• เก่าไปนิด แต่ Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิยายจีนเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> จบไป สะดุดตากับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยี่ยจื่อไผ’

    ความมีอยู่ว่า
    ...ปัญหาคือว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่เคยมายามวิกาล ... ดังนั้น เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง จึงมีเพียงข้าและอาตู้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังเพลิดเพลินสนุกสนานกับการเล่นเยี่ยจื่อไผ ข้าจับได้ไพ่สวยทั้งมือ...
    จากเรื่อง <ตงกง ตำนานตำหนักบูรพา> ผู้แต่ง เฟยอั่วซือฉุน
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ‘เยี่ยจื่อไผ’ ที่กล่าวถึงข้างต้น ในละครจะเห็นว่ามันคือไพ่ที่ทำจากไม้ พอพูดถึงเรื่องไพ่ แม้แต่ฝรั่งยังบันทึกไว้ว่าไพ่ถือกำเนิดมาจากจีนโบราณ และเนื่องด้วยวิธีการเล่นไพ่แตกแขนงไปมากมาย การรวบรวมข้อมูลนั้นไม่ง่าย

    Storyฯ พอจะเรียบเรียงได้ว่า เยี่ยจื่อไผเดิมคือ ‘เยี่ยจื่อซี่’ (เกมใบไม้ หรือ 叶子戏 หรือที่มีฝรั่งไปเขียนถึงว่า Leaf Game) เป็นการละเล่นที่เริ่มขึ้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ถัง เป็นที่นิยมในวังและในกลุ่มนักวิชาการไว้เล่นยามสังสรรค์ ใน <บันทึกแห่งองค์หญิงถงชาง> ในสมัยราชวงศ์ถัง เคยบันทึกไว้ว่าองค์หญิงถงชาง (พระราชธิดาในฮ่องเต้อี้จง) ทรงโปรดปรานเกมนี้ถึงขนาดใช้ของล้ำค่าหายากอย่างไข่มุกราตรีมาให้แสงสว่างเพื่อจะได้เล่นจนดึกดื่น จากข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ฟากตะวันตก ว่ากันว่าเยี่ยจื่อซี่เดิมเป็นเกมทอยลูกเต๋าขนาดใหญ่ ต่อมาจึงนำมาวาดลงเป็นไม้แผ่นเล็กเพื่อสะดวกในการพกพายามเดินทาง เรียกว่าเยี่ยจื่อไผ ต่อมาจึงพัฒนาเป็นใช้กระดาษ มีการเขียนกำหนดกติกาการเล่นชัดเจนเป็นบันทึกเรียกว่า ‘เยี่ยจื่อเก๋อ’

    เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป กฎกติกาการเล่นก็พัฒนามากขึ้นไปหลากหลายจวบจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ชิงจึง ‘นิ่ง’ หรือ ‘เข้าที่’

    แต่กว่าจะถึงวันนั้น ลวดลายของไพ่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย จากเดิมเป็นเพียงตัวเลขจากเล็กไปใหญ่แบบที่เห็นในรูปที่เป็นป้ายไม้จากละคร (ไพ่เบอร์ใหญ่ชนะไพ่เบอร์เล็ก) ก็มีการใช้ชุดตัวเลขหลักหมื่น (ตามรูปไพ่กระดาษที่มีลวดลายหน้าคน) ต่อมามีการเพิ่มเป็นชุดเรียงจำนวนเงินจากครึ่งอีแปะไปเป็นเก้าเฉียน (เข้าใจว่าหนึ่งเฉียนคือหนึ่งร้อยอีแปะ) เป็นต้น

    นอกจากตัวเลขที่เปลี่ยนไปยังมีการวาดลวดลายเพิ่มเติม เช่น ในยุคสมัยราชวงศ์หมิงมีการนิยมเอาตัวละครจากบทประพันธ์ชื่อดังมาวาดเป็นลายไพ่ อย่างตัวละครจากเรื่อง <ซ้องกั๋ง> เป็นต้น ว่ากันว่าลวดลายเหล่านี้เป็นต้นแบบของหน้าไพ่แจ็คเกอร์ของไพ่ป๊อก

    นอกจากนี้ยังมีการคงไว้ซึ่งรูปแบบของการใช้ไม้หรือวัสดุอื่น เป็นที่มาของไพ่โดมิโน (Domino Tiles) อันเป็นต้นแบบของ Mahjong หรือไพ่นกกระจอกนั่นเอง

    Storyฯ ไม่สันทัดการเล่นไพ่ ไม่เข้าใจกติกาของไพ่ประเภทต่างๆ อาจอธิบายไม่ได้ดีนัก ลองทำการบ้านเพิ่มดู เห็นในเว็บสามเกลอมีการคุยเรื่องไพ่ผ่องของไทยเปรียบเทียบกับไพ่จีนไว้ตามนี้ เพื่อนเพจที่สนใจลองอ่านดูนะคะ http://www.samgler.org/archives/card3.htm

    ยังมีละครจีนอีกหลายเรื่องที่พูดถึงเยี่ยจื่อไผ เพื่อนเพจพอจะจำกันได้บ้างไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://dramapanda.com/2018/12/goodbye-my-princess-2018.html
    http://www.chinawenhua.com.cn/zyanjiu/2018/4894.html
    Credit ข้อมูลจาก:
    https://theplayingcardfactory.com/history
    https://www.parlettgames.uk/histocs/leafgame.html
    http://www.qulishi.com/article/202010/448890.html
    https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%91%89%E5%AD%90%E6%88%B2

    #ตงกง #ไพ่จีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    เก่าไปนิด แต่ Storyฯ เพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิยายจีนเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> จบไป สะดุดตากับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยี่ยจื่อไผ’ ความมีอยู่ว่า ...ปัญหาคือว่าหลี่เฉิงอิ๋นไม่เคยมายามวิกาล ... ดังนั้น เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง จึงมีเพียงข้าและอาตู้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังเพลิดเพลินสนุกสนานกับการเล่นเยี่ยจื่อไผ ข้าจับได้ไพ่สวยทั้งมือ... จากเรื่อง <ตงกง ตำนานตำหนักบูรพา> ผู้แต่ง เฟยอั่วซือฉุน (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้) ‘เยี่ยจื่อไผ’ ที่กล่าวถึงข้างต้น ในละครจะเห็นว่ามันคือไพ่ที่ทำจากไม้ พอพูดถึงเรื่องไพ่ แม้แต่ฝรั่งยังบันทึกไว้ว่าไพ่ถือกำเนิดมาจากจีนโบราณ และเนื่องด้วยวิธีการเล่นไพ่แตกแขนงไปมากมาย การรวบรวมข้อมูลนั้นไม่ง่าย Storyฯ พอจะเรียบเรียงได้ว่า เยี่ยจื่อไผเดิมคือ ‘เยี่ยจื่อซี่’ (เกมใบไม้ หรือ 叶子戏 หรือที่มีฝรั่งไปเขียนถึงว่า Leaf Game) เป็นการละเล่นที่เริ่มขึ้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ถัง เป็นที่นิยมในวังและในกลุ่มนักวิชาการไว้เล่นยามสังสรรค์ ใน <บันทึกแห่งองค์หญิงถงชาง> ในสมัยราชวงศ์ถัง เคยบันทึกไว้ว่าองค์หญิงถงชาง (พระราชธิดาในฮ่องเต้อี้จง) ทรงโปรดปรานเกมนี้ถึงขนาดใช้ของล้ำค่าหายากอย่างไข่มุกราตรีมาให้แสงสว่างเพื่อจะได้เล่นจนดึกดื่น จากข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ฟากตะวันตก ว่ากันว่าเยี่ยจื่อซี่เดิมเป็นเกมทอยลูกเต๋าขนาดใหญ่ ต่อมาจึงนำมาวาดลงเป็นไม้แผ่นเล็กเพื่อสะดวกในการพกพายามเดินทาง เรียกว่าเยี่ยจื่อไผ ต่อมาจึงพัฒนาเป็นใช้กระดาษ มีการเขียนกำหนดกติกาการเล่นชัดเจนเป็นบันทึกเรียกว่า ‘เยี่ยจื่อเก๋อ’ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป กฎกติกาการเล่นก็พัฒนามากขึ้นไปหลากหลายจวบจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ชิงจึง ‘นิ่ง’ หรือ ‘เข้าที่’ แต่กว่าจะถึงวันนั้น ลวดลายของไพ่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย จากเดิมเป็นเพียงตัวเลขจากเล็กไปใหญ่แบบที่เห็นในรูปที่เป็นป้ายไม้จากละคร (ไพ่เบอร์ใหญ่ชนะไพ่เบอร์เล็ก) ก็มีการใช้ชุดตัวเลขหลักหมื่น (ตามรูปไพ่กระดาษที่มีลวดลายหน้าคน) ต่อมามีการเพิ่มเป็นชุดเรียงจำนวนเงินจากครึ่งอีแปะไปเป็นเก้าเฉียน (เข้าใจว่าหนึ่งเฉียนคือหนึ่งร้อยอีแปะ) เป็นต้น นอกจากตัวเลขที่เปลี่ยนไปยังมีการวาดลวดลายเพิ่มเติม เช่น ในยุคสมัยราชวงศ์หมิงมีการนิยมเอาตัวละครจากบทประพันธ์ชื่อดังมาวาดเป็นลายไพ่ อย่างตัวละครจากเรื่อง <ซ้องกั๋ง> เป็นต้น ว่ากันว่าลวดลายเหล่านี้เป็นต้นแบบของหน้าไพ่แจ็คเกอร์ของไพ่ป๊อก นอกจากนี้ยังมีการคงไว้ซึ่งรูปแบบของการใช้ไม้หรือวัสดุอื่น เป็นที่มาของไพ่โดมิโน (Domino Tiles) อันเป็นต้นแบบของ Mahjong หรือไพ่นกกระจอกนั่นเอง Storyฯ ไม่สันทัดการเล่นไพ่ ไม่เข้าใจกติกาของไพ่ประเภทต่างๆ อาจอธิบายไม่ได้ดีนัก ลองทำการบ้านเพิ่มดู เห็นในเว็บสามเกลอมีการคุยเรื่องไพ่ผ่องของไทยเปรียบเทียบกับไพ่จีนไว้ตามนี้ เพื่อนเพจที่สนใจลองอ่านดูนะคะ http://www.samgler.org/archives/card3.htm ยังมีละครจีนอีกหลายเรื่องที่พูดถึงเยี่ยจื่อไผ เพื่อนเพจพอจะจำกันได้บ้างไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://dramapanda.com/2018/12/goodbye-my-princess-2018.html http://www.chinawenhua.com.cn/zyanjiu/2018/4894.html Credit ข้อมูลจาก: https://theplayingcardfactory.com/history https://www.parlettgames.uk/histocs/leafgame.html http://www.qulishi.com/article/202010/448890.html https://zh.wikipedia.org/wiki/%E8%91%89%E5%AD%90%E6%88%B2 #ตงกง #ไพ่จีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ StoryfromStory
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เปลี่ยนมาคุยเกี่ยวกับการละเล่นชนิดหนึ่งที่เห็นในละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา>
    ความมีอยู่ว่า
    ... องค์หญิงหย่งหนิง: “ดูนั่นสิ พี่รองกับพี่ห้าอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องกำลังเล่นบทกวีล่องสายน้ำอยู่แน่เลย”...
    องค์หญิงลั่วซี: “บทกวีล่องลอยน้ำ คือการละเล่นอย่างหนึ่งของราชวงศ์หลี่ หลังเสร็จพิธีฝูซี่ในแต่ละปี ทุกคนจะนั่งอยู่สองฝั่งของคูน้ำ วางจอกสุราไว้ที่ต้นน้ำ จอกสุราจะล่องมาตามสายน้ำ หากหยุดตรงหน้าใคร คนนั้นก็ต้องหยิบขึ้นมาดื่ม รวมถึงต้องแต่งกลอนด้วย”...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา>

    ละครเรื่องนี้เกิดในราชวงศ์สมมุติ แต่ ‘บทกวีล่องสายน้ำ’ ที่กล่าวถึงนั้นมีอยู่จริง เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวซาง’ (曲水流觞 แปลตรงตัวว่าชามสุราลอยไปตามสายน้ำที่คดเคี้ยว) เป็นกิจกรรมที่นิยมจัดขึ้นในวันที่สามเดือนสามของปฏิทินจันทรคติ หรือก็คือวันซ่างซึ (上巳节)

    ในวันซ่างซึ ตามธรรมเนียมโบราณดั้งเดิมจะทำการอาบน้ำในแม่น้ำเพื่อชำระล้างเคราะห์ร้ายและสิ่งอัปมงคลออกไปจากชีวิตหรือที่เรียกว่า ‘พิธีฝูซี่’ ตามที่กล่าวถึงในละครข้างต้น มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นโจวตะวันออก (1047-772 ก่อนคริสตกาล) จัดเป็นหนึ่งในพิธีชำระที่สำคัญที่สุดของจีนโบราณ ต่อมาพิธีนี้แปรเปลี่ยนเป็นต่างคนต่างอาบน้ำแต่งตัวสวยงามแล้วออกมาริมแม่น้ำเพื่อกราบไหว้ และมีการแสดงรื่นเริง

    ในสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 266-420) เกิดเป็นกิจกรรมสันทนาการที่เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ขึ้น (ดูภาพประกอบ1) วิธีเล่นก็คือนั่งกันสองฝั่งฟากของลำธารแล้วปล่อยชามสุราให้ลอยไปตามสายน้ำ ชามสุราลอยไปหยุดอยู่หน้าใคร คนนั้นต้องแต่งกลอน หากแต่งไม่ออกก็ต้องถูกลงโทษด้วยการดื่มสุราสามชาม (วิธีเล่นแตกต่างจากที่บรรยายในละครตรงนี้) ต่อมาได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นกิจกรรมในช่วงเทศกาลที่หนุ่มสาวออกมาเจอะเจอกันได้ เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง อาจเป็นลำธารจริง หรือเป็นลำธารและภูเขาจำลองอยู่ในอุทยานในบ้านคนรวย ต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมและเมื่อถึงสมัยหมิงยิ่งจัดกันน้อย หากจัดขึ้นก็จะทำเป็นลำธารจำลองเล็กๆ ขึ้นในศาลาสำหรับคนกลุ่มเล็กร่วมดื่มกันเท่านั้น

    ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ไม่เพียงเป็นประเพณีโบราณ หากยังเป็นบ่อเกิดของงานศิลปะในตำนานจีนที่ชื่อดังชิ้นหนึ่ง เป็นงานอักษรพู่กันจีนที่มีชื่อว่า ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ (兰亭集序 ดูภาพประกอบ2) โดยหวังซีจือผู้เป็นนักปราชญ์ขุนนางในสมัยองค์จิ้นมู่แห่งราชวงศ์จิ้น งานอักษรของเขาโดดเด่นจนเขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่ ‘ที่สุด’ ของประวัติศาสตร์จีนในด้านนี้

    ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ เป็นบทนำของคอลเล็กชั่นบทกวีที่เกิดขึ้นในงานฉลองเทศกาลซ่างซึที่องค์จิ้นมู่ทรงจัดขึ้น มีเหล่าขุนนางสี่สิบเอ็ดคนมาร่วมเล่น ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ โดยบทนำนี้บรรยายถึงวิธีเล่นนี้เอาไว้ ต้นฉบับของผลงานชิ้นนี้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา แต่ปรากฏฉบับคัดลอกมาตลอดหลายยุคสมัย ฉบับคัดลอกที่เก่าแก่ที่สุดเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงปักกิ่ง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันเพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/303274788_157925
    https://www.sohu.com/a/371364660_118889
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zh.m.wikipedia.org/zh-hans/上巳节
    https://baike.baidu.com/item/上巳节
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/33299095
    http://m.xinhuanet.com/sh/2018-04/18/c_137119707.htm
    https://en.wikipedia.org/wiki/Wang_Xizhi
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_af279f0cdd95.aspx
    วันนี้เปลี่ยนมาคุยเกี่ยวกับการละเล่นชนิดหนึ่งที่เห็นในละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> ความมีอยู่ว่า ... องค์หญิงหย่งหนิง: “ดูนั่นสิ พี่รองกับพี่ห้าอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องกำลังเล่นบทกวีล่องสายน้ำอยู่แน่เลย”... องค์หญิงลั่วซี: “บทกวีล่องลอยน้ำ คือการละเล่นอย่างหนึ่งของราชวงศ์หลี่ หลังเสร็จพิธีฝูซี่ในแต่ละปี ทุกคนจะนั่งอยู่สองฝั่งของคูน้ำ วางจอกสุราไว้ที่ต้นน้ำ จอกสุราจะล่องมาตามสายน้ำ หากหยุดตรงหน้าใคร คนนั้นก็ต้องหยิบขึ้นมาดื่ม รวมถึงต้องแต่งกลอนด้วย”... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา> ละครเรื่องนี้เกิดในราชวงศ์สมมุติ แต่ ‘บทกวีล่องสายน้ำ’ ที่กล่าวถึงนั้นมีอยู่จริง เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวซาง’ (曲水流觞 แปลตรงตัวว่าชามสุราลอยไปตามสายน้ำที่คดเคี้ยว) เป็นกิจกรรมที่นิยมจัดขึ้นในวันที่สามเดือนสามของปฏิทินจันทรคติ หรือก็คือวันซ่างซึ (上巳节) ในวันซ่างซึ ตามธรรมเนียมโบราณดั้งเดิมจะทำการอาบน้ำในแม่น้ำเพื่อชำระล้างเคราะห์ร้ายและสิ่งอัปมงคลออกไปจากชีวิตหรือที่เรียกว่า ‘พิธีฝูซี่’ ตามที่กล่าวถึงในละครข้างต้น มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นโจวตะวันออก (1047-772 ก่อนคริสตกาล) จัดเป็นหนึ่งในพิธีชำระที่สำคัญที่สุดของจีนโบราณ ต่อมาพิธีนี้แปรเปลี่ยนเป็นต่างคนต่างอาบน้ำแต่งตัวสวยงามแล้วออกมาริมแม่น้ำเพื่อกราบไหว้ และมีการแสดงรื่นเริง ในสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 266-420) เกิดเป็นกิจกรรมสันทนาการที่เรียกว่า ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ขึ้น (ดูภาพประกอบ1) วิธีเล่นก็คือนั่งกันสองฝั่งฟากของลำธารแล้วปล่อยชามสุราให้ลอยไปตามสายน้ำ ชามสุราลอยไปหยุดอยู่หน้าใคร คนนั้นต้องแต่งกลอน หากแต่งไม่ออกก็ต้องถูกลงโทษด้วยการดื่มสุราสามชาม (วิธีเล่นแตกต่างจากที่บรรยายในละครตรงนี้) ต่อมาได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นกิจกรรมในช่วงเทศกาลที่หนุ่มสาวออกมาเจอะเจอกันได้ เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง อาจเป็นลำธารจริง หรือเป็นลำธารและภูเขาจำลองอยู่ในอุทยานในบ้านคนรวย ต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมและเมื่อถึงสมัยหมิงยิ่งจัดกันน้อย หากจัดขึ้นก็จะทำเป็นลำธารจำลองเล็กๆ ขึ้นในศาลาสำหรับคนกลุ่มเล็กร่วมดื่มกันเท่านั้น ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ ไม่เพียงเป็นประเพณีโบราณ หากยังเป็นบ่อเกิดของงานศิลปะในตำนานจีนที่ชื่อดังชิ้นหนึ่ง เป็นงานอักษรพู่กันจีนที่มีชื่อว่า ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ (兰亭集序 ดูภาพประกอบ2) โดยหวังซีจือผู้เป็นนักปราชญ์ขุนนางในสมัยองค์จิ้นมู่แห่งราชวงศ์จิ้น งานอักษรของเขาโดดเด่นจนเขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่ ‘ที่สุด’ ของประวัติศาสตร์จีนในด้านนี้ ‘หลันถิงจี๋ซวี่’ เป็นบทนำของคอลเล็กชั่นบทกวีที่เกิดขึ้นในงานฉลองเทศกาลซ่างซึที่องค์จิ้นมู่ทรงจัดขึ้น มีเหล่าขุนนางสี่สิบเอ็ดคนมาร่วมเล่น ‘ชวีสุ่ยหลิวช่าง’ โดยบทนำนี้บรรยายถึงวิธีเล่นนี้เอาไว้ ต้นฉบับของผลงานชิ้นนี้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา แต่ปรากฏฉบับคัดลอกมาตลอดหลายยุคสมัย ฉบับคัดลอกที่เก่าแก่ที่สุดเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงปักกิ่ง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันเพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/303274788_157925 https://www.sohu.com/a/371364660_118889 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zh.m.wikipedia.org/zh-hans/上巳节 https://baike.baidu.com/item/上巳节 https://zhuanlan.zhihu.com/p/33299095 http://m.xinhuanet.com/sh/2018-04/18/c_137119707.htm https://en.wikipedia.org/wiki/Wang_Xizhi https://so.gushiwen.cn/shiwenv_af279f0cdd95.aspx
    看了《东宫》、《招摇》的海报,我想说你们对中国高级的古典美误解太深|意外_线条
    《招摇》的海报中,两人的头发和衣服就是在试图模仿这种线条带来的飘逸: 所以说这些所谓古典美的海报和写真误以为古风就是要“飘”,却不知这种飘逸的背后是巧用线条对于动感的表现。 让这些海报出现违和感…
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว