• Asus ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกลไกการปลดล็อก Q-Release Slim ที่เพิ่งเปิดตัวสำหรับการ์ดกราฟิก ซึ่งมีรายงานว่าอาจทำให้ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe ถูกขูดออกได้ Asus แนะนำให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่ากลไกนี้จะไม่ทำให้การ์ดกราฟิกเสียหาย เว้นแต่จะมีการถอดและติดตั้งบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม Asus ยอมรับว่ามีบางกรณีที่ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจถูกขูดออกได้

    กลไก Q-Release Slim ของ Asus ถูกใช้ในเมนบอร์ดระดับพรีเมียมของ AMD และ Intel ซีรีส์ 800 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถถอดการ์ดกราฟิกได้โดยการเอียงการ์ดขณะดึงขึ้น (หรือด้านข้าง) ขณะที่กลไกล็อก PCIe ปลดล็อกโดยอัตโนมัติ แม้ว่ากลไกนี้จะดูง่าย แต่ในบางกรณีชิ้นส่วนเล็กๆ ของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจแตกออกได้ อย่างไรก็ตาม ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นว่าการแตกนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อ PCIe จริงๆ ดังนั้นจึงไม่ควรส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือประสิทธิภาพ

    Asus ยืนยันว่าหากผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างถูกต้อง ตัวเชื่อมต่อจะไม่ถูกขูดออก แต่ยังเน้นว่าร่องรอยการใช้งานและการสึกหรอจะปรากฏหลังจากการถอดและติดตั้งหลายสิบครั้ง

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ตัวเชื่อมต่อ PCIe และการ์ดขอบจะมีการสึกหรอหลังจากการถอดและติดตั้งหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรม โดยมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับตัวเชื่อมต่อ PCIe x4/x8/16 มักจะอยู่ที่ประมาณ 50 รอบการเชื่อมต่อและถอดออกสำหรับช่องเสียบมาตรฐาน และมากกว่านั้นสำหรับช่องเสียบที่ทนทานสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asus-comments-on-q-release-slim-damaging-gpus-issues-official-removal-guidelines
    Asus ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกลไกการปลดล็อก Q-Release Slim ที่เพิ่งเปิดตัวสำหรับการ์ดกราฟิก ซึ่งมีรายงานว่าอาจทำให้ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe ถูกขูดออกได้ Asus แนะนำให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่ากลไกนี้จะไม่ทำให้การ์ดกราฟิกเสียหาย เว้นแต่จะมีการถอดและติดตั้งบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม Asus ยอมรับว่ามีบางกรณีที่ขอบของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจถูกขูดออกได้ กลไก Q-Release Slim ของ Asus ถูกใช้ในเมนบอร์ดระดับพรีเมียมของ AMD และ Intel ซีรีส์ 800 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถถอดการ์ดกราฟิกได้โดยการเอียงการ์ดขณะดึงขึ้น (หรือด้านข้าง) ขณะที่กลไกล็อก PCIe ปลดล็อกโดยอัตโนมัติ แม้ว่ากลไกนี้จะดูง่าย แต่ในบางกรณีชิ้นส่วนเล็กๆ ของตัวเชื่อมต่อ PCIe อาจแตกออกได้ อย่างไรก็ตาม ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นว่าการแตกนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อ PCIe จริงๆ ดังนั้นจึงไม่ควรส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือประสิทธิภาพ Asus ยืนยันว่าหากผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางการถอดการ์ดอย่างถูกต้อง ตัวเชื่อมต่อจะไม่ถูกขูดออก แต่ยังเน้นว่าร่องรอยการใช้งานและการสึกหรอจะปรากฏหลังจากการถอดและติดตั้งหลายสิบครั้ง สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ตัวเชื่อมต่อ PCIe และการ์ดขอบจะมีการสึกหรอหลังจากการถอดและติดตั้งหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรม โดยมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับตัวเชื่อมต่อ PCIe x4/x8/16 มักจะอยู่ที่ประมาณ 50 รอบการเชื่อมต่อและถอดออกสำหรับช่องเสียบมาตรฐาน และมากกว่านั้นสำหรับช่องเสียบที่ทนทานสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/asus-comments-on-q-release-slim-damaging-gpus-issues-official-removal-guidelines
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #เหนื่อยนักก็พักหน่อย #ซีรีส์จีน #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #เหนื่อยนักก็พักหน่อย #ซีรีส์จีน #wetv #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • AMD ได้เผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 บนฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคตามบ้านเรือน เช่น Ryzen AI และ Radeon GPUs โมเดล DeepSeek R1 นี้สามารถทำงานบน GPU ซีรีส์ RX 7000 และ CPU Ryzen ที่มี XDNA NPUs ได้ แต่ต้องใช้ไดรเวอร์ Adrenalin 25.1.1 (https://community.amd.com/t5/ai/experience-the-deepseek-r1-distilled-reasoning-models-on-amd/ba-p/740593)

    AMD ได้จัดทำคู่มือที่มีทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการเพื่อให้ DeepSeek R1 ทำงานบนเครื่องที่รองรับ LM Studio มีตัวติดตั้งแบบคลิกเดียวที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Ryzen AI ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ใช้ AMD จะใช้ในการติดตั้ง R1 AMD ยังแสดงวิธีการปรับแต่งแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของพวกเขา รวมถึงรายการพารามิเตอร์ LLM ที่รองรับสูงสุด

    โมเดล DeepSeek R1 ได้รับการฝึกฝนบนคลัสเตอร์ของ GPU Nvidia H800 จำนวน 2,048 ตัว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าโมเดลชั้นนำถึง 11 เท่า โมเดลนี้ใช้การปรับแต่งระดับสูงเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยใช้การเขียนโปรแกรม Parallel Thread Execution (PTX) ของ Nvidia

    นอกจากนี้ Huawei ยังได้เพิ่มการสนับสนุน DeepSeek ใน GPU Ascend AI ของพวกเขา ทำให้สามารถใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ของจีน.

    การพัฒนาและการเผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 ของ AMD แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-released-instructions-for-running-deepseek-on-ryzen-ai-cpus-and-radeon-gpus
    AMD ได้เผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 บนฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคตามบ้านเรือน เช่น Ryzen AI และ Radeon GPUs โมเดล DeepSeek R1 นี้สามารถทำงานบน GPU ซีรีส์ RX 7000 และ CPU Ryzen ที่มี XDNA NPUs ได้ แต่ต้องใช้ไดรเวอร์ Adrenalin 25.1.1 (https://community.amd.com/t5/ai/experience-the-deepseek-r1-distilled-reasoning-models-on-amd/ba-p/740593) AMD ได้จัดทำคู่มือที่มีทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการเพื่อให้ DeepSeek R1 ทำงานบนเครื่องที่รองรับ LM Studio มีตัวติดตั้งแบบคลิกเดียวที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Ryzen AI ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ใช้ AMD จะใช้ในการติดตั้ง R1 AMD ยังแสดงวิธีการปรับแต่งแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของพวกเขา รวมถึงรายการพารามิเตอร์ LLM ที่รองรับสูงสุด โมเดล DeepSeek R1 ได้รับการฝึกฝนบนคลัสเตอร์ของ GPU Nvidia H800 จำนวน 2,048 ตัว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าโมเดลชั้นนำถึง 11 เท่า โมเดลนี้ใช้การปรับแต่งระดับสูงเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยใช้การเขียนโปรแกรม Parallel Thread Execution (PTX) ของ Nvidia นอกจากนี้ Huawei ยังได้เพิ่มการสนับสนุน DeepSeek ใน GPU Ascend AI ของพวกเขา ทำให้สามารถใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ของจีน. การพัฒนาและการเผยแพร่คำแนะนำในการใช้งานโมเดล AI DeepSeek R1 ของ AMD แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-released-instructions-for-running-deepseek-on-ryzen-ai-cpus-and-radeon-gpus
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD released instructions for running DeepSeek on Ryzen AI CPUs and Radeon GPUs
    DeepSeek R1 can now be run on AMD's latest consumer-based hardware.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • กินเกี๊ยวรับตรุษจีน

    สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน

    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

    ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ
    มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง

    แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว?

    จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง

    นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่>

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่

    อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/
    https://www.shuge.org/meet/topic/19030/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/饺子/28977
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595
    https://www.sohu.com/a/449146748_401284
    https://www.sohu.com/a/367953600_120207616

    #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    กินเกี๊ยวรับตรุษจีน สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว? จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่ อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/ https://www.shuge.org/meet/topic/19030/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/饺子/28977 https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595 https://www.sohu.com/a/449146748_401284 https://www.sohu.com/a/367953600_120207616 #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้อัปเดตไดรเวอร์ Linux ของตนด้วยการเพิ่ม PCI IDs ใหม่สามรายการสำหรับกราฟิกการ์ดซีรีส์ Arc B "Battlemage" ซึ่งประกอบด้วยรุ่น B580 และ B570 ที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้ใช้และนักวิจารณ์

    การอัปเดตนี้ทำให้เกิดการคาดเดาว่า Intel อาจกำลังเตรียมเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ในซีรีส์ Battlemage ซึ่งอาจเป็นรุ่นที่มี VRAM ขนาดใหญ่ขึ้นและเน้นการใช้งานในงานเวิร์กสเตชัน โดยมีการคาดการณ์ว่าการเปิดตัวนี้อาจเกิดขึ้นในปลายปี 2025

    นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึงการที่ Intel ได้ยืนยันว่าได้เสร็จสิ้นการพัฒนาเทคโนโลยี Xe3 "Celestial" และกำลังเริ่มทำงานกับเทคโนโลยี Xe4 "Druid" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการพัฒนากราฟิกการ์ด

    การอัปเดตไดรเวอร์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    https://www.techpowerup.com/331740/intel-updates-linux-driver-with-three-unannounced-battlemage-pci-ids
    Intel ได้อัปเดตไดรเวอร์ Linux ของตนด้วยการเพิ่ม PCI IDs ใหม่สามรายการสำหรับกราฟิกการ์ดซีรีส์ Arc B "Battlemage" ซึ่งประกอบด้วยรุ่น B580 และ B570 ที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้ใช้และนักวิจารณ์ การอัปเดตนี้ทำให้เกิดการคาดเดาว่า Intel อาจกำลังเตรียมเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ในซีรีส์ Battlemage ซึ่งอาจเป็นรุ่นที่มี VRAM ขนาดใหญ่ขึ้นและเน้นการใช้งานในงานเวิร์กสเตชัน โดยมีการคาดการณ์ว่าการเปิดตัวนี้อาจเกิดขึ้นในปลายปี 2025 นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึงการที่ Intel ได้ยืนยันว่าได้เสร็จสิ้นการพัฒนาเทคโนโลยี Xe3 "Celestial" และกำลังเริ่มทำงานกับเทคโนโลยี Xe4 "Druid" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการพัฒนากราฟิกการ์ด การอัปเดตไดรเวอร์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว https://www.techpowerup.com/331740/intel-updates-linux-driver-with-three-unannounced-battlemage-pci-ids
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Intel Updates Linux Driver with Three Unannounced Battlemage PCI IDs
    Intel's relatively new lineup of Arc B-series "Battlemage" desktop graphics cards consists of B580 and B570 GPUs—these affordable models have been warmly welcomed by reviewers and customers alike. PC hardware enthusiasts—with larger wallets—will be pondering over possible future launches of mid-tier...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวล่าสุดจาก Qualcomm เปิดเผยว่า บริษัทกำลังพัฒนา Snapdragon X2 SoCs รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 การพัฒนานี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Qualcomm ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตแล็ปท็อปหลายราย เนื่องจากประสิทธิภาพ AI ที่น่าประทับใจของชิปเซ็ตรุ่นก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในตลาดปัจจุบัน ชิปเซ็ตของ Qualcomm ถูกบดบังด้วยการเปิดตัวใหม่จาก AMD และ Intel ทำให้ Qualcomm ต้องพัฒนารุ่นที่สองขึ้นมา

    ข้อมูลจากการขนส่งสินค้าแสดงให้เห็นว่า Qualcomm อาจกำลังพัฒนาชิปเซ็ต "Ultra Premium" ควบคู่ไปกับซีรีส์ "Elite" ที่มีอยู่แล้ว ชิปเซ็ตเหล่านี้จะมาพร้อมกับคอร์ Oryon รุ่นใหม่และมีจำนวนคอร์ที่สูงขึ้น

    นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวชิปเซ็ต Snapdragon X2 ที่มีชื่อรหัสว่า "Project Glymur" ซึ่งได้รับการทดสอบในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024. ชิปเซ็ตเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเบื้องต้น แต่คาดว่าจะมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและสามารถแข่งขันกับชิปเซ็ตระดับสูงจาก AMD และ Intel ได้

    การพัฒนาชิปเซ็ตใหม่ของ Qualcomm นี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น การเปิดตัวชิปเซ็ต "Ultra Premium" จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคและช่วยให้ Qualcomm สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สำหรับลุงแล้ว ลุงรอดูของ Nvidia ดีกว่า

    https://wccftech.com/qualcomm-snapdragon-x2-socs-surfaces-up-on-shipping-manifest/
    ข่าวล่าสุดจาก Qualcomm เปิดเผยว่า บริษัทกำลังพัฒนา Snapdragon X2 SoCs รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 การพัฒนานี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Qualcomm ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตแล็ปท็อปหลายราย เนื่องจากประสิทธิภาพ AI ที่น่าประทับใจของชิปเซ็ตรุ่นก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในตลาดปัจจุบัน ชิปเซ็ตของ Qualcomm ถูกบดบังด้วยการเปิดตัวใหม่จาก AMD และ Intel ทำให้ Qualcomm ต้องพัฒนารุ่นที่สองขึ้นมา ข้อมูลจากการขนส่งสินค้าแสดงให้เห็นว่า Qualcomm อาจกำลังพัฒนาชิปเซ็ต "Ultra Premium" ควบคู่ไปกับซีรีส์ "Elite" ที่มีอยู่แล้ว ชิปเซ็ตเหล่านี้จะมาพร้อมกับคอร์ Oryon รุ่นใหม่และมีจำนวนคอร์ที่สูงขึ้น นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวชิปเซ็ต Snapdragon X2 ที่มีชื่อรหัสว่า "Project Glymur" ซึ่งได้รับการทดสอบในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024. ชิปเซ็ตเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเบื้องต้น แต่คาดว่าจะมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและสามารถแข่งขันกับชิปเซ็ตระดับสูงจาก AMD และ Intel ได้ การพัฒนาชิปเซ็ตใหม่ของ Qualcomm นี้เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น การเปิดตัวชิปเซ็ต "Ultra Premium" จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคและช่วยให้ Qualcomm สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับลุงแล้ว ลุงรอดูของ Nvidia ดีกว่า https://wccftech.com/qualcomm-snapdragon-x2-socs-surfaces-up-on-shipping-manifest/
    WCCFTECH.COM
    Qualcomm Snapdragon X2 SoCs Surfaces Up On Shipping Manifest, Possibly Revealing A New "Ultra Premium" Lineup
    Qualcomm's next-gen Snapdragon Elite X2 CPUs have surfaced on shipping manifests, revealing a new "Ultra Premium" lineup as well.
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่เห็นเมื่อเช้า หมอกหรือควัน? เกือบ 100% บอกว่าฝุ่น แอดภาวนาขอให้เป็นหมอกธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดูคล้ายหมอกเช่นที่เกิดในอังกฤษและอเมริกาหลายวันก่อน (แน่นอนว่าโดรนไม่มาไกล แต่ถ้าเครื่องบินอาจจะขึ้นแถวๆประเทศเพื่อนบ้านหรือบ้านเราเอง ซึ่งเป็นสมาชิก WEF หรือ สมาชิก UN)

    บรรยากาศไม่ต่างจากเริ่มระบอบโควิด ทรัมป์ก้าวขึ้นฯ ช่วงปีใหม่จีน แล้วเครื่องบินก็บรรทุกผู้โดยสาร 232 (เลขฟรีเมสัน) คนไปอเมริกา #ระบอบโควิด เริ่มต้น พร้อมกันนั้น ทรัมป์ สั่ง #ล๊อคและโหลด #ล๊อคแล้วโหลด (คำพูดทรัมป์) และเริ่มต้นโปรเจค วาปสปีด!! ซึ่งตอนนี้ เป็นวาปสปีด 2.0 หรือโปรแกรม AI ฉีดวัคซีนให้มนุษย์โดยแบ่งแยกเป็นรายบุคคล ทั่วโลก โดยมีศูนย์ปฏิบัติงานใน อเมริกา https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02FfUvQFLYrYtC1jSAHMBbhr9gvGjVk3N1xUMwBQ6k8R8Sr8Loj2yMnFpQp8JxexBEl
    ตอนนี้ไข้หวัดนกกำลังระบาดเพิ่มมากขึ้นใน อังกฤษและสกอตแลนด์ ต่อจากสหรัฐฯ https://www.gbnews.com/health/bird-flu-outbreak-england-scotland-biosecurity-zone

    *มีข่าวว่าทรัมป์จะกลับเข้าอ้อมกอด WEF เหมือนเดิม? (ตดยังไม่หายเหม็น แอดเขียนโพสเมื่อวานยังไม่จบเลย)

    หมอก ควัน ฝุ่น แยกด้วยตาเนื้อยาก แต่ถ้าใจคิดว่าฝุ่น ก็จะเชื่อว่าเป็นฝุ่นตามที่สื่อทีวี หมอย ย..ง เคยบอกเล่า ..
    เช่นเดียวกับ อะไรไวรัส อะไรคือทดสอบเท็จ อะไรอยู่ในกระบอกวัคซีน ประชาชนทั่วไปใครจะรู้ ถ้าไม่พิจารณา ไม่ติดตามข่าวหลังฉาก ถ้ามัวแต่ตามสื่อหลัก ฟังความผู้นำ คงต้องเดินเข้าคอกให้เขาเชือด แล้วฉีดวัคซวย ฉนั้นแล้ว การพิจารณาเพื่อให้ได้ความจริง เพื่อรอด มันค่อนข้างยาก แอดเองก็แยกยาก พวกเขาสับหลอกจนตาลาย!

    จากที่แอดเคยเดาว่ากมาลาจะขึ้นนำชั่วครู่แล้วทรัมป์จะกลับมาทวงบัลลังคืนในช่วงสงครามกลางเมือง
    เคยเดาว่าหลังจากประชาชนรู้ความจริงเกี่ยวกับโควิด พวกเขาจะโกรธ และลงถนนร่วมกันทำลายกันและกัน ซึ่งเรารู้จักใน แผน #แบ่งแยกและพิชิต ของฟรีเมสัน https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02xXLmG95xUX6NS4DVUXgnVW24MH2hgC9swPYo7yiNfAmDaX99FTHCsfuYbgJkxe3el
    แต่เห็นแล้วว่าทรัม์ขึ้นนำและยังไม่มีสงครามกลางเมือง แต่การเปิดเผยของทรัมป์เรื่องโลกาภิวัตน์ WEF ถูกต้องแล้วส่วนหนึ่ง แต่คน ประชาชนยังไม่โกรธ ไม่ตื่น - ในบ้านเรา หมอ อรรถพล บอกว่า องค์กรส่งเสริมวัคซีน ทำได้แค่ ไบ้กิน!? https://www.facebook.com/groups/374786411903689/posts/616390454409949/ หมายถึงจนมุมด้วยหลักฐาน เพราะทรัมป์ เล่นทุบหม้อข้าวตนเอง ลูกหาบหรือจะรับไม้ทัน อึ้่งกิมกี่สิพี่น้อง

    ทรัมป์จะออกจาก WEF ออกจาก WHO จริงหรือในสายตาสื่อหลักสำหรับหลอกแกะ ต้องตามข่าว แต่สำหรับแอดมิน พวกเขาแค่สร้างฉากให้หลง พวกเขายังจูบปากกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ทรัมป์กำลังเร่งทำงานสนองตอบยิวไซออนิสต์ สนองตอบนายธนาคารโลก ร่วมวงชาวโลกาภิวัตน์ พวกเขาคือรัฐบาลโลก และ ทรัมป์กำลังจะกลับไปตะวันออกกลาง เพื่อสร้าง #มหานครอิสราเอล

    ข่าวล่าสุด: ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังกดดันจอร์แดนและอียิปต์ให้รับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแผน "เพื่อทำความสะอาด" ดินแดนดังกล่าว AP รายงาน
    ทรัม์กล่าวว่า "ฉันได้พูดคุยกับกษัตริย์แห่งจอร์แดนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการย้ายชาวกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" "ผมบอกเขาให้รับคนเพิ่มเพราะฉนวนกาซากำลังมีปัญหาหนักมาก ผมอยากให้อียิปต์รับคนเพิ่มด้วย และผมจะคุยกับอัลซิซีพรุ่งนี้" ... 5555 แอดขอหัวเราะก่อน นี่ทรัม์แกล้งพูดใช่ไหม เพราะแผนการไล่ต้อนชาวปาเลสไตน์ไบยังซีนาย หรือ ไซนาย พวกเขาร่วมกันดำเนินการตั้งแต่สมัยแรกของเขา (เช่นเดียวกับการผนวกเกาะไอสแลนด์ เอ๊ย กรีนแลนด์ แคนาดา แมกซิโก)

    ชวาป และ รัฐปีกย่อย (ปีก ปีกซาตาน รัฐปีกย่อย หมายถึง สาขาของรัฐบาลโลก) พวกเขากำลังประชุมอย่างซิ้ดซ้าด!!! : ซิ้ดดดด จะไม่ซิ้ดได้ยังไง แต่ละคนสั่งสาวบริการเน้นประตูหลัง ลองค้นหาข่าวด้วยภาพด้านล่างดูสิ สั่นเลยล่ะ .. แล้วจะรู้ว่าชวาป เล่นละครกับทรัมป์กันถึงพริกถึงขิงแค่ไหน

    รู้หรือไม่ การฉีดวัคซวย หมายถึงการฉีด งู เข้าไในร่างกายในสายตาชาวโลกาภิวัตน์ (ง่าย ๆ ดูโลโก้องค์กรคะยั้นคะยอให้รับวัคซีน)

    *เอาไว้เราค่อยติดตามโปรเจค วาปสปีด 2.0 ซึ่งมีเค้าลางเกี่ยวกับการคอลโทรลมนุษย์ผ่านดีเอ็นเอ ที่เก็บไว้แล้วของทนุษย์ทั่วโลก
    "#สตาร์เกต" #Stargate

    แอดเกือบลมพูดถึงสัญลักษณ์ข้างหลังทรัมป์ สัญลักษณ์ที่ ชัดเจนสำหรับสงคราม สุนทรพจน์ของทรัมป์ต่อฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF)
    ตราประทับของสหรัฐอเมริกาจะมี 2 แบบ คือ
    1. แบบที่ใช้ในยามสงบ และ
    2. แบบที่ใช้ในยามสงคราม
    ในช่วงสงบ หัวของนกอินทรีจะหันไปทางซ้ายของพวกเรา ไปทางกิ่งมะกอก ตรงที่เราเห็นเป็นกรงเล็บด้านซ้าย
    ในช่วงสงคราม หัวของอินทรีจะหันไปทางขวาของพวกเรา ไปทางลูกศรแห่งสงคราม ซึ่งพวกเราเห็นว่าเป็น Talon ทางขวา

    บนโพเดียมที่ทรัมป์พูด หัวของอินทรีหันไปทางซ้ายของเรา: สันติภาพ
    แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพอินทรีบนจอภาพขนาดยักษ์ด้านหลังเขา แสดงให้เห็นหัวอินทรีหันไปทางสิ่งที่เราเห็น คงไม่ใช่อะไรอื่น ทรัมป์และอเมริกากำลังจะมีสงคราม (สงครามกับใครคือคำถาม)

    "ชนชั้นยอด" มักจะใช้สัญลักษณ์เพื่อสื่อสารข้อความถึงกัน พวกเขายังกล่าวอีกว่า "ชนชั้นสูง" ใช้สัญลักษณ์เหล่านี้เพื่อล้อเลียนคนอเมริกันซึ่งพวกเขามองว่าโง่เขลา

    ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “West Wing” ยังได้พูดถึงประเด็นนี้ในตอนหนึ่งด้วย นี่คือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง: https://youtu.be/1qkLXiuEUdE

    ทรัมป์และอเมริกาจะทำสงครามกับใคร อิหร่าน หรือรัสเซีย หรือ สงครามกับระชาชน
    ที่เห็นเมื่อเช้า หมอกหรือควัน? เกือบ 100% บอกว่าฝุ่น แอดภาวนาขอให้เป็นหมอกธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดูคล้ายหมอกเช่นที่เกิดในอังกฤษและอเมริกาหลายวันก่อน (แน่นอนว่าโดรนไม่มาไกล แต่ถ้าเครื่องบินอาจจะขึ้นแถวๆประเทศเพื่อนบ้านหรือบ้านเราเอง ซึ่งเป็นสมาชิก WEF หรือ สมาชิก UN) บรรยากาศไม่ต่างจากเริ่มระบอบโควิด ทรัมป์ก้าวขึ้นฯ ช่วงปีใหม่จีน แล้วเครื่องบินก็บรรทุกผู้โดยสาร 232 (เลขฟรีเมสัน) คนไปอเมริกา #ระบอบโควิด เริ่มต้น พร้อมกันนั้น ทรัมป์ สั่ง #ล๊อคและโหลด #ล๊อคแล้วโหลด (คำพูดทรัมป์) และเริ่มต้นโปรเจค วาปสปีด!! ซึ่งตอนนี้ เป็นวาปสปีด 2.0 หรือโปรแกรม AI ฉีดวัคซีนให้มนุษย์โดยแบ่งแยกเป็นรายบุคคล ทั่วโลก โดยมีศูนย์ปฏิบัติงานใน อเมริกา https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02FfUvQFLYrYtC1jSAHMBbhr9gvGjVk3N1xUMwBQ6k8R8Sr8Loj2yMnFpQp8JxexBEl ตอนนี้ไข้หวัดนกกำลังระบาดเพิ่มมากขึ้นใน อังกฤษและสกอตแลนด์ ต่อจากสหรัฐฯ https://www.gbnews.com/health/bird-flu-outbreak-england-scotland-biosecurity-zone *มีข่าวว่าทรัมป์จะกลับเข้าอ้อมกอด WEF เหมือนเดิม? (ตดยังไม่หายเหม็น แอดเขียนโพสเมื่อวานยังไม่จบเลย) หมอก ควัน ฝุ่น แยกด้วยตาเนื้อยาก แต่ถ้าใจคิดว่าฝุ่น ก็จะเชื่อว่าเป็นฝุ่นตามที่สื่อทีวี หมอย ย..ง เคยบอกเล่า .. เช่นเดียวกับ อะไรไวรัส อะไรคือทดสอบเท็จ อะไรอยู่ในกระบอกวัคซีน ประชาชนทั่วไปใครจะรู้ ถ้าไม่พิจารณา ไม่ติดตามข่าวหลังฉาก ถ้ามัวแต่ตามสื่อหลัก ฟังความผู้นำ คงต้องเดินเข้าคอกให้เขาเชือด แล้วฉีดวัคซวย ฉนั้นแล้ว การพิจารณาเพื่อให้ได้ความจริง เพื่อรอด มันค่อนข้างยาก แอดเองก็แยกยาก พวกเขาสับหลอกจนตาลาย! จากที่แอดเคยเดาว่ากมาลาจะขึ้นนำชั่วครู่แล้วทรัมป์จะกลับมาทวงบัลลังคืนในช่วงสงครามกลางเมือง เคยเดาว่าหลังจากประชาชนรู้ความจริงเกี่ยวกับโควิด พวกเขาจะโกรธ และลงถนนร่วมกันทำลายกันและกัน ซึ่งเรารู้จักใน แผน #แบ่งแยกและพิชิต ของฟรีเมสัน https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02xXLmG95xUX6NS4DVUXgnVW24MH2hgC9swPYo7yiNfAmDaX99FTHCsfuYbgJkxe3el แต่เห็นแล้วว่าทรัม์ขึ้นนำและยังไม่มีสงครามกลางเมือง แต่การเปิดเผยของทรัมป์เรื่องโลกาภิวัตน์ WEF ถูกต้องแล้วส่วนหนึ่ง แต่คน ประชาชนยังไม่โกรธ ไม่ตื่น - ในบ้านเรา หมอ อรรถพล บอกว่า องค์กรส่งเสริมวัคซีน ทำได้แค่ ไบ้กิน!? https://www.facebook.com/groups/374786411903689/posts/616390454409949/ หมายถึงจนมุมด้วยหลักฐาน เพราะทรัมป์ เล่นทุบหม้อข้าวตนเอง ลูกหาบหรือจะรับไม้ทัน อึ้่งกิมกี่สิพี่น้อง ทรัมป์จะออกจาก WEF ออกจาก WHO จริงหรือในสายตาสื่อหลักสำหรับหลอกแกะ ต้องตามข่าว แต่สำหรับแอดมิน พวกเขาแค่สร้างฉากให้หลง พวกเขายังจูบปากกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ทรัมป์กำลังเร่งทำงานสนองตอบยิวไซออนิสต์ สนองตอบนายธนาคารโลก ร่วมวงชาวโลกาภิวัตน์ พวกเขาคือรัฐบาลโลก และ ทรัมป์กำลังจะกลับไปตะวันออกกลาง เพื่อสร้าง #มหานครอิสราเอล ข่าวล่าสุด: ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังกดดันจอร์แดนและอียิปต์ให้รับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแผน "เพื่อทำความสะอาด" ดินแดนดังกล่าว AP รายงาน ทรัม์กล่าวว่า "ฉันได้พูดคุยกับกษัตริย์แห่งจอร์แดนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการย้ายชาวกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" "ผมบอกเขาให้รับคนเพิ่มเพราะฉนวนกาซากำลังมีปัญหาหนักมาก ผมอยากให้อียิปต์รับคนเพิ่มด้วย และผมจะคุยกับอัลซิซีพรุ่งนี้" ... 5555 แอดขอหัวเราะก่อน นี่ทรัม์แกล้งพูดใช่ไหม เพราะแผนการไล่ต้อนชาวปาเลสไตน์ไบยังซีนาย หรือ ไซนาย พวกเขาร่วมกันดำเนินการตั้งแต่สมัยแรกของเขา (เช่นเดียวกับการผนวกเกาะไอสแลนด์ เอ๊ย กรีนแลนด์ แคนาดา แมกซิโก) ชวาป และ รัฐปีกย่อย (ปีก ปีกซาตาน รัฐปีกย่อย หมายถึง สาขาของรัฐบาลโลก) พวกเขากำลังประชุมอย่างซิ้ดซ้าด!!! : ซิ้ดดดด จะไม่ซิ้ดได้ยังไง แต่ละคนสั่งสาวบริการเน้นประตูหลัง ลองค้นหาข่าวด้วยภาพด้านล่างดูสิ สั่นเลยล่ะ .. แล้วจะรู้ว่าชวาป เล่นละครกับทรัมป์กันถึงพริกถึงขิงแค่ไหน รู้หรือไม่ การฉีดวัคซวย หมายถึงการฉีด งู เข้าไในร่างกายในสายตาชาวโลกาภิวัตน์ (ง่าย ๆ ดูโลโก้องค์กรคะยั้นคะยอให้รับวัคซีน) *เอาไว้เราค่อยติดตามโปรเจค วาปสปีด 2.0 ซึ่งมีเค้าลางเกี่ยวกับการคอลโทรลมนุษย์ผ่านดีเอ็นเอ ที่เก็บไว้แล้วของทนุษย์ทั่วโลก "#สตาร์เกต" #Stargate แอดเกือบลมพูดถึงสัญลักษณ์ข้างหลังทรัมป์ สัญลักษณ์ที่ ชัดเจนสำหรับสงคราม สุนทรพจน์ของทรัมป์ต่อฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) ตราประทับของสหรัฐอเมริกาจะมี 2 แบบ คือ 1. แบบที่ใช้ในยามสงบ และ 2. แบบที่ใช้ในยามสงคราม ในช่วงสงบ หัวของนกอินทรีจะหันไปทางซ้ายของพวกเรา ไปทางกิ่งมะกอก ตรงที่เราเห็นเป็นกรงเล็บด้านซ้าย ในช่วงสงคราม หัวของอินทรีจะหันไปทางขวาของพวกเรา ไปทางลูกศรแห่งสงคราม ซึ่งพวกเราเห็นว่าเป็น Talon ทางขวา บนโพเดียมที่ทรัมป์พูด หัวของอินทรีหันไปทางซ้ายของเรา: สันติภาพ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพอินทรีบนจอภาพขนาดยักษ์ด้านหลังเขา แสดงให้เห็นหัวอินทรีหันไปทางสิ่งที่เราเห็น คงไม่ใช่อะไรอื่น ทรัมป์และอเมริกากำลังจะมีสงคราม (สงครามกับใครคือคำถาม) "ชนชั้นยอด" มักจะใช้สัญลักษณ์เพื่อสื่อสารข้อความถึงกัน พวกเขายังกล่าวอีกว่า "ชนชั้นสูง" ใช้สัญลักษณ์เหล่านี้เพื่อล้อเลียนคนอเมริกันซึ่งพวกเขามองว่าโง่เขลา ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “West Wing” ยังได้พูดถึงประเด็นนี้ในตอนหนึ่งด้วย นี่คือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง: https://youtu.be/1qkLXiuEUdE ทรัมป์และอเมริกาจะทำสงครามกับใคร อิหร่าน หรือรัสเซีย หรือ สงครามกับระชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • Qualcomm คาดว่าจะได้รับรายได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์จากการทำข้อตกลงกับ Samsung สำหรับชิปเซ็ต Snapdragon ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Samsung เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy S25 ซึ่งใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite Mobile Platform ที่ออกแบบโดย Qualcomm ทั้งหมด

    การเลือกใช้ชิปเซ็ตของ Qualcomm แทนที่จะเป็น Exynos ของ Samsung เองนั้นเกิดจากการที่ Exynos ไม่สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง นักวิเคราะห์จาก J.P. Morgan คาดการณ์ว่าการร่วมมือครั้งนี้จะทำให้รายได้ของ Qualcomm เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    นอกจากนี้ Samsung ยังได้ย้ายการผลิตชิปเซ็ตไปยัง TSMC เนื่องจากปัญหากับกระบวนการผลิต 3 นาโนเมตรของตนเอง การลดงบประมาณการผลิตของ Samsung ในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การผลิตของบริษัท

    https://www.techpowerup.com/331667/qualcomm-expected-to-pull-in-usd-2-billion-from-samsung-galaxy-s25-snapdragon-deal
    Qualcomm คาดว่าจะได้รับรายได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์จากการทำข้อตกลงกับ Samsung สำหรับชิปเซ็ต Snapdragon ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Samsung เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy S25 ซึ่งใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite Mobile Platform ที่ออกแบบโดย Qualcomm ทั้งหมด การเลือกใช้ชิปเซ็ตของ Qualcomm แทนที่จะเป็น Exynos ของ Samsung เองนั้นเกิดจากการที่ Exynos ไม่สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง นักวิเคราะห์จาก J.P. Morgan คาดการณ์ว่าการร่วมมือครั้งนี้จะทำให้รายได้ของ Qualcomm เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ Samsung ยังได้ย้ายการผลิตชิปเซ็ตไปยัง TSMC เนื่องจากปัญหากับกระบวนการผลิต 3 นาโนเมตรของตนเอง การลดงบประมาณการผลิตของ Samsung ในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การผลิตของบริษัท https://www.techpowerup.com/331667/qualcomm-expected-to-pull-in-usd-2-billion-from-samsung-galaxy-s25-snapdragon-deal
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Qualcomm Expected to Pull in $2 Billion From Samsung Galaxy S25 Snapdragon Deal
    Last week, Samsung introduced its brand-new Galaxy S25 smartphone series—press material focused largely on various implementations of AI features, but industry watchdogs noted the crucial selection of Qualcomm-designed processors. A "first-of-its-kind customized Snapdragon 8 Elite Mobile Platform fo...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • โยวโจวคือสถานที่ใด?

    สวัสดีค่ะ Storyฯ เพิ่งอ่านนวนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จบไป (ชอบมาก คุณธรรมน้ำมิตรดี แนะนำ!) แต่ยังไม่มีเวลาดูซีรีส์ ก็ไม่แน่ใจว่ามีการดัดแปลงเนื้อหาไปจากนิยายต้นฉบับมากน้อยแค่ไหน

    เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ‘โยวโจว’ (幽州) จึงเกิดความ ‘เอ๊ะ’ ว่ามันคือสถานที่ใด เพราะชื่อนี้ปรากฏบ่อยมากในนิยายและซีรีส์จีนโบราณหลายเรื่องที่มีฉากสู้รบ (ใครคุ้นหูคุ้นตาจากเรื่องอะไรมาเม้นท์บอกกันได้) Storyฯ เลยไปทำการบ้านมาเล่าสู่กันฟัง

    ‘โจว’ ปัจจุบันใช้เรียกทวีป เช่น ย่าโจว คือทวีปเอเชีย แต่ในสมัยจีนโบราณ โจวเป็นการเรียกเขตพื้นที่ แต่ขนาดและอำนาจการปกครองของมันแตกต่างกันไป แรกเริ่มเลยมันเป็นเพียงการแบ่งพื้นที่ ไม่ได้มีอำนาจการปกครอง ในสมัยฉินมีการกล่าวถึงเก้าโจว แต่จากบันทึกโบราณพบว่าชื่อเรียกของเก้าโจวนี้แตกต่างกันไป ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพิ่มเป็นสิบสามโจว มีอำนาจการปกครองท้องถิ่น นับเป็นเขตการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด หากต้องใช้คำไทย Storyฯ คิดว่า ‘มณฑล’ น่าจะเป็นคำที่ใกล้เคียงที่สุด ถัดจากโจวคือจวิ้น (郡) แล้วก็เป็นเซี่ยน (县)

    สิบสามมณฑลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้ในรูปประกอบ 2 (ขวา) โยวโจวคือเขตพื้นที่สีเหลืองและหยางโจว (บ้านเดิมของพระเอกและนางเอกในเรื่อง) คือพื้นที่สีม่วง เห็นแล้วเพื่อนเพจคงได้อรรถรสของความยากลำบากและระยะทางของการเดินทางที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย/ละครเรื่องนี้กัน

    <สยบรักจอมเสเพล> ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดในสมัยฮั่น มันเป็นยุคสมัยสมมุติและราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากเหตุการณ์ต่างๆ และสไตล์การแต่งกายในละครแล้ว เทียบใกล้เคียงกับช่วงปลายสมัยห้าราชวงศ์สิบรัฐที่แม่ทัพใหญ่ระดับเจี๋ยตู้สื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองและการทหารในพื้นที่ของตนและช่วงชิงดินแดนกัน (เริ่มมีตำแหน่งนี้ในสมัยถัง) และเลียนแบบเหตุการณ์สวมอาภรณ์สีเหลืองตั้งตนเป็นฮ่องเต้อันเป็นตำนานของจ้าวควงอิ้นเมื่อครั้งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง มีการกล่าวถึงแม่น้ำฮวงโห เขตเปี้ยนเหลียงและเมืองหลวงที่ชื่อว่าตงตู ซึ่งอาจเป็นชื่อสมมุติของเมืองตงจิง (เปี้ยนเหลียงหรือไคเฟิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ) หรืออาจหมายถึงเมืองลั่วหยางซึ่งเป็นตงตูหรือนครตะวันออกสมัยถัง (หมายเหตุ ‘จิง’ ‘ตู’ และ ‘เฉิง’ ล้วนแปลว่านครหรือเมือง)

    แต่... แม้ว่าเหตุการณ์ในละคร/นิยายจะใกล้เคียงกับช่วงต้นราชวงศ์ซ่ง ทว่าการเรียกเขตพื้นที่การปกครองต่างๆ ยังอิงตามสิบสามมณฑลสมัยฮั่น เพราะในสมัยซ่งเหนือ โยวโจวไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของซ่ง แต่อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เหลียว และมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป (ดูแผนที่โดยคร่าวในรูปประกอบ 1)

    หน้าตาแผนที่ของจีนเปลี่ยนไปในแต่ละสมัย การแบ่งเขตปกครองและชื่อเรียกก็ย่อมแตกต่างกันไป โยวโจวในสมัยฮั่นนั้น ต่อมาถูกเรียกเป็นเยียนเป่ยในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจัวจวิ้นในสมัยสุย กลับมาเป็นโยวโจวในสมัยถัง ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่ออีกเป็นฟ่านหยางจวิ้นในสมัยถังกลาง หลังจากนั้นกลับมาเป็นโยวโจวแล้วจัวโจว ในสมัยเหลียว/ซ่งกลายเป็นเขตปกครองสิบหกเขตย่อยเรียกว่าโยวอวิ๋นหรือเยียนอวิ๋น หลังจากนั้นเขตการปกครองก็เปลี่ยนไปอีก และชื่อ ‘โยวโจว’ ก็หายไปจากแผนที่จีน

    แต่มันไม่ได้หายไปไหน ศูนย์การปกครองของโยวโจวในสมัยโบราณคือเมืองโยวตู (หรือในสมัยสุยคือจัวตู) ซึ่งก็คือกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนั่นเอง

    โยวตูในสมัยก่อนเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก เพราะมันเป็นศูนย์กลางการปกครองของมณฑลโยวโจว ซึ่งเป็นฐานกำลังทหารรักษาชายแดนที่สำคัญ ในสมัยถังนั้น เจี๋ยตู้สื่อแห่งโยวโจวมีอำนาจการปกครองและจำนวนกองทัพในมือมากที่สุดในบรรดาเจี๋ยตู้สื่อทั้งหมด จึงไม่แปลกที่จะมีนิยายเกี่ยวกับการรบและการแย่งชิงกำลังทหารกันที่โยวโจว นอกจากนี้ โยวตูยังเป็นเมืองปลายทางเมืองหนึ่งของคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุย จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าขายในภาคเหนือของจีน พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเกษตรธัญพืชที่สำคัญ ไม่เพียงมีปริมาณผลผลิตเพียงพอสำหรับประชากรในโยวโจวเอง หากแต่ยังส่งออกโดยผ่านต้าอวิ้นเหอไปขายเป็นเสบียงยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ดังเช่นที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g44250708/destined/
    https://kknews.cc/history/l8r6qvg.html
    https://www.artsmia.org/art-of-asia/history/maps.cfm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/幽州/1049370
    https://zh.wikipedia.org/wiki/北京历史
    https://www.sohu.com/a/674479826_121180648
    https://www.sohu.com/a/277568460_628936

    #สยบรักจอมเสเพล #โยวโจว #โยวตู #สิบสามมณฑล #ปักกิ่ง
    โยวโจวคือสถานที่ใด? สวัสดีค่ะ Storyฯ เพิ่งอ่านนวนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จบไป (ชอบมาก คุณธรรมน้ำมิตรดี แนะนำ!) แต่ยังไม่มีเวลาดูซีรีส์ ก็ไม่แน่ใจว่ามีการดัดแปลงเนื้อหาไปจากนิยายต้นฉบับมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ‘โยวโจว’ (幽州) จึงเกิดความ ‘เอ๊ะ’ ว่ามันคือสถานที่ใด เพราะชื่อนี้ปรากฏบ่อยมากในนิยายและซีรีส์จีนโบราณหลายเรื่องที่มีฉากสู้รบ (ใครคุ้นหูคุ้นตาจากเรื่องอะไรมาเม้นท์บอกกันได้) Storyฯ เลยไปทำการบ้านมาเล่าสู่กันฟัง ‘โจว’ ปัจจุบันใช้เรียกทวีป เช่น ย่าโจว คือทวีปเอเชีย แต่ในสมัยจีนโบราณ โจวเป็นการเรียกเขตพื้นที่ แต่ขนาดและอำนาจการปกครองของมันแตกต่างกันไป แรกเริ่มเลยมันเป็นเพียงการแบ่งพื้นที่ ไม่ได้มีอำนาจการปกครอง ในสมัยฉินมีการกล่าวถึงเก้าโจว แต่จากบันทึกโบราณพบว่าชื่อเรียกของเก้าโจวนี้แตกต่างกันไป ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพิ่มเป็นสิบสามโจว มีอำนาจการปกครองท้องถิ่น นับเป็นเขตการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด หากต้องใช้คำไทย Storyฯ คิดว่า ‘มณฑล’ น่าจะเป็นคำที่ใกล้เคียงที่สุด ถัดจากโจวคือจวิ้น (郡) แล้วก็เป็นเซี่ยน (县) สิบสามมณฑลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้ในรูปประกอบ 2 (ขวา) โยวโจวคือเขตพื้นที่สีเหลืองและหยางโจว (บ้านเดิมของพระเอกและนางเอกในเรื่อง) คือพื้นที่สีม่วง เห็นแล้วเพื่อนเพจคงได้อรรถรสของความยากลำบากและระยะทางของการเดินทางที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย/ละครเรื่องนี้กัน <สยบรักจอมเสเพล> ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดในสมัยฮั่น มันเป็นยุคสมัยสมมุติและราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากเหตุการณ์ต่างๆ และสไตล์การแต่งกายในละครแล้ว เทียบใกล้เคียงกับช่วงปลายสมัยห้าราชวงศ์สิบรัฐที่แม่ทัพใหญ่ระดับเจี๋ยตู้สื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองและการทหารในพื้นที่ของตนและช่วงชิงดินแดนกัน (เริ่มมีตำแหน่งนี้ในสมัยถัง) และเลียนแบบเหตุการณ์สวมอาภรณ์สีเหลืองตั้งตนเป็นฮ่องเต้อันเป็นตำนานของจ้าวควงอิ้นเมื่อครั้งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง มีการกล่าวถึงแม่น้ำฮวงโห เขตเปี้ยนเหลียงและเมืองหลวงที่ชื่อว่าตงตู ซึ่งอาจเป็นชื่อสมมุติของเมืองตงจิง (เปี้ยนเหลียงหรือไคเฟิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ) หรืออาจหมายถึงเมืองลั่วหยางซึ่งเป็นตงตูหรือนครตะวันออกสมัยถัง (หมายเหตุ ‘จิง’ ‘ตู’ และ ‘เฉิง’ ล้วนแปลว่านครหรือเมือง) แต่... แม้ว่าเหตุการณ์ในละคร/นิยายจะใกล้เคียงกับช่วงต้นราชวงศ์ซ่ง ทว่าการเรียกเขตพื้นที่การปกครองต่างๆ ยังอิงตามสิบสามมณฑลสมัยฮั่น เพราะในสมัยซ่งเหนือ โยวโจวไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของซ่ง แต่อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เหลียว และมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป (ดูแผนที่โดยคร่าวในรูปประกอบ 1) หน้าตาแผนที่ของจีนเปลี่ยนไปในแต่ละสมัย การแบ่งเขตปกครองและชื่อเรียกก็ย่อมแตกต่างกันไป โยวโจวในสมัยฮั่นนั้น ต่อมาถูกเรียกเป็นเยียนเป่ยในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจัวจวิ้นในสมัยสุย กลับมาเป็นโยวโจวในสมัยถัง ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่ออีกเป็นฟ่านหยางจวิ้นในสมัยถังกลาง หลังจากนั้นกลับมาเป็นโยวโจวแล้วจัวโจว ในสมัยเหลียว/ซ่งกลายเป็นเขตปกครองสิบหกเขตย่อยเรียกว่าโยวอวิ๋นหรือเยียนอวิ๋น หลังจากนั้นเขตการปกครองก็เปลี่ยนไปอีก และชื่อ ‘โยวโจว’ ก็หายไปจากแผนที่จีน แต่มันไม่ได้หายไปไหน ศูนย์การปกครองของโยวโจวในสมัยโบราณคือเมืองโยวตู (หรือในสมัยสุยคือจัวตู) ซึ่งก็คือกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนั่นเอง โยวตูในสมัยก่อนเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก เพราะมันเป็นศูนย์กลางการปกครองของมณฑลโยวโจว ซึ่งเป็นฐานกำลังทหารรักษาชายแดนที่สำคัญ ในสมัยถังนั้น เจี๋ยตู้สื่อแห่งโยวโจวมีอำนาจการปกครองและจำนวนกองทัพในมือมากที่สุดในบรรดาเจี๋ยตู้สื่อทั้งหมด จึงไม่แปลกที่จะมีนิยายเกี่ยวกับการรบและการแย่งชิงกำลังทหารกันที่โยวโจว นอกจากนี้ โยวตูยังเป็นเมืองปลายทางเมืองหนึ่งของคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุย จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าขายในภาคเหนือของจีน พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเกษตรธัญพืชที่สำคัญ ไม่เพียงมีปริมาณผลผลิตเพียงพอสำหรับประชากรในโยวโจวเอง หากแต่ยังส่งออกโดยผ่านต้าอวิ้นเหอไปขายเป็นเสบียงยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ดังเช่นที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g44250708/destined/ https://kknews.cc/history/l8r6qvg.html https://www.artsmia.org/art-of-asia/history/maps.cfm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/幽州/1049370 https://zh.wikipedia.org/wiki/北京历史 https://www.sohu.com/a/674479826_121180648 https://www.sohu.com/a/277568460_628936 #สยบรักจอมเสเพล #โยวโจว #โยวตู #สิบสามมณฑล #ปักกิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sony กำลังเตรียมเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ WH-1000XM6 ในช่วงฤดูร้อนนี้! จากข้อมูลที่ได้รับจากการยื่นขออนุญาตของ FCC หูฟังรุ่นใหม่นี้อาจมีการออกแบบที่ปรับปรุงจากรุ่น XM5 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น แผ่นรองหูที่สามารถถอดออกได้ ซึ่งจะช่วยให้การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแผ่นรองหูทำได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ หูฟังรุ่น XM6 ยังมีการปรับปรุงบานพับที่อาจทำให้สามารถพับเก็บได้อย่างกะทัดรัดมากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อเสียของรุ่น XM5 ที่ไม่สามารถพับเก็บได้อย่างสมบูรณ์ หูฟังรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ Bluetooth 5.3 และรองรับ LE Audio ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายและระยะการใช้งาน

    การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 เนื่องจากการยื่นขออนุญาตของ FCC มีระยะเวลาความลับสั้นๆ จนถึงวันดังกล่าว การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้เป็นไปตามตารางการเปิดตัวของหูฟังซีรีส์ XM ที่มีการเปิดตัวทุกสองปี โดยรุ่น XM3 เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2018, รุ่น XM4 ในเดือนสิงหาคม 2020, และรุ่น XM5 ในเดือนพฤษภาคม 2022

    https://www.techspot.com/news/106491-fcc-filing-points-sony-wh-1000xm6-headphones-launch.html
    Sony กำลังเตรียมเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ WH-1000XM6 ในช่วงฤดูร้อนนี้! จากข้อมูลที่ได้รับจากการยื่นขออนุญาตของ FCC หูฟังรุ่นใหม่นี้อาจมีการออกแบบที่ปรับปรุงจากรุ่น XM5 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เช่น แผ่นรองหูที่สามารถถอดออกได้ ซึ่งจะช่วยให้การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแผ่นรองหูทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ หูฟังรุ่น XM6 ยังมีการปรับปรุงบานพับที่อาจทำให้สามารถพับเก็บได้อย่างกะทัดรัดมากขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อเสียของรุ่น XM5 ที่ไม่สามารถพับเก็บได้อย่างสมบูรณ์ หูฟังรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ Bluetooth 5.3 และรองรับ LE Audio ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายและระยะการใช้งาน การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 เนื่องจากการยื่นขออนุญาตของ FCC มีระยะเวลาความลับสั้นๆ จนถึงวันดังกล่าว การเปิดตัวหูฟังรุ่น XM6 นี้เป็นไปตามตารางการเปิดตัวของหูฟังซีรีส์ XM ที่มีการเปิดตัวทุกสองปี โดยรุ่น XM3 เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2018, รุ่น XM4 ในเดือนสิงหาคม 2020, และรุ่น XM5 ในเดือนพฤษภาคม 2022 https://www.techspot.com/news/106491-fcc-filing-points-sony-wh-1000xm6-headphones-launch.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sony's next-gen XM6 headphones might drop this summer
    Recent FCC filings give us a sneak peek into what could be Sony's next-gen XM6 headset. Drawings suggest a slightly tweaked physical design from the current XM5...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ #เหนื่อยก็พัก #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ #เหนื่อยก็พัก #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามาทุกที ยังไม่ทันเปลี่ยนจากปีมังกรเป็นปีงู ผู้ผลิตไพ่ชาวจีนก็เข็นไพ่ธีมงูออกมาแลกแต๊ะเอียกันล่วงหน้าแล้วครับ

    'The Spiritual Snake Tarot' เป็นไพ่ทาโรต์ชุดใหม่ล่าสุดในเครือ บ. Chengdu Innerlit Culture Communication หรือชื่อเดิมคือ Chengdu Arcana เจ้าเดียวกับที่ทำไพ่ Stars Lighting Up the Night Tarot ทั้งยังปล่อยไพ่ทาโรต์ธีมปีนักษัตรออกมาแล้ว 2 ปีติดกัน ได้แก่ The Sage Rabbit Tarot เมื่อปี 2023 และ Lóng Tarot ในปีที่แล้ว

    'The Spiritual Snake Tarot' ไม่ใช่แค่ไพ่ทาโรต์ที่ทำในธีมงู แต่เป็นงูในบริบทของตำนานความเชื่อและวัฒนธรรมจีน หน้าไพ่แต่ละใบมีฉากเป็นประเทศจีนในยุคโบราณแบบตามนิยายกำลังภายใน และทุกใบจะมีงูอยู่ในภาพเสมอ บางใบก็เป็นตัวละครในตำนานหรือคติชนของจีนที่เป็นคนครึ่งงูหรืองูจำแลงกายเป็นคน เช่น ในไพ่ Magician เป็นผู้หญิงที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงู ซึ่งผู้สร้างไพ่ก็น่าจะสื่อว่าเป็นพระแม่หนี่วา

    ไพ่ในสำรับมี 78 ใบตามขนบทาโรต์มาตรฐาน ไพ่ชุดหลักไม่ได้ระบุชัดว่าอ้างอิงถึงตำนานเทพหรือเรื่องเล่าอะไรบ้าง (แต่ใครที่พอจะคุ้นเคยกับตำนานจีนอยู่บ้างก็อาจจะคุ้น ๆ กับตัวละครบางตัว) ส่วนไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะถ่ายทอดเนื้อเรื่องจากนิทานคติชนของจีนที่เกี่ยวข้องกับงู 4 เรื่อง เรื่องที่ดังสุดและเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมาไม่เวอร์ชันใดก็เวอร์ชันหนึ่งคือตำนานของนางพญางูขาวไป๋ซู่เจินในไพ่ตระกูลถ้วย สำหรับไพ่ตระกูลดาบจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้กล้านามหลี่จี้ที่อาสาตัวไปปราบงูยักษ์ (โครงเรื่องคล้าย ๆ เทพซูซาโนะโอะปราบงูยามาตะโนะโอโรจิของญี่ปุ่น เพียงแต่เปลี่ยนให้หญิงที่ควรจะเป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยกลายเป็นคนฆ่างูแทน) ไพ่ตระกูลไม้เท้าเล่าตำนานของพญางูดำที่เป็นเทพแห่งขุนเขา ส่วนไพ่ตระกูลเหรียญเป็นเรื่องของกษัตริย์แห่งรัฐสุยช่วยชีวิตงูศักดิ์สิทธิ์และได้รับรางวัลตอบแทนเป็นไข่มุกแสงจันทร์

    สเปกไพ่จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตมันเคลือบลินิน หนา 350 gsm ไม่ไถขอบ ลายหลังไพ่มีความสมมาตร ดังนั้นใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ บรรจุในกล่องแข็งจั่วปังแบบฝาครอบ มีคู่มือเล่มเล็กเนื้อหาภาษาจีนและอังกฤษ อธิบายความหมายไพ่แต่ละใบทั้งแบบตั้งตรงและกลับหัวสั้น ๆ ในส่วนของไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะมีการเล่าเรื่องย่อของนิทานคติชนที่เป็น Reference (ตามที่ว่าไว้ในย่อหน้าข้างบน)

    หน้าไพ่โดยรวมสามารถอ่านแบบทาโรต์กึ่งออราเคิลได้ แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับหนังหรือซีรีส์จีนโบราณกำลังภายใน ก็อาจจะสตั๊นไปเมื่อเห็นหน้าไพ่บางใบเช่นกัน (โดยเฉพาะไพ่ชุดรองที่อ้างอิงเนื้อเรื่องตำนานนิทานต่าง ๆ) ดังนั้นยึดเอาความหมายไพ่ตามระบบไว้ก็ไม่เสียหายครับ
    เทศกาลตรุษจีนใกล้เข้ามาทุกที ยังไม่ทันเปลี่ยนจากปีมังกรเป็นปีงู ผู้ผลิตไพ่ชาวจีนก็เข็นไพ่ธีมงูออกมาแลกแต๊ะเอียกันล่วงหน้าแล้วครับ 'The Spiritual Snake Tarot' เป็นไพ่ทาโรต์ชุดใหม่ล่าสุดในเครือ บ. Chengdu Innerlit Culture Communication หรือชื่อเดิมคือ Chengdu Arcana เจ้าเดียวกับที่ทำไพ่ Stars Lighting Up the Night Tarot ทั้งยังปล่อยไพ่ทาโรต์ธีมปีนักษัตรออกมาแล้ว 2 ปีติดกัน ได้แก่ The Sage Rabbit Tarot เมื่อปี 2023 และ Lóng Tarot ในปีที่แล้ว 'The Spiritual Snake Tarot' ไม่ใช่แค่ไพ่ทาโรต์ที่ทำในธีมงู แต่เป็นงูในบริบทของตำนานความเชื่อและวัฒนธรรมจีน หน้าไพ่แต่ละใบมีฉากเป็นประเทศจีนในยุคโบราณแบบตามนิยายกำลังภายใน และทุกใบจะมีงูอยู่ในภาพเสมอ บางใบก็เป็นตัวละครในตำนานหรือคติชนของจีนที่เป็นคนครึ่งงูหรืองูจำแลงกายเป็นคน เช่น ในไพ่ Magician เป็นผู้หญิงที่มีร่างกายท่อนล่างเป็นงู ซึ่งผู้สร้างไพ่ก็น่าจะสื่อว่าเป็นพระแม่หนี่วา ไพ่ในสำรับมี 78 ใบตามขนบทาโรต์มาตรฐาน ไพ่ชุดหลักไม่ได้ระบุชัดว่าอ้างอิงถึงตำนานเทพหรือเรื่องเล่าอะไรบ้าง (แต่ใครที่พอจะคุ้นเคยกับตำนานจีนอยู่บ้างก็อาจจะคุ้น ๆ กับตัวละครบางตัว) ส่วนไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะถ่ายทอดเนื้อเรื่องจากนิทานคติชนของจีนที่เกี่ยวข้องกับงู 4 เรื่อง เรื่องที่ดังสุดและเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมาไม่เวอร์ชันใดก็เวอร์ชันหนึ่งคือตำนานของนางพญางูขาวไป๋ซู่เจินในไพ่ตระกูลถ้วย สำหรับไพ่ตระกูลดาบจะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้กล้านามหลี่จี้ที่อาสาตัวไปปราบงูยักษ์ (โครงเรื่องคล้าย ๆ เทพซูซาโนะโอะปราบงูยามาตะโนะโอโรจิของญี่ปุ่น เพียงแต่เปลี่ยนให้หญิงที่ควรจะเป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยกลายเป็นคนฆ่างูแทน) ไพ่ตระกูลไม้เท้าเล่าตำนานของพญางูดำที่เป็นเทพแห่งขุนเขา ส่วนไพ่ตระกูลเหรียญเป็นเรื่องของกษัตริย์แห่งรัฐสุยช่วยชีวิตงูศักดิ์สิทธิ์และได้รับรางวัลตอบแทนเป็นไข่มุกแสงจันทร์ สเปกไพ่จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตมันเคลือบลินิน หนา 350 gsm ไม่ไถขอบ ลายหลังไพ่มีความสมมาตร ดังนั้นใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ บรรจุในกล่องแข็งจั่วปังแบบฝาครอบ มีคู่มือเล่มเล็กเนื้อหาภาษาจีนและอังกฤษ อธิบายความหมายไพ่แต่ละใบทั้งแบบตั้งตรงและกลับหัวสั้น ๆ ในส่วนของไพ่ชุดรองแต่ละตระกูลจะมีการเล่าเรื่องย่อของนิทานคติชนที่เป็น Reference (ตามที่ว่าไว้ในย่อหน้าข้างบน) หน้าไพ่โดยรวมสามารถอ่านแบบทาโรต์กึ่งออราเคิลได้ แต่สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับหนังหรือซีรีส์จีนโบราณกำลังภายใน ก็อาจจะสตั๊นไปเมื่อเห็นหน้าไพ่บางใบเช่นกัน (โดยเฉพาะไพ่ชุดรองที่อ้างอิงเนื้อเรื่องตำนานนิทานต่าง ๆ) ดังนั้นยึดเอาความหมายไพ่ตามระบบไว้ก็ไม่เสียหายครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาหารพกพายามเดินทางไกล

    สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องเสบียงอาหารของกองทัพ ก็เลยมีความสงสัยว่า แล้วประชาชนธรรมดาเวลาเดินทางไกลกินอะไรกัน? วันนี้เรามาคุยกันสั้นๆ เรื่องนี้ค่ะ

    ในสมัยนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่มีรถม้าและพักแรมกินอาหารตามโรงเตี๊ยมได้ ระยะทางก็ยาวไกล ไม่สะดวกแบกสัมภาระมาก ภาพที่เราเห็นบ่อยในซีรีส์คือสะพายห่อผ้าเดินเท้ากัน และอาหารที่พกก็คือเปี๊ยะหรือแผ่นแป้งปิ้งที่คุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid021ovimRULhAa1TBPph1nXsGVcPHbNM5ABmNwrzEahckFTPhq1zhUQ4n1aNAjDVuGNl)

    จริงๆ แล้วการทำเปี๊ยะปิ้งไม่ใช่งานง่ายนัก กว่าจะนวดแป้ง (ไม่นับชาวบ้านชนบทที่อาจต้องโม่แป้งเอง) ไหนจะต้องคอยดูไฟไม่ให้แรงเกินไป คอยพลิกแผ่นเปี๊ยะไปมา ทั้งหมดต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง อีกทั้งข้าวสาลียังแพงกว่าข้าวฟ่าง ไม่ว่าจะทำเปี๊ยะเองหรือหาซื้อ ล้วนสิ้นเปลืองทุนทรัพย์ ดังนั้น หากมีทางเลือกที่ง่ายกว่าประหยัดกว่า ย่อมเป็นที่นิยมของชาวบ้าน

    อีกทางเลือกที่ว่านี้คือ ‘ฉิ่ว’ (糗) เป็นอาหารแห้งสมัยโบราณ คิดค้นกันขึ้นเมื่อใดก็ไม่ทราบได้ แต่มีการกล่าวถึงในบันทึกพิธีการราชวงศ์โจว หรือ บันทึกโจวหลี่ว่า ‘ฉิวเอ่อร์เฝิ่นฉือ’(糗饵粉飺) คือก้อนข้าวและแผ่นแป้ง แต่จริงๆ แผ่นแป้งที่ว่านี้ไม่ใช่เปี๊ยะ ส่วนผสมมันเหมือนกันกับฉิ่ว เพียงแต่ฉิ่วหมายถึงปั้นเป็นก้อน ในขณะที่ฉือคือบี้ให้แบนเป็นแผ่น

    แล้วมันคืออะไร?

    มันคือการเอาข้าวที่นึ่งสุกแล้วมาใส่น้ำเล็กน้อยแล้วบีบหรือทุบให้เละเพื่อจะได้จับตัวกัน เสร็จแล้วปั้นเป็นก้อน (คือฉิ่ว) หรือบี้แบนเป็นแผ่น (คือฉือ) แล้วนำไปตากแห้ง แห้งแล้วก็จะหน้าตาคล้ายข้าวตังบ้านเรา ปัจจุบันของจีนเขาก็มีขนมหน้าตาคล้ายกันเรียกว่า ‘กัวปา’ (锅巴) (ดูรูปประกอบ) ซึ่งข้าวที่ว่านี้ในสมัยโบราณก่อนยุคหมิงคือข้าวฟ่างเป็นหลัก

    หน้าตาคล้าย แต่รสชาติไม่กรอบร่วนเหมือนข้าวเกรียบกัวปาปัจจุบัน เนื้อของฉิ่วก็จะแน่นๆ แข็งๆ แน่นอนว่ามันเป็นอาหารกินกันตาย ไม่ใช่กินเพื่อความจรรโลงใจ ชาวบ้านยามเดินทางไกลก็ห่อฉิ่วในผ้าบางหรือตะกร้าเล็กซุกไว้ในห่อผ้า เก็บได้นานถึงเกือบครึ่งเดือน เวลาจะกินก็คล้ายกับการกินเปี๊ยะกัวคุยที่กล่าวถึงไปในสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวคือจิ้มน้ำจิ้มให้ชุ่มและนุ่มลงแล้วค่อยกิน บางคนก็มีผักดองหรือเนื้อหมักแห้งพกมากินแกล้มด้วย หรือหากมีโอกาสได้น้ำร้อนน้ำแกงก็เอาฉิ่วจุ้ม/แช่ให้นุ่มแล้วกินก็ได้เช่นกัน นึกภาพว่าข้าวชามหนึ่งสามารถอัดเป็นก้อนได้ขนาดเล็ก ดังนั้นเห็นก้อนเล็กๆ ก็อิ่มไม่น้อย พกจากบ้านไปก็ประหยัดทรัพย์ไปได้หลายวัน

    น้ำจิ้มที่ใช้ก็พวกถั่วหมักเค็มหรือเต้าเจี้ยว ใส่เครื่องปรุงอย่างอื่นบ้าง ใส่ขิงซอยขิงสับบ้าง แต่น้ำจิ้มเป็นน้ำ เขาพกพากันอย่างไร? ง่ายๆ คือเอาไปตากแดดจนน้ำระเหย จาก ‘น้ำ’ จิ้มก็กลายเป็น ‘เปียก’ จิ้ม... คือข้นๆ เหนียวๆ เสร็จแล้วก็ห่อในกระดาษน้ำมัน พกพาได้ง่าย เวลาจะกินก็แบ่งออกมาเติมน้ำผสมให้เหลวหน่อย

    น้ำจิ้มมันเค็มจึงมักมีการตัดเค็มด้วยน้ำส้มสายชู แต่วิธีการพกน้ำส้มสายชูเป็นอะไรที่ Storyฯ ยอมรับว่าเหนือความคาดหมายของข้าพเจ้าเอง สมัยนั้นมีไหมีขวดให้ใช้บรรจุน้ำส้มสายชูได้แต่ก็ไม่สามารถพกติดตัวได้ในปริมาณมาก อีกทั้งยังส่งกลิ่นแรง (มันซึมผ่านผ้าที่จุกฝา) ดังนั้นวิธีพกคือใช้ผ้าสะอาดตัดเป็นแถบแล้วแช่ในน้ำส้มสายชู จากนั้นนำมาตากแห้ง พกเป็นผ้าไป เวลาจะกินก็ตัดผ้าชิ้นเล็กออกมาแช่ในน้ำก็จะได้รสชาติของน้ำส้มสายชูแล้ว

    และไม่ว่าจะเป็นฉิ่ว หรือน้ำจิ้ม หรือวิธีพกน้ำส้มสายชูที่กล่าวถึงข้างต้น ไม่เพียงใช้โดยชาวบ้านธรรมดา แต่ในกองทัพก็ใช้เช่นกัน Storyฯ หาไม่พบข้อมูลว่าฉิ่วหายไปจากวิถีชีวิตของชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ สันนิษฐานเอาเองว่าหายไปเมื่อสารพัดชนิดของเปี๊ยะมีมากขึ้นและราคาถูกลง

    เชื่อว่าวิธีเตรียมและพกพาอาหารแห้งเหล่านี้ ของไทยเราก็น่าจะมีอะไรคล้ายคลึงที่สืบทอดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านมาเช่นกัน แต่ Storyฯ ไม่รู้จักมากนัก ใครมีเรื่องเล่าที่ฟังมาจากผู้ใหญ่หรือคนรุ่นก่อน นำมาเล่าแบ่งปันกันด้วยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://www.sohu.com/a/690825754_121115947
    https://www.sohu.com/a/712914583_121338666
    https://m.fx361.com/news/2022/0630/10495172.html
    https://www.sohu.com/a/443453413_120946747
    https://www.sohu.com/a/476806140_120018480
    https://cidian.qianp.com/ci/%E7%B3%97%E9%A5%B5
    https://www.zhihu.com/question/558888787/answer/2718324984
    https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/

    #สยบรักจอมเสเพล #กัวปา #ฉิ่ว #เสบียงแห้งโบราณ
    อาหารพกพายามเดินทางไกล สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องเสบียงอาหารของกองทัพ ก็เลยมีความสงสัยว่า แล้วประชาชนธรรมดาเวลาเดินทางไกลกินอะไรกัน? วันนี้เรามาคุยกันสั้นๆ เรื่องนี้ค่ะ ในสมัยนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่มีรถม้าและพักแรมกินอาหารตามโรงเตี๊ยมได้ ระยะทางก็ยาวไกล ไม่สะดวกแบกสัมภาระมาก ภาพที่เราเห็นบ่อยในซีรีส์คือสะพายห่อผ้าเดินเท้ากัน และอาหารที่พกก็คือเปี๊ยะหรือแผ่นแป้งปิ้งที่คุยกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid021ovimRULhAa1TBPph1nXsGVcPHbNM5ABmNwrzEahckFTPhq1zhUQ4n1aNAjDVuGNl) จริงๆ แล้วการทำเปี๊ยะปิ้งไม่ใช่งานง่ายนัก กว่าจะนวดแป้ง (ไม่นับชาวบ้านชนบทที่อาจต้องโม่แป้งเอง) ไหนจะต้องคอยดูไฟไม่ให้แรงเกินไป คอยพลิกแผ่นเปี๊ยะไปมา ทั้งหมดต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง อีกทั้งข้าวสาลียังแพงกว่าข้าวฟ่าง ไม่ว่าจะทำเปี๊ยะเองหรือหาซื้อ ล้วนสิ้นเปลืองทุนทรัพย์ ดังนั้น หากมีทางเลือกที่ง่ายกว่าประหยัดกว่า ย่อมเป็นที่นิยมของชาวบ้าน อีกทางเลือกที่ว่านี้คือ ‘ฉิ่ว’ (糗) เป็นอาหารแห้งสมัยโบราณ คิดค้นกันขึ้นเมื่อใดก็ไม่ทราบได้ แต่มีการกล่าวถึงในบันทึกพิธีการราชวงศ์โจว หรือ บันทึกโจวหลี่ว่า ‘ฉิวเอ่อร์เฝิ่นฉือ’(糗饵粉飺) คือก้อนข้าวและแผ่นแป้ง แต่จริงๆ แผ่นแป้งที่ว่านี้ไม่ใช่เปี๊ยะ ส่วนผสมมันเหมือนกันกับฉิ่ว เพียงแต่ฉิ่วหมายถึงปั้นเป็นก้อน ในขณะที่ฉือคือบี้ให้แบนเป็นแผ่น แล้วมันคืออะไร? มันคือการเอาข้าวที่นึ่งสุกแล้วมาใส่น้ำเล็กน้อยแล้วบีบหรือทุบให้เละเพื่อจะได้จับตัวกัน เสร็จแล้วปั้นเป็นก้อน (คือฉิ่ว) หรือบี้แบนเป็นแผ่น (คือฉือ) แล้วนำไปตากแห้ง แห้งแล้วก็จะหน้าตาคล้ายข้าวตังบ้านเรา ปัจจุบันของจีนเขาก็มีขนมหน้าตาคล้ายกันเรียกว่า ‘กัวปา’ (锅巴) (ดูรูปประกอบ) ซึ่งข้าวที่ว่านี้ในสมัยโบราณก่อนยุคหมิงคือข้าวฟ่างเป็นหลัก หน้าตาคล้าย แต่รสชาติไม่กรอบร่วนเหมือนข้าวเกรียบกัวปาปัจจุบัน เนื้อของฉิ่วก็จะแน่นๆ แข็งๆ แน่นอนว่ามันเป็นอาหารกินกันตาย ไม่ใช่กินเพื่อความจรรโลงใจ ชาวบ้านยามเดินทางไกลก็ห่อฉิ่วในผ้าบางหรือตะกร้าเล็กซุกไว้ในห่อผ้า เก็บได้นานถึงเกือบครึ่งเดือน เวลาจะกินก็คล้ายกับการกินเปี๊ยะกัวคุยที่กล่าวถึงไปในสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวคือจิ้มน้ำจิ้มให้ชุ่มและนุ่มลงแล้วค่อยกิน บางคนก็มีผักดองหรือเนื้อหมักแห้งพกมากินแกล้มด้วย หรือหากมีโอกาสได้น้ำร้อนน้ำแกงก็เอาฉิ่วจุ้ม/แช่ให้นุ่มแล้วกินก็ได้เช่นกัน นึกภาพว่าข้าวชามหนึ่งสามารถอัดเป็นก้อนได้ขนาดเล็ก ดังนั้นเห็นก้อนเล็กๆ ก็อิ่มไม่น้อย พกจากบ้านไปก็ประหยัดทรัพย์ไปได้หลายวัน น้ำจิ้มที่ใช้ก็พวกถั่วหมักเค็มหรือเต้าเจี้ยว ใส่เครื่องปรุงอย่างอื่นบ้าง ใส่ขิงซอยขิงสับบ้าง แต่น้ำจิ้มเป็นน้ำ เขาพกพากันอย่างไร? ง่ายๆ คือเอาไปตากแดดจนน้ำระเหย จาก ‘น้ำ’ จิ้มก็กลายเป็น ‘เปียก’ จิ้ม... คือข้นๆ เหนียวๆ เสร็จแล้วก็ห่อในกระดาษน้ำมัน พกพาได้ง่าย เวลาจะกินก็แบ่งออกมาเติมน้ำผสมให้เหลวหน่อย น้ำจิ้มมันเค็มจึงมักมีการตัดเค็มด้วยน้ำส้มสายชู แต่วิธีการพกน้ำส้มสายชูเป็นอะไรที่ Storyฯ ยอมรับว่าเหนือความคาดหมายของข้าพเจ้าเอง สมัยนั้นมีไหมีขวดให้ใช้บรรจุน้ำส้มสายชูได้แต่ก็ไม่สามารถพกติดตัวได้ในปริมาณมาก อีกทั้งยังส่งกลิ่นแรง (มันซึมผ่านผ้าที่จุกฝา) ดังนั้นวิธีพกคือใช้ผ้าสะอาดตัดเป็นแถบแล้วแช่ในน้ำส้มสายชู จากนั้นนำมาตากแห้ง พกเป็นผ้าไป เวลาจะกินก็ตัดผ้าชิ้นเล็กออกมาแช่ในน้ำก็จะได้รสชาติของน้ำส้มสายชูแล้ว และไม่ว่าจะเป็นฉิ่ว หรือน้ำจิ้ม หรือวิธีพกน้ำส้มสายชูที่กล่าวถึงข้างต้น ไม่เพียงใช้โดยชาวบ้านธรรมดา แต่ในกองทัพก็ใช้เช่นกัน Storyฯ หาไม่พบข้อมูลว่าฉิ่วหายไปจากวิถีชีวิตของชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ สันนิษฐานเอาเองว่าหายไปเมื่อสารพัดชนิดของเปี๊ยะมีมากขึ้นและราคาถูกลง เชื่อว่าวิธีเตรียมและพกพาอาหารแห้งเหล่านี้ ของไทยเราก็น่าจะมีอะไรคล้ายคลึงที่สืบทอดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านมาเช่นกัน แต่ Storyฯ ไม่รู้จักมากนัก ใครมีเรื่องเล่าที่ฟังมาจากผู้ใหญ่หรือคนรุ่นก่อน นำมาเล่าแบ่งปันกันด้วยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://www.sohu.com/a/690825754_121115947 https://www.sohu.com/a/712914583_121338666 https://m.fx361.com/news/2022/0630/10495172.html https://www.sohu.com/a/443453413_120946747 https://www.sohu.com/a/476806140_120018480 https://cidian.qianp.com/ci/%E7%B3%97%E9%A5%B5 https://www.zhihu.com/question/558888787/answer/2718324984 https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/ #สยบรักจอมเสเพล #กัวปา #ฉิ่ว #เสบียงแห้งโบราณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ได้ประกาศว่า ปัญหาการละลายของขั้วต่อพลังงาน 16-pin ได้รับการแก้ไขแล้ว ในงานแถลงข่าวที่เกาหลีใต้ NVIDIA ได้พูดถึงความปลอดภัยของขั้วต่อพลังงานสำหรับการ์ดกราฟิก RTX 5090 ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งจะใช้พลังงานถึง 575 วัตต์ เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า RTX 4090 ถึง 225 วัตต์

    ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ RTX 4090 คือขั้วต่อพลังงาน 12VHPWR ที่ละลายเมื่อใช้กับอะแดปเตอร์ของบุคคลที่สาม เนื่องจากการเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดความร้อนสูงและขั้วต่อเสียหาย NVIDIA ได้ปรับปรุงขั้วต่อพลังงานเป็น 12V-2x6 ในซีรีส์ RTX 50 ซึ่งมีการออกแบบขั้วต่อให้มีการเชื่อมต่อที่ดีกว่าเดิม

    NVIDIA เชื่อว่าปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นกับซีรีส์ RTX 50 เนื่องจากขั้วต่อใหม่มีการออกแบบให้ขั้วต่อสัมผัสกันอย่างสมบูรณ์ก่อนที่การ์ดจะขอพลังงานสูงขึ้น แม้ว่า NVIDIA จะยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้ แต่การใช้เวลานานในการพัฒนาและจัดส่งขั้วต่อที่ปรับปรุงใหม่ก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการออกแบบเดิม

    https://www.techpowerup.com/331432/nvidia-claims-16-pin-power-connector-issues-are-over-no-more-melting
    NVIDIA ได้ประกาศว่า ปัญหาการละลายของขั้วต่อพลังงาน 16-pin ได้รับการแก้ไขแล้ว ในงานแถลงข่าวที่เกาหลีใต้ NVIDIA ได้พูดถึงความปลอดภัยของขั้วต่อพลังงานสำหรับการ์ดกราฟิก RTX 5090 ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งจะใช้พลังงานถึง 575 วัตต์ เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า RTX 4090 ถึง 225 วัตต์ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ RTX 4090 คือขั้วต่อพลังงาน 12VHPWR ที่ละลายเมื่อใช้กับอะแดปเตอร์ของบุคคลที่สาม เนื่องจากการเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดความร้อนสูงและขั้วต่อเสียหาย NVIDIA ได้ปรับปรุงขั้วต่อพลังงานเป็น 12V-2x6 ในซีรีส์ RTX 50 ซึ่งมีการออกแบบขั้วต่อให้มีการเชื่อมต่อที่ดีกว่าเดิม NVIDIA เชื่อว่าปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นกับซีรีส์ RTX 50 เนื่องจากขั้วต่อใหม่มีการออกแบบให้ขั้วต่อสัมผัสกันอย่างสมบูรณ์ก่อนที่การ์ดจะขอพลังงานสูงขึ้น แม้ว่า NVIDIA จะยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้ แต่การใช้เวลานานในการพัฒนาและจัดส่งขั้วต่อที่ปรับปรุงใหม่ก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการออกแบบเดิม https://www.techpowerup.com/331432/nvidia-claims-16-pin-power-connector-issues-are-over-no-more-melting
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NVIDIA Claims 16-Pin Power Connector Issues are Over, No More Melting
    During a recent press event in South Korea, NVIDIA addressed concerns about power connector safety for their upcoming RTX 5090 graphics card. The new GPU will consume 575 watts of power, marking a massive 225-watt increase from its predecessor, the RTX 4090. The previous generation RTX 4090 faced si...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ZDNET สรุปมาให้แล้วว่ามีอะไรในงาน Samsung Unpacked 2025 บ้าง

    =Galaxy S25 Series=
    ในซีรีส์ Galaxy S25 นี้ มีการออกแบบที่บางและเบากว่าเดิม พร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเล่นเกมได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์กล้องให้สามารถบันทึกวิดีโอ HDR 10-bit และมีฟีเจอร์ Galaxy Virtual Aperture ที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีความลึกและรายละเอียดมากขึ้น

    =Galaxy S25 Ultra=
    สำหรับรุ่น Galaxy S25 Ultra มีการออกแบบที่มีขอบโค้งมนและบางเบากว่าเดิม พร้อมกับกล้อง ultrawide 50MP ที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีรายละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงความทนทานด้วย Corning Gorilla Armor 2 ที่ช่วยป้องกันการตกและรอยขีดข่วนได้ดียิ่งขึ้น

    =ฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ=
    ฟีเจอร์ AI ใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้การใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติที่สุด เช่น AI Select ที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกและดำเนินการต่างๆ บนหน้าจอได้ง่ายขึ้น และ Now Brief ที่สามารถคาดการณ์ความต้องการของคุณและแนะนำสิ่งที่คุณอาจต้องการได้

    =Galaxy S25 Edge=
    นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Galaxy S25 Edge ที่มีความบางมากและมีกล้องเพียงสองตัว คาดว่าจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปีนี้ และราคาน่าจะต่ำกว่า Galaxy S25 Ultra

    =แว่นตา Mixed Reality=
    สุดท้าย Samsung ยังได้โชว์แว่นตา Mixed Reality ที่มีการออกแบบคล้ายกับ Apple Vision Pro และใช้ระบบปฏิบัติการ Android XR แม้จะยังไม่มีการกำหนดเวลาวางจำหน่าย แต่การที่มีการโชว์ในงานนี้ก็เป็นสัญญาณที่ดี

    https://www.zdnet.com/article/samsung-unpacked-2025-everything-announced-galaxy-s25-edge-ultra-ai-more/
    ZDNET สรุปมาให้แล้วว่ามีอะไรในงาน Samsung Unpacked 2025 บ้าง =Galaxy S25 Series= ในซีรีส์ Galaxy S25 นี้ มีการออกแบบที่บางและเบากว่าเดิม พร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการเล่นเกมได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์กล้องให้สามารถบันทึกวิดีโอ HDR 10-bit และมีฟีเจอร์ Galaxy Virtual Aperture ที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีความลึกและรายละเอียดมากขึ้น =Galaxy S25 Ultra= สำหรับรุ่น Galaxy S25 Ultra มีการออกแบบที่มีขอบโค้งมนและบางเบากว่าเดิม พร้อมกับกล้อง ultrawide 50MP ที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีรายละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงความทนทานด้วย Corning Gorilla Armor 2 ที่ช่วยป้องกันการตกและรอยขีดข่วนได้ดียิ่งขึ้น =ฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ= ฟีเจอร์ AI ใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้การใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติที่สุด เช่น AI Select ที่ช่วยให้คุณสามารถเลือกและดำเนินการต่างๆ บนหน้าจอได้ง่ายขึ้น และ Now Brief ที่สามารถคาดการณ์ความต้องการของคุณและแนะนำสิ่งที่คุณอาจต้องการได้ =Galaxy S25 Edge= นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Galaxy S25 Edge ที่มีความบางมากและมีกล้องเพียงสองตัว คาดว่าจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปีนี้ และราคาน่าจะต่ำกว่า Galaxy S25 Ultra =แว่นตา Mixed Reality= สุดท้าย Samsung ยังได้โชว์แว่นตา Mixed Reality ที่มีการออกแบบคล้ายกับ Apple Vision Pro และใช้ระบบปฏิบัติการ Android XR แม้จะยังไม่มีการกำหนดเวลาวางจำหน่าย แต่การที่มีการโชว์ในงานนี้ก็เป็นสัญญาณที่ดี https://www.zdnet.com/article/samsung-unpacked-2025-everything-announced-galaxy-s25-edge-ultra-ai-more/
    WWW.ZDNET.COM
    Samsung Unpacked 2025: Everything announced, Galaxy S25 Edge, Ultra, AI, more
    Today's launch event saw the unveiling of the Galaxy S25 series, new Galaxy AI features, and a fresh One UI 7 upgrade. Oh, and the S25 Edge made a surprise appearance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสบียงของทหารจีนโบราณ

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละครหรืออ่านนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จะเห็นว่าหนึ่งในสาระการเดินเรื่องที่สำคัญคือการจัดหาเสบียงไว้ใช้ในยามศึก แม้ว่าฉากหน้าร้านจะมีข้าวหลายชนิด แต่เวลาขนส่งเป็นกระสอบมักเป็นภาพของข้าวสารสีขาว ละครเรื่องอื่นส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ไม่ทราบว่ามีใคร ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ไหมว่า ดำนาปลูกข้าวต้องใช้น้ำปริมาณมาก จีนโบราณเขาสามารถมีข้าวเป็นเสบียงได้มากมายเชียวหรือ?

    วันนี้เราเลยมาคุยกันเรื่องเสบียงของทหารจีนโบราณ

    ก่อนอื่นคุยกันเรื่องชนิดของข้าว ข้าวขาวเรียกว่า ‘หมี่’ (米) หรือ ‘ต้าหมี่’ หรือ ‘เต้าหมี่’ (大米 / 稻米) แต่จริงๆ แล้วคำว่า ‘หมี่’ ใช้หมายถึงข้าวชนิดอื่นได้ด้วยโดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริบทของเสบียง ข้าวที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหลักในสมัยจีนโบราณ (และเป็นอาหารของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมากมาย) จริงๆ แล้วคือข้าวฟ่าง เรียกว่า ‘เสียวหมี่’ ( 小米 … ใช่ค่ะ คือชื่อแบรนด์มือถือและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์จีนที่เราคุ้นหูกันดี) (ดูรูปประกอบ2) หรือที่ในละคร <สยบรักจอมเสเพล> เรียกว่า ‘หวงหมี่’ (แปลตรงตัวว่าข้าวเหลือง)

    ข้าวฟ่างถูกใช้เป็นเสบียงหลักของทหารมาหลายพันปี ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยฉินจนสมัยถัง และยังมีใช้บ้างในสมัยซ่ง ทั้งนี้ เพราะมันทนต่อสภาวะน้ำแล้ง จึงปลูกได้หลายพื้นที่ มีผลผลิตสูงเมื่อเทียบกับข้าวชนิดอื่น โดยเฉพาะในสมัยแรกๆ ที่ยังไม่ค่อยมีวิวัฒนาการด้านการเกษตร เมื่อผลผลิตสูงก็มีราคาต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น ในบางยุคสมัยถูกกว่าถึงสองสามเท่า ใช้เป็นเสบียงได้ทั้งคนและม้าศึก นอกจากนี้ ข้าวฟ่างหุงสุกง่ายเพราะเปลือกไม่หนา และสามารถเก็บได้นานเป็น 9-10ปี ว่ากันว่าข้าวฟ่างในคลังหลวงของนครฉางอันภายหลังจากราชวงศ์สุยถูกล้มล้างลงนั้น ถูกใช้ต่อเนื่องมาในสมัยถังได้อีก 11 ปีเลยทีเดียว

    วิธีปรุงอาหารที่ง่ายที่สุดสำหรับกองทัพก็คือข้าวต้ม จึงไม่แปลกที่เราเห็นทหารยกชามข้าวซดกันในซีรีส์ ในสมัยนั้นมีการพกเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาตากแห้งไปกินแกล้ม แต่ก็มีล่าสัตว์เพิ่มเติมเวลาตั้งค่าย มีผักอะไรหาได้ก็ใส่ๆ ลงไป นั่นคืออาหารของทหารสมัยนั้น บางทีก็มีข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นผสม เช่นข้าวบาร์เลย์ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นมีผลผลิตอะไรราคาถูกในพื้นที่นั้นๆ

    โจ๊กจึงเป็นอาหารหลักของกองทัพมาหลายยุคสมัย ภายหลังยุคชุนชิวก็มีหมั่นโถวมาเพิ่ม จวบจนสมัยชิงที่เน้นกินเนื้อสัตว์มากกว่าเน้นข้าว ทั้งนี้ เพื่อลดการขนส่งข้าวให้น้อยลงเพราะมันมีความยุ่งยากและสูญเสียมากระหว่างเดินทางไกล โดยมีการต้อนวัวและแกะไปพร้อมกับกองทัพ เวลาจะกินค่อยฆ่า ซึ่งภาพการเดินทัพและขนเสบียงแบบนี้ Storyฯ คิดว่าไม่เคยเห็นในซีรีส์ แต่ถ้าใครเคยผ่านตาแวะมาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ

    แต่จะต้มโจ๊กหรือนึ่งหมั่นโถวได้ต้องตั้งครัว ในยามที่ต้องเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาย่อมไม่สะดวก จึงต้องมีเสบียงอย่างอื่นที่สะดวกต่อการพกพาไม่ต้องเสียเวลาตั้งครัว เสบียงที่ว่านี้คืออะไร?

    จริงแล้วในสมัยฮั่น มีการปลูกข้าวสาลีมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่ปริมาณยังน้อยกว่าข้าวฟ่าง ไม่เหมาะใช้กินเป็นอาหารหลัก แต่นิยมใช้บดเป็นแป้งมาทำเปี๊ยะ เรียกว่า ‘กัวคุย’ (锅盔 ดูรูปประกอบ 3 ซ้าย) ทำจากแป้งข้าวสาลีและน้ำเป็นหลัก นำมานาบและปิ้งในหม้อดินเผาด้วยไฟอ่อน พลิกไปพลิกมาจนสุก เปี๊ยะนี้ใหญ่และหนาเป็นนิ้ว เนื้อแป้งแน่นๆ แข็งๆ สามารถเก็บได้นาน 10-15 วัน แต่แน่นอนว่ารสชาติมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเพราะแห้งมาก เวลากินจึงนิยมป้ายน้ำจิ้มลงไปให้มันนุ่มและมีรสชาติมากขึ้น ซึ่งน้ำจิ้มที่ว่านี้โดยหลักก็จะเป็นพวกถั่วหมักเค็มซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นซีอิ๊วและเต้าเจี้ยว หรือหากมีน้ำแกงหรือน้ำเต้าหู้ก็แช่จนนิ่มกินก็จะมีรสชาติมากขึ้น

    ว่ากันว่าในสมัยฉิน ทหารได้รับการแจกจ่ายเปี๊ยะกัวคุยกันคนละสองแผ่น แผ่นหนึ่งหนาประมาณเกือบนิ้วหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม เวลาพกก็เจาะรูร้อยเชือกหนังแขวนพาดบ่าไว้ แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหน้า แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหลัง เวลาโดนข้าศึกลอบยิงธนูใส่ยังสามารถใช้เป็นเกราะกำบัง! แต่เรื่องนี้ Storyฯ อ่านเจอก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จประการใด เอาเป็นว่า ให้เห็นภาพว่ากัวคุยนั้นหนาและแข็งก็แล้วกันนะคะ

    ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เสบียงที่ใช้พกพานั้นคือ ‘ซาวปิ่ง’ (烧饼) ในยุคนั้นมีทหารม้าจำนวนมาก การพกซาวปิ่งจึงกลายเป็นเสบียงหลักเพราะสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และมันเป็นอาหารที่ถูกปากเหล่าทหารไม่น้อย เพราะซาวปิ่งในสมัยนั้นเป็นอาหารที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชน ทั้งเป็นอาหารหลักและของกินเล่น มันก็คือเปี๊ยะที่เอามาปิ้งหรือทอดที่เราเห็นบ่อยๆ ในซีรีส์ หน้าตาของซาวปิ่งมีส่วนคล้ายกัวคุยที่กล่าวถึงข้างต้น อ่านดูก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไร แต่เข้าใจว่าซาวปิ่งมีการปรุงแต่งมากกว่า เช่นเอาแป้งผสมเนื้อและต้นหอม ผสมเนยจามรี สุกแล้วกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งด้านในเป็นชั้นๆ (นึกภาพคล้ายเนื้อแป้งโรตี) ซึ่งแตกต่างจากกัวคุย (ดูรูปเปรียบเทียบในรูป 3) ปัจจุบันซาวปิ่งยังเป็นที่นิยมอยู่ในหลายพื้นที่ หน้าตาและส่วนผสมแตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นที่ มีทั้งแบบใส่ไส้และไม่ใส่ไส้

    ต่อมาในสมัยหมิงมีการพัฒนาเสบียงพกพาแบบใหม่ขึ้นอีกและเปลี่ยนมาใช้ข้าวขาวแทนข้าวฟ่าง เนื่องจากในยุคสมัยนี้ผลผลิตข้าวขาวสูงขึ้นมาก เกิดเป็นไอเดียเอาข้าวสุกตากแห้งพกเป็นเสบียง เวลาจะกินก็เติมน้ำอุ่นน้ำร้อนแช่ทิ้งไว้ กลายเป็นข้าวต้ม นับว่าเป็นอาหารจานด่วนโดยแท้ จะเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของโจ๊กและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหมนะ?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://k.sina.cn/article_5113022164_130c286d4040011jeu.html?from=ent&subch=oent
    http://www.foodwifi.net/jkys/201710/72511.html
    https://k.sina.cn/article_5899149139_15f9ddf5300100eewv.html
    http://m.qulishi.com/article/202105/513111.html
    https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c43040013i62.html
    https://www.zhihu.com/tardis/zm/art/351540381?source_id=1003
    https://www.sohu.com/a/239218972_155326
    http://m.qulishi.com/article/202011/453756.html#:~:text=锅盔是一种烙,锅盔都同样好吃
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/566492773
    https://www.toutiao.com/article/6967140332173656583/
    https://k.sina.cn/article_5502315099_147f6aa5b00100k0jm.html
    https://www.sohu.com/a/710019104_121119015
    https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/

    #สยบรักจอมเสเพล #เสบียงทหารโบราณ #ข้าวฟ่าง #แป้งปิ้ง
    เสบียงของทหารจีนโบราณ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครหรืออ่านนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จะเห็นว่าหนึ่งในสาระการเดินเรื่องที่สำคัญคือการจัดหาเสบียงไว้ใช้ในยามศึก แม้ว่าฉากหน้าร้านจะมีข้าวหลายชนิด แต่เวลาขนส่งเป็นกระสอบมักเป็นภาพของข้าวสารสีขาว ละครเรื่องอื่นส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ไม่ทราบว่ามีใคร ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ไหมว่า ดำนาปลูกข้าวต้องใช้น้ำปริมาณมาก จีนโบราณเขาสามารถมีข้าวเป็นเสบียงได้มากมายเชียวหรือ? วันนี้เราเลยมาคุยกันเรื่องเสบียงของทหารจีนโบราณ ก่อนอื่นคุยกันเรื่องชนิดของข้าว ข้าวขาวเรียกว่า ‘หมี่’ (米) หรือ ‘ต้าหมี่’ หรือ ‘เต้าหมี่’ (大米 / 稻米) แต่จริงๆ แล้วคำว่า ‘หมี่’ ใช้หมายถึงข้าวชนิดอื่นได้ด้วยโดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริบทของเสบียง ข้าวที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหลักในสมัยจีนโบราณ (และเป็นอาหารของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมากมาย) จริงๆ แล้วคือข้าวฟ่าง เรียกว่า ‘เสียวหมี่’ ( 小米 … ใช่ค่ะ คือชื่อแบรนด์มือถือและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์จีนที่เราคุ้นหูกันดี) (ดูรูปประกอบ2) หรือที่ในละคร <สยบรักจอมเสเพล> เรียกว่า ‘หวงหมี่’ (แปลตรงตัวว่าข้าวเหลือง) ข้าวฟ่างถูกใช้เป็นเสบียงหลักของทหารมาหลายพันปี ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยฉินจนสมัยถัง และยังมีใช้บ้างในสมัยซ่ง ทั้งนี้ เพราะมันทนต่อสภาวะน้ำแล้ง จึงปลูกได้หลายพื้นที่ มีผลผลิตสูงเมื่อเทียบกับข้าวชนิดอื่น โดยเฉพาะในสมัยแรกๆ ที่ยังไม่ค่อยมีวิวัฒนาการด้านการเกษตร เมื่อผลผลิตสูงก็มีราคาต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น ในบางยุคสมัยถูกกว่าถึงสองสามเท่า ใช้เป็นเสบียงได้ทั้งคนและม้าศึก นอกจากนี้ ข้าวฟ่างหุงสุกง่ายเพราะเปลือกไม่หนา และสามารถเก็บได้นานเป็น 9-10ปี ว่ากันว่าข้าวฟ่างในคลังหลวงของนครฉางอันภายหลังจากราชวงศ์สุยถูกล้มล้างลงนั้น ถูกใช้ต่อเนื่องมาในสมัยถังได้อีก 11 ปีเลยทีเดียว วิธีปรุงอาหารที่ง่ายที่สุดสำหรับกองทัพก็คือข้าวต้ม จึงไม่แปลกที่เราเห็นทหารยกชามข้าวซดกันในซีรีส์ ในสมัยนั้นมีการพกเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาตากแห้งไปกินแกล้ม แต่ก็มีล่าสัตว์เพิ่มเติมเวลาตั้งค่าย มีผักอะไรหาได้ก็ใส่ๆ ลงไป นั่นคืออาหารของทหารสมัยนั้น บางทีก็มีข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นผสม เช่นข้าวบาร์เลย์ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นมีผลผลิตอะไรราคาถูกในพื้นที่นั้นๆ โจ๊กจึงเป็นอาหารหลักของกองทัพมาหลายยุคสมัย ภายหลังยุคชุนชิวก็มีหมั่นโถวมาเพิ่ม จวบจนสมัยชิงที่เน้นกินเนื้อสัตว์มากกว่าเน้นข้าว ทั้งนี้ เพื่อลดการขนส่งข้าวให้น้อยลงเพราะมันมีความยุ่งยากและสูญเสียมากระหว่างเดินทางไกล โดยมีการต้อนวัวและแกะไปพร้อมกับกองทัพ เวลาจะกินค่อยฆ่า ซึ่งภาพการเดินทัพและขนเสบียงแบบนี้ Storyฯ คิดว่าไม่เคยเห็นในซีรีส์ แต่ถ้าใครเคยผ่านตาแวะมาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ แต่จะต้มโจ๊กหรือนึ่งหมั่นโถวได้ต้องตั้งครัว ในยามที่ต้องเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาย่อมไม่สะดวก จึงต้องมีเสบียงอย่างอื่นที่สะดวกต่อการพกพาไม่ต้องเสียเวลาตั้งครัว เสบียงที่ว่านี้คืออะไร? จริงแล้วในสมัยฮั่น มีการปลูกข้าวสาลีมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่ปริมาณยังน้อยกว่าข้าวฟ่าง ไม่เหมาะใช้กินเป็นอาหารหลัก แต่นิยมใช้บดเป็นแป้งมาทำเปี๊ยะ เรียกว่า ‘กัวคุย’ (锅盔 ดูรูปประกอบ 3 ซ้าย) ทำจากแป้งข้าวสาลีและน้ำเป็นหลัก นำมานาบและปิ้งในหม้อดินเผาด้วยไฟอ่อน พลิกไปพลิกมาจนสุก เปี๊ยะนี้ใหญ่และหนาเป็นนิ้ว เนื้อแป้งแน่นๆ แข็งๆ สามารถเก็บได้นาน 10-15 วัน แต่แน่นอนว่ารสชาติมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเพราะแห้งมาก เวลากินจึงนิยมป้ายน้ำจิ้มลงไปให้มันนุ่มและมีรสชาติมากขึ้น ซึ่งน้ำจิ้มที่ว่านี้โดยหลักก็จะเป็นพวกถั่วหมักเค็มซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นซีอิ๊วและเต้าเจี้ยว หรือหากมีน้ำแกงหรือน้ำเต้าหู้ก็แช่จนนิ่มกินก็จะมีรสชาติมากขึ้น ว่ากันว่าในสมัยฉิน ทหารได้รับการแจกจ่ายเปี๊ยะกัวคุยกันคนละสองแผ่น แผ่นหนึ่งหนาประมาณเกือบนิ้วหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม เวลาพกก็เจาะรูร้อยเชือกหนังแขวนพาดบ่าไว้ แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหน้า แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหลัง เวลาโดนข้าศึกลอบยิงธนูใส่ยังสามารถใช้เป็นเกราะกำบัง! แต่เรื่องนี้ Storyฯ อ่านเจอก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จประการใด เอาเป็นว่า ให้เห็นภาพว่ากัวคุยนั้นหนาและแข็งก็แล้วกันนะคะ ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เสบียงที่ใช้พกพานั้นคือ ‘ซาวปิ่ง’ (烧饼) ในยุคนั้นมีทหารม้าจำนวนมาก การพกซาวปิ่งจึงกลายเป็นเสบียงหลักเพราะสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และมันเป็นอาหารที่ถูกปากเหล่าทหารไม่น้อย เพราะซาวปิ่งในสมัยนั้นเป็นอาหารที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชน ทั้งเป็นอาหารหลักและของกินเล่น มันก็คือเปี๊ยะที่เอามาปิ้งหรือทอดที่เราเห็นบ่อยๆ ในซีรีส์ หน้าตาของซาวปิ่งมีส่วนคล้ายกัวคุยที่กล่าวถึงข้างต้น อ่านดูก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไร แต่เข้าใจว่าซาวปิ่งมีการปรุงแต่งมากกว่า เช่นเอาแป้งผสมเนื้อและต้นหอม ผสมเนยจามรี สุกแล้วกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งด้านในเป็นชั้นๆ (นึกภาพคล้ายเนื้อแป้งโรตี) ซึ่งแตกต่างจากกัวคุย (ดูรูปเปรียบเทียบในรูป 3) ปัจจุบันซาวปิ่งยังเป็นที่นิยมอยู่ในหลายพื้นที่ หน้าตาและส่วนผสมแตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นที่ มีทั้งแบบใส่ไส้และไม่ใส่ไส้ ต่อมาในสมัยหมิงมีการพัฒนาเสบียงพกพาแบบใหม่ขึ้นอีกและเปลี่ยนมาใช้ข้าวขาวแทนข้าวฟ่าง เนื่องจากในยุคสมัยนี้ผลผลิตข้าวขาวสูงขึ้นมาก เกิดเป็นไอเดียเอาข้าวสุกตากแห้งพกเป็นเสบียง เวลาจะกินก็เติมน้ำอุ่นน้ำร้อนแช่ทิ้งไว้ กลายเป็นข้าวต้ม นับว่าเป็นอาหารจานด่วนโดยแท้ จะเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของโจ๊กและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหมนะ? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://k.sina.cn/article_5113022164_130c286d4040011jeu.html?from=ent&subch=oent http://www.foodwifi.net/jkys/201710/72511.html https://k.sina.cn/article_5899149139_15f9ddf5300100eewv.html http://m.qulishi.com/article/202105/513111.html https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c43040013i62.html https://www.zhihu.com/tardis/zm/art/351540381?source_id=1003 https://www.sohu.com/a/239218972_155326 http://m.qulishi.com/article/202011/453756.html#:~:text=锅盔是一种烙,锅盔都同样好吃 https://zhuanlan.zhihu.com/p/566492773 https://www.toutiao.com/article/6967140332173656583/ https://k.sina.cn/article_5502315099_147f6aa5b00100k0jm.html https://www.sohu.com/a/710019104_121119015 https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/ #สยบรักจอมเสเพล #เสบียงทหารโบราณ #ข้าวฟ่าง #แป้งปิ้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #เบริด์ธงไชย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติTikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #เบริด์ธงไชย #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • เมื่อเร็ว ๆ นี้ NVIDIA ได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ในซีรีส์ GeForce RTX 50 ซึ่งประกอบด้วย RTX 5090 และ RTX 5080 แต่มีปัญหาการขาดแคลนสินค้าในตลาดอย่างมาก เนื่องจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่าง NVIDIA และพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้การจัดส่งสินค้าล่าช้าและราคาของการ์ดจอเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในบางภูมิภาค

    การขาดแคลนนี้ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อการ์ดจอรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ราคาของ RTX 5090 สูงถึง 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ RTX 5080 สูงถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ สถานการณ์นี้คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น ผู้บริโภคอาจต้องรอคอยนานกว่าจะได้การ์ดจอในราคาที่เหมาะสม

    https://wccftech.com/nvidia-geforce-rtx-50-series-gpus-facing-shortages-ahead-of-launch-rtx-5090-5080-price-surge/
    เมื่อเร็ว ๆ นี้ NVIDIA ได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ในซีรีส์ GeForce RTX 50 ซึ่งประกอบด้วย RTX 5090 และ RTX 5080 แต่มีปัญหาการขาดแคลนสินค้าในตลาดอย่างมาก เนื่องจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่าง NVIDIA และพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้การจัดส่งสินค้าล่าช้าและราคาของการ์ดจอเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในบางภูมิภาค การขาดแคลนนี้ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อการ์ดจอรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ราคาของ RTX 5090 สูงถึง 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ RTX 5080 สูงถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ สถานการณ์นี้คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ แต่จนกว่าจะถึงเวลานั้น ผู้บริโภคอาจต้องรอคอยนานกว่าจะได้การ์ดจอในราคาที่เหมาะสม https://wccftech.com/nvidia-geforce-rtx-50-series-gpus-facing-shortages-ahead-of-launch-rtx-5090-5080-price-surge/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA GeForce RTX 50 Series GPUs Already Facing Shortages, Prices For RTX 5090 & RTX 5080 Have Doubled In Some Regions
    NVIDIA GeForce RTX 5090 & 5080 are reportedly short in supply, causing delays in shipments and even price increases in some regions.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9000 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ในเดือนมีนาคมนี้! การ์ดจอรุ่นแรกที่จะเปิดตัวคือ Radeon RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งคาดว่าจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการ์ดจอ RTX 4070 Ti หรือ RTX 4080 ของ NVIDIA

    AMD ได้ประกาศว่าการ์ดจอรุ่นใหม่นี้จะมีการออกแบบใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพและการระบายความร้อนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การ์ดจอรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16 GB และมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดถึง 2.9 GHz

    นอกจากนี้ AMD ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า FSR 4 ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเฟรมภาพโดยใช้โมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง (ML-based models) ที่สามารถรองรับการ์ดจอรุ่นเก่าได้ด้ว การเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    http://disq.us/t/4smplk6
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9000 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ในเดือนมีนาคมนี้! การ์ดจอรุ่นแรกที่จะเปิดตัวคือ Radeon RX 9070 XT และ RX 9070 ซึ่งคาดว่าจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการ์ดจอ RTX 4070 Ti หรือ RTX 4080 ของ NVIDIA AMD ได้ประกาศว่าการ์ดจอรุ่นใหม่นี้จะมีการออกแบบใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพและการระบายความร้อนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การ์ดจอรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16 GB และมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดถึง 2.9 GHz นอกจากนี้ AMD ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า FSR 4 ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเฟรมภาพโดยใช้โมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง (ML-based models) ที่สามารถรองรับการ์ดจอรุ่นเก่าได้ด้ว การเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น http://disq.us/t/4smplk6
    DISQ.US
    AMD Radeon RX 9000 GPUs Officially Launching In March, Radeon RX 9070 XT & 9070 Likely The First RDNA 4 Cards For Gamers
    AMD has just confirmed that its next-gen RDNA 4-based Radeon RX 9000 GPUs such as the RX 9070 XT & RX 9070 will be launching in March.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพบซีพียูปลอม AMD Ryzen 7 9800X3D ในประเทศจีน ซึ่งถูกตรวจพบโดยบริการหลังการขายของ AMD หลังจากที่ลูกค้ารายหนึ่งรายงานว่าซีพียูของเขาไม่สามารถบูตได้ ซีพียูปลอมนี้มีความแตกต่างทางเทคนิคหลายประการที่ทำให้สามารถแยกแยะได้จากซีพียูแท้ แต่ความแตกต่างเหล่านี้ยากที่จะสังเกตเห็นได้หากไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด

    ซีพียู Ryzen 7 9800X3D แท้จะใช้หมายเลข PCB 33050 แต่ซีพียูปลอมใช้หมายเลข PCB 32546 ซึ่งเป็นหมายเลขที่มักจะใช้กับซีพียู Ryzen 7000 ซีรีส์ R7 หรือ R9 นอกจากนี้ ซีพียูปลอมยังมีสีของ PCB ที่แตกต่างจากซีพียูแท้ โดยซีพียูแท้จะมี PCB สีฟ้า แต่ซีพียูปลอมมีสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นลักษณะของรุ่นเก่า

    นอกจากนี้ ยังมีการพบซีพียูปลอมบางตัวที่มีการติดป้ายชื่อผิดว่าเป็น "Ryzen 9 9800X3D" ซึ่งเป็นหมายเลขรุ่นที่ไม่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ AMD ข้อมูลนี้ถูกแชร์ครั้งแรกในเว็บไซต์ Chiphell โดยแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการผลิต PCB ที่ให้การเปรียบเทียบระหว่างซีพียูแท้และปลอม

    เพื่อป้องกันการซื้อซีพียูปลอม ผู้ซื้อควรซื้อซีพียูจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองจาก AMD เท่านั้น เนื่องจากซีพียูที่ซื้อจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการจะไม่ได้รับการรับประกันหรือการคุ้มครองจากบริการหลังการขายของ AMD.

    https://www.techpowerup.com/331323/buyers-beware-counterfeit-amd-ryzen-7-9800x3d-cpus-appear-in-china
    มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพบซีพียูปลอม AMD Ryzen 7 9800X3D ในประเทศจีน ซึ่งถูกตรวจพบโดยบริการหลังการขายของ AMD หลังจากที่ลูกค้ารายหนึ่งรายงานว่าซีพียูของเขาไม่สามารถบูตได้ ซีพียูปลอมนี้มีความแตกต่างทางเทคนิคหลายประการที่ทำให้สามารถแยกแยะได้จากซีพียูแท้ แต่ความแตกต่างเหล่านี้ยากที่จะสังเกตเห็นได้หากไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด ซีพียู Ryzen 7 9800X3D แท้จะใช้หมายเลข PCB 33050 แต่ซีพียูปลอมใช้หมายเลข PCB 32546 ซึ่งเป็นหมายเลขที่มักจะใช้กับซีพียู Ryzen 7000 ซีรีส์ R7 หรือ R9 นอกจากนี้ ซีพียูปลอมยังมีสีของ PCB ที่แตกต่างจากซีพียูแท้ โดยซีพียูแท้จะมี PCB สีฟ้า แต่ซีพียูปลอมมีสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นลักษณะของรุ่นเก่า นอกจากนี้ ยังมีการพบซีพียูปลอมบางตัวที่มีการติดป้ายชื่อผิดว่าเป็น "Ryzen 9 9800X3D" ซึ่งเป็นหมายเลขรุ่นที่ไม่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ AMD ข้อมูลนี้ถูกแชร์ครั้งแรกในเว็บไซต์ Chiphell โดยแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมการผลิต PCB ที่ให้การเปรียบเทียบระหว่างซีพียูแท้และปลอม เพื่อป้องกันการซื้อซีพียูปลอม ผู้ซื้อควรซื้อซีพียูจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองจาก AMD เท่านั้น เนื่องจากซีพียูที่ซื้อจากช่องทางที่ไม่เป็นทางการจะไม่ได้รับการรับประกันหรือการคุ้มครองจากบริการหลังการขายของ AMD. https://www.techpowerup.com/331323/buyers-beware-counterfeit-amd-ryzen-7-9800x3d-cpus-appear-in-china
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Buyers Beware: Counterfeit AMD Ryzen 7 9800X3D CPUs Appear in China
    A fake AMD Ryzen 7 9800X3D processor was recently discovered through AMD's after-sales service inspection in China after a customer reported their CPU wouldn't boot. The counterfeit unit revealed several technical discrepancies that distinguish it from genuine processors, though these differences ar...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #บี้สุกฤษฎ์ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #บี้สุกฤษฎ์ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • รหัสลับบทกวีจีนจาก <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก>

    Storyฯ รู้สึกว่า บทกวีจีนโบราณนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยาย/ซีรีส์จีนจริงๆ ไม่ทราบว่ามีใครที่ดูซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> แล้วรู้สึกสะดุดหูกับจังหวะจะโคนของรหัสลับที่องครักษ์ชุดแดงใช้ยืนยันตัวตนกันหรือไม่? สำหรับ Storyฯ แล้วมันเตะหูพอสมควร เพราะรหัสลับเหล่านี้ล้วนเป็นวลีจากบทกวีจีนโบราณ

    รหัสลับที่ยกตัวอย่างมาคุยกันวันนี้ คือตอนที่หรูอี้ให้คนปลอมตัวไปหาองครักษ์ชุดแดงเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าหลินหลงตาย รหัสลับถามตอบนี้คือ ‘ซานสือลิ่วกงถู่ฮวาปี้’ (三十六宫土花碧) และ ‘เทียนรั่วโหย่วฉิงเทียนอี้เหล่า’ (天若有情天亦老) Storyฯ ขอแปลว่า ‘สามสิบหกพระตำหนัก ตะไคร่คลุมธรณี / หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’

    ฟังแล้วคงไม่ได้ใจความนัก เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่วรรคที่ต่อเนื่องกัน แต่ทั้งสองวรรคนี้ปรากฏอยู่ในบทกวีเดียวกันที่มีชื่อว่า ‘จินถงเซียนเหรินฉือฮั่นเกอ’ (金铜仙人辞汉歌 แปลได้ประมาณว่า ลำนำเซียนจินถงลาจากแดนฮั่น) เป็นผลงานของหลี่เฮ่อ (ค.ศ. 790-816) สี่สุดยอดกวีแห่งสมัยถัง และนี่เป็นหนึ่งในบทกวีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของเขา มันเป็นบทกวียาวที่กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรฮั่นที่ครั้งหนึ่งเคยเรืองรอง แต่กลับเหลือเพียงพระตำหนักที่ว่างร้างจนตะไคร่ปกคลุม เทพเซียนร่ำไห้ลาจาก จนถึงขนาดว่าถ้าฟ้ามีจิตใจรักได้เหมือนคน ก็คงรู้สึกอนาจใจเศร้าจนแก่ชราไปเช่นคน บทกวีนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าอาดูรและแค้นใจในเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงสภาพจิตใจของหลี่เฮ่อในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์ถังอ่อนแอ และเขาเองจำเป็นต้องลาออกจากราชการและเดินทางจากนครฉางอันไปด้วยอาการป่วย

    แต่ที่ Storyฯ รู้สึกว่าน่าสนใจมากก็คือ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้ตั้งเป็นโจทย์ในการดวลบทกวีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเพื่อนเพจที่คุ้นเคยกับซีรีส์และนิยายจีนโบราณคงเคยผ่านตาว่า การดวลบทกวีนี้ เป็นการต่อกลอนคู่ โดยคนหนึ่งตั้งโจทย์วรรคแรก อีกคนมาแต่งวรรคต่อให้จบ ซึ่งวรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้เป็นวรรคแรกของกลอนคู่โดยไม่มีใครสามารถต่อวรรคท้ายได้อย่างสมบูรณ์มากว่าสองร้อยปี! ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมากสำหรับยุคสมัยที่มีนักอักษรและนักประพันธ์มากมายอย่างสมัยถัง

    อนึ่ง การต่อวรรคคู่ที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่มีจำนวนอักษรเท่ากันและมีเสียงสูงเสียงต่ำคล้องจองกันเท่านั้น แต่ต้องมีความลงตัวในหลายด้าน เป็นต้นว่า 1) มีบริบทใกล้เคียง เช่น กล่าวถึงวัตถุที่จับต้องได้เหมือนกัน หรือจับต้องไม่ได้เหมือนกัน เป็นวัตถุที่สื่อความหมายในเชิงเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่วรรคแรกกล่าวถึงดอกไม้ วรรคหลังพูดถึงโต๊ะ อะไรอย่างนี้; 2) คุณศัพท์ที่ขยายนามหรืออารมณ์ที่สื่อต้องเหมือนกันหรือตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเพื่อแสดงความขัดแย้งบางอย่าง เช่น ฝนตกหนักกับแดดแรงจ้า หรือ ฝนตกหนักกับหยดน้ำเล็ก; ฯลฯ

    วรรค ‘หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ นี้มีคนต่อวรรคหลังมากมาย แต่ไม่มีความลงตัวอย่างสมบูรณ์จวบจนสมัยราชวงศ์ซ่ง ผู้ที่ต่อวรรคหลังนี้คือสือเหยียนเหนียน (ค.ศ. 994-1041) นักอักษรและกวีสมัยซ่งเหนือ ในค่ำคืนหนึ่งหลังจากดื่มสุราไปหลายกรึ๊บ ในยามกึ่งเมากึ่งมีสตินั้น เขาได้ยินคนรอบข้างต่อวรรค ‘หากฟ้ามีใจฯ’ นี้กันอยู่ จึงโพล่งวรรคต่อออกมาในทันใด ซึ่งก็คือ ‘หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง’ (月如无恨月长圆 / เยวี่ยหรูอู๋เฮิ่นเยวี่ยฉางเหยวียน) เป็นการต่อวรรคที่สมบูรณ์จนคนตะลึง เพราะไม่เพียงอักขระ คำบรรยายและบริบทลงตัว หากแต่ความหมายแฝงที่สื่อถึงสัจธรรมแห่งชีวิตยังสอดคล้องอีกด้วย

    ... หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน ...
    ... หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง ...

    วรรคต้นที่ไม่มีใครต่อวรรคได้มากว่าสองร้อยปี เกิดวรรคต่อที่สะเทือนวงการนักอักษรในสมัยนั้นจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพื่อนเพจอ่านและตีความแล้วได้ความรู้สึกอย่างไรคะ? เห็นความเป็น ‘กลอนคู่’ ของมันหรือไม่?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_25539972
    https://k.sina.cn/article_6502395912_18392b008001004rs9.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_33199885635a.aspx
    https://baike.baidu.com/金铜仙人辞汉歌/1659854
    https://www.sohu.com/a/484704098_100135144
    https://www.workercn.cn/c/2024-02-06/8143503.shtml

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #หลี่เฮ่อ #กวีถัง #หากฟ้ามีใจรัก #สือเหยียนเหนียน
    รหัสลับบทกวีจีนจาก <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> Storyฯ รู้สึกว่า บทกวีจีนโบราณนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยาย/ซีรีส์จีนจริงๆ ไม่ทราบว่ามีใครที่ดูซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> แล้วรู้สึกสะดุดหูกับจังหวะจะโคนของรหัสลับที่องครักษ์ชุดแดงใช้ยืนยันตัวตนกันหรือไม่? สำหรับ Storyฯ แล้วมันเตะหูพอสมควร เพราะรหัสลับเหล่านี้ล้วนเป็นวลีจากบทกวีจีนโบราณ รหัสลับที่ยกตัวอย่างมาคุยกันวันนี้ คือตอนที่หรูอี้ให้คนปลอมตัวไปหาองครักษ์ชุดแดงเพื่อสืบหาคนที่ฆ่าหลินหลงตาย รหัสลับถามตอบนี้คือ ‘ซานสือลิ่วกงถู่ฮวาปี้’ (三十六宫土花碧) และ ‘เทียนรั่วโหย่วฉิงเทียนอี้เหล่า’ (天若有情天亦老) Storyฯ ขอแปลว่า ‘สามสิบหกพระตำหนัก ตะไคร่คลุมธรณี / หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ ฟังแล้วคงไม่ได้ใจความนัก เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่วรรคที่ต่อเนื่องกัน แต่ทั้งสองวรรคนี้ปรากฏอยู่ในบทกวีเดียวกันที่มีชื่อว่า ‘จินถงเซียนเหรินฉือฮั่นเกอ’ (金铜仙人辞汉歌 แปลได้ประมาณว่า ลำนำเซียนจินถงลาจากแดนฮั่น) เป็นผลงานของหลี่เฮ่อ (ค.ศ. 790-816) สี่สุดยอดกวีแห่งสมัยถัง และนี่เป็นหนึ่งในบทกวีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของเขา มันเป็นบทกวียาวที่กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรฮั่นที่ครั้งหนึ่งเคยเรืองรอง แต่กลับเหลือเพียงพระตำหนักที่ว่างร้างจนตะไคร่ปกคลุม เทพเซียนร่ำไห้ลาจาก จนถึงขนาดว่าถ้าฟ้ามีจิตใจรักได้เหมือนคน ก็คงรู้สึกอนาจใจเศร้าจนแก่ชราไปเช่นคน บทกวีนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าอาดูรและแค้นใจในเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงสภาพจิตใจของหลี่เฮ่อในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ราชวงศ์ถังอ่อนแอ และเขาเองจำเป็นต้องลาออกจากราชการและเดินทางจากนครฉางอันไปด้วยอาการป่วย แต่ที่ Storyฯ รู้สึกว่าน่าสนใจมากก็คือ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้ตั้งเป็นโจทย์ในการดวลบทกวีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเพื่อนเพจที่คุ้นเคยกับซีรีส์และนิยายจีนโบราณคงเคยผ่านตาว่า การดวลบทกวีนี้ เป็นการต่อกลอนคู่ โดยคนหนึ่งตั้งโจทย์วรรคแรก อีกคนมาแต่งวรรคต่อให้จบ ซึ่งวรรค ‘หากฟ้ามีใจรักฯ’ นี้ ถูกนำมาใช้เป็นวรรคแรกของกลอนคู่โดยไม่มีใครสามารถต่อวรรคท้ายได้อย่างสมบูรณ์มากว่าสองร้อยปี! ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมากสำหรับยุคสมัยที่มีนักอักษรและนักประพันธ์มากมายอย่างสมัยถัง อนึ่ง การต่อวรรคคู่ที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่มีจำนวนอักษรเท่ากันและมีเสียงสูงเสียงต่ำคล้องจองกันเท่านั้น แต่ต้องมีความลงตัวในหลายด้าน เป็นต้นว่า 1) มีบริบทใกล้เคียง เช่น กล่าวถึงวัตถุที่จับต้องได้เหมือนกัน หรือจับต้องไม่ได้เหมือนกัน เป็นวัตถุที่สื่อความหมายในเชิงเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่วรรคแรกกล่าวถึงดอกไม้ วรรคหลังพูดถึงโต๊ะ อะไรอย่างนี้; 2) คุณศัพท์ที่ขยายนามหรืออารมณ์ที่สื่อต้องเหมือนกันหรือตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงเพื่อแสดงความขัดแย้งบางอย่าง เช่น ฝนตกหนักกับแดดแรงจ้า หรือ ฝนตกหนักกับหยดน้ำเล็ก; ฯลฯ วรรค ‘หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน’ นี้มีคนต่อวรรคหลังมากมาย แต่ไม่มีความลงตัวอย่างสมบูรณ์จวบจนสมัยราชวงศ์ซ่ง ผู้ที่ต่อวรรคหลังนี้คือสือเหยียนเหนียน (ค.ศ. 994-1041) นักอักษรและกวีสมัยซ่งเหนือ ในค่ำคืนหนึ่งหลังจากดื่มสุราไปหลายกรึ๊บ ในยามกึ่งเมากึ่งมีสตินั้น เขาได้ยินคนรอบข้างต่อวรรค ‘หากฟ้ามีใจฯ’ นี้กันอยู่ จึงโพล่งวรรคต่อออกมาในทันใด ซึ่งก็คือ ‘หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง’ (月如无恨月长圆 / เยวี่ยหรูอู๋เฮิ่นเยวี่ยฉางเหยวียน) เป็นการต่อวรรคที่สมบูรณ์จนคนตะลึง เพราะไม่เพียงอักขระ คำบรรยายและบริบทลงตัว หากแต่ความหมายแฝงที่สื่อถึงสัจธรรมแห่งชีวิตยังสอดคล้องอีกด้วย ... หากฟ้ามีใจรัก ฟ้าย่อมชราลงเช่นกัน ... ... หากจันทร์ไร้ใจเกลียด จันทร์ย่อมเต็มดวงยืนยง ... วรรคต้นที่ไม่มีใครต่อวรรคได้มากว่าสองร้อยปี เกิดวรรคต่อที่สะเทือนวงการนักอักษรในสมัยนั้นจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพื่อนเพจอ่านและตีความแล้วได้ความรู้สึกอย่างไรคะ? เห็นความเป็น ‘กลอนคู่’ ของมันหรือไม่? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_25539972 https://k.sina.cn/article_6502395912_18392b008001004rs9.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://so.gushiwen.cn/shiwenv_33199885635a.aspx https://baike.baidu.com/金铜仙人辞汉歌/1659854 https://www.sohu.com/a/484704098_100135144 https://www.workercn.cn/c/2024-02-06/8143503.shtml #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #หลี่เฮ่อ #กวีถัง #หากฟ้ามีใจรัก #สือเหยียนเหนียน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซีรีส์เกาหลีใต้ที่ทุกคนรอคอย When The Stars Gossip ประสบปัญหาความนิยมลดลงอย่างน่าประหลาดใจ แม้จะมีงบประมาณการผลิตที่สูงและนักแสดงชื่อดังเข้าร่วม แต่หลังจากการออกอากาศตอนแรกในวันที่ 4 มกราคม 2025 ซีรีส์กลับมีเรตติ้งลดลงจาก 3.3% ในตอนแรกมาอยู่ในช่วง 2% ในตอนถัดไป

    แม้ว่าจะมีเนื้อหาที่น่าสนใจและการผลิตที่มีคุณภาพสูง When The Stars Gossip กลับประสบปัญหาในการรักษาผู้ชมจากตอนแรก ตอนแรกของซีรีส์ทำเรตติ้งได้ที่ 3.3% ทั่วประเทศ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.9% ในตอนที่สอง แต่ตอนที่ 3 และ 4 กลับมีเรตติ้งลดลงเหลืออยู่ในช่วง 2%

    ในตอนที่ 5 ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2025 เรตติ้งของซีรีส์อยู่ที่ 1.8% ทั่วประเทศ และ 1.9% ในโซล ซึ่งต่ำกว่าค่าที่เคยทำได้ในสัปดาห์ก่อนหน้า

    ในทางตรงกันข้าม ซีรีส์ที่ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกันกลับทำเรตติ้งได้ดี โดย Love Scout ของ SBS ที่ออกอากาศตอนแรกด้วยเรตติ้ง 5.2% และทำเรตติ้งได้เกิน 10% ในตอนที่สาม ตอนล่าสุดในวันที่ 18 มกราคม 2025 ทำเรตติ้งได้ถึง 11.4% ทั่วประเทศ และ 11.2% ในโซล

    ในทำนองเดียวกัน The Tale of Lady Ok ของ JTBC ยังคงรักษาเรตติ้งที่คงที่เหนือกว่า 10% โดยตอนที่ 13 ที่ออกอากาศในวันที่ 18 มกราคม 2025 ทำเรตติ้งได้ถึง 9.13%

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000005819

    #MGROnline #WhenTheStarsGossip #ดาวระยิบกระซิบรัก #LeeMinHo #GongHyoJin
    ซีรีส์เกาหลีใต้ที่ทุกคนรอคอย When The Stars Gossip ประสบปัญหาความนิยมลดลงอย่างน่าประหลาดใจ แม้จะมีงบประมาณการผลิตที่สูงและนักแสดงชื่อดังเข้าร่วม แต่หลังจากการออกอากาศตอนแรกในวันที่ 4 มกราคม 2025 ซีรีส์กลับมีเรตติ้งลดลงจาก 3.3% ในตอนแรกมาอยู่ในช่วง 2% ในตอนถัดไป • แม้ว่าจะมีเนื้อหาที่น่าสนใจและการผลิตที่มีคุณภาพสูง When The Stars Gossip กลับประสบปัญหาในการรักษาผู้ชมจากตอนแรก ตอนแรกของซีรีส์ทำเรตติ้งได้ที่ 3.3% ทั่วประเทศ และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.9% ในตอนที่สอง แต่ตอนที่ 3 และ 4 กลับมีเรตติ้งลดลงเหลืออยู่ในช่วง 2% • ในตอนที่ 5 ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2025 เรตติ้งของซีรีส์อยู่ที่ 1.8% ทั่วประเทศ และ 1.9% ในโซล ซึ่งต่ำกว่าค่าที่เคยทำได้ในสัปดาห์ก่อนหน้า • ในทางตรงกันข้าม ซีรีส์ที่ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกันกลับทำเรตติ้งได้ดี โดย Love Scout ของ SBS ที่ออกอากาศตอนแรกด้วยเรตติ้ง 5.2% และทำเรตติ้งได้เกิน 10% ในตอนที่สาม ตอนล่าสุดในวันที่ 18 มกราคม 2025 ทำเรตติ้งได้ถึง 11.4% ทั่วประเทศ และ 11.2% ในโซล • ในทำนองเดียวกัน The Tale of Lady Ok ของ JTBC ยังคงรักษาเรตติ้งที่คงที่เหนือกว่า 10% โดยตอนที่ 13 ที่ออกอากาศในวันที่ 18 มกราคม 2025 ทำเรตติ้งได้ถึง 9.13% • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000005819 • #MGROnline #WhenTheStarsGossip #ดาวระยิบกระซิบรัก #LeeMinHo #GongHyoJin
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระฆังจิ่งหยางจง

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับเกร็ดเล็กน้อยจากเรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก>

    ในซีรีส์นี้มีเหตุการณ์สำคัญที่มีการตีระฆังเรียกให้เหล่าขุนนางมาชุมนุมกัน ครั้งแรกที่แคว้นอู๋ตอนที่ประกาศเรื่องฮ่องเต้ถูกแคว้นอันจับตัวไป เหล่าขุนนางเรียกระฆังนี้ว่า ‘จิ่งหยางจง’ และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือที่หรูอี้ให้ตีระฆังเพื่อประกาศโทษของฮ่องเต้แคว้นอันต่อหน้าเหล่าขุนนาง ระฆังนี้มีชื่อว่า ‘อันหยางจง’

    ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวในรัชสมัยสมมุติและดินแดนสมมุติ แต่ ‘จิ่งหยางจง’ (景阳钟) มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลที่กล่าวถึง ‘อันหยางจง’ จึงสันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับแคว้นอันในเรื่องนี้

    ข้อมูลเกี่ยวกับระฆังจิ่งหยางจงมีไม่มาก เพียงกล่าวไว้ว่ามีที่มาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้ในรัชสมัยฮ่องเต้ฉีอู่ตี้ (ค.ศ. 440–493) ในตำราประวัติศาสตร์ฉีใต้ ‘หนานฉีซู’ บรรพที่ยี่สิบบันทึกไว้ว่า “เนื่องด้วยในพระราชฐานชั้นในไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากประตูตวนเหมิน จึงทรงให้จัดวางระฆังไว้บนหอจิ่งหยาง ข้าราชสำนักเมื่อได้ยินเสียงระฆังแต่เช้าก็ให้ตื่นขึ้นแต่งตัว... ระฆังดังเมื่อห้ากู่และสามกู่”

    อนึ่ง ประตูตวนเหมินเป็นชื่อประตูพระราชวังประตูบานหลักหน้าพระราชวัง (คือด้านทิศใต้) เป็นชื่อที่ถูกใช้มาหลายยุคสมัยหลายพระราชวังรวมถึงในสมัยราชวงศ์ฉีใต้ และในหลายยุคสมัยมีการจัดวางหอกลองหรือหอระฆังไว้ตีบอกเวลาหน้าประตูพระราชวัง ส่วนหอจิ่งหยางนั้น เป็นหอสูงในเขตพระราชวัง ณ เมืองเจี้ยนคัง (คือนานกิงปัจจุบัน)

    ในยุคสมัยต่อมามีการตั้งวางหอระฆังในพระราชวังเพื่อบอกเวลาเช่นกัน และมีการเรียกขานระฆังนี้กันต่อมาว่า ‘จิ่งหยางจง’ ลักษณะหน้าตาของจิ่งหยางจงนี้เป็นอย่างไรไม่ปรากฏหลักฐาน ทราบแต่เพียงว่าเป็นระฆังยักษ์ และการบอกเวลาโดยการตีระฆังจิ่งหยางจงนี้ถูกใช้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อเนื่องกันมาหลายรัชสมัย จวบจนสมัยราชวงศ์ชิงยังคงมีการเอ่ยถึงชื่อ ‘จิ่งหยางจง’ นี้ในหลายบทกวีที่กล่าวถึงเวลารุ่งสางหรือเวลาที่ขุนนางต้องตื่นขึ้นมาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงเมื่อได้ยินเสียงระฆังนี้ ซึ่งก็สอดคล้องตามวัตถุประสงค์เดิมที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้

    ส่วนเวลาที่ตีระฆังนั้น เดิมระบุว่าคือห้ากู่และสามกู่ ซึ่งในสมัยโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้าช่วงเวลาเรียกว่า ‘กู่’ หรือ ‘เกิง’ เวลาห้ากู่ก็คือช่วงเวลาประมาณตีสามถึงตีห้า (ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ขุนนางต้องตื่นมาเตรียมประชุมท้องพระโรงดังที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว) และเวลาสามกู่คือช่วงเวลาประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง ซึ่งเป็นการเตือนว่าได้เวลาเข้านอนแล้ว

    ดังที่กล่าวไปข้างต้น ระฆังจิ่งหยางจงมีไว้บอกเวลายามเช้าและกลางคืน แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีการกล่าวไว้ว่าเมื่อได้ยินเสียงของระฆังนี้ ให้เหล่าขุนนางมารวมตัวกัน Storyฯ ก็หาไม่พบข้อมูลว่านอกเหนือจากเวลาห้ากู่และสามกู่แล้ว ได้เคยปรากฏเหตุการณ์พิเศษที่ต้องมีตีระฆังจิ่งหยางจงนี้เพื่อเรียกชุมนุมเหล่าขุนนางหรือไม่

    นอกเหนือจากหอระฆังในพระราชวังแล้ว ยังมีหอระฆังในเมืองสำหรับบอกเวลาชาวบ้าน และมีหอระฆังตามวัดที่นอกจากจะใช้บอกเวลาแล้ว ยังใช้บอกเวลามีคนตายในละแวกนั้น ทั้งนี้แล้วแต่หลักปฏิบัติของแต่ละวัด

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/642825978
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=262732&remap=gb
    https://www.arsomsiam.com/หน่วยเวลาและนาฬิกาจีน/
    https://baike.baidu.com/item/景阳钟
    https://www.zdic.net/hans/景阳钟

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #จิ่งหยางจง #หอระฆังพระราชวัง #ประชุมท้องพระโรง #ราชวงศ์ฉีใต้
    ระฆังจิ่งหยางจง สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับเกร็ดเล็กน้อยจากเรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ในซีรีส์นี้มีเหตุการณ์สำคัญที่มีการตีระฆังเรียกให้เหล่าขุนนางมาชุมนุมกัน ครั้งแรกที่แคว้นอู๋ตอนที่ประกาศเรื่องฮ่องเต้ถูกแคว้นอันจับตัวไป เหล่าขุนนางเรียกระฆังนี้ว่า ‘จิ่งหยางจง’ และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือที่หรูอี้ให้ตีระฆังเพื่อประกาศโทษของฮ่องเต้แคว้นอันต่อหน้าเหล่าขุนนาง ระฆังนี้มีชื่อว่า ‘อันหยางจง’ ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวในรัชสมัยสมมุติและดินแดนสมมุติ แต่ ‘จิ่งหยางจง’ (景阳钟) มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลที่กล่าวถึง ‘อันหยางจง’ จึงสันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับแคว้นอันในเรื่องนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับระฆังจิ่งหยางจงมีไม่มาก เพียงกล่าวไว้ว่ามีที่มาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้ในรัชสมัยฮ่องเต้ฉีอู่ตี้ (ค.ศ. 440–493) ในตำราประวัติศาสตร์ฉีใต้ ‘หนานฉีซู’ บรรพที่ยี่สิบบันทึกไว้ว่า “เนื่องด้วยในพระราชฐานชั้นในไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากประตูตวนเหมิน จึงทรงให้จัดวางระฆังไว้บนหอจิ่งหยาง ข้าราชสำนักเมื่อได้ยินเสียงระฆังแต่เช้าก็ให้ตื่นขึ้นแต่งตัว... ระฆังดังเมื่อห้ากู่และสามกู่” อนึ่ง ประตูตวนเหมินเป็นชื่อประตูพระราชวังประตูบานหลักหน้าพระราชวัง (คือด้านทิศใต้) เป็นชื่อที่ถูกใช้มาหลายยุคสมัยหลายพระราชวังรวมถึงในสมัยราชวงศ์ฉีใต้ และในหลายยุคสมัยมีการจัดวางหอกลองหรือหอระฆังไว้ตีบอกเวลาหน้าประตูพระราชวัง ส่วนหอจิ่งหยางนั้น เป็นหอสูงในเขตพระราชวัง ณ เมืองเจี้ยนคัง (คือนานกิงปัจจุบัน) ในยุคสมัยต่อมามีการตั้งวางหอระฆังในพระราชวังเพื่อบอกเวลาเช่นกัน และมีการเรียกขานระฆังนี้กันต่อมาว่า ‘จิ่งหยางจง’ ลักษณะหน้าตาของจิ่งหยางจงนี้เป็นอย่างไรไม่ปรากฏหลักฐาน ทราบแต่เพียงว่าเป็นระฆังยักษ์ และการบอกเวลาโดยการตีระฆังจิ่งหยางจงนี้ถูกใช้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อเนื่องกันมาหลายรัชสมัย จวบจนสมัยราชวงศ์ชิงยังคงมีการเอ่ยถึงชื่อ ‘จิ่งหยางจง’ นี้ในหลายบทกวีที่กล่าวถึงเวลารุ่งสางหรือเวลาที่ขุนนางต้องตื่นขึ้นมาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงเมื่อได้ยินเสียงระฆังนี้ ซึ่งก็สอดคล้องตามวัตถุประสงค์เดิมที่มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉีใต้ ส่วนเวลาที่ตีระฆังนั้น เดิมระบุว่าคือห้ากู่และสามกู่ ซึ่งในสมัยโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้าช่วงเวลาเรียกว่า ‘กู่’ หรือ ‘เกิง’ เวลาห้ากู่ก็คือช่วงเวลาประมาณตีสามถึงตีห้า (ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่ขุนนางต้องตื่นมาเตรียมประชุมท้องพระโรงดังที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว) และเวลาสามกู่คือช่วงเวลาประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง ซึ่งเป็นการเตือนว่าได้เวลาเข้านอนแล้ว ดังที่กล่าวไปข้างต้น ระฆังจิ่งหยางจงมีไว้บอกเวลายามเช้าและกลางคืน แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> มีการกล่าวไว้ว่าเมื่อได้ยินเสียงของระฆังนี้ ให้เหล่าขุนนางมารวมตัวกัน Storyฯ ก็หาไม่พบข้อมูลว่านอกเหนือจากเวลาห้ากู่และสามกู่แล้ว ได้เคยปรากฏเหตุการณ์พิเศษที่ต้องมีตีระฆังจิ่งหยางจงนี้เพื่อเรียกชุมนุมเหล่าขุนนางหรือไม่ นอกเหนือจากหอระฆังในพระราชวังแล้ว ยังมีหอระฆังในเมืองสำหรับบอกเวลาชาวบ้าน และมีหอระฆังตามวัดที่นอกจากจะใช้บอกเวลาแล้ว ยังใช้บอกเวลามีคนตายในละแวกนั้น ทั้งนี้แล้วแต่หลักปฏิบัติของแต่ละวัด (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/642825978 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=262732&remap=gb https://www.arsomsiam.com/หน่วยเวลาและนาฬิกาจีน/ https://baike.baidu.com/item/景阳钟 https://www.zdic.net/hans/景阳钟 #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #จิ่งหยางจง #หอระฆังพระราชวัง #ประชุมท้องพระโรง #ราชวงศ์ฉีใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ซิลลี่ฟูลส์ #ว่างว่างก็แวะมา
    ชีวิตคือสมมุติ TikTok@yuija6055 #ซีรีส์จีน #เพลงไทย #ซิลลี่ฟูลส์ #ว่างว่างก็แวะมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 4 0 รีวิว
Pages Boosts