• เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 863 มุมมอง 0 รีวิว
  • VUDU
    Men’s Genuine Leather LORENZO Boat Shoes
    Group : LORET
    Style : LORENZO
    Color : Mahogany
    (Made in PORTUGAL )
    Size. EUR 45 /29(29.5) cm
    ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ Good Condition

    Price : 890฿

    รองเท้าหนังสไตล์คนเมืองแบรนด์เทรนด์ใหม่จากโปรตุเกส VUDU SHOES คู่นี้เป็นรองเท้าที่ผลิตในประเทศโปรตุเกสซะด้วย เป็น "ไอเทมที่ต้องมี" ผสมผสานระหว่างหนังแนปป้าฟอกคุณภาพสูงที่นุ่มเป็นพิเศษ และหนังกลับทาน้ำมัน ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดีในลุควินเทจ ที่ให้ความสบายในการสวมใส่และทนทานต่อการใช้งาน เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัวได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการสวมใส่ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การออกไปเที่ยว หรือการพักผ่อนอยู่ที่บ้าน

    คำแนะนำในการดูแลรักษารองเท้าหนัง VUDU SHOES :-
    ใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดรองเท้าเป็นประจำ
    หากรองเท้าเปียก ให้ใช้ผ้าแห้งซับน้ำออกทันที
    หลีกเลี่ยงการวางรองเท้าไว้ในที่ที่มีความร้อนสูงหรือความชื้นสูง
    หากรองเท้ามีรอยขีดข่วน ให้ใช้ครีมขัดรองเท้าเพื่อซ่อมแซม
    VUDU Men’s Genuine Leather LORENZO Boat Shoes Group : LORET Style : LORENZO Color : Mahogany (Made in PORTUGAL 🇵🇹 ) Size. EUR 45 /29(29.5) cm ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ Good Condition 🔥 Price : 890฿ รองเท้าหนังสไตล์คนเมืองแบรนด์เทรนด์ใหม่จากโปรตุเกส VUDU SHOES คู่นี้เป็นรองเท้าที่ผลิตในประเทศโปรตุเกสซะด้วย เป็น "ไอเทมที่ต้องมี" ผสมผสานระหว่างหนังแนปป้าฟอกคุณภาพสูงที่นุ่มเป็นพิเศษ และหนังกลับทาน้ำมัน ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดีในลุควินเทจ ที่ให้ความสบายในการสวมใส่และทนทานต่อการใช้งาน เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัวได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการสวมใส่ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การออกไปเที่ยว หรือการพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ✅ คำแนะนำในการดูแลรักษารองเท้าหนัง VUDU SHOES :- ใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดรองเท้าเป็นประจำ หากรองเท้าเปียก ให้ใช้ผ้าแห้งซับน้ำออกทันที หลีกเลี่ยงการวางรองเท้าไว้ในที่ที่มีความร้อนสูงหรือความชื้นสูง หากรองเท้ามีรอยขีดข่วน ให้ใช้ครีมขัดรองเท้าเพื่อซ่อมแซม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกวันนี้ มือถือ หรือบางคนจะเรียกว่า Smart Phone เป็นอีกอุปกรณ์ที่ติดยิ่งกว่า สามี ภรรยากันอีก แต่มันมีเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถใช้มือถือเครื่องปัจจุบันให้ใช้งานได้ยาวนาน เพราะถ้าไม่ดูแลมันก็จะพังได้ง่ายแต่จะมีวิธีอะไรบ้าง
    นายTechTips มี 10 วิธีมาฝากกันครับ

    ติดฟิล์มใส่เคส
    เรื่องแรกหลายคนซื้อมือถือมาแล้วก็มักจะซื้อเคส และ ติดฟิล์มกันรอยเพื่อให้เกิดความสวยงามและป้องกันกันความเสียหายจากการตกได้ ถือว่าเป็นวิธีพื้นฐานสำหรับคนที่อยากดูแลรักษาเครื่องให้อยู่ได้นานๆ

    หมั่นทำความสะอาดเครื่อง และพอร์ตเชื่อมต่อ
    อย่าลืมนะครับถ้าใส่อุปกรณ์กันไปแล้วไม่ได้หมายถึงสามารถป้องกันความสกปรกได้ ดังนั้นเราควรเอามือถือมาทำความสะอาดให้ถูกทุกซอกมุมได้บ้างไม่ว่าจะใช้น้ำยาทำความสะอาด เพื่อให้มือถือเกิดความสะอาดเสมอ ส่วนพอร์ตเราสามารถใช้คอตตอนบัด เช็ดเบาๆ ได้เช่นเดียวกัน

    หลีกเลี่ยงการวางมือถือในที่ชื้น / ความร้อนสูง
    สิ่งหนึ่งที่มือถือมถูกเลยคือความชื้นและความร้อน ต่อให้บางรุ่นกันน้ำแล้วก็ตาม ดังนั้นการเก็บมือถือใกล้กับที่ชื้นก็อาจจะทำให้พังได้ ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ดี และอีกเรื่องหลายคนเผลอคือการเก็บมือถือในรถ อันนี้ถ้าเครื่องเกิดความร้อนอาจจะทำให้เครื่องเกิดความเสียหายได้ และส่งผลต่อแบตเตอรี่ได้ครับ

    หลีกเลี่ยงการเก็บมือถือที่เจอสิ่งขีดข่วน
    แม้ว่าเราจะติดเคสและฟิล์มกันรอยอย่างดี แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราเก็บเครื่องไม่ให้เกิดรอยได้ง่ายๆ เช่น พวกเหรียญ, ชองชิ้นเล็กของผู้หญิง ที่อาจจะทำให้เครื่องเป็นรอยหรือสีติดได้

    ควรเคลียร์พื้นที่จำบ้าง
    นอกจากเรื่องตัวเครื่องที่ต้องดูแลให้สวยงามแล้ว การจัดการภายในก็จำเป็น เพราะมันก็ส่งผลกับการทำงานของเครื่องได้ สิ่งแรกที่จะมีผลสุดคือ พื้นที่ความจำ เราควรจะดูแล เช่นลบไฟล์ภาพ ที่ถ่ายเสีย หรือ โอนเก็บไปที่พื้นที่ความจำภายนอก เช่น Flash Drive, SSD หรือระบบ Cloud เช่น One Drive, Google Drive, iCloud เป็นต้น

    Reset เครื่องบ้างหากทำได้
    หากเคลียร์ความจำแล้วยังไม่เร็วขึ้น บางทีก็ไม่รู้จะไปลบตั้งค่าหรือไฟล์ดาวน์โหลดอะไร การกด Reset ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยการกดลบนั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่การเปลี่ยนการตั้งค่า, การลบแค่ภายใน App และการลบทั้งหมด ก็สามารถทำได้ครับ

    หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลด Apps นอก Store ที่มีในเครื่อง
    เดี๋ยวนี้ Apps มีหลากหลายที่ไม่ว่าจะเป็น App Store, Galaxy Store, HUAWEI AppGallery, Google Play Store มักจะได้รับความไว้วางใจจากนักพัฒนา และผู้ผลิตเครื่อง การที่ดาวน์โหลดที่อยู่ข้างนอกที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ ก็อาจจะทำให้คุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ด้วยครับ ดังนั้น ไม่ควรดาวน์โหลด AppStore นอก Store นะครับ

    อัปเดต Software บ้าง
    อย่าลืมว่า Smart Phone ที่คุณใช้งาน มันทำงานบนระบบปฏิบัติการที่มักจะมีอะไรอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ปิดช่องโหว่ความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมหมั่นเช็ค Software ของเครื่องไว้บ้างก็ดี

    อะไรพังแล้วก็ซ่อมได้
    สุดท้ายหากคุณใช้งานแล้วเกิดความเสียหายจริงๆ การซ่อมมือถือก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้ เช่นเดี๋ยวนี้การซ่อมหน้าจออาจจะมีราคาไม่ถึง 1 ใน 3 ของเครื่องแล้วใครที่อยากใช้เครื่องเดิม ไม่อยากย้ายข้อมูลสำคัญบ่อยๆ การเลือกที่จะซ่อมก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

    แต่อย่าลืมว่าการถนอมมือถือพวกนี้เป็นการยืดอายุการใช้งานมือถือให้ใช้งานยาวนานเท่านั้น หากคุณใช้งานสักพักยังไงก็ต้องถึงเวลาเปลี่ยนอยู่ดี แค่ทำให้คุณมีเวลาอยู่กับมือถือที่คุณตั้งใจเลือกมากขึ้นครับ

    มีคำถามอะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีถาม นายTechTips ได้เลยจ้า
    #TechTips
    ทุกวันนี้ มือถือ หรือบางคนจะเรียกว่า Smart Phone เป็นอีกอุปกรณ์ที่ติดยิ่งกว่า สามี ภรรยากันอีก แต่มันมีเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถใช้มือถือเครื่องปัจจุบันให้ใช้งานได้ยาวนาน เพราะถ้าไม่ดูแลมันก็จะพังได้ง่ายแต่จะมีวิธีอะไรบ้าง นายTechTips มี 10 วิธีมาฝากกันครับ ติดฟิล์มใส่เคส เรื่องแรกหลายคนซื้อมือถือมาแล้วก็มักจะซื้อเคส และ ติดฟิล์มกันรอยเพื่อให้เกิดความสวยงามและป้องกันกันความเสียหายจากการตกได้ ถือว่าเป็นวิธีพื้นฐานสำหรับคนที่อยากดูแลรักษาเครื่องให้อยู่ได้นานๆ หมั่นทำความสะอาดเครื่อง และพอร์ตเชื่อมต่อ อย่าลืมนะครับถ้าใส่อุปกรณ์กันไปแล้วไม่ได้หมายถึงสามารถป้องกันความสกปรกได้ ดังนั้นเราควรเอามือถือมาทำความสะอาดให้ถูกทุกซอกมุมได้บ้างไม่ว่าจะใช้น้ำยาทำความสะอาด เพื่อให้มือถือเกิดความสะอาดเสมอ ส่วนพอร์ตเราสามารถใช้คอตตอนบัด เช็ดเบาๆ ได้เช่นเดียวกัน หลีกเลี่ยงการวางมือถือในที่ชื้น / ความร้อนสูง สิ่งหนึ่งที่มือถือมถูกเลยคือความชื้นและความร้อน ต่อให้บางรุ่นกันน้ำแล้วก็ตาม ดังนั้นการเก็บมือถือใกล้กับที่ชื้นก็อาจจะทำให้พังได้ ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ดี และอีกเรื่องหลายคนเผลอคือการเก็บมือถือในรถ อันนี้ถ้าเครื่องเกิดความร้อนอาจจะทำให้เครื่องเกิดความเสียหายได้ และส่งผลต่อแบตเตอรี่ได้ครับ หลีกเลี่ยงการเก็บมือถือที่เจอสิ่งขีดข่วน แม้ว่าเราจะติดเคสและฟิล์มกันรอยอย่างดี แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราเก็บเครื่องไม่ให้เกิดรอยได้ง่ายๆ เช่น พวกเหรียญ, ชองชิ้นเล็กของผู้หญิง ที่อาจจะทำให้เครื่องเป็นรอยหรือสีติดได้ ควรเคลียร์พื้นที่จำบ้าง นอกจากเรื่องตัวเครื่องที่ต้องดูแลให้สวยงามแล้ว การจัดการภายในก็จำเป็น เพราะมันก็ส่งผลกับการทำงานของเครื่องได้ สิ่งแรกที่จะมีผลสุดคือ พื้นที่ความจำ เราควรจะดูแล เช่นลบไฟล์ภาพ ที่ถ่ายเสีย หรือ โอนเก็บไปที่พื้นที่ความจำภายนอก เช่น Flash Drive, SSD หรือระบบ Cloud เช่น One Drive, Google Drive, iCloud เป็นต้น Reset เครื่องบ้างหากทำได้ หากเคลียร์ความจำแล้วยังไม่เร็วขึ้น บางทีก็ไม่รู้จะไปลบตั้งค่าหรือไฟล์ดาวน์โหลดอะไร การกด Reset ก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยการกดลบนั้นมีให้เลือกหลากหลายแบบ ตั้งแต่การเปลี่ยนการตั้งค่า, การลบแค่ภายใน App และการลบทั้งหมด ก็สามารถทำได้ครับ หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลด Apps นอก Store ที่มีในเครื่อง เดี๋ยวนี้ Apps มีหลากหลายที่ไม่ว่าจะเป็น App Store, Galaxy Store, HUAWEI AppGallery, Google Play Store มักจะได้รับความไว้วางใจจากนักพัฒนา และผู้ผลิตเครื่อง การที่ดาวน์โหลดที่อยู่ข้างนอกที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ ก็อาจจะทำให้คุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ด้วยครับ ดังนั้น ไม่ควรดาวน์โหลด AppStore นอก Store นะครับ อัปเดต Software บ้าง อย่าลืมว่า Smart Phone ที่คุณใช้งาน มันทำงานบนระบบปฏิบัติการที่มักจะมีอะไรอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และ ปิดช่องโหว่ความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมหมั่นเช็ค Software ของเครื่องไว้บ้างก็ดี อะไรพังแล้วก็ซ่อมได้ สุดท้ายหากคุณใช้งานแล้วเกิดความเสียหายจริงๆ การซ่อมมือถือก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้ เช่นเดี๋ยวนี้การซ่อมหน้าจออาจจะมีราคาไม่ถึง 1 ใน 3 ของเครื่องแล้วใครที่อยากใช้เครื่องเดิม ไม่อยากย้ายข้อมูลสำคัญบ่อยๆ การเลือกที่จะซ่อมก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ แต่อย่าลืมว่าการถนอมมือถือพวกนี้เป็นการยืดอายุการใช้งานมือถือให้ใช้งานยาวนานเท่านั้น หากคุณใช้งานสักพักยังไงก็ต้องถึงเวลาเปลี่ยนอยู่ดี แค่ทำให้คุณมีเวลาอยู่กับมือถือที่คุณตั้งใจเลือกมากขึ้นครับ มีคำถามอะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีถาม นายTechTips ได้เลยจ้า #TechTips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีครับ สำหรับ post เเรก ของเพจ ขออณุญาต back to basic
    หลายๆท่านอาจจะทราบดีอยู่เเล้วเกี๋ยวกับ ทิปส์ที่เราจะเสนอต่อไปนี้
    แต่ทุกท่านรู้มั้ยครับว่า คอมพิวเอตร์ที่ทุกๆท่านใช้ทำงานหรือใช้เพื่อผ่อนคลายอยู่ทุกๆวัน
    มีสิ่งที่ตัวเครื่องชอบเเละไม่ชอบ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อ สุขภาพและอายุการใช้งานของตัวเครื่องโดยตรงเลยทีเดียว ผมจะเเนะนำให้ฟังครับ

    1 สาเหตุหลักที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหานอกจากการใช้งานเเล้วก็คงเป้นเจ้าฝุ่นตัวร้ายนี่เหละครับที่จะให้สำสมจนเกิดความร้อนเเละส่งผลให้อายุการทำงานสั่นลงอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว ดังนั้นเเล้วหมั่นดูแลทำความสะอาดไว้ก่อนดีเสมอครับ

    2 ความร้อนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ คอมพิวเตอร์ไม่ชอบมากๆเลยครับ นอกจากจะทำให้การทำงานช้าลงเเล้วยังทำให้อายุชิ้นส่วนสั้นลงเป็นสาเหตุหลักเลยทีเดียวเชียว ตั้งเครื่องให้อยู่ในพื้นที่ อากาศถ่ายแท และดูแลระบบระบายความ้อนของเครื่องให้อยู่ในสภาวะปกติ เพียงเท่านี้ คอมพิวเตอร์เเสนรักของคุณก็จะทำงานเต็มประสิทธิภาพและไม่งอแงอย่างเเน่นอนครับ

    3 หลีกเลี่ยงการเข้าสู่เว็บอันตรายหรือ ลงโปรเเกรมที่เราไม่ทราบแหล่งที่มาก็จะให้คอมพิวอตร์ของคุณปลอดภัยไร้ไวรัสใดๆอย่างเเน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นการดาวโหลดไฟล์ที่ไม่รู้จักหรือ เสียบเเฟลชไดร์ฟ ที่ไม่เคยเเสกนไวรัสมาก่อน ล้วนเป็นสาเหตุที่คอมพิวเอติร์สุดรักของเราเสี่ยงที่จะมีปะญหาได้ท้งนั้นครับ อย่าลืมนะครับความปลอดภัยวำคัญที่สุด

    เอาละครับ ถ้าท่านใดได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ก็จะเป็นที่ยินดีของเรามากๆเลยครับ
    ถ้าใครมีคำถาม หรือ มีความสงสัยใดๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยครับ
    กระผมนาย TechTips จะหาคำตอบมาให้ท่านได้หายสงสัยเเน่นอน

    สติคือเข็มทิศและเกราะป้องกันจากปัญหาทุกชนิดครับ
    #TechTips
    สวัสดีครับ สำหรับ post เเรก ของเพจ ขออณุญาต back to basic หลายๆท่านอาจจะทราบดีอยู่เเล้วเกี๋ยวกับ ทิปส์ที่เราจะเสนอต่อไปนี้ แต่ทุกท่านรู้มั้ยครับว่า คอมพิวเอตร์ที่ทุกๆท่านใช้ทำงานหรือใช้เพื่อผ่อนคลายอยู่ทุกๆวัน มีสิ่งที่ตัวเครื่องชอบเเละไม่ชอบ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อ สุขภาพและอายุการใช้งานของตัวเครื่องโดยตรงเลยทีเดียว ผมจะเเนะนำให้ฟังครับ 1 สาเหตุหลักที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีปัญหานอกจากการใช้งานเเล้วก็คงเป้นเจ้าฝุ่นตัวร้ายนี่เหละครับที่จะให้สำสมจนเกิดความร้อนเเละส่งผลให้อายุการทำงานสั่นลงอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว ดังนั้นเเล้วหมั่นดูแลทำความสะอาดไว้ก่อนดีเสมอครับ 2 ความร้อนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ คอมพิวเตอร์ไม่ชอบมากๆเลยครับ นอกจากจะทำให้การทำงานช้าลงเเล้วยังทำให้อายุชิ้นส่วนสั้นลงเป็นสาเหตุหลักเลยทีเดียวเชียว ตั้งเครื่องให้อยู่ในพื้นที่ อากาศถ่ายแท และดูแลระบบระบายความ้อนของเครื่องให้อยู่ในสภาวะปกติ เพียงเท่านี้ คอมพิวเตอร์เเสนรักของคุณก็จะทำงานเต็มประสิทธิภาพและไม่งอแงอย่างเเน่นอนครับ 3 หลีกเลี่ยงการเข้าสู่เว็บอันตรายหรือ ลงโปรเเกรมที่เราไม่ทราบแหล่งที่มาก็จะให้คอมพิวอตร์ของคุณปลอดภัยไร้ไวรัสใดๆอย่างเเน่นอนครับ ไม่ว่าจะเป็นการดาวโหลดไฟล์ที่ไม่รู้จักหรือ เสียบเเฟลชไดร์ฟ ที่ไม่เคยเเสกนไวรัสมาก่อน ล้วนเป็นสาเหตุที่คอมพิวเอติร์สุดรักของเราเสี่ยงที่จะมีปะญหาได้ท้งนั้นครับ อย่าลืมนะครับความปลอดภัยวำคัญที่สุด เอาละครับ ถ้าท่านใดได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ก็จะเป็นที่ยินดีของเรามากๆเลยครับ ถ้าใครมีคำถาม หรือ มีความสงสัยใดๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยครับ กระผมนาย TechTips จะหาคำตอบมาให้ท่านได้หายสงสัยเเน่นอน สติคือเข็มทิศและเกราะป้องกันจากปัญหาทุกชนิดครับ #TechTips
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • VIRAL SPOT ป้าย Maybank

    เมื่อไม่นานมานี้ ที่เมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้ ถ่ายภาพอาคารธนาคารเมย์แบงก์ (Maybank) สาขาจาลาน กายา (Jalan Gaya) ที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นสังกะสีสีครีม ลงในแพลตฟอร์มรีวิว Xiaohongshu ของจีน ผลก็คือมีนักท่องเที่ยวจีนแห่ตามไปถ่ายภาพจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย

    แม้ชาวมาเลเซียไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสาขาที่ปิดตายถึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวจีน แต่มีการวิเคราะห์กันว่า มาจากป้ายกล่องไฟสีเหลืองสะดุดตา ร่วมกับโลโก้ Maybank สีดำดูทันสมัย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่เน้นสำรวจเมือง บางคนมีความเชื่อไปถึงโลโก้ที่ประกอบด้วยหัวเสือ และสีเหลืองเปรียบเสมือน "ออง" ในภาษาจีน หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง

    ถึงกระนั้น ป้ายธนาคารเมย์แบงก์ สาขาจาลาน กายา ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวมาเลเซียเข้ามาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้แต่ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปิตอล เอ เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย ยังตามไปถ่ายรูป ระหว่างไปรับรางวัลพิเศษด้านการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์ แม้เจ้าตัวจะแปลกใจถึงไวรัลดังกล่าว แต่ก็ยินดีที่จะสานต่อ

    ขณะที่เฟซบุ๊ก Maybank ได้ทีโปรโมตสาขาที่ปิดตาย ด้วยการถ่ายภาพหน้าสาขาพร้อมโฆษณาว่า SABAH CALLING, SIOK BAH! โปรโมตโปรโมชันสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเมย์แบงก์วีซ่า กับแพลตฟอร์ม OTA อย่างอะโกด้า (Agoda)

    ด้านเทศบาลโคตาคินาบาลู (Dewan Bandaraya Kota Kinabalu) เข้าทำความสะอาดแลนด์มาร์คแห่งนี้ เพื่อรองรับเป็นจุดถ่ายรูป หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปถ่ายรูป กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม (Viral Spot) ไปแล้ว

    โคตาคินาบาลู เมืองหลวงรัฐซาบาห์ เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวของรัฐซาบาห์ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อย่างยอดเขาโคตาคินาบาลู ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน ได้ถูกยกให้เป็นเขตอุทยานมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

    ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยแบบธรรมชาติ มีทั้งภูเขาและชายทะเล และมีกิจกรรมอย่างเช่น การปีนเขาที่เรียกว่า Via Ferrata หรือการปีนเขาแนวดิ่ง กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เล่นล่องแก่งแม่น้ำคาดามายัน เที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ชมฟาร์มโคนม เดินเล่นที่ไร่ชาซาบาห์ และดื่มด่ำธรรมชาติท้องทะเล

    ก่อนหน้านี้ สายการบินแอร์เอเชียเคยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู (BKI) เมื่อปี 2561 แต่ได้ยกเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันการเดินทางใช้วิธีต่อเครื่องจากท่าอากาศยานในมาเลเซีย โดยเฉพาะท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มีเที่ยวบินให้บริการมากถึง 167 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเที่ยวบินจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน มาเยือนเมืองแห่งนี้

    #Newskit #KotaKinabalu #Maybank
    VIRAL SPOT ป้าย Maybank เมื่อไม่นานมานี้ ที่เมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้ ถ่ายภาพอาคารธนาคารเมย์แบงก์ (Maybank) สาขาจาลาน กายา (Jalan Gaya) ที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นสังกะสีสีครีม ลงในแพลตฟอร์มรีวิว Xiaohongshu ของจีน ผลก็คือมีนักท่องเที่ยวจีนแห่ตามไปถ่ายภาพจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย แม้ชาวมาเลเซียไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสาขาที่ปิดตายถึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวจีน แต่มีการวิเคราะห์กันว่า มาจากป้ายกล่องไฟสีเหลืองสะดุดตา ร่วมกับโลโก้ Maybank สีดำดูทันสมัย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่เน้นสำรวจเมือง บางคนมีความเชื่อไปถึงโลโก้ที่ประกอบด้วยหัวเสือ และสีเหลืองเปรียบเสมือน "ออง" ในภาษาจีน หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง ถึงกระนั้น ป้ายธนาคารเมย์แบงก์ สาขาจาลาน กายา ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวมาเลเซียเข้ามาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้แต่ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปิตอล เอ เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย ยังตามไปถ่ายรูป ระหว่างไปรับรางวัลพิเศษด้านการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์ แม้เจ้าตัวจะแปลกใจถึงไวรัลดังกล่าว แต่ก็ยินดีที่จะสานต่อ ขณะที่เฟซบุ๊ก Maybank ได้ทีโปรโมตสาขาที่ปิดตาย ด้วยการถ่ายภาพหน้าสาขาพร้อมโฆษณาว่า SABAH CALLING, SIOK BAH! โปรโมตโปรโมชันสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเมย์แบงก์วีซ่า กับแพลตฟอร์ม OTA อย่างอะโกด้า (Agoda) ด้านเทศบาลโคตาคินาบาลู (Dewan Bandaraya Kota Kinabalu) เข้าทำความสะอาดแลนด์มาร์คแห่งนี้ เพื่อรองรับเป็นจุดถ่ายรูป หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปถ่ายรูป กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม (Viral Spot) ไปแล้ว โคตาคินาบาลู เมืองหลวงรัฐซาบาห์ เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวของรัฐซาบาห์ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อย่างยอดเขาโคตาคินาบาลู ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน ได้ถูกยกให้เป็นเขตอุทยานมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยแบบธรรมชาติ มีทั้งภูเขาและชายทะเล และมีกิจกรรมอย่างเช่น การปีนเขาที่เรียกว่า Via Ferrata หรือการปีนเขาแนวดิ่ง กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เล่นล่องแก่งแม่น้ำคาดามายัน เที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ชมฟาร์มโคนม เดินเล่นที่ไร่ชาซาบาห์ และดื่มด่ำธรรมชาติท้องทะเล ก่อนหน้านี้ สายการบินแอร์เอเชียเคยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู (BKI) เมื่อปี 2561 แต่ได้ยกเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันการเดินทางใช้วิธีต่อเครื่องจากท่าอากาศยานในมาเลเซีย โดยเฉพาะท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มีเที่ยวบินให้บริการมากถึง 167 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเที่ยวบินจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน มาเยือนเมืองแห่งนี้ #Newskit #KotaKinabalu #Maybank
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำความสะอาดแป๊บ : การ์ตูนการเมือง 14 08 67
    #นายก #เศรษฐา #นายกเศรษฐา #การ์ตูนการเมือง
    ทำความสะอาดแป๊บ : การ์ตูนการเมือง 14 08 67 #นายก #เศรษฐา #นายกเศรษฐา #การ์ตูนการเมือง
    Haha
    Like
    Yay
    Wow
    11
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2069 มุมมอง 0 รีวิว
  • สตาร์บัคส์ปลดซีอีโอ นายลักษมัน นาราซิมฮาน (Laxman Narasimhan )ออกจากตำแหน่งมีผลทันที แล้วแต่งตั้งคนใหม่ Brian Niccol ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Chipotle เชนร้านอาหารเม็กซิโกซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของเครือยักษ์ใหญ่ร้านกาแฟแห่งนี้ในวันที่ 9 กันยายน เพราะยอดขายของ Starbucks ตกต่ำสุดในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องมาจากผลงานการตลาดและยอดขายที่หดตัวลงมากในสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสองแห่ง

    14 สิงหาคม 2567 -รายงานข่าวcnbc ระบุว่า บริษัทสตาร์บัคส์ ประกาศเมื่อเช้าวันอังคารนี้แถลงการณ์ปลดนายลักษมัน นาราซิมฮาน (Laxman Narasimhan )ออกจากตำแหน่งซีอีโอ โดยมีผลทันที แล้วแต่งตั้งนายไบรอัน นิโคล Brian Niccol ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Chipotle เชนร้านอาหารเม็กซิโก เข้ารับตำแหน่งซีอีโอสตาร์บัคส์ในวันที่ 9 กันยายนนี้

    นาย ลักษมัน นาราซิมฮาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ ซึ่งเตรียมจะลาออกในสองสัปดาห์ข้างหน้า แต่มาโดนไล่ออกทันที หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสที่น่าผิดหวังส่งผลให้ทั้งกำไรและรายรับพลาดเป้าจากที่นักวิเคราะห์ Wall Street คาดการณ์ไว้ นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการออกมา หุ้นของบริษัทได้ร่วงลง 17% ลากมูลค่าตลาดลงมาอยู่ที่ 8.28 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท)

    นักวิเคราะห์ต่างประหลาดใจกับผลงานที่ต่ำกว่าคาดของเชนกาแฟรายนี้ และพยายามหาคำอธิบายว่า ทำไมลูกค้าชาวอเมริกันลดการสั่งซื้อของ Starbucks ถึง 7% ในไตรมาสล่าสุด Sara Senatore นักวิเคราะห์จาก Bank of America Securities ระบุว่า อาจเป็นกระแสตีกลับบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับจุดยืนของ Starbucks ต่อความขัดแย้งในสงครามฉนวนกาซาตะวันออกกลาง

    หลังจากข่าวปลด ลักษมัน นาราซิมฮาน หุ้นสตาร์บัคส์ราคาพุ่งขึ้น20% แต่ของบริษัท Chipotleตก10% จากการประกาศลาออกของ Brian Niccol

    สำหรับ Laxman Narasimhan เป็นชาวอินเดีย จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์เครื่องกล และเรียนต่อบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านภาษาเยอรมัน และการศึกษาระหว่างประเทศ

    ประวัติทำงานบริหารเคยทำงานที่บริษัทแมคคินซีย์ และเป๊ปซี่โค และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของ Reckitt Benckiser เจ้าของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด Dettol ก่อนที่จะลาออกในเดือนกันยายน 2022 และเริ่มดำรงตำแหน่ง CEO ของสตาร์บัคส์ในวันที่ 1 เมษายน 2023 เป็นต้นมา ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนอย่างมาก เพราะ Narasimhan ยังไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจร้านกาแฟมาก่อน แต่ถือว่ามีความสามารถพูดได้หลายภาษา ได้แก่ อังกฤษ, เยอรมัน, อินเดีย และสเปน และเขายังได้เข้าไปทำงานร่วมกับพนักงานในสาขากว่า 30 แห่ง เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์การเป็นบาริสต้า โดยเมนูที่เขาชอบมากที่สุดคือ Doppio Espresso Macchiato แต่ต่อมา สตาร์บัคส์ได้ฟ้องร้องกล่าวหาว่าสหภาพแรงงานแสดง “การสนับสนุนความรุนแรงที่ก่อขึ้นโดยฮามาส” และอ้างว่าการฟ้องร้องมีความจำเป็นเพื่อปกป้องตนเองจากการใช้ชื่อและโลโก้โดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางข่าวการสนับสนุนทางการเงินทางอ้อมสำหรับอิสราเอล ผู้ถือหุ้นรายใหญ่บางรายของ Starbucks ยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในบริษัทการทหารที่มีความสัมพันธ์กับอิสราเอลอีกด้วย ทำให้ลูกค้าบางส่วนมีการคว่ำบาตรสตาร์บัคส์

    #Thaitimes
    สตาร์บัคส์ปลดซีอีโอ นายลักษมัน นาราซิมฮาน (Laxman Narasimhan )ออกจากตำแหน่งมีผลทันที แล้วแต่งตั้งคนใหม่ Brian Niccol ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Chipotle เชนร้านอาหารเม็กซิโกซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของเครือยักษ์ใหญ่ร้านกาแฟแห่งนี้ในวันที่ 9 กันยายน เพราะยอดขายของ Starbucks ตกต่ำสุดในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องมาจากผลงานการตลาดและยอดขายที่หดตัวลงมากในสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสองแห่ง 14 สิงหาคม 2567 -รายงานข่าวcnbc ระบุว่า บริษัทสตาร์บัคส์ ประกาศเมื่อเช้าวันอังคารนี้แถลงการณ์ปลดนายลักษมัน นาราซิมฮาน (Laxman Narasimhan )ออกจากตำแหน่งซีอีโอ โดยมีผลทันที แล้วแต่งตั้งนายไบรอัน นิโคล Brian Niccol ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Chipotle เชนร้านอาหารเม็กซิโก เข้ารับตำแหน่งซีอีโอสตาร์บัคส์ในวันที่ 9 กันยายนนี้ นาย ลักษมัน นาราซิมฮาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ ซึ่งเตรียมจะลาออกในสองสัปดาห์ข้างหน้า แต่มาโดนไล่ออกทันที หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสที่น่าผิดหวังส่งผลให้ทั้งกำไรและรายรับพลาดเป้าจากที่นักวิเคราะห์ Wall Street คาดการณ์ไว้ นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการออกมา หุ้นของบริษัทได้ร่วงลง 17% ลากมูลค่าตลาดลงมาอยู่ที่ 8.28 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท) นักวิเคราะห์ต่างประหลาดใจกับผลงานที่ต่ำกว่าคาดของเชนกาแฟรายนี้ และพยายามหาคำอธิบายว่า ทำไมลูกค้าชาวอเมริกันลดการสั่งซื้อของ Starbucks ถึง 7% ในไตรมาสล่าสุด Sara Senatore นักวิเคราะห์จาก Bank of America Securities ระบุว่า อาจเป็นกระแสตีกลับบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับจุดยืนของ Starbucks ต่อความขัดแย้งในสงครามฉนวนกาซาตะวันออกกลาง หลังจากข่าวปลด ลักษมัน นาราซิมฮาน หุ้นสตาร์บัคส์ราคาพุ่งขึ้น20% แต่ของบริษัท Chipotleตก10% จากการประกาศลาออกของ Brian Niccol สำหรับ Laxman Narasimhan เป็นชาวอินเดีย จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์เครื่องกล และเรียนต่อบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านภาษาเยอรมัน และการศึกษาระหว่างประเทศ ประวัติทำงานบริหารเคยทำงานที่บริษัทแมคคินซีย์ และเป๊ปซี่โค และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของ Reckitt Benckiser เจ้าของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด Dettol ก่อนที่จะลาออกในเดือนกันยายน 2022 และเริ่มดำรงตำแหน่ง CEO ของสตาร์บัคส์ในวันที่ 1 เมษายน 2023 เป็นต้นมา ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนอย่างมาก เพราะ Narasimhan ยังไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจร้านกาแฟมาก่อน แต่ถือว่ามีความสามารถพูดได้หลายภาษา ได้แก่ อังกฤษ, เยอรมัน, อินเดีย และสเปน และเขายังได้เข้าไปทำงานร่วมกับพนักงานในสาขากว่า 30 แห่ง เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์การเป็นบาริสต้า โดยเมนูที่เขาชอบมากที่สุดคือ Doppio Espresso Macchiato แต่ต่อมา สตาร์บัคส์ได้ฟ้องร้องกล่าวหาว่าสหภาพแรงงานแสดง “การสนับสนุนความรุนแรงที่ก่อขึ้นโดยฮามาส” และอ้างว่าการฟ้องร้องมีความจำเป็นเพื่อปกป้องตนเองจากการใช้ชื่อและโลโก้โดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางข่าวการสนับสนุนทางการเงินทางอ้อมสำหรับอิสราเอล ผู้ถือหุ้นรายใหญ่บางรายของ Starbucks ยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในบริษัทการทหารที่มีความสัมพันธ์กับอิสราเอลอีกด้วย ทำให้ลูกค้าบางส่วนมีการคว่ำบาตรสตาร์บัคส์ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำยาล้างห้องน้ำมรณะ

    ใครจะเชื่อว่าคลิปไวรัลที่นำน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรง มาราดตามสุขภัณฑ์ ตามท่อน้ำทิ้ง แล้วพบควันพวยพุ่งออกมาน่าตื่นเต้น วันหนึ่งอาจกลายเป็นโศกนาฎกรรมคร่าชีวิตครอบครัวไปอย่างน่าเศร้า

    กรณีการเสียชีวิตของข้าราชการตำรวจหญิงรายหนึ่ง สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี พร้อมกับลูกสาวอีก 2 คน หลังหมดสติในห้องน้ำภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เดิมรายงานข่าวระบุว่าเกิดจากการเทโซดาไฟลงไปในท่อน้ำทิ้ง แต่ล่าสุดได้รับการคลี่คลายปริศนาจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่า ไม่ใช่โซดาไฟ

    แต่เป็น "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ที่มีส่วนผสมของกรดซัลฟิวริกเข้มข้น หนำซ้ำยังไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. (วัตถุอันตรายที่ใช้ทางสาธารณสุข) และเลขที่จดแจ้งรองรับ

    พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 พร้อมกับชูน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่คาดว่าเป็นต้นตอที่ทำให้สามแม่ลูกเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หาซื้อผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันมาพิสูจน์ พบว่าเป็นกรดซัลฟิวริกความเข้มข้นสูง ลักษณะเป็นของเหลวสีดำ

    เมื่อเจ้าหน้าที่ทดสอบโดยนำกระดาษใส่ในแก้วทดลอง ตามด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนลงไป เมื่อหยดน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งดังกล่าว พบว่าเกิดกลุ่มควันไอระเหยจำนวนมาก และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้นำแผ่นแท็บพิสูจน์ความเป็นกรดด่างไปรองสารระเหยที่ลอยขึ้นมา ก่อนนำไปเทียบกับแถบสี พบว่ามีความเป็นกรดสูง

    แสดงให้เห็นว่า กรดซัลฟิวริกทำปฏิกิริยากลายเป็นก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่า มีควันพวยพุ่งขึ้นมา

    พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ หาซื้อได้ยาก ไม่มีขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่จะพบในร้านขายวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ พร้อมเตือนประชาชนที่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมีใดๆ ให้ศึกษารายละเอียดความอันตรายของสารเหล่านั้นและซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ

    น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ นำมาแสดง มีชื่อว่า TURTLE หรือ เตอเติล-เคลีย ขนาด 500 ซี.ซี. ข้างขวดระบุว่า "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ระบุสรรพคุณ วิธีใช้ และคำเตือนวัตถุมีพิษอันตราย มีสารประกอบที่ออกฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง อย่าให้สัมผัสผิวหนังและเข้าตา หากถูกผิวหนังหรือเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง และรีบนำตัวส่งแพทย์

    แต่ไม่พบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้ผลิตว่ามาจากไหน และไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. ระบุอยู่ที่ขวดอีกด้วย เทียบกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า พบว่านอกจากจะมีเครื่องหมาย อย. วอส. แล้ว ยังระบุวิธีการใช้ คำเตือนอย่างละเอียด รวมทั้งสถานที่ผลิตอีกด้วย

    แม้ "น้ำยาตราเต่า" ที่ชาวบ้านเรียกกันจะไม่มีขายในห้างสรรพสินค้า แต่พบว่ามีขายตามร้านวัสดุก่อสร้าง หนำซ้ำแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังในไทย สามารถหาซื้อน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งยี่ห้อดังกล่าวอย่างง่ายดาย โดยราคาขายอยู่ที่ 51-75 บาทต่อขวด และยังมีน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งในลักษณะเดียวกันจำหน่ายอีกด้วย

    จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการสืบหาต้นตอว่า น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง มาจากไหน พร้อมทั้งสั่งการไปยังร้านค้า และร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างหยุดจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน

    เพราะน้ำยามรณะที่ว่านี้ เมื่อไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และไม่มีสถานที่ผลิต ย่อมเป็นน้ำยาเถื่อนที่ไม่ควรมีไว้ในครัวเรือน

    #Newskit #กรดซัลฟิวริก #น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง
    น้ำยาล้างห้องน้ำมรณะ ใครจะเชื่อว่าคลิปไวรัลที่นำน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรง มาราดตามสุขภัณฑ์ ตามท่อน้ำทิ้ง แล้วพบควันพวยพุ่งออกมาน่าตื่นเต้น วันหนึ่งอาจกลายเป็นโศกนาฎกรรมคร่าชีวิตครอบครัวไปอย่างน่าเศร้า กรณีการเสียชีวิตของข้าราชการตำรวจหญิงรายหนึ่ง สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี พร้อมกับลูกสาวอีก 2 คน หลังหมดสติในห้องน้ำภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เดิมรายงานข่าวระบุว่าเกิดจากการเทโซดาไฟลงไปในท่อน้ำทิ้ง แต่ล่าสุดได้รับการคลี่คลายปริศนาจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ระบุว่า ไม่ใช่โซดาไฟ แต่เป็น "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ที่มีส่วนผสมของกรดซัลฟิวริกเข้มข้น หนำซ้ำยังไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. (วัตถุอันตรายที่ใช้ทางสาธารณสุข) และเลขที่จดแจ้งรองรับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 พร้อมกับชูน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่คาดว่าเป็นต้นตอที่ทำให้สามแม่ลูกเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน หาซื้อผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันมาพิสูจน์ พบว่าเป็นกรดซัลฟิวริกความเข้มข้นสูง ลักษณะเป็นของเหลวสีดำ เมื่อเจ้าหน้าที่ทดสอบโดยนำกระดาษใส่ในแก้วทดลอง ตามด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนลงไป เมื่อหยดน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งดังกล่าว พบว่าเกิดกลุ่มควันไอระเหยจำนวนมาก และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้นำแผ่นแท็บพิสูจน์ความเป็นกรดด่างไปรองสารระเหยที่ลอยขึ้นมา ก่อนนำไปเทียบกับแถบสี พบว่ามีความเป็นกรดสูง แสดงให้เห็นว่า กรดซัลฟิวริกทำปฏิกิริยากลายเป็นก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือก๊าซไข่เน่า มีควันพวยพุ่งขึ้นมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ หาซื้อได้ยาก ไม่มีขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่จะพบในร้านขายวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ พร้อมเตือนประชาชนที่จำเป็นจะต้องใช้สารเคมีใดๆ ให้ศึกษารายละเอียดความอันตรายของสารเหล่านั้นและซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมาย อย. วอส. และเลขที่จดแจ้งรองรับ น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ นำมาแสดง มีชื่อว่า TURTLE หรือ เตอเติล-เคลีย ขนาด 500 ซี.ซี. ข้างขวดระบุว่า "น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง" ระบุสรรพคุณ วิธีใช้ และคำเตือนวัตถุมีพิษอันตราย มีสารประกอบที่ออกฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง อย่าให้สัมผัสผิวหนังและเข้าตา หากถูกผิวหนังหรือเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง และรีบนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่พบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้ผลิตว่ามาจากไหน และไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. ระบุอยู่ที่ขวดอีกด้วย เทียบกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า พบว่านอกจากจะมีเครื่องหมาย อย. วอส. แล้ว ยังระบุวิธีการใช้ คำเตือนอย่างละเอียด รวมทั้งสถานที่ผลิตอีกด้วย แม้ "น้ำยาตราเต่า" ที่ชาวบ้านเรียกกันจะไม่มีขายในห้างสรรพสินค้า แต่พบว่ามีขายตามร้านวัสดุก่อสร้าง หนำซ้ำแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังในไทย สามารถหาซื้อน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งยี่ห้อดังกล่าวอย่างง่ายดาย โดยราคาขายอยู่ที่ 51-75 บาทต่อขวด และยังมีน้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งในลักษณะเดียวกันจำหน่ายอีกด้วย จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการสืบหาต้นตอว่า น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง มาจากไหน พร้อมทั้งสั่งการไปยังร้านค้า และร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างหยุดจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน เพราะน้ำยามรณะที่ว่านี้ เมื่อไม่มีเครื่องหมาย อย. วอส. และไม่มีสถานที่ผลิต ย่อมเป็นน้ำยาเถื่อนที่ไม่ควรมีไว้ในครัวเรือน #Newskit #กรดซัลฟิวริก #น้ำยาทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทำความสะอาด #ห้องครัว
    #ทำความสะอาด #ห้องครัว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหา หิด และผื่น สร้างความเดือดร้อนให้กับเด็กชาวปาเลสในกาซา
    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยโรคผิวหนังกำลังระบาดอย่างหนักในกาซา เนื่องมาจากสภาพที่เลวร้ายในค่ายเต็นท์ที่แออัดซึ่งมีชาวปาเลสหลายแสนคนถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือนเนื่องจากสงครามของเอล ซึ่งขณะนี้เข้าสู่เดือนที่ 10 แล้ว
    รายงานของเอพีระบุว่าชาวปาเลสไม่มีสบู่ไว้ทำความสะอาดตัวเองหรือว่าลูก หรือซักเสื้อผ้าในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าว ขณะที่สหประชาชาติระบุว่าระบบสุขาภิบาลได้ล่มสลายลงท่ามกลางการโจมตีและการโจมตีของเอล
    องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีผู้ป่วยเหา หิด และผื่นผิวหนังมากกว่า 160,000 ราย ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แพทย์รายงานผู้ป่วยโรคผิวหนังหลายร้อยรายต่อวัน รวมถึงตัวน้อยจำนวนมากที่มีผื่น สะเก็ด ผื่น และตุ่มน้ำที่กลายเป็นการติดเชื้อที่รุนแรงยิ่งขึ้น
    ความสะอาดเป็นไปไม่ได้ในเต็นท์ทรุดโทรมๆ ที่มีเพียงโครงไม้แขวนด้วยผ้าห่มหรือแผ่นพลาสติก ยัดไว้เคียงข้างกันในพื้นที่กว้าง
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เหา หิด และผื่น สร้างความเดือดร้อนให้กับเด็กชาวปาเลสในกาซา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยโรคผิวหนังกำลังระบาดอย่างหนักในกาซา เนื่องมาจากสภาพที่เลวร้ายในค่ายเต็นท์ที่แออัดซึ่งมีชาวปาเลสหลายแสนคนถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือนเนื่องจากสงครามของเอล ซึ่งขณะนี้เข้าสู่เดือนที่ 10 แล้ว รายงานของเอพีระบุว่าชาวปาเลสไม่มีสบู่ไว้ทำความสะอาดตัวเองหรือว่าลูก หรือซักเสื้อผ้าในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าว ขณะที่สหประชาชาติระบุว่าระบบสุขาภิบาลได้ล่มสลายลงท่ามกลางการโจมตีและการโจมตีของเอล องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีผู้ป่วยเหา หิด และผื่นผิวหนังมากกว่า 160,000 ราย ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แพทย์รายงานผู้ป่วยโรคผิวหนังหลายร้อยรายต่อวัน รวมถึงตัวน้อยจำนวนมากที่มีผื่น สะเก็ด ผื่น และตุ่มน้ำที่กลายเป็นการติดเชื้อที่รุนแรงยิ่งขึ้น ความสะอาดเป็นไปไม่ได้ในเต็นท์ทรุดโทรมๆ ที่มีเพียงโครงไม้แขวนด้วยผ้าห่มหรือแผ่นพลาสติก ยัดไว้เคียงข้างกันในพื้นที่กว้าง . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว