• มืออาชีพของเขมร

    https://youtube.com/shorts/YLVf7YjgoaA?si=faP2rkS-4jUFR2d7
    มืออาชีพของเขมร https://youtube.com/shorts/YLVf7YjgoaA?si=faP2rkS-4jUFR2d7
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • Yesterday Once More: เสียงเพลงที่พาย้อนเวลา

    ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม ช่วงเวลาที่บ้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีจากชุดเครื่องเสียงสุดหรูของพ่อ เขามักจะเปิดเพลงเพื่อโชว์ลำโพงที่ให้เสียงใสกิ๊งราวกับคริสตัล แม้ว่าตอนนั้นจะเล่นจากเทปคาสเซ็ทเก่าๆ แต่สุนทรียภาพของดนตรีที่ไหลออกมานั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการเล่นแผ่นเสียงไวนิลหรือซีดีสมัยนี้เลยครับ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นและความทรงจำดีๆ โดยเฉพาะเพลงหนึ่งที่พ่อชอบเปิดบ่อยๆ นั่นคือ "Yesterday Once More" ของ The Carpenters เพลงนี้ไม่ใช่แค่เสียงเพลงธรรมดา แต่เป็นเหมือนประตูเวลาที่พาผมย้อนกลับไปหาช่วงเวลาที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุข

    วง The Carpenters เกิดจากสองพี่น้องคู่บุญอย่าง Karen และ Richard Carpenter ที่เติบโตมาในเมือง New Haven รัฐ Connecticut สหรัฐอเมริกา ก่อนจะย้ายมาอยู่ Downey ใน California เมื่อปี 1963 เพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรี Richard ผู้พี่ชายเกิดปี 1946 เป็นนักเปียโนตัวฉกาจและชอบจัดเรียงเสียงประสาน เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและต่อมาเข้าเรียนที่ California State University, Long Beach ส่วน Karen น้องสาวเกิดปี 1950 เดิมทีเล่นกลองก่อนจะค้นพบพรสวรรค์ในเสียงร้องคอนทราลโตที่อบอุ่นและนุ่มนวลราวกับกำมะหยี่ พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ปี 1965 ในรูปแบบวงแจ๊สชื่อ Richard Carpenter Trio ร่วมกับเพื่อน Wesley Jacobs จากนั้นพัฒนามาเป็นวง Spectrum ที่เล่นเพลงแนว middle-of-the-road แต่ยังไม่ดังเปรี้ยง จนกระทั่งปี 1969 พวกเขาตัดสินใจเป็นดูโอ้อย่างเป็นทางการและเซ็นสัญญากับค่าย A&M Records โดยใช้ชื่อ "Carpenters" แบบไม่มี "The" นำหน้า เพื่อให้ดูทันสมัยเหมือนวงร็อกดังๆ อย่าง Buffalo Springfield หรือ Jefferson Airplane

    จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก The Carpenters ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์ซอฟต์ร็อกที่ผสมผสานฮาร์โมนีใกล้ชิดและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Karen เพลงฮิตแรกๆ อย่าง "(They Long to Be) Close to You" และ "We've Only Just Begun" ในปี 1970 ทำให้พวกเขาพุ่งขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเพลงดังอีกเพียบ เช่น "Superstar", "Rainy Days and Mondays" และ "Top of the World" ที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัล Grammy ถึง 3 ตัว รวมถึง Best New Artist และ Best Contemporary Performance by a Duo, Group or Chorus ตลอดช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาออกอัลบั้มถึง 10 ชุด โดยแต่ละชุดขายได้มากกว่า 1 ล้านแผ่น โดยเฉพาะอัลบั้มรวบฮิต "The Singles: 1969-1973" ที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Top 200 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ออกทีวีสเปเชียล และกลายเป็นศิลปินขายดีที่สุดในแนว easy listening และ adult contemporary ด้วยยอดขายแผ่นเสียงรวมกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

    แต่เพลงที่ทำให้ผมหลงรักวงนี้อย่างหัวปักหัวปำคือ "Yesterday Once More" ที่ออกมาในปี 1973 จากอัลบั้ม "Now & Then" เพลงนี้เขียนโดย Richard ร่วมกับ John Bettis เพื่อเล่าเรื่องความคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่เคยฟังในวัยเยาว์ เหมือนกับที่ผมฟังจากเครื่องเสียงของพ่อ มันเริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนนุ่มๆ ตามด้วยเสียงร้องของ Karen ที่ชวนให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ และยังมีเซกเวย์เชื่อมไปยังเมดเลย์เพลงคลาสสิกยุค 60s ที่ทำเหมือนรายการวิทยุเก่าๆ บนข้าง B ของอัลบั้ม เพลงนี้ถูกบันทึกที่ A&M Studios ใน Los Angeles และปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1973 ด้วยความยาว 3:56 นาที มันเดบิวต์บนชาร์ต Cash Box ที่อันดับ 71 ก่อนพุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในเดือนสิงหาคม และติดอันดับ 2 บน Billboard Hot 100 (ถูก "Bad, Bad Leroy Brown" ของ Jim Croce เบียดตก) แต่ครองอันดับ 1 บน Adult Contemporary Chart ซึ่งเป็นเพลงที่ 8 ของพวกเขาที่ทำได้ในรอบ 4 ปี

    ความดังของ "Yesterday Once More" ไม่ได้จำกัดแค่ในอเมริกา มันขึ้นอันดับ 2 ใน UK ซึ่งเป็นซิงเกิลขายดีที่สุดของพวกเขาในเกาะอังกฤษ ขายได้กว่า 250,000 แผ่น และได้รับการรับรอง Silver จาก BPI ในญี่ปุ่นเพลงนี้ฮิตระเบิด ขายได้กว่า 600,000 แผ่นภายในกลางปี 1974 และกลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดของ The Carpenters ในประเทศนั้น ตามด้วยอันดับ 1 ในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดา รวมถึงอันดับสูงๆ ในออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ มันได้รับการรับรอง Gold จาก RIAA ในอเมริกาด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านแผ่น Richard เองเคยบอกในสารคดีญี่ปุ่นว่านี่คือเพลงโปรดที่เขาแต่ง และเขายังเล่นเวอร์ชันบรรเลงในคอนเสิร์ตหลายครั้ง เพลงนี้ถูกคัฟเวอร์โดยศิลปินมากมาย เช่น วง Candies ในญี่ปุ่นปี 1974, Redd Kross ในเวอร์ชันร็อก และ Priscilla Chan ในคอนเสิร์ต farewell ปี 1989 มันยังถูกใช้ในสื่อต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความคิดถึง เช่น ในภาพยนตร์หรือโฆษณาที่ชวนนึกถึงอดีต

    แม้ The Carpenters จะดังเปรี้ยงปร้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีด้านมืด Richard เคยติด Quaalude ในช่วงปลาย 1970s จนต้องหยุดทัวร์และเข้ารับการบำบัด ส่วน Karen ต่อสู้กับโรค anorexia nervosa ที่ทำให้เธอผอมแห้งและสุขภาพทรุดโทรม จนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1983 ขณะอายุเพียง 32 ปี เหตุการณ์นี้ทำให้โลกช็อกและจุดประกายให้คนหันมาสนใจโรคการกินผิดปกติมากขึ้น หลังจากนั้น Richard ยังคงทำงานเดี่ยวและออกอัลบั้ม posthumous เช่น "Voice of the Heart" ในปี 1983 แต่ไม่มีอะไรแทนที่เสียงร้องของ Karen ได้ มรดกของ The Carpenters ยังคงอยู่ พวกเขาอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังอย่าง Michael Jackson, Scott Weiland และศิลปินญี่ปุ่นหลายคน Rolling Stone จัดให้พวกเขาเป็นหนึ่งใน 20 Greatest Duos of All Time และ Karen เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงยอดเยี่ยม เพลงของพวกเขามักถูกใช้ในงานแต่งงานหรือเพลงประกอบชีวิต เพราะความงดงามและความโรแมนติกที่เหนือกาลเวลา

    ทุกครั้งที่ผมได้ยิน "Yesterday Once More" มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นเรื่องราวของความทรงจำ ของพี่น้องคู่นี้ที่สร้างเสียงเพลงอมตะ และของช่วงเวลาที่ผมใช้กับพ่อ มันทำให้ผมรู้สึกว่า อดีตยังคงกลับมาอีกครั้ง เหมือนชื่อเพลง.. Yesterday Once More

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/ywB8vjMnoEw
    Yesterday Once More: 🎵 เสียงเพลงที่พาย้อนเวลา ⌛ 🎵 ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม ช่วงเวลาที่บ้านเต็มไปด้วยเสียงดนตรีจากชุดเครื่องเสียงสุดหรูของพ่อ เขามักจะเปิดเพลงเพื่อโชว์ลำโพงที่ให้เสียงใสกิ๊งราวกับคริสตัล แม้ว่าตอนนั้นจะเล่นจากเทปคาสเซ็ทเก่าๆ แต่สุนทรียภาพของดนตรีที่ไหลออกมานั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการเล่นแผ่นเสียงไวนิลหรือซีดีสมัยนี้เลยครับ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นและความทรงจำดีๆ โดยเฉพาะเพลงหนึ่งที่พ่อชอบเปิดบ่อยๆ นั่นคือ "Yesterday Once More" ของ The Carpenters เพลงนี้ไม่ใช่แค่เสียงเพลงธรรมดา แต่เป็นเหมือนประตูเวลาที่พาผมย้อนกลับไปหาช่วงเวลาที่เรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุข 📻 วง The Carpenters เกิดจากสองพี่น้องคู่บุญอย่าง Karen และ Richard Carpenter ที่เติบโตมาในเมือง New Haven รัฐ Connecticut สหรัฐอเมริกา ก่อนจะย้ายมาอยู่ Downey ใน California เมื่อปี 1963 เพื่อไล่ตามความฝันทางดนตรี Richard ผู้พี่ชายเกิดปี 1946 เป็นนักเปียโนตัวฉกาจและชอบจัดเรียงเสียงประสาน เขาเริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและต่อมาเข้าเรียนที่ California State University, Long Beach ส่วน Karen น้องสาวเกิดปี 1950 เดิมทีเล่นกลองก่อนจะค้นพบพรสวรรค์ในเสียงร้องคอนทราลโตที่อบอุ่นและนุ่มนวลราวกับกำมะหยี่ 🎹🥁 พวกเขาเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ปี 1965 ในรูปแบบวงแจ๊สชื่อ Richard Carpenter Trio ร่วมกับเพื่อน Wesley Jacobs จากนั้นพัฒนามาเป็นวง Spectrum ที่เล่นเพลงแนว middle-of-the-road แต่ยังไม่ดังเปรี้ยง จนกระทั่งปี 1969 พวกเขาตัดสินใจเป็นดูโอ้อย่างเป็นทางการและเซ็นสัญญากับค่าย A&M Records โดยใช้ชื่อ "Carpenters" แบบไม่มี "The" นำหน้า เพื่อให้ดูทันสมัยเหมือนวงร็อกดังๆ อย่าง Buffalo Springfield หรือ Jefferson Airplane จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก The Carpenters ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงด้วยสไตล์ซอฟต์ร็อกที่ผสมผสานฮาร์โมนีใกล้ชิดและเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Karen เพลงฮิตแรกๆ อย่าง "(They Long to Be) Close to You" และ "We've Only Just Begun" ในปี 1970 ทำให้พวกเขาพุ่งขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเพลงดังอีกเพียบ เช่น "Superstar", "Rainy Days and Mondays" และ "Top of the World" ที่ทำให้พวกเขาได้รับรางวัล Grammy ถึง 3 ตัว รวมถึง Best New Artist และ Best Contemporary Performance by a Duo, Group or Chorus 🌟 ตลอดช่วงทศวรรษ 1970 พวกเขาออกอัลบั้มถึง 10 ชุด โดยแต่ละชุดขายได้มากกว่า 1 ล้านแผ่น โดยเฉพาะอัลบั้มรวบฮิต "The Singles: 1969-1973" ที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Top 200 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ออกทีวีสเปเชียล และกลายเป็นศิลปินขายดีที่สุดในแนว easy listening และ adult contemporary ด้วยยอดขายแผ่นเสียงรวมกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขายดีที่สุดตลอดกาล แต่เพลงที่ทำให้ผมหลงรักวงนี้อย่างหัวปักหัวปำคือ "Yesterday Once More" ที่ออกมาในปี 1973 จากอัลบั้ม "Now & Then" เพลงนี้เขียนโดย Richard ร่วมกับ John Bettis เพื่อเล่าเรื่องความคิดถึงเพลงเก่าๆ ที่เคยฟังในวัยเยาว์ เหมือนกับที่ผมฟังจากเครื่องเสียงของพ่อ มันเริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนนุ่มๆ ตามด้วยเสียงร้องของ Karen ที่ชวนให้หวนนึกถึงวันเก่าๆ และยังมีเซกเวย์เชื่อมไปยังเมดเลย์เพลงคลาสสิกยุค 60s ที่ทำเหมือนรายการวิทยุเก่าๆ บนข้าง B ของอัลบั้ม 🎸 เพลงนี้ถูกบันทึกที่ A&M Studios ใน Los Angeles และปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1973 ด้วยความยาว 3:56 นาที มันเดบิวต์บนชาร์ต Cash Box ที่อันดับ 71 ก่อนพุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในเดือนสิงหาคม และติดอันดับ 2 บน Billboard Hot 100 (ถูก "Bad, Bad Leroy Brown" ของ Jim Croce เบียดตก) แต่ครองอันดับ 1 บน Adult Contemporary Chart ซึ่งเป็นเพลงที่ 8 ของพวกเขาที่ทำได้ในรอบ 4 ปี ความดังของ "Yesterday Once More" ไม่ได้จำกัดแค่ในอเมริกา มันขึ้นอันดับ 2 ใน UK ซึ่งเป็นซิงเกิลขายดีที่สุดของพวกเขาในเกาะอังกฤษ ขายได้กว่า 250,000 แผ่น และได้รับการรับรอง Silver จาก BPI ในญี่ปุ่นเพลงนี้ฮิตระเบิด ขายได้กว่า 600,000 แผ่นภายในกลางปี 1974 และกลายเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดของ The Carpenters ในประเทศนั้น ตามด้วยอันดับ 1 ในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดา รวมถึงอันดับสูงๆ ในออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ 📈 มันได้รับการรับรอง Gold จาก RIAA ในอเมริกาด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านแผ่น Richard เองเคยบอกในสารคดีญี่ปุ่นว่านี่คือเพลงโปรดที่เขาแต่ง และเขายังเล่นเวอร์ชันบรรเลงในคอนเสิร์ตหลายครั้ง เพลงนี้ถูกคัฟเวอร์โดยศิลปินมากมาย เช่น วง Candies ในญี่ปุ่นปี 1974, Redd Kross ในเวอร์ชันร็อก และ Priscilla Chan ในคอนเสิร์ต farewell ปี 1989 มันยังถูกใช้ในสื่อต่างๆ เพื่อถ่ายทอดความคิดถึง เช่น ในภาพยนตร์หรือโฆษณาที่ชวนนึกถึงอดีต แม้ The Carpenters จะดังเปรี้ยงปร้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็มีด้านมืด Richard เคยติด Quaalude ในช่วงปลาย 1970s จนต้องหยุดทัวร์และเข้ารับการบำบัด ส่วน Karen ต่อสู้กับโรค anorexia nervosa ที่ทำให้เธอผอมแห้งและสุขภาพทรุดโทรม จนเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1983 ขณะอายุเพียง 32 ปี เหตุการณ์นี้ทำให้โลกช็อกและจุดประกายให้คนหันมาสนใจโรคการกินผิดปกติมากขึ้น 💔 หลังจากนั้น Richard ยังคงทำงานเดี่ยวและออกอัลบั้ม posthumous เช่น "Voice of the Heart" ในปี 1983 แต่ไม่มีอะไรแทนที่เสียงร้องของ Karen ได้ มรดกของ The Carpenters ยังคงอยู่ พวกเขาอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังอย่าง Michael Jackson, Scott Weiland และศิลปินญี่ปุ่นหลายคน Rolling Stone จัดให้พวกเขาเป็นหนึ่งใน 20 Greatest Duos of All Time และ Karen เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงยอดเยี่ยม เพลงของพวกเขามักถูกใช้ในงานแต่งงานหรือเพลงประกอบชีวิต เพราะความงดงามและความโรแมนติกที่เหนือกาลเวลา ทุกครั้งที่ผมได้ยิน "Yesterday Once More" มันไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นเรื่องราวของความทรงจำ ของพี่น้องคู่นี้ที่สร้างเสียงเพลงอมตะ และของช่วงเวลาที่ผมใช้กับพ่อ มันทำให้ผมรู้สึกว่า อดีตยังคงกลับมาอีกครั้ง เหมือนชื่อเพลง.. Yesterday Once More 🌹 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/ywB8vjMnoEw
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • สันดานคนเขมรจริงๆนะ,เฮี้ยบอกว่าอย่าเกลียดประชาชนคนเขมรเลยพะนะ.

    https://youtube.com/shorts/Iq95gclFLvw?si=K_bKmBkQIVk8q2-d
    สันดานคนเขมรจริงๆนะ,เฮี้ยบอกว่าอย่าเกลียดประชาชนคนเขมรเลยพะนะ. https://youtube.com/shorts/Iq95gclFLvw?si=K_bKmBkQIVk8q2-d
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • เวลานี้ใครเห็นใจประชาชนเขมร,จงอย่าอยู่บนแผ่นดินไทย,ใครเมตตาสงสารคนเขมรจงไปอยู่กับประเทศเขมรเลย,ใครบอกว่าอย่าเกลียดชังคนเขมรเลย จงพาคนเขมรที่มรึงรักและไม่เกลียดชังไปตั้งประเทศใหม่ พาคนเขมรที่ดีๆบริสุทธิ์นั้นไปหาประเทศใหม่อยู่ด้วยกันอย่ามาอยู่ประเทศ แล้วไม่เกลียดชังคนเขมรเลย, เขมรใครดีๆในประเทศไทย จริงๆต้องเอาไปอยู่เกาะอะไรสักพักก่อนทั้งหมด,เจ้าของกิจการอะไรๆก็ส่งงานให้มันทำชั่วคราวในศูนย์กักกันนั้นก่อน,
    ..ดูมันเลยพากันกดชอบใจ บินมาทิ้งระเบิดใส่ไทยเลย มันมีเครื่องบินนะมันบินมายิงใส่กรุงเทพฯแน่นอน,ขนาดปั้นน้ำมัน โรงพยาบาลมันยังยิงได้ เด็กๆเสียชีวิต ตายเกือบทั้งครอบครัว,ประชาชนเขมรเองก็ตัวเปิดสงครามใส่ไทยเราด้วยภายในประเทศเขมร เรา..เสียเวลามากในการจัดการเขมรให้เด็ดขาด ตัดตอนdeep stateมาปั่นป่วนใช้อาเชียนเราคือไทยกับเขมรสร้างสงครามตัวแทนขึ้นในภูมิภาคนี้ แล้วให้โอกาสมันเข้ามาแทรกแซงได้,เด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตคือสิ่งที่ต้องทำ,ฮุนมาเนตยังไม่ถูกจัดการ มันแปลกมาก จริงๆจีนต้องเด็ดหัวฮุนมาเนตนะเพราะอยู่ต่างประเทศแล้ว,สายนักฆ่าต้องลงมือได้,
    ..ลาว เวียดนาม ต้องร่วมกันตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อมิให้ภูมิภาคเราเป็นสถานที่ทำสงครามโลก โดยสาเหตุมาจากเขมรที่ลากสิ่งนี้เข้ามาชัดเจน,ต้องร่วมกันปลดสถานะประเทศเขมรลบชื่อเขมรออกจากแผนที่โลกเลย,ลาว เวียดนามแบ่งกันเองตามสบาย,ไทยเอาคืนเฉพาะส่วนพื้นที่ที่ฝรั่งเศสปล้นชิงไปแค่นั้น.,เรามีบันทึกในประวัติศาสตร์หมดแล้ว.

    https://youtube.com/watch?v=HwS35RfGwqc&si=bitlVi0Foov9-K2e
    เวลานี้ใครเห็นใจประชาชนเขมร,จงอย่าอยู่บนแผ่นดินไทย,ใครเมตตาสงสารคนเขมรจงไปอยู่กับประเทศเขมรเลย,ใครบอกว่าอย่าเกลียดชังคนเขมรเลย จงพาคนเขมรที่มรึงรักและไม่เกลียดชังไปตั้งประเทศใหม่ พาคนเขมรที่ดีๆบริสุทธิ์นั้นไปหาประเทศใหม่อยู่ด้วยกันอย่ามาอยู่ประเทศ แล้วไม่เกลียดชังคนเขมรเลย, เขมรใครดีๆในประเทศไทย จริงๆต้องเอาไปอยู่เกาะอะไรสักพักก่อนทั้งหมด,เจ้าของกิจการอะไรๆก็ส่งงานให้มันทำชั่วคราวในศูนย์กักกันนั้นก่อน, ..ดูมันเลยพากันกดชอบใจ บินมาทิ้งระเบิดใส่ไทยเลย มันมีเครื่องบินนะมันบินมายิงใส่กรุงเทพฯแน่นอน,ขนาดปั้นน้ำมัน โรงพยาบาลมันยังยิงได้ เด็กๆเสียชีวิต ตายเกือบทั้งครอบครัว,ประชาชนเขมรเองก็ตัวเปิดสงครามใส่ไทยเราด้วยภายในประเทศเขมร เรา..เสียเวลามากในการจัดการเขมรให้เด็ดขาด ตัดตอนdeep stateมาปั่นป่วนใช้อาเชียนเราคือไทยกับเขมรสร้างสงครามตัวแทนขึ้นในภูมิภาคนี้ แล้วให้โอกาสมันเข้ามาแทรกแซงได้,เด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตคือสิ่งที่ต้องทำ,ฮุนมาเนตยังไม่ถูกจัดการ มันแปลกมาก จริงๆจีนต้องเด็ดหัวฮุนมาเนตนะเพราะอยู่ต่างประเทศแล้ว,สายนักฆ่าต้องลงมือได้, ..ลาว เวียดนาม ต้องร่วมกันตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อมิให้ภูมิภาคเราเป็นสถานที่ทำสงครามโลก โดยสาเหตุมาจากเขมรที่ลากสิ่งนี้เข้ามาชัดเจน,ต้องร่วมกันปลดสถานะประเทศเขมรลบชื่อเขมรออกจากแผนที่โลกเลย,ลาว เวียดนามแบ่งกันเองตามสบาย,ไทยเอาคืนเฉพาะส่วนพื้นที่ที่ฝรั่งเศสปล้นชิงไปแค่นั้น.,เรามีบันทึกในประวัติศาสตร์หมดแล้ว. https://youtube.com/watch?v=HwS35RfGwqc&si=bitlVi0Foov9-K2e
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • เมื่อคำสั่งเดียวใน Terminal เปลี่ยน Mac ให้กลายเป็นเครื่องมือของแฮกเกอร์

    ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2025 ผู้ใช้ macOS ทั่วโลกที่กำลังค้นหาวิธีแก้ปัญหาเล็ก ๆ เช่น “flush DNS cache” กลับถูกนำไปยังเว็บไซต์ช่วยเหลือปลอมที่ดูน่าเชื่อถืออย่าง mac-safer.com และ rescue-mac.com ซึ่งปรากฏในผลการค้นหาผ่านโฆษณา Google

    เว็บไซต์เหล่านี้แนะนำให้ผู้ใช้คัดลอกคำสั่งเพียงบรรทัดเดียวไปวางใน Terminal เพื่อ “แก้ปัญหา” แต่แท้จริงแล้ว คำสั่งนั้นคือกับดักที่ดาวน์โหลดมัลแวร์ SHAMOS ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ของ AMOS infostealer ที่พัฒนาโดยกลุ่ม COOKIE SPIDER

    SHAMOS ไม่เพียงแค่ขโมยรหัสผ่านจาก Keychain หรือข้อมูลจาก Apple Notes และเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่มันยังสามารถดึงข้อมูลจากกระเป๋าเงินคริปโต สร้างไฟล์ ZIP เพื่อส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ และติดตั้งโมดูลเพิ่มเติม เช่น แอป Ledger Live ปลอม และบอตเน็ต

    แคมเปญนี้ยังใช้ GitHub ปลอม เช่น repo ของ iTerm2 เพื่อหลอกให้ผู้ใช้รันคำสั่งที่ดูเหมือนเป็นการติดตั้งซอฟต์แวร์จริง แต่กลับเป็นการติดตั้งมัลแวร์โดยตรง

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้ได้ผลคือความเรียบง่ายและการใช้เทคนิค “ClickFix” ที่หลอกให้ผู้ใช้คิดว่ากำลังแก้ปัญหา แต่จริง ๆ แล้วกำลังเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามาในระบบ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    กลุ่ม COOKIE SPIDER ใช้มัลแวร์ SHAMOS ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ของ AMOS infostealer
    แคมเปญใช้ malvertising ผ่าน Google Ads เพื่อหลอกผู้ใช้ macOS
    เว็บไซต์ปลอม เช่น mac-safer.com และ rescue-mac.com ถูกใช้เป็นกับดัก
    คำสั่ง Terminal เพียงบรรทัดเดียวสามารถติดตั้งมัลแวร์โดยข้าม Gatekeeper
    SHAMOS ขโมยข้อมูลจาก Keychain, Apple Notes, เบราว์เซอร์ และกระเป๋าเงินคริปโต
    มัลแวร์บันทึกข้อมูลในไฟล์ ZIP และส่งออกผ่าน curl
    มีการติดตั้ง LaunchDaemons เพื่อให้มัลแวร์ทำงานทุกครั้งที่เปิดเครื่อง
    SHAMOS สามารถดาวน์โหลด payload เพิ่มเติม เช่น แอปปลอมและบอตเน็ต
    GitHub ปลอมถูกใช้เป็นช่องทางเสริมในการหลอกให้ติดตั้งมัลแวร์
    แคมเปญนี้โจมตีผู้ใช้ในกว่า 9 ประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอังกฤษ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เทคนิค “ClickFix” ถูกใช้ในหลายแคมเปญมัลแวร์ รวมถึงใน TikTok และ Google Meet ปลอม
    คำสั่งแบบ one-liner เช่น curl | bash เป็นช่องโหว่ที่นิยมในมัลแวร์ยุคใหม่
    Gatekeeper ของ macOS สามารถถูกข้ามได้ด้วยการลบ quarantine flag ผ่าน xattr
    การใช้ Base64 encoding ช่วยซ่อน URL ของมัลแวร์จากสายตาผู้ใช้
    การปลอมตัวเป็นร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ในโปรไฟล์โฆษณา Google เพิ่มความน่าเชื่อถือ

    https://hackread.com/cookie-spider-malvertising-new-shamos-macos-malware/
    🎙️ เมื่อคำสั่งเดียวใน Terminal เปลี่ยน Mac ให้กลายเป็นเครื่องมือของแฮกเกอร์ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2025 ผู้ใช้ macOS ทั่วโลกที่กำลังค้นหาวิธีแก้ปัญหาเล็ก ๆ เช่น “flush DNS cache” กลับถูกนำไปยังเว็บไซต์ช่วยเหลือปลอมที่ดูน่าเชื่อถืออย่าง mac-safer.com และ rescue-mac.com ซึ่งปรากฏในผลการค้นหาผ่านโฆษณา Google เว็บไซต์เหล่านี้แนะนำให้ผู้ใช้คัดลอกคำสั่งเพียงบรรทัดเดียวไปวางใน Terminal เพื่อ “แก้ปัญหา” แต่แท้จริงแล้ว คำสั่งนั้นคือกับดักที่ดาวน์โหลดมัลแวร์ SHAMOS ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ของ AMOS infostealer ที่พัฒนาโดยกลุ่ม COOKIE SPIDER SHAMOS ไม่เพียงแค่ขโมยรหัสผ่านจาก Keychain หรือข้อมูลจาก Apple Notes และเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่มันยังสามารถดึงข้อมูลจากกระเป๋าเงินคริปโต สร้างไฟล์ ZIP เพื่อส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ และติดตั้งโมดูลเพิ่มเติม เช่น แอป Ledger Live ปลอม และบอตเน็ต แคมเปญนี้ยังใช้ GitHub ปลอม เช่น repo ของ iTerm2 เพื่อหลอกให้ผู้ใช้รันคำสั่งที่ดูเหมือนเป็นการติดตั้งซอฟต์แวร์จริง แต่กลับเป็นการติดตั้งมัลแวร์โดยตรง สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้ได้ผลคือความเรียบง่ายและการใช้เทคนิค “ClickFix” ที่หลอกให้ผู้ใช้คิดว่ากำลังแก้ปัญหา แต่จริง ๆ แล้วกำลังเปิดประตูให้แฮกเกอร์เข้ามาในระบบ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ กลุ่ม COOKIE SPIDER ใช้มัลแวร์ SHAMOS ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ของ AMOS infostealer ➡️ แคมเปญใช้ malvertising ผ่าน Google Ads เพื่อหลอกผู้ใช้ macOS ➡️ เว็บไซต์ปลอม เช่น mac-safer.com และ rescue-mac.com ถูกใช้เป็นกับดัก ➡️ คำสั่ง Terminal เพียงบรรทัดเดียวสามารถติดตั้งมัลแวร์โดยข้าม Gatekeeper ➡️ SHAMOS ขโมยข้อมูลจาก Keychain, Apple Notes, เบราว์เซอร์ และกระเป๋าเงินคริปโต ➡️ มัลแวร์บันทึกข้อมูลในไฟล์ ZIP และส่งออกผ่าน curl ➡️ มีการติดตั้ง LaunchDaemons เพื่อให้มัลแวร์ทำงานทุกครั้งที่เปิดเครื่อง ➡️ SHAMOS สามารถดาวน์โหลด payload เพิ่มเติม เช่น แอปปลอมและบอตเน็ต ➡️ GitHub ปลอมถูกใช้เป็นช่องทางเสริมในการหลอกให้ติดตั้งมัลแวร์ ➡️ แคมเปญนี้โจมตีผู้ใช้ในกว่า 9 ประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอังกฤษ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เทคนิค “ClickFix” ถูกใช้ในหลายแคมเปญมัลแวร์ รวมถึงใน TikTok และ Google Meet ปลอม ➡️ คำสั่งแบบ one-liner เช่น curl | bash เป็นช่องโหว่ที่นิยมในมัลแวร์ยุคใหม่ ➡️ Gatekeeper ของ macOS สามารถถูกข้ามได้ด้วยการลบ quarantine flag ผ่าน xattr ➡️ การใช้ Base64 encoding ช่วยซ่อน URL ของมัลแวร์จากสายตาผู้ใช้ ➡️ การปลอมตัวเป็นร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ในโปรไฟล์โฆษณา Google เพิ่มความน่าเชื่อถือ https://hackread.com/cookie-spider-malvertising-new-shamos-macos-malware/
    HACKREAD.COM
    COOKIE SPIDER’s Malvertising Drops New SHAMOS macOS Malware
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • Mythic Words From Mythologies Around The World

    It’s in human nature to tell stories and in many ways, our stories—our mythologies—work their way into every aspect of our daily lives, from meme culture to the language we speak. You may be familiar with some of the words derived from the names of Greek and Roman gods and characters (herculean, echo, narcissist, to name a few). But some of the words with similar origins are more obscure and may surprise you, and still others are drawn from completely different cultural lineages! Many of our modern words are inspired not only by Greco-Roman mythos but also by West African, Indigenous, Far East Asian, and Nordic folktales, gods, heroes, and legends.

    Here’s a closer look at some of our everyday words and the many diverse mythologies that have contributed to their use and interpretation today.

    California

    While many of us might view the Golden State as the land of sunshine, mild winters, and plenty, this idyllic image of California is first glimpsed in Garci Rodríguez de Montalvo’s novel Las Sergas de Esplandián (“The Adventures of Esplandián”) from the 1500s. At a time when Spanish invasion and exploration of the Americas was at its peak, Las Sergas de Esplandián describes a fictional island ruled by Queen Calafia of the Indies, hence the name “California.” It’s possible Rodríguez de Montalvo derived California from the Arabic khalif or khalifa (a spiritual leader of Islam), or the term Califerne from the 11th-century epic French poem The Song of Roland. When the Spanish first encountered the Baja California peninsula, it was initially believed to be an island and so was dubbed for the fictional island in Rodríguez de Montalvo’s novel. Eventually, this name would apply to the region that we now know as California in the US and Baja California in Mexico today.

    chimeric

    Chimeric is an adjective used to describe something “imaginary, fanciful” or in the context of biology, chimeric describes an organism “having parts of different origins.” The word chimeric is derived from the name of an ancient Greek monster, the chimera. Typically depicted as a having both a goat and lion head sprouting from its back and a serpent as a tail, the chimera was a terrifying and formidable opponent.

    hell

    While this word may call to mind Christianity and the realm of demons and condemned souls, hell is also associated with another concept of the underworld. According to Norse mythology, the prominent god Odin appointed the goddess and daughter of Loki, Hel, to preside over the realm of the dead. Hel’s name subsequently became associated as the word for the underworld itself. The word hell entered Old English sometime before the year 900 CE.

    hurricane

    When a windstorm whips up torrential rains, it can definitely seem like a god’s fury has been called down. This might explain why hurricane is derived from a Taíno storm god, Hurakán. The Taíno were an Indigenous tribe of the Caribbean, so it certainly makes sense that their deities would hold the name now associated with major tropical storms. Working its way from Spanish into English, hurricane was likely first recorded in English around the mid-1500s.

    Nike

    Typically depicted with wings, Nike was the Greek goddess of victory. Her influence was not limited to athletics, and she could oversee any field from art to music to war. Nike is said to have earned this title as one of the first deities to offer her allegiance to Zeus during the Titanomachy, the great battle between the Titans and gods for Mount Olympus. Of course, with a winning streak like that, it’s no wonder a popular sports apparel company would name itself after her.

    plutocracy

    Plutocracy means “the rule or power of wealth” or “of the wealthy, particularly a government or state in which the wealthy class rules.” The pluto in plutocracy comes from the Roman god of wealth, Pluto. Often known best by his Greek name, Hades, Pluto also presided over the underworld. Where does the wealth factor in? Precious metals and gems are typically found underground. The word plutocracy was recorded in the English language around 1645–1655.

    protean

    The adjective protean [ proh-tee-uhn ] describes how something readily assumes different forms, shapes, or characteristics. Something that is protean is “extremely variable.” This word originates from the name of Proteus, a minor Greek sea god who served under Poseidon. Proteus was prophetic and said to be able to gaze into the past, present, and future. However, he was pretty stingy with his knowledge, so most challengers would have to surprise him and wrestle him—while Proteus continually transformed into different (usually dangerous) shapes, such as a lion or a snake! If the challenger held on throughout the transformations, Proteus would answer their question truthfully before jumping back into the sea.

    quetzalcoatlus

    Quetzalcoatlus is a genus of pterosaur from the Late Cretaceous period. Its remains were discovered in 1971 in Texas. As a flying dinosaur from the Americas, its name derives from the god Quetzalcóatl, or “the feathered serpent,” in Nahuatl. Often depicted as exactly that (in addition to having incarnations that ranged from axolotls to dogs to corn), Quetzalcóatl was a prominent god of creation and order in the pantheon of the Mexica people. His domain included powerful and sustaining forces such as the sun, the wind, agriculture, wisdom, and writing.

    ragnarok

    Popping up everywhere from video games to blockbuster movies, the word ragnarok [ rahg-nuh-rok ] just sounds cool. It’s typically used as a synonym for the end of the world—and that’s what it originally referred to. In Norse mythology, this apocalyptic moment will occur when three roosters crow and the monster hound, Garmr, breaks free of his cave. A frightening battle among gods ensues along with natural disasters. The Old Norse word Ragnarǫk that it derives from is a compound of “gods” (ragna) and “fate” (rok).

    Subaru

    Known in most of the English-speaking world as a popular car manufacturer, Subaru is a Japanese word for the Seven Sisters, or Pleiades, constellation. The Subaru logo even features the six stars visible to the naked eye in the constellation. In 2021, astronomers Ray and Barnaby Norris proposed that the constellation referred to as “Seven Sisters” by various ancient peoples (which today looks like six visible stars) once had a seventh visible star whose light has been swallowed up by the light of another.

    Tuesday/Wednesday/Thursday/Friday/Saturday

    If we want an example of mythology rooted in our day-to-day, we needn’t look any further than the days of the week. Initially, Romans named their days of the week after the planets, which included the sun and the moon (Sunday and Monday). As the Roman Empire expanded to include Germanic-speaking peoples, the names of the weekdays were adapted to reflect the names of gods familiar to the local populations.

    Today, five out of seven days of the week are linked to the names of mythological gods, four of which are Old Germanic/Norse in origin. Tuesday is rooted in the name of the Norse god of war and justice, Tyr. Wednesday descends from Woden (alternatively, Odin), a widely revered Germanic-Norse god who presided over healing, wisdom, death, war, poetry, and sorcery. Thursday is derived from the thunder god Thor. Finally, Friday owes its name to Frigg, the goddess of marriage, prophecy, clairvoyance, and motherhood. The outlier of the weekday group is Saturday, which traces its name back to Saturn, the Roman god of time, wealth, and renewal.

    While scholars are uncertain as to when the Germanic-Norse adaptations of the days of the week were introduced, it is estimated to have occurred between 200-500 CE to predate the spread of Christianity and the final collapse of the Roman Empire.

    weird

    While weird today generally means “bizarre” or “unusual,” its older use has been to refer to something that is “uncanny” or relating to the supernatural. This links into the original definition of weird, or then wyrd, as being able to control fate or destiny. The Old English derivation of the Germanic word was first recorded before 900 CE as wyrd; then in Middle English as the phrase werde sisters, which referred to the Fates. According to Greek mythology, the three goddesses known as the Fates control the destinies of the lives of man. In the early 1600s, Shakespeare’s Macbeth, used werde sisters to refer to these witches in the play.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Mythic Words From Mythologies Around The World It’s in human nature to tell stories and in many ways, our stories—our mythologies—work their way into every aspect of our daily lives, from meme culture to the language we speak. You may be familiar with some of the words derived from the names of Greek and Roman gods and characters (herculean, echo, narcissist, to name a few). But some of the words with similar origins are more obscure and may surprise you, and still others are drawn from completely different cultural lineages! Many of our modern words are inspired not only by Greco-Roman mythos but also by West African, Indigenous, Far East Asian, and Nordic folktales, gods, heroes, and legends. Here’s a closer look at some of our everyday words and the many diverse mythologies that have contributed to their use and interpretation today. California While many of us might view the Golden State as the land of sunshine, mild winters, and plenty, this idyllic image of California is first glimpsed in Garci Rodríguez de Montalvo’s novel Las Sergas de Esplandián (“The Adventures of Esplandián”) from the 1500s. At a time when Spanish invasion and exploration of the Americas was at its peak, Las Sergas de Esplandián describes a fictional island ruled by Queen Calafia of the Indies, hence the name “California.” It’s possible Rodríguez de Montalvo derived California from the Arabic khalif or khalifa (a spiritual leader of Islam), or the term Califerne from the 11th-century epic French poem The Song of Roland. When the Spanish first encountered the Baja California peninsula, it was initially believed to be an island and so was dubbed for the fictional island in Rodríguez de Montalvo’s novel. Eventually, this name would apply to the region that we now know as California in the US and Baja California in Mexico today. chimeric Chimeric is an adjective used to describe something “imaginary, fanciful” or in the context of biology, chimeric describes an organism “having parts of different origins.” The word chimeric is derived from the name of an ancient Greek monster, the chimera. Typically depicted as a having both a goat and lion head sprouting from its back and a serpent as a tail, the chimera was a terrifying and formidable opponent. hell While this word may call to mind Christianity and the realm of demons and condemned souls, hell is also associated with another concept of the underworld. According to Norse mythology, the prominent god Odin appointed the goddess and daughter of Loki, Hel, to preside over the realm of the dead. Hel’s name subsequently became associated as the word for the underworld itself. The word hell entered Old English sometime before the year 900 CE. hurricane When a windstorm whips up torrential rains, it can definitely seem like a god’s fury has been called down. This might explain why hurricane is derived from a Taíno storm god, Hurakán. The Taíno were an Indigenous tribe of the Caribbean, so it certainly makes sense that their deities would hold the name now associated with major tropical storms. Working its way from Spanish into English, hurricane was likely first recorded in English around the mid-1500s. Nike Typically depicted with wings, Nike was the Greek goddess of victory. Her influence was not limited to athletics, and she could oversee any field from art to music to war. Nike is said to have earned this title as one of the first deities to offer her allegiance to Zeus during the Titanomachy, the great battle between the Titans and gods for Mount Olympus. Of course, with a winning streak like that, it’s no wonder a popular sports apparel company would name itself after her. plutocracy Plutocracy means “the rule or power of wealth” or “of the wealthy, particularly a government or state in which the wealthy class rules.” The pluto in plutocracy comes from the Roman god of wealth, Pluto. Often known best by his Greek name, Hades, Pluto also presided over the underworld. Where does the wealth factor in? Precious metals and gems are typically found underground. The word plutocracy was recorded in the English language around 1645–1655. protean The adjective protean [ proh-tee-uhn ] describes how something readily assumes different forms, shapes, or characteristics. Something that is protean is “extremely variable.” This word originates from the name of Proteus, a minor Greek sea god who served under Poseidon. Proteus was prophetic and said to be able to gaze into the past, present, and future. However, he was pretty stingy with his knowledge, so most challengers would have to surprise him and wrestle him—while Proteus continually transformed into different (usually dangerous) shapes, such as a lion or a snake! If the challenger held on throughout the transformations, Proteus would answer their question truthfully before jumping back into the sea. quetzalcoatlus Quetzalcoatlus is a genus of pterosaur from the Late Cretaceous period. Its remains were discovered in 1971 in Texas. As a flying dinosaur from the Americas, its name derives from the god Quetzalcóatl, or “the feathered serpent,” in Nahuatl. Often depicted as exactly that (in addition to having incarnations that ranged from axolotls to dogs to corn), Quetzalcóatl was a prominent god of creation and order in the pantheon of the Mexica people. His domain included powerful and sustaining forces such as the sun, the wind, agriculture, wisdom, and writing. ragnarok Popping up everywhere from video games to blockbuster movies, the word ragnarok [ rahg-nuh-rok ] just sounds cool. It’s typically used as a synonym for the end of the world—and that’s what it originally referred to. In Norse mythology, this apocalyptic moment will occur when three roosters crow and the monster hound, Garmr, breaks free of his cave. A frightening battle among gods ensues along with natural disasters. The Old Norse word Ragnarǫk that it derives from is a compound of “gods” (ragna) and “fate” (rok). Subaru Known in most of the English-speaking world as a popular car manufacturer, Subaru is a Japanese word for the Seven Sisters, or Pleiades, constellation. The Subaru logo even features the six stars visible to the naked eye in the constellation. In 2021, astronomers Ray and Barnaby Norris proposed that the constellation referred to as “Seven Sisters” by various ancient peoples (which today looks like six visible stars) once had a seventh visible star whose light has been swallowed up by the light of another. Tuesday/Wednesday/Thursday/Friday/Saturday If we want an example of mythology rooted in our day-to-day, we needn’t look any further than the days of the week. Initially, Romans named their days of the week after the planets, which included the sun and the moon (Sunday and Monday). As the Roman Empire expanded to include Germanic-speaking peoples, the names of the weekdays were adapted to reflect the names of gods familiar to the local populations. Today, five out of seven days of the week are linked to the names of mythological gods, four of which are Old Germanic/Norse in origin. Tuesday is rooted in the name of the Norse god of war and justice, Tyr. Wednesday descends from Woden (alternatively, Odin), a widely revered Germanic-Norse god who presided over healing, wisdom, death, war, poetry, and sorcery. Thursday is derived from the thunder god Thor. Finally, Friday owes its name to Frigg, the goddess of marriage, prophecy, clairvoyance, and motherhood. The outlier of the weekday group is Saturday, which traces its name back to Saturn, the Roman god of time, wealth, and renewal. While scholars are uncertain as to when the Germanic-Norse adaptations of the days of the week were introduced, it is estimated to have occurred between 200-500 CE to predate the spread of Christianity and the final collapse of the Roman Empire. weird While weird today generally means “bizarre” or “unusual,” its older use has been to refer to something that is “uncanny” or relating to the supernatural. This links into the original definition of weird, or then wyrd, as being able to control fate or destiny. The Old English derivation of the Germanic word was first recorded before 900 CE as wyrd; then in Middle English as the phrase werde sisters, which referred to the Fates. According to Greek mythology, the three goddesses known as the Fates control the destinies of the lives of man. In the early 1600s, Shakespeare’s Macbeth, used werde sisters to refer to these witches in the play. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/rS8BQALVorw?si=EU1g7bmpyPJ7DUR5
    เธอทำให้ฉันมีวันนี้และวันพรุ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง​ -​ Solitary​ Tool

    ฟังเพลงทั้งหมดของ​ Solitary​ Tool
    https://youtube.com/@solitary_tool?si=hRjXjf8htrsRZVMv
    https://youtu.be/rS8BQALVorw?si=EU1g7bmpyPJ7DUR5 เธอทำให้ฉันมีวันนี้และวันพรุ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง​ -​ Solitary​ Tool ฟังเพลงทั้งหมดของ​ Solitary​ Tool https://youtube.com/@solitary_tool?si=hRjXjf8htrsRZVMv
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • ## ล้อมรั้ว ไม่ถึง หลักเขตแดน 3 ##
    ..
    ..
    ทำไม ทัพภาค 1 ไม่ล้อมรั้วให้ถึง หมุดหลักเขตแดน...???
    .
    แต่ดันถอยเข้ามาล้อมรั้วด้านใน...???
    .
    ปล่อยให้ เขมร เข้ามาอยู่สบายใจ...
    .
    วันก่อน เขมร พาทูตและนักข่าวไปดู ว่าคนไทยล้ำเขตแดนของ เขมร...
    .
    นักข่าวถามนี่หมุดหลักเขตแดนของประเทศไทยไม่ใช่เหรอ จนเขมรหน้าแหก...!!!
    .
    พื้นที่ตรงนั้น ประเทศไทย ใช้พื้นที่ของประเทศไทยเอง ช่วยตั้งค่ายผู้ลี้ภัยให้ คนเขมร ตอนที่ เขมร ฆ่ากันเอง สมัยเขมรแดง สมัย เขมรแตก...
    .
    เรามีน้ำใจ แต่สุดท้าย เขมร อยู่แล้วอยู่เลย บอกพื้นที่ของเขา และ ฝั่งเราก็ไม่ยอมทำอะไร...
    .
    การที่ผู้มีอำนาจ ตั้งท่าอยู่เฉยๆ มันมีอะไรหล่อเลี้ยงด้วยรึเปล่า...???
    .
    รัฐบาล ทำอะไรอยู่...???
    .
    หรือ
    .
    ทัพภาค 1 ทำอะไรอยู่...???
    ....
    ....
    เขมร มัน อกตัญญู เนรคุณ นั่นก็ใช่ แล้วคนไทยที่มีอำนาจหล่ะ ถ้าเขาพวกนั้น หลับตาข้างนึง หลี่ตาข้างนึง
    .
    ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหล่ะ จะเรียกคนไทยเหล่านั้นว่าอะไรดีครับ...???
    .
    https://youtu.be/i1s2MwDyA-Y?si=oQpLvfy58RBNznUJ
    ## ล้อมรั้ว ไม่ถึง หลักเขตแดน 3 ## .. .. ทำไม ทัพภาค 1 ไม่ล้อมรั้วให้ถึง หมุดหลักเขตแดน...??? . แต่ดันถอยเข้ามาล้อมรั้วด้านใน...??? . ปล่อยให้ เขมร เข้ามาอยู่สบายใจ... . วันก่อน เขมร พาทูตและนักข่าวไปดู ว่าคนไทยล้ำเขตแดนของ เขมร... . นักข่าวถามนี่หมุดหลักเขตแดนของประเทศไทยไม่ใช่เหรอ จนเขมรหน้าแหก...!!! . พื้นที่ตรงนั้น ประเทศไทย ใช้พื้นที่ของประเทศไทยเอง ช่วยตั้งค่ายผู้ลี้ภัยให้ คนเขมร ตอนที่ เขมร ฆ่ากันเอง สมัยเขมรแดง สมัย เขมรแตก... . เรามีน้ำใจ แต่สุดท้าย เขมร อยู่แล้วอยู่เลย บอกพื้นที่ของเขา และ ฝั่งเราก็ไม่ยอมทำอะไร... . การที่ผู้มีอำนาจ ตั้งท่าอยู่เฉยๆ มันมีอะไรหล่อเลี้ยงด้วยรึเปล่า...??? . รัฐบาล ทำอะไรอยู่...??? . หรือ . ทัพภาค 1 ทำอะไรอยู่...??? .... .... เขมร มัน อกตัญญู เนรคุณ นั่นก็ใช่ แล้วคนไทยที่มีอำนาจหล่ะ ถ้าเขาพวกนั้น หลับตาข้างนึง หลี่ตาข้างนึง . ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหล่ะ จะเรียกคนไทยเหล่านั้นว่าอะไรดีครับ...??? . https://youtu.be/i1s2MwDyA-Y?si=oQpLvfy58RBNznUJ
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/lvErPIKWQhY?si=m4B6j8qVTakNVl5w
    https://youtu.be/lvErPIKWQhY?si=m4B6j8qVTakNVl5w
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • 555,ทีมเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตมาจริงแล้ว,รอจังหวะเปิดอยู่นั่นเอง,
    ..ไม่ว่าใครจะนำปกครองเขมร ขึ้นชื่อสันดานคนเขมรย่อมลบสันดานมึนหนาด้านหักหลังทรยศเนรคุณแค่หันหลังให้มันไม่ได้หรอก,
    ..ตัดไฟแต่ต้นลมคือยุบประเทศเขมรไปเสีย,คืนดินแดนเดิมให้ถูกเจ้าของจากฝรั่งเศสปล้นชิงแย่งไปก็จบ,ส่วนที่เหลือแบ่งให้ลาวให้เวียดนามไป,สถานะประเทศเขมรถูกยุบเถอะ ใครอนุมัติลงมติให้มันเสนอชื่อขอตั้งเป็นประเทศได้นะ,มายุบทำมันพ้นสถานะการเป็นประเทศเขมรเลย ตั้งประเทศมาเพื่อเป็นฮับอาชญากรรมโลกจริงๆ.สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลกอีกด้วย,จีนยังสั่งให้ปราบสแกมเมอร์คิดดูว่าขนาดจีนยังหลุดปากแสดงว่าโคตรเหี้ยสร้างหายนะเป็นภัยต่อประชาชนคนจีนทั้งประเทศจีนได้ด้วย,ดูดตังคนจีน ไปฟอกเงินที่อเมริกาคงประมาณนั้นล่ะ.เช่นนั้นจะจับมืออเมริกาแล้วหักหลังจีนง่ายๆทันทีได้ไง สมองฮุนเซนคิดอ่านไว้แล้ว หลอกตังจีนกว่าแสนล้านเหรียญมาลงทุน ยกให้อเมริกาเลยมันตบหัวจีนชัดๆนั้นล่ะ,กะล้างหนี้ร่วมกับอเมริกาฆ่าจีนด้วยนั้นล่ะ หนี้เขมรกับจีนก็สบายไปด้วยเพราะเขมรฮุนเซนเชื่อว่าอเมริการบชนะจีนมั้ง,ลืมดูบริบทอื่นๆร่วมด้วยเลยเขมรฮุนเซนมาเลย์สิงคโปร์ก็เอาด้วยเชื่อใจอเมริการบฆ่าจีนได้สบาย,มาเลย์มีซาอุฯ อเมริกาจับมือซาอุฯอยู่แล้ว มั่นใจอเมริกาก็ว่าเขมรจึงทำเช่นนั้น.

    สรุปใครจะมาปกครองเขมรก็เหี้ยต่อไทยหมด ทำลายเขมรทิ้งสิ้นซากจบเลย.
    https://youtube.com/watch?v=ukRReeQjXRM&si=nYZ6lvjWDb49LSjf
    555,ทีมเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตมาจริงแล้ว,รอจังหวะเปิดอยู่นั่นเอง, ..ไม่ว่าใครจะนำปกครองเขมร ขึ้นชื่อสันดานคนเขมรย่อมลบสันดานมึนหนาด้านหักหลังทรยศเนรคุณแค่หันหลังให้มันไม่ได้หรอก, ..ตัดไฟแต่ต้นลมคือยุบประเทศเขมรไปเสีย,คืนดินแดนเดิมให้ถูกเจ้าของจากฝรั่งเศสปล้นชิงแย่งไปก็จบ,ส่วนที่เหลือแบ่งให้ลาวให้เวียดนามไป,สถานะประเทศเขมรถูกยุบเถอะ ใครอนุมัติลงมติให้มันเสนอชื่อขอตั้งเป็นประเทศได้นะ,มายุบทำมันพ้นสถานะการเป็นประเทศเขมรเลย ตั้งประเทศมาเพื่อเป็นฮับอาชญากรรมโลกจริงๆ.สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลกอีกด้วย,จีนยังสั่งให้ปราบสแกมเมอร์คิดดูว่าขนาดจีนยังหลุดปากแสดงว่าโคตรเหี้ยสร้างหายนะเป็นภัยต่อประชาชนคนจีนทั้งประเทศจีนได้ด้วย,ดูดตังคนจีน ไปฟอกเงินที่อเมริกาคงประมาณนั้นล่ะ.เช่นนั้นจะจับมืออเมริกาแล้วหักหลังจีนง่ายๆทันทีได้ไง สมองฮุนเซนคิดอ่านไว้แล้ว หลอกตังจีนกว่าแสนล้านเหรียญมาลงทุน ยกให้อเมริกาเลยมันตบหัวจีนชัดๆนั้นล่ะ,กะล้างหนี้ร่วมกับอเมริกาฆ่าจีนด้วยนั้นล่ะ หนี้เขมรกับจีนก็สบายไปด้วยเพราะเขมรฮุนเซนเชื่อว่าอเมริการบชนะจีนมั้ง,ลืมดูบริบทอื่นๆร่วมด้วยเลยเขมรฮุนเซนมาเลย์สิงคโปร์ก็เอาด้วยเชื่อใจอเมริการบฆ่าจีนได้สบาย,มาเลย์มีซาอุฯ อเมริกาจับมือซาอุฯอยู่แล้ว มั่นใจอเมริกาก็ว่าเขมรจึงทำเช่นนั้น. สรุปใครจะมาปกครองเขมรก็เหี้ยต่อไทยหมด ทำลายเขมรทิ้งสิ้นซากจบเลย. https://youtube.com/watch?v=ukRReeQjXRM&si=nYZ6lvjWDb49LSjf
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 สิงหาคม 2568) ต่อเนื่องจนถึงรุ่งเช้า กองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีอย่างหนักอีกครั้งในพื้นที่ของยูเครน

    มีรายงานการใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "Kinzhals" และ "Zircons" ในครั้งนี้ด้วย

    ภูมิภาคดนีปรอเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk) เป้าหมายของการโจมตีของรัสเซียคือโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานก๊าซ ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

    ภูมิภาค ลวอฟ (Lvov/Lviv) ซึ่งมีรายงานการระเบิดรุนแรงสามครั้งติดต่อกัน

    ภูมิภาคลุตสก์ (Lust) มีรายงานการโจมตีอย่างน้อยสี่ครั้ง ยืนยันโดยนายกเทศมนตรีของเมือง

    มีรายงานขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "Kinzhals" และ "Zircons" อย่างน้อย 4 ลูก โจมตีเป้าหมายในภูมิภาคริฟเน (Rivne)

    เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 สิงหาคม 2568) ต่อเนื่องจนถึงรุ่งเช้า กองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีอย่างหนักอีกครั้งในพื้นที่ของยูเครน มีรายงานการใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "Kinzhals" และ "Zircons" ในครั้งนี้ด้วย 🟥ภูมิภาคดนีปรอเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk) เป้าหมายของการโจมตีของรัสเซียคือโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานก๊าซ ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง 🟥ภูมิภาค ลวอฟ (Lvov/Lviv) ซึ่งมีรายงานการระเบิดรุนแรงสามครั้งติดต่อกัน 🟥ภูมิภาคลุตสก์ (Lust) มีรายงานการโจมตีอย่างน้อยสี่ครั้ง ยืนยันโดยนายกเทศมนตรีของเมือง 🟥มีรายงานขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "Kinzhals" และ "Zircons" อย่างน้อย 4 ลูก โจมตีเป้าหมายในภูมิภาคริฟเน (Rivne)
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • เมื่อฟ้าผ่าทะลุสู่จักรวาล: ภาพถ่าย “Gigantic Jet” สุดหายากจากสถานีอวกาศ
    เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2025 NASA astronaut Nichole Ayers ได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์ฟ้าผ่าที่ไม่ธรรมดาจากบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ขณะบินผ่านบริเวณพายุฝนฟ้าคะนองเหนือเม็กซิโกและสหรัฐฯ ภาคตะวันตกเฉียงใต้

    ตอนแรกเธอคิดว่าเป็น “sprite” ซึ่งเป็นแสงสีแดงที่เกิดเหนือพายุ แต่หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็น “gigantic jet” ซึ่งหายากกว่ามาก และเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ Transient Luminous Events (TLEs) ที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาอยู่

    ปรากฏการณ์นี้คือการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าขนาดมหาศาลจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศระดับไอโอโนสเฟียร์ สูงถึง 100 กิโลเมตร โดยมักเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และแทบไม่มีใครได้เห็นจากพื้นโลก

    ภาพนี้ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองกับชั้นบรรยากาศระดับสูง ซึ่งอาจมีผลต่อการสื่อสาร, การบิน และแม้แต่การศึกษาสภาพอากาศของดาวเคราะห์อื่น

    เหตุการณ์สำคัญจากสถานีอวกาศ
    Nichole Ayers ถ่ายภาพ gigantic jet ได้จาก ISS เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2025
    เดิมคิดว่าเป็น sprite แต่ยืนยันว่าเป็น gigantic jet ซึ่งหายากมาก
    เกิดจากการปลดปล่อยไฟฟ้าจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นไอโอโนสเฟียร์ (~100 กม.)
    ภาพถ่ายใช้กล้อง Nikon Z9 เลนส์ 50mm f/1.2, ISO 6400, ¼ sec
    จุดที่เกิดปรากฏการณ์อยู่เหนือพายุบริเวณชายแดนเม็กซิโก–เท็กซัส
    สามารถมองเห็นแสงเมืองต่าง ๆ เช่น Dallas, Austin, San Antonio และ Torreón
    ภาพนี้ให้ข้อมูลใหม่แก่โครงการ Spritacular ของ NASA
    เชิญชวนประชาชนส่งภาพ TLEs เพื่อช่วยวิจัยผ่าน Spritacular.org

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gigantic jets เป็น TLEs ที่หายากที่สุดในกลุ่ม เช่นเดียวกับ blue jets และ ELVEs
    ISS มีเครื่องมือ Atmosphere-Space Interactions Monitor (ASIM) บันทึก TLEs ด้วยแสง, X-ray และ gamma-ray
    TLEs อาจมีผลต่อการสื่อสารวิทยุและระบบนำทาง GPS
    การศึกษา TLEs ช่วยให้เข้าใจการปลดปล่อยพลังงานในชั้นบรรยากาศโลก
    ปรากฏการณ์คล้ายกันพบในดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ ทำให้การศึกษานี้มีผลต่อวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์
    นักบินบนเครื่องบินโดยสารเคยถ่ายภาพ gigantic jets ได้โดยบังเอิญ

    https://science.nasa.gov/science-research/heliophysics/a-gigantic-jet-caught-on-camera-a-spritacular-moment-for-nasa-astronaut-nicole-ayers/
    🌌 เมื่อฟ้าผ่าทะลุสู่จักรวาล: ภาพถ่าย “Gigantic Jet” สุดหายากจากสถานีอวกาศ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2025 NASA astronaut Nichole Ayers ได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์ฟ้าผ่าที่ไม่ธรรมดาจากบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ขณะบินผ่านบริเวณพายุฝนฟ้าคะนองเหนือเม็กซิโกและสหรัฐฯ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตอนแรกเธอคิดว่าเป็น “sprite” ซึ่งเป็นแสงสีแดงที่เกิดเหนือพายุ แต่หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็น “gigantic jet” ซึ่งหายากกว่ามาก และเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ Transient Luminous Events (TLEs) ที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาอยู่ ปรากฏการณ์นี้คือการปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าขนาดมหาศาลจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศระดับไอโอโนสเฟียร์ สูงถึง 100 กิโลเมตร โดยมักเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และแทบไม่มีใครได้เห็นจากพื้นโลก ภาพนี้ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองกับชั้นบรรยากาศระดับสูง ซึ่งอาจมีผลต่อการสื่อสาร, การบิน และแม้แต่การศึกษาสภาพอากาศของดาวเคราะห์อื่น ✅ เหตุการณ์สำคัญจากสถานีอวกาศ ➡️ Nichole Ayers ถ่ายภาพ gigantic jet ได้จาก ISS เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2025 ➡️ เดิมคิดว่าเป็น sprite แต่ยืนยันว่าเป็น gigantic jet ซึ่งหายากมาก ➡️ เกิดจากการปลดปล่อยไฟฟ้าจากยอดเมฆพายุขึ้นสู่ชั้นไอโอโนสเฟียร์ (~100 กม.) ➡️ ภาพถ่ายใช้กล้อง Nikon Z9 เลนส์ 50mm f/1.2, ISO 6400, ¼ sec ➡️ จุดที่เกิดปรากฏการณ์อยู่เหนือพายุบริเวณชายแดนเม็กซิโก–เท็กซัส ➡️ สามารถมองเห็นแสงเมืองต่าง ๆ เช่น Dallas, Austin, San Antonio และ Torreón ➡️ ภาพนี้ให้ข้อมูลใหม่แก่โครงการ Spritacular ของ NASA ➡️ เชิญชวนประชาชนส่งภาพ TLEs เพื่อช่วยวิจัยผ่าน Spritacular.org ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gigantic jets เป็น TLEs ที่หายากที่สุดในกลุ่ม เช่นเดียวกับ blue jets และ ELVEs ➡️ ISS มีเครื่องมือ Atmosphere-Space Interactions Monitor (ASIM) บันทึก TLEs ด้วยแสง, X-ray และ gamma-ray ➡️ TLEs อาจมีผลต่อการสื่อสารวิทยุและระบบนำทาง GPS ➡️ การศึกษา TLEs ช่วยให้เข้าใจการปลดปล่อยพลังงานในชั้นบรรยากาศโลก ➡️ ปรากฏการณ์คล้ายกันพบในดาวพฤหัสบดีและดาวศุกร์ ทำให้การศึกษานี้มีผลต่อวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ ➡️ นักบินบนเครื่องบินโดยสารเคยถ่ายภาพ gigantic jets ได้โดยบังเอิญ https://science.nasa.gov/science-research/heliophysics/a-gigantic-jet-caught-on-camera-a-spritacular-moment-for-nasa-astronaut-nicole-ayers/
    SCIENCE.NASA.GOV
    A Gigantic Jet Caught on Camera: A Spritacular Moment for NASA Astronaut Nicole Ayers!
    On July 3, 2025, NASA astronaut Nichole Ayers captured a rare gigantic jet from the ISS—lightning shooting from a storm top into the upper atmosphere.
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/Lv5KpOv39AI?si=Ei28v3FCBUWZfW5l
    https://youtube.com/shorts/Lv5KpOv39AI?si=Ei28v3FCBUWZfW5l
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/XbUjhH3DfA8?si=8c29IQZJr9lV1kd4
    https://youtu.be/XbUjhH3DfA8?si=8c29IQZJr9lV1kd4
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/MIk98GDrKIQ?si=KMMexgAQVLVULYLj
    https://youtu.be/MIk98GDrKIQ?si=KMMexgAQVLVULYLj
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • จะเด็ดหัวคนทรยศประจำประเทศไทยเราเองทุกๆตัวอย่างไร,พวกนี้ไม่ตาย ประเทศไทยภายในไม่สงบสุขแน่นอน ตลอดเอาศัตรูข้าศึกเข้ามาทำลายบ้านด้วย.

    https://youtube.com/shorts/Ix8wEidpQZU?si=tEzLVx9bQ4R1nMae
    จะเด็ดหัวคนทรยศประจำประเทศไทยเราเองทุกๆตัวอย่างไร,พวกนี้ไม่ตาย ประเทศไทยภายในไม่สงบสุขแน่นอน ตลอดเอาศัตรูข้าศึกเข้ามาทำลายบ้านด้วย. https://youtube.com/shorts/Ix8wEidpQZU?si=tEzLVx9bQ4R1nMae
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    https://youtu.be/9BSrnxlVdcE?si=Kl3zlJpa_KBY5kSc
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • สมมุติ3จุดนี้ จุดแรกมาเกือบแสนนาย จุดสองมาเกือบสี่หมื่นนาย จุดสามมาเกือบหมื่นนาย รวมๆตลอดแนวแสนกว่านาย,ทิ้งไข่ ปืนใหญ่และอื่นๆอีก รวมๆเป็นปุ๋ยกว่าหมื่นนายแน่นอน,ภูมะเขือเองน่าจะเกิน5,000นายรวมๆกันทั้งสะสมและสนับสนุนเร่งอัดกำลังพลมายึดภูมะเขือให้ได้.
    ..แบบไว้หน้าคือกว่าห้าพันนาย,แบบไม่ไว้หน้าตุยกว่าหมื่นนายแน่นอนตลอดระยะเวลามันเปิดมาถึงนาทีปิดท้าย.

    https://youtube.com/shorts/IYMPjfMLvv0?si=7JkiPOBqilL2NsBt
    สมมุติ3จุดนี้ จุดแรกมาเกือบแสนนาย จุดสองมาเกือบสี่หมื่นนาย จุดสามมาเกือบหมื่นนาย รวมๆตลอดแนวแสนกว่านาย,ทิ้งไข่ ปืนใหญ่และอื่นๆอีก รวมๆเป็นปุ๋ยกว่าหมื่นนายแน่นอน,ภูมะเขือเองน่าจะเกิน5,000นายรวมๆกันทั้งสะสมและสนับสนุนเร่งอัดกำลังพลมายึดภูมะเขือให้ได้. ..แบบไว้หน้าคือกว่าห้าพันนาย,แบบไม่ไว้หน้าตุยกว่าหมื่นนายแน่นอนตลอดระยะเวลามันเปิดมาถึงนาทีปิดท้าย. https://youtube.com/shorts/IYMPjfMLvv0?si=7JkiPOBqilL2NsBt
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/MlVCBvawJbk?si=tO0sQWN62qZQEKFi
    https://youtube.com/shorts/MlVCBvawJbk?si=tO0sQWN62qZQEKFi
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/k7yfNlVqCjk?si=Fe1J0EWGNIf1J45v
    https://youtu.be/k7yfNlVqCjk?si=Fe1J0EWGNIf1J45v
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/watch?v=U5HeSGlVFCo&si=D3VarkBFBpeK0iHE
    https://youtube.com/watch?v=U5HeSGlVFCo&si=D3VarkBFBpeK0iHE
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/qTKCLedDjDE?si=lvltocq3FHfICah4
    https://youtu.be/qTKCLedDjDE?si=lvltocq3FHfICah4
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/t0XUl2lB5eQ?si=qz0lvptxY4RMIhoV
    https://youtu.be/t0XUl2lB5eQ?si=qz0lvptxY4RMIhoV
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเวอร์ชวล: Proxmox VE 9.0 อัปเดตครั้งใหญ่ที่พร้อมพาองค์กรสู่ยุคใหม่ของการจำลองระบบ

    Proxmox VE 9.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2025 โดยถือเป็นเวอร์ชันแรกของซีรีส์ 9.x ที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการจัดการระบบเวอร์ชวลสำหรับทั้งองค์กรและผู้ใช้ระดับ home lab

    เวอร์ชันนี้สร้างบน Debian 13 “Trixie” พร้อม Linux kernel 6.14.8-2 ซึ่งช่วยให้รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้ดีขึ้น และเพิ่มความเสถียรในการใช้งาน KVM และ LXC โดยมีการอัปเดตเทคโนโลยีหลัก เช่น QEMU 10.0.2, LXC 6.0.4, ZFS 2.3.3 และ Ceph Squid 19.2.3 ที่ช่วยให้การจัดการ VM และ container มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ snapshot สำหรับ VM บน LVM แบบ thick-provisioned, ระบบ Software-Defined Networking (SDN) ที่รองรับ OpenFabric และ OSPF, และ affinity rules สำหรับ High Availability ที่ช่วยให้วาง workload ได้อย่างแม่นยำ

    สำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรดจากเวอร์ชัน 8.x ไปยัง 9.0 Proxmox แนะนำให้ใช้สคริปต์ pve8to9 เพื่อเช็กความเข้ากันได้ก่อนอัปเกรด และควรสำรองข้อมูล VM และ container ทั้งหมด รวมถึงไฟล์ config ที่สำคัญ

    Proxmox VE 9.0 เปิดตัวเมื่อ 5 สิงหาคม 2025
    เป็นเวอร์ชันแรกของซีรีส์ 9.x ที่มีการอัปเดตครั้งใหญ่

    สร้างบน Debian 13 “Trixie” และใช้ Linux kernel 6.14.8-2
    เพิ่มความเสถียรและรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่

    อัปเดตเทคโนโลยีหลัก ได้แก่ QEMU 10.0.2, LXC 6.0.4, ZFS 2.3.3, Ceph Squid 19.2.3
    เพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดการ VM และ container

    เพิ่ม snapshot สำหรับ VM บน LVM แบบ thick-provisioned
    เหมาะกับองค์กรที่ใช้ Fibre Channel หรือ iSCSI SAN

    รองรับ Software-Defined Networking ด้วย OpenFabric และ OSPF
    ช่วยสร้างโครงสร้างเครือข่ายที่ซับซ้อนและขยายได้

    เพิ่ม affinity rules สำหรับ High Availability
    ช่วยควบคุมการวาง workload ให้เหมาะสมกับทรัพยากร

    Proxmox VE 9.0 เหมาะกับ hybrid cloud และ software-defined datacenter
    รองรับการใช้งานระดับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่น

    pve8to9 เป็นสคริปต์เช็กความเข้ากันได้ก่อนอัปเกรด
    ช่วยตรวจสอบปัญหาและแนะนำการแก้ไข

    มีสองวิธีในการอัปเกรด: in-place upgrade และติดตั้งใหม่
    การติดตั้งใหม่ต้องสำรองข้อมูลและ config ทั้งหมด

    ควรใช้ tmux หรือ screen เมื่ออัปเกรดผ่าน SSH
    ป้องกันการหลุดการเชื่อมต่อระหว่างการอัปเกรด

    https://linuxconfig.org/proxmox-virtual-environment-9-0-released-a-comprehensive-update-with-enhanced-virtualization
    🖥️🚀 เรื่องเล่าจากโลกเวอร์ชวล: Proxmox VE 9.0 อัปเดตครั้งใหญ่ที่พร้อมพาองค์กรสู่ยุคใหม่ของการจำลองระบบ Proxmox VE 9.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2025 โดยถือเป็นเวอร์ชันแรกของซีรีส์ 9.x ที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการจัดการระบบเวอร์ชวลสำหรับทั้งองค์กรและผู้ใช้ระดับ home lab เวอร์ชันนี้สร้างบน Debian 13 “Trixie” พร้อม Linux kernel 6.14.8-2 ซึ่งช่วยให้รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ได้ดีขึ้น และเพิ่มความเสถียรในการใช้งาน KVM และ LXC โดยมีการอัปเดตเทคโนโลยีหลัก เช่น QEMU 10.0.2, LXC 6.0.4, ZFS 2.3.3 และ Ceph Squid 19.2.3 ที่ช่วยให้การจัดการ VM และ container มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ snapshot สำหรับ VM บน LVM แบบ thick-provisioned, ระบบ Software-Defined Networking (SDN) ที่รองรับ OpenFabric และ OSPF, และ affinity rules สำหรับ High Availability ที่ช่วยให้วาง workload ได้อย่างแม่นยำ สำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรดจากเวอร์ชัน 8.x ไปยัง 9.0 Proxmox แนะนำให้ใช้สคริปต์ pve8to9 เพื่อเช็กความเข้ากันได้ก่อนอัปเกรด และควรสำรองข้อมูล VM และ container ทั้งหมด รวมถึงไฟล์ config ที่สำคัญ ✅ Proxmox VE 9.0 เปิดตัวเมื่อ 5 สิงหาคม 2025 ➡️ เป็นเวอร์ชันแรกของซีรีส์ 9.x ที่มีการอัปเดตครั้งใหญ่ ✅ สร้างบน Debian 13 “Trixie” และใช้ Linux kernel 6.14.8-2 ➡️ เพิ่มความเสถียรและรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ✅ อัปเดตเทคโนโลยีหลัก ได้แก่ QEMU 10.0.2, LXC 6.0.4, ZFS 2.3.3, Ceph Squid 19.2.3 ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการจัดการ VM และ container ✅ เพิ่ม snapshot สำหรับ VM บน LVM แบบ thick-provisioned ➡️ เหมาะกับองค์กรที่ใช้ Fibre Channel หรือ iSCSI SAN ✅ รองรับ Software-Defined Networking ด้วย OpenFabric และ OSPF ➡️ ช่วยสร้างโครงสร้างเครือข่ายที่ซับซ้อนและขยายได้ ✅ เพิ่ม affinity rules สำหรับ High Availability ➡️ ช่วยควบคุมการวาง workload ให้เหมาะสมกับทรัพยากร ✅ Proxmox VE 9.0 เหมาะกับ hybrid cloud และ software-defined datacenter ➡️ รองรับการใช้งานระดับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่น ✅ pve8to9 เป็นสคริปต์เช็กความเข้ากันได้ก่อนอัปเกรด ➡️ ช่วยตรวจสอบปัญหาและแนะนำการแก้ไข ✅ มีสองวิธีในการอัปเกรด: in-place upgrade และติดตั้งใหม่ ➡️ การติดตั้งใหม่ต้องสำรองข้อมูลและ config ทั้งหมด ✅ ควรใช้ tmux หรือ screen เมื่ออัปเกรดผ่าน SSH ➡️ ป้องกันการหลุดการเชื่อมต่อระหว่างการอัปเกรด https://linuxconfig.org/proxmox-virtual-environment-9-0-released-a-comprehensive-update-with-enhanced-virtualization
    LINUXCONFIG.ORG
    Proxmox VE 9.0 Released: What's New, Key Features, and How to Upgrade from Version 8.x
    Explore the new features and enhancements of Proxmox VE 9.0, including updates to the virtualization stack, support for modern server hardware, and advanced storage solutions. Discover why this release is crucial for hybrid cloud environments and data centers.
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
More Results