• "ณัฐพงษ์" ปลุกเร้า สส.ปชน. ขออย่าเสียสมาธิ โวลั่นพรรคส้มชนะเลือกตั้งถล่มทลาย
    https://www.thai-tai.tv/news/19949/
    .
    #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #พรรคประชาชน #ประชุมสส #การเมืองบ้านใหญ่ #การเมืองไทย #ทำงานเพื่อประชาชน #เลือกตั้งครั้งหน้า #ความไว้วางใจ #สสประชาชน
    "ณัฐพงษ์" ปลุกเร้า สส.ปชน. ขออย่าเสียสมาธิ โวลั่นพรรคส้มชนะเลือกตั้งถล่มทลาย https://www.thai-tai.tv/news/19949/ . #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #พรรคประชาชน #ประชุมสส #การเมืองบ้านใหญ่ #การเมืองไทย #ทำงานเพื่อประชาชน #เลือกตั้งครั้งหน้า #ความไว้วางใจ #สสประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..น่าสงสารตัวเองแบบเราๆประชาชนคนธรรมดาจริงๆนะ ไม่มีบำนาญบำเหน็จสวัสดิการอะไรมากล้นเหลือมากมายแบบข้าราชการ,แต่ละวันพวกเราๆไทบ้านคนธรรมดา หาตังได้100บาทต่อวันจะได้จริงมั้ยนั้นยังแสนลำบากเลย,,หอบสังขารหายใจบนแผ่นดินไทยตนเองที่ถูกปล้นชิงของมีค่าทำตังมากมายบนแผ่นดินไทยตนจากพวกต่างชาติต่างประเทศกมากพอแล้ว&ไม่สมควรที่คนไทยถูกปล้นความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยแบบปล้นบ่อน้ำมันเราโดยใช้กฎหมายสัมปทานผูกขาดไป,ปล้นบ่อทองคำเราไปจากใบอนุญาตผีบ้าต่างๆผูกขาดไป,
    ..เป็นข้าราชการขุนนางนี้สบายจริงๆตังแต่ยุคศักดินา,ปัจจุบันร่ำรวยเงินทองนักในพวกหัวๆชนชั้นปกครองทัังหลาย,ระบบปกครองเรามีปัญหาจริงๆ&ผิดพลาดอย่างมากด้วย,โกงปล้นผูกขาดแย่งชิงประชาชนแบบใดๆชนชั้นปกครองใหญ่ๆโตๆรอดตายหมดแล้วก็กลับมาก่อชั่วเลวสร้างกระแสชั่ววงจรอุบาทก์ต่อเนื่องต่อไปมากมายบนสังคมชุมชนไทยเราเอง,
    ..ตัง100-300บาท มากมายประชาชนคนทัังประเทศใช้เลี้ยงคนในครอบครัวเขาต่อไปอาจหลายวัน,โดยเฉพาะพ่อแม่ปู่ย่าตายายรับภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานๆเขา,ชาติอื่นเหี้ยใดใครชั่งมันแต่ชาติไทยเราเอง ต้องสิ้นสุดความเหี้ยอัปรีย์จัญไรนี้จริงๆ,หนทางเดียวคือยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายทั้งหมดที่เป็นวัตถุดิบสู่การพ้นยากจนและทำให้ทุกๆคนไทยเราร่ำรวยยั่งยืนได้กลับคืนมาอย่างจริงจัง,หากเป็นเพราะระบบล้มเหลวก็จำเป็นต้องทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่.
    ..จริงๆข้าราชการไทยสมควรได้แค่เงินเดือนก็พอ,สวัสดิการใดๆสมควรเสมอเท่าประชาชนธรรมดา อาทิ30บาทรักษาทุกๆโรค เพียงตนในตำแหน่งหน้าที่พัฒนาการรักษาที่ดีปกติเสมอสม่ำไว้จะมารักษาสไตล์คนธรรมดาที่อยู่บนแผ่นดินไทยเหมือนกันก็ทำได้,ก็คนไทยธรรมดานี้เองเข้าไปทำงานในระบบราชการแค่นั้น,
    ..ปัจจุบันเลอะเทอะผีบ้ามาก,การบริหารตังก็ต้องบริหารเองสิ ใช้จ่ายเลอะเทอะใข่ที่ไหน,ประชาชนพ้น60เกษียณสถานะประชาชนมั้ย,ข้าราชการพ้น60หรือพ้น65หรือ70เอาแต่จะกำหนดก็ว่า,ก็กลับมาเป็นประชาชนนี้ถูกแล้ว ทำงานเพื่อประชาชนมันคือหน้าที่ปกติอยู่แล้ว ประชาชนก็ร่วมกันสามัคคีปกป้องชาติไทยจากศัตรูเช่นกัน ใช่เหลือยามใดๆ,ต่างคนต่างร่วมด้วยช่วยกัน,แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้ว สุดท้ายซวยคือประชาชน สถานะยากจน ไร้ร่ำรวยมีตังใช้ดำรงชีพพอดีก็หามีไม่,ยามแก่ชราก็ต้องอาศัยลูกหลานกำลังคนรุ่นต่อไป เงินทองลูกหลานเลี้ยงดูที่หามาตามสไตล์บริหารจัดการชาวบ้าน,มีสติปัญญาดีก็ทำนั้นนี้มีตังเข้าบ้านมากมายตามปัจเจกใครมันทำ,
    ..อดีตวีระบุรุษคือราชการไทยจริงๆ แต่นึกว่าจะดีขึ้น ระบบราชการถูกสร้างขึ้นจากคณะกบฎ2475 จริงๆหากต้องการให้ชาติประชาชนคนในชาติอยู่ดีมีสุขมีสติปัญญาดีต้องปกครองมุ่งไปเพื่อความเจริญอย่างจริงใจต่อชาติประชาชนจริงๆ พบโอกาสใดๆ สามารถนำพาทุกๆคนไทยอัพเรเวลสู่พ้นฐานะยากจนสมควรเร่งรีบดำเนินการทำ,พบบ่อทองบ่อน้ำมันแม้อดีตเรายากจนจริง,อนาคตแสดงว่าเราจะร่ำรวยไปด้วยกันทุกๆคน ผู้ปกครองไม่ควรทรยศประชาชนยกความร่ำรวยพ้นยากจนนี้ให้ชาติอื่นเมืองอื่นคนอื่นไปแบบที่เห็นชัดเจนในปัจจุบัน,ซึ่งในอดีตที่กล้าทำเพราะมั่นใจว่าปกปิดการกระทำชั่วตนได้,และมากมายสาระพัดอย่างที่เป็นไปในทางเพิ่มบัตรคนจนแก่คนไทย.
    https://youtube.com/watch?v=wGTNUnR4QVs&si=Ne_NwpWyQeEAltGW
    ..น่าสงสารตัวเองแบบเราๆประชาชนคนธรรมดาจริงๆนะ ไม่มีบำนาญบำเหน็จสวัสดิการอะไรมากล้นเหลือมากมายแบบข้าราชการ,แต่ละวันพวกเราๆไทบ้านคนธรรมดา หาตังได้100บาทต่อวันจะได้จริงมั้ยนั้นยังแสนลำบากเลย,,หอบสังขารหายใจบนแผ่นดินไทยตนเองที่ถูกปล้นชิงของมีค่าทำตังมากมายบนแผ่นดินไทยตนจากพวกต่างชาติต่างประเทศกมากพอแล้ว&ไม่สมควรที่คนไทยถูกปล้นความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยแบบปล้นบ่อน้ำมันเราโดยใช้กฎหมายสัมปทานผูกขาดไป,ปล้นบ่อทองคำเราไปจากใบอนุญาตผีบ้าต่างๆผูกขาดไป, ..เป็นข้าราชการขุนนางนี้สบายจริงๆตังแต่ยุคศักดินา,ปัจจุบันร่ำรวยเงินทองนักในพวกหัวๆชนชั้นปกครองทัังหลาย,ระบบปกครองเรามีปัญหาจริงๆ&ผิดพลาดอย่างมากด้วย,โกงปล้นผูกขาดแย่งชิงประชาชนแบบใดๆชนชั้นปกครองใหญ่ๆโตๆรอดตายหมดแล้วก็กลับมาก่อชั่วเลวสร้างกระแสชั่ววงจรอุบาทก์ต่อเนื่องต่อไปมากมายบนสังคมชุมชนไทยเราเอง, ..ตัง100-300บาท มากมายประชาชนคนทัังประเทศใช้เลี้ยงคนในครอบครัวเขาต่อไปอาจหลายวัน,โดยเฉพาะพ่อแม่ปู่ย่าตายายรับภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานๆเขา,ชาติอื่นเหี้ยใดใครชั่งมันแต่ชาติไทยเราเอง ต้องสิ้นสุดความเหี้ยอัปรีย์จัญไรนี้จริงๆ,หนทางเดียวคือยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายทั้งหมดที่เป็นวัตถุดิบสู่การพ้นยากจนและทำให้ทุกๆคนไทยเราร่ำรวยยั่งยืนได้กลับคืนมาอย่างจริงจัง,หากเป็นเพราะระบบล้มเหลวก็จำเป็นต้องทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่. ..จริงๆข้าราชการไทยสมควรได้แค่เงินเดือนก็พอ,สวัสดิการใดๆสมควรเสมอเท่าประชาชนธรรมดา อาทิ30บาทรักษาทุกๆโรค เพียงตนในตำแหน่งหน้าที่พัฒนาการรักษาที่ดีปกติเสมอสม่ำไว้จะมารักษาสไตล์คนธรรมดาที่อยู่บนแผ่นดินไทยเหมือนกันก็ทำได้,ก็คนไทยธรรมดานี้เองเข้าไปทำงานในระบบราชการแค่นั้น, ..ปัจจุบันเลอะเทอะผีบ้ามาก,การบริหารตังก็ต้องบริหารเองสิ ใช้จ่ายเลอะเทอะใข่ที่ไหน,ประชาชนพ้น60เกษียณสถานะประชาชนมั้ย,ข้าราชการพ้น60หรือพ้น65หรือ70เอาแต่จะกำหนดก็ว่า,ก็กลับมาเป็นประชาชนนี้ถูกแล้ว ทำงานเพื่อประชาชนมันคือหน้าที่ปกติอยู่แล้ว ประชาชนก็ร่วมกันสามัคคีปกป้องชาติไทยจากศัตรูเช่นกัน ใช่เหลือยามใดๆ,ต่างคนต่างร่วมด้วยช่วยกัน,แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้ว สุดท้ายซวยคือประชาชน สถานะยากจน ไร้ร่ำรวยมีตังใช้ดำรงชีพพอดีก็หามีไม่,ยามแก่ชราก็ต้องอาศัยลูกหลานกำลังคนรุ่นต่อไป เงินทองลูกหลานเลี้ยงดูที่หามาตามสไตล์บริหารจัดการชาวบ้าน,มีสติปัญญาดีก็ทำนั้นนี้มีตังเข้าบ้านมากมายตามปัจเจกใครมันทำ, ..อดีตวีระบุรุษคือราชการไทยจริงๆ แต่นึกว่าจะดีขึ้น ระบบราชการถูกสร้างขึ้นจากคณะกบฎ2475 จริงๆหากต้องการให้ชาติประชาชนคนในชาติอยู่ดีมีสุขมีสติปัญญาดีต้องปกครองมุ่งไปเพื่อความเจริญอย่างจริงใจต่อชาติประชาชนจริงๆ พบโอกาสใดๆ สามารถนำพาทุกๆคนไทยอัพเรเวลสู่พ้นฐานะยากจนสมควรเร่งรีบดำเนินการทำ,พบบ่อทองบ่อน้ำมันแม้อดีตเรายากจนจริง,อนาคตแสดงว่าเราจะร่ำรวยไปด้วยกันทุกๆคน ผู้ปกครองไม่ควรทรยศประชาชนยกความร่ำรวยพ้นยากจนนี้ให้ชาติอื่นเมืองอื่นคนอื่นไปแบบที่เห็นชัดเจนในปัจจุบัน,ซึ่งในอดีตที่กล้าทำเพราะมั่นใจว่าปกปิดการกระทำชั่วตนได้,และมากมายสาระพัดอย่างที่เป็นไปในทางเพิ่มบัตรคนจนแก่คนไทย. https://youtube.com/watch?v=wGTNUnR4QVs&si=Ne_NwpWyQeEAltGW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.หวั่นตำรวจกับประชาชนเอือมระอา ขอไม่ตอบโต้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หลังถูกอีกฝ่ายแจ้ง ม.157 ขอเอาเวลาไปคิด ทำงานเพื่อประชาชน ลุยปราบมิจฉาชีพหรือกลุ่มอาชญากร ลั่นพร้อมรับแรงกดดันหลังมีคำสั่งเด้ง ตั้งกก.สอบสีกากีเกี่ยวข้องแก๊งคอลฯ ย้ำจำเป็นต้องเด็ดขาด เพื่อกู้ภาพลักษณ์องค์กรและประเทศชาติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014240

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.หวั่นตำรวจกับประชาชนเอือมระอา ขอไม่ตอบโต้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หลังถูกอีกฝ่ายแจ้ง ม.157 ขอเอาเวลาไปคิด ทำงานเพื่อประชาชน ลุยปราบมิจฉาชีพหรือกลุ่มอาชญากร ลั่นพร้อมรับแรงกดดันหลังมีคำสั่งเด้ง ตั้งกก.สอบสีกากีเกี่ยวข้องแก๊งคอลฯ ย้ำจำเป็นต้องเด็ดขาด เพื่อกู้ภาพลักษณ์องค์กรและประเทศชาติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014240 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    15
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ คำตอบสะท้อนมายเซ็ท ว่าไม่ได้ตั้งใจมาทำงานเพื่อประชาชน แต่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง จิตจึงวิตกเวลาโดนทวงถามการแก้ปัญหา เหมาเป็นเกมการเมืองไปหมด ก่อนหน้านี้ก็...
    "อย่าเอาข้าวเก่ามาเล่นการเมือง"
    "อย่าเอาชั้น14มาเล่นการเมือง"
    "อย่าเอาเกาะกูดมาเล่นการเมือง"
    "อย่าเอากาสิโนมาเล่นการเมือง"
    "อย่าเอาคอลเซ็นเตอร์มาเล่นการเมือง"
    #7ดอกจิก
    ♣ คำตอบสะท้อนมายเซ็ท ว่าไม่ได้ตั้งใจมาทำงานเพื่อประชาชน แต่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง จิตจึงวิตกเวลาโดนทวงถามการแก้ปัญหา เหมาเป็นเกมการเมืองไปหมด ก่อนหน้านี้ก็... "อย่าเอาข้าวเก่ามาเล่นการเมือง" "อย่าเอาชั้น14มาเล่นการเมือง" "อย่าเอาเกาะกูดมาเล่นการเมือง" "อย่าเอากาสิโนมาเล่นการเมือง" "อย่าเอาคอลเซ็นเตอร์มาเล่นการเมือง" #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

    สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

    1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร

    2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย

    3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

    สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

    ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย

    ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

    สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้

    และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

    พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย

    แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

    4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ 1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1254 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีแรกในวิชาชีพสื่อ 50 ปี "สุนันท์ ศรีจันทรา" / สุนันท์ ศรีจันทราเขียนคอลัมน์ใน “ชุมชนคนหุ้น” หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา มาประมาณ 8 ปี ยืนหยัดในหลักการปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ผู้ลงทุนในตลาดหุ้น ผ่านการข่มขู่ คุกคาม และการถูกดำเนินคดีมานับสิบคดี โดยไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกลงโทษเพิ่งถูกตัดสินลงโทษในคดีที่ "น.ส.ชญานี โปขันเงิน" ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทเป็นครั้งแรก โดยถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 1.8 แสนบาท และร่วมชดใช้เงินให้โจกท์ทั้ง 3 รวมเป็นเงิน 2.4 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในวิชาชีพสื่อที่ยาวนานมาประมาณ 50 ปี เป็นคดีแรกที่ถูกตัดสินลงโทษแต่คำตัดสินของศาลเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และต้องยอมรับตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นกระบวนการที่จะสร้างความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นระบบที่ช่วยให้ประชาชนที่ถูกละเมิดได้รับความเป็นธรรม ซึ่งทุกคนต้องยอมรับเพียงแต่การต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด เพราะยังมีขั้นตอนการยื่นชั้นอุทธรณ์ ซึ่งทนายความกำลังเตรียมการอยู่ และคดีนี้คงสิ้นสุดในชั้นฎีกามีผู้ที่ติดตามการทำงานในวิชาชีพสื่อจำนวนมาก ส่งกำลังใจมาให้ ขออย่าท้อแท้ และเดินหน้าในวิชาชีพต่อไป ซึ่งต้องขอขอบคุณมิตรสหายหรือผู้ติดตามผลงานทุกท่านเพียงแต่สิ่งที่จะบอกกับมิตรสหายที่ติดตามผลงานคือ ตั้งแต่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่วิชาชีพสื่อ ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า จะยึดมั่นในหลักการสื่อมวลชนที่ดี จะยืดหยัดในอุดมการณ์การทำงานเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ จะไม่ทรยศต่อวิชาชีพ จะยึดความถูกต้อง ยึดมั่นในรักษาจริยธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพและไม่ยอมก้มหัวให้คนที่สร้างความเสียหายให้สังคมส่วนรวม ไม่ยอมให้ผลประโยชน์มาครอบงำการทำหน้าที่สื่อ50 ปีที่อยู่ในวิชาชีพสื่อ เจอแรงกดดันจากการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในทุกรูปแบบ เจอข้อเสนอผลประโยชน์มหาศาลที่ยั่วยวน เพื่อให้หลีกเลี่ยงหรืองดการนำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ผ่านกิเลสที่ทำให้นักข่าวหลายคนต้องกลายเป็นแค่ “กาฝาก” ในวิชาชีพสื่อมาได้การถูกตัดสินลงโทษจำคุก ถูกปรับ ต้องร่วมชดใช้เยียวยาโจทก์ มีมิตรสหายคำถามว่า จะทำให้เกิดความท้อแท้หรือไม่ แน่นอนว่า การถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการทำหน้าที่ในวิชาชีพสื่อเป็นครั้งแรก ย่อมมีความรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่ได้เกิดความท้อแท้แต่อย่างใด ไม่ได้มีผลต่อความมุ่งมั่นในวิชาชีพสื่อที่ยึดมั่นในหลักการ อุดมการณ์ ต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และเป็นสื่อที่ยึดถือจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลงการจะต้องเผชิญชะตากรรมใดๆ เป็นสิ่งที่เตรียมใจไว้แล้ว นับตั้งแต่ก้าวแรกในวิชาชีพสื่อ และถือว่า เป็นเส้นทางชีวิตที่เลือกแล้วถ้ากลัวการข่มขู่คุกคาม ถ้ากลัวการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ถ้ากลัวคุกตะราง ถ้าไม่สามารถรักษาอุดมการณ์หรือหลักการของการเป็นสื่อที่ดีและยึดมั่นในจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพได้ ควรจะต้องหันหลังจากวิชาชีพสื่อหรือเปลี่ยนจุดยืน เปลี่ยนแนวคิด ล้มเลิกอุดมการณ์และจุดยืน แปลงตัวเองเป็น "กาฝาก" ในวิชาชีพสื่อ ซึ่งพร้อมจะรับใช้ หรือเชลียร์ใครก็ตามที่โยนเศษเงินฟาดหัวถ้าเป็นสื่อที่ดีไม่ได้ ควรออกจากวิชาชีพ อย่าอยู่เป็นสื่อเลวที่ทำให้ภาพลักษณ์องคาพยพวิชาชีพสื่อเสียหาย อย่าเป็นสื่อเลวที่หนักแผ่นดินสุดท้าย ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังใจจากมิตรสหาย และผู้ที่ติดตามชื่นชมผลงานการทำวิชาชีพสื่อทุกท่านขอยืนยันครับ ตราบใดที่ยังอยู่ในวิชาชีพสื่อ ตราบใดที่ยังเขียน “คอลัมน์” ชุมชนคนหุ้น จะยึดมั่นในหลักการความถูกต้อง ยึดมั่นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่ชะตากรรมใดๆ ที่ต้องเผชิญ ไม่ได้ทำให้ "สุนันท์ ศรีจันทรา" เปลี่ยนแปลงจากสื่อที่ยึดในจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อโดยไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
    คดีแรกในวิชาชีพสื่อ 50 ปี "สุนันท์ ศรีจันทรา" / สุนันท์ ศรีจันทราเขียนคอลัมน์ใน “ชุมชนคนหุ้น” หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา มาประมาณ 8 ปี ยืนหยัดในหลักการปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ผู้ลงทุนในตลาดหุ้น ผ่านการข่มขู่ คุกคาม และการถูกดำเนินคดีมานับสิบคดี โดยไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกลงโทษเพิ่งถูกตัดสินลงโทษในคดีที่ "น.ส.ชญานี โปขันเงิน" ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทเป็นครั้งแรก โดยถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 1.8 แสนบาท และร่วมชดใช้เงินให้โจกท์ทั้ง 3 รวมเป็นเงิน 2.4 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในวิชาชีพสื่อที่ยาวนานมาประมาณ 50 ปี เป็นคดีแรกที่ถูกตัดสินลงโทษแต่คำตัดสินของศาลเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และต้องยอมรับตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นกระบวนการที่จะสร้างความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นระบบที่ช่วยให้ประชาชนที่ถูกละเมิดได้รับความเป็นธรรม ซึ่งทุกคนต้องยอมรับเพียงแต่การต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด เพราะยังมีขั้นตอนการยื่นชั้นอุทธรณ์ ซึ่งทนายความกำลังเตรียมการอยู่ และคดีนี้คงสิ้นสุดในชั้นฎีกามีผู้ที่ติดตามการทำงานในวิชาชีพสื่อจำนวนมาก ส่งกำลังใจมาให้ ขออย่าท้อแท้ และเดินหน้าในวิชาชีพต่อไป ซึ่งต้องขอขอบคุณมิตรสหายหรือผู้ติดตามผลงานทุกท่านเพียงแต่สิ่งที่จะบอกกับมิตรสหายที่ติดตามผลงานคือ ตั้งแต่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่วิชาชีพสื่อ ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า จะยึดมั่นในหลักการสื่อมวลชนที่ดี จะยืดหยัดในอุดมการณ์การทำงานเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ จะไม่ทรยศต่อวิชาชีพ จะยึดความถูกต้อง ยึดมั่นในรักษาจริยธรรมจรรยาบรรณวิชาชีพและไม่ยอมก้มหัวให้คนที่สร้างความเสียหายให้สังคมส่วนรวม ไม่ยอมให้ผลประโยชน์มาครอบงำการทำหน้าที่สื่อ50 ปีที่อยู่ในวิชาชีพสื่อ เจอแรงกดดันจากการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในทุกรูปแบบ เจอข้อเสนอผลประโยชน์มหาศาลที่ยั่วยวน เพื่อให้หลีกเลี่ยงหรืองดการนำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ผ่านกิเลสที่ทำให้นักข่าวหลายคนต้องกลายเป็นแค่ “กาฝาก” ในวิชาชีพสื่อมาได้การถูกตัดสินลงโทษจำคุก ถูกปรับ ต้องร่วมชดใช้เยียวยาโจทก์ มีมิตรสหายคำถามว่า จะทำให้เกิดความท้อแท้หรือไม่ แน่นอนว่า การถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการทำหน้าที่ในวิชาชีพสื่อเป็นครั้งแรก ย่อมมีความรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่ได้เกิดความท้อแท้แต่อย่างใด ไม่ได้มีผลต่อความมุ่งมั่นในวิชาชีพสื่อที่ยึดมั่นในหลักการ อุดมการณ์ ต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และเป็นสื่อที่ยึดถือจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพต่อไปโดยไม่เปลี่ยนแปลงการจะต้องเผชิญชะตากรรมใดๆ เป็นสิ่งที่เตรียมใจไว้แล้ว นับตั้งแต่ก้าวแรกในวิชาชีพสื่อ และถือว่า เป็นเส้นทางชีวิตที่เลือกแล้วถ้ากลัวการข่มขู่คุกคาม ถ้ากลัวการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ถ้ากลัวคุกตะราง ถ้าไม่สามารถรักษาอุดมการณ์หรือหลักการของการเป็นสื่อที่ดีและยึดมั่นในจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพได้ ควรจะต้องหันหลังจากวิชาชีพสื่อหรือเปลี่ยนจุดยืน เปลี่ยนแนวคิด ล้มเลิกอุดมการณ์และจุดยืน แปลงตัวเองเป็น "กาฝาก" ในวิชาชีพสื่อ ซึ่งพร้อมจะรับใช้ หรือเชลียร์ใครก็ตามที่โยนเศษเงินฟาดหัวถ้าเป็นสื่อที่ดีไม่ได้ ควรออกจากวิชาชีพ อย่าอยู่เป็นสื่อเลวที่ทำให้ภาพลักษณ์องคาพยพวิชาชีพสื่อเสียหาย อย่าเป็นสื่อเลวที่หนักแผ่นดินสุดท้าย ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับกำลังใจจากมิตรสหาย และผู้ที่ติดตามชื่นชมผลงานการทำวิชาชีพสื่อทุกท่านขอยืนยันครับ ตราบใดที่ยังอยู่ในวิชาชีพสื่อ ตราบใดที่ยังเขียน “คอลัมน์” ชุมชนคนหุ้น จะยึดมั่นในหลักการความถูกต้อง ยึดมั่นการทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่ชะตากรรมใดๆ ที่ต้องเผชิญ ไม่ได้ทำให้ "สุนันท์ ศรีจันทรา" เปลี่ยนแปลงจากสื่อที่ยึดในจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อโดยไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะเป็นสามกีบ จะเป็นก้าวกี เรื่องดีๆไม่ต้องเอ่ยถึง
    งานอดิเรก ออกทีวีสร้างภาพชุบตัว
    งานหลักทำมาหาแดรกกับตำแหน่งในสภา
    อย่าถามนะ ว่าเป็นโควต้าพรรคไหน
    แล้วบอกอยากทำงานเพื่อประชาชน
    ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง สู่ต้นอ้อ เป็นกีบ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ต้นอ้อเป็นหนึ่ง
    #ต้นอ้อเป็นกีบ
    จะเป็นสามกีบ จะเป็นก้าวกี เรื่องดีๆไม่ต้องเอ่ยถึง งานอดิเรก ออกทีวีสร้างภาพชุบตัว งานหลักทำมาหาแดรกกับตำแหน่งในสภา อย่าถามนะ ว่าเป็นโควต้าพรรคไหน แล้วบอกอยากทำงานเพื่อประชาชน ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง สู่ต้นอ้อ เป็นกีบ #คิงส์โพธิ์แดง #ต้นอ้อเป็นหนึ่ง #ต้นอ้อเป็นกีบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว