ - ช่วยให้สามารถติดตามปัญหาขัดข้องของบริการออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ ✅ Zoom เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอลที่ได้รับความนิยมสูง - มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการศึกษา - การขัดข้องของระบบอาจส่งผลกระทบต่อการประชุมและการเรียนออนไลน์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/zoom-down-for-thousands-of-users-downdetector-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Zoom restored after outage affects thousands of users globally
    (Reuters) - Video-conferencing platform Zoom Communications said on Wednesday it had resolved a global outage that disrupted its services, including its website, video calls and application, affecting thousands of users worldwide.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • Shein และ Temu เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าในสัปดาห์หน้า เนื่องจากนโยบายของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับ ภาษีนำเข้าและการปิดช่องโหว่ทางการค้า ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น

    ✅ Shein และ Temu จะปรับขึ้นราคาสินค้าในวันที่ 25 เมษายน 2025
    - ทั้งสองบริษัทส่งจดหมายแจ้งลูกค้าให้รีบซื้อสินค้าก่อนราคาจะปรับขึ้น
    - การขึ้นราคาสินค้าเป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงกฎการค้าระหว่างประเทศและภาษีนำเข้า

    ✅ นโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Shein และ Temu
    - ก่อนหน้านี้ Shein และ Temu อาศัย ข้อยกเว้น "de minimis" ที่อนุญาตให้สินค้าราคาไม่เกิน $800 เข้าสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี
    - คำสั่งบริหารใหม่ของทรัมป์ ปิดช่องโหว่นี้ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2025

    ✅ ราคาสินค้าบนแพลตฟอร์มก่อนการปรับขึ้น
    - Shein มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $6 ถึง $91
    - Temu มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $2.48 ถึง $210

    ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    - อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/shein-temu-to-get-pricier-as-trump-cracks-down-on-cheap-imports
    Shein และ Temu เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าในสัปดาห์หน้า เนื่องจากนโยบายของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับ ภาษีนำเข้าและการปิดช่องโหว่ทางการค้า ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น ✅ Shein และ Temu จะปรับขึ้นราคาสินค้าในวันที่ 25 เมษายน 2025 - ทั้งสองบริษัทส่งจดหมายแจ้งลูกค้าให้รีบซื้อสินค้าก่อนราคาจะปรับขึ้น - การขึ้นราคาสินค้าเป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงกฎการค้าระหว่างประเทศและภาษีนำเข้า ✅ นโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Shein และ Temu - ก่อนหน้านี้ Shein และ Temu อาศัย ข้อยกเว้น "de minimis" ที่อนุญาตให้สินค้าราคาไม่เกิน $800 เข้าสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี - คำสั่งบริหารใหม่ของทรัมป์ ปิดช่องโหว่นี้ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 ✅ ราคาสินค้าบนแพลตฟอร์มก่อนการปรับขึ้น - Shein มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $6 ถึง $91 - Temu มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $2.48 ถึง $210 ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดอีคอมเมิร์ซ - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ - อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/shein-temu-to-get-pricier-as-trump-cracks-down-on-cheap-imports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Shein, Temu to get pricier as Trump cracks down on cheap imports
    (Reuters) -Chinese e-marketplace Temu and fast-fashion retailer Shein will raise prices next week as U.S. President Donald Trump's sweeping tariffs and crackdown on low-value imports push up costs for the companies known for their budget offerings.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ

    ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน
    - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE
    - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้
    - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก

    ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม
    - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่
    - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน

    ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection

    https://www.zdnet.com/article/why-the-cve-database-for-tracking-security-flaws-nearly-went-dark-and-what-happens-next/
    MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้ - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่ - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection https://www.zdnet.com/article/why-the-cve-database-for-tracking-security-flaws-nearly-went-dark-and-what-happens-next/
    WWW.ZDNET.COM
    Why the CVE database for tracking security flaws nearly went dark - and what happens next
    Expired US government funding nearly disrupted this global security system. How can we prevent this from happening again in 11 months?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ

    ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน
    - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE
    - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้
    - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก

    ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม
    - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่
    - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน

    ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection

    https://www.csoonline.com/article/3964168/mitre-funding-still-in-up-in-the-air-say-experts.html
    MITRE ได้รับการขยายสัญญาจาก CISA เพื่อดำเนินโครงการ Common Vulnerabilities and Exposures (CVE) ต่อไปอีก 11 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าโครงการอาจถูกยกเลิกเนื่องจากการตัดงบประมาณ ✅ CISA ขยายสัญญา MITRE เพื่อดำเนินโครงการ CVE ต่อไปอีก 11 เดือน - โครงการ CVE เป็นมาตรฐานสำคัญในการ ระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - การขยายสัญญาช่วยให้มี การเปลี่ยนผ่านที่เป็นระบบ และลดผลกระทบต่อชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ CVE - นักวิชาการด้านความปลอดภัยบางคนกังวลว่า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่พันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการสนับสนุนโครงการนี้ - มีการเสนอให้ตั้ง CVE Foundation เพื่อให้มีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายจากผู้สนับสนุนทั่วโลก ✅ MITRE อาจต้องหาทางออกอื่นหากไม่มีการต่อสัญญาเพิ่มเติม - มีการตั้งคำถามว่า MITRE จะสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ด้วยเงินทุนของตัวเองหรือไม่ - อาจมีความเป็นไปได้ที่ สหภาพยุโรปจะเข้ามาสนับสนุนโครงการแทน ✅ ความสำคัญของโครงการ CVE ต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ - CVE เป็น ฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถจัดการช่องโหว่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับ ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย เช่น Cyber Threat Intelligence และ Endpoint Detection https://www.csoonline.com/article/3964168/mitre-funding-still-in-up-in-the-air-say-experts.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    MITRE funding still in up in the air, say experts
    The US is “not a reliable partner” in supporting the CVE database, says one analyst; CVE board members establish the CVE Foundation in response.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น

    ✅ TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น
    - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู

    ✅ Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking"
    - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น
    - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ

    ✅ ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต
    - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
    - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน

    ✅ Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok
    - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN
    - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา

    ✅ แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X
    - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch
    - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น

    ℹ️ ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน
    - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้

    ℹ️ ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม
    - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

    ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา
    - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    TikTok กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Footnotes ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับ Community Notes ของ X (Twitter เดิม) โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอเพื่อช่วยให้เนื้อหามีความเข้าใจมากขึ้น ✅ TikTok เปิดตัว Footnotes เพื่อให้ผู้ใช้ช่วยตรวจสอบเนื้อหา - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงในวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหามีความโปร่งใสมากขึ้น - TikTok ระบุว่า Footnotes ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ชุมชนมีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่พวกเขาดู ✅ Footnotes ใช้ระบบการให้คะแนนแบบ "bridge-based ranking" - ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถ เพิ่มโน้ตและให้คะแนนโน้ตของผู้อื่น - โน้ตที่ได้รับการจัดอันดับว่า "มีประโยชน์" จากผู้ใช้ที่มีมุมมองแตกต่างกัน จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ✅ ข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเป็นผู้เพิ่มโน้ต - ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป - ต้องมี ประวัติการใช้งานที่ดี และอยู่บนแพลตฟอร์มมาอย่างน้อย 6 เดือน ✅ Footnotes ไม่ได้มาแทนที่ระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงของ TikTok - TikTok ยังคงใช้ องค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับการรับรองจาก IFCN - Footnotes เป็นเพียง อีกหนึ่งชั้นของการตรวจสอบเนื้อหา ✅ แรงบันดาลใจจาก Community Notes ของ X - Community Notes เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 ภายใต้ชื่อ Birdwatch - Elon Musk นำระบบนี้มาใช้ใน X และเพิ่มการเข้าถึงให้กว้างขึ้น ℹ️ ความท้าทายในการใช้ระบบตรวจสอบเนื้อหาที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน - แม้ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็อาจ เกิดข้อผิดพลาดหรือการบิดเบือนข้อมูล ได้ ℹ️ ผลกระทบต่อการควบคุมข้อมูลผิดบนแพลตฟอร์ม - รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า Community Notes ของ X พลาดการตรวจจับโพสต์ที่ให้ข้อมูลผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ℹ️ แนวโน้มของการใช้ AI และชุมชนในการตรวจสอบเนื้อหา - TikTok อาจต้อง ปรับปรุงระบบ Footnotes เพื่อให้สามารถตรวจจับข้อมูลผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.neowin.net/news/tiktok-is-testing-its-own-version-of-community-notes-called-footnotes/
    WWW.NEOWIN.NET
    TikTok is testing its own version of Community Notes, called Footnotes
    X's Community Notes model seems to be catching the attention of other social platforms, and now TikTok is the latest to take a swing at it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fedora Workstation 42 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมนำเสนอ GNOME 48 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย รวมถึง การปรับปรุงแอนิเมชัน, ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล และการรองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL)

    ✅ Fedora Workstation 42 มาพร้อมกับ GNOME 48
    - มี ฟอนต์ใหม่ ได้แก่ Adwaita Sans และ Adwaita Mono
    - รองรับ dynamic triple buffering เพื่อให้แอนิเมชันลื่นไหลขึ้น
    - เพิ่ม ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล เช่น การติดตามเวลาหน้าจอ, โหมด grayscale และการแจ้งเตือนให้พักสายตา

    ✅ Fedora 42 รองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL)
    - มี ภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL เพื่อให้ผู้ใช้ Windows สามารถทดลองใช้ Fedora ได้ง่ายขึ้น
    - รองรับการติดตั้งผ่าน tarballs, Appx packages และ Windows Store

    ✅ การปรับปรุง DNF5 (ตัวจัดการแพ็กเกจของ Fedora)
    - มี ตรรกะใหม่ ที่ช่วยลบ repository keys ที่หมดอายุหรือไม่ถูกต้อง เพื่อลดข้อผิดพลาดในการติดตั้งแพ็กเกจ

    ✅ การติดตั้งและอัปเดต Fedora 42
    - ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Fedora Workstation 42 ได้จาก เว็บไซต์ของ Fedora
    - หากใช้ Fedora อยู่แล้ว สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ใน Software’s updates tab

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ GNOME รุ่นก่อนหน้า
    - ผู้ใช้ที่เคยใช้ GNOME 47 อาจต้องปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลงของ UI และฟีเจอร์ใหม่

    ℹ️ ความท้าทายในการติดตั้ง Fedora บน WSL
    - แม้จะมีภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL แต่ต้องตรวจสอบว่า การทำงานร่วมกับ Windows มีข้อจำกัดหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนา Fedora ในอนาคต
    - Fedora อาจเพิ่ม ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปรับแต่ง UI ในเวอร์ชันถัดไป

    https://www.neowin.net/news/fedora-workstation-42-arrives-with-gnome-48-wsl-images-and-more/
    Fedora Workstation 42 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมนำเสนอ GNOME 48 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย รวมถึง การปรับปรุงแอนิเมชัน, ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล และการรองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL) ✅ Fedora Workstation 42 มาพร้อมกับ GNOME 48 - มี ฟอนต์ใหม่ ได้แก่ Adwaita Sans และ Adwaita Mono - รองรับ dynamic triple buffering เพื่อให้แอนิเมชันลื่นไหลขึ้น - เพิ่ม ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล เช่น การติดตามเวลาหน้าจอ, โหมด grayscale และการแจ้งเตือนให้พักสายตา ✅ Fedora 42 รองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL) - มี ภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL เพื่อให้ผู้ใช้ Windows สามารถทดลองใช้ Fedora ได้ง่ายขึ้น - รองรับการติดตั้งผ่าน tarballs, Appx packages และ Windows Store ✅ การปรับปรุง DNF5 (ตัวจัดการแพ็กเกจของ Fedora) - มี ตรรกะใหม่ ที่ช่วยลบ repository keys ที่หมดอายุหรือไม่ถูกต้อง เพื่อลดข้อผิดพลาดในการติดตั้งแพ็กเกจ ✅ การติดตั้งและอัปเดต Fedora 42 - ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Fedora Workstation 42 ได้จาก เว็บไซต์ของ Fedora - หากใช้ Fedora อยู่แล้ว สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ใน Software’s updates tab ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ GNOME รุ่นก่อนหน้า - ผู้ใช้ที่เคยใช้ GNOME 47 อาจต้องปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลงของ UI และฟีเจอร์ใหม่ ℹ️ ความท้าทายในการติดตั้ง Fedora บน WSL - แม้จะมีภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL แต่ต้องตรวจสอบว่า การทำงานร่วมกับ Windows มีข้อจำกัดหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนา Fedora ในอนาคต - Fedora อาจเพิ่ม ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปรับแต่ง UI ในเวอร์ชันถัดไป https://www.neowin.net/news/fedora-workstation-42-arrives-with-gnome-48-wsl-images-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Fedora Workstation 42 arrives with GNOME 48, WSL images, and more
    Fedora Workstation 42 is now available for download. It includes loads of new features, including GNOME 48, which has notification stacking, new fonts, well-being settings, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัว เครื่องมือใหม่ใน Copilot Studio ที่ชื่อว่า “Computer Use” ซึ่งช่วยให้ AI สามารถ โต้ตอบกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ API

    ✅ Copilot Studio เพิ่มเครื่องมือ “Computer Use” สำหรับการโต้ตอบกับแอปและเว็บไซต์
    - AI สามารถ คลิกปุ่ม, เลือกเมนู และพิมพ์ข้อความ ในแอปพลิเคชันต่างๆ
    - ทำงานได้แม้ใน สภาพแวดล้อมที่ไม่มี API สำหรับการเชื่อมต่อ

    ✅ ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของ UI
    - สามารถ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของปุ่มและหน้าจอแบบเรียลไทม์
    - มี ระบบเหตุผลในตัว ที่ช่วยให้ AI สามารถแก้ไขปัญหาได้เอง

    ✅ ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานของ Microsoft เพื่อความปลอดภัย
    - ข้อมูลของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud และ ไม่ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI
    - องค์กรสามารถใช้เครื่องมือนี้โดยไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง

    ✅ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Robotic Process Automation (RPA)
    - ใช้งานง่าย: ผู้ใช้สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการเป็นภาษาธรรมชาติ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด
    - มีความฉลาด: AI สามารถมองเห็นหน้าจอและตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์
    - มีประวัติการใช้งาน: ผู้ใช้สามารถดู ภาพหน้าจอและขั้นตอนการทำงานย้อนหลัง

    ✅ Microsoft อาจใช้เทคโนโลยีเดียวกับ OpenAI Operator
    - OpenAI เปิดตัว Operator ซึ่งใช้โมเดล Computer-Using Agent (CUA) ที่รวม GPT-4o กับ Reinforcement Learning
    - Microsoft อาจนำเทคโนโลยีเดียวกันมาใช้ใน “Computer Use”

    ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานของ AI ในองค์กร
    - AI ที่สามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันโดยตรงอาจ ลดความจำเป็นในการพัฒนา API เฉพาะทาง

    ℹ️ ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย
    - แม้ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud แต่ต้องติดตามว่า มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์
    - หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปไกล อาจนำไปสู่ AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในระบบที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/microsofts-copilot-studio-gets-a-boost-with-computer-use-tool/
    Microsoft ได้เปิดตัว เครื่องมือใหม่ใน Copilot Studio ที่ชื่อว่า “Computer Use” ซึ่งช่วยให้ AI สามารถ โต้ตอบกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ API ✅ Copilot Studio เพิ่มเครื่องมือ “Computer Use” สำหรับการโต้ตอบกับแอปและเว็บไซต์ - AI สามารถ คลิกปุ่ม, เลือกเมนู และพิมพ์ข้อความ ในแอปพลิเคชันต่างๆ - ทำงานได้แม้ใน สภาพแวดล้อมที่ไม่มี API สำหรับการเชื่อมต่อ ✅ ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของ UI - สามารถ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของปุ่มและหน้าจอแบบเรียลไทม์ - มี ระบบเหตุผลในตัว ที่ช่วยให้ AI สามารถแก้ไขปัญหาได้เอง ✅ ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานของ Microsoft เพื่อความปลอดภัย - ข้อมูลของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud และ ไม่ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI - องค์กรสามารถใช้เครื่องมือนี้โดยไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง ✅ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Robotic Process Automation (RPA) - ใช้งานง่าย: ผู้ใช้สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการเป็นภาษาธรรมชาติ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด - มีความฉลาด: AI สามารถมองเห็นหน้าจอและตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ - มีประวัติการใช้งาน: ผู้ใช้สามารถดู ภาพหน้าจอและขั้นตอนการทำงานย้อนหลัง ✅ Microsoft อาจใช้เทคโนโลยีเดียวกับ OpenAI Operator - OpenAI เปิดตัว Operator ซึ่งใช้โมเดล Computer-Using Agent (CUA) ที่รวม GPT-4o กับ Reinforcement Learning - Microsoft อาจนำเทคโนโลยีเดียวกันมาใช้ใน “Computer Use” ℹ️ ผลกระทบต่อการทำงานของ AI ในองค์กร - AI ที่สามารถโต้ตอบกับแอปพลิเคชันโดยตรงอาจ ลดความจำเป็นในการพัฒนา API เฉพาะทาง ℹ️ ความท้าทายในการรักษาความปลอดภัย - แม้ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ใน Microsoft Cloud แต่ต้องติดตามว่า มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของ AI ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์ - หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปไกล อาจนำไปสู่ AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในระบบที่ซับซ้อนมากขึ้น https://www.neowin.net/news/microsofts-copilot-studio-gets-a-boost-with-computer-use-tool/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft's Copilot Studio gets a boost with “Computer use” tool
    Microsoft has introduced a research preview tool called "Computer use" within Copilot Studio. This LLM-powered feature enables AI agents to interact directly with any website or app.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การลาออกของแพทย์ในประเทศไทย โดยระบุว่าระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญปัญหาหนัก และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไปจนถึงเจ้าหน้าที่เวรเปล กำลังแบกรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ

    วันนี้ (16 เม.ย.) นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภาออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาแพทย์ลาออก ชี้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังมีปัญหา บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับกำลังเผชิญภาระงานที่หนักขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์กำลังลาออกเนื่องจากปัญหาเรื่องการเงิน ระบบที่ไม่เห็นคุณค่า ภาระงานที่มากเกินไป และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากไม่เร่งแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์จะรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยในที่สุด ผู้โพสต์ในฐานะแพทย์และวุฒิสมาชิกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035970

    #MGROnline #แพทย์ #สมาชิกวุฒิสภา
    นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การลาออกของแพทย์ในประเทศไทย โดยระบุว่าระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญปัญหาหนัก และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไปจนถึงเจ้าหน้าที่เวรเปล กำลังแบกรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ • วันนี้ (16 เม.ย.) นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภาออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาแพทย์ลาออก ชี้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังมีปัญหา บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับกำลังเผชิญภาระงานที่หนักขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์กำลังลาออกเนื่องจากปัญหาเรื่องการเงิน ระบบที่ไม่เห็นคุณค่า ภาระงานที่มากเกินไป และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากไม่เร่งแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์จะรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยในที่สุด ผู้โพสต์ในฐานะแพทย์และวุฒิสมาชิกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035970 • #MGROnline #แพทย์ #สมาชิกวุฒิสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts