• เซเลนสกีเผยเอง สั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีลงนามทำความตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุมีค่า รวมทั้งแรร์เอิร์ธ ของยูเครน เนื่องจากข้อเสนอของวอชิงตันเน้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯ มากเกินไป แต่ละเลยการรับประกันความมั่นคงของเคียฟอย่างเฉพาะเจาะจง ด้านทำเนียบขาวโต้ผู้นำยูเครนมองข้ามโอกาสระยะยาว อ้างลอยๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาคือการรับประกันที่จะป้องกันการถูกรุกรานในอนาคตและเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ขณะร่วมการประชุมความมั่นคงประจำปีที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่า เขาออกคำสั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีของยูเครนลงนามในร่างข้อตกลงที่ฝ่ายสหรัฐฯ เสนอมา เนื่องจากมองว่า อเมริกาไม่พร้อมปกป้องยูเครน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ของยูเครนทั้งในปัจจุบันและในอดีต ซึ่งรับรู้ข้อมูลการเจรจาเผยว่า ข้อเสนอดังกล่าวที่เป็นประเด็นสำคัญในการหารือทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีเซเลนสกีเป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายเคียฟ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของสหรัฐฯ เป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายวอชิงตัน ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างเดินทางไปร่วมงานประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อวันศุกร์ (14 ) นั้น มุ่งเน้นเพียงว่า อเมริกาจะสามารถใช้แร่ธาตุมีค่า ตลอดจน แรร์เอิร์ธ ของยูเครนเป็นค่าชดเชยความช่วยเหลือที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ภายใต้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และความช่วยเหลือที่จะมีขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร
    .
    ทั้งนี้ ยูเครนเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่สำคัญๆ หลายตัวอุดมสมบูรณ์มาก โดยแร่เหล่านั้นนำไปใช้ในการผลิตเครื่องบิน อุตสาหกรรมกลาโหมและนิวเคลียร์ ซึ่งคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สนใจเข้าถึงแร่เหล่านั้นเพื่อลดการพึ่งพาจีน ทว่า เซเลนสกียื่นข้อแลกเปลี่ยนให้อเมริกาให้การรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครนจากการรุกรานของรัสเซียในอนาคต
    .
    เซเลนสกีไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เหตุใดจึงห้ามเจ้าหน้าที่ยูเครนลงนามข้อตกลงดังกล่าวที่ สกอตต์ แบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยื่นให้พิจารณาระหว่างที่เขาไปเยือนเคียฟเมื่อวันพุธ (12) ทว่า อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนคนหนึ่งระบุว่า ร่างข้อตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาแบบข้อตกลงล่าอาณานิคม เซเลนสกีจึงไม่อาจยอมรับได้
    .
    ทางด้านไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ไม่ได้ยืนยันโดยตรงเกี่ยวกับข้อเสนอที่เป็นปัญหา แต่แถลงว่า เซเลนสกีมองการณ์แค่สั้นๆ เกี่ยวกับโอกาสที่ดีเยี่ยมที่คณะบริหารทรัมป์หยิบยื่นให้ยูเครน เนื่องจากข้อตกลงแร่ธาตุหายากของยูเครนนี้ จะทำให้ผู้เสียภาษีในอเมริกาได้เงินที่ส่งไปช่วยเคียฟคืน ขณะที่เศรษฐกิจยูเครนก็จะเจริญเติบโต
    .
    เขาสำทับว่า ทำเนียบขาวเชื่อว่า การที่ยูเครนเชื่อมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาเป็นการรับประกันที่ดีที่สุดในการป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน ซึ่งยูเครนจำเป็นต้องยอมรับประเด็นนี้เช่นเดียวกับที่อเมริกาและรัสเซียต่างยอมรับ
    .
    ทว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนแจงว่า ระหว่างการหารือในมิวนิก เจ้าหน้าที่อเมริกันคิดแต่เรื่องการค้าและมุ่งเน้นประเด็นการสำรวจแร่และรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนในการสำรวจแร่ร่วมกับยูเครน แต่ไม่มีการหารือเกี่ยวกับมูลค่าที่เป็นไปได้ของแหล่งแร่ในยูเครนซึ่งมีจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ หรือว่ายังเข้าไปสำรวจขุดค้นไม่ได้เนื่องจากอยู่ใกล้แนวรบ
    .
    นอกจากนั้นข้อเสนอของอเมริกายังไม่ได้กล่าวถึงวิธีการรักษาความปลอดภัยแหล่งแร่ในกรณีที่รัสเซียยังคงสู้รบในยูเครน รวมทั้งไม่มีคำตอบเกี่ยวกับวิธีถลุงแร่ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนสำทับว่า ข้อตกลงเช่นนี้จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายของยูเครน และได้รับการยอมรับจากประชาชนยูเครน
    .
    กระนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า เซเลนสกีและแวนซ์ไม่ได้หารือรายละเอียดของข้อเสนอของอเมริการะหว่างพบกันเมื่อวันศุกร์ และการประชุมเป็นไปอย่างดีมากและมีสาระสำคัญ โดยแวนซ์กล่าวชัดเจนว่า เป้าหมายหลักของทรัมป์คือการบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนและยาวนาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015542
    ..............
    Sondhi X
    เซเลนสกีเผยเอง สั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีลงนามทำความตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุมีค่า รวมทั้งแรร์เอิร์ธ ของยูเครน เนื่องจากข้อเสนอของวอชิงตันเน้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯ มากเกินไป แต่ละเลยการรับประกันความมั่นคงของเคียฟอย่างเฉพาะเจาะจง ด้านทำเนียบขาวโต้ผู้นำยูเครนมองข้ามโอกาสระยะยาว อ้างลอยๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาคือการรับประกันที่จะป้องกันการถูกรุกรานในอนาคตและเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) ขณะร่วมการประชุมความมั่นคงประจำปีที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่า เขาออกคำสั่งห้ามบรรดารัฐมนตรีของยูเครนลงนามในร่างข้อตกลงที่ฝ่ายสหรัฐฯ เสนอมา เนื่องจากมองว่า อเมริกาไม่พร้อมปกป้องยูเครน . พวกเจ้าหน้าที่ของยูเครนทั้งในปัจจุบันและในอดีต ซึ่งรับรู้ข้อมูลการเจรจาเผยว่า ข้อเสนอดังกล่าวที่เป็นประเด็นสำคัญในการหารือทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีเซเลนสกีเป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายเคียฟ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของสหรัฐฯ เป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายวอชิงตัน ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างเดินทางไปร่วมงานประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อวันศุกร์ (14 ) นั้น มุ่งเน้นเพียงว่า อเมริกาจะสามารถใช้แร่ธาตุมีค่า ตลอดจน แรร์เอิร์ธ ของยูเครนเป็นค่าชดเชยความช่วยเหลือที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ภายใต้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และความช่วยเหลือที่จะมีขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร . ทั้งนี้ ยูเครนเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่สำคัญๆ หลายตัวอุดมสมบูรณ์มาก โดยแร่เหล่านั้นนำไปใช้ในการผลิตเครื่องบิน อุตสาหกรรมกลาโหมและนิวเคลียร์ ซึ่งคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่า สนใจเข้าถึงแร่เหล่านั้นเพื่อลดการพึ่งพาจีน ทว่า เซเลนสกียื่นข้อแลกเปลี่ยนให้อเมริกาให้การรับประกันความมั่นคงแก่ยูเครนจากการรุกรานของรัสเซียในอนาคต . เซเลนสกีไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เหตุใดจึงห้ามเจ้าหน้าที่ยูเครนลงนามข้อตกลงดังกล่าวที่ สกอตต์ แบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยื่นให้พิจารณาระหว่างที่เขาไปเยือนเคียฟเมื่อวันพุธ (12) ทว่า อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนคนหนึ่งระบุว่า ร่างข้อตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาแบบข้อตกลงล่าอาณานิคม เซเลนสกีจึงไม่อาจยอมรับได้ . ทางด้านไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ไม่ได้ยืนยันโดยตรงเกี่ยวกับข้อเสนอที่เป็นปัญหา แต่แถลงว่า เซเลนสกีมองการณ์แค่สั้นๆ เกี่ยวกับโอกาสที่ดีเยี่ยมที่คณะบริหารทรัมป์หยิบยื่นให้ยูเครน เนื่องจากข้อตกลงแร่ธาตุหายากของยูเครนนี้ จะทำให้ผู้เสียภาษีในอเมริกาได้เงินที่ส่งไปช่วยเคียฟคืน ขณะที่เศรษฐกิจยูเครนก็จะเจริญเติบโต . เขาสำทับว่า ทำเนียบขาวเชื่อว่า การที่ยูเครนเชื่อมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอเมริกาเป็นการรับประกันที่ดีที่สุดในการป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งของสันติภาพที่ยืนนาน ซึ่งยูเครนจำเป็นต้องยอมรับประเด็นนี้เช่นเดียวกับที่อเมริกาและรัสเซียต่างยอมรับ . ทว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนแจงว่า ระหว่างการหารือในมิวนิก เจ้าหน้าที่อเมริกันคิดแต่เรื่องการค้าและมุ่งเน้นประเด็นการสำรวจแร่และรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนในการสำรวจแร่ร่วมกับยูเครน แต่ไม่มีการหารือเกี่ยวกับมูลค่าที่เป็นไปได้ของแหล่งแร่ในยูเครนซึ่งมีจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ หรือว่ายังเข้าไปสำรวจขุดค้นไม่ได้เนื่องจากอยู่ใกล้แนวรบ . นอกจากนั้นข้อเสนอของอเมริกายังไม่ได้กล่าวถึงวิธีการรักษาความปลอดภัยแหล่งแร่ในกรณีที่รัสเซียยังคงสู้รบในยูเครน รวมทั้งไม่มีคำตอบเกี่ยวกับวิธีถลุงแร่ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน . เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนสำทับว่า ข้อตกลงเช่นนี้จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายของยูเครน และได้รับการยอมรับจากประชาชนยูเครน . กระนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า เซเลนสกีและแวนซ์ไม่ได้หารือรายละเอียดของข้อเสนอของอเมริการะหว่างพบกันเมื่อวันศุกร์ และการประชุมเป็นไปอย่างดีมากและมีสาระสำคัญ โดยแวนซ์กล่าวชัดเจนว่า เป้าหมายหลักของทรัมป์คือการบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนและยาวนาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015542 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผย "โอภาส บุญจันทร์" กก.บริษัทวิน โพรเสส ระยอง เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังออกจากเรือนจำมารักษาด้วยอาการขาดน้ำตาล หลังศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน คดีทิ้งสารพิษและครอบครองวัตถุอันตรายเพียงวันเดียว
    .
    วันนี้ (9 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "มนตรี อุดมพงษ์" ของนายมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ข้อความระบุว่า นายโอภาส บุญจันทร์ อายุ 67 ปี กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อเวลา 00.45 นาที ของวันที่ 9 ก.พ. หลังจากนายโอภาสมีอาการขาดน้ำตาล ถูกย้ายออกจากเรือนจำ มาเข้ารับการรักษาตั้งแต่ 23.38 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ ซึ่งนายโอภาส เป็นผู้ต้องขังจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำที่ สวอ.21/2567 ของศาลจังหวัดระยอง ต้องหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีลอบเก็บและฝังวัตถุอันตรายในหลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับนายโอภาส มีทั้งคดีทิ้งสารพิษ และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในโรงงานวิน โพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองเพิ่งมีพิพากษาจำคุกนายโอภาส 5 ปี 15 เดือน และปรับเงิน บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่นายโอภาสเป็นกรรมการบริษัท รวมทุกข้อกล่าวหา 350,000 บาท พร้อมกับให้ริบของกลางซึ่งเป็นสารเคมีไปทำลายทั้งหมด พร้อมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบนำกากอุตสาหกรรมไปกำจัด โดยให้นายโอภาสรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 หรือจะเป็นคดีครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ ต.โขดหิน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาจำคุก 18 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความผิดเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บสารเคมีเถื่อน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ความผิดเกี่ยวกับโกกังเก็บสารเคมีเถื่อน บริษัทซันเทค อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีลักลอบทิ้งของเสียอันตราย ลงที่ดินส่วนบุคคลใน ต.ข้าวเม่า และ ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และคดีเพลิงไหม้โกดังโรงงาน 2 ครั้ง รวมทั้งคดีทางแพ่ง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 ให้จ่ายค่าชดเชยชาวบ้านหนองพะวา จำนวน 15 คน รวม 20,823,718 บาทพร้อมดอกเบี้ย และเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2567 บริษัทฯ เคยถูกศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินค่าเสียหายทางแพ่ง 1,743,609,923.46 บาท แก่กรมควบคุมมลพิษ ฐานเป็นแหล่งก่อกำเนิดของกากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นดิน รวมถึงสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
    .
    นายโอภาส ถูกตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 ขณะเดินทางไปโรงงานเอกอุทัย สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดไว้หลายพื้นที่ ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย ก่อนฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง ศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 20,000 บาท ก่อนที่ตำรวจ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ไปอายัดตัวนายโอภาสตามหมายจับเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี ข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะได้รับการประกันตัว แล้ว สภ.บ้านค่ายเข้าอายัดตัว ในข้อหาร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต เอาของที่มีพิษเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เจือปนลงในอาหารหรือน้ำ ฝากขังที่ศาลจังหวัดระยองเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2567 ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนคุมตัวไปฝากขังในเรือนจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า นายโอภาสถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ผ่านไปเพียง 1 วัน คืนวันที่ 5 ก.พ. นายโอภาสถูกนำตัวออกจากเรือนจำกลางระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ก่อนเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013031
    ..............
    Sondhi X
    เผย "โอภาส บุญจันทร์" กก.บริษัทวิน โพรเสส ระยอง เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังออกจากเรือนจำมารักษาด้วยอาการขาดน้ำตาล หลังศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน คดีทิ้งสารพิษและครอบครองวัตถุอันตรายเพียงวันเดียว . วันนี้ (9 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "มนตรี อุดมพงษ์" ของนายมนตรี อุดมพงษ์ ผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มติ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ข้อความระบุว่า นายโอภาส บุญจันทร์ อายุ 67 ปี กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย จ.ระยอง เมื่อเวลา 00.45 นาที ของวันที่ 9 ก.พ. หลังจากนายโอภาสมีอาการขาดน้ำตาล ถูกย้ายออกจากเรือนจำ มาเข้ารับการรักษาตั้งแต่ 23.38 น. ของวันที่ 5 ก.พ. ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ ซึ่งนายโอภาส เป็นผู้ต้องขังจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำที่ สวอ.21/2567 ของศาลจังหวัดระยอง ต้องหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดีลอบเก็บและฝังวัตถุอันตรายในหลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับนายโอภาส มีทั้งคดีทิ้งสารพิษ และครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในโรงงานวิน โพรเสส ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองเพิ่งมีพิพากษาจำคุกนายโอภาส 5 ปี 15 เดือน และปรับเงิน บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่นายโอภาสเป็นกรรมการบริษัท รวมทุกข้อกล่าวหา 350,000 บาท พร้อมกับให้ริบของกลางซึ่งเป็นสารเคมีไปทำลายทั้งหมด พร้อมทั้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบนำกากอุตสาหกรรมไปกำจัด โดยให้นายโอภาสรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 หรือจะเป็นคดีครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ ต.โขดหิน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาจำคุก 18 เดือน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 . นอกจากนี้ ยังมีความผิดเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บสารเคมีเถื่อน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ความผิดเกี่ยวกับโกกังเก็บสารเคมีเถื่อน บริษัทซันเทค อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีลักลอบทิ้งของเสียอันตราย ลงที่ดินส่วนบุคคลใน ต.ข้าวเม่า และ ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และคดีเพลิงไหม้โกดังโรงงาน 2 ครั้ง รวมทั้งคดีทางแพ่ง ศาลจังหวัดระยองพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 ให้จ่ายค่าชดเชยชาวบ้านหนองพะวา จำนวน 15 คน รวม 20,823,718 บาทพร้อมดอกเบี้ย และเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2567 บริษัทฯ เคยถูกศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินค่าเสียหายทางแพ่ง 1,743,609,923.46 บาท แก่กรมควบคุมมลพิษ ฐานเป็นแหล่งก่อกำเนิดของกากสารเคมีที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นดิน รวมถึงสภาพแวดล้อมธรรมชาติ . นายโอภาส ถูกตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2567 ขณะเดินทางไปโรงงานเอกอุทัย สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดไว้หลายพื้นที่ ในข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย ก่อนฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง ศาลให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 20,000 บาท ก่อนที่ตำรวจ สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ไปอายัดตัวนายโอภาสตามหมายจับเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่ อ.ภาชี ข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะได้รับการประกันตัว แล้ว สภ.บ้านค่ายเข้าอายัดตัว ในข้อหาร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต เอาของที่มีพิษเป็นอันตรายแก่สุขภาพ เจือปนลงในอาหารหรือน้ำ ฝากขังที่ศาลจังหวัดระยองเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2567 ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และศาลยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนคุมตัวไปฝากขังในเรือนจำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา . เป็นที่น่าสังเกตว่า นายโอภาสถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี 15 เดือน เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ผ่านไปเพียง 1 วัน คืนวันที่ 5 ก.พ. นายโอภาสถูกนำตัวออกจากเรือนจำกลางระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ก่อนเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013031 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1468 มุมมอง 0 รีวิว
  • บลูพอร์ตเปลี่ยนซูเปอร์ฯ ใหม่ บิ๊กซีปั้นแบรนด์หัวหินมาร์เช่

    มีความเปลี่ยนแปลงกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 9 ของบริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด ในกลุ่มบริษัทพราว เรียลเอสเตท ของตระกูลลิปตพัลลภ เมื่อทางศูนย์ฯ ประกาศว่าจะมีพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต "บิ๊กซี หัวหิน มาร์เช่" (BIG C Huahin Marche) ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในเร็วๆ นี้ คาดว่ามาแทนกรูเมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ที่จะให้บริการวันสุดท้าย 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการถอนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกพื้นที่หัวหิน ของกลุ่มเดอะมอลล์โดยสมบูรณ์

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2559 มีการเปิดตัวศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ บนพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร โดยกลุ่มบริษัทพราวฯ ลงทุนร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ 5,000 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป ส่งผลให้ขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งต้นปี 2564 กลุ่มเดอะมอลล์ถอนตัวออกจากการร่วมทุนและบริหารงานศูนย์การค้า โดยขายหุ้นส่วนที่ถืออยู่คืนไปหมดแล้ว ส่วนพนักงานมีทั้งโอนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และบางส่วนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เลิกจ้าง โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ยังคงเหลือกรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาบลูพอร์ต หัวหิน ที่ยังคงดำเนินกิจการในฐานะผู้เช่า

    ส่วนห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต บริหารงานโดยกลุ่มบริษัทพราว ที่ผ่านมาพยายามเพิ่มแมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์การค้า เช่น การเปิดตัวหัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ที่ชั้น 1 พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร สำหรับจัดประชุมและการจัดงานทุกประเภท เมื่อเดือน ก.ย. 2567 โดยได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และล่าสุดกับงานสมรสเท่าเทียม

    สำหรับบิ๊กซี มาร์เช่ เป็นพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับบน (Top Tier) เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ บิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ ที่โครงการวัน แบงค็อก เมื่อ 15 ธ.ค. 2567 แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ เดลิกา (Delica) จำหน่ายอาหารเช้า อาหารพร้อมทาน, กริลบาร์ (Grilled Bar) จำหน่ายเมนูซีฟู้ดระดับพรีเมียมและสเต็กเนื้อออสเตรเลีย, ไวน์เซลลาร์ (Wine Cellar) จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และไวน์ และโซนซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายอาหารสด สินค้านำเข้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมาบิ๊กซีลงทุนในพื้นที่หัวหิน ได้แก่ บิ๊กซี มาร์เก็ต ถนนหัวหิน-ป่าละอู และร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิ 6 สาขา

    อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่หัวหินมีธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม ได้แก่ ร้านโกลเด้นเพลซ, ท็อปส์ หัวหิน ที่มีท็อปส์ไวน์เซลลาร์ และท็อปอีทเทอรี, วิลล่ามาร์เก็ต รวมไปถึงห้างโลตัสในศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

    #Newskit
    บลูพอร์ตเปลี่ยนซูเปอร์ฯ ใหม่ บิ๊กซีปั้นแบรนด์หัวหินมาร์เช่ มีความเปลี่ยนแปลงกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 9 ของบริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด ในกลุ่มบริษัทพราว เรียลเอสเตท ของตระกูลลิปตพัลลภ เมื่อทางศูนย์ฯ ประกาศว่าจะมีพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต "บิ๊กซี หัวหิน มาร์เช่" (BIG C Huahin Marche) ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในเร็วๆ นี้ คาดว่ามาแทนกรูเมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ที่จะให้บริการวันสุดท้าย 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการถอนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกพื้นที่หัวหิน ของกลุ่มเดอะมอลล์โดยสมบูรณ์ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2559 มีการเปิดตัวศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ บนพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร โดยกลุ่มบริษัทพราวฯ ลงทุนร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ 5,000 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป ส่งผลให้ขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งต้นปี 2564 กลุ่มเดอะมอลล์ถอนตัวออกจากการร่วมทุนและบริหารงานศูนย์การค้า โดยขายหุ้นส่วนที่ถืออยู่คืนไปหมดแล้ว ส่วนพนักงานมีทั้งโอนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และบางส่วนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เลิกจ้าง โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ยังคงเหลือกรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาบลูพอร์ต หัวหิน ที่ยังคงดำเนินกิจการในฐานะผู้เช่า ส่วนห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต บริหารงานโดยกลุ่มบริษัทพราว ที่ผ่านมาพยายามเพิ่มแมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์การค้า เช่น การเปิดตัวหัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ที่ชั้น 1 พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร สำหรับจัดประชุมและการจัดงานทุกประเภท เมื่อเดือน ก.ย. 2567 โดยได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และล่าสุดกับงานสมรสเท่าเทียม สำหรับบิ๊กซี มาร์เช่ เป็นพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับบน (Top Tier) เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ บิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ ที่โครงการวัน แบงค็อก เมื่อ 15 ธ.ค. 2567 แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ เดลิกา (Delica) จำหน่ายอาหารเช้า อาหารพร้อมทาน, กริลบาร์ (Grilled Bar) จำหน่ายเมนูซีฟู้ดระดับพรีเมียมและสเต็กเนื้อออสเตรเลีย, ไวน์เซลลาร์ (Wine Cellar) จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และไวน์ และโซนซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายอาหารสด สินค้านำเข้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมาบิ๊กซีลงทุนในพื้นที่หัวหิน ได้แก่ บิ๊กซี มาร์เก็ต ถนนหัวหิน-ป่าละอู และร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิ 6 สาขา อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่หัวหินมีธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม ได้แก่ ร้านโกลเด้นเพลซ, ท็อปส์ หัวหิน ที่มีท็อปส์ไวน์เซลลาร์ และท็อปอีทเทอรี, วิลล่ามาร์เก็ต รวมไปถึงห้างโลตัสในศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • ออตตาวา จะยื่นฟ้ององค์การการค้าโลก(WTO) เกี่ยวกับมาตรการรีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วยังจะเรียกค่าชดเชยภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระดับภูมิภาคฉบับหนึ่งด้วย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าทีแคนาดาในวันอาทิตย์(2ก.พ.)
    .
    "ชัดเจนว่า รัฐบาลแคนาดามองว่ามาตรการรีดภาษีนี้ละเมิดพันธสัญาทางการค้าที่สหรัฐฯมี" เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุ
    .
    หลังจากขู่มานานหลายสัปดาห์ ในที่สุดในวันอาทิตย์(2ก.พ.) ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากแคนาดาอีก 25% ยกเว้นทรัพยากรพลังงาน ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10%
    .
    "แน่นอนว่าเราจะเดินหน้าพึ่งพากฎหมาย ที่เราเชื่อว่าเรามี ผ่านข้อตกลงต่างๆที่เราทำร่วมกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุ อ้างถึงองค์การการค้าโลกและข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา(CUSMA) ที่ตัวทรัมป์เองเป็นคนลงนามในปี 2018
    .
    การพิจารณาทบทวนข้อตกลง ที่ทางเจ้าหน้าที่แคนาดาเรียกมันว่าเป็น "ข้อตกลงมาตรฐานทองคำ" มีกำหนดดำเนินการในปีหน้า
    .
    นอกจากนี้แล้วในวันอาทิตย์(2ก.พ.) ยังเปิดตัวรายชื่อสินค้าอเมริกา 1,256 รายการ ที่พวกเขามีแผนเล่นงานในรอบแรกของการรีดภาษีตอบโต้ ซึ่้งคิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดาและมีกำหนดบังคับใช้ในวันอังคาร(4ก.พ.) ในนั้นรวมถึงเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางรถยนต์ เครื่องไม้เครื่องมือ พลาสติก เฟอร์นิเจอร์ ไวน์ สุรา ผลิตภัณฑ์นมและผลไม้
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่ามาตรการรีดภาษีของแคนาดา ไม่ได้เจาะจงเล่นงานรัฐต่างๆที่บริหารงานโดยรีพับลิกัน แต่เล็งเป้าหมายถาโถมแรงกดดันใส่พวกสมาชิกสภาคองเกรสที่มีอิทธิพลกับทรัมป์ ซึ่งก็น่าจะเป็นเหล่าสมาชิกจากรีพับลิกันนั่นเอง
    .
    เจ้าหน้าที่แคนาดาคาดหมายว่าอาจมีการแถลงมาตรการรีดภาษีตอบโต้รอบ 2 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหย้า โดยครั้งนี้คาดว่าปริมาณสินค้าที่ตกเป็นเป้าหมาย น่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา(ราว 106,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
    .
    "เราหวังว่ามาตรการต่างๆที่เราใช้จะพอเพียงสำหรับโน้มน้าวสหรัฐฯให้เห็นว่าพวกเขากำลังเดินทางผิดเส้นทาง และพวกเขาจะกลับมาหาทางทำงานร่วมกับเรา ในหนทางในการกลับสู่ความเป็นรัฐปกติมากกว่าเดิม" เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุ "แต่ถ้าไม่ นายกรัฐมนตรีและคนอื่นๆ บ่งชี้ว่าทุกทางเลือกยังคงอยู่บนโต๊ะ และจะมีการพิจารณาใช้มาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010781
    ..................
    Sondhi X
    ออตตาวา จะยื่นฟ้ององค์การการค้าโลก(WTO) เกี่ยวกับมาตรการรีดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วยังจะเรียกค่าชดเชยภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระดับภูมิภาคฉบับหนึ่งด้วย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าทีแคนาดาในวันอาทิตย์(2ก.พ.) . "ชัดเจนว่า รัฐบาลแคนาดามองว่ามาตรการรีดภาษีนี้ละเมิดพันธสัญาทางการค้าที่สหรัฐฯมี" เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุ . หลังจากขู่มานานหลายสัปดาห์ ในที่สุดในวันอาทิตย์(2ก.พ.) ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากแคนาดาอีก 25% ยกเว้นทรัพยากรพลังงาน ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% . "แน่นอนว่าเราจะเดินหน้าพึ่งพากฎหมาย ที่เราเชื่อว่าเรามี ผ่านข้อตกลงต่างๆที่เราทำร่วมกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุ อ้างถึงองค์การการค้าโลกและข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา(CUSMA) ที่ตัวทรัมป์เองเป็นคนลงนามในปี 2018 . การพิจารณาทบทวนข้อตกลง ที่ทางเจ้าหน้าที่แคนาดาเรียกมันว่าเป็น "ข้อตกลงมาตรฐานทองคำ" มีกำหนดดำเนินการในปีหน้า . นอกจากนี้แล้วในวันอาทิตย์(2ก.พ.) ยังเปิดตัวรายชื่อสินค้าอเมริกา 1,256 รายการ ที่พวกเขามีแผนเล่นงานในรอบแรกของการรีดภาษีตอบโต้ ซึ่้งคิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดาและมีกำหนดบังคับใช้ในวันอังคาร(4ก.พ.) ในนั้นรวมถึงเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางรถยนต์ เครื่องไม้เครื่องมือ พลาสติก เฟอร์นิเจอร์ ไวน์ สุรา ผลิตภัณฑ์นมและผลไม้ . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่ามาตรการรีดภาษีของแคนาดา ไม่ได้เจาะจงเล่นงานรัฐต่างๆที่บริหารงานโดยรีพับลิกัน แต่เล็งเป้าหมายถาโถมแรงกดดันใส่พวกสมาชิกสภาคองเกรสที่มีอิทธิพลกับทรัมป์ ซึ่งก็น่าจะเป็นเหล่าสมาชิกจากรีพับลิกันนั่นเอง . เจ้าหน้าที่แคนาดาคาดหมายว่าอาจมีการแถลงมาตรการรีดภาษีตอบโต้รอบ 2 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหย้า โดยครั้งนี้คาดว่าปริมาณสินค้าที่ตกเป็นเป้าหมาย น่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 155,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา(ราว 106,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) . "เราหวังว่ามาตรการต่างๆที่เราใช้จะพอเพียงสำหรับโน้มน้าวสหรัฐฯให้เห็นว่าพวกเขากำลังเดินทางผิดเส้นทาง และพวกเขาจะกลับมาหาทางทำงานร่วมกับเรา ในหนทางในการกลับสู่ความเป็นรัฐปกติมากกว่าเดิม" เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุ "แต่ถ้าไม่ นายกรัฐมนตรีและคนอื่นๆ บ่งชี้ว่าทุกทางเลือกยังคงอยู่บนโต๊ะ และจะมีการพิจารณาใช้มาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010781 .................. Sondhi X
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1160 มุมมอง 0 รีวิว
  • LinkedIn ถูกฟ้องร้องในคดีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม แม้กระทั่งจากผู้ใช้ที่จ่ายเงินสำหรับบริการ Premium ผู้ใช้ LinkedIn Premium ได้ยื่นฟ้องร้องในศาลรัฐบาลกลางที่ซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอ้างว่า LinkedIn ใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาในการฝึกอบรมอัลกอริทึม AI โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

    คดีนี้เกิดขึ้นหลังจาก LinkedIn ได้ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน 2024 โดยระบุว่าจะใช้ข้อมูลของผู้ใช้ในการฝึกอบรมอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง ผู้ใช้กล่าวหาว่า LinkedIn ได้เริ่มใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการทำงาน รายละเอียดส่วนบุคคล และข้อความส่วนตัว ก่อนที่จะประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้

    LinkedIn ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยกล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และระบุว่าการใช้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าในยุโรป สหราชอาณาจักร หรือสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงเรียกร้องค่าชดเชยและกล่าวหาว่า LinkedIn พยายามปกปิดการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้

    น่าสนใจที่เห็นว่า LinkedIn และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังลงทุนใน AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อเพิ่มผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต แต่การใช้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอมอาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ.

    https://www.techspot.com/news/106474-premium-users-sue-linkedin-abusing-their-data-train.html
    LinkedIn ถูกฟ้องร้องในคดีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม แม้กระทั่งจากผู้ใช้ที่จ่ายเงินสำหรับบริการ Premium ผู้ใช้ LinkedIn Premium ได้ยื่นฟ้องร้องในศาลรัฐบาลกลางที่ซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอ้างว่า LinkedIn ใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาในการฝึกอบรมอัลกอริทึม AI โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า คดีนี้เกิดขึ้นหลังจาก LinkedIn ได้ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน 2024 โดยระบุว่าจะใช้ข้อมูลของผู้ใช้ในการฝึกอบรมอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง ผู้ใช้กล่าวหาว่า LinkedIn ได้เริ่มใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการทำงาน รายละเอียดส่วนบุคคล และข้อความส่วนตัว ก่อนที่จะประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ LinkedIn ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยกล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และระบุว่าการใช้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าในยุโรป สหราชอาณาจักร หรือสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงเรียกร้องค่าชดเชยและกล่าวหาว่า LinkedIn พยายามปกปิดการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้ น่าสนใจที่เห็นว่า LinkedIn และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังลงทุนใน AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อเพิ่มผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต แต่การใช้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอมอาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ. https://www.techspot.com/news/106474-premium-users-sue-linkedin-abusing-their-data-train.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    LinkedIn accused of using personal data without consent, even from paid users
    Millions of LinkedIn Premium customers intend to fight the social network in court. A lawsuit filed in a San Jose, California federal court states that users are...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลา … ป้องกันกันไว้

    #AIA #อุบัติเหตุทางถนน #มรดกประกันชีวิต #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
    อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลา … ป้องกันกันไว้ #AIA #อุบัติเหตุทางถนน #มรดกประกันชีวิต #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #อุบัติเหตุ #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขับรถช่วงปีใหม่ ต้องระวังให้มากขึ้น

    #ประกันชีวิตAIA #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #มรดก #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #AIA #อุบัติเหตุทางถนน
    ขับรถช่วงปีใหม่ ต้องระวังให้มากขึ้น #ประกันชีวิตAIA #ค่าชดเชยอุบัติเหตุ #มรดก #อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา #อุบัติเหตุ #ประกันชีวิต #AIA #อุบัติเหตุทางถนน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน อาลีเยฟ ปฏิเสธที่จะจัดการสอบสวนร่วมกับรัสเซียกรณีเครื่องบินพลเรือนตก แม้ว่าเครมลินและคาดีรอฟจะยื่นอุทธรณ์ก็ตาม

    “เครื่องบินถูกยิงตกในดินแดนรัสเซีย บนท้องฟ้าของกรอซนีย์ ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ก่อเหตุต้องรับโทษทางอาญาและต้องจ่ายค่าชดเชย” นักการเมืองของอาเซอร์ไบจานกล่าว

    ตามแหล่งข่าว ขีปนาวุธจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S ยิงไปที่เครื่องบินลำดังกล่าว ระหว่างที่บินอยู่เหนือเมืองกรอซนีย์ และสะเก็ดระเบิดทะลุผ่านเข้าไปในห้องผู้โดยสารและลูกเรือขณะที่ระเบิดอยู่ด้านข้างของเครื่องบินระหว่างที่เครื่องกำลังบิน

    แหล่งข่าวของรัฐบาลอาเซอร์ไบจานกล่าวว่า หลังจากเครื่องบินถูกยิงจนได้รับความเสียหาย พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่สนามบินใดๆ ของรัสเซีย แม้ว่านักบินจะร้องขอให้ลงจอดฉุกเฉินก็ตาม และเครื่องบินได้รับคำสั่งให้บินข้ามทะเลแคสเปียนไปยังเมืองอักเตาในคาซัคสถาน ซึ่งระบบนำทางของเครื่องบินติดขัดตลอดเส้นทางบินเหนือทะเล

    ทางด้านหัวหน้าการบินพลเรือนของรัสเซีย ดิมิทรี ยาดรอฟ กล่าวว่า รัสเซียพร้อมเข้าร่วมการสอบสวนถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    นอกจากนี้ ในช่วงเวลานั้นเกิดภัยคุกคามจากโดรนโจมตีของยูเครน ซึ่งไม่ปลอดภัยต่ออากาศยานทุกประเภท ประกอบกับสภาพอากาศท้องฟ้าปิด เนื่องจากมีหมอกหนาทึบ ทำให้ไม่สามารถให้เครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดได้ หลังจากมีการพยายามลงจอดนกรอซนีย์ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้แนะนำให้หาสถานที่อื่นในการลงจอด แต่นักบินเป็นฝ่ายเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปที่อักเตา ประเทศคาซัคสถาน

    ผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกของสายการบินอาเซอร์ไบจานแอร์ไลน์ใกล้เมืองอักเตา ประเทศคาซัคสถาน เล่าว่าได้ยินเสียงดังปัง! ก่อนเครื่องบินจะสูญเสียการควบคุม และตกในที่สุด
    ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน อาลีเยฟ ปฏิเสธที่จะจัดการสอบสวนร่วมกับรัสเซียกรณีเครื่องบินพลเรือนตก แม้ว่าเครมลินและคาดีรอฟจะยื่นอุทธรณ์ก็ตาม “เครื่องบินถูกยิงตกในดินแดนรัสเซีย บนท้องฟ้าของกรอซนีย์ ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ก่อเหตุต้องรับโทษทางอาญาและต้องจ่ายค่าชดเชย” นักการเมืองของอาเซอร์ไบจานกล่าว ตามแหล่งข่าว ขีปนาวุธจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S ยิงไปที่เครื่องบินลำดังกล่าว ระหว่างที่บินอยู่เหนือเมืองกรอซนีย์ และสะเก็ดระเบิดทะลุผ่านเข้าไปในห้องผู้โดยสารและลูกเรือขณะที่ระเบิดอยู่ด้านข้างของเครื่องบินระหว่างที่เครื่องกำลังบิน แหล่งข่าวของรัฐบาลอาเซอร์ไบจานกล่าวว่า หลังจากเครื่องบินถูกยิงจนได้รับความเสียหาย พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่สนามบินใดๆ ของรัสเซีย แม้ว่านักบินจะร้องขอให้ลงจอดฉุกเฉินก็ตาม และเครื่องบินได้รับคำสั่งให้บินข้ามทะเลแคสเปียนไปยังเมืองอักเตาในคาซัคสถาน ซึ่งระบบนำทางของเครื่องบินติดขัดตลอดเส้นทางบินเหนือทะเล ทางด้านหัวหน้าการบินพลเรือนของรัสเซีย ดิมิทรี ยาดรอฟ กล่าวว่า รัสเซียพร้อมเข้าร่วมการสอบสวนถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงเวลานั้นเกิดภัยคุกคามจากโดรนโจมตีของยูเครน ซึ่งไม่ปลอดภัยต่ออากาศยานทุกประเภท ประกอบกับสภาพอากาศท้องฟ้าปิด เนื่องจากมีหมอกหนาทึบ ทำให้ไม่สามารถให้เครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดได้ หลังจากมีการพยายามลงจอดนกรอซนีย์ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้แนะนำให้หาสถานที่อื่นในการลงจอด แต่นักบินเป็นฝ่ายเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปที่อักเตา ประเทศคาซัคสถาน ผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกของสายการบินอาเซอร์ไบจานแอร์ไลน์ใกล้เมืองอักเตา ประเทศคาซัคสถาน เล่าว่าได้ยินเสียงดังปัง! ก่อนเครื่องบินจะสูญเสียการควบคุม และตกในที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า!?!"
    มีรายงานว่าผู้นำคนใหม่ของซีเรียกำลังพิจารณาเรียกร้องค่าชดเชย 3 แสนล้านดอลลาร์จากอิหร่านผ่านศาลระหว่างประเทศ

    แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับความเสียหายที่เรียกร้องนี้คิดค่าชดเชยจาก "การสนับสนุนทางทหารของระบอบการปกครองอิหร่านต่อระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ถูกโค่นอำนาจ ซึ่งมีการทำลายโครงสร้างพื้นฐาน และการก่ออาชญากรรมต่อประชาชนซีเรีย รวมทั้งการปราบปรามการประท้วงอย่างสันติของประชาชน"

    นอกจากนี้ ผู้ใกล้ชิดผู้นำทางการเมืองคนใหม่ของซีเรียยังปฏิเสธรายงานทางการทูตที่ว่า รัฐบาลอิหร่านพร้อมกลับมาเปิดสถานทูตในกรุงดามัสกัสอีกครั้ง และยังปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในการแถลงของฟาติเมห์ โมห์จารานี โฆษกรัฐบาลอิหร่านที่ประกาศเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2024 ว่ากำลังมีการเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและเปิดบริการทางการทูตระหว่างสองประเทศอีกครั้ง

    แหล่งข่าวยังยืนยันอีกว่า “ยังไม่มีการติดต่อระหว่างฝ่ายบริหารทางการเมืองของซีเรียกับอิหร่าน รวมถึงการหารือทางการทูตเกี่ยวกับการเปิดสถานทูตหรือสถานกงสุลอีกครั้ง” โดยระบุชัดเจนว่า ผู้นำซีเรียชุดปัจจุบันไม่มีเจตนาที่จะสร้างความสัมพันธ์ใดๆ กับอิหร่านในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงการมีสถานทูตในกรุงดามัสกัสหรือสถานกงสุลอิหร่านในเมืองอาเลปโป

    ก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอดว่า โจลานี ผู้นำซีเรียยินดีเปิดรับทุกความสัมพันธ์จากนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน หรือแม้แต่รัสเซียก็ตาม แต่ล่าสุด ดูเหมือนความคิดนั้นจะเปลี่ยนไป ไม่แน่ใจว่าโดนกดดันจากใครหรือไม่!

    "มีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า!?!" มีรายงานว่าผู้นำคนใหม่ของซีเรียกำลังพิจารณาเรียกร้องค่าชดเชย 3 แสนล้านดอลลาร์จากอิหร่านผ่านศาลระหว่างประเทศ แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับความเสียหายที่เรียกร้องนี้คิดค่าชดเชยจาก "การสนับสนุนทางทหารของระบอบการปกครองอิหร่านต่อระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ถูกโค่นอำนาจ ซึ่งมีการทำลายโครงสร้างพื้นฐาน และการก่ออาชญากรรมต่อประชาชนซีเรีย รวมทั้งการปราบปรามการประท้วงอย่างสันติของประชาชน" นอกจากนี้ ผู้ใกล้ชิดผู้นำทางการเมืองคนใหม่ของซีเรียยังปฏิเสธรายงานทางการทูตที่ว่า รัฐบาลอิหร่านพร้อมกลับมาเปิดสถานทูตในกรุงดามัสกัสอีกครั้ง และยังปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในการแถลงของฟาติเมห์ โมห์จารานี โฆษกรัฐบาลอิหร่านที่ประกาศเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2024 ว่ากำลังมีการเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและเปิดบริการทางการทูตระหว่างสองประเทศอีกครั้ง แหล่งข่าวยังยืนยันอีกว่า “ยังไม่มีการติดต่อระหว่างฝ่ายบริหารทางการเมืองของซีเรียกับอิหร่าน รวมถึงการหารือทางการทูตเกี่ยวกับการเปิดสถานทูตหรือสถานกงสุลอีกครั้ง” โดยระบุชัดเจนว่า ผู้นำซีเรียชุดปัจจุบันไม่มีเจตนาที่จะสร้างความสัมพันธ์ใดๆ กับอิหร่านในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงการมีสถานทูตในกรุงดามัสกัสหรือสถานกงสุลอิหร่านในเมืองอาเลปโป ก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอดว่า โจลานี ผู้นำซีเรียยินดีเปิดรับทุกความสัมพันธ์จากนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน หรือแม้แต่รัสเซียก็ตาม แต่ล่าสุด ดูเหมือนความคิดนั้นจะเปลี่ยนไป ไม่แน่ใจว่าโดนกดดันจากใครหรือไม่!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำซีเรียคนใหม่จะเรียกร้องค่าชดเชย ๓๐๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ จากอิหร่าน ผ่านศาลระหว่างประเทศ
    .
    Syria's new leadership will seek $300 billion in compensation from Iran through international courts.
    .
    5:56 AM · Dec 26, 2024 · 3,158 Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1872053710559523238
    ผู้นำซีเรียคนใหม่จะเรียกร้องค่าชดเชย ๓๐๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ จากอิหร่าน ผ่านศาลระหว่างประเทศ . Syria's new leadership will seek $300 billion in compensation from Iran through international courts. . 5:56 AM · Dec 26, 2024 · 3,158 Views https://x.com/BRICSinfo/status/1872053710559523238
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกียืนยันว่าเขาเสนอเงินชดเชยให้โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย สำหรับการยุติการรับก๊าซของรัสเซีย แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอนั้น

    "เรายื่นข้อเสนอให้เขาเกี่ยวกับค่าชดเชยที่เป็นไปได้สำหรับชาวสโลวัก ที่กำลังจะสูญเสียก๊าซจากรัสเซีย เรายังเสนอทางเลือกอื่นๆในการขนส่งจากที่อื่น ที่ไม่ใช่ของรัสเซีย ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของคณะกรรมาธิการยุโรป เราพร้อมที่จะทำ แต่ฟิโก้ไม่เห็นด้วย และเขาไม่ต้องการให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการยุโรป ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่มันคงมีผลประโยชน์อย่างมากต่อตัวเขา" เซเลนสกีกล่าว
    เซเลนสกียืนยันว่าเขาเสนอเงินชดเชยให้โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย สำหรับการยุติการรับก๊าซของรัสเซีย แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอนั้น "เรายื่นข้อเสนอให้เขาเกี่ยวกับค่าชดเชยที่เป็นไปได้สำหรับชาวสโลวัก ที่กำลังจะสูญเสียก๊าซจากรัสเซีย เรายังเสนอทางเลือกอื่นๆในการขนส่งจากที่อื่น ที่ไม่ใช่ของรัสเซีย ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของคณะกรรมาธิการยุโรป เราพร้อมที่จะทำ แต่ฟิโก้ไม่เห็นด้วย และเขาไม่ต้องการให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการยุโรป ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่มันคงมีผลประโยชน์อย่างมากต่อตัวเขา" เซเลนสกีกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องจากผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Intel Foundry

    การฟ้องร้องนี้มุ่งเป้าไปที่อดีต CEO Pat Gelsinger และ CFO David Zinsner โดยกล่าวหาว่าพวกเขาให้ข้อมูลที่เกินจริงเกี่ยวกับรายได้ของ IFS ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการขาดทุนในการดำเนินงานของ IFS ในปี 2023 และ 2024 ซึ่งขัดแย้งกับคำมั่นสัญญาของการฟื้นตัว

    สิ่งที่ผู้ถือหุ้นเรียกร้องคือ ค่าชดเชยเป็นจำนวนเงิน 207 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินเดือนของ Gelsinger ในช่วงปี 2021-2023

    https://wccf.tech/1fon2
    Intel กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องจากผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Intel Foundry การฟ้องร้องนี้มุ่งเป้าไปที่อดีต CEO Pat Gelsinger และ CFO David Zinsner โดยกล่าวหาว่าพวกเขาให้ข้อมูลที่เกินจริงเกี่ยวกับรายได้ของ IFS ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการขาดทุนในการดำเนินงานของ IFS ในปี 2023 และ 2024 ซึ่งขัดแย้งกับคำมั่นสัญญาของการฟื้นตัว สิ่งที่ผู้ถือหุ้นเรียกร้องคือ ค่าชดเชยเป็นจำนวนเงิน 207 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินเดือนของ Gelsinger ในช่วงปี 2021-2023 https://wccf.tech/1fon2
    WCCF.TECH
    Intel Now Faces A Lawsuit Over Misguiding Foundry Performance; Blaming Former CEO Pat Gelsinger & CFO David Zinsner
    Intel now faces a lawsuit by its shareholders over misguidance on performance of "Intel Foundry," which targets the former CEO's strategy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • บนิษัทฟูไนปากช่อง ปิดกิจการไม่มีจ้ายค่าชดเชยพนักงานกว่า 800ชีวิต
    บนิษัทฟูไนปากช่อง ปิดกิจการไม่มีจ้ายค่าชดเชยพนักงานกว่า 800ชีวิต
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศแล้วว่าเรื่องวัคซีนมีผลกระทบข้างเคียงจะต้องยอมรับและนำไปสู่การเยียวยา

    นอกจากนั้นทหารที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนและถูกปลดรัฐบาลใหม่ประกาศแล้วว่าจะรับกลับเข้ากองทัพและจำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย

    รัฐบาลใหม่ประกาศแล้วว่าจะทำการจัดการรื้อ องค์กรของรัฐทั้ง CDC และ FDA

    รัฐบาลใหม่ประกาศแล้วว่าจะจัดการเรื่องการสมคบคิดป้ายสี ผู้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ให้หลักฐานความเป็นจริงว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลไม่จริง

    และจะมีการเช็คบิล และต่อจากนี้ถ้ามีการทำอีกคือไล่ออก และถ้ามีการสมคบคิดกับนักวิชาการมหาวิทยาลัยโรงเรียนแพทย์ จะจัดการยุติทุนสนับสนุนแก่นักวิจัยและมหาวิทยาลัยนั้น

    การที่สถาบันวัคซีนจะมีการประชุมและนำนักวิชาการมากล่าวว่ามีการบิดเบือนว่าวัคซีนมีผลแทรกซ้อนข้างเคียง แสดงว่ายืนข้างวัคซีนและปฏิเสธความเสียหายต่อชีวิตคนไทย
    เช่นนี้ ทางการ สถาบันวัคซีน คนที่อ้างตัวว่าเป็นนักวิชาการและจะมาพูดสมควรที่จะถูกดำเนินคดีและลงโทษหรือไม่?

    'หมอเดชา' ยืนข้าง 'หมอธีระวัฒน์' เชื่อมีข้อมูล​ผลกระทบจากการฉีดวัคซีน​โควิด https://thaipost.net/human-life-news/689671/

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0PG782N6yBM2SWucuLViwALi4f1nmKCtmjs7cLw2H4hW7GvRNZq8W9PMoW3xwkp1Ql&id=100064749694453
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศแล้วว่าเรื่องวัคซีนมีผลกระทบข้างเคียงจะต้องยอมรับและนำไปสู่การเยียวยา นอกจากนั้นทหารที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนและถูกปลดรัฐบาลใหม่ประกาศแล้วว่าจะรับกลับเข้ากองทัพและจำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย รัฐบาลใหม่ประกาศแล้วว่าจะทำการจัดการรื้อ องค์กรของรัฐทั้ง CDC และ FDA  รัฐบาลใหม่ประกาศแล้วว่าจะจัดการเรื่องการสมคบคิดป้ายสี ผู้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ให้หลักฐานความเป็นจริงว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลไม่จริง และจะมีการเช็คบิล และต่อจากนี้ถ้ามีการทำอีกคือไล่ออก และถ้ามีการสมคบคิดกับนักวิชาการมหาวิทยาลัยโรงเรียนแพทย์ จะจัดการยุติทุนสนับสนุนแก่นักวิจัยและมหาวิทยาลัยนั้น การที่สถาบันวัคซีนจะมีการประชุมและนำนักวิชาการมากล่าวว่ามีการบิดเบือนว่าวัคซีนมีผลแทรกซ้อนข้างเคียง แสดงว่ายืนข้างวัคซีนและปฏิเสธความเสียหายต่อชีวิตคนไทย เช่นนี้ ทางการ สถาบันวัคซีน คนที่อ้างตัวว่าเป็นนักวิชาการและจะมาพูดสมควรที่จะถูกดำเนินคดีและลงโทษหรือไม่? 'หมอเดชา' ยืนข้าง 'หมอธีระวัฒน์' เชื่อมีข้อมูล​ผลกระทบจากการฉีดวัคซีน​โควิด https://thaipost.net/human-life-news/689671/ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0PG782N6yBM2SWucuLViwALi4f1nmKCtmjs7cLw2H4hW7GvRNZq8W9PMoW3xwkp1Ql&id=100064749694453
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😤😤😤บางครั้งเรามักจะไม่ได้เป็นคนเลือก…
    ดังนั้นเราเลือกแบบอาหารเสริมเองได้เลยที่คิดว่าเหมาะ 🤗🤗🤗

    #AIA #ประกันชีวิต #ค่าชดเชย #เจอจ่ายจบ #ค่ารักษาพยาบาล #ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพ #อุบัติเหตุ #มรดกประกันชีวิต #ค่าชดเชยรายวัน
    😤😤😤บางครั้งเรามักจะไม่ได้เป็นคนเลือก… ดังนั้นเราเลือกแบบอาหารเสริมเองได้เลยที่คิดว่าเหมาะ 🤗🤗🤗 #AIA #ประกันชีวิต #ค่าชดเชย #เจอจ่ายจบ #ค่ารักษาพยาบาล #ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย #ประกันสุขภาพ #อุบัติเหตุ #มรดกประกันชีวิต #ค่าชดเชยรายวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่าชดเชย หลายๆ คนอาจมองว่าไม่สำคัญ
    แต่สำหรับคนที่มีรายได้เป็นวันต่อวันการหยุดงานเค้าหมายถึงการหยุดรายได้

    และสำหรับโรคร้ายอย่างมะเร็งที่ต้องไปรับบำบัดเคมีหรือทาร์เก็ตเต็ด เทอราปี้
    ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง แบบประกันนี้จึงออกแบบเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้

    #AIA #ค่ารักษาพยาบาล #ประกันชีวิต #ค่าชดเชย #ค่าชดเชยรายวัน #ประกันโรคร้าย #มะเร็งตัวร้าย #คุ้มครองโรคร้ายแรง #มะเร็ง #มะเร็งเต้านม
    ค่าชดเชย หลายๆ คนอาจมองว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับคนที่มีรายได้เป็นวันต่อวันการหยุดงานเค้าหมายถึงการหยุดรายได้ และสำหรับโรคร้ายอย่างมะเร็งที่ต้องไปรับบำบัดเคมีหรือทาร์เก็ตเต็ด เทอราปี้ ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง แบบประกันนี้จึงออกแบบเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ #AIA #ค่ารักษาพยาบาล #ประกันชีวิต #ค่าชดเชย #ค่าชดเชยรายวัน #ประกันโรคร้าย #มะเร็งตัวร้าย #คุ้มครองโรคร้ายแรง #มะเร็ง #มะเร็งเต้านม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • มะเร็ง…ถ้าไม่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว เราไม่รู้ว่าน่ากลัวแค่ไหน
    อย่าลืมวางแผน ลดภาระ แบ่งเบาค่าใช้จ่าย เสริมเกราะคุ้มครองกัน💪💪

    #ประกันชีวิตออนไลน์ #ประกันเลือกเอง #ประกันชีวิตAIA #มะเร็ง #ประกันชีวิต #โรงพยาบาล #คุ้มครองโรคร้ายแรง #มะเร็งตัวร้าย #คุ้มครองโรคร้าย #ประกันโรคร้าย #ค่าชดเชย #ค่าชดเชยรายวัน
    มะเร็ง…ถ้าไม่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว เราไม่รู้ว่าน่ากลัวแค่ไหน อย่าลืมวางแผน ลดภาระ แบ่งเบาค่าใช้จ่าย เสริมเกราะคุ้มครองกัน💪💪 #ประกันชีวิตออนไลน์ #ประกันเลือกเอง #ประกันชีวิตAIA #มะเร็ง #ประกันชีวิต #โรงพยาบาล #คุ้มครองโรคร้ายแรง #มะเร็งตัวร้าย #คุ้มครองโรคร้าย #ประกันโรคร้าย #ค่าชดเชย #ค่าชดเชยรายวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 507 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความน่าสนใจของเพจวิเคราะห์บอลจริงจังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 มีประเด็นที่มาของการแพ้คดีที่สมาคมฟุตบอลฯยุคพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงฟ้องบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาตัดสินให้สมาคมฯต้องจ่าย450ล้านบาท เนื้อหาระบุว่า

    “มาดามแป้ง -นวลพรรณ ล่ำซำ โอดครวญว่า เธอต้องเข้ามาเป็นนายกสมาคม แบบ "ติดลบ" เพราะมีหนี้สิน ถูกทิ้งไว้ให้ต้องรับผิดชอบ เป็นจำนวนมหาศาล

    หนี้ที่เธอกล่าวถึง คือ ค่าชดเชยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ สั่งให้สมาคม ต้องจ่ายให้บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นจำนวน 450 ล้านบาท

    คดีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำไมสมาคมถึงแพ้ เราจะไปลำดับเหตุการณ์กันตั้งแต่แรกนะครับ

    ย้อนกลับไป ในปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และเขาประกาศจุดยืนไว้ว่า "ผมจะเข้ามาเก็บกวาดบ้าน ผมจะเข้ามาจับโจร"

    สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้ความสำคัญอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล แต่เป็นการเดินหน้าฟ้องร้อง ผู้ที่มีข้อพิพาทกับสมาคม จำนวนทั้งสิ้น 3 คดี

    2 คดีแรก เกี่ยวกับวรวีร์ มะกูดี เรื่องการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่หนองจอก และ เรื่องยักยอกทรัพย์ ส่วนคดีที่ 3 เกี่ยวข้องกับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน)

    ก่อนที่เราจะไปเล่าคดี สมยศ vs สยามสปอร์ต เราจำเป็นต้องปูพื้นแบ็กกราวน์ของเรื่องก่อน เพื่อความเข้าใจในภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น

    ฟุตบอลไทยลีก ก่อตั้งในปี 2539 ณ เวลานั้น คนดูในสนามแทบไม่มี ความนิยมตกต่ำมาก

    ในช่วง 5 ปีแรก (2539-2544) สมาคมยุควิจิตร เกตุแก้ว พยายามจัดการด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ขาดทุนยับ

    นั่นทำให้ สุชาติ มุฑุกัณฑ์ ทีมผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลขณะนั้น มาขอร้องให้ บริษัท สยามสปอร์ต ช่วยเป็นออร์กาไนเซอร์ จัดการแข่งขันลีกอาชีพขึ้นมา พร้อมทั้งช่วงประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ เพราะสยามสปอร์ตเป็นสื่อใหญ่ที่มีทรัพยากรในมือ น่าจะช่วยสร้างความนิยมให้ไทยลีกได้

    สิ่งที่จะเอามาแลกเปลี่ยน ก็คือ ให้สยามสปอร์ตเป็น "ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของไทยลีก"

    สำหรับส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละปีนั้น มีรายงานว่า

    - ถ้าได้กำไร สยามสปอร์ตจะได้ ส่วนแบ่งกำไร 95% สมาคมได้ 5%
    - ถ้าขาดทุน สยามสปอร์ตต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด

    ถ้าดูตัวเลขนี้ (95% - 5%) ดูเหมือนสยามสปอร์ตจะได้ส่วนแบ่งเยอะก็จริง แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นฟุตบอลไทยยังไม่มีมูลค่า ถ้าสมาคมเอาไปทำเอง อย่าว่าแต่กำไร 5% เลย มีแต่จะเข้าเนื้อก็เท่านั้น

    และต่อให้สยามสปอร์ตจะเอาไปทำ ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายอะไร สุดท้ายสัญญาก็เลยออกมาในรูปแบบนั้น

    ดีลระหว่างสยามสปอร์ต กับ สมาคมในยุควิจิตร เกตุแก้ว ก็เลยเกิดขึ้น โดยสยามสปอร์ตมีหน้าที่ ต้องจัดการแข่งขันและโปรโมท ไทยลีก, ลีกรอง และ ลีกภูมิภาคทั้งหมด

    ระวิ โหลทอง ผู้บริหารสูงสุดของสยามสปอร์ตกล่าวไว้ว่า "ถ้าผมทำฟุตบอลนอกอย่างเดียว ผมก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่เมื่อผมมาทำไทยลีก ก็ไม่อยากให้มีปัญหาต่อกัน ผมลงทุนทำทีมฟุตบอลเพื่อให้วงการสนุก ส่วนตัวแล้วเรื่องเงินทองไม่มีปัญหาสำหรับผม คนอาจจะมองว่าสยามสปอร์ตได้กำไร แต่มันไม่ใช่ หุ้นบริษัทก็ไม่เคยกระดิก"

    นับจากปี 2544 สยามสปอร์ตเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของไทยลีกมาเรื่อยๆ

    ซึ่งระหว่างนี้ นายกสมาคม เปลี่ยนคนจากวิจิตร เกตุแก้ว เป็นวรวีร์ มะกูดี แต่ก็ยังเซ็นสัญญากันต่อเนื่องกันไป ไม่มีปัญหาอะไร

    รายงานจาก Thaipublica เปิดเผยว่าสยามสปอร์ตในฐานะผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ ได้กำไรน้อยมาก โดยเนื้อหาระบุว่า "แม้เม็ดเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ จะไหลผ่านสยามสปอร์ตปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ไทยลีกที่ได้จากทรูวิชั่นส์ ต้องเอาไปแบ่งให้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสด ที่มีข้อบังคับว่า ต้องถ่ายทอดสดปีละไม่ต่ำกว่า 500 แมตช์ คำนวณแล้ว แทบจะไม่เหลือกำไรเท่าไหร่"

    ผู้บริหารระดับสูงของสยามสปอร์ตรายหนึ่งอธิบายว่า "สิ่งที่บริษัทได้รับ ไม่ใช่กำไรจากการเข้าไปดูแลสิทธิประโยชน์โดยตรง แต่เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เพราะยิ่งวงการฟุตบอลไทยเติบโตเท่าไหร่ ยอดขายสื่อในเครือ และเงินค่าโฆษณาก็ยิ่งเติบโตขึ้น"

    ในปี 2556 สมาคมฟุตบอลยุควรวีร์ เซ็นสัญญาระยะยาวกับสยามสปอร์ต ให้เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก อีก 10 ปี (2556-2565)

    โดยจุดนี้ มีรายงานไม่ตรงกัน บางแหล่งบอกว่า ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 95% - 5% ตามเดิม แต่บางแหล่งข่าวบอกว่า ถูกปรับเป็น 50% - 50% แล้ว

    ตอนนั้นแม้จะต่อสัญญากันระยะยาว แต่ดราม่าไม่มี เพราะไทยลีกยังไม่บูม หลายคนมองว่าไทยลีก เป็นเผือกร้อนด้วยซ้ำ ที่โอกาสขาดทุน มากกว่ากำไร

    อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันสำคัญก็เกิดขึ้น ในปี 2557 เมื่อเกิดปรากฏการณ์ "บอลไทยฟีเวอร์"

    เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง รับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ แล้วพาทีมช้างศึกคว้าแชมป์ AFF เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมทั้งทำผลงานมาสเตอร์พีซในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จนทีมไทย เข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี

    ทีมชาติชุดใหญ่ มีสตาร์ขึ้นมาประดับวงการพร้อมกันหลายคน เช่น ชนาธิป สรงกระสินธิ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ ฯลฯ ในช่วง AFF จากนั้นก็เพิ่มเติมด้วยผู้เล่นซีเนียร์ ทั้งธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน คือไม่ใช่แค่ชุดใหญ่เท่านั้น แต่บอลเยาวชน ไทยฟอร์มดีมาก คว้าชัยชนะได้ทุกรุ่น

    ทุกอย่างมันส่งเสริมกัน ทำให้ทีมชาติไทย บูมขึ้นแบบพุ่งทะยาน อานิสงส์ก็กลับมาหาไทยลีก ที่มีคนเข้ามาดูอย่างคับคั่ง ทั้งขาจร-ขาประจำ ขณะที่ เรตติ้งถ่ายทอดสดพุ่งสูงมาก

    นักกีฬากลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ละคนได้รับงานโฆษณา เป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากค่าจ้างในการเล่นฟุตบอลด้วย

    ความนิยมของไทยลีก ทำให้ทรูวิชั่นส์ จ่ายเงินค่าถ่ายทอดสด สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ สัญญา 4 ปี 4,200 ล้านบาท (เฉลี่ยฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท)

    ไม่ใช่แค่ไทยลีก แต่ลิขสิทธิ์ของทีมชาติชุดใหญ่ ก็ขายได้ราคาดีมาก ในช่วงบอลไทยฟีเวอร์ สามารถขายลิขสิทธิ์ทีมชาติ กับทางไทยรัฐทีวี ได้เงินนัดละ 750,000 บาท

    จากที่สยามสปอร์ต เคยเข้าเนื้อมาหลายๆ ปีติดต่อกัน ในที่สุด เมื่อบอลไทยบูมพร้อมกัน ทั้งสโมสรและทีมชาติ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเก็บเกี่ยวกำไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว

    แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เมื่อสมาคมมีการเลือกตั้งนายกครั้งใหม่ และพล.ต.อ.สมยศ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ล้างบางขั้วเก่าจนราบคาบ

    สิ่งที่ยังกั๊กๆ กันอยู่ คือพล.ต.อ.สมยศเป็นนายกก็จริง แต่คนดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก จนถึงปี 2565 ดันเป็นสยามสปอร์ต ซึ่งอยู่ฝั่งขั้วอำนาจเก่าของวรวีร์

    ในมุมของพล.ต.อ.สมยศ จึงเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตัวเองเป็นนายกสมาคมแท้ๆ แต่ผลกำไรของบอลไทย กลับไปตกอยู่ในมือของอีกขั้วหนึ่ง

    นอกจากนั้น ในมุมของสมาคม มั่นใจว่าถ้าหาผู้ดูแลเจ้าอื่น สมาคมน่าจะได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้

    หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ ชนะเลือกตั้งเพียงแค่เดือนเดียว มีนาคม 2559 เขาตัดสินใจประกาศ "ยกเลิกสัญญา" กับสยามสปอร์ต ในช่วง 7 ปีที่เหลือ (2559-2565)

    พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ว่า "เราพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เป็นสัญญาผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำให้ ส่งผลให้สมาคม ไม่สามารถวางแผนงบประมาณดำเนินการได้ด้วยตัวเอง"

    อธิบายคือ สัญญาฉบับเดิมที่เซ็นกัน สยามสปอร์ตจะเป็นฝ่ายแจ้งเองว่าปีนี้ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วจะแบ่งจัดสรรให้สมาคมเอง แต่ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย

    วิธีการนี้ ไม่มีกำหนดว่า ต้องจ่าย "ขั้นต่ำ" เท่าไหร่ คือไม่มีตัวเลขระบุ ฝั่งสมาคมเอง ก็มองว่า แบบนี้จะตกแต่งเลขอย่างไรก็ได้น่ะสิ

    พล.ต.อ.สมยศ กล่าวปิดท้ายว่า "ผมไม่มีความขัดแย้งกับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ผมเข้ามาทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ สมาคม และอาสาเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็อยากทำให้ถูกต้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาคมฯ และประชาชนชาวไทย"

    หลังจากยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ต 1 เดือนเท่านั้น เมษายน 2559 สมาคมเซ็นสัญญากับ แพลนบี มีเดีย เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์รายใหม่แทน

    เซ็นฉบับแรก (4 ปี) ในปี 2559-2563 และเซ็นในฉบับที่สอง (8 ปี) ในช่วงปี 2564-2571

    และคดีความที่เป็นข่าวใหญ่ ก็เริ่มต้นจากจุดนี้

    เพราะฝั่งสยามสปอร์ตยอมไม่ได้ ที่โดนฉีกสัญญาที่เหลืออยู่ถึง 7 ปีทิ้งลงดื้อๆ

    คือในมุมของสยามสปอร์ตนั้น สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ จะคิดว่าสัญญาไม่เป็นธรรม หรือ ได้ส่วนแบ่งน้อย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อมันมีการเซ็นสัญญาอย่างถูกต้องแล้ว มาโดนฉีกทิ้งแบบนี้ เขาก็เสียหายทางธุรกิจเช่นกัน แล้วแผนงานที่เตรียมไว้หลายปีต่อจากนี้ ใครจะรับผิดชอบ

    ที่ผ่านมา เขาลงทุนกับบอลไทยมาตั้งเยอะ แล้วพอวันที่มีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก็มาโดนฉีกสัญญาทิ้ง มันยุติธรรมกับเขาหรือไม่?

    นั่นทำให้ สยามสปอร์ตจึงฟ้องสมาคมฟุตบอล ในคดีแพ่ง ข้อหาผิดสัญญา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,400 ล้านบาท

    ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ รับฟ้องคดีนี้ โดยสยามสปอร์ตเป็นโจทก์ สมาคมฟุตบอลเป็นจำเลย

    ในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ศาลชั้นต้นตัดสินให้สยามสปอร์ตชนะคดี สมาคมฯ ต้องจ่ายเงินชดเชย 50 ล้านบาท โทษฐานบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ

    อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายไม่พอใจนักกับผลการตัดสิน โดยฝ่ายกฎหมายของสยามสปอร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า "ขอขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับเรา อย่างไรก็ตามสยามสปอร์ต จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ในประเด็นเงินค่าเสียหาย ซึ่งทางเรามองว่า มีความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท"

    แต่ฝั่งสมาคมฯ เองก็ไม่ยอมเช่นกัน โดยพล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่า "ผมให้ความเคารพคำสั่งศาล แต่นี่เป็นเพียงศาลชั้นต้น สมาคมจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาอย่างแน่นอน"

    การต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ดำเนินการมาถึง 2 ปี และในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ได้ข้อสรุปว่า ตัวเลข 50 ล้านที่ศาลชั้นต้นสั่งให้สมาคม ชดใช้ มันน้อยเกินไป

    และมีคำพิพากษาแก้ ให้สมาคมฯ จ่ายเงินให้สยามสปอร์ตเพิ่มเป็น 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

    จากศาลชั้นต้น 50 ล้านบาท สุดท้ายมาที่ศาลอุทธรณ์ ตัวเงินเด้งขึ้นไปที่ 450 ล้านบาท

    คำวินิจฉัยจากศาล ระบุว่า

    "แม้การบอกเลิกสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ จะทำเพื่อการพัฒนาระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีความชัดเจนด้านค่าตอบแทน จำนวนค่าตอบแทน รวมถึง คู่สัญญาที่ฝ่ายจำเลย อาจมองว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่าก็ตาม ทั้งหมด ก็มิได้เป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์"

    เมื่อจบศาลอุทธรณ์ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่ แต่ฝั่งพล.ต.อ.สมยศ ยังไม่ยอม และตัดสินใจยื่นไปที่ฎีกาเป็นศาลสุดท้าย

    ตอนนี้การพิจารณาฎีกายังไม่ออกมา แต่สมาคมแพ้มา 2 ศาลแล้ว คงยากมาก ที่จะพลิกสถานการณ์ เอาตัวรอด ไม่เสียเงินในศาลสุดท้าย เพียงแต่จะจบแค่กี่บาทเท่านั้น

    คือฝั่ง พล.ต.อ.สมยศ มีสิทธิ์คิดอย่างไรก็ได้

    - คุณไม่พอใจได้ ที่ยุควรวีร์เซ็นสัญญายาวถึง 10 ปี กับสยามสปอร์ต

    - คุณไม่พอใจได้ ที่มองว่าส่วนแบ่งน้อยเกินไปแค่ 5%

    แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่การหักดิบ โดยฉีกสัญญาทิ้ง ทางที่ดีกว่านั้นคือการเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่พอคุณไปยกเลิกดื้อๆ แบบนั้น เขาก็ไปสู้ด้วยกฎหมายสิ

    และในมุมของศาล ก็ต้องตัดสินตามหลักฐานที่มันเป็นจริง แค่นั้นเอง

    ------------------------

    นั่นคือเหตุผลที่มาดามแป้ง ให้สัมภาษณ์ในวันก่อนว่า "แป้งไม่ได้มาตั้งต้นทางการเงินที่ศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ติดลบ ติดลบ มันไม่แฟร์ แต่ก็ต้องทำ เพราะสมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นมา 109 ปี ก็ต้องอยู่ต่อไป"

    เธอออกสตาร์ตมา ยังไม่ทันทำงานทำการ ก็มีหนี้สิ้น 450 ล้านบาท รออยู่ ถือว่าเป็นนายกสมาคมที่เหนื่อยสาหัส ตั้งแต่วันแรกที่รับงานทีเดียว

    เอาจริงๆ ก็เห็นใจมาดามแป้งอยู่ เธอเพิ่งมารับงานได้ไม่ถึงปี แต่เจอสารพัดปัญหาให้ต้องแก้ ทั้งเรื่องมูลค่าบอลไทยตกต่ำ รวมถึงเรื่อง สมาคมติดหนี้ติดสิน คงได้แต่เป็นกำลังใจให้เธอ ผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปให้ได้

    กับคำถามคือ จะเอาเงิน 450 ล้านจากไหนมาจ่ายสยามสปอร์ต? หรือว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยการบาร์เตอร์ ทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมาติดตามดูกันต่อไป

    พูดกันตรงๆ ว่า ถ้าคนที่มีหัวด้านธุรกิจ และ ทำงานด้านฟุตบอลมาหลายปี อย่างมาดามแป้ง ยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีใครในประเทศไทย มาจัดการเรื่องนี้ได้อีก

    สำหรับกรณีเรื่อง สมาคม vs สยามสปอร์ตครั้งนี้ บทเรียนสำคัญคือ ความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง

    แต่เมื่อมันมีสัญญาผูกพันกันไว้ การไปฉีกสัญญาทิ้งดื้อๆ แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง

    สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ วันนี้เขาลงจากตำแหน่งไปแล้ว เป้าหมายการจับโจร ที่เขาตั้งใจไว้วันแรก ก็ไม่รู้ว่าสำเร็จไหม จับใครได้หรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้สมาคมโดนฟ้องร้องจนเป็นหนี้เป็นสิน เป็นภาระให้คนที่มาสานงานต่ออย่างมาก

    เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า การเป็นนายกสมาคมฟุตบอล เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย แค่บู๊อย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องฉลาดรอบรู้อีกด้วย

    ถ้าทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด องค์กรก็จะต้องเจอสถานการณ์ลำบาก เป็นภาระให้คนรับงานต่อ เหมือนอย่างที่สมาคมฟุตบอลต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้”
    ที่มา : https://www.facebook.com/share/ZvKUvXwxRkMKfBci/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    บทความน่าสนใจของเพจวิเคราะห์บอลจริงจังเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 มีประเด็นที่มาของการแพ้คดีที่สมาคมฟุตบอลฯยุคพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงฟ้องบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาตัดสินให้สมาคมฯต้องจ่าย450ล้านบาท เนื้อหาระบุว่า “มาดามแป้ง -นวลพรรณ ล่ำซำ โอดครวญว่า เธอต้องเข้ามาเป็นนายกสมาคม แบบ "ติดลบ" เพราะมีหนี้สิน ถูกทิ้งไว้ให้ต้องรับผิดชอบ เป็นจำนวนมหาศาล หนี้ที่เธอกล่าวถึง คือ ค่าชดเชยที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ สั่งให้สมาคม ต้องจ่ายให้บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นจำนวน 450 ล้านบาท คดีนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำไมสมาคมถึงแพ้ เราจะไปลำดับเหตุการณ์กันตั้งแต่แรกนะครับ ย้อนกลับไป ในปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และเขาประกาศจุดยืนไว้ว่า "ผมจะเข้ามาเก็บกวาดบ้าน ผมจะเข้ามาจับโจร" สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้ความสำคัญอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล แต่เป็นการเดินหน้าฟ้องร้อง ผู้ที่มีข้อพิพาทกับสมาคม จำนวนทั้งสิ้น 3 คดี 2 คดีแรก เกี่ยวกับวรวีร์ มะกูดี เรื่องการสร้างศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติที่หนองจอก และ เรื่องยักยอกทรัพย์ ส่วนคดีที่ 3 เกี่ยวข้องกับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ก่อนที่เราจะไปเล่าคดี สมยศ vs สยามสปอร์ต เราจำเป็นต้องปูพื้นแบ็กกราวน์ของเรื่องก่อน เพื่อความเข้าใจในภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น ฟุตบอลไทยลีก ก่อตั้งในปี 2539 ณ เวลานั้น คนดูในสนามแทบไม่มี ความนิยมตกต่ำมาก ในช่วง 5 ปีแรก (2539-2544) สมาคมยุควิจิตร เกตุแก้ว พยายามจัดการด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไปไม่ไหว ขาดทุนยับ นั่นทำให้ สุชาติ มุฑุกัณฑ์ ทีมผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลขณะนั้น มาขอร้องให้ บริษัท สยามสปอร์ต ช่วยเป็นออร์กาไนเซอร์ จัดการแข่งขันลีกอาชีพขึ้นมา พร้อมทั้งช่วงประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ เพราะสยามสปอร์ตเป็นสื่อใหญ่ที่มีทรัพยากรในมือ น่าจะช่วยสร้างความนิยมให้ไทยลีกได้ สิ่งที่จะเอามาแลกเปลี่ยน ก็คือ ให้สยามสปอร์ตเป็น "ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของไทยลีก" สำหรับส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละปีนั้น มีรายงานว่า - ถ้าได้กำไร สยามสปอร์ตจะได้ ส่วนแบ่งกำไร 95% สมาคมได้ 5% - ถ้าขาดทุน สยามสปอร์ตต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด ถ้าดูตัวเลขนี้ (95% - 5%) ดูเหมือนสยามสปอร์ตจะได้ส่วนแบ่งเยอะก็จริง แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นฟุตบอลไทยยังไม่มีมูลค่า ถ้าสมาคมเอาไปทำเอง อย่าว่าแต่กำไร 5% เลย มีแต่จะเข้าเนื้อก็เท่านั้น และต่อให้สยามสปอร์ตจะเอาไปทำ ก็ใช่ว่าจะได้กำไรมากมายอะไร สุดท้ายสัญญาก็เลยออกมาในรูปแบบนั้น ดีลระหว่างสยามสปอร์ต กับ สมาคมในยุควิจิตร เกตุแก้ว ก็เลยเกิดขึ้น โดยสยามสปอร์ตมีหน้าที่ ต้องจัดการแข่งขันและโปรโมท ไทยลีก, ลีกรอง และ ลีกภูมิภาคทั้งหมด ระวิ โหลทอง ผู้บริหารสูงสุดของสยามสปอร์ตกล่าวไว้ว่า "ถ้าผมทำฟุตบอลนอกอย่างเดียว ผมก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่เมื่อผมมาทำไทยลีก ก็ไม่อยากให้มีปัญหาต่อกัน ผมลงทุนทำทีมฟุตบอลเพื่อให้วงการสนุก ส่วนตัวแล้วเรื่องเงินทองไม่มีปัญหาสำหรับผม คนอาจจะมองว่าสยามสปอร์ตได้กำไร แต่มันไม่ใช่ หุ้นบริษัทก็ไม่เคยกระดิก" นับจากปี 2544 สยามสปอร์ตเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของไทยลีกมาเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างนี้ นายกสมาคม เปลี่ยนคนจากวิจิตร เกตุแก้ว เป็นวรวีร์ มะกูดี แต่ก็ยังเซ็นสัญญากันต่อเนื่องกันไป ไม่มีปัญหาอะไร รายงานจาก Thaipublica เปิดเผยว่าสยามสปอร์ตในฐานะผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ ได้กำไรน้อยมาก โดยเนื้อหาระบุว่า "แม้เม็ดเงินจากสปอนเซอร์ต่างๆ จะไหลผ่านสยามสปอร์ตปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะค่าลิขสิทธิ์ไทยลีกที่ได้จากทรูวิชั่นส์ ต้องเอาไปแบ่งให้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1 และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสด ที่มีข้อบังคับว่า ต้องถ่ายทอดสดปีละไม่ต่ำกว่า 500 แมตช์ คำนวณแล้ว แทบจะไม่เหลือกำไรเท่าไหร่" ผู้บริหารระดับสูงของสยามสปอร์ตรายหนึ่งอธิบายว่า "สิ่งที่บริษัทได้รับ ไม่ใช่กำไรจากการเข้าไปดูแลสิทธิประโยชน์โดยตรง แต่เป็นผลประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เพราะยิ่งวงการฟุตบอลไทยเติบโตเท่าไหร่ ยอดขายสื่อในเครือ และเงินค่าโฆษณาก็ยิ่งเติบโตขึ้น" ในปี 2556 สมาคมฟุตบอลยุควรวีร์ เซ็นสัญญาระยะยาวกับสยามสปอร์ต ให้เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก อีก 10 ปี (2556-2565) โดยจุดนี้ มีรายงานไม่ตรงกัน บางแหล่งบอกว่า ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 95% - 5% ตามเดิม แต่บางแหล่งข่าวบอกว่า ถูกปรับเป็น 50% - 50% แล้ว ตอนนั้นแม้จะต่อสัญญากันระยะยาว แต่ดราม่าไม่มี เพราะไทยลีกยังไม่บูม หลายคนมองว่าไทยลีก เป็นเผือกร้อนด้วยซ้ำ ที่โอกาสขาดทุน มากกว่ากำไร อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันสำคัญก็เกิดขึ้น ในปี 2557 เมื่อเกิดปรากฏการณ์ "บอลไทยฟีเวอร์" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง รับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติ แล้วพาทีมช้างศึกคว้าแชมป์ AFF เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมทั้งทำผลงานมาสเตอร์พีซในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จนทีมไทย เข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ทีมชาติชุดใหญ่ มีสตาร์ขึ้นมาประดับวงการพร้อมกันหลายคน เช่น ชนาธิป สรงกระสินธิ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์ ฯลฯ ในช่วง AFF จากนั้นก็เพิ่มเติมด้วยผู้เล่นซีเนียร์ ทั้งธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน คือไม่ใช่แค่ชุดใหญ่เท่านั้น แต่บอลเยาวชน ไทยฟอร์มดีมาก คว้าชัยชนะได้ทุกรุ่น ทุกอย่างมันส่งเสริมกัน ทำให้ทีมชาติไทย บูมขึ้นแบบพุ่งทะยาน อานิสงส์ก็กลับมาหาไทยลีก ที่มีคนเข้ามาดูอย่างคับคั่ง ทั้งขาจร-ขาประจำ ขณะที่ เรตติ้งถ่ายทอดสดพุ่งสูงมาก นักกีฬากลายเป็นไอดอลของเด็กๆ แต่ละคนได้รับงานโฆษณา เป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากค่าจ้างในการเล่นฟุตบอลด้วย ความนิยมของไทยลีก ทำให้ทรูวิชั่นส์ จ่ายเงินค่าถ่ายทอดสด สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ สัญญา 4 ปี 4,200 ล้านบาท (เฉลี่ยฤดูกาลละ 1,050 ล้านบาท) ไม่ใช่แค่ไทยลีก แต่ลิขสิทธิ์ของทีมชาติชุดใหญ่ ก็ขายได้ราคาดีมาก ในช่วงบอลไทยฟีเวอร์ สามารถขายลิขสิทธิ์ทีมชาติ กับทางไทยรัฐทีวี ได้เงินนัดละ 750,000 บาท จากที่สยามสปอร์ต เคยเข้าเนื้อมาหลายๆ ปีติดต่อกัน ในที่สุด เมื่อบอลไทยบูมพร้อมกัน ทั้งสโมสรและทีมชาติ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเก็บเกี่ยวกำไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เมื่อสมาคมมีการเลือกตั้งนายกครั้งใหม่ และพล.ต.อ.สมยศ เป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ล้างบางขั้วเก่าจนราบคาบ สิ่งที่ยังกั๊กๆ กันอยู่ คือพล.ต.อ.สมยศเป็นนายกก็จริง แต่คนดูแลสิทธิประโยชน์ไทยลีก จนถึงปี 2565 ดันเป็นสยามสปอร์ต ซึ่งอยู่ฝั่งขั้วอำนาจเก่าของวรวีร์ ในมุมของพล.ต.อ.สมยศ จึงเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตัวเองเป็นนายกสมาคมแท้ๆ แต่ผลกำไรของบอลไทย กลับไปตกอยู่ในมือของอีกขั้วหนึ่ง นอกจากนั้น ในมุมของสมาคม มั่นใจว่าถ้าหาผู้ดูแลเจ้าอื่น สมาคมน่าจะได้ส่วนแบ่งมากกว่านี้ หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ ชนะเลือกตั้งเพียงแค่เดือนเดียว มีนาคม 2559 เขาตัดสินใจประกาศ "ยกเลิกสัญญา" กับสยามสปอร์ต ในช่วง 7 ปีที่เหลือ (2559-2565) พล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ว่า "เราพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เป็นสัญญาผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำให้ ส่งผลให้สมาคม ไม่สามารถวางแผนงบประมาณดำเนินการได้ด้วยตัวเอง" อธิบายคือ สัญญาฉบับเดิมที่เซ็นกัน สยามสปอร์ตจะเป็นฝ่ายแจ้งเองว่าปีนี้ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วจะแบ่งจัดสรรให้สมาคมเอง แต่ถ้าขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย วิธีการนี้ ไม่มีกำหนดว่า ต้องจ่าย "ขั้นต่ำ" เท่าไหร่ คือไม่มีตัวเลขระบุ ฝั่งสมาคมเอง ก็มองว่า แบบนี้จะตกแต่งเลขอย่างไรก็ได้น่ะสิ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวปิดท้ายว่า "ผมไม่มีความขัดแย้งกับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท ผมเข้ามาทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ สมาคม และอาสาเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ก็อยากทำให้ถูกต้อง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาคมฯ และประชาชนชาวไทย" หลังจากยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ต 1 เดือนเท่านั้น เมษายน 2559 สมาคมเซ็นสัญญากับ แพลนบี มีเดีย เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์รายใหม่แทน เซ็นฉบับแรก (4 ปี) ในปี 2559-2563 และเซ็นในฉบับที่สอง (8 ปี) ในช่วงปี 2564-2571 และคดีความที่เป็นข่าวใหญ่ ก็เริ่มต้นจากจุดนี้ เพราะฝั่งสยามสปอร์ตยอมไม่ได้ ที่โดนฉีกสัญญาที่เหลืออยู่ถึง 7 ปีทิ้งลงดื้อๆ คือในมุมของสยามสปอร์ตนั้น สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ จะคิดว่าสัญญาไม่เป็นธรรม หรือ ได้ส่วนแบ่งน้อย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อมันมีการเซ็นสัญญาอย่างถูกต้องแล้ว มาโดนฉีกทิ้งแบบนี้ เขาก็เสียหายทางธุรกิจเช่นกัน แล้วแผนงานที่เตรียมไว้หลายปีต่อจากนี้ ใครจะรับผิดชอบ ที่ผ่านมา เขาลงทุนกับบอลไทยมาตั้งเยอะ แล้วพอวันที่มีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก็มาโดนฉีกสัญญาทิ้ง มันยุติธรรมกับเขาหรือไม่? นั่นทำให้ สยามสปอร์ตจึงฟ้องสมาคมฟุตบอล ในคดีแพ่ง ข้อหาผิดสัญญา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,400 ล้านบาท ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ รับฟ้องคดีนี้ โดยสยามสปอร์ตเป็นโจทก์ สมาคมฟุตบอลเป็นจำเลย ในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ศาลชั้นต้นตัดสินให้สยามสปอร์ตชนะคดี สมาคมฯ ต้องจ่ายเงินชดเชย 50 ล้านบาท โทษฐานบอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝ่ายไม่พอใจนักกับผลการตัดสิน โดยฝ่ายกฎหมายของสยามสปอร์ต ให้สัมภาษณ์ว่า "ขอขอบคุณผู้พิพากษาที่ให้ความเป็นธรรมกับเรา อย่างไรก็ตามสยามสปอร์ต จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ในประเด็นเงินค่าเสียหาย ซึ่งทางเรามองว่า มีความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท" แต่ฝั่งสมาคมฯ เองก็ไม่ยอมเช่นกัน โดยพล.ต.อ. สมยศ กล่าวว่า "ผมให้ความเคารพคำสั่งศาล แต่นี่เป็นเพียงศาลชั้นต้น สมาคมจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาอย่างแน่นอน" การต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ดำเนินการมาถึง 2 ปี และในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ได้ข้อสรุปว่า ตัวเลข 50 ล้านที่ศาลชั้นต้นสั่งให้สมาคม ชดใช้ มันน้อยเกินไป และมีคำพิพากษาแก้ ให้สมาคมฯ จ่ายเงินให้สยามสปอร์ตเพิ่มเป็น 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี จากศาลชั้นต้น 50 ล้านบาท สุดท้ายมาที่ศาลอุทธรณ์ ตัวเงินเด้งขึ้นไปที่ 450 ล้านบาท คำวินิจฉัยจากศาล ระบุว่า "แม้การบอกเลิกสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ จะทำเพื่อการพัฒนาระบบการบริหารให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีความชัดเจนด้านค่าตอบแทน จำนวนค่าตอบแทน รวมถึง คู่สัญญาที่ฝ่ายจำเลย อาจมองว่ามีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่าก็ตาม ทั้งหมด ก็มิได้เป็นเหตุที่จะบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์" เมื่อจบศาลอุทธรณ์ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะคดีอยู่ แต่ฝั่งพล.ต.อ.สมยศ ยังไม่ยอม และตัดสินใจยื่นไปที่ฎีกาเป็นศาลสุดท้าย ตอนนี้การพิจารณาฎีกายังไม่ออกมา แต่สมาคมแพ้มา 2 ศาลแล้ว คงยากมาก ที่จะพลิกสถานการณ์ เอาตัวรอด ไม่เสียเงินในศาลสุดท้าย เพียงแต่จะจบแค่กี่บาทเท่านั้น คือฝั่ง พล.ต.อ.สมยศ มีสิทธิ์คิดอย่างไรก็ได้ - คุณไม่พอใจได้ ที่ยุควรวีร์เซ็นสัญญายาวถึง 10 ปี กับสยามสปอร์ต - คุณไม่พอใจได้ ที่มองว่าส่วนแบ่งน้อยเกินไปแค่ 5% แต่การแก้ปัญหาไม่ใช่การหักดิบ โดยฉีกสัญญาทิ้ง ทางที่ดีกว่านั้นคือการเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน แต่พอคุณไปยกเลิกดื้อๆ แบบนั้น เขาก็ไปสู้ด้วยกฎหมายสิ และในมุมของศาล ก็ต้องตัดสินตามหลักฐานที่มันเป็นจริง แค่นั้นเอง ------------------------ นั่นคือเหตุผลที่มาดามแป้ง ให้สัมภาษณ์ในวันก่อนว่า "แป้งไม่ได้มาตั้งต้นทางการเงินที่ศูนย์ แต่เริ่มจากติดลบ ติดลบ ติดลบ มันไม่แฟร์ แต่ก็ต้องทำ เพราะสมาคมฟุตบอลตั้งขึ้นมา 109 ปี ก็ต้องอยู่ต่อไป" เธอออกสตาร์ตมา ยังไม่ทันทำงานทำการ ก็มีหนี้สิ้น 450 ล้านบาท รออยู่ ถือว่าเป็นนายกสมาคมที่เหนื่อยสาหัส ตั้งแต่วันแรกที่รับงานทีเดียว เอาจริงๆ ก็เห็นใจมาดามแป้งอยู่ เธอเพิ่งมารับงานได้ไม่ถึงปี แต่เจอสารพัดปัญหาให้ต้องแก้ ทั้งเรื่องมูลค่าบอลไทยตกต่ำ รวมถึงเรื่อง สมาคมติดหนี้ติดสิน คงได้แต่เป็นกำลังใจให้เธอ ผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปให้ได้ กับคำถามคือ จะเอาเงิน 450 ล้านจากไหนมาจ่ายสยามสปอร์ต? หรือว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยการบาร์เตอร์ ทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมาติดตามดูกันต่อไป พูดกันตรงๆ ว่า ถ้าคนที่มีหัวด้านธุรกิจ และ ทำงานด้านฟุตบอลมาหลายปี อย่างมาดามแป้ง ยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีใครในประเทศไทย มาจัดการเรื่องนี้ได้อีก สำหรับกรณีเรื่อง สมาคม vs สยามสปอร์ตครั้งนี้ บทเรียนสำคัญคือ ความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อมันมีสัญญาผูกพันกันไว้ การไปฉีกสัญญาทิ้งดื้อๆ แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ วันนี้เขาลงจากตำแหน่งไปแล้ว เป้าหมายการจับโจร ที่เขาตั้งใจไว้วันแรก ก็ไม่รู้ว่าสำเร็จไหม จับใครได้หรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้สมาคมโดนฟ้องร้องจนเป็นหนี้เป็นสิน เป็นภาระให้คนที่มาสานงานต่ออย่างมาก เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า การเป็นนายกสมาคมฟุตบอล เป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย แค่บู๊อย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องฉลาดรอบรู้อีกด้วย ถ้าทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด องค์กรก็จะต้องเจอสถานการณ์ลำบาก เป็นภาระให้คนรับงานต่อ เหมือนอย่างที่สมาคมฟุตบอลต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้” ที่มา : https://www.facebook.com/share/ZvKUvXwxRkMKfBci/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1076 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯเสนอ 'ค่าชดเชย' แก่อิสราเอล เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีเป้าหมายอิหร่านบางแห่ง - รายงาน

    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้เสนอการสนับสนุนทางการทูตในวงกว้างและความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่เทลอาวีฟ หากเป้าหมายบางแห่งในอิหร่านไม่ถูกโจมตี, คาน สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งรัฐอิสราเอล รายงาน, โดยอ้างถึงการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐฯที่เกิดขึ้นภายหลังอิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล, ซึ่งคานอ้างคำพูดของเขา, กล่าวว่าอิสราเอล "จะรับฟังความเห็นของสหรัฐฯเสมอ... และพร้อมที่จะรับฟังความเห็นเหล่านั้น, แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพลเมืองและความมั่นคงของประเทศ"

    อิสราเอลได้ระบุอย่างเป็นทางการว่า จะมีการตอบสนองต่อการโจมตีของอิหร่าน, แต่ยังคงอยู่ระหว่างการวางแผนหรืออนุมัติวิธีการตอบสนอง, สถานที่ และเวลาในการโจมตี
    .
    US OFFERS ISRAEL 'COMPENSATION' FOR AVOIDING ATTACKS ON SOME IRANIAN TARGETS - REPORTS

    US officials have offered Tel Aviv broad diplomatic support and additional military assistance if certain targets in Iran are not attacked, Israeli state broadcaster Kan reported, referring to talks held between Israeli and US officials following the Iranian ballistic missile attack on Israel on October 1.

    A senior Israeli official, cited by Kan, said that Israel "always takes into account the opinion of the United States... and is ready to listen to them, but will do everything necessary to protect citizens and the security of the country."

    Israel has officially stated that a response to the Iranian attack would be given, but the method of response, place and time of the strike were still at the planning or approval stage.
    .
    12:03 PM · Oct 7, 2024 · 2,015 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1843155178322792604
    สหรัฐฯเสนอ 'ค่าชดเชย' แก่อิสราเอล เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีเป้าหมายอิหร่านบางแห่ง - รายงาน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้เสนอการสนับสนุนทางการทูตในวงกว้างและความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่เทลอาวีฟ หากเป้าหมายบางแห่งในอิหร่านไม่ถูกโจมตี, คาน สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งรัฐอิสราเอล รายงาน, โดยอ้างถึงการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐฯที่เกิดขึ้นภายหลังอิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล, ซึ่งคานอ้างคำพูดของเขา, กล่าวว่าอิสราเอล "จะรับฟังความเห็นของสหรัฐฯเสมอ... และพร้อมที่จะรับฟังความเห็นเหล่านั้น, แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพลเมืองและความมั่นคงของประเทศ" อิสราเอลได้ระบุอย่างเป็นทางการว่า จะมีการตอบสนองต่อการโจมตีของอิหร่าน, แต่ยังคงอยู่ระหว่างการวางแผนหรืออนุมัติวิธีการตอบสนอง, สถานที่ และเวลาในการโจมตี . US OFFERS ISRAEL 'COMPENSATION' FOR AVOIDING ATTACKS ON SOME IRANIAN TARGETS - REPORTS US officials have offered Tel Aviv broad diplomatic support and additional military assistance if certain targets in Iran are not attacked, Israeli state broadcaster Kan reported, referring to talks held between Israeli and US officials following the Iranian ballistic missile attack on Israel on October 1. A senior Israeli official, cited by Kan, said that Israel "always takes into account the opinion of the United States... and is ready to listen to them, but will do everything necessary to protect citizens and the security of the country." Israel has officially stated that a response to the Iranian attack would be given, but the method of response, place and time of the strike were still at the planning or approval stage. . 12:03 PM · Oct 7, 2024 · 2,015 Views https://x.com/SputnikInt/status/1843155178322792604
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📢📢 ผู้บาดเจ็บญาติผู้เสียชีวิตผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนท่านใดตัดสินใจฟ้องร้องแน่นอน เข้ากลุ่มได้เลยนะครับ https://line.me/R/ti/g/UxgWe5fePI
    คดีตัวอย่างในต่างประเทศได้รับค่าชดเชยมากมายเกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเป็นคดีตัวอย่างช่วยปลุกคนไทย
    #ร่วมด้วยช่วยกันแชร์ครับ

    ⚖ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ประกาศรับดำเนินการทางกฎหมายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีน
    🚩สามารถติดต่ออีเมลของท่านนายกสภาได้
    wichien@calelegal.com

    ฝ่ายช่วยเหลือ ทางกฎหมาย
    legalaid.lct@gmail.com

    ติดต่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความได้โดยการแจ้งหรือให้มาพบทนายความอาสาที่มีประสบการณ์ดำเนินคดีทางการแพทย์ ณ ที่ทำการสภาทนายความ เลขที่ 249 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02-522-7124 -28 ต่อ 135 หรือ อีเมล president@lawyerscouncil.or.th
    📢📢 ผู้บาดเจ็บญาติผู้เสียชีวิตผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนท่านใดตัดสินใจฟ้องร้องแน่นอน เข้ากลุ่มได้เลยนะครับ https://line.me/R/ti/g/UxgWe5fePI คดีตัวอย่างในต่างประเทศได้รับค่าชดเชยมากมายเกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเป็นคดีตัวอย่างช่วยปลุกคนไทย #ร่วมด้วยช่วยกันแชร์ครับ ⚖ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ประกาศรับดำเนินการทางกฎหมายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีน 🚩สามารถติดต่ออีเมลของท่านนายกสภาได้ wichien@calelegal.com ฝ่ายช่วยเหลือ ทางกฎหมาย legalaid.lct@gmail.com ติดต่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความได้โดยการแจ้งหรือให้มาพบทนายความอาสาที่มีประสบการณ์ดำเนินคดีทางการแพทย์ ณ ที่ทำการสภาทนายความ เลขที่ 249 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02-522-7124 -28 ต่อ 135 หรือ อีเมล president@lawyerscouncil.or.th
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชมคลิปที่ถูกลบออกจากโซเชียลมีเดีย ผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนเสียชีวิต 50 ราย ฟ้องร้องชนะคดีบริษัทแอสตร้าเซเนก้าได้ค่าชดเชยคนละ 92 ล้านบาท
    ชมคลิปที่ถูกลบออกจากโซเชียลมีเดีย ผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนเสียชีวิต 50 ราย ฟ้องร้องชนะคดีบริษัทแอสตร้าเซเนก้าได้ค่าชดเชยคนละ 92 ล้านบาท
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3162 มุมมอง 541 0 รีวิว
  • “แอร์เอเชียต้องการคำตอบและค่าชดเชย”

    เหตุการณ์ Microsoft outage ที่บริษัทเอกชนและภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ สายการบิน ธนาคาร สื่อมวลชน และโรงพยาบาลในหลายประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาไอทีขัดข้องทั่วโลก จากระบบปฎิบัติการ Windows ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบของ CrowdStrike บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา

    แม้ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการคลี่คลาย แต่ภาคธุรกิจและสังคมยังคงตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความรับผิดชอบจาก Microsoft และ CrowdStrike สองบริษัทด้านไอทีของสหรัฐอเมริกา

    หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปิตอล เอ ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่าน Linkedin ระบุว่า เป็นเรื่องดีที่ CrowdStrike ขอโทษ แต่จะรอฟังจาก Microsoft ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้สายการบินสูญเสียรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    แต่ที่สำคัญกว่านั้น ความล้มเหลวของระบบได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายในชีวิตของผู้คนอย่างไร

    "บริษัทเทคโนโลยีไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจ สิ่งที่เราเจอในช่วงโควิด-19 พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้พวกเขามีปัญหาที่พวกเขาคาดหวังให้เราทุกคนเข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น สายการบินต้องการคำตอบและค่าชดเชย แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเรียนรู้และเติบโตจากสิ่งนี้" โทนี่ ระบุ

    แอร์เอเชียเป็นหนึ่งในสายการบินทั่วโลกที่ประสบปัญหาเหตุขัดข้องด้านไอที ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทุกสนามบิน หนึ่งในนั้นคืออาคารผู้โดยสาร 2 (KLIA2) ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สายการบินต้องใช้ระบบแมนวล (Manual) ในการบริหารจัดการทั้งหมด ตั้งแต่การเช็กอิน การพิมพ์บัตรโดยสาร และโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง

    โทนี่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกถึงเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ทุกอย่างทำด้วยระบบแมนวล แต่ก็ภูมิใจที่ทำให้การยกเลิกเที่ยวบินลดเหลือน้อยที่สุด เนื่องจากความคล่องตัวในการเปลี่ยนไปใช้ระบบแมนวล แม้ว่าการให้บริการจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำพาผู้โดยสารทุกคนไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยที่สุด

    อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียกลับมาใช้ระบบออนไลน์ในการปฎิบัติงาน รวมทั้งการเช็กอินออนไลน์แก่ผู้โดยสาร ตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา

    #Newskit #AirAsia #TonyFernandes
    “แอร์เอเชียต้องการคำตอบและค่าชดเชย” เหตุการณ์ Microsoft outage ที่บริษัทเอกชนและภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ สายการบิน ธนาคาร สื่อมวลชน และโรงพยาบาลในหลายประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาไอทีขัดข้องทั่วโลก จากระบบปฎิบัติการ Windows ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบของ CrowdStrike บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา แม้ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการคลี่คลาย แต่ภาคธุรกิจและสังคมยังคงตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความรับผิดชอบจาก Microsoft และ CrowdStrike สองบริษัทด้านไอทีของสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปิตอล เอ ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่าน Linkedin ระบุว่า เป็นเรื่องดีที่ CrowdStrike ขอโทษ แต่จะรอฟังจาก Microsoft ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้สายการบินสูญเสียรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ความล้มเหลวของระบบได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายในชีวิตของผู้คนอย่างไร "บริษัทเทคโนโลยีไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจ สิ่งที่เราเจอในช่วงโควิด-19 พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้พวกเขามีปัญหาที่พวกเขาคาดหวังให้เราทุกคนเข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น สายการบินต้องการคำตอบและค่าชดเชย แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเรียนรู้และเติบโตจากสิ่งนี้" โทนี่ ระบุ แอร์เอเชียเป็นหนึ่งในสายการบินทั่วโลกที่ประสบปัญหาเหตุขัดข้องด้านไอที ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทุกสนามบิน หนึ่งในนั้นคืออาคารผู้โดยสาร 2 (KLIA2) ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สายการบินต้องใช้ระบบแมนวล (Manual) ในการบริหารจัดการทั้งหมด ตั้งแต่การเช็กอิน การพิมพ์บัตรโดยสาร และโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง โทนี่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกถึงเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ทุกอย่างทำด้วยระบบแมนวล แต่ก็ภูมิใจที่ทำให้การยกเลิกเที่ยวบินลดเหลือน้อยที่สุด เนื่องจากความคล่องตัวในการเปลี่ยนไปใช้ระบบแมนวล แม้ว่าการให้บริการจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำพาผู้โดยสารทุกคนไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยที่สุด อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียกลับมาใช้ระบบออนไลน์ในการปฎิบัติงาน รวมทั้งการเช็กอินออนไลน์แก่ผู้โดยสาร ตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา #Newskit #AirAsia #TonyFernandes
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 866 มุมมอง 0 รีวิว