• 'ทั่นเต้น' โวยลั่น คดีภาษีทักษิณ 1.7 หมื่นล้าน คือผลพวง "อภินิหารของกฎหมาย" ในยุค คสช. ย้ำ ทักษิณ คือนายกฯ ที่มีผลงานมากที่สุด แต่ถูกกระทำทางการเมืองมากที่สุด
    https://www.thai-tai.tv/news/22435/
    .
    #ไทยไท #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #อภินิหารของกฎหมาย #ภาษีชินคอร์ป #อุทธรณ์คดี112 #ความอยุติธรรม.

    'ทั่นเต้น' โวยลั่น คดีภาษีทักษิณ 1.7 หมื่นล้าน คือผลพวง "อภินิหารของกฎหมาย" ในยุค คสช. ย้ำ ทักษิณ คือนายกฯ ที่มีผลงานมากที่สุด แต่ถูกกระทำทางการเมืองมากที่สุด https://www.thai-tai.tv/news/22435/ . #ไทยไท #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #อภินิหารของกฎหมาย #ภาษีชินคอร์ป #อุทธรณ์คดี112 #ความอยุติธรรม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทักษิณ” อ่วม ศาลฎีกาพิพากษากลับ , ให้ต้องจ่ายภาษีขายหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้าน ชี้โอนหุ้นให้ “โอ๊ค-เอม” ถือแทนเป็นธุรกรรมขาดคุณธรรมทางภาษี ทำรัฐจัดเก็บไม่ได้

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109887

    #ทักษิณ #ศาลฎีกา #ชินคอร์ป #ภาษีหุ้น #กรมสรรพากร #คดีภาษี #ข่าวการเมือง #News1live #News1
    “ทักษิณ” อ่วม ศาลฎีกาพิพากษากลับ , ให้ต้องจ่ายภาษีขายหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้าน ชี้โอนหุ้นให้ “โอ๊ค-เอม” ถือแทนเป็นธุรกรรมขาดคุณธรรมทางภาษี ทำรัฐจัดเก็บไม่ได้ • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109887 • #ทักษิณ #ศาลฎีกา #ชินคอร์ป #ภาษีหุ้น #กรมสรรพากร #คดีภาษี #ข่าวการเมือง #News1live #News1
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาพลิกคำพิพากษา “ทักษิณ” แพ้คดีหุ้นชินคอร์ป เปิดทางรัฐเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้าน
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีการเงินการเมืองสำคัญของประเทศ โดยศาลมีมติ กลับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และเห็นพ้องว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรต่อกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่อยู่ในกรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง
    .
    คำพิพากษานี้ทำให้กรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจาก นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,600 ล้านบาท ตามหนังสือประเมินภาษี ภ.ง.ด.12 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 หลังศาลวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็น “ผู้มีเงินได้ที่แท้จริง” จากการขายหุ้นชินคอร์ป แม้จะมีการใช้ชื่อบุตรเป็นผู้ถือครองแทนก็ตาม
    .
    ก่อนหน้านี้ ศาลสองชั้นเคยเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบตามขั้นตอนของประมวลรัษฎากร มาตรา 19 จึงตัดสินให้การประเมินภาษีเป็นโมฆะ แต่ศาลฎีกาได้วางหลักใหม่ โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีชี้ให้เห็นอย่างเพียงพอว่า สิทธิในการจัดเก็บภาษีของรัฐยังคงมีผลบังคับ และมอบอำนาจให้กรมสรรพากรดำเนินการเรียกเก็บได้ตามความจำเป็น
    .
    คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของครอบครัวชินวัตรในช่วงปี 2541–2549 ซึ่งเริ่มจากการจัดตั้งบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ ในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน เพื่อเป็นตัวกลางรับโอนหุ้นชินคอร์ป ก่อนที่ นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา จะขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 การขายหุ้นดังกล่าวเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เกิดส่วนต่างมูลค่าเข้าข่าย “เงินได้พึงประเมิน” จนนำไปสู่ข้อพิพาททางภาษีมูลค่าหลายพันล้านบาท
    .
    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้ว่า หุ้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องยังถือเป็นของนายทักษิณ โดยให้บุตรทั้งสองทำหน้าที่ “ถือแทน” จึงทำให้นายทักษิณเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายทุกประการ และมีสถานะเป็นผู้มีเงินได้ตัวจริงเมื่อมีการขายหุ้นให้กลุ่มทุนต่างชาติ
    .
    คำตัดสินวันนี้จึงถูกมองว่าเป็นการปิดฉากข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นแนวทางให้ฝ่ายรัฐเดินหน้าดำเนินกระบวนการจัดเก็บภาษีตามขั้นตอนต่อไป ขณะเดียวกันก็ส่งแรงสะเทือนทางการเมือง เนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีเผชิญคดีหลายประเด็นอยู่ระหว่างพิจารณาของหน่วยงานต่าง ๆ
    .
    ภายหลังคำพิพากษา กระแสข่าวจากครอบครัวชินวัตรระบุว่า นายทักษิณมีความ “เสียใจและเจ็บช้ำ” ต่อมติของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับคดีอื่นที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์และไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองรอบตัวอดีตผู้นำยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
    .
    #News1live #MGRInfographics #ศาลฎีกา #ทักษิณ #ชินคอร์ป #คดีภาษีหุ้น #การเมืองไทย #คดีประวัติศาสตร์ #กรมสรรพากร #ภาษี17600ล้าน
    ศาลฎีกาพลิกคำพิพากษา “ทักษิณ” แพ้คดีหุ้นชินคอร์ป เปิดทางรัฐเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้าน . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีการเงินการเมืองสำคัญของประเทศ โดยศาลมีมติ กลับคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางและศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ และเห็นพ้องว่าการประเมินภาษีของกรมสรรพากรต่อกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่อยู่ในกรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง . คำพิพากษานี้ทำให้กรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มจาก นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,600 ล้านบาท ตามหนังสือประเมินภาษี ภ.ง.ด.12 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2560 หลังศาลวินิจฉัยอย่างชัดเจนว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็น “ผู้มีเงินได้ที่แท้จริง” จากการขายหุ้นชินคอร์ป แม้จะมีการใช้ชื่อบุตรเป็นผู้ถือครองแทนก็ตาม . ก่อนหน้านี้ ศาลสองชั้นเคยเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินไม่ได้ออกหมายเรียกตรวจสอบตามขั้นตอนของประมวลรัษฎากร มาตรา 19 จึงตัดสินให้การประเมินภาษีเป็นโมฆะ แต่ศาลฎีกาได้วางหลักใหม่ โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีชี้ให้เห็นอย่างเพียงพอว่า สิทธิในการจัดเก็บภาษีของรัฐยังคงมีผลบังคับ และมอบอำนาจให้กรมสรรพากรดำเนินการเรียกเก็บได้ตามความจำเป็น . คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของครอบครัวชินวัตรในช่วงปี 2541–2549 ซึ่งเริ่มจากการจัดตั้งบริษัท แอมเพิล ริช อินเวสต์เมนท์ ในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน เพื่อเป็นตัวกลางรับโอนหุ้นชินคอร์ป ก่อนที่ นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทา จะขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 การขายหุ้นดังกล่าวเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้ว่าเป็นการโอนที่ทำให้เกิดส่วนต่างมูลค่าเข้าข่าย “เงินได้พึงประเมิน” จนนำไปสู่ข้อพิพาททางภาษีมูลค่าหลายพันล้านบาท . ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังเคยมีคำพิพากษาก่อนหน้านี้ว่า หุ้นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องยังถือเป็นของนายทักษิณ โดยให้บุตรทั้งสองทำหน้าที่ “ถือแทน” จึงทำให้นายทักษิณเป็นเจ้าของผลประโยชน์ตามกฎหมายทุกประการ และมีสถานะเป็นผู้มีเงินได้ตัวจริงเมื่อมีการขายหุ้นให้กลุ่มทุนต่างชาติ . คำตัดสินวันนี้จึงถูกมองว่าเป็นการปิดฉากข้อถกเถียงทางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นแนวทางให้ฝ่ายรัฐเดินหน้าดำเนินกระบวนการจัดเก็บภาษีตามขั้นตอนต่อไป ขณะเดียวกันก็ส่งแรงสะเทือนทางการเมือง เนื่องจากเป็นคำพิพากษาที่เกิดขึ้นในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีเผชิญคดีหลายประเด็นอยู่ระหว่างพิจารณาของหน่วยงานต่าง ๆ . ภายหลังคำพิพากษา กระแสข่าวจากครอบครัวชินวัตรระบุว่า นายทักษิณมีความ “เสียใจและเจ็บช้ำ” ต่อมติของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับคดีอื่นที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์และไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองรอบตัวอดีตผู้นำยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด . #News1live #MGRInfographics #ศาลฎีกา #ทักษิณ #ชินคอร์ป #คดีภาษีหุ้น #การเมืองไทย #คดีประวัติศาสตร์ #กรมสรรพากร #ภาษี17600ล้าน
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”ก.อุตสาหกรรม-สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ“ เข้าค้น "ซิน เคอ หยวน" เก็บหลักฐานการนำเข้า-ส่งออก ครอบครอง "เหล็ก-ฝุ่นแดง" พิจารณาเป็นคดีพิเศษ

    วันนี้ (12 เม.ย.) แหล่งข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง และดีเอสไอ เข้าตรวจค้น บริษัท ซิน เคอ หยวน (SKY) เมื่อวานนี้ 11 เม.ย. ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าภาพนำตรวจค้นบริษัทดังกล่าวเพื่อเก็บพยานเอกสารเป็นหลัก เช่น การนำเข้า-ส่งออก การซื้อขาย ที่มาที่ไปเกี่ยวกับการครอบครองเหล็กและฝุ่นแดง จะดูย้อนหลังตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ประมาณปี 2557 ส่วนตัวอย่างเหล็กได้เก็บไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่ได้ไปพิจารณาตรวจสอบว่าเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เพื่อรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และส่งให้ดีเอสไอดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีเพียงคดีตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (นอมินี) โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568

    แหล่งข่าวดีเอสไอ เผยว่า ส่วน กรมสรรพากร ภาค 3 ร้องทุกข์ดีเอสไอ ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ก.ค.2558 - มี.ค.2560 จำนวน 7,426 ฉบับ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท อันเป็นความผิดอาญาตามประมวลรัษฎากร ซึ่งเข้าบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ขณะนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษเลขที่ 38/2568 โดยกองคดีภาษีอากร และแยกสำนวนอีกคดี ไม่เกี่ยวกับคดีนอมินี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034997

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ซินเคอหยวน
    ”ก.อุตสาหกรรม-สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ“ เข้าค้น "ซิน เคอ หยวน" เก็บหลักฐานการนำเข้า-ส่งออก ครอบครอง "เหล็ก-ฝุ่นแดง" พิจารณาเป็นคดีพิเศษ • วันนี้ (12 เม.ย.) แหล่งข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมตำรวจสอบสวนกลาง และดีเอสไอ เข้าตรวจค้น บริษัท ซิน เคอ หยวน (SKY) เมื่อวานนี้ 11 เม.ย. ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นเจ้าภาพนำตรวจค้นบริษัทดังกล่าวเพื่อเก็บพยานเอกสารเป็นหลัก เช่น การนำเข้า-ส่งออก การซื้อขาย ที่มาที่ไปเกี่ยวกับการครอบครองเหล็กและฝุ่นแดง จะดูย้อนหลังตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ประมาณปี 2557 ส่วนตัวอย่างเหล็กได้เก็บไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่ได้ไปพิจารณาตรวจสอบว่าเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เพื่อรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ และส่งให้ดีเอสไอดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มีเพียงคดีตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (นอมินี) โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 • แหล่งข่าวดีเอสไอ เผยว่า ส่วน กรมสรรพากร ภาค 3 ร้องทุกข์ดีเอสไอ ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ก.ค.2558 - มี.ค.2560 จำนวน 7,426 ฉบับ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท อันเป็นความผิดอาญาตามประมวลรัษฎากร ซึ่งเข้าบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ขณะนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษเลขที่ 38/2568 โดยกองคดีภาษีอากร และแยกสำนวนอีกคดี ไม่เกี่ยวกับคดีนอมินี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034997 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ซินเคอหยวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว