• แผนกแพทย์แผนจีนที่ RegeneLife Vital Center เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา
    --
    การฝังเข็ม : สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ อาการบาดเจ็บ ปวดหัวไมเกรน ปวดประจําเดือน และอาการปวดคอ หลัง หรือหัวเข่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาวะและระบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ดีขึ้นได้ ผลข้างเคียงของโรคมะเร็งและการรักษามะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกัน
    นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง
    จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม
    💙 RVC Clinic Rajadamri
    ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ
    📞 phone : 083-9485178
    💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk
    💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri...
    🌟TikTok : rvc.official
    📍5th Fl. Regent House 2 building
    https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic
    ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    แผนกแพทย์แผนจีนที่ RegeneLife Vital Center เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา -- การฝังเข็ม : สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ อาการบาดเจ็บ ปวดหัวไมเกรน ปวดประจําเดือน และอาการปวดคอ หลัง หรือหัวเข่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาวะและระบบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ดีขึ้นได้ ผลข้างเคียงของโรคมะเร็งและการรักษามะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม 💙 RVC Clinic Rajadamri ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ 📞 phone : 083-9485178 💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk 💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri... 🌟TikTok : rvc.official 📍5th Fl. Regent House 2 building https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1)

    ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี

    วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว
    แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ

    รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ
    (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582)
    ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน)

    ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน

    ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน
    เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน
    แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths
    และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง
    การติดตามผู้ที่ได้รับผล
    กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี

    สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL)

    ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย

    สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้
    พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ)

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    กลุ่มอาการหลังวัคซีนโควิด (ตอนที่ 1) ประโยชน์ของวัคซีนก็คือป้องกันโรค รวมทั้งลดอาการหนัก การตายและในขณะเดียวกันจำเป็นต้องทราบผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนในระยะเวลาต่างๆ ตั้งแต่ได้รับวัคซีนนาทีแรกจนกระทั่งถึงระยะกลางเป็นสัปดาห์และระยะยาวเป็นเดือนและสิ่งที่ทอดยาวไปเป็นปี วัคซีนโควิดเช่นกันในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงจำเป็นต้องใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเป้าหมายของทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยก็คือ ให้ทุกคนได้รับวัคซีนทั้งนี้เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไม่พังพาบ จนรับผู้ป่วยโควิดไม่ไหว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีระบบในการรองรับเพื่อประเมิน ผลข้างเคียงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในคนที่ได้รับวัคซีนโดยที่เป็นคนที่ยังสุขภาพดีแข็งแรงจนกระทั่งมีโรคประจำตัวอื่นๆ รายงานในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ British Medical Journal ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ตั้งคำถามถึงระบบในสหรัฐที่รับรายงานผลแทรกซ้อนของวัคซีนที่เรียกว่า vaccine adverse event reporting system (VAERS) ทั้งนี้ยกตัวอย่างหมอสหรัฐที่ได้รับวัคซีนและเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง พยายามที่จะรายงานเข้าระบบ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าใดนักรวมทั้งเป็นความซับซ้อนที่จะได้รับการติดตามสืบหารายละเอียดต่อ (Is the US’s Vaccine Adverse Event Reporting System broken?BMJ Investigation BMJ 2023; 383 doi: https://doi.org/10.1136/bmj.p2582 (Published 10 November 2023) Cite this as: BMJ 2023;383:p2582) ระบบในการรายงานในประเทศต่างๆไม่เฉพาะแต่ในประเทศอเมริกา แม้แต่ในยุโรปและในอังกฤษเองก็มีปัญหา ซึ่งแตกต่างกับระบบในประเทศเกาหลี ดังที่มีรายงานอุบัติการของหัวใจอักเสบหลังได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเป็นการเปิดรายงานแบบอิสระและแทบจะเป็นเรียวไทม์ โดยกฎเกณฑ์ของเงื่อนไขหัวใจอักเสบนั้นตัดสาเหตุอื่น ที่ทำให้หัวใจอักเสบได้ทั้งหมดจนเหลือแต่วัคซีนและตัวเลขที่ได้นั้นยังต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าอุบัติการของหัวใจอักเสบอย่างเดียวจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งใน 100,000 แต่ความรุนแรงนั้นมากจนกระทั่งถึงต้องเข้าไอซียูหัวใจวายได้รับการรักษาอย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีการเปลี่ยนหัวใจ (บทความสุขภาพพรรษาไทยรัฐหัวใจอักเสบจากวัคซีน) ในประเทศไทยเองนั้นดำเนินตามประเทศต่างๆที่ให้มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมได้มากที่สุด ดังนั้นจะพบได้ว่ามีรายงานที่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกันหรือให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าวัคซีนเป็นสาเหตุ ซึ่งอาจจะแทบเป็นไปไม่ได้ในผู้ที่ได้รับผลกระทบและแพทย์ที่ ดูคนไข้เพราะต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายชนิดด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นเด็กผู้ชายอายุ 14 ขวบได้รับวัคซีน เอ็มอาร์เอ็นเอสามเข็ม โดยเข็มสุดท้ายเก้าเดือนก่อนที่จะมีอาการของหัวใจอักเสบหัวใจวาย รุนแรง และกล้ามเนื้อแขนขาอักเสบอัมพาตยกแขนขาไม่ได้ เมื่อดูเงื่อนไขของเวลาเผินๆ อาจจะตัดประเด็นของวัคซีนได้เลย แต่การสืบหาสาเหตุอย่างอื่นทั้งตัวไวรัสโควิดและไวรัสอีกหลายชนิดทั้งหมด รวมทั้งภาวะภูมิแปรปรวนที่ทำให้เกิดการอักเสบ อีกทั้งสามารถตรวจพบเศษของวัคซีนในกล้ามเนื้อหัวใจและมีการอักเสบอย่างรุนแรงในกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ได้รับการรักษาด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง และการให้สารสกัดน้ำเหลือง ตลอดจนยากดภูมิคุ้มกัน แม้ว่าหัวใจอักเสบหัวใจวายจะดีขึ้นแต่แขนขายังขยับไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการการรักษาในระดับเป็น 100,000 เป็นล้านบาทต่อหนึ่งคน เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความยากลำบากในการพิสูจน์ความเกี่ยวโยงกับวัคซีน แต่ทั้งนี้เริ่มมีการวิเคราะห์สาเหตุการตายที่สูงเกินกว่าที่ จะอธิบายได้เมื่อเทียบ ในช่วงเวลาก่อนโควิด ในระหว่างการระบาดของโควิดและหลังจากระบาดเริ่มสงบไปแล้ว และในช่วงที่เริ่มมีการใช้วัคซีน ที่เรียกว่าอัตรา excess deaths และนอกจากนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทอดยาวเป็นเวลานานเกินกว่าสามเดือนหลังจากติดเชื้อโควิดที่เรียกว่าลองโควิด (long covid) โดยมีทั้งอาการทางระบบหัวใจและปอด ระบบสมองประสาทและกล้ามเนื้อ ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง เส้นเอ็นพังผืด กล้ามเนื้อ ข้อ ตลอดจนการปะทุขึ้นของโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือโรคที่สงบไปแล้ว รวมทั่งมะเร็งและการเกิดเริม งูสวัดซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นไวรัสที่ซ่อนอยู่ในร่างกายจากการติดเชื้อเนิ่นนานมาแล้ว และถูกกดไม่ให้แสดงตัวออกมาจากการควบคุมของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย และยังรวมถึง การนอนหลับที่ผิดปกติหลับยากหลับกระท่อนกระแท่น จนถึงฮอร์โมนแปรปรวนทั้งผู้ชายและผู้หญิง การติดตามผู้ที่ได้รับผล กระทบในลักษณะนี้โดยอาการขณะที่เป็นโควิดไม่รุนแรงแต่อาการหลังจากนั้นกลับรุนแรงและยืดยาว และสืบค้นผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งหมดแล้วเกือบ 100 รายด้วยกัน โดยติดตามหลายวาระเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี สิ่งที่น่าตกใจก็คือแม้ว่าอาการตอนแรกหลังจากติดเชื้อโควิดหรือหลังจากได้รับวัคซีนมีผลไม่มากนักแต่ระยะต่อมามีผลกระทบแม้ว่าอาการจะเริ่มสงบไปแล้วก็ตาม โดยผลกระทบ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวิเคราะห์การอักเสบในเลือด13 ชนิด และผลกระทบต่อสมองโดยมีการจุดปะทุ ของการอักเสบในสมองจากเซลล์ Astroglia microglia ที่เรียกว่า GFAP และมีระดับของ โปรตีน พิษอัลไซเมอร์ในสมองรวมทั้งมีการทำลายเนื้อสมอง ด้วย (จากการตรวจค่า NFL) ลักษณะนี้ทำให้ต้องตระหนักว่าภาวะสมองเสื่อมได้เกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการด้วยซ้ำและจะสามารถดำเนินต่อไปได้จากภาวะของโรคเมตาบอลิค ของตนเองทั้งอ้วน เบาหวานความดันสูง การไม่ออกกำลัง อาหารที่มากด้วยเนื้อสัตว์การขาดการบริโภคผักผลไม้กากไย สมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นที่ตระหนักและมีการประกาศจากสมาคมสมองเสื่อมของสหรัฐและนานาชาติมาตั้งแต่ช่วงโควิดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน จากการวิเคราะห์วัคซีนทั้งไฟเซอร์และโมเดนา จากคณะทำงาน ยังพบว่านอกจากเอ็มอาร์เอ็นเอแล้ว ยังมีหลาย พันล้านก๊อปปี้ ของ ดีเอ็นเอและส่วนที่กระตุ้นให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเสียบเข้าไปในเซลล์ ทั้ง ori และ SV 40 promoter ทั้งนี้จากกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้วัคซีนเพียงพอกับความต้องการโดยการใช้ พลาสมิด(บทความสุขภาพหรรษาไทยรัฐ) ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ

    **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด**

    เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย

    เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด

    3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ :

    1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล

    การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

    #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013)

    2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค

    งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019)

    3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

    การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน

    การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009)

    ---------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้

    "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน"

    โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001).

    ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013)

    ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด** เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด 3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ : 1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013) 2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019) 3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009) --------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้ "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน" โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001). ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013) ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ

    **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด**

    เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย

    เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด

    3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ :

    1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล

    การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

    #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013)

    2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค

    งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019)

    3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

    การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน

    การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009)

    ---------

    #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้

    "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน"

    โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001).

    ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013)

    ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน

    โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง

    เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ

    #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    3 อย่างที่ควรทำ เพื่อให้ "ภูมิคุ้มกัน ยังแข็งแรง" ไม่ป่วยง่าย ในวัยเกษียณ **บทความนี้ เกิดจากการนำกรอบคิด "ป้องกัน ก่อนปัญหาเกิด" มาใช้กับเรื่องสุขภาพ เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะระดับวิกฤติ เราจะยอมจ่ายเท่าไรก็ได้ เพื่อรักษาสุขภาพและชีวิตของเรา หรือคนที่เรารักไว้ แต่หาก เราเลือกป้องกัน เราจะสามารถวางแผนป้องกันปัญหา โดยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด** เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เป็นที่ทราบกันว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ย่อมไม่แข็งแรงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ ต้องระวังป้องกันสุขภาพของตนเองอย่างมาก ไม่ให้ป่วย เพราะ "การป่วย" ในแต่ละครั้ง อาจนำไปสู่ อาการแทรกซ้อน ที่มีโอกาสพัฒนากลายเป็น โรคเรื้อรัง ที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ได้ปกติ และหมดความสุขในชีวิต ในวัยเกษียณ ในที่สุด 3 ข้อด้านล่างนี้ จึงเป็นแนวทางการปฏิบัติ เพื่อ "รักษา ระบบภูมิคุ้มกัน ให้ยังแข็งแรง" สำหรับคนวัยเกษียณ : 1. #การรับประทานอาหารที่สมดุล การรับประทานอาหารที่สมดุลและครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี, วิตามินดี, สังกะสี และธาตุเหล็ก มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน #วิตามินซี พบในผลไม้และผัก เช่น ส้ม มะนาว และบรอกโคลี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อ (Carr & Maggini, 2017) #วิตามินดี ซึ่งได้รับจากแสงแดดและอาหาร เช่น ปลาแซลมอนและนม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง (Martineau et al., 2017) #สังกะสี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบได้ในถั่ว เมล็ดธัญพืช และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (Prasad, 2013) 2. #การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม แต่ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดิน วิ่งเบาๆ หรือโยคะ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค งานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายปานกลาง 30 นาทีต่อวันช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การต่อสู้กับเชื้อโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Nieman & Wentz, 2019) 3. #การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การนอนหลับที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขาดการนอนหลับสามารถทำให้ระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น งานวิจัยพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีโอกาสติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัด มากขึ้นถึง 4 เท่า (Besedovsky et al., 2012; Cohen et al., 2009) --------- #คลอเรลล่าที่ปลอดภัย และ #สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย เป็นคู่สารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมให้ "การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อของคุณ ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น กว่าไม่ได้ทาน" โดย คลอเรลล่าที่ปลอดภัย มีความสามารถในการสะสางสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ถูกขัดขวางจากสารพิษตกค้าง (Shim et al., 2008). การสะสางนี้ยังช่วยลดการกระตุ้นของระบบประสาทที่อาจทำให้นอนหลับยาก ทำให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของการพักผ่อน (Jeon et al., 2016). อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่า คลอเรลล่าที่ปลอดภัย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ (Merchant, 2001). ในส่วนของ สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งส่งผลให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายหลังจากการออกกำลังกาย (Vazquez et al., 2013) ซึ่ง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ การปฏิบัติทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ของคุณ ได้ผลลัพธ์ มากขึ้น กว่า ไม่ได้ทาน โดยที่ การ "ทาน สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" ให้ได้ผล จำเป็นต้อง "สะสางสิ่งพิษในร่างกายให้สะอาดก่อน" โดยการทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่ง 6 เดือนที่ทาน "คลอเรลล่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ทานก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพมากมาย จากการสะสางสิ่งพิษโดยเฉพาะโลหะหนัก ที่สะสมอยู่ในร่างกาย และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพอีกมากมายอีกครั้ง หลังจากสามารถเริ่มทาน "สไปรูลิน่าที่ปลอดภัย" อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ท่ามกลางคนที่รัก และอยู่ในสุขภาพที่ดีในช่วงปลายของชีวิต ให้ FEBICO Organic Chlorella และ FEBICO Organic Spirulina ที่ผ่านการรับรองออร์แกนิคจาก USDA Organic ของแท้ ไม่ได้แปะเอง จึงมั่นใจได้ในความ "ปลอดภัย" เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคุณ เพื่อให้คุณได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คุณรักได้อย่างมีความสุขในช่วงเกษียณอายุของคุณ #สะสางก่อนสะสม #การค้าออนไลน์ที่แท้จริง #supershe #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • RegeneLife Vital Center ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพองค์รวม แผนกแพทย์แผนจีน เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา จากการวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยการดูลิ้น จับชีพจร(แมะ) และเลือกหัตถการการรักษาที่ตรงจุด อาทิ การฝังเข็ม ครอบแก้ว รมยา กวาซา แปะเมล็ดผักกาด แช่เท้า อบตัวสมุนไพรจีน รวมทั้งจ่ายยาจีน ซึ่งมีทั้งในรูปแบบยาต้ม และยาแคปซูล ปรับเปลี่ยนตามสภาวะร่างกายของผู้รับบริการในแต่ละช่วงได้อย่างใกล้ชิด
    นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง
    จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม
    💙 RVC Clinic Rajadamri
    ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ
    📞 phone : 083-9485178
    💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk
    💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri...
    🌟TikTok : rvc.official
    📍5th Fl. Regent House 2 building
    https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic
    ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    RegeneLife Vital Center ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพองค์รวม แผนกแพทย์แผนจีน เรามุ่งเน้นการดูแลปรับสมดุลร่างกาย อย่างครอบคลุมในเชิงป้องกันและบำบัดรักษา จากการวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยการดูลิ้น จับชีพจร(แมะ) และเลือกหัตถการการรักษาที่ตรงจุด อาทิ การฝังเข็ม ครอบแก้ว รมยา กวาซา แปะเมล็ดผักกาด แช่เท้า อบตัวสมุนไพรจีน รวมทั้งจ่ายยาจีน ซึ่งมีทั้งในรูปแบบยาต้ม และยาแคปซูล ปรับเปลี่ยนตามสภาวะร่างกายของผู้รับบริการในแต่ละช่วงได้อย่างใกล้ชิด นอกจากทางศูนย์จะผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทั้งโดย BTSราชดำริ และ MRT สีลม หมดความกังวลใจเรื่องที่จอดรถ เพราะทางเรามีบริการลานจอดรถที่รองรับผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม 💙 RVC Clinic Rajadamri ✅Line : @rvc.official https://lin.ee/9azUqvQ 📞 phone : 083-9485178 💙 Facebook : https://www.facebook.com/Regenelife?mibextid=uzlsIk 💖Instagram: https://www.instagram.com/rvc_rajadamri... 🌟TikTok : rvc.official 📍5th Fl. Regent House 2 building https://maps.app.goo.gl/UgibdJL3NQibkYae9?g_st=ic ฝังเข็ม #ออฟฟิศซินโดรม #ครอบแก้ว #แพทย์แผนจีน #chinesemedicine #acupuncture #cupping #ราชดำริ #สวนลุมพินี #นอนไม่หลับ #หลับยาก #หน้าใส #ฝังเข็มหน้าใส #RegeneLife #regenelifevitalcenter #thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 796 มุมมอง 0 รีวิว