มาเลย์ฯ เชือดจริง ข้ามแดนผิดกฎหมาย
ศาลอำเภอปาเซมัส รัฐกลันตัน พิพากษาปรับชาวมาเลเซีย 3 คน ได้แก่คนขับเรือวัย 33 ปี และผู้โดยสาร 2 คน อายุ 21 และ 26 ปี ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย คนละ 2,500 ริงกิต หรือประมาณ 19,200 บาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. หลังทั้งสามรับสารภาพว่าเข้าประเทศผิดกฎหมายโดยใช้เรือข้ามแม่น้ำโกลกไปยังเมืองรันเตาปันยัง ก่อนถูกจับกุมเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 16 ธ.ค. เป็นหนึ่งในตัวอย่างผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและศาลตัดสิน หลังทางการมาเลเซียออกมาตรการจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2567 เป็นต้นมา
แต่เดิมชาวมาเลเซียในพื้นที่รัฐกลันตันจำนวนมาก ข้ามแดนเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยจอดรถที่ด่านรันเตาปันยัง นั่งเรือข้ามแม่น้ำโกลก แทนการเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) รันเตาปันยัง เพื่อไปมาหาสู่กันและแสวงหาความบันเทิง ที่ผ่านมาตำรวจรัฐกลันตันทำได้แค่ระงับยับยั้งแต่ดำเนินคดีไม่ได้ เพราะโดยหน้าที่จำกัดแค่จับกุมชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองเท่านั้น แต่เหตุการณ์ที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จับกุม 6 ผู้ต้องหาชาวมาเลเซียพร้อมยาบ้า 6,000 เม็ด เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทางการมาเลเซียต้องใช้มาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ บุคคลใดก็ตามที่เข้าออกจากชายแดนมาเลเซียและไทยผ่านช่องทางที่ไม่ได้รับอนุญาต จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามมาตรา 5 (2) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองมาเลเซีย 1959/1963 มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับสูงสุด 10,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ
ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส เตือนคนไทยที่จะเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยและมาเลเซีย ให้ใช้หนังสือเดินทางหรือหนังสือผ่านแดนอย่างถูกต้องกฎหมาย เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่มาเลเซียจับกุม โดยได้รับรายงานการจับกุมแล้วจำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับนายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก ขอความร่วมมือเดินทางผ่านด่านพรมแดนหลักทั้ง 3 แห่งของนราธิวาส ได้แก่ ด่านสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง ด่านตากใบ-กาลังกูโบร์ และด่านบูเก๊ะตา-บูเก๊ะบูงอ
มาตรการจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างจริงจังของมาเลเซีย ส่งผลทำให้ท่าเรือข้ามฟากของชาวบ้านตลอดสองฝั่งแม่น้ำโกลกเงียบเหงา ส่วนวินจักรยานยนต์รับจ้างแทบไม่มีผู้มาใช้บริการ มีเพียงเฉพาะคนในชุมชน รายได้ลดลงจากเดิมวันละ 1,000 บาท เหลือน้อยมาก ส่วนข่าวลือที่ว่าทางการมาเลเซียจะเลื่อนบังคับใช้กฎหมายนั้นไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากน้ำท่วมคลี่คลาย เจ้าหน้าที่กองกำลังปฏิบัติการทั่วไป (GOF) หรือ ตชด.มาเลเซีย เข้ามาปฏิบัติงานตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกตามปกติ
#Newskit
ศาลอำเภอปาเซมัส รัฐกลันตัน พิพากษาปรับชาวมาเลเซีย 3 คน ได้แก่คนขับเรือวัย 33 ปี และผู้โดยสาร 2 คน อายุ 21 และ 26 ปี ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย คนละ 2,500 ริงกิต หรือประมาณ 19,200 บาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. หลังทั้งสามรับสารภาพว่าเข้าประเทศผิดกฎหมายโดยใช้เรือข้ามแม่น้ำโกลกไปยังเมืองรันเตาปันยัง ก่อนถูกจับกุมเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 16 ธ.ค. เป็นหนึ่งในตัวอย่างผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและศาลตัดสิน หลังทางการมาเลเซียออกมาตรการจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2567 เป็นต้นมา
แต่เดิมชาวมาเลเซียในพื้นที่รัฐกลันตันจำนวนมาก ข้ามแดนเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยจอดรถที่ด่านรันเตาปันยัง นั่งเรือข้ามแม่น้ำโกลก แทนการเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) รันเตาปันยัง เพื่อไปมาหาสู่กันและแสวงหาความบันเทิง ที่ผ่านมาตำรวจรัฐกลันตันทำได้แค่ระงับยับยั้งแต่ดำเนินคดีไม่ได้ เพราะโดยหน้าที่จำกัดแค่จับกุมชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองเท่านั้น แต่เหตุการณ์ที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จับกุม 6 ผู้ต้องหาชาวมาเลเซียพร้อมยาบ้า 6,000 เม็ด เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทางการมาเลเซียต้องใช้มาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ บุคคลใดก็ตามที่เข้าออกจากชายแดนมาเลเซียและไทยผ่านช่องทางที่ไม่ได้รับอนุญาต จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามมาตรา 5 (2) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองมาเลเซีย 1959/1963 มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับสูงสุด 10,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ
ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส เตือนคนไทยที่จะเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยและมาเลเซีย ให้ใช้หนังสือเดินทางหรือหนังสือผ่านแดนอย่างถูกต้องกฎหมาย เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่มาเลเซียจับกุม โดยได้รับรายงานการจับกุมแล้วจำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับนายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก ขอความร่วมมือเดินทางผ่านด่านพรมแดนหลักทั้ง 3 แห่งของนราธิวาส ได้แก่ ด่านสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง ด่านตากใบ-กาลังกูโบร์ และด่านบูเก๊ะตา-บูเก๊ะบูงอ
มาตรการจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างจริงจังของมาเลเซีย ส่งผลทำให้ท่าเรือข้ามฟากของชาวบ้านตลอดสองฝั่งแม่น้ำโกลกเงียบเหงา ส่วนวินจักรยานยนต์รับจ้างแทบไม่มีผู้มาใช้บริการ มีเพียงเฉพาะคนในชุมชน รายได้ลดลงจากเดิมวันละ 1,000 บาท เหลือน้อยมาก ส่วนข่าวลือที่ว่าทางการมาเลเซียจะเลื่อนบังคับใช้กฎหมายนั้นไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากน้ำท่วมคลี่คลาย เจ้าหน้าที่กองกำลังปฏิบัติการทั่วไป (GOF) หรือ ตชด.มาเลเซีย เข้ามาปฏิบัติงานตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกตามปกติ
#Newskit
มาเลย์ฯ เชือดจริง ข้ามแดนผิดกฎหมาย
ศาลอำเภอปาเซมัส รัฐกลันตัน พิพากษาปรับชาวมาเลเซีย 3 คน ได้แก่คนขับเรือวัย 33 ปี และผู้โดยสาร 2 คน อายุ 21 และ 26 ปี ซึ่งถูกดำเนินคดีข้อหาเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย คนละ 2,500 ริงกิต หรือประมาณ 19,200 บาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. หลังทั้งสามรับสารภาพว่าเข้าประเทศผิดกฎหมายโดยใช้เรือข้ามแม่น้ำโกลกไปยังเมืองรันเตาปันยัง ก่อนถูกจับกุมเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 16 ธ.ค. เป็นหนึ่งในตัวอย่างผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและศาลตัดสิน หลังทางการมาเลเซียออกมาตรการจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2567 เป็นต้นมา
แต่เดิมชาวมาเลเซียในพื้นที่รัฐกลันตันจำนวนมาก ข้ามแดนเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยจอดรถที่ด่านรันเตาปันยัง นั่งเรือข้ามแม่น้ำโกลก แทนการเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (ICQS) รันเตาปันยัง เพื่อไปมาหาสู่กันและแสวงหาความบันเทิง ที่ผ่านมาตำรวจรัฐกลันตันทำได้แค่ระงับยับยั้งแต่ดำเนินคดีไม่ได้ เพราะโดยหน้าที่จำกัดแค่จับกุมชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองเท่านั้น แต่เหตุการณ์ที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จับกุม 6 ผู้ต้องหาชาวมาเลเซียพร้อมยาบ้า 6,000 เม็ด เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทางการมาเลเซียต้องใช้มาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ บุคคลใดก็ตามที่เข้าออกจากชายแดนมาเลเซียและไทยผ่านช่องทางที่ไม่ได้รับอนุญาต จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามมาตรา 5 (2) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองมาเลเซีย 1959/1963 มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับสูงสุด 10,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ
ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส เตือนคนไทยที่จะเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยและมาเลเซีย ให้ใช้หนังสือเดินทางหรือหนังสือผ่านแดนอย่างถูกต้องกฎหมาย เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่มาเลเซียจับกุม โดยได้รับรายงานการจับกุมแล้วจำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับนายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก ขอความร่วมมือเดินทางผ่านด่านพรมแดนหลักทั้ง 3 แห่งของนราธิวาส ได้แก่ ด่านสุไหงโก-ลก-รันเตาปันยัง ด่านตากใบ-กาลังกูโบร์ และด่านบูเก๊ะตา-บูเก๊ะบูงอ
มาตรการจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างจริงจังของมาเลเซีย ส่งผลทำให้ท่าเรือข้ามฟากของชาวบ้านตลอดสองฝั่งแม่น้ำโกลกเงียบเหงา ส่วนวินจักรยานยนต์รับจ้างแทบไม่มีผู้มาใช้บริการ มีเพียงเฉพาะคนในชุมชน รายได้ลดลงจากเดิมวันละ 1,000 บาท เหลือน้อยมาก ส่วนข่าวลือที่ว่าทางการมาเลเซียจะเลื่อนบังคับใช้กฎหมายนั้นไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากน้ำท่วมคลี่คลาย เจ้าหน้าที่กองกำลังปฏิบัติการทั่วไป (GOF) หรือ ตชด.มาเลเซีย เข้ามาปฏิบัติงานตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกตามปกติ
#Newskit