• MIT พัฒนา “คอนกรีตเก็บพลังงาน” ได้จริง! อนาคตที่อาคารทั้งหลังอาจกลายเป็นแบตเตอรี่ยักษ์

    นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนคอนกรีตให้กลายเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า โดยใช้วัสดุที่เรียกว่า “ec³” ซึ่งเป็นคอนกรีตผสมคาร์บอนแบล็กและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้สามารถเก็บและปล่อยพลังงานได้เหมือนแบตเตอรี่

    เรื่องนี้เริ่มจากการทดลองของนักวิจัย MIT ที่ผสม “คาร์บอนแบล็ก” ซึ่งเป็นผงคาร์บอนบริสุทธิ์ที่ได้จากการเผาปิโตรเลียม เข้ากับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต ผลลัพธ์คือวัสดุที่สามารถเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเวอร์ชันล่าสุดสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้จากคอนกรีตเพียง 5 ลูกบาศก์เมตร — เทียบเท่ากับผนังชั้นใต้ดินหนึ่งด้าน!

    เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ใช้เก็บพลังงาน แต่ยังสามารถตรวจสอบสุขภาพโครงสร้างได้ด้วย เช่น เมื่อสร้างโค้งคอนกรีตขนาดเล็กที่จ่ายไฟให้ LED ได้ หากมีแรงกดเพิ่ม LED จะกระพริบ แสดงถึงความเสียหายภายในโครงสร้าง

    นักวิจัยยังค้นพบว่า ec³ ทำงานคล้าย “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” ซึ่งสามารถเก็บพลังงานได้หนาแน่นมาก และมีอายุการใช้งานยาวนานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป ทำให้เหมาะกับการใช้งานระยะยาว เช่น ทางเท้า สะพาน ลานจอดรถ หรือแม้แต่ฐานบ้านที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านแบบออฟกริดได้

    เทคโนโลยี ec³ จาก MIT
    ผสมคาร์บอนแบล็กกับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต
    สามารถเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้าได้
    พัฒนาให้มีความจุพลังงานเพิ่มขึ้น 9 เท่าตั้งแต่ปี 2023
    คอนกรีต 5 ลูกบาศก์เมตรสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้

    การใช้งานในชีวิตจริง
    ใช้ในทางเท้าร้อนในญี่ปุ่นแทนการโรยเกลือ
    สร้างโครงสร้างที่ตรวจสอบสุขภาพตัวเองได้
    วางแผนใช้ในลานจอดรถ สะพาน และฐานบ้าน

    คุณสมบัติพิเศษ
    ทำงานคล้ายซุปเปอร์คาปาซิเตอร์
    อายุการใช้งานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป
    ปรับสูตรอิเล็กโทรไลต์ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ

    ข้อจำกัดของ ec³
    ความจุพลังงานยังต่ำกว่าลิเธียมไอออน
    ต้องใช้พื้นที่มากในการเก็บพลังงานเทียบเท่าแบตเตอรี่ทั่วไป
    ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและพัฒนา

    เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บพลังงานของโลกไปตลอดกาล — ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ในมือถือหรือรถยนต์ แต่เป็น “เมืองทั้งเมือง” ที่กลายเป็นแหล่งพลังงานขนาดยักษ์

    https://www.slashgear.com/2009844/mit-one-step-closer-building-sized-concrete-batteries/
    🧱 MIT พัฒนา “คอนกรีตเก็บพลังงาน” ได้จริง! อนาคตที่อาคารทั้งหลังอาจกลายเป็นแบตเตอรี่ยักษ์ นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนคอนกรีตให้กลายเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า โดยใช้วัสดุที่เรียกว่า “ec³” ซึ่งเป็นคอนกรีตผสมคาร์บอนแบล็กและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้สามารถเก็บและปล่อยพลังงานได้เหมือนแบตเตอรี่ เรื่องนี้เริ่มจากการทดลองของนักวิจัย MIT ที่ผสม “คาร์บอนแบล็ก” ซึ่งเป็นผงคาร์บอนบริสุทธิ์ที่ได้จากการเผาปิโตรเลียม เข้ากับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต ผลลัพธ์คือวัสดุที่สามารถเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเวอร์ชันล่าสุดสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้จากคอนกรีตเพียง 5 ลูกบาศก์เมตร — เทียบเท่ากับผนังชั้นใต้ดินหนึ่งด้าน! เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ใช้เก็บพลังงาน แต่ยังสามารถตรวจสอบสุขภาพโครงสร้างได้ด้วย เช่น เมื่อสร้างโค้งคอนกรีตขนาดเล็กที่จ่ายไฟให้ LED ได้ หากมีแรงกดเพิ่ม LED จะกระพริบ แสดงถึงความเสียหายภายในโครงสร้าง นักวิจัยยังค้นพบว่า ec³ ทำงานคล้าย “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” ซึ่งสามารถเก็บพลังงานได้หนาแน่นมาก และมีอายุการใช้งานยาวนานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป ทำให้เหมาะกับการใช้งานระยะยาว เช่น ทางเท้า สะพาน ลานจอดรถ หรือแม้แต่ฐานบ้านที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านแบบออฟกริดได้ ✅ เทคโนโลยี ec³ จาก MIT ➡️ ผสมคาร์บอนแบล็กกับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต ➡️ สามารถเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้าได้ ➡️ พัฒนาให้มีความจุพลังงานเพิ่มขึ้น 9 เท่าตั้งแต่ปี 2023 ➡️ คอนกรีต 5 ลูกบาศก์เมตรสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้ ✅ การใช้งานในชีวิตจริง ➡️ ใช้ในทางเท้าร้อนในญี่ปุ่นแทนการโรยเกลือ ➡️ สร้างโครงสร้างที่ตรวจสอบสุขภาพตัวเองได้ ➡️ วางแผนใช้ในลานจอดรถ สะพาน และฐานบ้าน ✅ คุณสมบัติพิเศษ ➡️ ทำงานคล้ายซุปเปอร์คาปาซิเตอร์ ➡️ อายุการใช้งานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป ➡️ ปรับสูตรอิเล็กโทรไลต์ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ ‼️ ข้อจำกัดของ ec³ ⛔ ความจุพลังงานยังต่ำกว่าลิเธียมไอออน ⛔ ต้องใช้พื้นที่มากในการเก็บพลังงานเทียบเท่าแบตเตอรี่ทั่วไป ⛔ ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและพัฒนา เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บพลังงานของโลกไปตลอดกาล — ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ในมือถือหรือรถยนต์ แต่เป็น “เมืองทั้งเมือง” ที่กลายเป็นแหล่งพลังงานขนาดยักษ์ https://www.slashgear.com/2009844/mit-one-step-closer-building-sized-concrete-batteries/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    MIT Is One Step Closer To Having Building-Sized Batteries With This Innovative Tech - SlashGear
    Moving, storing, and managing electric power is a major logistical challenge, but a new concrete-based battery could help mitigate those issues.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 1

    William Boyce Thompson คงเป็นชื่อที่ยังไม่มีใครรู้จักในประวัติศาสตร์ ก่อนศตวรรษที่ 20 แต่ Thompson เป็นผู้ที่รับบทสำคัญยิ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติพวก Bolsheviks
    แน่นอน ที่สุดถ้า Thompson ไม่ไปอยู่ที่รัสเซียในปี 1917 ประวัติศาสตร์หลังจากนั้นอาจจะเปลี่ยนไปคนละเรื่อง และถ้าไม่มีเรื่องสนับสนุนทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง และการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้กับ Trotsky และ Lenin โดย Thompson และ Robins กับพรรคพวกในนิวยอร์คแล้ว พวก Bolsheviks อาจจะเหี่ยวแห้งเฉาตายไป และรัสเซียจะออกหัวหรือก้อยไม่รู้ได้ แต่การเมืองโลก อาจจะเป็นฉากอื่น ต่างจากที่เราเห็นกันอยู่นี้อย่างสิ้นเชิง

    ใครคือ William Boyce Thompson

    Thompson คือ นักปั้นหุ้น หรือ ปั่นหุ้นเหมืองแร่ มือดีอันดับหนึ่งในธุรกิจสาขานี้ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเป็นคนดูแลหุ้นให้กับมหาเศรษฐีตระกูล Guggenheim เจ้าของเหมืองทองแดง ด้วยความสามารถระดับเซียน ในการระดมทุนในตลาดหุ้นประเภทความเสี่ยงสูง ทำให้ Thompson ร่ำรวยขึ้นมา และได้เป็นกรรมการในหลายบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจเหมืองแร่ต่างๆ โดยเฉพาะแร่ทองแดง ที่เป็นแร่สำคัญในการนำมาใช้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร Chase National Bank

    และ เป็น Albert H. Wiggin ประธาน Chase Bank ที่เป็นคนดันให้ Thompson เข้าไปมีส่วนในการจัดตั้งระบบธนาคารกลาง Federal Reserve System ของอเมริกา และในปี 1913 Thompson เป็นกรรมการที่ทำงานเต็มเวลา (full time) คนแรกของ Federal Reserve Bank of New York ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดในระบบFederal Reserve System
    เขาไม่ใช่กระจอกไม่มีชื่ออีกต่อไป!
    ปี 1917 William Boyce Thompson เปลี่ยนเป็นอินทรีย์และเริ่มสยายปีกไปทางด้านการเงินและการเมือง เขาแสดงให้เห็นถึงสายตายาวไกล และความคล่องตัวจัดของเขา ด้วยการสนับสนุน Karensky ในการปฎิวัติครั้งแรกของรัสเซีย ในต้นปี 1917 และเปลี่ยนเข็มทิศ หมุนกลับมาสนับสนุน Bolsheviks ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเส้นทางของ Bolsheviks น่าจะดีกว่า หรือว่า มันเป็นการวางแผนไว้เป็น 2 ขั้นตอน ตั้งแต่แรก

    ก่อนจะออกเดินทางกลับจากรัสเซียในต้นเดือนธันวาคม 1917 Thompson ส่งมอบภาระกิจกาชาดเพื่อรัสเซียให้ผู้ช่วยเขา Raymond Robins ให้เป็นคนดูแลต่อ

    Thompson ได้เตรียมการตั้งแต่ปลายปี 1917 ที่จะเดินทางออกจากPetrograd เพื่อปั่นหุ้นตัวสำคัญ “Bolsheviks Revolution” ไปเสนอขายกับรัฐบาลแถบยุโรป และอเมริกาเอง

    ก่อนเดินทาง เขาโทรเลขไปหา Thomas W. Lamont ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Morgan และกำลังอยู่ที่ปารีส กับ Colonel E.M. House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ ของประธานาธิบดี Woodlow Wilson

    Lamont ได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับโทรเลขของ Thompson ไว้ในชีวประวัติของเขา

    “ขณะ ที่คณะของ House กำลังจะเสร็จสิ้นการเจรจาตามภาระกิจของเขาที่ Paris ในเดือนธันวาคมปี 1917 ผมได้รับโทรเลขที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จากเพื่อนนักเรียนเก่า และเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกัน William Boyce Thompson ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ Petrograd กำลังดูแลเรื่องภาระกิจกาชาดอเมริกันอยู่ที่นั่น”

    Lamont รีบเดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับ Thompson ซึ่งเดินทางมาจาก Petrograd เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยผ่าน Norway และมาถึงลอนดอนในวันที่ 10 ธันวาคม Thompson และ Lamont กำลังต้องทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในลอนดอน คือ กล่อมกลุ่มรัฐมนตรีกิจการสงคราม ของอังกฤษ British War Cabinet ซึ่งขณะนั้น ลงความเห็นกันไปแล้วว่า ไม่เอาพวก Bolsheviks ให้เปลี่ยนใจมาเชื่อว่า พวก Bolsheviksนั้น ได้ควบคุมรัสเซียสำเร็จแล้ว และเป็นพวกที่อังกฤษต้องเลิกต่อต้าน และเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนแก่ Lenin และ Trotsky แทน จะเป็นการดีที่สุด
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 5 “ปั่นหุ้น”

    ตอน 2

    ใน ช่วงปลายปี 1917 ขณะที่ Lamont และ Thompson เดินทางมาถึงลอนดอน เพื่อพบนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ชึ่งดูเหมือนกำลังอ่อนปวกเปียกอยู่ในมือของนักค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล Sir Basil Zaharoff เป็นข่าวลือทั่วไปในยุโรปว่า ที่ Zaharroff กุม Lloyd George อยู่หมัด เพราะ Zaharoff เป็นคนหาสาวมาบำเรอให้ และ บังเอิญสาวที่ Lloyd Geroge ติดกับ ก็คือ เมียของ Zaharoff นั่นเอง อืม…เกมแบบนี้ เล่นกันมาตลอด แล้วก็มีคนติดกับตลอด

    Zaharoff ที่ผู้คนเรียกเขาว่า “the Merchant of Death” เป็นนักค้าอาวุธที่รอบจัด เขาค้าขายกับทุกคนที่อยากซื้ออาวุธ จะเป็นประเทศใด ฝ่ายไหน เขาก็ขายให้ทั้งนั้น และก็ร่ำรวยจากการทำธุรกิจเช่นนี้ และจากการที่ค้าขายแบบนี้ และน่าจะรวมทั้ง การส่งสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธด้วย ทำให้ Zaharoff มีหูตาที่กว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาต่างอยากได้ข ่าววงใน ลับสุดยอดจาก Zaharoff ทั้งสิ้น มีหลายครั้ง ที่ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา Lloyd George นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และ Georges Clemenceau นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ต้องไปล้อมวงประชุมกัน อยู่ที่บ้านของZaharoff ที่กรุงปารีส ถึงขนาดมีข่าวเล่ากันว่า ก่อนจะมีการเคลื่อนพลไปบุกที่ไหน ส่วนใหญ่ Zaharoff ก็จะถูกเชิญมาหารืออยู่เสมอ

    หน่วย ข่าวกรองของอังกฤษ บันทึกไว้ว่า “ภายหลัง มีการพบเอกสารที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเอง เอาความลับไปบอก Sir Basil Zaharoff ซึ่งนายกรัฐมนตรี Lloyd George ก็รู้เรื่องนี้ด้วย”
    นอกจากอ่อนอยู่ในมือของ Zaharoff แล้ว นายกรัฐมนตรี Lloyd George ยังมีคนดันหลังชื่อ Lord Milner อีกด้วย เป็น Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ที่แม้ลึกลับ แต่อำนาจสูงเทียมฟ้า เป็นต้นกำเนิดของ think tank ถังความคิดคู่แฝดที่ทรงอิทธิพล Royal Institute of International Affairs (RIIA) ของอังกฤษ และ Council on Foreign Relations (CFR) ของอเมริกา คงพอจำกันได้

    นายก รัฐมนตรี Lloyd George ได้ทำรายงานต่อ War Cabinet ว่า ได้สนทนากับนาย Thompson มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย และได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรัสเซีย แตกต่างไปจากที่เราได้ยินกัน นาย Thompson เชื่อว่า พวกปฏิวัติ Bolsheviks ทำงานสำเร็จได้ผลดี และคงจะปกครองรัสเซียไปอีกนาน แต่พวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่ได้แสดงความชื่นชม หรือเห็นพ้องกับฝ่ายปฏิวัติเลย และผู้นำการปฏิวัติ Trotsky และ Lenin ไม่ได้ถูกจ้างโดยฝ่ายเยอรมัน และ Lenin ค่อนข้างจะมีลักษณะไปในทางเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพเสียด้วยซ้ำ

    นาย Thompson ยังแนะนำอีกว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะมีการออกความเห็น ให้การสนับสนุนแก่พวกปฏิวัติบ้าง และควรมีการแสดงความเห็นนี้ ที่ Petrograd เองด้วย ขณะเดียวกัน ก็ควรมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่อยู่ที่ Petrograd ที่ไม่เหมาะสมเสียด้วย และฝ่ายสัมพันธมิตรควรจะเข้าใจว่า ขณะนี้รัสเซียไม่ได้มาร่วมอยู่ ในสงครามแล้ว ไม่ว่าจะโดยกองทัพ หรือประชาชน และพวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะเลือกให้ดีว่า เราต้องการรัสเซีย ที่เป็นเพื่อน หรือรัสเซีย ที่เป็นกลาง แบบไม่เป็นมิตร

    หลังจากรับทราบรายงานการสนทนาดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรี Lloyd George พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว War Cabinet คณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ก็เห็นพ้องที่จะเดินตามคำแนะนำของ Thompson และสนับสนุนพวก Bolsheviks

    นาย William Boyce Thompson สมกับเป็นเซียนปั่นหุ้นความเสี่ยงสูงจริงๆ

    Lord Milner ซึ่งสั่งให้ นาย Bruce Lockhart อดีตกงสุลอังกฤษ ที่เคยทำงานอยู่ในรัสเซีย ยืนคอยฟังข่าวอยู่หน้าห้องประชุม เพื่อเตรียมพร้อม ที่จะรายงานและสรุปการประชุมส่งไปให้ พรรคพวกทางรัสเซียดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการ กับพวกโซเวียตต่อไป
    ต้องถือว่าการเสนอขายหุ้น Bolsheviks ของ นายThompson ประสบความสำเร็จอย่างสูง สมกับการเป็นนักปั่นมือเซียน แมงเม่าระดับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และคณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม อ้าปากหวอ ซื้อ “หุ้น Bolsheviks” กันหมดหน้าตัก

    หลัง จาก Thompson เดินทางกลับไปแล้ว คณะรัฐมนตรีกิจการสงครามของอังกฤษ ก็ได้รับรายงานจากอีกสายข่าว ซึ่งก็อ้างว่า น่าเชื่อถือมากกว่า รายงานนั้นได้บรรยายถึงสรรพคุณ Bolsheviks ตรงกันข้ามกับที่นาย Thompson มาออกหนังสือชี้ชวนไว้ แต่ดูเหมือนมันจะมาสายไป ลงทุนกันจนหมดหน้าตักไปแล้ว รายงานดังกล่าวจึงถูกวางไว้บนโต๊ะ ให้ฝุ่นจับไปแค่นั้นเอง

    รายงาน นั้น มาถึงโต๊ะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ในเดือนเมษายน 1918 จาก General Jan Smuts ว่าเขาได้สนทนากับ General Nieffel หัวหน้ากิจการกองทัพฝรั่งเศส ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย ได้ความว่า :

    “Trotsky…. เป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์ แม้จะไม่ใช่พวกชอบเยอรมัน แต่เป็นคนขี้โอ่และหลงตัวเอง และการปฏิวัติของตน เขาไม่น่าไว้วางใจ ไม่ว่าในทางได เขามีอำนาจโดยการมีอิทธิพลครอบงำ เหนือ Lockhart, Robins และตัวแทนของฝรั่งเศส…….”

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    01 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ปั่นหุ้น 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 1 William Boyce Thompson คงเป็นชื่อที่ยังไม่มีใครรู้จักในประวัติศาสตร์ ก่อนศตวรรษที่ 20 แต่ Thompson เป็นผู้ที่รับบทสำคัญยิ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติพวก Bolsheviks แน่นอน ที่สุดถ้า Thompson ไม่ไปอยู่ที่รัสเซียในปี 1917 ประวัติศาสตร์หลังจากนั้นอาจจะเปลี่ยนไปคนละเรื่อง และถ้าไม่มีเรื่องสนับสนุนทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง และการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้กับ Trotsky และ Lenin โดย Thompson และ Robins กับพรรคพวกในนิวยอร์คแล้ว พวก Bolsheviks อาจจะเหี่ยวแห้งเฉาตายไป และรัสเซียจะออกหัวหรือก้อยไม่รู้ได้ แต่การเมืองโลก อาจจะเป็นฉากอื่น ต่างจากที่เราเห็นกันอยู่นี้อย่างสิ้นเชิง ใครคือ William Boyce Thompson Thompson คือ นักปั้นหุ้น หรือ ปั่นหุ้นเหมืองแร่ มือดีอันดับหนึ่งในธุรกิจสาขานี้ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาเป็นคนดูแลหุ้นให้กับมหาเศรษฐีตระกูล Guggenheim เจ้าของเหมืองทองแดง ด้วยความสามารถระดับเซียน ในการระดมทุนในตลาดหุ้นประเภทความเสี่ยงสูง ทำให้ Thompson ร่ำรวยขึ้นมา และได้เป็นกรรมการในหลายบริษัทที่เกี่ยวกับธุรกิจเหมืองแร่ต่างๆ โดยเฉพาะแร่ทองแดง ที่เป็นแร่สำคัญในการนำมาใช้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร Chase National Bank และ เป็น Albert H. Wiggin ประธาน Chase Bank ที่เป็นคนดันให้ Thompson เข้าไปมีส่วนในการจัดตั้งระบบธนาคารกลาง Federal Reserve System ของอเมริกา และในปี 1913 Thompson เป็นกรรมการที่ทำงานเต็มเวลา (full time) คนแรกของ Federal Reserve Bank of New York ธนาคารกลางที่สำคัญที่สุดในระบบFederal Reserve System เขาไม่ใช่กระจอกไม่มีชื่ออีกต่อไป! ปี 1917 William Boyce Thompson เปลี่ยนเป็นอินทรีย์และเริ่มสยายปีกไปทางด้านการเงินและการเมือง เขาแสดงให้เห็นถึงสายตายาวไกล และความคล่องตัวจัดของเขา ด้วยการสนับสนุน Karensky ในการปฎิวัติครั้งแรกของรัสเซีย ในต้นปี 1917 และเปลี่ยนเข็มทิศ หมุนกลับมาสนับสนุน Bolsheviks ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเส้นทางของ Bolsheviks น่าจะดีกว่า หรือว่า มันเป็นการวางแผนไว้เป็น 2 ขั้นตอน ตั้งแต่แรก ก่อนจะออกเดินทางกลับจากรัสเซียในต้นเดือนธันวาคม 1917 Thompson ส่งมอบภาระกิจกาชาดเพื่อรัสเซียให้ผู้ช่วยเขา Raymond Robins ให้เป็นคนดูแลต่อ Thompson ได้เตรียมการตั้งแต่ปลายปี 1917 ที่จะเดินทางออกจากPetrograd เพื่อปั่นหุ้นตัวสำคัญ “Bolsheviks Revolution” ไปเสนอขายกับรัฐบาลแถบยุโรป และอเมริกาเอง ก่อนเดินทาง เขาโทรเลขไปหา Thomas W. Lamont ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Morgan และกำลังอยู่ที่ปารีส กับ Colonel E.M. House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ ของประธานาธิบดี Woodlow Wilson Lamont ได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับโทรเลขของ Thompson ไว้ในชีวประวัติของเขา “ขณะ ที่คณะของ House กำลังจะเสร็จสิ้นการเจรจาตามภาระกิจของเขาที่ Paris ในเดือนธันวาคมปี 1917 ผมได้รับโทรเลขที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จากเพื่อนนักเรียนเก่า และเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกัน William Boyce Thompson ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ Petrograd กำลังดูแลเรื่องภาระกิจกาชาดอเมริกันอยู่ที่นั่น” Lamont รีบเดินทางไปลอนดอน เพื่อพบกับ Thompson ซึ่งเดินทางมาจาก Petrograd เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยผ่าน Norway และมาถึงลอนดอนในวันที่ 10 ธันวาคม Thompson และ Lamont กำลังต้องทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในลอนดอน คือ กล่อมกลุ่มรัฐมนตรีกิจการสงคราม ของอังกฤษ British War Cabinet ซึ่งขณะนั้น ลงความเห็นกันไปแล้วว่า ไม่เอาพวก Bolsheviks ให้เปลี่ยนใจมาเชื่อว่า พวก Bolsheviksนั้น ได้ควบคุมรัสเซียสำเร็จแล้ว และเป็นพวกที่อังกฤษต้องเลิกต่อต้าน และเปลี่ยนมาให้การสนับสนุนแก่ Lenin และ Trotsky แทน จะเป็นการดีที่สุด นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 5 “ปั่นหุ้น” ตอน 2 ใน ช่วงปลายปี 1917 ขณะที่ Lamont และ Thompson เดินทางมาถึงลอนดอน เพื่อพบนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ชึ่งดูเหมือนกำลังอ่อนปวกเปียกอยู่ในมือของนักค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล Sir Basil Zaharoff เป็นข่าวลือทั่วไปในยุโรปว่า ที่ Zaharroff กุม Lloyd George อยู่หมัด เพราะ Zaharoff เป็นคนหาสาวมาบำเรอให้ และ บังเอิญสาวที่ Lloyd Geroge ติดกับ ก็คือ เมียของ Zaharoff นั่นเอง อืม…เกมแบบนี้ เล่นกันมาตลอด แล้วก็มีคนติดกับตลอด Zaharoff ที่ผู้คนเรียกเขาว่า “the Merchant of Death” เป็นนักค้าอาวุธที่รอบจัด เขาค้าขายกับทุกคนที่อยากซื้ออาวุธ จะเป็นประเทศใด ฝ่ายไหน เขาก็ขายให้ทั้งนั้น และก็ร่ำรวยจากการทำธุรกิจเช่นนี้ และจากการที่ค้าขายแบบนี้ และน่าจะรวมทั้ง การส่งสินค้าที่ไม่ใช่อาวุธด้วย ทำให้ Zaharoff มีหูตาที่กว้างขวาง ทำให้ลูกค้าของเขาต่างอยากได้ข ่าววงใน ลับสุดยอดจาก Zaharoff ทั้งสิ้น มีหลายครั้ง ที่ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา Lloyd George นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ และ Georges Clemenceau นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ต้องไปล้อมวงประชุมกัน อยู่ที่บ้านของZaharoff ที่กรุงปารีส ถึงขนาดมีข่าวเล่ากันว่า ก่อนจะมีการเคลื่อนพลไปบุกที่ไหน ส่วนใหญ่ Zaharoff ก็จะถูกเชิญมาหารืออยู่เสมอ หน่วย ข่าวกรองของอังกฤษ บันทึกไว้ว่า “ภายหลัง มีการพบเอกสารที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเอง เอาความลับไปบอก Sir Basil Zaharoff ซึ่งนายกรัฐมนตรี Lloyd George ก็รู้เรื่องนี้ด้วย” นอกจากอ่อนอยู่ในมือของ Zaharoff แล้ว นายกรัฐมนตรี Lloyd George ยังมีคนดันหลังชื่อ Lord Milner อีกด้วย เป็น Lord Milner แห่งสมาคม Round Table ที่แม้ลึกลับ แต่อำนาจสูงเทียมฟ้า เป็นต้นกำเนิดของ think tank ถังความคิดคู่แฝดที่ทรงอิทธิพล Royal Institute of International Affairs (RIIA) ของอังกฤษ และ Council on Foreign Relations (CFR) ของอเมริกา คงพอจำกันได้ นายก รัฐมนตรี Lloyd George ได้ทำรายงานต่อ War Cabinet ว่า ได้สนทนากับนาย Thompson มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย และได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรัสเซีย แตกต่างไปจากที่เราได้ยินกัน นาย Thompson เชื่อว่า พวกปฏิวัติ Bolsheviks ทำงานสำเร็จได้ผลดี และคงจะปกครองรัสเซียไปอีกนาน แต่พวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ไม่ได้แสดงความชื่นชม หรือเห็นพ้องกับฝ่ายปฏิวัติเลย และผู้นำการปฏิวัติ Trotsky และ Lenin ไม่ได้ถูกจ้างโดยฝ่ายเยอรมัน และ Lenin ค่อนข้างจะมีลักษณะไปในทางเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพเสียด้วยซ้ำ นาย Thompson ยังแนะนำอีกว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะมีการออกความเห็น ให้การสนับสนุนแก่พวกปฏิวัติบ้าง และควรมีการแสดงความเห็นนี้ ที่ Petrograd เองด้วย ขณะเดียวกัน ก็ควรมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่อยู่ที่ Petrograd ที่ไม่เหมาะสมเสียด้วย และฝ่ายสัมพันธมิตรควรจะเข้าใจว่า ขณะนี้รัสเซียไม่ได้มาร่วมอยู่ ในสงครามแล้ว ไม่ว่าจะโดยกองทัพ หรือประชาชน และพวกเราฝ่ายสัมพันธมิตร ควรจะเลือกให้ดีว่า เราต้องการรัสเซีย ที่เป็นเพื่อน หรือรัสเซีย ที่เป็นกลาง แบบไม่เป็นมิตร หลังจากรับทราบรายงานการสนทนาดังกล่าว ของนายกรัฐมนตรี Lloyd George พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว War Cabinet คณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ก็เห็นพ้องที่จะเดินตามคำแนะนำของ Thompson และสนับสนุนพวก Bolsheviks นาย William Boyce Thompson สมกับเป็นเซียนปั่นหุ้นความเสี่ยงสูงจริงๆ Lord Milner ซึ่งสั่งให้ นาย Bruce Lockhart อดีตกงสุลอังกฤษ ที่เคยทำงานอยู่ในรัสเซีย ยืนคอยฟังข่าวอยู่หน้าห้องประชุม เพื่อเตรียมพร้อม ที่จะรายงานและสรุปการประชุมส่งไปให้ พรรคพวกทางรัสเซียดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการ กับพวกโซเวียตต่อไป ต้องถือว่าการเสนอขายหุ้น Bolsheviks ของ นายThompson ประสบความสำเร็จอย่างสูง สมกับการเป็นนักปั่นมือเซียน แมงเม่าระดับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และคณะรัฐมนตรีกิจการสงคราม อ้าปากหวอ ซื้อ “หุ้น Bolsheviks” กันหมดหน้าตัก หลัง จาก Thompson เดินทางกลับไปแล้ว คณะรัฐมนตรีกิจการสงครามของอังกฤษ ก็ได้รับรายงานจากอีกสายข่าว ซึ่งก็อ้างว่า น่าเชื่อถือมากกว่า รายงานนั้นได้บรรยายถึงสรรพคุณ Bolsheviks ตรงกันข้ามกับที่นาย Thompson มาออกหนังสือชี้ชวนไว้ แต่ดูเหมือนมันจะมาสายไป ลงทุนกันจนหมดหน้าตักไปแล้ว รายงานดังกล่าวจึงถูกวางไว้บนโต๊ะ ให้ฝุ่นจับไปแค่นั้นเอง รายงาน นั้น มาถึงโต๊ะรัฐมนตรีกิจการสงคราม ในเดือนเมษายน 1918 จาก General Jan Smuts ว่าเขาได้สนทนากับ General Nieffel หัวหน้ากิจการกองทัพฝรั่งเศส ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากรัสเซีย ได้ความว่า : “Trotsky…. เป็นคนเลวอย่างสมบูรณ์ แม้จะไม่ใช่พวกชอบเยอรมัน แต่เป็นคนขี้โอ่และหลงตัวเอง และการปฏิวัติของตน เขาไม่น่าไว้วางใจ ไม่ว่าในทางได เขามีอำนาจโดยการมีอิทธิพลครอบงำ เหนือ Lockhart, Robins และตัวแทนของฝรั่งเศส…….” สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 01 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Chewy ครองแชมป์ร้านค้าออนไลน์ที่ลูกค้าพึงพอใจที่สุดในสหรัฐฯ ปี 2025 แซงหน้า Amazon และ eBay

    จากการจัดอันดับของ American Customer Satisfaction Index (ACSI) ประจำปี 2025 Chewy ได้รับคะแนนสูงสุดด้านความพึงพอใจของลูกค้าในหมวดร้านค้าออนไลน์ ด้วยคะแนน 85 แซงหน้า Amazon (83) และ eBay (81) อย่างน่าประทับใจ

    แม้ Amazon จะครองส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซในแง่ยอดขาย แต่เมื่อพูดถึง “ความพึงพอใจของลูกค้า” กลับเป็น Chewy ที่คว้าอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่สาม

    ACSI ซึ่งเป็นองค์กรวัดความพึงพอใจระดับประเทศในสหรัฐฯ ใช้แบบสอบถามวิเคราะห์ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
    คุณภาพและความน่าเชื่อถือของแอปหรือเว็บไซต์
    ความง่ายในการใช้งานและขั้นตอนชำระเงิน
    ความพร้อมของสินค้าและตัวเลือกการจัดส่ง

    Chewy ได้คะแนนสูงสุดในทุกหมวด โดยเฉพาะด้าน “ประสบการณ์ลูกค้า” เช่น การส่งอีการ์ดวันเกิดให้สัตว์เลี้ยงของลูกค้า หรือการให้บริการแชทสดที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

    ผู้เชี่ยวชาญมองว่า “ความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ” คือสิ่งที่ทำให้ Chewy แตกต่างจากคู่แข่ง แม้จะไม่มีร้านค้าจริง แต่ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าได้

    ผลการจัดอันดับ ACSI ปี 2025
    Chewy ได้คะแนน 85 (เพิ่มขึ้นจาก 84 ในปี 2024)
    Amazon ได้ 83
    eBay ได้ 81

    ปัจจัยที่ทำให้ Chewy ได้คะแนนสูง
    แอปและเว็บไซต์ใช้งานง่าย
    การจัดส่งรวดเร็วและแม่นยำ
    การบริการลูกค้าแบบ “มีหัวใจ” เช่น ส่งอีการ์ดวันเกิดให้สัตว์เลี้ยง
    คำอธิบายสินค้าและภาพประกอบชัดเจน

    บริบทของตลาดอีคอมเมิร์ซ
    ปี 2024 ยอดขายกว่า 81% ยังมาจากร้านค้าจริง แต่ลดลงจาก 92% เมื่อ 10 ปีก่อน
    คาดว่าอีคอมเมิร์ซจะครอง 27% ของยอดขายค้าปลีกทั้งหมดภายในปี 2027
    ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความสะดวก ความหลากหลาย และราคาที่คุ้มค่า

    https://www.slashgear.com/2008353/best-online-retailer-why-chewy-ranked-number-one/
    🏆🐾 Chewy ครองแชมป์ร้านค้าออนไลน์ที่ลูกค้าพึงพอใจที่สุดในสหรัฐฯ ปี 2025 แซงหน้า Amazon และ eBay จากการจัดอันดับของ American Customer Satisfaction Index (ACSI) ประจำปี 2025 Chewy ได้รับคะแนนสูงสุดด้านความพึงพอใจของลูกค้าในหมวดร้านค้าออนไลน์ ด้วยคะแนน 85 แซงหน้า Amazon (83) และ eBay (81) อย่างน่าประทับใจ แม้ Amazon จะครองส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซในแง่ยอดขาย แต่เมื่อพูดถึง “ความพึงพอใจของลูกค้า” กลับเป็น Chewy ที่คว้าอันดับหนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่สาม ACSI ซึ่งเป็นองค์กรวัดความพึงพอใจระดับประเทศในสหรัฐฯ ใช้แบบสอบถามวิเคราะห์ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่: 🎗️ คุณภาพและความน่าเชื่อถือของแอปหรือเว็บไซต์ 🎗️ ความง่ายในการใช้งานและขั้นตอนชำระเงิน 🎗️ ความพร้อมของสินค้าและตัวเลือกการจัดส่ง Chewy ได้คะแนนสูงสุดในทุกหมวด โดยเฉพาะด้าน “ประสบการณ์ลูกค้า” เช่น การส่งอีการ์ดวันเกิดให้สัตว์เลี้ยงของลูกค้า หรือการให้บริการแชทสดที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญมองว่า “ความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ” คือสิ่งที่ทำให้ Chewy แตกต่างจากคู่แข่ง แม้จะไม่มีร้านค้าจริง แต่ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าได้ ✅ ผลการจัดอันดับ ACSI ปี 2025 ➡️ Chewy ได้คะแนน 85 (เพิ่มขึ้นจาก 84 ในปี 2024) ➡️ Amazon ได้ 83 ➡️ eBay ได้ 81 ✅ ปัจจัยที่ทำให้ Chewy ได้คะแนนสูง ➡️ แอปและเว็บไซต์ใช้งานง่าย ➡️ การจัดส่งรวดเร็วและแม่นยำ ➡️ การบริการลูกค้าแบบ “มีหัวใจ” เช่น ส่งอีการ์ดวันเกิดให้สัตว์เลี้ยง ➡️ คำอธิบายสินค้าและภาพประกอบชัดเจน ✅ บริบทของตลาดอีคอมเมิร์ซ ➡️ ปี 2024 ยอดขายกว่า 81% ยังมาจากร้านค้าจริง แต่ลดลงจาก 92% เมื่อ 10 ปีก่อน ➡️ คาดว่าอีคอมเมิร์ซจะครอง 27% ของยอดขายค้าปลีกทั้งหมดภายในปี 2027 ➡️ ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความสะดวก ความหลากหลาย และราคาที่คุ้มค่า https://www.slashgear.com/2008353/best-online-retailer-why-chewy-ranked-number-one/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Is Considered The Best Online Retailer In Terms Of Customer Satisfaction - SlashGear
    Chewy takes the crown as the most satisfying online retailer, scoring higher than Amazon and eBay in the latest American Customer Satisfaction Index.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • Imagination Technologies เปิดตัว E-Series GPU สำหรับ AI ที่อาจเหนือกว่า NVIDIA ด้านความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพพลังงาน

    อดีตผู้ผลิต GPU ให้ Apple อย่าง Imagination Technologies เผยโฉม E-Series GPU ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI และกราฟิก พร้อมชูจุดเด่นด้านการประมวลผลแบบ tile-based, การใช้พลังงานต่ำ และความสามารถในการปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่เหนือกว่า NVIDIA ในบางแง่มุม

    Kristof Beets รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Imagination Technologies เปิดเผยว่า E-Series GPU รุ่นใหม่สามารถประมวลผลได้สูงถึง 200 TOPS สำหรับงาน INT8 และ FP8 ซึ่งเหมาะกับทั้ง edge AI และงาน training/inference ขนาดใหญ่

    สิ่งที่ทำให้ E-Series โดดเด่นคือ:
    Tile-based compute: คล้ายกับ tile-based rendering ในกราฟิก ทำให้ประหยัดพลังงานและลดการใช้หน่วยความจำ
    Burst Processor: สถาปัตยกรรมใหม่ที่ลด pipeline จาก 10 ขั้นตอนเหลือ 2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคำนวณแบบต่อเนื่อง
    Matrix Multiply Acceleration: รองรับการคำนวณแบบ tensor โดยตรงใน GPU
    Subgroup exchange: ALU สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ในระดับฮาร์ดแวร์
    รองรับ Vulkan, OpenCL และ API มาตรฐาน เพื่อให้ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ AI ได้ง่าย

    Imagination ยังเน้นว่า GPU ของตนสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า เพราะเป็นบริษัท IP licensing ไม่ใช่ผู้ผลิตชิปโดยตรง ต่างจาก NVIDIA ที่ขายชิปแบบสำเร็จรูปเท่านั้น

    จุดเด่นของ E-Series GPU
    ประมวลผลได้สูงสุด 200 TOPS สำหรับ INT8/FP8
    ใช้ tile-based compute เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดพลังงาน
    Burst Processor ลด pipeline เหลือ 2 ขั้นตอน
    รองรับ matrix multiply และ subgroup exchange ในระดับฮาร์ดแวร์
    รองรับ API มาตรฐาน เช่น Vulkan และ OpenCL

    ความยืดหยุ่นด้านการออกแบบ
    ลูกค้าสามารถปรับแต่งขนาดและฟีเจอร์ของ GPU ได้
    เหมาะกับตลาด edge AI, ยานยนต์, และเซิร์ฟเวอร์
    ไม่จำกัดให้ใช้เฉพาะฮาร์ดแวร์ของ Imagination

    เปรียบเทียบกับ NVIDIA
    NVIDIA มี tensor core ที่แรง แต่ปรับแต่งไม่ได้
    Imagination เน้นความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพพลังงาน
    GPU ของ Imagination อาจเหมาะกับงานเฉพาะทางมากกว่า

    https://wccftech.com/apples-former-gpu-supplier-imagination-tech-shares-ai-gpu-advantages-over-nvidia/
    🚀🧠 Imagination Technologies เปิดตัว E-Series GPU สำหรับ AI ที่อาจเหนือกว่า NVIDIA ด้านความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพพลังงาน อดีตผู้ผลิต GPU ให้ Apple อย่าง Imagination Technologies เผยโฉม E-Series GPU ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI และกราฟิก พร้อมชูจุดเด่นด้านการประมวลผลแบบ tile-based, การใช้พลังงานต่ำ และความสามารถในการปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่เหนือกว่า NVIDIA ในบางแง่มุม Kristof Beets รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Imagination Technologies เปิดเผยว่า E-Series GPU รุ่นใหม่สามารถประมวลผลได้สูงถึง 200 TOPS สำหรับงาน INT8 และ FP8 ซึ่งเหมาะกับทั้ง edge AI และงาน training/inference ขนาดใหญ่ สิ่งที่ทำให้ E-Series โดดเด่นคือ: 🎗️ Tile-based compute: คล้ายกับ tile-based rendering ในกราฟิก ทำให้ประหยัดพลังงานและลดการใช้หน่วยความจำ 🎗️ Burst Processor: สถาปัตยกรรมใหม่ที่ลด pipeline จาก 10 ขั้นตอนเหลือ 2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคำนวณแบบต่อเนื่อง 🎗️ Matrix Multiply Acceleration: รองรับการคำนวณแบบ tensor โดยตรงใน GPU 🎗️ Subgroup exchange: ALU สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ในระดับฮาร์ดแวร์ 🎗️ รองรับ Vulkan, OpenCL และ API มาตรฐาน เพื่อให้ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ AI ได้ง่าย Imagination ยังเน้นว่า GPU ของตนสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า เพราะเป็นบริษัท IP licensing ไม่ใช่ผู้ผลิตชิปโดยตรง ต่างจาก NVIDIA ที่ขายชิปแบบสำเร็จรูปเท่านั้น ✅ จุดเด่นของ E-Series GPU ➡️ ประมวลผลได้สูงสุด 200 TOPS สำหรับ INT8/FP8 ➡️ ใช้ tile-based compute เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดพลังงาน ➡️ Burst Processor ลด pipeline เหลือ 2 ขั้นตอน ➡️ รองรับ matrix multiply และ subgroup exchange ในระดับฮาร์ดแวร์ ➡️ รองรับ API มาตรฐาน เช่น Vulkan และ OpenCL ✅ ความยืดหยุ่นด้านการออกแบบ ➡️ ลูกค้าสามารถปรับแต่งขนาดและฟีเจอร์ของ GPU ได้ ➡️ เหมาะกับตลาด edge AI, ยานยนต์, และเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ไม่จำกัดให้ใช้เฉพาะฮาร์ดแวร์ของ Imagination ✅ เปรียบเทียบกับ NVIDIA ➡️ NVIDIA มี tensor core ที่แรง แต่ปรับแต่งไม่ได้ ➡️ Imagination เน้นความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพพลังงาน ➡️ GPU ของ Imagination อาจเหมาะกับงานเฉพาะทางมากกว่า https://wccftech.com/apples-former-gpu-supplier-imagination-tech-shares-ai-gpu-advantages-over-nvidia/
    WCCFTECH.COM
    Apple's Former GPU Supplier Imagination Tech Shares AI GPU Advantages Over NVIDIA
    As AI GPUs continue to dominate the technology conversation, we decided to sit down with Kristof Beets, Vice President of Product Management at Imagination Technologies. Imagination Technologies is one of the oldest GPU intellectual property firms in the world and has been known for previously supplying Apple GPUs for the iPhone and iPad. With GPUs being quite close to AI processing needs as well, our discussion with Kristof surrounded how Imagination Technologies' products are suitable for AI computing. He also compared them with NVIDIA's GPUs, and the conversation started off with Kristof giving us a presentation of Imagination's latest E-Series […]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 1

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรของธุรกิจการเงิน การอุตสาหกรรมและการค้าของอเม ริกา ถูกครอบงำโดยยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่มคือ Standard Oil- Rockefeller Enterprise กลุ่มหนึ่ง และ Morgan อีกกลุ่มหนึ่ง ยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่ม น่าจะตีกัน แต่แปลก นอกจากไม่ตีกันแล้ว ยังจับมือร่วมกัน เพื่อครอบงำอาณาจักรธุรกิจของอเมริกาอีกด้วย โดยใช้วิธีการถือหุ้น และเป็นกรรมการบริษัท ไขว้กันไปมา มันเป็นการครอบงำ ที่แนบเนียน ยากที่คนภายนอกจะดูออก

    กลุ่ม Rockefeller เน้น การผูกขาดด้านอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันStandard Oil ที่ใหญ่คับอเมริกา และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน รวมทั้ง ลงทุนในการสร้างทางรถไฟ พร้อมถือหุ้นส่วนใหญ่ใน กองทุนทองแดง กองทุนถลุงแร่ กองทุนยาสูบ แค่นั้นคงใหญ่ไม่พอ กลุ่มนี้จึงไปถือหุ้นส่วนใหญ่ใน National City Bank ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุด และรวมไปถึง บริษัทเงินทุนใหญ่ของอเมริกาคือ United State Trust Company และ Hanover Nation Bank และบริษัทประกันชีวิตระดับใหญ่ต่างๆ อีกด้วย

    ส่วนกลุ่ม Morgan เน้นการผูกขาดด้านอุตสาหกรรมเหล็ก การขนส่งทางเรือ การสร้างทางรถไฟ อุตสาหกรรมด้านเครื่องไฟฟ้า รวมถึง General Electric ยางพารา และสถาบันการเงิน เช่น National Bank of Commerce, the Chase National Bank, New York Life Insurance และ Guaranty Trust Company ที่มีบทบาทสำคัญ
    J.P. Morgan และ Guaranty Trust ถูกพาดพิง ว่าพัวพันเกือบตลอดระยะเวลา และเกือบทุกเรื่องราว เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียนี้ มารู้จักประวัติของกลุ่มนี้กันหน่อย

    ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 กลุ่ม Guaranty Trust ยังเป็นของพวกตระกูล Harriman แต่เมื่อพี่ใหญ่ Edward Henry Harriman ตายในปี ค.ศ.1909 Morgan และพวก จึงเข้าไปกวาดซื้อหุ้นทั้งหมดของ Harriman และกลายเป็นเจ้าของ Guaranty Trust รวมทั้งบริษัทประกันในเครือแทน ต่อมาในปีเดียวกัน Morgan ก็ไล่ซื้อหุ้นของบริษัทอื่นๆ เพิ่มอีก และเอาเข้ามาอยู่ในชื่อของ Guaranty Trust หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 Guaranty Trust และ Bankers Trust จึงเป็นบริษัททรัสต์ ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง และอันดับสองของอเมริกา และทั้ง 2 กลุ่มบริษัท เป็นของกลุ่มทุน Morgan

    เห็นใยแมงมุมคร่าวๆ ของธุรกิจ ของยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ในช่วงแรกแล้วนะครับ

    ยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ต่างเข้าไปมีส่วน เกี่ยวพัน กับการสนับสนุนเงินทุนให้กับพวกปฏิวัติ Bolsheviks ตั้งแต่ก่อน ค.ศ.1917 แล้ว ไม่มากก็น้อย

    มีบันทึกแสดงว่า ค.ศ.1913 สำนักงานกฏหมาย Sullivan & Cromwell มีส่วนสนับสนุนการปฏิวัติของปานามา เรื่องนี้อยู่ในบันทึกการไต่สวนของรัฐสภาในปี 1913 ซึ่งชี้แจงโดยสมาชิกสภา Rainey

    “….การปฏิวัติที่เกี่ยวกับช่องแคบปานามา ถ้าไม่ใช่เพราะรัฐบาล(อเมริกา) นี้เข้าไปมีส่วนแล้ว การปฏิวัติก็คงทำไม่สำเร็จแน่ มันเป็นการกระทำของรัฐบาลนี้ ที่ผิดตามสนธิสัญญา ค.ศ.1846 มันเป็นการปฏิวัติ ที่ทำโดยนักปฏิวัติชาวปานามา 10 ถึง 12 คน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท Panama Railroad & Steamship ซึ่งทำงานอยู่ในนิวยอร์ค และอยู่ในความดูแลของนาย William Nelson Cromwell และพวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศในวอชิงตัน บุคคลเหล่านี้ รู้เรื่องการปฏิวัติที่กำลังจะ เกิดขึ้น อย่างดี วัตถุประสงค์ของการปฏิวัติ ก็เพื่อเข้าไปยึดโคลัมเบีย เพื่อจะครอบครอง คลองปานามา ด้วยการใช้เงิน 40 ล้านเหรียญ ”

    “ผมจะเสนอข้อพิสูจน์ เป็นเอกสาร ที่ประกาศอิสรภาพ ซึ่งประกาศในปานามา วันที่ 3 พฤศจิกายน 1903 เป็นเอกสารซึ่งจัดเตรียมขึ้นในนครนิวยอร์ค โดย สำนักงานของ Nelson Cromwell….”
    เอกสารตัวอย่างอีกรายการ ที่แสดงให้เห็น ถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ของพวก Wall Street ที่ ดำเนินการในนิวยอร์คคือ การปฏิวัติในจีน ปี ค.ศ.1912 ซึ่งนำโดยนายซุนยัดเซ็น (Sun Yat-sen) แม้ว่าสุดท้ายแล้ว การเข้าไปยุ่งกับการปฏิวัติของกลุ่มนักการเงินนี้ จะได้รับผลตอบแทนอย่างไร จะยังไม่เห็นชัด แต่เจตนาและบทบาทของนักการเงินนิวยอร์คเหล่านั้น ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ถึงจำนวนเงิน ข้อมูลของสมาคมลับทางฝั่งจีนที่ให้ร่วมมือ รวมทั้งมีรายการส่งอาวุธ ที่ต้องการให้ซื้อและส่งให้ทางเรือด้วย

    กลุ่มนักการเงินนิวยอร์ค ที่ร่วมกันปฏิวัติกับซุนยัดเซ็น มีชื่อนาย Charles B. Hill ทนายจากสำนักงาน Hunt, Hill & Betts ซึ่งในปี ค.ศ.1912 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 165 ถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค แต่ในปี 1917 ย้ายไปอยู่ที่ 120 บรอดเวย์

    นาย Charles B. Hill นี้ เป็นกรรมการของหลายบริษัทในเครือ Westinghouse, Bryant Electric, Perkins Electric Switch และ Westinghouse Lamp ทั้งหมดเป็นบริษัทในเครือของ Westinghouse Electric ที่มีสำนักงานในนิวยอร์คอยู่ที่ เลขที่ 120 Broadway และนาย Charles R. Crane ผู้ที่จัดตั้งบริษัทในเครือ Westinghouse ในรัสเซีย ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เขามีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับการทำปฏิวัติของพวก Bolsheviks และเขาก็เดินทางไปรัสเซีย พร้อมกับกลุ่มของ Trotsky ในช่วงเดือนมีนาคม 1917

    การดำเนินงานของ Hill Syndicate ที่เมืองจีนในปี 1910 ถูกบันทึกไว้ในหลักฐาน เรียกว่า Laurence Boothe Papers ที่เก็บอยู่ใน Hoover Institute เอกสาร ชุดนี้มี 110 รายการ รวมทั้งจดหมาย ของซุนยัดเซ็น ที่ติดต่อกับชาวอเมริกันที่หนุนหลังเขา และเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกอเมริกันสนับสนุนทางการเงิน ซุนยัดเซ็น สัญญากับ Hill Syndicate ที่จะจัดการให้สัมปทานรถไฟ ธนาคาร และสัมปทานการค้าอีกหลายรายการ หลังจากการปฏิวัติที่จีนทำสำเร็จ
    อีกกรณีที่แสดงว่า เป็นการปฏิวัติ ที่มีการสนับสนุนโดยกลุ่มธุรกิจการ เงินในนิวยอร์ค คือ การปฏิวัติที่ Mexico ใน ปี 1915-1916 สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งอาศัยอยู่ในอเมริกา ถูกกล่าวหาและถูกดำเนินคดีในนิวยอร์คเมื่อเดือนพฤษภาคม 1917 ว่าได้มีการพยายามโยงเอารัฐบาลอเมริกัน ไปเกี่ยวพันกับเม็กซิโก และญี่ปุ่น โดยพยายามขนย้ายอาวุธยุทธภันฑ์ ที่จัดส่งไปให้สัมพันธมิตรในยุโรป โดยมีการจ่ายเงิน ให้ส่งอาวุธนั้นไปให้นักปฏิวัติชาวเม็กซิกันคือ Pancho Villa แทน โดยการจ่ายเงินผ่าน Guaranty Trust เป็นจำนวนเงิน 380,000 เหรียญ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางปี 1915

    การเกี่ยวพันของกลุ่มวอลสตรีท กับการปฏิวัติของเม็กซิกันนี้ ได้ปรากฏอยู่ในจดหมายของนาย Linclon Steffens คอมมิวนิสต์อเมริกัน ที่มีไปถึง Colonel House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ของประธานาธิบดี Wilson และได้มีการรายงานอยู่ใน นสพ. New York Times เรื่อง “Texas Revolution (การซ้อมใหญ่ก่อนการแสดงจริง ของการปฏิวัติพวก Bolsheviks)” ว่าเป็นการร่วมมือกัน ระหว่างพวกเยอรมันกับพวก Bolsheviks

    และจากการให้การของ John A Walls อัยการเขตประจำเมือง Brownsville Texas ต่อคณะกรรมาธิการ 1919 Fall Committee ซึ่งส่งมอบเอกสาร ที่มีหลักฐานแสดงว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างผลประโยชน์ในอเมริกา, พวก Bolsheviks, กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเยอรมัน และกองกำลังของ Carranza ในเม็กซิโก

    รัฐบาล Carranza นี้ ได้ชื่อว่า เป็นรัฐบาลแรกในโลก ที่มีการปกครองที่ใช้รัฐธรรมนูญแบบเดียวกับของโซเวียต (ซึ่งร่างตามแบบของ Trotsky) และได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มวอลสตรีทให้เป็นรัฐบาล

    การปฏิวัติ Carranza ไม่ มีทางสำเร็จได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุน ด้านอาวุธยุทธภัณฑ์จากอเมริกา และไม่สามารถจะอยู่ในอำนาจได้นาน ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากอเมริกา

    การปฏิวัติรัสเซียของกลุ่ม Bolsheviks ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มี นายธนาคารชาวสวีเดน Olof Aschberg เป็นตัวกลางประสาน กลุ่มวอลสตรีท กับอีกหลายๆฝ่าย ก็คงไม่สำเร็จเหมือนกัน

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 3 “หัวโจก”

    ตอน 2

    ยุโรปเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในเดือนสิงหาคม 1914 ส่วนอเมริกายังไม่เข้าร่วมทำสงครามโลก และประกาศตัวเป็นกลาง ภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ ประเทศที่ประกาศตัวเป็นกลาง ไม่สามารถให้เงินกู้ กับประเทศที่กำลังทำสงครามได้ มันเป็นเรื่องของการขัดต่อกฏหมาย และขัดศีลธรรม แต่ดูเหมือนกลุ่มวอลสตรีท และอเมริกา จะไม่เห็นว่า 2 เรื่องนี้ เป็นปัญหาแต่อย่างใด

    และน้อยคนที่จะรู้ว่า เมื่ออังกฤษจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น อังกฤษเองก็กำลังถังแตก เงินคงคลังหมดเกลี้ยง รัฐบาลอังกฤษปิดปากแน่นสนิท ไม่ให้ประชาชนและสื่อรู้เรื่อง แต่อังกฤษก็ยังเดินหน้าตามแผนเข้าสู่สงครามโลก เนื่องจากมีเป้าหมายชัดเจนที่จะขจัดเยอรมัน ให้ออกไปจากเส้นทางตามแผนสู่การ เป็นมหาอำนาจใหญ่ หมายเลขหนึ่งของโลก ที่อังกฤษวางไว้ แค่เป็นจักรภพอังกฤษ มันใหญ๋ไม่พอ สำหรับชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ของเท้าซ้าย

    อังกฤษทำได้อย่างไร ทำสงครามทั้งๆที่ไม่มีเงิน อังกฤษทำได้เพราะมี กลุ่ม Morgan จัดการให้ Morgan ได้รับมอบหมายจากอังกฤษ ให้ทำหน้าที่ เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวของอังกฤษเพื่อระดมทุน โดยการออกพันธบัตรสงคราม ( War Bond) ในปี 1915 แถม และระดมทุนเผื่อฝรั่งเศสอีกด้วย อังกฤษ รวมทั้งฝรั่งเศส เข้าสู่สงครามโลกด้วยการกู้ยืมเงินจากอเมริกา ที่บอกว่าเป็นกลางและไม่ร่วมทำสงครามด้วย !

    J.P. Morgan ตะแบงว่าไม่ใช่เป็นเงินให้กู้เพื่อทำสงคราม แต่เป็นเพียงวิธีการจัดการ เพื่อให้เอาเงินไปใช้ ในด้านการค้าขายระหว่างประเทศเท่านั้น มีปัญหาไหม

    จะมีปัญหาได้อย่างไร เพราะผู้ที่ออกมาอธิบาย สนันสนุนการออกพันธบัตร War Bond ของ Morgan คือ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา

    ประธานาธิบดี Wilson ทำหน้าที่ เหมือนเป็นผู้รับประกันการขายพันธบัตร ( underwriter) เขาบอกว่า มันเป็นพันธบัตรที่ออกขายในอเมริกา เพื่อนำเงินที่ได้จากการขาย ไปให้รัฐบาลต่างชาติ ใช้เป็นเงินคงคลัง หรือเงินเก็บน่ะ เขาไม่ได้เอาไปใช้ในการสงคราม ในทางปฏิบัติ อังกฤษและฝรั่งเศส นำเงินที่ได้รับ ลงบัญชีเป็นเงินฝากในประเทศของตัว และใช้เป็นหลักประกันในการสั่งซื้อสินค้า และยุทธภัณฑ์ต่างๆ จากอเมริกา เพื่อใช้ในการทำสงคราม มันผิดกฏหมายเกี่ยวกับความเป็นกลางตรงไหน
    นี่มันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว นักการเงินของเขา ยังคิดตะแบงได้ขนาดนี้ แล้วเดี๋ยวนี้เขาจะพลิกแพลงขนาดไหน แต่สมันน้อยอย่าเพิ่งขวัญอ่อนตกใจ มันก็ใช้สูตรเดิมๆ นั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อเรียก เติมลูกเล่น สลับขั้นตอนเข้าไปอีกหน่อย แค่นั้นเราก็มึน คิดตามมันกันไม่ทันไปค่อนโลก แต่ถ้าเราไม่ว่าง่ายเชื่อมันไปหมด ในสิ่งที่มันสร้างมาหลอกเรา เราก็รู้ทันมันได้ ฝรั่งมันไม่ได้ฉลาดเก่งกว่าเรานักหรอกครับ

    แค่ออกพันธบัตร War Bond ให้อังกฤษกับฝรั่งเศส สงครามโลกคงไม่ได้เกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้ ดังนั้น กลุ่มนักการเงินของอเมริกา จึงต้องสนับสนุนเงินกู้ให้รัสเซียด้วย ตั้งแต่สมัยซาร์นิโคลัส เพื่อให้มีเงินมาร่วมทำสงครามสู้กับฝ่ายเยอรมัน ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตร หรืออังกฤษต้องการ

    เจ้ามือให้เงินกู้ลูกค้ารอบวงแบบนี้ เจ้ามือคงปิดทางเจ๊งไว้เรียบร้อยแล้ว

    มีหลักฐานเป็นเอกสารของกระทรวง ต่างประเทศ ที่แสดงว่า National City Bank ซึ่งมีกลุ่ม Stillman และ Rockefeller เป็นเจ้าของ และ Guaranty Trust ซึ่งเป็นของกลุ่ม Morgan ได้ร่วมกันให้เงินกู้ก้อนใหญ่แก่รัสเซีย ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงคราม และเป็นการให้กู้หลังจากที่กระทรวงต่างประเทศ ได้แจ้งกับกลุ่มผู้ให้กู้ว่า เป็นการผิดกฏหมายระหว่างประเทศ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หัวโจก 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 1 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรของธุรกิจการเงิน การอุตสาหกรรมและการค้าของอเม ริกา ถูกครอบงำโดยยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่มคือ Standard Oil- Rockefeller Enterprise กลุ่มหนึ่ง และ Morgan อีกกลุ่มหนึ่ง ยักษ์ใหญ่ 2 กลุ่ม น่าจะตีกัน แต่แปลก นอกจากไม่ตีกันแล้ว ยังจับมือร่วมกัน เพื่อครอบงำอาณาจักรธุรกิจของอเมริกาอีกด้วย โดยใช้วิธีการถือหุ้น และเป็นกรรมการบริษัท ไขว้กันไปมา มันเป็นการครอบงำ ที่แนบเนียน ยากที่คนภายนอกจะดูออก กลุ่ม Rockefeller เน้น การผูกขาดด้านอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันStandard Oil ที่ใหญ่คับอเมริกา และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน รวมทั้ง ลงทุนในการสร้างทางรถไฟ พร้อมถือหุ้นส่วนใหญ่ใน กองทุนทองแดง กองทุนถลุงแร่ กองทุนยาสูบ แค่นั้นคงใหญ่ไม่พอ กลุ่มนี้จึงไปถือหุ้นส่วนใหญ่ใน National City Bank ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุด และรวมไปถึง บริษัทเงินทุนใหญ่ของอเมริกาคือ United State Trust Company และ Hanover Nation Bank และบริษัทประกันชีวิตระดับใหญ่ต่างๆ อีกด้วย ส่วนกลุ่ม Morgan เน้นการผูกขาดด้านอุตสาหกรรมเหล็ก การขนส่งทางเรือ การสร้างทางรถไฟ อุตสาหกรรมด้านเครื่องไฟฟ้า รวมถึง General Electric ยางพารา และสถาบันการเงิน เช่น National Bank of Commerce, the Chase National Bank, New York Life Insurance และ Guaranty Trust Company ที่มีบทบาทสำคัญ J.P. Morgan และ Guaranty Trust ถูกพาดพิง ว่าพัวพันเกือบตลอดระยะเวลา และเกือบทุกเรื่องราว เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียนี้ มารู้จักประวัติของกลุ่มนี้กันหน่อย ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 กลุ่ม Guaranty Trust ยังเป็นของพวกตระกูล Harriman แต่เมื่อพี่ใหญ่ Edward Henry Harriman ตายในปี ค.ศ.1909 Morgan และพวก จึงเข้าไปกวาดซื้อหุ้นทั้งหมดของ Harriman และกลายเป็นเจ้าของ Guaranty Trust รวมทั้งบริษัทประกันในเครือแทน ต่อมาในปีเดียวกัน Morgan ก็ไล่ซื้อหุ้นของบริษัทอื่นๆ เพิ่มอีก และเอาเข้ามาอยู่ในชื่อของ Guaranty Trust หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 Guaranty Trust และ Bankers Trust จึงเป็นบริษัททรัสต์ ที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง และอันดับสองของอเมริกา และทั้ง 2 กลุ่มบริษัท เป็นของกลุ่มทุน Morgan เห็นใยแมงมุมคร่าวๆ ของธุรกิจ ของยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ในช่วงแรกแล้วนะครับ ยักษ์ ทั้ง 2 กลุ่ม ต่างเข้าไปมีส่วน เกี่ยวพัน กับการสนับสนุนเงินทุนให้กับพวกปฏิวัติ Bolsheviks ตั้งแต่ก่อน ค.ศ.1917 แล้ว ไม่มากก็น้อย มีบันทึกแสดงว่า ค.ศ.1913 สำนักงานกฏหมาย Sullivan & Cromwell มีส่วนสนับสนุนการปฏิวัติของปานามา เรื่องนี้อยู่ในบันทึกการไต่สวนของรัฐสภาในปี 1913 ซึ่งชี้แจงโดยสมาชิกสภา Rainey “….การปฏิวัติที่เกี่ยวกับช่องแคบปานามา ถ้าไม่ใช่เพราะรัฐบาล(อเมริกา) นี้เข้าไปมีส่วนแล้ว การปฏิวัติก็คงทำไม่สำเร็จแน่ มันเป็นการกระทำของรัฐบาลนี้ ที่ผิดตามสนธิสัญญา ค.ศ.1846 มันเป็นการปฏิวัติ ที่ทำโดยนักปฏิวัติชาวปานามา 10 ถึง 12 คน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท Panama Railroad & Steamship ซึ่งทำงานอยู่ในนิวยอร์ค และอยู่ในความดูแลของนาย William Nelson Cromwell และพวกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศในวอชิงตัน บุคคลเหล่านี้ รู้เรื่องการปฏิวัติที่กำลังจะ เกิดขึ้น อย่างดี วัตถุประสงค์ของการปฏิวัติ ก็เพื่อเข้าไปยึดโคลัมเบีย เพื่อจะครอบครอง คลองปานามา ด้วยการใช้เงิน 40 ล้านเหรียญ ” “ผมจะเสนอข้อพิสูจน์ เป็นเอกสาร ที่ประกาศอิสรภาพ ซึ่งประกาศในปานามา วันที่ 3 พฤศจิกายน 1903 เป็นเอกสารซึ่งจัดเตรียมขึ้นในนครนิวยอร์ค โดย สำนักงานของ Nelson Cromwell….” เอกสารตัวอย่างอีกรายการ ที่แสดงให้เห็น ถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ของพวก Wall Street ที่ ดำเนินการในนิวยอร์คคือ การปฏิวัติในจีน ปี ค.ศ.1912 ซึ่งนำโดยนายซุนยัดเซ็น (Sun Yat-sen) แม้ว่าสุดท้ายแล้ว การเข้าไปยุ่งกับการปฏิวัติของกลุ่มนักการเงินนี้ จะได้รับผลตอบแทนอย่างไร จะยังไม่เห็นชัด แต่เจตนาและบทบาทของนักการเงินนิวยอร์คเหล่านั้น ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ถึงจำนวนเงิน ข้อมูลของสมาคมลับทางฝั่งจีนที่ให้ร่วมมือ รวมทั้งมีรายการส่งอาวุธ ที่ต้องการให้ซื้อและส่งให้ทางเรือด้วย กลุ่มนักการเงินนิวยอร์ค ที่ร่วมกันปฏิวัติกับซุนยัดเซ็น มีชื่อนาย Charles B. Hill ทนายจากสำนักงาน Hunt, Hill & Betts ซึ่งในปี ค.ศ.1912 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 165 ถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค แต่ในปี 1917 ย้ายไปอยู่ที่ 120 บรอดเวย์ นาย Charles B. Hill นี้ เป็นกรรมการของหลายบริษัทในเครือ Westinghouse, Bryant Electric, Perkins Electric Switch และ Westinghouse Lamp ทั้งหมดเป็นบริษัทในเครือของ Westinghouse Electric ที่มีสำนักงานในนิวยอร์คอยู่ที่ เลขที่ 120 Broadway และนาย Charles R. Crane ผู้ที่จัดตั้งบริษัทในเครือ Westinghouse ในรัสเซีย ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เขามีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับการทำปฏิวัติของพวก Bolsheviks และเขาก็เดินทางไปรัสเซีย พร้อมกับกลุ่มของ Trotsky ในช่วงเดือนมีนาคม 1917 การดำเนินงานของ Hill Syndicate ที่เมืองจีนในปี 1910 ถูกบันทึกไว้ในหลักฐาน เรียกว่า Laurence Boothe Papers ที่เก็บอยู่ใน Hoover Institute เอกสาร ชุดนี้มี 110 รายการ รวมทั้งจดหมาย ของซุนยัดเซ็น ที่ติดต่อกับชาวอเมริกันที่หนุนหลังเขา และเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกอเมริกันสนับสนุนทางการเงิน ซุนยัดเซ็น สัญญากับ Hill Syndicate ที่จะจัดการให้สัมปทานรถไฟ ธนาคาร และสัมปทานการค้าอีกหลายรายการ หลังจากการปฏิวัติที่จีนทำสำเร็จ อีกกรณีที่แสดงว่า เป็นการปฏิวัติ ที่มีการสนับสนุนโดยกลุ่มธุรกิจการ เงินในนิวยอร์ค คือ การปฏิวัติที่ Mexico ใน ปี 1915-1916 สายลับชาวเยอรมัน ซึ่งอาศัยอยู่ในอเมริกา ถูกกล่าวหาและถูกดำเนินคดีในนิวยอร์คเมื่อเดือนพฤษภาคม 1917 ว่าได้มีการพยายามโยงเอารัฐบาลอเมริกัน ไปเกี่ยวพันกับเม็กซิโก และญี่ปุ่น โดยพยายามขนย้ายอาวุธยุทธภันฑ์ ที่จัดส่งไปให้สัมพันธมิตรในยุโรป โดยมีการจ่ายเงิน ให้ส่งอาวุธนั้นไปให้นักปฏิวัติชาวเม็กซิกันคือ Pancho Villa แทน โดยการจ่ายเงินผ่าน Guaranty Trust เป็นจำนวนเงิน 380,000 เหรียญ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางปี 1915 การเกี่ยวพันของกลุ่มวอลสตรีท กับการปฏิวัติของเม็กซิกันนี้ ได้ปรากฏอยู่ในจดหมายของนาย Linclon Steffens คอมมิวนิสต์อเมริกัน ที่มีไปถึง Colonel House ที่ปรึกษาสุดใหญ่ของประธานาธิบดี Wilson และได้มีการรายงานอยู่ใน นสพ. New York Times เรื่อง “Texas Revolution (การซ้อมใหญ่ก่อนการแสดงจริง ของการปฏิวัติพวก Bolsheviks)” ว่าเป็นการร่วมมือกัน ระหว่างพวกเยอรมันกับพวก Bolsheviks และจากการให้การของ John A Walls อัยการเขตประจำเมือง Brownsville Texas ต่อคณะกรรมาธิการ 1919 Fall Committee ซึ่งส่งมอบเอกสาร ที่มีหลักฐานแสดงว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างผลประโยชน์ในอเมริกา, พวก Bolsheviks, กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวเยอรมัน และกองกำลังของ Carranza ในเม็กซิโก รัฐบาล Carranza นี้ ได้ชื่อว่า เป็นรัฐบาลแรกในโลก ที่มีการปกครองที่ใช้รัฐธรรมนูญแบบเดียวกับของโซเวียต (ซึ่งร่างตามแบบของ Trotsky) และได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มวอลสตรีทให้เป็นรัฐบาล การปฏิวัติ Carranza ไม่ มีทางสำเร็จได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุน ด้านอาวุธยุทธภัณฑ์จากอเมริกา และไม่สามารถจะอยู่ในอำนาจได้นาน ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากอเมริกา การปฏิวัติรัสเซียของกลุ่ม Bolsheviks ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มี นายธนาคารชาวสวีเดน Olof Aschberg เป็นตัวกลางประสาน กลุ่มวอลสตรีท กับอีกหลายๆฝ่าย ก็คงไม่สำเร็จเหมือนกัน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 3 “หัวโจก” ตอน 2 ยุโรปเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในเดือนสิงหาคม 1914 ส่วนอเมริกายังไม่เข้าร่วมทำสงครามโลก และประกาศตัวเป็นกลาง ภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ ประเทศที่ประกาศตัวเป็นกลาง ไม่สามารถให้เงินกู้ กับประเทศที่กำลังทำสงครามได้ มันเป็นเรื่องของการขัดต่อกฏหมาย และขัดศีลธรรม แต่ดูเหมือนกลุ่มวอลสตรีท และอเมริกา จะไม่เห็นว่า 2 เรื่องนี้ เป็นปัญหาแต่อย่างใด และน้อยคนที่จะรู้ว่า เมื่ออังกฤษจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น อังกฤษเองก็กำลังถังแตก เงินคงคลังหมดเกลี้ยง รัฐบาลอังกฤษปิดปากแน่นสนิท ไม่ให้ประชาชนและสื่อรู้เรื่อง แต่อังกฤษก็ยังเดินหน้าตามแผนเข้าสู่สงครามโลก เนื่องจากมีเป้าหมายชัดเจนที่จะขจัดเยอรมัน ให้ออกไปจากเส้นทางตามแผนสู่การ เป็นมหาอำนาจใหญ่ หมายเลขหนึ่งของโลก ที่อังกฤษวางไว้ แค่เป็นจักรภพอังกฤษ มันใหญ๋ไม่พอ สำหรับชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ของเท้าซ้าย อังกฤษทำได้อย่างไร ทำสงครามทั้งๆที่ไม่มีเงิน อังกฤษทำได้เพราะมี กลุ่ม Morgan จัดการให้ Morgan ได้รับมอบหมายจากอังกฤษ ให้ทำหน้าที่ เป็นตัวแทนแต่ผู้เดียวของอังกฤษเพื่อระดมทุน โดยการออกพันธบัตรสงคราม ( War Bond) ในปี 1915 แถม และระดมทุนเผื่อฝรั่งเศสอีกด้วย อังกฤษ รวมทั้งฝรั่งเศส เข้าสู่สงครามโลกด้วยการกู้ยืมเงินจากอเมริกา ที่บอกว่าเป็นกลางและไม่ร่วมทำสงครามด้วย ! J.P. Morgan ตะแบงว่าไม่ใช่เป็นเงินให้กู้เพื่อทำสงคราม แต่เป็นเพียงวิธีการจัดการ เพื่อให้เอาเงินไปใช้ ในด้านการค้าขายระหว่างประเทศเท่านั้น มีปัญหาไหม จะมีปัญหาได้อย่างไร เพราะผู้ที่ออกมาอธิบาย สนันสนุนการออกพันธบัตร War Bond ของ Morgan คือ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ประธานาธิบดี Wilson ทำหน้าที่ เหมือนเป็นผู้รับประกันการขายพันธบัตร ( underwriter) เขาบอกว่า มันเป็นพันธบัตรที่ออกขายในอเมริกา เพื่อนำเงินที่ได้จากการขาย ไปให้รัฐบาลต่างชาติ ใช้เป็นเงินคงคลัง หรือเงินเก็บน่ะ เขาไม่ได้เอาไปใช้ในการสงคราม ในทางปฏิบัติ อังกฤษและฝรั่งเศส นำเงินที่ได้รับ ลงบัญชีเป็นเงินฝากในประเทศของตัว และใช้เป็นหลักประกันในการสั่งซื้อสินค้า และยุทธภัณฑ์ต่างๆ จากอเมริกา เพื่อใช้ในการทำสงคราม มันผิดกฏหมายเกี่ยวกับความเป็นกลางตรงไหน นี่มันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว นักการเงินของเขา ยังคิดตะแบงได้ขนาดนี้ แล้วเดี๋ยวนี้เขาจะพลิกแพลงขนาดไหน แต่สมันน้อยอย่าเพิ่งขวัญอ่อนตกใจ มันก็ใช้สูตรเดิมๆ นั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อเรียก เติมลูกเล่น สลับขั้นตอนเข้าไปอีกหน่อย แค่นั้นเราก็มึน คิดตามมันกันไม่ทันไปค่อนโลก แต่ถ้าเราไม่ว่าง่ายเชื่อมันไปหมด ในสิ่งที่มันสร้างมาหลอกเรา เราก็รู้ทันมันได้ ฝรั่งมันไม่ได้ฉลาดเก่งกว่าเรานักหรอกครับ แค่ออกพันธบัตร War Bond ให้อังกฤษกับฝรั่งเศส สงครามโลกคงไม่ได้เกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้ ดังนั้น กลุ่มนักการเงินของอเมริกา จึงต้องสนับสนุนเงินกู้ให้รัสเซียด้วย ตั้งแต่สมัยซาร์นิโคลัส เพื่อให้มีเงินมาร่วมทำสงครามสู้กับฝ่ายเยอรมัน ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตร หรืออังกฤษต้องการ เจ้ามือให้เงินกู้ลูกค้ารอบวงแบบนี้ เจ้ามือคงปิดทางเจ๊งไว้เรียบร้อยแล้ว มีหลักฐานเป็นเอกสารของกระทรวง ต่างประเทศ ที่แสดงว่า National City Bank ซึ่งมีกลุ่ม Stillman และ Rockefeller เป็นเจ้าของ และ Guaranty Trust ซึ่งเป็นของกลุ่ม Morgan ได้ร่วมกันให้เงินกู้ก้อนใหญ่แก่รัสเซีย ก่อนที่อเมริกาจะเข้าสู่สงคราม และเป็นการให้กู้หลังจากที่กระทรวงต่างประเทศ ได้แจ้งกับกลุ่มผู้ให้กู้ว่า เป็นการผิดกฏหมายระหว่างประเทศ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.16

    คดีคือเรื่องราวหรือข้อพิพาทที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ภายใต้การพิจารณาของศาล ในชีวิตประจำวันเรามักจะได้ยินคำนี้บ่อยครั้ง แต่แก่นแท้ของมันคือการแสวงหาความจริงและการยุติความขัดแย้งอย่างเป็นระบบและมีกฎหมายรองรับ ไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาททางแพ่งที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน สัญญา หรือครอบครัว หรือเป็นข้อกล่าวหาทางอาญาที่เกี่ยวกับความผิดต่อรัฐและสังคม เมื่อเรื่องใดก็ตามถูกยกระดับเป็นคดี นั่นหมายความว่าหลักฐาน ข้อกฎหมาย และความชอบธรรมจะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินชะตากรรม เป็นการเปลี่ยนจากความขัดแย้งส่วนตัวหรือสาธารณะไปสู่การตัดสินโดยผู้ทรงอำนาจตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสันติสุขในสังคม กระบวนการนี้จึงเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและสิทธิเสรีภาพของทุกคน

    บทบาทของคดีในสังคมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการตีความและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม คดีแต่ละคดีไม่เพียงแต่จะยุติข้อพิพาทเฉพาะหน้าระหว่างคู่กรณีเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของคนในสังคมในวงกว้างอีกด้วย ทุกขั้นตอนตั้งแต่การยื่นฟ้อง การสืบพยาน การพิจารณาข้อเท็จจริง ไปจนถึงการตัดสิน ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักการแห่งกฎหมาย ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมและที่มาที่ไปของคดีต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพื่อรักษาสิทธิของตนเองและตรวจสอบการทำงานของกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ดังนั้น คดีจึงมิใช่เพียงแค่ชื่อเรียกของเรื่องราวความขัดแย้ง แต่คือหัวใจสำคัญของการสร้างความยุติธรรมในรัฐสมัยใหม่ เป็นจุดที่กฎหมายได้ลงมาสัมผัสกับชีวิตจริงของประชาชน เปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสังคม และยืนยันหลักการที่ว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ทุกข้อพิพาท ทุกความขัดแย้ง มีที่มา มีการพิจารณา และมีบทสรุปที่ถูกกำหนดโดยหลักนิติธรรม นำไปสู่การจัดระเบียบและดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขอย่างยั่งยืนในที่สุด
    บทความกฎหมาย EP.16 คดีคือเรื่องราวหรือข้อพิพาทที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ภายใต้การพิจารณาของศาล ในชีวิตประจำวันเรามักจะได้ยินคำนี้บ่อยครั้ง แต่แก่นแท้ของมันคือการแสวงหาความจริงและการยุติความขัดแย้งอย่างเป็นระบบและมีกฎหมายรองรับ ไม่ว่าจะเป็นข้อพิพาททางแพ่งที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน สัญญา หรือครอบครัว หรือเป็นข้อกล่าวหาทางอาญาที่เกี่ยวกับความผิดต่อรัฐและสังคม เมื่อเรื่องใดก็ตามถูกยกระดับเป็นคดี นั่นหมายความว่าหลักฐาน ข้อกฎหมาย และความชอบธรรมจะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินชะตากรรม เป็นการเปลี่ยนจากความขัดแย้งส่วนตัวหรือสาธารณะไปสู่การตัดสินโดยผู้ทรงอำนาจตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสันติสุขในสังคม กระบวนการนี้จึงเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและสิทธิเสรีภาพของทุกคน บทบาทของคดีในสังคมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการตีความและบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม คดีแต่ละคดีไม่เพียงแต่จะยุติข้อพิพาทเฉพาะหน้าระหว่างคู่กรณีเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของคนในสังคมในวงกว้างอีกด้วย ทุกขั้นตอนตั้งแต่การยื่นฟ้อง การสืบพยาน การพิจารณาข้อเท็จจริง ไปจนถึงการตัดสิน ล้วนแล้วแต่ต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักการแห่งกฎหมาย ความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมและที่มาที่ไปของคดีต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพื่อรักษาสิทธิของตนเองและตรวจสอบการทำงานของกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น คดีจึงมิใช่เพียงแค่ชื่อเรียกของเรื่องราวความขัดแย้ง แต่คือหัวใจสำคัญของการสร้างความยุติธรรมในรัฐสมัยใหม่ เป็นจุดที่กฎหมายได้ลงมาสัมผัสกับชีวิตจริงของประชาชน เปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสังคม และยืนยันหลักการที่ว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ทุกข้อพิพาท ทุกความขัดแย้ง มีที่มา มีการพิจารณา และมีบทสรุปที่ถูกกำหนดโดยหลักนิติธรรม นำไปสู่การจัดระเบียบและดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขอย่างยั่งยืนในที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • สร้างกราฟ compiler เองดีกว่าใช้ Graphviz — เมื่อ SpiderMonkey ปรับโฉมการวิเคราะห์โค้ดด้วย iongraph แบบ interactive

    SpiderMonkey ทีมพัฒนา JavaScript/WebAssembly engine ของ Firefox ได้เปิดตัวระบบ visualization ใหม่สำหรับ compiler ที่ชื่อว่า iongraph ซึ่งช่วยให้สามารถดูกราฟการ optimize โค้ดได้แบบ interactive โดยไม่ต้องพึ่ง Graphviz หรือ Mermaid อีกต่อไป

    เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย เมื่อคุณเขียนโค้ด JavaScript แล้วมันถูกส่งเข้าไปใน compiler ขั้นสูงของ SpiderMonkey ที่ชื่อว่า Ion — ระบบจะสร้างกราฟ SSA (Static Single Assignment) เพื่อวิเคราะห์และ optimize โค้ดให้เร็วขึ้น แต่การดูกราฟเหล่านี้ผ่าน Graphviz กลับยุ่งยากและไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ดจริง

    ทีมงานจึงสร้างระบบ layout algorithm ใหม่ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยใช้ความรู้เฉพาะของ control flow ใน JavaScript และ WebAssembly เช่น:
    Loop มี entry เดียว
    ไม่มีการ jump เข้าไปกลาง loop
    โครงสร้าง reducible control flow

    ผลลัพธ์คือกราฟที่อ่านง่าย เสถียร และสามารถแสดงผลแบบ interactive ได้บนเว็บ — คุณสามารถลาก ซูม และดูการเปลี่ยนแปลงของกราฟในแต่ละ pass ได้ทันที

    ปัญหาของ Graphviz
    layout ไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ด
    node กระโดดไปมาเมื่อ input เปลี่ยนเล็กน้อย
    PDF แบบ static ทำให้ debug ยาก

    จุดเด่นของ iongraph
    interactive บนเว็บ: ลาก ซูม เลือก instruction ได้
    layout เสถียรแม้กราฟเปลี่ยน
    ใช้ algorithm ที่เข้าใจโครงสร้าง loop และ control flow

    ขั้นตอนของ layout algorithm
    Layering: จัด block เป็นชั้นตามลำดับ control flow
    Dummy nodes: สร้าง node สำหรับ edge ที่ข้ามชั้น
    Straighten edges: ปรับตำแหน่งให้กราฟดูเรียบร้อย
    Track horizontal edges: จัด edge ให้ไม่ทับกัน
    Verticalize: กำหนดตำแหน่ง Y ให้ node
    Render: ใช้เส้นตรงแบบ railroad diagram แทน Bézier curve

    ประสิทธิภาพ
    เร็วกว่าการใช้ Graphviz หลายพันเท่า
    Layout กราฟขนาดใหญ่ได้ในเวลาไม่กี่มิลลิวินาที

    https://spidermonkey.dev/blog/2025/10/28/iongraph-web.html
    🧠 สร้างกราฟ compiler เองดีกว่าใช้ Graphviz — เมื่อ SpiderMonkey ปรับโฉมการวิเคราะห์โค้ดด้วย iongraph แบบ interactive SpiderMonkey ทีมพัฒนา JavaScript/WebAssembly engine ของ Firefox ได้เปิดตัวระบบ visualization ใหม่สำหรับ compiler ที่ชื่อว่า iongraph ซึ่งช่วยให้สามารถดูกราฟการ optimize โค้ดได้แบบ interactive โดยไม่ต้องพึ่ง Graphviz หรือ Mermaid อีกต่อไป 🎯 เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย เมื่อคุณเขียนโค้ด JavaScript แล้วมันถูกส่งเข้าไปใน compiler ขั้นสูงของ SpiderMonkey ที่ชื่อว่า Ion — ระบบจะสร้างกราฟ SSA (Static Single Assignment) เพื่อวิเคราะห์และ optimize โค้ดให้เร็วขึ้น แต่การดูกราฟเหล่านี้ผ่าน Graphviz กลับยุ่งยากและไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ดจริง ทีมงานจึงสร้างระบบ layout algorithm ใหม่ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยใช้ความรู้เฉพาะของ control flow ใน JavaScript และ WebAssembly เช่น: 📍 Loop มี entry เดียว 📍 ไม่มีการ jump เข้าไปกลาง loop 📍 โครงสร้าง reducible control flow ผลลัพธ์คือกราฟที่อ่านง่าย เสถียร และสามารถแสดงผลแบบ interactive ได้บนเว็บ — คุณสามารถลาก ซูม และดูการเปลี่ยนแปลงของกราฟในแต่ละ pass ได้ทันที ✅ ปัญหาของ Graphviz ➡️ layout ไม่ตรงกับโครงสร้างโค้ด ➡️ node กระโดดไปมาเมื่อ input เปลี่ยนเล็กน้อย ➡️ PDF แบบ static ทำให้ debug ยาก ✅ จุดเด่นของ iongraph ➡️ interactive บนเว็บ: ลาก ซูม เลือก instruction ได้ ➡️ layout เสถียรแม้กราฟเปลี่ยน ➡️ ใช้ algorithm ที่เข้าใจโครงสร้าง loop และ control flow ✅ ขั้นตอนของ layout algorithm ➡️ Layering: จัด block เป็นชั้นตามลำดับ control flow ➡️ Dummy nodes: สร้าง node สำหรับ edge ที่ข้ามชั้น ➡️ Straighten edges: ปรับตำแหน่งให้กราฟดูเรียบร้อย ➡️ Track horizontal edges: จัด edge ให้ไม่ทับกัน ➡️ Verticalize: กำหนดตำแหน่ง Y ให้ node ➡️ Render: ใช้เส้นตรงแบบ railroad diagram แทน Bézier curve ✅ ประสิทธิภาพ ➡️ เร็วกว่าการใช้ Graphviz หลายพันเท่า ➡️ Layout กราฟขนาดใหญ่ได้ในเวลาไม่กี่มิลลิวินาที https://spidermonkey.dev/blog/2025/10/28/iongraph-web.html
    SPIDERMONKEY.DEV
    Who needs Graphviz when you can build it yourself?
    Exploring a new layout algorithm for control flow graphs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุน $100,000 จากโครงการ FLOSS/fund ของอินเดีย — ก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส

    โครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha มอบเงินสนับสนุนให้ FFmpeg ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สที่สำคัญที่สุดในโลก โดยเงินทุนนี้ถือเป็นก้าวแรกในการแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณของโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก

    ถ้าคุณเคยดูวิดีโอออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือแม้แต่ใช้แอปตัดต่อวิดีโอ มีโอกาสสูงมากที่เบื้องหลังจะมี FFmpeg ทำงานอยู่ — มันคือเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่ช่วยแปลงไฟล์ สตรีม และประมวลผลเสียงกับภาพแบบอัตโนมัติ

    แม้จะมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก แต่ FFmpeg กลับขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ล่าสุดโครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha บริษัทโบรกเกอร์หุ้นจากอินเดีย ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน $100,000 ให้กับ FFmpeg ในรอบการจัดสรรครั้งที่สองของปี 2025

    ทีมงาน FFmpeg ขอบคุณ Nithin Kamath ซีอีโอของ Zerodha ผ่านโพสต์บน X (Twitter) พร้อมระบุว่า “เงินทุนนี้ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของปัญหา แต่เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส”

    เงินทุนนี้ยังอยู่ในสถานะ “รอดำเนินการ” เนื่องจากต้องจัดการเอกสารและการติดต่อกับผู้รับทั้งหมด โดย FLOSS/fund กำลังร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อทำให้การโอนเงินข้ามประเทศง่ายขึ้นในอนาคต

    ในรอบนี้มีโครงการโอเพ่นซอร์สอีก 29 โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น $675,000 ซึ่งเมื่อรวมกับรอบก่อนหน้าในเดือนพฤษภาคม จะทำให้ยอดรวมของปีนี้แตะ $1 ล้านเต็ม

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมจากภายนอก
    FLOSS/fund ก่อตั้งขึ้นในปี 2024 โดยมีเป้าหมายสนับสนุนซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากแต่ขาดงบประมาณ
    FFmpeg ถูกใช้ในระบบ backend ของหลายแพลตฟอร์มโดยที่ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ตัว
    การสนับสนุนแบบนี้อาจเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ ร่วมลงทุนในโครงการโอเพ่นซอร์สที่ตนเองพึ่งพาอยู่

    นี่คือก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่คือเรื่องของความรับผิดชอบร่วมกันจากทุกภาคส่วน

    FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุนจาก FLOSS/fund
    จำนวน $100,000 จาก Zerodha ประเทศอินเดีย
    เป็นส่วนหนึ่งของรอบจัดสรร Tranche 2 ประจำปี 2025
    ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเอกสารและการติดต่อ

    ความสำคัญของ FFmpeg
    ใช้ในแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น YouTube, Netflix, แอปตัดต่อวิดีโอ
    เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สสำหรับแปลงและสตรีมไฟล์มัลติมีเดีย
    มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก

    เป้าหมายของ FLOSS/fund
    สนับสนุนโครงการโอเพ่นซอร์สที่โลกพึ่งพา
    เรียกร้องให้บริษัทที่ได้ประโยชน์จาก FOSS สนับสนุนมากกว่าแค่คำขอบคุณ
    ร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อแก้ปัญหาโอนเงินข้ามประเทศ

    ความท้าทายในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส
    เงินทุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการระยะยาว
    การโอนเงินระหว่างประเทศยังมีอุปสรรคด้านกฎหมายและระบบธนาคาร
    โครงการโอเพ่นซอร์สจำนวนมากยังไม่มีช่องทางรับเงินที่ปลอดภัย

    https://news.itsfoss.com/ffmpeg-receives-100k-funding/
    💰 FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุน $100,000 จากโครงการ FLOSS/fund ของอินเดีย — ก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส โครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha มอบเงินสนับสนุนให้ FFmpeg ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือมัลติมีเดียโอเพ่นซอร์สที่สำคัญที่สุดในโลก โดยเงินทุนนี้ถือเป็นก้าวแรกในการแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณของโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก ถ้าคุณเคยดูวิดีโอออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Netflix หรือแม้แต่ใช้แอปตัดต่อวิดีโอ มีโอกาสสูงมากที่เบื้องหลังจะมี FFmpeg ทำงานอยู่ — มันคือเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่ช่วยแปลงไฟล์ สตรีม และประมวลผลเสียงกับภาพแบบอัตโนมัติ แม้จะมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลก แต่ FFmpeg กลับขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ล่าสุดโครงการ FLOSS/fund ที่ริเริ่มโดย Zerodha บริษัทโบรกเกอร์หุ้นจากอินเดีย ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน $100,000 ให้กับ FFmpeg ในรอบการจัดสรรครั้งที่สองของปี 2025 ทีมงาน FFmpeg ขอบคุณ Nithin Kamath ซีอีโอของ Zerodha ผ่านโพสต์บน X (Twitter) พร้อมระบุว่า “เงินทุนนี้ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของปัญหา แต่เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืนของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส” เงินทุนนี้ยังอยู่ในสถานะ “รอดำเนินการ” เนื่องจากต้องจัดการเอกสารและการติดต่อกับผู้รับทั้งหมด โดย FLOSS/fund กำลังร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อทำให้การโอนเงินข้ามประเทศง่ายขึ้นในอนาคต ในรอบนี้มีโครงการโอเพ่นซอร์สอีก 29 โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น $675,000 ซึ่งเมื่อรวมกับรอบก่อนหน้าในเดือนพฤษภาคม จะทำให้ยอดรวมของปีนี้แตะ $1 ล้านเต็ม 🧠 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติมจากภายนอก 💠 FLOSS/fund ก่อตั้งขึ้นในปี 2024 โดยมีเป้าหมายสนับสนุนซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากแต่ขาดงบประมาณ 💠 FFmpeg ถูกใช้ในระบบ backend ของหลายแพลตฟอร์มโดยที่ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ตัว 💠 การสนับสนุนแบบนี้อาจเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ ร่วมลงทุนในโครงการโอเพ่นซอร์สที่ตนเองพึ่งพาอยู่ นี่คือก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่คือเรื่องของความรับผิดชอบร่วมกันจากทุกภาคส่วน ✅ FFmpeg ได้รับเงินสนับสนุนจาก FLOSS/fund ➡️ จำนวน $100,000 จาก Zerodha ประเทศอินเดีย ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของรอบจัดสรร Tranche 2 ประจำปี 2025 ➡️ ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเอกสารและการติดต่อ ✅ ความสำคัญของ FFmpeg ➡️ ใช้ในแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น YouTube, Netflix, แอปตัดต่อวิดีโอ ➡️ เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สสำหรับแปลงและสตรีมไฟล์มัลติมีเดีย ➡️ มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก ✅ เป้าหมายของ FLOSS/fund ➡️ สนับสนุนโครงการโอเพ่นซอร์สที่โลกพึ่งพา ➡️ เรียกร้องให้บริษัทที่ได้ประโยชน์จาก FOSS สนับสนุนมากกว่าแค่คำขอบคุณ ➡️ ร่วมมือกับ GitHub Sponsors เพื่อแก้ปัญหาโอนเงินข้ามประเทศ ‼️ ความท้าทายในการสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส ⛔ เงินทุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการระยะยาว ⛔ การโอนเงินระหว่างประเทศยังมีอุปสรรคด้านกฎหมายและระบบธนาคาร ⛔ โครงการโอเพ่นซอร์สจำนวนมากยังไม่มีช่องทางรับเงินที่ปลอดภัย https://news.itsfoss.com/ffmpeg-receives-100k-funding/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    FFmpeg Receives $100K in Funding from India's FLOSS/fund Initiative
    It is one of the world's most widely used multimedia frameworks today.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ubuntu 25.10 พร้อมแล้ว! ผู้ใช้ Plucky Puffin สามารถอัปเกรดเป็น Questing Quokka ได้ทันที

    Canonical เปิดทางให้อัปเกรดจาก Ubuntu 25.04 สู่เวอร์ชันล่าสุด 25.10 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ผ่าน Software Updater หรือ Terminal พร้อมคำเตือนสำคัญก่อนเริ่มกระบวนการ

    หลังจาก Ubuntu 25.10 (ชื่อรหัส Questing Quokka) เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 ผู้ใช้ Ubuntu 25.04 (Plucky Puffin) ก็เฝ้ารอช่องทางอัปเกรดอย่างเป็นทางการ และในที่สุด Canonical ก็เปิดให้ใช้งานแล้วเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025

    ก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถบังคับอัปเกรดด้วยคำสั่ง update-manager -d แต่ไม่แนะนำ เพราะอาจทำให้ระบบเสียหายได้ หากคุณรออย่างอดทน ตอนนี้สามารถอัปเกรดได้อย่างปลอดภัยผ่าน Software Updater หรือใช้คำสั่ง update-manager -c ใน Terminal

    ขั้นตอนการอัปเกรด:

    1️⃣ รวจสอบให้แน่ใจว่า Ubuntu 25.04 ของคุณอัปเดตล่าสุดแล้ว
    2️⃣ สำรองข้อมูลสำคัญก่อนเริ่ม
    3️⃣ เปิด Software Updater แล้วคลิก “Upgrade” เมื่อมีแจ้งเตือน
    4️⃣ ระบบจะตรวจสอบแพ็กเกจและแจ้งเตือนหากมี third-party ที่อาจขัดขวางการอัปเกรด
    5️⃣ ระบบจะแสดงรายการแพ็กเกจที่จะติดตั้ง ลบ หรืออัปเดต พร้อมขนาดไฟล์
    6️⃣ ระหว่างอัปเกรด lock screen จะถูกปิดชั่วคราว
    7️⃣ เมื่อเสร็จสิ้น จะมีการลบแพ็กเกจที่ล้าสมัย และแจ้งให้ restart เครื่อง

    สิ่งที่ควรระวัง:
    แพ็กเกจจาก third-party อาจขัดขวางการอัปเกรด
    repository ภายนอกจะถูกปิดการใช้งานชั่วคราว
    ควรลบแพ็กเกจที่ล้าสมัยหลังอัปเกรดเพื่อความปลอดภัย

    https://9to5linux.com/ubuntu-25-04-users-can-now-upgrade-to-ubuntu-25-10-heres-how
    🦘 Ubuntu 25.10 พร้อมแล้ว! ผู้ใช้ Plucky Puffin สามารถอัปเกรดเป็น Questing Quokka ได้ทันที Canonical เปิดทางให้อัปเกรดจาก Ubuntu 25.04 สู่เวอร์ชันล่าสุด 25.10 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ผ่าน Software Updater หรือ Terminal พร้อมคำเตือนสำคัญก่อนเริ่มกระบวนการ หลังจาก Ubuntu 25.10 (ชื่อรหัส Questing Quokka) เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2025 ผู้ใช้ Ubuntu 25.04 (Plucky Puffin) ก็เฝ้ารอช่องทางอัปเกรดอย่างเป็นทางการ และในที่สุด Canonical ก็เปิดให้ใช้งานแล้วเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 ก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถบังคับอัปเกรดด้วยคำสั่ง update-manager -d แต่ไม่แนะนำ เพราะอาจทำให้ระบบเสียหายได้ หากคุณรออย่างอดทน ตอนนี้สามารถอัปเกรดได้อย่างปลอดภัยผ่าน Software Updater หรือใช้คำสั่ง update-manager -c ใน Terminal ขั้นตอนการอัปเกรด: 1️⃣ รวจสอบให้แน่ใจว่า Ubuntu 25.04 ของคุณอัปเดตล่าสุดแล้ว 2️⃣ สำรองข้อมูลสำคัญก่อนเริ่ม 3️⃣ เปิด Software Updater แล้วคลิก “Upgrade” เมื่อมีแจ้งเตือน 4️⃣ ระบบจะตรวจสอบแพ็กเกจและแจ้งเตือนหากมี third-party ที่อาจขัดขวางการอัปเกรด 5️⃣ ระบบจะแสดงรายการแพ็กเกจที่จะติดตั้ง ลบ หรืออัปเดต พร้อมขนาดไฟล์ 6️⃣ ระหว่างอัปเกรด lock screen จะถูกปิดชั่วคราว 7️⃣ เมื่อเสร็จสิ้น จะมีการลบแพ็กเกจที่ล้าสมัย และแจ้งให้ restart เครื่อง สิ่งที่ควรระวัง: 💠 แพ็กเกจจาก third-party อาจขัดขวางการอัปเกรด 💠 repository ภายนอกจะถูกปิดการใช้งานชั่วคราว 💠 ควรลบแพ็กเกจที่ล้าสมัยหลังอัปเกรดเพื่อความปลอดภัย https://9to5linux.com/ubuntu-25-04-users-can-now-upgrade-to-ubuntu-25-10-heres-how
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu 25.04 Users Can Now Upgrade to Ubuntu 25.10, Here's How - 9to5Linux
    A step-by-step and easy-to-follow tutorial (with screenshots) on how to upgrade your Ubuntu 25.04 installations to Ubuntu 25.10.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่ารถไฟฟ้าแพงยังไร้ทางออก รัฐบาลยอมรับอาจแก้ไม่ทันก่อนยุบสภา ชี้ติดขั้นตอนกฎหมายและสัญญา หวั่นกระทบหนี้สาธารณะพุ่ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103570

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #คนละครึ่งพลัส #รถไฟฟ้า20บาท #ค่าครองชีพ #ส่วนต่อขยายสีเขียว #หนี้สาธารณะ
    ค่ารถไฟฟ้าแพงยังไร้ทางออก รัฐบาลยอมรับอาจแก้ไม่ทันก่อนยุบสภา ชี้ติดขั้นตอนกฎหมายและสัญญา หวั่นกระทบหนี้สาธารณะพุ่ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000103570 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #คนละครึ่งพลัส #รถไฟฟ้า20บาท #ค่าครองชีพ #ส่วนต่อขยายสีเขียว #หนี้สาธารณะ
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 1

    เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน

    ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat

    Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917

    จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ”

    แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ

    นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ

    Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน”

    ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว

    เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น

    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน
    มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่

    ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ !

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 2

    วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี)

    หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า

    “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…”

    กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917
    แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย

    นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน

    นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม”

    คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย

    นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 3

    ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้:

    “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ”
    นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

    นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย

    นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น

    นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน

    นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…”

    เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า

    ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….”

    สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้
    และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้

    พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 1 เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917 จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ” แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน” ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่ ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ ! นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 2 วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี) หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…” กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917 แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม” คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 3 ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้: “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ” นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…” เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….” สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้ และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้ พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน”

    OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต

    OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล

    นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง

    OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ

    ข้อเสนอหลักจาก OpenAI
    สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี
    ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน
    ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน
    ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม

    เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน
    จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว
    สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ
    โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล

    ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI
    จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก
    ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ
    สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม

    สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ ..

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    ⚡ หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน” OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ ✅ ข้อเสนอหลักจาก OpenAI ➡️ สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี ➡️ ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน ➡️ ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน ➡️ ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม ✅ เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน ➡️ จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว ➡️ สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ ➡️ โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ✅ ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI ➡️ จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก ➡️ ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ ➡️ สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ .. https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Foxconn x Nvidia: โรงงานอัจฉริยะกับหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์กำลังมา!”

    Foxconn ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นพันธมิตรหลักของ Nvidia ในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ได้ประกาศว่าจะเริ่มติดตั้งหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในโรงงานที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 โดยหุ่นยนต์เหล่านี้จะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี NVIDIA Isaac GR00T N ซึ่งเป็นระบบ AI ขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานในสายการผลิตโดยเฉพาะ

    เป้าหมายของโครงการนี้คือการสร้าง “โรงงานอัจฉริยะต้นแบบระดับโลก” ที่สามารถผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงสุด โดยไม่ต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์ในขั้นตอนหลักของการผลิต

    นอกจากโรงงานฮิวสตันแล้ว Foxconn ยังมีแผนขยายการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ไปยังรัฐเท็กซัส วิสคอนซิน และแคลิฟอร์เนีย เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุค AI

    สาระเพิ่มเติม: หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ (Humanoid Robots) คือหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างและการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ เช่น การประกอบชิ้นส่วน การตรวจสอบคุณภาพ หรือแม้แต่การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ในโรงงาน

    Foxconn เตรียมติดตั้งหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในโรงงานฮิวสตัน
    ใช้เทคโนโลยี NVIDIA Isaac GR00T N
    เริ่มใช้งานในไตรมาสแรกของปี 2026

    เป้าหมายคือสร้างโรงงานอัจฉริยะต้นแบบระดับโลก
    ลดการพึ่งพาแรงงานมนุษย์
    เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI

    ขยายการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ไปยังรัฐอื่นในสหรัฐฯ
    เท็กซัส
    วิสคอนซิน
    แคลิฟอร์เนีย

    Foxconn เป็นพันธมิตรหลักของ Nvidia ในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI
    รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในยุค AI
    ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของสหรัฐฯ

    ความท้าทายในการใช้หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในสายการผลิต
    ความปลอดภัยในการทำงานร่วมกับมนุษย์
    การบำรุงรักษาและการจัดการระบบ AI ที่ซับซ้อน
    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและข้อมูลในระบบอัจฉริยะ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/foxconn-to-deploy-humanoid-robots-at-houston-ai-server-plant
    🤖🏭 “Foxconn x Nvidia: โรงงานอัจฉริยะกับหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์กำลังมา!” Foxconn ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นพันธมิตรหลักของ Nvidia ในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ได้ประกาศว่าจะเริ่มติดตั้งหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในโรงงานที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 โดยหุ่นยนต์เหล่านี้จะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี NVIDIA Isaac GR00T N ซึ่งเป็นระบบ AI ขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานในสายการผลิตโดยเฉพาะ เป้าหมายของโครงการนี้คือการสร้าง “โรงงานอัจฉริยะต้นแบบระดับโลก” ที่สามารถผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำสูงสุด โดยไม่ต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์ในขั้นตอนหลักของการผลิต นอกจากโรงงานฮิวสตันแล้ว Foxconn ยังมีแผนขยายการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ไปยังรัฐเท็กซัส วิสคอนซิน และแคลิฟอร์เนีย เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุค AI 💡 สาระเพิ่มเติม: หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ (Humanoid Robots) คือหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างและการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ เช่น การประกอบชิ้นส่วน การตรวจสอบคุณภาพ หรือแม้แต่การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ในโรงงาน ✅ Foxconn เตรียมติดตั้งหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในโรงงานฮิวสตัน ➡️ ใช้เทคโนโลยี NVIDIA Isaac GR00T N ➡️ เริ่มใช้งานในไตรมาสแรกของปี 2026 ✅ เป้าหมายคือสร้างโรงงานอัจฉริยะต้นแบบระดับโลก ➡️ ลดการพึ่งพาแรงงานมนุษย์ ➡️ เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ✅ ขยายการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ไปยังรัฐอื่นในสหรัฐฯ ➡️ เท็กซัส ➡️ วิสคอนซิน ➡️ แคลิฟอร์เนีย ✅ Foxconn เป็นพันธมิตรหลักของ Nvidia ในการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ➡️ รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในยุค AI ➡️ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของสหรัฐฯ ‼️ ความท้าทายในการใช้หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในสายการผลิต ⛔ ความปลอดภัยในการทำงานร่วมกับมนุษย์ ⛔ การบำรุงรักษาและการจัดการระบบ AI ที่ซับซ้อน ⛔ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและข้อมูลในระบบอัจฉริยะ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/29/foxconn-to-deploy-humanoid-robots-at-houston-ai-server-plant
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Foxconn to deploy humanoid robots at Houston AI server plant
    TAIPEI (Reuters) -Foxconn, the world's largest electronics maker and Nvidia's key AI server maker, said on Tuesday it will deploy humanoid robots at its Houston plant that produces AI servers for Nvidia.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sideloading บน Android: เสรีภาพหรือช่องโหว่? F-Droid ชวนคิดใหม่เรื่องการติดตั้งแอปนอกระบบ

    บทความจาก F-Droid ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ sideloading — การติดตั้งแอป Android จากแหล่งนอก Play Store — ว่าเป็นทั้งเครื่องมือแห่งเสรีภาพและจุดอ่อนด้านความปลอดภัยที่กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะในยุคที่รัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีเริ่มควบคุมการเข้าถึงแอปมากขึ้น

    ประเด็นสำคัญจากบทความของ F-Droid
    Sideloading คือเสรีภาพในการเลือกใช้แอป
    ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก Google ได้ เช่น แอปโอเพ่นซอร์ส, แอปที่ถูกแบน, หรือแอปทดลอง
    เป็นช่องทางสำคัญสำหรับนักพัฒนาอิสระและชุมชนโอเพ่นซอร์ส

    F-Droid คือแพลตฟอร์มที่สนับสนุน sideloading อย่างปลอดภัย
    แอปทั้งหมดใน F-Droid ผ่านการ build จาก source และตรวจสอบความปลอดภัย
    ไม่มีโฆษณา, ไม่มี tracking, และไม่มีการฝังโค้ดลับ

    การควบคุม sideloading อาจกระทบเสรีภาพดิจิทัล
    บางประเทศเริ่มจำกัดการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก เช่น อินเดีย, จีน
    Apple ยังไม่อนุญาต sideloading บน iOS แม้จะถูกกดดันจาก EU

    Android 15 เริ่มเพิ่มข้อจำกัดในการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก
    ต้องเปิดสิทธิ์เฉพาะแอปที่ใช้ติดตั้ง เช่น File Manager หรือ Browser
    มีการแจ้งเตือนมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของ sideloading

    F-Droid เสนอแนวทางสร้างระบบ sideloading ที่ปลอดภัย
    ใช้ระบบตรวจสอบแบบ reproducible build
    สร้าง community trust ผ่านการเปิดเผย source และกระบวนการ build

    การติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยอาจเปิดช่องให้มัลแวร์เข้าสู่ระบบ
    แอปบางตัวอาจขอสิทธิ์เกินความจำเป็น เช่น SMS, Location, หรือ Accessibility
    ควรตรวจสอบ source และใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น F-Droid

    การเปลี่ยนแปลงใน Android รุ่นใหม่อาจทำให้ sideloading ยากขึ้น
    ผู้ใช้ต้องเข้าไปตั้งค่าหลายขั้นตอนเพื่อเปิดสิทธิ์
    อาจมีการบล็อกแอปบางประเภทโดยอัตโนมัติในอนาคต

    https://f-droid.org/2025/10/28/sideloading.html
    📲🔓 Sideloading บน Android: เสรีภาพหรือช่องโหว่? F-Droid ชวนคิดใหม่เรื่องการติดตั้งแอปนอกระบบ บทความจาก F-Droid ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ sideloading — การติดตั้งแอป Android จากแหล่งนอก Play Store — ว่าเป็นทั้งเครื่องมือแห่งเสรีภาพและจุดอ่อนด้านความปลอดภัยที่กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะในยุคที่รัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีเริ่มควบคุมการเข้าถึงแอปมากขึ้น 📰 ประเด็นสำคัญจากบทความของ F-Droid ✅ Sideloading คือเสรีภาพในการเลือกใช้แอป ➡️ ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปที่ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก Google ได้ เช่น แอปโอเพ่นซอร์ส, แอปที่ถูกแบน, หรือแอปทดลอง ➡️ เป็นช่องทางสำคัญสำหรับนักพัฒนาอิสระและชุมชนโอเพ่นซอร์ส ✅ F-Droid คือแพลตฟอร์มที่สนับสนุน sideloading อย่างปลอดภัย ➡️ แอปทั้งหมดใน F-Droid ผ่านการ build จาก source และตรวจสอบความปลอดภัย ➡️ ไม่มีโฆษณา, ไม่มี tracking, และไม่มีการฝังโค้ดลับ ✅ การควบคุม sideloading อาจกระทบเสรีภาพดิจิทัล ➡️ บางประเทศเริ่มจำกัดการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก เช่น อินเดีย, จีน ➡️ Apple ยังไม่อนุญาต sideloading บน iOS แม้จะถูกกดดันจาก EU ✅ Android 15 เริ่มเพิ่มข้อจำกัดในการติดตั้งแอปจากแหล่งนอก ➡️ ต้องเปิดสิทธิ์เฉพาะแอปที่ใช้ติดตั้ง เช่น File Manager หรือ Browser ➡️ มีการแจ้งเตือนมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของ sideloading ✅ F-Droid เสนอแนวทางสร้างระบบ sideloading ที่ปลอดภัย ➡️ ใช้ระบบตรวจสอบแบบ reproducible build ➡️ สร้าง community trust ผ่านการเปิดเผย source และกระบวนการ build ‼️ การติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัยอาจเปิดช่องให้มัลแวร์เข้าสู่ระบบ ⛔ แอปบางตัวอาจขอสิทธิ์เกินความจำเป็น เช่น SMS, Location, หรือ Accessibility ⛔ ควรตรวจสอบ source และใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ เช่น F-Droid ‼️ การเปลี่ยนแปลงใน Android รุ่นใหม่อาจทำให้ sideloading ยากขึ้น ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าไปตั้งค่าหลายขั้นตอนเพื่อเปิดสิทธิ์ ⛔ อาจมีการบล็อกแอปบางประเภทโดยอัตโนมัติในอนาคต https://f-droid.org/2025/10/28/sideloading.html
    F-DROID.ORG
    What We Talk About When We Talk About Sideloading | F-Droid - Free and Open Source Android App Repository
    We recently published a blog post with our reaction to the new Google Developer Program and how it impacts your freedom to use the devices that you own in th...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ CVE-2025-62725 ใน Docker Compose เปิดทางให้เขียนทับไฟล์ใดก็ได้บนเครื่อง — แม้ใช้แค่คำสั่ง read-only

    ช่องโหว่ระดับสูงใน Docker Compose (CVE-2025-62725, CVSS 8.9) เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถใช้ไฟล์ compose จากแหล่ง OCI ปลอมเพื่อเขียนทับไฟล์ใดก็ได้บนเครื่อง host โดยไม่ต้องรัน container — แค่ใช้คำสั่ง read-only เช่น docker compose config ก็เพียงพอแล้ว.

    Docker Compose เชื่อข้อมูล path จาก artifact โดยไม่ตรวจสอบ
    เมื่อใช้ไฟล์ compose จาก remote OCI registry ที่มี annotation เช่น com.docker.compose.extends หรือ com.docker.compose.envfile
    Compose จะรวม path ที่ผู้โจมตีระบุไว้กับ cache directory แล้วเขียนไฟล์ลงไปโดยตรง

    สามารถใช้ path traversal เช่น ../../../../../etc/passwd เพื่อเขียนทับไฟล์ระบบ
    ช่องโหว่นี้เกิดจากการเชื่อมั่น annotation โดยไม่มีการ sanitize
    ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถหลุดออกจาก cache directory และเข้าถึงไฟล์ใดก็ได้บนเครื่อง

    คำสั่ง read-only ก็สามารถ trigger ช่องโหว่ได้
    เช่น docker compose config, docker compose ps ซึ่งมักใช้ใน CI/CD pipeline หรือขั้นตอน linting
    ไม่จำเป็นต้อง build หรือ run container ก็สามารถโจมตีได้

    กระทบทุกแพลตฟอร์มที่ใช้ remote OCI compose artifacts
    Docker Desktop, Linux binaries, CI runners, cloud dev environments
    โดยเฉพาะระบบที่ดึงไฟล์ compose จาก registry ภายนอกหรือ third-party

    Docker ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน Compose v2.40.2
    เพิ่มการตรวจสอบ path และการ sanitize annotation
    แนะนำให้ผู้ใช้ทุกระบบอัปเดตทันที

    การใช้ไฟล์ compose จากแหล่งที่ไม่เชื่อถือมีความเสี่ยงสูง
    แม้จะใช้แค่คำสั่ง read-only ก็สามารถถูกโจมตีได้
    CI/CD pipeline ที่ดึงไฟล์จาก registry อัตโนมัติอาจเป็นเป้าหมาย

    ระบบที่ไม่ได้อัปเดต Compose v2.40.2 เสี่ยงต่อการถูกเขียนทับไฟล์สำคัญ
    เช่น /etc/passwd, .bashrc, หรือไฟล์ config อื่น ๆ
    อาจถูกใช้เป็นช่องทางฝัง backdoor หรือเปลี่ยนพฤติกรรมระบบ

    ควรหลีกเลี่ยงการใช้ annotation ที่ไม่จำเป็นใน OCI compose artifacts
    หรือใช้ระบบตรวจสอบก่อนนำเข้าไฟล์จาก registry

    https://securityonline.info/docker-compose-path-traversal-cve-2025-62725-allows-arbitrary-file-overwrite-via-oci-artifacts/
    🛠️📂 ช่องโหว่ CVE-2025-62725 ใน Docker Compose เปิดทางให้เขียนทับไฟล์ใดก็ได้บนเครื่อง — แม้ใช้แค่คำสั่ง read-only ช่องโหว่ระดับสูงใน Docker Compose (CVE-2025-62725, CVSS 8.9) เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถใช้ไฟล์ compose จากแหล่ง OCI ปลอมเพื่อเขียนทับไฟล์ใดก็ได้บนเครื่อง host โดยไม่ต้องรัน container — แค่ใช้คำสั่ง read-only เช่น docker compose config ก็เพียงพอแล้ว. ✅ Docker Compose เชื่อข้อมูล path จาก artifact โดยไม่ตรวจสอบ ➡️ เมื่อใช้ไฟล์ compose จาก remote OCI registry ที่มี annotation เช่น com.docker.compose.extends หรือ com.docker.compose.envfile ➡️ Compose จะรวม path ที่ผู้โจมตีระบุไว้กับ cache directory แล้วเขียนไฟล์ลงไปโดยตรง ✅ สามารถใช้ path traversal เช่น ../../../../../etc/passwd เพื่อเขียนทับไฟล์ระบบ ➡️ ช่องโหว่นี้เกิดจากการเชื่อมั่น annotation โดยไม่มีการ sanitize ➡️ ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถหลุดออกจาก cache directory และเข้าถึงไฟล์ใดก็ได้บนเครื่อง ✅ คำสั่ง read-only ก็สามารถ trigger ช่องโหว่ได้ ➡️ เช่น docker compose config, docker compose ps ซึ่งมักใช้ใน CI/CD pipeline หรือขั้นตอน linting ➡️ ไม่จำเป็นต้อง build หรือ run container ก็สามารถโจมตีได้ ✅ กระทบทุกแพลตฟอร์มที่ใช้ remote OCI compose artifacts ➡️ Docker Desktop, Linux binaries, CI runners, cloud dev environments ➡️ โดยเฉพาะระบบที่ดึงไฟล์ compose จาก registry ภายนอกหรือ third-party ✅ Docker ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน Compose v2.40.2 ➡️ เพิ่มการตรวจสอบ path และการ sanitize annotation ➡️ แนะนำให้ผู้ใช้ทุกระบบอัปเดตทันที ‼️ การใช้ไฟล์ compose จากแหล่งที่ไม่เชื่อถือมีความเสี่ยงสูง ⛔ แม้จะใช้แค่คำสั่ง read-only ก็สามารถถูกโจมตีได้ ⛔ CI/CD pipeline ที่ดึงไฟล์จาก registry อัตโนมัติอาจเป็นเป้าหมาย ‼️ ระบบที่ไม่ได้อัปเดต Compose v2.40.2 เสี่ยงต่อการถูกเขียนทับไฟล์สำคัญ ⛔ เช่น /etc/passwd, .bashrc, หรือไฟล์ config อื่น ๆ ⛔ อาจถูกใช้เป็นช่องทางฝัง backdoor หรือเปลี่ยนพฤติกรรมระบบ ‼️ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ annotation ที่ไม่จำเป็นใน OCI compose artifacts ⛔ หรือใช้ระบบตรวจสอบก่อนนำเข้าไฟล์จาก registry https://securityonline.info/docker-compose-path-traversal-cve-2025-62725-allows-arbitrary-file-overwrite-via-oci-artifacts/
    SECURITYONLINE.INFO
    Docker Compose Path Traversal (CVE-2025-62725) Allows Arbitrary File Overwrite via OCI Artifacts
    A path traversal flaw (CVE-2025-62725) in Docker Compose lets attackers overwrite host files via remote OCI artifact annotations, triggered by read-only commands.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • X เตรียมยกเลิกโดเมน Twitter.com วันที่ 10 พ.ย. — ผู้ใช้ที่ใช้ passkey ต้องรีเซ็ตใหม่เพื่อไม่ให้ล็อกบัญชี

    แพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ประกาศว่าจะ เลิกใช้งานโดเมน Twitter.com อย่างถาวรในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้ที่ใช้ passkey หรือ security key สำหรับการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ต้องรีเซ็ตและผูกคีย์ใหม่กับโดเมน x.com มิฉะนั้นบัญชีจะถูกล็อก

    ข้อมูลสำคัญจากประกาศของ X

    Twitter.com จะหยุด redirect ไปยัง X.com หลังวันที่ 10 พ.ย.
    ลิงก์เก่า เช่น tweet ที่เคยแชร์ไว้ จะไม่สามารถเข้าถึงได้หากยังใช้ twitter.com
    ผู้ใช้ต้องอัปเดตลิงก์หรือบุ๊กมาร์กที่ใช้โดเมนเดิม

    ผู้ใช้ passkey หรือ security key ต้องรีเซ็ตก่อนวันหมดอายุ
    คีย์เดิมถูกผูกไว้กับโดเมน twitter.com ซึ่งจะไม่สามารถใช้ได้กับ x.com
    ต้องเข้าไปที่ Settings → Security → Two-factor authentication → Add another key เพื่อผูกคีย์ใหม่กับ x.com

    ผู้ใช้ที่ไม่รีเซ็ตจะถูกล็อกบัญชีชั่วคราว
    ทางเลือกคือ: รีเซ็ต passkey, เปลี่ยนไปใช้วิธี 2FA อื่น เช่นรหัส 6 หลัก, หรือปิดการใช้ 2FA (ไม่แนะนำ)
    ระบบยังรองรับการใช้ numeric verification code เป็นทางเลือกสำรอง

    X แนะนำให้ใช้ทั้ง passkey และรหัส 2FA เพื่อความปลอดภัย
    ระบบ passkey ยังมีปัญหาด้านความเสถียรในบางกรณี
    การมีวิธีสำรองช่วยให้ไม่สูญเสียการเข้าถึงบัญชี

    หากไม่รีเซ็ต passkey ก่อนวันที่ 10 พ.ย. บัญชีจะถูกล็อกทันที
    ต้องดำเนินการก่อนวันหมดอายุเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียการเข้าถึง
    การใช้ passkey ที่ผูกกับ twitter.com จะไม่สามารถใช้งานได้อีก

    ลิงก์เก่าและระบบอัตโนมัติที่ใช้ twitter.com อาจหยุดทำงาน
    เช่น embed tweets, API calls, หรือ automation tools ที่ยังใช้โดเมนเดิม
    ควรตรวจสอบและอัปเดตระบบที่เชื่อมกับ twitter.com

    https://securityonline.info/rip-twitter-com-x-retires-old-domain-forcing-passkey-reset-by-nov-10/
    🔐📤 X เตรียมยกเลิกโดเมน Twitter.com วันที่ 10 พ.ย. — ผู้ใช้ที่ใช้ passkey ต้องรีเซ็ตใหม่เพื่อไม่ให้ล็อกบัญชี แพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ประกาศว่าจะ เลิกใช้งานโดเมน Twitter.com อย่างถาวรในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้ที่ใช้ passkey หรือ security key สำหรับการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) ต้องรีเซ็ตและผูกคีย์ใหม่กับโดเมน x.com มิฉะนั้นบัญชีจะถูกล็อก ✅ ข้อมูลสำคัญจากประกาศของ X ✅ Twitter.com จะหยุด redirect ไปยัง X.com หลังวันที่ 10 พ.ย. ➡️ ลิงก์เก่า เช่น tweet ที่เคยแชร์ไว้ จะไม่สามารถเข้าถึงได้หากยังใช้ twitter.com ➡️ ผู้ใช้ต้องอัปเดตลิงก์หรือบุ๊กมาร์กที่ใช้โดเมนเดิม ✅ ผู้ใช้ passkey หรือ security key ต้องรีเซ็ตก่อนวันหมดอายุ ➡️ คีย์เดิมถูกผูกไว้กับโดเมน twitter.com ซึ่งจะไม่สามารถใช้ได้กับ x.com ➡️ ต้องเข้าไปที่ Settings → Security → Two-factor authentication → Add another key เพื่อผูกคีย์ใหม่กับ x.com ✅ ผู้ใช้ที่ไม่รีเซ็ตจะถูกล็อกบัญชีชั่วคราว ➡️ ทางเลือกคือ: รีเซ็ต passkey, เปลี่ยนไปใช้วิธี 2FA อื่น เช่นรหัส 6 หลัก, หรือปิดการใช้ 2FA (ไม่แนะนำ) ➡️ ระบบยังรองรับการใช้ numeric verification code เป็นทางเลือกสำรอง ✅ X แนะนำให้ใช้ทั้ง passkey และรหัส 2FA เพื่อความปลอดภัย ➡️ ระบบ passkey ยังมีปัญหาด้านความเสถียรในบางกรณี ➡️ การมีวิธีสำรองช่วยให้ไม่สูญเสียการเข้าถึงบัญชี ‼️ หากไม่รีเซ็ต passkey ก่อนวันที่ 10 พ.ย. บัญชีจะถูกล็อกทันที ⛔ ต้องดำเนินการก่อนวันหมดอายุเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียการเข้าถึง ⛔ การใช้ passkey ที่ผูกกับ twitter.com จะไม่สามารถใช้งานได้อีก ‼️ ลิงก์เก่าและระบบอัตโนมัติที่ใช้ twitter.com อาจหยุดทำงาน ⛔ เช่น embed tweets, API calls, หรือ automation tools ที่ยังใช้โดเมนเดิม ⛔ ควรตรวจสอบและอัปเดตระบบที่เชื่อมกับ twitter.com https://securityonline.info/rip-twitter-com-x-retires-old-domain-forcing-passkey-reset-by-nov-10/
    SECURITYONLINE.INFO
    RIP Twitter.com: X Retires Old Domain, Forcing Passkey Reset by Nov 10
    X is retiring the Twitter.com domain, requiring users with passkeys or security keys to re-enroll by Nov 10 to avoid being locked out of their accounts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.9

    เอกสารสิทธิ์ในมุมมองของกฎหมายอาญาไม่ใช่แค่กระดาษ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งและสำคัญยิ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญากำหนดไว้ เอกสารประเภทนี้หมายถึงหลักฐานที่เป็นกุญแจสำคัญในการก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ การปรับเปลี่ยนเนื้อหาหรือขอบเขตของสิทธิที่มีอยู่ การโอนถ่ายสิทธิจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง การสงวนรักษาสิทธิเพื่อป้องกันการสูญหาย หรือแม้แต่การระงับสิ้นสุดซึ่งสิทธินั้นๆ หากมองผิวเผินอาจเป็นเพียงเอกสารทั่วไป แต่ในทางกฎหมายอาญา เอกสารที่ถูกระบุว่าเป็นเอกสารสิทธิ์จะมีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ เพราะการปลอมแปลงหรือการกระทำใดๆ อันมิชอบต่อเอกสารเหล่านี้ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานะและผลประโยชน์ทางกฎหมายของผู้คน ทำให้เอกสารสิทธิ์กลายเป็นหัวใจสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางนิติสัมพันธ์ในสังคม

    เนื้อหาสำคัญของเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายอาญาจึงเน้นย้ำถึงบทบาทของการเป็นพยานหลักฐานที่ผูกพันทางกฎหมาย การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิไม่ว่าจะเป็นการสร้าง การแก้ไข การย้ายมือ การรักษาไว้ หรือการยกเลิก ล้วนต้องอาศัยเอกสารเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันความชอบธรรมและเจตนาของคู่กรณี ตัวอย่างที่พบได้บ่อย เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน โฉนดที่ดิน หนังสือมอบอำนาจ หนังสือสัญญาต่างๆ หรือแม้แต่ใบสำคัญรับรองที่เกี่ยวข้องกับสถานะบุคคลและทรัพย์สิน การที่กฎหมายอาญาให้ความสำคัญและกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ เช่น ความผิดฐานปลอมเอกสาร หรือการใช้เอกสารปลอม ก็เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือของระบบเอกสารที่เป็นรากฐานของธุรกรรมและนิติการทั้งปวง การทำลายความน่าเชื่อถือของเอกสารสิทธิ์เท่ากับการทำลายความสงบเรียบร้อยและยุติธรรมในสังคม ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจความหมายและขอบเขตของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่นักกฎหมายเท่านั้น

    กล่าวโดยสรุป เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายอาญาคือเครื่องมือทางกฎหมายที่มีอำนาจในการกำหนด ทบทวน และยุติความสัมพันธ์ทางสิทธิระหว่างบุคคล การให้ความสำคัญกับหลักฐานที่ใช้ในการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธินั้น สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของกฎหมายในการสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการได้มาหรือการสูญเสียสิทธิ การกระทำใดๆ ที่มุ่งบิดเบือนหรือทำให้เอกสารสิทธิ์บกพร่อง จึงถือเป็นการบ่อนทำลายความยุติธรรมและระบบกฎหมายอย่างร้ายแรง การรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องและแท้จริงของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นหลักประกันสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนในประเทศนั่นเอง
    บทความกฎหมาย EP.9 เอกสารสิทธิ์ในมุมมองของกฎหมายอาญาไม่ใช่แค่กระดาษ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งและสำคัญยิ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญากำหนดไว้ เอกสารประเภทนี้หมายถึงหลักฐานที่เป็นกุญแจสำคัญในการก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ การปรับเปลี่ยนเนื้อหาหรือขอบเขตของสิทธิที่มีอยู่ การโอนถ่ายสิทธิจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง การสงวนรักษาสิทธิเพื่อป้องกันการสูญหาย หรือแม้แต่การระงับสิ้นสุดซึ่งสิทธินั้นๆ หากมองผิวเผินอาจเป็นเพียงเอกสารทั่วไป แต่ในทางกฎหมายอาญา เอกสารที่ถูกระบุว่าเป็นเอกสารสิทธิ์จะมีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ เพราะการปลอมแปลงหรือการกระทำใดๆ อันมิชอบต่อเอกสารเหล่านี้ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานะและผลประโยชน์ทางกฎหมายของผู้คน ทำให้เอกสารสิทธิ์กลายเป็นหัวใจสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางนิติสัมพันธ์ในสังคม เนื้อหาสำคัญของเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายอาญาจึงเน้นย้ำถึงบทบาทของการเป็นพยานหลักฐานที่ผูกพันทางกฎหมาย การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิไม่ว่าจะเป็นการสร้าง การแก้ไข การย้ายมือ การรักษาไว้ หรือการยกเลิก ล้วนต้องอาศัยเอกสารเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันความชอบธรรมและเจตนาของคู่กรณี ตัวอย่างที่พบได้บ่อย เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน โฉนดที่ดิน หนังสือมอบอำนาจ หนังสือสัญญาต่างๆ หรือแม้แต่ใบสำคัญรับรองที่เกี่ยวข้องกับสถานะบุคคลและทรัพย์สิน การที่กฎหมายอาญาให้ความสำคัญและกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ เช่น ความผิดฐานปลอมเอกสาร หรือการใช้เอกสารปลอม ก็เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือของระบบเอกสารที่เป็นรากฐานของธุรกรรมและนิติการทั้งปวง การทำลายความน่าเชื่อถือของเอกสารสิทธิ์เท่ากับการทำลายความสงบเรียบร้อยและยุติธรรมในสังคม ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจความหมายและขอบเขตของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่นักกฎหมายเท่านั้น กล่าวโดยสรุป เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายอาญาคือเครื่องมือทางกฎหมายที่มีอำนาจในการกำหนด ทบทวน และยุติความสัมพันธ์ทางสิทธิระหว่างบุคคล การให้ความสำคัญกับหลักฐานที่ใช้ในการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธินั้น สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของกฎหมายในการสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการได้มาหรือการสูญเสียสิทธิ การกระทำใดๆ ที่มุ่งบิดเบือนหรือทำให้เอกสารสิทธิ์บกพร่อง จึงถือเป็นการบ่อนทำลายความยุติธรรมและระบบกฎหมายอย่างร้ายแรง การรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องและแท้จริงของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นหลักประกันสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนในประเทศนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.8

    เอกสารราชการคือหลักฐานที่มีความสำคัญยิ่งในทางการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง หรือการประสานงานกับภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป เอกสารเหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงระบบราชการ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง และตรวจสอบได้ตามกฎหมาย ตั้งแต่หนังสือสั่งการ ข้อบังคับ ประกาศ ไปจนถึงรายงานการประชุมทุกฉบับล้วนเป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนถึงความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ การทำความเข้าใจในความหมายและประเภทของเอกสารราชการจึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนของงานราชการดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีมาตรฐาน และสามารถอ้างอิงได้อย่างเป็นทางการ

    ความน่าเชื่อถือและความศักดิ์สิทธิ์ของเอกสารราชการมิได้อยู่ที่กระดาษหรือหมึกที่ใช้ หากแต่อยู่ที่เนื้อหา ข้อกฎหมายที่รองรับ และเจตนาในการนำไปปฏิบัติ ซึ่งต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นที่ตั้ง เอกสารเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน บันทึกข้อตกลง สิทธิ และหน้าที่ รวมถึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของประเทศ ทุกการลงนาม ทุกตราประทับ ล้วนมีความหมายและมีผลผูกพันทางกฎหมาย การจัดทำ การเก็บรักษา และการทำลายเอกสารราชการจึงต้องเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันความผิดพลาด การทุจริต และการสูญหายของข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและการให้บริการประชาชนในวงกว้าง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงมีหน้าที่ในการดูแลและจัดการเอกสารเหล่านี้ด้วยความรอบคอบและสำนึกในความรับผิดชอบสูงสุด

    โดยสรุปแล้ว เอกสารราชการเป็นมากกว่ากระดาษหรือไฟล์ข้อมูล แต่คือสัญลักษณ์ของอำนาจรัฐ ความน่าเชื่อถือ และเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะให้บรรลุผลสำเร็จ การให้ความสำคัญกับการจัดทำและการบริหารจัดการเอกสารราชการอย่างมีมาตรฐานและเป็นระบบระเบียบ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยยกระดับธรรมาภิบาล สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
    บทความกฎหมาย EP.8 เอกสารราชการคือหลักฐานที่มีความสำคัญยิ่งในทางการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง หรือการประสานงานกับภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป เอกสารเหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงระบบราชการ ทำให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง และตรวจสอบได้ตามกฎหมาย ตั้งแต่หนังสือสั่งการ ข้อบังคับ ประกาศ ไปจนถึงรายงานการประชุมทุกฉบับล้วนเป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนถึงความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ การทำความเข้าใจในความหมายและประเภทของเอกสารราชการจึงเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนของงานราชการดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีมาตรฐาน และสามารถอ้างอิงได้อย่างเป็นทางการ ความน่าเชื่อถือและความศักดิ์สิทธิ์ของเอกสารราชการมิได้อยู่ที่กระดาษหรือหมึกที่ใช้ หากแต่อยู่ที่เนื้อหา ข้อกฎหมายที่รองรับ และเจตนาในการนำไปปฏิบัติ ซึ่งต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นที่ตั้ง เอกสารเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน บันทึกข้อตกลง สิทธิ และหน้าที่ รวมถึงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของประเทศ ทุกการลงนาม ทุกตราประทับ ล้วนมีความหมายและมีผลผูกพันทางกฎหมาย การจัดทำ การเก็บรักษา และการทำลายเอกสารราชการจึงต้องเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันความผิดพลาด การทุจริต และการสูญหายของข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจและการให้บริการประชาชนในวงกว้าง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนจึงมีหน้าที่ในการดูแลและจัดการเอกสารเหล่านี้ด้วยความรอบคอบและสำนึกในความรับผิดชอบสูงสุด โดยสรุปแล้ว เอกสารราชการเป็นมากกว่ากระดาษหรือไฟล์ข้อมูล แต่คือสัญลักษณ์ของอำนาจรัฐ ความน่าเชื่อถือ และเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะให้บรรลุผลสำเร็จ การให้ความสำคัญกับการจัดทำและการบริหารจัดการเอกสารราชการอย่างมีมาตรฐานและเป็นระบบระเบียบ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยยกระดับธรรมาภิบาล สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    -------------------------------------------------------------
    ข้อมูลทั้งหมดของโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี สำหรับสื่อมวลชน (Press Kit)
    https://drive.google.com/.../1o0bROjNZGeM20GDkzGgiNBtVh4g...
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี ร่วมกันเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ ------------------------------------------------------------- ข้อมูลทั้งหมดของโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี สำหรับสื่อมวลชน (Press Kit) https://drive.google.com/.../1o0bROjNZGeM20GDkzGgiNBtVh4g... . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี ร่วมกันเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ–จีนบรรลุกรอบข้อตกลงการค้า – อาจหลีกเลี่ยงภาษี 100% และควบคุมแร่หายาก

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะซื้อพัดลม CPU หรือเมนบอร์ดจากจีน แล้วจู่ๆ ราคาพุ่งขึ้น 100% เพราะภาษีนำเข้า – นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีตามแผนเดิม แต่ตอนนี้มีข่าวดีว่าอาจไม่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นแล้ว

    สหรัฐฯ และจีนกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี 100% สำหรับสินค้าจากจีน เช่น เคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ที่ยังผลิตโดยจีนเป็นหลัก แม้ว่า GPU และ CPU จะเริ่มกระจายการผลิตไปยังประเทศอื่นแล้ว

    อีกประเด็นสำคัญคือ “แร่หายาก” เช่น นีโอไดเมียม, เซอเรียม, แลนทานัม และดิสโพรเซียม ที่ใช้ในพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ซึ่งจีนควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ไม่ใช่แค่แร่ดิบ

    ข้อตกลงใหม่นี้อาจช่วยให้จีน “ผ่อนปรน” การควบคุมแร่หายากชั่วคราว และลดแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังเตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ปลายปี

    อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต้องรอการอนุมัติจากประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในการประชุมระดับสูงที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

    ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน
    อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการอนุมัติ
    อาจช่วยหลีกเลี่ยงภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน
    รวมถึงเคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น

    การควบคุมแร่หายากของจีน
    ขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก
    ส่งผลต่อพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา
    จีนอาจผ่อนปรนการควบคุมชั่วคราวตามข้อตกลง

    ความสำคัญของแร่หายาก
    ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น พัดลม CPU, HDD, PSU
    จีนครองตลาดการแปรรูปแร่หายากกว่า 80%
    ไม่มีทางเลือกอื่นในระยะสั้นสำหรับผู้ผลิตทั่วโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-china-trade-framework-could-avoid-tariffs-and-rare-earth-curbs
    🌐 สหรัฐฯ–จีนบรรลุกรอบข้อตกลงการค้า – อาจหลีกเลี่ยงภาษี 100% และควบคุมแร่หายาก ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะซื้อพัดลม CPU หรือเมนบอร์ดจากจีน แล้วจู่ๆ ราคาพุ่งขึ้น 100% เพราะภาษีนำเข้า – นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีตามแผนเดิม แต่ตอนนี้มีข่าวดีว่าอาจไม่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นแล้ว สหรัฐฯ และจีนกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี 100% สำหรับสินค้าจากจีน เช่น เคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ที่ยังผลิตโดยจีนเป็นหลัก แม้ว่า GPU และ CPU จะเริ่มกระจายการผลิตไปยังประเทศอื่นแล้ว อีกประเด็นสำคัญคือ “แร่หายาก” เช่น นีโอไดเมียม, เซอเรียม, แลนทานัม และดิสโพรเซียม ที่ใช้ในพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ซึ่งจีนควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ไม่ใช่แค่แร่ดิบ ข้อตกลงใหม่นี้อาจช่วยให้จีน “ผ่อนปรน” การควบคุมแร่หายากชั่วคราว และลดแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังเตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ปลายปี อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต้องรอการอนุมัติจากประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในการประชุมระดับสูงที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ✅ ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ➡️ อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการอนุมัติ ➡️ อาจช่วยหลีกเลี่ยงภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน ➡️ รวมถึงเคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ✅ การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ ขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ➡️ ส่งผลต่อพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ➡️ จีนอาจผ่อนปรนการควบคุมชั่วคราวตามข้อตกลง ✅ ความสำคัญของแร่หายาก ➡️ ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น พัดลม CPU, HDD, PSU ➡️ จีนครองตลาดการแปรรูปแร่หายากกว่า 80% ➡️ ไม่มีทางเลือกอื่นในระยะสั้นสำหรับผู้ผลิตทั่วโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-china-trade-framework-could-avoid-tariffs-and-rare-earth-curbs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    US–China reach trade framework that could avert 100% tariffs and pause rare-earth curbs — development comes as Trump and Xi prepare to meet this week
    US and Chinese trade negotiators say they’ve reached a framework agreement that, if approved by both governments this week, would roll back proposed 100% tariffs on Chinese imports and pause Beijing’s escalating export restrictions on rare-earth materials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บั๊กเดียวเปลี่ยนชีวิต! เมื่อ PyTorch สอนมากกว่าหลายปีที่ใช้งาน”

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเทรนโมเดล deep learning บน MacBook ด้วย PyTorch แล้วอยู่ดีๆ loss ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ ทั้งที่คุณมั่นใจว่าโค้ดไม่มีปัญหา… นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของ Elana Simon นักวิจัยจาก Stanford ที่ค้นพบว่าไม่ใช่แค่ hyperparameter ที่ผิด แต่เป็นบั๊กลึกใน PyTorch ที่ซ่อนอยู่ในระดับ kernel บน Apple Silicon GPU!

    เธอเริ่มจากการสงสัยตัวเอง ลองปรับทุกอย่างที่คิดได้ ตั้งแต่ learning rate ไปจนถึง auxiliary loss แต่ encoder weights กลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ decoder weights กลับอัปเดตตามปกติ สุดท้ายเธอพบว่า optimizer Adam บน MPS (Metal Performance Shaders) มีปัญหากับ tensor ที่ไม่ contiguous ซึ่งทำให้บาง operation อย่าง addcmul_() และ addcdiv_() ไม่อัปเดตค่าเลยแม้จะคำนวณเสร็จแล้ว!

    การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การเรียก .contiguous() แต่ยังต้องเข้าใจการทำงานของ kernel, memory layout, และ dispatch system ของ PyTorch อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเธอได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการไล่ debug ทีละขั้นตอน และสุดท้ายก็สามารถแก้บั๊กได้เอง พร้อมส่ง pull request ไปยัง PyTorch repo!

    นอกจากนั้น เธอยังพบว่า operation อื่นๆ เช่น random_() ก็มีบั๊กแบบเดียวกัน และทั้งหมดนี้เกิดจาก abstraction ที่ “รั่ว” ของ Placeholder ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจัดการกับ output tensor หรือ input tensor

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแก้บั๊ก แต่เป็นบทเรียนสำคัญในการเข้าใจระบบที่เราใช้งานอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนกล้าลงลึกเพื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง framework ที่เราใช้ทุกวัน

    ปัญหาเริ่มต้นจาก loss ที่ไม่ลดลง
    เกิดขึ้นกับ encoder weights ที่ไม่อัปเดตเลย

    การตรวจสอบพบว่า gradients มีอยู่จริง
    encoder มี gradient ขนาดใหญ่และไม่เป็น NaN

    Optimizer Adam เป็นต้นเหตุ
    encoder weights ไม่อัปเดตเมื่อใช้ Adam แต่ทำงานปกติเมื่อใช้ SGD

    การตรวจสอบ state ของ Adam พบว่า exp_avg_sq เป็นศูนย์
    ทั้งที่ควรมีค่าเพราะ gradients ไม่เป็นศูนย์

    การเปลี่ยนไปใช้ float64 ทำให้ปัญหาหายไป
    แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเปลี่ยนจาก MPS ไปใช้ CPU โดยไม่ตั้งใจ

    ปัญหาเกิดจาก device-specific kernel บน MPS
    บาง operation ไม่สามารถเขียนค่าลงใน non-contiguous tensor ได้

    การแก้ไขคือการทำ tensor ให้ contiguous ก่อนใช้งาน
    โดยเรียก .contiguous() ก่อน optimizer step

    การตรวจสอบ source code พบว่า operation บางตัวไม่เช็ค contiguity
    เช่น addcmul_() และ addcdiv_() บน MPS ไม่ทำ copy-back

    การแก้ไขใน PyTorch v2.4 ได้แก้ปัญหานี้แล้ว
    โดยเพิ่มขั้นตอน copy-back สำหรับ non-contiguous output

    macOS 15 รองรับ non-contiguous tensor โดยตรง
    ลดความจำเป็นในการ workaround ด้วยการ copy

    https://elanapearl.github.io/blog/2025/the-bug-that-taught-me-pytorch/
    🧠 “บั๊กเดียวเปลี่ยนชีวิต! เมื่อ PyTorch สอนมากกว่าหลายปีที่ใช้งาน” ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเทรนโมเดล deep learning บน MacBook ด้วย PyTorch แล้วอยู่ดีๆ loss ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ ทั้งที่คุณมั่นใจว่าโค้ดไม่มีปัญหา… นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยของ Elana Simon นักวิจัยจาก Stanford ที่ค้นพบว่าไม่ใช่แค่ hyperparameter ที่ผิด แต่เป็นบั๊กลึกใน PyTorch ที่ซ่อนอยู่ในระดับ kernel บน Apple Silicon GPU! เธอเริ่มจากการสงสัยตัวเอง ลองปรับทุกอย่างที่คิดได้ ตั้งแต่ learning rate ไปจนถึง auxiliary loss แต่ encoder weights กลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ decoder weights กลับอัปเดตตามปกติ สุดท้ายเธอพบว่า optimizer Adam บน MPS (Metal Performance Shaders) มีปัญหากับ tensor ที่ไม่ contiguous ซึ่งทำให้บาง operation อย่าง addcmul_() และ addcdiv_() ไม่อัปเดตค่าเลยแม้จะคำนวณเสร็จแล้ว! การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การเรียก .contiguous() แต่ยังต้องเข้าใจการทำงานของ kernel, memory layout, และ dispatch system ของ PyTorch อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเธอได้เรียนรู้ทั้งหมดจากการไล่ debug ทีละขั้นตอน และสุดท้ายก็สามารถแก้บั๊กได้เอง พร้อมส่ง pull request ไปยัง PyTorch repo! นอกจากนั้น เธอยังพบว่า operation อื่นๆ เช่น random_() ก็มีบั๊กแบบเดียวกัน และทั้งหมดนี้เกิดจาก abstraction ที่ “รั่ว” ของ Placeholder ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจัดการกับ output tensor หรือ input tensor เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การแก้บั๊ก แต่เป็นบทเรียนสำคัญในการเข้าใจระบบที่เราใช้งานอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนกล้าลงลึกเพื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง framework ที่เราใช้ทุกวัน ✅ ปัญหาเริ่มต้นจาก loss ที่ไม่ลดลง ➡️ เกิดขึ้นกับ encoder weights ที่ไม่อัปเดตเลย ✅ การตรวจสอบพบว่า gradients มีอยู่จริง ➡️ encoder มี gradient ขนาดใหญ่และไม่เป็น NaN ✅ Optimizer Adam เป็นต้นเหตุ ➡️ encoder weights ไม่อัปเดตเมื่อใช้ Adam แต่ทำงานปกติเมื่อใช้ SGD ✅ การตรวจสอบ state ของ Adam พบว่า exp_avg_sq เป็นศูนย์ ➡️ ทั้งที่ควรมีค่าเพราะ gradients ไม่เป็นศูนย์ ✅ การเปลี่ยนไปใช้ float64 ทำให้ปัญหาหายไป ➡️ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเปลี่ยนจาก MPS ไปใช้ CPU โดยไม่ตั้งใจ ✅ ปัญหาเกิดจาก device-specific kernel บน MPS ➡️ บาง operation ไม่สามารถเขียนค่าลงใน non-contiguous tensor ได้ ✅ การแก้ไขคือการทำ tensor ให้ contiguous ก่อนใช้งาน ➡️ โดยเรียก .contiguous() ก่อน optimizer step ✅ การตรวจสอบ source code พบว่า operation บางตัวไม่เช็ค contiguity ➡️ เช่น addcmul_() และ addcdiv_() บน MPS ไม่ทำ copy-back ✅ การแก้ไขใน PyTorch v2.4 ได้แก้ปัญหานี้แล้ว ➡️ โดยเพิ่มขั้นตอน copy-back สำหรับ non-contiguous output ✅ macOS 15 รองรับ non-contiguous tensor โดยตรง ➡️ ลดความจำเป็นในการ workaround ด้วยการ copy https://elanapearl.github.io/blog/2025/the-bug-that-taught-me-pytorch/
    ELANAPEARL.GITHUB.IO
    the bug that taught me more about PyTorch than years of using it
    a loss plateau that looked like my mistake turned out to be a PyTorch bug. tracking it down meant peeling back every layer of abstraction, from optimizer internals to GPU kernels.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลงที่ทำให้ Evangelion เป็นมากกว่าอนิเมะ: เปิดตำนาน A Cruel Angel’s Thesis

    เพลง “A Cruel Angel’s Thesis” หรือที่รู้จักในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “Zankoku na Tenshi no Tēze” ถือเป็นหนึ่งในเพลงประกอบอนิเมะที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่นและทั่วโลก เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงเปิดของอนิเมะ Neon Genesis Evangelion ที่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1995 ทางสถานี TV Tokyo เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงยุคทองของอนิเมะในทศวรรษ 1990s ซึ่งผสมผสานธีมปรัชญา จิตวิทยา และแอ็กชันได้อย่างลงตัว บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติการสร้าง ผลงาน และความโด่งดังของเพลงนี้อย่างละเอียด โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เห็นภาพรวมการเดินทางจากเพลงประกอบอนิเมะธรรมดาสู่ไอคอนระดับโลก

    ต้นกำเนิดและแรงบันดาลใจของเพลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อนิเมะ Neon Genesis Evangelion กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต โดยผู้กำกับ Hideaki Anno จากสตูดิโอ Gainax เดิมที Anno ต้องการใช้เพลงคลาสสิกจากโอเปร่ารัสเซียเรื่อง Prince Igor ชื่อ “Polovtsian Dances” ของ Alexander Borodin เป็นเพลงเปิด เพื่อสร้างความแปลกใหม่และทดลอง แต่สถานีโทรทัศน์ปฏิเสธเพราะเห็นว่าเพลงนั้น “ก้าวหน้าจนเกินไป” สำหรับอนิเมะที่ออกอากาศช่วงดึก จึงเปลี่ยนมาใช้เพลง J-Pop ซึ่งเป็นแนวเพลงยอดนิยมในญี่ปุ่นในเวลานั้น

    คำร้องของเพลงเขียนโดย Neko Oikawa ที่ได้รับมอบหมายให้สร้างเนื้อหาที่ “ยากและปรัชญา” เพื่อสะท้อนธีมของอนิเมะที่เกี่ยวกับการต่อสู้ภายในจิตใจมนุษย์ ชะตากรรม และการเติบโต แม้ว่า Oikawa จะมีข้อมูลจำกัด เธอเพียงแค่ได้อ่านแผนเสนอโครงการและดูตอนแรกๆ ของอนิเมะแบบเร่งความเร็ว ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงในการเขียนคำร้องทั้งหมด โดยมองผ่านมุมมองของ “แม่” ที่ไม่อยากให้ลูกเติบโตและออกจากรัง แต่ต้องยอมรับชะตากรรม ชื่อเพลงได้รับแรงบันดาลใจจากมังงะ “A Cruel God Reigns” (Zankoku na Kami ga Shihai Suru) ของ Moto Hagio ซึ่งมีเนื้อหามืดมนเกี่ยวกับเด็กชายวัย 15 ปีที่เผชิญกับความทุกข์ทรมานจากความผิด การใช้ยาเสพติด และการค้าประเวณี แต่ Oikawa เลือกเน้นธีม “แม่และลูก” แทนโดยไม่ใช้ส่วนที่มืดมนเหล่านั้น

    ทำนองเพลงแต่งโดย Hidetoshi Sato และจัดโดย Toshiyuki Omori โดยการผลิตทั้งหมดเกิดขึ้นแยกจากทีมอนิเมะเพื่อรักษาความเป็นอิสระและความสดใหม่ เพลงนี้มีส่วน instrumental ที่น่าสนใจ เช่น คอรัสในภาษาที่ไม่สามารถแปลได้ ซึ่งบางคนเชื่อว่าได้รับแรงบันดาลใจจากภาษาโบราณหรือ Dead Sea Scrolls นอกจากนี้ Anno ยังขอปรับคำร้องบางส่วน เช่น เปลี่ยนจาก “กลายเป็นอาวุธ” เป็น “กลายเป็นตำนาน” เพื่อเน้นความรักของแม่มากขึ้น และตัดคอรัสชายออกไป

    Yoko Takahashi นักร้องนำ ได้รับเลือกแบบสุ่มและบันทึกเสียงโดยไม่ทราบรายละเอียดของอนิเมะมากนัก เธอพบกับ Anno ครั้งแรกในวันบันทึกเสียง และได้ยินเพลงเปิดตัวพร้อมเสียงของตัวเองครั้งแรกตอนออกอากาศทางทีวี เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ 11 ของเธอ และปล่อยออกมาในวันที่ 25 ตุลาคม 1995 ภายใต้ catalog KIDA-116 พร้อมเพลง “Fly Me to the Moon” ซึ่งเป็นเพลงปิดเรื่อง

    กระบวนการผลิตเพลงเกิดขึ้นก่อนที่อนิเมะจะเสร็จสิ้น โดย Toshimichi Otsuki จาก King Records เป็นผู้ดูแลทีมดนตรีแยกต่างหากจาก Anno เพื่อหลีกเลี่ยงการแทรกแซง แม้กระบวนการจะเร่งรีบ เพลงกลับเข้ากับภาพเปิดเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเวอร์ชัน instrumental สองเวอร์ชันในตอนจบของอนิเมะ ได้แก่ “The Heady Feeling of Freedom” ซึ่งเป็นชิ้นเศร้าๆ สำหรับเครื่องสายและกีตาร์ และ “Good, or Don’t Be” ที่เล่นด้วยเปียโนและกีตาร์เบาๆ เวอร์ชันคล้ายกันยังปรากฏในภาพยนตร์ Evangelion: Death and Rebirth

    ตลอดหลายปี เพลงนี้มีเวอร์ชันรีมิกซ์และ cover มากมาย รวมถึงเวอร์ชัน Director’s Edit และเวอร์ชันในภาพยนตร์ Rebuild of Evangelion Takahashi ยังคงฝึกซ้อมร้องเพลงนี้ทุกวัน สูงสุด 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะส่วน a cappella ที่ยาก เพื่อให้การแสดงสดยังคงความสดใหม่เหมือนเดิม ในปี 2021 เธอออกหนังสือสอนร้องเพลงนี้และ “Soul’s Refrain” โดยแนะนำให้เริ่มจาก tempo ช้าๆ และฝึก melody ก่อน

    ความสำเร็จของเพลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังปล่อยออกมา เพลงขึ้นอันดับ 17 ในชาร์ต Oricon และอยู่ในชาร์ตนานถึง 61 สัปดาห์ กลายเป็นเพลงอนิเมะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่น โดยติดอันดับต้นๆ ในโพล anisong และคาราโอเกะอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 เพลงนี้ยังติดอันดับ 4 ในชาร์ตคาราโอเกะ JOYSOUND สำหรับครึ่งปีแรก แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนแม้ผ่านไปเกือบ 30 ปี ตามข้อมูลจาก Japanese Society for Rights of Authors, Composers and Publishers เพลงนี้ยังคงเป็นเพลงที่สร้างรายได้จากลิขสิทธิ์สูงสุดในญี่ปุ่น

    ในระดับสากล เพลงนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพลงเปิดอนิเมะที่จดจำได้มากที่สุด แม้แต่คนที่ไม่เคยดูอนิเมะก็รู้จัก มันกลายเป็น meme บนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในวิดีโอ YouTube และ Reddit ที่นำไป remix หรือ parody นอกจากนี้ยังถูกนำไป sample ในเพลงฮิปฮอป เช่น ในเพลง “Evangelica” ของศิลปินอเมริกัน Albe Back ในปี 2022 ความนิยมยังขยายไปสู่การแสดงสด โดย Takahashi แสดงเพลงนี้ในงานใหญ่ๆ เช่น Anime NYC 2025 ที่เธอชักชวนแฟนๆ ร้องตามทั้งฮอลล์, AnimagiC 2025 ในเยอรมนี และแม้แต่ในรายการปีใหม่ของสถานีโทรทัศน์ตุรกีในปี 2024

    กว่าเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา “A Cruel Angel’s Thesis” ไม่ได้เป็นเพียงเพลงเปิดของ Neon Genesis Evangelion เท่านั้น แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอนิเมะญี่ปุ่นที่หลอมรวมปรัชญา ดนตรี และอารมณ์ของยุคสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม เสียงร้องของ Yoko Takahashi ไม่ได้เพียงปลุกผู้ชมให้ตื่นขึ้นในตอนต้นของทุกตอน แต่ยังปลุกให้คนทั้งรุ่นหันกลับมามอง “ตัวตน” และ “ความหมายของการเติบโต” ที่ Evangelion ต้องการสื่อ

    ทุกครั้งที่เสียงอินโทรแรกดังขึ้น ความทรงจำของแฟน ๆ ทั่วโลกก็ยังคงถ่ายทอดต่อกันเหมือนเทวทูตที่ไม่เคยหลับใหล เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า “ดนตรี” สามารถสร้างพลังให้ภาพยนตร์หรืออนิเมะกลายเป็นตำนานได้จริง และแม้โลกจะเปลี่ยนไปเพียงใด ท่วงทำนองแห่งเทวทูตผู้โหดร้ายนี้…ก็จะยังคงก้องอยู่ในใจผู้คนตราบนานเท่านาน

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/y5wkebBCwAE
    🎶 เพลงที่ทำให้ Evangelion เป็นมากกว่าอนิเมะ: เปิดตำนาน A Cruel Angel’s Thesis ▶️ เพลง “A Cruel Angel’s Thesis” หรือที่รู้จักในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “Zankoku na Tenshi no Tēze” ถือเป็นหนึ่งในเพลงประกอบอนิเมะที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อปของญี่ปุ่นและทั่วโลก เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงเปิดของอนิเมะ Neon Genesis Evangelion ที่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 1995 ทางสถานี TV Tokyo เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงยุคทองของอนิเมะในทศวรรษ 1990s ซึ่งผสมผสานธีมปรัชญา จิตวิทยา และแอ็กชันได้อย่างลงตัว บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติการสร้าง ผลงาน และความโด่งดังของเพลงนี้อย่างละเอียด โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เห็นภาพรวมการเดินทางจากเพลงประกอบอนิเมะธรรมดาสู่ไอคอนระดับโลก 🎂 ต้นกำเนิดและแรงบันดาลใจของเพลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อนิเมะ Neon Genesis Evangelion กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต โดยผู้กำกับ Hideaki Anno จากสตูดิโอ Gainax เดิมที Anno ต้องการใช้เพลงคลาสสิกจากโอเปร่ารัสเซียเรื่อง Prince Igor ชื่อ “Polovtsian Dances” ของ Alexander Borodin เป็นเพลงเปิด เพื่อสร้างความแปลกใหม่และทดลอง แต่สถานีโทรทัศน์ปฏิเสธเพราะเห็นว่าเพลงนั้น “ก้าวหน้าจนเกินไป” สำหรับอนิเมะที่ออกอากาศช่วงดึก จึงเปลี่ยนมาใช้เพลง J-Pop ซึ่งเป็นแนวเพลงยอดนิยมในญี่ปุ่นในเวลานั้น ✍️ คำร้องของเพลงเขียนโดย Neko Oikawa ที่ได้รับมอบหมายให้สร้างเนื้อหาที่ “ยากและปรัชญา” เพื่อสะท้อนธีมของอนิเมะที่เกี่ยวกับการต่อสู้ภายในจิตใจมนุษย์ ชะตากรรม และการเติบโต แม้ว่า Oikawa จะมีข้อมูลจำกัด เธอเพียงแค่ได้อ่านแผนเสนอโครงการและดูตอนแรกๆ ของอนิเมะแบบเร่งความเร็ว ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงในการเขียนคำร้องทั้งหมด โดยมองผ่านมุมมองของ “แม่” ที่ไม่อยากให้ลูกเติบโตและออกจากรัง แต่ต้องยอมรับชะตากรรม ชื่อเพลงได้รับแรงบันดาลใจจากมังงะ “A Cruel God Reigns” (Zankoku na Kami ga Shihai Suru) ของ Moto Hagio ซึ่งมีเนื้อหามืดมนเกี่ยวกับเด็กชายวัย 15 ปีที่เผชิญกับความทุกข์ทรมานจากความผิด การใช้ยาเสพติด และการค้าประเวณี แต่ Oikawa เลือกเน้นธีม “แม่และลูก” แทนโดยไม่ใช้ส่วนที่มืดมนเหล่านั้น 🎼 ทำนองเพลงแต่งโดย Hidetoshi Sato และจัดโดย Toshiyuki Omori โดยการผลิตทั้งหมดเกิดขึ้นแยกจากทีมอนิเมะเพื่อรักษาความเป็นอิสระและความสดใหม่ เพลงนี้มีส่วน instrumental ที่น่าสนใจ เช่น คอรัสในภาษาที่ไม่สามารถแปลได้ ซึ่งบางคนเชื่อว่าได้รับแรงบันดาลใจจากภาษาโบราณหรือ Dead Sea Scrolls นอกจากนี้ Anno ยังขอปรับคำร้องบางส่วน เช่น เปลี่ยนจาก “กลายเป็นอาวุธ” เป็น “กลายเป็นตำนาน” เพื่อเน้นความรักของแม่มากขึ้น และตัดคอรัสชายออกไป 🎤 Yoko Takahashi นักร้องนำ ได้รับเลือกแบบสุ่มและบันทึกเสียงโดยไม่ทราบรายละเอียดของอนิเมะมากนัก เธอพบกับ Anno ครั้งแรกในวันบันทึกเสียง และได้ยินเพลงเปิดตัวพร้อมเสียงของตัวเองครั้งแรกตอนออกอากาศทางทีวี เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ 11 ของเธอ และปล่อยออกมาในวันที่ 25 ตุลาคม 1995 ภายใต้ catalog KIDA-116 พร้อมเพลง “Fly Me to the Moon” ซึ่งเป็นเพลงปิดเรื่อง 💿 กระบวนการผลิตเพลงเกิดขึ้นก่อนที่อนิเมะจะเสร็จสิ้น โดย Toshimichi Otsuki จาก King Records เป็นผู้ดูแลทีมดนตรีแยกต่างหากจาก Anno เพื่อหลีกเลี่ยงการแทรกแซง แม้กระบวนการจะเร่งรีบ เพลงกลับเข้ากับภาพเปิดเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเวอร์ชัน instrumental สองเวอร์ชันในตอนจบของอนิเมะ ได้แก่ “The Heady Feeling of Freedom” ซึ่งเป็นชิ้นเศร้าๆ สำหรับเครื่องสายและกีตาร์ และ “Good, or Don’t Be” ที่เล่นด้วยเปียโนและกีตาร์เบาๆ เวอร์ชันคล้ายกันยังปรากฏในภาพยนตร์ Evangelion: Death and Rebirth 🎗️ตลอดหลายปี เพลงนี้มีเวอร์ชันรีมิกซ์และ cover มากมาย รวมถึงเวอร์ชัน Director’s Edit และเวอร์ชันในภาพยนตร์ Rebuild of Evangelion Takahashi ยังคงฝึกซ้อมร้องเพลงนี้ทุกวัน สูงสุด 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะส่วน a cappella ที่ยาก เพื่อให้การแสดงสดยังคงความสดใหม่เหมือนเดิม ในปี 2021 เธอออกหนังสือสอนร้องเพลงนี้และ “Soul’s Refrain” โดยแนะนำให้เริ่มจาก tempo ช้าๆ และฝึก melody ก่อน 🏆 ความสำเร็จของเพลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังปล่อยออกมา เพลงขึ้นอันดับ 17 ในชาร์ต Oricon และอยู่ในชาร์ตนานถึง 61 สัปดาห์ กลายเป็นเพลงอนิเมะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่น โดยติดอันดับต้นๆ ในโพล anisong และคาราโอเกะอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 เพลงนี้ยังติดอันดับ 4 ในชาร์ตคาราโอเกะ JOYSOUND สำหรับครึ่งปีแรก แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนแม้ผ่านไปเกือบ 30 ปี ตามข้อมูลจาก Japanese Society for Rights of Authors, Composers and Publishers เพลงนี้ยังคงเป็นเพลงที่สร้างรายได้จากลิขสิทธิ์สูงสุดในญี่ปุ่น 🌏 ในระดับสากล เพลงนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพลงเปิดอนิเมะที่จดจำได้มากที่สุด แม้แต่คนที่ไม่เคยดูอนิเมะก็รู้จัก มันกลายเป็น meme บนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในวิดีโอ YouTube และ Reddit ที่นำไป remix หรือ parody นอกจากนี้ยังถูกนำไป sample ในเพลงฮิปฮอป เช่น ในเพลง “Evangelica” ของศิลปินอเมริกัน Albe Back ในปี 2022 ความนิยมยังขยายไปสู่การแสดงสด โดย Takahashi แสดงเพลงนี้ในงานใหญ่ๆ เช่น Anime NYC 2025 ที่เธอชักชวนแฟนๆ ร้องตามทั้งฮอลล์, AnimagiC 2025 ในเยอรมนี และแม้แต่ในรายการปีใหม่ของสถานีโทรทัศน์ตุรกีในปี 2024 ⌛ กว่าเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา “A Cruel Angel’s Thesis” ไม่ได้เป็นเพียงเพลงเปิดของ Neon Genesis Evangelion เท่านั้น แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอนิเมะญี่ปุ่นที่หลอมรวมปรัชญา ดนตรี และอารมณ์ของยุคสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม เสียงร้องของ Yoko Takahashi ไม่ได้เพียงปลุกผู้ชมให้ตื่นขึ้นในตอนต้นของทุกตอน แต่ยังปลุกให้คนทั้งรุ่นหันกลับมามอง “ตัวตน” และ “ความหมายของการเติบโต” ที่ Evangelion ต้องการสื่อ 📻 ทุกครั้งที่เสียงอินโทรแรกดังขึ้น ความทรงจำของแฟน ๆ ทั่วโลกก็ยังคงถ่ายทอดต่อกันเหมือนเทวทูตที่ไม่เคยหลับใหล เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า “ดนตรี” สามารถสร้างพลังให้ภาพยนตร์หรืออนิเมะกลายเป็นตำนานได้จริง และแม้โลกจะเปลี่ยนไปเพียงใด ท่วงทำนองแห่งเทวทูตผู้โหดร้ายนี้…ก็จะยังคงก้องอยู่ในใจผู้คนตราบนานเท่านาน 💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/y5wkebBCwAE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน”

    ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก!

    ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ

    อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา

    บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ

    กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ

    กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว”
    อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass
    มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)”
    มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก

    การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ
    เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่
    บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม
    ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ

    คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
    LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้
    เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ
    แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon
    เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit
    ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม
    มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ
    อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง
    หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที
    ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี
    หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ

    https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    🪦 “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน” ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก! ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ ✅ กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว” ➡️ อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass ➡️ มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” ➡️ มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก ✅ การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ ➡️ เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่ ➡️ บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม ➡️ ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ ✅ คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ➡️ LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้ ➡️ เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ ➡️ แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon ➡️ เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit ➡️ ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม ➡️ มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ ⛔ อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง ⛔ หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที ⛔ ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี ⛔ หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Scammers try to trick LastPass users into giving up credentials by telling them they’re dead
    Oddly worded pitch aimed at the living aims to get victims to click on a malicious link if they think the message isn’t for them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล”

    รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น

    ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก

    และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม

    องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด

    สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report
    40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย
    27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา
    80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล

    ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว
    เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย
    แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส
    การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว

    ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล
    แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว
    การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

    กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น
    ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ
    แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า
    การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย

    คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่
    ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน
    อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร
    การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด

    https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    💸 “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล” รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด ✅ สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report ➡️ 40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย ➡️ 27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ 80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว ➡️ เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย ➡️ แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส ➡️ การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว ✅ ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล ➡️ แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว ➡️ การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ✅ กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ➡️ ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ ➡️ แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย ➡️ ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า ➡️ การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่ ⛔ ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน ⛔ อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร ⛔ การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น ⛔ อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ransomware recovery perils: 40% of paying victims still lose their data
    Paying the ransom is no guarantee of a smooth or even successful recovery of data. But that isn’t even the only issue security leaders will face under fire. Preparation is key.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟีเจอร์ลับบน Android: “App Archiving” ตัวช่วยจัดระเบียบมือถือโดยไม่ต้องลบแอป

    หลายคนมีแอปในมือถือมากมาย ทั้งที่ใช้ทุกวันและแอปที่โหลดมาแล้วแทบไม่ได้แตะ เช่น แอปจองโรงแรม, สแกน QR, หรือแปลภาษา ซึ่งแม้จะไม่ได้ใช้บ่อย แต่ก็ยังจำเป็นในบางช่วงเวลา ปัญหาคือแอปเหล่านี้กินพื้นที่เก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น และการลบออกก็ยุ่งยากเมื่อต้องติดตั้งใหม่

    Android จึงเปิดตัวฟีเจอร์ “App Archiving” ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยจะลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราว, สิทธิ์การเข้าถึง และตัวซอฟต์แวร์หลัก แต่ยังเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ครบ ทำให้สามารถเรียกคืนแอปได้ทันทีเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องตั้งค่าใหม่

    สรุปฟีเจอร์ App Archiving บน Android

    1️⃣ วิธีการทำงานของ App Archiving
    หลักการของฟีเจอร์
    ลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราวและตัวซอฟต์แวร์
    เก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่อง เช่น การตั้งค่าและบัญชี
    แอปจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่สามารถเรียกคืนได้ทันที

    คำเตือน
    แอปที่ถูก archive จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้จนกว่าจะ restore
    หากพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม การ restore จะไม่สำเร็จ

    2️⃣ วิธีเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติผ่าน Google Play Store
    ขั้นตอนการตั้งค่า
    เปิด Google Play Store
    แตะไอคอนโปรไฟล์ > Settings
    ขยายแท็บ General แล้วเปิด “Automatically archive apps”
    ระบบจะ archive แอปที่ไม่ค่อยใช้เมื่อพื้นที่ใกล้เต็ม

    คำเตือน
    แอปจะถูก archive โดยอัตโนมัติเมื่อพื้นที่เริ่มเต็ม
    หากไม่ต้องการให้แอปบางตัวถูก archive ต้องตั้งค่าแยก

    3️⃣ วิธี archive แอปแบบแมนนวลผ่าน Settings
    ขั้นตอนการ archive ด้วยตนเอง
    เปิด Settings > Apps
    เลือกแอปที่ต้องการ archive
    กด “Archive” ที่ด้านล่าง
    แอปจะถูกทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และแสดงเป็นไอคอนจางพร้อมลูกศร

    คำเตือน
    ต้อง archive ทีละแอป ไม่สามารถเลือกหลายแอปพร้อมกันได้
    แอปที่ archive แล้วจะไม่สามารถตั้งค่าหรือเข้าถึงได้จนกว่าจะ restore

    4️⃣ วิธี restore แอปที่ถูก archive
    ขั้นตอนการเรียกคืนแอป
    แตะไอคอนแอปใน app drawer เพื่อ restore
    หรือไปที่ Settings > Apps > [ชื่อแอป] > Restore
    แอปจะถูกดาวน์โหลดใหม่จาก Play Store

    คำเตือน
    ต้องมีอินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแอปกลับมา
    หากพื้นที่เต็ม จะไม่สามารถติดตั้งแอปได้

    5️⃣ วิธีปิดการ archive อัตโนมัติสำหรับแอปบางตัว
    ขั้นตอนการยกเว้นแอป
    ไปที่ Settings > Apps
    เลือกแอปที่ต้องการยกเว้น
    ปิด “Manage app if unused”

    คำเตือน
    แอปที่ถูกยกเว้นจะไม่ถูก archive แม้จะไม่ใช้งานนาน
    อาจทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็มเร็วขึ้น

    https://www.slashgear.com/2001308/hidden-android-apps-archive-feature-how-use/
    📱 ฟีเจอร์ลับบน Android: “App Archiving” ตัวช่วยจัดระเบียบมือถือโดยไม่ต้องลบแอป หลายคนมีแอปในมือถือมากมาย ทั้งที่ใช้ทุกวันและแอปที่โหลดมาแล้วแทบไม่ได้แตะ เช่น แอปจองโรงแรม, สแกน QR, หรือแปลภาษา ซึ่งแม้จะไม่ได้ใช้บ่อย แต่ก็ยังจำเป็นในบางช่วงเวลา ปัญหาคือแอปเหล่านี้กินพื้นที่เก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น และการลบออกก็ยุ่งยากเมื่อต้องติดตั้งใหม่ Android จึงเปิดตัวฟีเจอร์ “App Archiving” ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยจะลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราว, สิทธิ์การเข้าถึง และตัวซอฟต์แวร์หลัก แต่ยังเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ครบ ทำให้สามารถเรียกคืนแอปได้ทันทีเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องตั้งค่าใหม่ 🔍 สรุปฟีเจอร์ App Archiving บน Android 1️⃣ วิธีการทำงานของ App Archiving ✅ หลักการของฟีเจอร์ ➡️ ลบเฉพาะส่วนที่ไม่จำเป็นของแอป เช่น ไฟล์ชั่วคราวและตัวซอฟต์แวร์ ➡️ เก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่อง เช่น การตั้งค่าและบัญชี ➡️ แอปจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่สามารถเรียกคืนได้ทันที ‼️ คำเตือน ⛔ แอปที่ถูก archive จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้จนกว่าจะ restore ⛔ หากพื้นที่เก็บข้อมูลเต็ม การ restore จะไม่สำเร็จ 2️⃣ วิธีเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติผ่าน Google Play Store ✅ ขั้นตอนการตั้งค่า ➡️ เปิด Google Play Store ➡️ แตะไอคอนโปรไฟล์ > Settings ➡️ ขยายแท็บ General แล้วเปิด “Automatically archive apps” ➡️ ระบบจะ archive แอปที่ไม่ค่อยใช้เมื่อพื้นที่ใกล้เต็ม ‼️ คำเตือน ⛔ แอปจะถูก archive โดยอัตโนมัติเมื่อพื้นที่เริ่มเต็ม ⛔ หากไม่ต้องการให้แอปบางตัวถูก archive ต้องตั้งค่าแยก 3️⃣ วิธี archive แอปแบบแมนนวลผ่าน Settings ✅ ขั้นตอนการ archive ด้วยตนเอง ➡️ เปิด Settings > Apps ➡️ เลือกแอปที่ต้องการ archive ➡️ กด “Archive” ที่ด้านล่าง ➡️ แอปจะถูกทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และแสดงเป็นไอคอนจางพร้อมลูกศร ‼️ คำเตือน ⛔ ต้อง archive ทีละแอป ไม่สามารถเลือกหลายแอปพร้อมกันได้ ⛔ แอปที่ archive แล้วจะไม่สามารถตั้งค่าหรือเข้าถึงได้จนกว่าจะ restore 4️⃣ วิธี restore แอปที่ถูก archive ✅ ขั้นตอนการเรียกคืนแอป ➡️ แตะไอคอนแอปใน app drawer เพื่อ restore ➡️ หรือไปที่ Settings > Apps > [ชื่อแอป] > Restore ➡️ แอปจะถูกดาวน์โหลดใหม่จาก Play Store ‼️ คำเตือน ⛔ ต้องมีอินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแอปกลับมา ⛔ หากพื้นที่เต็ม จะไม่สามารถติดตั้งแอปได้ 5️⃣ วิธีปิดการ archive อัตโนมัติสำหรับแอปบางตัว ✅ ขั้นตอนการยกเว้นแอป ➡️ ไปที่ Settings > Apps ➡️ เลือกแอปที่ต้องการยกเว้น ➡️ ปิด “Manage app if unused” ‼️ คำเตือน ⛔ แอปที่ถูกยกเว้นจะไม่ถูก archive แม้จะไม่ใช้งานนาน ⛔ อาจทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลเต็มเร็วขึ้น https://www.slashgear.com/2001308/hidden-android-apps-archive-feature-how-use/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Hidden Android Setting Makes Managing Apps Easier And Quicker - SlashGear
    Android’s app archiving feature automatically removes unused apps while keeping data safe, freeing storage and decluttering your phone.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts