• ต้มข้ามศตวรรษ – โคตรเหี้ยม 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 1

    หนังสือ Forbes Magazine ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 1983 เขียนว่า “ครึ่งหนึ่ง ของ 10 อันดับแรก ของธนาคารเยอรมันนั้น ตั้งอยู่ที่ Frankfurt และระบบการเงินของโลกปัจจุบัน ซึ่งพัฒนามาจากระบบการเก็บภาษี และวิธีการจ่ายเงิน ที่ใช้ในสมัย Babylon ก็เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมือง Frankfurt-on-Main ซึ่งอยู่ในแคว้น Hesse

    Mayer Amschel Bauer ค้นพบว่า แม้ว่าการให้เงินกู้กับชาวนาหรือธุรกิจเล็กๆ จะทำกำไรได้ แต่กำไร ที่เป็นกอบเป็นกำกว่าแยะ คือกำไร ที่ได้มาจากการให้เงินกู้กับรัฐบาลต่างๆ

    Mayer Amschel เกิดที่เมือง Frankfurt ในปี ค.ศ. 1743 เขาแต่งงานกับ Gutta Schnapper เขาฝึกงานอยู่ที่ธนาคาร Oppenheim เมือง Hannover อยู่ 3 ปี ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสดูแลและบริการ Baron Von Estorff ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ให้กับ Landgrave Frederick ที่ II แห่ง Hesse ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในยุโรปขณะนั้น Frederick มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 70 ถึง 100 ล้านฟลอริน (florins) ซึ่งเป็นมรดกที่ได้มาจากพ่อคือ Wilhelm ที่ 8 น้องชายของกษัตริย์สวีเดน

    Boron Von Estorff บอกกับ Landgrave ว่า Mayer Amschel นี้ ฉลาดเป็นกรด ในการคิดวิธีการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยม Landgrave บอก ไปตามตัว Mayer Amschel มาพบเราเดี๋ยวนี้เลย

    ช่วงเวลาเดียวกัน George ที่ 3 กษัตริย์ของอังกฤษกำลังปวดหัว กับการกระด้างกระเดื่องของคนอเมริกัน ซึ่งอังกฤษถือว่า ยังเป็นเมืองขึ้นของตนอยู่ จึงคิดส่งทหารไปปราบคนอเมริกัน ซึ่งถนัดสู้ในสนามรบที่เป็นที่ ทุ่งกว้าง Mayer Amschel ได้โอกาส จึงเสนอให้ Landgrave รับจ้าง Goerge ที่ 3 ที่จะหาหนุ่มล่ำชาว Hesse 16,800 คน ไปช่วยรบ การรับจ้าง จัดหาคนไปรบให้อังกฤษครั้งนี้ ทำให้ Landgrave รวยขึ้นอีกแยะ แต่ Mayer Amschel รวยขึ้นในจำนวนมากกว่า
    แต่แผนการทำมาหากินของ Mayer Amschel กับ Landgrave ก็จบลงเร็ว เพราะ Landgrave อายุสั้น ตายเมื่ออายุเพียง 25 ปี Mayer Amschel จึงย้ายไปเกาะพี่ชายของ Landgrave คือ Elector Wilhelm ที่ 1 ซึ่งเกิดปีเดียวกับ Mayer Amschel และดูเหมือนจะเป็นลูกค้า (หรือ เหยื่อ) รายใหม่ ที่ทำให้ Mayer Amschel รุ่งเรืองกว่า เพราะอยู่ในมือของเขามากกว่าน้องชาย ซึ่งเอาใจ (หรือต้ม) ยากกว่า การตายกระทันหันของ Landgrave ดูเหมือนจะทำให้ Mayer Amschel ได้กลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินกองใหญ่ที่สุดในยุโรป

    เมื่อร่ำรวยขึ้น (อย่างมาก) Mayer Amschel ก็เอาโล่ห์แดง ติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ในเมือง Judengasse ซึ่งเขาแบ่งกันอยู่กับครอบครัว Schiff และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Rothschild” ตามป้ายชื่อ เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ตายในปี ค.ศ 1812 เขาทิ้งสมบัติประมาณ 1,000 ล้านแฟรงค์ ให้แก่ลูกชายของเขา ที่มีอยู่ 5 คน

    ลูกคนโต Anselm ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารที่ Frankfurt แต่ Anselm ไม่มีลูก เมื่อเขาตาย ธนาคารนี้จึงถูกปิดลง

    ลูกคนที่ 2 Solomon ถูกส่งไป Vienna ที่ ออสเตรีย เพื่อดูแลธุรกิจการธนาคาร ซึ่งเคยถูกผูกขาดอยู่ในมือของชาวยิวเพียง 5 ตระกูล

    ลูกคนที่ 3 Nathan ตั้งสาขา London หลังจากไปทำกำไรจากธุรกิจสิ่งทอในเมือง Manchester ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นบุคคล ที่วงการธุรกิจเกรงกลัว และเกลียดที่สุด

    ลูกคนที่ 4 Karl ไปเมือง Naples ที่อิตาลี และได้เป็นหัวหน้าองค์กรลึกลับ ชื่อ Alta Vendita

    ลูกคนที่ 5 James ตั้ง House of Rothschild สาขาปารีส ที่ฝรั่งเศส
    ลูกทั้ง 5 คนของ Mayer Amschel เริ่มปฎิบัติภาระกิจ ตามที่พ่อมอบหมายคือ ครอบงำรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่พวกเขากระจายกันอยู่ โดยการให้กู้เงินแก่รัฐบาลเหล่านั้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า ลูกธนู 5 ดอก

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 2

    Federic Morton เขียนไว้ในคำนำของหนังสือเรื่อง “The Rothschilds” ว่า
    ” เป็นเวลานานติดต่อกันกว่า 150 ปี ที่ตระกูล Rothschild เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตก การไม่ปล่อยเงินกู้ให้แก่เอกชน แต่ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ แทน ทำให้พวกเขาได้กำไรอย่างสูงยิ่ง มีบางคนเคยพูดว่า ความรวยของตระกูล Rothschild มาจากการล้มละลายของหลายประเทศนั่นเอง”

    หนังสือพิมพ์ Chicago Evening American ของตระกูล Hearst เศรษฐีอีกคนหนึ่งของอเมริกา ฉบับลงวันที่ 3 ธันวาคม 1923 เขียนว่า

    “พวก Rothschild จะ เป็นผู้เริ่มสงคราม หรือเป็นผู้ระงับสงครามก็ได้ พวกเขาสามารถสร้าง หรือ ทำลาย อาณาจักรใดก็ได้ การล้มละลายของนโปเลียน เป็นการเกิดขึ้นของพวก Rothschild นโปเลียนถูกวางยาพิษทีละน้อย จนถึงแก่ความตายในที่สุด (นโปเลียนเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ รูปภาพของนโปเลียนส่วนมาก จะเห็นเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ เพื่อกดท้องที่ปวดอยู่เสมอ) ผู้ที่วางยาพิษก็คือสายลับของตระกูล Rothschild นั่นเอง”

    New York Evening Post วันที่ 22 กรกฎาคม 1924 ระบุว่า Kaiser ของเยอรมัน ต้องหารือกับ Rothschild เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองควรทำสงครามหรือไม่ นายกรัฐมนตรีของ Kaiser คือ Bethmann Hollweg ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เยอรมันถล่ำตัวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เป็นสมาชิกของตระกูล Bethmann เจ้าของธนาคารที่อยู่ใน Frankfurt และเป็นญาติกับ Rothschild
    หลังจากนโปเลียนถูกกำจัดพ้นทางไป ราชวงศ์ใหญ่ที่เหลืออยู่ในสายตาของ Rothschild คือ ราชวงศ์ของอังกฤษ ราชวงศ์ของเยอรมัน และราชวงศ์ของรัสเซีย

    Rothschild เล็งเป้าแรก ไปที่ราชวงศ์ Romanov ของรัสเซีย ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ร่ำรวยมาก และลงทุนไว้ทั่วทั้งในยุโรปและอเมริกา แต่ที่สำคัญ เป็นราชวงศ์ที่ Rothschild เกลียดที่สุด และแสดงความเกลียดอย่างเปิดเผย

    Tsar Nicholas ที่ I ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบยิวและแสดงความไม่ชอบอย่างเปิดเผย ด้วยการพยายามผลักดัน ไปจนถึงขับไล่ ให้พวกยิวออกไปจากรัสเซีย แต่มีพวกยิวทำมาหากินอยู่ในรัสเซียมากมาย ขณะเดียวกันพวกยิวก็อ้างว่า Tsar นั้น ทารุณข่มเหงยิวอย่างรุนแรง Rothschild ซึ่งพื้นเพเป็นชาวยิว จึงวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะเข้าไปค้าขาย หรือทำลายอาณาจักรรัสเซีย

    เงินกู้จาก Bank of England 800,000 ปอนด์ ที่ยื่นให้กับนาย Peabody ในปี 1853 จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ Peabody และ Morgan มีภาพเป็นอเมริกัน ไม่มีกลิ่นยิวเจือปน เงื่อนไข 4 ข้อ ของ Peabody เมื่อ ตอนจะหาทายาทมารับช่วงธุรกิจของเขา น่าจะเป็นของเขาเพียงข้อสุดท้าย ส่วน 3 ข้อแรก คงเป็นเงื่อนไขของนายทุนตัวจริง ที่ต้องการให้ J P Morgan ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นอังกฤษแท้ แม้จะมีหน้าเป็นบริษัทอเมริกัน แต่ก็ต้องออกกลิ่นอังกฤษปน นับเป็นการมองการณ์ไกลอย่างยิ่งของ เจ้าพ่อ Rothschild

    ธุรกิจเงินทุนไม่ว่าจะในตลาด London หรือ Wall Street มีลูกค้าหลากหลาย บางรายอยากค้าแต่กับพวกยิวด้วยกัน บางรายก็ขออย่าให้พวกยิวมาเข้าใกล้ Rothschild เป็นยิวที่ “รู้จัก” ลูกค้าของตัวเองดี ใครอยากได้เงินกลิ่นไหน เขาจัดการให้ได้ก็แล้วกัน

    J. P Morgan จึงมีไว้สำหรับพวกไม่เอายิว พวกหัวสูงไฮโซ รัฐบาลของทั้งอังกฤษ และอเมริกา และสำหรับพวกที่อยากจะคุยแต่กับ พวกยิวด้วยกัน ก็มี Kuhn Loeb ของ Jacob Schiff เพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน และที่ Rothschild เป็นผู้ลงทุน และให้ Schiff เป็นคนออกหน้า

    Rothschild ยังมีคนออกหน้า ให้เขาหนุนอีกหลายราย โดยไม่มีใครรู้ เขาน่าจะเป็นคนเล่นซ่อนแอบเก่งตั้งแต่เด็ก
    ประมาณปี ค.ศ. 1850 กว่า ซึ่งเป็นช่วงที่ Tsar Nicholas ที่ I ปกครองรัสเซีย Alfonse Rothschild หูไว จมูกไว รู้ว่ารัสเซียมีแหล่งน้ำมันแยะ เขาจึงเข้าไปลงทุนที่ Baku ซึ่งขณะนั้นอยู่ในรัฐ Azerbaijun ประมาณปีค.ศ 1870 ถึงปี ค.ศ. 1880 เขามีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง และเริ่มส่งน้ำมันไปทั่วยุโรปผ่าน ตะวันออกกลาง ทางรถไฟ Baku – Batumi ทำท่าว่าจะสั้นไป สำหรับการส่งน้ำมัน เขาต้องหาทางเส้นทางใหม่ คลองสุเอชยาวถึง 4,000 ไมล์ น่าสนใจ แต่มันยังอยู่ในความดูแลของฝรั่งเศส แล้วเขาก็วางแผนเรื่อง Palestine ซึ่งจะต้องมีคนของพวกเขาไปอยู่ที่นั่น เพื่อดูแลผลประโยชน์แถวนั้นของพวกเขา

    เมื่อรัฐบาลอียิปต์ล้มละลายในปี ค.ศ. 1874 อังกฤษตกลงซื้อคลองสุเอชมาจากรัฐบาล อียิปต์ ด้วยเงินกู้ของ Rothschild ทั้งหมด ในการประชุมผู้ถือหุ้น Suez Canal บริษัทการเงินกลุ่มของ Rothschild ฝั่งอังกฤษ เช่น Baring Brothers, Morgan Grenfell และ Lazard Brothers นั่งเคียงรัฐบาลอังกฤษ

    แม้ว่าจะถูกกดดันจาก Tsar Nicholas เรื่องยิว แต่ Rothschild ก็ยังขุดน้ำมันต่อ แค่นั้นรู้สึกจะยังไม่เป็นการท้าทาย Tsar ถึงใจ ขณะนั้น Standard Oil ของ Rockefeller ก็ไปขุดน้ำมันที่ Baku ด้วย ยักษ์ใหญ่เจอกัน แม้ตอนแรกจะตีกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ ยักษ์เปลี่ยนใจมาจับมือกัน วางแผนแบ่งเขตขุดน้ำมันกัน ตกลงกันเองเสร็จ เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน มันทำอย่างนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว สมันน้อย เข้าใจไหม พวกมันไม่เคยเห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน !

    คราวนี้ Tsar Nicholas ที่ II ซึ่งขึ้นมาครองราชย์แทนพ่อ และดำเนินตามนโยบายของพ่อที่ให้ย ิวออกไปจากรัสเซีย ไม่ยอมให้ Rothschild เฉี่ยวหัว ยื่นเงื่อนไขกลับไปที่ Rothschild ถ้าจะขุดน้ำมันต่อ ก็อพยพเอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียด้วย Rothschild ตอบเงื่อนไขของ Tsar ด้วยการขายหุ้นบริษัทของตัว ที่กำลังขุดน้ำมันที่ Baku ทิ้ง
    Rothschild เลือกยิว หรือเลือกหักหน้า Tsar Nicholas นั่นเอง !
    Rothschild ขายหุ้นทั้งหมดที่ตระกูลถืออยู่ในธุรกิจน้ำมันที่ Baku ให้ Royal Dutch Shell เพราะ Rothschild “ประเมิน” ว่าอีกไม่นานเกินรอ การเมืองในรัสเซียน่าจะเกิดปัญหาใหญ่

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม”

    ตอน 3

    แม้จะรู้ว่าคนอังกฤษ ชื่นชมเงินของเขา มากกว่าตัวและเทือกเถายิวของเขา Rothschild ก็คบคนอังกฤษ และสนับสนุนการเงินให้ โดยเฉพาะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของเขาและ ทำให้ตระกูลเขา มีอิทธิพล เหนือรัฐบาล รวมทั้งราชวงศ์อังกฤษด้วย

    Cecil Rhodes ชาวอังกฤษนักผจญภัย และนักล่าอาณานิคมตัวจริง เข้าไปทำเหมืองทองและ เหมืองเพชรที่ South Africa ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1889 โดยมี Rothschlid เป็นผู้สนับสนุนเงินทุน เหมืองทองที่ Rhodes ขุดได้ ส่งมาที่อังกฤษ หลอมเป็นแท่งเก็บเป็นทองสำรองของ Bank of England ที่มี Rothschild เป็นตัวแทน กำไรท่วม ตอนหลัง Rhodes เข้าไปทำสงครามกับพวก Boers (คนดัชท์ ที่ไปตั้งรกรากใน South Africa) Rothschild ขนกองทัพของอังกฤษไปช่วยปล้นต่อ ถือเป็นวีรกรรมความชั่ว ที่ประวัติศาสตร์ของคน South Africa ไม่คิดลืม

    Rhodes มีความฝันที่จะให้อังกฤษแผ่อาณาจักรและอิทธิพลไปทั่วโลก อาณานิคมทั้งปวงจะต้องอยู่ภายใต้ระบบอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การเงิน การค้า หรือการศึกษา และที่สำคัญ ทำให้อเมริกา กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย เขาตั้งสมาคมลับชื่อ the Round Table กับพรรคพวก ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่น Lord Alfred Milner, Lord Balfour , Lord Albert Grey และนอกจากนั้น เขาทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินจำนวนมากมหาศาลทั้งหมดของเขา ตั้งเป็นกองทุนชื่อ Rhodes Trust เพื่อดำเนินการตามวัถตุประสงค์ พร้อมให้ทุนการศึกษากับ พวก Anglo Saxon ที่มีแววว่าจะสืบทอดอุดมการณ์ของเขาได้ ทุนนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้
    (อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้รับทุน Rhodes ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Oxford ของอังกฤษ แต่เขาไม่เรียนจนจบ เปลี่ยนใจกลับมาเรียนที่ มหาวิทยาลัย Yale แทน)

    เมื่อ Rhodes ตาย ผู้ที่เป็นหัวหน้า the Round Table ต่อมา และดูแลกองทุนของ Rhodes คือ Lord Alfred Milner ที่มีอำนาจไม่น้อยกว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และ Rothschild ก็มีชื่อ เป็นหนึ่งในผู้ดูแลกองทุนนี้ด้วย

    สมาชิก Round Table เกือบทั้งหมด มีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลอังกฤษ ทั้งตำแหน่งใหญ่มาก และใหญ่น้อย และเป็นที่ปรึกษาสำคัญของราชวงศ์ เช่น Lord Esher ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง ให้ราชวงศ์อังกฤษ ประมาณ 25 ปี ตั้งแต่ คศ 1895 ถึง 1920 (สมัย พระนาง Victoria , กษัตริย์ Edward ที่ 7 และ กษัตริย์ George ที่ 5)

    แม้ก่อนทำสงครามโลก อังกฤษจะ จับมือรัสเซีย เอามาอยู่ข้างเดียวกันเพื่อรบกับเยอรมัน และแม้รัสเซียจะมีกษัตริย์ปกครอง เช่นเดียวกับอังกฤษและเยอรมัน แถมเป็นญาติกันอีก โดยซารินา ราชินีของรัสเซีย เป็นหลานยายของพระนางวิกตอเรีย แต่ดูเหมือนราชวงศ์ของรัสเซีย จะสนิทใกล้ชิดกับเยอรมันมากกว่าอังกฤษ และด้วยนิสัยขี้ระแวงของอังกฤษ อังกฤษจึงไม่ค่อยวางใจ ในจุดยืนของราชวงค์โรมานอฟของรัสเซีย ดังนั้น ถ้าจะให้เลือกใครมาปกครองรัสเซีย อังกฤษคงเลือกผู้ที่อังกฤษคิดว่า ควบคุมได้ และเป็นประโยชน์ต่ออังกฤษ

    จึงไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ที่ Round Table จะสนับสนุนให้รัฐบาลอังกฤษ รับรองพวก Bolsheviks อาจมีคนคิดว่าข่าวกรองของ Round Table ไม่แม่นยำหรือไง ไม่รู้ว่า พวก Bolsheviks นั้น มีทั้งฝ่ายที่อเมริกาสนับสนุน และฝ่ายที่เยอรมันสนับสนุน Round Table น่าจะรู้ดีว่าใครกันแน่ ที่คุม หรือชักใย รัฐบาลเยอรมันขณะนั้น ขณะเดียวกัน การเดินตามอเมริกาสนับสนุนปฏิวัติกำมะลอ ของ Bolsheviks ก็น่าจะเป็นเรื่องหมาป่าอังกฤษ จับมือ หรือตามประกบหมาป่าอเมริกัน ในการออกล่ารัสเซียนั่นเอง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – โคตรเหี้ยม 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 1 หนังสือ Forbes Magazine ฉบับลงวันที่ 19 ธันวาคม 1983 เขียนว่า “ครึ่งหนึ่ง ของ 10 อันดับแรก ของธนาคารเยอรมันนั้น ตั้งอยู่ที่ Frankfurt และระบบการเงินของโลกปัจจุบัน ซึ่งพัฒนามาจากระบบการเก็บภาษี และวิธีการจ่ายเงิน ที่ใช้ในสมัย Babylon ก็เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมือง Frankfurt-on-Main ซึ่งอยู่ในแคว้น Hesse Mayer Amschel Bauer ค้นพบว่า แม้ว่าการให้เงินกู้กับชาวนาหรือธุรกิจเล็กๆ จะทำกำไรได้ แต่กำไร ที่เป็นกอบเป็นกำกว่าแยะ คือกำไร ที่ได้มาจากการให้เงินกู้กับรัฐบาลต่างๆ Mayer Amschel เกิดที่เมือง Frankfurt ในปี ค.ศ. 1743 เขาแต่งงานกับ Gutta Schnapper เขาฝึกงานอยู่ที่ธนาคาร Oppenheim เมือง Hannover อยู่ 3 ปี ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสดูแลและบริการ Baron Von Estorff ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ให้กับ Landgrave Frederick ที่ II แห่ง Hesse ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในยุโรปขณะนั้น Frederick มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 70 ถึง 100 ล้านฟลอริน (florins) ซึ่งเป็นมรดกที่ได้มาจากพ่อคือ Wilhelm ที่ 8 น้องชายของกษัตริย์สวีเดน Boron Von Estorff บอกกับ Landgrave ว่า Mayer Amschel นี้ ฉลาดเป็นกรด ในการคิดวิธีการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีเยี่ยม Landgrave บอก ไปตามตัว Mayer Amschel มาพบเราเดี๋ยวนี้เลย ช่วงเวลาเดียวกัน George ที่ 3 กษัตริย์ของอังกฤษกำลังปวดหัว กับการกระด้างกระเดื่องของคนอเมริกัน ซึ่งอังกฤษถือว่า ยังเป็นเมืองขึ้นของตนอยู่ จึงคิดส่งทหารไปปราบคนอเมริกัน ซึ่งถนัดสู้ในสนามรบที่เป็นที่ ทุ่งกว้าง Mayer Amschel ได้โอกาส จึงเสนอให้ Landgrave รับจ้าง Goerge ที่ 3 ที่จะหาหนุ่มล่ำชาว Hesse 16,800 คน ไปช่วยรบ การรับจ้าง จัดหาคนไปรบให้อังกฤษครั้งนี้ ทำให้ Landgrave รวยขึ้นอีกแยะ แต่ Mayer Amschel รวยขึ้นในจำนวนมากกว่า แต่แผนการทำมาหากินของ Mayer Amschel กับ Landgrave ก็จบลงเร็ว เพราะ Landgrave อายุสั้น ตายเมื่ออายุเพียง 25 ปี Mayer Amschel จึงย้ายไปเกาะพี่ชายของ Landgrave คือ Elector Wilhelm ที่ 1 ซึ่งเกิดปีเดียวกับ Mayer Amschel และดูเหมือนจะเป็นลูกค้า (หรือ เหยื่อ) รายใหม่ ที่ทำให้ Mayer Amschel รุ่งเรืองกว่า เพราะอยู่ในมือของเขามากกว่าน้องชาย ซึ่งเอาใจ (หรือต้ม) ยากกว่า การตายกระทันหันของ Landgrave ดูเหมือนจะทำให้ Mayer Amschel ได้กลายเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินกองใหญ่ที่สุดในยุโรป เมื่อร่ำรวยขึ้น (อย่างมาก) Mayer Amschel ก็เอาโล่ห์แดง ติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ในเมือง Judengasse ซึ่งเขาแบ่งกันอยู่กับครอบครัว Schiff และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Rothschild” ตามป้ายชื่อ เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ตายในปี ค.ศ 1812 เขาทิ้งสมบัติประมาณ 1,000 ล้านแฟรงค์ ให้แก่ลูกชายของเขา ที่มีอยู่ 5 คน ลูกคนโต Anselm ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารที่ Frankfurt แต่ Anselm ไม่มีลูก เมื่อเขาตาย ธนาคารนี้จึงถูกปิดลง ลูกคนที่ 2 Solomon ถูกส่งไป Vienna ที่ ออสเตรีย เพื่อดูแลธุรกิจการธนาคาร ซึ่งเคยถูกผูกขาดอยู่ในมือของชาวยิวเพียง 5 ตระกูล ลูกคนที่ 3 Nathan ตั้งสาขา London หลังจากไปทำกำไรจากธุรกิจสิ่งทอในเมือง Manchester ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นบุคคล ที่วงการธุรกิจเกรงกลัว และเกลียดที่สุด ลูกคนที่ 4 Karl ไปเมือง Naples ที่อิตาลี และได้เป็นหัวหน้าองค์กรลึกลับ ชื่อ Alta Vendita ลูกคนที่ 5 James ตั้ง House of Rothschild สาขาปารีส ที่ฝรั่งเศส ลูกทั้ง 5 คนของ Mayer Amschel เริ่มปฎิบัติภาระกิจ ตามที่พ่อมอบหมายคือ ครอบงำรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่พวกเขากระจายกันอยู่ โดยการให้กู้เงินแก่รัฐบาลเหล่านั้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า ลูกธนู 5 ดอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 2 Federic Morton เขียนไว้ในคำนำของหนังสือเรื่อง “The Rothschilds” ว่า ” เป็นเวลานานติดต่อกันกว่า 150 ปี ที่ตระกูล Rothschild เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตก การไม่ปล่อยเงินกู้ให้แก่เอกชน แต่ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ แทน ทำให้พวกเขาได้กำไรอย่างสูงยิ่ง มีบางคนเคยพูดว่า ความรวยของตระกูล Rothschild มาจากการล้มละลายของหลายประเทศนั่นเอง” หนังสือพิมพ์ Chicago Evening American ของตระกูล Hearst เศรษฐีอีกคนหนึ่งของอเมริกา ฉบับลงวันที่ 3 ธันวาคม 1923 เขียนว่า “พวก Rothschild จะ เป็นผู้เริ่มสงคราม หรือเป็นผู้ระงับสงครามก็ได้ พวกเขาสามารถสร้าง หรือ ทำลาย อาณาจักรใดก็ได้ การล้มละลายของนโปเลียน เป็นการเกิดขึ้นของพวก Rothschild นโปเลียนถูกวางยาพิษทีละน้อย จนถึงแก่ความตายในที่สุด (นโปเลียนเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ รูปภาพของนโปเลียนส่วนมาก จะเห็นเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ เพื่อกดท้องที่ปวดอยู่เสมอ) ผู้ที่วางยาพิษก็คือสายลับของตระกูล Rothschild นั่นเอง” New York Evening Post วันที่ 22 กรกฎาคม 1924 ระบุว่า Kaiser ของเยอรมัน ต้องหารือกับ Rothschild เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองควรทำสงครามหรือไม่ นายกรัฐมนตรีของ Kaiser คือ Bethmann Hollweg ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ทำให้เยอรมันถล่ำตัวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เป็นสมาชิกของตระกูล Bethmann เจ้าของธนาคารที่อยู่ใน Frankfurt และเป็นญาติกับ Rothschild หลังจากนโปเลียนถูกกำจัดพ้นทางไป ราชวงศ์ใหญ่ที่เหลืออยู่ในสายตาของ Rothschild คือ ราชวงศ์ของอังกฤษ ราชวงศ์ของเยอรมัน และราชวงศ์ของรัสเซีย Rothschild เล็งเป้าแรก ไปที่ราชวงศ์ Romanov ของรัสเซีย ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ร่ำรวยมาก และลงทุนไว้ทั่วทั้งในยุโรปและอเมริกา แต่ที่สำคัญ เป็นราชวงศ์ที่ Rothschild เกลียดที่สุด และแสดงความเกลียดอย่างเปิดเผย Tsar Nicholas ที่ I ก็ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบยิวและแสดงความไม่ชอบอย่างเปิดเผย ด้วยการพยายามผลักดัน ไปจนถึงขับไล่ ให้พวกยิวออกไปจากรัสเซีย แต่มีพวกยิวทำมาหากินอยู่ในรัสเซียมากมาย ขณะเดียวกันพวกยิวก็อ้างว่า Tsar นั้น ทารุณข่มเหงยิวอย่างรุนแรง Rothschild ซึ่งพื้นเพเป็นชาวยิว จึงวางแผนอย่างรอบคอบก่อนจะเข้าไปค้าขาย หรือทำลายอาณาจักรรัสเซีย เงินกู้จาก Bank of England 800,000 ปอนด์ ที่ยื่นให้กับนาย Peabody ในปี 1853 จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ Peabody และ Morgan มีภาพเป็นอเมริกัน ไม่มีกลิ่นยิวเจือปน เงื่อนไข 4 ข้อ ของ Peabody เมื่อ ตอนจะหาทายาทมารับช่วงธุรกิจของเขา น่าจะเป็นของเขาเพียงข้อสุดท้าย ส่วน 3 ข้อแรก คงเป็นเงื่อนไขของนายทุนตัวจริง ที่ต้องการให้ J P Morgan ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นอังกฤษแท้ แม้จะมีหน้าเป็นบริษัทอเมริกัน แต่ก็ต้องออกกลิ่นอังกฤษปน นับเป็นการมองการณ์ไกลอย่างยิ่งของ เจ้าพ่อ Rothschild ธุรกิจเงินทุนไม่ว่าจะในตลาด London หรือ Wall Street มีลูกค้าหลากหลาย บางรายอยากค้าแต่กับพวกยิวด้วยกัน บางรายก็ขออย่าให้พวกยิวมาเข้าใกล้ Rothschild เป็นยิวที่ “รู้จัก” ลูกค้าของตัวเองดี ใครอยากได้เงินกลิ่นไหน เขาจัดการให้ได้ก็แล้วกัน J. P Morgan จึงมีไว้สำหรับพวกไม่เอายิว พวกหัวสูงไฮโซ รัฐบาลของทั้งอังกฤษ และอเมริกา และสำหรับพวกที่อยากจะคุยแต่กับ พวกยิวด้วยกัน ก็มี Kuhn Loeb ของ Jacob Schiff เพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน และที่ Rothschild เป็นผู้ลงทุน และให้ Schiff เป็นคนออกหน้า Rothschild ยังมีคนออกหน้า ให้เขาหนุนอีกหลายราย โดยไม่มีใครรู้ เขาน่าจะเป็นคนเล่นซ่อนแอบเก่งตั้งแต่เด็ก ประมาณปี ค.ศ. 1850 กว่า ซึ่งเป็นช่วงที่ Tsar Nicholas ที่ I ปกครองรัสเซีย Alfonse Rothschild หูไว จมูกไว รู้ว่ารัสเซียมีแหล่งน้ำมันแยะ เขาจึงเข้าไปลงทุนที่ Baku ซึ่งขณะนั้นอยู่ในรัฐ Azerbaijun ประมาณปีค.ศ 1870 ถึงปี ค.ศ. 1880 เขามีโรงกลั่นน้ำมันใน Baku ประมาณ 200 แห่ง และเริ่มส่งน้ำมันไปทั่วยุโรปผ่าน ตะวันออกกลาง ทางรถไฟ Baku – Batumi ทำท่าว่าจะสั้นไป สำหรับการส่งน้ำมัน เขาต้องหาทางเส้นทางใหม่ คลองสุเอชยาวถึง 4,000 ไมล์ น่าสนใจ แต่มันยังอยู่ในความดูแลของฝรั่งเศส แล้วเขาก็วางแผนเรื่อง Palestine ซึ่งจะต้องมีคนของพวกเขาไปอยู่ที่นั่น เพื่อดูแลผลประโยชน์แถวนั้นของพวกเขา เมื่อรัฐบาลอียิปต์ล้มละลายในปี ค.ศ. 1874 อังกฤษตกลงซื้อคลองสุเอชมาจากรัฐบาล อียิปต์ ด้วยเงินกู้ของ Rothschild ทั้งหมด ในการประชุมผู้ถือหุ้น Suez Canal บริษัทการเงินกลุ่มของ Rothschild ฝั่งอังกฤษ เช่น Baring Brothers, Morgan Grenfell และ Lazard Brothers นั่งเคียงรัฐบาลอังกฤษ แม้ว่าจะถูกกดดันจาก Tsar Nicholas เรื่องยิว แต่ Rothschild ก็ยังขุดน้ำมันต่อ แค่นั้นรู้สึกจะยังไม่เป็นการท้าทาย Tsar ถึงใจ ขณะนั้น Standard Oil ของ Rockefeller ก็ไปขุดน้ำมันที่ Baku ด้วย ยักษ์ใหญ่เจอกัน แม้ตอนแรกจะตีกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ ยักษ์เปลี่ยนใจมาจับมือกัน วางแผนแบ่งเขตขุดน้ำมันกัน ตกลงกันเองเสร็จ เหมือนไม่เห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน มันทำอย่างนี้มาร้อยกว่าปีแล้ว สมันน้อย เข้าใจไหม พวกมันไม่เคยเห็นหัวเจ้าของแผ่นดิน ! คราวนี้ Tsar Nicholas ที่ II ซึ่งขึ้นมาครองราชย์แทนพ่อ และดำเนินตามนโยบายของพ่อที่ให้ย ิวออกไปจากรัสเซีย ไม่ยอมให้ Rothschild เฉี่ยวหัว ยื่นเงื่อนไขกลับไปที่ Rothschild ถ้าจะขุดน้ำมันต่อ ก็อพยพเอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียด้วย Rothschild ตอบเงื่อนไขของ Tsar ด้วยการขายหุ้นบริษัทของตัว ที่กำลังขุดน้ำมันที่ Baku ทิ้ง Rothschild เลือกยิว หรือเลือกหักหน้า Tsar Nicholas นั่นเอง ! Rothschild ขายหุ้นทั้งหมดที่ตระกูลถืออยู่ในธุรกิจน้ำมันที่ Baku ให้ Royal Dutch Shell เพราะ Rothschild “ประเมิน” ว่าอีกไม่นานเกินรอ การเมืองในรัสเซียน่าจะเกิดปัญหาใหญ่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 8 “โคตรเหี้ยม” ตอน 3 แม้จะรู้ว่าคนอังกฤษ ชื่นชมเงินของเขา มากกว่าตัวและเทือกเถายิวของเขา Rothschild ก็คบคนอังกฤษ และสนับสนุนการเงินให้ โดยเฉพาะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของเขาและ ทำให้ตระกูลเขา มีอิทธิพล เหนือรัฐบาล รวมทั้งราชวงศ์อังกฤษด้วย Cecil Rhodes ชาวอังกฤษนักผจญภัย และนักล่าอาณานิคมตัวจริง เข้าไปทำเหมืองทองและ เหมืองเพชรที่ South Africa ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1889 โดยมี Rothschlid เป็นผู้สนับสนุนเงินทุน เหมืองทองที่ Rhodes ขุดได้ ส่งมาที่อังกฤษ หลอมเป็นแท่งเก็บเป็นทองสำรองของ Bank of England ที่มี Rothschild เป็นตัวแทน กำไรท่วม ตอนหลัง Rhodes เข้าไปทำสงครามกับพวก Boers (คนดัชท์ ที่ไปตั้งรกรากใน South Africa) Rothschild ขนกองทัพของอังกฤษไปช่วยปล้นต่อ ถือเป็นวีรกรรมความชั่ว ที่ประวัติศาสตร์ของคน South Africa ไม่คิดลืม Rhodes มีความฝันที่จะให้อังกฤษแผ่อาณาจักรและอิทธิพลไปทั่วโลก อาณานิคมทั้งปวงจะต้องอยู่ภายใต้ระบบอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การเงิน การค้า หรือการศึกษา และที่สำคัญ ทำให้อเมริกา กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย เขาตั้งสมาคมลับชื่อ the Round Table กับพรรคพวก ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เช่น Lord Alfred Milner, Lord Balfour , Lord Albert Grey และนอกจากนั้น เขาทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินจำนวนมากมหาศาลทั้งหมดของเขา ตั้งเป็นกองทุนชื่อ Rhodes Trust เพื่อดำเนินการตามวัถตุประสงค์ พร้อมให้ทุนการศึกษากับ พวก Anglo Saxon ที่มีแววว่าจะสืบทอดอุดมการณ์ของเขาได้ ทุนนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ (อดีตประธานาธิบดี Bill Clinton ก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้รับทุน Rhodes ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Oxford ของอังกฤษ แต่เขาไม่เรียนจนจบ เปลี่ยนใจกลับมาเรียนที่ มหาวิทยาลัย Yale แทน) เมื่อ Rhodes ตาย ผู้ที่เป็นหัวหน้า the Round Table ต่อมา และดูแลกองทุนของ Rhodes คือ Lord Alfred Milner ที่มีอำนาจไม่น้อยกว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และ Rothschild ก็มีชื่อ เป็นหนึ่งในผู้ดูแลกองทุนนี้ด้วย สมาชิก Round Table เกือบทั้งหมด มีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลอังกฤษ ทั้งตำแหน่งใหญ่มาก และใหญ่น้อย และเป็นที่ปรึกษาสำคัญของราชวงศ์ เช่น Lord Esher ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง ให้ราชวงศ์อังกฤษ ประมาณ 25 ปี ตั้งแต่ คศ 1895 ถึง 1920 (สมัย พระนาง Victoria , กษัตริย์ Edward ที่ 7 และ กษัตริย์ George ที่ 5) แม้ก่อนทำสงครามโลก อังกฤษจะ จับมือรัสเซีย เอามาอยู่ข้างเดียวกันเพื่อรบกับเยอรมัน และแม้รัสเซียจะมีกษัตริย์ปกครอง เช่นเดียวกับอังกฤษและเยอรมัน แถมเป็นญาติกันอีก โดยซารินา ราชินีของรัสเซีย เป็นหลานยายของพระนางวิกตอเรีย แต่ดูเหมือนราชวงศ์ของรัสเซีย จะสนิทใกล้ชิดกับเยอรมันมากกว่าอังกฤษ และด้วยนิสัยขี้ระแวงของอังกฤษ อังกฤษจึงไม่ค่อยวางใจ ในจุดยืนของราชวงค์โรมานอฟของรัสเซีย ดังนั้น ถ้าจะให้เลือกใครมาปกครองรัสเซีย อังกฤษคงเลือกผู้ที่อังกฤษคิดว่า ควบคุมได้ และเป็นประโยชน์ต่ออังกฤษ จึงไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ที่ Round Table จะสนับสนุนให้รัฐบาลอังกฤษ รับรองพวก Bolsheviks อาจมีคนคิดว่าข่าวกรองของ Round Table ไม่แม่นยำหรือไง ไม่รู้ว่า พวก Bolsheviks นั้น มีทั้งฝ่ายที่อเมริกาสนับสนุน และฝ่ายที่เยอรมันสนับสนุน Round Table น่าจะรู้ดีว่าใครกันแน่ ที่คุม หรือชักใย รัฐบาลเยอรมันขณะนั้น ขณะเดียวกัน การเดินตามอเมริกาสนับสนุนปฏิวัติกำมะลอ ของ Bolsheviks ก็น่าจะเป็นเรื่องหมาป่าอังกฤษ จับมือ หรือตามประกบหมาป่าอเมริกัน ในการออกล่ารัสเซียนั่นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 3 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 3

    ทำไมนักการเงินตัวใหญ่แห่งวอลสตรีท และกรรมการของ Federal Reserve Bank เข้ามาวุ่นวาย จัดการและช่วยเหลือการปฏิวัติของพวก Bolsheviks ทำไมหุ้นส่วนของ Morgan ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่หลายคน ซึ่งทำงานร่วมกันเป็นวง เพื่อให้มีการหาเงินทุนสนับสนุน ทั้งพวกปฏิวัติ และ พวกต้านปฏิวัติ รวมทั้งการจารกรรม ที่ไม่น่าจะเป็นผลดีกับอเมริกาเอง

    Thompson ดูเหมือนจะตรงไปตรงมา กับเป้าหมายของเขาในรัสเซีย เขาบอกว่า เขาต้องการให้รัสเซีย ยังคงทำสงครามกับเยอรมัน และต้องการใช้รัสเซียเป็นตลาด สำหรับให้อเมริกาค้าขายหลังสงคราม และในบันทึก ที่เขาทำถึง Lloyd George เมื่อเดือนธันวาคม 1917 บอกว่า “……..สถานการณ์ในรัสเซียจบสิ้น และรัสเซียคงตกอยู่ในมือของเยอรมัน ที่จะมายึดเอาทุกอย่างไป….ผมเชื่อว่า ด้วยความฉลาดและความกล้าเท่านั้น ที่จะป้องกันไม่ให้เยอรมันเข้ามาครอบครองรัสเซีย และเอาเนื้อรัสเซียไปกิน ด้วยค่าใช้จ่ายของพวกสัมพันธมิตร” นี่คงใกล้ความในใจของ Thompson มากที่สุด

    Thompson กลัวว่า นักธุรกิจของเยอรมันนั่นแหละ ที่จะเข้าไปจองที่ในรัสเซีย จนไม่เหลือมาถึงอเมริกา และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ Thompson ไปชักจูง หว่านล้อมเอาพรรคพวกแถววอลสตรีท เข้าไปร่วมวงกับพวก Bolsheviks อย่างนั้นหรือ
    มีจดหมายที่น่าสนใจอยู่ 1 ฉบับ ที่แสดงให้เห็นภาพความคิด ในหัวของเหล่าผู้คนที่เข้าไปร่วม เชียร์ Bolsheviks มันเป็นจดหมายของ Raymond Robins ผู้ช่วยของ Thompson ซึ่งเขียนถึง Bruce Lockhart สายลับของอังกฤษ และเป็นสายสืบของ Lord Milner แห่งสมาคม Round Table

    “คุณคงจะได้ยินผู้คนเขาพูดกันว่า ผมเป็นตัวแทนของพวกวอลสตรีท และผมเป็นขี้ข้ารับใช้ของ William B. Thompson เพื่อมาเอาเหมืองทองแดงที่ Altai ให้เขา และผมเองก็ได้รับที่ดินจำนวน 50,000 เอเคอร์ ตรงที่เป็นป่าไม้ที่ดีที่สุดของรัสเซีย และผมได้คว้างานสร้างทางรถไฟ Trans-Siberian Railway ไปเรียบร้อยแล้ว และเขายังให้ผมได้รับสัมปทานผูกขาดสำหรับแพลตินั่มในรัสเซีย ทั้งหมดนี้ เป็นงานที่ผมทำอยู่ในโซเวียต……… คุณคงได้ยินเรื่องพรรค์นี้ เอาล่ะ มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยนะเพื่อน แต่สมมุติว่า ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เรามาลองสมมุติดูว่า ผมมาอยู่ที่นี่ เพื่อมาลอกคราบรัสเซียให้กับพวกวอลสตรีท ให้กับนักธุรกิจอเมริกัน สมมุติว่า คุณเป็นหมาป่าพันธุ์อังกฤษ และผมเป็นหมาป่าพันธุ์อเมริกัน และเมื่อสงครามโลกนี้จบ เราก็คงขย้ำกันเอง เพื่อแย่งตลาดรัสเซีย ทำไมเราไม่มาเปิดใจกันอย่างตรงไปตรงมา อย่างมนุษย์ทำกัน ทำไมเราไม่คิดว่า เราต่างเป็นหมาป่าที่ฉลาดทั้งคู่ และเราน่าจะรู้ว่า ถ้าเราไม่ออกล่า “ร่วมกัน” ในชั่วโมงนี้ หมาป่าพันธุ์เยอรมัน ก็คงจะกินเราเรียบทั้งคู่ และจับเราเป็นทาส…….”

    มันคงพอให้เรามองเห็นความคิดของ Thompson และนักธุรกิจอเมริกัน และเรื่องราวที่ดำเนินอยู่ ได้พอสมควร Thompson เป็นนักการเงิน นักปั่นหุ้น แม้ว่าจะไม่มีผลประโยชน์ใดอยู่ในรัสเซีย แต่เขาก็ใช้กาชาดเป็นเครื่องมือ เข้าไปในรัสเซีย และมองเห็นโอกาส ว่าจะสร้างอิทธิพล ชักใย ครอบครอง ลอกคราบ และควบคุมรัสเซีย หลังสงครามเลิกอย่างไร โดยเขี่ยเยอรมันให้พ้นทางอย่างเบ็ดเสร็จ เขาลงทุนจ่ายเงิน เพื่อสร้างอำนาจทางการเมือง ทิ้งไว้ในรัสเซีย เขาคือนักล่าชาวอเมริกัน ที่กำลังคิดต่อสู้กับนักล่าชาวเยอรมัน ในดินแดนที่กำลังตกเป็นเหยื่อ

    และ Lenin และ Trotsky ก็คงมองความคิดของนักล่าสาระพัดชาติออกเช่นเดียวกัน และถือโอกาสใช้นักล่าสาระพัดชาติเป็นเหยื่อ เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายของตนเองด้วย ในขณะเดียวกัน

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 4

    พวก Bolsheviks เอง ก็มองออก ว่า ตัวแทนของมหาอำนาจตะวันตก ที่ส่งมาประจำที่ Petrograd ไม่ได้ชอบและสนับสนุนพวกเขา โดยเฉพาะตัวแทนจากอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส

    อเมริกา มีตัวแทน คือ ฑูต Francis ซึ่งแสดงความไม่พอใจพวกปฏิวัติ อย่างเปิดเผยมาตลอด แถมให้คำแนะนำ ไปทางวอชิงตัน สวนทางกับพวกวอลสตรีทเสมอ ส่วนอังกฤษมีตัวแทน คือ Sir James Buchanan ซึ่งข่าวว่ายังผูกพันอยู่กับพวกราชวงศ์ซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปแล้ว แต่ภายหลัง ก็ดูเหมือนจะให้การสนับสนุนกับกลุ่ม Kerensky ซึ่งพวกอังกฤษคิดว่า จะทำให้รัสเซีย กลับเข้าร่วมทำสงครามสู้กับเยอรมันต่อไป ส่วนฝรั่งเศสมีตัวแทนคือฑูต Paleologue ซึ่งแสดงความต่อต้านพวก Bolsheviks อย่างเปิดเผย

    แต่พอถึงต้นปี 1918 ก็มีการส่งตัวแสดงใหม่ 3 คน มาเข้าฉาก และทั้ง 3 คน กลายเป็นตัวแทนตัวจริง ของมหาอำนาจตะวันตก และทำให้พวกตัวแทน ที่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการหมดท่า หลุดไปจากเส้นทางการติดต่อโดยสิ้นเชิง เขาฉีกบทเปลี่ยนตัวใหม่ เอาหมาป่ามาใช้แทน หมาบ้าน เพื่อเตรียมฉีกเนื้อรัสเซีย ก่อนหมาป่าพันธุ์เยอรมัน จะมาคาบไป

    Raymond Robins ซึ่งรับหน้าที่ดูแล กิจกรรมกาชาดอเมริกันต่อจาก William Boyce Thompson เมื่อต้นเดือนธันวาคม 1917 แต่ดูเหมือน Robins จะให้ความสนใจ และดำเนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ การค้า และการเมือง ของรัสเซียมากกว่า กิจกรรมบันเทาทุกข์ให้คนร้สเซีย
    วันที่ 26 ธันวาคม 1917 Robins ส่งโทรเลขไปถึงหุ้นส่วน Morgan คือนาย Henry Davison ซึ่งทำหน้าที่ เป็นประธานคณะกิจกรรมกาชาดอเมริกันชั่วคราวว่า “โปรดเร่งให้ประธานาธิบดี เริ่มมีการติดต่อกับพวก Bolsheviks ด้วย”
    วันที่ 23 มกราคม 1918 Robins ส่งโทรเลขไปหา Thompson ที่ NewYork :
    “รัฐบาลโซเวียตมั่นคงขึ้นทุกวัน พวกเขามีอำนาจเพิ่มขึ้น หลังจากมีการรวมตัวกันได้ จากการปิดสภา แต่ผมไม่สามารถจะผลักดันได้แรงกว่านี้ ให้เห็นถึงความสำคัญของการรับรองรัฐบาล Bolsheviks ทาง Sisson เห็นด้วยกับข้อความนี้ ขอให้ท่านช่วยนำโทรเลขนี้แสดงกับ Creel ด้วย Thatcher และ Wardwell ก็เห็นพ้องด้วย”
    การพยายามผลักดันให้กับพวก Bolsheviks อย่างไม่หยุดยั้ง ของ Robins ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชมในพวก Bolsheviks และมีอิทธิพลทางการเมืองพอสมควร แต่ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีรายงานส่งมาทางวอซิงตันว่า Robins เองก็เป็น Bolshevik ไปแล้ว เช่น โทรเลขที่มาจากโคเปนเฮเกน ลงวันที่ 3 ธันวาคม 1918 :

    ลับสุดยอด จากคำยืนยันของ Radek ที่ให้กับ George de Patpourrie กงสุลของออสเตรียฮังการี ประจำมอสโคว์บอกว่า Col. Robins ไอ้โจรร้ายของกาชาดอเมริกันที่มารัสเซีย ขณะนี้อยู่ที่มอสโคว์ เป็นตัวกลางในการเจรจา ระหว่างรัฐบาลโซเวียตโดยผ่านพวก Bolsheviks ให้กับพรรคพวกของตัวในอเมริกา มีผู้คนหลายฝ่ายเห็นว่า Col. Robins เองก็เป็นพวก Bolsheviks ในขณะที่บางฝ่ายก็บอกว่าไม่ใช่ แต่กิจกรรมที่เขากำลังดำเนินอยู่ในรัสเซีย มันตรงกันข้ามกับผลประโยชน์ ของรัฐบาลทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง

    เอกสารในแฟ้มสำนักงาน Soviet Bureau ในนิวยอร์ค ที่คณะกรรมาธิการ Lusk Committee ยึดมาได้ในปี 1919 ยืนยันว่า ทั้ง Robins และภรรยาเขา มีกิจกรรมใกล้ชิดกับพวก Bolsheviks ในอเมริกา และมีส่วนร่วมในการตั้งสำนักงาน Soviet Bureau ในนิวยอร์ค

    ฝ่ายรัฐบาลอังกฤษ ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปรัสเซีย เพื่อประสานงานอย่างไม่เป็นทางการกับพวก Bolsheviks เช่นเดียวกัน โดยส่งนาย Bruce Lockhart สายลับ ที่พูดภาษารัสเซียได้คล่องแคล่ว Lockhart ก็ทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Robins เขาก็เหมือนเป็น Robins ก๊อบปี้อังกฤษนั่นแหละ

    แต่ต่างกับ Robins ตรงที่ Lockhart ต่อสายตรงถึงกระทรวงต่างประเทศอังกฤษได้
    แม้ Lockhart จะไม่ได้ถูกส่งตัวไปโดยกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ หรือรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ แต่ Lockhart ถูกเลือก และส่งไปปฏิบัติภาระกิจในรัสเซีย ตามคำสั่งของ Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George ก็เห็นชอบด้วย ดูเหมือนในที่สุดแล้ว รัฐบาลอังกฤษ จะเล่นเรื่องรัสเซียอย่างไม่กลัวคนนินทา ต่างกับรัฐบาลอเมริกา ที่ดูยังกล้าๆกลัวๆ
    Maxim Litvinov ซึ่งเป็นตัวแทนอย่างไม่เป็นทางการ ของโซเวียตประจำอยู่ที่อังกฤษ ได้เขียนจดหมายแนะนำตัว Lockhart แก่ Trotsky ว่า “….แม้ว่าเขาเป็นสายลับของอังกฤษ แต่เป็นคนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา และมีความเข้าใจในสถานะและเห็นใจพวกเรา….”

    เป้าหมายของ Milner น่าจะเป็นการหาลู่ทาง เพื่อทำธุรกิจในภาคใต้ของรัสเซียและส่วนอื่นๆ ไม่ต่างกับที่ Morgan แห่งนิวยอร์คกำลังทำอยู่

    ส่วนรัฐบาลฝรั่งเศสก็ส่ง Jaques Sadoul ซึ่งเปิดเผยว่าเขาเป็นพวก Bolsheviks แถมเป็นเพื่อนเก่าแก่กับ Trotsky อีกด้วย

    สรุป รัฐบาลของทั้ง 3 ประเทศ ถอนอำนาจ ของตัวแทนทางการฑูตอย่างเป็นทางการของตนเอง ที่ส่งไปประจำที่ Petrograd และส่งตัวแทนอย่างไม่เป็นทางการ ที่เอียงไปทางพวก Bolsheviks ให้ไปทำหน้าที่แทน

    และในที่สุด แม้ว่าจะมีผู้คัดค้านและตั้งคำถามมากมาย ประธานาธิบดี Wilson ก็ยอมเปิดหน้า ให้การรับรองรัฐบาล Bolsheviks การรับรองนี้ มาจากการกดดันของกลุ่มวอลสตรีท โดยเฉพาะ มาจาก American International Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่กลุ่ม Morgan มีอำนาจควบคุม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 3 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 3 ทำไมนักการเงินตัวใหญ่แห่งวอลสตรีท และกรรมการของ Federal Reserve Bank เข้ามาวุ่นวาย จัดการและช่วยเหลือการปฏิวัติของพวก Bolsheviks ทำไมหุ้นส่วนของ Morgan ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่หลายคน ซึ่งทำงานร่วมกันเป็นวง เพื่อให้มีการหาเงินทุนสนับสนุน ทั้งพวกปฏิวัติ และ พวกต้านปฏิวัติ รวมทั้งการจารกรรม ที่ไม่น่าจะเป็นผลดีกับอเมริกาเอง Thompson ดูเหมือนจะตรงไปตรงมา กับเป้าหมายของเขาในรัสเซีย เขาบอกว่า เขาต้องการให้รัสเซีย ยังคงทำสงครามกับเยอรมัน และต้องการใช้รัสเซียเป็นตลาด สำหรับให้อเมริกาค้าขายหลังสงคราม และในบันทึก ที่เขาทำถึง Lloyd George เมื่อเดือนธันวาคม 1917 บอกว่า “……..สถานการณ์ในรัสเซียจบสิ้น และรัสเซียคงตกอยู่ในมือของเยอรมัน ที่จะมายึดเอาทุกอย่างไป….ผมเชื่อว่า ด้วยความฉลาดและความกล้าเท่านั้น ที่จะป้องกันไม่ให้เยอรมันเข้ามาครอบครองรัสเซีย และเอาเนื้อรัสเซียไปกิน ด้วยค่าใช้จ่ายของพวกสัมพันธมิตร” นี่คงใกล้ความในใจของ Thompson มากที่สุด Thompson กลัวว่า นักธุรกิจของเยอรมันนั่นแหละ ที่จะเข้าไปจองที่ในรัสเซีย จนไม่เหลือมาถึงอเมริกา และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ Thompson ไปชักจูง หว่านล้อมเอาพรรคพวกแถววอลสตรีท เข้าไปร่วมวงกับพวก Bolsheviks อย่างนั้นหรือ มีจดหมายที่น่าสนใจอยู่ 1 ฉบับ ที่แสดงให้เห็นภาพความคิด ในหัวของเหล่าผู้คนที่เข้าไปร่วม เชียร์ Bolsheviks มันเป็นจดหมายของ Raymond Robins ผู้ช่วยของ Thompson ซึ่งเขียนถึง Bruce Lockhart สายลับของอังกฤษ และเป็นสายสืบของ Lord Milner แห่งสมาคม Round Table “คุณคงจะได้ยินผู้คนเขาพูดกันว่า ผมเป็นตัวแทนของพวกวอลสตรีท และผมเป็นขี้ข้ารับใช้ของ William B. Thompson เพื่อมาเอาเหมืองทองแดงที่ Altai ให้เขา และผมเองก็ได้รับที่ดินจำนวน 50,000 เอเคอร์ ตรงที่เป็นป่าไม้ที่ดีที่สุดของรัสเซีย และผมได้คว้างานสร้างทางรถไฟ Trans-Siberian Railway ไปเรียบร้อยแล้ว และเขายังให้ผมได้รับสัมปทานผูกขาดสำหรับแพลตินั่มในรัสเซีย ทั้งหมดนี้ เป็นงานที่ผมทำอยู่ในโซเวียต……… คุณคงได้ยินเรื่องพรรค์นี้ เอาล่ะ มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยนะเพื่อน แต่สมมุติว่า ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เรามาลองสมมุติดูว่า ผมมาอยู่ที่นี่ เพื่อมาลอกคราบรัสเซียให้กับพวกวอลสตรีท ให้กับนักธุรกิจอเมริกัน สมมุติว่า คุณเป็นหมาป่าพันธุ์อังกฤษ และผมเป็นหมาป่าพันธุ์อเมริกัน และเมื่อสงครามโลกนี้จบ เราก็คงขย้ำกันเอง เพื่อแย่งตลาดรัสเซีย ทำไมเราไม่มาเปิดใจกันอย่างตรงไปตรงมา อย่างมนุษย์ทำกัน ทำไมเราไม่คิดว่า เราต่างเป็นหมาป่าที่ฉลาดทั้งคู่ และเราน่าจะรู้ว่า ถ้าเราไม่ออกล่า “ร่วมกัน” ในชั่วโมงนี้ หมาป่าพันธุ์เยอรมัน ก็คงจะกินเราเรียบทั้งคู่ และจับเราเป็นทาส…….” มันคงพอให้เรามองเห็นความคิดของ Thompson และนักธุรกิจอเมริกัน และเรื่องราวที่ดำเนินอยู่ ได้พอสมควร Thompson เป็นนักการเงิน นักปั่นหุ้น แม้ว่าจะไม่มีผลประโยชน์ใดอยู่ในรัสเซีย แต่เขาก็ใช้กาชาดเป็นเครื่องมือ เข้าไปในรัสเซีย และมองเห็นโอกาส ว่าจะสร้างอิทธิพล ชักใย ครอบครอง ลอกคราบ และควบคุมรัสเซีย หลังสงครามเลิกอย่างไร โดยเขี่ยเยอรมันให้พ้นทางอย่างเบ็ดเสร็จ เขาลงทุนจ่ายเงิน เพื่อสร้างอำนาจทางการเมือง ทิ้งไว้ในรัสเซีย เขาคือนักล่าชาวอเมริกัน ที่กำลังคิดต่อสู้กับนักล่าชาวเยอรมัน ในดินแดนที่กำลังตกเป็นเหยื่อ และ Lenin และ Trotsky ก็คงมองความคิดของนักล่าสาระพัดชาติออกเช่นเดียวกัน และถือโอกาสใช้นักล่าสาระพัดชาติเป็นเหยื่อ เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายของตนเองด้วย ในขณะเดียวกัน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 4 พวก Bolsheviks เอง ก็มองออก ว่า ตัวแทนของมหาอำนาจตะวันตก ที่ส่งมาประจำที่ Petrograd ไม่ได้ชอบและสนับสนุนพวกเขา โดยเฉพาะตัวแทนจากอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส อเมริกา มีตัวแทน คือ ฑูต Francis ซึ่งแสดงความไม่พอใจพวกปฏิวัติ อย่างเปิดเผยมาตลอด แถมให้คำแนะนำ ไปทางวอชิงตัน สวนทางกับพวกวอลสตรีทเสมอ ส่วนอังกฤษมีตัวแทน คือ Sir James Buchanan ซึ่งข่าวว่ายังผูกพันอยู่กับพวกราชวงศ์ซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปแล้ว แต่ภายหลัง ก็ดูเหมือนจะให้การสนับสนุนกับกลุ่ม Kerensky ซึ่งพวกอังกฤษคิดว่า จะทำให้รัสเซีย กลับเข้าร่วมทำสงครามสู้กับเยอรมันต่อไป ส่วนฝรั่งเศสมีตัวแทนคือฑูต Paleologue ซึ่งแสดงความต่อต้านพวก Bolsheviks อย่างเปิดเผย แต่พอถึงต้นปี 1918 ก็มีการส่งตัวแสดงใหม่ 3 คน มาเข้าฉาก และทั้ง 3 คน กลายเป็นตัวแทนตัวจริง ของมหาอำนาจตะวันตก และทำให้พวกตัวแทน ที่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการหมดท่า หลุดไปจากเส้นทางการติดต่อโดยสิ้นเชิง เขาฉีกบทเปลี่ยนตัวใหม่ เอาหมาป่ามาใช้แทน หมาบ้าน เพื่อเตรียมฉีกเนื้อรัสเซีย ก่อนหมาป่าพันธุ์เยอรมัน จะมาคาบไป Raymond Robins ซึ่งรับหน้าที่ดูแล กิจกรรมกาชาดอเมริกันต่อจาก William Boyce Thompson เมื่อต้นเดือนธันวาคม 1917 แต่ดูเหมือน Robins จะให้ความสนใจ และดำเนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ การค้า และการเมือง ของรัสเซียมากกว่า กิจกรรมบันเทาทุกข์ให้คนร้สเซีย วันที่ 26 ธันวาคม 1917 Robins ส่งโทรเลขไปถึงหุ้นส่วน Morgan คือนาย Henry Davison ซึ่งทำหน้าที่ เป็นประธานคณะกิจกรรมกาชาดอเมริกันชั่วคราวว่า “โปรดเร่งให้ประธานาธิบดี เริ่มมีการติดต่อกับพวก Bolsheviks ด้วย” วันที่ 23 มกราคม 1918 Robins ส่งโทรเลขไปหา Thompson ที่ NewYork : “รัฐบาลโซเวียตมั่นคงขึ้นทุกวัน พวกเขามีอำนาจเพิ่มขึ้น หลังจากมีการรวมตัวกันได้ จากการปิดสภา แต่ผมไม่สามารถจะผลักดันได้แรงกว่านี้ ให้เห็นถึงความสำคัญของการรับรองรัฐบาล Bolsheviks ทาง Sisson เห็นด้วยกับข้อความนี้ ขอให้ท่านช่วยนำโทรเลขนี้แสดงกับ Creel ด้วย Thatcher และ Wardwell ก็เห็นพ้องด้วย” การพยายามผลักดันให้กับพวก Bolsheviks อย่างไม่หยุดยั้ง ของ Robins ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชมในพวก Bolsheviks และมีอิทธิพลทางการเมืองพอสมควร แต่ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีรายงานส่งมาทางวอซิงตันว่า Robins เองก็เป็น Bolshevik ไปแล้ว เช่น โทรเลขที่มาจากโคเปนเฮเกน ลงวันที่ 3 ธันวาคม 1918 : ลับสุดยอด จากคำยืนยันของ Radek ที่ให้กับ George de Patpourrie กงสุลของออสเตรียฮังการี ประจำมอสโคว์บอกว่า Col. Robins ไอ้โจรร้ายของกาชาดอเมริกันที่มารัสเซีย ขณะนี้อยู่ที่มอสโคว์ เป็นตัวกลางในการเจรจา ระหว่างรัฐบาลโซเวียตโดยผ่านพวก Bolsheviks ให้กับพรรคพวกของตัวในอเมริกา มีผู้คนหลายฝ่ายเห็นว่า Col. Robins เองก็เป็นพวก Bolsheviks ในขณะที่บางฝ่ายก็บอกว่าไม่ใช่ แต่กิจกรรมที่เขากำลังดำเนินอยู่ในรัสเซีย มันตรงกันข้ามกับผลประโยชน์ ของรัฐบาลทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง เอกสารในแฟ้มสำนักงาน Soviet Bureau ในนิวยอร์ค ที่คณะกรรมาธิการ Lusk Committee ยึดมาได้ในปี 1919 ยืนยันว่า ทั้ง Robins และภรรยาเขา มีกิจกรรมใกล้ชิดกับพวก Bolsheviks ในอเมริกา และมีส่วนร่วมในการตั้งสำนักงาน Soviet Bureau ในนิวยอร์ค ฝ่ายรัฐบาลอังกฤษ ก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปรัสเซีย เพื่อประสานงานอย่างไม่เป็นทางการกับพวก Bolsheviks เช่นเดียวกัน โดยส่งนาย Bruce Lockhart สายลับ ที่พูดภาษารัสเซียได้คล่องแคล่ว Lockhart ก็ทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Robins เขาก็เหมือนเป็น Robins ก๊อบปี้อังกฤษนั่นแหละ แต่ต่างกับ Robins ตรงที่ Lockhart ต่อสายตรงถึงกระทรวงต่างประเทศอังกฤษได้ แม้ Lockhart จะไม่ได้ถูกส่งตัวไปโดยกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ หรือรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ แต่ Lockhart ถูกเลือก และส่งไปปฏิบัติภาระกิจในรัสเซีย ตามคำสั่งของ Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George ก็เห็นชอบด้วย ดูเหมือนในที่สุดแล้ว รัฐบาลอังกฤษ จะเล่นเรื่องรัสเซียอย่างไม่กลัวคนนินทา ต่างกับรัฐบาลอเมริกา ที่ดูยังกล้าๆกลัวๆ Maxim Litvinov ซึ่งเป็นตัวแทนอย่างไม่เป็นทางการ ของโซเวียตประจำอยู่ที่อังกฤษ ได้เขียนจดหมายแนะนำตัว Lockhart แก่ Trotsky ว่า “….แม้ว่าเขาเป็นสายลับของอังกฤษ แต่เป็นคนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา และมีความเข้าใจในสถานะและเห็นใจพวกเรา….” เป้าหมายของ Milner น่าจะเป็นการหาลู่ทาง เพื่อทำธุรกิจในภาคใต้ของรัสเซียและส่วนอื่นๆ ไม่ต่างกับที่ Morgan แห่งนิวยอร์คกำลังทำอยู่ ส่วนรัฐบาลฝรั่งเศสก็ส่ง Jaques Sadoul ซึ่งเปิดเผยว่าเขาเป็นพวก Bolsheviks แถมเป็นเพื่อนเก่าแก่กับ Trotsky อีกด้วย สรุป รัฐบาลของทั้ง 3 ประเทศ ถอนอำนาจ ของตัวแทนทางการฑูตอย่างเป็นทางการของตนเอง ที่ส่งไปประจำที่ Petrograd และส่งตัวแทนอย่างไม่เป็นทางการ ที่เอียงไปทางพวก Bolsheviks ให้ไปทำหน้าที่แทน และในที่สุด แม้ว่าจะมีผู้คัดค้านและตั้งคำถามมากมาย ประธานาธิบดี Wilson ก็ยอมเปิดหน้า ให้การรับรองรัฐบาล Bolsheviks การรับรองนี้ มาจากการกดดันของกลุ่มวอลสตรีท โดยเฉพาะ มาจาก American International Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่กลุ่ม Morgan มีอำนาจควบคุม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทนำ

    (5)

    ลำพังการโตเร็วของเยอรมัน ก็ทำให้อังกฤษออกอาการแล้ว มันหมายถึง อังกฤษมองว่าเยอรมันกำลังคุกคามอังกฤษ โดยเยอรมันจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม และทำให้เยอรมันเปลี่ยนสถานะ กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับอังกฤษ โดยการจัดตำแหน่งของอังกฤษเอง

    ไม่ต่างอะไร กับอาการของอเมริกา ที่มองจีน เมื่อราว คศ 2000 ต้นๆ เมื่อเศรษฐกิจของจีนโตอย่างก้าวกระโดด และอเมริกา ก็จัดสถานะจีน ไว้ในตำแหน่ง ที่ต้องจับตามอง อย่างไม่ใว้วางใจ

    สถานะของเยอรมัน เหมือนจะคุกคาม (ความอยากเป็นผู้ครองโลกของ) อังกฤษ มากขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่อังกฤษทนอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อเยอรมัน ได้รับสัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟ Berlin Bagdad และไม่ใช่เป็นเส้นทางที่ ผ่านแหล่งน้ำมันอย่างเดียว แต่อังกฤษเห็นว่า เป็นเส้นทางที่เยอรมันจะขนส่งน้ำมันทางบก ในเมโสโปเตเมียได้อย่างอิสระ โดยกองทัพเรืออันเกรียงไกรของอังกฤษ หมดหนทางสกัดกั้น

    เมื่อโอกาสของอังกฤษ ที่จะเข้าไปถึงแหล่งน้ำมันที่เล็งไว้ ดูจะลางเลือนมีอุปสรรค ผู้อื่นก็ไม่ควรมีโอกาสดีกว่าอังกฤษ แผนการกำจัดเยอรมัน จึงต้องเกิดขึ้น

    ความต้องการของอังกฤษที่แท้จริงคือ กำจัดเยอรมันอย่างหมดจด และครอบครองแหล่งน้ำมันในตะวันออกกลางทั้งหมด โดยไม่มีใครมาแย่ง มาแบ่ง มาขวาง เสาหลักทั้ง 3 จึงจะมีครบอย่างแข็งแรง และการเอาโลกใบนี้มาอยู่ในกำมือของตนตลอดกาลนาน จะได้ไม่เป็นแค่ความฝัน

    อังกฤษคิดว่า วิธีเดียว ที่จะทำให้อังกฤษได้ตามที่ต้องการทั้งหมดคือ ต้องสร้างสงคราม !

    เดือนเมษายน คศ 1914 George ที่ 7 กษัตริย์ของอังกฤษ พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรี
    Sir Edward Grey จึงเดินทางไปฝรั่งเศส เป็นกรณีพิเศษ เพื่อไปพบประธานาธิบดี Poincare ของฝรั่งเศส ที่ปารีส โดยมีนาย Iswolski ฑูตรัสเซียประจำฝรั่งเศส เข้าร่วมสนทนากัน 3 ประเทศ และด้วยลิ้นการทูตที่ยาวไปถึงใบหู อันแสนโดดเด่นของอังกฤษ ทั้ง 3 ประเทศ ก็ตกลงจับมือกันอย่างเป็นทางการ เพื่อผนึกกำลังด้านการทหารสำหรับต่อสู้ กับฝ่ายเยอรมันและออสเตรียฮังการี

    อันที่จริง ในสังคมอีลิต และชนชั้นสูงอังกฤษ ก็เห็นพ้องกันก่อน ปี คศ 1914 เสียด้วยซ้ำว่า สงครามเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อจะได้จัดระเบียบของยุโรปเสียใหม่ ให้เป็นไปตามที่อังกฤษเห็นเหมาะสม
    เป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้ว ที่อังกฤษใช้วิธีถ่วงอำนาจการควบคุมยุโรป ด้วยการสนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน (ตุรกี ในปัจจุบัน) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือขวางทางรัสเซีย ที่กำลังสร้างความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม อังกฤษสนับสนุนตุรกี ให้ควบคุม Dardanelles ทางเข้าแหล่งน้ำจืดของรัสเซีย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากของรัสเซียขณะนั้น แต่การที่ออตโตมาน กลายมาเป็นส่วนหนึ่ง ที่สนับสนุนความเจริญทางเศรษฐกิจ ของเยอรมัน ที่เข้มแข็งขึ้นทุกวันในช่วงปลาย คศ 1900 ถึง 1900 ต้นๆ อังกฤษ จึงต้องปรับดุลยอำนาจ และแผนการทูต ที่เกี่ยวข้องเสียใหม่

    อังกฤษเริ่มแผน ด้วยการปรับสัมพันธ์การทูต เปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู และเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร ตามผลประโยชน์ของอังกฤษ อังกฤษใช้ผลประโยชน์อย่างเดียว เป็นเครื่องวัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และในกรณีนี้ ออตโตมาน ซึ่งเคยเป็นมิตรที่ดีกับอังกฤษ เสมอมา จึงถูกปรับสถานะใหม่ ให้เป็นศัตรู และไม่ใช่ศัตรูธรรมดา เป็นศัตรูที่ต้องถูกลงโทษ จนไม่เหลือประเทศ เพราะไปคบกับเยอรมัน ที่อังกฤษยกระดับให้เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งไปแล้ว และเพราะออตโตมานมีแหล่งน้ำมันที่อังกฤษตั้งใจจะครอบครองให้ได้ แต่ออตโตมานกำลังทำตัว ให้เยอรมันมีโอกาสได้แหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษเล็งไว้ไปแทน

    ส่วนรัสเซีย ซึ่งอังกฤษเคยมองอย่างไม่ไว้ใจ คราวนี้จึงถูกหลอก มาให้ช่วยกำจัดออตโตมาน ซึ่งอังกฤษก็น่าจะมีเป้าหมาย ให้รัสเซียมีชะตากรรมไม่ต่างกับออตโตมาน เช่นกัน

    อังกฤษ มีความไม่พอใจรัสเซียสะสมอยู่แล้ว ที่รัสเซียเอง ก็มีแผนที่จะสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberia ยาว 5,400 ไมล์ ไปถึงเมืองท่า Vladivostock ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ตั้งแต่ ประมาณ คศ 1890 ต้นๆ ถ้ารัสเซียสร้างสำเร็จ จะทำให้รัสเซียเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นสิ่งที่อังกฤษยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เช่นเดียวกัน อังกฤษเป็นโรคแพ้ทางรถไฟของผู้อื่นจริงๆ อังกฤษพยายามเสี้ยม ให้เกิดสงครามบอลข่านหลายครั้ง เพื่อขวางการสร้างทางรถไฟ สาย Trans-Siberia แต่ในที่สุด ในปี คศ 1903 Trans-Siberia ก็สร้างสำเร็จ

    แต่รัสเซีย ก็หนีไม่พ้นมือขวางของอังกฤษ คศ 1904 อังกฤษ สนับสนุนให้ญี่ปุ่นบุกรัสเซียทางไซบีเรีย รัสเซียแพ้ญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้น ภายในรัสเซียเองก็เริ่มระส่ำระสาย มีการแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย วุ่นวายไปหมด ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าน่าจะต้านอังกฤษต่อไม่ไหว ควรกลับไปอ่อนข้อกับอังกฤษ อีกฝ่ายหนึ่ง คือฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการสร้างทางรถไฟ บอกว่า ถ้ารัสเซียยอมอังกฤษเที่ยวนี้อีก ก็คงต้องยอมไปตลอดชาติ

    ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ตัดสินใจตามความเห็นของฝ่ายแรก ปลดรัฐมนตรีที่แนะนำให้สร้างทางรถไฟ และ ตกลงยอมอ่อนข้อให้อังกฤษ แล้วรัสเซียก็เสียสิทธิในการปกครองอาฟกานิสถาน กับดินแดนบางส่วนในอิหร่านให้อังกฤษไปด้วย เป็นบทเรียนที่รัสเซียไม่ควรลืม

    ปี คศ 1907 อังกฤษ กล่อมฝรั่งเศสและรัสเซีย มาร่วมเป็นสัมพันธมิตร Triple Entente โดยมีเป้าหมายแรก เพื่อล๊อกคอ 2 สหาย แยกออกมาจากฝั่งเยอรมันเสียก่อน เพื่อก้าวไปยังเป้าหมายต่อไป คือการทำสงครามกับเยอรมัน รัสเซียคงแพ้ทางอังกฤษ เดินหมากผิดติดต่อกัน
    หลังจากล๊อกคอ 2 สหายมาได้แล้ว อังกฤษ ก็ยุให้เกิดสงครามบอลข่าน 1 ในปี คศ 1912 บุลกาเรีย กรีก และเซอร์เบีย ทำสงครามกับออตโตมาน ซึ่งกำลังเริ่มเป็นคนป่วย (ทางเศรษฐกิจ) ของยุโรป อังกฤษเห็นว่า ไม่มีโอกาสไหนจะดีกว่า ทุบคนเวลาป่วย มีแต่ชนะไม่มีแพ้ แล้วออตโตมานก็น่วมตามคาด รอเวลาถูกทึ้ง

    บอลข่าน 1 เกิดขึ้นแล้ว แต่เยอรมันอาจมีตัวช่วยเหลืออยู่ บอลข่าน 2 จึงต้องเกิดขึ้น โดยโรมาเนียออกมาช่วยอัดกลับบุลกาเรีย อัดกันไปอัดกันมา ผลสุดท้ายอ่อนล้าไปทั้งคู่ ทั้งหมดเป็นการเตรียมการของอังกฤษในการเข้าเข้าสู่สงคราม ที่อังกฤษเรียกว่า The Great Game ที่อังกฤษวางแผนไว้เอง

    ด้วยสงครามเท่านั้น ที่จะทำลายเยอรมันจนหมดสภาพ ทำลายจักรออตโตมานจนไม่เหลือเค้าเดิม เพื่ออังกฤษจะได้เขียนแผนที่ตะวันออกกลางเสียใหม่ จัดสรร แบ่งแหล่งน้ำมันกันใหม่ กับผู้ที่ชนะสงคราม และเปิดตลาดให้นักล่ารุ่นใหม่เข้าไปแล่เนื้อเถือหนังของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ

    3 อาณาจักรใหญ่ มีประวัติศาสตร์ยืนยาว และน่าจะยังยั่งยืนได้ต่อไป ออตโตมาน เยอรมัน รัสเซีย จึงถูกวางแผนให้ล่มสลาย

    3 เดือนหลังจากที่อังกฤษ ไปจับมือกับฝรั่งเศสและรัสเซียที่ปารีส วันที่ 28 กรกฎาคม คศ 1914 อาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ออสเตรีย ก็ถูกลอบยิง ที่เมืองเซราเยโว โดยชาวเซอร์เบีย ที่มีข่าวลือว่าเป็นสายลับของอังกฤษ

    แล้วสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มขึ้นตามแผนของอังกฤษ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทนำ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทนำ (5) ลำพังการโตเร็วของเยอรมัน ก็ทำให้อังกฤษออกอาการแล้ว มันหมายถึง อังกฤษมองว่าเยอรมันกำลังคุกคามอังกฤษ โดยเยอรมันจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม และทำให้เยอรมันเปลี่ยนสถานะ กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับอังกฤษ โดยการจัดตำแหน่งของอังกฤษเอง ไม่ต่างอะไร กับอาการของอเมริกา ที่มองจีน เมื่อราว คศ 2000 ต้นๆ เมื่อเศรษฐกิจของจีนโตอย่างก้าวกระโดด และอเมริกา ก็จัดสถานะจีน ไว้ในตำแหน่ง ที่ต้องจับตามอง อย่างไม่ใว้วางใจ สถานะของเยอรมัน เหมือนจะคุกคาม (ความอยากเป็นผู้ครองโลกของ) อังกฤษ มากขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่อังกฤษทนอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อเยอรมัน ได้รับสัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟ Berlin Bagdad และไม่ใช่เป็นเส้นทางที่ ผ่านแหล่งน้ำมันอย่างเดียว แต่อังกฤษเห็นว่า เป็นเส้นทางที่เยอรมันจะขนส่งน้ำมันทางบก ในเมโสโปเตเมียได้อย่างอิสระ โดยกองทัพเรืออันเกรียงไกรของอังกฤษ หมดหนทางสกัดกั้น เมื่อโอกาสของอังกฤษ ที่จะเข้าไปถึงแหล่งน้ำมันที่เล็งไว้ ดูจะลางเลือนมีอุปสรรค ผู้อื่นก็ไม่ควรมีโอกาสดีกว่าอังกฤษ แผนการกำจัดเยอรมัน จึงต้องเกิดขึ้น ความต้องการของอังกฤษที่แท้จริงคือ กำจัดเยอรมันอย่างหมดจด และครอบครองแหล่งน้ำมันในตะวันออกกลางทั้งหมด โดยไม่มีใครมาแย่ง มาแบ่ง มาขวาง เสาหลักทั้ง 3 จึงจะมีครบอย่างแข็งแรง และการเอาโลกใบนี้มาอยู่ในกำมือของตนตลอดกาลนาน จะได้ไม่เป็นแค่ความฝัน อังกฤษคิดว่า วิธีเดียว ที่จะทำให้อังกฤษได้ตามที่ต้องการทั้งหมดคือ ต้องสร้างสงคราม ! เดือนเมษายน คศ 1914 George ที่ 7 กษัตริย์ของอังกฤษ พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรี Sir Edward Grey จึงเดินทางไปฝรั่งเศส เป็นกรณีพิเศษ เพื่อไปพบประธานาธิบดี Poincare ของฝรั่งเศส ที่ปารีส โดยมีนาย Iswolski ฑูตรัสเซียประจำฝรั่งเศส เข้าร่วมสนทนากัน 3 ประเทศ และด้วยลิ้นการทูตที่ยาวไปถึงใบหู อันแสนโดดเด่นของอังกฤษ ทั้ง 3 ประเทศ ก็ตกลงจับมือกันอย่างเป็นทางการ เพื่อผนึกกำลังด้านการทหารสำหรับต่อสู้ กับฝ่ายเยอรมันและออสเตรียฮังการี อันที่จริง ในสังคมอีลิต และชนชั้นสูงอังกฤษ ก็เห็นพ้องกันก่อน ปี คศ 1914 เสียด้วยซ้ำว่า สงครามเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อจะได้จัดระเบียบของยุโรปเสียใหม่ ให้เป็นไปตามที่อังกฤษเห็นเหมาะสม เป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้ว ที่อังกฤษใช้วิธีถ่วงอำนาจการควบคุมยุโรป ด้วยการสนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน (ตุรกี ในปัจจุบัน) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือขวางทางรัสเซีย ที่กำลังสร้างความก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม อังกฤษสนับสนุนตุรกี ให้ควบคุม Dardanelles ทางเข้าแหล่งน้ำจืดของรัสเซีย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากของรัสเซียขณะนั้น แต่การที่ออตโตมาน กลายมาเป็นส่วนหนึ่ง ที่สนับสนุนความเจริญทางเศรษฐกิจ ของเยอรมัน ที่เข้มแข็งขึ้นทุกวันในช่วงปลาย คศ 1900 ถึง 1900 ต้นๆ อังกฤษ จึงต้องปรับดุลยอำนาจ และแผนการทูต ที่เกี่ยวข้องเสียใหม่ อังกฤษเริ่มแผน ด้วยการปรับสัมพันธ์การทูต เปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู และเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร ตามผลประโยชน์ของอังกฤษ อังกฤษใช้ผลประโยชน์อย่างเดียว เป็นเครื่องวัดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และในกรณีนี้ ออตโตมาน ซึ่งเคยเป็นมิตรที่ดีกับอังกฤษ เสมอมา จึงถูกปรับสถานะใหม่ ให้เป็นศัตรู และไม่ใช่ศัตรูธรรมดา เป็นศัตรูที่ต้องถูกลงโทษ จนไม่เหลือประเทศ เพราะไปคบกับเยอรมัน ที่อังกฤษยกระดับให้เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งไปแล้ว และเพราะออตโตมานมีแหล่งน้ำมันที่อังกฤษตั้งใจจะครอบครองให้ได้ แต่ออตโตมานกำลังทำตัว ให้เยอรมันมีโอกาสได้แหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษเล็งไว้ไปแทน ส่วนรัสเซีย ซึ่งอังกฤษเคยมองอย่างไม่ไว้ใจ คราวนี้จึงถูกหลอก มาให้ช่วยกำจัดออตโตมาน ซึ่งอังกฤษก็น่าจะมีเป้าหมาย ให้รัสเซียมีชะตากรรมไม่ต่างกับออตโตมาน เช่นกัน อังกฤษ มีความไม่พอใจรัสเซียสะสมอยู่แล้ว ที่รัสเซียเอง ก็มีแผนที่จะสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberia ยาว 5,400 ไมล์ ไปถึงเมืองท่า Vladivostock ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ตั้งแต่ ประมาณ คศ 1890 ต้นๆ ถ้ารัสเซียสร้างสำเร็จ จะทำให้รัสเซียเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นสิ่งที่อังกฤษยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เช่นเดียวกัน อังกฤษเป็นโรคแพ้ทางรถไฟของผู้อื่นจริงๆ อังกฤษพยายามเสี้ยม ให้เกิดสงครามบอลข่านหลายครั้ง เพื่อขวางการสร้างทางรถไฟ สาย Trans-Siberia แต่ในที่สุด ในปี คศ 1903 Trans-Siberia ก็สร้างสำเร็จ แต่รัสเซีย ก็หนีไม่พ้นมือขวางของอังกฤษ คศ 1904 อังกฤษ สนับสนุนให้ญี่ปุ่นบุกรัสเซียทางไซบีเรีย รัสเซียแพ้ญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้น ภายในรัสเซียเองก็เริ่มระส่ำระสาย มีการแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย วุ่นวายไปหมด ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าน่าจะต้านอังกฤษต่อไม่ไหว ควรกลับไปอ่อนข้อกับอังกฤษ อีกฝ่ายหนึ่ง คือฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการสร้างทางรถไฟ บอกว่า ถ้ารัสเซียยอมอังกฤษเที่ยวนี้อีก ก็คงต้องยอมไปตลอดชาติ ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ตัดสินใจตามความเห็นของฝ่ายแรก ปลดรัฐมนตรีที่แนะนำให้สร้างทางรถไฟ และ ตกลงยอมอ่อนข้อให้อังกฤษ แล้วรัสเซียก็เสียสิทธิในการปกครองอาฟกานิสถาน กับดินแดนบางส่วนในอิหร่านให้อังกฤษไปด้วย เป็นบทเรียนที่รัสเซียไม่ควรลืม ปี คศ 1907 อังกฤษ กล่อมฝรั่งเศสและรัสเซีย มาร่วมเป็นสัมพันธมิตร Triple Entente โดยมีเป้าหมายแรก เพื่อล๊อกคอ 2 สหาย แยกออกมาจากฝั่งเยอรมันเสียก่อน เพื่อก้าวไปยังเป้าหมายต่อไป คือการทำสงครามกับเยอรมัน รัสเซียคงแพ้ทางอังกฤษ เดินหมากผิดติดต่อกัน หลังจากล๊อกคอ 2 สหายมาได้แล้ว อังกฤษ ก็ยุให้เกิดสงครามบอลข่าน 1 ในปี คศ 1912 บุลกาเรีย กรีก และเซอร์เบีย ทำสงครามกับออตโตมาน ซึ่งกำลังเริ่มเป็นคนป่วย (ทางเศรษฐกิจ) ของยุโรป อังกฤษเห็นว่า ไม่มีโอกาสไหนจะดีกว่า ทุบคนเวลาป่วย มีแต่ชนะไม่มีแพ้ แล้วออตโตมานก็น่วมตามคาด รอเวลาถูกทึ้ง บอลข่าน 1 เกิดขึ้นแล้ว แต่เยอรมันอาจมีตัวช่วยเหลืออยู่ บอลข่าน 2 จึงต้องเกิดขึ้น โดยโรมาเนียออกมาช่วยอัดกลับบุลกาเรีย อัดกันไปอัดกันมา ผลสุดท้ายอ่อนล้าไปทั้งคู่ ทั้งหมดเป็นการเตรียมการของอังกฤษในการเข้าเข้าสู่สงคราม ที่อังกฤษเรียกว่า The Great Game ที่อังกฤษวางแผนไว้เอง ด้วยสงครามเท่านั้น ที่จะทำลายเยอรมันจนหมดสภาพ ทำลายจักรออตโตมานจนไม่เหลือเค้าเดิม เพื่ออังกฤษจะได้เขียนแผนที่ตะวันออกกลางเสียใหม่ จัดสรร แบ่งแหล่งน้ำมันกันใหม่ กับผู้ที่ชนะสงคราม และเปิดตลาดให้นักล่ารุ่นใหม่เข้าไปแล่เนื้อเถือหนังของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ 3 อาณาจักรใหญ่ มีประวัติศาสตร์ยืนยาว และน่าจะยังยั่งยืนได้ต่อไป ออตโตมาน เยอรมัน รัสเซีย จึงถูกวางแผนให้ล่มสลาย 3 เดือนหลังจากที่อังกฤษ ไปจับมือกับฝรั่งเศสและรัสเซียที่ปารีส วันที่ 28 กรกฎาคม คศ 1914 อาชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ออสเตรีย ก็ถูกลอบยิง ที่เมืองเซราเยโว โดยชาวเซอร์เบีย ที่มีข่าวลือว่าเป็นสายลับของอังกฤษ แล้วสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มขึ้นตามแผนของอังกฤษ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง คนวัดปรอท
    “คนวัดปรอท”

    สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา

    พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร

    ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที

    ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน

    แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ

    ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว
    แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College

    และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน….

    ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว

    แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก

    ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย

    เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม
    อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ

    จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 เม.ย. 2558
    เรื่อง คนวัดปรอท “คนวัดปรอท” สงสัยลูกกระเป๋งจะไปรายงานว่า มีคนนินทานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ว่า ถึงกับไปไม่เป็น ยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยก เมื่อเห็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย คุณหน้าเฉย Dmitry Medvedev ยิ้มหวาน ดมดอกไม้กับคุณแก้มยุ้ย นายกรัฐมนตรีไทยเมื่อต้นเดือนเมษานี้เอง เลยต้องรีบควานหา คนวัดปรอทคนใหม่ เอามานั่งวัดอุณหภูมิของทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกอง ฯลฯ ในแดนสมันน้อยว่า มันร้อนไปทางไหน เย็นไปทางไหน เอาให้แน่ๆ เพราะคนเก่า ใช้ปรอทไม่เป็น ใช้เป็นแต่เซลฟี่ ฮา พณะโอบามา ออกข่าวเมื่อวันสงกรานต์นี่เองว่า จะเสนอให้นาย Glyn Townsend Davies ผู้ที่คร่ำหวอด อยู่ในกิจการต่างด้านประเทศ เรียกว่า เป็นนักการทูตมืออาชีพ มีประวัติการทำงานยาวเหยียด มาเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่วัดปรอทการเมืองไทยทุกตารางนิ้วเสียใหม่ หลังจากที่ปล่อยให้สำนักถนนวิทยุเงียบเหงามากว่า 6 เดือน จนเสียรางวัดให้เขาดมดอกไม้ แย้มยิ้ม เหมือนเย้ยใคร ประวัติเด่นของนาย Davies ที่เขาบรรยายส่งมา ผมว่ารายการแรก ต้องยกให้เรื่องน้องคิมของผม ดูเหมือนนาย Davies นี่จะเป็นคนที่เอ็นดูน้องคิม เจ้าพ่อเกาหลีเหนือเป็นพิเศษ ดูแลนโยบายเกาหลีเหนือช่วงปี 2012-2014 และเคยสรุปเสนอรัฐสภาว่า ไม่เป็นประโยชน์อันใดที่จะพูดคุยกับน้องคิมให้รู้เรื่อง ถ้าอเมริกาอยากจะหารือเรื่องเกาหลี เหนือ โน่น ไปพบผู้ปกครองน้องคิม อาเฮียแห่งแผ่นดินใหญ่ จะรู้เรื่องเร็วกว่า แสดงว่า คนวัดปรอทคนนี้ น่าจะเป็นผู้ชำนาญงาน แหม แต่เหมาเอาง่ายๆ ว่า น้องคิมเป็นเด็กในปกครองของอา เฮีย นี่ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าน้องเขาจะชอบใจไหม น้องเขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้น่า ว่าจะส่งของขวัญให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไหร่ ฮาอีกที ประวัติเด่นรายการที่สอง นาย Davies เคยเป็นตัวแทน ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ช่วงปี 2009-2012 ใน International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ไอ้เออีเอ ที่เป็นไม้เบื่อ ไม้เมาของ Saddam แห่งอืรัค คอยตามตรวจว่า ซัดดัมมีนิวเคลียร์ติดตัวไว้กี่ลูก ผลการตรวจ ไม่เจอซักลูก แต่ดันได้น้ำมันไปหลายปั้ม คนอิรัคตายไปหลายแสน ไม่มีบ้านเหลือให้ซุกหัวอีกหลายล้านคน และตอนนี้ ไอ้เอกับอีเอ ก็กำลังรีรอ ว่า จะเป็นไม้เบื่อ หรือจะไปเมา กับอิหร่านดี อีกไม่กี่เดือนก็รู้กัน แต่ประวัติเรื่องนี้จะเอามาทำอะไรที่แดนสมันน้อยได้ครับ หรือจะมาดู ว่าการยิงบ้องไฟของเรานี่ จะเข้าข่ายที่ ไอ้เอกับอีเอมันข้องใจ ประวัติเด่นรายการที่สาม คือ เป็นผู้ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออก และแปซิฟิก ช่วงปี 2006-2009 แสดงว่ารู้จักผู้คนแถบนี้ดี คงไม่น่าจะใช่ประเภท กางแขนเเป็นอีแร้ง รำวงให้คนไทยดู แบบยายกุ้งแห้ง อย่านึกว่าทำแบบนั้นแล้วคนไทยจะชอบนะครับ มีแต่ไอ้พวกสอพลอที่ชื่นชม ถามลุงแก่ๆอย่างผม ผมว่าน่าทุเรศครับ คนเราน่าจะเจริญพอ ที่คิดสร้างไมตรีด้วยวิธีอื่นได้ดีกว่านี้ นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อย่าส่งมาให้เสียรางวัดไปกว่าเดิมเลย แค่นี้ก็เขียนด่าจะไม่ทันอยู่แล้ว แต่ที่ผมสนใจประวัติ คนวัดปรอทคนนี้ คือแกเคยทำงานอยู่ในสภาความมั่นคง National Security Council ช่วงรัฐบาลคลินตัน ประธานาธิบดีขวัญใจเด็กฝึกงาน และจบปริญญาโทด้าน ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ national security strategy จาก National War College และที่น่าสนใจ อีกเรื่อง คือ ข่าว ลงวันที่ 13 เมษายน 2015 ของThe Leaderboard ซึ่ง CogitAsia หน่วยงาน ของ CSIS Center for Strategic & International Studies ถังขยะความคิด ซึ่งเป็นเหมือนหน่วยราชการ ของอเมริกา ออกข่าวเกี่ยวกับการที่นายโอบามา เสนอชื่อคนวัดปรอทคนใหม่ของอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นพันธมิตร ที่แข็งแรงที่สุด ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ แต่หลังจากการปฏิวัติของไทย เมื่อปี 2014 ความสัมพันธ์ของอเมริกากับไทย ก็สั่นคลอน ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ นาย Davies จึงเป็นที่คาดหวังว่า เขาจะใช้ความรู้เกี่ยวกับวิกฤติทางการทูต ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานะการณ์ทางการเมืองของที่ยังมองอะไรไม่ชัดเจน…. ทั้งหมดนี้ แปลว่าอะไรครับ แปลว่า อเมริกาปล่อยให้สมันน้อย หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด รู้ว่า ยายกุ้งแห้งเซลฟี่ จะหมดเทอม อเมริกาก็ยังไม่หาใครมาแทน ทิ้งช่วงอยู่กว่า 6 เดือน เพื่อรอดูว่า การเมืองสมันน้อยจะไปทางไหนแน่ หลังจากมีการปฏิวัติ อเมริการอจนชัดเจนว่า สมันน้อยเริ่มมองโลกกว้าง ออกคบเพื่อนมากขึ้น รูปนายกแก้มยุ้ยของไทย จับมือ ยิ้มหวานกับอาเฮีย ก็ทำให้อเมริกาคิดหนักแล้ว แต่เมื่อนายกแก้มยุ้ย ชวนนายกหน้าเฉย จากรัสเซียดมดอกไม้นี่ อเมริกาคงตัดสินใจได้ ว่าควรจะรีบส่งคนวัดปรอท แบบผู้ชำนาญด้านยุทธศาสตร์ มาประจำการได้แล้ว แต่ถ้าอเมริกาคิดจะใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ บีบคอสมันน้อย ให้ยืนนิ่งอยู่ในคอก แล้วสั่งซ้ายหัน ขวาหัน เหมือนอย่างเดิมน่าจะเป็นไปได้ยาก อเมริกายังยืนเซ่ออยู่กลางสี่แยกจริงๆ ยังอ่านไม่ออกว่า การเมืองของสมันน้อยหลังการปฏิวัติ และจากนี้ไป จะไปทางไหน ส่งพวกปากเสียมาเสือกหลายรอบ ต้ังแต่สมันน้อยปฏิวัติ แทนที่จะได้ผล ทำท่าจะเสียทั้งผลทั้งต้น เสียทั้งต้น นี่เรื่องใหญ่ อเมริการับไม่ได้หรอก ทางออกตอนนี้ ของนักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จึงต้องส่งคนวัดปรอท ชนิดผู้ชำนาญการ มาทำการวัดปรอท ทุกตารางนิ้วในแดนสมันน้อยใหม่หมด และดูจากประสพการณ์ และการข่าว คนวัดปรอท คนใหม่นี้ น่าจะไม่ใช่แค่มายืนๆ เดินๆ แล้วเอาปรอทแหย่ปากสมันน้อย คนวัดปรอทอาจจะมีวิธี ทำให้ปรอทร้อน ถึงร้อนจัด หรือเย็นจัดในบางสถานที่ บางกลุ่มด้วย เราจึงต้องจับตาดูคนวัดปรอทคนใหม่นี้ให้ดี เรากำลังมุ่งหน้าที่จะออกมาจากคอก สู่การเป็นอิสระชนแล้ว ก็เดินอย่างสง่าผ่าเผย รักษาอธิปไตย และความเป็นกลางของประเทศให้ดี เมื่อรัฐบาลเลือกเดินนโยบายที่จะไม่ให้ใครมาจูงจมูก เราประชาชนก็สมควรสนับสนุน ไม่ใช่คิดแต่จะคบเพื่อน แค่คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะด้วยแค่ความคุ้นเคย แถมให้มันบีบซ้ายกระตุกขวาได้อยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใคร จะคบเพื่อนกี่คนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา ขอให้เพื่อนรู้จักเคารพ และเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อนกัน เรื่องในบ้านเพื่อนก็ให้เกียรติกันบ้าง อย่าเสือกทุกเรื่อง ยิ่งบางเรื่อง ไม่บังควร ผ่านมา 60 ปี ยังไม่เรียนรู้ จะเป็นเพื่อนกันต่อไปทำไม อย่านึกว่าสมันน้อยโง่หมด สีที่ฟอกย้อมไว้ มันถลอกลอกไปแยะแล้ว เพราะพฤติกรรมความเสือก ความตะกระ ความกร่าง ความเจ้าเล่ห์ ของอเมริกาเองนั่นแหละ จะมาเดินวัดปรอทกันใหม่ ก็หัดเรียนรู้ใหม่ ไอ้พวกที่ชอบมาอ่านเพจผม แล้วรวนเครื่องผม อย่ารวนเปล่า นายใหม่จะมาแล้ว แปลไว้ให้อ่านเลย จะได้ประหยัดเวลามาวัดปรอทแถวนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นหน้าซีด เจ้าหน้าที่รีบสอพลอว่า ใช่แล้วพณะท่าน เขากำลังยั่วยุเรา เพราะเขารู้ว่าท่านจะมา เออ เอ็งไม่เห็นหน้าพณะท่านหรือไง ถึงได้สอพลอแบบนี้

    หมากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเขาเดินกันในแถบแปซิฟิก รอบนี้ น่าจะแปลว่า เขตร้อนระอุ จะไม่ได้เกิดขึ้นที่ตะวันออกกลางอย่างเดียว แปซิฟิกก็มีสิทธิเหมือนกัน อาจจะไม่มาในรูปแบบเดียวกับที่ตะวันออกกลาง ที่เป้าหมายคือต้องการแต่ปั้ม ไม่ต้องการคน แต่ที่แปซิฟิก เป้าหมายของอเมริกา คือ ต้องการใช้ลูกกะเป๋งทั้งหลาย เป็นกันชน คือ ทั้งกัน และชนกับจีน พี่เบิ้มใหญ่ตัวจริง ของแปซิฟิก

    ยุทธศาสตร์กันชน เล่นได้หลายรูปแบบ มีทั้ง ลูกสั้น ลูกยาว ใช้เวลาสั้น หรือลากกันยืดเยื้อ

    เขียนเหมือนเรื่องสนุก แต่จริงๆ มันไม่สนุกนะครับ ถ้าเขาจะใช้ยุทธศาสตร์กันชนกัน นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่มีทางปล่อยสมันน้อย ให้หลุดมือเด็ดขาด คงจำได้นะครับ ผมเคยอธิบายถึง เส้นทาง และภูมิศาสตร์แถบนี้ ไว้ในนิทานเรื่องยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก จนถึง เรื่องกบกระโดดมาแล้วว่า นักล่าคิดจะทำอะไร และในแผนต่างๆของนักล่า สมันน้อยมีความหมาย ความสำคัญอย่างไร

    เมื่อสมันน้อยเล่นเชิญเพื่อนใหม่ สัมพันธ์เก่า 120 ปี มาดมดอกไม้ด้วยกันแบบนี้ นักล่าจะปล่อยไปได้ยังไง มันทั้งเสียหน้า เสียเงิน และที่สำคัญ เสียแผน ทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง

    ถ้าเอาสมันน้อยกลับมาอยู่ในอุ้งมืออย่างเดิมไม่ได้ หวังว่านักล่าปีกเหี่ยวคงไม่ใช้มาตรการกระทืบสมันน้อยให้ตายคาตีน
    ถ้านักล่าเลือกอย่างหลัง นักล่าจะต้องเอาพม่า คว้าคอคุณน้าอองซาน ให้อยู่มือเสียก่อน มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คงไม่เกินความสามารถของนักล่า อันที่จริงคุณน้าแกก็ชอบอยู่ในมือฝรั่งอยู่แล้ว ก็ของมันคุ้นกัน แต่พวกพี่หม่องทหารสินะ ที่ยังไม่อยู่มือทั้งหมด เขาว่าบางพวกก็ยังนึกถึงพวกอาเฮีย ที่มาช่วยยามยากเอาไว้ คราวนี้จะถีบอาเฮียทิ้งหรือ ข่าวว่าเป็นไปได้ ไอ้พวกนักล่า มันมีวิธีล๊อกคอพวกพี่หม่องเขา ไว้ นึกไม่ถึงว่า พี่หม่องทหาร จะมีจุดโหว่ขนาดนั้น คงต้องขอยืม ความเห็นของ อาจารย์ฐิตินันท์ มาใช้กรณีนี้บ้าง ว่า การไปซบฝ่ายตะวันตก ที่พี่หม่องไม่รู้จักใจจริงของเขา มันอาจจะได้ผลแค่ระยะสั้น...เช่นกัน…ดูกันไปนะครับ

    ถ้าเป็นอย่างนั้น พณะหน้าเซียว รัฐมนตรีกลาโหม ของนักล่า คงต้องรีบจัดทริป 2 เดินสายมาพม่า เร็วๆนี้ และถ้ามาพม่า และไม่แวะไทย สมันน้อยก็จะได้รู้ใจเพื่อนเก่า พอที่จะตัดสินใจได้เด็ดขาดเสียที และต้ังกระบวนท่ารับให้ดี แต่มันคงยังไม่ทำอะไรชัดเจนโฉ่งฉ่างอย่างนั้น คงจะแวะมาเยี่ยมสมันน้อยด้วย คราวนี้แหละ นับเป็นโอกาสอันดีของสมันน้อย ที่จะเล่นบทถ่วงดุลอำนาจระหว่างประเทศ อย่างฉลาด กล้าหาญ และจริงจัง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    12 เมย. 2558
    เป็นหน้าซีด เจ้าหน้าที่รีบสอพลอว่า ใช่แล้วพณะท่าน เขากำลังยั่วยุเรา เพราะเขารู้ว่าท่านจะมา เออ เอ็งไม่เห็นหน้าพณะท่านหรือไง ถึงได้สอพลอแบบนี้ หมากที่ทั้ง 2 ฝ่ายเขาเดินกันในแถบแปซิฟิก รอบนี้ น่าจะแปลว่า เขตร้อนระอุ จะไม่ได้เกิดขึ้นที่ตะวันออกกลางอย่างเดียว แปซิฟิกก็มีสิทธิเหมือนกัน อาจจะไม่มาในรูปแบบเดียวกับที่ตะวันออกกลาง ที่เป้าหมายคือต้องการแต่ปั้ม ไม่ต้องการคน แต่ที่แปซิฟิก เป้าหมายของอเมริกา คือ ต้องการใช้ลูกกะเป๋งทั้งหลาย เป็นกันชน คือ ทั้งกัน และชนกับจีน พี่เบิ้มใหญ่ตัวจริง ของแปซิฟิก ยุทธศาสตร์กันชน เล่นได้หลายรูปแบบ มีทั้ง ลูกสั้น ลูกยาว ใช้เวลาสั้น หรือลากกันยืดเยื้อ เขียนเหมือนเรื่องสนุก แต่จริงๆ มันไม่สนุกนะครับ ถ้าเขาจะใช้ยุทธศาสตร์กันชนกัน นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่มีทางปล่อยสมันน้อย ให้หลุดมือเด็ดขาด คงจำได้นะครับ ผมเคยอธิบายถึง เส้นทาง และภูมิศาสตร์แถบนี้ ไว้ในนิทานเรื่องยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก จนถึง เรื่องกบกระโดดมาแล้วว่า นักล่าคิดจะทำอะไร และในแผนต่างๆของนักล่า สมันน้อยมีความหมาย ความสำคัญอย่างไร เมื่อสมันน้อยเล่นเชิญเพื่อนใหม่ สัมพันธ์เก่า 120 ปี มาดมดอกไม้ด้วยกันแบบนี้ นักล่าจะปล่อยไปได้ยังไง มันทั้งเสียหน้า เสียเงิน และที่สำคัญ เสียแผน ทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง ถ้าเอาสมันน้อยกลับมาอยู่ในอุ้งมืออย่างเดิมไม่ได้ หวังว่านักล่าปีกเหี่ยวคงไม่ใช้มาตรการกระทืบสมันน้อยให้ตายคาตีน ถ้านักล่าเลือกอย่างหลัง นักล่าจะต้องเอาพม่า คว้าคอคุณน้าอองซาน ให้อยู่มือเสียก่อน มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คงไม่เกินความสามารถของนักล่า อันที่จริงคุณน้าแกก็ชอบอยู่ในมือฝรั่งอยู่แล้ว ก็ของมันคุ้นกัน แต่พวกพี่หม่องทหารสินะ ที่ยังไม่อยู่มือทั้งหมด เขาว่าบางพวกก็ยังนึกถึงพวกอาเฮีย ที่มาช่วยยามยากเอาไว้ คราวนี้จะถีบอาเฮียทิ้งหรือ ข่าวว่าเป็นไปได้ ไอ้พวกนักล่า มันมีวิธีล๊อกคอพวกพี่หม่องเขา ไว้ นึกไม่ถึงว่า พี่หม่องทหาร จะมีจุดโหว่ขนาดนั้น คงต้องขอยืม ความเห็นของ อาจารย์ฐิตินันท์ มาใช้กรณีนี้บ้าง ว่า การไปซบฝ่ายตะวันตก ที่พี่หม่องไม่รู้จักใจจริงของเขา มันอาจจะได้ผลแค่ระยะสั้น...เช่นกัน…ดูกันไปนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น พณะหน้าเซียว รัฐมนตรีกลาโหม ของนักล่า คงต้องรีบจัดทริป 2 เดินสายมาพม่า เร็วๆนี้ และถ้ามาพม่า และไม่แวะไทย สมันน้อยก็จะได้รู้ใจเพื่อนเก่า พอที่จะตัดสินใจได้เด็ดขาดเสียที และต้ังกระบวนท่ารับให้ดี แต่มันคงยังไม่ทำอะไรชัดเจนโฉ่งฉ่างอย่างนั้น คงจะแวะมาเยี่ยมสมันน้อยด้วย คราวนี้แหละ นับเป็นโอกาสอันดีของสมันน้อย ที่จะเล่นบทถ่วงดุลอำนาจระหว่างประเทศ อย่างฉลาด กล้าหาญ และจริงจัง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 12 เมย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ฉากใหม่
    “ฉากใหม่”

    (1)

    เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น

    ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น

    มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป

    น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย

    นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด

    นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย

    จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง

    อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา
    ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ

    สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด

    แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว

    และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก

    แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย

    และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด

    (2)

    มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน

    มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ

    แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง

    มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม
    ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด

    ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก

    แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน

    ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace

    นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย

    เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา
    ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้

    นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน
    ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา

    เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน

    (3)

    น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่

    ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย

    และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้

    ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    เรื่อง ฉากใหม่ “ฉากใหม่” (1) เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด (2) มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้ นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน (3) น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่ ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้ ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม
    “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม”

    (1)

    ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ

    ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา

    Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว

    ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง

    นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว

    เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก

    นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน
    เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร

    ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย

    แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว

    อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว

    หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ

    (2)

    ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน

    ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย

    แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น
    ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น

    เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย

    Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย

    คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน

    แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 เม.ย. 2558
    เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม” (1) ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ (2) ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง
    “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง”

    (1)

    คนรักจากลา ตอนชะตาของพี่ตกต่ำ… เรื่องอย่างนี้ใครไม่เคยเจอ คงไม่รู้ว่ามันชอกช้ำขนาดไหน ผมได้ยินเสียงร้องแบบนี้เป็นภาษาตุรกี หลายเดือนมาแล้ว แต่ไม่นึกว่า ใครจะทิ้งนักไต่ลวด จอมเล่นเกมเสียวของผมได้ลงคอ โดยเฉพาะ ไอ้พวกที่หลอกใช้นักไต่ลวดมากว่า 60 ปีอย่างอเมริกา นึกว่าเขาแค่งอนกัน ชั่วครั้งชั่วคราว ก็เห็น ตาโอ ยังกอดคอเล่าเรื่องตลกให้ลุงเออ Erdogan ท่านประธานาธิบดี ของตุรกี หัวร่อกันงอหาย อยู่ทุกครั้งที่เจอกัน ตอนน้ำต้มผักยังหวาน

    แต่เมื่อต้นปี หลังฉลองปีใหม่ไปไม่ถึงเดือน ทางวอชิงตันก็มีการทบทวนความสัมพันธ์ กับนักไต่ลวด ที่นับวันจะแตกต่าง ห่างกันออกไปเรื่อยๆ

    นาย Michael Werz นักวิเคราะห์อาวุโส ของถังขยะความคิด Center for American Progress ให้สัมภาษณ์ถึงสัมพันธ์ของนักล่ากับนักไต่ลวดว่า

    ” มันก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่กันมานานแล้วน่ะนะ ไม่มีอะไรให้หวือหวา ซู่ซ่า เหมือนเดิม มีแต่เรื่องบ่นใส่กัน ที่แย่คือ เอาเรื่องในที่ลับมาเล่าในที่แจ้ง โพนทะนา ให้คนนอกฟังนั่นแหละ” ฮั่นแน่ แสดงว่ามีเรื่องไม่เอาไหน บ่มิไก๋ ปิดไว้แยะล่ะซีท่า

    อเมริกาไม่พอใจที่ตุรกีไม่เล่นบทผู้นำในการปราบพวก ISIL ไม่พอใจที่ตุรกี ปฏิบัติตัวไม่ได้ตามมาตรฐานของสมาชิกนาโต้ แต่ที่อเมริกาไม่พอใจที่สุด คือ ที่เข้าไปใช้ฐานทัพที่ Incirlik ไม่ได้ตามต้องการ Incirlik เป็นฐานทัพที่อเมริกาอ้างว่าเป็นของตน แต่ฐานทัพนี้อยู่ในตุรกีนะครับ สมันน้อยอ่านแล้ว ก็คิดถึงเรื่อง อู่ตะเภา ตาคลี ฯลฯ เอาไว้บ้าง อยู่ในบ้านเราแท้ๆ หวังว่าเขาไม่คิดว่าเป็นของเขา นึกจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเราก็ดันยอม….

    “ความเชื่อใจที่มีต่อกัน กำลังจางหายลงไปทุกวัน ” ถังความคิดพล่ามต่อ ” เราจึงต้องประเมินความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับตุรกีใหม่ แม้ว่าเราจะนับเป็นพวกเดียวกัน แต่ตอนนี้มันต้องแยกเป็นเรื่องๆ แล้ว”

    เป็นการพล่ามที่ได้ผลมาก หลังจากฟังอเมริกา ให้ถังขยะ ด่าลอยลมมาในเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ นักไต่ลวดจอมเล่นเกมเสียว ก็เลยเล่นเสียวกลับ
    จำได้ไหมครับ ผมเคยเล่าให้ฟังว่าตุรกี คิดจะมีระบบป้องกันการยิงจรวดวิถี ไกล (long range air and missile defense system) ซึ่งอเมริกาค้านนักหนา ว่าเอามาทำไม นาโต้ก็มีอยู่แล้ว แต่ตุรกีไม่ชอบใช้จมูกคนอื่นหายใจ จึงเปิดให้มีการประมูล ตั้งแต่ปี 2009 ปรากฏว่าระบบของจีนเข้าสเป็คที่สุด กะจะประกาศผลตั้งแต่ ปี 2013 แต่ตุรกี ก็ทั้งชลอ ทั้งเลื่อนการประกาศผล ไปเรื่อยๆ การประกาศจะเลือกระบบของจีน แต่ชลอการประกาศไปเรื่อยๆ นับเป็นความสุดเก๋า ของนักไต่ลวด ที่มีวิธีลองใจแฟน

    ก็ได้ผลอย่างที่อยากลอง ถูกเขาด่า ทั้งใส่หน้า และลอยลมมาตลอดว่า จะไม่เข้ากับระบบของนาโต้ และจะทำให้ความลับของนาโต้รั่วไหลไปถึงจีน (เป็นไปตามแผน แต่ไม่รู้แผนใคร ! )

    ล่าสุด ตุรกีว่าจะประกาศเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เงียบไป คงยังตัดใจไม่ได้ ว่าจะเอาไงดีกับแฟน 60 ปี สงสัย เจอถังขยะลอยมาใส่เข้า เลยตัดใจได้

    ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกี Ismet Yilmaz ทำหนังสือแจ้งไปยังสภาว่า ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย(นานแล้ว)คร้าบ ของจีนเหมาะที่สุดคร้าบ

    ข่าวว่า มีคนเอาหน้าไปแจ้ง อาเฮีย อาเฮียได้แต่หัวร่อฮาๆ สั่งเด็กให้ไปซื้อยาล้างตาเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนจะได้ดูนาโต้แก้ผ้า แถมซื้อเผื่อคุณพี่ปูของผมด้วย เพราะจะได้ดูด้วยกัน ซานุกดีเนอะ

    (2)

    นึกว่านักไต่ลวดจะมีฤทธิ์เพียงเท่านี้หรือ รู้จักนักไต่ลวดน้อยไปซะแล้ว ล่าสุด เมื่อต้นเดือนมีนาคม คุณลุงเออโดวาน Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ก็แวะไปเยี่ยมกษัตริย์ซาลมาน Salman แห่งซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่ใช่ไปเยี่ยมด้วยความรักใคร่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันไปบ้าง เยี่ยมเสร็จ สื่อตีข่าวกันใหญ่ว่า สัมพันธ์ระหว่าง ตุรกี กับ ซาอุดิ กำลังขึ้นหน้าใหม่ Turkey – Saudi relations turn ‘a new page’

    ตุรกีกับซาอุดิ มีเรื่องคาใจค้างกันอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอียิปต์ ตุรกีนั้น หนุนอดีตประธานาธิบดี Morsi ของ Muslim Brotherhood ที่เพิ่งถูกปลด ส่วนซาอุดิหนุน Fattah el-Sisi ที่ขึ้นมาเป็นแทน ซาอุดิไม่ชอบกลุ่ม Muslim Brotherhood แต่ระยะหลังเริ่มเสียงอ่อน

    ประเด็นใหญ่ของการไปเยี่ยม ข่าวบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องอียิปต์ กับ “เรื่องอื่นๆ” ที่ 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนความคิดกัน

    เรื่องอื่นๆ หมายถึงเรื่องอะไร

    ตะวันออกกลาง ร้อนระอุไม่หยุด และน่าจะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ

    สิ้นเดือนนี้ หรืออย่างช้า กลางเดือนเมษายน การเจรจาเรื่องอิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะต้องจบ อิหร่านเป็นหนามตำใจ ซาอุดิที่สุด ซาอุดิกำลังคิดว่า อเมริกาจะกลับไปคืนดีกับอิหร่าน แฟนเก่า และทอดทิ้งซาอุดิให้สู้รบ กับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางอย่างเดียวดาย ( เอะ น่าจะเปลี่ยนชื่อ นิทานตอนนี้ ว่า ชมรมคนถูกแฟนทิ้ง อาจจะเหมาะกว่า )
    ฉะนั้น ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่าตอนนี้ ที่ตุรกีนักไต่ลวด ผู้ชอบเล่นเกมเสียว จะไปคุยกับซาอุดิเรื่องอิหร่าน ตุรกีอาจจะไปบี้ให้ซาอุดิให้เจ็บหนักขึ้น หรือจะไปชวนให้ซาอุดิถีบแฟนทิ้ง เหมือนอย่างที่ตุรกีกำลัง (คิด) ทำอยู่

    แค่ตุรกีไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา ไม่ให้อเมริกาไปซ่าอยู่ที่ฐานทัพ Incirlik อเมริกาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ถ้าตุรกีไม่หยุดแค่นั้น ถ้าตุรกีหันมาอยู่ฝ่ายรัสเซีย จีนเต็มตัว อเมริกาจะเป็นอย่างไร!?

    และถ้าสิ้นเดือนนี้ การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านล้มเหลว ภายในกลางเดือนเมษายนรัฐสภาอเมริกัน จะต้องลงมติว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านต่อหรือไม่ ถ้าคว่ำกันต่ออีก รับรองได้เห็นอิหร่านยืนเรียงแถวอยู่ฟากเดียวกับรัสเซีย จีน แน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้น ตุรกีตัดใจเลิกเล่นเสียวกับอเมริกาแน่นอน และมายืนจับมือกับอิหร่านแทน

    สัมพันธ์พิเศษระหว่างรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี เป็นเรื่องที่อเมริกาจับตามองอยู่ตลอดเวลา อเมริกาพยายามทุกอย่าง ที่จะให้ทั้ง 3 ประเทศจับมือกันไม่ติด เพราะถ้าจับกันติดเมื่อไหร่ หมายถึงประตูเข้าไปในตะวันออกกลางของอเมริกา น่าจะถูกปิดตาย

    และถ้าเป็นอย่างนั้น ซาอุดิจะย่อมร้อนระอุ รอเวลาอเมริกา(ไม่) มาอุ้ม หรือ อยากจะเปลี่ยน มาอยู่ทีมไต่ลวดกับเขาบ้าง แหม แค่คิดก็กลุ้มแทน จะเล่นเป็นหรือ พวกเสี่ยน้ำมัน เท้าไม่แตะดิน!

    ท่านผู้อ่านนิทานก็เหมือนกันนะครับ อย่ามัวแต่อ่านอย่างเดียว ตามดูสถานการณ์กันบ้าง ถ้ามันพลิกไปทางที่ผม “ถ้า” เอาไว้ ก็เตรียมตัวกันบ้างแล้วกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 มีค. 2558
    เรื่อง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” (1) คนรักจากลา ตอนชะตาของพี่ตกต่ำ… เรื่องอย่างนี้ใครไม่เคยเจอ คงไม่รู้ว่ามันชอกช้ำขนาดไหน ผมได้ยินเสียงร้องแบบนี้เป็นภาษาตุรกี หลายเดือนมาแล้ว แต่ไม่นึกว่า ใครจะทิ้งนักไต่ลวด จอมเล่นเกมเสียวของผมได้ลงคอ โดยเฉพาะ ไอ้พวกที่หลอกใช้นักไต่ลวดมากว่า 60 ปีอย่างอเมริกา นึกว่าเขาแค่งอนกัน ชั่วครั้งชั่วคราว ก็เห็น ตาโอ ยังกอดคอเล่าเรื่องตลกให้ลุงเออ Erdogan ท่านประธานาธิบดี ของตุรกี หัวร่อกันงอหาย อยู่ทุกครั้งที่เจอกัน ตอนน้ำต้มผักยังหวาน แต่เมื่อต้นปี หลังฉลองปีใหม่ไปไม่ถึงเดือน ทางวอชิงตันก็มีการทบทวนความสัมพันธ์ กับนักไต่ลวด ที่นับวันจะแตกต่าง ห่างกันออกไปเรื่อยๆ นาย Michael Werz นักวิเคราะห์อาวุโส ของถังขยะความคิด Center for American Progress ให้สัมภาษณ์ถึงสัมพันธ์ของนักล่ากับนักไต่ลวดว่า ” มันก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่กันมานานแล้วน่ะนะ ไม่มีอะไรให้หวือหวา ซู่ซ่า เหมือนเดิม มีแต่เรื่องบ่นใส่กัน ที่แย่คือ เอาเรื่องในที่ลับมาเล่าในที่แจ้ง โพนทะนา ให้คนนอกฟังนั่นแหละ” ฮั่นแน่ แสดงว่ามีเรื่องไม่เอาไหน บ่มิไก๋ ปิดไว้แยะล่ะซีท่า อเมริกาไม่พอใจที่ตุรกีไม่เล่นบทผู้นำในการปราบพวก ISIL ไม่พอใจที่ตุรกี ปฏิบัติตัวไม่ได้ตามมาตรฐานของสมาชิกนาโต้ แต่ที่อเมริกาไม่พอใจที่สุด คือ ที่เข้าไปใช้ฐานทัพที่ Incirlik ไม่ได้ตามต้องการ Incirlik เป็นฐานทัพที่อเมริกาอ้างว่าเป็นของตน แต่ฐานทัพนี้อยู่ในตุรกีนะครับ สมันน้อยอ่านแล้ว ก็คิดถึงเรื่อง อู่ตะเภา ตาคลี ฯลฯ เอาไว้บ้าง อยู่ในบ้านเราแท้ๆ หวังว่าเขาไม่คิดว่าเป็นของเขา นึกจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แล้วเราก็ดันยอม…. “ความเชื่อใจที่มีต่อกัน กำลังจางหายลงไปทุกวัน ” ถังความคิดพล่ามต่อ ” เราจึงต้องประเมินความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับตุรกีใหม่ แม้ว่าเราจะนับเป็นพวกเดียวกัน แต่ตอนนี้มันต้องแยกเป็นเรื่องๆ แล้ว” เป็นการพล่ามที่ได้ผลมาก หลังจากฟังอเมริกา ให้ถังขยะ ด่าลอยลมมาในเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ นักไต่ลวดจอมเล่นเกมเสียว ก็เลยเล่นเสียวกลับ จำได้ไหมครับ ผมเคยเล่าให้ฟังว่าตุรกี คิดจะมีระบบป้องกันการยิงจรวดวิถี ไกล (long range air and missile defense system) ซึ่งอเมริกาค้านนักหนา ว่าเอามาทำไม นาโต้ก็มีอยู่แล้ว แต่ตุรกีไม่ชอบใช้จมูกคนอื่นหายใจ จึงเปิดให้มีการประมูล ตั้งแต่ปี 2009 ปรากฏว่าระบบของจีนเข้าสเป็คที่สุด กะจะประกาศผลตั้งแต่ ปี 2013 แต่ตุรกี ก็ทั้งชลอ ทั้งเลื่อนการประกาศผล ไปเรื่อยๆ การประกาศจะเลือกระบบของจีน แต่ชลอการประกาศไปเรื่อยๆ นับเป็นความสุดเก๋า ของนักไต่ลวด ที่มีวิธีลองใจแฟน ก็ได้ผลอย่างที่อยากลอง ถูกเขาด่า ทั้งใส่หน้า และลอยลมมาตลอดว่า จะไม่เข้ากับระบบของนาโต้ และจะทำให้ความลับของนาโต้รั่วไหลไปถึงจีน (เป็นไปตามแผน แต่ไม่รู้แผนใคร ! ) ล่าสุด ตุรกีว่าจะประกาศเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็เงียบไป คงยังตัดใจไม่ได้ ว่าจะเอาไงดีกับแฟน 60 ปี สงสัย เจอถังขยะลอยมาใส่เข้า เลยตัดใจได้ ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ รัฐมนตรีกลาโหมของตุรกี Ismet Yilmaz ทำหนังสือแจ้งไปยังสภาว่า ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อย(นานแล้ว)คร้าบ ของจีนเหมาะที่สุดคร้าบ ข่าวว่า มีคนเอาหน้าไปแจ้ง อาเฮีย อาเฮียได้แต่หัวร่อฮาๆ สั่งเด็กให้ไปซื้อยาล้างตาเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนจะได้ดูนาโต้แก้ผ้า แถมซื้อเผื่อคุณพี่ปูของผมด้วย เพราะจะได้ดูด้วยกัน ซานุกดีเนอะ (2) นึกว่านักไต่ลวดจะมีฤทธิ์เพียงเท่านี้หรือ รู้จักนักไต่ลวดน้อยไปซะแล้ว ล่าสุด เมื่อต้นเดือนมีนาคม คุณลุงเออโดวาน Erdogan ประธานาธิบดีตุรกี ก็แวะไปเยี่ยมกษัตริย์ซาลมาน Salman แห่งซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่ใช่ไปเยี่ยมด้วยความรักใคร่ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันไปบ้าง เยี่ยมเสร็จ สื่อตีข่าวกันใหญ่ว่า สัมพันธ์ระหว่าง ตุรกี กับ ซาอุดิ กำลังขึ้นหน้าใหม่ Turkey – Saudi relations turn ‘a new page’ ตุรกีกับซาอุดิ มีเรื่องคาใจค้างกันอยู่ เกี่ยวกับเรื่องอียิปต์ ตุรกีนั้น หนุนอดีตประธานาธิบดี Morsi ของ Muslim Brotherhood ที่เพิ่งถูกปลด ส่วนซาอุดิหนุน Fattah el-Sisi ที่ขึ้นมาเป็นแทน ซาอุดิไม่ชอบกลุ่ม Muslim Brotherhood แต่ระยะหลังเริ่มเสียงอ่อน ประเด็นใหญ่ของการไปเยี่ยม ข่าวบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องอียิปต์ กับ “เรื่องอื่นๆ” ที่ 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนความคิดกัน เรื่องอื่นๆ หมายถึงเรื่องอะไร ตะวันออกกลาง ร้อนระอุไม่หยุด และน่าจะร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ สิ้นเดือนนี้ หรืออย่างช้า กลางเดือนเมษายน การเจรจาเรื่องอิหร่านผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะต้องจบ อิหร่านเป็นหนามตำใจ ซาอุดิที่สุด ซาอุดิกำลังคิดว่า อเมริกาจะกลับไปคืนดีกับอิหร่าน แฟนเก่า และทอดทิ้งซาอุดิให้สู้รบ กับผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางอย่างเดียวดาย ( เอะ น่าจะเปลี่ยนชื่อ นิทานตอนนี้ ว่า ชมรมคนถูกแฟนทิ้ง อาจจะเหมาะกว่า ) ฉะนั้น ไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่าตอนนี้ ที่ตุรกีนักไต่ลวด ผู้ชอบเล่นเกมเสียว จะไปคุยกับซาอุดิเรื่องอิหร่าน ตุรกีอาจจะไปบี้ให้ซาอุดิให้เจ็บหนักขึ้น หรือจะไปชวนให้ซาอุดิถีบแฟนทิ้ง เหมือนอย่างที่ตุรกีกำลัง (คิด) ทำอยู่ แค่ตุรกีไม่ให้ความร่วมมือกับอเมริกา ไม่ให้อเมริกาไปซ่าอยู่ที่ฐานทัพ Incirlik อเมริกาก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ถ้าตุรกีไม่หยุดแค่นั้น ถ้าตุรกีหันมาอยู่ฝ่ายรัสเซีย จีนเต็มตัว อเมริกาจะเป็นอย่างไร!? และถ้าสิ้นเดือนนี้ การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านล้มเหลว ภายในกลางเดือนเมษายนรัฐสภาอเมริกัน จะต้องลงมติว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านต่อหรือไม่ ถ้าคว่ำกันต่ออีก รับรองได้เห็นอิหร่านยืนเรียงแถวอยู่ฟากเดียวกับรัสเซีย จีน แน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้น ตุรกีตัดใจเลิกเล่นเสียวกับอเมริกาแน่นอน และมายืนจับมือกับอิหร่านแทน สัมพันธ์พิเศษระหว่างรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี เป็นเรื่องที่อเมริกาจับตามองอยู่ตลอดเวลา อเมริกาพยายามทุกอย่าง ที่จะให้ทั้ง 3 ประเทศจับมือกันไม่ติด เพราะถ้าจับกันติดเมื่อไหร่ หมายถึงประตูเข้าไปในตะวันออกกลางของอเมริกา น่าจะถูกปิดตาย และถ้าเป็นอย่างนั้น ซาอุดิจะย่อมร้อนระอุ รอเวลาอเมริกา(ไม่) มาอุ้ม หรือ อยากจะเปลี่ยน มาอยู่ทีมไต่ลวดกับเขาบ้าง แหม แค่คิดก็กลุ้มแทน จะเล่นเป็นหรือ พวกเสี่ยน้ำมัน เท้าไม่แตะดิน! ท่านผู้อ่านนิทานก็เหมือนกันนะครับ อย่ามัวแต่อ่านอย่างเดียว ตามดูสถานการณ์กันบ้าง ถ้ามันพลิกไปทางที่ผม “ถ้า” เอาไว้ ก็เตรียมตัวกันบ้างแล้วกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 มีค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง สันดาน
    “สันดาน”

    (1)

    ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล

    ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้!

    ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน…

    ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ

    แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ

    ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น

    ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”)

    รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ
    เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า

    คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง

    คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู

    (2)

    เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา
    ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง

    คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก

    ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน

    ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง

    เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋

    อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ

    แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ)

    เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ
    เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย)

    คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ:

    “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ”

    ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ

    สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน

    ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ

    แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง

    1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล

    คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ

    2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว
    สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า

    3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย

    ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง

    4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา

    รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง

    5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด

    วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน

    เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 กพ. 2558

    ####################
    เอกสารประกอบ
    FRUS
    https://www.dropbox.com/s/
    เรื่อง สันดาน “สันดาน” (1) ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้! ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน… ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”) รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู (2) เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋ อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ) เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย) คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ: “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ” ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง 1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ 2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า 3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง 4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง 5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 กพ. 2558 #################### เอกสารประกอบ FRUS https://www.dropbox.com/s/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ตาเหลือก
    “ตาเหลือก”

    คนโบราณ เวลาเล่าอะไร ท่านจะมีถ้อยคำบรรยายให้เราเห็นภาพชัด เช่น ขณะที่พวกลุงๆกำลังถกกันมันปากว่า ตกลงอีเอ๋อ มันจะได้ไปเจอพี่มัน ที่ใกล้จะลงโลงอยู่ที่โรงแรมอะไร วะ พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุด เพราะไอ้จ้อนวิ่งสี่ตีน ตาเหลือก มาบอกว่า ลุงตู่ๆ เร็วๆเข้า ปู่จิ๋ว เดินสะดุดปากตัวเอง หัวทิ่มฟาดพื้นเลือดไหลโกรกเลย..แปลว่าปู่จิ๋วแกต้องกำลังแย่จริงๆ ไอ้จ้อนถึงกับตกใจ ตาเหลือกวิ่งมา

    ผมชอบอ่านบทความของสื่อ ที่ทำหน้าที่เป็นโรงงานประชาสัมพันธ์ แบบถนัดย้อมสี ของไอ้นักล่าใบตองแห้ง โดยเฉพาะจากพวกที่เป็นถังความคิด แล้วเอามาถอดรหัสมันอีกต่อว่า ตอนนี้จริงๆแล้ว มันมีอาการอย่างไร สบายดี แค่ไข้จับสั่น หรือป่วยหนักถึงขนาดน้ำลายฟูมปาก ฯลฯ โดยเฉพาะอ่านจาก Foreign Affairs ซึ่งเป็นสื่อของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังความคิดหมายเลขหนึ่ง ที่มีอิทธิพลต่อนโยบายและความคิดของไอ้นักล่าใบตองแห้ง

    ล่าสุด ผมอ่านเมื่อ 2 วันก่อน เป็นบทความลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2015 ชื่อเรื่อง “Goodbye, Putin” Why the President’s Days Are Numbered ยังไม่ทันอ่านเรื่องก็เดาออกแล้ว ว่า จะเร้าใจใส่สีแรงขนาดไหน

    คนเขียนบอกว่า ยิ่งสงครามที่ยูเครนยืดเยื้อนานไปเท่าไหร่ รัฐบาลของนายปูตินก็ล่มเร็วขึ้นเท่านั้นแหล่ะ นายปูตินปกครองรัสเซียมา 15 ปีแล้ว แม้ในตอนแรกๆ นโยบายเขาจะทำให้ได้คะแนนเสียง เช่น ตอนไล่พวกเช็คเชนออกไป หรือตอนอัดกลับพวกตะวันตก แต่หลังจากไปยึดไครเมีย และทำสงครามกับยูเครน ที่ทำให้ชาวรัสเซียตายเป็นเบือ และเศรษฐกิจของรัสเซียพุ่งลงเหว คะแนนเสียงของนายปูตินก็พุ่งหลาวตามลงไปด้วย ทุกสัญญาณแสดงว่า นายปูตินกำลังจะไปไม่รอด ระหว่างนี้พวกตะวันตกต้องดูแลยูเครนอย่างดีที่สุด แต่คงไม่นาน เพราะรัสเซียที่กำลังเน่าเฟะ กำลังจะร่วงหล่นอยู่แล้ว

    นอกเหนือจากนโยบายที่ผิดพลาดแล้ว นายปูตินยังมีปัญหาเรื่องภาพพจน์ ซึ่งนายปูตินก็รู้ตัว แม้ว่าจะบอกว่ามีเสน่ห์มีบารมี แต่เขารูปร่างขนาดเตี้ยแคระ…

    แม่เจ้าโว้ย นี่ เป็นถึงหนังสือ Foreign Affairs นะ ไม่ใช่หนังสือประเภทขายดารา มันคงไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว ด่าตั้งกะนโยบายทำนายว่าจวนจะหล่น มันคงไม่หนำใจ เลยเล่นไปถึงเรื่องรูปโฉมกันเลย ไม่รู้หรือไง แถวบ้านสมันน้อยเขาปลื้มคุณพี่กัน ถึงขนาดมีสมาคมคนรักปูติน นี่มันแสดงว่า ไอ้นักล่ากำลังเริ่มตาเหลือกแล้วละสิ ถึงต้องเขียนข่าวแบบนี้ และสงสัยมันก็ได้ตาเหลือกจริงสมใจ
    ผมอ่านบทความเรื่องดาราจะลาโรงนี่ ยังไม่ทันจบดีเลย ดันม่อยหลับเพราะเหม็นน้ำเน่าของ เรื่อง อ้าวตื่นมาอีกที เห็นข่าวเมือง Donestsk ยูเครน ได้รับของขวัญ เป็นดอกเห็ดรุ่นใหม่ ดอกเล็กจิ๋ว แต่เขาว่าฤทธิ์ไม่แพ้ดอกใหญ่ คงมีใครทดลองส่งไปให้ดู ก่อนชุดจริง จะส่งข้ามทวีปไปให้ แบบนี้แสดงว่า ยูเครนคงจบยาก หรือจบไม่สวย

    อย่าลืมว่า เมื่อวันคุณป้าเข้มขัดเหล็ก จูงมือกับคุณลุงโอลองด์ ไปคุยกันให้รู้เรื่องกับคุณพี่ปูติน ที่รัสเซีย ข่าวไม่บอกว่าคุยได้เรื่องอะไรบ้าง แต่ผมดูสารรูปของคุณป้าตอนคุย เหมือนกำลังต้องการยาหอมแก้ลมใส่อย่างยิ่ง และขากลับ ดูเหมือนเข็มขัดเหล็ก จะกลายเป็นเข็มขัดหลุด ก็พอจะเดาผลการคุยได้ แถมคุณป้า ยังต้องทำหน้าที่กาคาบความไปบอกให้นายโอบามาถึงที่อีกด้วย เพราะข้อความบางอัน ผมเดาว่า คุณป้าคงไม่กล้าพูดผ่านใคร กลัวเขาไม่กล้าถ่ายทอด ป้าต้องถ่ายเอง ถึงจะได้อรรถรสครบถ้วน จากที่รับมาจากคุณพี่ปูติน

    ผลการคุยวันก่อนเป็นอย่างไร วันนี้ (10 กพ) ก็คงได้รู้กันแล้ว

    คุณป้าเข็มขัดเหล็ก หน้าตก บอกนายโอบามาว่า เขาไม่ยอมหรอก อย่าไปขู่เขาด้วยการคว่ำบาตรซ้ำเลย เพราะไม่ใช่เขาช้ำคนเดียว คนที่จะช้ำด้วยและหนักหนา คือพวกฉันที่อยู่ยุโรปนั่นแหละ แล้วถ้าเธอขนอาวุธ ขนกองทัพเข้าไปในยูเครน หยั่งที่ออกข่าวขู่ไปน่ะ เธอนึกว่าเขาจะถอยเหรอ มันเหมือนยิ่งยุเขา เขาไม่ได้มีมือเปล่านะ และไม่ได้มาคนเดียวด้วย เธอก็รู้ เธอนึกว่าเธอจะกล่อมอิหร่านได้เหรอ เซ่อจริง ตาโอ เขาจับมือตกลงกับทางโน้นเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว ไม่งั้นการเจรจาของเธอ มันจะเดินหน้าถอยหลังอย่างนี้เหรอ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ โน่น เขาไปนั่งคุยอยู่ที่อียิปต์ ก็เพราะเธออีกนั่นแหละ เซ่อซ้ำซาก เดินหมากผิด ไปถีบมูบารักเขาทิ้งน่ะ เธอทำอย่างนี้มาตลอด แล้วใครจะไปเชื่อเธออีก อย่าลืมตุรกีด้วย ตอนนี้เขาเห็นหัวเธอไหม จะให้ฉันจาระไนให้เธอฟังไหม ตาโอ ว่าตอนนี้ เขาคุยอะไรกับใครบ้าง ที่สำคัญ เขายังมีอาเฮียช่วยเดินสาย เก็บเล็กเก็บใหญ่ให้อีก เธอรู้ใช่ไหมมันแปลว่าอะไร เขากำลังจับมือกัน เดินเรียงแถวดาหน้ามาใส่พวกเราไงล่ะ

    เธอนึกว่า จะให้พวกฉันแถวยุโรปรับกรรมบ้านช่องพัง แล้วเธอก็ลอยตัว เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 อีกน่ะเหรอ นี่มันจะครั้งที่ 3 แล้วนะยะ จะให้พวกยุโรป โง่ซ้ำซาก โดนบอมบ์อยู่ข้างเดียวงั้นเหรอ เขาฝากมาบอกย่ะ ว่าคราวนี้ละ ตาโอ ตาแกบ้างซิ ป้ากลัวจนจะตดแตกอยู่แล้ว เขาฝากมาบอกว่า คราวนี้ลงบ้านแกแน่นอน เข้าใจมั้ย

    นี่ผมเดาเอาทั้งนั้นนะครับ ว่าคุณป้าแกคงใส่นายโอบามาเสียยับ แบบไม่ติดเบรคอย่างนั้น

    มันไม่น่าจะผิดไปจากนี้เท่าไหร่หรอก ถ้าเราฟังจากที่นายโอบามาพูด ตอนแถลงข่าวคู่กับคุณป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำเนียบขาววันนี้ (10กพ) และดูสีหน้าของนายโอบามา ซึ่งเหมือนคนกินของแสลงเข้าไปเต็มท้อง ส่วนคุณป้า คราวนี้อย่าว่าแต่เข็มขัดเหล็กจะคาดไม่อยู่เลย ตัวแก ก็แทบจะยืนไม่อยู่ ถูกบีบจากทุกทาง จนหน้าตกเกือบถึงสะดือ

    ตอนนี้ดูเหมือนผู้เกี่ยวข้อง รู้สึกจะต่างเสียงกันเกี่ยวกับเรื่อง การติดอาวุธให้ยูเครน และการแซงชั่นรัสเซีย แม้ในกลุ่มพวกกันเอง แต่สำหรับคุณป้าเข็มขัดหลุด กับนักล่าใบตองแห้ง ต่างยืนเอามือยันโต๊ะ บอกว่า (ตอนนี้) เรายังร้องเพลงเดียวกันอยู่ แต่ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่

    การติดอาวุธให้ยูเครน หมายถึงโอกาสเกิดสงครามโลกคร้ังที่ 3 สูงอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    10 กพ 58
    เรื่อง ตาเหลือก “ตาเหลือก” คนโบราณ เวลาเล่าอะไร ท่านจะมีถ้อยคำบรรยายให้เราเห็นภาพชัด เช่น ขณะที่พวกลุงๆกำลังถกกันมันปากว่า ตกลงอีเอ๋อ มันจะได้ไปเจอพี่มัน ที่ใกล้จะลงโลงอยู่ที่โรงแรมอะไร วะ พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุด เพราะไอ้จ้อนวิ่งสี่ตีน ตาเหลือก มาบอกว่า ลุงตู่ๆ เร็วๆเข้า ปู่จิ๋ว เดินสะดุดปากตัวเอง หัวทิ่มฟาดพื้นเลือดไหลโกรกเลย..แปลว่าปู่จิ๋วแกต้องกำลังแย่จริงๆ ไอ้จ้อนถึงกับตกใจ ตาเหลือกวิ่งมา ผมชอบอ่านบทความของสื่อ ที่ทำหน้าที่เป็นโรงงานประชาสัมพันธ์ แบบถนัดย้อมสี ของไอ้นักล่าใบตองแห้ง โดยเฉพาะจากพวกที่เป็นถังความคิด แล้วเอามาถอดรหัสมันอีกต่อว่า ตอนนี้จริงๆแล้ว มันมีอาการอย่างไร สบายดี แค่ไข้จับสั่น หรือป่วยหนักถึงขนาดน้ำลายฟูมปาก ฯลฯ โดยเฉพาะอ่านจาก Foreign Affairs ซึ่งเป็นสื่อของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังความคิดหมายเลขหนึ่ง ที่มีอิทธิพลต่อนโยบายและความคิดของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ล่าสุด ผมอ่านเมื่อ 2 วันก่อน เป็นบทความลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2015 ชื่อเรื่อง “Goodbye, Putin” Why the President’s Days Are Numbered ยังไม่ทันอ่านเรื่องก็เดาออกแล้ว ว่า จะเร้าใจใส่สีแรงขนาดไหน คนเขียนบอกว่า ยิ่งสงครามที่ยูเครนยืดเยื้อนานไปเท่าไหร่ รัฐบาลของนายปูตินก็ล่มเร็วขึ้นเท่านั้นแหล่ะ นายปูตินปกครองรัสเซียมา 15 ปีแล้ว แม้ในตอนแรกๆ นโยบายเขาจะทำให้ได้คะแนนเสียง เช่น ตอนไล่พวกเช็คเชนออกไป หรือตอนอัดกลับพวกตะวันตก แต่หลังจากไปยึดไครเมีย และทำสงครามกับยูเครน ที่ทำให้ชาวรัสเซียตายเป็นเบือ และเศรษฐกิจของรัสเซียพุ่งลงเหว คะแนนเสียงของนายปูตินก็พุ่งหลาวตามลงไปด้วย ทุกสัญญาณแสดงว่า นายปูตินกำลังจะไปไม่รอด ระหว่างนี้พวกตะวันตกต้องดูแลยูเครนอย่างดีที่สุด แต่คงไม่นาน เพราะรัสเซียที่กำลังเน่าเฟะ กำลังจะร่วงหล่นอยู่แล้ว นอกเหนือจากนโยบายที่ผิดพลาดแล้ว นายปูตินยังมีปัญหาเรื่องภาพพจน์ ซึ่งนายปูตินก็รู้ตัว แม้ว่าจะบอกว่ามีเสน่ห์มีบารมี แต่เขารูปร่างขนาดเตี้ยแคระ… แม่เจ้าโว้ย นี่ เป็นถึงหนังสือ Foreign Affairs นะ ไม่ใช่หนังสือประเภทขายดารา มันคงไม่รู้จะด่าอะไรแล้ว ด่าตั้งกะนโยบายทำนายว่าจวนจะหล่น มันคงไม่หนำใจ เลยเล่นไปถึงเรื่องรูปโฉมกันเลย ไม่รู้หรือไง แถวบ้านสมันน้อยเขาปลื้มคุณพี่กัน ถึงขนาดมีสมาคมคนรักปูติน นี่มันแสดงว่า ไอ้นักล่ากำลังเริ่มตาเหลือกแล้วละสิ ถึงต้องเขียนข่าวแบบนี้ และสงสัยมันก็ได้ตาเหลือกจริงสมใจ ผมอ่านบทความเรื่องดาราจะลาโรงนี่ ยังไม่ทันจบดีเลย ดันม่อยหลับเพราะเหม็นน้ำเน่าของ เรื่อง อ้าวตื่นมาอีกที เห็นข่าวเมือง Donestsk ยูเครน ได้รับของขวัญ เป็นดอกเห็ดรุ่นใหม่ ดอกเล็กจิ๋ว แต่เขาว่าฤทธิ์ไม่แพ้ดอกใหญ่ คงมีใครทดลองส่งไปให้ดู ก่อนชุดจริง จะส่งข้ามทวีปไปให้ แบบนี้แสดงว่า ยูเครนคงจบยาก หรือจบไม่สวย อย่าลืมว่า เมื่อวันคุณป้าเข้มขัดเหล็ก จูงมือกับคุณลุงโอลองด์ ไปคุยกันให้รู้เรื่องกับคุณพี่ปูติน ที่รัสเซีย ข่าวไม่บอกว่าคุยได้เรื่องอะไรบ้าง แต่ผมดูสารรูปของคุณป้าตอนคุย เหมือนกำลังต้องการยาหอมแก้ลมใส่อย่างยิ่ง และขากลับ ดูเหมือนเข็มขัดเหล็ก จะกลายเป็นเข็มขัดหลุด ก็พอจะเดาผลการคุยได้ แถมคุณป้า ยังต้องทำหน้าที่กาคาบความไปบอกให้นายโอบามาถึงที่อีกด้วย เพราะข้อความบางอัน ผมเดาว่า คุณป้าคงไม่กล้าพูดผ่านใคร กลัวเขาไม่กล้าถ่ายทอด ป้าต้องถ่ายเอง ถึงจะได้อรรถรสครบถ้วน จากที่รับมาจากคุณพี่ปูติน ผลการคุยวันก่อนเป็นอย่างไร วันนี้ (10 กพ) ก็คงได้รู้กันแล้ว คุณป้าเข็มขัดเหล็ก หน้าตก บอกนายโอบามาว่า เขาไม่ยอมหรอก อย่าไปขู่เขาด้วยการคว่ำบาตรซ้ำเลย เพราะไม่ใช่เขาช้ำคนเดียว คนที่จะช้ำด้วยและหนักหนา คือพวกฉันที่อยู่ยุโรปนั่นแหละ แล้วถ้าเธอขนอาวุธ ขนกองทัพเข้าไปในยูเครน หยั่งที่ออกข่าวขู่ไปน่ะ เธอนึกว่าเขาจะถอยเหรอ มันเหมือนยิ่งยุเขา เขาไม่ได้มีมือเปล่านะ และไม่ได้มาคนเดียวด้วย เธอก็รู้ เธอนึกว่าเธอจะกล่อมอิหร่านได้เหรอ เซ่อจริง ตาโอ เขาจับมือตกลงกับทางโน้นเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว ไม่งั้นการเจรจาของเธอ มันจะเดินหน้าถอยหลังอย่างนี้เหรอ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ โน่น เขาไปนั่งคุยอยู่ที่อียิปต์ ก็เพราะเธออีกนั่นแหละ เซ่อซ้ำซาก เดินหมากผิด ไปถีบมูบารักเขาทิ้งน่ะ เธอทำอย่างนี้มาตลอด แล้วใครจะไปเชื่อเธออีก อย่าลืมตุรกีด้วย ตอนนี้เขาเห็นหัวเธอไหม จะให้ฉันจาระไนให้เธอฟังไหม ตาโอ ว่าตอนนี้ เขาคุยอะไรกับใครบ้าง ที่สำคัญ เขายังมีอาเฮียช่วยเดินสาย เก็บเล็กเก็บใหญ่ให้อีก เธอรู้ใช่ไหมมันแปลว่าอะไร เขากำลังจับมือกัน เดินเรียงแถวดาหน้ามาใส่พวกเราไงล่ะ เธอนึกว่า จะให้พวกฉันแถวยุโรปรับกรรมบ้านช่องพัง แล้วเธอก็ลอยตัว เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 อีกน่ะเหรอ นี่มันจะครั้งที่ 3 แล้วนะยะ จะให้พวกยุโรป โง่ซ้ำซาก โดนบอมบ์อยู่ข้างเดียวงั้นเหรอ เขาฝากมาบอกย่ะ ว่าคราวนี้ละ ตาโอ ตาแกบ้างซิ ป้ากลัวจนจะตดแตกอยู่แล้ว เขาฝากมาบอกว่า คราวนี้ลงบ้านแกแน่นอน เข้าใจมั้ย นี่ผมเดาเอาทั้งนั้นนะครับ ว่าคุณป้าแกคงใส่นายโอบามาเสียยับ แบบไม่ติดเบรคอย่างนั้น มันไม่น่าจะผิดไปจากนี้เท่าไหร่หรอก ถ้าเราฟังจากที่นายโอบามาพูด ตอนแถลงข่าวคู่กับคุณป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำเนียบขาววันนี้ (10กพ) และดูสีหน้าของนายโอบามา ซึ่งเหมือนคนกินของแสลงเข้าไปเต็มท้อง ส่วนคุณป้า คราวนี้อย่าว่าแต่เข็มขัดเหล็กจะคาดไม่อยู่เลย ตัวแก ก็แทบจะยืนไม่อยู่ ถูกบีบจากทุกทาง จนหน้าตกเกือบถึงสะดือ ตอนนี้ดูเหมือนผู้เกี่ยวข้อง รู้สึกจะต่างเสียงกันเกี่ยวกับเรื่อง การติดอาวุธให้ยูเครน และการแซงชั่นรัสเซีย แม้ในกลุ่มพวกกันเอง แต่สำหรับคุณป้าเข็มขัดหลุด กับนักล่าใบตองแห้ง ต่างยืนเอามือยันโต๊ะ บอกว่า (ตอนนี้) เรายังร้องเพลงเดียวกันอยู่ แต่ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ การติดอาวุธให้ยูเครน หมายถึงโอกาสเกิดสงครามโลกคร้ังที่ 3 สูงอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 10 กพ 58
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก
    ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก”

    (1)

    รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม

    พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม

    พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ

    แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง

    นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า

    ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก

    ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ

    คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร
    โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง

    แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ

    คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู

    เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่…

    (2)

    ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท!

    นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย

    คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ

    นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก

    นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า

    อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย
    ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา

    ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ

    แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด

    การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่

    มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง

    หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา

    หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 กพ. 2558
    เรื่อง เสื้อหนังกับเข็มขัดเหล็ก ” เสื้อหนัง กับ เข็มขัดเหล็ก” (1) รายการท้าชิงของมวยรุ่นเล็ก แต่ท่าทางจะเป็นพวกหมูตายไม่กลัวน้ำร้อน ดูเหมือนจะมีพวกแฟนๆรุ่นเก๋า เกาะเชือกเชียร์ไม่น้อย รวมทั้งผม พรรค Syriza ซ้ายจัดของกรีซ เพิ่งชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2015 แม้ไม่ได้คะแนนเสียงข้างมาก ต้องมีพรรคร่วม แต่ก็ได้เป็นรัฐบาลใหม่เอี่ยมของกรีก ที่นำโดยพรรค Syriza ก็ทำท่าจะ ซ่าสมชื่อโดยเฉพาะ ท่านรัฐมนตรีคลังหน้าใหม่มาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม พรรค Syriza หาเสียงกับชาวกรีกว่า เลือกพวกผมนะพี่น้อง แล้วพี่น้องจะไม่ต้องถูกกดขี่จากนโยบายของสหภาพยุโรปอีกต่อไป มันโหดกับเราขนาดไหน มันหั่นงบของกินของใช้เราขนาดไหน มากไปแล้ว… คงจะทำนองนี้นะครับ ผมไม่ได้แปลคำต่อคำ แล้วชาวกรีกก็ได้ Syriza มาเป็นรัฐบาล งานแรกที่ Syriza ต้องทำคือ วิ่งรอกหาพวกสนับสนุน เนื่องจากเงินกู้จำนวนประมาณ 350 พันล้านยูโร ของกรีซจะถึงกำหนดชำระสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าไม่มีการต่ออายุ และแน่นอน เศรษฐกิจของกรีซคงล้มระเนระนาด ล้มคราวนี้อาจจะหนักกว่า เมื่อปี 2011-2012 แต่ Syriza ก็ยังใจกล้า เข้ามาเป็นรัฐบาล มีของดีแอบอยู่หรือไง นายกรัฐมนตรี Alexis Tsipras กับรัฐมนตรีคลัง Yanis Varoufakis แยกกันเดินสาย ไปจับมือกับพวกพี่เบิ้มอียู ท่านนายกรัฐมนตรีมุ่งหน้าไปเยอรมัน ส่วนรัฐมนตรีคลังขอไปอังกฤษ มันกว่า ที่เยอรมัน นายกรัฐมนตรี Tsipras แวะไปคารวะอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 2 สื่อเยอรมันตีข่าวว่า กรีกกำลังมาทวงความจำว่า เยอรมันยังจำได้ไหม คนกรีกเคยช่วยพวกคนเยอรมันจากพวกกางเขนเหล็กของฮิตเลอร์ ตีข่าวกันแบบนี้ คุณป้าแมร์เคิลก็คงไม่ชอบใจ หาว่าฉันเป็นพวกนาซีหรือไงยะ ฉันไม่ใช่กางเขนเหล็กนะ ฉันแค่เข็มขัดเหล็ก ข่าวบอกว่า คุณป้าพยายามเลี่ยงการเจรจาแบบสองต่อสอง กับนายTsipras เป็นการทำโทษให้รู้ว่า ฉันไม่พอใจ อืม ป้าแมร์เคิลไม่เบานะ คุณเจ๊ Barbara Wesel ผู้สื่อข่าวเยอรมันของ Deutsche Welle ประจำกรุงบรัสเซลบอกว่า ไม่ฉลาดเลยนะ ที่คุณแสดงการดูถูกคนที่คุณจะต้องเจรจาง้องอนด้วย Angela Merkel ไม่สมควรจะได้รับการเปรียบเทียบกับฮิตเลอร์ ….เมื่อคุณเลือกที่จะปฎิบัติกับแมร์เคิลอย่างฝ่ายตรงข้าม คุณจะรู้เองว่า เธอจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายขนาด ไหน…. จำไม่ได้เหรอว่า นายเดวิด แคมารอน ก็เคยโดนมาแล้ว เมื่อตอนงัดข้อกับคุณป้า เรื่องจะไม่เอานาย Jean-Claude Juncker เป็นประธานอียู ตามที่คุณป้าเสนอ แล้วเป็นยังไง ต้องลี้กาย หายหน้าไปจากอียูพักใหญ่ ดีว่าไม่ต้องไปแบบถาวร โอ้โห พวกเจ๊กางเขนเหล็ก เข็มขัดเหล็ก นี่ดุจัง แล้วจำเรื่องบุลกาเรียได้มั้ย ซ่าดีนัก นายกรัฐมนตรีตอนนั้น นาย Plamen Oresshaski เสนอหน้ามาเชียร์เส้นทางท่อแก๊ส South Stream ของรัสเซีย รู้อยู่แล้วว่าป้าเขาไม่เอาด้วย เพราะมันขัดกับกฏของอียู (กฏอะไรจ๊ะเจ๊ เรื่องแซงชั่นน่ะ พูดมันชัดๆไปเลย) แล้วเป็นไง เงินกู้ก้อนใหญ่ถูกตัด ฉับ ฉับเลย ยังไม่พอ ถึงตอนเลือกตั้ง นายปลาเมน หงายท้องผลึ่งไปเลย ฝ่ายค้าน ชื่อ Boyko Borisov ขึ้นมาเป็นแทน และนายปูติน ก็ต้องยกเลิกโครงการไง เห็นฤทธิ์ป้าเข็มขัดเหล็กแล้วซีนะ คราวนี้พวกกรีก ที่คิดจะมาต่อรองอียู จะเหลืออะไร ถึงกรีซจะเป็นสมาชิกเก่า ไม่ใช่เด็กใหม่อย่างบุลกาเรีย แถมคนเชียร์ก็ประเภทน้ำหนักเกินกระสอบข้าวทั้งนั้น เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี แต่ก็ยังมีหลายอีกประเทศสมาชิก ที่จนกว่ากรีซ ฉนั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงป้าหรอกน่า ถ้าป้าอยากจะแผลงฤทธิ์ให้ดู เซียนมวย อย่าพลาดรายการนี้เชียว เดี๋ยวจะว่ามีดีไม่บอก น้ำหนักมันต่างกันหลายเท่าตัว แต่ทะลึ่งไปท้าเขา ไอ้ตัวเล็ก ฝ่ายท้าชิง มันบ้า หรือ มันไปได้ยาดีมากันแน่… (2) ฝ่ายผู้ท้าชิง รัฐมนตรีคลังมาดเซอร์ คุณน้อง Yanis Varoufakis ของผม นี่ไม่ธรรมดานะ จบเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาล้ย Exter ของอังกฤษ แกมีนัดกับรัฐมนตรีคลังผู้ดีอังกฤษ George Osborne ไอ้หมอนี่ดีกว่าลูกพี่หน่อย เวลาพูดไม่จีบปาก คุณน้องYanis ไปพบรัฐมนตรีผู้ดี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ก็ทำเนียบนายกนั่นแหละ คุณน้องใส่เสื้อหนัง เท่ สุดขีดไปเลย ข้างในเป็นเสื้อเชิร์ตสีฟ้า และไม่ผูกเนคไท! นี่ มันต้องอย่างนี้ ลุงนิทานเชียร์หมดกระเป๋าเลย คุณน้องเสื้อหนังบอกว่า เราไม่ได้จะเบี้ยวหนี้นะ เฮียหวัด แห่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย เขาฝากมาสอนผม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็แค่นั้น ผมกำลังเตรียมจะออกพันธบัตรใหม่ ไปแลกกับพันธบัตรชุดเดิม ที่พวก IMF กับ ECB จอมโหดมันบังคับให้ประเทศผมออกไว้ แต่ผมจะขอยืดเวลา เขาอยากได้หนี้คืนหรือเปล่าล่ะ หรือเขาอยากกำจัดเรา ประโยคท้ายนี่ ลุงนิทานแถมให้ครับ นาย Osbourne บอกว่า เรื่องหนี้กรีซ ที่รัฐบาลแถวยูโรโซน คุยกับเจ้าหนี้ไม่รู้เรื่องนี่ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งกว่าเรื่องตะวันออกกลาง หรือเรื่องเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับพวกตะวันตกอีกนะ ไอ้หมอนี่ ถ้าจะตอแหลเก่ง ไม่น้อยกว่าลูกพี่จอมจีบปาก นอกจากนี้ นาย Mark Carney ผู้ว่าการของธนาคารชาติอังกฤษ ยังออกมาวิจารณ์ว่า นโยบายเข้มงวด เรื่องหนี้ของยูโรโซน จะยิ่งบีบให้จำนวนหนี้เพิ่ม แล้วก็ลากยาวกันไปอีก แปลกนะทำไมอังกฤษ สุ้มเสียงเหมือนกันเห็นใจกรีซ ผิดสันดานนักล่า อังกฤษกลัวใจคุณน้องเสื้อหนัง ว่าแกจะใช้นโยบายเบี้ยวหนี้ แล้วเดินออกจากอียูง่ายๆอย่างนั้น หรือไม่ก็ ถูกถีบออกจากอียู โดยไม่มีการต่ออายุ ไม่มีการผ่อนปรน เพราะไปลองดีกับพวกเข็มขัดเหล็ก เข้า หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อังกฤษบอกว่า มันไม่ใช่กระทบแค่กรีซ มันกระแทกทั้งยุโรป และอังกฤษ ซึ่งอาศัยยุโรปเป็นตลาดส่งออกประมาณ 50 % ก็อ่วมตามด้วย ถ้ากรีซเจ๊ง มีข้อดีกับรัฐบาลอังกฤษอย่างเดียว อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง ถ้าแพ้เลือกตั้ง จะได้อ้างว่ามาจากเรื่องกรีซ ฮา ดูแล้ว เรื่องการห่วงกรีซของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นของปลอมไงไม่รู้ คงต้องตามไปคุ้ยต่อ แต่ก็มีเรื่องน่าคิด หนี้กรีซจำนวนมหึมา กำลังจะถึงกำหนด รู้หมู่รู้จ่าสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พรรคของคุณน้องเสื้อหนังใจกล้า แอ่นอกเข้าเป็นรัฐบาล ส่วนสิ้นเดือนมีนาคม ก็ถึงกำหนดที่อียูต้องพิจารณาว่า จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซียหรือไม่ คุณป้าเข็มขัดเหล็กบอกว่าไว้แล้วว่า ยังไง เราก็ไม่มีวันผ่อนปรนให้นายปูติน ยกเว้น รัสเซียต้องถอยออกไปจากยูเครนให้หมดจด การลงมติ ที่จะต่ออายุการแซงชั่นรัสเซีย จะต้องได้คะแนนเสียงเอกฉันท์ ตอนนี้คุณป้าเข็มขัดเหล็กเลยออกเดินสาย ทำหน้าเข้มใส่ทุกคนเหมือนกัน ล่าสุดนี่ เห็นไปยืนบีบ นายVictor Orban นายกรัฐมนตรีฮังการี เสียหน้าเขียว ก็นาย Orban ดันบอกว่า เขาชอบรูปแบบการปกครองของนายปูติน แบบนี้เดี๋ยวได้โดนเข็มขัดแน่ มติเอกฉันท์นี่ ไม่ได้กันง่ายๆนะครับ ใครไม่เอาด้วยรายเดียวก็จบ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็เลิกเครียด ส่วนกรีซก็ไม่น่าเครียดเช่นเดียว กัน ทางออกมีให้เดินหลายทาง แต่ทางคุณป้าเข็มขัดเหล็ก และพวก คุณพี่ชาวเกาะนะซิ น่าจะเครียด ถ้ากรีซเลือกเดินทางนั้น อ้อ มิน่า ถึงได้ตาเหลือกกัน แหมคิดช้าจังลุง หมู่เกาะของกรีซ ใกล้กับตุรกีนิดเดียว ตุรกีก็ ไม่ไกลจากรัสเซีย รู้สึกคุณพี่ปูตินของผมนี่ แกชอบสะสม ชอบกินขนมชั้นนะ เอามาเรียงๆกันไว้ โดยเฉพาะกรีซนี่ อยู่กลางเมดิเตอร์เรเนียนเลย ช่างเหมาะจริงๆ แบบนี้กองทัพเรือของใคร ที่เพิ่งจัดงบปรับปรุงก้อนใหญ่ ก็คงเหนื่อยหน่อย จะเข้าไปได้ถึงไหน อย่างนี้ใส่เสื้อหนังไปคุยก็คงได้ คงเบ่งไม่ค่อยไหวแล้ว เอะ แล้วลูกพี่ใหญ่นักล่าใบตองแห้งว่าไงคร้าบ จะเสียหมากให้เขาอีกแล้วเหรอคร้าบ ฮา หมายเหตุ: อย่าลืมดูเวทียูเครนบ้างนะครับ ที่ตะวันออกกลางก็เหมือนกัน ตอนนี้เร่งเครื่องกันจัง เดี๋ยวจะว่าลุงไม่เตือน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 กพ. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง เสือกซ้ำซาก
    “เสือกซ้ำซาก”

    วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….”

    ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “

    ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน

    แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา

    นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia

    คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย

    แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ

    5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ
    แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ

    นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน

    อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย

    ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก

    เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?”
    http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html

    ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี

    เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ

    วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration !

    ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้!
    ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ

    นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน …

    กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม..,

    เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม..

    เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร

    – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด

    – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน

    – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน
    ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ

    – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ
    เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย

    สวัสดีครับ
    ลุงนิทาน
    27 มกราคม 2558

    U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014
    https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    เรื่อง เสือกซ้ำซาก “เสือกซ้ำซาก” วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….” ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “ ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ 5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?” http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration ! ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้! ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน … กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม.., เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม.. เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย สวัสดีครับ ลุงนิทาน 27 มกราคม 2558 U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014 https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศักดิ์สิทธิที่สำคัญของศาสนาอิสลาม

    ความเป็นอยู่ของประชาชน มีความแตกต่างกันมาก ระหว่างผู้ครองประเทศกับประชาชนทั่วไป แม้จะมีการเพิ่มสวัสดิการต่างๆ แต่ช่องว่างก็ยังห่างกันมาก

    รายงานสรุปได้น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ไม่ใช่แต่ทางซาอุดิอารเบียเท่านั้น ที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง อเมริกาเอง ก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทุก 4 ปี จากการเลือกตั้งเช่นกัน และความเปลี่ยนแปลงนั้น ก็กำลังจะมาพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2016 นี้

    รายงานยังระบุอีกว่า ทุกประเทศคงต้องเจอกับการท้าทาย ทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ มันมีหลายมุมของอนาคต ที่เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ และเราก็มักต้องใช้วิธีคิด ในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ซาอุดิอารเบียเป็นประเทศที่ทันสมัยแล้วในหลายด้าน และการเมืองภายในประเทศของซาอุดิ ในขณะที่น่าสนใจ ก็มีความไม่แน่นอน แต่นั่นคงจะไม่ใช่เป็นสาเหตุของความไม่มั่นคง หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในทางนโยบายและบทบาทของซาอุดิอารเบีย ในฐานะพันธมิตรของอเมริกา

    อเมริกาหมายความว่าอะไร อเมริกากำลังสื่ออะไร

    แปลความระหว่างบันทัด อเมริกากำลังบอกว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่าง อเมริกากับซาอุดิอารเบีย มันไม่ใช่เพราะมีการเปลี่ยนกษัตริย์หรอก แต่มาจากปัจจัยภายนอกตัวอื่น เตียงเราไม่ได้หัก เราไม่ได้โกรธกัน แต่เราอาจจำเป็นต้องใช้อะไรอื่นแทนเตียงของซาอุดิ อย่างนั้นหรือ ?!

    70 ปี ก่อนของซาอุดิอารเบีย กับสภาพปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย ย่อมแตกต่างกันมากมาย ยิ่งซาอุดิอารเบียในปี 2050 ที่จะมีประชากรถึง จำนวน 40 ล้านคน แต่อาจมีน้ำมันที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่ถูกใช้อย่างไม่ถนอม อเมริกาคงคิดหนัก อเมริกาคงไม่อยากรับภาระเกินรายได้ มันเป็นเรื่องปรกติตามสันดานของนักล่า ที่ไม่ชอบบัญชีตัวแดง

    อเมริกากำลังคิดเล่นเกม เลือกม้าต้วที่วิ่งเร็วสุด ในราคาถูกที่สุด และกำไรมากที่สุดหรือเปล่า?!

    อเมริกาปฏิบัติการคว่ำบาตรอิหร่าน นานถึงเกือบ 30 ปี ด้วยข้อหาอะไร ด้วยข้อหาว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
    ผ่านมาเกือบ 30 ปี ถ้าอิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริ ง และน่าจะจริง อิหร่านคงพัฒนาใกล้จะเสร็จ หรือเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีสมาชิกสภาของอเมริกัน กำลังเตรียมเสนอเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่นายโอบามาบอกว่า ไม่สมควร เพราะเรากำลังเจรจากับอิหร่านอยู่ ดังนั้นถ้ามีการเสนอเข้าสภามาเมื่อไหร่ เขาจะใช้สิทธิประธานาธิบดีคัดค้าน เป็นสุภาพบุรุษ ผิดนิสัยนักล่า!

    อืม แปลว่า จริงๆแล้ว อเมริกาไม่เดือดร้อนที่อิหร่าน จะมีอาวุธนิวเคลียร์ อเมริกาแค่ต้องการปิดประเทศอิหร่าน ไม่ให้ใครมายุ่งกับแหล่งน้ำมันอิหร่าน จนกว่าจะถึงเวลาที่อเมริกา จะเป็นผู้มาเปิดแหล่งน้ำมันใช้ต่อเอง เมื่อแหล่งอื่นร่อยหรอ หรือไม่คุ้มค่า อย่างนั้นหรือไม่

    ภายใต้ข้อสมมุติฐานว่า อเมริกาปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ แผ่อิทธิพลในตะวันออกกลาง คุมอิรัค ให้ท้ายซีเรีย จับมือกับตุรกี โอบอุ้ม Hezbollah และสนับสนุนให้อิหร่านกลายเป็นพี่ใหญ่ ของตะวันออกกลาง ด้วยความเห็นชอบของอเมริกาและอิหร่านเอง ผลคือ อเมริกาไม่ต้องออกแรงดูแลตะวันออกกลาง ให้เหนื่อยและหนักกระเป๋าตัวเองและเป็นเป้า ให้ประชาชนของตนด่า

    ส่วนในด้านพลังงาน แม้ตัวเลขของ US Energy Information ปัจจุบันจะระบุว่า ซาอุดิอารเบีย มี reserves มากกว่า อิหร่าน (ซาอุดิ 266 พันล้าน บาเรล : อิหร่าน 157 พันล้าน บาเรล) แต่อิหร่านยังมีแหล่งพลังงาน ที่ยังไม่เปิดเผยอีกมากมาย ซ่อนอยู่ และอีกประการที่สำคัญ การใช้พลังงานของทั้ง 2 ประเทศ ก็ต่างกันมาก (ซาอุดิ 2.9 ล้านบาเรลต่อวัน : อิหร่าน 1.75 ล้านบาเรลต่อวัน)

    แต่ประโยชน์ที่อเมริกาจะได้ และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าดึงอิหร่าน ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจากกลุ่มรัสเซียได้ แนวต้านของรัสเซียจีน ในตะวันออกกลางจะโหว่ทันที และนั่นคือ เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกา

    มันเป็นเกมที่อเมริกาไม่มีเสีย มีแต่ได้ หรือเสมอตัวเท่านั้นเอง เปลี่ยน จากใช้หมากซาอุดิอารเบีย เป็น หมากชื่อ อิหร่าน

    ซื้ออิหร่านได้ รัสเซียจีนก็เหนื่อย อาจถึงจบเกม ถ้าอเมริกาซื้อไม่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซาอุดิไปไหนรอด มีทางเดียวคือ ไปทางตะวันออก จับมือกับจีน เกมนี้ ซาอุดิเล่นทันไหม สงสัยตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่ยังไม่สายเกินไป อเมริกาไม่เคยนึกถึงจิตใจใครจริงๆ เวลาที่อเมริกาจะถีบหัวทิ้งหรอก เพราะสัมพันธ์ของอเมริกา ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น อาจจะมียกเว้นกับกลุ่ม Anglo Saxon ด้วยกัน โดยเฉพาะอังกฤษเท่านั้น

    สำหรับเราๆ ก็คอยจับตาดู ถ้าอเมริกาคิดเล่นเกมนี้ และอิหร่านไม่เอาด้วย รับรอง ดอกเห็ดบานเร็วแน่ แต่ถ้าอิหร่านเอาด้วย เราก็คงลงต้องรู และคงไม่โผล่หัวอีกเลย เพรา ถ้าอเมริกาซื้ออิหร่านได้ กระดูกอ่อนๆ อย่างสมันน้อย จะเหลืออะไร

    แต่ถ้าจะให้ดี อิหร่านก็ไม่เอาอเมริกา และซาอุดิอารเบียก็รู้สึกเบื่อกับ marriage for covenience ที่อีกฝ่าย ชักจะเล่นเล่ห์หันเหไปทางอื่นมากกว่า ก็น่าลองมาเริ่มใช้ชีวิตใหม่ ด้วยการคบเพื่อนใหม่ และถีบเตียงเก่าทิ้งเสียด้วย แต่สงสัยว่า ผมคงฝันดีเกินไป !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 มค. 2558
    ศักดิ์สิทธิที่สำคัญของศาสนาอิสลาม ความเป็นอยู่ของประชาชน มีความแตกต่างกันมาก ระหว่างผู้ครองประเทศกับประชาชนทั่วไป แม้จะมีการเพิ่มสวัสดิการต่างๆ แต่ช่องว่างก็ยังห่างกันมาก รายงานสรุปได้น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ไม่ใช่แต่ทางซาอุดิอารเบียเท่านั้น ที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลง อเมริกาเอง ก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงทุก 4 ปี จากการเลือกตั้งเช่นกัน และความเปลี่ยนแปลงนั้น ก็กำลังจะมาพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2016 นี้ รายงานยังระบุอีกว่า ทุกประเทศคงต้องเจอกับการท้าทาย ทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ มันมีหลายมุมของอนาคต ที่เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ และเราก็มักต้องใช้วิธีคิด ในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ซาอุดิอารเบียเป็นประเทศที่ทันสมัยแล้วในหลายด้าน และการเมืองภายในประเทศของซาอุดิ ในขณะที่น่าสนใจ ก็มีความไม่แน่นอน แต่นั่นคงจะไม่ใช่เป็นสาเหตุของความไม่มั่นคง หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในทางนโยบายและบทบาทของซาอุดิอารเบีย ในฐานะพันธมิตรของอเมริกา อเมริกาหมายความว่าอะไร อเมริกากำลังสื่ออะไร แปลความระหว่างบันทัด อเมริกากำลังบอกว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่าง อเมริกากับซาอุดิอารเบีย มันไม่ใช่เพราะมีการเปลี่ยนกษัตริย์หรอก แต่มาจากปัจจัยภายนอกตัวอื่น เตียงเราไม่ได้หัก เราไม่ได้โกรธกัน แต่เราอาจจำเป็นต้องใช้อะไรอื่นแทนเตียงของซาอุดิ อย่างนั้นหรือ ?! 70 ปี ก่อนของซาอุดิอารเบีย กับสภาพปัจจุบันของซาอุดิอารเบีย ย่อมแตกต่างกันมากมาย ยิ่งซาอุดิอารเบียในปี 2050 ที่จะมีประชากรถึง จำนวน 40 ล้านคน แต่อาจมีน้ำมันที่ลดน้อยลง โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่ถูกใช้อย่างไม่ถนอม อเมริกาคงคิดหนัก อเมริกาคงไม่อยากรับภาระเกินรายได้ มันเป็นเรื่องปรกติตามสันดานของนักล่า ที่ไม่ชอบบัญชีตัวแดง อเมริกากำลังคิดเล่นเกม เลือกม้าต้วที่วิ่งเร็วสุด ในราคาถูกที่สุด และกำไรมากที่สุดหรือเปล่า?! อเมริกาปฏิบัติการคว่ำบาตรอิหร่าน นานถึงเกือบ 30 ปี ด้วยข้อหาอะไร ด้วยข้อหาว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผ่านมาเกือบ 30 ปี ถ้าอิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริ ง และน่าจะจริง อิหร่านคงพัฒนาใกล้จะเสร็จ หรือเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีสมาชิกสภาของอเมริกัน กำลังเตรียมเสนอเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่นายโอบามาบอกว่า ไม่สมควร เพราะเรากำลังเจรจากับอิหร่านอยู่ ดังนั้นถ้ามีการเสนอเข้าสภามาเมื่อไหร่ เขาจะใช้สิทธิประธานาธิบดีคัดค้าน เป็นสุภาพบุรุษ ผิดนิสัยนักล่า! อืม แปลว่า จริงๆแล้ว อเมริกาไม่เดือดร้อนที่อิหร่าน จะมีอาวุธนิวเคลียร์ อเมริกาแค่ต้องการปิดประเทศอิหร่าน ไม่ให้ใครมายุ่งกับแหล่งน้ำมันอิหร่าน จนกว่าจะถึงเวลาที่อเมริกา จะเป็นผู้มาเปิดแหล่งน้ำมันใช้ต่อเอง เมื่อแหล่งอื่นร่อยหรอ หรือไม่คุ้มค่า อย่างนั้นหรือไม่ ภายใต้ข้อสมมุติฐานว่า อเมริกาปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ แผ่อิทธิพลในตะวันออกกลาง คุมอิรัค ให้ท้ายซีเรีย จับมือกับตุรกี โอบอุ้ม Hezbollah และสนับสนุนให้อิหร่านกลายเป็นพี่ใหญ่ ของตะวันออกกลาง ด้วยความเห็นชอบของอเมริกาและอิหร่านเอง ผลคือ อเมริกาไม่ต้องออกแรงดูแลตะวันออกกลาง ให้เหนื่อยและหนักกระเป๋าตัวเองและเป็นเป้า ให้ประชาชนของตนด่า ส่วนในด้านพลังงาน แม้ตัวเลขของ US Energy Information ปัจจุบันจะระบุว่า ซาอุดิอารเบีย มี reserves มากกว่า อิหร่าน (ซาอุดิ 266 พันล้าน บาเรล : อิหร่าน 157 พันล้าน บาเรล) แต่อิหร่านยังมีแหล่งพลังงาน ที่ยังไม่เปิดเผยอีกมากมาย ซ่อนอยู่ และอีกประการที่สำคัญ การใช้พลังงานของทั้ง 2 ประเทศ ก็ต่างกันมาก (ซาอุดิ 2.9 ล้านบาเรลต่อวัน : อิหร่าน 1.75 ล้านบาเรลต่อวัน) แต่ประโยชน์ที่อเมริกาจะได้ และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าดึงอิหร่าน ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาจากกลุ่มรัสเซียได้ แนวต้านของรัสเซียจีน ในตะวันออกกลางจะโหว่ทันที และนั่นคือ เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกา มันเป็นเกมที่อเมริกาไม่มีเสีย มีแต่ได้ หรือเสมอตัวเท่านั้นเอง เปลี่ยน จากใช้หมากซาอุดิอารเบีย เป็น หมากชื่อ อิหร่าน ซื้ออิหร่านได้ รัสเซียจีนก็เหนื่อย อาจถึงจบเกม ถ้าอเมริกาซื้อไม่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ซาอุดิไปไหนรอด มีทางเดียวคือ ไปทางตะวันออก จับมือกับจีน เกมนี้ ซาอุดิเล่นทันไหม สงสัยตัดสินใจช้าไปหน่อย แต่ยังไม่สายเกินไป อเมริกาไม่เคยนึกถึงจิตใจใครจริงๆ เวลาที่อเมริกาจะถีบหัวทิ้งหรอก เพราะสัมพันธ์ของอเมริกา ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น อาจจะมียกเว้นกับกลุ่ม Anglo Saxon ด้วยกัน โดยเฉพาะอังกฤษเท่านั้น สำหรับเราๆ ก็คอยจับตาดู ถ้าอเมริกาคิดเล่นเกมนี้ และอิหร่านไม่เอาด้วย รับรอง ดอกเห็ดบานเร็วแน่ แต่ถ้าอิหร่านเอาด้วย เราก็คงลงต้องรู และคงไม่โผล่หัวอีกเลย เพรา ถ้าอเมริกาซื้ออิหร่านได้ กระดูกอ่อนๆ อย่างสมันน้อย จะเหลืออะไร แต่ถ้าจะให้ดี อิหร่านก็ไม่เอาอเมริกา และซาอุดิอารเบียก็รู้สึกเบื่อกับ marriage for covenience ที่อีกฝ่าย ชักจะเล่นเล่ห์หันเหไปทางอื่นมากกว่า ก็น่าลองมาเริ่มใช้ชีวิตใหม่ ด้วยการคบเพื่อนใหม่ และถีบเตียงเก่าทิ้งเสียด้วย แต่สงสัยว่า ผมคงฝันดีเกินไป ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำหน้าที่ ขุดคุ้ย สอดส่อง ฉวยโฉบเอกสาร แต่ถ้าใครคิดว่าแบนี้อิหร่านคงโป๊ไม่เหลือ เรียกว่ายังไม่รู้จักอิหร่านจริง!

    แล้วก็เป็นไปตามคาด การเจรจาไม่เป็นผล ตกลงกันไม่ได้ วันสิ้นสุดการเจรจา ต้องมีการต่ออายุไปถึงกลางปี 2015 แสดงว่า อิสราเอลยังทำภาระกิจไม่สำเร็จ ระหว่างนี้หากมีการเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนพฤติกรรม พวกซุ่มเงียบเปลี่ยนใจเปิดตัว อิสราเอลจะเอาอยู่ไหม น้ำมันในตะวันออกกลาง ยังเป็นของรัก ของหวง ของนักล่าใบตองแห้งและพวก โดยเฉพาะลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่กบไต๋เงียบกริบ และใช้นักล่า ออกหน้าแทน… อย่างเคย

    จะเห็นว่าอิสราเอล กำลังเล่นบทหนัก ในการหนุน หรือ ผลักดัน การขยับหมากของนักล่าใบตองแห้ง นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีเป้าหมาย ลับลึกซ่อนอยู่อีกหลายเรื่อง

    ถ้าสังเกตกัน จะเห็นว่า อิสราเอล พยายามเน้นให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส เป็นเรื่องการรังแกยิว โดยนาย Liberman รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งไปเดินแถวคล้องแขนที่ปารีสด้วย บอกว่า เขาดู CNN แล้ว ปรากฏว่า ไม่มีการเสนอข่าวในมุมของชาวยิวเลยนะ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต Kosher ที่ยิงกัน ก็เป็นของชาวยิว หรือ พวกตัวประกัน ก็เป็นพวกชาวยิว พร้อมพูดว่า
    ” เราควรต้องพูดกันอย่างซื่อสัตย์ ไม่ต้องอาย และ เอาทุกอย่างวางบนโต๊ะ เพราะที่มาของการฆาตกรรมหมู่ชาวยิว มาจากมุสลิมเคร่งจัดด้านหนึ่ง และการด่าชาวยิวอย่างรุนแรงและไม่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง”

    นี่ก็เป็นการให้ข่าวแบบกาฝาก คราวนี้ฝากไปให้ใคร

    ฝรั่งเศส มีชาวยิวอาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน นับเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากอิสราเอล และอเมริกา และฝรั่งเศส อีกเช่นเดียวกัน ที่มีคนนับถืออิสลามอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป มีจำนวนไม่น้อยกว่า 4.7 ล้านคน ถึง 7.7 ล้านคน แล้วแต่แหล่งที่มาของข้อมูล

    ยูเครน ที่กำลังเล่นกันจนเละ จะกลายเป็นโรงละครสัตว์อยู่แล้วนั้น อิสราเอลก็แอบสนับสนุนฝ่ายที่ต่อสู้กับคุณพี่ปูตินอย่างเงียบ เชียบ แต่แข็งขัน อย่าลืมว่า คุณนาย Nuland นางเหยี่ยวของอเมริกา เจ้าของวลีเด็ด **** EU เป็นคนเลือกนาย Yatsenyuk ยิวหนุ่ม ไปเป็นนายกรัฐมนตรียูเครน ยูเครนจึง ไม่ได้เป็นเพียงสนามชิงท่อส่งแก๊ส มีหลายฝ่าย แอบหวังที่จะเอายูเครน เป็นบ้านยิวสาขา 2

    ฝรั่งเศสจึงน่าสนใจ ที่จะใช้เป็นสนามทดลอง หรือห้องทดลอง ทฤษฏีต่างๆ ก่อนมีการปฏิบัติการณ์ของจริง เพื่อดูปฏิกริยา การโต้ตอบ และกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่าย

    ในการทำศึกสงคราม แต่ละฝ่าย ต่างมียุทธศาสตร์ และต่างมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งเราอาจจะยังเห็นไม่หมด มองไม่ชัดในตอนนี้ เพราะพวกเขาคงจะยังไม่เปิดฉากแสดงกันที่สถานที่จริง หรือถ้าเปิด มันก็ดูเป็นฉาก ที่ไม่ต่อเนื่องกัน

    เช่นเรื่องยูเครนกับตะวันออกกลาง อาจเกี่ยวโยงกันอย่างที่เรานึกไม่ถึง และเช่นเดียวกับการลงมติ คว่ำบาตรรัสเซีย ที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป กำลังทดสอบความแข็งของข้อกัน และคงจะรู้กันเร็วๆนี้ ว่า ใครกันแน่ ที่ข้อแข็งในสหภาพยุโรป

    ส่วนเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งสมาชิกรัฐสภาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง กำลังกระเหี้ยน กระหือรือ ที่จะยื่นเรื่องให้รัฐสภา ลงมติเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม ทั้งที่การเจรจาเรื่องพัฒนานิวเคลียร์ ที่เพิ่งเริ่ม หลังจากมีการต่ออายุใหม่ และมีข่าวว่า นายโอบามาบอกว่า พยายามจะใช้สิทธิวีโต้ เพราะการเจรจากับอิหร่านยังไปได้อยู่

    คงจะไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ถ้าการพยายามคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มนั้น ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยิว ทั้งใน และนอกอเมริกา ถ้าอิหร่านล้มคว่ำตามบาตรในตะวันออกกลาง ที่จะลุกขึ้นตีปีกคืออิสราเอล เพราะถ้าเจอทั้งอิหร่าน และตุรกี พร้อมกัน ในตะวันออกกลาง มันเหนื่อยโว้ย สะกัดไปทีละประเทศ น่าจะดีกว่า ส่วนความฝันเรื่องยูเครน ถ้ารัสเซียหมดแรง ถอบฉากเลิกขวาง อิสราเอลก็หวานคอ เอะ นี่ตกลงเป็นเรื่องของยิวล้วนๆหรือไง แล้วพวกลูกพี่ ทั้งนักล่าใบตองแห้ง และชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่คอยกำกับ ทุกรายการ ยังต้องการให้จัดการเรื่องอะไรอีกครับ ?!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 มค. 2558
    ทำหน้าที่ ขุดคุ้ย สอดส่อง ฉวยโฉบเอกสาร แต่ถ้าใครคิดว่าแบนี้อิหร่านคงโป๊ไม่เหลือ เรียกว่ายังไม่รู้จักอิหร่านจริง! แล้วก็เป็นไปตามคาด การเจรจาไม่เป็นผล ตกลงกันไม่ได้ วันสิ้นสุดการเจรจา ต้องมีการต่ออายุไปถึงกลางปี 2015 แสดงว่า อิสราเอลยังทำภาระกิจไม่สำเร็จ ระหว่างนี้หากมีการเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนพฤติกรรม พวกซุ่มเงียบเปลี่ยนใจเปิดตัว อิสราเอลจะเอาอยู่ไหม น้ำมันในตะวันออกกลาง ยังเป็นของรัก ของหวง ของนักล่าใบตองแห้งและพวก โดยเฉพาะลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่กบไต๋เงียบกริบ และใช้นักล่า ออกหน้าแทน… อย่างเคย จะเห็นว่าอิสราเอล กำลังเล่นบทหนัก ในการหนุน หรือ ผลักดัน การขยับหมากของนักล่าใบตองแห้ง นอกจากนี้ อิสราเอลยังมีเป้าหมาย ลับลึกซ่อนอยู่อีกหลายเรื่อง ถ้าสังเกตกัน จะเห็นว่า อิสราเอล พยายามเน้นให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส เป็นเรื่องการรังแกยิว โดยนาย Liberman รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งไปเดินแถวคล้องแขนที่ปารีสด้วย บอกว่า เขาดู CNN แล้ว ปรากฏว่า ไม่มีการเสนอข่าวในมุมของชาวยิวเลยนะ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต Kosher ที่ยิงกัน ก็เป็นของชาวยิว หรือ พวกตัวประกัน ก็เป็นพวกชาวยิว พร้อมพูดว่า ” เราควรต้องพูดกันอย่างซื่อสัตย์ ไม่ต้องอาย และ เอาทุกอย่างวางบนโต๊ะ เพราะที่มาของการฆาตกรรมหมู่ชาวยิว มาจากมุสลิมเคร่งจัดด้านหนึ่ง และการด่าชาวยิวอย่างรุนแรงและไม่มีเหตุผลอีกด้านหนึ่ง” นี่ก็เป็นการให้ข่าวแบบกาฝาก คราวนี้ฝากไปให้ใคร ฝรั่งเศส มีชาวยิวอาศัยอยู่จำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน นับเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากอิสราเอล และอเมริกา และฝรั่งเศส อีกเช่นเดียวกัน ที่มีคนนับถืออิสลามอาศัยอยู่มากที่สุดในยุโรป มีจำนวนไม่น้อยกว่า 4.7 ล้านคน ถึง 7.7 ล้านคน แล้วแต่แหล่งที่มาของข้อมูล ยูเครน ที่กำลังเล่นกันจนเละ จะกลายเป็นโรงละครสัตว์อยู่แล้วนั้น อิสราเอลก็แอบสนับสนุนฝ่ายที่ต่อสู้กับคุณพี่ปูตินอย่างเงียบ เชียบ แต่แข็งขัน อย่าลืมว่า คุณนาย Nuland นางเหยี่ยวของอเมริกา เจ้าของวลีเด็ด Fuck EU เป็นคนเลือกนาย Yatsenyuk ยิวหนุ่ม ไปเป็นนายกรัฐมนตรียูเครน ยูเครนจึง ไม่ได้เป็นเพียงสนามชิงท่อส่งแก๊ส มีหลายฝ่าย แอบหวังที่จะเอายูเครน เป็นบ้านยิวสาขา 2 ฝรั่งเศสจึงน่าสนใจ ที่จะใช้เป็นสนามทดลอง หรือห้องทดลอง ทฤษฏีต่างๆ ก่อนมีการปฏิบัติการณ์ของจริง เพื่อดูปฏิกริยา การโต้ตอบ และกำลังสนับสนุนของแต่ละฝ่าย ในการทำศึกสงคราม แต่ละฝ่าย ต่างมียุทธศาสตร์ และต่างมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งเราอาจจะยังเห็นไม่หมด มองไม่ชัดในตอนนี้ เพราะพวกเขาคงจะยังไม่เปิดฉากแสดงกันที่สถานที่จริง หรือถ้าเปิด มันก็ดูเป็นฉาก ที่ไม่ต่อเนื่องกัน เช่นเรื่องยูเครนกับตะวันออกกลาง อาจเกี่ยวโยงกันอย่างที่เรานึกไม่ถึง และเช่นเดียวกับการลงมติ คว่ำบาตรรัสเซีย ที่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป กำลังทดสอบความแข็งของข้อกัน และคงจะรู้กันเร็วๆนี้ ว่า ใครกันแน่ ที่ข้อแข็งในสหภาพยุโรป ส่วนเรื่องการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งสมาชิกรัฐสภาอเมริกันกลุ่มหนึ่ง กำลังกระเหี้ยน กระหือรือ ที่จะยื่นเรื่องให้รัฐสภา ลงมติเพิ่มการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม ทั้งที่การเจรจาเรื่องพัฒนานิวเคลียร์ ที่เพิ่งเริ่ม หลังจากมีการต่ออายุใหม่ และมีข่าวว่า นายโอบามาบอกว่า พยายามจะใช้สิทธิวีโต้ เพราะการเจรจากับอิหร่านยังไปได้อยู่ คงจะไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ถ้าการพยายามคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มนั้น ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยิว ทั้งใน และนอกอเมริกา ถ้าอิหร่านล้มคว่ำตามบาตรในตะวันออกกลาง ที่จะลุกขึ้นตีปีกคืออิสราเอล เพราะถ้าเจอทั้งอิหร่าน และตุรกี พร้อมกัน ในตะวันออกกลาง มันเหนื่อยโว้ย สะกัดไปทีละประเทศ น่าจะดีกว่า ส่วนความฝันเรื่องยูเครน ถ้ารัสเซียหมดแรง ถอบฉากเลิกขวาง อิสราเอลก็หวานคอ เอะ นี่ตกลงเป็นเรื่องของยิวล้วนๆหรือไง แล้วพวกลูกพี่ ทั้งนักล่าใบตองแห้ง และชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่คอยกำกับ ทุกรายการ ยังต้องการให้จัดการเรื่องอะไรอีกครับ ?! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ห้องทดลอง
    “ห้องทดลอง”

    (1)

    ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก

    Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า

    ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม”

    “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม

    สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า

    นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า
    เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ”

    คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก
    ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม”

    โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้

    ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร

    วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย

    ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ

    คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น

    เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง

    ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ
    แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย
    เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?!

    ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ

    วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า

    ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล”

    “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา

    ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง

    อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ

    #######
    (2)

    ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส

    ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก

    กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน

    Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย

    เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค

    ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง
    และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร

    นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา

    จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด

    เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก !

    และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้

    ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง

    การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้

    #####
    (3)

    อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ

    อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่

    การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    เรื่อง ห้องทดลอง “ห้องทดลอง” (1) ผ่านไปไม่กี่วัน จากไปเดินเรียงแถวคล้องแขน แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์น่า สลดที่ปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 ตุรกี ที่ส่งนายกรัฐมนตรี นาย Amed Davutoglu ไปร่วมเดินห่างไม่กี่แถว กับคู่แค้น Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ก็เกิดอาการเบรคแตก Independent สื่อค่ายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฉบับวันที่ 14 มกราคม 2015 รายงานว่า ประธานาธิบดี RecepTayip Erdogan ของตุรกี ให้ข่าวทันที ว่า ” พวกตะวันตก the west กำลังเล่นเกมส์ เล่นกันกลางกรุงปารีส ด้วยโดยการโยนให้มุสลิมเป็นเหยื่อ …คนฝรั่งเศส เป็นคนจัดการให้มีการฆ่า แล้วโยนบาปมาให้คนมุสลิม ฝ่ายข่าวกรองของฝรั่งเศส ไม่รู้จักตามรอยคนออกมาจากคุกหรือไง? หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการโจมตีสุเหร่าของอิสลาม …เห็นชัดถึงการตอแหล จอมปลอมของพวกตะวันตก เราไม่เคยมีส่วนร่วมในการก่อการร้ายใดเลย …เบื้องหลังเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการแบ่งแยกเรื่องเชื้อชาติ สร้างคำพูดใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้กับพวกมุสลิม” “กำลังมีการเล่นเกมส์กับโลกมุสลิม เราต้องรับรู้เรื่องนี้กันไว้ ” นาย Erdogan กล่าวเพิ่ม สหภาพมุสลิมในฝรั่งเศสรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ มีเหตุการณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านมุสลิมประมาณ 50 รายการ ซึ่งรวมถึงการไล่ยิง และการพยายามเผาสุเหร่า นาย Erdogan ยังไม่จบง่ายๆ ด่าฝากแถมไปถึงการไปเดินเรียงแถวของ นาย Netanyahoo ว่า เขาทำไปได้ยังไง ทำไมคนที่สั่งฆ่าคน 2,500 คน ที่กาซ่า ยังมีหน้ามาเดินโบกมืออยู่ในปารีส เหมือนมีคนมาคอยต้อนรับด้วยความตื่นเต้น กล้าดีไปเดินอยู่ที่นั่นได้ยังไง ไม่นึกถึง เด็กและผู้หญิง ที่ตัวเองฆ่าบ้างเลยหรือ” คงยังไม่หนำใจ นายกเทศมนตรี เมืองหลวง Ankara ของตุรกี ช่วยออกมาเสริมอีก ” นี่ต้องเป็นผลงานของ Mossad ( หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล ที่ฝีมือชั่วไม่แพ้ CIA หรืออาจจะมากกว่า! ) อยู่เบื้องหลังแน่นอน เป็นการเพิ่มความรังเกียจต่อคนอิสลาม” โห รายการนี้ด่ากันแรงนะครับ ถ้าตุรกีไม่ได้ไปถูกเสี้ยนตำตีน หรือเหยียบไปบนขี้หมากองโต ที่กลางกรุงปารีส ระหว่างเดินเรียงแถวกันละก้อ สงสัยต้องมีเรื่องใหญ่คิดการณ์เอาไว้แล้ว ถึงได้ตอกใส่กันแรงขนาดนี้ ฝ่ายอิสราเอล ก็ไม่ใช่เล่น ถูกด่าปั้บ ออกมาตอกกลับทันที ยังกะสั่งหนังสือพิมพ์ ให้ออกข่าวรอล่วงหน้า เหมือนกับรู้ว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไร วันที่ 14 มกราคม วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ the Jerusalem Post ลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรี Netanyahoo และรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย Avigdor Liberman บอกว่า นาย Erdogan ของตุรกี เป็นพวกเกลียดยิว anti-Semitic เป็นเพื่อนบ้านจอมป่วน และกล่าวอ้อมๆว่า ตุรกีให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย ” การปราบปรามผู้ก่อการร้าย ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก ถ้าเรายังใช้วิธีเสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอกกันอยู่อย่างนี้ เราไม่ได้ยินผู้นำระดับโลกคนใดเลย ออกมามาประนามคำพูดของนาย Erdogan ไม่มีสักคนจริงๆ ” นาย Netanyahoo สำทับ คำสำทับนี้ดูเหมือนไม่ได้ส่งกลับ ไปที่ นาย Erdogan แต่น่าจะส่งไปไกลกว่านั้น เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้นายโอบามา ไม่หวานชื่นกับ Nethanyahoo ไม่เหมือน ประธานาธิบดีอเมริกันคนอื่นๆ ที่คอยเอาใจพวกยิว โดยเฉพาะ ก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่อิสราเอลเหน็บอเมริกา ตุรกี ซึ่งอเมริกามองว่าเป็นลูกกระเป๋งมาตลอด แต่กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อ องค์กรฮามาส Hamas ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวปาเลสไตน์ และเป็นองค์กรที่อเมริกา และสหภาพยุโรป ต่างขึ้นบัญชีดำ ให้เป็นผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญ แต่ดูเหมือนตุรกีจะไม่สนใจ แถมล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวา คม ปี 2014 ตุรกีได้เชิญ นาย Khaled Meshaal หัวหน้ากลุ่มฮามาส ไปเยียนตุรกี และเอานาย Meshaal ไปเข้าร่วมประชุมพรรค AKP ของประธานาธิบดี Erdogan ด้วย แน่จริงๆ เรียกว่าท้าทายกันแบบไม่เกรงใจใครเลย เอะ แล้วตุรกีต้องเกรงใจใครหรือ?! ข่าวหัวหน้าฮามาส ไปเดินฉุยฉายลอยชายอยู่ตุรกี แน่นอนยอมมีคนหงุดหงิด นักล่าใบตองแห้งหงุดหงิดง่ายอ ยู่แล้ว แค่ลมพัดใบตองแห้ง แกว่งแรงไปหน่อย ยังออกเสียงฮึมแฮ่เลย นี่หัวหน้าฮามาส ที่นักล่า อยากขยี้มาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้ลงทุนเปลี่ยนแผน ขยี้ไม่ตาย แต่ถ้าซื้อขายอาจจะโอเคมั่งนะ แต่ขอโทษ ฮามาส นอกจากไม่ยอมขายตัวแล้ว ยังไปนั่งสบายใจ เฮฮา กับสุดยอดนักไต่ลวด นายErdogan แชมป์เล่นเกมเสียว เหมือนโชว์ให้ใครดูเสียอีก แบบนี้นักล่าหรือจะปล่อยไปเฉยๆ วันที่ 8 มกราคม คศ 2015 คุณหนูเจน Psaki โฆษก กระทรวงการต่างประเทศของนักล่า เลยต้องออกมาทำหน้าเครียดแถลงข่าวว่า ” ท่าทีของเราต่อขบวนการฮามาสยังไม่เปลี่ยนนะ ฮามาสคือองค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับการก่อการร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และฮามาส ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาอย่างชัดเจนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา (ช่วงสิงหาคม ปีที่แล้ว) ในความขัดแย้งกับอิสราเอล” “เรามีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับฮามาส และเมื่อรู้ว่า Meshaal ไปเยี่ยมตุรกี เราได้ขอให้รัฐบาลตุรกีกดดันฮามาส เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความรุนแรง” แหม คุณหนู ช่างไม่มีศิลปะในการพูดเสียเลย มิน่าแถลงข่าวที่ไร ถูกนักข่าวหนุ่มๆ ต้อนจนติดอ่าง ฮา ขณะเดียวกันมีข่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีบอกว่า ตุรกียินดีต้อนรับ Khaled Meshaal หัวหน้าฮามาส หลังจากมีข่าวว่า Meshaal ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ที่กาต้าร์ ได้ถูกทางการของกาต้าร์ ขับออกนอกประเทศแล้ว และเขาอาจจะไปตุรกี เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีบอกว่า ไม่ว่าใคร จะเป็นคนของประเทศใด ก็สามารถเข้าออกตุรกีได้อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาด้านกฏหมาย นี่มันต้องตอบแบบกลิ้งได้หลายตลบอย่างนี้ สมกับเป็นพวกนักไต่ลวดจริงๆ นักล่าใบตองแห้งน่าจะส่งคุณหนู Psaki มาฝึกงานแถวตุรกีซะหน่อยนะ ฮาอีกครั้ง อเมริกา อิสราเอล และตุรกี กำลังมีอะไรคาใจ หรือเล่นบทอะไรกันอยู่หรือ ถึงใช้วิธีเหมือนกาฝาก บินโฉบทิ้งของที่ระลึก แล้วแฉลบข้ามไปต่อ ####### (2) ฝ่ายทางกลุ่มฮามาสเองก็ฉุนขาด เมื่อได้ฟังคำวิจารณ์ของอเมริกา เกี่ยวกับการไปนั่งชมวิวตุรกีของนายMehsaal ที่ถ่ายทอดโดยฝีปากของคุณหนู Psaki บอกว่าอเมริกาสามหาว และเหยียดเผ่าพันธ์มากไปแล้ว รัฐบาลอเมริกากำลังไต่อันดับ ทำตัวเข้าข่ายเป็นศัตรูที่แท้จริงของพวกเขาทีเดียว ทั้งนี้ตามคำแถลงของ Al-Qassam Brigades ฝ่ายกองทัพของกลุ่มฮามาส ส่วนเรื่องกาต้าร์ขับไล่ นายMeshaal ออกจากประเทศ กาต้าร์ไม่ยืนยัน แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว กาต้าร์ขับไล่ระดับหัวหน้าของ Muslim Brotherhood 7 คน ที่กาต้าร์เลี้ยงดูไว้นานแล้วออกจากประเทศ เพื่อเป็นการเอาใจพวกราชวงศ์เสี่ยน้ำมันตะวันออกกลาง และรัฐบาลอียิปต์ อืม มาแปลก กาต้าร์ไม่ใช่นายทุนรายเดียวที่สนับสนันเลี้ยงดู Muslim Brotherhood ตุรกีก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน Muslim Brotherhood เป็นกลุ่มอิสลามฝักใฝ่การเมือง ที่รวมตัวกันขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม ที่อยู่ใต้อิทธิพลของอเมริกา ตุรกีย่อมให้การสนับสนุนไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจอนาคตของตนเอง ส่วนกาต้าร์ละ เข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย เมื่ออียิปต์เกิดอาหรับสปริง ที่ไม่แน่ว่า สาเหตุจะมาจากการที่ นายมูบารัค ของอียิปต์มีนโยบายเกี่ยวกับปาเลสไตน์ สวนทางกับอิสราเอลหรือเปล่า และอเมริกาภายใต้การกดดันของอิสราเอล จึงส่งอาหรับสปริง เป็นของขวัญให้นายมูบารัค ลูกไปเข้าทางของ Muslim Brotherhood อิยิปต์จึงได้ นาย Mohamed Morsi ของ Muslim Brotherhood มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องถูกใจตุรกีอย่างยิ่ง เพราะถ้าอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขต ด้านหนึ่ง ติดกับด้านใต้ของอิสราเอล มีผู้มีอำนาจปกครองเป็นพวกเดียวกับตุรกี เมื่อไหร่ที่อิสราเอลทำซ่า อาละวาดใส่ปาเลสไตน์ที่ตุรกีสนับสนุนมาตลอด ตุรกีกับอิยิปต์ซึ่งมีอาณาเขตประกบหัวท้ายอิสราเอลอยู่ คิดเล่นแซนด์วิช ผลัดกันโยนหัวปลีข้ามใส่อิสราเอล ก็น่าจะลดความกร่างของอิสราเอลไปได้บ้าง และก็เพราะการเดินสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบนี้ ในช่วงหลังๆของตุรกี โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับอิสราเอล สัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับตุรกี จึงไม่หวานอย่างเดิม และมีส่วนให้ นาย Morsi ของ Muslim Brotherhood น่าจะถูกใบสั่ง ให้ทหารอียิปต์ทำการปฏิวัติซ้อน ทำเอา นาย Morsi หล่นจากแท่นอำนาจไปอย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นมามีอำนาจได้เพียงปีเดียว ดูกันไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไร นอกจากมีเรื่องกับอิสราเอลแล้ว เรื่องซีเรียก็เป็นปัญหาใหญ่ อเมริกาบอกชักจะเบื่อการเล่นเกมของตุรกี ที่พักหลังมีแต่ all pain, no gain แล้วนะ เราชักอยากให้ตุรกีเลือกข้างมาให้ชัดๆเลย เราไม่สนใจ และไม่เดือดร้อนเลย ถ้าไม่ได้ใช้ฐานทัพของเรา ที่อยู่ในตุรกีเพื่อทำการฝึกให้กับฝ่ายต่อต้านไอซิส หรือต่อต้านซีเรีย เราไม่ได้ต้องการให้กองทัพตุรกี ไปสู้ศึกที่ซีเรีย ที่เราต้องต้องการให้ตุรกีทำคือ ให้ตุรกีไปสืบดูให้ได้ และขจัดเส้นทางเข้าออกของผู้ก่อการร้าย เครือข่ายการธุรกิจ และการเงิน ที่ทำผ่านตุรกี ไปให้ซีเรีย ที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้โตขึ้นอย่างมากใน 3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ตุรกีทำไม่ได้ หรือไม่ทำให้อเมริกา จะให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ไปเอาแผนที่มากางดู อียิปต์อยู่ด้านล่าง ถัดขึ้นมาข้างบนเอียงขวาหน่อย เป็นอิสราเอล เหนืออิสราเอลเป็นเลบานอน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนมีเนื้อที่แถบเล็กๆ คือปาเลสไตน์ เหนือเลบานอนเป็นซีเรียและอิรัค เหนือชีเรียเป็นตุรกี เหนือตรุกีเป็นจอร์เจีย ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย เหนืออิรัคเป็นอิหร่าน ซึ่งมีเขตแดนติดกับรัสเซียยาวเหยียด เล่าแผนที่มายาว เพื่อให้เห็นความสำคัญของปาเลสไตน์ เลบานอน ซีเรีย ตุรกี อิรัค และอิหร่าน ซึ่งเหมือนขนมชั้น ขวางทางเข้าสู่รัสเซีย มันเป็นขนมชั้นที่มีความสำคัญ ทั้งในมิติของสงครามภูมิภาค และมิติสงครามโลก ! และหมากที่จะเดินให้เป็นสงครามภูมิภาค หรือสงครามโลกตัวสำคัญตัวหนึ่งของฝ่ายอเมริกาคือ อิสราเอล ซึ่งมีอิทธิพล และเล่ห์เหลี่ยมสูงมาก ถึงขนาด อาจจะเป็นตัวบีบ ให้อเมริกาเดินหมากตัวอื่นตามที่ตนเองต้องการ เผลอๆอาจจะเหลี่ยมสูง ถึงขนาดบีบให้ตัวอเมริกาเอง เดินตามที่อิสราเอลหลอกให้เดินก็มีทางเป็นไปได้ ในขณะที่ตุรกีเป็นหมากตัวใหม่ ที่เหมือนแสดงตัวเปิดเผยว่า เราไม่ใช่อยู่ฝ่ายอเมริกาแล้วนะ ตุรกีและ อิหร่าน น่าจะเป็นหมากที่เดินตามจังหวะที่น่าสนใจ ให้กับฝ่ายรัสเซียในตะวันออกกลาง การขยับของอิสราเอล ตุรกี และอิหร่าน ย่อมมีความหมาย ไม่น้อยกว่าการขยับของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน ในยุโรป มันดูเหมือนเป็นคนละเรื่อง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือต่อเนื่องกัน จึงโปรดอย่าลืมจับตา คอยดูการขยับของหมากทั้ง 6 ตัวนี้ ##### (3) อิหร่าน เป็นหมากอีกตัวที่สำคัญของฝ่ายรัสเซีย เพราะมีข่าวว่า กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่าง ซุ่มเงียบ อเมริกานักล่าใบตองแห้ง แน่นอน ย่อมหงุดหงิดออกอาการ น้ำลายฟูมปาก แต่ก็คิดหนัก เพราะอิหร่านนั้น เหมือนผีดิบคืนชีพ โดนอเมริกาบดขยี้มาหลายรอบ ไม่ตายคาที่เสียที แค่ช้ำใน กลัดหนองอยู่นาน ปล่อยให้อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์ไปเรื่อยๆ นอกจากเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้ ทั้งอิหร่านเอง และช่วยฝ่ายรัสเซียแล้ว ยังทำให้อิสราเอลไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่นกลางแดดได้ ในตะวันออกกลาง แต่สูตรยาขจัดอิหร่านแบบยกเดียวจบ อเมริกายังคิดไม่สำเร็จ อิสราเอลตัวแสบ ต้องรู้อะไรลึกและมีแผนซับซ้อน จึงหนุน แนะ หรือสั่งให้อเมริกาใช้วิธีเจรจากับอิหร่านไปพลางๆก่อน และอเมริกาก็หันมาสั่งสหภาพยุโรปอีกต่อ เจรจากับอิหร่านต่อไปนะพวก เอะ ตกลงใครใหญ่กันแน่ การเจรจากับอิหร่านในปี 2014 ดูเหมือนราบรื่นดี ผู้ที่รับบทหนักในการเดินสาย เดินสารปั่นหัว เหล่าคณะกรรมการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ กับอิหร่าน คือ รัฐมนตรีด้านงานข่าวกรอง Minister of Intelligence ของอิสราเอล นาย Yuval Steinitz ซึ่งเดินทางจนนักข่าวแซวว่า ได้ไมล์เลจเป็นบัตรแพลตินั่มหลายใบแล้ว นาย Steinitz เป็นคนไปเอาเอกสารลับมาป้อนให้ คณะกรรมการเจรจา เอาไว้ยันหน้ากับอิหร่าน นอกจากนั้น ทีมงานข่าวกรองของอิสราเอล หน่วยงาน Mossad ก็ทำงานหนัก เพราะเป็นตัวจริง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ของขวัญ
    “ของขวัญ”
    (1)
    ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ
    ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย
    ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน?
    อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น
    อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม
    ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก
    ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015
    อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย
    (2)
    ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้
    แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น
    5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้
    แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย
    สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ
    เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า
    มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้
    (3)
    เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว
    ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน
    เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ
    รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง
    หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ
    แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด
    ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก
    แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่
    ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    เรื่อง ของขวัญ “ของขวัญ” (1) ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน? อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015 อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย (2) ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้ แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น 5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้ แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้ (3) เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่ ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง 1 ปี 2 เดือน
    เรียนท่านผู้อ่านนิทาน
    ผมเขียนนิทานมาให้อ่านกันประมาณ 1 ปี กับ 2 เดือนแล้ว ด้วยความตั้งใจจะให้นิทานทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุก ให้ท่านผู้อ่านลุกขึ้นมามองรอบตัว ให้เห็นภาพกว้างขึ้น เข้าใจเรื่องราวลึกขึ้น เผื่อจะทำให้รู้สึกเบื่อที่จะอยู่แต่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม ที่เขาตั้งใจเอามาครอบหัวเราไว้ ด้วยการศึกษาที่สอนให้เราเรียนอย่างท่องจำ ให้เรากลายเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร จำได้แต่ไม่รู้เรื่อง แทนที่จะสอนให้เราเรี ยนอย่างรู้จักคิด หรือสำหรับท่านที่เบื่อ ที่จะตามอ่าน ตามดูสื่อ ทั้งในและนอกบ้าน ที่ตั้งอกตั้งใจฟอกย้อม จนเราไม่รู้ว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องแต่ง หรือเบื่อที่จะฟังจากบางท่าน ที่เรียกตัวเองว่า เป็นนักวิชาการ หรือเป็นผู้รู้ ที่บอกเล่าให้เราฟังจากตำรา ที่ถูกสร้างมาให้ตอนความนึกคิดเรา หรือจากสื่อที่ฟอกมาแล้ว ฯลฯ
    ผมพยายามเขียนเล่าเรื่อง ความเป็นไปของโลกนอกบ้านเรา ที่เต็มไปด้วยการลวง การหลอก ด้วยวิธีการสาระพัด เพื่อที่จะไปครอบครอง ครอบงำ และขโมยทรัพยากรของผู้อื่น โดยการใช้อำนาจ ทั้งด้านการอาวุธทำลาย และอาวุธทางการเงิน แย่งชิงความเป็นใหญ่ ชิงความได้เปรียบกัน เป็นโลกที่แบ่งกันเป็นหลายฝักหลายฝ่าย สลับซับซ้อน
    เรื่องเหล่านี้อาจกระทบถึง เรา สมันน้อย ที่อยู่แต่ในโลกสวยของตัวเอง ไม่สนใจ ไม่เคยรู้หรือไม่รับรู้ว่า เราอยู่โลกใบเดียวกันกับเขาอื่นอีกมากมาย และ ความไม่สนใจรับรู้นี้ มีโอกาสที่อาจทำให้สมันน้อยตกเป็นเหยื่อของเกมการแย่งชิงระหว่างเขาอื่นเหล่านั้น และผจญความยากลำบากอย่างที่สมันน้อยนึกไม่ถึง
    เรื่องที่ผมเขียนมาตลอด 1 ปี 2 เดือน ผมเรียงร้อย ต่อเนื่อง และขยายซึ่งกันและกัน เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น แต่ความที่การเขียนนิทานของผมมันอาจจะฉิวเฉียด เสียดแทง กวนแข้งใครเขาบ้าง นิทานที่เขียนจึงเหลือคาจอเพจอย่างไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แม้จะทำลิงค์อัพเดทหลายครั้ง ก็ถูกกวนเละถูกลบ ถูกขโมยหายอยู่ดี ท่านผู้อ่านที่เข้ามาอ่านระหว่างทาง ก็เลยจะเหมือนการเดินทาง ที่เส้นทางขาด ตกหลุมตกบ่อ ไม่สนุก ไม่ถึงที่หมายอย่างใจนึก เผลอๆจะตกข้างทางเอา
    วันนี้เลยรวบรวมลิงค์ครบชุด ทุกเรื่อง ทุกบทความ มาให้อ่านกัน เคยอ่านแล้ว ก็อ่านซ้ำได้นะครับ ผมสนับสนุน เพราะบางที อ่านครั้งแรกอาจเห็นเรื่องราวที่เขียนยังไม่ชัด ไม่ครบ คราวนี้เอาให้เห็นภาพชัดมากขึ้น ก่อนเรื่องใหญ่ เหตุการณ์ใหญ่จะมานะครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
31 ธค. 2557
    ########################
ลิงค์นิทาน เรียงตามลำดับเริ่มจากตอนล่าสุดตามนี้ครับ
    ผลัดกันล้วง
https://www.dropbox.com/s/aniibapk83rn5s9/deeply.pdf
    รุกฆาตหรือรุกคืบ
https://www.dropbox.com/s/9d54erugjrh8i90/checkmate.pdf
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3
https://www.dropbox.com/s/8hti742ugp3qtul/WW3.pdf
    เชื้อหลอน
https://www.dropbox.com/s/juehq74io8nmqd0/spook_virus.pdf
    หลอนกลางแดด
https://www.dropbox.com/s/cqo7p4331so95ct/spook.pdf
    กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
https://www.dropbox.com/s/j5n01c3yj5ppkl3/stuck.pdf
    เหยื่อติดคอ
https://www.dropbox.com/s/1mksvsxw7triet9/victim2.pdf
    เหยื่อ
https://www.dropbox.com/s/i3psv6qf7v9iqew/victim.pdf
    ลูกครึ่งหรือนกสองหัว
https://www.dropbox.com/s/zmqlfon1mxd9rps/twohead.pdf
    หักหน้า หักหลัง
https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf
    Chateau Christophe
https://www.dropbox.com/s/kao813jhkdad982/Chateau.pdf
    แหกคอก
https://www.dropbox.com/s/3e0lwq33uub2g4q/free.pdf
    แกะรอยเก่า
https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    แกะรอยนักล่า
https://www.dropbox.com/s/g1439ng2lmds2hd/track.pdf
    คำถามในอากาศ
https://www.dropbox.com/s/lo8nsl83yx2ncwo/air.pdf
    ยุทธการกบกระโดด
https://www.dropbox.com/s/wi5dm5zkcoyhhop/forg.pdf
    เมื่อสิงห์โตหอน
https://www.dropbox.com/s/hvvcwwvatkgspdw/lion.pdf
    ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf
    มายากลยุทธ
https://www.dropbox.com/s/2caruu9rb7amhnn/maya.pdf
    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก
https://www.dropbox.com/s/5s81f1s0t3ianz8/sm.pdf
    เรื่องจิ๊กโก่ปากซอย
https://www.dropbox.com/s/wqogwomlgkle262/jk.pdf
    #######################
ลิงค์บทความ
    ดิ้นพล่าน
https://www.dropbox.com/s/q1xqhxzrvvphtf2/fretfully.pdf
    หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ
https://www.dropbox.com/s/b7ksf90dxnyz71z/blackwater.pdf
    ขี้นต้นเป็นมะลิซ้อน
https://www.dropbox.com/s/b2kxw66kswhbqcp/ISIS.pdf
    บันทึกวันฉลอง
https://www.dropbox.com/s/k54szzffk3g3zqk/celebrate.pdf
    Goodbye Mrs Brown
https://www.dropbox.com/s/1y7xh934uuz1kqd/Goodbye%20Mrs%20Brown.pdf
    เรื่อง 1 ปี 2 เดือน เรียนท่านผู้อ่านนิทาน ผมเขียนนิทานมาให้อ่านกันประมาณ 1 ปี กับ 2 เดือนแล้ว ด้วยความตั้งใจจะให้นิทานทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุก ให้ท่านผู้อ่านลุกขึ้นมามองรอบตัว ให้เห็นภาพกว้างขึ้น เข้าใจเรื่องราวลึกขึ้น เผื่อจะทำให้รู้สึกเบื่อที่จะอยู่แต่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม ที่เขาตั้งใจเอามาครอบหัวเราไว้ ด้วยการศึกษาที่สอนให้เราเรียนอย่างท่องจำ ให้เรากลายเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร จำได้แต่ไม่รู้เรื่อง แทนที่จะสอนให้เราเรี ยนอย่างรู้จักคิด หรือสำหรับท่านที่เบื่อ ที่จะตามอ่าน ตามดูสื่อ ทั้งในและนอกบ้าน ที่ตั้งอกตั้งใจฟอกย้อม จนเราไม่รู้ว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือเรื่องแต่ง หรือเบื่อที่จะฟังจากบางท่าน ที่เรียกตัวเองว่า เป็นนักวิชาการ หรือเป็นผู้รู้ ที่บอกเล่าให้เราฟังจากตำรา ที่ถูกสร้างมาให้ตอนความนึกคิดเรา หรือจากสื่อที่ฟอกมาแล้ว ฯลฯ ผมพยายามเขียนเล่าเรื่อง ความเป็นไปของโลกนอกบ้านเรา ที่เต็มไปด้วยการลวง การหลอก ด้วยวิธีการสาระพัด เพื่อที่จะไปครอบครอง ครอบงำ และขโมยทรัพยากรของผู้อื่น โดยการใช้อำนาจ ทั้งด้านการอาวุธทำลาย และอาวุธทางการเงิน แย่งชิงความเป็นใหญ่ ชิงความได้เปรียบกัน เป็นโลกที่แบ่งกันเป็นหลายฝักหลายฝ่าย สลับซับซ้อน เรื่องเหล่านี้อาจกระทบถึง เรา สมันน้อย ที่อยู่แต่ในโลกสวยของตัวเอง ไม่สนใจ ไม่เคยรู้หรือไม่รับรู้ว่า เราอยู่โลกใบเดียวกันกับเขาอื่นอีกมากมาย และ ความไม่สนใจรับรู้นี้ มีโอกาสที่อาจทำให้สมันน้อยตกเป็นเหยื่อของเกมการแย่งชิงระหว่างเขาอื่นเหล่านั้น และผจญความยากลำบากอย่างที่สมันน้อยนึกไม่ถึง เรื่องที่ผมเขียนมาตลอด 1 ปี 2 เดือน ผมเรียงร้อย ต่อเนื่อง และขยายซึ่งกันและกัน เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น แต่ความที่การเขียนนิทานของผมมันอาจจะฉิวเฉียด เสียดแทง กวนแข้งใครเขาบ้าง นิทานที่เขียนจึงเหลือคาจอเพจอย่างไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แม้จะทำลิงค์อัพเดทหลายครั้ง ก็ถูกกวนเละถูกลบ ถูกขโมยหายอยู่ดี ท่านผู้อ่านที่เข้ามาอ่านระหว่างทาง ก็เลยจะเหมือนการเดินทาง ที่เส้นทางขาด ตกหลุมตกบ่อ ไม่สนุก ไม่ถึงที่หมายอย่างใจนึก เผลอๆจะตกข้างทางเอา วันนี้เลยรวบรวมลิงค์ครบชุด ทุกเรื่อง ทุกบทความ มาให้อ่านกัน เคยอ่านแล้ว ก็อ่านซ้ำได้นะครับ ผมสนับสนุน เพราะบางที อ่านครั้งแรกอาจเห็นเรื่องราวที่เขียนยังไม่ชัด ไม่ครบ คราวนี้เอาให้เห็นภาพชัดมากขึ้น ก่อนเรื่องใหญ่ เหตุการณ์ใหญ่จะมานะครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
31 ธค. 2557 ########################
ลิงค์นิทาน เรียงตามลำดับเริ่มจากตอนล่าสุดตามนี้ครับ ผลัดกันล้วง
https://www.dropbox.com/s/aniibapk83rn5s9/deeply.pdf รุกฆาตหรือรุกคืบ
https://www.dropbox.com/s/9d54erugjrh8i90/checkmate.pdf แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3
https://www.dropbox.com/s/8hti742ugp3qtul/WW3.pdf เชื้อหลอน
https://www.dropbox.com/s/juehq74io8nmqd0/spook_virus.pdf หลอนกลางแดด
https://www.dropbox.com/s/cqo7p4331so95ct/spook.pdf กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
https://www.dropbox.com/s/j5n01c3yj5ppkl3/stuck.pdf เหยื่อติดคอ
https://www.dropbox.com/s/1mksvsxw7triet9/victim2.pdf เหยื่อ
https://www.dropbox.com/s/i3psv6qf7v9iqew/victim.pdf ลูกครึ่งหรือนกสองหัว
https://www.dropbox.com/s/zmqlfon1mxd9rps/twohead.pdf หักหน้า หักหลัง
https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf Chateau Christophe
https://www.dropbox.com/s/kao813jhkdad982/Chateau.pdf แหกคอก
https://www.dropbox.com/s/3e0lwq33uub2g4q/free.pdf แกะรอยเก่า
https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf แกะรอยนักล่า
https://www.dropbox.com/s/g1439ng2lmds2hd/track.pdf คำถามในอากาศ
https://www.dropbox.com/s/lo8nsl83yx2ncwo/air.pdf ยุทธการกบกระโดด
https://www.dropbox.com/s/wi5dm5zkcoyhhop/forg.pdf เมื่อสิงห์โตหอน
https://www.dropbox.com/s/hvvcwwvatkgspdw/lion.pdf ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf มายากลยุทธ
https://www.dropbox.com/s/2caruu9rb7amhnn/maya.pdf ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก
https://www.dropbox.com/s/5s81f1s0t3ianz8/sm.pdf เรื่องจิ๊กโก่ปากซอย
https://www.dropbox.com/s/wqogwomlgkle262/jk.pdf #######################
ลิงค์บทความ ดิ้นพล่าน
https://www.dropbox.com/s/q1xqhxzrvvphtf2/fretfully.pdf หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ
https://www.dropbox.com/s/b7ksf90dxnyz71z/blackwater.pdf ขี้นต้นเป็นมะลิซ้อน
https://www.dropbox.com/s/b2kxw66kswhbqcp/ISIS.pdf บันทึกวันฉลอง
https://www.dropbox.com/s/k54szzffk3g3zqk/celebrate.pdf Goodbye Mrs Brown
https://www.dropbox.com/s/1y7xh934uuz1kqd/Goodbye%20Mrs%20Brown.pdf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิ้นพล่าน ตอนที่ 3

    “ดิ้นพล่าน”
    ตอนที่3 (ตอนจบ)
    The Interview หนังล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือ สร้างโดยโซนี่ถูกมือดีล้วงเอาไปดูก่อน แรกๆเป็นข่าวระดับธรรมดา เน้นไปทางหาต้นตอมือล้วง ที่ขอเอาหนังไปดูก่อนออกฉายในโรง นี่มันขนาดต้องให้ประธานาธิบดีทำประชาสัมพันธ์ให้เลยนะ นายโอบามาบอก โซนี่ตัดสินใจผิดที่ไม่เอาหนังออกฉาย เพราะมันทำให้โลกรู้ว่าโซนี่ปอดเกาหลีเหนือ แล้วแบบนี้ หน้าลูกพี่จะไปเหลืออะไร

    FBI บอกว่าเป็นฝีมือนักล้วงเกาหลีเหนือ ให้ข่าวแบบนี้ผมให้สอบตก แทนที่เกาหลีเหนือจะเสียคะแนนแล้วถูกชาวบ้านด่า ปรากฏว่าชาวบ้าน (อย่างผม เป็นต้น) กลับตบมือบอก เอ็งแน่มาก แล้วล้วงเขามาได้เท่านี้ละเหรอ พรรคพวกบอก อ๋อ เรื่องขอดูหนังก่อนนี่ มันเรื่องเล็กนะลุง นั่นมันข่าวแบบกระติกน้ำร้อนหกใส่ ของจริงแสบหลังกว่านี่ มิน่า ประธานาธิบดีของประเทศ ที่อ้างว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก เลยต้องออกมาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ้หนังแทน (ฮามาก !) หนุนให้เอาหนังออกฉายเลย หวังจะให้เกาหลีเหนือ หรือลูกพี่เกาหลีเหนือออกมาแสดงอาการ
    เปล่าหรอก ไม่มีใครแสดงอะไร เพราะที่เขาอยากเห็นกันคือ แค่น้ำร้อนหกใส่หลัง นักล่าจะออกอาการอย่างไร ก็ได้เห็นกันแล้วทั่วโลก ดิ้นกันพล่านไปเลย ดูสนุกไม่แพ้หนังของโซนี่ละมั้ง ฮาจัง
    แล้วถ้ามันแรงกว่าน้ำร้อนนี่ นักล่าจะออกอาการยังไงนะ
    มันทำให้เห็นนิสัย หรือนโยบายของนักล่าชัดว่า นักล่าต้องได้เปรียบเสมอ หรืออย่างน้อยต้องไม่เสียเปรียบ ถูกลูบคมเมื่อไหร่ น้ำร้อนหกใส่หลังเมื่อไหร่ เป็นดิ้นพล่าน มีรายการเอาคืน ไม่ให้หลุดสักเม็ด ก็คอยสังเกตวิธีเอาคืนของไอ้นักล่าไว้แล้วกัน จะได้ไม่ไปทำอะไรเข้าทางมัน แต่ระยะหลังนี่รายการเอาคืน โล่งโจ้งไปหน่อยนะ
    หลังจากนี้ น้ำร้อนจะไปหกใส่หลังนักล่าที่ไหนอีก น่าสนใจติดตาม เพราะมันคงจะไม่มีเท่านี้หรอก ยิ่งใกล้เวลา เรื่องยิ่งร้อนขึ้น ตัวละครยิ่งมากขึ้น หลังปีใหม่ คงต้องตามดูเยอรมันว่า เจ๊แกยังชอบเล่นเป็นหุ่นให้อเมริกาชักเหมือนเดิมไหม อิหร่านล่ะ ยังยืดเจรจานิวเคลียร์ไปพัฒนา ไปเหมือนเดิมหรือเปล่า สวีเดนจะจบกันแค่นี้หรือ บินเฉี่ยว ดำน้ำโผล่ขึ้นมาจ้ะเอ๋ คงมีอีกแน่ แต่ที่แน่ๆยูเครน จะเป็นหัวไม้ขีดจุดไฟสงครามหรือไม่ ยังมีอีกครับแล้วจะกลับมารายงานต่อ
    ถ้าปีนี้ รายงานตัวไม่ทัน ก็พบกันปีหน้า ขอให้คนอ่านนิทานทุกท่าน มีแต่ความสุขกายสบายใจ บุญรักษา เทวดาคุ้มครองนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 ธค. 2557
    ดิ้นพล่าน ตอนที่ 3 “ดิ้นพล่าน” ตอนที่3 (ตอนจบ) The Interview หนังล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือ สร้างโดยโซนี่ถูกมือดีล้วงเอาไปดูก่อน แรกๆเป็นข่าวระดับธรรมดา เน้นไปทางหาต้นตอมือล้วง ที่ขอเอาหนังไปดูก่อนออกฉายในโรง นี่มันขนาดต้องให้ประธานาธิบดีทำประชาสัมพันธ์ให้เลยนะ นายโอบามาบอก โซนี่ตัดสินใจผิดที่ไม่เอาหนังออกฉาย เพราะมันทำให้โลกรู้ว่าโซนี่ปอดเกาหลีเหนือ แล้วแบบนี้ หน้าลูกพี่จะไปเหลืออะไร FBI บอกว่าเป็นฝีมือนักล้วงเกาหลีเหนือ ให้ข่าวแบบนี้ผมให้สอบตก แทนที่เกาหลีเหนือจะเสียคะแนนแล้วถูกชาวบ้านด่า ปรากฏว่าชาวบ้าน (อย่างผม เป็นต้น) กลับตบมือบอก เอ็งแน่มาก แล้วล้วงเขามาได้เท่านี้ละเหรอ พรรคพวกบอก อ๋อ เรื่องขอดูหนังก่อนนี่ มันเรื่องเล็กนะลุง นั่นมันข่าวแบบกระติกน้ำร้อนหกใส่ ของจริงแสบหลังกว่านี่ มิน่า ประธานาธิบดีของประเทศ ที่อ้างว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก เลยต้องออกมาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ้หนังแทน (ฮามาก !) หนุนให้เอาหนังออกฉายเลย หวังจะให้เกาหลีเหนือ หรือลูกพี่เกาหลีเหนือออกมาแสดงอาการ เปล่าหรอก ไม่มีใครแสดงอะไร เพราะที่เขาอยากเห็นกันคือ แค่น้ำร้อนหกใส่หลัง นักล่าจะออกอาการอย่างไร ก็ได้เห็นกันแล้วทั่วโลก ดิ้นกันพล่านไปเลย ดูสนุกไม่แพ้หนังของโซนี่ละมั้ง ฮาจัง แล้วถ้ามันแรงกว่าน้ำร้อนนี่ นักล่าจะออกอาการยังไงนะ มันทำให้เห็นนิสัย หรือนโยบายของนักล่าชัดว่า นักล่าต้องได้เปรียบเสมอ หรืออย่างน้อยต้องไม่เสียเปรียบ ถูกลูบคมเมื่อไหร่ น้ำร้อนหกใส่หลังเมื่อไหร่ เป็นดิ้นพล่าน มีรายการเอาคืน ไม่ให้หลุดสักเม็ด ก็คอยสังเกตวิธีเอาคืนของไอ้นักล่าไว้แล้วกัน จะได้ไม่ไปทำอะไรเข้าทางมัน แต่ระยะหลังนี่รายการเอาคืน โล่งโจ้งไปหน่อยนะ หลังจากนี้ น้ำร้อนจะไปหกใส่หลังนักล่าที่ไหนอีก น่าสนใจติดตาม เพราะมันคงจะไม่มีเท่านี้หรอก ยิ่งใกล้เวลา เรื่องยิ่งร้อนขึ้น ตัวละครยิ่งมากขึ้น หลังปีใหม่ คงต้องตามดูเยอรมันว่า เจ๊แกยังชอบเล่นเป็นหุ่นให้อเมริกาชักเหมือนเดิมไหม อิหร่านล่ะ ยังยืดเจรจานิวเคลียร์ไปพัฒนา ไปเหมือนเดิมหรือเปล่า สวีเดนจะจบกันแค่นี้หรือ บินเฉี่ยว ดำน้ำโผล่ขึ้นมาจ้ะเอ๋ คงมีอีกแน่ แต่ที่แน่ๆยูเครน จะเป็นหัวไม้ขีดจุดไฟสงครามหรือไม่ ยังมีอีกครับแล้วจะกลับมารายงานต่อ ถ้าปีนี้ รายงานตัวไม่ทัน ก็พบกันปีหน้า ขอให้คนอ่านนิทานทุกท่าน มีแต่ความสุขกายสบายใจ บุญรักษา เทวดาคุ้มครองนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิ้นพล่าน ตอนที่ 2

    “ดิ้นพล่าน”
    ตอนที่ 2
    ตุรกี นักไต่ลวดชอบเล่นเกมเสียว ตัดสินใจไม่ขาดเสียที เหยียบเรือสองแคมมานานแล้ว มีฐานทัพของนักล่าใหญ่เบ้อเริ่มอยู่ในบ้านตัว แต่ดันจะเลือกระบบสกัดจรวดวิถีไกลของจีน เปิดประมูลหาคนมารับจ้างทำมาปีกว่า ประกาศผลรอบแรก ว่าจีนเข้าข่าย แต่ขณะเดียวกันก็เปิดทางให้ฝรั่งเศสเจรจาต่อ แล้วว่าจะตัดสินใจอีกที ไอ้อีกทีนี่ เลื่อนมา 5 ทีแล้ว ล่าสุด บอกจะประกาศว่าเลือกใช้ระบบของใครแน่ใน วันส่งท้ายปี วันที่ 31 ธันวาคม ช่างเล่นจริงนะนักไต่ลวด
    แค่นี้ ลูกพี่เจ้าของฐานทัพก็หมั่นเขี้ยวเต็มแก่อยู่แล้ว อยู่ดีๆเมื่อต้นเดือนธันวาคม คุณพี่ปูติน ก็แวะไปเยี่ยมเยียนจับมือคุยกันหนุงหนิง ตามประสาคนเคยมีจักรวรรดิใหญ่เหมือนกัน พร้อมเจรจาเรื่องท่อส่งแก๊สสายใหม่ ตุรกีบอกได้เลยครับพี่ปู แบบนี้นักล่าจะไม่แสบหลังได้ยังไง
    หลังจาก นั้น ประมาณ 2 อาทิตย์ (14 ธันวาคม) CNN ก็ออกข่าวซ้ำอยู่ทั้งวัน ว่านักข่าวตุรกีที่ไม่เชียร์รัฐบาล ชวนกันออกมาประท้วงเต็มถนนพร้อมกองเชียร์ ช่วยกันด่าว่ารัฐบาลโกงกิน การยั่วยวนได้ผล รัฐบาลสั่งจับหมด บอกเป็นแผนล้มรัฐบาลของคู่ปรับ เก่า Fetullah Gulen เด็กเลี้ยงของ CIA สื่อย้อม CNN ตีข่าวได้แค่วันกว่า ประธานาธิบดี Erdogan ทำหนังสือขอให้อเมริกา ส่งตัวนาย Gulen ที่ไปซุกอกอเมริกากลับมาให้ตุรกี ข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย คิดล้มล้างรัฐบาล ก็ต้องดูกันต่อว่า ไอ้นักล่าจะแก้อาการแสบหลังต่อไปอย่างไร (รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนาย Fetullah Gulen อยู่ในนืทาน เรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว)
    นี่ถ้า ตุรกีเกิดเบื่อไต่ลวดเล่นเสียว จับยามแล้วเลือกข้างชัดเจน ใช้ระบบของจีน บอกได้เลยว่า ไอ้นักล่า คงยิ่งกว่าแสบหลัง
    คืวบา เป็นคู่แค้นของไอ้นักล่ามาตั้งแต่สมัย Kennedy ขวัญใจสาวๆเป็นประธานาธิบดี อเมริกาแอบรู้ว่า คิวบาเปิดบ้านให้สหภาพโซเวียต มาตั้งฐานจรวดจ่อหลังบ้านอเมริกา ห่าง Florida ไม่ถึงอึดใจ จึงตัดสัมพันธ์ คว่ำขัน คว่ำบาตรกันมาถึงเดี๋ยวนี้ แล้วไง พอเมื่อกลางปี (กรกฎาคม 2014) คุณพี่ปูติน หิ้วกระติกน้ำร้อนเดินสายไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่คิวบา กอดคอกันแล้วกอดกันอีก
    เขาว่า แถววอชิงตันถึงกับมีคนสำลัก นึกไม่ถึง กระติกน้ำร้อนจะมาวางใกล้ตัวถึงขนาดน้ัน
    เรื่องนี้ นักล่ายอมไม่ได้ จะปล่อยให้มีจรวดของรัสเซียมาจ่ออยู่หลังบ้านอีกหนไม่ไหวแน่ หมดท่านักล่าหมายเลขหนึ่งกันพ อดี รายการนี้มันแสบหลังมาก นักล่าถึงขนาดยอม อมเลือด ส่งมือประสาน ที่นายโอบามาบอกเองว่า ระดับวาติกันไปกล่อมคิวบา เรามาเริ่มศักราชใหม่แห่งความเข้าใจอันดี และปรารถนาดีต่อกันดีกว่านะ เป็นการโชว์ให้รัสเซียเห็นว่า กระติกน้ำร้อนที่วางไว้ไม่ได้ผลนะคราวนี้
    คุณพี่ปูตินดูข่าวนายโอบามาแถลงเรื่องอเมริกากำลัง normalizing สัมพันธ์กับคิวบา แล้วหัวร่อ หึ หึ ผ่านไปเกือบ 50 ปี จะถล่มอเมริกา ไม่ต้องไปวางฐานจ่ออยู่ที่คิวบา ก็ได้นะคร้าบ แล้วกระติกที่เอาไปใส่น้ำหวานนะคร้าบ ไม่ใช่น้ำร้อน ฮา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 ธค. 2557
    ดิ้นพล่าน ตอนที่ 2 “ดิ้นพล่าน” ตอนที่ 2 ตุรกี นักไต่ลวดชอบเล่นเกมเสียว ตัดสินใจไม่ขาดเสียที เหยียบเรือสองแคมมานานแล้ว มีฐานทัพของนักล่าใหญ่เบ้อเริ่มอยู่ในบ้านตัว แต่ดันจะเลือกระบบสกัดจรวดวิถีไกลของจีน เปิดประมูลหาคนมารับจ้างทำมาปีกว่า ประกาศผลรอบแรก ว่าจีนเข้าข่าย แต่ขณะเดียวกันก็เปิดทางให้ฝรั่งเศสเจรจาต่อ แล้วว่าจะตัดสินใจอีกที ไอ้อีกทีนี่ เลื่อนมา 5 ทีแล้ว ล่าสุด บอกจะประกาศว่าเลือกใช้ระบบของใครแน่ใน วันส่งท้ายปี วันที่ 31 ธันวาคม ช่างเล่นจริงนะนักไต่ลวด แค่นี้ ลูกพี่เจ้าของฐานทัพก็หมั่นเขี้ยวเต็มแก่อยู่แล้ว อยู่ดีๆเมื่อต้นเดือนธันวาคม คุณพี่ปูติน ก็แวะไปเยี่ยมเยียนจับมือคุยกันหนุงหนิง ตามประสาคนเคยมีจักรวรรดิใหญ่เหมือนกัน พร้อมเจรจาเรื่องท่อส่งแก๊สสายใหม่ ตุรกีบอกได้เลยครับพี่ปู แบบนี้นักล่าจะไม่แสบหลังได้ยังไง หลังจาก นั้น ประมาณ 2 อาทิตย์ (14 ธันวาคม) CNN ก็ออกข่าวซ้ำอยู่ทั้งวัน ว่านักข่าวตุรกีที่ไม่เชียร์รัฐบาล ชวนกันออกมาประท้วงเต็มถนนพร้อมกองเชียร์ ช่วยกันด่าว่ารัฐบาลโกงกิน การยั่วยวนได้ผล รัฐบาลสั่งจับหมด บอกเป็นแผนล้มรัฐบาลของคู่ปรับ เก่า Fetullah Gulen เด็กเลี้ยงของ CIA สื่อย้อม CNN ตีข่าวได้แค่วันกว่า ประธานาธิบดี Erdogan ทำหนังสือขอให้อเมริกา ส่งตัวนาย Gulen ที่ไปซุกอกอเมริกากลับมาให้ตุรกี ข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย คิดล้มล้างรัฐบาล ก็ต้องดูกันต่อว่า ไอ้นักล่าจะแก้อาการแสบหลังต่อไปอย่างไร (รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนาย Fetullah Gulen อยู่ในนืทาน เรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว) นี่ถ้า ตุรกีเกิดเบื่อไต่ลวดเล่นเสียว จับยามแล้วเลือกข้างชัดเจน ใช้ระบบของจีน บอกได้เลยว่า ไอ้นักล่า คงยิ่งกว่าแสบหลัง คืวบา เป็นคู่แค้นของไอ้นักล่ามาตั้งแต่สมัย Kennedy ขวัญใจสาวๆเป็นประธานาธิบดี อเมริกาแอบรู้ว่า คิวบาเปิดบ้านให้สหภาพโซเวียต มาตั้งฐานจรวดจ่อหลังบ้านอเมริกา ห่าง Florida ไม่ถึงอึดใจ จึงตัดสัมพันธ์ คว่ำขัน คว่ำบาตรกันมาถึงเดี๋ยวนี้ แล้วไง พอเมื่อกลางปี (กรกฎาคม 2014) คุณพี่ปูติน หิ้วกระติกน้ำร้อนเดินสายไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่คิวบา กอดคอกันแล้วกอดกันอีก เขาว่า แถววอชิงตันถึงกับมีคนสำลัก นึกไม่ถึง กระติกน้ำร้อนจะมาวางใกล้ตัวถึงขนาดน้ัน เรื่องนี้ นักล่ายอมไม่ได้ จะปล่อยให้มีจรวดของรัสเซียมาจ่ออยู่หลังบ้านอีกหนไม่ไหวแน่ หมดท่านักล่าหมายเลขหนึ่งกันพ อดี รายการนี้มันแสบหลังมาก นักล่าถึงขนาดยอม อมเลือด ส่งมือประสาน ที่นายโอบามาบอกเองว่า ระดับวาติกันไปกล่อมคิวบา เรามาเริ่มศักราชใหม่แห่งความเข้าใจอันดี และปรารถนาดีต่อกันดีกว่านะ เป็นการโชว์ให้รัสเซียเห็นว่า กระติกน้ำร้อนที่วางไว้ไม่ได้ผลนะคราวนี้ คุณพี่ปูตินดูข่าวนายโอบามาแถลงเรื่องอเมริกากำลัง normalizing สัมพันธ์กับคิวบา แล้วหัวร่อ หึ หึ ผ่านไปเกือบ 50 ปี จะถล่มอเมริกา ไม่ต้องไปวางฐานจ่ออยู่ที่คิวบา ก็ได้นะคร้าบ แล้วกระติกที่เอาไปใส่น้ำหวานนะคร้าบ ไม่ใช่น้ำร้อน ฮา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดิ้นพล่าน ตอนที่ 1

    “ดิ้นพล่าน”
    ตอนที่1
    ขออำไพจริงๆ ครับ ผมมัวติดพันอ่านเรื่องซับซ้อน และสับสนอยู่เรื่องนึง ไม่ได้เงยหัวไปอ่านอย่างอื่น เลยตกข่าวเกี่ยวกับไอ้นักล่าใบตองแห้งไปสองสามวัน

    ก็เรื่องข่าวของรอยเตอร์เมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม 2014 นั่นแหละครับ สรุปความว่า รองนายกรัฐมนตรีวิษณุ เครืองาม ชี้แจงกับ นาย W Patrick Murphy เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันเมื่อวันอังคารว่า การเลือกต้ังที่วางแผนไว้ว่าจะมีราวปลายปี 2015 นั่น คงจะล่าช้าไปถึงต้นปี 2016 และอาจจะล่าไปอีกประมาณ 3 เดือน ถ้าจะต้องมีการทำประชามติด้วย
    ข่าวรายงานว่า โฆษกของกระทรวงต่างประเทศบอกว่า คนไทยควรได้มีโอกาสเลือกรัฐบาลที่มาจากการเลือกต้ังเร็วที่สุด
    “เรา…เห็นว่า การล่าช้าไปถึง ปี 2016 เป็นการ ไม่ฉลาด และ ไม่มีเหตุผล unwise and unjustified ”
    นอกจากนี้รอยเตอร์ ยังโยงเรื่องการกลับมาเป็นประชาธิปไตยของไทย ไปเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และการสืบสันตติวงศ์อีกด้วย
    ผมอ่านแล้วก็แสนจะรำคาญ และเบื่อหน่ายความเสือกของไอ้นักล่าใบตองแห้งอย่างบอกไม่ถ ูก ไม่อยากจะเสียเวลา เสียสายตา เสียมือ มานั่งเขียนถึงมันเลย เราไม่ฉลาดอย่างไร ไม่มีเหตุผลอย่างไร และมันไปหนักส่วนไหนของมัน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน กษัตริย์ของเรา ผมว่า ท่านผู้นำของเรา ท่านคงจะตอบกลับ หรือตอกกลับมันหน่อยนะครับ เห็นเดี๋ยวนี้ รับมุก เล่นมุกเก่ง ไม่ทำตาดุแก้มยุ้ยอย่างเดียวแล้วนี่นะ
    แต่ผมก็พอเข้าใจได้ว่า เวลาโดนน้ำร้อนลวกหลัง มันแสบยังไง และไอ้พวกนักล่า มันจะออกอาการอย่างไร
    อันที่จริง มันแทบจะไม่เกี่ยวกับจะมีการเลือกต้ังเมื่อไหร่ ของแดนสมันน้อยเลย ไม่ฉลาด และไม่มีเหตุผล มันคงจะหลุดปากมา แบบอดใจไม่อยู่ เมื่อเห็นคุณพี่ตู่ไปยืนยิ้ม จับมือกับอาเฮียเมื่อ 2,3 วันก่อน (22,23 ธันวาคม) และยิ่งรู้ว่าเขาไปทำสัญญากันไม่รู้กี่ฉบับ แถมมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องสร้างทางรถไฟและ เส้นทางรถไฟนี่ ไอ้นักล่ามันยิ่งแสบหลัง จะทนดูอยู่เฉยได้ยังไง
    แล้วนี่ ถ้าเส้นทางรถไฟ มันทำให้พวกอาเฮีย เขาวิ่งลงมาออกอ่าวไทยได้ ไอจะทำไงดี นึกว่า เป็นเจ้าของอ่าวไทยของสมันน้อยอยู่เจ้าเดียวมานาน นี่แหละ น่าจะเป็นสาเหตุที่ถึงกับกล่าวหาว่า สมันน้อยไม่ฉลาด สมันน้อยไม่มีเหตุผล นี่สมันน้อยกำลังเอาใจออกห่าง หรือ คิดลองดี ตกลงไอ้นักล่ามันกำลังส่งสัญญาน ตัดพ้อ หรือ สัญญานขู่สมันน้อยกันแน่ ไหน ผู้คุมลูกปิงปองยักษ์ช่วยถอดสัญญานให้ท่านผู้นำด้วยนะคร้าบ ฮา
    นักล่ากำลังโดนน้ำร้อนลวกหลัง และไม่แน่ว่ามีเพียงแค่นี้ เราคงได้เห็นไอ้นักล่า ดิ้นพล่าน เป็นระยะๆ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 ธค. 2557
    ดิ้นพล่าน ตอนที่ 1 “ดิ้นพล่าน” ตอนที่1 ขออำไพจริงๆ ครับ ผมมัวติดพันอ่านเรื่องซับซ้อน และสับสนอยู่เรื่องนึง ไม่ได้เงยหัวไปอ่านอย่างอื่น เลยตกข่าวเกี่ยวกับไอ้นักล่าใบตองแห้งไปสองสามวัน ก็เรื่องข่าวของรอยเตอร์เมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม 2014 นั่นแหละครับ สรุปความว่า รองนายกรัฐมนตรีวิษณุ เครืองาม ชี้แจงกับ นาย W Patrick Murphy เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันเมื่อวันอังคารว่า การเลือกต้ังที่วางแผนไว้ว่าจะมีราวปลายปี 2015 นั่น คงจะล่าช้าไปถึงต้นปี 2016 และอาจจะล่าไปอีกประมาณ 3 เดือน ถ้าจะต้องมีการทำประชามติด้วย ข่าวรายงานว่า โฆษกของกระทรวงต่างประเทศบอกว่า คนไทยควรได้มีโอกาสเลือกรัฐบาลที่มาจากการเลือกต้ังเร็วที่สุด “เรา…เห็นว่า การล่าช้าไปถึง ปี 2016 เป็นการ ไม่ฉลาด และ ไม่มีเหตุผล unwise and unjustified ” นอกจากนี้รอยเตอร์ ยังโยงเรื่องการกลับมาเป็นประชาธิปไตยของไทย ไปเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และการสืบสันตติวงศ์อีกด้วย ผมอ่านแล้วก็แสนจะรำคาญ และเบื่อหน่ายความเสือกของไอ้นักล่าใบตองแห้งอย่างบอกไม่ถ ูก ไม่อยากจะเสียเวลา เสียสายตา เสียมือ มานั่งเขียนถึงมันเลย เราไม่ฉลาดอย่างไร ไม่มีเหตุผลอย่างไร และมันไปหนักส่วนไหนของมัน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน กษัตริย์ของเรา ผมว่า ท่านผู้นำของเรา ท่านคงจะตอบกลับ หรือตอกกลับมันหน่อยนะครับ เห็นเดี๋ยวนี้ รับมุก เล่นมุกเก่ง ไม่ทำตาดุแก้มยุ้ยอย่างเดียวแล้วนี่นะ แต่ผมก็พอเข้าใจได้ว่า เวลาโดนน้ำร้อนลวกหลัง มันแสบยังไง และไอ้พวกนักล่า มันจะออกอาการอย่างไร อันที่จริง มันแทบจะไม่เกี่ยวกับจะมีการเลือกต้ังเมื่อไหร่ ของแดนสมันน้อยเลย ไม่ฉลาด และไม่มีเหตุผล มันคงจะหลุดปากมา แบบอดใจไม่อยู่ เมื่อเห็นคุณพี่ตู่ไปยืนยิ้ม จับมือกับอาเฮียเมื่อ 2,3 วันก่อน (22,23 ธันวาคม) และยิ่งรู้ว่าเขาไปทำสัญญากันไม่รู้กี่ฉบับ แถมมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องสร้างทางรถไฟและ เส้นทางรถไฟนี่ ไอ้นักล่ามันยิ่งแสบหลัง จะทนดูอยู่เฉยได้ยังไง แล้วนี่ ถ้าเส้นทางรถไฟ มันทำให้พวกอาเฮีย เขาวิ่งลงมาออกอ่าวไทยได้ ไอจะทำไงดี นึกว่า เป็นเจ้าของอ่าวไทยของสมันน้อยอยู่เจ้าเดียวมานาน นี่แหละ น่าจะเป็นสาเหตุที่ถึงกับกล่าวหาว่า สมันน้อยไม่ฉลาด สมันน้อยไม่มีเหตุผล นี่สมันน้อยกำลังเอาใจออกห่าง หรือ คิดลองดี ตกลงไอ้นักล่ามันกำลังส่งสัญญาน ตัดพ้อ หรือ สัญญานขู่สมันน้อยกันแน่ ไหน ผู้คุมลูกปิงปองยักษ์ช่วยถอดสัญญานให้ท่านผู้นำด้วยนะคร้าบ ฮา นักล่ากำลังโดนน้ำร้อนลวกหลัง และไม่แน่ว่ามีเพียงแค่นี้ เราคงได้เห็นไอ้นักล่า ดิ้นพล่าน เป็นระยะๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 4 (ตอนจบ)

    “สวีเดน ทำการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับ รัสเซีย ให้อเมริกามานานแล้ว ”

    โทรทัศน์ สวีเดน Sveriges Television ( SVT ) ออกข่าวนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2013 บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในเอกสาร ที่นาย Edward Snowden เอามาปูด จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปน่ะและตอนนี้ นาย Snowden ก็คงกำลังนั่งซุกหัว ซุกตัว อยู่ในที่หลบภัยอุ่นๆ ตรงไหนสักแห่งหนึ่งของรัสเซีย และเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดน่าสนใจเพิ่มเติม ให้เจ้าของที่หลบภัยฟังต่อ

    ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้สื่อข่าวสวีเดน นาย Martin Jonsson ได้พยายามขุดมา ตั้งแต่ปี 2005 เกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองของสวีเดน ชื่อ Forsvarets Radioanstalt ( FRA ) แปลคร่าวๆ คือ National Defense Radio Establishment ซึ่งมีข่าวว่า ตั้งขึ้นมา เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลจากสัญญาน ( wiretap ) ที่ผ่านไปมาอยู่แถบนั้น ให้กับ National Security Agency (NSA) ของอเมริกา โดยใช้ระบบที่รู้จักกันในชื่อ Echelon ที่โด่งดัง และประสิทธิภาพน่าขนลุก (ที่ใช้ลูกกลมเหมือนลูกปิงปองยักษ์) แต่ความเป็นจริง Echelon เป็นเพียงหนึ่งในระบบต่างๆที่ NSA ใช้ ยังมีระบบอื่นที่น่าตกใจกว่า อีกแยะ.

    นาย Jonsson บอกว่า NSA เป็นหน่วยงานข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการดักฟัง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ FRA ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของเครือข่ายนี้

    NSA มีขนาด และเครือข่ายใหญ่กว่า CIA มาก โดย NSA เน้นการหาข่าวกรองจากคลื่นสัญญานต่างๆ ที่ส่งกันทั้ง บนดิน ใต้ดิน บนเรือ ใต้น้ำ บนท้องฟ้า ในเครื่องบิน จากดาวเทียม ฯลฯ โดยมีการทำสัญญาการให้ร่วมมือกัน ระหว่าง อเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เรียกว่า กลุ่ม Five Eyes ตั้งแต่ ปี 1954 เพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็น

    นาย Jonssen เล่าว่า ตอนนั้น เราเพียงรู้ว่า เครือข่ายดักฟังข้อมูล มีเพียง 5 ประเทศ ดังกล่าว ต่อมาปี 2007 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า สวีเดน อาจจะเป็น ประเทศที่ 6 ที่จะได้เข้าไปร่วมกับเครือข่ายนี้ด้วย โดยจะทำสัญญาเพิ่ม ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม สวีเดนก็ดำเนินการออกกฏหมาย ที่รู้จักกันในชื่อ FRA law ให้รัฐสามารถดักฟัง เก็บข้อมูลทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาในอาณาเขตของสวีเดน ไม่ว่า จะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางเอกสาร ฯลฯได้ ซึ่งเดิมถือว่าเป็นการผิดกฏหมาย ในเรื่องการละเมิดสิทธิ โดยทาง NSA ส่งทีมมาช่วยร่างกฏหมาย เตี๊ยมคำถามคำตอบ ที่ทางรัฐจะต้องตอบกับสภาประชาชนและสื่อ เล่นกันแบบนั้นเลย นึกว่าจะมีแต่แถวบ้านสมันน้อย

    ชาวสวีเดน ต่างออกมาประท้วงร่างกฏหมายฉบับนี้ อย่างมากมาย แต่ในที่สุด ฝ่ายรัฐก็ชนะไปอย่างเฉียดฉิว วันที่ 13 เดือนเมษายน 2007 Odenberg รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน กับ Chertoff หัวหน้า Homeland Security ของอเมริกา ก็ลงนามในสัญญาที่มีผลให้ สวีเดน รับหน้าที่ ทำการดักฟังการสื่อสารระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย และแชร์ข้อมูลที่ได้รับกับอเมริกา หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับสัญญาล้วงตับนี้ก็หลุดออกมาถึงสื่อ รัฐบาลสวีเดนพยายามแก้ตัวว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศก็ทำสัญญาเช่นนี้กับอเมริกา
    ส่วน FRA law ฝีแตกที่หลัง ชาวสวีเดนเพิ่งรู้เรื่อง ต่างไม่พอใจการกระทำของรัฐบาล สื่อ และพรรคฝ่ายค้าน พากันสอบถามรัฐบาล รัฐบาลแก้ตัวไม่หลุด แถไปเรื่อยๆ ข้อแก้ตัวอันหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งงงหนัก คือคำตอบที่บอกว่า การล้วงตับรัสเซีย เป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการป้องกันพวกทหารของเรา ที่ส่งไปรบที่อาฟกานิสถาน อืม เป็นการอ้างเหตุผลได้บัดซบ ไม่น้อยกว่านักการเมืองแถวบ้านสมันน้อย สวีเดนส่งกองทหารไปช่วยอเมริกาถล่มอาฟกานิสถาน และลิเบียในช่วงปี 2011 รวมทั้งส่งเครื่องบินรบ Saab Gripen ที่โด่งดัง ไปช่วยด้วย

    เป็นการดูแลความมั่นคงของสวีเดน ที่ใช้วิสัยทัศน์ ที่ยาว และระยะทางอ้อมไกลมาก

    สื่อสวีเดนไม่ยอมหยุด ช่วยกันขุดต่อ และนำมาเปิดเผยว่า ประมาณ 80% ของการใช้อินเตอร์เนทระหว่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านเส้นทางสวีเดน นับว่าอเมริกามีตาแหลมคม เลือกคนล้วงตับได้เก่งจริงๆ นอกจากนี้ TeliaSonera บริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่ ของสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งมีเครือข่ายใยแก้ว ( fiberoptic ) ใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง และได้รับสัมปทานประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรัสเซียรายหนึ่งนั้น ถ้าดูตามแผนที่ของบริษัท จะเห็นว่า ได้มีการวางแผน การวางเส้นทางสายใยแก้วของบริษัท ที่มีผลให้การสื่อสารของรัสเซีย ต้องทำผ่านสวีเดน การส่งเมล์ และโทรศัพท์ ไปต่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านสต๊อกโฮมก่อน ไม่ว่าผู้รับจะอยูที่ใด เยี่ยมจริงๆ

    ความร่วม มือระหว่าง FRA กับ NSA ขยายตัวขึ้นอย่างมโหฬาร ตั้งแต่ 2011 NSA สามารถดักฟัง การสื่อสารในประเทศแถบบอลติกได้หมด ผ่านเคเบิลของสวีเดน

    Duncan Campbell สื่อชาวอังกฤษ ประเภทเกาะติด ตามขุดลึกอย่างไม่เลิก ตามสืบเรื่อง การล้วงตับดักฟังข้อมูลต่อ ได้ข้อมูลลึกมาเพียบ เขาบอกว่า องค์กรที่มาร่วมเป็นตาที่ 6 กับกลุ่ม Five Eyes และถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ที่ ไม่ได้เป็นประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง กับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ UK’s Government Communications Head Quarters (GCHQ) คือสวีเดน!

    ตกลง สวีเดนเป็นนักล้วงตัวจริง ไม่ล้วงธรรมดา ล้วงแล้ว แล้วแหกปากบอกต่อไปทั่วอีกด้วย สวีเดนทำอย่างนี้ทำไม

    โฆษก ของ FRA ยอมรับว่า NSA ของอเมริกา มี full access ผ่านได้ทุกด่าน เข้าได้ตลอดเวลาถึงศูนย์ข้อมูล ที่ฝ่ายข่าวกรองของสวีเดนได้มา เขาให้เหตุผลว่า ” เราคงไม่ทำอะไร โดยไม่ได้อะไรกลับมาหรอกนะ เมื่อเราสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ของโลกได้ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้ ไปแลกกับข้อมูลของส่วนอื่นของโลก ซึ่งยากสำหรับเราที่จะได้มา แต่มันเป็นข้อมูล ที่อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด สำหรับนโยบายต่างประเทศของเรา”

    อย่างหนึ่งที่ สวีเดนได้รับมาจาก NSA ในการเป็นมิตรร่วมล้วง คือได้ โปรแกรมสุดยอดสำหรับการตามประกบเป้าหมาย ที่ต้องการจะล้วงลึกถึงสุดทางชื่อ Xkeyscore คือการตาม online ของทุกคนได้อย่างหมดจด อ้อ ไอ้เจ้านี่เอง ที่มันตาม ป่วนลุงนิทาน! โปรแกรมนี้ สามารถทำให้สวีเดน แฮ๊กเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และสอดส่องดูกิจกรรมของประชาชน ของตนได้แบบไม่เหลือ อืม มันเลวได้เหมือนกันหมด นอกจากนี้ สวีเดนยังได้เข้าร่วม Project Quantum ที่ว่าเป็นการปฏิบัติการ hijacks ด้านคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด
    Edward Snowden พูดถึงฤทธิ์เดช ของ Xkeyscore ไว้ว่า “ผมแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของ ผม ผมก็สามารถ wiretap ใครก็ได้ จากคุณ หรือบัญชีของคุณ ไปจนถึง ผู้พิพากษาศาลสูง แม้กระทั่งประธานาธิบดี เพียงมีอีเมล์ ของคนนั้นเท่านั้น

    ส่วน Quantum เขาว่า เป็นการใช้คลื่นวิทยุ กับอุปกรณ์ ที่ NSA สร้างขึ้นพิเศษ มีชื่อเรียกกันวงในว่า Cottonmouth I ก็ดูดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้หมด แถมส่งต่อไปตามสถานีใหญ่ของ NSA หรือส่งไปสถานีย่อยแบบพกพา portable ได้อีก

    เรื่องการจารกรรมข้อมูลของรัสเซีย โดยสวีเดน เพื่ออเมริกาและพวก เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และค้านกับการที่สวีเดนประกาศตัวเสมอว่า ฉันเป็นชาติเป็นกลาง มันเป็นกลางแบบที่เราคงนึกกันไม่ถึง โลกนี้ยังมีอะไรอีกแยะที่เรายังไม่รู้ ตราบเท่าที่ยังไม่เอากระป๋องสี่เหลี่ยมที่เขาครอบหัวเราออก

    แล้วรัสเซียรู้เรื่องการล้วงตับ นี้ไหม รัสเซียคงยิ่งกว่ารู้ การเอาเครื่องบินรบ บินเฉี่ยวหัว และเอาเรือดำน้ำ โผล่ขึ้นไปตบหน้า แล้วหายตัวไป เบ็ดเสร็จประมาณ 40 ครั้ง ในรอบ 8 เดือน อย่างที่ครูอี ด่าหน้าเสาธงนั่นแหละ คงเป็นคำตอบของรัสเซียอย่างหนึ่ง ก็ไหนว่ามีมือยาวล้วงได้ล้ำลึกนัก ก็ผลัดกันล้วงบ้างแล้วกัน และเราก็ดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว ใครจะล้วงลึก หรือ ลวงลึก ได้กว่ากัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ธค. 2557

    ————————–———————–

    บทส่งท้าย

    เขียนเรื่องเขา ผลัดกันล้วงแล้ว อดนึกถึงเรื่องของเรา สมันน้อยไม่ได้ สมันน้อยเคยถูกล้วงบ้างไหม โดยใคร แล้วยังล้วงกันอยู่หรือเปล่า เคยคิดกันบ้างไหมครับ

    ลองคิดเป็นตัวอย่างเล่นๆ ประมาณ ปี พ.ศ. 2533 แดนสมันน้อยประกาศเชิญชวนติดตั้ง โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น กทม. 2 ล้านเลขหมาย ต่างจังหวัด 1 ล้านเลขหมาย ใครประมูลได้ ส่วนไหนบ้าง ใครเป็นคนได้งานวางไฟเบอร์ออพติก ใครรับช่วงต่อ ใครเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลต่อรองเงื่อนไข ไปลองหาอ่านกันบ้างก็ดีนะครับ จะได้รู้หนา รู้บาง รู้ข้าง รู้ฝ่าย กันบ้าง

    แล้วลองนึกถึงอีกเรื่อง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 แดนสมันน้อยให้สัมปทานดาวเทียม ใครเป็นคนได้สัมปทาน ทำอยู่กี่ปีแล้วดันขายไปให้ใคร ผิดเงื่อนไขสัมปทาน ผิดกฏหมายไหม มีใครคิดดำเนินการอะไรกันบ้างหรือเปล่า

    ตอนนี้ ดาวเทียมของบริษัทที่ขายไป ก็ยังใช้ตำแหน่งวงโคจรประจำ ของสมันน้อยอยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าของใหม่กลายเป็นลูกกระเป๋ง ของไอ้นักล่า

    ลองต่อจิ๊กซอว์ เรื่องดาวเทียม โทรศัพท์ และสายไฟเบอร์ออพติก ดูเล่นกันหน่อย เห็นภาพอะไรไหมครับ นี่ยังไม่ได้เอาเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่มารวมต่อเลยนะ

    ถ้าเห็นภาพแล้ว จะทำอะไรก็ให้มันมิดชิด ระวังกันหน่อยนะครับ เดี๋ยวไอ้คนแอบอ่านแอบดูแอบฟังมันกุ้งยิงกินหมด ฮาออกไหมครับ ผมฮาไม่ออกหรอก ยิ่งเคยเห็นไอ้ลูกปิงปองยักษ์แว็บๆ ยิ่งคิดมาก ใครอยากเห็น นู่นครับ แถวเชียงใหม่ ออกนอกเมืองไปไม่ถึงชั่วโมงมีลูกเบ้อเริ่ม
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 4 (ตอนจบ) “สวีเดน ทำการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับ รัสเซีย ให้อเมริกามานานแล้ว ” โทรทัศน์ สวีเดน Sveriges Television ( SVT ) ออกข่าวนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2013 บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในเอกสาร ที่นาย Edward Snowden เอามาปูด จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปน่ะและตอนนี้ นาย Snowden ก็คงกำลังนั่งซุกหัว ซุกตัว อยู่ในที่หลบภัยอุ่นๆ ตรงไหนสักแห่งหนึ่งของรัสเซีย และเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดน่าสนใจเพิ่มเติม ให้เจ้าของที่หลบภัยฟังต่อ ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้สื่อข่าวสวีเดน นาย Martin Jonsson ได้พยายามขุดมา ตั้งแต่ปี 2005 เกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองของสวีเดน ชื่อ Forsvarets Radioanstalt ( FRA ) แปลคร่าวๆ คือ National Defense Radio Establishment ซึ่งมีข่าวว่า ตั้งขึ้นมา เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลจากสัญญาน ( wiretap ) ที่ผ่านไปมาอยู่แถบนั้น ให้กับ National Security Agency (NSA) ของอเมริกา โดยใช้ระบบที่รู้จักกันในชื่อ Echelon ที่โด่งดัง และประสิทธิภาพน่าขนลุก (ที่ใช้ลูกกลมเหมือนลูกปิงปองยักษ์) แต่ความเป็นจริง Echelon เป็นเพียงหนึ่งในระบบต่างๆที่ NSA ใช้ ยังมีระบบอื่นที่น่าตกใจกว่า อีกแยะ. นาย Jonsson บอกว่า NSA เป็นหน่วยงานข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการดักฟัง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ FRA ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของเครือข่ายนี้ NSA มีขนาด และเครือข่ายใหญ่กว่า CIA มาก โดย NSA เน้นการหาข่าวกรองจากคลื่นสัญญานต่างๆ ที่ส่งกันทั้ง บนดิน ใต้ดิน บนเรือ ใต้น้ำ บนท้องฟ้า ในเครื่องบิน จากดาวเทียม ฯลฯ โดยมีการทำสัญญาการให้ร่วมมือกัน ระหว่าง อเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เรียกว่า กลุ่ม Five Eyes ตั้งแต่ ปี 1954 เพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็น นาย Jonssen เล่าว่า ตอนนั้น เราเพียงรู้ว่า เครือข่ายดักฟังข้อมูล มีเพียง 5 ประเทศ ดังกล่าว ต่อมาปี 2007 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า สวีเดน อาจจะเป็น ประเทศที่ 6 ที่จะได้เข้าไปร่วมกับเครือข่ายนี้ด้วย โดยจะทำสัญญาเพิ่ม ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม สวีเดนก็ดำเนินการออกกฏหมาย ที่รู้จักกันในชื่อ FRA law ให้รัฐสามารถดักฟัง เก็บข้อมูลทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาในอาณาเขตของสวีเดน ไม่ว่า จะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางเอกสาร ฯลฯได้ ซึ่งเดิมถือว่าเป็นการผิดกฏหมาย ในเรื่องการละเมิดสิทธิ โดยทาง NSA ส่งทีมมาช่วยร่างกฏหมาย เตี๊ยมคำถามคำตอบ ที่ทางรัฐจะต้องตอบกับสภาประชาชนและสื่อ เล่นกันแบบนั้นเลย นึกว่าจะมีแต่แถวบ้านสมันน้อย ชาวสวีเดน ต่างออกมาประท้วงร่างกฏหมายฉบับนี้ อย่างมากมาย แต่ในที่สุด ฝ่ายรัฐก็ชนะไปอย่างเฉียดฉิว วันที่ 13 เดือนเมษายน 2007 Odenberg รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน กับ Chertoff หัวหน้า Homeland Security ของอเมริกา ก็ลงนามในสัญญาที่มีผลให้ สวีเดน รับหน้าที่ ทำการดักฟังการสื่อสารระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย และแชร์ข้อมูลที่ได้รับกับอเมริกา หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับสัญญาล้วงตับนี้ก็หลุดออกมาถึงสื่อ รัฐบาลสวีเดนพยายามแก้ตัวว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศก็ทำสัญญาเช่นนี้กับอเมริกา ส่วน FRA law ฝีแตกที่หลัง ชาวสวีเดนเพิ่งรู้เรื่อง ต่างไม่พอใจการกระทำของรัฐบาล สื่อ และพรรคฝ่ายค้าน พากันสอบถามรัฐบาล รัฐบาลแก้ตัวไม่หลุด แถไปเรื่อยๆ ข้อแก้ตัวอันหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งงงหนัก คือคำตอบที่บอกว่า การล้วงตับรัสเซีย เป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการป้องกันพวกทหารของเรา ที่ส่งไปรบที่อาฟกานิสถาน อืม เป็นการอ้างเหตุผลได้บัดซบ ไม่น้อยกว่านักการเมืองแถวบ้านสมันน้อย สวีเดนส่งกองทหารไปช่วยอเมริกาถล่มอาฟกานิสถาน และลิเบียในช่วงปี 2011 รวมทั้งส่งเครื่องบินรบ Saab Gripen ที่โด่งดัง ไปช่วยด้วย เป็นการดูแลความมั่นคงของสวีเดน ที่ใช้วิสัยทัศน์ ที่ยาว และระยะทางอ้อมไกลมาก สื่อสวีเดนไม่ยอมหยุด ช่วยกันขุดต่อ และนำมาเปิดเผยว่า ประมาณ 80% ของการใช้อินเตอร์เนทระหว่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านเส้นทางสวีเดน นับว่าอเมริกามีตาแหลมคม เลือกคนล้วงตับได้เก่งจริงๆ นอกจากนี้ TeliaSonera บริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่ ของสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งมีเครือข่ายใยแก้ว ( fiberoptic ) ใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง และได้รับสัมปทานประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรัสเซียรายหนึ่งนั้น ถ้าดูตามแผนที่ของบริษัท จะเห็นว่า ได้มีการวางแผน การวางเส้นทางสายใยแก้วของบริษัท ที่มีผลให้การสื่อสารของรัสเซีย ต้องทำผ่านสวีเดน การส่งเมล์ และโทรศัพท์ ไปต่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านสต๊อกโฮมก่อน ไม่ว่าผู้รับจะอยูที่ใด เยี่ยมจริงๆ ความร่วม มือระหว่าง FRA กับ NSA ขยายตัวขึ้นอย่างมโหฬาร ตั้งแต่ 2011 NSA สามารถดักฟัง การสื่อสารในประเทศแถบบอลติกได้หมด ผ่านเคเบิลของสวีเดน Duncan Campbell สื่อชาวอังกฤษ ประเภทเกาะติด ตามขุดลึกอย่างไม่เลิก ตามสืบเรื่อง การล้วงตับดักฟังข้อมูลต่อ ได้ข้อมูลลึกมาเพียบ เขาบอกว่า องค์กรที่มาร่วมเป็นตาที่ 6 กับกลุ่ม Five Eyes และถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ที่ ไม่ได้เป็นประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง กับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ UK’s Government Communications Head Quarters (GCHQ) คือสวีเดน! ตกลง สวีเดนเป็นนักล้วงตัวจริง ไม่ล้วงธรรมดา ล้วงแล้ว แล้วแหกปากบอกต่อไปทั่วอีกด้วย สวีเดนทำอย่างนี้ทำไม โฆษก ของ FRA ยอมรับว่า NSA ของอเมริกา มี full access ผ่านได้ทุกด่าน เข้าได้ตลอดเวลาถึงศูนย์ข้อมูล ที่ฝ่ายข่าวกรองของสวีเดนได้มา เขาให้เหตุผลว่า ” เราคงไม่ทำอะไร โดยไม่ได้อะไรกลับมาหรอกนะ เมื่อเราสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ของโลกได้ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้ ไปแลกกับข้อมูลของส่วนอื่นของโลก ซึ่งยากสำหรับเราที่จะได้มา แต่มันเป็นข้อมูล ที่อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด สำหรับนโยบายต่างประเทศของเรา” อย่างหนึ่งที่ สวีเดนได้รับมาจาก NSA ในการเป็นมิตรร่วมล้วง คือได้ โปรแกรมสุดยอดสำหรับการตามประกบเป้าหมาย ที่ต้องการจะล้วงลึกถึงสุดทางชื่อ Xkeyscore คือการตาม online ของทุกคนได้อย่างหมดจด อ้อ ไอ้เจ้านี่เอง ที่มันตาม ป่วนลุงนิทาน! โปรแกรมนี้ สามารถทำให้สวีเดน แฮ๊กเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และสอดส่องดูกิจกรรมของประชาชน ของตนได้แบบไม่เหลือ อืม มันเลวได้เหมือนกันหมด นอกจากนี้ สวีเดนยังได้เข้าร่วม Project Quantum ที่ว่าเป็นการปฏิบัติการ hijacks ด้านคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด Edward Snowden พูดถึงฤทธิ์เดช ของ Xkeyscore ไว้ว่า “ผมแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของ ผม ผมก็สามารถ wiretap ใครก็ได้ จากคุณ หรือบัญชีของคุณ ไปจนถึง ผู้พิพากษาศาลสูง แม้กระทั่งประธานาธิบดี เพียงมีอีเมล์ ของคนนั้นเท่านั้น ส่วน Quantum เขาว่า เป็นการใช้คลื่นวิทยุ กับอุปกรณ์ ที่ NSA สร้างขึ้นพิเศษ มีชื่อเรียกกันวงในว่า Cottonmouth I ก็ดูดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้หมด แถมส่งต่อไปตามสถานีใหญ่ของ NSA หรือส่งไปสถานีย่อยแบบพกพา portable ได้อีก เรื่องการจารกรรมข้อมูลของรัสเซีย โดยสวีเดน เพื่ออเมริกาและพวก เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และค้านกับการที่สวีเดนประกาศตัวเสมอว่า ฉันเป็นชาติเป็นกลาง มันเป็นกลางแบบที่เราคงนึกกันไม่ถึง โลกนี้ยังมีอะไรอีกแยะที่เรายังไม่รู้ ตราบเท่าที่ยังไม่เอากระป๋องสี่เหลี่ยมที่เขาครอบหัวเราออก แล้วรัสเซียรู้เรื่องการล้วงตับ นี้ไหม รัสเซียคงยิ่งกว่ารู้ การเอาเครื่องบินรบ บินเฉี่ยวหัว และเอาเรือดำน้ำ โผล่ขึ้นไปตบหน้า แล้วหายตัวไป เบ็ดเสร็จประมาณ 40 ครั้ง ในรอบ 8 เดือน อย่างที่ครูอี ด่าหน้าเสาธงนั่นแหละ คงเป็นคำตอบของรัสเซียอย่างหนึ่ง ก็ไหนว่ามีมือยาวล้วงได้ล้ำลึกนัก ก็ผลัดกันล้วงบ้างแล้วกัน และเราก็ดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว ใครจะล้วงลึก หรือ ลวงลึก ได้กว่ากัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ธค. 2557 ————————–———————– บทส่งท้าย เขียนเรื่องเขา ผลัดกันล้วงแล้ว อดนึกถึงเรื่องของเรา สมันน้อยไม่ได้ สมันน้อยเคยถูกล้วงบ้างไหม โดยใคร แล้วยังล้วงกันอยู่หรือเปล่า เคยคิดกันบ้างไหมครับ ลองคิดเป็นตัวอย่างเล่นๆ ประมาณ ปี พ.ศ. 2533 แดนสมันน้อยประกาศเชิญชวนติดตั้ง โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น กทม. 2 ล้านเลขหมาย ต่างจังหวัด 1 ล้านเลขหมาย ใครประมูลได้ ส่วนไหนบ้าง ใครเป็นคนได้งานวางไฟเบอร์ออพติก ใครรับช่วงต่อ ใครเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลต่อรองเงื่อนไข ไปลองหาอ่านกันบ้างก็ดีนะครับ จะได้รู้หนา รู้บาง รู้ข้าง รู้ฝ่าย กันบ้าง แล้วลองนึกถึงอีกเรื่อง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 แดนสมันน้อยให้สัมปทานดาวเทียม ใครเป็นคนได้สัมปทาน ทำอยู่กี่ปีแล้วดันขายไปให้ใคร ผิดเงื่อนไขสัมปทาน ผิดกฏหมายไหม มีใครคิดดำเนินการอะไรกันบ้างหรือเปล่า ตอนนี้ ดาวเทียมของบริษัทที่ขายไป ก็ยังใช้ตำแหน่งวงโคจรประจำ ของสมันน้อยอยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าของใหม่กลายเป็นลูกกระเป๋ง ของไอ้นักล่า ลองต่อจิ๊กซอว์ เรื่องดาวเทียม โทรศัพท์ และสายไฟเบอร์ออพติก ดูเล่นกันหน่อย เห็นภาพอะไรไหมครับ นี่ยังไม่ได้เอาเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่มารวมต่อเลยนะ ถ้าเห็นภาพแล้ว จะทำอะไรก็ให้มันมิดชิด ระวังกันหน่อยนะครับ เดี๋ยวไอ้คนแอบอ่านแอบดูแอบฟังมันกุ้งยิงกินหมด ฮาออกไหมครับ ผมฮาไม่ออกหรอก ยิ่งเคยเห็นไอ้ลูกปิงปองยักษ์แว็บๆ ยิ่งคิดมาก ใครอยากเห็น นู่นครับ แถวเชียงใหม่ ออกนอกเมืองไปไม่ถึงชั่วโมงมีลูกเบ้อเริ่ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 2

    ก่อนหน้ารายการ บินเฉี่ยวหัว ไม่กี่วัน แถวๆเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็มีเหตุการณ์ตื่นตูมกัน

    The Telegraph สื่อเสียงดังของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ออกข่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2014 สรุปว่า เครื่องบินลาดตระเวนจากฝรั่งเศส อเมริกา และแคนาดา ถูกเรียกให้มาร่วมด้วยช่วยกัน กับราชนาวีของชาวเกาะ ที่เคยโม้ไว้ว่าใหญ่คับฟ้า แต่คราวนี้โม้ไม่ออก ต้องส่งเสียงเรียกพวกให้มาช่วยกันตามล่า วัตถุที่ต้องสงสัยกันว่า เป็นเรือดำน้ำ แต่ดันไปโผล่พ้นน้ำ โชว์อยู่แถวตะวันตกของสก๊อตแลนด์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน

    เครืองบินลาดตะเวน ที่ถูกชาวเกาะจีบปากเรียกให้มา ใช้เวลาบินตรวจแถว Lossiemouth ของสก๊อตแลนด์อยู่หลายวัน ไม่พบอะไร แม้แต่ล๊อคเนส พญานาคสัญชาติสก๊อต ก็ไม่แวบมาให้ชม ข่าวบอกว่า วัตถุต้องสงสัยว่าเป็นเรือดำน้ำนั้น น่าจะเป็นของรัสเซีย ที่เพิ่งไปแวะเยี่ยมน่านน้ำสวีเดน ( ฮั่นแน่ เรื่องนี้เอง ) เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งสวีเดนเม้มปากแน่น ไม่ยอมแอะออกมา เพราะกลัวเสียหน้า ไม่เสียยังไง เขาว่า เรือดำน้ำโผล่หัวขึ้นมาสวัสดี ที่ทะเลหน้ากรุงสต๊อกโฮม เมืองหลวงเลยนะ นี่มันไม่ใช่แค่เฉี่ยวหัว แต่มันเปียกเต็มหน้า แล้วก็จับไม่ได้คาหนัง แบบนี้จะไม่ให้แค้นค้างบัญชีได้ยังไง

    ที่เสียหน้าไม่แพ้กัน ก็ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนั่นแหละคุยดีนั กว่า กองทัพเรืออังกฤษ ใหญ่เป็นที่หนึ่งของโลก ปี 2010 ชาวเกาะถังแตก ไม่ต่างกับ นักล่าใบตองแห้ง ต้องตัตงบด้านความมั่นคง เอาอย่างกัน เลยต้องแบกหน้าอันยิ่งใหญ่ เรียกให้ลูกสมุนมาด่วน มาช่วยกันค้นหา ไอ้ตัวที่กำลังดำน้ำมาล้วงคอพวกเรา

    Nimrod เป็นเครื่องบินจารกรรมที่ชาวเกาะภาคภูมืใจมาก ใช้มาตั้งแต่สมัย 1960 กว่า มีเครื่องดักจับเรือดำน้ำ อย่างไม่มีหลุด กองทัพเรือมีแผนพัฒนาให้จับให้ แม่น ให้อยู่หมัดมากขึ้น เสียดาย การพัฒนาใช้เวลานานเกินไป 9 ปี งบบานเกินไป ประมาณ 1.25 พันล้านปอนด์ การพัฒนาก็เลยค้าง เป็นโอกาสให้ฝ่ายคุณพี่ปูตินขอ ทดลองดูว่า ไม่มี Nimrod มาคอยจับแล้ว เรือดำน้ำเราจะรอดไหม ก็รอดจริงๆ เพราะเอาเด็กๆ มาช่วยตระเวนหา มันยังละอ่อนทั้งนั้น แล้วเวลาทำสงครามจะทำไงนี่ แค่เรือดำน้ำลำเดียว ขนกันมา 4 ประเทศ ยังหาไม่เจอเลย ไหนว่าเทคโนโลยีฝั่งนักล่าเจ๋งกว่าไง
    เรื่องเรือดำน้ำหายตัวได้นี่ ปิดกันเงียบ เพราะมันเสียหน้ากันทั่ว นาย Matthew Barzen ทูตอเมริกัน ประจำอังกฤษ ถึงกับขอร้องอังกฤษว่า อย่าเพิ่งตัดงบด้านความมั่นคงตอนนี้ได้ไหม เพราะเรา 2 ประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกัน จะให้อเมริกาแบกน้ำหนักข้างเดียวเหรอ ข้างตูก็ถูกตัดนะเว้ย แบบนี้ ฝ่ายโน้นมันก็เห็นฟันหรอของเราหมดสิ

    จนบัดนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จับวัตถูต้องสงสัยคล้ายเรือดำน้ำ ในท้องทะเลของชาวเกาะได้หรือไม่อย่างไร ข่าวแจงเพิ่มว่า ฝ่ายอังกฤษ ใช้เรือรบหลายลำ รวมทั้งขนเอาเรือสำหรับลากเรือดำน้ำ พร้อมเครื่องตรวจจับไปด้วย เรียกว่าขนกันเต็มยศเต็มอัตรามา เลย ส่วนเครื่องบิน ของลูกสมุนที่มาช่วยกันล่า อเมริกาส่ง P-3 Orions 2 ลำ แคนาดา ส่ง CP-140 Aurora ส่วนฝรั่งเศส ส่ง Atlantique 2 รวมทั้งเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษเองด้วย

    ขณะที่ ด้านนี้กำลังตามล่าเรือดำน้ำ กองทัพเรือของชาวเกาะ ก็ตรวจพบร่องรอย ของเรือรบรัสเซียอีก 4 ลำ แล่นผ่านทะเลเหนือและช่องแคบ …ในช่วงเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ อือหือ คุณพี่ปูตินเล่นเขาแรงนะ

    เมื่อโดนฉีกหน้ามากๆ ว่าต้องขอแรงลูกสมุนมาช่วย ชาวเกาะชักหน้าแเดงเป็นลูกมะอึก ให้โฆษกกลาโหมออกมาแถลงสั้นๆว่า ” สมาชิกนาโต้ได้ส่ง เครื่องบินลาดตระเวนมาช่วยราชนาวีของเรา ที่ Lossiemouth เป็นเวลาจำกัดระยะหนึ่ง เราขอไม่ลงในรายละเอียดของการปฏิบัติการ ”

    สงสัยเครื่องลาดตระเวน ที่มาช่วยตามล่า มันห่วยมากหรือไงครับ ถึงแถลงกันแบบไม่มีใยบัวกันเลย ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า เครื่องล่ามันไม่เอาไหน หรือเรือดำน้ำของรัสเซียเขาเหนือกว่า

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 2 ก่อนหน้ารายการ บินเฉี่ยวหัว ไม่กี่วัน แถวๆเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็มีเหตุการณ์ตื่นตูมกัน The Telegraph สื่อเสียงดังของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ออกข่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2014 สรุปว่า เครื่องบินลาดตระเวนจากฝรั่งเศส อเมริกา และแคนาดา ถูกเรียกให้มาร่วมด้วยช่วยกัน กับราชนาวีของชาวเกาะ ที่เคยโม้ไว้ว่าใหญ่คับฟ้า แต่คราวนี้โม้ไม่ออก ต้องส่งเสียงเรียกพวกให้มาช่วยกันตามล่า วัตถุที่ต้องสงสัยกันว่า เป็นเรือดำน้ำ แต่ดันไปโผล่พ้นน้ำ โชว์อยู่แถวตะวันตกของสก๊อตแลนด์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เครืองบินลาดตะเวน ที่ถูกชาวเกาะจีบปากเรียกให้มา ใช้เวลาบินตรวจแถว Lossiemouth ของสก๊อตแลนด์อยู่หลายวัน ไม่พบอะไร แม้แต่ล๊อคเนส พญานาคสัญชาติสก๊อต ก็ไม่แวบมาให้ชม ข่าวบอกว่า วัตถุต้องสงสัยว่าเป็นเรือดำน้ำนั้น น่าจะเป็นของรัสเซีย ที่เพิ่งไปแวะเยี่ยมน่านน้ำสวีเดน ( ฮั่นแน่ เรื่องนี้เอง ) เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งสวีเดนเม้มปากแน่น ไม่ยอมแอะออกมา เพราะกลัวเสียหน้า ไม่เสียยังไง เขาว่า เรือดำน้ำโผล่หัวขึ้นมาสวัสดี ที่ทะเลหน้ากรุงสต๊อกโฮม เมืองหลวงเลยนะ นี่มันไม่ใช่แค่เฉี่ยวหัว แต่มันเปียกเต็มหน้า แล้วก็จับไม่ได้คาหนัง แบบนี้จะไม่ให้แค้นค้างบัญชีได้ยังไง ที่เสียหน้าไม่แพ้กัน ก็ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนั่นแหละคุยดีนั กว่า กองทัพเรืออังกฤษ ใหญ่เป็นที่หนึ่งของโลก ปี 2010 ชาวเกาะถังแตก ไม่ต่างกับ นักล่าใบตองแห้ง ต้องตัตงบด้านความมั่นคง เอาอย่างกัน เลยต้องแบกหน้าอันยิ่งใหญ่ เรียกให้ลูกสมุนมาด่วน มาช่วยกันค้นหา ไอ้ตัวที่กำลังดำน้ำมาล้วงคอพวกเรา Nimrod เป็นเครื่องบินจารกรรมที่ชาวเกาะภาคภูมืใจมาก ใช้มาตั้งแต่สมัย 1960 กว่า มีเครื่องดักจับเรือดำน้ำ อย่างไม่มีหลุด กองทัพเรือมีแผนพัฒนาให้จับให้ แม่น ให้อยู่หมัดมากขึ้น เสียดาย การพัฒนาใช้เวลานานเกินไป 9 ปี งบบานเกินไป ประมาณ 1.25 พันล้านปอนด์ การพัฒนาก็เลยค้าง เป็นโอกาสให้ฝ่ายคุณพี่ปูตินขอ ทดลองดูว่า ไม่มี Nimrod มาคอยจับแล้ว เรือดำน้ำเราจะรอดไหม ก็รอดจริงๆ เพราะเอาเด็กๆ มาช่วยตระเวนหา มันยังละอ่อนทั้งนั้น แล้วเวลาทำสงครามจะทำไงนี่ แค่เรือดำน้ำลำเดียว ขนกันมา 4 ประเทศ ยังหาไม่เจอเลย ไหนว่าเทคโนโลยีฝั่งนักล่าเจ๋งกว่าไง เรื่องเรือดำน้ำหายตัวได้นี่ ปิดกันเงียบ เพราะมันเสียหน้ากันทั่ว นาย Matthew Barzen ทูตอเมริกัน ประจำอังกฤษ ถึงกับขอร้องอังกฤษว่า อย่าเพิ่งตัดงบด้านความมั่นคงตอนนี้ได้ไหม เพราะเรา 2 ประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกัน จะให้อเมริกาแบกน้ำหนักข้างเดียวเหรอ ข้างตูก็ถูกตัดนะเว้ย แบบนี้ ฝ่ายโน้นมันก็เห็นฟันหรอของเราหมดสิ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จับวัตถูต้องสงสัยคล้ายเรือดำน้ำ ในท้องทะเลของชาวเกาะได้หรือไม่อย่างไร ข่าวแจงเพิ่มว่า ฝ่ายอังกฤษ ใช้เรือรบหลายลำ รวมทั้งขนเอาเรือสำหรับลากเรือดำน้ำ พร้อมเครื่องตรวจจับไปด้วย เรียกว่าขนกันเต็มยศเต็มอัตรามา เลย ส่วนเครื่องบิน ของลูกสมุนที่มาช่วยกันล่า อเมริกาส่ง P-3 Orions 2 ลำ แคนาดา ส่ง CP-140 Aurora ส่วนฝรั่งเศส ส่ง Atlantique 2 รวมทั้งเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษเองด้วย ขณะที่ ด้านนี้กำลังตามล่าเรือดำน้ำ กองทัพเรือของชาวเกาะ ก็ตรวจพบร่องรอย ของเรือรบรัสเซียอีก 4 ลำ แล่นผ่านทะเลเหนือและช่องแคบ …ในช่วงเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ อือหือ คุณพี่ปูตินเล่นเขาแรงนะ เมื่อโดนฉีกหน้ามากๆ ว่าต้องขอแรงลูกสมุนมาช่วย ชาวเกาะชักหน้าแเดงเป็นลูกมะอึก ให้โฆษกกลาโหมออกมาแถลงสั้นๆว่า ” สมาชิกนาโต้ได้ส่ง เครื่องบินลาดตระเวนมาช่วยราชนาวีของเรา ที่ Lossiemouth เป็นเวลาจำกัดระยะหนึ่ง เราขอไม่ลงในรายละเอียดของการปฏิบัติการ ” สงสัยเครื่องลาดตระเวน ที่มาช่วยตามล่า มันห่วยมากหรือไงครับ ถึงแถลงกันแบบไม่มีใยบัวกันเลย ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า เครื่องล่ามันไม่เอาไหน หรือเรือดำน้ำของรัสเซียเขาเหนือกว่า สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 3
    “รุกฆาต หรือ รุกคืบ”
    ตอนที่ 3

    บรรดาลูกพี่ของพรรค Republican ต่างหงุดหงิด กับหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration ฉายมา 2 ปีแล้ว เอาออกจากโรงไม่ได้เสียที แต่โอกาสกำลังมารำไร ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภาสูงของอเมริกา มีการเลือกตั้งสมาชิก ที่เรียกว่า mid term election และ พรรค Republican ได้จำนวนที่นั่งเป็นเสียงข้างมากครั้งแรก ตั้งแต่เสียตำแหน่งไปในปี 2006 คราวนี้น่าจะตีแตก เปลี่ยนเอาหนังเรื่องใหม่มาฉายตามใจพวกเหยี่ยว

    สภาสูงที่มี Republican ฝ่ายค้านกุมเสียงข้างมาก จะเปิดประชุมสมัยที่ 114 ประมาณต้นเดือน มกราคม 2015 คาดว่าจะมีนาย John McCain วุฒิสมาชิกตัวแสบ ผู้ทรงอืทธิพลของ Republican มาเป็นประธานกรรมาธิการ Armed Services Commitee และ วุฒิสมาชิก Thad Cochran เป็นหัวหน้า Senate Appropriation Committee-Defense Subcommittee ฝ่ายค้านเตรียมพร้อมยึดอำนาจ งาบการคุมงบกองทัพไปจากรัฐบาล…

    ดูเหมือนรัฐบาลนายโอบามา กำลังถูกต้อนเข้ามุมอับ แม้แต่เรื่องภายในบ้านหลายเรื่องยังค้างคาอยู่ นี่ยังมาเสียทีฝ่ายค้านเพิ่ม เป็นรัฐบาลแต่คุมเสียงสภาสูงไม่ได้ สงสัยจะเอาตัวไม่รอด อย่าว่าแต่จะคิดทำสงครามชิงแชมป์โลกเล้ย!

    อย่าเพิ่งสรุปใส่นักล่าใบตองแห้ง ผู้กำลังท้าชิงแชมป์โลกเช่นนั้น…

    ถ้าย้อนกลับไป ดูจังหวะการออกมาร้องเพลงประสานเสียงของฝ่ายกลาโหม เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียง กับที่รัฐบาลโอบามาประกาศส่งกำลังทางอากาศไปกวาดหน่อ ISIS ที่ กำลังวิ่งเล่นอยู่แถวอืรัค ซีเรีย ก็น่าคิดว่า นายโอบามา กำลังวางแผน หาทางตีกรรเชียงกลับเข้าฝั่ง หลังจากมึนหัว หลงทิศอยู่หลายเดือนเมื่อได้รับสัญญาณส่ง ของคุณพี่ปูติน กรณียึด Crimea เมื่อเดือนมีนาคม

    นายโอบามาจะกลับลำ เรื่องตัดเหี้ยน มาเตรียมความพร้อมของกองทัพ เพื่อเดินหมากกลับเข้าไปอยู่ใน เส้นเขตเข้าชิงแชมป์ ตามแผนที่วางมาร้อยปี มันต้องยอมเดินหมาก แบบถอยหลังมาสัก สอง สาม จังหวะก่อน ค่อยเดินรุกใหม่ แต่จะเดินเองเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด มันก็เหมือนฟ้องว่าเสียเชิงคุณพี่ปูตินเขาไปเรียบร้อยแล้ว นักล่าหน้าไม่เหลือให้เชื่อถือ ลูกหาบรวนเรแตกแถวแน่ คณะประสานเสียงกลาโหม จึงต้องมารับบทร้องนำ การเดินหมาก ถอยหลังจังหวะที่หนึ่งก่อน หลังจากส่งคณะ อีโบลา และ ไอซิส ไปเล่นละครสลับฉาก ระหว่างซื้อเวลา เพื่อจัดการปรุงยาแก้การมึนหัว หลงทิศให้ได้ก่อน

    หมากจังหวะที่สองคือ การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหม จากนาย Chuck Hagel ซึ่งนายโอบามาเลือกมา ให้รับภาระกิจ ถอนกองทัพออกมาจากอาฟกานิสถาน แต่เมื่อปรับแผนเตรียมจะเล่นจังหวะรุก นาย Hagel ย่อมไม่เหมาะ รายชื่อที่เป็นตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง คือนาง Flournoy ซึ่งเป็นนักยุทธศาสตร์ นายโอบามาไม่เลือก และนาง Flournoy ก็รีบออกมาปฏิเสธ ไม่ขออยู่ในรายชื่อตัวเก็งตั้งแต่วันแรกๆ ที่มีชื่อออกมา
    ล่าสุดมีข่าวว่า ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ว่านายโอบามาจะเลือกนาย Ashton Carter ผู้ชำนาญด้านระบบ IT ที่เคยรับผิดชอบนโยบายด้านความมั่นคง เกี่ยวกับรัฐที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และนโยบายเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ และการจัดซื้ออาวุธของกลาโหม มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม นับเป็นการเลือกแม่ทัพ ของนายโอบามา ที่ทำให้เห็นชัดว่าอเมริกา กำลังรีบตีกรรเชียงกลับเข้าฝั่ง หลังจากออกอ่าวไปจริงๆ

    ผู้รับหน้าที่เดินหมากจังหวะที่สาม กลายเป็นฝ่ายค้าน เข้าไปกวาดเสียงข้างมากในสภาสูง เตรียมทำหน้าที่ ปลดหนังเรื่องตัดเหี้ยน Sequestration ออกจากโรง แต่ถ้าเล่นหมากนี้โดดๆ มันเสียทั้งหน้า เสียทั้งงบ จะทำยังไงให้มันมีแต่ได้ กับได้

    วันที่ 4 ธันวาคม 2014 จึงมีฉากการลงมติประณามรัสเซียอย่างรุนแรง ผ่านสภาด้วยคะแนนเสียงท้วมท้น ปูทางสำหรับการเดินหมาก จังหวะใหม่ของอเมริกา จะเป็นจังหวะรุกเข้าไปใหม่ หรือจะเป็นจังหวะรับแบบหมดท่า หลงทิศซ้ำซาก เช่นเมื่อกลางปี ก็แล้วแต่ว่า นายโอบามา จะจับมือเล่นกับสภาสูงแบบไหน การเมืองอเมริกานั้น เวลาปรกติ ก็คัดค้านกันเอาเป็นเอาตาย แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น เกี่ยวกับผลประโยชน์มหาศาล รัฐบาลและฝ่ายค้านก็พร้อมจับมือกันเสมอ

    หมากนี้ ต้องขอปรบมือให้กับผู้กำกับฝ่ายตัดต่อหนังของวอชิงตัน

    นอกจากนี้ ช่วงที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่าเข้า ไปแทรกแซง Ukraine ยาวไปถึงการผนวก Crimea เข้ามานั้น สายเหยี่ยวกระหายเลือดของ Republican ดูเหมือนจะขัดอกขัดใจมาก ที่นายโอบามาแค่คว่ำบาตรรัสเซีย แทนที่จะเปิดเกมรุก วุฒิสมาชิกกลุ่มนาย John McCain เจ้าเก่า จึงยื่นร่างกฏหมาย Russian Aggression Prevention Act (RAPA) เข้าสภาสูงเมื่อประมาณเดื่อนพฤษภาคม 2014 เรียกร้องให้ มีการย้ายกองกำลัง ทั้งของอเมริกาเอง และของ NATO ไปจ่อประตูหลังบ้านรัสเซีย และให้อเมริกาจัดส่งอาวุธให้ Poland เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเอาไว้รับมือกับรัสเซียเป็น ด่านแรก และที่น่าสนใจ ร่างนี้ ให้ ถือว่า Ukraine, Maldova และ Georgia เป็นพันธมิตร นอก NATO ร่างนี้ ยังอยู้ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาสูง

    เมื่อเอามาวางต่อกับหมากสาม ที่สภาล่างเพิ่งลงมติประณามรัสเซียไป 2 ฉากนี้ เหมือนเป็นละครเรื่องเดียวกัน แต่เป็นการใช้ฝ่ายค้านมาเข้าฉาก ออกแรงตีกรรเชียงกลับเข้าฝั่ง ที่แนบเนียน และน่าสนใจทีเดียว

    คุณพี่ ปูตินยาตราทัพเข้าไปยึด Crimea ตั้งแต่เดือนมีนาคม อเมริกาได้แต่เล่นบทสั่ง ให้พรรคพวกช่วยกันขัดบาตร เอามาคว่ำใส่รัสเสีย พร้อมกับส่งเสียงขู่สไตล์นักล่าใบตองแห้ง เป็นเวลารวมทั้งสิ้นเกือบ 9 เดือน นี่ถ้าพร้อมจริง ไม่ออกอ่าวไปตั้งแต่ปี 2011 ที่ จะวิ่งมาดักตีหัวแถวแปซิฟิก คงไม่ต้องรอลมเบ่งนาน 9 เดือน วางหมากถอยหลังก่อนเดินหน้าขนาดนี้กระมัง

    เอาละ หลังสภาสูงเปิดในต้นเดือนมกราคม 2015 อเมริกาน่าจะตีกรรเชียงเข้าฝั่งเรียบร้อย พร้อมเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชิงโลกของตน อเมริกาจะเลือกเดินหมากต่อไปอย่างไร

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 ธค. 2557
    รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 3 “รุกฆาต หรือ รุกคืบ” ตอนที่ 3 บรรดาลูกพี่ของพรรค Republican ต่างหงุดหงิด กับหนังเรื่อง ตัดเหี้ยน Sequestration ฉายมา 2 ปีแล้ว เอาออกจากโรงไม่ได้เสียที แต่โอกาสกำลังมารำไร ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภาสูงของอเมริกา มีการเลือกตั้งสมาชิก ที่เรียกว่า mid term election และ พรรค Republican ได้จำนวนที่นั่งเป็นเสียงข้างมากครั้งแรก ตั้งแต่เสียตำแหน่งไปในปี 2006 คราวนี้น่าจะตีแตก เปลี่ยนเอาหนังเรื่องใหม่มาฉายตามใจพวกเหยี่ยว สภาสูงที่มี Republican ฝ่ายค้านกุมเสียงข้างมาก จะเปิดประชุมสมัยที่ 114 ประมาณต้นเดือน มกราคม 2015 คาดว่าจะมีนาย John McCain วุฒิสมาชิกตัวแสบ ผู้ทรงอืทธิพลของ Republican มาเป็นประธานกรรมาธิการ Armed Services Commitee และ วุฒิสมาชิก Thad Cochran เป็นหัวหน้า Senate Appropriation Committee-Defense Subcommittee ฝ่ายค้านเตรียมพร้อมยึดอำนาจ งาบการคุมงบกองทัพไปจากรัฐบาล… ดูเหมือนรัฐบาลนายโอบามา กำลังถูกต้อนเข้ามุมอับ แม้แต่เรื่องภายในบ้านหลายเรื่องยังค้างคาอยู่ นี่ยังมาเสียทีฝ่ายค้านเพิ่ม เป็นรัฐบาลแต่คุมเสียงสภาสูงไม่ได้ สงสัยจะเอาตัวไม่รอด อย่าว่าแต่จะคิดทำสงครามชิงแชมป์โลกเล้ย! อย่าเพิ่งสรุปใส่นักล่าใบตองแห้ง ผู้กำลังท้าชิงแชมป์โลกเช่นนั้น… ถ้าย้อนกลับไป ดูจังหวะการออกมาร้องเพลงประสานเสียงของฝ่ายกลาโหม เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียง กับที่รัฐบาลโอบามาประกาศส่งกำลังทางอากาศไปกวาดหน่อ ISIS ที่ กำลังวิ่งเล่นอยู่แถวอืรัค ซีเรีย ก็น่าคิดว่า นายโอบามา กำลังวางแผน หาทางตีกรรเชียงกลับเข้าฝั่ง หลังจากมึนหัว หลงทิศอยู่หลายเดือนเมื่อได้รับสัญญาณส่ง ของคุณพี่ปูติน กรณียึด Crimea เมื่อเดือนมีนาคม นายโอบามาจะกลับลำ เรื่องตัดเหี้ยน มาเตรียมความพร้อมของกองทัพ เพื่อเดินหมากกลับเข้าไปอยู่ใน เส้นเขตเข้าชิงแชมป์ ตามแผนที่วางมาร้อยปี มันต้องยอมเดินหมาก แบบถอยหลังมาสัก สอง สาม จังหวะก่อน ค่อยเดินรุกใหม่ แต่จะเดินเองเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด มันก็เหมือนฟ้องว่าเสียเชิงคุณพี่ปูตินเขาไปเรียบร้อยแล้ว นักล่าหน้าไม่เหลือให้เชื่อถือ ลูกหาบรวนเรแตกแถวแน่ คณะประสานเสียงกลาโหม จึงต้องมารับบทร้องนำ การเดินหมาก ถอยหลังจังหวะที่หนึ่งก่อน หลังจากส่งคณะ อีโบลา และ ไอซิส ไปเล่นละครสลับฉาก ระหว่างซื้อเวลา เพื่อจัดการปรุงยาแก้การมึนหัว หลงทิศให้ได้ก่อน หมากจังหวะที่สองคือ การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหม จากนาย Chuck Hagel ซึ่งนายโอบามาเลือกมา ให้รับภาระกิจ ถอนกองทัพออกมาจากอาฟกานิสถาน แต่เมื่อปรับแผนเตรียมจะเล่นจังหวะรุก นาย Hagel ย่อมไม่เหมาะ รายชื่อที่เป็นตัวเก็งหมายเลขหนึ่ง คือนาง Flournoy ซึ่งเป็นนักยุทธศาสตร์ นายโอบามาไม่เลือก และนาง Flournoy ก็รีบออกมาปฏิเสธ ไม่ขออยู่ในรายชื่อตัวเก็งตั้งแต่วันแรกๆ ที่มีชื่อออกมา ล่าสุดมีข่าวว่า ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ว่านายโอบามาจะเลือกนาย Ashton Carter ผู้ชำนาญด้านระบบ IT ที่เคยรับผิดชอบนโยบายด้านความมั่นคง เกี่ยวกับรัฐที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต และนโยบายเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ และการจัดซื้ออาวุธของกลาโหม มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม นับเป็นการเลือกแม่ทัพ ของนายโอบามา ที่ทำให้เห็นชัดว่าอเมริกา กำลังรีบตีกรรเชียงกลับเข้าฝั่ง หลังจากออกอ่าวไปจริงๆ ผู้รับหน้าที่เดินหมากจังหวะที่สาม กลายเป็นฝ่ายค้าน เข้าไปกวาดเสียงข้างมากในสภาสูง เตรียมทำหน้าที่ ปลดหนังเรื่องตัดเหี้ยน Sequestration ออกจากโรง แต่ถ้าเล่นหมากนี้โดดๆ มันเสียทั้งหน้า เสียทั้งงบ จะทำยังไงให้มันมีแต่ได้ กับได้ วันที่ 4 ธันวาคม 2014 จึงมีฉากการลงมติประณามรัสเซียอย่างรุนแรง ผ่านสภาด้วยคะแนนเสียงท้วมท้น ปูทางสำหรับการเดินหมาก จังหวะใหม่ของอเมริกา จะเป็นจังหวะรุกเข้าไปใหม่ หรือจะเป็นจังหวะรับแบบหมดท่า หลงทิศซ้ำซาก เช่นเมื่อกลางปี ก็แล้วแต่ว่า นายโอบามา จะจับมือเล่นกับสภาสูงแบบไหน การเมืองอเมริกานั้น เวลาปรกติ ก็คัดค้านกันเอาเป็นเอาตาย แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น เกี่ยวกับผลประโยชน์มหาศาล รัฐบาลและฝ่ายค้านก็พร้อมจับมือกันเสมอ หมากนี้ ต้องขอปรบมือให้กับผู้กำกับฝ่ายตัดต่อหนังของวอชิงตัน นอกจากนี้ ช่วงที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่าเข้า ไปแทรกแซง Ukraine ยาวไปถึงการผนวก Crimea เข้ามานั้น สายเหยี่ยวกระหายเลือดของ Republican ดูเหมือนจะขัดอกขัดใจมาก ที่นายโอบามาแค่คว่ำบาตรรัสเซีย แทนที่จะเปิดเกมรุก วุฒิสมาชิกกลุ่มนาย John McCain เจ้าเก่า จึงยื่นร่างกฏหมาย Russian Aggression Prevention Act (RAPA) เข้าสภาสูงเมื่อประมาณเดื่อนพฤษภาคม 2014 เรียกร้องให้ มีการย้ายกองกำลัง ทั้งของอเมริกาเอง และของ NATO ไปจ่อประตูหลังบ้านรัสเซีย และให้อเมริกาจัดส่งอาวุธให้ Poland เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเอาไว้รับมือกับรัสเซียเป็น ด่านแรก และที่น่าสนใจ ร่างนี้ ให้ ถือว่า Ukraine, Maldova และ Georgia เป็นพันธมิตร นอก NATO ร่างนี้ ยังอยู้ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาสูง เมื่อเอามาวางต่อกับหมากสาม ที่สภาล่างเพิ่งลงมติประณามรัสเซียไป 2 ฉากนี้ เหมือนเป็นละครเรื่องเดียวกัน แต่เป็นการใช้ฝ่ายค้านมาเข้าฉาก ออกแรงตีกรรเชียงกลับเข้าฝั่ง ที่แนบเนียน และน่าสนใจทีเดียว คุณพี่ ปูตินยาตราทัพเข้าไปยึด Crimea ตั้งแต่เดือนมีนาคม อเมริกาได้แต่เล่นบทสั่ง ให้พรรคพวกช่วยกันขัดบาตร เอามาคว่ำใส่รัสเสีย พร้อมกับส่งเสียงขู่สไตล์นักล่าใบตองแห้ง เป็นเวลารวมทั้งสิ้นเกือบ 9 เดือน นี่ถ้าพร้อมจริง ไม่ออกอ่าวไปตั้งแต่ปี 2011 ที่ จะวิ่งมาดักตีหัวแถวแปซิฟิก คงไม่ต้องรอลมเบ่งนาน 9 เดือน วางหมากถอยหลังก่อนเดินหน้าขนาดนี้กระมัง เอาละ หลังสภาสูงเปิดในต้นเดือนมกราคม 2015 อเมริกาน่าจะตีกรรเชียงเข้าฝั่งเรียบร้อย พร้อมเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชิงโลกของตน อเมริกาจะเลือกเดินหมากต่อไปอย่างไร สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 14 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 1
    “รุกฆาต หรือ รุกคืบ”
    ตอนที่ 1

    เพิ่งเขียนเรื่อง สงครามชิงโลกส่งกลิ่นฉุนโชยเสร็จไปไม่กี่วัน ยังกับอเมริกาเอาดาวเทียมมาแอบส่องอ่านตอนลุงนิทานกำลังนั่งเขียน สงสัยจะไปจี้ถูกจุด ถูกนินทาว่ากำลังออกอ่าว ตีกรรเชียงว่อนไปวนมา นักล่าใบตองแห้งเลยต้องรีบจัดการแสดง เล่นบทตีกลองส่งสัญญานโชว์แก่ประชาคมโลกบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายรับสัญญาน จากฝ่ายรัสเซียและพวกมาหลายรอบ เล่นเอา สื่อใหญ่ สื่อน้อย ต่างโหมประโคมข่าววิเคราะห์กันไปในท้วงทำนองเดียวกัน ว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังเริ่มบรรเลงแล้ว America is on a “Hot War Footing” , “World War III: US House Passes Resolution 758 Against Russia” แผนทำสงครามโลกที่ Pentagon วาดไว้บนกระดานมากว่า 10 ปี กำลังมาถึงบทปฏิบัติการทางทหารกับรัสเซียแล้ว มีไฟมาลนเพิ่ม โลกเริ่มร้อนขึ้นแล้ว แหม ลุงนิทาน ไม่ตกเทรนด์ แถมนำเล็กๆ ฮา

    สภาล่างของอเมริกา มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2014 ด้วยคะแนนเสียง 411 เสียง ต่อ 10 เสียง ให้ทำการประณามอย่างรุนแรง ต่อการกระทำของรัสเซีย ภายใต้การกุมบังเหียนของพณฯท่านคุณพี่ปูติน ว่าเป็นการดำเนินนโยบาย ที่แสดงความก้าวร้าวต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหวังผลที่จะมีอำนาจในการควบคุมทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยบรรยายการกระทำของรัสเซีย ยาวประมาณ 36 ย่อหน้า เป็นการเขียนด่าประณามรัสเซียที่ยอดเยี่ยมมาก เหมือนอมริกากำลังส่องกระจกมองตัวเอง แล้วก็ด่าไป แค่เปลี่ยนชื่อคนในกระจก จากนายโอบามาเป็นคุณพี่ปูตินเท่านั้นเอง !

    สำหรับมติ ในส่วนที่สภาล่างให้ดำเนินการ มีประมาณ 22 หัวข้อ ซึ่งสรุปคร่าวๆ ว่า ให้รัสเซียถอนการผนวกแหลม Crimea ที่ไม่ถูกกฏหมายเสียเป็นการด่วน และจงถอยทัพออกไปจากอาณาเขตของ Ukraine, Georgia และ Maldova พร้อมทั้งหยุดให้การสนับสนุน ด้านการเมือง การทหาร และ เศรษฐกิจ แก่กองกำลังแบ่งแยกดินแดน ฯลฯ ซึ่งผมชอบมากทุกข้อเลย ถือเป็นการลงมติระดับเซียนสร้างเรื่องทีเดียว

    ลองดูตัวอย่าง ที่น่าประทับใจหน่อยนะครับ

    หัวข้อที่ 1 มติให้อเมริกา ให้การสนับสนุน ประธานาธิบดี และชาว Ukraine ในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในประเทศของตน…….. ซึ่งรวมถึงการมีนโยบายที่จะลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะใช้การส่งออก และการค้าพลังงาน เป็นอาวุธเพื่อกดดันเศรษฐกิจและการเมือง และยุติการก้าวก่ายของรัสเซียในกิจการภายในของ Ukraine

    มติแบบนี้ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็ได้แต่พูด ให้เกียรติเราเกินไปแล้ว เรามิบังอาจกล่าวอ้างเช่นนั้น ฮ่า ฮ่า
    หัวข้อที่ 10 มติเรียกร้องประธานาธิบดี จัดหาอาวุธ การบริการ รวมทั้งการฝึกอบรมที่จำเป็นแก่ Ukraine ในการปกป้องอาณาเขต และอธิปไตยของตนเอง

    แบบนี้ อเมริกาทำได้นะครับ อยากจะอุ้มชูใคร ให้อาวุธใคร หรือกระทืบใคร ทำได้ทั้งนั้นครับ ก็ยอมเขาเองนี่ครับ

    หัวข้อที่ 11 มติเรียกร้องให้อเมริกา จัดหาข่าวกรอง และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ให้ Ukraine เพื่อใช้ในการป้องกันอาณาเขตและอธิปไตยของประเทศตน

    แบบนี้ อเมริกาก็ไม่ผิดนะครับ เสือกกันได้ ทำแบบนี้มาเกือบทั้งโลกแล้ว แถม Ukraine ไปอีกประเทศ เป็นไรไป ไม่ทำให้เลวไปกว่าเดิมเท่าไหร่หรอกน่า

    หัวข้อที่ 13 มติยืนยันคำมั่นของอเมริกาต่อพันธะภายใต้กฏบัตร North Atlantic Treaty โดยเฉเพาะข้อ 5 รวมทั้งเรียกร้องถึงสมาชิกทั้งปวงด้วย เพื่อให้ความร่วมมือกันในการจัดส่งกองกำลังของตนเพื่อรักษาความมั่นคงเมื่อ มีจำเป็น

    มตินี้แปลว่า ลูกพี่อยากรบเมื่อไหร่ ส่งสัญญานไป ลูกหาบต้องมาครบ เข้าใจไหม

    หัวข้อที่ 17 มติให้ Ukraine, EU และประเทศในยุโรป สนับสนุนการ ริเริ่มใช้พลังงานหลากหลาย เพื่อลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะนำการส่งพลังงานของตนมาเป็นเครื่องมือกดดันทางการเมืองและเศรษฐกืจต่อ ประเทศอื่นๆ…

    อีกละ มติแบบนี้ คุณพี่ปูตินก็ได้แต่อมยิ้ม ทำหน้าหล่อไปเท่านั้น ขอโทษไม่ตั้งใจเลย มันหล่อเอง ฮา

    ส่วน หัวข้อที่ 21 มติเรียกร้องให้รัสเซีย แสวงหาหนทาง สร้างสัมพันธ์กับอเมริกา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย บนพื้นฐานของการเคารพในอิสรภาพ และอธิปไตยของประเทศอื่น สิทธืในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศเหล่านั้น รวมทั้งการมีสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่น

    ข้อนี้ผมหมดปัญญา ไม่รู้จะสรรเสริญอย่างไร ให้สมกับการแสดงความใหญ่ล้นโลกของเจ้าของมติ

    แต่ยังไงก็สู้หัวข้อที่ 22 ไม่ได้ น่ารัก น่าชัง เหมือนโฆษณาของบริษัทจัดคู่นัด ที่ระบุให้มีการร่วมมือกันระหว่างชาวอเมริกาและชาวรัสเซีย เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิด อืม อืย..เพื่อแสวงหา ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสันติภาพระหว่างชาติด้วยกัน

    ยกตัวอย่างแค่นี้น่าจะพอ ขอโทษเถอะนะ ผมอ่านแล้ว ดูไม่สมราคารายการศึกท้าชิงแชมป์ เลย เหมือนจะหนักแน่น ก็แน่นจริงหรอก ตั้ง 36 ย่อหน้าการประณาม แน่นเต็มหน้ากระดาษ แต่ไม่หนักนะ แถมเบาจนลอยฟุ้ง จะขึ้นไปติดลมบนเอาด้วย ส่วนเรื่องความร้อนแรง ก็คงต้องโหมไฟกว่านี้อีกหลายท่อนฟืน

    เหมือน ฉากยังสร้างไม่เสร็จ สีที่ทาก็ยังไม่แห้ง แต่ไปรีบยกเอาเก้าอี้มาตั้งกลางโรง นั่งตีกลองโชว์ชาวบ้าน ตกลงอเมริกากำลังส่งสัญญาณอะไรกันแน่ !?

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 ธค. 2557
    รุกฆาต หรือ รุกคืบ ตอนที่ 1 “รุกฆาต หรือ รุกคืบ” ตอนที่ 1 เพิ่งเขียนเรื่อง สงครามชิงโลกส่งกลิ่นฉุนโชยเสร็จไปไม่กี่วัน ยังกับอเมริกาเอาดาวเทียมมาแอบส่องอ่านตอนลุงนิทานกำลังนั่งเขียน สงสัยจะไปจี้ถูกจุด ถูกนินทาว่ากำลังออกอ่าว ตีกรรเชียงว่อนไปวนมา นักล่าใบตองแห้งเลยต้องรีบจัดการแสดง เล่นบทตีกลองส่งสัญญานโชว์แก่ประชาคมโลกบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายรับสัญญาน จากฝ่ายรัสเซียและพวกมาหลายรอบ เล่นเอา สื่อใหญ่ สื่อน้อย ต่างโหมประโคมข่าววิเคราะห์กันไปในท้วงทำนองเดียวกัน ว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 กำลังเริ่มบรรเลงแล้ว America is on a “Hot War Footing” , “World War III: US House Passes Resolution 758 Against Russia” แผนทำสงครามโลกที่ Pentagon วาดไว้บนกระดานมากว่า 10 ปี กำลังมาถึงบทปฏิบัติการทางทหารกับรัสเซียแล้ว มีไฟมาลนเพิ่ม โลกเริ่มร้อนขึ้นแล้ว แหม ลุงนิทาน ไม่ตกเทรนด์ แถมนำเล็กๆ ฮา สภาล่างของอเมริกา มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2014 ด้วยคะแนนเสียง 411 เสียง ต่อ 10 เสียง ให้ทำการประณามอย่างรุนแรง ต่อการกระทำของรัสเซีย ภายใต้การกุมบังเหียนของพณฯท่านคุณพี่ปูติน ว่าเป็นการดำเนินนโยบาย ที่แสดงความก้าวร้าวต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหวังผลที่จะมีอำนาจในการควบคุมทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยบรรยายการกระทำของรัสเซีย ยาวประมาณ 36 ย่อหน้า เป็นการเขียนด่าประณามรัสเซียที่ยอดเยี่ยมมาก เหมือนอมริกากำลังส่องกระจกมองตัวเอง แล้วก็ด่าไป แค่เปลี่ยนชื่อคนในกระจก จากนายโอบามาเป็นคุณพี่ปูตินเท่านั้นเอง ! สำหรับมติ ในส่วนที่สภาล่างให้ดำเนินการ มีประมาณ 22 หัวข้อ ซึ่งสรุปคร่าวๆ ว่า ให้รัสเซียถอนการผนวกแหลม Crimea ที่ไม่ถูกกฏหมายเสียเป็นการด่วน และจงถอยทัพออกไปจากอาณาเขตของ Ukraine, Georgia และ Maldova พร้อมทั้งหยุดให้การสนับสนุน ด้านการเมือง การทหาร และ เศรษฐกิจ แก่กองกำลังแบ่งแยกดินแดน ฯลฯ ซึ่งผมชอบมากทุกข้อเลย ถือเป็นการลงมติระดับเซียนสร้างเรื่องทีเดียว ลองดูตัวอย่าง ที่น่าประทับใจหน่อยนะครับ หัวข้อที่ 1 มติให้อเมริกา ให้การสนับสนุน ประธานาธิบดี และชาว Ukraine ในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในประเทศของตน…….. ซึ่งรวมถึงการมีนโยบายที่จะลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะใช้การส่งออก และการค้าพลังงาน เป็นอาวุธเพื่อกดดันเศรษฐกิจและการเมือง และยุติการก้าวก่ายของรัสเซียในกิจการภายในของ Ukraine มติแบบนี้ ผมเป็นคุณพี่ปูติน ก็ได้แต่พูด ให้เกียรติเราเกินไปแล้ว เรามิบังอาจกล่าวอ้างเช่นนั้น ฮ่า ฮ่า หัวข้อที่ 10 มติเรียกร้องประธานาธิบดี จัดหาอาวุธ การบริการ รวมทั้งการฝึกอบรมที่จำเป็นแก่ Ukraine ในการปกป้องอาณาเขต และอธิปไตยของตนเอง แบบนี้ อเมริกาทำได้นะครับ อยากจะอุ้มชูใคร ให้อาวุธใคร หรือกระทืบใคร ทำได้ทั้งนั้นครับ ก็ยอมเขาเองนี่ครับ หัวข้อที่ 11 มติเรียกร้องให้อเมริกา จัดหาข่าวกรอง และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ให้ Ukraine เพื่อใช้ในการป้องกันอาณาเขตและอธิปไตยของประเทศตน แบบนี้ อเมริกาก็ไม่ผิดนะครับ เสือกกันได้ ทำแบบนี้มาเกือบทั้งโลกแล้ว แถม Ukraine ไปอีกประเทศ เป็นไรไป ไม่ทำให้เลวไปกว่าเดิมเท่าไหร่หรอกน่า หัวข้อที่ 13 มติยืนยันคำมั่นของอเมริกาต่อพันธะภายใต้กฏบัตร North Atlantic Treaty โดยเฉเพาะข้อ 5 รวมทั้งเรียกร้องถึงสมาชิกทั้งปวงด้วย เพื่อให้ความร่วมมือกันในการจัดส่งกองกำลังของตนเพื่อรักษาความมั่นคงเมื่อ มีจำเป็น มตินี้แปลว่า ลูกพี่อยากรบเมื่อไหร่ ส่งสัญญานไป ลูกหาบต้องมาครบ เข้าใจไหม หัวข้อที่ 17 มติให้ Ukraine, EU และประเทศในยุโรป สนับสนุนการ ริเริ่มใช้พลังงานหลากหลาย เพื่อลดความสามารถของรัสเซีย ที่จะนำการส่งพลังงานของตนมาเป็นเครื่องมือกดดันทางการเมืองและเศรษฐกืจต่อ ประเทศอื่นๆ… อีกละ มติแบบนี้ คุณพี่ปูตินก็ได้แต่อมยิ้ม ทำหน้าหล่อไปเท่านั้น ขอโทษไม่ตั้งใจเลย มันหล่อเอง ฮา ส่วน หัวข้อที่ 21 มติเรียกร้องให้รัสเซีย แสวงหาหนทาง สร้างสัมพันธ์กับอเมริกา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย บนพื้นฐานของการเคารพในอิสรภาพ และอธิปไตยของประเทศอื่น สิทธืในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศเหล่านั้น รวมทั้งการมีสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่น ข้อนี้ผมหมดปัญญา ไม่รู้จะสรรเสริญอย่างไร ให้สมกับการแสดงความใหญ่ล้นโลกของเจ้าของมติ แต่ยังไงก็สู้หัวข้อที่ 22 ไม่ได้ น่ารัก น่าชัง เหมือนโฆษณาของบริษัทจัดคู่นัด ที่ระบุให้มีการร่วมมือกันระหว่างชาวอเมริกาและชาวรัสเซีย เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิด อืม อืย..เพื่อแสวงหา ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสันติภาพระหว่างชาติด้วยกัน ยกตัวอย่างแค่นี้น่าจะพอ ขอโทษเถอะนะ ผมอ่านแล้ว ดูไม่สมราคารายการศึกท้าชิงแชมป์ เลย เหมือนจะหนักแน่น ก็แน่นจริงหรอก ตั้ง 36 ย่อหน้าการประณาม แน่นเต็มหน้ากระดาษ แต่ไม่หนักนะ แถมเบาจนลอยฟุ้ง จะขึ้นไปติดลมบนเอาด้วย ส่วนเรื่องความร้อนแรง ก็คงต้องโหมไฟกว่านี้อีกหลายท่อนฟืน เหมือน ฉากยังสร้างไม่เสร็จ สีที่ทาก็ยังไม่แห้ง แต่ไปรีบยกเอาเก้าอี้มาตั้งกลางโรง นั่งตีกลองโชว์ชาวบ้าน ตกลงอเมริกากำลังส่งสัญญาณอะไรกันแน่ !? สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    บทส่งท้าย

    สาธยายปัจจัยสำคัญของทั้ง 2 ฝ่ายไปเรียบร้อย ฝ่ายรัสเซียดูจะมีความได้เปรียบอยู่หลายปัจจัย แต่ปัจจัยตัดสิน น่าจะเป็นเรื่องอาวุธ แต่ก่อนจะลงความเห็น ย้อนมาดูเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะให้เห็นภาพการเปิดฉากสงครามชัดเจนขึ้น คือความพร้อมที่จะทำสงครามของแต่ละฝ่าย

    น่าสนใจว่า อเมริกานั่นแหละ ที่มีเป้าหมายที่จะเป็นฝ่ายชิงโลกใบนี้มาเป็นของตน และเตะฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่พวกตน หรือขัดขวางความเป็นใหญ่ของอเมริกา ให้หลุดพ้นไปจากเส้นทางชิงโลกด้วยวิธีการต่างๆ ที่ดำเนินมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างที่วิเคราะห์มาแต่ต้น แต่อเมริกาเป็นประเทศที่เดินแผน ตามเป้าหมาย อย่างมีขั้นตอนเสมอ แต่ขณะนี้ดูเหมือนจะเดินแผนผิด จนความพร้อม ดูจะกระพร่องกระแพร่งพิกลอยู่

    ช่วงตั้งแต่ รัฐบาลคาวบอยพ่อลูกเป็นต้นมา อเมริกามีนโยบายบุกมาตลอด และจัดสรรงบประมาณด้านกองทัพและอาวุธ เป็นจำนวนสูงอันดับแรกมาตลอด พร้อมกับการกระจาย กองกำลังและฐานทัพไปอยู่แทบจะทั้งโลก โดยเฉพาะที่ตะวันออกกลาง เพื่อชิงน้ำมัน รวมทั้งที่ยุโรปและแอตแลนติก เพื่อ เฝ้ารัสเซียไว้

    แต่พอมาถึงรัฐบาลโอบามา อเมริกาเริ่มรู้สึกฝืดคอ กลืนน้ำลายไม่สดวก จาก การโตเร็ว อ้วนท้วนสมบูรณ์ของจีน ประมาณปี คศ 2011 รัฐบาลโอมามา จึงประกาศปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เรียกว่า Strategic Pivot เปลี่ยนทิศ มุ่งหน้ามาทางแปซิฟิกแทน ให้คุณนายคลินตันเดินสายเสียโทรม เพื่อจะบอกกับลูกหาบแถวเอเซียว่า เรามาแล้ว เราไม่ได้หายไปไหน เราจะอยู่ตรงนี้แหละ ตรง Asia Pacific นี้แหละ พร้อมกับรื้อฟื้น ปัดฝุ่น ฐานทัพของตัวที่ปล่อยทิ้งๆข้วางไว้ เช่นที่ฟิลิปปีนส์ หรือ เตรียมสร้างใหม่ที่เวียตนาม แม้กระทั่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย ยังถูกจับเซ็นสัญญามัดสองทบเอาไว้อีกด้วย

    ขณะเดียวกันก็ประกาศ จะปรับน้ำหนักกองกำลังนอกประเทศ ที่วางไว้ 50:50 ระหว่าง แอตแลนติก กับแปซิฟิก เป็น 40:60 แทน รวมทั้งมีแผนจะ เปลี่ยนรูปแบบฐานทัพ ให้มีความคล่องตัว เป็นแบบกบกระโดดบนใบบัว Lily Pad. ทั้งหมดเพื่อ การควบคุมทะเลจีนใต้ เส้นทางขนส่งน้ำมันของจีน เป้าหมายของอเมริกา น่าจะเล็งไปที่จีนในช่วงนั้น (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่องยุทธการกบกระโดด)

    ดูเหมือนอเมริกา จะเดินหมากผิดตั้งแต่ตอนนั้น จะเป็นเพราะถูกหมากลวง ของอีกฝ่าย หรือฝีมืออ่านหมาก ของทีมนายโอบามาออกอ่าวเสียแล้วก็เป็นได้

    แค่นั้น คงยังออกอ่าวไกลไม่พอ ต้นปี ค.ศ. 2014 อเมริกาออกข่าวเพิ่มว่า มีแผนที่จะปรับปรุงกองกำลังของตนเอง ตามนโยบาย ที่อเมริกาเรียกว่า Right Sizing ขนาดกำลังเหมาะ เหมาะกับอะไร เหมาะกับเศรษฐกิจที่ กำลังเป็นลูกผีลูกคนของตนนั่นแหละ พร้อมกับมีแผนที่จะลดกองกำลังของตน ที่ไปทิ้งไว้ทั่วในต่างประเทศให้เล็กลง โดยเฉพาะที่อาฟกานิสถาน ถึงได้เอานาย Chuck Hagel มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อคุมการถอนกำลังจากอาฟกานิสถาน โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของอเมริกา

    แบบนี้ ฝ่ายรัสเซียน่าจะเห็นทางเดินหมาก ช่องโหว่ โป๊โล่งโจ้งของอเมริกา และใช้โอกาสนี้เดินหมากรุกเข้าไป ยึด Crimea ทันที เพื่อเป็นการป้องกันตัว จึงเหมือนเปลี่ยนจากเป็นฝ่ายรับ มารุกแทน และอเมริกา นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ท้าชิงในสงครามชิงโลก ก็กลายเป็นฝ่ายรับ ในเกมที่ตนเองสร้างขึ้น...

    หากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งคงจะผลัดกันออกฉากกับจีน เดินหน้าเล่นเกมลักษณะนี้ต่อไป น่าจะแปลได้ว่า ฝ่ายนี้พร้อมแล้ว พร้อมเล่นเกมทุกรูปแบบ

    แล้วอเมริกาล่ะพร้อมแบบไหน จะเล่นแบบเป็นฝ่ายรับต่อ หรือปรับกระบวนท่าใหม่ ปรับทันใหม่ ลูกพี่ ลูกหาบถามมา

    การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหม เป็นการเปลี่ยน หรือ ปลด นายChuck Hagel กลางอากาศก็ตาม น่าจะแปลได้ว่า อเมริการู้แล้วว่า ตนเองเดินหมากด้านความมั่นคง ผิด มาอย่างน้อย 3 ปีแล้ว และขณะนี้ เหมือนจะตกเป็นฝ่ายรับ และกำลังรีบแก้เกมอยู่ อีโบลา ISIS ล้วนเป็นการเอาออกมาแสดงสลับฉาก เบนความสนใจของโลก จากการที่อเมริกา กำลังเสียเชิงรัสเซียทั้งสิ้น ความรุนแรงต่างๆ อาจถูกสร้างให้เกิดขึ้น ในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก เป็นการเบนเป้าหมายต่อไป จนกว่า อเมริกาจะหาเข็มทิศเจอ และกลับเข้ามาเดินหมาก แบบรุกคืบในกระดานได้ใหม่

    สรุปว่า ในด้านความพร้อมรบ อเมริกาน่าจะยังไม่พร้อมเข้าฉากทำสงคราม คงตีกรรเชียง วนสักพักกว่าจะตั้งตัวติด และไม่ว่าจะเป็นการเข้าฉากสงครามจริงตอนไหน อเมริกาจะเล่นอาวุธหนักและแรง และเราอาจจะได้เห็นสงครามนิวเคลียร์ของจริง

    จากนี้ไป น่าจะมีความเคลื่อนไหวของหมากในกระดานเกมชิงโลก เริ่มทยอยเกิดขึ้น และหากการเคลื่อนไหว มีทีท่าเป็นการยกระดับความเข้มข้น ก็ชัดเจนว่า ฉากสงครามชิงโลกเริ่มแสดงแล้ว โปรดติดตามดูกัน

    ดินแดนส่วนที่มี โอกาสจะได้เห็นการขยับหมาก จากคู่ชิงและพวกทั้งสองฝ่าย ไล่มาตั้งแต่ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน ตุรกี เลบานอน อิสราเอล อิหร่าน อาฟกานิสถาน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คิวบา และอาจจะที่อเมริกาเอง ....

    มีโอกาสจะมาเล่าต่อครับว่า เริ่มที่ไหน เพราะอะไร และผลกระทบจะเป็นอย่างไร ระหว่างนี้เป็นช่วงติดตามดู

    อย่าลืมนะครับ โลกใบนี้ก็ของเราทุกคนเหมือนกัน มีสิทธิยืนบนโลกนี้เท่ากันด้วยเท้า 2 ข้างของเรา เท่ากันทุกคน ใจคอจะไม่ให้ความสนใจติดตามกันเลยหรือ ว่าเท้าของเราจะยังมีที่เหลือให้ยืนอยู่อีกหรือเปล่า และเหลือแบบไหน !!!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 ธค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” บทส่งท้าย สาธยายปัจจัยสำคัญของทั้ง 2 ฝ่ายไปเรียบร้อย ฝ่ายรัสเซียดูจะมีความได้เปรียบอยู่หลายปัจจัย แต่ปัจจัยตัดสิน น่าจะเป็นเรื่องอาวุธ แต่ก่อนจะลงความเห็น ย้อนมาดูเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะให้เห็นภาพการเปิดฉากสงครามชัดเจนขึ้น คือความพร้อมที่จะทำสงครามของแต่ละฝ่าย น่าสนใจว่า อเมริกานั่นแหละ ที่มีเป้าหมายที่จะเป็นฝ่ายชิงโลกใบนี้มาเป็นของตน และเตะฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่พวกตน หรือขัดขวางความเป็นใหญ่ของอเมริกา ให้หลุดพ้นไปจากเส้นทางชิงโลกด้วยวิธีการต่างๆ ที่ดำเนินมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างที่วิเคราะห์มาแต่ต้น แต่อเมริกาเป็นประเทศที่เดินแผน ตามเป้าหมาย อย่างมีขั้นตอนเสมอ แต่ขณะนี้ดูเหมือนจะเดินแผนผิด จนความพร้อม ดูจะกระพร่องกระแพร่งพิกลอยู่ ช่วงตั้งแต่ รัฐบาลคาวบอยพ่อลูกเป็นต้นมา อเมริกามีนโยบายบุกมาตลอด และจัดสรรงบประมาณด้านกองทัพและอาวุธ เป็นจำนวนสูงอันดับแรกมาตลอด พร้อมกับการกระจาย กองกำลังและฐานทัพไปอยู่แทบจะทั้งโลก โดยเฉพาะที่ตะวันออกกลาง เพื่อชิงน้ำมัน รวมทั้งที่ยุโรปและแอตแลนติก เพื่อ เฝ้ารัสเซียไว้ แต่พอมาถึงรัฐบาลโอบามา อเมริกาเริ่มรู้สึกฝืดคอ กลืนน้ำลายไม่สดวก จาก การโตเร็ว อ้วนท้วนสมบูรณ์ของจีน ประมาณปี คศ 2011 รัฐบาลโอมามา จึงประกาศปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เรียกว่า Strategic Pivot เปลี่ยนทิศ มุ่งหน้ามาทางแปซิฟิกแทน ให้คุณนายคลินตันเดินสายเสียโทรม เพื่อจะบอกกับลูกหาบแถวเอเซียว่า เรามาแล้ว เราไม่ได้หายไปไหน เราจะอยู่ตรงนี้แหละ ตรง Asia Pacific นี้แหละ พร้อมกับรื้อฟื้น ปัดฝุ่น ฐานทัพของตัวที่ปล่อยทิ้งๆข้วางไว้ เช่นที่ฟิลิปปีนส์ หรือ เตรียมสร้างใหม่ที่เวียตนาม แม้กระทั่งไทยแลนด์แดนสมันน้อย ยังถูกจับเซ็นสัญญามัดสองทบเอาไว้อีกด้วย ขณะเดียวกันก็ประกาศ จะปรับน้ำหนักกองกำลังนอกประเทศ ที่วางไว้ 50:50 ระหว่าง แอตแลนติก กับแปซิฟิก เป็น 40:60 แทน รวมทั้งมีแผนจะ เปลี่ยนรูปแบบฐานทัพ ให้มีความคล่องตัว เป็นแบบกบกระโดดบนใบบัว Lily Pad. ทั้งหมดเพื่อ การควบคุมทะเลจีนใต้ เส้นทางขนส่งน้ำมันของจีน เป้าหมายของอเมริกา น่าจะเล็งไปที่จีนในช่วงนั้น (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่องยุทธการกบกระโดด) ดูเหมือนอเมริกา จะเดินหมากผิดตั้งแต่ตอนนั้น จะเป็นเพราะถูกหมากลวง ของอีกฝ่าย หรือฝีมืออ่านหมาก ของทีมนายโอบามาออกอ่าวเสียแล้วก็เป็นได้ แค่นั้น คงยังออกอ่าวไกลไม่พอ ต้นปี ค.ศ. 2014 อเมริกาออกข่าวเพิ่มว่า มีแผนที่จะปรับปรุงกองกำลังของตนเอง ตามนโยบาย ที่อเมริกาเรียกว่า Right Sizing ขนาดกำลังเหมาะ เหมาะกับอะไร เหมาะกับเศรษฐกิจที่ กำลังเป็นลูกผีลูกคนของตนนั่นแหละ พร้อมกับมีแผนที่จะลดกองกำลังของตน ที่ไปทิ้งไว้ทั่วในต่างประเทศให้เล็กลง โดยเฉพาะที่อาฟกานิสถาน ถึงได้เอานาย Chuck Hagel มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อคุมการถอนกำลังจากอาฟกานิสถาน โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของอเมริกา แบบนี้ ฝ่ายรัสเซียน่าจะเห็นทางเดินหมาก ช่องโหว่ โป๊โล่งโจ้งของอเมริกา และใช้โอกาสนี้เดินหมากรุกเข้าไป ยึด Crimea ทันที เพื่อเป็นการป้องกันตัว จึงเหมือนเปลี่ยนจากเป็นฝ่ายรับ มารุกแทน และอเมริกา นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ท้าชิงในสงครามชิงโลก ก็กลายเป็นฝ่ายรับ ในเกมที่ตนเองสร้างขึ้น... หากฝ่ายรัสเซีย ซึ่งคงจะผลัดกันออกฉากกับจีน เดินหน้าเล่นเกมลักษณะนี้ต่อไป น่าจะแปลได้ว่า ฝ่ายนี้พร้อมแล้ว พร้อมเล่นเกมทุกรูปแบบ แล้วอเมริกาล่ะพร้อมแบบไหน จะเล่นแบบเป็นฝ่ายรับต่อ หรือปรับกระบวนท่าใหม่ ปรับทันใหม่ ลูกพี่ ลูกหาบถามมา การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหม เป็นการเปลี่ยน หรือ ปลด นายChuck Hagel กลางอากาศก็ตาม น่าจะแปลได้ว่า อเมริการู้แล้วว่า ตนเองเดินหมากด้านความมั่นคง ผิด มาอย่างน้อย 3 ปีแล้ว และขณะนี้ เหมือนจะตกเป็นฝ่ายรับ และกำลังรีบแก้เกมอยู่ อีโบลา ISIS ล้วนเป็นการเอาออกมาแสดงสลับฉาก เบนความสนใจของโลก จากการที่อเมริกา กำลังเสียเชิงรัสเซียทั้งสิ้น ความรุนแรงต่างๆ อาจถูกสร้างให้เกิดขึ้น ในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก เป็นการเบนเป้าหมายต่อไป จนกว่า อเมริกาจะหาเข็มทิศเจอ และกลับเข้ามาเดินหมาก แบบรุกคืบในกระดานได้ใหม่ สรุปว่า ในด้านความพร้อมรบ อเมริกาน่าจะยังไม่พร้อมเข้าฉากทำสงคราม คงตีกรรเชียง วนสักพักกว่าจะตั้งตัวติด และไม่ว่าจะเป็นการเข้าฉากสงครามจริงตอนไหน อเมริกาจะเล่นอาวุธหนักและแรง และเราอาจจะได้เห็นสงครามนิวเคลียร์ของจริง จากนี้ไป น่าจะมีความเคลื่อนไหวของหมากในกระดานเกมชิงโลก เริ่มทยอยเกิดขึ้น และหากการเคลื่อนไหว มีทีท่าเป็นการยกระดับความเข้มข้น ก็ชัดเจนว่า ฉากสงครามชิงโลกเริ่มแสดงแล้ว โปรดติดตามดูกัน ดินแดนส่วนที่มี โอกาสจะได้เห็นการขยับหมาก จากคู่ชิงและพวกทั้งสองฝ่าย ไล่มาตั้งแต่ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน ตุรกี เลบานอน อิสราเอล อิหร่าน อาฟกานิสถาน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คิวบา และอาจจะที่อเมริกาเอง .... มีโอกาสจะมาเล่าต่อครับว่า เริ่มที่ไหน เพราะอะไร และผลกระทบจะเป็นอย่างไร ระหว่างนี้เป็นช่วงติดตามดู อย่าลืมนะครับ โลกใบนี้ก็ของเราทุกคนเหมือนกัน มีสิทธิยืนบนโลกนี้เท่ากันด้วยเท้า 2 ข้างของเรา เท่ากันทุกคน ใจคอจะไม่ให้ความสนใจติดตามกันเลยหรือ ว่าเท้าของเราจะยังมีที่เหลือให้ยืนอยู่อีกหรือเปล่า และเหลือแบบไหน !!! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts