แพทย์ผิวหนังกลุ่มหนึ่งในสวีเดนถึงขั้นทำการทดลองทางคลินิก เพื่อศึกษาว่าชื่อยี่ห้อและบรรจุภัณฑ์ของมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับใบหน้า มีผลต่อตัวผลิตภัณฑ์หรือต่อเสียงตอบรับว่ามันใช้ “ได้ผล” หรือไม่ ผู้เข้าร่วมการทดลองทามอยส์เจอไรเซอร์สำหรับใบหน้าวันละสองครั้งนานหกสัปดาห์ โดยระหว่างนั้นก็ยังคงแต่งหน้าและล้างหน้าตามปกติ นักวิจัยสุ่มแบ่งคนทั้งหมดเป็นสามกลุ่มโดยให้ครีมแต่ละกลุ่มต่างชนิดกัน กลุ่ม A ได้ใช้ชาแนลพรีซิชั่นอัลตราคอร์เรกชั่นรีสตรักเจอริงแอนติ-ริงเกิลเฟิร์มมิงครีม SPF 10 กระปุกใหม่เอี่ยม (ราคาขายปลีก 105 ปอนด์สำหรับ ขนาด 50 มิลลิลิตร) กลุ่ม B ได้กระปุกและบรรจุภัณฑ์ของชาแนลเหมือน กลุ่มแรกแต่ตัวครีมข้างในใส่มอยส์เจอไรเซอร์ราคาถูกทั่วไปแทน (อาโกเฟซครีม ราคาขายปลีก 15.75 ปอนด์สำหรับขนาด 50 มิลลิลิตร) ซึ่งมีสีเหมือนครีมชาแนล กลุ่มที่สามคือกลุ่ม C ได้ครีมชาแนลของแท้ในกระปุกสีขาวเรียบง่าย
เมื่อครบหกสัปดาห์ พบว่ากลุ่ม A และกลุ่ม B ซึ่งได้ครีมในบรรจุภัณฑ์ชาแนลใช้ครีมในปริมาณที่มากกว่ากลุ่ม C อย่างมีนัยสำคัญ กลุ่ม B ให้คะแนนการซึมซาบของครีม (ครีมราคาถูก) ไว้สูงกว่าอีกสองกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าครีมนี้เป็นครีม “หรู” มากกว่ากลุ่มอื่นด้วย ผู้เข้าร่วมการทดลองกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่คิดว่าครีม (ทั้งหมด) ช่วยแก้ปัญหารอยย่นของตัวเองได้ ผู้สังเกตการณ์ที่ฝึกอบรมมาพบว่าสัญญาณความแก่ชราในทุกกลุ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญใดๆ หลังครบหกสัปดาห์
โดยสรุปก็คือ มอยส์เจอไรเซอร์ราคาแพงไม่ได้ “มอบความชุ่มชื้น” ได้ดีกว่าหรือแก้ปัญหารอยย่นได้มีประสิทธิภาพมากกว่ามอยส์เจอไรเซอร์ราคาถูก
จากหนังสือ #ศาสตร์แห่งผิวไม่ผิวเผิน #Skintelligent
เมื่อครบหกสัปดาห์ พบว่ากลุ่ม A และกลุ่ม B ซึ่งได้ครีมในบรรจุภัณฑ์ชาแนลใช้ครีมในปริมาณที่มากกว่ากลุ่ม C อย่างมีนัยสำคัญ กลุ่ม B ให้คะแนนการซึมซาบของครีม (ครีมราคาถูก) ไว้สูงกว่าอีกสองกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าครีมนี้เป็นครีม “หรู” มากกว่ากลุ่มอื่นด้วย ผู้เข้าร่วมการทดลองกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่คิดว่าครีม (ทั้งหมด) ช่วยแก้ปัญหารอยย่นของตัวเองได้ ผู้สังเกตการณ์ที่ฝึกอบรมมาพบว่าสัญญาณความแก่ชราในทุกกลุ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญใดๆ หลังครบหกสัปดาห์
โดยสรุปก็คือ มอยส์เจอไรเซอร์ราคาแพงไม่ได้ “มอบความชุ่มชื้น” ได้ดีกว่าหรือแก้ปัญหารอยย่นได้มีประสิทธิภาพมากกว่ามอยส์เจอไรเซอร์ราคาถูก
จากหนังสือ #ศาสตร์แห่งผิวไม่ผิวเผิน #Skintelligent
แพทย์ผิวหนังกลุ่มหนึ่งในสวีเดนถึงขั้นทำการทดลองทางคลินิก เพื่อศึกษาว่าชื่อยี่ห้อและบรรจุภัณฑ์ของมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับใบหน้า มีผลต่อตัวผลิตภัณฑ์หรือต่อเสียงตอบรับว่ามันใช้ “ได้ผล” หรือไม่ ผู้เข้าร่วมการทดลองทามอยส์เจอไรเซอร์สำหรับใบหน้าวันละสองครั้งนานหกสัปดาห์ โดยระหว่างนั้นก็ยังคงแต่งหน้าและล้างหน้าตามปกติ นักวิจัยสุ่มแบ่งคนทั้งหมดเป็นสามกลุ่มโดยให้ครีมแต่ละกลุ่มต่างชนิดกัน กลุ่ม A ได้ใช้ชาแนลพรีซิชั่นอัลตราคอร์เรกชั่นรีสตรักเจอริงแอนติ-ริงเกิลเฟิร์มมิงครีม SPF 10 กระปุกใหม่เอี่ยม (ราคาขายปลีก 105 ปอนด์สำหรับ ขนาด 50 มิลลิลิตร) กลุ่ม B ได้กระปุกและบรรจุภัณฑ์ของชาแนลเหมือน กลุ่มแรกแต่ตัวครีมข้างในใส่มอยส์เจอไรเซอร์ราคาถูกทั่วไปแทน (อาโกเฟซครีม ราคาขายปลีก 15.75 ปอนด์สำหรับขนาด 50 มิลลิลิตร) ซึ่งมีสีเหมือนครีมชาแนล กลุ่มที่สามคือกลุ่ม C ได้ครีมชาแนลของแท้ในกระปุกสีขาวเรียบง่าย
เมื่อครบหกสัปดาห์ พบว่ากลุ่ม A และกลุ่ม B ซึ่งได้ครีมในบรรจุภัณฑ์ชาแนลใช้ครีมในปริมาณที่มากกว่ากลุ่ม C อย่างมีนัยสำคัญ กลุ่ม B ให้คะแนนการซึมซาบของครีม (ครีมราคาถูก) ไว้สูงกว่าอีกสองกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าครีมนี้เป็นครีม “หรู” มากกว่ากลุ่มอื่นด้วย ผู้เข้าร่วมการทดลองกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่คิดว่าครีม (ทั้งหมด) ช่วยแก้ปัญหารอยย่นของตัวเองได้ ผู้สังเกตการณ์ที่ฝึกอบรมมาพบว่าสัญญาณความแก่ชราในทุกกลุ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญใดๆ หลังครบหกสัปดาห์
โดยสรุปก็คือ มอยส์เจอไรเซอร์ราคาแพงไม่ได้ “มอบความชุ่มชื้น” ได้ดีกว่าหรือแก้ปัญหารอยย่นได้มีประสิทธิภาพมากกว่ามอยส์เจอไรเซอร์ราคาถูก
จากหนังสือ #ศาสตร์แห่งผิวไม่ผิวเผิน #Skintelligent
0 Comments
0 Shares
10 Views
0 Reviews