• รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251210 #TechRadar

    ความฝัน AGI ที่ยังไกลเกินเอื้อม
    นักวิจัย AI ในงานประชุม NeurIPS 2025 ออกมาเตือนว่า แม้ Google จะฉลองความสำเร็จของ Gemini 3 แต่ความจริงแล้วการสร้าง “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” หรือ AGI ยังห่างไกลมาก ปัญหาคือการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ทำให้มันฉลาดขึ้นจริง ๆ แต่กลับติดกำแพงที่เรียกว่า “scaling wall” ทั้งเรื่องข้อมูลที่เริ่มหมดคุณภาพ การใช้พลังงานมหาศาล และที่สำคัญคือโมเดลยังไม่เข้าใจเหตุและผลอย่างแท้จริง หลายคนเสนอแนวทางใหม่ เช่น สถาปัตยกรรมแบบ neurosymbolic ที่ผสมผสานการเรียนรู้เชิงสถิติและตรรกะ หรือ “world models” ที่จำลองการรับรู้โลกแบบมนุษย์ เพื่อให้ AI ไม่ใช่แค่ตอบได้ แต่เข้าใจจริง ๆ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/agi-is-a-pipe-dream-until-we-solve-one-big-problem-ai-experts-say-even-as-google-celebrates-geminis-success

    เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ 14 ปีในอินโดนีเซียถูกโค่น
    นักวิจัย Malanta.ai พบโครงสร้างอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดมหึมาในอินโดนีเซียที่ดำเนินการต่อเนื่องกว่า 14 ปี มีการควบคุมโดเมนกว่า 320,000 แห่ง รวมถึงซับโดเมนของรัฐบาลที่ถูกแฮ็ก ใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง AWS และ Firebase ในการสั่งการมัลแวร์ และสร้างแอป Android ปลอมที่กระจายไปทั่ว ผลคือข้อมูลล็อกอินการพนันกว่า 50,000 รายการถูกขโมยไป นักวิจัยตั้งข้อสงสัยว่านี่อาจไม่ใช่แค่กลุ่มอาชญากรทั่วไป แต่มีลักษณะคล้ายปฏิบัติการระดับรัฐ https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia

    บอร์ด Framework เก่าถูกชุบชีวิตเป็นคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์
    โครงการ Kickstarter ที่ชื่อ FrameCluster เสนอไอเดียเปลี่ยนเมนบอร์ด Framework ที่ไม่ได้ใช้แล้วให้กลายเป็นระบบคลัสเตอร์ขนาดเล็ก โดยใช้ชิ้นส่วนที่พิมพ์ 3D ทั้งหมด มันไม่ได้เน้นพลังประมวลผลสูงสุด แต่เน้นการจัดระเบียบและการนำฮาร์ดแวร์เก่ามาใช้ใหม่ เหมาะสำหรับงานทดลองหรือโฮสต์เซอร์วิสเล็ก ๆ แม้จะยังระดมทุนได้ไม่มาก แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการรีไซเคิลเทคโนโลยีให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง https://www.techradar.com/pro/your-own-supercomputer-made-up-of-old-framework-motherboards-this-kickstarter-project-aims-to-achieve-just-that

    รีวิว Fairphone Fairbuds XL 2025 หูฟังรักษ์โลก
    Fairphone เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ Fairbuds XL 2025 ที่ยังคงจุดขายด้านความยั่งยืน ใช้วัสดุรีไซเคิลและแร่ธาตุที่ได้จากการทำเหมืองอย่างเป็นธรรม จุดเด่นคือการควบคุมด้วยจอยสติ๊กเล็ก ๆ ที่ใช้งานง่ายและสนุก เสียงออกมาแนวสนุกสนาน มีพลังเบส แต่ยังไม่ละเอียดเท่าคู่แข่งรายใหญ่ จุดที่อาจทำให้ลังเลคือราคาที่สูงกว่าแบรนด์อื่น และฟีเจอร์เสริมที่ยังไม่ครบ แต่ถ้ามองเรื่องสิ่งแวดล้อมและการใช้งานระยะยาว หูฟังนี้ถือว่าโดดเด่นมาก https://www.techradar.com/audio/wireless-headphones/fairphone-fairbuds-xl-2025-review

    7 มือถือแนะนำสำหรับของขวัญคริสต์มาส
    TechRadar รวบรวมมือถือที่เหมาะจะซื้อเป็นของขวัญคริสต์มาสปีนี้ โดยแบ่งตามกลุ่มผู้ใช้ เช่น สำหรับทุกคนทั่วไปมีตัวเลือกอย่าง iPhone 17, Samsung Galaxy S25 และ Google Pixel 10 ส่วนวัยรุ่นเหมาะกับ iPhone 16 ที่ยังเร็วและรองรับอัปเดตอีกหลายปี สำหรับพ่อแม่แนะนำ Samsung Galaxy A36 ที่จอใหญ่ แบตอึด และราคาคุ้มค่า ถ้าเป็นแฟน Apple ก็มี iPhone 17 Pro ที่ครบเครื่อง หรือถ้าเป็นสาย Android ตัวแรง OnePlus 15 ก็เป็นดาวเด่นปีนี้ เรียกว่ามีตัวเลือกสำหรับทุกสไตล์และงบประมาณ https://www.techradar.com/phones/buying-someone-a-new-phone-this-christmas-here-are-my-7-expert-recommendations-for-every-type-of-person

    โฆษณาใน Gemini ยังไม่มา แต่อนาคตอาจเลี่ยงไม่พ้น
    ช่วงนี้โลก AI กำลังถูกจับตามองเรื่องโฆษณาในแชตบอท หลังจากที่ผู้ใช้ ChatGPT แบบโปรราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือนเจอ “app suggestions” โผล่มาเหมือนโฆษณา จนบริษัทต้องรีบถอดออกและยอมรับว่าพลาดไป ขณะที่คู่แข่งอย่าง Google Gemini รีบออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าไม่มีแผนจะใส่โฆษณาในแอปตอนนี้ แต่คำว่า “ตอนนี้” ก็ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัย เพราะค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลระบบ AI อาจทำให้วันหนึ่งโฆษณากลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้สะท้อนว่าอนาคตของผู้ช่วย AI อาจไม่พ้นการกลายเป็นพื้นที่โฆษณา เพียงแต่จะมาเมื่อไหร่เท่านั้น https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/ads-arent-coming-to-gemini-google-says-but-openai-has-shown-that-the-inevitable-is-coming

    Xiaomi และ Motorola เตรียมส่งแท็กคู่แข่ง AirTag
    ตั้งแต่ Apple เปิดตัว AirTag ในปี 2021 ก็แทบจะครองตลาดอุปกรณ์ติดตามของหาย ล่าสุดมีข่าวลือว่า Xiaomi และ Motorola กำลังจะเปิดตัวแท็กของตัวเอง โดยทั้งคู่จะรองรับเทคโนโลยี ultra wide-band ที่แม่นยำกว่าเดิม Xiaomi อาจเปิดตัวพร้อมมือถือรุ่นใหม่ปลายปี ส่วน Motorola ก็มีภาพหลุดของ Moto Tag 2 ที่จะมาพร้อมสีใหม่และกันน้ำได้ด้วย ราคายังไม่ประกาศ แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับรุ่นก่อนที่ขายราว 40 ดอลลาร์ ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Android ที่อยากได้ตัวเลือกใหม่ในการติดตามของสำคัญ https://www.techradar.com/phones/android/forget-apple-airtags-motorola-and-xiaomi-are-rumored-to-be-launching-android-equivalents-soon

    Dyson V8 Cyclone รุ่นพื้นฐานที่ทำความสะอาดได้เกินคาด
    นักรีวิวเครื่องดูดฝุ่นจาก TechRadar ได้ลอง Dyson V8 Cyclone ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน ไม่มีฟีเจอร์ล้ำ ๆ เหมือนรุ่นใหม่ ๆ แต่กลับทำความสะอาดได้ดีจนเหนือความคาดหมาย ในการทดสอบเปรียบเทียบกับรุ่นไฮเทคอย่าง Dyson V16 และ Shark Detect Pro รุ่น V8 Cyclone กลับทำคะแนนสูงกว่า จุดเด่นคือแรงดูดและหัวดูดที่ออกแบบเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้ตั้งคำถามว่าบางครั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบซับซ้อนเกินไปอาจไม่ได้ช่วยให้ใช้งานดีขึ้นเสมอไป https://www.techradar.com/home/vacuums/i-was-blown-away-by-this-basic-dyson-vacuums-cleaning-powers-and-im-wondering-if-modern-vacs-are-over-engineered

      IKEA เปิดตัวไฟอัจฉริยะราคาถูกที่สุด
    IKEA เปิดตัวไฟ LED รุ่นใหม่ชื่อ Gömpyssling ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เปิดปุ๊บติดปั๊บ เหมาะสำหรับติดในตู้หรือชั้นวางของ จุดเด่นคือราคาถูกมาก แค่สองชิ้นราคาเพียง 3 ปอนด์ในอังกฤษ และ 4 ยูโรในหลายประเทศยุโรป ตัวไฟทำจากพลาสติกรีไซเคิล ใช้แบตเตอรี่ AA เพียงก้อนเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือแอปใด ๆ ถือเป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในบ้านโดยไม่ต้องลงทุนเยอะ https://www.techradar.com/home/smart-home/ikea-quietly-launches-a-new-smart-light-and-its-the-simplest-and-most-affordable-one-yet

    Asus ROG Raikiri Pro คอนโทรลเลอร์พร้อมจอ OLED ลดราคาหนัก
    สำหรับสายเกมเมอร์ Asus ROG Raikiri Pro เป็นคอนโทรลเลอร์ไร้สายที่มีจอ OLED ในตัว สามารถปรับโปรไฟล์ปุ่มและตั้งค่าต่าง ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าเมนูในเกม ล่าสุดมีโปรลดราคาจาก 149.99 ปอนด์เหลือเพียง 89.99 ปอนด์ ถือเป็นราคาต่ำสุดที่เคยมี ดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟ RGB รอบปุ่มและตัวเครื่องกึ่งโปร่งใส เหมาะกับคนที่ชอบปรับแต่งละเอียดหรืออยากได้คอนโทรลเลอร์ที่แตกต่างจากทั่วไป https://www.techradar.com/gaming/this-asus-controller-comes-with-a-screen-and-right-now-its-cheaper-than-ever

      Meta ลดการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ในยุโรป
    Meta ประกาศว่าจะลดการแชร์ข้อมูลของผู้ใช้ในสหภาพยุโรปภายในปี 2026 เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนปรับตามกฎหมาย GDPR การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ข้อมูลที่ส่งต่อระหว่างบริการต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook และ Instagram ถูกจำกัดมากขึ้น ถือเป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปที่เข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ https://www.techradar.com/pro/meta-promises-to-reduce-data-sharing-for-eu-users-by-2026-to-avoid-eu-gdpr-fines

      รีวิวกล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro
    กล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro รุ่นใหม่มาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม เช่น การบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และระบบช่วยตรวจจับเหตุการณ์ แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย รีวิวจาก TechRadar ระบุว่าถึงแม้คุณภาพดี แต่คู่แข่งที่ราคาถูกกว่ากลับทำได้ใกล้เคียงหรือบางรุ่นดีกว่า ทำให้ U3000 Pro อาจเหมาะกับคนที่ต้องการฟีเจอร์ครบ ๆ และไม่กังวลเรื่องงบประมาณ https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tested-the-thinkware-u3000-pro-dash-cam-and-it-has-heaps-of-potential-but-its-outshone-by-affordable-rivals

    สร้างห้องทำงานที่บ้านให้สมบูรณ์แบบ
    เรื่องนี้พูดถึงการจัดห้องทำงานที่บ้านให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่ทรงพลังและสะดวกสบายที่สุด เขาแนะนำอุปกรณ์สำคัญตั้งแต่แล็ปท็อปที่แรงพอสำหรับงานหนักอย่าง Dell 16 Premium ไปจนถึงเก้าอี้ Branch Verve ที่นั่งได้นานโดยไม่เมื่อย รวมถึงโต๊ะยืน FlexiSpot E7 ที่ปรับระดับได้ง่าย เครื่องพิมพ์ Epson EcoTank ที่ประหยัดหมึก และจอมอนิเตอร์ Dell UltraSharp ที่ภาพคมชัด นอกจากนี้ยังมีเมาส์ Logitech MX Master 3S ที่ใช้งานได้เงียบและแม่นยำ รวมถึงระบบ Wi-Fi 7 จาก TP-Link Deco ที่ทำให้การเชื่อมต่อเสถียร สุดท้ายยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Docking Station, SSD พกพา Samsung T9, Cloud Storage iDrive และหูฟัง Jabra Evolve2 75 ที่ช่วยให้การประชุมออนไลน์ชัดเจน ทั้งหมดนี้คือการรวมอุปกรณ์ที่ทำให้การทำงานจากบ้านมีประสิทธิภาพและสบายใจมากขึ้น https://www.techradar.com/home/create-the-ultimate-work-from-home-setup

    LinkedIn เดินหน้าตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ทุกคน
    LinkedIn ประกาศความสำเร็จในการทำให้มีผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนกว่า 100 ล้านบัญชี และยังตั้งเป้าว่าจะทำให้ทุกบัญชี ทุกบริษัท และทุกตำแหน่งงานมีการยืนยันเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น การยืนยันนี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมมากขึ้นถึงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ LinkedIn ยังเปิด API ให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Zoom นำสถานะการยืนยันไปแสดงในโปรไฟล์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการประชุมออนไลน์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ LinkedIn ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของความน่าเชื่อถือบนโลกดิจิทัล https://www.techradar.com/pro/linkedin-wants-every-user-to-be-verified

    โน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ OLED ขยายได้จาก Lenovo
    มีข่าวลือว่า Lenovo เตรียมเปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นใหม่ชื่อ Legion Pro Rollable ที่มาพร้อมจอ OLED แบบขยายได้ในแนวนอน ซึ่งจะกลายเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ Ultrawide รุ่นแรกของโลก หากเป็นจริงจะเปิดตัวในงาน CES 2026 จุดเด่นคือหน้าจอสามารถขยายออกไปด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่การเล่นเกมหรือทำงานแบบมัลติทาสก์ คาดว่าจะใช้ซีพียู Intel Core Ultra แต่ยังไม่เปิดเผยการ์ดจอ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องราคาและน้ำหนัก แต่ถ้า Lenovo ทำได้สำเร็จ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/lenovo-legion-pro-rollable-leak-reveals-the-worlds-first-ultrawide-oled-gaming-laptop-and-i-cant-wait-to-try-it

    การโจมตีแบบ Prompt Injection อาจไม่มีวันแก้ได้
    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งสหราชอาณาจักร (NCSC) เตือนว่าการโจมตีแบบ Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในข้อความเพื่อหลอกให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ทำงานผิด อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์เหมือนที่เคยแก้ปัญหา SQL Injection เพราะโมเดลไม่สามารถแยกแยะระหว่างข้อมูลกับคำสั่งได้อย่างแท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักพัฒนามองโมเดลเหล่านี้เป็น “ผู้ช่วยที่สับสนได้” และออกแบบระบบให้จำกัดผลกระทบหากถูกโจมตี นี่เป็นการเตือนว่าการใช้ AI ต้องระวังและไม่ควรคาดหวังว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ https://www.techradar.com/pro/security/prompt-injection-attacks-might-never-be-properly-mitigated-uk-ncsc-warns

    ออสเตรเลียห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย
    กฎหมายใหม่ในออสเตรเลียเริ่มบังคับใช้แล้ว โดยห้ามผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น YouTube, Instagram, TikTok และ Snapchat หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย มาตรการนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ปกครองและนักปกป้องเด็ก แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวที่กังวลว่าจะกระทบสิทธิของประชาชน เด็กบางคนเริ่มหันไปใช้แอปอื่นที่ไม่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย เช่น Discord หรือ Roblox และมีแนวโน้มว่าการค้นหา VPN จะเพิ่มขึ้นเพื่อหาทางเลี่ยงข้อจำกัด https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/under-16s-social-media-ban-lands-in-australia

    Pebble Index 01 อุปกรณ์ใหม่รวมแหวนอัจฉริยะกับผู้ช่วยเสียง
    Pebble เปิดตัวอุปกรณ์ที่รวมฟังก์ชันผู้ช่วยเสียงเข้ากับสมาร์ทริงในชื่อ Pebble Index 01 จุดเด่นคือสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้โดยตรงจากแหวน เช่น เปิดเพลง ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม หรือเช็กข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดีไซน์เรียบง่ายและทันสมัย ทำให้เป็นทั้งเครื่องประดับและอุปกรณ์เทคโนโลยีในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการพยายามสร้างหมวดหมู่ใหม่ที่ผสมผสาน wearable กับ AI voice assistant เข้าด้วยกัน https://www.techradar.com/health-fitness/pebble-is-reinventing-voice-assistants-and-smart-rings-in-one-device-meet-the-pebble-index-01

     รัฐบาลสหรัฐฯ มองโลกในแง่ดีหลังยอดจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์ลดลง
    ช่วงปี 2023 ถือเป็นปีที่การโจมตี ransomware พุ่งสูงสุด มีการจ่ายค่าไถ่รวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ แต่หลังจากที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถจัดการกับแก๊งใหญ่ ๆ อย่าง ALPHV และ LockBit ได้ ทำให้ปี 2024 ยอดการโจมตีและจำนวนเงินที่เหยื่อจ่ายลดลงเหลือประมาณ 734 ล้านดอลลาร์ แม้ยังมีแก๊งอย่าง Akira ที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ แต่ภาพรวมถือว่าการปราบปรามครั้งนี้สร้างผลกระทบชัดเจนต่อวงการอาชญากรรมไซเบอร์ https://www.techradar.com/pro/security/us-treasury-offers-cautious-optimism-as-ransomware-payments-decline

     Spotify เดินหน้าสู่ยุคใหม่ เพิ่มมิวสิกวิดีโอในแอป
    Spotify กำลังพยายามกลายเป็นเหมือน MTV ยุคดิจิทัล โดยล่าสุดเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึงอีกหลายประเทศ สามารถดูมิวสิกวิดีโอได้โดยตรงในแอป ไม่ใช่แค่ฟังเพลงอย่างเดียว ผู้ใช้สามารถกดสลับจากโหมดเสียงไปเป็นวิดีโอได้ทันที ฟีเจอร์นี้สร้างความตื่นเต้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าประสบการณ์ดูวิดีโอยังไม่ลื่นไหลเท่า YouTube อย่างไรก็ตาม Spotify ยังคงเดินหน้าต่อยอดเพื่อขยายบริการให้ครบวงจรทั้งภาพและเสียง https://www.techradar.com/audio/spotify/spotify-steps-up-its-plan-to-be-the-new-mtv-music-videos-are-rolling-out-whether-you-want-them-or-not

     โลกการเขียนโค้ดกับเทรนด์ใหม่ “Vibe-Coding”
    คำว่า “Vibe-Coding” ถูกยกให้เป็นคำแห่งปี 2025 หมายถึงการเขียนโปรแกรมที่เน้นความรู้สึกและความคิดสร้างสรรค์มากกว่ากฎเกณฑ์ทางเทคนิค โดยใช้ AI เป็นตัวช่วยให้โค้ดเกิดขึ้นแทบจะอัตโนมัติ แนวทางนี้เปิดโอกาสให้คนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสามารถสร้างซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และความเสี่ยงจากโค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด นักพัฒนาจึงต้องปรับบทบาทจากการเขียนโค้ดเองไปสู่การควบคุมคุณภาพและกำกับ AI ให้ทำงานอย่างถูกต้อง https://www.techradar.com/pro/the-future-of-coding-has-a-vibe-problem-balancing-creativity-with-control

     AMD เตรียมเปิดตัวชิปเกมมิ่งรุ่นใหม่ Ryzen 9850X3D
    มีภาพหลุดจาก BIOS ที่เผยให้เห็นชิป AMD Ryzen 9850X3D ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นอัปเกรดจาก 9800X3D โดยเพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6GHz ทำให้แรงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 400MHz แม้ผลทดสอบเบื้องต้นยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าชิปนี้เปิดตัวจริงในงาน CES 2026 จะเป็นข่าวดีสำหรับนักเล่นเกม เพราะนอกจากจะได้รุ่นใหม่ที่แรงขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้รุ่นเก่าราคาเริ่มถูกลงด้วย https://www.techradar.com/computing/gpu/the-fastest-gaming-cpu-could-get-a-supercharged-version-soon-as-new-amd-ryzen-9850x3d-leak-pops-up

     สหราชอาณาจักรต้องเร่งสร้างเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อแข่งขันในยุค AI
    รายงานล่าสุดชี้ว่า AI สามารถเพิ่ม GDP ของสหราชอาณาจักรได้กว่า 550 พันล้านปอนด์ภายในปี 2035 แต่ปัญหาคือโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายยังล้าหลังมาก โดยปัจจุบันสหราชอาณาจักรถือครองพลังการประมวลผล AI เพียง 3% ของโลก ขณะที่สหรัฐฯ ครองถึง 75% หากไม่เร่งลงทุนในเครือข่ายที่เร็ว ปลอดภัย และปรับตัวได้ทันที ประเทศอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน เครือข่ายอัจฉริยะจะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจและนวัตกรรมในอนาคต https://www.techradar.com/pro/the-uk-must-build-smarter-networks-to-lead-in-ai

      IBM ทุ่มเงิน 11 พันล้านเหรียญซื้อกิจการ Confluent IBM
    กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล โดยล่าสุดมีรายงานว่าเตรียมเข้าซื้อ Confluent ด้วยมูลค่ากว่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ IBM ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรยุค AI และคลาวด์ หากดีลนี้สำเร็จ IBM จะมีเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและกระจายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/ibm-looks-to-secure-data-infrastructure-with-usd11bn-bid-for-confluent

      สหรัฐฯ เตรียมอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปจีน
    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัท Nvidia ส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงรุ่น H200 ไปยังจีน หลังจากก่อนหน้านี้มีการจำกัดการขายเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในงานด้าน AI และการทหาร การผ่อนปรนครั้งนี้อาจช่วยให้ Nvidia ขยายตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/trump-set-to-allow-nvidia-h200-chips-to-be-exported-to-china
    📌📡🟢 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟢📡📌 #รวมข่าวIT #20251210 #TechRadar 🧠 ความฝัน AGI ที่ยังไกลเกินเอื้อม นักวิจัย AI ในงานประชุม NeurIPS 2025 ออกมาเตือนว่า แม้ Google จะฉลองความสำเร็จของ Gemini 3 แต่ความจริงแล้วการสร้าง “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” หรือ AGI ยังห่างไกลมาก ปัญหาคือการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ทำให้มันฉลาดขึ้นจริง ๆ แต่กลับติดกำแพงที่เรียกว่า “scaling wall” ทั้งเรื่องข้อมูลที่เริ่มหมดคุณภาพ การใช้พลังงานมหาศาล และที่สำคัญคือโมเดลยังไม่เข้าใจเหตุและผลอย่างแท้จริง หลายคนเสนอแนวทางใหม่ เช่น สถาปัตยกรรมแบบ neurosymbolic ที่ผสมผสานการเรียนรู้เชิงสถิติและตรรกะ หรือ “world models” ที่จำลองการรับรู้โลกแบบมนุษย์ เพื่อให้ AI ไม่ใช่แค่ตอบได้ แต่เข้าใจจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/agi-is-a-pipe-dream-until-we-solve-one-big-problem-ai-experts-say-even-as-google-celebrates-geminis-success 🕵️ เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ 14 ปีในอินโดนีเซียถูกโค่น นักวิจัย Malanta.ai พบโครงสร้างอาชญากรรมไซเบอร์ขนาดมหึมาในอินโดนีเซียที่ดำเนินการต่อเนื่องกว่า 14 ปี มีการควบคุมโดเมนกว่า 320,000 แห่ง รวมถึงซับโดเมนของรัฐบาลที่ถูกแฮ็ก ใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง AWS และ Firebase ในการสั่งการมัลแวร์ และสร้างแอป Android ปลอมที่กระจายไปทั่ว ผลคือข้อมูลล็อกอินการพนันกว่า 50,000 รายการถูกขโมยไป นักวิจัยตั้งข้อสงสัยว่านี่อาจไม่ใช่แค่กลุ่มอาชญากรทั่วไป แต่มีลักษณะคล้ายปฏิบัติการระดับรัฐ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia 🖥️ บอร์ด Framework เก่าถูกชุบชีวิตเป็นคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ โครงการ Kickstarter ที่ชื่อ FrameCluster เสนอไอเดียเปลี่ยนเมนบอร์ด Framework ที่ไม่ได้ใช้แล้วให้กลายเป็นระบบคลัสเตอร์ขนาดเล็ก โดยใช้ชิ้นส่วนที่พิมพ์ 3D ทั้งหมด มันไม่ได้เน้นพลังประมวลผลสูงสุด แต่เน้นการจัดระเบียบและการนำฮาร์ดแวร์เก่ามาใช้ใหม่ เหมาะสำหรับงานทดลองหรือโฮสต์เซอร์วิสเล็ก ๆ แม้จะยังระดมทุนได้ไม่มาก แต่ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการรีไซเคิลเทคโนโลยีให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/your-own-supercomputer-made-up-of-old-framework-motherboards-this-kickstarter-project-aims-to-achieve-just-that 🎧 รีวิว Fairphone Fairbuds XL 2025 หูฟังรักษ์โลก Fairphone เปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ Fairbuds XL 2025 ที่ยังคงจุดขายด้านความยั่งยืน ใช้วัสดุรีไซเคิลและแร่ธาตุที่ได้จากการทำเหมืองอย่างเป็นธรรม จุดเด่นคือการควบคุมด้วยจอยสติ๊กเล็ก ๆ ที่ใช้งานง่ายและสนุก เสียงออกมาแนวสนุกสนาน มีพลังเบส แต่ยังไม่ละเอียดเท่าคู่แข่งรายใหญ่ จุดที่อาจทำให้ลังเลคือราคาที่สูงกว่าแบรนด์อื่น และฟีเจอร์เสริมที่ยังไม่ครบ แต่ถ้ามองเรื่องสิ่งแวดล้อมและการใช้งานระยะยาว หูฟังนี้ถือว่าโดดเด่นมาก 🔗 https://www.techradar.com/audio/wireless-headphones/fairphone-fairbuds-xl-2025-review 🎄 7 มือถือแนะนำสำหรับของขวัญคริสต์มาส TechRadar รวบรวมมือถือที่เหมาะจะซื้อเป็นของขวัญคริสต์มาสปีนี้ โดยแบ่งตามกลุ่มผู้ใช้ เช่น สำหรับทุกคนทั่วไปมีตัวเลือกอย่าง iPhone 17, Samsung Galaxy S25 และ Google Pixel 10 ส่วนวัยรุ่นเหมาะกับ iPhone 16 ที่ยังเร็วและรองรับอัปเดตอีกหลายปี สำหรับพ่อแม่แนะนำ Samsung Galaxy A36 ที่จอใหญ่ แบตอึด และราคาคุ้มค่า ถ้าเป็นแฟน Apple ก็มี iPhone 17 Pro ที่ครบเครื่อง หรือถ้าเป็นสาย Android ตัวแรง OnePlus 15 ก็เป็นดาวเด่นปีนี้ เรียกว่ามีตัวเลือกสำหรับทุกสไตล์และงบประมาณ 🔗 https://www.techradar.com/phones/buying-someone-a-new-phone-this-christmas-here-are-my-7-expert-recommendations-for-every-type-of-person 📰 โฆษณาใน Gemini ยังไม่มา แต่อนาคตอาจเลี่ยงไม่พ้น ช่วงนี้โลก AI กำลังถูกจับตามองเรื่องโฆษณาในแชตบอท หลังจากที่ผู้ใช้ ChatGPT แบบโปรราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือนเจอ “app suggestions” โผล่มาเหมือนโฆษณา จนบริษัทต้องรีบถอดออกและยอมรับว่าพลาดไป ขณะที่คู่แข่งอย่าง Google Gemini รีบออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าไม่มีแผนจะใส่โฆษณาในแอปตอนนี้ แต่คำว่า “ตอนนี้” ก็ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัย เพราะค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลระบบ AI อาจทำให้วันหนึ่งโฆษณากลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้สะท้อนว่าอนาคตของผู้ช่วย AI อาจไม่พ้นการกลายเป็นพื้นที่โฆษณา เพียงแต่จะมาเมื่อไหร่เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/ads-arent-coming-to-gemini-google-says-but-openai-has-shown-that-the-inevitable-is-coming 📱 Xiaomi และ Motorola เตรียมส่งแท็กคู่แข่ง AirTag ตั้งแต่ Apple เปิดตัว AirTag ในปี 2021 ก็แทบจะครองตลาดอุปกรณ์ติดตามของหาย ล่าสุดมีข่าวลือว่า Xiaomi และ Motorola กำลังจะเปิดตัวแท็กของตัวเอง โดยทั้งคู่จะรองรับเทคโนโลยี ultra wide-band ที่แม่นยำกว่าเดิม Xiaomi อาจเปิดตัวพร้อมมือถือรุ่นใหม่ปลายปี ส่วน Motorola ก็มีภาพหลุดของ Moto Tag 2 ที่จะมาพร้อมสีใหม่และกันน้ำได้ด้วย ราคายังไม่ประกาศ แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับรุ่นก่อนที่ขายราว 40 ดอลลาร์ ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Android ที่อยากได้ตัวเลือกใหม่ในการติดตามของสำคัญ 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/forget-apple-airtags-motorola-and-xiaomi-are-rumored-to-be-launching-android-equivalents-soon 🧹 Dyson V8 Cyclone รุ่นพื้นฐานที่ทำความสะอาดได้เกินคาด นักรีวิวเครื่องดูดฝุ่นจาก TechRadar ได้ลอง Dyson V8 Cyclone ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน ไม่มีฟีเจอร์ล้ำ ๆ เหมือนรุ่นใหม่ ๆ แต่กลับทำความสะอาดได้ดีจนเหนือความคาดหมาย ในการทดสอบเปรียบเทียบกับรุ่นไฮเทคอย่าง Dyson V16 และ Shark Detect Pro รุ่น V8 Cyclone กลับทำคะแนนสูงกว่า จุดเด่นคือแรงดูดและหัวดูดที่ออกแบบเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้ตั้งคำถามว่าบางครั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบซับซ้อนเกินไปอาจไม่ได้ช่วยให้ใช้งานดีขึ้นเสมอไป 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-was-blown-away-by-this-basic-dyson-vacuums-cleaning-powers-and-im-wondering-if-modern-vacs-are-over-engineered 💡  IKEA เปิดตัวไฟอัจฉริยะราคาถูกที่สุด IKEA เปิดตัวไฟ LED รุ่นใหม่ชื่อ Gömpyssling ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เปิดปุ๊บติดปั๊บ เหมาะสำหรับติดในตู้หรือชั้นวางของ จุดเด่นคือราคาถูกมาก แค่สองชิ้นราคาเพียง 3 ปอนด์ในอังกฤษ และ 4 ยูโรในหลายประเทศยุโรป ตัวไฟทำจากพลาสติกรีไซเคิล ใช้แบตเตอรี่ AA เพียงก้อนเดียว ไม่ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือแอปใด ๆ ถือเป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในบ้านโดยไม่ต้องลงทุนเยอะ 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/ikea-quietly-launches-a-new-smart-light-and-its-the-simplest-and-most-affordable-one-yet 🎮 Asus ROG Raikiri Pro คอนโทรลเลอร์พร้อมจอ OLED ลดราคาหนัก สำหรับสายเกมเมอร์ Asus ROG Raikiri Pro เป็นคอนโทรลเลอร์ไร้สายที่มีจอ OLED ในตัว สามารถปรับโปรไฟล์ปุ่มและตั้งค่าต่าง ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าเมนูในเกม ล่าสุดมีโปรลดราคาจาก 149.99 ปอนด์เหลือเพียง 89.99 ปอนด์ ถือเป็นราคาต่ำสุดที่เคยมี ดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟ RGB รอบปุ่มและตัวเครื่องกึ่งโปร่งใส เหมาะกับคนที่ชอบปรับแต่งละเอียดหรืออยากได้คอนโทรลเลอร์ที่แตกต่างจากทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/gaming/this-asus-controller-comes-with-a-screen-and-right-now-its-cheaper-than-ever 🌐  Meta ลดการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ในยุโรป Meta ประกาศว่าจะลดการแชร์ข้อมูลของผู้ใช้ในสหภาพยุโรปภายในปี 2026 เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนปรับตามกฎหมาย GDPR การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ข้อมูลที่ส่งต่อระหว่างบริการต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook และ Instagram ถูกจำกัดมากขึ้น ถือเป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปที่เข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/meta-promises-to-reduce-data-sharing-for-eu-users-by-2026-to-avoid-eu-gdpr-fines 🚗  รีวิวกล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro กล้องติดรถ Thinkware U3000 Pro รุ่นใหม่มาพร้อมฟีเจอร์จัดเต็ม เช่น การบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง และระบบช่วยตรวจจับเหตุการณ์ แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย รีวิวจาก TechRadar ระบุว่าถึงแม้คุณภาพดี แต่คู่แข่งที่ราคาถูกกว่ากลับทำได้ใกล้เคียงหรือบางรุ่นดีกว่า ทำให้ U3000 Pro อาจเหมาะกับคนที่ต้องการฟีเจอร์ครบ ๆ และไม่กังวลเรื่องงบประมาณ 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/dash-cams/i-tested-the-thinkware-u3000-pro-dash-cam-and-it-has-heaps-of-potential-but-its-outshone-by-affordable-rivals 🖥️ สร้างห้องทำงานที่บ้านให้สมบูรณ์แบบ เรื่องนี้พูดถึงการจัดห้องทำงานที่บ้านให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานที่ทรงพลังและสะดวกสบายที่สุด เขาแนะนำอุปกรณ์สำคัญตั้งแต่แล็ปท็อปที่แรงพอสำหรับงานหนักอย่าง Dell 16 Premium ไปจนถึงเก้าอี้ Branch Verve ที่นั่งได้นานโดยไม่เมื่อย รวมถึงโต๊ะยืน FlexiSpot E7 ที่ปรับระดับได้ง่าย เครื่องพิมพ์ Epson EcoTank ที่ประหยัดหมึก และจอมอนิเตอร์ Dell UltraSharp ที่ภาพคมชัด นอกจากนี้ยังมีเมาส์ Logitech MX Master 3S ที่ใช้งานได้เงียบและแม่นยำ รวมถึงระบบ Wi-Fi 7 จาก TP-Link Deco ที่ทำให้การเชื่อมต่อเสถียร สุดท้ายยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Docking Station, SSD พกพา Samsung T9, Cloud Storage iDrive และหูฟัง Jabra Evolve2 75 ที่ช่วยให้การประชุมออนไลน์ชัดเจน ทั้งหมดนี้คือการรวมอุปกรณ์ที่ทำให้การทำงานจากบ้านมีประสิทธิภาพและสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/home/create-the-ultimate-work-from-home-setup 🔒 LinkedIn เดินหน้าตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ทุกคน LinkedIn ประกาศความสำเร็จในการทำให้มีผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนกว่า 100 ล้านบัญชี และยังตั้งเป้าว่าจะทำให้ทุกบัญชี ทุกบริษัท และทุกตำแหน่งงานมีการยืนยันเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น การยืนยันนี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมมากขึ้นถึงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ LinkedIn ยังเปิด API ให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Zoom นำสถานะการยืนยันไปแสดงในโปรไฟล์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการประชุมออนไลน์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ LinkedIn ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของความน่าเชื่อถือบนโลกดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/linkedin-wants-every-user-to-be-verified 🎮 โน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ OLED ขยายได้จาก Lenovo มีข่าวลือว่า Lenovo เตรียมเปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งรุ่นใหม่ชื่อ Legion Pro Rollable ที่มาพร้อมจอ OLED แบบขยายได้ในแนวนอน ซึ่งจะกลายเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งจอ Ultrawide รุ่นแรกของโลก หากเป็นจริงจะเปิดตัวในงาน CES 2026 จุดเด่นคือหน้าจอสามารถขยายออกไปด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่การเล่นเกมหรือทำงานแบบมัลติทาสก์ คาดว่าจะใช้ซีพียู Intel Core Ultra แต่ยังไม่เปิดเผยการ์ดจอ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องราคาและน้ำหนัก แต่ถ้า Lenovo ทำได้สำเร็จ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง 🔗 https://www.techradar.com/computing/gaming-laptops/lenovo-legion-pro-rollable-leak-reveals-the-worlds-first-ultrawide-oled-gaming-laptop-and-i-cant-wait-to-try-it ⚠️ การโจมตีแบบ Prompt Injection อาจไม่มีวันแก้ได้ หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งสหราชอาณาจักร (NCSC) เตือนว่าการโจมตีแบบ Prompt Injection ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งแอบแฝงในข้อความเพื่อหลอกให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ทำงานผิด อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์เหมือนที่เคยแก้ปัญหา SQL Injection เพราะโมเดลไม่สามารถแยกแยะระหว่างข้อมูลกับคำสั่งได้อย่างแท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักพัฒนามองโมเดลเหล่านี้เป็น “ผู้ช่วยที่สับสนได้” และออกแบบระบบให้จำกัดผลกระทบหากถูกโจมตี นี่เป็นการเตือนว่าการใช้ AI ต้องระวังและไม่ควรคาดหวังว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/prompt-injection-attacks-might-never-be-properly-mitigated-uk-ncsc-warns 🚫 ออสเตรเลียห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย กฎหมายใหม่ในออสเตรเลียเริ่มบังคับใช้แล้ว โดยห้ามผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม เช่น YouTube, Instagram, TikTok และ Snapchat หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงถึง 49.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย มาตรการนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ปกครองและนักปกป้องเด็ก แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวที่กังวลว่าจะกระทบสิทธิของประชาชน เด็กบางคนเริ่มหันไปใช้แอปอื่นที่ไม่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย เช่น Discord หรือ Roblox และมีแนวโน้มว่าการค้นหา VPN จะเพิ่มขึ้นเพื่อหาทางเลี่ยงข้อจำกัด 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/under-16s-social-media-ban-lands-in-australia 💍 Pebble Index 01 อุปกรณ์ใหม่รวมแหวนอัจฉริยะกับผู้ช่วยเสียง Pebble เปิดตัวอุปกรณ์ที่รวมฟังก์ชันผู้ช่วยเสียงเข้ากับสมาร์ทริงในชื่อ Pebble Index 01 จุดเด่นคือสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้โดยตรงจากแหวน เช่น เปิดเพลง ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม หรือเช็กข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดีไซน์เรียบง่ายและทันสมัย ทำให้เป็นทั้งเครื่องประดับและอุปกรณ์เทคโนโลยีในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการพยายามสร้างหมวดหมู่ใหม่ที่ผสมผสาน wearable กับ AI voice assistant เข้าด้วยกัน 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/pebble-is-reinventing-voice-assistants-and-smart-rings-in-one-device-meet-the-pebble-index-01 🛡️ รัฐบาลสหรัฐฯ มองโลกในแง่ดีหลังยอดจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์ลดลง ช่วงปี 2023 ถือเป็นปีที่การโจมตี ransomware พุ่งสูงสุด มีการจ่ายค่าไถ่รวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ แต่หลังจากที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถจัดการกับแก๊งใหญ่ ๆ อย่าง ALPHV และ LockBit ได้ ทำให้ปี 2024 ยอดการโจมตีและจำนวนเงินที่เหยื่อจ่ายลดลงเหลือประมาณ 734 ล้านดอลลาร์ แม้ยังมีแก๊งอย่าง Akira ที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ แต่ภาพรวมถือว่าการปราบปรามครั้งนี้สร้างผลกระทบชัดเจนต่อวงการอาชญากรรมไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/us-treasury-offers-cautious-optimism-as-ransomware-payments-decline 🎵 Spotify เดินหน้าสู่ยุคใหม่ เพิ่มมิวสิกวิดีโอในแอป Spotify กำลังพยายามกลายเป็นเหมือน MTV ยุคดิจิทัล โดยล่าสุดเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึงอีกหลายประเทศ สามารถดูมิวสิกวิดีโอได้โดยตรงในแอป ไม่ใช่แค่ฟังเพลงอย่างเดียว ผู้ใช้สามารถกดสลับจากโหมดเสียงไปเป็นวิดีโอได้ทันที ฟีเจอร์นี้สร้างความตื่นเต้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าประสบการณ์ดูวิดีโอยังไม่ลื่นไหลเท่า YouTube อย่างไรก็ตาม Spotify ยังคงเดินหน้าต่อยอดเพื่อขยายบริการให้ครบวงจรทั้งภาพและเสียง 🔗 https://www.techradar.com/audio/spotify/spotify-steps-up-its-plan-to-be-the-new-mtv-music-videos-are-rolling-out-whether-you-want-them-or-not 💻 โลกการเขียนโค้ดกับเทรนด์ใหม่ “Vibe-Coding” คำว่า “Vibe-Coding” ถูกยกให้เป็นคำแห่งปี 2025 หมายถึงการเขียนโปรแกรมที่เน้นความรู้สึกและความคิดสร้างสรรค์มากกว่ากฎเกณฑ์ทางเทคนิค โดยใช้ AI เป็นตัวช่วยให้โค้ดเกิดขึ้นแทบจะอัตโนมัติ แนวทางนี้เปิดโอกาสให้คนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคสามารถสร้างซอฟต์แวร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย และความเสี่ยงจากโค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด นักพัฒนาจึงต้องปรับบทบาทจากการเขียนโค้ดเองไปสู่การควบคุมคุณภาพและกำกับ AI ให้ทำงานอย่างถูกต้อง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-future-of-coding-has-a-vibe-problem-balancing-creativity-with-control ⚡ AMD เตรียมเปิดตัวชิปเกมมิ่งรุ่นใหม่ Ryzen 9850X3D มีภาพหลุดจาก BIOS ที่เผยให้เห็นชิป AMD Ryzen 9850X3D ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นอัปเกรดจาก 9800X3D โดยเพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6GHz ทำให้แรงขึ้นกว่าเดิมประมาณ 400MHz แม้ผลทดสอบเบื้องต้นยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าชิปนี้เปิดตัวจริงในงาน CES 2026 จะเป็นข่าวดีสำหรับนักเล่นเกม เพราะนอกจากจะได้รุ่นใหม่ที่แรงขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้รุ่นเก่าราคาเริ่มถูกลงด้วย 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/the-fastest-gaming-cpu-could-get-a-supercharged-version-soon-as-new-amd-ryzen-9850x3d-leak-pops-up 🌐 สหราชอาณาจักรต้องเร่งสร้างเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อแข่งขันในยุค AI รายงานล่าสุดชี้ว่า AI สามารถเพิ่ม GDP ของสหราชอาณาจักรได้กว่า 550 พันล้านปอนด์ภายในปี 2035 แต่ปัญหาคือโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายยังล้าหลังมาก โดยปัจจุบันสหราชอาณาจักรถือครองพลังการประมวลผล AI เพียง 3% ของโลก ขณะที่สหรัฐฯ ครองถึง 75% หากไม่เร่งลงทุนในเครือข่ายที่เร็ว ปลอดภัย และปรับตัวได้ทันที ประเทศอาจเสียโอกาสในการแข่งขัน เครือข่ายอัจฉริยะจะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจและนวัตกรรมในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-uk-must-build-smarter-networks-to-lead-in-ai 💼  IBM ทุ่มเงิน 11 พันล้านเหรียญซื้อกิจการ Confluent IBM กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล โดยล่าสุดมีรายงานว่าเตรียมเข้าซื้อ Confluent ด้วยมูลค่ากว่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ IBM ที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรยุค AI และคลาวด์ หากดีลนี้สำเร็จ IBM จะมีเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนและกระจายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/ibm-looks-to-secure-data-infrastructure-with-usd11bn-bid-for-confluent 🇨🇳  สหรัฐฯ เตรียมอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปจีน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัท Nvidia ส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงรุ่น H200 ไปยังจีน หลังจากก่อนหน้านี้มีการจำกัดการขายเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในงานด้าน AI และการทหาร การผ่อนปรนครั้งนี้อาจช่วยให้ Nvidia ขยายตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ 🔗 https://www.techradar.com/pro/trump-set-to-allow-nvidia-h200-chips-to-be-exported-to-china
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • "AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded Zen 5 CPUs"

    AMD เปิดตัวซีรีส์ EPYC 2005 Embedded ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 โดยมีจำนวนคอร์สูงสุด 16 คอร์ และค่า TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 45–75W . จุดเด่นคือการออกแบบแบบ BGA (Ball Grid Array) ขนาด 40×40 มม. ซึ่งเล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความหนาแน่นสูงและการจัดการพลังงานที่ดี .

    ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ
    ชิป EPYC 2005 มาพร้อม L3 cache 64MB, ความเร็วบูสต์สูงขึ้นถึง 28% และความเร็วฐานสูงขึ้น 35% เมื่อเทียบกับ Xeon 6503P-B แต่ใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว . รองรับ PCIe Gen5 28 lanes และ DDR5 memory เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และรองรับการอัปเกรดในอนาคต .

    การใช้งานในระบบ Embedded
    AMD ระบุว่า CPU รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบที่ต้องทำงานต่อเนื่อง เช่น networking switches, routers, cold cloud storage, aerospace และ robotics . จุดขายคือความทนทาน, ความปลอดภัย, และการรองรับการทำงานระยะยาวในสภาพแวดล้อมที่จำกัดพลังงาน .

    มุมมองตลาด
    การเปิดตัว EPYC 2005 แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังรุกตลาด embedded infrastructure อย่างจริงจัง เพื่อแข่งขันกับ Intel Xeon Embedded series . ด้วยการผสมผสานระหว่าง ประสิทธิภาพสูง, ขนาดเล็ก, และการใช้พลังงานต่ำ ทำให้ EPYC 2005 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนระบบและเพิ่มความหนาแน่นของการประมวลผล .

    สรุปสาระสำคัญ
    AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded CPUs
    ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5, สูงสุด 16 คอร์, TDP 45–75W

    การออกแบบ BGA ขนาดเล็ก
    40×40 มม. เล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า

    ประสิทธิภาพสูงกว่า Xeon
    ความเร็วบูสต์ +28%, ความเร็วฐาน +35%, ใช้พลังงานครึ่งเดียว

    รองรับการเชื่อมต่อใหม่
    PCIe Gen5 28 lanes, DDR5 memory

    การใช้งานในระบบ Embedded
    เหมาะกับ networking, storage, aerospace, robotics

    คำเตือนด้านการแข่งขัน
    ตลาด embedded มีคู่แข่งอย่าง Intel Xeon ที่ครองส่วนแบ่งอยู่แล้ว

    คำเตือนด้านการนำไปใช้งาน
    ต้องการการออกแบบระบบที่รองรับ BGA และการจัดการความร้อนที่ดี

    https://wccftech.com/amd-launches-epyc-2005-zen-5-cpus-up-to-16-cores-45-75w-tdp-higher-clocks/
    🖥️ "AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded Zen 5 CPUs" AMD เปิดตัวซีรีส์ EPYC 2005 Embedded ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 โดยมีจำนวนคอร์สูงสุด 16 คอร์ และค่า TDP ที่ปรับได้ระหว่าง 45–75W . จุดเด่นคือการออกแบบแบบ BGA (Ball Grid Array) ขนาด 40×40 มม. ซึ่งเล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความหนาแน่นสูงและการจัดการพลังงานที่ดี . ⚡ ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ ชิป EPYC 2005 มาพร้อม L3 cache 64MB, ความเร็วบูสต์สูงขึ้นถึง 28% และความเร็วฐานสูงขึ้น 35% เมื่อเทียบกับ Xeon 6503P-B แต่ใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว . รองรับ PCIe Gen5 28 lanes และ DDR5 memory เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และรองรับการอัปเกรดในอนาคต . 🔧 การใช้งานในระบบ Embedded AMD ระบุว่า CPU รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในระบบที่ต้องทำงานต่อเนื่อง เช่น networking switches, routers, cold cloud storage, aerospace และ robotics . จุดขายคือความทนทาน, ความปลอดภัย, และการรองรับการทำงานระยะยาวในสภาพแวดล้อมที่จำกัดพลังงาน . 🌍 มุมมองตลาด การเปิดตัว EPYC 2005 แสดงให้เห็นว่า AMD กำลังรุกตลาด embedded infrastructure อย่างจริงจัง เพื่อแข่งขันกับ Intel Xeon Embedded series . ด้วยการผสมผสานระหว่าง ประสิทธิภาพสูง, ขนาดเล็ก, และการใช้พลังงานต่ำ ทำให้ EPYC 2005 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนระบบและเพิ่มความหนาแน่นของการประมวลผล . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ AMD เปิดตัว EPYC 2005 Embedded CPUs ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5, สูงสุด 16 คอร์, TDP 45–75W ✅ การออกแบบ BGA ขนาดเล็ก ➡️ 40×40 มม. เล็กกว่า Intel Xeon 6500P-B ถึง 2.4 เท่า ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า Xeon ➡️ ความเร็วบูสต์ +28%, ความเร็วฐาน +35%, ใช้พลังงานครึ่งเดียว ✅ รองรับการเชื่อมต่อใหม่ ➡️ PCIe Gen5 28 lanes, DDR5 memory ✅ การใช้งานในระบบ Embedded ➡️ เหมาะกับ networking, storage, aerospace, robotics ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขัน ⛔ ตลาด embedded มีคู่แข่งอย่าง Intel Xeon ที่ครองส่วนแบ่งอยู่แล้ว ‼️ คำเตือนด้านการนำไปใช้งาน ⛔ ต้องการการออกแบบระบบที่รองรับ BGA และการจัดการความร้อนที่ดี https://wccftech.com/amd-launches-epyc-2005-zen-5-cpus-up-to-16-cores-45-75w-tdp-higher-clocks/
    WCCFTECH.COM
    AMD Launches EPYC 2005 "Zen 5" CPUs: Up To 16 Cores, 45-75W TDPs, Higher Clock Speeds Vs Competing Intel Xeon Embedded Chips
    AMD has introduced its latest EPYC 2005 Embedded "Zen 5" CPU lineup, featuring up to 16 cores and 45-75W TDP.
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • "Intel Core Ultra X9 388H โผล่ผลทดสอบ Geekbench"

    ชิป Intel Core Ultra X9 388H จากสถาปัตยกรรม Panther Lake ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยทำคะแนน 3,057 คะแนนใน single-core และ 17,687 คะแนนใน multi-core . ผลลัพธ์นี้ทำให้มันเหนือกว่า Arrow Lake-H Core Ultra 9 285H และใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 275HX ที่มีจำนวนคอร์มากกว่า .

    เทียบกับ AMD Ryzen AI Max+ 395
    เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Ryzen AI Max+ 395 ที่ทำได้ 2,792 คะแนนใน single-core และ 17,669 คะแนนใน multi-core พบว่า X9 388H เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core . จุดเด่นคือการบูสต์ความเร็วได้ถึง 5.1 GHz แม้จะมีค่า TDP เพียง 45W ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งที่ 55W .

    สเปกและการออกแบบ
    Core Ultra X9 388H มาพร้อมการออกแบบ 16 คอร์ (4P + 8E + 4 LP-E) โดยไม่มี Hyper-Threading และใช้ GPU แบบ Xe3 iGPU 12 คอร์ . นี่ถือเป็นรุ่นสูงสุดที่รั่วไหลออกมาจาก Panther Lake ในตอนนี้ และถูกมองว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์พกพา .

    มุมมองตลาดและความท้าทาย
    แม้ผลทดสอบจะน่าประทับใจ แต่ตลาดยังคงกังวลเรื่อง ราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูง ซึ่งอาจทำให้โน้ตบุ๊กที่ใช้ Panther Lake มีราคาสูงตามไปด้วย . Intel คาดว่าจะเปิดตัว Panther Lake อย่างเป็นทางการในปี 2026 และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ AMD Strix Halo และ Ryzen AI Max series .

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลทดสอบ Geekbench รั่วไหล
    Core Ultra X9 388H ทำได้ 3,057 (SC) และ 17,687 (MC)

    เหนือกว่า AMD Ryzen AI Max+ 395
    เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core

    สเปกที่โดดเด่น
    16 คอร์ (4P+8E+4LP-E), บูสต์ 5.1 GHz, Xe3 iGPU 12 คอร์

    TDP ต่ำกว่า
    45W เทียบกับ Ryzen AI Max+ 395 ที่ 55W

    คำเตือนด้านราคาโน้ตบุ๊ก
    ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่พุ่งสูงอาจทำให้เครื่องแพงขึ้น

    คำเตือนด้านความเสถียรของผลทดสอบ
    Geekbench เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้น ต้องรอผล benchmark เพิ่มเติมเพื่อยืนยัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-core-ultra-x9-388h-is-up-to-8-7-percent-faster-for-1t-perf-than-ryzen-ai-max-395-panther-lake-gains-significant-ground-on-strix-halo-in-early-geekbench-leak
    🖥️ "Intel Core Ultra X9 388H โผล่ผลทดสอบ Geekbench" ชิป Intel Core Ultra X9 388H จากสถาปัตยกรรม Panther Lake ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยทำคะแนน 3,057 คะแนนใน single-core และ 17,687 คะแนนใน multi-core . ผลลัพธ์นี้ทำให้มันเหนือกว่า Arrow Lake-H Core Ultra 9 285H และใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 275HX ที่มีจำนวนคอร์มากกว่า . ⚡ เทียบกับ AMD Ryzen AI Max+ 395 เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Ryzen AI Max+ 395 ที่ทำได้ 2,792 คะแนนใน single-core และ 17,669 คะแนนใน multi-core พบว่า X9 388H เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core . จุดเด่นคือการบูสต์ความเร็วได้ถึง 5.1 GHz แม้จะมีค่า TDP เพียง 45W ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งที่ 55W . 🔧 สเปกและการออกแบบ Core Ultra X9 388H มาพร้อมการออกแบบ 16 คอร์ (4P + 8E + 4 LP-E) โดยไม่มี Hyper-Threading และใช้ GPU แบบ Xe3 iGPU 12 คอร์ . นี่ถือเป็นรุ่นสูงสุดที่รั่วไหลออกมาจาก Panther Lake ในตอนนี้ และถูกมองว่าเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์พกพา . 🌍 มุมมองตลาดและความท้าทาย แม้ผลทดสอบจะน่าประทับใจ แต่ตลาดยังคงกังวลเรื่อง ราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูง ซึ่งอาจทำให้โน้ตบุ๊กที่ใช้ Panther Lake มีราคาสูงตามไปด้วย . Intel คาดว่าจะเปิดตัว Panther Lake อย่างเป็นทางการในปี 2026 และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการแข่งขันกับ AMD Strix Halo และ Ryzen AI Max series . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลทดสอบ Geekbench รั่วไหล ➡️ Core Ultra X9 388H ทำได้ 3,057 (SC) และ 17,687 (MC) ✅ เหนือกว่า AMD Ryzen AI Max+ 395 ➡️ เร็วกว่าถึง 8.7% ใน single-core และสูสีกันใน multi-core ✅ สเปกที่โดดเด่น ➡️ 16 คอร์ (4P+8E+4LP-E), บูสต์ 5.1 GHz, Xe3 iGPU 12 คอร์ ✅ TDP ต่ำกว่า ➡️ 45W เทียบกับ Ryzen AI Max+ 395 ที่ 55W ‼️ คำเตือนด้านราคาโน้ตบุ๊ก ⛔ ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่พุ่งสูงอาจทำให้เครื่องแพงขึ้น ‼️ คำเตือนด้านความเสถียรของผลทดสอบ ⛔ Geekbench เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้น ต้องรอผล benchmark เพิ่มเติมเพื่อยืนยัน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-upcoming-core-ultra-x9-388h-is-up-to-8-7-percent-faster-for-1t-perf-than-ryzen-ai-max-395-panther-lake-gains-significant-ground-on-strix-halo-in-early-geekbench-leak
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • "อุตสาหกรรมชิปเข้าสู่ Giga Cycle"

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเข้าสู่สิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “Giga Cycle” ซึ่งเกิดจากการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ความต้องการชิปทุกประเภท—ตั้งแต่ CPU, GPU, หน่วยความจำ ไปจนถึงการบรรจุขั้นสูง—พุ่งขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    รายงานจาก Creative Strategies ระบุว่า ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 จากเดิมที่มีรายได้ราว 650 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 . ปัจจัยหลักคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่กว่าทุกการขยายตัวในอดีต . ทั้ง AMD, Nvidia และ Broadcom ต่างยืนยันว่าตลาดนี้คือโอกาสมหาศาล โดย AMD คาดว่าตลาดฮาร์ดแวร์ AI จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 .

    การเติบโตของ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์
    AI Accelerators ที่มีมูลค่าไม่ถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถูกคาดว่าจะโตถึง 300–350 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029–2030 . ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ก็จะพุ่งจาก 140 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 850 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . สิ่งนี้ทำให้การพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนงานของ Hyperscaler รายใหญ่ เช่น Broadcom ที่คาดว่าธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษ .

    หน่วยความจำและการบรรจุ: คอขวดสำคัญ
    ตลาดหน่วยความจำ โดยเฉพาะ HBM (High Bandwidth Memory) กำลังกลายเป็นคอขวดหลัก . รายได้จาก HBM ถูกคาดว่าจะโตจาก 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการบรรจุขั้นสูงอย่าง CoWoS ก็กำลังถูกขยายกำลังการผลิตกว่า 60% ระหว่างปี 2025–2026 เพื่อรองรับความต้องการ .

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    สิ่งที่ทำให้ Giga Cycle แตกต่างจากรอบการเติบโตในอดีตคือ ทุกเซ็กเมนต์ของตลาดกำลังขยายตัวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Compute, Memory, Networking หรือ Storage . นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ไม่ใช่แค่ “รอบบูม” แต่เป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก .

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกโตแรง
    คาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029

    AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI
    โตจาก 140 พันล้าน → 850 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030

    ASIC และ Custom Silicon
    Broadcom คาดธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์

    HBM และการบรรจุขั้นสูง
    HBM โตจาก 16 พันล้าน → 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030
    CoWoS ขยายกำลังผลิตกว่า 60% ภายในปี 2026

    คำเตือนด้านคอขวดการผลิต
    หน่วยความจำและการบรรจุอาจไม่ทันต่อความต้องการ AI

    คำเตือนด้านความเสี่ยงตลาด
    หากการลงทุน AI ชะลอตัว อาจกระทบต่อการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/semiconductor-industry-enters-giga-cycle-as-ai-infrastructure-spending-reshapes-demand
    🌐 "อุตสาหกรรมชิปเข้าสู่ Giga Cycle" ข่าวนี้เล่าถึงการที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเข้าสู่สิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “Giga Cycle” ซึ่งเกิดจากการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ความต้องการชิปทุกประเภท—ตั้งแต่ CPU, GPU, หน่วยความจำ ไปจนถึงการบรรจุขั้นสูง—พุ่งขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน รายงานจาก Creative Strategies ระบุว่า ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกจะทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 จากเดิมที่มีรายได้ราว 650 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 . ปัจจัยหลักคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่กว่าทุกการขยายตัวในอดีต . ทั้ง AMD, Nvidia และ Broadcom ต่างยืนยันว่าตลาดนี้คือโอกาสมหาศาล โดย AMD คาดว่าตลาดฮาร์ดแวร์ AI จะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 . ⚡ การเติบโตของ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI Accelerators ที่มีมูลค่าไม่ถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถูกคาดว่าจะโตถึง 300–350 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029–2030 . ตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ก็จะพุ่งจาก 140 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 850 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . สิ่งนี้ทำให้การพัฒนา ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนงานของ Hyperscaler รายใหญ่ เช่น Broadcom ที่คาดว่าธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษ . 🧠 หน่วยความจำและการบรรจุ: คอขวดสำคัญ ตลาดหน่วยความจำ โดยเฉพาะ HBM (High Bandwidth Memory) กำลังกลายเป็นคอขวดหลัก . รายได้จาก HBM ถูกคาดว่าจะโตจาก 16 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 . ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการบรรจุขั้นสูงอย่าง CoWoS ก็กำลังถูกขยายกำลังการผลิตกว่า 60% ระหว่างปี 2025–2026 เพื่อรองรับความต้องการ . 🌍 มุมมองเชิงกลยุทธ์ สิ่งที่ทำให้ Giga Cycle แตกต่างจากรอบการเติบโตในอดีตคือ ทุกเซ็กเมนต์ของตลาดกำลังขยายตัวพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น Compute, Memory, Networking หรือ Storage . นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ไม่ใช่แค่ “รอบบูม” แต่เป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลก . 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลกโตแรง ➡️ คาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028–2029 ✅ AI Accelerators และเซิร์ฟเวอร์ AI ➡️ โตจาก 140 พันล้าน → 850 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ✅ ASIC และ Custom Silicon ➡️ Broadcom คาดธุรกิจ custom silicon จะทะลุ 100 พันล้านดอลลาร์ ✅ HBM และการบรรจุขั้นสูง ➡️ HBM โตจาก 16 พันล้าน → 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 ➡️ CoWoS ขยายกำลังผลิตกว่า 60% ภายในปี 2026 ‼️ คำเตือนด้านคอขวดการผลิต ⛔ หน่วยความจำและการบรรจุอาจไม่ทันต่อความต้องการ AI ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยงตลาด ⛔ หากการลงทุน AI ชะลอตัว อาจกระทบต่อการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/semiconductor-industry-enters-giga-cycle-as-ai-infrastructure-spending-reshapes-demand
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • Canonical เตรียมแพ็กเกจ AMD ROCm ลงใน Ubuntu Repositories

    Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้ประกาศว่าจะทำการ แพ็กเกจและแจกจ่าย AMD ROCm (Radeon Open Compute) ภายใน Ubuntu repositories โดยตรง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทำงานด้าน AI/ML และ HPC (High-Performance Computing) บน GPU ของ AMD ทั้งตระกูล Instinct และ Radeon การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง ROCm ได้ง่ายขึ้นผ่านระบบแพ็กเกจมาตรฐานของ Ubuntu โดยไม่ต้องพึ่งพาการติดตั้งภายนอก

    การรวม ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories จะเริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS (Resolute Raccoon) ซึ่งเป็นเวอร์ชันระยะยาวที่กำลังจะมาถึง ทำให้ผู้ใช้ในสายงานวิจัย, วิศวกรรม, และการพัฒนา AI สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ทรงพลังได้สะดวกและมั่นใจในความเสถียรของระบบมากขึ้น

    นอกจากนี้ Canonical ยังได้ร่วมมือกับ AMD เพื่อปรับปรุงการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ เช่น RISC-V และ ARM64 รวมถึงการทำงานร่วมกับดิสโทรอื่น ๆ ที่เน้นประสิทธิภาพสูงอย่าง CachyOS ที่เพิ่ม repository สำหรับ CPU ตระกูล Zen 4 และ Zen 5 สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงการผลักดัน ecosystem ของ AMD ให้กว้างขึ้นในโลก Linux

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงช่วยนักพัฒนาและนักวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ Ubuntu ในฐานะดิสโทรที่รองรับงานด้าน AI และ HPC ได้อย่างครบวงจร ซึ่งอาจทำให้ Ubuntu กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ GPU AMD ในการทำงานเชิงลึกด้านข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ

    Canonical ประกาศรวม AMD ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories
    ติดตั้งง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีภายนอก

    เริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS
    รองรับงาน AI/ML และ HPC บน AMD GPU

    ความร่วมมือกับ AMD
    ปรับปรุงการรองรับ RISC-V และ ARM64

    Ecosystem ขยายตัว
    ดิสโทรอื่นอย่าง CachyOS ก็เพิ่ม repository สำหรับ Zen 4/5

    ความเสี่ยงหากไม่อัปเดตระบบ
    ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจไม่ได้รับการรองรับ ROCm อย่างเต็มที่

    การเปลี่ยนแปลงด้านแพ็กเกจ
    ผู้ใช้ต้องปรับตัวกับการติดตั้งและการจัดการแพ็กเกจใหม่

    https://9to5linux.com/canonical-to-package-and-distribute-amd-rocm-within-ubuntus-repositories
    🖥️ Canonical เตรียมแพ็กเกจ AMD ROCm ลงใน Ubuntu Repositories Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้ประกาศว่าจะทำการ แพ็กเกจและแจกจ่าย AMD ROCm (Radeon Open Compute) ภายใน Ubuntu repositories โดยตรง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทำงานด้าน AI/ML และ HPC (High-Performance Computing) บน GPU ของ AMD ทั้งตระกูล Instinct และ Radeon การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง ROCm ได้ง่ายขึ้นผ่านระบบแพ็กเกจมาตรฐานของ Ubuntu โดยไม่ต้องพึ่งพาการติดตั้งภายนอก การรวม ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories จะเริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS (Resolute Raccoon) ซึ่งเป็นเวอร์ชันระยะยาวที่กำลังจะมาถึง ทำให้ผู้ใช้ในสายงานวิจัย, วิศวกรรม, และการพัฒนา AI สามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ทรงพลังได้สะดวกและมั่นใจในความเสถียรของระบบมากขึ้น นอกจากนี้ Canonical ยังได้ร่วมมือกับ AMD เพื่อปรับปรุงการรองรับสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ เช่น RISC-V และ ARM64 รวมถึงการทำงานร่วมกับดิสโทรอื่น ๆ ที่เน้นประสิทธิภาพสูงอย่าง CachyOS ที่เพิ่ม repository สำหรับ CPU ตระกูล Zen 4 และ Zen 5 สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงการผลักดัน ecosystem ของ AMD ให้กว้างขึ้นในโลก Linux การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงช่วยนักพัฒนาและนักวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ Ubuntu ในฐานะดิสโทรที่รองรับงานด้าน AI และ HPC ได้อย่างครบวงจร ซึ่งอาจทำให้ Ubuntu กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ GPU AMD ในการทำงานเชิงลึกด้านข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Canonical ประกาศรวม AMD ROCm เข้ากับ Ubuntu repositories ➡️ ติดตั้งง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีภายนอก ✅ เริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS ➡️ รองรับงาน AI/ML และ HPC บน AMD GPU ✅ ความร่วมมือกับ AMD ➡️ ปรับปรุงการรองรับ RISC-V และ ARM64 ✅ Ecosystem ขยายตัว ➡️ ดิสโทรอื่นอย่าง CachyOS ก็เพิ่ม repository สำหรับ Zen 4/5 ‼️ ความเสี่ยงหากไม่อัปเดตระบบ ⛔ ผู้ใช้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าอาจไม่ได้รับการรองรับ ROCm อย่างเต็มที่ ‼️ การเปลี่ยนแปลงด้านแพ็กเกจ ⛔ ผู้ใช้ต้องปรับตัวกับการติดตั้งและการจัดการแพ็กเกจใหม่ https://9to5linux.com/canonical-to-package-and-distribute-amd-rocm-within-ubuntus-repositories
    9TO5LINUX.COM
    Canonical to Package and Distribute AMD ROCm within Ubuntu’s Repositories - 9to5Linux
    Ubuntu maker Canonical will package and distribute the AMD ROCm software stack within Ubuntu’s repositories for AI/ML and HPC workloads.
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile – จุดเปลี่ยนของ GPU Programming

    NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซอฟต์แวร์ CUDA โดยใช้แนวคิด tile-based programming ทำให้การพัฒนา AI kernels ง่ายขึ้น และอาจลดความเป็น “กำแพงผูกขาด” ของ CUDA ตามที่ Jim Keller กล่าว แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงว่าแท้จริงแล้วอาจยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ NVIDIA

    NVIDIA ได้อัปเดต CUDA ครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเปลี่ยนจากโมเดล SIMT แบบเดิมไปสู่ tile-based programming model พร้อมกับ Tile IR (Intermediate Representation) ที่มอง GPU เป็น tile processor สิ่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถโฟกัสที่ core logic โดยไม่ต้องจัดการกับรายละเอียดเชิงสถาปัตยกรรมของ GPU มากนัก

    Jim Keller มองว่า CUDA Moat อาจสิ้นสุด
    Jim Keller สถาปนิกชิปชื่อดัง แสดงความคิดเห็นว่า การใช้ tile-based approach ทำให้ การพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยังแพลตฟอร์มอื่น เช่น AMD หรือ Triton ง่ายขึ้น เนื่องจากแนวทางนี้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว การยกระดับ abstraction ยังช่วยลดความจำเป็นในการเขียนโค้ดที่เจาะจงกับสถาปัตยกรรม NVIDIA โดยตรง

    มุมมองอีกด้าน: CUDA ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
    แม้จะดูเหมือนว่า CUDA จะเปิดกว้างขึ้น แต่หลายคนมองว่า Tile IR ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA โดยเฉพาะ ซึ่งหมายความว่า แม้การพอร์ตโค้ดจะง่ายขึ้น แต่การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อนอยู่ การอัปเดตนี้จึงอาจเป็นการ “ล็อกอิน” นักพัฒนาให้อยู่ใน ecosystem ของ NVIDIA มากกว่า

    ผลกระทบต่ออนาคต AI และ GPU
    การทำให้ GPU programming ง่ายขึ้นจะช่วยให้นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึงการสร้าง AI workflows ได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้านสถาปัตยกรรม GPU สิ่งนี้อาจเร่งการพัฒนา AI ในวงกว้าง แต่ก็ยังต้องจับตาว่า NVIDIA จะเปิดกว้างจริงหรือยังคงรักษา “moat” ของตนไว้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    CUDA Tile คืออะไร
    เปลี่ยนจาก SIMT ไปสู่ tile-based programming
    ใช้ Tile IR เพื่อจัดการ GPU เป็น tile processor
    ลดความซับซ้อนในการเขียนโค้ด GPU

    มุมมองของ Jim Keller
    การพอร์ตโค้ดไป AMD และ Triton จะง่ายขึ้น
    ยกระดับ abstraction ลดการเขียนโค้ดเฉพาะสถาปัตยกรรม

    ข้อดีต่อวงการ AI
    นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึง GPU programming ได้ง่ายขึ้น
    ลดความจำเป็นในการปรับแต่งเชิงลึก

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    Tile IR ถูกออกแบบมาเพื่อ NVIDIA โดยเฉพาะ
    การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อน
    อาจเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ CUDA ecosystem มากกว่าการเปิดกว้าง

    https://wccftech.com/nvidia-might-end-the-cuda-moat-with-its-latest-update-says-jim-keller/
    🖥️ NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile – จุดเปลี่ยนของ GPU Programming NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซอฟต์แวร์ CUDA โดยใช้แนวคิด tile-based programming ทำให้การพัฒนา AI kernels ง่ายขึ้น และอาจลดความเป็น “กำแพงผูกขาด” ของ CUDA ตามที่ Jim Keller กล่าว แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงว่าแท้จริงแล้วอาจยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ NVIDIA NVIDIA ได้อัปเดต CUDA ครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเปลี่ยนจากโมเดล SIMT แบบเดิมไปสู่ tile-based programming model พร้อมกับ Tile IR (Intermediate Representation) ที่มอง GPU เป็น tile processor สิ่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถโฟกัสที่ core logic โดยไม่ต้องจัดการกับรายละเอียดเชิงสถาปัตยกรรมของ GPU มากนัก ⚡ Jim Keller มองว่า CUDA Moat อาจสิ้นสุด Jim Keller สถาปนิกชิปชื่อดัง แสดงความคิดเห็นว่า การใช้ tile-based approach ทำให้ การพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยังแพลตฟอร์มอื่น เช่น AMD หรือ Triton ง่ายขึ้น เนื่องจากแนวทางนี้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว การยกระดับ abstraction ยังช่วยลดความจำเป็นในการเขียนโค้ดที่เจาะจงกับสถาปัตยกรรม NVIDIA โดยตรง 🌐 มุมมองอีกด้าน: CUDA ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้จะดูเหมือนว่า CUDA จะเปิดกว้างขึ้น แต่หลายคนมองว่า Tile IR ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA โดยเฉพาะ ซึ่งหมายความว่า แม้การพอร์ตโค้ดจะง่ายขึ้น แต่การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อนอยู่ การอัปเดตนี้จึงอาจเป็นการ “ล็อกอิน” นักพัฒนาให้อยู่ใน ecosystem ของ NVIDIA มากกว่า 🔮 ผลกระทบต่ออนาคต AI และ GPU การทำให้ GPU programming ง่ายขึ้นจะช่วยให้นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึงการสร้าง AI workflows ได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้านสถาปัตยกรรม GPU สิ่งนี้อาจเร่งการพัฒนา AI ในวงกว้าง แต่ก็ยังต้องจับตาว่า NVIDIA จะเปิดกว้างจริงหรือยังคงรักษา “moat” ของตนไว้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ CUDA Tile คืออะไร ➡️ เปลี่ยนจาก SIMT ไปสู่ tile-based programming ➡️ ใช้ Tile IR เพื่อจัดการ GPU เป็น tile processor ➡️ ลดความซับซ้อนในการเขียนโค้ด GPU ✅ มุมมองของ Jim Keller ➡️ การพอร์ตโค้ดไป AMD และ Triton จะง่ายขึ้น ➡️ ยกระดับ abstraction ลดการเขียนโค้ดเฉพาะสถาปัตยกรรม ✅ ข้อดีต่อวงการ AI ➡️ นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึง GPU programming ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดความจำเป็นในการปรับแต่งเชิงลึก ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ Tile IR ถูกออกแบบมาเพื่อ NVIDIA โดยเฉพาะ ⛔ การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อน ⛔ อาจเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ CUDA ecosystem มากกว่าการเปิดกว้าง https://wccftech.com/nvidia-might-end-the-cuda-moat-with-its-latest-update-says-jim-keller/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Might End the ‘CUDA Moat’ With Its Latest Update, Says Chip Architect Jim Keller
    NVIDIA has introduced one of the biggest upgrades to CUDA, and Jim Keller believes that it might mark the end of the software's exclusivity.
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • Hygon C86 – CPU จีนที่ท้าทาย Intel และ AMD

    Hygon C86 เป็นซีพียูที่ถูกพัฒนาขึ้นในจีน โดยมีจุดเด่นคือ 16 คอร์ 32 เธรด, L3 Cache 32MB, รองรับ DDR5 และ PCIe Gen 5.0 พร้อมค่า TDP เพียง 95W ซึ่งถือว่าต่ำมากสำหรับชิปที่มีจำนวนคอร์สูงเช่นนี้ ทำให้มันเหมาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและเดสก์ท็อปที่ต้องการประสิทธิภาพควบคู่กับการประหยัดพลังงาน

    การแข่งขันกับ Intel และ AMD
    รายงานเบื้องต้นระบุว่า Hygon C86 สามารถทำงานแบบ multi-threaded ได้ใกล้เคียงกับ Intel Core i7 รุ่น Raptor Lake แต่ยังมีข้อจำกัดในงาน single-threaded ที่ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับคู่แข่งได้ อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า จีนกำลังพัฒนาชิป x86 ของตนเองอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก

    บริบทการพัฒนา CPU ในจีน
    นอกจาก Hygon แล้ว จีนยังมีบริษัทอย่าง Zhaoxin และ Loongson ที่กำลังพัฒนา CPU รุ่นใหม่ เช่น Zhaoxin KH-50000 ที่มีถึง 96 คอร์ โดยใช้เทคโนโลยี chiplet design เพื่อแข่งขันกับ AMD EPYC และ Intel Xeon สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก และสร้าง ecosystem ด้านฮาร์ดแวร์ที่เป็นของตนเอง

    ความหมายต่ออนาคตตลาด CPU
    หาก Hygon และผู้ผลิตจีนรายอื่นสามารถพัฒนา CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในงาน single-threaded และการรองรับซอฟต์แวร์สากลได้ดีขึ้น ก็อาจทำให้ตลาด CPU มีผู้เล่นใหม่ที่แข็งแกร่ง และสร้างแรงกดดันต่อ Intel และ AMD ในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สเปกของ Hygon C86
    16 คอร์ 32 เธรด, L3 Cache 32MB
    รองรับ DDR5 และ PCIe Gen 5.0
    Boost Clock 3.0 GHz, TDP 95W

    ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
    Multi-threaded ใกล้เคียง Intel Core i7 Raptor Lake
    Single-threaded ยังด้อยกว่า AMD และ Intel

    บริบทการพัฒนา CPU ในจีน
    Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ที่มี 96 คอร์
    Loongson พัฒนา CPU รุ่นใหม่สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    Single-threaded performance ยังไม่ดีพอสำหรับงานบางประเภท
    Ecosystem ซอฟต์แวร์ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว
    ยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Hygon เกี่ยวกับการวางจำหน่าย

    https://wccftech.com/16-core-hygon-c86-cpu-reportedly-boasts-3-0-ghz-boost-clock-and-95-tdp/
    🖥️ Hygon C86 – CPU จีนที่ท้าทาย Intel และ AMD Hygon C86 เป็นซีพียูที่ถูกพัฒนาขึ้นในจีน โดยมีจุดเด่นคือ 16 คอร์ 32 เธรด, L3 Cache 32MB, รองรับ DDR5 และ PCIe Gen 5.0 พร้อมค่า TDP เพียง 95W ซึ่งถือว่าต่ำมากสำหรับชิปที่มีจำนวนคอร์สูงเช่นนี้ ทำให้มันเหมาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและเดสก์ท็อปที่ต้องการประสิทธิภาพควบคู่กับการประหยัดพลังงาน ⚡ การแข่งขันกับ Intel และ AMD รายงานเบื้องต้นระบุว่า Hygon C86 สามารถทำงานแบบ multi-threaded ได้ใกล้เคียงกับ Intel Core i7 รุ่น Raptor Lake แต่ยังมีข้อจำกัดในงาน single-threaded ที่ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับคู่แข่งได้ อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า จีนกำลังพัฒนาชิป x86 ของตนเองอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก 🌏 บริบทการพัฒนา CPU ในจีน นอกจาก Hygon แล้ว จีนยังมีบริษัทอย่าง Zhaoxin และ Loongson ที่กำลังพัฒนา CPU รุ่นใหม่ เช่น Zhaoxin KH-50000 ที่มีถึง 96 คอร์ โดยใช้เทคโนโลยี chiplet design เพื่อแข่งขันกับ AMD EPYC และ Intel Xeon สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตก และสร้าง ecosystem ด้านฮาร์ดแวร์ที่เป็นของตนเอง 🔮 ความหมายต่ออนาคตตลาด CPU หาก Hygon และผู้ผลิตจีนรายอื่นสามารถพัฒนา CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในงาน single-threaded และการรองรับซอฟต์แวร์สากลได้ดีขึ้น ก็อาจทำให้ตลาด CPU มีผู้เล่นใหม่ที่แข็งแกร่ง และสร้างแรงกดดันต่อ Intel และ AMD ในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สเปกของ Hygon C86 ➡️ 16 คอร์ 32 เธรด, L3 Cache 32MB ➡️ รองรับ DDR5 และ PCIe Gen 5.0 ➡️ Boost Clock 3.0 GHz, TDP 95W ✅ ประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ➡️ Multi-threaded ใกล้เคียง Intel Core i7 Raptor Lake ➡️ Single-threaded ยังด้อยกว่า AMD และ Intel ✅ บริบทการพัฒนา CPU ในจีน ➡️ Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ที่มี 96 คอร์ ➡️ Loongson พัฒนา CPU รุ่นใหม่สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ Single-threaded performance ยังไม่ดีพอสำหรับงานบางประเภท ⛔ Ecosystem ซอฟต์แวร์ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว ⛔ ยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการจาก Hygon เกี่ยวกับการวางจำหน่าย https://wccftech.com/16-core-hygon-c86-cpu-reportedly-boasts-3-0-ghz-boost-clock-and-95-tdp/
    WCCFTECH.COM
    16-Core Hygon C86 CPU Reportedly Boasts 3.0 GHz Boost Clock And 95 W TDP
    As per the latest leak, the Chinese Hygon C86 CPU reportedly boasts a max boost clock of 3.0 GHz and a TDP of 95 W.
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • AMD B650 ยังไม่หายไปไหน: ข่าวลือยืนยันการผลิตต่อ

    ตามรายงานจาก Tom’s Hardware มีข่าวลือว่า AMD B650 chipset จะยังคงอยู่ในตลาดต่อไป แม้ก่อนหน้านี้ AMD เคยประกาศว่าผู้ผลิตเมนบอร์ดจะย้ายไปผลิต B850 และ B840 แทน แต่ล่าสุดมีการอ้างว่า AMD ได้ขอให้พันธมิตรกลับมา ขยายการผลิต B650 อีกครั้ง เพื่อรับมือกับวิกฤติราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงและความต้องการ DIY PC ที่ลดลง

    เหตุผลที่ B650 ยังอยู่
    ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้นจากกระแส AI ทำให้ผู้บริโภคไม่อยากอัปเกรดเมนบอร์ดใหม่
    B650 เป็นรุ่นที่เก่ากว่า จึงมีราคาถูกและหาซื้อง่ายกว่า B850
    AMD ต้องการช่วยลดแรงกดดันให้กับตลาด DIY โดยเสนอทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า

    สถานการณ์ตลาดเมนบอร์ด
    ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ยอดขายเมนบอร์ดในเดือนพฤศจิกายนลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม และแนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม เนื่องจากราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงทำให้ผู้ใช้ชะลอการอัปเกรด แม้ AMD จะเปิดตัว Ryzen 9000 และ B850 แล้ว แต่ตลาดกลับไม่ตอบรับแรงนัก

    แนวโน้มในอนาคต
    AMD วางแผนให้ B650, B840 และ B850 อยู่ร่วมกัน โดย B850 จะเป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์มากกว่า เช่น PCIe 5.0 แต่ผู้ใช้ยังสามารถเลือก B650 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ข่าวลือนี้จึงสะท้อนว่า AMD อาจปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรักษายอดขายและรายได้ในช่วงที่ตลาด DIY ซบเซา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ขอให้พันธมิตรกลับมาผลิต B650
    เพื่อรับมือกับราคาหน่วยความจำที่สูงและความต้องการ DIY ที่ลดลง

    สถานการณ์ตลาด
    ยอดขายเมนบอร์ดลดลงครึ่งหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน
    แนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม

    กลยุทธ์ของ AMD
    ให้ B650 อยู่ร่วมกับ B840/B850
    B850 มีฟีเจอร์ PCIe 5.0 แต่ B650 ถูกกว่าและยังคุ้มค่า

    คำเตือน
    หากราคาหน่วยความจำยังสูง ตลาด DIY อาจซบเซาต่อเนื่อง
    การผลิตหลายรุ่นพร้อมกันอาจทำให้ผู้ใช้สับสนในการเลือกซื้อ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amds-b650-chipset-isnt-going-anywhere-according-to-a-new-rumor-rising-memory-costs-and-softening-diy-demand-mean-the-transition-to-b850-may-take-longer-than-expected
    🖥️ AMD B650 ยังไม่หายไปไหน: ข่าวลือยืนยันการผลิตต่อ ตามรายงานจาก Tom’s Hardware มีข่าวลือว่า AMD B650 chipset จะยังคงอยู่ในตลาดต่อไป แม้ก่อนหน้านี้ AMD เคยประกาศว่าผู้ผลิตเมนบอร์ดจะย้ายไปผลิต B850 และ B840 แทน แต่ล่าสุดมีการอ้างว่า AMD ได้ขอให้พันธมิตรกลับมา ขยายการผลิต B650 อีกครั้ง เพื่อรับมือกับวิกฤติราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงและความต้องการ DIY PC ที่ลดลง 💡 เหตุผลที่ B650 ยังอยู่ 🎗️ ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้นจากกระแส AI ทำให้ผู้บริโภคไม่อยากอัปเกรดเมนบอร์ดใหม่ 🎗️ B650 เป็นรุ่นที่เก่ากว่า จึงมีราคาถูกและหาซื้อง่ายกว่า B850 🎗️ AMD ต้องการช่วยลดแรงกดดันให้กับตลาด DIY โดยเสนอทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า 📉 สถานการณ์ตลาดเมนบอร์ด ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ยอดขายเมนบอร์ดในเดือนพฤศจิกายนลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม และแนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม เนื่องจากราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงทำให้ผู้ใช้ชะลอการอัปเกรด แม้ AMD จะเปิดตัว Ryzen 9000 และ B850 แล้ว แต่ตลาดกลับไม่ตอบรับแรงนัก 🔮 แนวโน้มในอนาคต AMD วางแผนให้ B650, B840 และ B850 อยู่ร่วมกัน โดย B850 จะเป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์มากกว่า เช่น PCIe 5.0 แต่ผู้ใช้ยังสามารถเลือก B650 เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ข่าวลือนี้จึงสะท้อนว่า AMD อาจปรับกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรักษายอดขายและรายได้ในช่วงที่ตลาด DIY ซบเซา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ขอให้พันธมิตรกลับมาผลิต B650 ➡️ เพื่อรับมือกับราคาหน่วยความจำที่สูงและความต้องการ DIY ที่ลดลง ✅ สถานการณ์ตลาด ➡️ ยอดขายเมนบอร์ดลดลงครึ่งหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ➡️ แนวโน้มยังคงลดลงต่อเนื่องในเดือนธันวาคม ✅ กลยุทธ์ของ AMD ➡️ ให้ B650 อยู่ร่วมกับ B840/B850 ➡️ B850 มีฟีเจอร์ PCIe 5.0 แต่ B650 ถูกกว่าและยังคุ้มค่า ‼️ คำเตือน ⛔ หากราคาหน่วยความจำยังสูง ตลาด DIY อาจซบเซาต่อเนื่อง ⛔ การผลิตหลายรุ่นพร้อมกันอาจทำให้ผู้ใช้สับสนในการเลือกซื้อ https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amds-b650-chipset-isnt-going-anywhere-according-to-a-new-rumor-rising-memory-costs-and-softening-diy-demand-mean-the-transition-to-b850-may-take-longer-than-expected
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • Intel Core Ultra 7 270K Plus โผล่บน Geekbench แรงกว่า 265K

    รายงานจาก Tom’s Hardware เผยผลทดสอบ Intel Core Ultra 7 270K Plus รุ่นรีเฟรชจากตระกูล Arrow Lake ที่เพิ่งหลุดบน Geekbench โดยชิปใหม่นี้ทำคะแนนได้สูงกว่า Core Ultra 7 265K ถึง 5.6% ในการทดสอบ single-core และ 4.2% ใน multi-core แม้จะใช้หน่วยความจำ DDR5 ที่ช้ากว่า

    สเปกและการปรับปรุง
    Core Ultra 7 270K Plus มาพร้อม 24 คอร์ (8 P-cores + 16 E-cores) เทียบกับรุ่นเดิม 265K ที่มี 20 คอร์
    เพิ่มความเร็ว base และ turbo ของ E-core ขึ้นอีก 100 MHz
    รองรับ DDR5 ความเร็วสูงขึ้นจาก 6400 MT/s → 7200 MT/s
    ความเร็วสูงสุดที่ทดสอบได้เกือบ 5.5 GHz

    ผลการทดสอบ Geekbench
    Single-core: 3,235 คะแนน
    Multi-core: 21,368 คะแนน
    ทดสอบบน Gigabyte Z890 Eagle WiFi7 motherboard พร้อม RAM DDR5 4800 MT/s ขนาด 64 GB
    คาดว่าหากใช้ RAM ที่เร็วขึ้น คะแนนจะสูงกว่านี้อีก

    มุมมองตลาด
    แม้จะเป็นการอัปเดตที่ดี แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า Arrow Lake Refresh เป็นเพียง “stopgap” หรือการต่ออายุผลิตภัณฑ์ชั่วคราว ก่อนที่ Intel จะเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ Nova Lake ในปี 2026 เนื่องจาก AMD ยังคงครองตลาดด้วยชิปที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าในหลายด้าน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สเปกใหม่ของ Core Ultra 7 270K Plus
    24 คอร์ (8P + 16E)
    เพิ่มความเร็ว E-core และรองรับ DDR5 7200 MT/s

    ผลทดสอบ Geekbench
    Single-core 3,235 / Multi-core 21,368
    แรงกว่า 265K ถึง 5.6% และ 4.2%

    สถานการณ์ตลาด
    ใช้ LGA 1851 socket สามารถอัปเกรดได้ง่าย
    ถูกมองว่าเป็น stopgap รอ Nova Lake ในปี 2026

    คำเตือน
    หากผู้ใช้มี CPU Gen 14/15 อยู่แล้ว อัปเกรดอาจไม่คุ้มค่า
    การแข่งขันกับ AMD ยังเป็นความท้าทายใหญ่ของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/geekbench-leak-sees-intels-upcoming-core-ultra-7-270k-comfortably-ahead-of-core-ultra-265k-alleged-result-shows-arrow-lake-refresh-chip-5-6-percent-ahead-of-the-265k
    🔍 Intel Core Ultra 7 270K Plus โผล่บน Geekbench แรงกว่า 265K รายงานจาก Tom’s Hardware เผยผลทดสอบ Intel Core Ultra 7 270K Plus รุ่นรีเฟรชจากตระกูล Arrow Lake ที่เพิ่งหลุดบน Geekbench โดยชิปใหม่นี้ทำคะแนนได้สูงกว่า Core Ultra 7 265K ถึง 5.6% ในการทดสอบ single-core และ 4.2% ใน multi-core แม้จะใช้หน่วยความจำ DDR5 ที่ช้ากว่า ⚙️ สเปกและการปรับปรุง 💠 Core Ultra 7 270K Plus มาพร้อม 24 คอร์ (8 P-cores + 16 E-cores) เทียบกับรุ่นเดิม 265K ที่มี 20 คอร์ 💠 เพิ่มความเร็ว base และ turbo ของ E-core ขึ้นอีก 100 MHz 💠 รองรับ DDR5 ความเร็วสูงขึ้นจาก 6400 MT/s → 7200 MT/s 💠 ความเร็วสูงสุดที่ทดสอบได้เกือบ 5.5 GHz 📊 ผลการทดสอบ Geekbench 💠 Single-core: 3,235 คะแนน 💠 Multi-core: 21,368 คะแนน 💠 ทดสอบบน Gigabyte Z890 Eagle WiFi7 motherboard พร้อม RAM DDR5 4800 MT/s ขนาด 64 GB 💠 คาดว่าหากใช้ RAM ที่เร็วขึ้น คะแนนจะสูงกว่านี้อีก 🔮 มุมมองตลาด แม้จะเป็นการอัปเดตที่ดี แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า Arrow Lake Refresh เป็นเพียง “stopgap” หรือการต่ออายุผลิตภัณฑ์ชั่วคราว ก่อนที่ Intel จะเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ Nova Lake ในปี 2026 เนื่องจาก AMD ยังคงครองตลาดด้วยชิปที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าในหลายด้าน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สเปกใหม่ของ Core Ultra 7 270K Plus ➡️ 24 คอร์ (8P + 16E) ➡️ เพิ่มความเร็ว E-core และรองรับ DDR5 7200 MT/s ✅ ผลทดสอบ Geekbench ➡️ Single-core 3,235 / Multi-core 21,368 ➡️ แรงกว่า 265K ถึง 5.6% และ 4.2% ✅ สถานการณ์ตลาด ➡️ ใช้ LGA 1851 socket สามารถอัปเกรดได้ง่าย ➡️ ถูกมองว่าเป็น stopgap รอ Nova Lake ในปี 2026 ‼️ คำเตือน ⛔ หากผู้ใช้มี CPU Gen 14/15 อยู่แล้ว อัปเกรดอาจไม่คุ้มค่า ⛔ การแข่งขันกับ AMD ยังเป็นความท้าทายใหญ่ของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/geekbench-leak-sees-intels-upcoming-core-ultra-7-270k-comfortably-ahead-of-core-ultra-265k-alleged-result-shows-arrow-lake-refresh-chip-5-6-percent-ahead-of-the-265k
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • แคมเปญ JS#SMUGGLER: มัลแวร์ใหม่แพร่ผ่านเว็บไซต์ติดเชื้อ

    นักวิจัยจาก Securonix Threat Research รายงานการค้นพบแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ JS#SMUGGLER ซึ่งใช้เทคนิคหลายชั้นในการแพร่กระจายและติดตั้ง NetSupport RAT บนเครื่อง Windows ของเหยื่อ โดยเริ่มต้นจากการฝังโค้ด JavaScript ที่ถูก obfuscate (ทำให้ยุ่งเหยิง) ลงในเว็บไซต์ที่ถูกเจาะ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของระบบรักษาความปลอดภัย

    ขั้นตอนการโจมตี 3 ระดับ
    1️⃣ JavaScript Loader – เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ติดเชื้อ โค้ดจะตรวจสอบว่าเป็น desktop หรือ mobile หากเป็น desktop จะโหลด payload ต่อไป

    2️⃣ HTA (HTML Application) – ใช้โปรแกรม mshta.exe ของ Windows รันโค้ดที่ถูกเข้ารหัสหลายชั้น (AES-256, Base64, GZIP) โดยไม่ทิ้งไฟล์หลักไว้ในดิสก์ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ

    3️⃣ NetSupport RAT – ติดตั้งตัว Remote Access Trojan ที่ให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เช่น การเข้าถึงไฟล์, รันคำสั่ง, และสอดส่องกิจกรรมของผู้ใช้

    เทคนิคการซ่อนตัว
    มัลแวร์จะสร้างโฟลเดอร์ที่ดูปกติ เช่น C:\ProgramData\CommunicationLayer\ และเพิ่ม shortcut ปลอมชื่อ WindowsUpdate.lnk ใน Startup เพื่อให้ RAT ทำงานทุกครั้งที่เปิดเครื่อง วิธีนี้ทำให้การติดเชื้อมีความถาวรและยากต่อการสังเกต

    ความเสี่ยงและคำแนะนำ
    การโจมตีนี้ถือว่ามีความซับซ้อนและเป็นมืออาชีพสูง ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ตัวเลยว่าถูกติดเชื้อ การป้องกันที่ดีที่สุดคือ:
    หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ใช้ระบบตรวจจับ endpoint ที่สามารถตรวจสอบ script และ process ที่ผิดปกติ
    อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบมัลแวร์ JS#SMUGGLER
    ใช้ JavaScript obfuscation และ HTA เพื่อแพร่กระจาย
    ติดตั้ง NetSupport RAT บน Windows

    เทคนิคการทำงาน
    เข้ารหัสหลายชั้น (AES-256, Base64, GZIP)
    สร้าง shortcut ปลอม WindowsUpdate.lnk เพื่อรันอัตโนมัติ

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    แฮกเกอร์สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ
    ยากต่อการตรวจจับเพราะไม่ทิ้งไฟล์หลักบนดิสก์

    แนวทางป้องกัน
    หลีกเลี่ยงเว็บไซต์และไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ใช้ระบบตรวจจับ endpoint และอัปเดตซอฟต์แวร์เสมอ

    https://hackread.com/jssmuggler-netsupport-rat-infected-sites/
    🕵️‍♂️ แคมเปญ JS#SMUGGLER: มัลแวร์ใหม่แพร่ผ่านเว็บไซต์ติดเชื้อ นักวิจัยจาก Securonix Threat Research รายงานการค้นพบแคมเปญมัลแวร์ใหม่ชื่อ JS#SMUGGLER ซึ่งใช้เทคนิคหลายชั้นในการแพร่กระจายและติดตั้ง NetSupport RAT บนเครื่อง Windows ของเหยื่อ โดยเริ่มต้นจากการฝังโค้ด JavaScript ที่ถูก obfuscate (ทำให้ยุ่งเหยิง) ลงในเว็บไซต์ที่ถูกเจาะ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของระบบรักษาความปลอดภัย ⚡ ขั้นตอนการโจมตี 3 ระดับ 1️⃣ JavaScript Loader – เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่ติดเชื้อ โค้ดจะตรวจสอบว่าเป็น desktop หรือ mobile หากเป็น desktop จะโหลด payload ต่อไป 2️⃣ HTA (HTML Application) – ใช้โปรแกรม mshta.exe ของ Windows รันโค้ดที่ถูกเข้ารหัสหลายชั้น (AES-256, Base64, GZIP) โดยไม่ทิ้งไฟล์หลักไว้ในดิสก์ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ 3️⃣ NetSupport RAT – ติดตั้งตัว Remote Access Trojan ที่ให้แฮกเกอร์ควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เช่น การเข้าถึงไฟล์, รันคำสั่ง, และสอดส่องกิจกรรมของผู้ใช้ 🔐 เทคนิคการซ่อนตัว มัลแวร์จะสร้างโฟลเดอร์ที่ดูปกติ เช่น C:\ProgramData\CommunicationLayer\ และเพิ่ม shortcut ปลอมชื่อ WindowsUpdate.lnk ใน Startup เพื่อให้ RAT ทำงานทุกครั้งที่เปิดเครื่อง วิธีนี้ทำให้การติดเชื้อมีความถาวรและยากต่อการสังเกต ⚠️ ความเสี่ยงและคำแนะนำ การโจมตีนี้ถือว่ามีความซับซ้อนและเป็นมืออาชีพสูง ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ตัวเลยว่าถูกติดเชื้อ การป้องกันที่ดีที่สุดคือ: 🪛 หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🪛 ใช้ระบบตรวจจับ endpoint ที่สามารถตรวจสอบ script และ process ที่ผิดปกติ 🪛 อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบมัลแวร์ JS#SMUGGLER ➡️ ใช้ JavaScript obfuscation และ HTA เพื่อแพร่กระจาย ➡️ ติดตั้ง NetSupport RAT บน Windows ✅ เทคนิคการทำงาน ➡️ เข้ารหัสหลายชั้น (AES-256, Base64, GZIP) ➡️ สร้าง shortcut ปลอม WindowsUpdate.lnk เพื่อรันอัตโนมัติ ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ ⛔ แฮกเกอร์สามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ⛔ ยากต่อการตรวจจับเพราะไม่ทิ้งไฟล์หลักบนดิสก์ ‼️ แนวทางป้องกัน ⛔ หลีกเลี่ยงเว็บไซต์และไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ ใช้ระบบตรวจจับ endpoint และอัปเดตซอฟต์แวร์เสมอ https://hackread.com/jssmuggler-netsupport-rat-infected-sites/
    HACKREAD.COM
    New JS#SMUGGLER Campaign Drops NetSupport RAT Through Infected Sites
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251208 #TechRadar

    โปรเจ็กเตอร์พกพา Xgimi Horizon 20 Max
    ถ้าใครกำลังมองหาโปรเจ็กเตอร์ที่ทั้งสว่างและภาพสวยจัด ๆ รุ่นใหม่จาก Xgimi ตัวนี้ถือว่าเป็นเรือธงเลย มันใช้ระบบเลเซอร์สามสี ให้ความสว่างสูงถึง 5,700 ISO lumens รองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ IMAX Enhanced เรียกว่าดูหนังหรือเล่นเกมก็ได้ภาพคมชัด สีสด และเสียงที่ติดตั้งมาก็ไม่ธรรมดา มีลำโพงจาก Harman Kardon ที่ให้เสียงเบสแน่นและเสียงพูดชัดเจน จุดเด่นอีกอย่างคือฟีเจอร์ปรับภาพอัตโนมัติ ทั้ง keystone, zoom และ lens shift ทำให้ติดตั้งง่ายมาก แต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูง และยังไม่รองรับ 4K 120Hz สำหรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าเป็นโปรเจ็กเตอร์พกพาที่ครบเครื่องที่สุดในตลาดตอนนี้
    https://www.techradar.com/televisions/projectors/xgimi-horizon-20-max-review

    ลำโพง Marshall Middleton II
    Marshall กลับมาอีกครั้งกับลำโพง Bluetooth ขนาดกลางที่ชื่อ Middleton II จุดขายคือเสียงสเตอริโอที่แยกซ้ายขวาได้ชัดเจน ทำให้ฟังเพลงมีมิติและรายละเอียดมากกว่าลำโพงพกพาทั่วไป เสียงเบสลงได้ลึก เสียงกลางและสูงก็สมดุลดี แม้เปิดดังสุดเบสจะอัดแน่นไปบ้างแต่ยังถือว่าดีมาก แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 30 ชั่วโมง ดีไซน์ยังคงความคลาสสิกสไตล์แอมป์ Marshall พร้อมกันฝุ่นและกันน้ำระดับ IP67 แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักที่ไม่เบามาก ทำให้พกพาไม่สะดวกเท่ารุ่นเล็ก Emberton III และราคาก็ใกล้เคียงรุ่นใหญ่ Kilburn III จนบางคนอาจลังเลว่าจะเลือกตัวไหนดี ถึงอย่างนั้นถ้าอยากได้ลำโพงกลางที่เสียงดีและดูเท่ Middleton II ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
    https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/marshall-middleton-ii-review

    iOS 26 ยังขาดฟีเจอร์สำคัญ
    แม้ iOS 26 จะเปิดตัวไปแล้วและมีอัปเดตย่อยออกมา แต่ยังมีหลายฟีเจอร์ที่ผู้ใช้รอคอย เช่น การยกเครื่อง Siri ด้วย AI ที่คาดว่าจะมาในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี Gemini ของ Google เพื่อให้ฉลาดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับ Liquid Glass ให้ผู้ใช้ปรับความโปร่งใสได้เอง, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้ง่ายขึ้น, Podcasts ที่จะมีการสร้าง chapter อัตโนมัติ และสุดท้ายคือการตั้ง “alarm” ให้กับ reminder เพื่อไม่ให้พลาดสิ่งสำคัญ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะทยอยมาในอัปเดตย่อยของ iOS 26 ก่อนจะไปสู่ iOS 27 ในปีหน้า
    https://www.techradar.com/phones/iphone/5-features-that-are-still-missing-from-ios-26-and-its-not-just-the-siri-update

    ภัยไซเบอร์ที่ต้องจับตาในปีนี้
    โลกไซเบอร์ไม่ได้หยุดนิ่ง และปี 2026 มีแนวโน้มที่อันตรายจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จากรายงานพบว่ากลุ่มแฮกเกอร์เปลี่ยนวิธีโจมตีจากการเข้ารหัสไฟล์เรียกค่าไถ่ มาเป็นการขโมยข้อมูลแล้วขู่เปิดเผยเพื่อกดดันให้เหยื่อจ่ายเงิน ตัวอย่างเช่นการโจมตีบริษัทโทรคมนาคมในอังกฤษที่ข้อมูลพนักงานและลูกค้าถูกขโมยไปมหาศาล นอกจากนี้ยังมีการใช้ช่องโหว่ในระบบ VPN และอุปกรณ์ edge เพื่อเจาะเข้าระบบ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือ “EDR killers” ที่ทำให้ระบบตรวจจับภัยทำงานยากขึ้น สิ่งเหล่านี้บอกชัดว่าองค์กรต้องเร่งอุดช่องโหว่และเสริมการเฝ้าระวัง เพราะภัยไซเบอร์กำลังพัฒนาเร็วไม่แพ้เทคโนโลยีที่เราใช้
    https://www.techradar.com/pro/threats-to-watch-this-year-from-data-theft-and-extortion-to-edr-killers

    Starforge Systems Frieren PC สำหรับแฟนอนิเมะ
    นี่คือคอมพิวเตอร์เกมมิ่งที่ออกแบบมาเอาใจแฟนอนิเมะ Frieren: Beyond Journey’s End โดยเฉพาะ ตัวเครื่องใช้เคส Lian Li O11 Dynamic ที่ตกแต่งด้วยงานศิลป์จากอนิเมะ พร้อมไฟ RGB ที่ปรับได้เต็มที่ ภายในประกอบด้วย Intel Core i5-14600K, การ์ดจอ AMD Radeon RX 9070 XT, RAM 32GB และ SSD 1TB ทำให้เล่นเกมได้ลื่นทั้ง 1080p, 1440p และถึงขั้น 4K ถ้าเปิด FSR ของ AMD เสริม จุดเด่นคือดีไซน์สวยมากและมีของแถมอย่าง desk mat และ art panel แต่ราคาก็สูงถึง $2,499.99 ซึ่งถือว่าเป็นพรีเมียมสำหรับแฟนอนิเมะที่อยากได้เครื่องแรงและสวยในเวลาเดียวกัน
    https://www.techradar.com/computing/gaming-pcs/starforge-systems-frieren-pc-review

    กระเป๋ากล้อง Ulanzi 9L Sling Bag
    สำหรับคนที่ชอบพกกล้องไปถ่ายรูปนอกบ้าน Ulanzi 9L Sling Bag รุ่นนี้ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัวมาก ขนาดกะทัดรัดแต่ใส่กล้องและเลนส์ได้ครบ พร้อมช่องสำหรับขาตั้งกล้องที่ติดตั้งมาให้โดยเฉพาะ วัสดุแข็งแรง กันละอองน้ำได้ดี และมีช่องแบ่งภายในที่ปรับได้ตามอุปกรณ์ จุดเด่นคือการเข้าถึงกล้องได้รวดเร็วเพราะเป็นแบบ sling สะพายข้าง แต่ข้อจำกัดคือความจุไม่มากนัก เหมาะกับคนที่พกอุปกรณ์ไม่เยอะและอยากได้ความคล่องตัวเป็นหลัก
    https://www.techradar.com/cameras/camera-accessories/ulanzi-9l-camera-sling-bag-with-tripod-holder-b122-review

    มอเตอร์ไซค์ Flying Flea รุ่นไฟฟ้า
    จากตำนานรถจักรยานยนต์ในสงครามโลกครั้งที่สอง Flying Flea ได้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันไฟฟ้า ปี 2026 นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด รถยังคงรูปลักษณ์คลาสสิกแต่เพิ่มเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดทันใจ แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนได้ และระบบเบรกที่ปลอดภัยกว่าเดิม จุดขายคือการผสมผสานความเป็นประวัติศาสตร์กับนวัตกรรมใหม่ ทำให้คนที่หลงใหลในรถคลาสสิกและสาย EV ต่างจับตามอง แต่แน่นอนว่าราคาก็ไม่ถูก และยังเป็นรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัด
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/this-electrified-ww2-motorbike-is-one-of-the-most-exciting-of-2026-here-are-5-things-you-need-know-about-the-flying-flea

    ประสบการณ์ซื้อ Kia EV6 คันแรก
    เรื่องเล่าของคนที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้า Kia EV6 แบบไม่ตั้งใจ แต่กลับพบทั้งข้อดีและสิ่งที่อยากให้รู้ก่อนซื้อ เขาเล่าว่าการชาร์จมีหลายระดับ ตั้งแต่ปลั๊กบ้านธรรมดาที่ช้ามาก ไปจนถึงเครื่องชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 20 นาทีถึง 80% แต่ก็ต้องทำใจว่าการชาร์จสาธารณะไม่ฟรีเสมอไป และระบบแอปพลิเคชันที่ใช้กับแต่ละเครือข่ายก็ทำให้ยุ่งยากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องระวัง เช่น ระยะทางที่ลดลงในอากาศหนาว การไม่มียางอะไหล่ และแบตเตอรี่เล็ก 12V ที่ยังคงต้องดูแลเหมือนรถน้ำมัน แต่ข้อดีคือแรงบิดทันใจ ความเร็วที่น่าประทับใจ และไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/i-bought-a-kia-ev6-my-first-electric-car-here-are-9-things-i-wish-id-known-before-buying-an-ev

    รีวิวมือถือถึก Doogee V Max LR
    มือถือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสายลุยจริง ๆ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 20,500 mAh ที่ใช้งานได้เป็นสัปดาห์ และฟีเจอร์วัดระยะทางที่เหมาะกับคนทำงานก่อสร้าง แม้จะหนักและใหญ่จนพกพาลำบาก แต่ก็มีข้อดีคือทนทาน กันน้ำ กันฝุ่น และมีกล้องความละเอียดสูง จุดต่างจากรุ่น Play คือไม่มีโปรเจ็กเตอร์ ทำให้ราคาถูกลง แต่ยังคงข้อเสียเรื่องการออกแบบเคสที่ใช้งานไม่สะดวก
    https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-lr-rugged-phone-review

    ข่าวลือ iPhone 18 อาจซ่อนกล้องใต้จอ
    มีรายงานว่า Apple กำลังทดสอบเทคโนโลยีกล้องหน้าใต้จอสำหรับ iPhone 18 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้หน้าจอดูเต็มตาไร้รอยบากเหมือนเดิม เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Samsung เคยลองใช้กับ Galaxy Z Fold 3 ตั้งแต่ปี 2021 แต่คุณภาพยังไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม Apple มักจะนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม ทำให้หลายคนคาดหวังว่ากล้องใต้จอของ iPhone จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
    https://www.techradar.com/phones/iphone/the-iphone-18-may-finally-add-a-camera-feature-that-samsung-introduced-on-its-flagship-phones-in-2021

    แว่น MR ของ Meta เลื่อนเปิดตัวถึงปี 2027
    Meta มีแผนจะเปิดตัวแว่นตา Mixed Reality รุ่นใหม่ที่มีโค้ดเนมว่า Phoenix แต่ล่าสุดมีข้อมูลว่าการเปิดตัวถูกเลื่อนออกไปจนถึงปี 2027 เพื่อให้ทีมงานมีเวลาพัฒนาประสบการณ์ใช้งานให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น แว่นรุ่นนี้คาดว่าจะมีอุปกรณ์เสริมแยกสำหรับแบตเตอรี่และการประมวลผล ทำให้เบาขึ้นและใช้งานสะดวกกว่าเดิม แม้จะต้องรอนาน แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทต้องการให้ผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างไร้ข้อบกพร่อง
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/we-may-have-to-wait-until-2027-for-the-launch-of-the-next-pair-of-meta-mixed-reality-smart-glasses

    แอป Go Jauntly ชวนออกไปเดินเล่น
    นี่คือแอปที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คนที่ใช้ชีวิตติดโต๊ะทำงานได้ออกไปเดินเล่นมากขึ้น แอปจะเสนอเส้นทางเดินที่น่าสนใจใกล้บ้านหรือที่ทำงาน พร้อมทั้งมีฟีเจอร์บันทึกเส้นทาง แชร์กับเพื่อน และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากชุมชนผู้ใช้ จุดเด่นคือช่วยให้การเดินเล่นกลายเป็นกิจกรรมที่สนุกและมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่ยังเป็นการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว
    https://www.techradar.com/computing/websites-apps/go-jauntly

    ชิปจีนท้าชน Nvidia
    บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากจีนกำลังเร่งการผลิตเพื่อแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดกราฟิกและ AI แม้จะยังมีคำถามว่าความสามารถจะทัดเทียมได้จริงหรือไม่ แต่การขยายกำลังผลิตครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และสร้างอุตสาหกรรมชิปที่แข็งแกร่งขึ้น
    https://www.techradar.com/news/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel

    รีวิว Doogee V Max Play – โทรศัพท์ถึกที่เหมือนแบกก้อนอิฐ
    เรื่องราวของ Doogee V Max Play คือการพยายามสร้างสมาร์ทโฟนที่รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในเครื่องเดียว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นโทรศัพท์ที่หนักเกือบ 800 กรัม จนเหมือนต้องมี “ล่อ” ช่วยแบกเวลาเดินทาง จุดเด่นคือแบตเตอรี่ขนาด 20,500 mAh ที่อึดจนใช้งานได้เป็นสัปดาห์ กล้องหลัก 200MP ที่ถ่ายภาพคมชัด และยังมีโปรเจ็กเตอร์ในตัว แม้จะสว่างไม่มากแต่ก็พอใช้ดูหนังในห้องมืดได้ จุดอ่อนคือดีไซน์ที่เทอะทะและบัมเปอร์ที่ออกแบบพลาดจนใช้งานไม่สะดวก สรุปแล้วนี่คือโทรศัพท์ที่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือวางบนรถมากกว่าพกติดตัวไปเดินเล่น
    https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-play-rugged-phone-review

    Windows 11 ยังไม่สามารถโค่น Windows 10 ได้
    แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่ข้อมูลล่าสุดยังบอกว่า Windows 10 ยังคงครองใจผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะในองค์กรที่ยังเลือกใช้ Windows 10 พร้อมซื้อแพ็กเกจอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติมแทนการย้ายไป Windows 11 เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบสูง ทั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ การทดสอบความเข้ากันได้ และการฝึกอบรมพนักงาน อีกทั้ง Windows 11 ยังไม่มีฟีเจอร์ที่บังคับให้ต้องเปลี่ยนทันที ทำให้การเติบโตของ Windows 11 มาจากเครื่องใหม่มากกว่าการแทนที่เครื่องเก่า
    https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular

    เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติปรับแรงดูดเอง – จริงๆ ไม่ได้ทำให้สะอาดขึ้น
    ปัจจุบันเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นมีโหมด “Auto” ที่ปรับแรงดูดตามสภาพพื้นผิวหรือปริมาณฝุ่น เช่น Dyson ที่สามารถตรวจจับขนาดฝุ่นและแสดงผลบนหน้าจอ หรือ Shark ที่เพิ่มแรงดูดเมื่อถึงขอบห้อง แม้ฟังดูฉลาด แต่จากการทดสอบพบว่าการปรับแรงดูดอัตโนมัติไม่ได้ทำให้การทำความสะอาดดีขึ้นเสมอไป สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือกำลังดูดและการออกแบบหัวดูดมากกว่า อย่างไรก็ตามโหมด Auto ก็ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นและยืดอายุแบตเตอรี่ได้ เพราะเครื่องจะใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น
    https://www.techradar.com/home/vacuums/how-useful-is-suction-automation-on-a-vacuum

    UPerfect UColor T3 – จอพกพาที่ใหญ่จนแทบไม่พก
    UPerfect UColor T3 เป็นจอ 4K ขนาด 23.8 นิ้วที่ถูกเรียกว่า “พกพา” แต่จริงๆ แล้วใหญ่จนใส่กระเป๋าเป้ไม่ได้ จุดเด่นคือดีไซน์บางเหมือนแท็บเล็ต ใช้สาย USB-C เส้นเดียวก็ทำงานได้ และยังมีขาตั้งในตัวพร้อมรองรับการติดตั้ง VESA เหมาะกับคนที่ต้องการจอเสริมคุณภาพสูงสำหรับการทำงานนอกสถานที่หรือใช้ในเซิร์ฟเวอร์รูม แม้ความสว่างไม่สูงนัก แต่หน้าจอแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้ใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป ถือเป็นจอที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง “จอเดสก์ท็อป” และ “จอพกพา” อย่างแท้จริง
    https://www.techradar.com/pro/i-reviewed-the-uperfect-ucolor-t3-and-this-4k-portable-monitor-challenges-what-portable-means

    AGM G3 Pro – โทรศัพท์ถึกพร้อมกล้องถ่ายภาพความร้อน
    AGM G3 Pro เป็นสมาร์ทโฟนสายถึกที่ดูหรูหราและมีฟีเจอร์พิเศษคือกล้องถ่ายภาพความร้อน สามารถตรวจจับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20°C ถึง 550°C เหมาะสำหรับงานช่าง วิศวกรรม หรือการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ร้อนผิดปกติ ตัวเครื่องหนักเพียง 375 กรัม ซึ่งถือว่าเบากว่าหลายรุ่นในตลาด ใช้ชิป Dimensity 7300 พร้อม RAM 12GB และความจุ 512GB จุดเด่นอีกอย่างคือรองรับการชาร์จไร้สายและมีไฟ LED สำหรับใช้เป็นไฟแคมป์ แต่ราคาที่สูงเกือบ 700 ดอลลาร์ทำให้หลายคนลังเล เพราะมีรุ่นอื่นที่มีกล้องถ่ายความร้อนเช่นกันแต่ราคาถูกกว่า
    https://www.techradar.com/pro/phone-communications/agm-g3-pro-rugged-phone-review

    ทางเลือกใหม่แทน Ring Doorbell ราคาประหยัด
    ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฮมแนะนำว่าถ้าไม่อยากจ่ายแพงกับ Ring Doorbell ยังมีตัวเลือกที่คุ้มค่า เช่น Blink Video Doorbell ที่ราคาย่อมเยาและใช้งานง่าย, Eufy Security Video Doorbell ที่ไม่ต้องเสียค่าสมาชิกคลาวด์ และ Wyze Video Doorbell ที่มีฟีเจอร์ครบในราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ ทั้งหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความปลอดภัยหน้าบ้านโดยไม่ต้องลงทุนสูง แม้คุณภาพภาพและระบบอาจไม่เทียบเท่า Ring แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    https://www.techradar.com/home/home-security/want-a-cheap-ring-doorbell-alternative-im-a-smart-home-tech-expert-and-these-are-the-3-i-recommend

    Cybersecurity กลายเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทเทค
    ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและการแข่งขันสูง บริษัทเทคโนโลยีเริ่มมอง Cybersecurity ไม่ใช่แค่การป้องกัน แต่เป็น “กลยุทธ์” ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความได้เปรียบทางธุรกิจ การลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกต่างและลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้เสียชื่อเสียงหรือสูญเสียข้อมูลสำคัญ แนวโน้มนี้สะท้อนว่าความปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนธุรกิจในระดับสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/why-cybersecurity-is-now-a-strategic-lever-for-tech-firms-navigating-uncertainty
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251208 #TechRadar 🎥 โปรเจ็กเตอร์พกพา Xgimi Horizon 20 Max ถ้าใครกำลังมองหาโปรเจ็กเตอร์ที่ทั้งสว่างและภาพสวยจัด ๆ รุ่นใหม่จาก Xgimi ตัวนี้ถือว่าเป็นเรือธงเลย มันใช้ระบบเลเซอร์สามสี ให้ความสว่างสูงถึง 5,700 ISO lumens รองรับ Dolby Vision, HDR10+ และ IMAX Enhanced เรียกว่าดูหนังหรือเล่นเกมก็ได้ภาพคมชัด สีสด และเสียงที่ติดตั้งมาก็ไม่ธรรมดา มีลำโพงจาก Harman Kardon ที่ให้เสียงเบสแน่นและเสียงพูดชัดเจน จุดเด่นอีกอย่างคือฟีเจอร์ปรับภาพอัตโนมัติ ทั้ง keystone, zoom และ lens shift ทำให้ติดตั้งง่ายมาก แต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูง และยังไม่รองรับ 4K 120Hz สำหรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าเป็นโปรเจ็กเตอร์พกพาที่ครบเครื่องที่สุดในตลาดตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/televisions/projectors/xgimi-horizon-20-max-review 🔊 ลำโพง Marshall Middleton II Marshall กลับมาอีกครั้งกับลำโพง Bluetooth ขนาดกลางที่ชื่อ Middleton II จุดขายคือเสียงสเตอริโอที่แยกซ้ายขวาได้ชัดเจน ทำให้ฟังเพลงมีมิติและรายละเอียดมากกว่าลำโพงพกพาทั่วไป เสียงเบสลงได้ลึก เสียงกลางและสูงก็สมดุลดี แม้เปิดดังสุดเบสจะอัดแน่นไปบ้างแต่ยังถือว่าดีมาก แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 30 ชั่วโมง ดีไซน์ยังคงความคลาสสิกสไตล์แอมป์ Marshall พร้อมกันฝุ่นและกันน้ำระดับ IP67 แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักที่ไม่เบามาก ทำให้พกพาไม่สะดวกเท่ารุ่นเล็ก Emberton III และราคาก็ใกล้เคียงรุ่นใหญ่ Kilburn III จนบางคนอาจลังเลว่าจะเลือกตัวไหนดี ถึงอย่างนั้นถ้าอยากได้ลำโพงกลางที่เสียงดีและดูเท่ Middleton II ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก 🔗 https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/marshall-middleton-ii-review 📱 iOS 26 ยังขาดฟีเจอร์สำคัญ แม้ iOS 26 จะเปิดตัวไปแล้วและมีอัปเดตย่อยออกมา แต่ยังมีหลายฟีเจอร์ที่ผู้ใช้รอคอย เช่น การยกเครื่อง Siri ด้วย AI ที่คาดว่าจะมาในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี Gemini ของ Google เพื่อให้ฉลาดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับ Liquid Glass ให้ผู้ใช้ปรับความโปร่งใสได้เอง, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้ง่ายขึ้น, Podcasts ที่จะมีการสร้าง chapter อัตโนมัติ และสุดท้ายคือการตั้ง “alarm” ให้กับ reminder เพื่อไม่ให้พลาดสิ่งสำคัญ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะทยอยมาในอัปเดตย่อยของ iOS 26 ก่อนจะไปสู่ iOS 27 ในปีหน้า 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/5-features-that-are-still-missing-from-ios-26-and-its-not-just-the-siri-update 🛡️ ภัยไซเบอร์ที่ต้องจับตาในปีนี้ โลกไซเบอร์ไม่ได้หยุดนิ่ง และปี 2026 มีแนวโน้มที่อันตรายจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จากรายงานพบว่ากลุ่มแฮกเกอร์เปลี่ยนวิธีโจมตีจากการเข้ารหัสไฟล์เรียกค่าไถ่ มาเป็นการขโมยข้อมูลแล้วขู่เปิดเผยเพื่อกดดันให้เหยื่อจ่ายเงิน ตัวอย่างเช่นการโจมตีบริษัทโทรคมนาคมในอังกฤษที่ข้อมูลพนักงานและลูกค้าถูกขโมยไปมหาศาล นอกจากนี้ยังมีการใช้ช่องโหว่ในระบบ VPN และอุปกรณ์ edge เพื่อเจาะเข้าระบบ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือ “EDR killers” ที่ทำให้ระบบตรวจจับภัยทำงานยากขึ้น สิ่งเหล่านี้บอกชัดว่าองค์กรต้องเร่งอุดช่องโหว่และเสริมการเฝ้าระวัง เพราะภัยไซเบอร์กำลังพัฒนาเร็วไม่แพ้เทคโนโลยีที่เราใช้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/threats-to-watch-this-year-from-data-theft-and-extortion-to-edr-killers 💻 Starforge Systems Frieren PC สำหรับแฟนอนิเมะ นี่คือคอมพิวเตอร์เกมมิ่งที่ออกแบบมาเอาใจแฟนอนิเมะ Frieren: Beyond Journey’s End โดยเฉพาะ ตัวเครื่องใช้เคส Lian Li O11 Dynamic ที่ตกแต่งด้วยงานศิลป์จากอนิเมะ พร้อมไฟ RGB ที่ปรับได้เต็มที่ ภายในประกอบด้วย Intel Core i5-14600K, การ์ดจอ AMD Radeon RX 9070 XT, RAM 32GB และ SSD 1TB ทำให้เล่นเกมได้ลื่นทั้ง 1080p, 1440p และถึงขั้น 4K ถ้าเปิด FSR ของ AMD เสริม จุดเด่นคือดีไซน์สวยมากและมีของแถมอย่าง desk mat และ art panel แต่ราคาก็สูงถึง $2,499.99 ซึ่งถือว่าเป็นพรีเมียมสำหรับแฟนอนิเมะที่อยากได้เครื่องแรงและสวยในเวลาเดียวกัน 🔗 https://www.techradar.com/computing/gaming-pcs/starforge-systems-frieren-pc-review 🎒 กระเป๋ากล้อง Ulanzi 9L Sling Bag สำหรับคนที่ชอบพกกล้องไปถ่ายรูปนอกบ้าน Ulanzi 9L Sling Bag รุ่นนี้ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัวมาก ขนาดกะทัดรัดแต่ใส่กล้องและเลนส์ได้ครบ พร้อมช่องสำหรับขาตั้งกล้องที่ติดตั้งมาให้โดยเฉพาะ วัสดุแข็งแรง กันละอองน้ำได้ดี และมีช่องแบ่งภายในที่ปรับได้ตามอุปกรณ์ จุดเด่นคือการเข้าถึงกล้องได้รวดเร็วเพราะเป็นแบบ sling สะพายข้าง แต่ข้อจำกัดคือความจุไม่มากนัก เหมาะกับคนที่พกอุปกรณ์ไม่เยอะและอยากได้ความคล่องตัวเป็นหลัก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/camera-accessories/ulanzi-9l-camera-sling-bag-with-tripod-holder-b122-review 🏍️ มอเตอร์ไซค์ Flying Flea รุ่นไฟฟ้า จากตำนานรถจักรยานยนต์ในสงครามโลกครั้งที่สอง Flying Flea ได้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่ในเวอร์ชันไฟฟ้า ปี 2026 นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด รถยังคงรูปลักษณ์คลาสสิกแต่เพิ่มเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไป เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดทันใจ แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนได้ และระบบเบรกที่ปลอดภัยกว่าเดิม จุดขายคือการผสมผสานความเป็นประวัติศาสตร์กับนวัตกรรมใหม่ ทำให้คนที่หลงใหลในรถคลาสสิกและสาย EV ต่างจับตามอง แต่แน่นอนว่าราคาก็ไม่ถูก และยังเป็นรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัด 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/this-electrified-ww2-motorbike-is-one-of-the-most-exciting-of-2026-here-are-5-things-you-need-know-about-the-flying-flea 🚗 ประสบการณ์ซื้อ Kia EV6 คันแรก เรื่องเล่าของคนที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้า Kia EV6 แบบไม่ตั้งใจ แต่กลับพบทั้งข้อดีและสิ่งที่อยากให้รู้ก่อนซื้อ เขาเล่าว่าการชาร์จมีหลายระดับ ตั้งแต่ปลั๊กบ้านธรรมดาที่ช้ามาก ไปจนถึงเครื่องชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 20 นาทีถึง 80% แต่ก็ต้องทำใจว่าการชาร์จสาธารณะไม่ฟรีเสมอไป และระบบแอปพลิเคชันที่ใช้กับแต่ละเครือข่ายก็ทำให้ยุ่งยากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องระวัง เช่น ระยะทางที่ลดลงในอากาศหนาว การไม่มียางอะไหล่ และแบตเตอรี่เล็ก 12V ที่ยังคงต้องดูแลเหมือนรถน้ำมัน แต่ข้อดีคือแรงบิดทันใจ ความเร็วที่น่าประทับใจ และไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/i-bought-a-kia-ev6-my-first-electric-car-here-are-9-things-i-wish-id-known-before-buying-an-ev 📱 รีวิวมือถือถึก Doogee V Max LR มือถือรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสายลุยจริง ๆ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดมหึมา 20,500 mAh ที่ใช้งานได้เป็นสัปดาห์ และฟีเจอร์วัดระยะทางที่เหมาะกับคนทำงานก่อสร้าง แม้จะหนักและใหญ่จนพกพาลำบาก แต่ก็มีข้อดีคือทนทาน กันน้ำ กันฝุ่น และมีกล้องความละเอียดสูง จุดต่างจากรุ่น Play คือไม่มีโปรเจ็กเตอร์ ทำให้ราคาถูกลง แต่ยังคงข้อเสียเรื่องการออกแบบเคสที่ใช้งานไม่สะดวก 🔗 https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-lr-rugged-phone-review 📷 ข่าวลือ iPhone 18 อาจซ่อนกล้องใต้จอ มีรายงานว่า Apple กำลังทดสอบเทคโนโลยีกล้องหน้าใต้จอสำหรับ iPhone 18 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้หน้าจอดูเต็มตาไร้รอยบากเหมือนเดิม เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Samsung เคยลองใช้กับ Galaxy Z Fold 3 ตั้งแต่ปี 2021 แต่คุณภาพยังไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม Apple มักจะนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม ทำให้หลายคนคาดหวังว่ากล้องใต้จอของ iPhone จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/the-iphone-18-may-finally-add-a-camera-feature-that-samsung-introduced-on-its-flagship-phones-in-2021 🥽 แว่น MR ของ Meta เลื่อนเปิดตัวถึงปี 2027 Meta มีแผนจะเปิดตัวแว่นตา Mixed Reality รุ่นใหม่ที่มีโค้ดเนมว่า Phoenix แต่ล่าสุดมีข้อมูลว่าการเปิดตัวถูกเลื่อนออกไปจนถึงปี 2027 เพื่อให้ทีมงานมีเวลาพัฒนาประสบการณ์ใช้งานให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น แว่นรุ่นนี้คาดว่าจะมีอุปกรณ์เสริมแยกสำหรับแบตเตอรี่และการประมวลผล ทำให้เบาขึ้นและใช้งานสะดวกกว่าเดิม แม้จะต้องรอนาน แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทต้องการให้ผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างไร้ข้อบกพร่อง 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/we-may-have-to-wait-until-2027-for-the-launch-of-the-next-pair-of-meta-mixed-reality-smart-glasses 🌿 แอป Go Jauntly ชวนออกไปเดินเล่น นี่คือแอปที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คนที่ใช้ชีวิตติดโต๊ะทำงานได้ออกไปเดินเล่นมากขึ้น แอปจะเสนอเส้นทางเดินที่น่าสนใจใกล้บ้านหรือที่ทำงาน พร้อมทั้งมีฟีเจอร์บันทึกเส้นทาง แชร์กับเพื่อน และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ จากชุมชนผู้ใช้ จุดเด่นคือช่วยให้การเดินเล่นกลายเป็นกิจกรรมที่สนุกและมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่ยังเป็นการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว 🔗 https://www.techradar.com/computing/websites-apps/go-jauntly 💻 ชิปจีนท้าชน Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากจีนกำลังเร่งการผลิตเพื่อแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดกราฟิกและ AI แม้จะยังมีคำถามว่าความสามารถจะทัดเทียมได้จริงหรือไม่ แต่การขยายกำลังผลิตครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และสร้างอุตสาหกรรมชิปที่แข็งแกร่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/news/this-chinese-chip-giant-is-boosting-production-to-try-and-take-on-nvidia-but-how-will-huawei-feel 📱 รีวิว Doogee V Max Play – โทรศัพท์ถึกที่เหมือนแบกก้อนอิฐ เรื่องราวของ Doogee V Max Play คือการพยายามสร้างสมาร์ทโฟนที่รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในเครื่องเดียว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นโทรศัพท์ที่หนักเกือบ 800 กรัม จนเหมือนต้องมี “ล่อ” ช่วยแบกเวลาเดินทาง จุดเด่นคือแบตเตอรี่ขนาด 20,500 mAh ที่อึดจนใช้งานได้เป็นสัปดาห์ กล้องหลัก 200MP ที่ถ่ายภาพคมชัด และยังมีโปรเจ็กเตอร์ในตัว แม้จะสว่างไม่มากแต่ก็พอใช้ดูหนังในห้องมืดได้ จุดอ่อนคือดีไซน์ที่เทอะทะและบัมเปอร์ที่ออกแบบพลาดจนใช้งานไม่สะดวก สรุปแล้วนี่คือโทรศัพท์ที่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือวางบนรถมากกว่าพกติดตัวไปเดินเล่น 🔗 https://www.techradar.com/pro/phone-communications/doogee-v-max-play-rugged-phone-review 💻 Windows 11 ยังไม่สามารถโค่น Windows 10 ได้ แม้ Microsoft จะพยายามผลักดัน Windows 11 แต่ข้อมูลล่าสุดยังบอกว่า Windows 10 ยังคงครองใจผู้ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะในองค์กรที่ยังเลือกใช้ Windows 10 พร้อมซื้อแพ็กเกจอัปเดตความปลอดภัยเพิ่มเติมแทนการย้ายไป Windows 11 เหตุผลหลักคือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบสูง ทั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ การทดสอบความเข้ากันได้ และการฝึกอบรมพนักงาน อีกทั้ง Windows 11 ยังไม่มีฟีเจอร์ที่บังคับให้ต้องเปลี่ยนทันที ทำให้การเติบโตของ Windows 11 มาจากเครื่องใหม่มากกว่าการแทนที่เครื่องเก่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/windows-11-still-cant-topple-its-older-siblings-usage-stats-show-windows-10-remains-mind-boggingly-popular 🧹 เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติปรับแรงดูดเอง – จริงๆ ไม่ได้ทำให้สะอาดขึ้น ปัจจุบันเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นมีโหมด “Auto” ที่ปรับแรงดูดตามสภาพพื้นผิวหรือปริมาณฝุ่น เช่น Dyson ที่สามารถตรวจจับขนาดฝุ่นและแสดงผลบนหน้าจอ หรือ Shark ที่เพิ่มแรงดูดเมื่อถึงขอบห้อง แม้ฟังดูฉลาด แต่จากการทดสอบพบว่าการปรับแรงดูดอัตโนมัติไม่ได้ทำให้การทำความสะอาดดีขึ้นเสมอไป สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือกำลังดูดและการออกแบบหัวดูดมากกว่า อย่างไรก็ตามโหมด Auto ก็ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นและยืดอายุแบตเตอรี่ได้ เพราะเครื่องจะใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/how-useful-is-suction-automation-on-a-vacuum 🖥️ UPerfect UColor T3 – จอพกพาที่ใหญ่จนแทบไม่พก UPerfect UColor T3 เป็นจอ 4K ขนาด 23.8 นิ้วที่ถูกเรียกว่า “พกพา” แต่จริงๆ แล้วใหญ่จนใส่กระเป๋าเป้ไม่ได้ จุดเด่นคือดีไซน์บางเหมือนแท็บเล็ต ใช้สาย USB-C เส้นเดียวก็ทำงานได้ และยังมีขาตั้งในตัวพร้อมรองรับการติดตั้ง VESA เหมาะกับคนที่ต้องการจอเสริมคุณภาพสูงสำหรับการทำงานนอกสถานที่หรือใช้ในเซิร์ฟเวอร์รูม แม้ความสว่างไม่สูงนัก แต่หน้าจอแบบด้านช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้ใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป ถือเป็นจอที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง “จอเดสก์ท็อป” และ “จอพกพา” อย่างแท้จริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/i-reviewed-the-uperfect-ucolor-t3-and-this-4k-portable-monitor-challenges-what-portable-means 🔥 AGM G3 Pro – โทรศัพท์ถึกพร้อมกล้องถ่ายภาพความร้อน AGM G3 Pro เป็นสมาร์ทโฟนสายถึกที่ดูหรูหราและมีฟีเจอร์พิเศษคือกล้องถ่ายภาพความร้อน สามารถตรวจจับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20°C ถึง 550°C เหมาะสำหรับงานช่าง วิศวกรรม หรือการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ร้อนผิดปกติ ตัวเครื่องหนักเพียง 375 กรัม ซึ่งถือว่าเบากว่าหลายรุ่นในตลาด ใช้ชิป Dimensity 7300 พร้อม RAM 12GB และความจุ 512GB จุดเด่นอีกอย่างคือรองรับการชาร์จไร้สายและมีไฟ LED สำหรับใช้เป็นไฟแคมป์ แต่ราคาที่สูงเกือบ 700 ดอลลาร์ทำให้หลายคนลังเล เพราะมีรุ่นอื่นที่มีกล้องถ่ายความร้อนเช่นกันแต่ราคาถูกกว่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/phone-communications/agm-g3-pro-rugged-phone-review 🔔 ทางเลือกใหม่แทน Ring Doorbell ราคาประหยัด ผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฮมแนะนำว่าถ้าไม่อยากจ่ายแพงกับ Ring Doorbell ยังมีตัวเลือกที่คุ้มค่า เช่น Blink Video Doorbell ที่ราคาย่อมเยาและใช้งานง่าย, Eufy Security Video Doorbell ที่ไม่ต้องเสียค่าสมาชิกคลาวด์ และ Wyze Video Doorbell ที่มีฟีเจอร์ครบในราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ ทั้งหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ความปลอดภัยหน้าบ้านโดยไม่ต้องลงทุนสูง แม้คุณภาพภาพและระบบอาจไม่เทียบเท่า Ring แต่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป 🔗 https://www.techradar.com/home/home-security/want-a-cheap-ring-doorbell-alternative-im-a-smart-home-tech-expert-and-these-are-the-3-i-recommend 🛡️ Cybersecurity กลายเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทเทค ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและการแข่งขันสูง บริษัทเทคโนโลยีเริ่มมอง Cybersecurity ไม่ใช่แค่การป้องกัน แต่เป็น “กลยุทธ์” ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความได้เปรียบทางธุรกิจ การลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกต่างและลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้เสียชื่อเสียงหรือสูญเสียข้อมูลสำคัญ แนวโน้มนี้สะท้อนว่าความปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนธุรกิจในระดับสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/why-cybersecurity-is-now-a-strategic-lever-for-tech-firms-navigating-uncertainty
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • "Caligra c100 – คอมพิวเตอร์เพื่อการสร้างสรรค์ ไม่ใช่การเสพ"

    บริษัท Caligra จากลอนดอนได้เปิดตัว c100 Developer Terminal ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สร้างสรรค์โดยเฉพาะ ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ retro wedge ทำจากโลหะ bead-blasted ดูคลาสสิก แต่ภายในซ่อนพลังสมัยใหม่ด้วย AMD Ryzen 9 7940HS, แรม 96GB DDR5, และ SSD M.2 ขนาด 1TB ถือเป็นสเปกที่แรงพอสำหรับงานวิศวกรรม การออกแบบ ไปจนถึงงานศิลปะดิจิทัล. 【edge_current_page_context】

    จุดเด่นอีกอย่างคือระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ Workbench ซึ่งแม้จะยืมชื่อจาก GUI ของ Amiga ยุคเก่า แต่จริงๆ แล้วเป็น Linux-based OS ที่ตั้งใจทำให้ “เบา” และ “สะอาด” โดยตัดฟีเจอร์ที่รบกวนออกไป เพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับงานสร้างสรรค์มากกว่าการเสพคอนเทนต์หรือถูกดึงความสนใจจาก AI และ Cloud services. 【edge_current_page_context】

    Workbench ใช้แกน rpm-based และรองรับการติดตั้งแพ็กเกจจาก Fedora รวมถึงการใช้ distrobox เพื่อนำซอฟต์แวร์จากดิสโทรอื่นมาใช้งานได้ ทำให้แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่ก็ยังเปิดกว้างต่อ ecosystem ของ Linux และสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือที่นักพัฒนาคุ้นเคย. 【edge_current_page_context】

    ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $1,999 โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในเดือนมกราคม 2026 การคำนวณต้นทุนฮาร์ดแวร์พบว่า หากประกอบเองอาจอยู่ราว $1,200–$1,500 ดังนั้นส่วนต่างราคาจึงสะท้อนถึงคุณค่าของการออกแบบ ระบบซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนที่ Caligra มอบให้ ถือเป็นการวางตำแหน่งที่ชัดเจนว่า c100 ไม่ใช่เครื่องสำหรับทุกคน แต่สำหรับ “นักสร้าง” ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ปราศจากสิ่งรบกวน. 【edge_current_page_context】

    สรุปสาระสำคัญ
    ฮาร์ดแวร์และดีไซน์
    AMD Ryzen 9 7940HS, RAM 96GB DDR5, SSD 1TB
    ดีไซน์ retro wedge โลหะ bead-blasted พกพาได้

    ระบบปฏิบัติการ Workbench
    Linux-based OS ที่เน้น “ทำงาน” มากกว่า “เสพคอนเทนต์”
    ใช้ rpm-based core รองรับ Fedora และ distrobox

    ราคาและการวางตลาด
    เปิดตัว $1,999 พร้อมส่งมอบมกราคม 2026
    ต้นทุนฮาร์ดแวร์ราว $1,200–$1,500 ส่วนต่างคือค่าออกแบบและซอฟต์แวร์

    คำเตือนและข้อสังเกต
    แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่หาก Workbench หยุดพัฒนา ผู้ใช้ยังต้องพึ่ง Linux หรือ Windows
    ราคา $1,999 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการเครื่องเฉพาะทาง

    https://www.tomshardware.com/software/linux/new-computing-platform-is-made-for-making-caligra-c100-developer-terminal-targets-creators-with-distraction-free-computer-for-experts
    📰 "Caligra c100 – คอมพิวเตอร์เพื่อการสร้างสรรค์ ไม่ใช่การเสพ" 💻 บริษัท Caligra จากลอนดอนได้เปิดตัว c100 Developer Terminal ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สร้างสรรค์โดยเฉพาะ ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบ retro wedge ทำจากโลหะ bead-blasted ดูคลาสสิก แต่ภายในซ่อนพลังสมัยใหม่ด้วย AMD Ryzen 9 7940HS, แรม 96GB DDR5, และ SSD M.2 ขนาด 1TB ถือเป็นสเปกที่แรงพอสำหรับงานวิศวกรรม การออกแบบ ไปจนถึงงานศิลปะดิจิทัล. 【edge_current_page_context】 🖥️ จุดเด่นอีกอย่างคือระบบปฏิบัติการใหม่ชื่อ Workbench ซึ่งแม้จะยืมชื่อจาก GUI ของ Amiga ยุคเก่า แต่จริงๆ แล้วเป็น Linux-based OS ที่ตั้งใจทำให้ “เบา” และ “สะอาด” โดยตัดฟีเจอร์ที่รบกวนออกไป เพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสกับงานสร้างสรรค์มากกว่าการเสพคอนเทนต์หรือถูกดึงความสนใจจาก AI และ Cloud services. 【edge_current_page_context】 ⚙️ Workbench ใช้แกน rpm-based และรองรับการติดตั้งแพ็กเกจจาก Fedora รวมถึงการใช้ distrobox เพื่อนำซอฟต์แวร์จากดิสโทรอื่นมาใช้งานได้ ทำให้แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่ก็ยังเปิดกว้างต่อ ecosystem ของ Linux และสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือที่นักพัฒนาคุ้นเคย. 【edge_current_page_context】 💲 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $1,999 โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบในเดือนมกราคม 2026 การคำนวณต้นทุนฮาร์ดแวร์พบว่า หากประกอบเองอาจอยู่ราว $1,200–$1,500 ดังนั้นส่วนต่างราคาจึงสะท้อนถึงคุณค่าของการออกแบบ ระบบซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนที่ Caligra มอบให้ ถือเป็นการวางตำแหน่งที่ชัดเจนว่า c100 ไม่ใช่เครื่องสำหรับทุกคน แต่สำหรับ “นักสร้าง” ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ปราศจากสิ่งรบกวน. 【edge_current_page_context】 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฮาร์ดแวร์และดีไซน์ ➡️ AMD Ryzen 9 7940HS, RAM 96GB DDR5, SSD 1TB ➡️ ดีไซน์ retro wedge โลหะ bead-blasted พกพาได้ ✅ ระบบปฏิบัติการ Workbench ➡️ Linux-based OS ที่เน้น “ทำงาน” มากกว่า “เสพคอนเทนต์” ➡️ ใช้ rpm-based core รองรับ Fedora และ distrobox ✅ ราคาและการวางตลาด ➡️ เปิดตัว $1,999 พร้อมส่งมอบมกราคม 2026 ➡️ ต้นทุนฮาร์ดแวร์ราว $1,200–$1,500 ส่วนต่างคือค่าออกแบบและซอฟต์แวร์ ‼️ คำเตือนและข้อสังเกต ⛔ แม้จะเป็นระบบใหม่ แต่หาก Workbench หยุดพัฒนา ผู้ใช้ยังต้องพึ่ง Linux หรือ Windows ⛔ ราคา $1,999 อาจสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการเครื่องเฉพาะทาง https://www.tomshardware.com/software/linux/new-computing-platform-is-made-for-making-caligra-c100-developer-terminal-targets-creators-with-distraction-free-computer-for-experts
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    New computing platform is ‘Made for Making’ — Caligra c100 Developer Terminal targets creators with distraction-free ‘computer for experts’
    The lovely bead-blasted metal wedge design of this computer will win retro-fans. But its AMD Ryzen 9 7940HS, 96GB DDR5 RAM and ‘Workbench’ Linux-based OS are also strong draws at $1,999.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • สหรัฐโชว์ภาพ 3D ฐานทัพเรือจีน คมชัดระดับ 50 ซม.

    บริษัทดาวเทียมสัญชาติสหรัฐชื่อ Vantor ได้เผยแพร่ภาพถ่ายความละเอียดสูงของฐานทัพเรือ Yulin Naval Base บนเกาะไห่หนาน ประเทศจีน โดยใช้ดาวเทียมเพียงหนึ่งครั้งในการบินผ่าน และสามารถประมวลผลเป็นภาพ 3D ได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมง ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 50 เซนติเมตรต่อพิกเซล และมีความแม่นยำเชิงพื้นที่ต่ำกว่า 4 เมตร ซึ่งคมชัดพอที่จะเห็นยานพาหนะบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน

    สิ่งที่โดดเด่นคือการใช้ซอฟต์แวร์ Forge ของ Vantor ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เชื่อถือได้” สำหรับระบบสั่งการและแพลตฟอร์มอัตโนมัติ ทั้งในด้านการวางแผน การวิเคราะห์ และการฝึกซ้อมทางทหาร รวมถึงการใช้งานพลเรือน เช่น การวางผังเมืองและการตอบสนองต่อภัยพิบัติ

    การประมวลผลภาพดาวเทียมในอดีตอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แต่ด้วยการผสมผสาน AI และข้อมูลเชิงพื้นที่ที่แม่นยำ ทำให้ Vantor สามารถสร้าง “Digital Twin” ของพื้นที่จริงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมการใช้ข้อมูลดาวเทียมในยุคใหม่

    อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าด้านนี้ก็สร้างความกังวลในระดับนโยบาย โดยเฉพาะการใช้ ชิป AI จาก Nvidia และ AMD ที่มีศักยภาพในการใช้งานทั้งพลเรือนและทหาร ทำให้รัฐบาลสหรัฐบางส่วนระมัดระวังในการอนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ เนื่องจากอาจถูกนำไปใช้ในด้านการทหารโดยตรง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความสำเร็จของ Vantor
    สร้างภาพ 3D ความละเอียด 50 ซม. จากการบินผ่านเพียงครั้งเดียว
    ประมวลผลเสร็จภายใน 10 ชั่วโมง

    ซอฟต์แวร์ Forge
    ช่วยให้สำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ
    ใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงพื้นที่สำหรับการวางแผนและการฝึกซ้อม

    การประยุกต์ใช้งาน
    พลเรือน: การวางผังเมืองและการตอบสนองภัยพิบัติ
    ทหาร: การวิเคราะห์และการฝึกซ้อมเชิงยุทธศาสตร์

    ข้อกังวลด้านความมั่นคง
    เทคโนโลยี AI และชิปประมวลผลอาจถูกใช้ทั้งพลเรือนและทหาร
    รัฐบาลสหรัฐบางส่วนกังวลการเข้าถึงเทคโนโลยีโดยจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-navy-base-3d-imaged-to-50cm-resolution-in-single-satellite-pass-us-spatial-intelligence-firm-boasts-accurate-high-res-3d-terrain-map-took-just-10-hours-to-create
    🛰️ สหรัฐโชว์ภาพ 3D ฐานทัพเรือจีน คมชัดระดับ 50 ซม. บริษัทดาวเทียมสัญชาติสหรัฐชื่อ Vantor ได้เผยแพร่ภาพถ่ายความละเอียดสูงของฐานทัพเรือ Yulin Naval Base บนเกาะไห่หนาน ประเทศจีน โดยใช้ดาวเทียมเพียงหนึ่งครั้งในการบินผ่าน และสามารถประมวลผลเป็นภาพ 3D ได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมง ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 50 เซนติเมตรต่อพิกเซล และมีความแม่นยำเชิงพื้นที่ต่ำกว่า 4 เมตร ซึ่งคมชัดพอที่จะเห็นยานพาหนะบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน สิ่งที่โดดเด่นคือการใช้ซอฟต์แวร์ Forge ของ Vantor ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เชื่อถือได้” สำหรับระบบสั่งการและแพลตฟอร์มอัตโนมัติ ทั้งในด้านการวางแผน การวิเคราะห์ และการฝึกซ้อมทางทหาร รวมถึงการใช้งานพลเรือน เช่น การวางผังเมืองและการตอบสนองต่อภัยพิบัติ การประมวลผลภาพดาวเทียมในอดีตอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แต่ด้วยการผสมผสาน AI และข้อมูลเชิงพื้นที่ที่แม่นยำ ทำให้ Vantor สามารถสร้าง “Digital Twin” ของพื้นที่จริงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมการใช้ข้อมูลดาวเทียมในยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าด้านนี้ก็สร้างความกังวลในระดับนโยบาย โดยเฉพาะการใช้ ชิป AI จาก Nvidia และ AMD ที่มีศักยภาพในการใช้งานทั้งพลเรือนและทหาร ทำให้รัฐบาลสหรัฐบางส่วนระมัดระวังในการอนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ เนื่องจากอาจถูกนำไปใช้ในด้านการทหารโดยตรง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความสำเร็จของ Vantor ➡️ สร้างภาพ 3D ความละเอียด 50 ซม. จากการบินผ่านเพียงครั้งเดียว ➡️ ประมวลผลเสร็จภายใน 10 ชั่วโมง ✅ ซอฟต์แวร์ Forge ➡️ ช่วยให้สำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ ➡️ ใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงพื้นที่สำหรับการวางแผนและการฝึกซ้อม ✅ การประยุกต์ใช้งาน ➡️ พลเรือน: การวางผังเมืองและการตอบสนองภัยพิบัติ ➡️ ทหาร: การวิเคราะห์และการฝึกซ้อมเชิงยุทธศาสตร์ ‼️ ข้อกังวลด้านความมั่นคง ⛔ เทคโนโลยี AI และชิปประมวลผลอาจถูกใช้ทั้งพลเรือนและทหาร ⛔ รัฐบาลสหรัฐบางส่วนกังวลการเข้าถึงเทคโนโลยีโดยจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-navy-base-3d-imaged-to-50cm-resolution-in-single-satellite-pass-us-spatial-intelligence-firm-boasts-accurate-high-res-3d-terrain-map-took-just-10-hours-to-create
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3”

    ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย:
    Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz
    Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์
    Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB
    Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB

    ผลทดสอบประสิทธิภาพ
    Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย
    Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า
    Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V
    Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด

    การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา
    มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน

    ความคาดหวังใน CES 2026
    Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench
    Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332

    ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี
    Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme

    OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H
    Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld

    ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น
    อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์

    รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง
    อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    ⚡ หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย: 💠 Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz 💠 Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์ 💠 Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB 💠 Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB 📊 ผลทดสอบประสิทธิภาพ 🎗️ Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย 🎗️ Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า 🎗️ Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V 🎗️ Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด 🎮 การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน 🌍 ความคาดหวังใน CES 2026 Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench ➡️ Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332 ✅ ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี ➡️ Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme ✅ OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H ➡️ Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld ‼️ ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น ⛔ อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ ‼️ รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง ⛔ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    WCCFTECH.COM
    Several Intel Panther Lake CPU Benchmarks Leak: Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365, & Ultra 5 332, First Panther Lake Handheld Spotted
    Several Intel Panther Lake "Core Ultra Series 3" CPUs & a handheld have been leaked and benchmarked within the PassMark Software suite.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • Intel เพิ่มการรองรับ Big Battlemage

    ข่าวนี้กล่าวถึงการที่ Intel เพิ่มการรองรับ Arc Battlemage BMG-G31 GPU ในซอฟต์แวร์ VTune Profiler ล่าสุด ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “Big Battlemage” กำลังเข้าใกล้การเปิดตัวจริง อาจเกิดขึ้นในงาน CES 2026 ควบคู่กับซีพียู Panther Lake

    Intel ได้อัปเดต VTune Profiler (เวอร์ชัน 2025.7) โดยเพิ่มการรองรับ GPU รุ่น Arc Battlemage BMG-G31 และซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Big Battlemage กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีข่าวลือมานานกว่าหนึ่งปี

    สเปกที่คาดการณ์
    Arc BMG-G31 คาดว่าจะมีสูงสุด 32 Xe2 Cores, หน่วยความจำ 16GB GDDR6, และบัส 256-bit ที่ให้แบนด์วิดท์ถึง 608 GB/s หากตั้งราคาในช่วง 300–400 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถแข่งขันกับ NVIDIA RTX 5060 และ AMD RX 9060 ได้อย่างสูสี

    ความคืบหน้าและความล่าช้า
    เดิมที Intel มีแผนเปิดตัวรุ่น Arc B770 เร็วกว่านี้ แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง จนถึงปลายปี 2025 จึงยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ การเพิ่มการรองรับใน VTune จึงถูกตีความว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวในงาน CES 2026

    ผลกระทบต่อการแข่งขันตลาด GPU
    หาก Big Battlemage เปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า จะเป็นการกลับมาท้าทาย NVIDIA และ AMD อีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีการแข่งขันสูง และอาจช่วยให้ Intel ขยายส่วนแบ่งตลาด GPU ได้มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel เพิ่มการรองรับ Arc BMG-G31 ใน VTune Profiler
    สัญญาณว่า Big Battlemage ใกล้เปิดตัว

    สเปกที่คาดการณ์ของ BMG-G31
    32 Xe2 Cores, 16GB GDDR6, 256-bit bus, 608 GB/s

    ราคาที่คาดว่าจะอยู่ราว 300–400 ดอลลาร์
    แข่งขันกับ RTX 5060 และ RX 9060

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    พร้อมกับซีพียู Panther Lake

    การเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งในปี 2025
    ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจในแผน GPU ของ Intel

    การแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ยังเข้มข้น
    Intel ต้องพิสูจน์ความเสถียรและประสิทธิภาพจริง

    https://wccftech.com/intel-arc-battlemage-bmg-g31-gpu-brand-new-support-big-battlemage-finally-ready/
    🖥️ Intel เพิ่มการรองรับ Big Battlemage ข่าวนี้กล่าวถึงการที่ Intel เพิ่มการรองรับ Arc Battlemage BMG-G31 GPU ในซอฟต์แวร์ VTune Profiler ล่าสุด ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “Big Battlemage” กำลังเข้าใกล้การเปิดตัวจริง อาจเกิดขึ้นในงาน CES 2026 ควบคู่กับซีพียู Panther Lake Intel ได้อัปเดต VTune Profiler (เวอร์ชัน 2025.7) โดยเพิ่มการรองรับ GPU รุ่น Arc Battlemage BMG-G31 และซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Big Battlemage กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีข่าวลือมานานกว่าหนึ่งปี ⚡ สเปกที่คาดการณ์ Arc BMG-G31 คาดว่าจะมีสูงสุด 32 Xe2 Cores, หน่วยความจำ 16GB GDDR6, และบัส 256-bit ที่ให้แบนด์วิดท์ถึง 608 GB/s หากตั้งราคาในช่วง 300–400 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถแข่งขันกับ NVIDIA RTX 5060 และ AMD RX 9060 ได้อย่างสูสี 🔍 ความคืบหน้าและความล่าช้า เดิมที Intel มีแผนเปิดตัวรุ่น Arc B770 เร็วกว่านี้ แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง จนถึงปลายปี 2025 จึงยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ การเพิ่มการรองรับใน VTune จึงถูกตีความว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวในงาน CES 2026 🌍 ผลกระทบต่อการแข่งขันตลาด GPU หาก Big Battlemage เปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า จะเป็นการกลับมาท้าทาย NVIDIA และ AMD อีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีการแข่งขันสูง และอาจช่วยให้ Intel ขยายส่วนแบ่งตลาด GPU ได้มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel เพิ่มการรองรับ Arc BMG-G31 ใน VTune Profiler ➡️ สัญญาณว่า Big Battlemage ใกล้เปิดตัว ✅ สเปกที่คาดการณ์ของ BMG-G31 ➡️ 32 Xe2 Cores, 16GB GDDR6, 256-bit bus, 608 GB/s ✅ ราคาที่คาดว่าจะอยู่ราว 300–400 ดอลลาร์ ➡️ แข่งขันกับ RTX 5060 และ RX 9060 ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ พร้อมกับซีพียู Panther Lake ‼️ การเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งในปี 2025 ⛔ ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจในแผน GPU ของ Intel ‼️ การแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ยังเข้มข้น ⛔ Intel ต้องพิสูจน์ความเสถียรและประสิทธิภาพจริง https://wccftech.com/intel-arc-battlemage-bmg-g31-gpu-brand-new-support-big-battlemage-finally-ready/
    WCCFTECH.COM
    Intel Arc Battlemage "BMG-G31" GPU Receives Brand New Support By The Chipmaker Itself, Is Big Battlemage Finally Ready For Launch?
    Intel has just added the latest support for its Arc Battlemage "BMG-G31" GPU, hinting that the launch should be closer than we think.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench

    ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D

    ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก

    เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D
    แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้

    จุดเด่นและข้อสังเกต
    Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D

    ความคาดหวังในตลาด
    การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่”

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench
    ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core)

    บูสต์สูงสุด 5.6 GHz
    เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D

    ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3%
    แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series

    ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง
    RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง

    การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D
    หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    ⚡ ผลเทส Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ข่าวนี้เล่าถึงการปรากฏตัวของ AMD Ryzen 7 9850X3D บน Geekbench โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 5.6 GHz แต่ผลทดสอบกลับออกมา “แรงกว่าเล็กน้อยใน Single-Core” และ “ช้ากว่าเล็กน้อยใน Multi-Core” เมื่อเทียบกับรุ่นพี่ Ryzen 7 9800X3D ชิปใหม่จาก AMD ถูกพบในฐานข้อมูล Geekbench โดยติดตั้งบนเมนบอร์ด Colorful CVN B850M Gaming Frozen V14A พร้อม RAM DDR5-4800 ขนาด 32GB ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่า Ryzen 7 9850X3D ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ซึ่งใกล้เคียงกับรุ่น 9800X3D แต่ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก 📊 เปรียบเทียบกับ Ryzen 7 9800X3D แม้ความเร็วบูสต์เพิ่มขึ้นจาก 5.2 GHz → 5.6 GHz (ประมาณ 8%) แต่ผลลัพธ์จริงกลับเร็วขึ้นเพียง 3% ใน Single-Core และช้ากว่าใน Multi-Core เล็กน้อย สาเหตุคาดว่าเกิดจาก RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพจริงเมื่อวางขายสูงกว่าที่เห็นในตอนนี้ 🔥 จุดเด่นและข้อสังเกต Ryzen 7 9850X3D ยังคงใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และมี 8 คอร์เหมือนรุ่นก่อนหน้า แต่การเพิ่มความเร็วบูสต์ทำให้เหมาะกับงานที่เน้น Single-Core เช่น เกมบางประเภท อย่างไรก็ตาม หากต้องการประสิทธิภาพ Multi-Core ที่สูงกว่า ผู้ใช้บางส่วนอาจยังเลือก 9800X3D หรือรอรุ่นใหญ่กว่าเช่น Ryzen 9 9950X3D 🌍 ความคาดหวังในตลาด การเปิดตัว Ryzen 9000X3D series คาดว่าจะเกิดขึ้นในงาน CES 2026 โดย AMD หวังจะรักษาความได้เปรียบในตลาดเกมมิ่งและงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ผลทดสอบเบื้องต้นนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า “การอัปเกรดจาก 9800X3D คุ้มค่าหรือไม่” 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen 7 9850X3D โผล่บน Geekbench ➡️ ทำคะแนน 3,439 (Single-Core) และ 17,530 (Multi-Core) ✅ บูสต์สูงสุด 5.6 GHz ➡️ เพิ่มขึ้น 8% จากรุ่น 9800X3D ✅ ผลลัพธ์ Single-Core ดีขึ้น 3% ➡️ แต่ Multi-Core กลับช้ากว่าเล็กน้อย ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของ Ryzen 9000X3D series ‼️ ผลทดสอบอาจไม่สะท้อนประสิทธิภาพจริง ⛔ RAM ที่ช้าและเฟิร์มแวร์ยังไม่สมบูรณ์อาจทำให้คะแนนต่ำกว่าศักยภาพจริง ‼️ การอัปเกรดอาจไม่คุ้มสำหรับผู้ใช้ 9800X3D ⛔ หากเน้น Multi-Core อาจไม่เห็นความแตกต่างมากนัก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-imminent-ryzen-7-9850x3d-chip-shows-up-on-geekbench-with-5-6-ghz-boost-clocks-scores-slightly-lower-than-9800x3d-in-multi-core-tests-higher-in-single-core
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • Ryzen AI Max Refresh

    รายงานจาก Wccftech ระบุว่า AMD จะไม่หยุดที่ Strix Halo แต่จะขยายไลน์ด้วย Ryzen AI Max Refresh SKUs ที่เจาะตลาด mid-range และ high-end โดยยังคงใช้กราฟิกในตัวที่ทรงพลังเหมือนเดิม แต่เพิ่มความเร็วหน่วยความจำเป็น 8533 MT/s เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม【edge_current_page_context】

    รายละเอียดทางเทคนิค
    ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Strix Halo แต่เพิ่ม clock speed และปรับสเปกเล็กน้อย
    รองรับ LPDDR5X-8533 MT/s (เพิ่มจาก 8000 MT/s)
    คาดว่าจะมีรุ่น Ryzen AI Max+ 388 และ 392 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ใน Refresh หรือ Strix Halo เดิม
    อาจมีการเปิดตัวหรือ “tease” ที่งาน CES 2026

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด
    รุ่น Refresh จะช่วยให้ AMD มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นสำหรับ โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา
    แม้จะไม่ใช่การอัปเกรดครั้งใหญ่ แต่การเพิ่มความเร็วหน่วยความจำจะช่วยให้การทำงานด้าน AI และกราฟิก มีประสิทธิภาพดีขึ้น
    ตลาด mid-range จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะรุ่น Refresh อาจมี สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ ที่ดีกว่า

    ความท้าทาย
    การอัปเดตครั้งนี้อาจถูกมองว่า “incremental” ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
    คู่แข่งอย่าง Intel และ Qualcomm กำลังเร่งพัฒนา AI PC ของตนเอง ทำให้ AMD ต้องรักษาความได้เปรียบด้านกราฟิกและหน่วยความจำ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen AI Max Refresh จะรองรับ LPDDR5X-8533 MT/s
    เป้าหมายตลาด mid-range และ high-end
    อาจเปิดตัวที่ CES 2026
    เป็นการอัปเดต incremental ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงใหญ่

    https://wccftech.com/ryzen-ai-max-refresh-lpddr5x-8533-memory/
    📰 Ryzen AI Max Refresh รายงานจาก Wccftech ระบุว่า AMD จะไม่หยุดที่ Strix Halo แต่จะขยายไลน์ด้วย Ryzen AI Max Refresh SKUs ที่เจาะตลาด mid-range และ high-end โดยยังคงใช้กราฟิกในตัวที่ทรงพลังเหมือนเดิม แต่เพิ่มความเร็วหน่วยความจำเป็น 8533 MT/s เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม【edge_current_page_context】 🔧 รายละเอียดทางเทคนิค 💠 ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Strix Halo แต่เพิ่ม clock speed และปรับสเปกเล็กน้อย 💠 รองรับ LPDDR5X-8533 MT/s (เพิ่มจาก 8000 MT/s) 💠 คาดว่าจะมีรุ่น Ryzen AI Max+ 388 และ 392 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ใน Refresh หรือ Strix Halo เดิม 💠 อาจมีการเปิดตัวหรือ “tease” ที่งาน CES 2026 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด 🎗️ รุ่น Refresh จะช่วยให้ AMD มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นสำหรับ โน้ตบุ๊กและเครื่องพกพา 🎗️ แม้จะไม่ใช่การอัปเกรดครั้งใหญ่ แต่การเพิ่มความเร็วหน่วยความจำจะช่วยให้การทำงานด้าน AI และกราฟิก มีประสิทธิภาพดีขึ้น 🎗️ ตลาด mid-range จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะรุ่น Refresh อาจมี สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ ที่ดีกว่า ⚠️ ความท้าทาย 🎗️ การอัปเดตครั้งนี้อาจถูกมองว่า “incremental” ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง 🎗️ คู่แข่งอย่าง Intel และ Qualcomm กำลังเร่งพัฒนา AI PC ของตนเอง ทำให้ AMD ต้องรักษาความได้เปรียบด้านกราฟิกและหน่วยความจำ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen AI Max Refresh จะรองรับ LPDDR5X-8533 MT/s ✅ เป้าหมายตลาด mid-range และ high-end ✅ อาจเปิดตัวที่ CES 2026 ‼️ เป็นการอัปเดต incremental ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ https://wccftech.com/ryzen-ai-max-refresh-lpddr5x-8533-memory/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI Max "Refresh" Launch Expected Next Year With Support Up To 8533 MT/s Memory
    As per our source, AMD is going to release Ryzen AI Max "Refresh" series soon, and is expected to support 8533 MT/s memory speed.
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • Intel ขาดแคลนเวเฟอร์ Lunar Lake และ Arrow Lake

    Intel ยอมรับว่ากำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแผ่นเวเฟอร์สำหรับซีรีส์ Core Ultra 200 (Arrow Lake และ Lunar Lake) ที่ผลิตโดย TSMC ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้ แม้ความต้องการพีซี AI จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    John Pitzer รองประธานฝ่ายวางแผนของ Intel กล่าวในงาน UBS Global Technology and AI Conference 2025 ว่า “ถ้าเรามีเวเฟอร์ Lunar Lake มากกว่านี้ เราก็จะขายได้มากกว่านี้” ปัญหานี้เกิดจากการที่ Intelสั่งจองกำลังการผลิตจาก TSMC น้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สาเหตุและข้อจำกัด
    Logic tiles ของ Arrow Lake และ Lunar Lake ผลิตโดย TSMC บนเทคโนโลยี N3B (3nm-class)
    Intel ทำการ packaging เอง แต่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทัน
    ความต้องการหน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับ Lunar Lake มีเพียงพอ แต่ปัญหาหลักคือ การเข้าถึงกำลังผลิตเวเฟอร์ขั้นสูงของ TSMC ที่ถูกใช้งานเต็มกำลังจากความต้องการ AI ทั่วโลก

    ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด
    แม้ตลาดพีซีโดยรวมจะไม่เติบโตสูง แต่ความต้องการ AI PC กลับพุ่งขึ้นอย่างมาก ทำให้ Intel ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ส่งผลให้คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด ขณะเดียวกัน Intel ยังต้องจัดสรรเวเฟอร์สำหรับ Xeon 6 Granite Rapids ที่ใช้ Intel 3 ซึ่งก็มีข้อจำกัดด้านกำลังผลิตเช่นกัน

    ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    หาก Intel ไม่สามารถแก้ปัญหาการจัดหากำลังผลิตจาก TSMC ได้ทันเวลา อาจต้องเผชิญกับการปรับขึ้นราคาชิป และเสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคที่ต้องการพีซี AI รุ่นใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel ยอมรับปัญหาขาดแคลนเวเฟอร์ Core Ultra 200
    Lunar Lake และ Arrow Lake ไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการ

    สาเหตุจากการสั่งจองกำลังผลิต TSMC น้อยเกินไป
    ใช้เทคโนโลยี N3B ที่มีความต้องการสูงทั่วโลก

    ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด
    คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด AI PC

    คำเตือนต่อ Intel และผู้บริโภค
    อาจต้องปรับขึ้นราคาชิปหากไม่สามารถแก้ปัญหากำลังผลิตได้
    เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นในตลาด AI PC

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-admits-it-needs-more-core-ultra-200-series-wafers-if-we-had-more-lunar-lake-wafers-we-would-be-selling-more-lunar-lake
    🖥️ Intel ขาดแคลนเวเฟอร์ Lunar Lake และ Arrow Lake Intel ยอมรับว่ากำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแผ่นเวเฟอร์สำหรับซีรีส์ Core Ultra 200 (Arrow Lake และ Lunar Lake) ที่ผลิตโดย TSMC ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้ แม้ความต้องการพีซี AI จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง John Pitzer รองประธานฝ่ายวางแผนของ Intel กล่าวในงาน UBS Global Technology and AI Conference 2025 ว่า “ถ้าเรามีเวเฟอร์ Lunar Lake มากกว่านี้ เราก็จะขายได้มากกว่านี้” ปัญหานี้เกิดจากการที่ Intelสั่งจองกำลังการผลิตจาก TSMC น้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 🔧 สาเหตุและข้อจำกัด 💠 Logic tiles ของ Arrow Lake และ Lunar Lake ผลิตโดย TSMC บนเทคโนโลยี N3B (3nm-class) 💠 Intel ทำการ packaging เอง แต่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทัน 💠 ความต้องการหน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับ Lunar Lake มีเพียงพอ แต่ปัญหาหลักคือ การเข้าถึงกำลังผลิตเวเฟอร์ขั้นสูงของ TSMC ที่ถูกใช้งานเต็มกำลังจากความต้องการ AI ทั่วโลก 🌍 ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด แม้ตลาดพีซีโดยรวมจะไม่เติบโตสูง แต่ความต้องการ AI PC กลับพุ่งขึ้นอย่างมาก ทำให้ Intel ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ส่งผลให้คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด ขณะเดียวกัน Intel ยังต้องจัดสรรเวเฟอร์สำหรับ Xeon 6 Granite Rapids ที่ใช้ Intel 3 ซึ่งก็มีข้อจำกัดด้านกำลังผลิตเช่นกัน ⚠️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง หาก Intel ไม่สามารถแก้ปัญหาการจัดหากำลังผลิตจาก TSMC ได้ทันเวลา อาจต้องเผชิญกับการปรับขึ้นราคาชิป และเสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคที่ต้องการพีซี AI รุ่นใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel ยอมรับปัญหาขาดแคลนเวเฟอร์ Core Ultra 200 ➡️ Lunar Lake และ Arrow Lake ไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการ ✅ สาเหตุจากการสั่งจองกำลังผลิต TSMC น้อยเกินไป ➡️ ใช้เทคโนโลยี N3B ที่มีความต้องการสูงทั่วโลก ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจและตลาด ➡️ คู่แข่งอย่าง AMD และ Qualcomm มีโอกาสแย่งส่วนแบ่งตลาด AI PC ‼️ คำเตือนต่อ Intel และผู้บริโภค ⛔ อาจต้องปรับขึ้นราคาชิปหากไม่สามารถแก้ปัญหากำลังผลิตได้ ⛔ เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นในตลาด AI PC https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-admits-it-needs-more-core-ultra-200-series-wafers-if-we-had-more-lunar-lake-wafers-we-would-be-selling-more-lunar-lake
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • Lisa Su ปฏิเสธกระแส “AI Bubble”

    ในการปรากฏตัวที่งาน WIRED’s Big Interview Conference ที่ซานฟรานซิสโก Lisa Su กล่าวอย่างชัดเจนว่า “AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น” และความกังวลเรื่องฟองสบู่เป็นการมองที่ “เกินจริง” เธอย้ำว่า AMD ต้องเตรียมพร้อมในการจัดหาชิปสำหรับอนาคต เพราะทุกการพัฒนาโมเดลใหม่จะยิ่งเพิ่มความต้องการด้านประสิทธิภาพ

    กลยุทธ์ของ AMD
    AMD กำลังเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยเฉพาะการจัดส่ง MI308 GPUs ไปยังจีนภายใต้กรอบควบคุมการส่งออกใหม่ และการร่วมมือกับ OpenAI ในการติดตั้ง GPU ขนาดใหญ่ถึง 6 กิกะวัตต์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงสิทธิในการซื้อหุ้น AMD กว่า 160 ล้านหุ้น ที่ราคาหนึ่งเซนต์ต่อหุ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจระยะยาวในการส่งมอบโครงสร้างพื้นฐาน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Lisa Su มองว่าความท้าทายของ AMD ไม่ใช่การแข่งกับคู่แข่งรายใดรายหนึ่ง แต่คือการเร่งพัฒนา roadmap ให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ hyperscalers และผู้พัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ เธอย้ำว่า ทุกเจเนอเรชันของโมเดล AI จะยกระดับความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ และนั่นทำให้การลงทุนต่อเนื่องเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

    ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    แม้ AMD จะมั่นใจในอนาคต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีนที่มีข้อจำกัดด้านการส่งออก รวมถึงแรงกดดันจาก hyperscalers ที่เริ่มพัฒนาชิปเอง หาก AMD ไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Lisa Su ปฏิเสธกระแส AI Bubble
    ย้ำว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและความต้องการจะเติบโตต่อเนื่อง

    AMD ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI
    ร่วมมือกับ OpenAI ติดตั้ง GPU ขนาด 6 กิกะวัตต์ และส่ง MI308 ไปจีน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ความท้าทายคือการเร่ง roadmap ให้ทันกับความต้องการ hyperscalers

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการส่งออกไปจีน
    แรงกดดันจาก hyperscalers ที่พัฒนาชิปเอง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/lisa-su-rejects-talk-of-an-ai-bubble-at-wired-event
    📰 Lisa Su ปฏิเสธกระแส “AI Bubble” ในการปรากฏตัวที่งาน WIRED’s Big Interview Conference ที่ซานฟรานซิสโก Lisa Su กล่าวอย่างชัดเจนว่า “AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น” และความกังวลเรื่องฟองสบู่เป็นการมองที่ “เกินจริง” เธอย้ำว่า AMD ต้องเตรียมพร้อมในการจัดหาชิปสำหรับอนาคต เพราะทุกการพัฒนาโมเดลใหม่จะยิ่งเพิ่มความต้องการด้านประสิทธิภาพ 🔧 กลยุทธ์ของ AMD AMD กำลังเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยเฉพาะการจัดส่ง MI308 GPUs ไปยังจีนภายใต้กรอบควบคุมการส่งออกใหม่ และการร่วมมือกับ OpenAI ในการติดตั้ง GPU ขนาดใหญ่ถึง 6 กิกะวัตต์ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงสิทธิในการซื้อหุ้น AMD กว่า 160 ล้านหุ้น ที่ราคาหนึ่งเซนต์ต่อหุ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจระยะยาวในการส่งมอบโครงสร้างพื้นฐาน 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม Lisa Su มองว่าความท้าทายของ AMD ไม่ใช่การแข่งกับคู่แข่งรายใดรายหนึ่ง แต่คือการเร่งพัฒนา roadmap ให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ hyperscalers และผู้พัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ เธอย้ำว่า ทุกเจเนอเรชันของโมเดล AI จะยกระดับความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ และนั่นทำให้การลงทุนต่อเนื่องเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ⚠️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง แม้ AMD จะมั่นใจในอนาคต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีนที่มีข้อจำกัดด้านการส่งออก รวมถึงแรงกดดันจาก hyperscalers ที่เริ่มพัฒนาชิปเอง หาก AMD ไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Lisa Su ปฏิเสธกระแส AI Bubble ➡️ ย้ำว่า AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและความต้องการจะเติบโตต่อเนื่อง ✅ AMD ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ➡️ ร่วมมือกับ OpenAI ติดตั้ง GPU ขนาด 6 กิกะวัตต์ และส่ง MI308 ไปจีน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ความท้าทายคือการเร่ง roadmap ให้ทันกับความต้องการ hyperscalers ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการส่งออกไปจีน ⛔ แรงกดดันจาก hyperscalers ที่พัฒนาชิปเอง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/lisa-su-rejects-talk-of-an-ai-bubble-at-wired-event
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD CEO Lisa Su 'emphatically' rejects talk of an AI bubble — says claims are 'somewhat overstated'
    AMD CEO says long-term demand for compute will justify today’s rapid data-center buildout.
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน

    ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า

    รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด
    ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090
    เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s
    Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต

    ความเสี่ยงและข้อกังวล
    ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน
    อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028

    ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090
    ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308

    คำเตือนและข้อกังวล
    Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล
    การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    🏛️ ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า 🔧 รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด 💠 ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090 💠 เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s 💠 Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว 🌍 ผลกระทบต่อการแข่งขัน แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต ⚠️ ความเสี่ยงและข้อกังวล ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน ➡️ อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028 ✅ ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090 ➡️ ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน ➡️ จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308 ‼️ คำเตือนและข้อกังวล ⛔ Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล ⛔ การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

    กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่
    Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19%

    การทดสอบและแพลตฟอร์ม
    ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง

    แนวโน้มการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache
    ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W

    กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า
    มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M)
    ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark

    แพลตฟอร์มทดสอบ
    ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB
    เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3

    ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว
    แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต
    หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple

    https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    🖥️ ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน ⚡ กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่ Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19% 🎮 การทดสอบและแพลตฟอร์ม ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง 🔮 แนวโน้มการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ➡️ มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache ➡️ ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ✅ กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า ➡️ มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M) ➡️ ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark ✅ แพลตฟอร์มทดสอบ ➡️ ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB ➡️ เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3 ‼️ ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว ⛔ แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ⛔ หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU Leaks Out: 4 Cores, Faster Radeon 840M iGPU, Up To 19% Faster Than Ryzen AI 5 330
    AMD's Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU has leaked out, showcasing upgraded specs & faster performance than its Strix-based predecessor.
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก

    AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด

    สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
    Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง

    กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration
    Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่

    แนวโน้มและคำเตือน
    แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP
    รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา
    รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง

    สถาปัตยกรรม Zen 6
    ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm
    เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์

    กราฟิกและ AI
    iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units
    มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning

    ความไม่แน่นอนของกำหนดการ
    อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027
    ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด

    https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    🖥️ AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ⚡ สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง 🎮 กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่ 🔮 แนวโน้มและคำเตือน แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP ➡️ รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา ➡️ รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง ✅ สถาปัตยกรรม Zen 6 ➡️ ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm ➡️ เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์ ✅ กราฟิกและ AI ➡️ iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units ➡️ มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning ‼️ ความไม่แน่นอนของกำหนดการ ⛔ อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027 ⛔ ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    WCCFTECH.COM
    AMD Zen 6 Medusa Point Surfaces In NBD Manifest With Surprising "High-TDP" And "Low-TDP" Variants
    AMD Zen 6-based mobile Medusa Point SKUs are reportedly divided into two categories: 45W and 28W variants as per the leaked NBD shipping logs.
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • "Ryzen 7 9850X3D – แรงขึ้นแต่กินไฟเท่าเดิม"

    ข้อมูลจาก shipping manifest ที่รั่วไหล ยืนยันว่า Ryzen 7 9850X3D จะมี 8 คอร์ 16 เธรด เช่นเดียวกับรุ่น 9800X3D แต่เพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดเป็น 5.6 GHz จากเดิม 5.2 GHz โดยยังคง TDP ที่ 120W เท่าเดิม ถือเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่มภาระด้านพลังงาน.

    ซีพียูรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ 96MB L3 cache และมี iGPU เหมือนเดิม โดยอาศัยเทคโนโลยี 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า.

    AMD ใช้เทคนิคการผลิตใหม่ เช่น TSMC advanced packaging และการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ เพื่อให้สามารถเพิ่มความเร็วได้โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานหรือความร้อนมากนัก ซึ่งคาดว่าจะทำให้ FPS ในเกมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุก ๆ การทดสอบ.

    แม้ยังไม่มีข้อมูลราคาและวันวางจำหน่าย แต่คาดว่า Ryzen 7 9850X3D จะอยู่ในช่วง ประมาณ 450 ดอลลาร์สหรัฐ และจะเป็นรุ่นต่อยอดจาก 9800X3D โดยไม่ใช่การปรับใหญ่ แต่เป็นการรีเฟรชที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Ryzen 7 9850X3D: 8 คอร์ 16 เธรด
    Boost clock เพิ่มจาก 5.2 → 5.6 GHz
    TDP คงที่ 120W เท่ากับ 9800X3D
    ใช้ 96MB L3 cache และ iGPU เดิม
    คาดว่าราคา ~450 ดอลลาร์

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    AMD X3D series ได้รับความนิยมสูงในตลาดเกมมิ่งเพราะ 3D V-Cache
    คู่แข่งหลักคือ Intel Core i7 และ i9 รุ่นล่าสุดที่เน้นความเร็ว single-core
    ตลาดซีพียูเกมมิ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง 7% ต่อปีในช่วง 2025–2030

    คำเตือนจากข่าว
    ยังไม่มีข้อมูลวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
    การเพิ่มความเร็วเพียงเล็กน้อยอาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่มี 9800X3D อยู่แล้ว
    หากราคาสูงเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้หันไปเลือก Intel หรือ Ryzen รุ่น non-X3D

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/upcoming-amd-ryzen-7-9850x3d-has-120w-tdp-leaked-shipping-manifest-states-zen-5-x3d-refresh-will-maintain-the-same-power-draw-as-9800x3d
    ⚡ "Ryzen 7 9850X3D – แรงขึ้นแต่กินไฟเท่าเดิม" ข้อมูลจาก shipping manifest ที่รั่วไหล ยืนยันว่า Ryzen 7 9850X3D จะมี 8 คอร์ 16 เธรด เช่นเดียวกับรุ่น 9800X3D แต่เพิ่มความเร็วบูสต์สูงสุดเป็น 5.6 GHz จากเดิม 5.2 GHz โดยยังคง TDP ที่ 120W เท่าเดิม ถือเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่เพิ่มภาระด้านพลังงาน. ซีพียูรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ 96MB L3 cache และมี iGPU เหมือนเดิม โดยอาศัยเทคโนโลยี 3D V-Cache ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า. AMD ใช้เทคนิคการผลิตใหม่ เช่น TSMC advanced packaging และการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ เพื่อให้สามารถเพิ่มความเร็วได้โดยไม่ต้องเพิ่มพลังงานหรือความร้อนมากนัก ซึ่งคาดว่าจะทำให้ FPS ในเกมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในทุก ๆ การทดสอบ. แม้ยังไม่มีข้อมูลราคาและวันวางจำหน่าย แต่คาดว่า Ryzen 7 9850X3D จะอยู่ในช่วง ประมาณ 450 ดอลลาร์สหรัฐ และจะเป็นรุ่นต่อยอดจาก 9800X3D โดยไม่ใช่การปรับใหญ่ แต่เป็นการรีเฟรชที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Ryzen 7 9850X3D: 8 คอร์ 16 เธรด ➡️ Boost clock เพิ่มจาก 5.2 → 5.6 GHz ➡️ TDP คงที่ 120W เท่ากับ 9800X3D ➡️ ใช้ 96MB L3 cache และ iGPU เดิม ➡️ คาดว่าราคา ~450 ดอลลาร์ ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ AMD X3D series ได้รับความนิยมสูงในตลาดเกมมิ่งเพราะ 3D V-Cache ➡️ คู่แข่งหลักคือ Intel Core i7 และ i9 รุ่นล่าสุดที่เน้นความเร็ว single-core ➡️ ตลาดซีพียูเกมมิ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง 7% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ยังไม่มีข้อมูลวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ⛔ การเพิ่มความเร็วเพียงเล็กน้อยอาจไม่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่มี 9800X3D อยู่แล้ว ⛔ หากราคาสูงเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้หันไปเลือก Intel หรือ Ryzen รุ่น non-X3D https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/upcoming-amd-ryzen-7-9850x3d-has-120w-tdp-leaked-shipping-manifest-states-zen-5-x3d-refresh-will-maintain-the-same-power-draw-as-9800x3d
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • "AMD ยันไม่ขึ้นราคา Ryzen – รอดพ้นกระแส AI ที่ดันฮาร์ดแวร์แพง"

    แม้ตลาดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์กำลังเผชิญภาวะราคาพุ่งจากความต้องการ DRAM และ NAND ที่สูงขึ้นเพราะการใช้งาน AI แต่ AMD ยืนยันว่า ซีพียู Ryzen 9000 (Granite Ridge) จะยังคงราคาปัจจุบัน โดยไม่มีสัญญาณว่าจะปรับขึ้นในเร็ว ๆ นี้.

    ข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่า AMD ยังไม่แสดงท่าทีปรับราคาซีพียู แม้ก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับราคาการ์ดจอ Radeon ไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดข่าวลือว่าซีพียู Ryzen อาจขึ้นราคาตาม แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน.

    ตลาดซีพียูมีความแตกต่างจากการ์ดจอและ SSD เนื่องจาก ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ทำให้ AMD สามารถคงราคาซีพียูไว้ได้ ขณะเดียวกัน Ryzen ยังคงครองตลาดเกมมิ่ง โดยรุ่น Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg.

    รายงานยังชี้ว่า AMD กำลังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีส่วนแบ่งสูงถึง 42.61% ตามผลสำรวจ Steam Hardware Survey และมีแนวโน้มแตะ 50% หาก Intel ยังคงเผชิญปัญหายอดขายตกจากซีรีส์ Arrow Lake ที่แข่งขันได้ไม่ดีนัก.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    AMD ยังไม่ปรับขึ้นราคาซีพียู Ryzen 9000
    ข่าวลือเรื่องขึ้นราคามาจากการปรับราคาการ์ดจอ Radeon
    ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับ SSD และ GPU
    Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg
    ส่วนแบ่งตลาด AMD เพิ่มขึ้นเป็น 42.61% ตาม Steam Survey

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดซีพียูโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    Intel กำลังเผชิญแรงกดดันจาก AMD ในตลาดเกมมิ่งและเดสก์ท็อป
    การแข่งขันด้านราคาและประสิทธิภาพจะเป็นปัจจัยหลักในการแย่งส่วนแบ่งตลาด

    คำเตือนจากข่าว
    หากความต้องการ AI ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น AMD อาจต้องปรับราคาในอนาคต
    การพึ่งพาการ์ดจอ Radeon ที่ขึ้นราคาแล้วอาจกระทบภาพลักษณ์บริษัท
    Intel อาจกลับมาแข่งขันได้หากแก้ไขปัญหาซีพียู Arrow Lake สำเร็จ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-isnt-increasing-prices-on-cpus-at-least-for-now-ryzen-appears-to-be-safe-from-the-ai-hysteria
    🖥️ "AMD ยันไม่ขึ้นราคา Ryzen – รอดพ้นกระแส AI ที่ดันฮาร์ดแวร์แพง" แม้ตลาดฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์กำลังเผชิญภาวะราคาพุ่งจากความต้องการ DRAM และ NAND ที่สูงขึ้นเพราะการใช้งาน AI แต่ AMD ยืนยันว่า ซีพียู Ryzen 9000 (Granite Ridge) จะยังคงราคาปัจจุบัน โดยไม่มีสัญญาณว่าจะปรับขึ้นในเร็ว ๆ นี้. ข้อมูลจากผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในสหรัฐฯ ระบุว่า AMD ยังไม่แสดงท่าทีปรับราคาซีพียู แม้ก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับราคาการ์ดจอ Radeon ไปแล้ว ซึ่งทำให้เกิดข่าวลือว่าซีพียู Ryzen อาจขึ้นราคาตาม แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน. ตลาดซีพียูมีความแตกต่างจากการ์ดจอและ SSD เนื่องจาก ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ทำให้ AMD สามารถคงราคาซีพียูไว้ได้ ขณะเดียวกัน Ryzen ยังคงครองตลาดเกมมิ่ง โดยรุ่น Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg. รายงานยังชี้ว่า AMD กำลังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีส่วนแบ่งสูงถึง 42.61% ตามผลสำรวจ Steam Hardware Survey และมีแนวโน้มแตะ 50% หาก Intel ยังคงเผชิญปัญหายอดขายตกจากซีรีส์ Arrow Lake ที่แข่งขันได้ไม่ดีนัก. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ AMD ยังไม่ปรับขึ้นราคาซีพียู Ryzen 9000 ➡️ ข่าวลือเรื่องขึ้นราคามาจากการปรับราคาการ์ดจอ Radeon ➡️ ซีพียูไม่อ่อนไหวต่อการขาดแคลน NAND เท่ากับ SSD และ GPU ➡️ Ryzen 7 9800X3D เป็นซีพียูขายดีอันดับหนึ่งใน Amazon และ Newegg ➡️ ส่วนแบ่งตลาด AMD เพิ่มขึ้นเป็น 42.61% ตาม Steam Survey ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดซีพียูโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ Intel กำลังเผชิญแรงกดดันจาก AMD ในตลาดเกมมิ่งและเดสก์ท็อป ➡️ การแข่งขันด้านราคาและประสิทธิภาพจะเป็นปัจจัยหลักในการแย่งส่วนแบ่งตลาด ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากความต้องการ AI ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น AMD อาจต้องปรับราคาในอนาคต ⛔ การพึ่งพาการ์ดจอ Radeon ที่ขึ้นราคาแล้วอาจกระทบภาพลักษณ์บริษัท ⛔ Intel อาจกลับมาแข่งขันได้หากแก้ไขปัญหาซีพียู Arrow Lake สำเร็จ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-isnt-increasing-prices-on-cpus-at-least-for-now-ryzen-appears-to-be-safe-from-the-ai-hysteria
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD isn't increasing prices on CPUs, at least for now — Ryzen appears to be safe from the AI hysteria
    Industry insiders have not heard or seen any indication of AMD wanting to raise Ryzen CPU pricing.
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • "Nvidia คืนชีพ PhysX 32-bit บน RTX 50 Series"

    Nvidia ประกาศนำฟีเจอร์ GPU-accelerated PhysX แบบ 32-bit กลับมาใช้งานบนการ์ดจอ RTX 50 Series หลังจากเคยยุติการสนับสนุนไปเมื่อต้นปี 2025 โดยการอัปเดต Game Ready Driver ล่าสุดจะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสเอฟเฟกต์ฟิสิกส์ที่สมจริง เช่น ragdoll, cloth, particles และ fluid simulation ได้อีกครั้ง.

    รายชื่อเกมที่รองรับทันทีมีทั้งหมด 9 เกมคลาสสิก ได้แก่ Alice: Madness Returns, Assassin’s Creed IV: Black Flag, Batman: Arkham City, Batman: Arkham Origins, Borderlands 2, Mafia II, Metro 2033, Metro: Last Light, และ Mirror’s Edge. ขณะที่ Batman: Arkham Asylum จะได้รับการสนับสนุนในปี 2026.

    PhysX ถือเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ Nvidia ซื้อจาก Ageia ในปี 2004 และเคยเป็นจุดขายสำคัญของการ์ดจอ GeForce ในยุค 2000s แต่การใช้งานลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากข้อจำกัดด้าน CUDA และการมาของเอนจินฟิสิกส์ที่ข้ามแพลตฟอร์มได้ดีกว่า.

    การนำ PhysX กลับมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์แฟนเกมคลาสสิก แต่ยังเป็นการโชว์ศักยภาพของ RTX 50 Series ที่สามารถรันเกมเก่าได้อย่างลื่นไหล พร้อมการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น DLSS 4, Multi Frame Generation และ DLSS Super Resolution ที่ช่วยให้เฟรมเรตสูงถึง 460 FPS บนเดสก์ท็อป และ 310 FPS บนโน้ตบุ๊ก 4K Ultra.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Nvidia นำ PhysX 32-bit กลับมาบน RTX 50 Series
    รองรับเกมคลาสสิก 9 เรื่องทันที เช่น Batman Arkham, Metro, Borderlands 2
    Batman: Arkham Asylum จะรองรับในปี 2026
    Driver ใหม่ยังเพิ่ม DLSS 4 และ Multi Frame Generation

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    PhysX เคยเป็นเทคโนโลยีเด่นของ Nvidia ในยุค 2000s
    ปัจจุบันเกมใหม่ ๆ ใช้เอนจินฟิสิกส์ข้ามแพลตฟอร์ม เช่น Havok และ Unreal Engine Physics
    DLSS 4 ช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับการรันแบบ native

    คำเตือนจากข่าว
    PhysX ยังจำกัดเฉพาะบนการ์ด Nvidia เท่านั้น ไม่รองรับ AMD หรือ Intel GPU
    เกมใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ PhysX แล้ว ทำให้การสนับสนุนจำกัดอยู่กับเกมเก่า
    การเปิดใช้งาน PhysX อาจเพิ่มภาระ GPU และทำให้บางเกมไม่เสถียร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-reinstates-32-bit-physx-support-for-rtx-50-series-as-part-of-its-latest-game-ready-driver-rollout-9-titles-included-in-initial-release
    🎮 "Nvidia คืนชีพ PhysX 32-bit บน RTX 50 Series" Nvidia ประกาศนำฟีเจอร์ GPU-accelerated PhysX แบบ 32-bit กลับมาใช้งานบนการ์ดจอ RTX 50 Series หลังจากเคยยุติการสนับสนุนไปเมื่อต้นปี 2025 โดยการอัปเดต Game Ready Driver ล่าสุดจะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสเอฟเฟกต์ฟิสิกส์ที่สมจริง เช่น ragdoll, cloth, particles และ fluid simulation ได้อีกครั้ง. รายชื่อเกมที่รองรับทันทีมีทั้งหมด 9 เกมคลาสสิก ได้แก่ Alice: Madness Returns, Assassin’s Creed IV: Black Flag, Batman: Arkham City, Batman: Arkham Origins, Borderlands 2, Mafia II, Metro 2033, Metro: Last Light, และ Mirror’s Edge. ขณะที่ Batman: Arkham Asylum จะได้รับการสนับสนุนในปี 2026. PhysX ถือเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ Nvidia ซื้อจาก Ageia ในปี 2004 และเคยเป็นจุดขายสำคัญของการ์ดจอ GeForce ในยุค 2000s แต่การใช้งานลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากข้อจำกัดด้าน CUDA และการมาของเอนจินฟิสิกส์ที่ข้ามแพลตฟอร์มได้ดีกว่า. การนำ PhysX กลับมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์แฟนเกมคลาสสิก แต่ยังเป็นการโชว์ศักยภาพของ RTX 50 Series ที่สามารถรันเกมเก่าได้อย่างลื่นไหล พร้อมการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น DLSS 4, Multi Frame Generation และ DLSS Super Resolution ที่ช่วยให้เฟรมเรตสูงถึง 460 FPS บนเดสก์ท็อป และ 310 FPS บนโน้ตบุ๊ก 4K Ultra. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Nvidia นำ PhysX 32-bit กลับมาบน RTX 50 Series ➡️ รองรับเกมคลาสสิก 9 เรื่องทันที เช่น Batman Arkham, Metro, Borderlands 2 ➡️ Batman: Arkham Asylum จะรองรับในปี 2026 ➡️ Driver ใหม่ยังเพิ่ม DLSS 4 และ Multi Frame Generation ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ PhysX เคยเป็นเทคโนโลยีเด่นของ Nvidia ในยุค 2000s ➡️ ปัจจุบันเกมใหม่ ๆ ใช้เอนจินฟิสิกส์ข้ามแพลตฟอร์ม เช่น Havok และ Unreal Engine Physics ➡️ DLSS 4 ช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับการรันแบบ native ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ PhysX ยังจำกัดเฉพาะบนการ์ด Nvidia เท่านั้น ไม่รองรับ AMD หรือ Intel GPU ⛔ เกมใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ PhysX แล้ว ทำให้การสนับสนุนจำกัดอยู่กับเกมเก่า ⛔ การเปิดใช้งาน PhysX อาจเพิ่มภาระ GPU และทำให้บางเกมไม่เสถียร https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-reinstates-32-bit-physx-support-for-rtx-50-series-as-part-of-its-latest-game-ready-driver-rollout-9-titles-included-in-initial-release
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
More Results