จู่ๆ ต่อยกันได้ ต่อไปฆ่ากันตาย

กรณีที่นายธรรมราช สาระปัญญา ถูกผู้ก่อเหตุนำโดยนายจารุเวศ พงษ์ฉวี อายุ 28 ปี บุกทำร้ายร่างกาย ใช้มือตบเข้าที่กลางหน้า และเกิดการชุลมุน ระหว่างแถลงข่าวดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้ชื่อ "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" อินฟลูเอนเซอร์ในข้อหาเหยียดหยามศาสนา ที่หน้าศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในสังคมที่ยังไม่หมดไป ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมเลียนแบบ ที่อาจจุดชนวนไปสู่ความรุนแรงที่สูงขึ้น เช่น การฆ่าผู้อื่นอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ผลที่ตามมา ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ออกระเบียบห้ามบุคคลหรือคณะบุคคลมาใช้สถานที่ในการแถลงข่าว ที่หน้าศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยเด็ดขาด หากเป็นการให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ ให้ไปใช้สถานที่ด้านนอก ประชาชนที่จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์สามารถเดินทางเข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลางหรือตัวแทน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงซ้ำซ้อน และห้ามมาใช้สถานที่ถ่ายทำไลฟ์สดซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน หากจะถ่ายทำให้ขออนุญาตเป็นกรณีไป

ปฎิกิริยาของคนในสังคมส่วนหนึ่ง ที่แสดงท่าทีสะใจ ให้ท้ายสนับสนุน ไม่ต่างอะไรกับที่เคยเกิดขึ้นกับนายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียนในตำนาน ที่แพ้ภัยตัวเองจากคดีร่วมกันตบทรัพย์ข้าราชการระดับสูง ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกทำร้ายร่างกายถึงสองครั้ง แต่ยังมีสังคมส่วนหนึ่งที่เห็นดีเห็นงาม ต่างพากันสะใจ สมน้ำหน้า เพราะรำคาญกับพฤติกรรมการร้องเรียนปรากฎเป็นข่าวบ่อยครั้ง ทั้งที่การร้องเรียนเป็นสิทธิเสรีภาพ ส่วนจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ และด้วยยุคนี้คนไทยโอนไว ส่วนหนึ่งก็โอนเงินไปยังผู้ก่อเหตุเพื่อสนับสนุน บางคนได้เงินไปหลักล้านบาท

มีคนในสังคมอีกส่วนหนึ่งมักจะบอกตัวเองว่าไม่สนับสนุนความรุนแรง แต่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบกลับมีข้ออ้างให้มองว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน ทั้งที่ความรุนแรงไม่ว่าจะบาดเจ็บเล็กน้อยหรือสาหัสไม่ใช่เรื่องตลก และไม่ใช่เรื่องเวรกรรมเพราะเกิดขึ้นจากความจงใจของมนุษย์ ส่วนข้ออ้างที่ว่าคนที่เห็นแยกแยะได้ ก็อาจมีคนที่คิดไม่เป็น มองว่าเมื่อคนอื่นทำได้ตนเองก็ทำได้ สิ่งเหล่านี้เรียกว่า "พฤติกรรมเลียนแบบ" ส่งผลให้ความรุนแรงก่อตัวเป็นความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง วันดีคืนดีเกิดใครไม่ชอบก็เอาอาวุธปืนมายิงกันให้ตายไปข้าง บ้านเมืองจะกลับไปสู่ยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน ทั้งที่เป็นเรื่องไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก

#Newskit #ตำรวจสอบสวนกลาง
จู่ๆ ต่อยกันได้ ต่อไปฆ่ากันตาย กรณีที่นายธรรมราช สาระปัญญา ถูกผู้ก่อเหตุนำโดยนายจารุเวศ พงษ์ฉวี อายุ 28 ปี บุกทำร้ายร่างกาย ใช้มือตบเข้าที่กลางหน้า และเกิดการชุลมุน ระหว่างแถลงข่าวดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้ชื่อ "อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม" อินฟลูเอนเซอร์ในข้อหาเหยียดหยามศาสนา ที่หน้าศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในสังคมที่ยังไม่หมดไป ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นตัวอย่างของพฤติกรรมเลียนแบบ ที่อาจจุดชนวนไปสู่ความรุนแรงที่สูงขึ้น เช่น การฆ่าผู้อื่นอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ผลที่ตามมา ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ออกระเบียบห้ามบุคคลหรือคณะบุคคลมาใช้สถานที่ในการแถลงข่าว ที่หน้าศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยเด็ดขาด หากเป็นการให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ ให้ไปใช้สถานที่ด้านนอก ประชาชนที่จะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์สามารถเดินทางเข้าร้องเรียนกับพนักงานสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านคนกลางหรือตัวแทน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงซ้ำซ้อน และห้ามมาใช้สถานที่ถ่ายทำไลฟ์สดซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน หากจะถ่ายทำให้ขออนุญาตเป็นกรณีไป ปฎิกิริยาของคนในสังคมส่วนหนึ่ง ที่แสดงท่าทีสะใจ ให้ท้ายสนับสนุน ไม่ต่างอะไรกับที่เคยเกิดขึ้นกับนายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียนในตำนาน ที่แพ้ภัยตัวเองจากคดีร่วมกันตบทรัพย์ข้าราชการระดับสูง ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกทำร้ายร่างกายถึงสองครั้ง แต่ยังมีสังคมส่วนหนึ่งที่เห็นดีเห็นงาม ต่างพากันสะใจ สมน้ำหน้า เพราะรำคาญกับพฤติกรรมการร้องเรียนปรากฎเป็นข่าวบ่อยครั้ง ทั้งที่การร้องเรียนเป็นสิทธิเสรีภาพ ส่วนจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ และด้วยยุคนี้คนไทยโอนไว ส่วนหนึ่งก็โอนเงินไปยังผู้ก่อเหตุเพื่อสนับสนุน บางคนได้เงินไปหลักล้านบาท มีคนในสังคมอีกส่วนหนึ่งมักจะบอกตัวเองว่าไม่สนับสนุนความรุนแรง แต่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบกลับมีข้ออ้างให้มองว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน ทั้งที่ความรุนแรงไม่ว่าจะบาดเจ็บเล็กน้อยหรือสาหัสไม่ใช่เรื่องตลก และไม่ใช่เรื่องเวรกรรมเพราะเกิดขึ้นจากความจงใจของมนุษย์ ส่วนข้ออ้างที่ว่าคนที่เห็นแยกแยะได้ ก็อาจมีคนที่คิดไม่เป็น มองว่าเมื่อคนอื่นทำได้ตนเองก็ทำได้ สิ่งเหล่านี้เรียกว่า "พฤติกรรมเลียนแบบ" ส่งผลให้ความรุนแรงก่อตัวเป็นความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง วันดีคืนดีเกิดใครไม่ชอบก็เอาอาวุธปืนมายิงกันให้ตายไปข้าง บ้านเมืองจะกลับไปสู่ยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน ทั้งที่เป็นเรื่องไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก #Newskit #ตำรวจสอบสวนกลาง
Like
Sad
7
0 Comments 0 Shares 614 Views 0 Reviews