• ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ
    ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน.
    ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว.
    ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด

    ..

    #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
    ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง


    ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท).

    ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง.

    เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย.

    เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ.
    สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง

    เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง.

    เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท

    ...........................................................................

    เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
    การเมือง
    20 มิ.ย. 66

    หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่
    รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้
    เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196)
    ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123)
    ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้


    ประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท

    รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
    ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท
    เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง

    ...........................................................................


    ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ
    นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท
    รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท

    หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก

    ...........................................................................

    คณะทำงานทางการเมือง
    คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้

    ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย
    ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท
    นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท
    เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท

    ...........................................................................


    ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง
    จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส.
    และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส.
    ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน


    เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส.
    พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

    ผู้ป่วยใน
    ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน
    ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง
    ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง
    ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน
    ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง
    การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี
    การคลอดบุตร :
    คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท
    คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท
    สวัสดิการอื่น ๆ

    ...........................................................................

    ผู้ป่วยนอก
    ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี
    อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง
    การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี
    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ
    ...........................................................................

    เบี้ยประชุมกรรมาธิการ
    ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ
    ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง

    ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556

    ...........................................................................


    https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo



    ..จริงๆสส.สมควรมีแค่เงินเดือนก็พอนะ.ฤ ..ข้าราชการทั่วประเทศก็สมควรมีแค่เงินเดือนแค่นั้นเช่นกัน. ..การรักษาพยาบาลทั้งหมดต้องเข้าใช้สิทธิ30บาทรักษาทุกๆโรค ทุกๆที่เสมอกัน,ชัตดาวน์และปิดสวิตช์ไปเลยในสวัสดิการต่างๆสิ้นเปลืองมากเช่นเบี้ยนั้นเบี้ยนี้ เบี้ยประชุมสส.ซึ่งต้องประชุมนั้นมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว. ..สิทธิประโยชน์สส.ทั้งหมดจึงสมควรทำตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนข้าราชการทั่วไทยที่ฝ่ายนักการเมืองเองต้องบริหารคนข้าราชการในนามรัฐบาลอยู่แล้วด้วยจึงสมควรยุบทิ้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้หมด ทำตนเองมาหัดใช้แบบประชาชนตนที่ขันอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย,ไปสร้างสมดุลที่เงินเดือนฝ่ายเดียวดีกว่า เช่น สส.คาดว่าใช้วันละ1,000ก็คงเพียงพอ 30วันก็30,000บาทต่อเดือนอาจคูณ3เท่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินอื่นๆที่จำเป็นและเลอะเทอะบ้างก็90,000บาทต่อเดือน,ตีให้เป็นตัวเลขกลมๆให้แก่เกียรติสส.ก็100,000บาทต่อคนต่อเดือนก็เพียงพอแล้ว,เลิกคนรับใช้ลูกน้องสส.ทั้งหมด .. #สวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ..ในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การเดินทาง การศึกษาบุตร และเบี้ยประชุม โดย สส. สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจริงตามอัตราที่กำหนดไว้ในด้านการรักษาพยาบาล การเดินทาง และมีผู้ช่วยในการทำงานพร้อมค่าตอบแทน นอกจากนี้ สส. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิตตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และมีเงินช่วยเหลือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ. นอกจากสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ทีมงาน: สส. สามารถแต่งตั้งทีมงานได้ 8 คน โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (เงินเดือน 24,000 บาท), ผู้ชำนาญการ 2 คน (เงินเดือน 15,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินงาน 5 คน (เงินเดือน 15,000 บาท). ค่าเดินทาง: เบิกค่าเดินทางไปประชุมรัฐสภาตามระยะทางและค่าพาหนะอื่นๆ เช่น รถไฟ, รถยนต์ประจำทาง, เครื่องบิน ได้ตามจริง. เบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก: ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเดินทางไปราชการทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเบิกค่าเช่าที่พักตามจริงหรืออัตราเหมาจ่าย. เบี้ยประชุม: ได้รับเบี้ยประชุมสำหรับการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ. สวัสดิการหลังพ้นจากตำแหน่ง เงินทุนเลี้ยงชีพ: ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อาจได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต ตามระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง. เงินช่วยเหลือ: กรณีถึงแก่กรรม จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100,000 บาท และค่าพวงหรีด 1,000 บาท ส่วนกรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 5,000 บาท ........................................................................... เป็น ส.ส.ได้เงินเดือน-สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง การเมือง 20 มิ.ย. 66 หลัง กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. ให้ทั้ง 500 คนเรียบร้อยแล้ว กำหนดการเปิดประชุมสภาฯ คาดการณ์จะมีขึ้นกลางเดือน ก.ค. และหลังจากนั้น ส.ส.แต่ละคนจะเริ่มปฏิบัติงานกันตามที่เคยหาเสียงไว้ เปิดรายได้ ส.ส. ได้เงินเดือนและสวัสดิการคุ้มค่ากับเสียงที่เลือกมาหรือไม่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้บัญญัติการจ่ายเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา ดังนี้ เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีซึ่งต้องกำหนดให้จ่ายได้ไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ (มาตรา 196) ก่อนเข้ารับหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก (มาตรา 123) ต่อมาในปี 2555 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ปธ.สภาฯ และ รอง ปธ.สภาฯ ปธ.วุฒิสภา และ รอง ปธ.วุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ส.ส. ส.ว. ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเป็นรายเดือนนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 75,590 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 50,000 บาท รวมเป็นเดือนละ 125,590 บาท รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,250 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 73,240 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,500 บาท รวมเป็นเดือนละ 115,740 บาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 71,230 บาท และได้รับเงินเพิ่มอีกเดือนละ 42,330 บาท รวมเป็นเดือนละ 113,560 บาท เมื่อ ส.ส. ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ........................................................................... ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 125,590 บาท รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง รายรับรวมเดือนละ 113,560 บาท หมายเหตุ : ส.ส. ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เมื่อได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรีแล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ส.ส. อีก ........................................................................... คณะทำงานทางการเมือง คณะทำงานทางการเมืองจะประกอบด้วย ที่ปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ตามความประสงค์ของปธ.สภาฯ, รอง ปธ.สภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน แล้วแต่กรณี โดยที่แต่ละตำแหน่งจะมีจำนวนบุคคลในคณะทำงานทางการเมืองแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ปธ.สภาฯ มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท รอง ปธ.สภาฯ 1 คน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 3 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ผู้นำฝ่ายค้าน มีคณะทำงานทางการเมือง จำนวน 10 คน ประกอบด้วย ที่ปรึกษา 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 16,000 บาท นักวิชาการ 4 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 12,800 บาท เลขานุการ 2 คน ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 9,600 บาท ........................................................................... ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา จะได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่ มายังจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา เฉพาะการเดินทางครั้งแรกเพื่อมาเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และเมื่อสมาชิกภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง ให้ ส.ส. ซึ่งมีถิ่นที่อยู่นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภา ได้รับค่าพาหนะในการเดินทางจากจังหวัดอันเป็นที่ตั้งรัฐสภากลับไปยังจังหวัดอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิม โดยให้ได้รับสิทธิในอัตราเดียวกับข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ระดับกระทรวง จ่ายให้เมื่อเข้ารัฐสภาในวันแรกของการรับตำแหน่ง ส.ส. และจ่ายให้อีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่งการเดินทางนั้นครอบคลุม รถไฟ รถยนต์ประจำทาง และเครื่องบิน โดยจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จัดใบเบิกทางโดยสารตามจริงให้ และอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ 1 คน ในชั้นเดียวกัน เงินสวัสดิการรักษาพยาบาลของ ส.ส. พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2550 กำหนดให้ ส.ส. ได้รับเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลตามจำนวนที่จ่ายจริงและต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด ผู้ป่วยใน ค่าห้องและค่าอาหาร (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 4,000 บาท/วัน ค่าห้อง ICU/CCU (สูงสุดไม่เกิน 7 วัน/ครั้ง) 10,000 บาท/วัน ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ (ไม่เกิน 31 วัน/ครั้ง) 1,000 บาท/วัน ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง การรักษาทันตกรรม 5,000 บาท/ปี การคลอดบุตร : คลอดธรรมชาติ 20,000 บาท คลอดโดยการผ่าตัด 40,000 บาท สวัสดิการอื่น ๆ ........................................................................... ผู้ป่วยนอก ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง การตรวจสุขภาพประจำปี 7,000 บาท/ปี เบี้ยประชุมกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิการ ........................................................................... เบี้ยประชุมกรรมาธิการ ให้กรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 1,500 บาท กรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่กรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง เบี้ยประชุมอนุกรรมาธิการ ให้อนุกรรมาธิการ ส.ส. ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งเฉพาะครั้งที่มาประชุม ในอัตราครั้งละ 800 บาท อนุกรรมาธิการดังกล่าวให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวใน 1 วัน เว้นแต่ในกรณีที่อนุกรรมาธิการนั้น มีการประชุมในคณะอนุกรรมาธิการคณะอื่นด้วยในวันเดียวกัน ให้ได้รับเบี้ยประชุมในวันนั้นไม่เกิน 2 ครั้ง ที่มา : สิทธิประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2556 ........................................................................... https://youtube.com/shorts/2qe_HnXNIOU?si=ZquKZfAl3RBSL_Wo
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งผลาญ 8 พันล้าน!

    เมื่อวันก่อนแพลตฟอร์ม X บัญชี @thaccaofficial ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ยังไม่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกฎหมายยังไม่ผ่าน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "จริงๆ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะระบาย ไหนๆ ก็ใกล้จะลากันแล้ว จำได้ไหมปีแรกๆ ที่เรา THACCA โดนด่าว่า ซอฟต์เพาเวอร์ 5,000 ล้านๆ โดนล้อ โดนด่ามาตลอด รู้ไหมจริงๆ งบปี 67 เราไม่ได้เงินสักบาทเลย เราเลยต้องมาของบกลาง แต่ก็โดนตัดแล้วตัดอีกจนเหลือ 635 ล้านบาท แค่ 12% จากที่เขาด่าเราเท่านั้น แต่เราก็พยายามทำงานเท่าที่เราได้งบมาให้ดีที่สุด มากที่สุด แล้วก็คุ้มที่สุด กับทุกอุตสาหกรรม ถ้าเราได้งบ 5,000 ล้านจริงตามที่เขาด่าเรา ตอนนี้ผลงานเราคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว"

    ปรากฎว่าถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธารว่า มีอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากการจัดอีเวนต์ ทำไมไม่ผ่านกฎหมายทักก้า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แฉว่าแม้จะได้งบประมาณจากงบกลาง 635 ล้านบาท แต่ก็ไปของบจัดมหาสงกรานต์และอีเวนต์อีก ในปี 2567 ได้งบประมาณรวม 3,229.36 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ได้งบประมาณไป 2,318.42 ล้านบาท บวกกับงบกลาง 1,336.72 ล้านบาท และงบที่ซ้ำในกระทรวงอื่นๆ 2,082.85 ล้านบาท เท่ากับ 5,737.99 ล้านบาท รวม 2 ปีใช้เงินไป 8,967.35 ล้านบาท หน่วยงานนี้ยังไม่มีเพราะไม่มีกฎหมายเข้าสภาฯ มีเพียงสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ดูแลประสานงานเท่านั้น

    ด้านนายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ระบุเพิ่มเติมว่า THACCA ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานส่วนราชการ ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นการกระจายงบประมาณไปยังกระทรวงและกรมต่างๆ โครงการสำคัญอย่าง OFOS (One family one soft power) มีเป้าหมายอบรมคนไทยให้ได้ 20 ล้านคนภายใน 4 ปี แต่พบว่า 2 ปีที่ผ่านมามีผู้อบรมเพียง 20,355 คน และโครงการ OFOS อาหาร ตั้งเป้าหมาย 10,000 คน แต่มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเพียง 1,300 คน ส่วนในปี 2569 ได้ของบประมาณอีก 3,900 ล้านบาท แต่หลังจาก น.ส.แพทองธารพ้นตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สิ้นสภาพไปด้วย แต่งบฯ ยังคงกระจายไปหน่วยงานอื่น ตนในฐานะ สส. จะติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณก้อนนี้ต่อไป

    #Newskit
    ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งผลาญ 8 พันล้าน! เมื่อวันก่อนแพลตฟอร์ม X บัญชี @thaccaofficial ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ยังไม่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกฎหมายยังไม่ผ่าน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "จริงๆ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะระบาย ไหนๆ ก็ใกล้จะลากันแล้ว จำได้ไหมปีแรกๆ ที่เรา THACCA โดนด่าว่า ซอฟต์เพาเวอร์ 5,000 ล้านๆ โดนล้อ โดนด่ามาตลอด รู้ไหมจริงๆ งบปี 67 เราไม่ได้เงินสักบาทเลย เราเลยต้องมาของบกลาง แต่ก็โดนตัดแล้วตัดอีกจนเหลือ 635 ล้านบาท แค่ 12% จากที่เขาด่าเราเท่านั้น แต่เราก็พยายามทำงานเท่าที่เราได้งบมาให้ดีที่สุด มากที่สุด แล้วก็คุ้มที่สุด กับทุกอุตสาหกรรม ถ้าเราได้งบ 5,000 ล้านจริงตามที่เขาด่าเรา ตอนนี้ผลงานเราคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว" ปรากฎว่าถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธารว่า มีอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากการจัดอีเวนต์ ทำไมไม่ผ่านกฎหมายทักก้า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แฉว่าแม้จะได้งบประมาณจากงบกลาง 635 ล้านบาท แต่ก็ไปของบจัดมหาสงกรานต์และอีเวนต์อีก ในปี 2567 ได้งบประมาณรวม 3,229.36 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ได้งบประมาณไป 2,318.42 ล้านบาท บวกกับงบกลาง 1,336.72 ล้านบาท และงบที่ซ้ำในกระทรวงอื่นๆ 2,082.85 ล้านบาท เท่ากับ 5,737.99 ล้านบาท รวม 2 ปีใช้เงินไป 8,967.35 ล้านบาท หน่วยงานนี้ยังไม่มีเพราะไม่มีกฎหมายเข้าสภาฯ มีเพียงสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ดูแลประสานงานเท่านั้น ด้านนายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ระบุเพิ่มเติมว่า THACCA ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานส่วนราชการ ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นการกระจายงบประมาณไปยังกระทรวงและกรมต่างๆ โครงการสำคัญอย่าง OFOS (One family one soft power) มีเป้าหมายอบรมคนไทยให้ได้ 20 ล้านคนภายใน 4 ปี แต่พบว่า 2 ปีที่ผ่านมามีผู้อบรมเพียง 20,355 คน และโครงการ OFOS อาหาร ตั้งเป้าหมาย 10,000 คน แต่มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเพียง 1,300 คน ส่วนในปี 2569 ได้ของบประมาณอีก 3,900 ล้านบาท แต่หลังจาก น.ส.แพทองธารพ้นตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สิ้นสภาพไปด้วย แต่งบฯ ยังคงกระจายไปหน่วยงานอื่น ตนในฐานะ สส. จะติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณก้อนนี้ต่อไป #Newskit
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 409 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน?

    ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน

    ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้

    อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม

    อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด

    ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง

    #Newskit
    ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน? ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 452 Views 0 Reviews
  • อาการหนัก! 'ทักษิณ' กล่าวหาคนไทยไม่รักกัน ไปเข้าข้างผู้นำเขมรไร้จริยธรรม
    ///////////////


    "ทักษิณ" ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอก พรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติงอิ๊งค์ขายชาติ บอก ปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล ‘คึกฤทธิ์’ บอกสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน

    วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์
    นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ร่วมงาน
    จากนั้น เวลา 19.30 น.นายทักษิณ ขึ้นเวทีปาฐกถาว่า หลายเรื่องพูดมาตั้งแต่เป็นนายกฯ เมื่อ 20 ปีแล้ว แต่มันไม่ไป วันนี้ก็ไม่ไปไหน หลายเรื่องก็ถอยเสียไปด้วยซ้ำ ตนจากไปต่างประเทศหลายปี กลับมาหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่หลายเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องภาคเอกชนหรือส่วนราชการที่มีคนเก่งๆ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความเชื่อมั่นในหมู่คนไทยด้วยกันก่อน วันนี้คนไทยด้วยกันบางทีก็ไม่เชื่อมั่นตัวเอง และไม่คิดจะ
    พยายามที่จะรวมพลังกัน มีความเป็นหนึ่งที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน
    “เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่า
    เป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย” นายทักษิณ กล่าว
    นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ทำให้สะดุดปัญหาของประเทศที่ทำให้ประเทศนั้นชะงักอยู่ อันแรกคือปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งแรก โดย
    เป็นการขายนโยบาย และชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ตอนหลังความเข้มแข็งของพรรคไทยรักไทย หลังมีการปฏิวัติกลับถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสมหลายๆ พรรค ต้องนึกถึงเมื่อ 51 ปีที่แล้วที่ไปช่วยราชการนายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล
    ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เหมือนกันเลยที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน ตนก็อยากจะขอร้องทุกคนว่าการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ข้าราชการ นักธุรกิจก็ทำงานต่อไป ใครเป็นรัฐบาลก็มีหน้าที่มาเสริมทำให้ภาคเอกชนแข็งแรง
    อาการหนัก! 'ทักษิณ' กล่าวหาคนไทยไม่รักกัน ไปเข้าข้างผู้นำเขมรไร้จริยธรรม /////////////// "ทักษิณ" ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอก พรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติงอิ๊งค์ขายชาติ บอก ปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล ‘คึกฤทธิ์’ บอกสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ร่วมงาน จากนั้น เวลา 19.30 น.นายทักษิณ ขึ้นเวทีปาฐกถาว่า หลายเรื่องพูดมาตั้งแต่เป็นนายกฯ เมื่อ 20 ปีแล้ว แต่มันไม่ไป วันนี้ก็ไม่ไปไหน หลายเรื่องก็ถอยเสียไปด้วยซ้ำ ตนจากไปต่างประเทศหลายปี กลับมาหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่หลายเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องภาคเอกชนหรือส่วนราชการที่มีคนเก่งๆ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความเชื่อมั่นในหมู่คนไทยด้วยกันก่อน วันนี้คนไทยด้วยกันบางทีก็ไม่เชื่อมั่นตัวเอง และไม่คิดจะ พยายามที่จะรวมพลังกัน มีความเป็นหนึ่งที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน “เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่า เป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย” นายทักษิณ กล่าว นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ทำให้สะดุดปัญหาของประเทศที่ทำให้ประเทศนั้นชะงักอยู่ อันแรกคือปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งแรก โดย เป็นการขายนโยบาย และชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ตอนหลังความเข้มแข็งของพรรคไทยรักไทย หลังมีการปฏิวัติกลับถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสมหลายๆ พรรค ต้องนึกถึงเมื่อ 51 ปีที่แล้วที่ไปช่วยราชการนายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เหมือนกันเลยที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน ตนก็อยากจะขอร้องทุกคนว่าการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ข้าราชการ นักธุรกิจก็ทำงานต่อไป ใครเป็นรัฐบาลก็มีหน้าที่มาเสริมทำให้ภาคเอกชนแข็งแรง
    0 Comments 0 Shares 576 Views 0 Reviews
  • หน่อย ร่วมประชุมหารือขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด นำโดยนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดย อบจ.นครราชสีมา นำเสนอการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในสถานศึกษาในสังกัด อบจ. และชุมชน เพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้ยกประเด็นโครงการก่อสร้างสกายวอล์ค แห่งใหม่, การจัดสร้างองค์พระชัยเมือง, ความร่วมมือในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพประชาชน (นับคาร์ป NCDS อาหาร) , การพัฒนาแหล่งน้ำ รวมถึง ระบบการกระจายน้ำ ในการอุปโภค บริโภค และภาคการเกษตร, โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดฯ สายสีส้ม (รพ.เทพรัตน์ ต.โคกกรวด ถึง สถานีย่อยจอหอ) โดยมีเป้าหมายให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

    ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล
    นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
    3 กรกฎาคม 2568

    #หน่อยยลดา
    #นายกหน่อย
    #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    หน่อย ร่วมประชุมหารือขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด นำโดยนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดย อบจ.นครราชสีมา นำเสนอการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในสถานศึกษาในสังกัด อบจ. และชุมชน เพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้ยกประเด็นโครงการก่อสร้างสกายวอล์ค แห่งใหม่, การจัดสร้างองค์พระชัยเมือง, ความร่วมมือในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพประชาชน (นับคาร์ป NCDS อาหาร) , การพัฒนาแหล่งน้ำ รวมถึง ระบบการกระจายน้ำ ในการอุปโภค บริโภค และภาคการเกษตร, โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดฯ สายสีส้ม (รพ.เทพรัตน์ ต.โคกกรวด ถึง สถานีย่อยจอหอ) โดยมีเป้าหมายให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 3 กรกฎาคม 2568 #หน่อยยลดา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    0 Comments 0 Shares 599 Views 0 Reviews
  • ประชุมกรมการจังหวัดฯ ครั้งที่ 6/2568

    วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา #นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมประชุมกรมการจังหวัดนครราชสีมา และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ประจำเดือนมิถุนายน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานพร้อมทั้งร่วมหารือระหว่างส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายในการบริหารงานของจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

    โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธาน พร้อมด้วย รองผวจ.นครราชสีมา และหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ร่วมประชุม

    ในโอกาสนี้ อบจ.นครราชสีมา ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนในสังกัดฯ ที่ได้รับรางวัล ดังนี้

    ⭕️ โรงเรียนบัวใหญ่ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวดวงดนตรีเยาวชนเพื่อการรณรงค์ "ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่ดื่ม" STOP DRINK MUSIC AWARDS 2025 รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี

    ⭕️โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (โตนดพิทยาคม ) น.ส.วริศรา ทางไธสง ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมการเก็บตัวฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี (ASEAN U16 GIRL'S CHAMPIONSHIP 2025)

    ⭕️โรงเรียนวัดประชานิมิตร ได้รับรางวัลการประกวดเยาวชนต้นแบบด้านมารยาทไทย และมารยาทสังคม ระดับจังหวัด ประจำปี 2568

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    ประชุมกรมการจังหวัดฯ ครั้งที่ 6/2568 วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา #นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมประชุมกรมการจังหวัดนครราชสีมา และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ประจำเดือนมิถุนายน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานพร้อมทั้งร่วมหารือระหว่างส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายในการบริหารงานของจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธาน พร้อมด้วย รองผวจ.นครราชสีมา และหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ร่วมประชุม ในโอกาสนี้ อบจ.นครราชสีมา ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนในสังกัดฯ ที่ได้รับรางวัล ดังนี้ 🎉 ⭕️ โรงเรียนบัวใหญ่ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวดวงดนตรีเยาวชนเพื่อการรณรงค์ "ไม่สูบ ไม่เสพ ไม่ดื่ม" STOP DRINK MUSIC AWARDS 2025 รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี ⭕️โรงเรียนกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (โตนดพิทยาคม ) น.ส.วริศรา ทางไธสง ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมการเก็บตัวฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี (ASEAN U16 GIRL'S CHAMPIONSHIP 2025) ⭕️โรงเรียนวัดประชานิมิตร ได้รับรางวัลการประกวดเยาวชนต้นแบบด้านมารยาทไทย และมารยาทสังคม ระดับจังหวัด ประจำปี 2568 #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 843 Views 0 Reviews
  • คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี

    วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 471 Views 0 Reviews
  • คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี

    วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    คณะอนุฯ ซูมนวัตกรรม อบจ.โคราช ประเมินคัดเลือก อปท.ขนาดใหญ่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องประชุมรวงผึ้ง อบจ.นครราชสีมา #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ นำเสนอข้อมูลการดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และโครงการนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อรับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2568 ประเภททั่วไป (อบจ./เทศบาลและเทศบาลเมือง) ผ่านระบบ Application Zoom Cloud Meeting พร้อมตอบข้อซักถามของคณะอนุกรรมการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 585 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช ปัดฝุ่นแปลนก่อสร้าง สนง.แห่งใหม่
    หลัง สภาฯ ไฟเขียว กู้เงิน “ก.ส.อ.”

    สภา อบจ.โคราช ไฟเขียวยกมือผ่านญัตติเห็นชอบ ให้กู้เงินสร้าง สนง.อบจ.แห่งใหม่ หลังพบว่าอาคารหลังเก่าทรุดโทรม เนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานานร่วม 30 ปี ด้าน “ดร.ยลดาฯ” เผย เมื่อเข้ามาเป็นนายก อบจ. ได้พยายามผลักดันที่จะสร้าง สนง.แห่งใหม่ เพราะเห็นถึงปัญหาและอุปสรรคด้านอาคารสถานที่ ที่คับแคบไม่เพียงพอ ต้องเช่าอาคารสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ค่าเช่าในแต่ละปีมีมูลค่าสูง การติดต่อประสานงานในเรื่องเอกสารล่าช้า อีกทั้งเวลาจัดประชุมสภา อบจ. แต่ละครั้ง ต้องเช่าสถานที่ภายนอกซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน เชื่อว่า หากได้สำนักงานแห่งใหม่ ทุกส่วนราชการก็จะรวมอยู่ที่เดียวกัน ส่งผลให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในเรื่องการประสานงาน รวมถึงการให้บริการพี่น้องประชาชน ก็จะสะดวกและรวดเร็วตามมาด้วย
    .
    วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมแกรนดด์ บอลรูม โรงแรมฟอร์จูน โคราช สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นครราชสีมา จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยฝ่ายสภาประกอบด้วย นายเลิศชัย ธนประศาสน์ ประธานสภา อบจ. พร้อมรองประธานสภา เลขานุการสภา, ฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. พร้อมรองนายก และสมาชิกสภา อบจ. 40 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 48 คน นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
    .
    ในระเบียบวาระการประชุมที่ 3 เป็นวาระที่สมาชิกสภาฯ ให้ความสนใจลุกขึ้นอภิปรายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็น ญัตติเรื่องขอความเห็นชอบกู้เงินทุนส่งเสริมกิจการ อบจ. (ก.ส.อ.) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ก่อนที่จะมีมติเห็นชอบ 36 คน และงดออกเสียง 4 คน ให้ฝ่ายบริหารกู้เงิน ก.ส.อ. เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคาร สนง. แห่งใหม่ ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารงานที่มีความเหมาะสม ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ
    .
    นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังการลงมติจากที่ประชุมว่า ขอขอบคุณสภา อบจ.นครราชสีมา อันทรงเกียรติแห่งนี้ ที่ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อบจ. นครราชสีมา แห่งใหม่ เนื่องจากอาคารสำนักงาน ณ ปัจจุบันที่ตั้งอยู่บริเวณริมคูเมืองเก่า สภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม คับแคบ พื้นที่ใช้สอยน้อย พื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเช่าสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ฉะนั้นหากเราสร้าง สนง.แห่งใหม่ จะเป็นการรวมศูนย์ราชการในสังกัดฯ ไว้ที่เดียวกันก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่าเช่าสถานที่ และอำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    อาคารสำนักงาน อบจ.นครราชสีมา แห่งใหม่ ก่อสร้างบนที่ดินสาธารณประโยชน์ บ.เดื่อ หมู่ที่ 8 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 289 ไร่ 3 งาน 65.3 ตรว. โดย อบจ. ได้ใช้ที่ดินตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 46 ไร่ 99 ตรว. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 อาคารสำนักงาน คสล. 9 ชั้น และอาคารประกอบอื่น งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 985,130,000 บาท ระยะที่ 2 อาคารที่จอดรถ คสล. 5 ชั้น งบประมาณ 149,870,000 บาท (ค่อยดำเนินการทีหลัง) ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างจะดำเนินงานตามแผน 4 ปี (2569 – 2572) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในอนาคต”
    อบจ.โคราช ปัดฝุ่นแปลนก่อสร้าง สนง.แห่งใหม่ หลัง สภาฯ ไฟเขียว กู้เงิน “ก.ส.อ.” สภา อบจ.โคราช ไฟเขียวยกมือผ่านญัตติเห็นชอบ ให้กู้เงินสร้าง สนง.อบจ.แห่งใหม่ หลังพบว่าอาคารหลังเก่าทรุดโทรม เนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานานร่วม 30 ปี ด้าน “ดร.ยลดาฯ” เผย เมื่อเข้ามาเป็นนายก อบจ. ได้พยายามผลักดันที่จะสร้าง สนง.แห่งใหม่ เพราะเห็นถึงปัญหาและอุปสรรคด้านอาคารสถานที่ ที่คับแคบไม่เพียงพอ ต้องเช่าอาคารสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ค่าเช่าในแต่ละปีมีมูลค่าสูง การติดต่อประสานงานในเรื่องเอกสารล่าช้า อีกทั้งเวลาจัดประชุมสภา อบจ. แต่ละครั้ง ต้องเช่าสถานที่ภายนอกซึ่งมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเช่นกัน เชื่อว่า หากได้สำนักงานแห่งใหม่ ทุกส่วนราชการก็จะรวมอยู่ที่เดียวกัน ส่งผลให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในเรื่องการประสานงาน รวมถึงการให้บริการพี่น้องประชาชน ก็จะสะดวกและรวดเร็วตามมาด้วย . วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมแกรนดด์ บอลรูม โรงแรมฟอร์จูน โคราช สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) นครราชสีมา จัดประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยฝ่ายสภาประกอบด้วย นายเลิศชัย ธนประศาสน์ ประธานสภา อบจ. พร้อมรองประธานสภา เลขานุการสภา, ฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. พร้อมรองนายก และสมาชิกสภา อบจ. 40 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 48 คน นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม . ในระเบียบวาระการประชุมที่ 3 เป็นวาระที่สมาชิกสภาฯ ให้ความสนใจลุกขึ้นอภิปรายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็น ญัตติเรื่องขอความเห็นชอบกู้เงินทุนส่งเสริมกิจการ อบจ. (ก.ส.อ.) ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ก่อนที่จะมีมติเห็นชอบ 36 คน และงดออกเสียง 4 คน ให้ฝ่ายบริหารกู้เงิน ก.ส.อ. เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคาร สนง. แห่งใหม่ ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารงานที่มีความเหมาะสม ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ . นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยภายหลังการลงมติจากที่ประชุมว่า ขอขอบคุณสภา อบจ.นครราชสีมา อันทรงเกียรติแห่งนี้ ที่ได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อบจ. นครราชสีมา แห่งใหม่ เนื่องจากอาคารสำนักงาน ณ ปัจจุบันที่ตั้งอยู่บริเวณริมคูเมืองเก่า สภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม คับแคบ พื้นที่ใช้สอยน้อย พื้นที่ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเสียงบประมาณจำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเช่าสำนักงานชั่วคราวหลายแห่ง ฉะนั้นหากเราสร้าง สนง.แห่งใหม่ จะเป็นการรวมศูนย์ราชการในสังกัดฯ ไว้ที่เดียวกันก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่าเช่าสถานที่ และอำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ . อาคารสำนักงาน อบจ.นครราชสีมา แห่งใหม่ ก่อสร้างบนที่ดินสาธารณประโยชน์ บ.เดื่อ หมู่ที่ 8 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 289 ไร่ 3 งาน 65.3 ตรว. โดย อบจ. ได้ใช้ที่ดินตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวน 46 ไร่ 99 ตรว. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 อาคารสำนักงาน คสล. 9 ชั้น และอาคารประกอบอื่น งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 985,130,000 บาท ระยะที่ 2 อาคารที่จอดรถ คสล. 5 ชั้น งบประมาณ 149,870,000 บาท (ค่อยดำเนินการทีหลัง) ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างจะดำเนินงานตามแผน 4 ปี (2569 – 2572) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในอนาคต”
    0 Comments 0 Shares 678 Views 0 Reviews
  • #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน
    .
    วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน
    .
    ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป
    .
    สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน . วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน . ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป . สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
  • #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน
    .
    วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน
    .
    ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป
    .
    สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    #โคราช ผนึกกำลังนักเรียน-ครู-กรรมการ 8,952 คนมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียน อบจ.เมืองย่าโม 58 แห่งประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน . วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ห้องโคราชฮอลล์ 1-2 ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานเปิดโครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมี ดร.พงษ์พิมล คำลอย ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม , นางสาวกมลวรรณ กลั่นเกลี้ยง. รองศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา , ผศ.ดร.สิรินาถ จงกลกลาง ผู้ช่วยอธิการบดี ม.ราชภัฎนครราชสีมา และ น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผจก.ทั่วไปศูนย์การค้าฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ บุคลากร นักเรียน ทั้ง 58 โรงเรียนในสังกัดร่วมกิจกรรมรวมกว่า 500 คน . ทั้งนี้โครงการงานมหกรรมการจัดการศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 ได้กำหนดให้มีการจัดการแข่งขันใน ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 รวม 3 วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และวัดพายัพ พระอารามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อจัดประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และจัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนสังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา , 2. เพื่อคัดเลือกตัวแทนครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วม แข่งขันทักษะทางวิชาการงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ตะวันออกเฉียงเหนือระดับภาค , 3. เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิชาการของครู นักเรียนและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ โรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา และนักเรียนโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา และ 4. เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต่อสาธารณะ และประชาชนทั่วไป . สำหรับการดำเนินโครงการฯมีกิจกรรมการ แข่งขันทั้งสิ้น 133 กิจกรรม ประกอบด้วยการแข่งขันทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรมที่เพิ่มเติม 29 กิจกรรม และมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักเรียน จำนวน 5,043 คน , ครูผู้ฝึกสอน จำนวน 3,363 คน , กรรมการ จำนวน 564 คน รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด จำนวน 8,952 คน
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews
  • กำลังใจล้นหลาม ณ ปราสาทตาเมือน
    ส่วนราชการ-ประชาชน ส่งความห่วงใยให้ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้า ณ ปราสาทตาเมือน ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 3 มิ.ย.68
    ภาพจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์
    กำลังใจล้นหลาม ณ ปราสาทตาเมือน ส่วนราชการ-ประชาชน ส่งความห่วงใยให้ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้า ณ ปราสาทตาเมือน ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 3 มิ.ย.68 ภาพจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าโคราช นำพสกนิกรเมืองย่าโม ประกอบพิธีวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) เวลา 19.09 น. ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มเงิน พุ่มทอง และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี
    ผู้ว่าโคราช นำพสกนิกรเมืองย่าโม ประกอบพิธีวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) เวลา 19.09 น. ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มเงิน พุ่มทอง และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าโคราช นำพสกนิกรเมืองย่าโม ประกอบพิธีวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) เวลา 19.09 น. ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มเงิน พุ่มทอง และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี
    ผู้ว่าโคราช นำพสกนิกรเมืองย่าโม ประกอบพิธีวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) เวลา 19.09 น. ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มเงิน พุ่มทอง และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    0 Comments 0 Shares 432 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    0 Comments 0 Shares 412 Views 0 Reviews
  • โคราช ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิต เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ และนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รวมถึงส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และสร้างความสามัคคีสืบไป.
    โคราช ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิต เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ และนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รวมถึงส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และสร้างความสามัคคีสืบไป.
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • โคราช ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิต เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ และนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รวมถึงส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และสร้างความสามัคคีสืบไป
    โคราช ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิต เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ และนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รวมถึงส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และสร้างความสามัคคีสืบไป
    0 Comments 0 Shares 311 Views 0 Reviews
  • ดร หน่อย ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

    วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ดร หน่อย ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    0 Comments 0 Shares 398 Views 0 Reviews
  • ดร หน่อย ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

    วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ดร หน่อย ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    0 Comments 0 Shares 395 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าโคราช นำ ข้าราชการ และ ประชาชน ร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

    วันนี้ (3 มิ.ย.68) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิ.ย.68) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ผู้ว่าโคราช นำ ข้าราชการ และ ประชาชน ร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี วันนี้ (3 มิ.ย.68) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิ.ย.68) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าโคราช นำ ข้าราชการ และ ประชาชนร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

    วันนี้ (3 มิ.ย.68) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิ.ย.68) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ผู้ว่าโคราช นำ ข้าราชการ และ ประชาชนร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 48 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี วันนี้ (3 มิ.ย.68) ที่บริเวณลานอนุสาวรีณ์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 รูป โดยมีพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา นำคณะพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับบิณฑบาต เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมายุ 47 พรรษา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมาได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยในช่วงเช้าวันนี้ (3 มิ.ย.68) ได้มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ในช่วงบ่ายกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สมโภชพระพุทธรูปประจำจังหวัดเฉลิมพระเกียรติ ที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร และในช่วงเย็นกำหนดจัดพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131
    .
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเป็นประธานในพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131 ณ กรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี คณะนายทหารสัญญาบัตรในพื้นที่ กำลังพล, แม่บ้าน และข้าราชการพลเรือน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
    .
    โดยทางหน่วยได้จัดพิธีบวงสรวง พระบรมรูป รัชกาลที่ 5, พิธีพิธีเจริญพระพุทธมนต์, การทำบุญอุทิศให้แก่วีรชนอดีตผู้กล้าที่เสียสละชีวิตในการปฏิบัติภารกิจ อีกทั้งได้มอบสิ่งของเครื่องอุปโภค – บริโภค ให้กับกำลังพล โดยมีอดีตผู้บังคับบัญชา อดีตข้าราชการในสังกัด พร้อมครอบครัว รวมถึงส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน
    #กรมทหารราบที่3
    #กองทัพภาคที่2
    แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131 . พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเป็นประธานในพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131 ณ กรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี คณะนายทหารสัญญาบัตรในพื้นที่ กำลังพล, แม่บ้าน และข้าราชการพลเรือน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี . โดยทางหน่วยได้จัดพิธีบวงสรวง พระบรมรูป รัชกาลที่ 5, พิธีพิธีเจริญพระพุทธมนต์, การทำบุญอุทิศให้แก่วีรชนอดีตผู้กล้าที่เสียสละชีวิตในการปฏิบัติภารกิจ อีกทั้งได้มอบสิ่งของเครื่องอุปโภค – บริโภค ให้กับกำลังพล โดยมีอดีตผู้บังคับบัญชา อดีตข้าราชการในสังกัด พร้อมครอบครัว รวมถึงส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน #กรมทหารราบที่3 #กองทัพภาคที่2
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2
    .
    วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
    .
    ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้
    1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย
    ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
    - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/
    นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
    - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า
    - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 . วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ . ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/ นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 553 Views 0 Reviews
  • ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2
    .
    วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
    .
    ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้
    1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย
    ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
    - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/
    นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
    - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า
    - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 . วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ . ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/ นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 556 Views 0 Reviews
More Results