• ต้มข้ามศตวรรษ บทแถม ตอน ฤทธิ์ยิว 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทแถม
    “ฤทธิ์ยิว”

    (1)

    เรามักจะได้ยินการกล่าวถึงยิวในเชิงลบมากกว่าบวก สำหรับเราส่วนใหญ่ในแดนสยาม ชาวยิวที่เราพอคุ้นหู รุ่นแรกๆ คือ ไชล๊อก พ่อค้าชาวยิว ในหนังสือเรื่อง เวนิสวาณิช ซึ่งพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงแปลจาก The Merchant of Venice ของเชคสปียร์ เป็นหนังสืออ่านอยู่ในหลักสูตรก ระทรวงศึกษา สำหรับชั้นมัธยม เมื่อประมาณกว่า 60 ปีมาแล้ว ผมก็ต้องเรียน และจำได้ว่า จะมีคำพูดติดปากคนรุ่นผม เวลาใครเค็มจัด หรือเห็นแก่ตัว จะถูกเพื่อนด่า ว่า อย่ายิวนักซิโว้ย หรือมึงนี่มันไชล๊อกจริง แสดงว่านิสัยชาวยิวที่โด่งดังในสมัยเชคสปียร์ และในสายตาของชาวอังกฤษ รวมทั้งในบ้านเรา ที่รู้จักยิวน้อยมาก คงไม่ได้นึกถึงชาวยิวในทางบวก

    ยิวถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทเกี่ยวกับสงคราม หรือความขัดแย้งในสังคมอยู่เรื่อย แน่นอนมันไม่ใช่บทบาททางสร้างสันติภาพ หรือประนีประนอม แต่มันไปในทางจุดชนวน หรือสร้างกำไร และหาประโยชน์เสียมากกว่า

    นักประวัติศาสตร์บางค่าย ถึงกับแจงว่า นิสัยทางลบนี้ของชาวยิว เป็นมาตั้งแต่สมัยยิวรุ่นแรกๆย้อนไปถึง โจเซฟ บุตรของ เจคอบ ที่ถูกขายเป็นทาสตั้งแต่สมัย ฟาโรห์ของ อียิปต์นั่นเชียว โจเซฟ ทำงานเข้าตานายทาส จนฟาโรห์เรียกไปใช้งาน ให้เป็นหัวหน้าทาส เมื่อเกิดข้าวยากหมากแพง อดอยากกันไปทั่วเมือง ชาวนาก็กระด้างกระเดื่องไม่ยอมทำนา จนกว่าจะมีอาหารมาให้กิน โจเซฟจึงจัดการแบบลูกโหด ใช้นโยบายเอาที่ดินกับปศุสัตว์ มาแลกกับอาหาร ชาวนาทนอดอยากไม่ไหว ยอมขายนา ขายสัตว์ราคาถูก แลกกับอาหาร แล้วโจเซฟก็เปลี่ยนสถานะ จากทาส เป็นคนรวย ด้วยนโยบาย ที่น่าจะเป็นต้นแบบของ “สร้างความรวยจากความหายนะของผู้อื่น”
    เวลาผ่านไป ชาวยิวยิ่งสร้างชื่อเสียงว่า เป็นผู้ถนัดสร้างความวุ่นวายทางการเมือง และเป็นนักฉวยโอกาส จนจักรพรรดิคลอดิอุสของโรมัน ออกประกาศว่า ชาวยิวจากเมืองอเล็กซานเดรีย เป็นต้นเชื้อแห่งความวุ่นวายที่ระบาดไปจนทั่วโลก และในที่สุด ก็ประกาศขับไล่ชาวยิวออกไปจากโรม แต่ชาวยิวก็ไปก่อความวุ่นวายในนครเยรูซาเลมต่อ ครั้งแล้วครั้งเล่า และแสดงอาการเป็นศัตรูกับโรมอย่างเปิดเผย โรมถึงกับด่าชาวยิวว่า เป็นเผ่าพันธ์ที่สร้างแต่ความจัญไรให้แก่ผู้อื่น (Quintilian, a race which is a curse to other) หรือเผ่าพันธ์ที่ถูกสาปแช่ง (Seneca, an accursed race)

    มาจนถึงสมัยยุคกลาง Middle Ages จนถึง ยุค เกิดใหม่ Renaissance ชื่อเสียงเชิงลบของชาวยิวก็ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 1770 บรรดานักปราชญ์ ชื่อดังของยุโรป ต่างออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับชาวยืว Baron d’Holbach (นักปราชญ์ และนักเขียน ชาวฝรั่งเศส/เยอรมัน) กล่าวว่า ชาวยิวสร้างตนเองขึ้นมาจากการฆ่าฟัน จากความอยุติธรรม ความโหดร้าย ความเอาเปรียบ และความอดอยากของผู้อื่น ส่วน Voltaire (นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส) บอกว่า เขาจะไม่เแปลกใจเลยว่า คนพวกนี้ วันหนึ่งจะเป็นเผ่าพันธ์ที่อันตรายยิ่งต่อมนุษยชาติ ส่วน Immanuel Kant (นักปราชญ์ชาวเยอรมัน) บอกว่า ชาวยิว เป็นชาติพันธุ์แห่งการหลอกลวง

    และจากข้อสังเกต หรือความเห็น ของผู้ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับชาวยิว ส่วนใหญ่ก็สรุปไปในทำนองเดียวกันว่า เป็นศตวรรษมาแล้ว ที่ชาวยิววุ่นวายอยู่กับการทำสงคราม การก่อความขัดแย้งทางสังคม การสร้างความกดดันทางเศรษฐกิจ และทำกำไร จากสิ่งเหล่านั้น

    ####################
    “ฤทธิ์ยิว”

    (2)
    ดูจากจำนวนชาวยิวที่กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ซึ่งจะว่าไป มีจำนวนน้อยมาก พวกเขาน่าจะเป็นพวกที่ถูกเอาเปรียบมากกว่า แต่ดูเหมือนเรื่องมันจะกลับตาลปัตร ชาวยิวแสดงให้เห็นฤทธิ์เดชของพวกเขา ในการสร้างความวุ่นวายแก่สังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพวกตนได้อย่างมหัศจรรย์

    ฤทธิ์เดชของชาวยิว ที่เข้ามามีส่วนสร้างสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง มีบันทึกให้เห็นอยู่ในประวัติศาสตร์ เริ่มตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา ยิวเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในรัฐบาลอเมริกัน ปี ค.ศ. 1845 ยิวรุ่นแรก ที่เข้ามาอยู่ในสภาสูงของอเมริกา คือ Levis Levin และ David Yulee ปี 1887 Washington Barlette ได้เป็นผู้ว่าการรัฐ คาลิฟอร์เนีย และปี 1889 Solomon Hirsch เป็นยิวคนแรก ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตของอเมริกา ไปประจำอยู่ที่อาณาจักรออตโตมาน โดยประธานาธิบดี Harrison

    ในส่วนอื่นของโลก เช่นที่รัสเซีย ยิวเป็นผู้เร่งอุณภูมิในรัสเซียให้สูงขี้นอย่างมาก จากการที่พวกก่อความวุ่นวาย ซึ่งมีชาวยิวร่วมด้วย 2,3 คน ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซาร์ Alexander ที่ 2 สำเร็จ ในปี ค.ศ.1881 และเหตุการณ์นี้ ทำให้ชาวยิวถูกล้างแค้น โดนลอบสังหารเป็นประจำ ต่อเนื่องอีกเป็นสิบปี และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และปี 1882 รัสเซียก็ออกกฏหมายที่เรียกว่า May Law of 1883 ห้ามชาวยิวอาศัยอยู่ และทำธุรกิจในบริเวณที่เรียกว่า Pale of Settlement พวกยิวจึงเริ่มอพยพออกจากรัสเซีย หนีกฏ Pale มุ่งหน้าไปเยอรมัน เป็นที่หมายแรก

    ก่อนหน้าที่พวกชาวยิว ที่สร้างความปั่นป่วนในรัสเซีย จะมุ่งหน้ามาเยอรมัน ชาวยิวที่อยู่ในเยอรมันเอง ก็มีอิทธิพลในเยอรมันไม่น้อยแล้ว Richard Wagner ผู้ประพันธ์เพลงอมตะ ของเยอรมันยังออกปากว่า หนังสือพิมพ์ในเยอรมันอยู่ในมือชาวยิวเกือบหมดแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นที่พูดกันว่า ทุกวันนี้ พวกยิวกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางของสังคมและการเมืองในเยอรมันไปแล้ว ช่วงปลาย ค.ศ.1800 ถึง ต้น 1900 ดูเหมือนชาวยิวจะมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นอีก จำนวนยิวที่เป็นกรรมการในบริษัทใหญ่ๆ หรืออยู่ในตำแหน่งบริหาร มีถึง 24% ในขณะที่ชาวยิวมีไม่เกิน 2 % ของจำนวนพลเมืองของเยอรมันทั้งหมด
    แต่ที่สำคัญที่สุด คือการกำเนิด ของกลุ่มไซออนนิสม์ Zionism ซึ่ง Theodor Herzl เป็นผู้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ เมื่อ ค.ศ.1897 หลักการพื้นฐานของ ไซออนนิสม์ ที่เขาเขียนไว้ในหนังสือ Der Judenstaat (The Jewish State) สรุปคร่าวๆความคิดของเขา ที่บอกว่า ชาวยิวไม่มีวันพ้นจากการถูกข่มเหง ตราบใดที่ยังมีสถานะเป็นคนต่างชาติอยู่ในทุกๆแห่ง ดังนั้น ยิวจึงจำเป็นต้องมีรัฐของตนเอง พวกเขาหารือถึงสถานที่ต่างๆแต่ไม่ลงตัว จนเมื่อมีการประชุม World Zionist Organization ครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1897 ก็ได้ข้อยุติว่า มันควรเป็น Palestine

    แต่มันมีปัญหาว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ในอาณัติของอาณาจักรออตโตมาน และประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนั้น ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และคริสเตียนอาหรับ ถึงกระนั้นพวกไซออนนิสต์ก็ตั้งใจว่า พวกเขาจะไปปักหลักที่นั่น ยึดปาเลสไตน์มาจากออตโตมานให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด ก็วิธีหนึ่ง มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย แต่พวกเขาก็มุ่งมั่นจนน่าตกใจ

    พวกเขาคิดว่า ทางเดียวที่จะทำให้มันเป็นไปได้ ก็โดยต้องใช้กำลังเท่านั้น และมันต้องใช้ผ่านสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติ เช่น ผ่านการทำสงคราม ซึ่งจะทำให้พวกเขามีโอกาสชักใย สร้างความได้เปรียบ และนั่นเป็นต้นกำเนิดของหลักการ สร้างกำไรจากความหายนะ ” profit through distress” มันจะทำได้จากทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ในประเทศที่มีชาวยิวมากพอ แต่มีอำนาจรัฐน้อย พวกเขาคิดใช้วิธีปลุกระดม สร้างความวุ่นวายภายในประเทศ และสำหรับประเทศที่พวกเขามีอำนาจ เขาจะใช้อำนาจนั้นสร้างความร่ำรวย และใช้ความร่ำรวยนั้น ไปกำหนดนโยบายของประเทศ ส่วนในประเทศที่พวกเขาไม่มีทั้งจำนวนประชาชน และไม่มีอำนาจ เขาก็จะใช้อำนาจจากภายนอก มากดดันให้ได้การสนับสนุนเพื่อวัตถุประสงค์ของพวกเขา

    พวกไซออนนิสต์เอาจริงกับยุทธศาสตร์ ป่วนข้างใน/ ปั่นข้างนอก internal/extentnal ตามคำพูดของ Herzl ที่เขียนไว้เองว่า

    ” When we sink, we become a revolutionary proletariat, the subordinate officers of the revolutionary party; when we rise, there rises also our terrible power of purse”
    เมื่อเราล่ม เราจะกลายเป็นกรรมกรผู้ปฏิวัติ ผู้สนับสนุนของพรรคปฏิวัติ
    เมื่อเรารุ่ง เงินในกระเป๋าของเรา ก็จะแสดงอำนาจอันร้ายกาจออกมาด้วย

    อันที่จริง Herzl ได้คาดการณ์ไว้ด้วยซ้ำว่า จะต้องเกิดสงครามโลก ไซออนนิสต์รุ่นแรก Litman Rosenthal เขียนไว้ในบันทึกของเขา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1914 ว่า เขาจำได้ถึงการสนทนากับ Herzl เมื่อปี ค.ศ. 1897 ซึ่งเขาอ้างว่า Herzl พูดว่า:

    “ตุรกีอาจปฏิเสธ หรือไม่ยอมเข้าใจเรา เราจะต้องไม่ถอดใจ เราจะต้องหาทางที่จะได้ตามที่เราต้องการ ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ สงครามในยุโรปจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ผมจะถือนาฬิกาคอยดูเวลาหายนะนั้น หลังจากสงครามจบสิ้น การประชุมเพื่อสันติภาพจะต้องเกิดขึ้น เราจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับเวลานั้น เราจะต้องทำให้เขาเขิญเราเข้าไปร่วมการประชุมกับประเทศต่างๆ และเราจะต้องพิสูจน์ ให้เขาเห็นถึงทางออกที่สำคัญเร่งด่วน ของพวกไซออนนิสต์ ที่เขาจะต้องตอบกับชาวยิว”

    พวกยิวเอาจริงกับการดำเนินการตามแผนข้างต้น พวกเขาเดินหน้าเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่เขาเกลียดชัง และพยายามที่จะก่อความวุ่นวายในออตโตมานด้วย ส่วนในเยอรมัน ในอังกฤษ และ อเมริกา พวกเขาใช้อำนาจเงินอันร้ายกาจในกระเป๋า อย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้มีการนำทางไปสู่นโยบาย ที่จะต้องมีจัดการระเบียบของโลกเสียใหม่ ที่เป็นประโยชน์กับพวกเขา พวกเขาพยายามตัดตอนพวกที่คัดค้าน ขวางทางพวกเขา แต่ให้การสนับสนุน พวกที่เห็นด้วยกับแนวทางของพวกเขา พร้อมกับเพิ่มความมั่งคั่งให้พวกยิวด้วยกัน

    ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การจัดตั้ง รัฐปาเลสไตน์ ที่จะเป็นศูนย์กลางของยิวทั่วโลก

    การปฏิวัติ และสงคราม จึงเป็นภาระกิจเร่งด่วน อันดับแรกของพวกเขา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 มิ.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ บทแถม ตอน ฤทธิ์ยิว 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทแถม “ฤทธิ์ยิว” (1) เรามักจะได้ยินการกล่าวถึงยิวในเชิงลบมากกว่าบวก สำหรับเราส่วนใหญ่ในแดนสยาม ชาวยิวที่เราพอคุ้นหู รุ่นแรกๆ คือ ไชล๊อก พ่อค้าชาวยิว ในหนังสือเรื่อง เวนิสวาณิช ซึ่งพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงแปลจาก The Merchant of Venice ของเชคสปียร์ เป็นหนังสืออ่านอยู่ในหลักสูตรก ระทรวงศึกษา สำหรับชั้นมัธยม เมื่อประมาณกว่า 60 ปีมาแล้ว ผมก็ต้องเรียน และจำได้ว่า จะมีคำพูดติดปากคนรุ่นผม เวลาใครเค็มจัด หรือเห็นแก่ตัว จะถูกเพื่อนด่า ว่า อย่ายิวนักซิโว้ย หรือมึงนี่มันไชล๊อกจริง แสดงว่านิสัยชาวยิวที่โด่งดังในสมัยเชคสปียร์ และในสายตาของชาวอังกฤษ รวมทั้งในบ้านเรา ที่รู้จักยิวน้อยมาก คงไม่ได้นึกถึงชาวยิวในทางบวก ยิวถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทเกี่ยวกับสงคราม หรือความขัดแย้งในสังคมอยู่เรื่อย แน่นอนมันไม่ใช่บทบาททางสร้างสันติภาพ หรือประนีประนอม แต่มันไปในทางจุดชนวน หรือสร้างกำไร และหาประโยชน์เสียมากกว่า นักประวัติศาสตร์บางค่าย ถึงกับแจงว่า นิสัยทางลบนี้ของชาวยิว เป็นมาตั้งแต่สมัยยิวรุ่นแรกๆย้อนไปถึง โจเซฟ บุตรของ เจคอบ ที่ถูกขายเป็นทาสตั้งแต่สมัย ฟาโรห์ของ อียิปต์นั่นเชียว โจเซฟ ทำงานเข้าตานายทาส จนฟาโรห์เรียกไปใช้งาน ให้เป็นหัวหน้าทาส เมื่อเกิดข้าวยากหมากแพง อดอยากกันไปทั่วเมือง ชาวนาก็กระด้างกระเดื่องไม่ยอมทำนา จนกว่าจะมีอาหารมาให้กิน โจเซฟจึงจัดการแบบลูกโหด ใช้นโยบายเอาที่ดินกับปศุสัตว์ มาแลกกับอาหาร ชาวนาทนอดอยากไม่ไหว ยอมขายนา ขายสัตว์ราคาถูก แลกกับอาหาร แล้วโจเซฟก็เปลี่ยนสถานะ จากทาส เป็นคนรวย ด้วยนโยบาย ที่น่าจะเป็นต้นแบบของ “สร้างความรวยจากความหายนะของผู้อื่น” เวลาผ่านไป ชาวยิวยิ่งสร้างชื่อเสียงว่า เป็นผู้ถนัดสร้างความวุ่นวายทางการเมือง และเป็นนักฉวยโอกาส จนจักรพรรดิคลอดิอุสของโรมัน ออกประกาศว่า ชาวยิวจากเมืองอเล็กซานเดรีย เป็นต้นเชื้อแห่งความวุ่นวายที่ระบาดไปจนทั่วโลก และในที่สุด ก็ประกาศขับไล่ชาวยิวออกไปจากโรม แต่ชาวยิวก็ไปก่อความวุ่นวายในนครเยรูซาเลมต่อ ครั้งแล้วครั้งเล่า และแสดงอาการเป็นศัตรูกับโรมอย่างเปิดเผย โรมถึงกับด่าชาวยิวว่า เป็นเผ่าพันธ์ที่สร้างแต่ความจัญไรให้แก่ผู้อื่น (Quintilian, a race which is a curse to other) หรือเผ่าพันธ์ที่ถูกสาปแช่ง (Seneca, an accursed race) มาจนถึงสมัยยุคกลาง Middle Ages จนถึง ยุค เกิดใหม่ Renaissance ชื่อเสียงเชิงลบของชาวยิวก็ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 1770 บรรดานักปราชญ์ ชื่อดังของยุโรป ต่างออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับชาวยืว Baron d’Holbach (นักปราชญ์ และนักเขียน ชาวฝรั่งเศส/เยอรมัน) กล่าวว่า ชาวยิวสร้างตนเองขึ้นมาจากการฆ่าฟัน จากความอยุติธรรม ความโหดร้าย ความเอาเปรียบ และความอดอยากของผู้อื่น ส่วน Voltaire (นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส) บอกว่า เขาจะไม่เแปลกใจเลยว่า คนพวกนี้ วันหนึ่งจะเป็นเผ่าพันธ์ที่อันตรายยิ่งต่อมนุษยชาติ ส่วน Immanuel Kant (นักปราชญ์ชาวเยอรมัน) บอกว่า ชาวยิว เป็นชาติพันธุ์แห่งการหลอกลวง และจากข้อสังเกต หรือความเห็น ของผู้ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับชาวยิว ส่วนใหญ่ก็สรุปไปในทำนองเดียวกันว่า เป็นศตวรรษมาแล้ว ที่ชาวยิววุ่นวายอยู่กับการทำสงคราม การก่อความขัดแย้งทางสังคม การสร้างความกดดันทางเศรษฐกิจ และทำกำไร จากสิ่งเหล่านั้น #################### “ฤทธิ์ยิว” (2) ดูจากจำนวนชาวยิวที่กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ซึ่งจะว่าไป มีจำนวนน้อยมาก พวกเขาน่าจะเป็นพวกที่ถูกเอาเปรียบมากกว่า แต่ดูเหมือนเรื่องมันจะกลับตาลปัตร ชาวยิวแสดงให้เห็นฤทธิ์เดชของพวกเขา ในการสร้างความวุ่นวายแก่สังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพวกตนได้อย่างมหัศจรรย์ ฤทธิ์เดชของชาวยิว ที่เข้ามามีส่วนสร้างสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง มีบันทึกให้เห็นอยู่ในประวัติศาสตร์ เริ่มตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา ยิวเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในรัฐบาลอเมริกัน ปี ค.ศ. 1845 ยิวรุ่นแรก ที่เข้ามาอยู่ในสภาสูงของอเมริกา คือ Levis Levin และ David Yulee ปี 1887 Washington Barlette ได้เป็นผู้ว่าการรัฐ คาลิฟอร์เนีย และปี 1889 Solomon Hirsch เป็นยิวคนแรก ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตของอเมริกา ไปประจำอยู่ที่อาณาจักรออตโตมาน โดยประธานาธิบดี Harrison ในส่วนอื่นของโลก เช่นที่รัสเซีย ยิวเป็นผู้เร่งอุณภูมิในรัสเซียให้สูงขี้นอย่างมาก จากการที่พวกก่อความวุ่นวาย ซึ่งมีชาวยิวร่วมด้วย 2,3 คน ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซาร์ Alexander ที่ 2 สำเร็จ ในปี ค.ศ.1881 และเหตุการณ์นี้ ทำให้ชาวยิวถูกล้างแค้น โดนลอบสังหารเป็นประจำ ต่อเนื่องอีกเป็นสิบปี และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และปี 1882 รัสเซียก็ออกกฏหมายที่เรียกว่า May Law of 1883 ห้ามชาวยิวอาศัยอยู่ และทำธุรกิจในบริเวณที่เรียกว่า Pale of Settlement พวกยิวจึงเริ่มอพยพออกจากรัสเซีย หนีกฏ Pale มุ่งหน้าไปเยอรมัน เป็นที่หมายแรก ก่อนหน้าที่พวกชาวยิว ที่สร้างความปั่นป่วนในรัสเซีย จะมุ่งหน้ามาเยอรมัน ชาวยิวที่อยู่ในเยอรมันเอง ก็มีอิทธิพลในเยอรมันไม่น้อยแล้ว Richard Wagner ผู้ประพันธ์เพลงอมตะ ของเยอรมันยังออกปากว่า หนังสือพิมพ์ในเยอรมันอยู่ในมือชาวยิวเกือบหมดแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นที่พูดกันว่า ทุกวันนี้ พวกยิวกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางของสังคมและการเมืองในเยอรมันไปแล้ว ช่วงปลาย ค.ศ.1800 ถึง ต้น 1900 ดูเหมือนชาวยิวจะมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นอีก จำนวนยิวที่เป็นกรรมการในบริษัทใหญ่ๆ หรืออยู่ในตำแหน่งบริหาร มีถึง 24% ในขณะที่ชาวยิวมีไม่เกิน 2 % ของจำนวนพลเมืองของเยอรมันทั้งหมด แต่ที่สำคัญที่สุด คือการกำเนิด ของกลุ่มไซออนนิสม์ Zionism ซึ่ง Theodor Herzl เป็นผู้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ เมื่อ ค.ศ.1897 หลักการพื้นฐานของ ไซออนนิสม์ ที่เขาเขียนไว้ในหนังสือ Der Judenstaat (The Jewish State) สรุปคร่าวๆความคิดของเขา ที่บอกว่า ชาวยิวไม่มีวันพ้นจากการถูกข่มเหง ตราบใดที่ยังมีสถานะเป็นคนต่างชาติอยู่ในทุกๆแห่ง ดังนั้น ยิวจึงจำเป็นต้องมีรัฐของตนเอง พวกเขาหารือถึงสถานที่ต่างๆแต่ไม่ลงตัว จนเมื่อมีการประชุม World Zionist Organization ครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.1897 ก็ได้ข้อยุติว่า มันควรเป็น Palestine แต่มันมีปัญหาว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ในอาณัติของอาณาจักรออตโตมาน และประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนั้น ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และคริสเตียนอาหรับ ถึงกระนั้นพวกไซออนนิสต์ก็ตั้งใจว่า พวกเขาจะไปปักหลักที่นั่น ยึดปาเลสไตน์มาจากออตโตมานให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด ก็วิธีหนึ่ง มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย แต่พวกเขาก็มุ่งมั่นจนน่าตกใจ พวกเขาคิดว่า ทางเดียวที่จะทำให้มันเป็นไปได้ ก็โดยต้องใช้กำลังเท่านั้น และมันต้องใช้ผ่านสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติ เช่น ผ่านการทำสงคราม ซึ่งจะทำให้พวกเขามีโอกาสชักใย สร้างความได้เปรียบ และนั่นเป็นต้นกำเนิดของหลักการ สร้างกำไรจากความหายนะ ” profit through distress” มันจะทำได้จากทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ในประเทศที่มีชาวยิวมากพอ แต่มีอำนาจรัฐน้อย พวกเขาคิดใช้วิธีปลุกระดม สร้างความวุ่นวายภายในประเทศ และสำหรับประเทศที่พวกเขามีอำนาจ เขาจะใช้อำนาจนั้นสร้างความร่ำรวย และใช้ความร่ำรวยนั้น ไปกำหนดนโยบายของประเทศ ส่วนในประเทศที่พวกเขาไม่มีทั้งจำนวนประชาชน และไม่มีอำนาจ เขาก็จะใช้อำนาจจากภายนอก มากดดันให้ได้การสนับสนุนเพื่อวัตถุประสงค์ของพวกเขา พวกไซออนนิสต์เอาจริงกับยุทธศาสตร์ ป่วนข้างใน/ ปั่นข้างนอก internal/extentnal ตามคำพูดของ Herzl ที่เขียนไว้เองว่า ” When we sink, we become a revolutionary proletariat, the subordinate officers of the revolutionary party; when we rise, there rises also our terrible power of purse” เมื่อเราล่ม เราจะกลายเป็นกรรมกรผู้ปฏิวัติ ผู้สนับสนุนของพรรคปฏิวัติ เมื่อเรารุ่ง เงินในกระเป๋าของเรา ก็จะแสดงอำนาจอันร้ายกาจออกมาด้วย อันที่จริง Herzl ได้คาดการณ์ไว้ด้วยซ้ำว่า จะต้องเกิดสงครามโลก ไซออนนิสต์รุ่นแรก Litman Rosenthal เขียนไว้ในบันทึกของเขา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1914 ว่า เขาจำได้ถึงการสนทนากับ Herzl เมื่อปี ค.ศ. 1897 ซึ่งเขาอ้างว่า Herzl พูดว่า: “ตุรกีอาจปฏิเสธ หรือไม่ยอมเข้าใจเรา เราจะต้องไม่ถอดใจ เราจะต้องหาทางที่จะได้ตามที่เราต้องการ ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ สงครามในยุโรปจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ผมจะถือนาฬิกาคอยดูเวลาหายนะนั้น หลังจากสงครามจบสิ้น การประชุมเพื่อสันติภาพจะต้องเกิดขึ้น เราจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับเวลานั้น เราจะต้องทำให้เขาเขิญเราเข้าไปร่วมการประชุมกับประเทศต่างๆ และเราจะต้องพิสูจน์ ให้เขาเห็นถึงทางออกที่สำคัญเร่งด่วน ของพวกไซออนนิสต์ ที่เขาจะต้องตอบกับชาวยิว” พวกยิวเอาจริงกับการดำเนินการตามแผนข้างต้น พวกเขาเดินหน้าเรื่องการปฏิวัติในรัสเซีย เพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่เขาเกลียดชัง และพยายามที่จะก่อความวุ่นวายในออตโตมานด้วย ส่วนในเยอรมัน ในอังกฤษ และ อเมริกา พวกเขาใช้อำนาจเงินอันร้ายกาจในกระเป๋า อย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้มีการนำทางไปสู่นโยบาย ที่จะต้องมีจัดการระเบียบของโลกเสียใหม่ ที่เป็นประโยชน์กับพวกเขา พวกเขาพยายามตัดตอนพวกที่คัดค้าน ขวางทางพวกเขา แต่ให้การสนับสนุน พวกที่เห็นด้วยกับแนวทางของพวกเขา พร้อมกับเพิ่มความมั่งคั่งให้พวกยิวด้วยกัน ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การจัดตั้ง รัฐปาเลสไตน์ ที่จะเป็นศูนย์กลางของยิวทั่วโลก การปฏิวัติ และสงคราม จึงเป็นภาระกิจเร่งด่วน อันดับแรกของพวกเขา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุม Valdai International Discussion Club ประจำปี ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโซชี (Sochi) ของรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงสถานการณ์ในปาเลสไตน์:

    ปธน.ปูติน ยกคำพูดของอันโตนิโอ กูแตร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสงครามว่า กาซาคือ 'สุสานเด็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก' และยังกล่าวอีกว่านั่นคือ 'โศกนาฏกรรม' ที่ไม่อาจบรรยายได้

    นอกจากนี้ ปธน.ปูติน ยังได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ในกาซาและข้อเสนอสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยย้ำว่ารัสเซียพร้อมให้การสนับสนุนข้อเสนอใดๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาแบบ สองรัฐ (two-state solution) โดยมีรัฐปาเลสไตน์อยู่คู่กับอิสราเอล

    ปูตินยังกล่าวอีกว่า ทางเลือกที่เหมาะสมคือการโอนการควบคุมฉนวนกาซาให้กับประธานาธิบดีอับบาสแห่งปาเลสไตน์

    ปูตินสนับสนุนเงื่อนไขที่ต้องการให้ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดในฉนวนกาซา และอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ออกจากเรือนจำอีกด้วย
    การประชุม Valdai International Discussion Club ประจำปี ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโซชี (Sochi) ของรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงสถานการณ์ในปาเลสไตน์: 👉ปธน.ปูติน ยกคำพูดของอันโตนิโอ กูแตร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสงครามว่า กาซาคือ 'สุสานเด็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก' และยังกล่าวอีกว่านั่นคือ 'โศกนาฏกรรม' ที่ไม่อาจบรรยายได้ 👉นอกจากนี้ ปธน.ปูติน ยังได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ในกาซาและข้อเสนอสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยย้ำว่ารัสเซียพร้อมให้การสนับสนุนข้อเสนอใดๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาแบบ สองรัฐ (two-state solution) โดยมีรัฐปาเลสไตน์อยู่คู่กับอิสราเอล 👉ปูตินยังกล่าวอีกว่า ทางเลือกที่เหมาะสมคือการโอนการควบคุมฉนวนกาซาให้กับประธานาธิบดีอับบาสแห่งปาเลสไตน์ 👉ปูตินสนับสนุนเงื่อนไขที่ต้องการให้ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดในฉนวนกาซา และอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ออกจากเรือนจำอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 580 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 6 บทขยาย 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
บทขยาย ท้ายตอน “เสี้ยม”
    (2)

นาย Charles Richard Crane (1850-1939) เป็นเศรษฐีอเมริกัน ครอบครัวอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมทำระบบท่อใน Chicago ยุค ค.ศ. 1900 เขาเป็นคนนิยมชมชอบวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริเวณนั้น ด้วยธุรกิจของครอบครัว ทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางเป็นว่าเล่น จนทำให้รู้จักและคุ้นเคยกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองเกือบทุกระดับใน 2 ภูมิภาคนี้
    ประมาณปี ค.ศ 1900 กว่า เขาได้นำผู้ทรงคุณวุฒิจากรัสเซียมาบรรยายที่มหาวิทยาลัย Chicago และในที่สุดก็เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง Russian Studies ขึ้นที่มหาวิทยาลัย Chicago
    นาย Crane รู้จักและคุ้นเคยดีกับนาย Woodlow Wilson เขาเป็นนายทุนสนับสนุนเมื่อนาย Wilson หาเสียงในปี ค.ศ. 1912 เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี เมื่อนาย Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี จึงตกรางวัลตั้งนาย Crane ให้เป็นผู้แทนพิเศษทางการฑูตระ หว่างอเมริกากับรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1917 เรียกว่า Root Commission และมอบหมายให้นาย Crane ร่วมกับนาย King นักเทววิทยา ทำการสำรวจประชามติของชาวอาหรับ เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
    น่าสนใจว่าใน รายงานของ Kingและ Crane มีระบุไว้ตอนหนึ่ง ว่านาย Crane ได้เตือนประธานาธิบดี Wilson ให้ระวังในการจะไปตกปากรับคำ สร้างรัฐปาเลสไตน์ให้กับชาวยิว มันจะเป็นการบังคับให้อเมริกาต้องใช้กำลังในการควบคุมดูแลอาณาบริเวณนั้น เพราะด้วยกำลังเท่านั้น จึงจะควบคุมชาวยิวให้อยู่ในแถวได้
    นาย Crane อยู่ฝ่ายที่คัดค้านให้ชาวยิวมาตั้งรกรากอยู่ที่ตะวันออกกลาง เขาสนับสนุนให้มีรัฐอาหรับ ปกครองโดยอาหรับ ตามฝันของ Sharif Hussein
    กว่า การสำรวจนี้จะทำเสร็จ การประชุมกับอังกฤษและฝรั่งเศสที่ปารีส ในปี ค.ศ. 1919 ก็เดินหน้าไปจวนจะจบการประชุม คณะสำรวจ รีบส่งรายงานไปให้ประธานาธิบดี Wilson เพื่อพิจารณา ก็แต่ประธานาธิบดีเกิดป่วยกระทันหัน ไม่รู้ได้อ่านรายงานนี้หรือไม่ นอกจากนี้ รายงานนี้ได้ถูกมือดี หรือ มือร้าย นำไปซ่อน สูญหายไปจากระบบงานกระทรวง ถึง 3 ปี กว่าจะหาเจอ อังกฤษและฝรั่งเศส ก็แบ่งเค้กอาหรับระหว่างกันเอง เรียบร้อยไปแล้ว
    ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Crane จะดูไม่ครบ ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นก๊วนเดียวกับตระกูล Rockefeller
    ท่าน ผู้อ่านนิทาน ที่ติดตามอ่านกันมานานเห็นชื่อม หาวิทยาลัย Chicago ก็คงพอเดาออกแล้ว ยิ่งเห็นว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Russian Studies ที่มหาวิทยาลัยนี้ ก็คงไม่ต้องเล่าต่อกันมาก นอกจากนี้ นาย Crane ยังเป็นสมาชิกสมาคม Jekyll Island Club ที่โด่งดัง และมีสมาชิกที่เป็นพวกโคตรรวยและมีอิทธิพลทางการเมือง การเงิน เช่น Rockefeller และ Morgan รวมทั้ง พวกอีลิต นักการเงินและสื่อใหญ่เท่านั้น และที่ คลับนี้เอง ที่พวกมีอิทธิพล ได้ประชุมสุมหัวกันต้ัง US Federal Reserve ธนาคารกลางของอเมริกา เมื่อ คศ 1910
    น่าจะต้องจารึกไว้ ด้วยว่า ค.ศ. 1931 นาย Crane เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการสำรวจน้ำมันครั้งแรกของอเมริกาที่ Saudi Arabia และ Yemen เขาเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้อเมริกาได้สัมปทานน้ำมันที่นั่น
    เขียนยืดยาวเกี่ยวกับนาย Crane ถึงสิ่งที่เขาคิดและทำ เพื่อให้ท่านผู้อ่านนิทาน ลองต่อจิกซอว์กันดูเองบ้าง
    ท่าน ที่เคยอ่านนิทานเรื่องมายากลยุทธ คงจำได้ว่า อังกฤษจัดการให้ยิวไปอยู่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะมีมนุษยธรรมสูงส่ง อย่าเข้าใจผิดขนาดนั้นเลย เหตุผลแรกที่อังกฤษส่งยิวไป เพราะช่วงนั้น Rothschild คนโคตรรวยผู้คุมตลาดการเงินของอังกฤษ อยากจะค้าขายกับ Russia แต่ทางรัสเซียวางเงื่อนไขว่า ถ้าจะค้าขายกันก็รีบจัดการ เอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียเสียก่อน เพราะรัสเซียแสนจะรังเกียจยิว Rothschild ซึ่งจำเป็นต้องช่วยอพยพชาวยิวมาอยู่ที่อังกฤษ ทางอังกฤษก็ใช่ว่าจะรักยิวไปทั้งหมด รวมทั้งยิวที่อยู่ในอังกฤษเอง ก็ไม่อยากให้เพิ่มจำนวนยิวมาแย่งกันปล่อยเงินกู้ Rothchild จึงหาทางส่งออกยิวที่อพยพมาใหม่ออกไปอย่างรีบด่วน
    Rothschlid ใช้อิทธิพลบีบรัฐบาลอังกฤษ แล้วที่ไหนจะเหมาะเท่าปาเลสไตน์ ใช้กระสุนนัดเดียว ยิวก็พ้นภาระไปจากอังกฤษ และไปอยู่ที่ตะวันออกกลางเป็นก้างเสียบไม้เสี้ยมและขวางทางเจริญ และความสามัคคีปรองดองของชาวอาหรับ ตลอดกาล…เหี้ยมถึงใจ ตามที่อังกฤษต้องการ
    แต่ฝ่ายอเมริกาโดยเฉพาะกลุ่ม Rockefeller และ CFR ก็น่าจะรู้ทันเกม จึงมีการส่งให้นาย Crane ไปประกบประธานาธิบดีและไปทำประชามติ จริง ๆ ก็คือไปเดินกล่อมอาหรับ ให้รับอเมริกา แทน อังกฤษ ฝรั่งเศส นอกจากนั้น นาย Crane ยังพยายามกระตุกอเมริกาว่าอย่าติดปีกให้ยิว ดีที่สุดเอาอาหรับที่ตัวเองไปกล่อมไว้แล้ว มาปกครองอาหรับเองดีกว่า เป็นการถีบอังกฤษให้ออกไปจากตะวันออกกลางเสียก่อน แล้วอเมริกาจะได้มาเป็นตาอยู่ กินรวบตะวันออกกลางต่อไป แผนผิดไปหน่อย 100 ปี ต่อมา ก็ดูเหมือนยังไม่สายเกินต้มแกงกิน
    ประธานาธิบดี Wilson คงไม่ได้บังเอิญป่วย และรายงานของ King Crane คงไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไป 3 ปี เกมชิงอำนาจ เกมล่าเหยื่อ เผ็ดมันทุกขั้นตอน
    อ่าน เรื่องนาย Crane อย่างย่อ ๆ แล้ว นึกถึงนาย Kenneth Landon ของผม ในนิทานเรื่องแกะรอยเก่า กันบ้างไหมครับ จำไม่ได้กลับไปอ่านอีกรอบนะครับ จะได้เห็นป่ากว้างและลึกขึ้น
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 ส.ค. 2557
    (หมายเหตุ: ตอน 1 “เสี้ยม” จบแล้วครับ ตอน 2 กำลังจะมา ช้าหน่อย แต่มาแน่!)
    เหยื่อ – เสี้ยม ตอนที่ 6 บทขยาย 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
บทขยาย ท้ายตอน “เสี้ยม” (2)

นาย Charles Richard Crane (1850-1939) เป็นเศรษฐีอเมริกัน ครอบครัวอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมทำระบบท่อใน Chicago ยุค ค.ศ. 1900 เขาเป็นคนนิยมชมชอบวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริเวณนั้น ด้วยธุรกิจของครอบครัว ทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางเป็นว่าเล่น จนทำให้รู้จักและคุ้นเคยกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองเกือบทุกระดับใน 2 ภูมิภาคนี้ ประมาณปี ค.ศ 1900 กว่า เขาได้นำผู้ทรงคุณวุฒิจากรัสเซียมาบรรยายที่มหาวิทยาลัย Chicago และในที่สุดก็เป็นผู้ดำเนินการก่อตั้ง Russian Studies ขึ้นที่มหาวิทยาลัย Chicago นาย Crane รู้จักและคุ้นเคยดีกับนาย Woodlow Wilson เขาเป็นนายทุนสนับสนุนเมื่อนาย Wilson หาเสียงในปี ค.ศ. 1912 เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี เมื่อนาย Wilson ได้เป็นประธานาธิบดี จึงตกรางวัลตั้งนาย Crane ให้เป็นผู้แทนพิเศษทางการฑูตระ หว่างอเมริกากับรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1917 เรียกว่า Root Commission และมอบหมายให้นาย Crane ร่วมกับนาย King นักเทววิทยา ทำการสำรวจประชามติของชาวอาหรับ เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 น่าสนใจว่าใน รายงานของ Kingและ Crane มีระบุไว้ตอนหนึ่ง ว่านาย Crane ได้เตือนประธานาธิบดี Wilson ให้ระวังในการจะไปตกปากรับคำ สร้างรัฐปาเลสไตน์ให้กับชาวยิว มันจะเป็นการบังคับให้อเมริกาต้องใช้กำลังในการควบคุมดูแลอาณาบริเวณนั้น เพราะด้วยกำลังเท่านั้น จึงจะควบคุมชาวยิวให้อยู่ในแถวได้ นาย Crane อยู่ฝ่ายที่คัดค้านให้ชาวยิวมาตั้งรกรากอยู่ที่ตะวันออกกลาง เขาสนับสนุนให้มีรัฐอาหรับ ปกครองโดยอาหรับ ตามฝันของ Sharif Hussein กว่า การสำรวจนี้จะทำเสร็จ การประชุมกับอังกฤษและฝรั่งเศสที่ปารีส ในปี ค.ศ. 1919 ก็เดินหน้าไปจวนจะจบการประชุม คณะสำรวจ รีบส่งรายงานไปให้ประธานาธิบดี Wilson เพื่อพิจารณา ก็แต่ประธานาธิบดีเกิดป่วยกระทันหัน ไม่รู้ได้อ่านรายงานนี้หรือไม่ นอกจากนี้ รายงานนี้ได้ถูกมือดี หรือ มือร้าย นำไปซ่อน สูญหายไปจากระบบงานกระทรวง ถึง 3 ปี กว่าจะหาเจอ อังกฤษและฝรั่งเศส ก็แบ่งเค้กอาหรับระหว่างกันเอง เรียบร้อยไปแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Crane จะดูไม่ครบ ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นก๊วนเดียวกับตระกูล Rockefeller ท่าน ผู้อ่านนิทาน ที่ติดตามอ่านกันมานานเห็นชื่อม หาวิทยาลัย Chicago ก็คงพอเดาออกแล้ว ยิ่งเห็นว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Russian Studies ที่มหาวิทยาลัยนี้ ก็คงไม่ต้องเล่าต่อกันมาก นอกจากนี้ นาย Crane ยังเป็นสมาชิกสมาคม Jekyll Island Club ที่โด่งดัง และมีสมาชิกที่เป็นพวกโคตรรวยและมีอิทธิพลทางการเมือง การเงิน เช่น Rockefeller และ Morgan รวมทั้ง พวกอีลิต นักการเงินและสื่อใหญ่เท่านั้น และที่ คลับนี้เอง ที่พวกมีอิทธิพล ได้ประชุมสุมหัวกันต้ัง US Federal Reserve ธนาคารกลางของอเมริกา เมื่อ คศ 1910 น่าจะต้องจารึกไว้ ด้วยว่า ค.ศ. 1931 นาย Crane เป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการสำรวจน้ำมันครั้งแรกของอเมริกาที่ Saudi Arabia และ Yemen เขาเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้อเมริกาได้สัมปทานน้ำมันที่นั่น เขียนยืดยาวเกี่ยวกับนาย Crane ถึงสิ่งที่เขาคิดและทำ เพื่อให้ท่านผู้อ่านนิทาน ลองต่อจิกซอว์กันดูเองบ้าง ท่าน ที่เคยอ่านนิทานเรื่องมายากลยุทธ คงจำได้ว่า อังกฤษจัดการให้ยิวไปอยู่ปาเลสไตน์ ไม่ใช่เพราะมีมนุษยธรรมสูงส่ง อย่าเข้าใจผิดขนาดนั้นเลย เหตุผลแรกที่อังกฤษส่งยิวไป เพราะช่วงนั้น Rothschild คนโคตรรวยผู้คุมตลาดการเงินของอังกฤษ อยากจะค้าขายกับ Russia แต่ทางรัสเซียวางเงื่อนไขว่า ถ้าจะค้าขายกันก็รีบจัดการ เอาพวกยิวออกไปจากรัสเซียเสียก่อน เพราะรัสเซียแสนจะรังเกียจยิว Rothschild ซึ่งจำเป็นต้องช่วยอพยพชาวยิวมาอยู่ที่อังกฤษ ทางอังกฤษก็ใช่ว่าจะรักยิวไปทั้งหมด รวมทั้งยิวที่อยู่ในอังกฤษเอง ก็ไม่อยากให้เพิ่มจำนวนยิวมาแย่งกันปล่อยเงินกู้ Rothchild จึงหาทางส่งออกยิวที่อพยพมาใหม่ออกไปอย่างรีบด่วน Rothschlid ใช้อิทธิพลบีบรัฐบาลอังกฤษ แล้วที่ไหนจะเหมาะเท่าปาเลสไตน์ ใช้กระสุนนัดเดียว ยิวก็พ้นภาระไปจากอังกฤษ และไปอยู่ที่ตะวันออกกลางเป็นก้างเสียบไม้เสี้ยมและขวางทางเจริญ และความสามัคคีปรองดองของชาวอาหรับ ตลอดกาล…เหี้ยมถึงใจ ตามที่อังกฤษต้องการ แต่ฝ่ายอเมริกาโดยเฉพาะกลุ่ม Rockefeller และ CFR ก็น่าจะรู้ทันเกม จึงมีการส่งให้นาย Crane ไปประกบประธานาธิบดีและไปทำประชามติ จริง ๆ ก็คือไปเดินกล่อมอาหรับ ให้รับอเมริกา แทน อังกฤษ ฝรั่งเศส นอกจากนั้น นาย Crane ยังพยายามกระตุกอเมริกาว่าอย่าติดปีกให้ยิว ดีที่สุดเอาอาหรับที่ตัวเองไปกล่อมไว้แล้ว มาปกครองอาหรับเองดีกว่า เป็นการถีบอังกฤษให้ออกไปจากตะวันออกกลางเสียก่อน แล้วอเมริกาจะได้มาเป็นตาอยู่ กินรวบตะวันออกกลางต่อไป แผนผิดไปหน่อย 100 ปี ต่อมา ก็ดูเหมือนยังไม่สายเกินต้มแกงกิน ประธานาธิบดี Wilson คงไม่ได้บังเอิญป่วย และรายงานของ King Crane คงไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไป 3 ปี เกมชิงอำนาจ เกมล่าเหยื่อ เผ็ดมันทุกขั้นตอน อ่าน เรื่องนาย Crane อย่างย่อ ๆ แล้ว นึกถึงนาย Kenneth Landon ของผม ในนิทานเรื่องแกะรอยเก่า กันบ้างไหมครับ จำไม่ได้กลับไปอ่านอีกรอบนะครับ จะได้เห็นป่ากว้างและลึกขึ้น สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 ส.ค. 2557 (หมายเหตุ: ตอน 1 “เสี้ยม” จบแล้วครับ ตอน 2 กำลังจะมา ช้าหน่อย แต่มาแน่!)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 621 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนลวงสองรัฐปาเลสไตน์-อิสราเอล : คนเคาะข่าว 29-09-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    https://www.youtube.com/watch?v=wxaY6tdsXZI
    แผนลวงสองรัฐปาเลสไตน์-อิสราเอล : คนเคาะข่าว 29-09-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ https://www.youtube.com/watch?v=wxaY6tdsXZI
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 1 รีวิว
  • "เนทันยาฮู" ขึ้นเวที UN ประณามตะวันตกยอมรับ "รัฐปาเลสไตน์" เจอผู้ร่วมประชุม วอล์กเอาต์ จากห้องประชุมทันที
    https://www.thai-tai.tv/news/21645/
    .
    #เนทันยาฮู #อิสราเอล #รัฐปาเลสไตน์ #UNGA #สงครามกาซา #การทูตตะวันตก #ไทยไท
    "เนทันยาฮู" ขึ้นเวที UN ประณามตะวันตกยอมรับ "รัฐปาเลสไตน์" เจอผู้ร่วมประชุม วอล์กเอาต์ จากห้องประชุมทันที https://www.thai-tai.tv/news/21645/ . #เนทันยาฮู #อิสราเอล #รัฐปาเลสไตน์ #UNGA #สงครามกาซา #การทูตตะวันตก #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลักเซมเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศให้การรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ

    นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ลุก ฟรีเดิน (Luc Frieden) ประกาศในที่ประชุมของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีผู้นำจากกว่า 140 ประเทศเข้าร่วม

    ในวันเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่โดดเดี่ยวอิสราเอล โดยการประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส แอนดอร์รา เบลเยียม มอลตา และโมนาโก

    ก่อนหน้านี้หนึ่งวันหลัง อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส เพิ่งประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์"
    ลักเซมเบิร์ก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศให้การรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ลุก ฟรีเดิน (Luc Frieden) ประกาศในที่ประชุมของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่มีผู้นำจากกว่า 140 ประเทศเข้าร่วม ในวันเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่โดดเดี่ยวอิสราเอล โดยการประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์" อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย ฝรั่งเศส แอนดอร์รา เบลเยียม มอลตา และโมนาโก ก่อนหน้านี้หนึ่งวันหลัง อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส เพิ่งประกาศรับรอง "รัฐปาเลสไตน์"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "หยุดพูดได้ไหม!"
    การประท้วงในอิตาลีรุนแรงขึ้นทันที หลังจากนายกรัฐมนตรีสาว "จอร์เจีย เมโลนี" (Giorgia Meloni) ประกาศว่ายังไม่ถึงเวลารับรอง "รัฐปาเลสไตน์" จนเกิดจลาจลบนท้องถนน และมีความวุ่นวายไปทั่วทุกแห่ง
    "หยุดพูดได้ไหม!" การประท้วงในอิตาลีรุนแรงขึ้นทันที หลังจากนายกรัฐมนตรีสาว "จอร์เจีย เมโลนี" (Giorgia Meloni) ประกาศว่ายังไม่ถึงเวลารับรอง "รัฐปาเลสไตน์" จนเกิดจลาจลบนท้องถนน และมีความวุ่นวายไปทั่วทุกแห่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เอ็มมานูเอล มาครง" ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการแล้ว
    "เอ็มมานูเอล มาครง" ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสกับซาอุดีอาระเบีย ร่วมจัดประชุมผู้นำจากหลายสิบประเทศทั่วโลกในวันจันทร์ (22 ก.ย.) เพื่อระดมความสนับสนุนในการแก้ไขวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ด้วยแนวทางให้ 2 ฝ่ายต่างมีฐานะเป็นรัฐอยู่เคียงคู่กัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าจะมีอีกหลายชาติใช้โอกาสหารือกันที่นิวยอร์กคราวนี้ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เพิ่มมากขึ้น หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (21) 4 ชาติตะวันตก ได้แก่ สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และโปรตุเกส นำร่องไปก่อนแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000090833

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ฝรั่งเศสกับซาอุดีอาระเบีย ร่วมจัดประชุมผู้นำจากหลายสิบประเทศทั่วโลกในวันจันทร์ (22 ก.ย.) เพื่อระดมความสนับสนุนในการแก้ไขวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ด้วยแนวทางให้ 2 ฝ่ายต่างมีฐานะเป็นรัฐอยู่เคียงคู่กัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าจะมีอีกหลายชาติใช้โอกาสหารือกันที่นิวยอร์กคราวนี้ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เพิ่มมากขึ้น หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (21) 4 ชาติตะวันตก ได้แก่ สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และโปรตุเกส นำร่องไปก่อนแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000090833 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 641 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู ประกาศจะไม่มีรัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะประกาศรับรอง คำประกาศอย่างเด็ดขาดของเนทันยาฮูเกิดขึ้นหลังจากอังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นสามประเทศล่าสุดที่รับรองปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ

    คาดว่าในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีประเทศอื่นๆรับรองปาเลสไตน์เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนำโดยฝรั่งเศส

    เนทันยาฮูยังประกาศอย่างชัดเจนถึงกาารเข้ายึดดินแดนปาเลสไตน์ว่า "เราได้เพิ่มจำนวนการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในยูเดียและซามาเรีย (เวสต์แบงก์ - ปาเลสไตน์) เป็นสองเท่า และเราจะยังคงเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางนี้"
    เนทันยาฮู ประกาศจะไม่มีรัฐปาเลสไตน์เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครจะประกาศรับรอง คำประกาศอย่างเด็ดขาดของเนทันยาฮูเกิดขึ้นหลังจากอังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นสามประเทศล่าสุดที่รับรองปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ คาดว่าในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีประเทศอื่นๆรับรองปาเลสไตน์เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนำโดยฝรั่งเศส เนทันยาฮูยังประกาศอย่างชัดเจนถึงกาารเข้ายึดดินแดนปาเลสไตน์ว่า "เราได้เพิ่มจำนวนการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในยูเดียและซามาเรีย (เวสต์แบงก์ - ปาเลสไตน์) เป็นสองเท่า และเราจะยังคงเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางนี้"
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ประกาศยอมรับสถานะปาเลสไตน์เป็นรัฐอิสระอย่างเป็นทางการ:

    ในแถลงการณ์ระบุว่า อิสราเอลปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อการรับรองรัฐปาเลสไตน์จากประเทศตะวันตก โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไม่ได้ส่งเสริมสันติภาพและยิ่งทำให้ภูมิภาคสั่นคลอนมากขึ้น"
    กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ออกแถลงการณ์ตอบโต้อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ประกาศยอมรับสถานะปาเลสไตน์เป็นรัฐอิสระอย่างเป็นทางการ: ในแถลงการณ์ระบุว่า อิสราเอลปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อการรับรองรัฐปาเลสไตน์จากประเทศตะวันตก โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไม่ได้ส่งเสริมสันติภาพและยิ่งทำให้ภูมิภาคสั่นคลอนมากขึ้น"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบอร์ฮาเนตติน ดูรัน (Burhanettin Duran) หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของรัฐบาลตุรกี กล่าวแสดงความยินดี ต่อการประกาศรับรองปาเลสไตน์ของ อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย:
    - เรายินดีกับการตัดสินใจของสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐอิสระ
    - ประเทศที่ต่อต้านการโจมตีชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอลและยอมรับปาเลสไตน์เป็นรัฐ คือฝ่ายที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์
    - เราขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศก้าวเดินตามรอยประวัติศาสตร์นี้ เพื่อสร้างสันติภาพและความยุติธรรม
    - ในฐานะตุรกี เราจะยังคงสนับสนุนการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระ โดยมีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงในทุกเวที
    .
    ตุรกี (Türkiye) ประกาศรับรองปาเลสไตน์ อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1988 ซึ่งเป็นวันที่ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ภายใต้การนำของ ยัสเซอร์ อาราฟัต ประกาศจัดตั้ง รัฐปาเลสไตน์ (State of Palestine) อย่างเป็นทางการ ในการประชุมสภาแห่งชาติปาเลสไตน์ที่กรุงแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย
    เบอร์ฮาเนตติน ดูรัน (Burhanettin Duran) หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของรัฐบาลตุรกี กล่าวแสดงความยินดี ต่อการประกาศรับรองปาเลสไตน์ของ อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย: - เรายินดีกับการตัดสินใจของสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐอิสระ - ประเทศที่ต่อต้านการโจมตีชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอลและยอมรับปาเลสไตน์เป็นรัฐ คือฝ่ายที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์ - เราขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศก้าวเดินตามรอยประวัติศาสตร์นี้ เพื่อสร้างสันติภาพและความยุติธรรม - ในฐานะตุรกี เราจะยังคงสนับสนุนการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระ โดยมีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงในทุกเวที . 👉 ตุรกี (Türkiye) ประกาศรับรองปาเลสไตน์ อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1988 ซึ่งเป็นวันที่ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) ภายใต้การนำของ ยัสเซอร์ อาราฟัต ประกาศจัดตั้ง รัฐปาเลสไตน์ (State of Palestine) อย่างเป็นทางการ ในการประชุมสภาแห่งชาติปาเลสไตน์ที่กรุงแอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาชิกรัฐสภา (สส.) และ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ(สว.) แถลงการณ์ถึงแคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยข่มขู่ว่าจะมี “มาตรการลงโทษ” หากประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์

    แถลงการณ์นี้ออกมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน

    วันนี้วันที่ 21 กันยายน ทั้งออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ประกาศรับรอง "ปาเลสไตน์" เป็นรัฐอิสระเรียบร้อยไปแล้ว บ่งบอกว่าทั้งสามประเทศนี้ไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของสหรัฐแต่อย่างใด

    ขณะที่ฝรั่งเศส มีรายงานว่าจะประกาศรับรองปาเลสไตน์ ในวันพรุ่งนี้ คือวันจันทร์ที่ 22 กันยายน

    คำประกาศรับรองของ ออสเตรเลีย แคนาดา และอังกฤษ เกิดขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษเพียงหนึ่งวันเท่านั้น!
    สมาชิกรัฐสภา (สส.) และ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ(สว.) แถลงการณ์ถึงแคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยข่มขู่ว่าจะมี “มาตรการลงโทษ” หากประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ 👉แถลงการณ์นี้ออกมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน 👉วันนี้วันที่ 21 กันยายน ทั้งออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา ประกาศรับรอง "ปาเลสไตน์" เป็นรัฐอิสระเรียบร้อยไปแล้ว บ่งบอกว่าทั้งสามประเทศนี้ไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของสหรัฐแต่อย่างใด 👉ขณะที่ฝรั่งเศส มีรายงานว่าจะประกาศรับรองปาเลสไตน์ ในวันพรุ่งนี้ คือวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 👉คำประกาศรับรองของ ออสเตรเลีย แคนาดา และอังกฤษ เกิดขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษเพียงหนึ่งวันเท่านั้น!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • มากกว่า 100 ปีหลังจากคำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration) และ 77 ปีหลังจากการก่อตั้งอิสราเอลบนดินแดนปาเลสไตน์ของอังกฤษ

    เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศของของอังกฤษ ท่ามกลางการประณามอย่างรุนแรงจากอิสราเอลว่าเป็น "การให้รางวัลแก่การก่อการร้าย"
    .
    ข้อมูลจาก ChatGPT:
    คำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration)
    คือเอกสารเชิงการเมืองที่ออกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่าน อาร์เธอร์ เจมส์ บัลโฟร์ (Arthur James Balfour) รัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้น ได้ส่งจดหมายถึง ลอร์ด รอทชิลด์ (Lord Rothschild) ผู้นำชาวยิวในอังกฤษ เพื่อให้ส่งต่อไปยังสมาคมไซออนนิสต์ (Zionist Federation)

    เนื้อหาหลักของคำประกาศ
    รัฐบาลอังกฤษ “เห็นด้วย” ต่อการจัดตั้ง “บ้านแห่งชาติของชาวยิว” (National Home for the Jewish People) ในดินแดนปาเลสไตน์ (ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน) แต่มีเงื่อนไขว่า

    - ต้องไม่กระทบสิทธิพลเมืองและสิทธิทางศาสนาของประชาชนที่ไม่ใช่ชาวยิวในปาเลสไตน์
    - ต้องไม่กระทบสถานะทางการเมืองและสิทธิของชาวยิวในประเทศอื่น ๆ

    ความสำคัญ:
    เป็นครั้งแรกที่มหาอำนาจตะวันตกให้การรับรองอย่างเป็นทางการต่อแนวคิดไซออนนิสต์ (Zionism) ซึ่งมุ่งหวังให้มีรัฐยิวในปาเลสไตน์

    เป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การอพยพของชาวยิวเข้าสู่ปาเลสไตน์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงที่อังกฤษได้รับ “อาณัติบริหารปาเลสไตน์” จากสันนิบาตชาติ

    กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งสมัยใหม่ระหว่างชาวยิวกับชาวปาเลสไตน์ และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาความขัดแย้งอาหรับ–อิสราเอลที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน
    มากกว่า 100 ปีหลังจากคำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration) และ 77 ปีหลังจากการก่อตั้งอิสราเอลบนดินแดนปาเลสไตน์ของอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศของของอังกฤษ ท่ามกลางการประณามอย่างรุนแรงจากอิสราเอลว่าเป็น "การให้รางวัลแก่การก่อการร้าย" . ข้อมูลจาก ChatGPT: 👉คำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration) คือเอกสารเชิงการเมืองที่ออกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่าน อาร์เธอร์ เจมส์ บัลโฟร์ (Arthur James Balfour) รัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้น ได้ส่งจดหมายถึง ลอร์ด รอทชิลด์ (Lord Rothschild) ผู้นำชาวยิวในอังกฤษ เพื่อให้ส่งต่อไปยังสมาคมไซออนนิสต์ (Zionist Federation) 👉เนื้อหาหลักของคำประกาศ รัฐบาลอังกฤษ “เห็นด้วย” ต่อการจัดตั้ง “บ้านแห่งชาติของชาวยิว” (National Home for the Jewish People) ในดินแดนปาเลสไตน์ (ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน) แต่มีเงื่อนไขว่า - ต้องไม่กระทบสิทธิพลเมืองและสิทธิทางศาสนาของประชาชนที่ไม่ใช่ชาวยิวในปาเลสไตน์ - ต้องไม่กระทบสถานะทางการเมืองและสิทธิของชาวยิวในประเทศอื่น ๆ 👉ความสำคัญ: เป็นครั้งแรกที่มหาอำนาจตะวันตกให้การรับรองอย่างเป็นทางการต่อแนวคิดไซออนนิสต์ (Zionism) ซึ่งมุ่งหวังให้มีรัฐยิวในปาเลสไตน์ เป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การอพยพของชาวยิวเข้าสู่ปาเลสไตน์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงที่อังกฤษได้รับ “อาณัติบริหารปาเลสไตน์” จากสันนิบาตชาติ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งสมัยใหม่ระหว่างชาวยิวกับชาวปาเลสไตน์ และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาความขัดแย้งอาหรับ–อิสราเอลที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู:
    "เราจะทำตามเป้าหมายของเรา ว่ารัฐปาเลสไตน์จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ที่นี่เป็นดินแดนของเรา"

    ชัดเจนว่าไม่มีความคิดเรื่องเจรจาหยุดยิง และการทำสงครามกับฮามาสที่ผ่านมา โดยอ้างเรื่องตัวประกัน เป็นเพียงคำหลอกลวงของอิสราเอล!
    เนทันยาฮู: "เราจะทำตามเป้าหมายของเรา ว่ารัฐปาเลสไตน์จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ที่นี่เป็นดินแดนของเรา" ชัดเจนว่าไม่มีความคิดเรื่องเจรจาหยุดยิง และการทำสงครามกับฮามาสที่ผ่านมา โดยอ้างเรื่องตัวประกัน เป็นเพียงคำหลอกลวงของอิสราเอล!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "ศ.เจฟฟรีย์ แซคส์" แห่งโคลัมเบีย เปรียบ "เนทันยาฮูกับฮิตเลอร์" ใช้อดอยาก-สังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ ขัดขวางรัฐปาเลสไตน์ ‘From the River to the Sea’ ขณะหลายชาติยุโรปเตรียมรับรองปาเลสไตน์ กดดันระงับขายอาวุธให้อิสราเอล"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077415

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "ศ.เจฟฟรีย์ แซคส์" แห่งโคลัมเบีย เปรียบ "เนทันยาฮูกับฮิตเลอร์" ใช้อดอยาก-สังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ ขัดขวางรัฐปาเลสไตน์ ‘From the River to the Sea’ ขณะหลายชาติยุโรปเตรียมรับรองปาเลสไตน์ กดดันระงับขายอาวุธให้อิสราเอล" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077415 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Angry
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮามาสเน้นย้ำจะไม่ยอมตกลงปลดอาวุธจนกว่าจะสถาปนารัฐปาเลสไตน์ ในความเคลื่อนไหวตอบโต้หนึ่งในข้อรียกร้องหลักของอิสราเอล ในการเจรจาหยุดยิงในกาซา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073310

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ฮามาสเน้นย้ำจะไม่ยอมตกลงปลดอาวุธจนกว่าจะสถาปนารัฐปาเลสไตน์ ในความเคลื่อนไหวตอบโต้หนึ่งในข้อรียกร้องหลักของอิสราเอล ในการเจรจาหยุดยิงในกาซา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000073310 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 954 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐประณามมาตการคว่ำบาตรต่ออิสราเอลของอังกฤษและพันธมิตร พร้อมเน้นย้ำจุดยืนไม่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์

    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการคว่ำบาตรของอังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ ในกรณีที่คว่ำบาตรรัฐมนตรีขวาจัดของอิสราเอล เบน-กวีร์ และสโมทริช กรณียุยงให้เกิดความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไร้ประโยชน์" ต่อความพยายามหยุดยิงในฉนวนกาซา พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวด้วย!

    ทางด้านไมค์ ฮัคคาบี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับ BBC ตอกย้ำจะไม่มี “รัฐปาเลสไตน์” เกิดขึ้น! หรือหากต้องการอยากให้เกิดขึ้น ชาติมุสลิมจะต้องแบ่งดินแดนของประเทศตนเองเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นเอง
    สหรัฐประณามมาตการคว่ำบาตรต่ออิสราเอลของอังกฤษและพันธมิตร พร้อมเน้นย้ำจุดยืนไม่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการคว่ำบาตรของอังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ ในกรณีที่คว่ำบาตรรัฐมนตรีขวาจัดของอิสราเอล เบน-กวีร์ และสโมทริช กรณียุยงให้เกิดความรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ โดยกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว "ไร้ประโยชน์" ต่อความพยายามหยุดยิงในฉนวนกาซา พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวด้วย! ทางด้านไมค์ ฮัคคาบี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับ BBC ตอกย้ำจะไม่มี “รัฐปาเลสไตน์” เกิดขึ้น! หรือหากต้องการอยากให้เกิดขึ้น ชาติมุสลิมจะต้องแบ่งดินแดนของประเทศตนเองเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 516 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อ่อนแอ!!"

    อังกฤษและฝรั่งเศสยอมล้มเลิกแผนการรับรองรัฐปาเลสไตน์ หลังโดนสหรัฐกดดันอย่างหนัก ก่อนมีการประชุมที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนิวยอร์กระหว่างวันที่ 17-20 มิถุนายนนี้ โดยอ้างว่าการรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นเพียงความปรารถนา ไม่ใช่เป็นนโยบายหลักของประเทศ

    "อ่อนแอ!!" อังกฤษและฝรั่งเศสยอมล้มเลิกแผนการรับรองรัฐปาเลสไตน์ หลังโดนสหรัฐกดดันอย่างหนัก ก่อนมีการประชุมที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนิวยอร์กระหว่างวันที่ 17-20 มิถุนายนนี้ โดยอ้างว่าการรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นเพียงความปรารถนา ไม่ใช่เป็นนโยบายหลักของประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อตะวันตกรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียพยายามโน้มน้าวให้อิหร่านบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ระหว่างอิหร่านและสหรัฐ

    ในระหว่างการพบปะเจรจาเป็นการภายใน โดยไม่ได้ให้สื่อมวลชนเข้าไปด้วยเมื่อเดือนที่แล้วในกรุงเตหะราน เจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ได้กล่าวกับประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน และเสนาธิการทหารบก โมฮัมหมัด บาเกรี รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ อับบาส อารักชี ว่า อิหร่านจะควรยอมรับข้อตกลงการเจรจานิวเคลียร์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ของสหรัฐฯ นำเสสนอ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์และอาจเกิดสงครามกับอิสราเอล จนลุกลามกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค

    ในขณะที่เจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า หากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านประสบความสำเร็จจะช่วยลดความเสี่ยงในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับความร่วมมือและเปิดทางไปสู่โอกาสการลงทุนที่สำคัญมหาศาล ซึ่งอาจช่วยปูทางไปสู่ความก้าวหน้าในฉนวนกาซาและการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์

    ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวเป็นนัยถึงความสำเร็จในการเจรจากับอิหร่าน เหลือเพียงแค่การประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น


    สื่อตะวันตกรายงานว่า ซาอุดีอาระเบียพยายามโน้มน้าวให้อิหร่านบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ระหว่างอิหร่านและสหรัฐ 👉ในระหว่างการพบปะเจรจาเป็นการภายใน โดยไม่ได้ให้สื่อมวลชนเข้าไปด้วยเมื่อเดือนที่แล้วในกรุงเตหะราน เจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ได้กล่าวกับประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน และเสนาธิการทหารบก โมฮัมหมัด บาเกรี รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ อับบาส อารักชี ว่า อิหร่านจะควรยอมรับข้อตกลงการเจรจานิวเคลียร์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ของสหรัฐฯ นำเสสนอ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์และอาจเกิดสงครามกับอิสราเอล จนลุกลามกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค 👉ในขณะที่เจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า หากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านประสบความสำเร็จจะช่วยลดความเสี่ยงในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับความร่วมมือและเปิดทางไปสู่โอกาสการลงทุนที่สำคัญมหาศาล ซึ่งอาจช่วยปูทางไปสู่ความก้าวหน้าในฉนวนกาซาและการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ 👉ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวเป็นนัยถึงความสำเร็จในการเจรจากับอิหร่าน เหลือเพียงแค่การประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย

    วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

    ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย

    อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้
    .
    การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้

    แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา

    2/ 👉วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย 👉วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ 👉ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย 👉อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้ . 👉การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้ 👉 แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/
    วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย

    วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

    ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย

    อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้
    .
    การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้

    แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา

    1/ 👉วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย 👉วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ 👉ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย 👉อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้ . 👉การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้ 👉 แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส หลังจากเขาประกาศที่สิงคโปร์ว่าจะยอมรับรัฐปาเลสไตน์:

    “ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของการตั้งถิ่นฐานใหม่ 22 แห่ง (ในเวสต์แบงก์) กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโต้ผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และเป็นข้อความที่ชัดเจนถึงมาครงและเพื่อนๆ ของเขา .... พวกคุณก็แค่รับรู้การมีอยู่ของรัฐปาเลสไตน์บนกระดาษเท่านั้น และในที่สุดกระดาษแผ่นนั้นมันจะถูกโยนทิ้งลงในถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ โดยไม่มีใครสนใจหรือพูดถึงมันอีก!”
    อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส หลังจากเขาประกาศที่สิงคโปร์ว่าจะยอมรับรัฐปาเลสไตน์: “ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของการตั้งถิ่นฐานใหม่ 22 แห่ง (ในเวสต์แบงก์) กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโต้ผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และเป็นข้อความที่ชัดเจนถึงมาครงและเพื่อนๆ ของเขา .... พวกคุณก็แค่รับรู้การมีอยู่ของรัฐปาเลสไตน์บนกระดาษเท่านั้น และในที่สุดกระดาษแผ่นนั้นมันจะถูกโยนทิ้งลงในถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ โดยไม่มีใครสนใจหรือพูดถึงมันอีก!”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ก็แค่ผลประโยชน์ทางการเมืองนั่นแหละ"

    เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่สิงคโปร์ว่า

    “การยอมรับรัฐปาเลสไตน์ไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองด้วย”

    เขาย้ำอีกว่า หากสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาไม่ดีขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศต่างๆในยุโรปควร “ยกระดับจุดยืนที่มีต่ออิสราเอลร่วมกัน”
    "ก็แค่ผลประโยชน์ทางการเมืองนั่นแหละ" เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่สิงคโปร์ว่า “การยอมรับรัฐปาเลสไตน์ไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองด้วย” เขาย้ำอีกว่า หากสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาไม่ดีขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศต่างๆในยุโรปควร “ยกระดับจุดยืนที่มีต่ออิสราเอลร่วมกัน”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • อังกฤษประกาศ!!! กำลังประสานงานกับพันธมิตรเพื่อรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช

    พร้อมกันนี้ได้ประกาศระงับการเจรจาการค้าเสรีกับอิสราเอลเพื่อเป็นการตอบโต้ต่อความโหดร้ายของอิสราเอลในกาซา และยังเรียกเอกอัครราชทูตอิสราเอลมาที่กระทรวงต่างประเทศในลอนดอนเพื่อตักเตือนอย่างเป็นทางการอีกด้วย

    ทางด้านกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอลออกมาตอบโต้อังกฤษทันควันว่า:

    “หมดยุคอิทธิพลของอังกฤษไปตั้งแต่เมื่อ 77 ปีที่แล้ว แรงกดดันจากภายนอกจะไม่ทำให้อิสราเอลเปลี่ยนเส้นทางในการต่อสู้เพื่อดำรงอยู่และความมั่นคงของตนจากศัตรูที่พยายามทำลายล้าง”


    เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 อิสราเอลได้ถือกำเนิดเป็นประเทศใหม่ขึ้นมาซึ่งครบรอบ 77 ปี ในปีนี้พอดี

    อังกฤษประกาศ!!! กำลังประสานงานกับพันธมิตรเพื่อรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช พร้อมกันนี้ได้ประกาศระงับการเจรจาการค้าเสรีกับอิสราเอลเพื่อเป็นการตอบโต้ต่อความโหดร้ายของอิสราเอลในกาซา และยังเรียกเอกอัครราชทูตอิสราเอลมาที่กระทรวงต่างประเทศในลอนดอนเพื่อตักเตือนอย่างเป็นทางการอีกด้วย ทางด้านกระทรวงต่างประเทศของอิสราเอลออกมาตอบโต้อังกฤษทันควันว่า: “หมดยุคอิทธิพลของอังกฤษไปตั้งแต่เมื่อ 77 ปีที่แล้ว แรงกดดันจากภายนอกจะไม่ทำให้อิสราเอลเปลี่ยนเส้นทางในการต่อสู้เพื่อดำรงอยู่และความมั่นคงของตนจากศัตรูที่พยายามทำลายล้าง” เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 อิสราเอลได้ถือกำเนิดเป็นประเทศใหม่ขึ้นมาซึ่งครบรอบ 77 ปี ในปีนี้พอดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts