ย้อนไปตอนช่วงต้นยุค 1900 นักจิตวิทยาชื่อ เชฟส์ เพิร์กกี้ ได้ ทำการทดลองขึ้นชุดหนึ่งเพื่อศึกษาว่าการจินตนาการภาพต่างๆส่งผลอย่างไรต่อการรับรู้วัตถุจริงของคนเรา เธอให้ผู้ร่วมทดลองจินตนาการภาพกล้วยขึ้นมาหวีนึง แล้วก็ให้พวกเขาลองนึกว่ากล้วยไปอยู่บนผนังห้องที่ว่างเปล่า จากนั้นเธอจึงฉายภาพจางๆของกล้วยไปบนผนังห้องเดียวกันนั้นโดยไม่บอกพวกเขา บุคคลอื่นๆที่ไม่ได้ร่วมการทดลองจะมองเห็นภาพที่ฉายบนผนังห้องได้ในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องแต่ผู้ร่วมการทดลองของเพิร์กกี้กลับ บอกว่ามองไม่เห็นภาพที่ฉายบนผนังเพราะพวกเขารวมภาพที่ฉายบนผนังเข้ากับภาพจินตนาการของตัวเอง
ผลการทดลองที่ชื่อ “เพิร์กกี้เอฟเฟกต์” นี้อธิบายว่าภาพจินตนาการที่เกิดขึ้นก่อนจะเปลี่ยนการรับรู้ของคนเราและทำให้ข้อมูลใหม่ๆปะปนไปกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ก่อนหน้า
จากหนังสือ How to Profit in The Stock Market
ผลการทดลองที่ชื่อ “เพิร์กกี้เอฟเฟกต์” นี้อธิบายว่าภาพจินตนาการที่เกิดขึ้นก่อนจะเปลี่ยนการรับรู้ของคนเราและทำให้ข้อมูลใหม่ๆปะปนไปกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ก่อนหน้า
จากหนังสือ How to Profit in The Stock Market
ย้อนไปตอนช่วงต้นยุค 1900 นักจิตวิทยาชื่อ เชฟส์ เพิร์กกี้ ได้ ทำการทดลองขึ้นชุดหนึ่งเพื่อศึกษาว่าการจินตนาการภาพต่างๆส่งผลอย่างไรต่อการรับรู้วัตถุจริงของคนเรา เธอให้ผู้ร่วมทดลองจินตนาการภาพกล้วยขึ้นมาหวีนึง แล้วก็ให้พวกเขาลองนึกว่ากล้วยไปอยู่บนผนังห้องที่ว่างเปล่า จากนั้นเธอจึงฉายภาพจางๆของกล้วยไปบนผนังห้องเดียวกันนั้นโดยไม่บอกพวกเขา บุคคลอื่นๆที่ไม่ได้ร่วมการทดลองจะมองเห็นภาพที่ฉายบนผนังห้องได้ในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องแต่ผู้ร่วมการทดลองของเพิร์กกี้กลับ บอกว่ามองไม่เห็นภาพที่ฉายบนผนังเพราะพวกเขารวมภาพที่ฉายบนผนังเข้ากับภาพจินตนาการของตัวเอง
ผลการทดลองที่ชื่อ “เพิร์กกี้เอฟเฟกต์” นี้อธิบายว่าภาพจินตนาการที่เกิดขึ้นก่อนจะเปลี่ยนการรับรู้ของคนเราและทำให้ข้อมูลใหม่ๆปะปนไปกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ก่อนหน้า
จากหนังสือ How to Profit in The Stock Market
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
17 มุมมอง
0 รีวิว