Amazon ยุติโครงการ “commingling” หลังเสียงร้องเรียนสะสมหลายปี — จุดเปลี่ยนสำคัญเพื่อปกป้องแบรนด์และผู้บริโภค
ในงานประชุม Accelerate ประจำปี 2025 ที่ซีแอตเทิล Amazon ประกาศยุติโครงการ “commingling” ซึ่งเป็นระบบที่รวมสินค้าชนิดเดียวกันจากผู้ขายหลายรายไว้ภายใต้บาร์โค้ดเดียวกัน โดยไม่สนว่าใครเป็นผู้จัดส่งจริง แม้จะช่วยให้จัดการคลังสินค้าได้รวดเร็วและประหยัดพื้นที่ แต่ระบบนี้กลับเปิดช่องให้สินค้าปลอม หมดอายุ หรือเสียหายถูกส่งถึงมือลูกค้าโดยไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้
แบรนด์ต่าง ๆ เช่น Johnson & Johnson เคยถอนสินค้าจาก Amazon ชั่วคราวตั้งแต่ปี 2013 เพราะไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ ขณะที่ผู้ขายจำนวนมากต้องเสียเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อ “re-stickering” หรือแปะบาร์โค้ดใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกนำไปปะปนกับสินค้าจากผู้ขายอื่น
การยุติโครงการ commingling สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ Amazon ที่เน้นความร่วมมือกับแบรนด์โดยตรง เช่น การกลับมาร่วมงานกับ Nike หลังห่างหายไปตั้งแต่ปี 2019 และลดบทบาทของผู้ขายแบบ reseller ที่ไม่สามารถรับประกันคุณภาพสินค้าได้
แม้ Amazon จะเปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่สำหรับผู้ขายในงานเดียวกัน แต่สิ่งที่ได้รับเสียงปรบมือมากที่สุดกลับเป็นการประกาศยุติ commingling ซึ่งผู้ขายมองว่าเป็นการฟังเสียงของพวกเขาอย่างแท้จริง
Amazon ประกาศยุติโครงการ commingling ในปี 2025
เป็นระบบที่รวมสินค้าจากผู้ขายหลายรายไว้ภายใต้บาร์โค้ดเดียว
ช่วยให้จัดการคลังสินค้าเร็วขึ้น แต่มีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า
แบรนด์ร้องเรียนเรื่องสินค้าปลอมและหมดอายุ
Johnson & Johnson เคยถอนสินค้าจาก Amazon ในปี 2013
ผู้ขายต้องเสียเงินกว่า $600 ล้านต่อปีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะปน
Amazon เปลี่ยนแนวทางไปสู่ความร่วมมือกับแบรนด์โดยตรง
กลับมาร่วมงานกับ Nike หลังหยุดไปตั้งแต่ปี 2019
ลดบทบาทของ reseller ที่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพสินค้า
เครื่องมือ AI ใหม่สำหรับผู้ขายถูกเปิดตัวในงานเดียวกัน
ช่วยจัดการ ticket, ค่าธรรมเนียมคลังสินค้า และแนะนำการปรับปรุง
แต่การยุติ commingling ได้รับความสนใจมากกว่า
ระบบโลจิสติกส์ของ Amazon พัฒนาแล้ว
สามารถเก็บสินค้าใกล้ลูกค้าได้มากขึ้น
ลดความจำเป็นในการรวมสินค้าจากหลายแหล่ง
https://www.modernretail.co/operations/amazon-to-end-commingling-program-after-years-of-complaints-from-brands-and-sellers/
ในงานประชุม Accelerate ประจำปี 2025 ที่ซีแอตเทิล Amazon ประกาศยุติโครงการ “commingling” ซึ่งเป็นระบบที่รวมสินค้าชนิดเดียวกันจากผู้ขายหลายรายไว้ภายใต้บาร์โค้ดเดียวกัน โดยไม่สนว่าใครเป็นผู้จัดส่งจริง แม้จะช่วยให้จัดการคลังสินค้าได้รวดเร็วและประหยัดพื้นที่ แต่ระบบนี้กลับเปิดช่องให้สินค้าปลอม หมดอายุ หรือเสียหายถูกส่งถึงมือลูกค้าโดยไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้
แบรนด์ต่าง ๆ เช่น Johnson & Johnson เคยถอนสินค้าจาก Amazon ชั่วคราวตั้งแต่ปี 2013 เพราะไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ ขณะที่ผู้ขายจำนวนมากต้องเสียเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อ “re-stickering” หรือแปะบาร์โค้ดใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกนำไปปะปนกับสินค้าจากผู้ขายอื่น
การยุติโครงการ commingling สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ Amazon ที่เน้นความร่วมมือกับแบรนด์โดยตรง เช่น การกลับมาร่วมงานกับ Nike หลังห่างหายไปตั้งแต่ปี 2019 และลดบทบาทของผู้ขายแบบ reseller ที่ไม่สามารถรับประกันคุณภาพสินค้าได้
แม้ Amazon จะเปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่สำหรับผู้ขายในงานเดียวกัน แต่สิ่งที่ได้รับเสียงปรบมือมากที่สุดกลับเป็นการประกาศยุติ commingling ซึ่งผู้ขายมองว่าเป็นการฟังเสียงของพวกเขาอย่างแท้จริง
Amazon ประกาศยุติโครงการ commingling ในปี 2025
เป็นระบบที่รวมสินค้าจากผู้ขายหลายรายไว้ภายใต้บาร์โค้ดเดียว
ช่วยให้จัดการคลังสินค้าเร็วขึ้น แต่มีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า
แบรนด์ร้องเรียนเรื่องสินค้าปลอมและหมดอายุ
Johnson & Johnson เคยถอนสินค้าจาก Amazon ในปี 2013
ผู้ขายต้องเสียเงินกว่า $600 ล้านต่อปีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะปน
Amazon เปลี่ยนแนวทางไปสู่ความร่วมมือกับแบรนด์โดยตรง
กลับมาร่วมงานกับ Nike หลังหยุดไปตั้งแต่ปี 2019
ลดบทบาทของ reseller ที่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพสินค้า
เครื่องมือ AI ใหม่สำหรับผู้ขายถูกเปิดตัวในงานเดียวกัน
ช่วยจัดการ ticket, ค่าธรรมเนียมคลังสินค้า และแนะนำการปรับปรุง
แต่การยุติ commingling ได้รับความสนใจมากกว่า
ระบบโลจิสติกส์ของ Amazon พัฒนาแล้ว
สามารถเก็บสินค้าใกล้ลูกค้าได้มากขึ้น
ลดความจำเป็นในการรวมสินค้าจากหลายแหล่ง
https://www.modernretail.co/operations/amazon-to-end-commingling-program-after-years-of-complaints-from-brands-and-sellers/
📰 Amazon ยุติโครงการ “commingling” หลังเสียงร้องเรียนสะสมหลายปี — จุดเปลี่ยนสำคัญเพื่อปกป้องแบรนด์และผู้บริโภค
ในงานประชุม Accelerate ประจำปี 2025 ที่ซีแอตเทิล Amazon ประกาศยุติโครงการ “commingling” ซึ่งเป็นระบบที่รวมสินค้าชนิดเดียวกันจากผู้ขายหลายรายไว้ภายใต้บาร์โค้ดเดียวกัน โดยไม่สนว่าใครเป็นผู้จัดส่งจริง แม้จะช่วยให้จัดการคลังสินค้าได้รวดเร็วและประหยัดพื้นที่ แต่ระบบนี้กลับเปิดช่องให้สินค้าปลอม หมดอายุ หรือเสียหายถูกส่งถึงมือลูกค้าโดยไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้
แบรนด์ต่าง ๆ เช่น Johnson & Johnson เคยถอนสินค้าจาก Amazon ชั่วคราวตั้งแต่ปี 2013 เพราะไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ ขณะที่ผู้ขายจำนวนมากต้องเสียเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อ “re-stickering” หรือแปะบาร์โค้ดใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกนำไปปะปนกับสินค้าจากผู้ขายอื่น
การยุติโครงการ commingling สะท้อนถึงแนวทางใหม่ของ Amazon ที่เน้นความร่วมมือกับแบรนด์โดยตรง เช่น การกลับมาร่วมงานกับ Nike หลังห่างหายไปตั้งแต่ปี 2019 และลดบทบาทของผู้ขายแบบ reseller ที่ไม่สามารถรับประกันคุณภาพสินค้าได้
แม้ Amazon จะเปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่สำหรับผู้ขายในงานเดียวกัน แต่สิ่งที่ได้รับเสียงปรบมือมากที่สุดกลับเป็นการประกาศยุติ commingling ซึ่งผู้ขายมองว่าเป็นการฟังเสียงของพวกเขาอย่างแท้จริง
✅ Amazon ประกาศยุติโครงการ commingling ในปี 2025
➡️ เป็นระบบที่รวมสินค้าจากผู้ขายหลายรายไว้ภายใต้บาร์โค้ดเดียว
➡️ ช่วยให้จัดการคลังสินค้าเร็วขึ้น แต่มีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า
✅ แบรนด์ร้องเรียนเรื่องสินค้าปลอมและหมดอายุ
➡️ Johnson & Johnson เคยถอนสินค้าจาก Amazon ในปี 2013
➡️ ผู้ขายต้องเสียเงินกว่า $600 ล้านต่อปีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะปน
✅ Amazon เปลี่ยนแนวทางไปสู่ความร่วมมือกับแบรนด์โดยตรง
➡️ กลับมาร่วมงานกับ Nike หลังหยุดไปตั้งแต่ปี 2019
➡️ ลดบทบาทของ reseller ที่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพสินค้า
✅ เครื่องมือ AI ใหม่สำหรับผู้ขายถูกเปิดตัวในงานเดียวกัน
➡️ ช่วยจัดการ ticket, ค่าธรรมเนียมคลังสินค้า และแนะนำการปรับปรุง
➡️ แต่การยุติ commingling ได้รับความสนใจมากกว่า
✅ ระบบโลจิสติกส์ของ Amazon พัฒนาแล้ว
➡️ สามารถเก็บสินค้าใกล้ลูกค้าได้มากขึ้น
➡️ ลดความจำเป็นในการรวมสินค้าจากหลายแหล่ง
https://www.modernretail.co/operations/amazon-to-end-commingling-program-after-years-of-complaints-from-brands-and-sellers/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
51 มุมมอง
0 รีวิว