• ในพิธีจบการศึกษาของฮาร์วาร์ดปีนี้ ฮาร์วาร์ดได้ให้นักศึกษาสาวสวยชาวจีนวัย 25 ปีเป็นหนึ่งในผู้กล่าวสปีชครับ

    เธอชื่อ ”ยูหรง เจียง - Yurong Luanna Jiang” เป็นว่าที่มหาบัณฑิตสาขาการพัฒนาระหว่างประเทศครับ

    สปีชของเธอชื่อว่า Our Humanity เป็นสปีชที่เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง

    ความตอนหนึ่งที่จับใจผมมากคือ

    “สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มากที่สุดจากฮาร์วาร์ด ไม่ใช่วิชาแคลคูลัสหรือวิชาวิเคราะห์การถดถอย แต่คือการรู้จักฝืนใจนั่งลงแล้วรับฟังอย่างตั้งใจ

    และเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็อย่าให้จิตใจกระด้างตามมันไป

    เพราะถ้าเรายังเชื่อในอนาคตที่จะมีร่วมกันแล้ว ก็อย่าได้ลืมไปว่า ผู้คนที่เราเรียกเขาว่า”ศัตรู“นั้น เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา…“

    “What I’ve gained most from Harvard isn’t Calculus or Regression Analysis. It’s to sit with discomfort. Listen deeply. And stay soft in hard times. Because if we still believe in a shared future, let us not forget : those we label as enemy. They too are human….”

    ผมพอจะเดาออกว่าฮาร์วาร์ดเลือกมหาบัณฑิตสาวคนนี้ขึ้นมาพูดนั้น ก็เพื่อจะสื่อความบางอย่างไปถึงใครบางคน

    สปีชนี้ยาว 8 นาทีเศษ เริ่มที่นาทีที่ 1:50:50 ของคลิปข้างล่างนี้ครับ

    https://www.youtube.com/live/wFIo795BXb4?si=Nba-NS0ihZZfzYb9

    ที่มา เพจเฟซบุ๊กนัทแนะ
    ในพิธีจบการศึกษาของฮาร์วาร์ดปีนี้ ฮาร์วาร์ดได้ให้นักศึกษาสาวสวยชาวจีนวัย 25 ปีเป็นหนึ่งในผู้กล่าวสปีชครับ เธอชื่อ ”ยูหรง เจียง - Yurong Luanna Jiang” เป็นว่าที่มหาบัณฑิตสาขาการพัฒนาระหว่างประเทศครับ สปีชของเธอชื่อว่า Our Humanity เป็นสปีชที่เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง ความตอนหนึ่งที่จับใจผมมากคือ “สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มากที่สุดจากฮาร์วาร์ด ไม่ใช่วิชาแคลคูลัสหรือวิชาวิเคราะห์การถดถอย แต่คือการรู้จักฝืนใจนั่งลงแล้วรับฟังอย่างตั้งใจ และเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็อย่าให้จิตใจกระด้างตามมันไป เพราะถ้าเรายังเชื่อในอนาคตที่จะมีร่วมกันแล้ว ก็อย่าได้ลืมไปว่า ผู้คนที่เราเรียกเขาว่า”ศัตรู“นั้น เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา…“ “What I’ve gained most from Harvard isn’t Calculus or Regression Analysis. It’s to sit with discomfort. Listen deeply. And stay soft in hard times. Because if we still believe in a shared future, let us not forget : those we label as enemy. They too are human….” ผมพอจะเดาออกว่าฮาร์วาร์ดเลือกมหาบัณฑิตสาวคนนี้ขึ้นมาพูดนั้น ก็เพื่อจะสื่อความบางอย่างไปถึงใครบางคน สปีชนี้ยาว 8 นาทีเศษ เริ่มที่นาทีที่ 1:50:50 ของคลิปข้างล่างนี้ครับ https://www.youtube.com/live/wFIo795BXb4?si=Nba-NS0ihZZfzYb9 ที่มา เพจเฟซบุ๊กนัทแนะ
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • The red bridge
    The red bridge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังมีข่าวลือออกมาว่ามีการถ่ายทำสารคดีชีวิตของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BlackPink” ออกมาให้แฟนๆได้ชม ล่าสุดทาง Sony MUsic Vision ได้ออกมายืนยันว่าเป็นความจริง และกำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต

    Sony Music Vision เปิดเผยระหว่างการจัดแสดงเปิดทำการครั้งแรกในครึ่งปีหลังของบริษัท ที่ลอสแองเจลิสว่า บริษัทกำลังดำเนินการในโปรเจ็กต์นี้ร่วมกับ Lloud Co/ RCA Records และ Tremolo Productions

    สารคดีเรื่องนี้กำกับโดย ซู คิม ติดตามชีวิตของ ลิซ่าตลอดทั้งปีขณะที่เธอเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวแยกตัวจาก Blackpink

    ตามรายงานของ The Hollywood Reporter ซู คิม ได้กล่าวว่า "ฉันพยายามทำให้ ลิซ่า ประทับใจจริงๆ ว่าไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่ฉันคิดว่าทั้งโลกอยากเห็น ลิซ่าเวลาอยู่นอกเวที เธอชอบบอกว่า 'ตัวเองเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งจากประเทศไทย' และเมื่อคุณได้พบกับเธอ เธอก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอเป็นคนติดดินมาก มันน่าตกใจมาก เป็นธรรมชาติ และจริงใจมาก แต่เธอก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหลือเชื่อของการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่ง และแม้กระทั่งในโลกนั้น เธอก็พยายามขยายขอบเขตออกไปจากสิ่งนั้นอีก"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000051618

    #MGROnline #Lisa #ลิซ่า #BLACKPINK
    หลังมีข่าวลือออกมาว่ามีการถ่ายทำสารคดีชีวิตของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BlackPink” ออกมาให้แฟนๆได้ชม ล่าสุดทาง Sony MUsic Vision ได้ออกมายืนยันว่าเป็นความจริง และกำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต • Sony Music Vision เปิดเผยระหว่างการจัดแสดงเปิดทำการครั้งแรกในครึ่งปีหลังของบริษัท ที่ลอสแองเจลิสว่า บริษัทกำลังดำเนินการในโปรเจ็กต์นี้ร่วมกับ Lloud Co/ RCA Records และ Tremolo Productions • สารคดีเรื่องนี้กำกับโดย ซู คิม ติดตามชีวิตของ ลิซ่าตลอดทั้งปีขณะที่เธอเริ่มต้นเส้นทางศิลปินเดี่ยวแยกตัวจาก Blackpink • ตามรายงานของ The Hollywood Reporter ซู คิม ได้กล่าวว่า "ฉันพยายามทำให้ ลิซ่า ประทับใจจริงๆ ว่าไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้น แต่ฉันคิดว่าทั้งโลกอยากเห็น ลิซ่าเวลาอยู่นอกเวที เธอชอบบอกว่า 'ตัวเองเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งจากประเทศไทย' และเมื่อคุณได้พบกับเธอ เธอก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอเป็นคนติดดินมาก มันน่าตกใจมาก เป็นธรรมชาติ และจริงใจมาก แต่เธอก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหลือเชื่อของการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่ง และแม้กระทั่งในโลกนั้น เธอก็พยายามขยายขอบเขตออกไปจากสิ่งนั้นอีก" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000051618 • #MGROnline #Lisa #ลิซ่า #BLACKPINK
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💾 Seagate เตรียมเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ด้วยเทคโนโลยี HAMR

    Seagate ได้เผยแผนพัฒนา ฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 150TB โดยใช้ เทคโนโลยี Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR) ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มความจุของไดรฟ์ได้อย่างมหาศาล

    Seagate กำลังดำเนินการผ่าน แพลตฟอร์ม Mozaic ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิต แผ่นบันทึกข้อมูล (platters) ขนาด 4TB และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10TB ต่อแผ่นภายในปี 2028

    เป้าหมายสูงสุดคือ แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้าง ฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ได้โดยใช้ 10 platters อย่างไรก็ตาม Seagate ระบุว่า ต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Seagate วางแผนพัฒนา HDD ขนาด 150TB โดยใช้เทคโนโลยี HAMR
    - แพลตฟอร์ม Mozaic ปัจจุบันสามารถผลิตแผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 4TB
    - เป้าหมายคือการเพิ่มขนาดแผ่นบันทึกข้อมูลเป็น 10TB ภายในปี 2028
    - แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB จะช่วยให้สามารถสร้าง HDD 150TB ได้
    - Seagate คาดว่า HDD 150TB จะพร้อมใช้งานภายในปี 2035

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีแผนพัฒนา แต่ HDD 150TB ยังต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้
    - HAMR ยังต้องผ่านการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระดับอุตสาหกรรม
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะพัฒนาเทคโนโลยีที่แข่งขันกับ HAMR หรือไม่
    - การผลิต HDD ที่มีความจุสูงอาจต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงแรก

    หาก Seagate สามารถพัฒนา HDD 150TB ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้จะสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่

    https://www.techradar.com/pro/seagate-ceo-hints-at-150tb-hard-drives-thanks-to-novel-15tb-platters-but-that-wont-happen-for-another-decade
    💾 Seagate เตรียมเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ด้วยเทคโนโลยี HAMR Seagate ได้เผยแผนพัฒนา ฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 150TB โดยใช้ เทคโนโลยี Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR) ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มความจุของไดรฟ์ได้อย่างมหาศาล Seagate กำลังดำเนินการผ่าน แพลตฟอร์ม Mozaic ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิต แผ่นบันทึกข้อมูล (platters) ขนาด 4TB และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10TB ต่อแผ่นภายในปี 2028 เป้าหมายสูงสุดคือ แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้าง ฮาร์ดไดรฟ์ 150TB ได้โดยใช้ 10 platters อย่างไรก็ตาม Seagate ระบุว่า ต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ✅ ข้อมูลจากข่าว - Seagate วางแผนพัฒนา HDD ขนาด 150TB โดยใช้เทคโนโลยี HAMR - แพลตฟอร์ม Mozaic ปัจจุบันสามารถผลิตแผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 4TB - เป้าหมายคือการเพิ่มขนาดแผ่นบันทึกข้อมูลเป็น 10TB ภายในปี 2028 - แผ่นบันทึกข้อมูลขนาด 15TB จะช่วยให้สามารถสร้าง HDD 150TB ได้ - Seagate คาดว่า HDD 150TB จะพร้อมใช้งานภายในปี 2035 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีแผนพัฒนา แต่ HDD 150TB ยังต้องใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกว่านี้ - HAMR ยังต้องผ่านการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระดับอุตสาหกรรม - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะพัฒนาเทคโนโลยีที่แข่งขันกับ HAMR หรือไม่ - การผลิต HDD ที่มีความจุสูงอาจต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงแรก หาก Seagate สามารถพัฒนา HDD 150TB ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้จะสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่ https://www.techradar.com/pro/seagate-ceo-hints-at-150tb-hard-drives-thanks-to-novel-15tb-platters-but-that-wont-happen-for-another-decade
    WWW.TECHRADAR.COM
    This Seagate tech could change data storage forever—but we have to wait ten more years
    HAMR technology remains Seagate’s crown jewel for scaling drive capacity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧠 Nord Quantique: ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อาจพลิกโฉมศูนย์ข้อมูล

    Nord Quantique บริษัทสตาร์ทอัพด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศแผนพัฒนา ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031 ซึ่งอาจทำให้ระบบ High-Performance Computing (HPC) แบบดั้งเดิมล้าสมัย

    Nord Quantique ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code ซึ่งช่วยให้ แต่ละ cavity สามารถแทนค่ามากกว่าหนึ่งโหมดควอนตัม ทำให้มี การแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของระบบ

    นอกจากนี้ เครื่องของ Nord Quantique ใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไปที่ต้องใช้พื้นที่ 1,000–20,000 ตารางเมตร

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Nord Quantique ตั้งเป้าพัฒนาเครื่องควอนตัมที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031
    - ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล
    - เครื่องใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไป
    - สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน qubits
    - ระบบสามารถถอดรหัส RSA-830 ได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยใช้พลังงานเพียง 120 kWh

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้น แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมจริง
    - การใช้ post-selection ในการแก้ไขข้อผิดพลาดอาจทำให้ต้องทิ้งข้อมูล 12.6% ต่อรอบ
    - ต้องมีการตรวจสอบอิสระเพื่อยืนยันว่าระบบสามารถทำงานได้ตามที่อ้าง
    - การเปลี่ยนจาก HPC ไปสู่ควอนตัมคอมพิวติ้งอาจต้องใช้เวลาหลายปี

    หาก Nord Quantique สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลสามารถลดการใช้พลังงานลง 99% และ เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของ HPC ไปสู่ยุคควอนตัม อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสามารถของระบบ

    https://www.techradar.com/pro/quantum-computing-startup-wants-to-launch-a-1000-qubit-machine-by-2031-that-could-make-the-traditional-hpc-market-obsolete
    🧠 Nord Quantique: ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อาจพลิกโฉมศูนย์ข้อมูล Nord Quantique บริษัทสตาร์ทอัพด้านควอนตัมคอมพิวติ้ง ประกาศแผนพัฒนา ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031 ซึ่งอาจทำให้ระบบ High-Performance Computing (HPC) แบบดั้งเดิมล้าสมัย Nord Quantique ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code ซึ่งช่วยให้ แต่ละ cavity สามารถแทนค่ามากกว่าหนึ่งโหมดควอนตัม ทำให้มี การแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของระบบ นอกจากนี้ เครื่องของ Nord Quantique ใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไปที่ต้องใช้พื้นที่ 1,000–20,000 ตารางเมตร ✅ ข้อมูลจากข่าว - Nord Quantique ตั้งเป้าพัฒนาเครื่องควอนตัมที่มีมากกว่า 1,000 qubits ภายในปี 2031 - ใช้ multimode encoding ผ่าน Tesseract code เพื่อเพิ่มความทนทานของข้อมูล - เครื่องใช้พื้นที่เพียง 20 ตารางเมตร ซึ่งเล็กกว่าระบบควอนตัมทั่วไป - สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวน qubits - ระบบสามารถถอดรหัส RSA-830 ได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยใช้พลังงานเพียง 120 kWh ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาดที่ดีขึ้น แต่ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมจริง - การใช้ post-selection ในการแก้ไขข้อผิดพลาดอาจทำให้ต้องทิ้งข้อมูล 12.6% ต่อรอบ - ต้องมีการตรวจสอบอิสระเพื่อยืนยันว่าระบบสามารถทำงานได้ตามที่อ้าง - การเปลี่ยนจาก HPC ไปสู่ควอนตัมคอมพิวติ้งอาจต้องใช้เวลาหลายปี หาก Nord Quantique สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลสามารถลดการใช้พลังงานลง 99% และ เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของ HPC ไปสู่ยุคควอนตัม อย่างไรก็ตาม ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสามารถของระบบ https://www.techradar.com/pro/quantum-computing-startup-wants-to-launch-a-1000-qubit-machine-by-2031-that-could-make-the-traditional-hpc-market-obsolete
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏆 เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแห่งอนาคต: 360TB Silica Storage
    เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย 5D optical storage media จาก Sphotonix ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลได้ถึง 360TB บนแผ่นแก้วขนาด 5 นิ้ว และมีอายุการใช้งานที่อาจยาวนานถึง พันล้านปี

    Sphotonix ใช้ FemtoEtch ซึ่งเป็นเทคโนโลยี เลเซอร์นาโน ในการสร้างโครงสร้าง 5D บนแผ่นแก้ว ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างหนาแน่นและทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

    เทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจอย่างมากหลังจากถูกนำไปใช้ใน Mission Impossible: The Final Reckoning ซึ่งเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ออกฉายในปี 2025

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Sphotonix เปิดตัว 5D optical storage media ที่สามารถบันทึกข้อมูลได้ถึง 360TB บนแผ่นแก้วขนาด 5 นิ้ว
    - ใช้เทคโนโลยี FemtoEtch ซึ่งเป็นเลเซอร์นาโนเพื่อสร้างโครงสร้าง 5D
    - สามารถเก็บข้อมูลได้นานถึงพันล้านปี และทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
    - ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์ Mission Impossible: The Final Reckoning
    - เทคโนโลยีนี้อาจเป็นทางเลือกใหม่แทน LTO tape และ HDD สำหรับการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีความจุสูง แต่ยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานในระดับอุตสาหกรรม
    - ต้องติดตามว่าผู้ให้บริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงเมื่อใด
    - การผลิตแผ่นแก้วที่มีความแม่นยำสูงอาจมีต้นทุนสูงในช่วงแรก
    - ต้องมีการพัฒนาโซลูชันการอ่านข้อมูลที่สามารถรองรับความหนาแน่นของข้อมูลระดับนี้

    เทคโนโลยี 5D optical storage อาจเป็นก้าวสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ AI และ Big Data ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่

    https://www.techradar.com/pro/mission-impossible-the-final-reckoning-gets-surprise-guest-appearance-a-revolutionary-360tb-silica-storage-media
    🏆 เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแห่งอนาคต: 360TB Silica Storage เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย 5D optical storage media จาก Sphotonix ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลได้ถึง 360TB บนแผ่นแก้วขนาด 5 นิ้ว และมีอายุการใช้งานที่อาจยาวนานถึง พันล้านปี Sphotonix ใช้ FemtoEtch ซึ่งเป็นเทคโนโลยี เลเซอร์นาโน ในการสร้างโครงสร้าง 5D บนแผ่นแก้ว ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างหนาแน่นและทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เทคโนโลยีนี้ได้รับความสนใจอย่างมากหลังจากถูกนำไปใช้ใน Mission Impossible: The Final Reckoning ซึ่งเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ออกฉายในปี 2025 ✅ ข้อมูลจากข่าว - Sphotonix เปิดตัว 5D optical storage media ที่สามารถบันทึกข้อมูลได้ถึง 360TB บนแผ่นแก้วขนาด 5 นิ้ว - ใช้เทคโนโลยี FemtoEtch ซึ่งเป็นเลเซอร์นาโนเพื่อสร้างโครงสร้าง 5D - สามารถเก็บข้อมูลได้นานถึงพันล้านปี และทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง - ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์ Mission Impossible: The Final Reckoning - เทคโนโลยีนี้อาจเป็นทางเลือกใหม่แทน LTO tape และ HDD สำหรับการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีความจุสูง แต่ยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้งานในระดับอุตสาหกรรม - ต้องติดตามว่าผู้ให้บริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงเมื่อใด - การผลิตแผ่นแก้วที่มีความแม่นยำสูงอาจมีต้นทุนสูงในช่วงแรก - ต้องมีการพัฒนาโซลูชันการอ่านข้อมูลที่สามารถรองรับความหนาแน่นของข้อมูลระดับนี้ เทคโนโลยี 5D optical storage อาจเป็นก้าวสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ AI และ Big Data ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ https://www.techradar.com/pro/mission-impossible-the-final-reckoning-gets-surprise-guest-appearance-a-revolutionary-360tb-silica-storage-media
    WWW.TECHRADAR.COM
    ‘Mission: Impossible – The Final Reckoning’ gets surprise guest appearance: a revolutionary 360TB silica storage media
    DOGE didn’t say what the new media was only to referring to them as “modern digital records”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧠 AI กับปัญหางานวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน
    การเข้าถึง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ง่ายขึ้นส่งผลให้ งานวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพมีความเข้มงวดทางวิทยาศาสตร์ลดลง และนำไปสู่ "กระแสงานวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน" ซึ่งเต็มไปด้วยการวิเคราะห์ที่ผิวเผินและข้อมูลที่ถูกเลือกมาอย่างไม่เหมาะสม

    นักวิจัยจาก University of Surrey และ University of Aberystwyth พบว่า การใช้ AI ในงานวิจัยมักนำไปสู่การวิเคราะห์แบบสูตรสำเร็จ โดยเน้นเพียง ปัจจัยเดียว แทนที่จะใช้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีการใช้ AI-ready datasets เพื่อสร้างงานวิจัยจำนวนมากโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจนำไปสู่ การเลือกข้อมูลที่ไม่เหมาะสม (cherry-picking) และการเปลี่ยนแปลงคำถามวิจัยหลังจากเห็นผลลัพธ์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - AI ทำให้การวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพมีความเข้มงวดลดลง
    - University of Surrey และ University of Aberystwyth พบว่าการใช้ AI มักนำไปสู่การวิเคราะห์แบบสูตรสำเร็จ
    - มีการใช้ AI-ready datasets เพื่อสร้างงานวิจัยจำนวนมากโดยอัตโนมัติ
    - บางงานวิจัยใช้ข้อมูลที่ถูกเลือกมาอย่างไม่เหมาะสม (cherry-picking)
    - นักวิจัยแนะนำให้มีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติและการทบทวนโดยเพื่อนร่วมงาน (peer review) อย่างเข้มงวด

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในงานวิจัยอาจนำไปสู่ข้อสรุปที่ผิดพลาดและการตีพิมพ์ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ
    - ต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการใช้ AI ในการสร้างงานวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน
    - การเลือกข้อมูลที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในวงการแพทย์และสุขภาพ
    - ต้องมีการพัฒนาแนวทางการใช้ AI ในงานวิจัยให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้

    🚀 ผลกระทบต่อวงการวิจัย
    การใช้ AI ในงานวิจัยอาจช่วยให้ การวิเคราะห์ข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากไม่มีการควบคุมที่ดี อาจนำไปสู่การเผยแพร่งานวิจัยที่ไม่มีคุณภาพ นักวิจัยและสถาบันวิชาการต้อง พัฒนาแนวทางการใช้ AI ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/01/ai-being-used-to-churn-out-deluge-of-dodgy-scientific-research
    🧠 AI กับปัญหางานวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน การเข้าถึง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ง่ายขึ้นส่งผลให้ งานวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพมีความเข้มงวดทางวิทยาศาสตร์ลดลง และนำไปสู่ "กระแสงานวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน" ซึ่งเต็มไปด้วยการวิเคราะห์ที่ผิวเผินและข้อมูลที่ถูกเลือกมาอย่างไม่เหมาะสม นักวิจัยจาก University of Surrey และ University of Aberystwyth พบว่า การใช้ AI ในงานวิจัยมักนำไปสู่การวิเคราะห์แบบสูตรสำเร็จ โดยเน้นเพียง ปัจจัยเดียว แทนที่จะใช้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้ AI-ready datasets เพื่อสร้างงานวิจัยจำนวนมากโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจนำไปสู่ การเลือกข้อมูลที่ไม่เหมาะสม (cherry-picking) และการเปลี่ยนแปลงคำถามวิจัยหลังจากเห็นผลลัพธ์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - AI ทำให้การวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพมีความเข้มงวดลดลง - University of Surrey และ University of Aberystwyth พบว่าการใช้ AI มักนำไปสู่การวิเคราะห์แบบสูตรสำเร็จ - มีการใช้ AI-ready datasets เพื่อสร้างงานวิจัยจำนวนมากโดยอัตโนมัติ - บางงานวิจัยใช้ข้อมูลที่ถูกเลือกมาอย่างไม่เหมาะสม (cherry-picking) - นักวิจัยแนะนำให้มีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติและการทบทวนโดยเพื่อนร่วมงาน (peer review) อย่างเข้มงวด ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในงานวิจัยอาจนำไปสู่ข้อสรุปที่ผิดพลาดและการตีพิมพ์ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ - ต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการใช้ AI ในการสร้างงานวิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน - การเลือกข้อมูลที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในวงการแพทย์และสุขภาพ - ต้องมีการพัฒนาแนวทางการใช้ AI ในงานวิจัยให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ 🚀 ผลกระทบต่อวงการวิจัย การใช้ AI ในงานวิจัยอาจช่วยให้ การวิเคราะห์ข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากไม่มีการควบคุมที่ดี อาจนำไปสู่การเผยแพร่งานวิจัยที่ไม่มีคุณภาพ นักวิจัยและสถาบันวิชาการต้อง พัฒนาแนวทางการใช้ AI ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/01/ai-being-used-to-churn-out-deluge-of-dodgy-scientific-research
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI being used to churn out deluge of dodgy scientific research
    Easy access to artificial intelligence (AI) has made medical and health research less scientifically rigorous and has facilitated a "flood" of shoddy journal papers full of superficial analyses based on "cherry-picked" data, a new study reports.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤖 การเติบโตของ AI Agent ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    AI Agent กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรายงานจาก EY Technology Pulse Poll พบว่า 50% ของบริษัทเทคโนโลยีได้เริ่มใช้งาน AI Agent แล้ว และแนวโน้มการลงทุนใน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    AI Agent เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่า Large Language Model (LLM) เช่น ChatGPT โดยสามารถ ดำเนินงานที่ซับซ้อนมากขึ้น และช่วยให้บริษัทสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้อย่างมีนัยสำคัญ

    บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google, Microsoft, Meta และ OpenAI กำลังลงทุนมหาศาลใน AI Agent โดย Google ได้ประกาศว่าจะใช้เงิน 100 พันล้านดอลลาร์ ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI รุ่นใหม่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 50% ของบริษัทเทคโนโลยีได้เริ่มใช้งาน AI Agent แล้ว
    - AI Agent สามารถดำเนินงานที่ซับซ้อนมากกว่า LLM เช่น ChatGPT
    - Google ลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ใน AI รุ่นใหม่
    - 92% ของผู้บริหารเทคโนโลยีวางแผนเพิ่มงบประมาณด้าน AI ในปีหน้า
    - AI Agent อาจสร้างรูปแบบการทำงานใหม่ในองค์กร

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI Agent อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างองค์กร
    - ต้องมีการพัฒนาแนวทางการกำกับดูแล AI เพื่อป้องกันการใช้งานที่ผิดพลาด
    - การนำ AI มาใช้ในองค์กรต้องมีการปรับตัวของพนักงานและการฝึกอบรมใหม่
    - AI อาจไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด

    🚀 ผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน
    AI Agent กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของบริษัทเทคโนโลยี และอาจส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ต้องมีการกำกับดูแลและการปรับตัวของพนักงาน เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/31/ai-agent-adoption-rates-are-at-50-in-tech-companies-is-this-the-future-of-work
    🤖 การเติบโตของ AI Agent ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี AI Agent กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรายงานจาก EY Technology Pulse Poll พบว่า 50% ของบริษัทเทคโนโลยีได้เริ่มใช้งาน AI Agent แล้ว และแนวโน้มการลงทุนใน AI กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว AI Agent เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่า Large Language Model (LLM) เช่น ChatGPT โดยสามารถ ดำเนินงานที่ซับซ้อนมากขึ้น และช่วยให้บริษัทสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้อย่างมีนัยสำคัญ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google, Microsoft, Meta และ OpenAI กำลังลงทุนมหาศาลใน AI Agent โดย Google ได้ประกาศว่าจะใช้เงิน 100 พันล้านดอลลาร์ ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI รุ่นใหม่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - 50% ของบริษัทเทคโนโลยีได้เริ่มใช้งาน AI Agent แล้ว - AI Agent สามารถดำเนินงานที่ซับซ้อนมากกว่า LLM เช่น ChatGPT - Google ลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ใน AI รุ่นใหม่ - 92% ของผู้บริหารเทคโนโลยีวางแผนเพิ่มงบประมาณด้าน AI ในปีหน้า - AI Agent อาจสร้างรูปแบบการทำงานใหม่ในองค์กร ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI Agent อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างองค์กร - ต้องมีการพัฒนาแนวทางการกำกับดูแล AI เพื่อป้องกันการใช้งานที่ผิดพลาด - การนำ AI มาใช้ในองค์กรต้องมีการปรับตัวของพนักงานและการฝึกอบรมใหม่ - AI อาจไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด 🚀 ผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน AI Agent กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของบริษัทเทคโนโลยี และอาจส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ต้องมีการกำกับดูแลและการปรับตัวของพนักงาน เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/31/ai-agent-adoption-rates-are-at-50-in-tech-companies-is-this-the-future-of-work
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AI agent adoption rates are at 50% in tech companies. Is this the future of work?
    Technology executives have a more positive outlook on AI transformation than other business leaders, according to a new survey.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌐 Microsoft กับแนวคิดใหม่ในการเปลี่ยนแปลงการใช้งานอินเทอร์เน็ต
    Microsoft กำลังพัฒนา "open agentic web" ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ที่ใช้ AI agents เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานบนอินเทอร์เน็ตได้โดยอัตโนมัติ เช่น ค้นหาข้อมูล, จองตั๋วเครื่องบิน และจัดการเอกสาร

    Microsoft เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เน็ตอย่างมหาศาล เช่นเดียวกับที่ โทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงโลกในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยแนวคิดใหม่นี้จะช่วยให้ AI agents สามารถโต้ตอบกันเองและทำงานแทนผู้ใช้

    ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ต้องการ วางแผนการเดินทาง AI agent จะสามารถค้นหา เที่ยวบิน, โรงแรม และกิจกรรม ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft กำลังพัฒนา "open agentic web" ที่ใช้ AI agents ทำงานแทนผู้ใช้
    - AI agents สามารถค้นหาข้อมูล, จองตั๋วเครื่องบิน และจัดการเอกสารได้โดยอัตโนมัติ
    - แนวคิดนี้อาจเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือเคยทำ
    - Microsoft ใช้ Model Context Protocol เพื่อให้ AI agents สามารถสื่อสารกันได้
    - NLWeb เป็นภาษาซอฟต์แวร์ใหม่ที่ช่วยให้ AI agents ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI agents อาจมีปัญหาด้านความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ
    - แนวคิดนี้อาจเผชิญกับการแข่งขันจากบริษัทอื่น เช่น Google และ Meta
    - ผู้ใช้ต้องระวังการให้ AI agents ทำงานที่มีผลกระทบสูง เช่น ด้านการเงินและกฎหมาย
    - ยังไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับการพัฒนา AI agents บนอินเทอร์เน็ต

    Microsoft กำลังผลักดันให้ AI agents กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานเว็บ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับแนวคิดนี้หรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/31/microsoft-wants-to-radically-change-the-way-you-surf-the-web
    🌐 Microsoft กับแนวคิดใหม่ในการเปลี่ยนแปลงการใช้งานอินเทอร์เน็ต Microsoft กำลังพัฒนา "open agentic web" ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ที่ใช้ AI agents เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานบนอินเทอร์เน็ตได้โดยอัตโนมัติ เช่น ค้นหาข้อมูล, จองตั๋วเครื่องบิน และจัดการเอกสาร Microsoft เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เน็ตอย่างมหาศาล เช่นเดียวกับที่ โทรศัพท์มือถือเปลี่ยนแปลงโลกในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยแนวคิดใหม่นี้จะช่วยให้ AI agents สามารถโต้ตอบกันเองและทำงานแทนผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ต้องการ วางแผนการเดินทาง AI agent จะสามารถค้นหา เที่ยวบิน, โรงแรม และกิจกรรม ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft กำลังพัฒนา "open agentic web" ที่ใช้ AI agents ทำงานแทนผู้ใช้ - AI agents สามารถค้นหาข้อมูล, จองตั๋วเครื่องบิน และจัดการเอกสารได้โดยอัตโนมัติ - แนวคิดนี้อาจเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือเคยทำ - Microsoft ใช้ Model Context Protocol เพื่อให้ AI agents สามารถสื่อสารกันได้ - NLWeb เป็นภาษาซอฟต์แวร์ใหม่ที่ช่วยให้ AI agents ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI agents อาจมีปัญหาด้านความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ - แนวคิดนี้อาจเผชิญกับการแข่งขันจากบริษัทอื่น เช่น Google และ Meta - ผู้ใช้ต้องระวังการให้ AI agents ทำงานที่มีผลกระทบสูง เช่น ด้านการเงินและกฎหมาย - ยังไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับการพัฒนา AI agents บนอินเทอร์เน็ต Microsoft กำลังผลักดันให้ AI agents กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานเว็บ ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะยอมรับแนวคิดนี้หรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/31/microsoft-wants-to-radically-change-the-way-you-surf-the-web
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📱 Xiaomi 16: สมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2025
    Xiaomi เตรียมเปิดตัว Xiaomi 16 ในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ในขณะนี้

    Xiaomi 16 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มี ดีไซน์แบบ dual-tone glass และ metal finish ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED ที่รองรับ 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology

    ระบบกล้องของ Xiaomi 16 ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ 50MP สามตัว ได้แก่ เลนส์หลักขนาด 1/1.3 นิ้ว, เลนส์ ultra-wide และเลนส์ telephoto ที่มี AI-assisted macro support

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Xiaomi 16 ใช้ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm
    - หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED พร้อม 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology
    - ระบบกล้องประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 50MP สามตัว พร้อม AI-assisted macro support
    - แบตเตอรี่ 6,800mAh รองรับการชาร์จเร็ว 100W แบบมีสาย และ 50W แบบไร้สาย
    - ดีไซน์ dual-tone glass และ metal finish ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Snapdragon 8 Elite 2 จะสามารถแข่งขันกับ Apple A19 ได้หรือไม่
    - การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 อาจทำให้ Xiaomi 16 ถูกเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง
    - ต้องรอดูว่าระบบ AI-assisted macro จะสามารถเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายได้จริงหรือไม่
    - ราคาของ Xiaomi 16 อาจสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากการใช้วัสดุระดับพรีเมียม

    Xiaomi 16 อาจเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังที่สุดของปี 2025 โดยเน้น AI integration และประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างไร

    https://computercity.com/phones/xiaomi-16-the-next-flagship-powerhouse-arrives-late-2025
    📱 Xiaomi 16: สมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2025 Xiaomi เตรียมเปิดตัว Xiaomi 16 ในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ในขณะนี้ Xiaomi 16 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มี ดีไซน์แบบ dual-tone glass และ metal finish ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED ที่รองรับ 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology ระบบกล้องของ Xiaomi 16 ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ 50MP สามตัว ได้แก่ เลนส์หลักขนาด 1/1.3 นิ้ว, เลนส์ ultra-wide และเลนส์ telephoto ที่มี AI-assisted macro support ✅ ข้อมูลจากข่าว - Xiaomi 16 ใช้ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm - หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED พร้อม 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology - ระบบกล้องประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 50MP สามตัว พร้อม AI-assisted macro support - แบตเตอรี่ 6,800mAh รองรับการชาร์จเร็ว 100W แบบมีสาย และ 50W แบบไร้สาย - ดีไซน์ dual-tone glass และ metal finish ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Snapdragon 8 Elite 2 จะสามารถแข่งขันกับ Apple A19 ได้หรือไม่ - การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 อาจทำให้ Xiaomi 16 ถูกเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง - ต้องรอดูว่าระบบ AI-assisted macro จะสามารถเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายได้จริงหรือไม่ - ราคาของ Xiaomi 16 อาจสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากการใช้วัสดุระดับพรีเมียม Xiaomi 16 อาจเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังที่สุดของปี 2025 โดยเน้น AI integration และประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างไร https://computercity.com/phones/xiaomi-16-the-next-flagship-powerhouse-arrives-late-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Xiaomi 16: The Next Flagship Powerhouse Arrives Late 2025
    Xiaomi is once again poised to shake up the premium smartphone market with the upcoming launch of the Xiaomi 16, expected to debut in October 2025. Building
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เอไออย่างไรก็สู้มนุษย์ผู้บรรลุธรรมจักรวาลไม่ได้หรอก,หรือระบบmatrixคือโลกที่ผู้คนลงมาทดสอบจิตวิญญาณใครมันเท่านั้นเพื่ออัพเกรดสู่การบรรลุธรรมออกไปอย่างเด็ดขาดจากระบบmatrix ,ไม่ย้อนกลับมาในระบบตลอดกาล,จะมาในมุกmatrixซ้อนmatrixก็ตาม,สรุปเรื่องthe matrixเป็นการนำเสนอเพื่อเตือนชาวโลกว่า หนทางออกจากmatrixโลกสมมุตินี้มีอยู่จริง,ส่วนตรรกะองค์รู้ต่างๆเลอะเทอะเป็นอจินไตยต่อผู้ดูมากเกินไปไม่มีประโยชน์จึงตัดทิ้ง,หมายบอกผ่านสื่อทางลัดว่า มีหนทางมีทางเลือก อนาคตมนุษย์จะสู่กับปัญญาประดิษฐ์นัันเองและมันจะควบคุมมนุษย์และหลายๆจักรวาลแต่สุดท้ายก็แพ้มนุษย์ในตอนสุดท้าย,หรือผู้ปลดปล่อยนั้นๆจะดึงเขาใครเขามันต่อไปเฉพาะใครมันไม่ได้อีกต่อไปเมื่อหนทางแห่งธรรมแห่งมรรคบรรลุเข้าถึงแห่งเขาเองในปัจเจกบุคคลคนนั้นๆทั่วโลก,มิใช่ไปอยู่ใต้ดินผีบ้าแบบในหนังหรอก,ผู้สร้างพยายามสื่อให้เข้าใจพื้นฐานปฐมบทต้นเรื่องต้นทางแค่นั้น,ใครอยากอิ่มก็กินเองทำเองใครมันหรือเลือกเอง,หนังเรื่องนีั หลายกูรูบอกว่าคนฝ่ายแสงดลใจดลจิตให้มันถูกสร้างขึ้นและฝ่ายแสงลงมาสร้างเองเพื่อชี้ทางให้คนชาวโลกสไตล์ทางกายหยาบวัตถุธาตุของยุคก็ว่า,แต่ทางคนไทยสายพุทธคงเข้าใจง่ายดายได้,แต่แบบพวกอื่นๆเช่นฝรั่งคนตะวันตกยากจะเข้าใจสายแบบพุทธทางจิตวิญญาณ,ไปทางเทคโนโลยีจึงสอนผ่านหนังตามยุควัตถุยุคเทคโนโลยีเขาด้วยก็ว่า,
    ..เสมือนหนังเรื่องนีับอกว่า ที่ช่วยได้ปลดปล่อยได้ก็ตามแต่ละยุคสมัยนั้นๆ ยังมีอีกมากมายที่ยังอยู่ในโลกสมมุติmatrixนั้นๆก็ว่า,ก็เหมือนสมมุติเหมือนโลกเหมือนจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ matrixสับเซ็ตmatrix,matrixซ้อนmatrixและซ้อนๆเข้าๆไปอีกในแต่ละจักรวาลต่างๆ สมมุติในตลอดทั่วอนันตจักรวาล,แต่ปัจจุบันนะกาลจะอยู่โลกmatrixไหนๆจักรวาลใดๆหากดีดบรรุธรรมตนเองได้หรืออรหันต์ก็หลุดออกขาดสิ้นในทุกๆจักรวาลหรือกลายเป็นผู้ปลดปล่อยคนต่อไปหากท่านเมตตาชี้ทางสั่งสอนบอกหนทางออกหรือให้ต้องลงมือทำก็ว่า.
    ..The matrixมีนัยยะมากมายจริงๆแต่แค่ขี้เล็บค่าจริงในองค์รู้ทางพุทธศาสนา,อย่าลืมว่าแม้ต่างดาวมากมายทั่วจักรวาล มิติสูงขนาดไหน เขารับรองว่ามนุษย์สมบัตินี้เป็นสถานะที่พร้อมในทุกๆประการจะออกจากmatrixแบบสิ้นเชิงหรือกลับมาเล่นวนซ้ำก็ได้เสมอหากสามารถเหนือระบบmatrixระดับดีก็อยู่ในโลกสมมุตินี้สะดวกสบายหน่อย,หากระดับไม่ดี จิตใจไม่แน่จริงอาจติดกับดักกระทั่งหลุดเรเวลเดิมที่ดีของตนได้ เช่นสายพุทธะคือนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ,มนุษย์สมบัติอาจถูกระบบmatrixก่อกวนจนตกชั้นตกเรเวลได้,อนาถสุดคือนรกภูมิโน้น.
    ..ปัจจุบันนี้ เรื่องthe matrixอาจกำลังสื่อว่า อนาคตยุคrobotและAIมาแน่,และใครควบคุมมันนั้นสำคัญที่สุด,เราพร้อมรับมือมันในสงครามปลดปล่อยมนุษย์ชาตินี้พร้อมแค่ไหนพร้อมพอหรือยัง.,มีสักกี่คนที่พร้อมจะเป็นแบบนีโอบนโลกThe matrixหรือทาสระบบมันทั้งหมด.

    ..https://youtu.be/hu4rl3m8WFA?si=gM6WOdvHNLB7gJwg
    ..เอไออย่างไรก็สู้มนุษย์ผู้บรรลุธรรมจักรวาลไม่ได้หรอก,หรือระบบmatrixคือโลกที่ผู้คนลงมาทดสอบจิตวิญญาณใครมันเท่านั้นเพื่ออัพเกรดสู่การบรรลุธรรมออกไปอย่างเด็ดขาดจากระบบmatrix ,ไม่ย้อนกลับมาในระบบตลอดกาล,จะมาในมุกmatrixซ้อนmatrixก็ตาม,สรุปเรื่องthe matrixเป็นการนำเสนอเพื่อเตือนชาวโลกว่า หนทางออกจากmatrixโลกสมมุตินี้มีอยู่จริง,ส่วนตรรกะองค์รู้ต่างๆเลอะเทอะเป็นอจินไตยต่อผู้ดูมากเกินไปไม่มีประโยชน์จึงตัดทิ้ง,หมายบอกผ่านสื่อทางลัดว่า มีหนทางมีทางเลือก อนาคตมนุษย์จะสู่กับปัญญาประดิษฐ์นัันเองและมันจะควบคุมมนุษย์และหลายๆจักรวาลแต่สุดท้ายก็แพ้มนุษย์ในตอนสุดท้าย,หรือผู้ปลดปล่อยนั้นๆจะดึงเขาใครเขามันต่อไปเฉพาะใครมันไม่ได้อีกต่อไปเมื่อหนทางแห่งธรรมแห่งมรรคบรรลุเข้าถึงแห่งเขาเองในปัจเจกบุคคลคนนั้นๆทั่วโลก,มิใช่ไปอยู่ใต้ดินผีบ้าแบบในหนังหรอก,ผู้สร้างพยายามสื่อให้เข้าใจพื้นฐานปฐมบทต้นเรื่องต้นทางแค่นั้น,ใครอยากอิ่มก็กินเองทำเองใครมันหรือเลือกเอง,หนังเรื่องนีั หลายกูรูบอกว่าคนฝ่ายแสงดลใจดลจิตให้มันถูกสร้างขึ้นและฝ่ายแสงลงมาสร้างเองเพื่อชี้ทางให้คนชาวโลกสไตล์ทางกายหยาบวัตถุธาตุของยุคก็ว่า,แต่ทางคนไทยสายพุทธคงเข้าใจง่ายดายได้,แต่แบบพวกอื่นๆเช่นฝรั่งคนตะวันตกยากจะเข้าใจสายแบบพุทธทางจิตวิญญาณ,ไปทางเทคโนโลยีจึงสอนผ่านหนังตามยุควัตถุยุคเทคโนโลยีเขาด้วยก็ว่า, ..เสมือนหนังเรื่องนีับอกว่า ที่ช่วยได้ปลดปล่อยได้ก็ตามแต่ละยุคสมัยนั้นๆ ยังมีอีกมากมายที่ยังอยู่ในโลกสมมุติmatrixนั้นๆก็ว่า,ก็เหมือนสมมุติเหมือนโลกเหมือนจักรวาลเล็ก จักรวาลกลาง มหาจักรวาลนั้นล่ะ matrixสับเซ็ตmatrix,matrixซ้อนmatrixและซ้อนๆเข้าๆไปอีกในแต่ละจักรวาลต่างๆ สมมุติในตลอดทั่วอนันตจักรวาล,แต่ปัจจุบันนะกาลจะอยู่โลกmatrixไหนๆจักรวาลใดๆหากดีดบรรุธรรมตนเองได้หรืออรหันต์ก็หลุดออกขาดสิ้นในทุกๆจักรวาลหรือกลายเป็นผู้ปลดปล่อยคนต่อไปหากท่านเมตตาชี้ทางสั่งสอนบอกหนทางออกหรือให้ต้องลงมือทำก็ว่า. ..The matrixมีนัยยะมากมายจริงๆแต่แค่ขี้เล็บค่าจริงในองค์รู้ทางพุทธศาสนา,อย่าลืมว่าแม้ต่างดาวมากมายทั่วจักรวาล มิติสูงขนาดไหน เขารับรองว่ามนุษย์สมบัตินี้เป็นสถานะที่พร้อมในทุกๆประการจะออกจากmatrixแบบสิ้นเชิงหรือกลับมาเล่นวนซ้ำก็ได้เสมอหากสามารถเหนือระบบmatrixระดับดีก็อยู่ในโลกสมมุตินี้สะดวกสบายหน่อย,หากระดับไม่ดี จิตใจไม่แน่จริงอาจติดกับดักกระทั่งหลุดเรเวลเดิมที่ดีของตนได้ เช่นสายพุทธะคือนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ,มนุษย์สมบัติอาจถูกระบบmatrixก่อกวนจนตกชั้นตกเรเวลได้,อนาถสุดคือนรกภูมิโน้น. ..ปัจจุบันนี้ เรื่องthe matrixอาจกำลังสื่อว่า อนาคตยุคrobotและAIมาแน่,และใครควบคุมมันนั้นสำคัญที่สุด,เราพร้อมรับมือมันในสงครามปลดปล่อยมนุษย์ชาตินี้พร้อมแค่ไหนพร้อมพอหรือยัง.,มีสักกี่คนที่พร้อมจะเป็นแบบนีโอบนโลกThe matrixหรือทาสระบบมันทั้งหมด. ..https://youtu.be/hu4rl3m8WFA?si=gM6WOdvHNLB7gJwg
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Chinese opera actor.
    The Chinese opera actor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Chinese opera actress
    The Chinese opera actress
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • Guanyin: the Bodhisattva of Great Compassion
    Guanyin: the Bodhisattva of Great Compassion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 ชิป SM2324 ของ Silicon Motion: ก้าวใหม่ของ SSD ความจุสูง
    Silicon Motion เปิดตัว SM2324 ซึ่งเป็น ชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่สามารถรองรับความจุสูงสุด 32TB และมีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s

    SM2324 ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดจำนวนชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต SSD ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง และช่วยให้สามารถสร้าง SSD ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น

    นอกจากนี้ ชิปนี้ยังรองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - SM2324 เป็นชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่รองรับความจุสูงสุด 32TB
    - มีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s และเขียนข้อมูลสูงสุด 3,809MB/s
    - รองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1
    - ใช้กระบวนการผลิต 12nm ของ TSMC เพื่อประหยัดพลังงาน
    - รองรับ Windows, macOS, Linux และ Apple ProRes workflows บน iPhone

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะลดต้นทุนการผลิต แต่ SSD ที่ใช้ SM2324 อาจยังมีราคาสูงสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดีเพื่อให้ SSD ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    - ข้อจำกัดด้านพลังงานและการจัดการความร้อนอาจทำให้ SSD ขนาด 32TB ไม่เหมาะกับทุกการใช้งาน
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิต SSD รายใดจะนำ SM2324 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน

    SM2324 อาจช่วยให้ตลาด SSD ความจุสูงแบบพกพา เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างภาพยนตร์และผู้ที่ต้องการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถทำให้ SSD ที่ใช้ชิปนี้มีราคาที่เข้าถึงได้หรือไม่

    📢📢 ไม่ต้องพูดมาก ลุงสู้ทุกราคา !! 😅😅

    https://www.techradar.com/pro/superfast-32tb-usb4-external-ssds-are-coming-thanks-to-a-new-chip-but-i-bet-they-wont-be-cheap
    🚀 ชิป SM2324 ของ Silicon Motion: ก้าวใหม่ของ SSD ความจุสูง Silicon Motion เปิดตัว SM2324 ซึ่งเป็น ชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่สามารถรองรับความจุสูงสุด 32TB และมีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s SM2324 ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดจำนวนชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต SSD ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง และช่วยให้สามารถสร้าง SSD ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น นอกจากนี้ ชิปนี้ยังรองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SM2324 เป็นชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่รองรับความจุสูงสุด 32TB - มีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s และเขียนข้อมูลสูงสุด 3,809MB/s - รองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 - ใช้กระบวนการผลิต 12nm ของ TSMC เพื่อประหยัดพลังงาน - รองรับ Windows, macOS, Linux และ Apple ProRes workflows บน iPhone ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะลดต้นทุนการผลิต แต่ SSD ที่ใช้ SM2324 อาจยังมีราคาสูงสำหรับผู้ใช้ทั่วไป - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดีเพื่อให้ SSD ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ - ข้อจำกัดด้านพลังงานและการจัดการความร้อนอาจทำให้ SSD ขนาด 32TB ไม่เหมาะกับทุกการใช้งาน - ต้องติดตามว่าผู้ผลิต SSD รายใดจะนำ SM2324 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน SM2324 อาจช่วยให้ตลาด SSD ความจุสูงแบบพกพา เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างภาพยนตร์และผู้ที่ต้องการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถทำให้ SSD ที่ใช้ชิปนี้มีราคาที่เข้าถึงได้หรือไม่ 📢📢 ไม่ต้องพูดมาก ลุงสู้ทุกราคา !! 😅😅 https://www.techradar.com/pro/superfast-32tb-usb4-external-ssds-are-coming-thanks-to-a-new-chip-but-i-bet-they-wont-be-cheap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 HighPoint RocketStor 8631CW: กล่อง eGPU ที่ให้พลัง RTX 5090 แบบไร้ข้อจำกัด

    HighPoint ได้เปิดตัว RocketStor 8631CW ซึ่งเป็น กล่อง eGPU ที่รองรับ PCIe Gen5 x16 โดยสามารถเชื่อมต่อกับ กราฟิกการ์ดระดับเดสก์ท็อป ผ่านสาย CopprLink CDFP ความยาว 1 เมตร

    RocketStor 8631CW ใช้ Rocket 1634D host interface card ซึ่งมี Broadcom PEX 89048 switch เพื่อรักษาการเชื่อมต่อ Gen5 x16 ที่มี ความเร็วสูงสุด 64GB/s

    ตัวกล่อง รองรับ GPU แบบ dual-slot และ triple-slot จาก Nvidia, AMD และ Intel โดยสามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 600W พร้อมระบบ ระบายความร้อนแบบ dual-fan และ การตรวจสอบพลังงานแบบเรียลไทม์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - RocketStor 8631CW รองรับ PCIe Gen5 x16 และให้ความเร็วสูงสุด 64GB/s
    - ใช้สาย CopprLink CDFP ความยาว 1 เมตรเพื่อเชื่อมต่อกับ GPU
    - รองรับ GPU จาก Nvidia, AMD และ Intel แบบ dual-slot และ triple-slot
    - สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 600W พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ dual-fan
    - ไม่มีไดรเวอร์หรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม—เสียบแล้วใช้งานได้ทันที

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ราคาสูงถึง $1,999 ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    - ต้องมี PCIe slot ในระบบเพื่อใช้งาน Rocket 1634D host interface card
    - อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกและพกพาได้ง่าย
    - ตลาด eGPU กำลังเปลี่ยนแปลง และอาจมีตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าในอนาคต

    RocketStor 8631CW เป็นโซลูชันที่น่าสนใจสำหรับ ผู้ใช้ที่ต้องการพลัง GPU ระดับเดสก์ท็อปบนแล็ปท็อป อย่างไรก็ตาม ราคาสูงและข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อ อาจทำให้ผู้ใช้ต้องพิจารณาทางเลือกอื่น

    https://www.techradar.com/pro/want-to-carry-an-nvidia-geforce-rtx-5090-to-your-laptop-heres-an-egpu-chassis-that-should-do-the-trick-and-it-aint-cheap
    🚀 HighPoint RocketStor 8631CW: กล่อง eGPU ที่ให้พลัง RTX 5090 แบบไร้ข้อจำกัด HighPoint ได้เปิดตัว RocketStor 8631CW ซึ่งเป็น กล่อง eGPU ที่รองรับ PCIe Gen5 x16 โดยสามารถเชื่อมต่อกับ กราฟิกการ์ดระดับเดสก์ท็อป ผ่านสาย CopprLink CDFP ความยาว 1 เมตร RocketStor 8631CW ใช้ Rocket 1634D host interface card ซึ่งมี Broadcom PEX 89048 switch เพื่อรักษาการเชื่อมต่อ Gen5 x16 ที่มี ความเร็วสูงสุด 64GB/s ตัวกล่อง รองรับ GPU แบบ dual-slot และ triple-slot จาก Nvidia, AMD และ Intel โดยสามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 600W พร้อมระบบ ระบายความร้อนแบบ dual-fan และ การตรวจสอบพลังงานแบบเรียลไทม์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - RocketStor 8631CW รองรับ PCIe Gen5 x16 และให้ความเร็วสูงสุด 64GB/s - ใช้สาย CopprLink CDFP ความยาว 1 เมตรเพื่อเชื่อมต่อกับ GPU - รองรับ GPU จาก Nvidia, AMD และ Intel แบบ dual-slot และ triple-slot - สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 600W พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ dual-fan - ไม่มีไดรเวอร์หรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม—เสียบแล้วใช้งานได้ทันที ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ราคาสูงถึง $1,999 ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไป - ต้องมี PCIe slot ในระบบเพื่อใช้งาน Rocket 1634D host interface card - อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกและพกพาได้ง่าย - ตลาด eGPU กำลังเปลี่ยนแปลง และอาจมีตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าในอนาคต RocketStor 8631CW เป็นโซลูชันที่น่าสนใจสำหรับ ผู้ใช้ที่ต้องการพลัง GPU ระดับเดสก์ท็อปบนแล็ปท็อป อย่างไรก็ตาม ราคาสูงและข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อ อาจทำให้ผู้ใช้ต้องพิจารณาทางเลือกอื่น https://www.techradar.com/pro/want-to-carry-an-nvidia-geforce-rtx-5090-to-your-laptop-heres-an-egpu-chassis-that-should-do-the-trick-and-it-aint-cheap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💾 ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง

    ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27%

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม
    - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้
    - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4
    - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่
    - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป
    - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า
    - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน

    ℹ️ℹ️ ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    💾 ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27% การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้ - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4 - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน ℹ️ℹ️ ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧠 เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง

    e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ

    นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา
    - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
    - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น
    - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
    - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง
    - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก
    - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่

    e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ

    https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    🧠 เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่ e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    This stick-on e-tattoo tracks mental fatigue in real time
    Dr Nanshu Lu, an author of the research from the University of Texas at Austin, writes that the e-tattoo could be valuable for professions that require high...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💰 Meliuz เปิดขายหุ้นเพื่อซื้อ Bitcoin
    บริษัทฟินเทค Meliuz จากบราซิลได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin โดยมีการกำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025

    Meliuz เป็นบริษัทที่ให้บริการ แคชแบ็กและโซลูชันทางการเงิน ในบราซิล และการลงทุนใน Bitcoin ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มของบริษัทฟินเทคที่หันมาใช้ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน

    นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจสามารถระดมทุนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Meliuz ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin
    - กำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025
    - การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก
    - มูลค่าการเสนอขายหุ้นเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านเรียลบราซิล (ประมาณ 26.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
    - อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 5.6704 เรียลบราซิล

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลงทุนใน Bitcoin มีความผันผวนสูง และอาจส่งผลต่อมูลค่าของหุ้น Meliuz
    - ต้องติดตามว่าการเสนอขายหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด
    - ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ
    - Meliuz อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารสินทรัพย์ดิจิทัล

    การที่ Meliuz หันมาลงทุนใน Bitcoin อาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทฟินเทคในละตินอเมริกากำลังให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/brazil039s-meliuz-launches-share-offering-for-bitcoin-purchase
    💰 Meliuz เปิดขายหุ้นเพื่อซื้อ Bitcoin บริษัทฟินเทค Meliuz จากบราซิลได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin โดยมีการกำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 Meliuz เป็นบริษัทที่ให้บริการ แคชแบ็กและโซลูชันทางการเงิน ในบราซิล และการลงทุนใน Bitcoin ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มของบริษัทฟินเทคที่หันมาใช้ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจสามารถระดมทุนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Meliuz ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin - กำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 - การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก - มูลค่าการเสนอขายหุ้นเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านเรียลบราซิล (ประมาณ 26.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) - อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 5.6704 เรียลบราซิล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลงทุนใน Bitcoin มีความผันผวนสูง และอาจส่งผลต่อมูลค่าของหุ้น Meliuz - ต้องติดตามว่าการเสนอขายหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด - ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ - Meliuz อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารสินทรัพย์ดิจิทัล การที่ Meliuz หันมาลงทุนใน Bitcoin อาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทฟินเทคในละตินอเมริกากำลังให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/brazil039s-meliuz-launches-share-offering-for-bitcoin-purchase
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil's Meliuz launches share offering for bitcoin purchase
    SAO PAULO (Reuters) - Brazilian fintech Meliuz said it has filed for a primary offering of shares with the aim of raising funds for the acquisition of bitcoin, with pricing scheduled for June 12.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔍 อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI
    ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย

    Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น

    นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร
    - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น
    - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้
    - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้
    - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด
    - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini
    - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม

    คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    🔍 อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม ✅ ข้อมูลจากข่าว - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้ - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้ - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Judge in Google case questions future of search amid rise of AI
    WASHINGTON (Reuters) -A judge asked the U.S. Department of Justice on Friday how much room there would be for new search engines to emerge given the rise of artificial intelligence, as antitrust enforcers press for Alphabet's Google to take dramatic measures to restore competition in online search.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤖 นักวิทยาศาสตร์ AI ที่ตั้งคำถามต่ออนาคตของ Generative AI
    Gary Marcus นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ Generative AI โดยเขาเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป และอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างที่ Silicon Valley คาดหวัง

    Marcus เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกร้องให้มีการกำกับดูแล AI ร่วมกับ Sam Altman CEO ของ OpenAI ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม Altman ได้เปลี่ยนท่าทีและหันไปหานักลงทุนจาก SoftBank และตะวันออกกลาง เพื่อผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามหาศาล

    Marcus เชื่อว่า Large Language Models (LLMs) มีข้อจำกัดที่แก้ไขไม่ได้ และอาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Gary Marcus ยังคงตั้งคำถามต่อ Generative AI และเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป
    - Sam Altman เปลี่ยนท่าทีจากการเรียกร้องให้กำกับดูแล AI ไปสู่การหานักลงทุนรายใหม่
    - LLMs อาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์
    - Marcus สนับสนุนแนวทาง Neurosymbolic AI ซึ่งเน้นการสร้างตรรกะของมนุษย์ขึ้นมาใหม่แทนการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่
    - เขาเชื่อว่า Generative AI จะมีบทบาทในงานที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การช่วยเขียนโค้ดและการระดมไอเดีย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - LLMs มีปัญหาเรื่อง "hallucination" หรือการสร้างข้อมูลผิดพลาด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในระดับองค์กร
    - นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของ Generative AI
    - บริษัท AI อาจหันไปใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อสร้างรายได้แทน หากเทคโนโลยีไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวัง
    - ต้องจับตาดูว่า Neurosymbolic AI จะสามารถแข่งขันกับ Generative AI ได้หรือไม่

    Generative AI กำลังเผชิญกับคำถามสำคัญเกี่ยวกับ ความแม่นยำและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลก แม้ว่าจะมีการลงทุนมหาศาล แต่ข้อบกพร่องของเทคโนโลยีอาจทำให้ต้องมีการปรับแนวทางใหม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/generative-ai039s-most-prominent-sceptic-doubles-down
    🤖 นักวิทยาศาสตร์ AI ที่ตั้งคำถามต่ออนาคตของ Generative AI Gary Marcus นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ Generative AI โดยเขาเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป และอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างที่ Silicon Valley คาดหวัง Marcus เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกร้องให้มีการกำกับดูแล AI ร่วมกับ Sam Altman CEO ของ OpenAI ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม Altman ได้เปลี่ยนท่าทีและหันไปหานักลงทุนจาก SoftBank และตะวันออกกลาง เพื่อผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามหาศาล Marcus เชื่อว่า Large Language Models (LLMs) มีข้อจำกัดที่แก้ไขไม่ได้ และอาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Gary Marcus ยังคงตั้งคำถามต่อ Generative AI และเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป - Sam Altman เปลี่ยนท่าทีจากการเรียกร้องให้กำกับดูแล AI ไปสู่การหานักลงทุนรายใหม่ - LLMs อาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์ - Marcus สนับสนุนแนวทาง Neurosymbolic AI ซึ่งเน้นการสร้างตรรกะของมนุษย์ขึ้นมาใหม่แทนการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ - เขาเชื่อว่า Generative AI จะมีบทบาทในงานที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การช่วยเขียนโค้ดและการระดมไอเดีย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - LLMs มีปัญหาเรื่อง "hallucination" หรือการสร้างข้อมูลผิดพลาด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในระดับองค์กร - นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของ Generative AI - บริษัท AI อาจหันไปใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อสร้างรายได้แทน หากเทคโนโลยีไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวัง - ต้องจับตาดูว่า Neurosymbolic AI จะสามารถแข่งขันกับ Generative AI ได้หรือไม่ Generative AI กำลังเผชิญกับคำถามสำคัญเกี่ยวกับ ความแม่นยำและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลก แม้ว่าจะมีการลงทุนมหาศาล แต่ข้อบกพร่องของเทคโนโลยีอาจทำให้ต้องมีการปรับแนวทางใหม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/generative-ai039s-most-prominent-sceptic-doubles-down
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Generative AI's most prominent sceptic doubles down
    Two and a half years since ChatGPT rocked the world, scientist and writer Gary Marcus still remains generative artificial intelligence's great sceptic, playing a counter-narrative to Silicon Valley's AI true believers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔐 การอัปเดตด้านความปลอดภัยของ Windows 11 และ Server 2025
    Microsoft ได้เปิดตัว Windows 11 24H2 และ Windows Server 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น Recall และ Windows Hotpatching ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังสำหรับองค์กร

    Recall เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนดูการทำงานบนเครื่องได้ผ่าน AI และ Optical Character Recognition (OCR) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็น "ฝันร้ายด้านความเป็นส่วนตัว" ทำให้ Microsoft ต้องปรับให้เป็น ระบบ opt-in

    Windows Hotpatching เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ซึ่งช่วยลดเวลาหยุดทำงานของระบบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Windows 11 24H2 และ Server 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Recall และ Windows Hotpatching
    - Recall ใช้ AI และ OCR เพื่อสร้างฐานข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้
    - Windows Hotpatching ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง
    - Microsoft แนะนำให้ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การบล็อก NTLM และการใช้ Entra ID
    - Server 2025 มีการปรับปรุงนโยบาย Local Administrator Password Solution (LAPS)

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Recall เคยถูกวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัว และต้องมีการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม
    - Windows Hotpatching อาจไม่รองรับทุกอัปเดต และต้องมีการตรวจสอบก่อนใช้งาน
    - องค์กรควรพิจารณาการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การบล็อก NTLM เพื่อป้องกันการโจมตี
    - ต้องติดตามการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อดูว่าฟีเจอร์ใหม่มีผลกระทบต่อระบบอย่างไร

    Windows 11 24H2 และ Server 2025 นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังที่องค์กรต้องพิจารณา เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Recall และการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Windows Hotpatching

    https://www.csoonline.com/article/3996290/securing-windows-11-and-server-2025-what-cisos-should-know-about-the-latest-updates.html
    🔐 การอัปเดตด้านความปลอดภัยของ Windows 11 และ Server 2025 Microsoft ได้เปิดตัว Windows 11 24H2 และ Windows Server 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น Recall และ Windows Hotpatching ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังสำหรับองค์กร Recall เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนดูการทำงานบนเครื่องได้ผ่าน AI และ Optical Character Recognition (OCR) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็น "ฝันร้ายด้านความเป็นส่วนตัว" ทำให้ Microsoft ต้องปรับให้เป็น ระบบ opt-in Windows Hotpatching เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ซึ่งช่วยลดเวลาหยุดทำงานของระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows 11 24H2 และ Server 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Recall และ Windows Hotpatching - Recall ใช้ AI และ OCR เพื่อสร้างฐานข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้ - Windows Hotpatching ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง - Microsoft แนะนำให้ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การบล็อก NTLM และการใช้ Entra ID - Server 2025 มีการปรับปรุงนโยบาย Local Administrator Password Solution (LAPS) ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Recall เคยถูกวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัว และต้องมีการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม - Windows Hotpatching อาจไม่รองรับทุกอัปเดต และต้องมีการตรวจสอบก่อนใช้งาน - องค์กรควรพิจารณาการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การบล็อก NTLM เพื่อป้องกันการโจมตี - ต้องติดตามการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อดูว่าฟีเจอร์ใหม่มีผลกระทบต่อระบบอย่างไร Windows 11 24H2 และ Server 2025 นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังที่องค์กรต้องพิจารณา เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Recall และการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Windows Hotpatching https://www.csoonline.com/article/3996290/securing-windows-11-and-server-2025-what-cisos-should-know-about-the-latest-updates.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Securing Windows 11 and Server 2025: What CISOs should know about the latest updates
    Microsoft’s latest rollouts to Windows 11 24H2 and Windows Server 2025 include the arrival of Recall and hotpatching. Here are the security settings and recommendations to note.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference

    The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions.

    In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions.

    Quick summary

    Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten.

    worse vs. worst

    Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form.

    A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse.

    A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard).

    Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good.

    In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.).

    To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.).

    Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives.

    Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school.

    Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst.

    Is it worse case or worst case?

    The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst.

    For example:

    - In the worst case, the beams will collapse instantly.
    - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario.

    While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is.

    Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst?

    There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense).

    Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example:

    - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window.
    - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me.

    Examples of worse and worst used in a sentence

    Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence.

    - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did.
    - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy.
    - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far.
    - My grades went from bad to worse after I missed a few classes.
    - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab.
    - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions. In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions. Quick summary Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten. worse vs. worst Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form. A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse. A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard). Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good. In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.). To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.). Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives. Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school. Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst. Is it worse case or worst case? The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst. For example: - In the worst case, the beams will collapse instantly. - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario. While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is. Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst? There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense). Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example: - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window. - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me. Examples of worse and worst used in a sentence Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence. - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did. - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy. - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far. - My grades went from bad to worse after I missed a few classes. - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab. - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถบัสพม่า ข้ามน้ำ ไม่รอด ผู้โดยสาร รอด

    In Myanmar’s Mandalay Region, a passenger bus carrying over 40 people was swept away by strong currents while crossing the flooded Sintewa Creek near Nat Saunt Village on May 26.

    Thankfully, local villagers quickly stepped in and rescued everyone on board, including children and elderly passengers, with no injuries reported.
    รถบัสพม่า ข้ามน้ำ ไม่รอด ผู้โดยสาร รอด In Myanmar’s Mandalay Region, a passenger bus carrying over 40 people was swept away by strong currents while crossing the flooded Sintewa Creek near Nat Saunt Village on May 26. Thankfully, local villagers quickly stepped in and rescued everyone on board, including children and elderly passengers, with no injuries reported.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 🛡️ McAfee เพิ่มฟีเจอร์ Scam Detector ในแผนป้องกันไวรัส
    McAfee ได้รวม Scam Detector ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันการหลอกลวงเข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด โดยฟีเจอร์นี้สามารถตรวจจับ ข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัย ได้แบบเรียลไทม์

    Scam Detector อ้างว่ามี ความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ และสามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96%

    อย่างไรก็ตาม McAfee Scam Detector ต้องสมัครสมาชิก เพื่อใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมือฟรี เช่น Bitdefender Scamio ที่สามารถตรวจสอบลิงก์, ข้อความ และ QR codes ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    Google ก็มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ใน เวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones เท่านั้น

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - McAfee รวม Scam Detector เข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด
    - สามารถตรวจจับข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัยได้แบบเรียลไทม์
    - มีความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ
    - สามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96%
    - รองรับ WhatsApp, Messenger, Gmail และ Android SMS

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องสมัครสมาชิก McAfee เพื่อใช้งาน Scam Detector
    - Bitdefender Scamio เป็นเครื่องมือฟรีที่สามารถตรวจสอบลิงก์และข้อความได้
    - Google มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ในเวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones
    - Norton Genie Scam Protection ก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ

    🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    McAfee Scam Detector อาจช่วยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือป้องกันภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การที่ต้องสมัครสมาชิกอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้ เครื่องมือฟรีที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แทน

    https://www.techradar.com/pro/mcafee-is-now-bundling-its-scam-detector-with-all-its-antivirus-plans-here-are-others-that-are-actually-totally-free
    🛡️ McAfee เพิ่มฟีเจอร์ Scam Detector ในแผนป้องกันไวรัส McAfee ได้รวม Scam Detector ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันการหลอกลวงเข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด โดยฟีเจอร์นี้สามารถตรวจจับ ข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัย ได้แบบเรียลไทม์ Scam Detector อ้างว่ามี ความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ และสามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96% อย่างไรก็ตาม McAfee Scam Detector ต้องสมัครสมาชิก เพื่อใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมือฟรี เช่น Bitdefender Scamio ที่สามารถตรวจสอบลิงก์, ข้อความ และ QR codes ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Google ก็มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ใน เวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones เท่านั้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - McAfee รวม Scam Detector เข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด - สามารถตรวจจับข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัยได้แบบเรียลไทม์ - มีความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ - สามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96% - รองรับ WhatsApp, Messenger, Gmail และ Android SMS ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องสมัครสมาชิก McAfee เพื่อใช้งาน Scam Detector - Bitdefender Scamio เป็นเครื่องมือฟรีที่สามารถตรวจสอบลิงก์และข้อความได้ - Google มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ในเวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones - Norton Genie Scam Protection ก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ 🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ McAfee Scam Detector อาจช่วยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือป้องกันภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การที่ต้องสมัครสมาชิกอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้ เครื่องมือฟรีที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แทน https://www.techradar.com/pro/mcafee-is-now-bundling-its-scam-detector-with-all-its-antivirus-plans-here-are-others-that-are-actually-totally-free
    WWW.TECHRADAR.COM
    Don’t get scammed! McAfee’s new AI tool sounds great, but you will need to pay for it
    McAfee Scam Detector tool is price-locked - here are some other options
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts