• #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นไปได้คนไทยเกินหนึ่งพันคน ในหนึ่งตึก ที่ กัมพูชา (อาจเป็นเจ้าของเวปหรือ ต.ม.) ปอยเปต โดนกันเป็นตัวประกัน ที่ตอนนี้ระเบิดยังลงไม่ถึง

    https://youtu.be/m2KyUzMso1E?si=7fIIppSVpXAUB7Sc
    เป็นไปได้คนไทยเกินหนึ่งพันคน ในหนึ่งตึก ที่ กัมพูชา (อาจเป็นเจ้าของเวปหรือ ต.ม.) ปอยเปต โดนกันเป็นตัวประกัน ที่ตอนนี้ระเบิดยังลงไม่ถึง https://youtu.be/m2KyUzMso1E?si=7fIIppSVpXAUB7Sc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 118
    ทองดีดตัวขึ้น และ BITCOIN ดีดตัวขึ้นเช่นกัน แตแรงเทขายเยอะ
    BY.
    EP 118 ทองดีดตัวขึ้น และ BITCOIN ดีดตัวขึ้นเช่นกัน แตแรงเทขายเยอะ BY.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สหรัฐฯยึดเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ลำหนึ่งนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพุธ (10 ธ.ค.) ยกระดับความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันและการากัสให้เดือดดาลมากขึ้นไปอีก ท่ามกลางคำเตือนของผู้นำอเมริกาที่เตือนว่า วันเวลาของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เหลือน้อยลงทุกขณะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118868

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯยึดเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ลำหนึ่งนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพุธ (10 ธ.ค.) ยกระดับความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันและการากัสให้เดือดดาลมากขึ้นไปอีก ท่ามกลางคำเตือนของผู้นำอเมริกาที่เตือนว่า วันเวลาของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เหลือน้อยลงทุกขณะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118868 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP 119
    นำหุ้นใน SET50 SET100 มา Update หลัง SET +8.xx และ FOMC ลดดอกเบี้ย
    BY.
    EP 119 นำหุ้นใน SET50 SET100 มา Update หลัง SET +8.xx และ FOMC ลดดอกเบี้ย BY.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • *วางแล้ว วางอีก*
    Cr.Wiwan Boonya
    *วางแล้ว วางอีก* Cr.Wiwan Boonya
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยและกัมพูชาต่างกันหากันไปมา ว่าเล็งเป้าเล่นงานพลเรือนโดยการโจมตีด้วยปืนใหญ่และจรวดในวันพุธ (10 ธ.ค.) ตามรายงานของรอยเตอร์ ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯเผยเตรียมเข้าแทรกแซงและแสดงความเชื่อมั่นว่าจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดการสู้รบได้และกอบกู้ข้อตกลงหยุดยิงที่เขาเป็นคนกลางเมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118869

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ไทยและกัมพูชาต่างกันหากันไปมา ว่าเล็งเป้าเล่นงานพลเรือนโดยการโจมตีด้วยปืนใหญ่และจรวดในวันพุธ (10 ธ.ค.) ตามรายงานของรอยเตอร์ ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯเผยเตรียมเข้าแทรกแซงและแสดงความเชื่อมั่นว่าจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดการสู้รบได้และกอบกู้ข้อตกลงหยุดยิงที่เขาเป็นคนกลางเมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118869 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (11 ธ.ค.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก "Army Military Force" โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า "มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เครื่องบินรบขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดแรงสูงใส่เป้าหมายบ่อนคาสิโน ในย่านจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา
    .
    นอกจากนี้ ทหารไทยยังได้ระดมยิงปืนใหญ่สนับสนุนเข้าโจมตีใส่ คลังน้ำมันของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใกล้ๆ กันกับ บ่อนคาสิโนในย่านจุ๊บโกกี ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
    .
    การโจมตีนี้มีขึ้นหลังพบว่า บ่อนคาสิโนและคลังน้ำมันดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ได้แก่ เป็นสถานที่ปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทย, เป็นคลังเก็บอาวุธหนัก, และเป็นจุดเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิงจรวด BM-21"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118877

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วันนี้ (11 ธ.ค.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก "Army Military Force" โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า "มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เครื่องบินรบขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดแรงสูงใส่เป้าหมายบ่อนคาสิโน ในย่านจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา . นอกจากนี้ ทหารไทยยังได้ระดมยิงปืนใหญ่สนับสนุนเข้าโจมตีใส่ คลังน้ำมันของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใกล้ๆ กันกับ บ่อนคาสิโนในย่านจุ๊บโกกี ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ . การโจมตีนี้มีขึ้นหลังพบว่า บ่อนคาสิโนและคลังน้ำมันดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ได้แก่ เป็นสถานที่ปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทย, เป็นคลังเก็บอาวุธหนัก, และเป็นจุดเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิงจรวด BM-21" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118877 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • อำนาจเปราะบางของฮุน เซน

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000118872
    อำนาจเปราะบางของฮุน เซน บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000118872
    MGRONLINE.COM
    อำนาจเปราะบางของฮุนเซน
    ความร้อนแรงที่เริ่มต้นจากแนวภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน ได้ลุกลามกลายเป็นการสู้รบต่อเนื่องหลายจุดตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเหตุเฉี่ยวชนเหมือนในข้อพิพาทชายแดนทั่วไป แต่เป็นการยกระดับสถานการณ์ที่ทุกฝ่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • “CISA เตือนด่วน! ช่องโหว่ WinRAR และ Windows กำลังถูกโจมตีจริง”

    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ออกประกาศเตือนด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ Zero-Day ใน WinRAR และช่องโหว่ Use-After-Free (UAF) ใน Windows ที่กำลังถูกโจมตีจริงในโลกไซเบอร์ โดยกำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2025

    ช่องโหว่ใน WinRAR (CVE-2025-6218)
    ช่องโหว่นี้เป็น Directory Traversal Flaw ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถบังคับให้ไฟล์ถูกแตกไปยังตำแหน่งที่อ่อนไหว เช่นโฟลเดอร์ Startup ของ Windows โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว หากผู้ใช้เปิดไฟล์บีบอัดที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจง ไฟล์อันตรายจะถูกติดตั้งและรันโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ระบบครั้งถัดไป ส่งผลให้เกิดการ Malware Injection ได้ทันที

    ช่องโหว่ใน Windows (CVE-2025-62221)
    อีกช่องโหว่หนึ่งอยู่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ซึ่งเป็นปัญหาแบบ Use-After-Free ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์อยู่แล้วสามารถยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น SYSTEM Privileges ได้ นั่นหมายถึงการเข้าถึงสูงสุดในเครื่อง Windows ซึ่งอาจทำให้ระบบถูกควบคุมทั้งหมด

    การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง
    รายงานระบุว่าแฮกเกอร์ใต้ดินได้ขายช่องโหว่ WinRAR ในฟอรั่มมืดตั้งแต่กลางปี 2025 และกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ Paper Werewolf (GOFFEE) ถูกเชื่อมโยงกับการนำช่องโหว่นี้ไปใช้โจมตีจริง ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าช่องโหว่ Windows UAF กำลังถูกใช้ในแคมเปญโจมตีเช่นกัน

    กำหนดการแก้ไข
    CISA ได้กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องแก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ภายใน 30 ธันวาคม 2025 เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจลุกลามไปทั่วระบบเครือข่ายของรัฐและเอกชน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ช่องโหว่ WinRAR (CVE-2025-6218)
    เป็น Directory Traversal Flaw ที่ทำให้ไฟล์ถูกแตกไปยังตำแหน่งอ่อนไหว เช่น Startup Folder
    สามารถนำไปสู่การติดตั้ง Malware โดยไม่รู้ตัว

    ช่องโหว่ Windows (CVE-2025-62221)
    เป็น Use-After-Free ใน Cloud Files Mini Filter Driver
    ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM Privileges ได้

    การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง
    ช่องโหว่ WinRAR ถูกขายใน Dark Web โดยแฮกเกอร์ชื่อ “zeroplayer”
    กลุ่ม Paper Werewolf (GOFFEE) ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี
    Microsoft ยืนยันว่าช่องโหว่ Windows UAF ถูกใช้ในแคมเปญโจมตี

    กำหนดการแก้ไขจาก CISA
    หน่วยงานรัฐบาลกลางต้องแก้ไขภายใน 30 ธันวาคม 2025

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    หลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์บีบอัดจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    อัปเดต WinRAR เป็นเวอร์ชันล่าสุด (7.12 ขึ้นไป) และ Windows ให้ทันสมัย
    หากพบพฤติกรรมผิดปกติ เช่นไฟล์ถูกติดตั้งเอง ควรตรวจสอบระบบทันที

    https://securityonline.info/cisa-kev-alert-winrar-zero-day-used-for-malware-injection-and-windows-uaf-rce-under-active-attack/
    🛡️ “CISA เตือนด่วน! ช่องโหว่ WinRAR และ Windows กำลังถูกโจมตีจริง” หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ออกประกาศเตือนด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ Zero-Day ใน WinRAR และช่องโหว่ Use-After-Free (UAF) ใน Windows ที่กำลังถูกโจมตีจริงในโลกไซเบอร์ โดยกำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2025 📂 ช่องโหว่ใน WinRAR (CVE-2025-6218) ช่องโหว่นี้เป็น Directory Traversal Flaw ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถบังคับให้ไฟล์ถูกแตกไปยังตำแหน่งที่อ่อนไหว เช่นโฟลเดอร์ Startup ของ Windows โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว หากผู้ใช้เปิดไฟล์บีบอัดที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจง ไฟล์อันตรายจะถูกติดตั้งและรันโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ระบบครั้งถัดไป ส่งผลให้เกิดการ Malware Injection ได้ทันที 🖥️ ช่องโหว่ใน Windows (CVE-2025-62221) อีกช่องโหว่หนึ่งอยู่ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver ซึ่งเป็นปัญหาแบบ Use-After-Free ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์อยู่แล้วสามารถยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น SYSTEM Privileges ได้ นั่นหมายถึงการเข้าถึงสูงสุดในเครื่อง Windows ซึ่งอาจทำให้ระบบถูกควบคุมทั้งหมด 🚨 การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง รายงานระบุว่าแฮกเกอร์ใต้ดินได้ขายช่องโหว่ WinRAR ในฟอรั่มมืดตั้งแต่กลางปี 2025 และกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ Paper Werewolf (GOFFEE) ถูกเชื่อมโยงกับการนำช่องโหว่นี้ไปใช้โจมตีจริง ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าช่องโหว่ Windows UAF กำลังถูกใช้ในแคมเปญโจมตีเช่นกัน 📅 กำหนดการแก้ไข CISA ได้กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องแก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ภายใน 30 ธันวาคม 2025 เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจลุกลามไปทั่วระบบเครือข่ายของรัฐและเอกชน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ช่องโหว่ WinRAR (CVE-2025-6218) ➡️ เป็น Directory Traversal Flaw ที่ทำให้ไฟล์ถูกแตกไปยังตำแหน่งอ่อนไหว เช่น Startup Folder ➡️ สามารถนำไปสู่การติดตั้ง Malware โดยไม่รู้ตัว ✅ ช่องโหว่ Windows (CVE-2025-62221) ➡️ เป็น Use-After-Free ใน Cloud Files Mini Filter Driver ➡️ ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM Privileges ได้ ✅ การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง ➡️ ช่องโหว่ WinRAR ถูกขายใน Dark Web โดยแฮกเกอร์ชื่อ “zeroplayer” ➡️ กลุ่ม Paper Werewolf (GOFFEE) ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตี ➡️ Microsoft ยืนยันว่าช่องโหว่ Windows UAF ถูกใช้ในแคมเปญโจมตี ✅ กำหนดการแก้ไขจาก CISA ➡️ หน่วยงานรัฐบาลกลางต้องแก้ไขภายใน 30 ธันวาคม 2025 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ หลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์บีบอัดจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ อัปเดต WinRAR เป็นเวอร์ชันล่าสุด (7.12 ขึ้นไป) และ Windows ให้ทันสมัย ⛔ หากพบพฤติกรรมผิดปกติ เช่นไฟล์ถูกติดตั้งเอง ควรตรวจสอบระบบทันที https://securityonline.info/cisa-kev-alert-winrar-zero-day-used-for-malware-injection-and-windows-uaf-rce-under-active-attack/
    SECURITYONLINE.INFO
    CISA KEV Alert: WinRAR Zero-Day Used for Malware Injection and Windows UAF RCE Under Active Attack
    CISA added two actively exploited zero-days to the KEV: a WinRAR directory traversal (CVE-2025-6218) planting malware in Startup folder, and a Windows Cloud Files UAF for SYSTEM privileges.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • “React2Shell วิกฤติ! ช่องโหว่ใหม่ถูกโจมตีทั่วโลกโดยกลุ่มแฮกเกอร์รัฐหนุน”

    ช่องโหว่ React2Shell (CVE-2025-55182) ใน React Server Components และ Next.js ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ (CVSS 10.0) และถูกโจมตีจริงโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีรัฐหนุนหลัง เช่น Earth Lamia และ Jackpot Panda ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดเผย ทำให้เกิดการโจมตีไซเบอร์ทั่วโลก ทั้งต่อองค์กรและอุปกรณ์สมาร์ทโฮม

    การค้นพบและความรุนแรง
    ช่องโหว่ React2Shell ถูกค้นพบปลายเดือนพฤศจิกายน 2025 และเปิดเผยต่อสาธารณะในวันที่ 3 ธันวาคม 2025 โดยมีคะแนน CVSS 10.0 (สูงสุด) ลักษณะคือ Unauthenticated Remote Code Execution ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ React หรือ Next.js ได้ทันที โดยไม่ต้องมีสิทธิ์หรือการยืนยันตัวตนใด ๆ

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง
    รายงานจาก Amazon และ AWS ระบุว่า กลุ่ม Earth Lamia และ Jackpot Panda ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับจีน เริ่มโจมตีทันทีหลังช่องโหว่ถูกเปิดเผย โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ Honeypot ตรวจจับได้ว่ามีการส่งคำสั่ง Linux และ PowerShell เพื่อทดสอบการเจาะระบบอย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป
    นอกจากองค์กรแล้ว ช่องโหว่นี้ยังถูกนำไปใช้โจมตี อุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น กล้องวงจรปิด, สมาร์ททีวี, เราเตอร์ และสมาร์ทปลั๊ก โดยมีการตรวจพบการโจมตีมากกว่า 150,000 ครั้งต่อวัน ในช่วงแรก และมี IP จากหลายประเทศ เช่น โปแลนด์, สหรัฐฯ, จีน, สิงคโปร์ และฝรั่งเศส

    การตอบสนองและการแก้ไข
    Meta, Vercel และผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่ได้ออกแพตช์เร่งด่วนสำหรับ React และ Next.js เวอร์ชันล่าสุด ขณะที่ CISA ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มช่องโหว่นี้เข้าไปใน Known Exploited Vulnerabilities (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในสิ้นปี 2025

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายละเอียดช่องโหว่ React2Shell (CVE-2025-55182)
    เป็นช่องโหว่ Unauthenticated Remote Code Execution
    มีคะแนน CVSS 10.0 (สูงสุด)
    กระทบ React 19.x และ Next.js 15.x/16.x

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่โจมตี
    Earth Lamia: โจมตีองค์กรในละตินอเมริกา, ตะวันออกกลาง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    Jackpot Panda: เน้นโจมตีในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป
    อุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น CCTV, สมาร์ททีวี, เราเตอร์ ถูกโจมตี
    มีการตรวจพบการโจมตีมากกว่า 150,000 ครั้งต่อวัน

    การตอบสนองจากหน่วยงานและบริษัทใหญ่
    Meta และ Vercel ออกแพตช์แก้ไขทันที
    AWS ใช้ Honeypot ตรวจจับการโจมตี
    CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ใน KEV และบังคับแก้ไขภายในสิ้นปี

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร
    ต้องอัปเดต React และ Next.js เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที
    หลีกเลี่ยงการเปิดบริการที่ไม่จำเป็นบนเซิร์ฟเวอร์
    ตรวจสอบระบบสมาร์ทโฮมและอุปกรณ์ IoT ว่ามีการอัปเดตหรือไม่

    https://securityonline.info/react2shell-crisis-critical-vulnerability-triggers-global-cyberattacks-by-state-sponsored-groups/
    🌐 “React2Shell วิกฤติ! ช่องโหว่ใหม่ถูกโจมตีทั่วโลกโดยกลุ่มแฮกเกอร์รัฐหนุน” ช่องโหว่ React2Shell (CVE-2025-55182) ใน React Server Components และ Next.js ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ (CVSS 10.0) และถูกโจมตีจริงโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีรัฐหนุนหลัง เช่น Earth Lamia และ Jackpot Panda ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดเผย ทำให้เกิดการโจมตีไซเบอร์ทั่วโลก ทั้งต่อองค์กรและอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ⚡ การค้นพบและความรุนแรง ช่องโหว่ React2Shell ถูกค้นพบปลายเดือนพฤศจิกายน 2025 และเปิดเผยต่อสาธารณะในวันที่ 3 ธันวาคม 2025 โดยมีคะแนน CVSS 10.0 (สูงสุด) ลักษณะคือ Unauthenticated Remote Code Execution ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ React หรือ Next.js ได้ทันที โดยไม่ต้องมีสิทธิ์หรือการยืนยันตัวตนใด ๆ 🕵️ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง รายงานจาก Amazon และ AWS ระบุว่า กลุ่ม Earth Lamia และ Jackpot Panda ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับจีน เริ่มโจมตีทันทีหลังช่องโหว่ถูกเปิดเผย โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบ Honeypot ตรวจจับได้ว่ามีการส่งคำสั่ง Linux และ PowerShell เพื่อทดสอบการเจาะระบบอย่างต่อเนื่อง 🏠 ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป นอกจากองค์กรแล้ว ช่องโหว่นี้ยังถูกนำไปใช้โจมตี อุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น กล้องวงจรปิด, สมาร์ททีวี, เราเตอร์ และสมาร์ทปลั๊ก โดยมีการตรวจพบการโจมตีมากกว่า 150,000 ครั้งต่อวัน ในช่วงแรก และมี IP จากหลายประเทศ เช่น โปแลนด์, สหรัฐฯ, จีน, สิงคโปร์ และฝรั่งเศส 🛡️ การตอบสนองและการแก้ไข Meta, Vercel และผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่ได้ออกแพตช์เร่งด่วนสำหรับ React และ Next.js เวอร์ชันล่าสุด ขณะที่ CISA ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มช่องโหว่นี้เข้าไปใน Known Exploited Vulnerabilities (KEV) และกำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในสิ้นปี 2025 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ React2Shell (CVE-2025-55182) ➡️ เป็นช่องโหว่ Unauthenticated Remote Code Execution ➡️ มีคะแนน CVSS 10.0 (สูงสุด) ➡️ กระทบ React 19.x และ Next.js 15.x/16.x ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่โจมตี ➡️ Earth Lamia: โจมตีองค์กรในละตินอเมริกา, ตะวันออกกลาง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ➡️ Jackpot Panda: เน้นโจมตีในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป ➡️ อุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น CCTV, สมาร์ททีวี, เราเตอร์ ถูกโจมตี ➡️ มีการตรวจพบการโจมตีมากกว่า 150,000 ครั้งต่อวัน ✅ การตอบสนองจากหน่วยงานและบริษัทใหญ่ ➡️ Meta และ Vercel ออกแพตช์แก้ไขทันที ➡️ AWS ใช้ Honeypot ตรวจจับการโจมตี ➡️ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ใน KEV และบังคับแก้ไขภายในสิ้นปี ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร ⛔ ต้องอัปเดต React และ Next.js เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที ⛔ หลีกเลี่ยงการเปิดบริการที่ไม่จำเป็นบนเซิร์ฟเวอร์ ⛔ ตรวจสอบระบบสมาร์ทโฮมและอุปกรณ์ IoT ว่ามีการอัปเดตหรือไม่ https://securityonline.info/react2shell-crisis-critical-vulnerability-triggers-global-cyberattacks-by-state-sponsored-groups/
    SECURITYONLINE.INFO
    "React2Shell" Crisis: Critical Vulnerability Triggers Global Cyberattacks by State-Sponsored Groups
    A Critical RCE (CVSS 10.0) flaw, React2Shell, in React/Next.js's Flight protocol allows unauthenticated system takeover. North Korean and Chinese state actors are actively exploiting the deserialization bug.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “CCTV เสี่ยงหนัก! ช่องโหว่ใหม่เปิดทางแฮกเกอร์เข้าถึงวิดีโอและขโมยรหัสผ่าน”

    ช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-13607 ถูกค้นพบในระบบ CCTV และอุปกรณ์เฝ้าระวังวิดีโอ ที่ขาดการตรวจสอบสิทธิ์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงวิดีโอฟีดแบบสดและขโมยข้อมูลบัญชีได้โดยตรง ช่องโหว่นี้กำลังถูกใช้โจมตีจริง และมีความเสี่ยงต่อทั้งองค์กรและผู้ใช้ทั่วไปที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    ลักษณะของช่องโหว่
    ช่องโหว่ CVE-2025-13607 เกิดจากการ ขาดการตรวจสอบสิทธิ์ (Missing Authentication) ในระบบจัดการวิดีโอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟีดวิดีโอสด, บันทึกย้อนหลัง และแม้กระทั่งข้อมูลบัญชีผู้ใช้ โดยไม่ต้องมีรหัสผ่านหรือการยืนยันตัวตนใด ๆ

    ความเสี่ยงและการโจมตี
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีจริงในหลายประเทศ โดยแฮกเกอร์สามารถ สอดส่องภาพจากกล้องวงจรปิด และใช้ข้อมูลบัญชีที่ขโมยไปเพื่อเข้าถึงระบบอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เช่น ระบบเครือข่ายองค์กรหรือบริการคลาวด์

    ผลกระทบในวงกว้าง
    เนื่องจาก CCTV และอุปกรณ์ IoT มักถูกติดตั้งในบ้าน, ร้านค้า และองค์กรทั่วโลก ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ไม่ได้อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือใช้การตั้งค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ซึ่งทำให้ระบบเปิดช่องให้โจมตีได้ง่ายขึ้น

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    ผู้ผลิตหลายรายกำลังเร่งออกแพตช์แก้ไข แต่ผู้ใช้ควรตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที รวมถึงเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น และปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตหากไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการถูกโจมตี

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-13607
    เกิดจาก Missing Authentication ในระบบ CCTV
    เปิดทางให้เข้าถึงวิดีโอฟีดและข้อมูลบัญชีโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง
    แฮกเกอร์สามารถดูวิดีโอสดและบันทึกย้อนหลัง
    ใช้ข้อมูลบัญชีที่ขโมยไปเพื่อเจาะระบบอื่น ๆ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และองค์กร
    กระทบทั้งบ้าน, ร้านค้า, และองค์กรที่ใช้ CCTV เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    ผู้ใช้ที่ยังใช้ค่าเริ่มต้นจากโรงงานเสี่ยงสูง

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    อัปเดตเฟิร์มแวร์จากผู้ผลิตทันที
    เปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นและตั้งค่าความปลอดภัยใหม่
    ปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตหากไม่จำเป็น

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์ ระบบอาจถูกแฮกได้ง่าย
    การใช้รหัสผ่านเริ่มต้นจากโรงงานเป็นความเสี่ยงร้ายแรง
    การเปิดพอร์ตให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรงเพิ่มโอกาสถูกโจมตี

    https://securityonline.info/critical-cctv-flaw-cve-2025-13607-risks-video-feed-hijack-credential-theft-via-missing-authentication/
    🎥 หัวข้อข่าว: “CCTV เสี่ยงหนัก! ช่องโหว่ใหม่เปิดทางแฮกเกอร์เข้าถึงวิดีโอและขโมยรหัสผ่าน” ช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-13607 ถูกค้นพบในระบบ CCTV และอุปกรณ์เฝ้าระวังวิดีโอ ที่ขาดการตรวจสอบสิทธิ์ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงวิดีโอฟีดแบบสดและขโมยข้อมูลบัญชีได้โดยตรง ช่องโหว่นี้กำลังถูกใช้โจมตีจริง และมีความเสี่ยงต่อทั้งองค์กรและผู้ใช้ทั่วไปที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 🔓 ลักษณะของช่องโหว่ ช่องโหว่ CVE-2025-13607 เกิดจากการ ขาดการตรวจสอบสิทธิ์ (Missing Authentication) ในระบบจัดการวิดีโอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟีดวิดีโอสด, บันทึกย้อนหลัง และแม้กระทั่งข้อมูลบัญชีผู้ใช้ โดยไม่ต้องมีรหัสผ่านหรือการยืนยันตัวตนใด ๆ 🕵️ ความเสี่ยงและการโจมตี นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่นี้ถูกใช้โจมตีจริงในหลายประเทศ โดยแฮกเกอร์สามารถ สอดส่องภาพจากกล้องวงจรปิด และใช้ข้อมูลบัญชีที่ขโมยไปเพื่อเข้าถึงระบบอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เช่น ระบบเครือข่ายองค์กรหรือบริการคลาวด์ 🌍 ผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจาก CCTV และอุปกรณ์ IoT มักถูกติดตั้งในบ้าน, ร้านค้า และองค์กรทั่วโลก ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ไม่ได้อัปเดตเฟิร์มแวร์หรือใช้การตั้งค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ซึ่งทำให้ระบบเปิดช่องให้โจมตีได้ง่ายขึ้น 🛡️ การแก้ไขและคำแนะนำ ผู้ผลิตหลายรายกำลังเร่งออกแพตช์แก้ไข แต่ผู้ใช้ควรตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที รวมถึงเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น และปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตหากไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการถูกโจมตี 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-13607 ➡️ เกิดจาก Missing Authentication ในระบบ CCTV ➡️ เปิดทางให้เข้าถึงวิดีโอฟีดและข้อมูลบัญชีโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ การโจมตีที่เกิดขึ้นจริง ➡️ แฮกเกอร์สามารถดูวิดีโอสดและบันทึกย้อนหลัง ➡️ ใช้ข้อมูลบัญชีที่ขโมยไปเพื่อเจาะระบบอื่น ๆ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้และองค์กร ➡️ กระทบทั้งบ้าน, ร้านค้า, และองค์กรที่ใช้ CCTV เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ➡️ ผู้ใช้ที่ยังใช้ค่าเริ่มต้นจากโรงงานเสี่ยงสูง ✅ การแก้ไขและคำแนะนำ ➡️ อัปเดตเฟิร์มแวร์จากผู้ผลิตทันที ➡️ เปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นและตั้งค่าความปลอดภัยใหม่ ➡️ ปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตหากไม่จำเป็น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์ ระบบอาจถูกแฮกได้ง่าย ⛔ การใช้รหัสผ่านเริ่มต้นจากโรงงานเป็นความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ การเปิดพอร์ตให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรงเพิ่มโอกาสถูกโจมตี https://securityonline.info/critical-cctv-flaw-cve-2025-13607-risks-video-feed-hijack-credential-theft-via-missing-authentication/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical CCTV Flaw (CVE-2025-13607) Risks Video Feed Hijack & Credential Theft via Missing Authentication
    CISA warned of a Critical (CVSS 9.4) flaw in D-Link DCS-F5614-L1 cameras. Missing Authentication allows attackers to bypass login, steal admin credentials, and hijack video feeds. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TOTOLINK AX1800 เสี่ยงหนัก! ช่องโหว่ Telnet Root RCE ยังไม่ได้รับการแก้ไข”

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน เราเตอร์ TOTOLINK AX1800 ถูกค้นพบ โดยเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึง Telnet root shell ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และสามารถรันคำสั่งจากระยะไกล (RCE) ได้ทันที ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ผู้ใช้และองค์กรที่ใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก

    ลักษณะของช่องโหว่
    ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Telnet service บนอุปกรณ์เปิดให้เข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ ผู้โจมตีสามารถเชื่อมต่อเข้ามาและได้รับสิทธิ์ root ทันที ซึ่งเป็นสิทธิ์สูงสุดในระบบ ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ

    ความเสี่ยงและการโจมตี
    หากผู้โจมตีเข้าถึงเราเตอร์ได้ พวกเขาสามารถ ติดตั้งมัลแวร์, เปลี่ยนการตั้งค่าเครือข่าย, ดักจับข้อมูลการสื่อสาร หรือแม้กระทั่งใช้เราเตอร์เป็นฐานโจมตีไปยังระบบอื่น ๆ ได้ การโจมตีลักษณะนี้มีผลกระทบต่อทั้งผู้ใช้ตามบ้านและองค์กรที่ใช้เราเตอร์รุ่นนี้

    ผลกระทบในวงกว้าง
    TOTOLINK AX1800 เป็นเราเตอร์ที่นิยมใช้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป การที่ช่องโหว่นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขทำให้ผู้ใช้นับหมื่นรายทั่วโลกเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และอาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ Botnet ขนาดใหญ่

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    จนถึงตอนนี้ TOTOLINK ยังไม่ได้ออกแพตช์แก้ไขอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้ควร ปิดการใช้งาน Telnet, ใช้ Firewall เพื่อบล็อกการเข้าถึงจากภายนอก และหมั่นตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์ หากเป็นไปได้ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัยที่ดีกว่า

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายละเอียดช่องโหว่ TOTOLINK AX1800
    เปิด Telnet root shell โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกล (RCE) ได้ทันที

    ความเสี่ยงจากการโจมตี
    ติดตั้งมัลแวร์และควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ
    ดักจับข้อมูลเครือข่ายและใช้เป็นฐานโจมตี

    ผลกระทบในวงกว้าง
    TOTOLINK AX1800 ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายประเทศ
    เสี่ยงถูกนำไปใช้สร้าง Botnet ขนาดใหญ่

    การแก้ไขและคำแนะนำเบื้องต้น
    ปิดการใช้งาน Telnet และบล็อกการเข้าถึงจากภายนอก
    ตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอ
    พิจารณาเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    หากยังใช้งาน Telnet อยู่ อุปกรณ์เสี่ยงถูกแฮกทันที
    การไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์เพิ่มโอกาสถูกโจมตี
    การใช้เราเตอร์ที่ไม่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัยอาจทำให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดถูกควบคุม

    https://securityonline.info/unpatched-totolink-ax1800-router-flaw-allows-unauthenticated-telnet-root-rce/
    📡 “TOTOLINK AX1800 เสี่ยงหนัก! ช่องโหว่ Telnet Root RCE ยังไม่ได้รับการแก้ไข” ช่องโหว่ร้ายแรงใน เราเตอร์ TOTOLINK AX1800 ถูกค้นพบ โดยเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึง Telnet root shell ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และสามารถรันคำสั่งจากระยะไกล (RCE) ได้ทันที ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ผู้ใช้และองค์กรที่ใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก 🔓 ลักษณะของช่องโหว่ ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ Telnet service บนอุปกรณ์เปิดให้เข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ ผู้โจมตีสามารถเชื่อมต่อเข้ามาและได้รับสิทธิ์ root ทันที ซึ่งเป็นสิทธิ์สูงสุดในระบบ ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ 🕵️ ความเสี่ยงและการโจมตี หากผู้โจมตีเข้าถึงเราเตอร์ได้ พวกเขาสามารถ ติดตั้งมัลแวร์, เปลี่ยนการตั้งค่าเครือข่าย, ดักจับข้อมูลการสื่อสาร หรือแม้กระทั่งใช้เราเตอร์เป็นฐานโจมตีไปยังระบบอื่น ๆ ได้ การโจมตีลักษณะนี้มีผลกระทบต่อทั้งผู้ใช้ตามบ้านและองค์กรที่ใช้เราเตอร์รุ่นนี้ 🌍 ผลกระทบในวงกว้าง TOTOLINK AX1800 เป็นเราเตอร์ที่นิยมใช้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป การที่ช่องโหว่นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขทำให้ผู้ใช้นับหมื่นรายทั่วโลกเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และอาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ Botnet ขนาดใหญ่ 🛡️ การแก้ไขและคำแนะนำ จนถึงตอนนี้ TOTOLINK ยังไม่ได้ออกแพตช์แก้ไขอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้ควร ปิดการใช้งาน Telnet, ใช้ Firewall เพื่อบล็อกการเข้าถึงจากภายนอก และหมั่นตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์ หากเป็นไปได้ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัยที่ดีกว่า 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ TOTOLINK AX1800 ➡️ เปิด Telnet root shell โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ➡️ ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกล (RCE) ได้ทันที ✅ ความเสี่ยงจากการโจมตี ➡️ ติดตั้งมัลแวร์และควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ➡️ ดักจับข้อมูลเครือข่ายและใช้เป็นฐานโจมตี ✅ ผลกระทบในวงกว้าง ➡️ TOTOLINK AX1800 ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายประเทศ ➡️ เสี่ยงถูกนำไปใช้สร้าง Botnet ขนาดใหญ่ ✅ การแก้ไขและคำแนะนำเบื้องต้น ➡️ ปิดการใช้งาน Telnet และบล็อกการเข้าถึงจากภายนอก ➡️ ตรวจสอบการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอ ➡️ พิจารณาเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ หากยังใช้งาน Telnet อยู่ อุปกรณ์เสี่ยงถูกแฮกทันที ⛔ การไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์เพิ่มโอกาสถูกโจมตี ⛔ การใช้เราเตอร์ที่ไม่มีการสนับสนุนด้านความปลอดภัยอาจทำให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดถูกควบคุม https://securityonline.info/unpatched-totolink-ax1800-router-flaw-allows-unauthenticated-telnet-root-rce/
    SECURITYONLINE.INFO
    Unpatched TOTOLINK AX1800 Router Flaw Allows Unauthenticated Telnet & Root RCE
    A critical unpatched flaw in the TOTOLINK AX1800 router allows unauthenticated HTTP requests to enable Telnet for root RCE. Admins must block WAN access immediately as there is no official fix.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “GitLab พบช่องโหว่ XSS ร้ายแรง เสี่ยงถูกยึดบัญชีผ่าน Wiki Pages”

    ช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-12716 ถูกค้นพบใน GitLab Wiki Pages โดยเป็นช่องโหว่แบบ Cross-Site Scripting (XSS) ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายลงในหน้า Wiki และใช้เพื่อ ขโมย Session Token ของผู้ใช้ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกยึดบัญชีและเข้าถึงข้อมูลโครงการที่สำคัญ

    ลักษณะของช่องโหว่
    ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ระบบ Wiki ของ GitLab ไม่ได้กรองโค้ดอันตรายอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝัง JavaScript Payload ลงในหน้า Wiki ได้ เมื่อผู้ใช้เปิดหน้า Wiki ที่ถูกฝังโค้ด จะทำให้ Session Token ของผู้ใช้ถูกส่งไปยังผู้โจมตีทันที

    ความเสี่ยงและการโจมตี
    หากผู้โจมตีได้ Session Token พวกเขาสามารถ เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ใช้เป้าหมาย โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน และเข้าถึงข้อมูลโครงการ, Repository, Pipeline รวมถึงการตั้งค่าที่สำคัญได้ การโจมตีลักษณะนี้เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลและการแก้ไขโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ผลกระทบในวงกว้าง
    GitLab ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งในองค์กร, บริษัทซอฟต์แวร์ และโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ GitLab ในการจัดการโค้ดและ CI/CD หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลสำคัญ

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    GitLab ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุดแล้ว ผู้ใช้ควรอัปเดตทันที พร้อมทั้งตรวจสอบ Wiki Pages ที่มีการแก้ไขล่าสุด หากพบโค้ดที่ไม่ปกติควรลบออก และตั้งค่า Content Security Policy (CSP) เพื่อเพิ่มการป้องกัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-12716
    เป็นช่องโหว่ XSS ใน GitLab Wiki Pages
    เปิดทางให้ฝัง JavaScript Payload อันตราย

    ความเสี่ยงจากการโจมตี
    ผู้โจมตีสามารถขโมย Session Token ของผู้ใช้
    เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ใช้เป้าหมายโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
    เข้าถึง Repository และ Pipeline ได้

    ผลกระทบในวงกว้าง
    GitLab ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งองค์กรและโครงการโอเพ่นซอร์ส
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลและแก้ไขโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    อัปเดต GitLab เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที
    ตรวจสอบ Wiki Pages ที่ถูกแก้ไขล่าสุด
    ตั้งค่า Content Security Policy (CSP) เพื่อเพิ่มการป้องกัน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร
    หากไม่อัปเดตแพตช์ ผู้ใช้เสี่ยงถูกยึดบัญชี
    การละเลยการตรวจสอบ Wiki Pages อาจเปิดช่องให้โค้ดอันตรายทำงาน
    การไม่ตั้งค่า CSP ทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตี XSS ซ้ำ

    https://securityonline.info/high-severity-gitlab-xss-flaw-cve-2025-12716-risks-session-hijack-via-malicious-wiki-pages/
    🛠️ หัวข้อข่าว: “GitLab พบช่องโหว่ XSS ร้ายแรง เสี่ยงถูกยึดบัญชีผ่าน Wiki Pages” ช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-12716 ถูกค้นพบใน GitLab Wiki Pages โดยเป็นช่องโหว่แบบ Cross-Site Scripting (XSS) ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายลงในหน้า Wiki และใช้เพื่อ ขโมย Session Token ของผู้ใช้ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกยึดบัญชีและเข้าถึงข้อมูลโครงการที่สำคัญ 🔓 ลักษณะของช่องโหว่ ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ระบบ Wiki ของ GitLab ไม่ได้กรองโค้ดอันตรายอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝัง JavaScript Payload ลงในหน้า Wiki ได้ เมื่อผู้ใช้เปิดหน้า Wiki ที่ถูกฝังโค้ด จะทำให้ Session Token ของผู้ใช้ถูกส่งไปยังผู้โจมตีทันที 🕵️ ความเสี่ยงและการโจมตี หากผู้โจมตีได้ Session Token พวกเขาสามารถ เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ใช้เป้าหมาย โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน และเข้าถึงข้อมูลโครงการ, Repository, Pipeline รวมถึงการตั้งค่าที่สำคัญได้ การโจมตีลักษณะนี้เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลและการแก้ไขโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต 🌍 ผลกระทบในวงกว้าง GitLab ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งในองค์กร, บริษัทซอฟต์แวร์ และโครงการโอเพ่นซอร์สทั่วโลก ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ GitLab ในการจัดการโค้ดและ CI/CD หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลสำคัญ 🛡️ การแก้ไขและคำแนะนำ GitLab ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุดแล้ว ผู้ใช้ควรอัปเดตทันที พร้อมทั้งตรวจสอบ Wiki Pages ที่มีการแก้ไขล่าสุด หากพบโค้ดที่ไม่ปกติควรลบออก และตั้งค่า Content Security Policy (CSP) เพื่อเพิ่มการป้องกัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-12716 ➡️ เป็นช่องโหว่ XSS ใน GitLab Wiki Pages ➡️ เปิดทางให้ฝัง JavaScript Payload อันตราย ✅ ความเสี่ยงจากการโจมตี ➡️ ผู้โจมตีสามารถขโมย Session Token ของผู้ใช้ ➡️ เข้าสู่ระบบในฐานะผู้ใช้เป้าหมายโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ➡️ เข้าถึง Repository และ Pipeline ได้ ✅ ผลกระทบในวงกว้าง ➡️ GitLab ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งองค์กรและโครงการโอเพ่นซอร์ส ➡️ เสี่ยงต่อการรั่วไหลและแก้ไขโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ การแก้ไขและคำแนะนำ ➡️ อัปเดต GitLab เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที ➡️ ตรวจสอบ Wiki Pages ที่ถูกแก้ไขล่าสุด ➡️ ตั้งค่า Content Security Policy (CSP) เพื่อเพิ่มการป้องกัน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร ⛔ หากไม่อัปเดตแพตช์ ผู้ใช้เสี่ยงถูกยึดบัญชี ⛔ การละเลยการตรวจสอบ Wiki Pages อาจเปิดช่องให้โค้ดอันตรายทำงาน ⛔ การไม่ตั้งค่า CSP ทำให้ระบบเสี่ยงต่อการโจมตี XSS ซ้ำ https://securityonline.info/high-severity-gitlab-xss-flaw-cve-2025-12716-risks-session-hijack-via-malicious-wiki-pages/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity GitLab XSS Flaw (CVE-2025-12716) Risks Session Hijack via Malicious Wiki Pages
    A High-severity XSS (CVSS 8.7) flaw in GitLab Wiki allows session hijack via malicious pages, enabling unauthorized actions. Other HTML Injection flaws patched. Self-managed admins must update to v18.6.2.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Helium Browser — เบราว์เซอร์ใหม่ที่จริงจังเรื่องความเป็นส่วนตัว”

    Helium เป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่สร้างบน Ungoogled Chromium โดยเน้นความเป็นส่วนตัว, ไม่มีระบบซิงค์, ไม่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้ และมาพร้อมฟีเจอร์อย่าง uBlock Origin, การบล็อกคุกกี้, และระบบ “Helium Services” ที่ช่วยปกปิดการเชื่อมต่อจากภายนอก

    จุดเด่นด้านความเป็นส่วนตัว
    Helium ถูกออกแบบมาให้ Private by Default โดยไม่ต้องสมัครบัญชีหรือซิงค์ข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์กลาง ทุกการตั้งค่าถูกเก็บไว้ในเครื่องผู้ใช้เท่านั้น นอกจากนี้ยังบล็อกคุกกี้จากบุคคลที่สามและบังคับใช้ HTTPS โดยอัตโนมัติ ทำให้การใช้งานปลอดภัยขึ้นโดยไม่ต้องปรับแต่งมากนัก.

    ฟีเจอร์ที่แตกต่าง
    Helium มาพร้อม uBlock Origin ที่ยังคงใช้ Manifest V2 (ซึ่งเบราว์เซอร์อื่นเริ่มเลิกสนับสนุน) ทำให้การบล็อกโฆษณายังคงมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีระบบ Helium Services ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางปกปิดการเชื่อมต่อ เช่น การดาวน์โหลดส่วนขยายหรือการส่งคำสั่ง AI ผ่าน “bangs” โดยไม่ให้ Google หรือบุคคลที่สามติดตามได้.

    ฟีเจอร์เสริมและการใช้งาน
    Helium รองรับ bangs กว่า 10,000 รายการ (คล้าย DuckDuckGo) ที่ช่วยให้ค้นหาข้อมูลตรงไปยังเว็บไซต์ได้ทันที เช่น !w open-source เพื่อเข้าหน้า Wikipedia โดยตรง นอกจากนี้ยังมี Split View สำหรับเปิดสองแท็บเคียงกัน, ระบบปรับแต่งธีมแยกจากหน้า New Tab, และการจัดการโปรไฟล์แบบ Local.

    ข้อจำกัดและสถานะปัจจุบัน
    Helium ยังอยู่ในสถานะ Beta Software จึงมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับ DRM (ทำให้ไม่สามารถดู Netflix หรือ Spotify ได้), ไม่มี Password Manager ในตัว, และบางเว็บไซต์อาจมีปัญหาการล็อกอินเมื่อใช้ uBlock Origin ที่ติดมากับเบราว์เซอร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถแก้ไขด้วยการติดตั้ง uBlock Origin จาก Chrome Web Store แทน.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    จุดเด่นของ Helium
    สร้างบน Ungoogled Chromium เน้นความเป็นส่วนตัว
    ไม่มีระบบซิงค์หรือการเก็บข้อมูลผู้ใช้
    บังคับใช้ HTTPS และบล็อกคุกกี้บุคคลที่สาม

    ฟีเจอร์สำคัญ
    มาพร้อม uBlock Origin (Manifest V2)
    ระบบ Helium Services ปกปิดการเชื่อมต่อ
    รองรับ bangs กว่า 10,000 รายการ
    Split View และการปรับแต่งธีมแยกอิสระ

    การใช้งานและการแจกจ่าย
    มีให้ดาวน์โหลดบน Linux, Mac และ Windows
    แจกจ่ายผ่าน AppImage, tarball และ GitHub Releases

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ยังเป็น Beta Software อาจมีบั๊ก
    ไม่รองรับ DRM (Netflix, Spotify ใช้งานไม่ได้)
    ไม่มี Password Manager และระบบ Sync ในตัว
    บางเว็บไซต์อาจล็อกอินไม่ได้เมื่อใช้ uBlock Origin ที่ติดมากับ Helium

    https://itsfoss.com/helium-browser/
    🌐 “Helium Browser — เบราว์เซอร์ใหม่ที่จริงจังเรื่องความเป็นส่วนตัว” Helium เป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่สร้างบน Ungoogled Chromium โดยเน้นความเป็นส่วนตัว, ไม่มีระบบซิงค์, ไม่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้ และมาพร้อมฟีเจอร์อย่าง uBlock Origin, การบล็อกคุกกี้, และระบบ “Helium Services” ที่ช่วยปกปิดการเชื่อมต่อจากภายนอก 🔒 จุดเด่นด้านความเป็นส่วนตัว Helium ถูกออกแบบมาให้ Private by Default โดยไม่ต้องสมัครบัญชีหรือซิงค์ข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์กลาง ทุกการตั้งค่าถูกเก็บไว้ในเครื่องผู้ใช้เท่านั้น นอกจากนี้ยังบล็อกคุกกี้จากบุคคลที่สามและบังคับใช้ HTTPS โดยอัตโนมัติ ทำให้การใช้งานปลอดภัยขึ้นโดยไม่ต้องปรับแต่งมากนัก. 🛠️ ฟีเจอร์ที่แตกต่าง Helium มาพร้อม uBlock Origin ที่ยังคงใช้ Manifest V2 (ซึ่งเบราว์เซอร์อื่นเริ่มเลิกสนับสนุน) ทำให้การบล็อกโฆษณายังคงมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีระบบ Helium Services ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางปกปิดการเชื่อมต่อ เช่น การดาวน์โหลดส่วนขยายหรือการส่งคำสั่ง AI ผ่าน “bangs” โดยไม่ให้ Google หรือบุคคลที่สามติดตามได้. 📑 ฟีเจอร์เสริมและการใช้งาน Helium รองรับ bangs กว่า 10,000 รายการ (คล้าย DuckDuckGo) ที่ช่วยให้ค้นหาข้อมูลตรงไปยังเว็บไซต์ได้ทันที เช่น !w open-source เพื่อเข้าหน้า Wikipedia โดยตรง นอกจากนี้ยังมี Split View สำหรับเปิดสองแท็บเคียงกัน, ระบบปรับแต่งธีมแยกจากหน้า New Tab, และการจัดการโปรไฟล์แบบ Local. ⚠️ ข้อจำกัดและสถานะปัจจุบัน Helium ยังอยู่ในสถานะ Beta Software จึงมีข้อจำกัด เช่น ไม่รองรับ DRM (ทำให้ไม่สามารถดู Netflix หรือ Spotify ได้), ไม่มี Password Manager ในตัว, และบางเว็บไซต์อาจมีปัญหาการล็อกอินเมื่อใช้ uBlock Origin ที่ติดมากับเบราว์เซอร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถแก้ไขด้วยการติดตั้ง uBlock Origin จาก Chrome Web Store แทน. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ จุดเด่นของ Helium ➡️ สร้างบน Ungoogled Chromium เน้นความเป็นส่วนตัว ➡️ ไม่มีระบบซิงค์หรือการเก็บข้อมูลผู้ใช้ ➡️ บังคับใช้ HTTPS และบล็อกคุกกี้บุคคลที่สาม ✅ ฟีเจอร์สำคัญ ➡️ มาพร้อม uBlock Origin (Manifest V2) ➡️ ระบบ Helium Services ปกปิดการเชื่อมต่อ ➡️ รองรับ bangs กว่า 10,000 รายการ ➡️ Split View และการปรับแต่งธีมแยกอิสระ ✅ การใช้งานและการแจกจ่าย ➡️ มีให้ดาวน์โหลดบน Linux, Mac และ Windows ➡️ แจกจ่ายผ่าน AppImage, tarball และ GitHub Releases ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ยังเป็น Beta Software อาจมีบั๊ก ⛔ ไม่รองรับ DRM (Netflix, Spotify ใช้งานไม่ได้) ⛔ ไม่มี Password Manager และระบบ Sync ในตัว ⛔ บางเว็บไซต์อาจล็อกอินไม่ได้เมื่อใช้ uBlock Origin ที่ติดมากับ Helium https://itsfoss.com/helium-browser/
    ITSFOSS.COM
    Is Helium the Browser Brave Was Meant to Be?
    An in-depth look at 'another new Chromium-based web browser" that is "different from the other Chromium-based web browsers".
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รวมระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับ Homelab และการใช้งานส่วนตัว”

    บทความนี้แนะนำระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ที่สามารถใช้สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลส่วนตัวได้เอง เช่น OpenMediaVault, TrueNAS, Rockstor, XigmaNAS และ EasyNAS รวมถึงตัวเลือกเสริมอย่าง CasaOS และ TurnKey File Server

    OpenMediaVault (OMV)
    OMV เป็นดิสทริบิวชันที่สร้างบน Debian ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องเก่าให้เป็น NAS รองรับไฟล์ระบบหลากหลาย เช่น EXT3, EXT4, Btrfs และมีปลั๊กอินเสริมมากมาย เช่น Kubernetes, OneDrive, และการจัดการ Snapshot ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่อยากปรับแต่งมากนัก.

    TrueNAS
    TrueNAS มีสองรุ่นคือ Community Edition (FreeBSD) และ Enterprise Edition (Debian) จุดเด่นคือการใช้ ZFS ที่มีความปลอดภัยสูง รองรับการทำ Snapshot ไม่จำกัด, Docker, Kubernetes และการติดตั้งแอปเสริม เช่น Plex หรือ Nextcloud เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ.

    Rockstor
    Rockstor สร้างบน OpenSUSE ใช้ระบบไฟล์ Btrfs และมีฟีเจอร์ Rock-Ons ซึ่งเป็น Docker Plug-ins ที่ช่วยเพิ่มความสามารถ เช่น Media Player, Torrent Client และ Productivity Tools เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ NAS ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย.

    XigmaNAS
    XigmaNAS พัฒนาต่อจาก FreeNAS รองรับ OpenZFS และ UFS จุดเด่นคือสามารถใช้กับเครื่องเก่าได้ดี มีฟีเจอร์เสริม เช่น BitTorrent Client, iTunes/DAAP Server, VirtualBox และ DLNA ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากรีไซเคิลเครื่องเก่าเป็น NAS.

    EasyNAS
    EasyNAS สร้างบน OpenSUSE ใช้ Btrfs และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายที่สุด รองรับการบีบอัด, Snapshot และการปรับขนาดไฟล์ เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์เก่า.

    ตัวเลือกเสริม
    CasaOS: ระบบ Cloud ส่วนตัวที่สร้างบน Docker มี UI ทันสมัย รองรับแอปเช่น Plex และ Jellyfin

    TurnKey File Server: สร้างบน Debian ใช้งานง่าย แม้ไม่ใช่ NAS เต็มรูปแบบ แต่เหมาะสำหรับการแชร์ไฟล์อย่างรวดเร็ว.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    OpenMediaVault (OMV)
    ใช้งานง่าย, เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับปลั๊กอินหลากหลาย

    TrueNAS
    มีรุ่น Community และ Enterprise, ใช้ ZFS, รองรับ Docker/Kubernetes

    Rockstor
    ใช้ Btrfs, มี Rock-Ons (Docker Plug-ins), ปรับแต่งได้หลากหลาย

    XigmaNAS
    เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับ OpenZFS/UFS, มีฟีเจอร์เสริมเช่น DLNA, VirtualBox

    EasyNAS
    ใช้งานง่าย, เน้นความปลอดภัย, เหมาะกับฮาร์ดแวร์เก่า

    ตัวเลือกเสริม
    CasaOS: Cloud ส่วนตัวบน Docker
    TurnKey File Server: แชร์ไฟล์ง่ายบน Debian

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ NAS
    หากไม่อัปเดตระบบ อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัย
    การใช้ค่าเริ่มต้นจากโรงงาน เช่น รหัสผ่านเดิม เป็นความเสี่ยงร้ายแรง
    การเปิดพอร์ตให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรงเพิ่มโอกาสถูกโจมตี

    https://itsfoss.com/open-source-nas-os/
    🗂️ “รวมระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับ Homelab และการใช้งานส่วนตัว” บทความนี้แนะนำระบบปฏิบัติการ NAS แบบโอเพ่นซอร์ส ที่สามารถใช้สร้างเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลส่วนตัวได้เอง เช่น OpenMediaVault, TrueNAS, Rockstor, XigmaNAS และ EasyNAS รวมถึงตัวเลือกเสริมอย่าง CasaOS และ TurnKey File Server 💻 OpenMediaVault (OMV) OMV เป็นดิสทริบิวชันที่สร้างบน Debian ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องเก่าให้เป็น NAS รองรับไฟล์ระบบหลากหลาย เช่น EXT3, EXT4, Btrfs และมีปลั๊กอินเสริมมากมาย เช่น Kubernetes, OneDrive, และการจัดการ Snapshot ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่อยากปรับแต่งมากนัก. 🏢 TrueNAS TrueNAS มีสองรุ่นคือ Community Edition (FreeBSD) และ Enterprise Edition (Debian) จุดเด่นคือการใช้ ZFS ที่มีความปลอดภัยสูง รองรับการทำ Snapshot ไม่จำกัด, Docker, Kubernetes และการติดตั้งแอปเสริม เช่น Plex หรือ Nextcloud เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ. 🐧 Rockstor Rockstor สร้างบน OpenSUSE ใช้ระบบไฟล์ Btrfs และมีฟีเจอร์ Rock-Ons ซึ่งเป็น Docker Plug-ins ที่ช่วยเพิ่มความสามารถ เช่น Media Player, Torrent Client และ Productivity Tools เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ NAS ที่ปรับแต่งได้หลากหลาย. 🗄️ XigmaNAS XigmaNAS พัฒนาต่อจาก FreeNAS รองรับ OpenZFS และ UFS จุดเด่นคือสามารถใช้กับเครื่องเก่าได้ดี มีฟีเจอร์เสริม เช่น BitTorrent Client, iTunes/DAAP Server, VirtualBox และ DLNA ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากรีไซเคิลเครื่องเก่าเป็น NAS. 📦 EasyNAS EasyNAS สร้างบน OpenSUSE ใช้ Btrfs และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายที่สุด รองรับการบีบอัด, Snapshot และการปรับขนาดไฟล์ เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะผู้ใช้ที่มีฮาร์ดแวร์เก่า. 🌐 ตัวเลือกเสริม 🎗️ CasaOS: ระบบ Cloud ส่วนตัวที่สร้างบน Docker มี UI ทันสมัย รองรับแอปเช่น Plex และ Jellyfin 🎗️ TurnKey File Server: สร้างบน Debian ใช้งานง่าย แม้ไม่ใช่ NAS เต็มรูปแบบ แต่เหมาะสำหรับการแชร์ไฟล์อย่างรวดเร็ว. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ OpenMediaVault (OMV) ➡️ ใช้งานง่าย, เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับปลั๊กอินหลากหลาย ✅ TrueNAS ➡️ มีรุ่น Community และ Enterprise, ใช้ ZFS, รองรับ Docker/Kubernetes ✅ Rockstor ➡️ ใช้ Btrfs, มี Rock-Ons (Docker Plug-ins), ปรับแต่งได้หลากหลาย ✅ XigmaNAS ➡️ เหมาะกับเครื่องเก่า, รองรับ OpenZFS/UFS, มีฟีเจอร์เสริมเช่น DLNA, VirtualBox ✅ EasyNAS ➡️ ใช้งานง่าย, เน้นความปลอดภัย, เหมาะกับฮาร์ดแวร์เก่า ✅ ตัวเลือกเสริม ➡️ CasaOS: Cloud ส่วนตัวบน Docker ➡️ TurnKey File Server: แชร์ไฟล์ง่ายบน Debian ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ NAS ⛔ หากไม่อัปเดตระบบ อาจเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัย ⛔ การใช้ค่าเริ่มต้นจากโรงงาน เช่น รหัสผ่านเดิม เป็นความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ การเปิดพอร์ตให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรงเพิ่มโอกาสถูกโจมตี https://itsfoss.com/open-source-nas-os/
    ITSFOSS.COM
    Here are Your Choices for an Open Source NAS Operating System
    Building a NAS in your homelab? Here are the choices of operating systems you can use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Linux Foundation เปิดตัว Agentic AI Foundation รวมยักษ์ใหญ่ผลักดัน AI อัตโนมัติ”

    การก่อตั้งและเป้าหมาย
    Linux Foundation ประกาศเปิดตัว Agentic AI Foundation (AAIF) โดยรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Amazon Web Services, Anthropic, Block, Bloomberg, Cloudflare, Google, Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือแบบเปิดในการพัฒนา Agentic AI — ระบบ AI ที่สามารถตัดสินใจและทำงานได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ในทุกขั้นตอน. เป้าหมายคือการสร้างมาตรฐานและโครงสร้างพื้นฐานที่โปร่งใส ป้องกันการผูกขาด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์ม.

    เทคโนโลยีหลักที่เข้าร่วม
    AAIF เริ่มต้นด้วยการรวม 3 โปรเจกต์โอเพ่นซอร์สสำคัญ:
    Model Context Protocol (MCP) จาก Anthropic: ช่วยให้โมเดล AI เชื่อมต่อกับเครื่องมือและข้อมูลภายนอกได้อย่างปลอดภัย
    goose จาก Block: เฟรมเวิร์กสำหรับสร้าง AI agents แบบ local-first ที่ยืดหยุ่นและขยายได้
    AGENTS.md จาก OpenAI: มาตรฐาน Markdown สำหรับให้ AI coding agents ทำงานได้สอดคล้องกันในหลายระบบ

    ความสำคัญต่อวงการ AI
    การรวมโปรเจกต์เหล่านี้ภายใต้ Linux Foundation ทำให้เกิดการพัฒนาแบบ open governance ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการผูกขาดโดยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างมาตรฐานใหม่ของ AI ที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียรและปลอดภัย.

    การสนับสนุนและโครงสร้างสมาชิก
    AAIF มีสมาชิกหลายระดับ ตั้งแต่ Platinum ($350,000), Gold ($200,000), Silver ($10,000) ไปจนถึง Associate สำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไรและสถาบันการศึกษา โดยมีเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของ AI agentic ได้.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การก่อตั้ง Agentic AI Foundation (AAIF)
    เปิดตัวโดย Linux Foundation
    รวมบริษัทใหญ่ เช่น AWS, Google, Microsoft, OpenAI

    เทคโนโลยีหลักที่เข้าร่วม
    MCP จาก Anthropic: เชื่อมต่อโมเดลกับเครื่องมือภายนอก
    goose จาก Block: เฟรมเวิร์กสร้าง AI agents แบบ local-first
    AGENTS.md จาก OpenAI: มาตรฐาน Markdown สำหรับ AI coding agents

    ความสำคัญต่อวงการ AI
    พัฒนาแบบ open governance ลดการผูกขาด
    สร้างมาตรฐานใหม่ให้ AI agents ทำงานร่วมกันได้

    โครงสร้างสมาชิกและการสนับสนุน
    Platinum, Gold, Silver และ Associate สำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร
    เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    หากไม่มีมาตรฐานกลาง อาจเกิดการกระจายตัวและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
    การพัฒนา Agentic AI โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจเสี่ยงต่อการใช้งานในทางที่ผิด
    การลงทุนสูงอาจทำให้ผู้เล่นรายเล็กเข้าถึงได้ยาก

    https://itsfoss.com/news/agentic-ai-foundation-launch/
    🤖 “Linux Foundation เปิดตัว Agentic AI Foundation รวมยักษ์ใหญ่ผลักดัน AI อัตโนมัติ” 🌐 การก่อตั้งและเป้าหมาย Linux Foundation ประกาศเปิดตัว Agentic AI Foundation (AAIF) โดยรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Amazon Web Services, Anthropic, Block, Bloomberg, Cloudflare, Google, Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือแบบเปิดในการพัฒนา Agentic AI — ระบบ AI ที่สามารถตัดสินใจและทำงานได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ในทุกขั้นตอน. เป้าหมายคือการสร้างมาตรฐานและโครงสร้างพื้นฐานที่โปร่งใส ป้องกันการผูกขาด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์ม. 🛠️ เทคโนโลยีหลักที่เข้าร่วม AAIF เริ่มต้นด้วยการรวม 3 โปรเจกต์โอเพ่นซอร์สสำคัญ: 💠 Model Context Protocol (MCP) จาก Anthropic: ช่วยให้โมเดล AI เชื่อมต่อกับเครื่องมือและข้อมูลภายนอกได้อย่างปลอดภัย 💠 goose จาก Block: เฟรมเวิร์กสำหรับสร้าง AI agents แบบ local-first ที่ยืดหยุ่นและขยายได้ 💠 AGENTS.md จาก OpenAI: มาตรฐาน Markdown สำหรับให้ AI coding agents ทำงานได้สอดคล้องกันในหลายระบบ 💡 ความสำคัญต่อวงการ AI การรวมโปรเจกต์เหล่านี้ภายใต้ Linux Foundation ทำให้เกิดการพัฒนาแบบ open governance ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการผูกขาดโดยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างมาตรฐานใหม่ของ AI ที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียรและปลอดภัย. 📅 การสนับสนุนและโครงสร้างสมาชิก AAIF มีสมาชิกหลายระดับ ตั้งแต่ Platinum ($350,000), Gold ($200,000), Silver ($10,000) ไปจนถึง Associate สำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไรและสถาบันการศึกษา โดยมีเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของ AI agentic ได้. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การก่อตั้ง Agentic AI Foundation (AAIF) ➡️ เปิดตัวโดย Linux Foundation ➡️ รวมบริษัทใหญ่ เช่น AWS, Google, Microsoft, OpenAI ✅ เทคโนโลยีหลักที่เข้าร่วม ➡️ MCP จาก Anthropic: เชื่อมต่อโมเดลกับเครื่องมือภายนอก ➡️ goose จาก Block: เฟรมเวิร์กสร้าง AI agents แบบ local-first ➡️ AGENTS.md จาก OpenAI: มาตรฐาน Markdown สำหรับ AI coding agents ✅ ความสำคัญต่อวงการ AI ➡️ พัฒนาแบบ open governance ลดการผูกขาด ➡️ สร้างมาตรฐานใหม่ให้ AI agents ทำงานร่วมกันได้ ✅ โครงสร้างสมาชิกและการสนับสนุน ➡️ Platinum, Gold, Silver และ Associate สำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร ➡️ เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ หากไม่มีมาตรฐานกลาง อาจเกิดการกระจายตัวและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ⛔ การพัฒนา Agentic AI โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจเสี่ยงต่อการใช้งานในทางที่ผิด ⛔ การลงทุนสูงอาจทำให้ผู้เล่นรายเล็กเข้าถึงได้ยาก https://itsfoss.com/news/agentic-ai-foundation-launch/
    ITSFOSS.COM
    Linux Foundation Launches Agentic AI Foundation with Industry-Wide Support
    Anthropic's MCP, Block's goose, and OpenAI's AGENTS.md form the foundation of this new initiative.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Canonical จับมือ AMD นำ ROCm มาสู่ Ubuntu อย่างเป็นทางการ”

    ความร่วมมือครั้งสำคัญ
    Canonical ประกาศความร่วมมือกับ AMD เพื่อนำ ROCm (Radeon Open Compute) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สสำหรับการเร่งความเร็วด้วย GPU มาเป็นส่วนหนึ่งของ Ubuntu โดยจะเริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS และจะมีให้ใช้งานต่อเนื่องในทุกเวอร์ชันหลังจากนั้น การรวม ROCm เข้ากับระบบปฏิบัติการโดยตรงจะช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งและใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก.

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    การที่ ROCm ถูกบรรจุใน Ubuntu ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งได้ด้วยคำสั่งง่าย ๆ เช่น sudo apt install rocm หรือถูกดึงมาเป็น dependency โดยอัตโนมัติเมื่อใช้โปรเจกต์ที่ต้องการ GPU acceleration เช่น Ollama เวอร์ชัน AMD สิ่งนี้ช่วยลดความซับซ้อนในการตั้งค่าและทำให้การพัฒนา AI, HPC และงานด้าน Machine Learning บน Ubuntu มีความสะดวกและเสถียรมากขึ้น.

    ความปลอดภัยและการบำรุงรักษา
    Canonical ตั้งทีมวิศวกรเฉพาะเพื่อดูแลแพ็กเกจ ROCm ทั้งการจัดทำ, การบำรุงรักษาระยะยาว และการส่ง upstream ไปยัง Debian เพื่อให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สได้ประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ ROCm LTS จะได้รับการสนับสนุนด้าน Security Patch และ Performance Fixes ผ่านระบบอัปเดตปกติของ Ubuntu และหากใช้ Ubuntu Pro จะได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี.

    ความหมายต่อระบบนิเวศ
    การรวม ROCm เข้ากับ Ubuntu ไม่เพียงช่วยผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังเป็นการเปิดทางให้ Data Center, Workstation, Laptop, WSL และ Edge Computing สามารถใช้ GPU ของ AMD ได้อย่างราบรื่น ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันในตลาด AI ที่ก่อนหน้านี้ NVIDIA ครองความได้เปรียบด้านซอฟต์แวร์.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ความร่วมมือ Canonical + AMD
    ROCm จะถูกบรรจุใน Ubuntu ตั้งแต่เวอร์ชัน 26.04 LTS
    มีให้ใช้งานต่อเนื่องในทุกเวอร์ชันหลังจากนั้น

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    ติดตั้งง่ายด้วย sudo apt install rocm
    ใช้งานสะดวกสำหรับ AI, HPC และ Machine Learning

    ความปลอดภัยและการบำรุงรักษา
    Canonical ตั้งทีมเฉพาะดูแลแพ็กเกจ ROCm
    Security Patch และ Performance Fixes ผ่านระบบอัปเดต
    Ubuntu Pro สนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี

    ความหมายต่อระบบนิเวศ AI
    รองรับ Data Center, Workstation, Laptop, WSL และ Edge Computing
    เพิ่มการแข่งขันกับ NVIDIA ในตลาด AI

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต ROCm อาจพลาด Security Patch สำคัญ
    การใช้ฮาร์ดแวร์ AMD รุ่นเก่าอาจไม่รองรับ ROCm เต็มรูปแบบ
    การพัฒนา AI ที่พึ่งพา ROCm ต้องตรวจสอบ Compatibility กับแพ็กเกจอื่น ๆ

    https://itsfoss.com/news/ubuntu-rocm-support/
    🖥️ “Canonical จับมือ AMD นำ ROCm มาสู่ Ubuntu อย่างเป็นทางการ” 🔧 ความร่วมมือครั้งสำคัญ Canonical ประกาศความร่วมมือกับ AMD เพื่อนำ ROCm (Radeon Open Compute) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สสำหรับการเร่งความเร็วด้วย GPU มาเป็นส่วนหนึ่งของ Ubuntu โดยจะเริ่มต้นใน Ubuntu 26.04 LTS และจะมีให้ใช้งานต่อเนื่องในทุกเวอร์ชันหลังจากนั้น การรวม ROCm เข้ากับระบบปฏิบัติการโดยตรงจะช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งและใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก. 🚀 ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา การที่ ROCm ถูกบรรจุใน Ubuntu ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งได้ด้วยคำสั่งง่าย ๆ เช่น sudo apt install rocm หรือถูกดึงมาเป็น dependency โดยอัตโนมัติเมื่อใช้โปรเจกต์ที่ต้องการ GPU acceleration เช่น Ollama เวอร์ชัน AMD สิ่งนี้ช่วยลดความซับซ้อนในการตั้งค่าและทำให้การพัฒนา AI, HPC และงานด้าน Machine Learning บน Ubuntu มีความสะดวกและเสถียรมากขึ้น. 🔒 ความปลอดภัยและการบำรุงรักษา Canonical ตั้งทีมวิศวกรเฉพาะเพื่อดูแลแพ็กเกจ ROCm ทั้งการจัดทำ, การบำรุงรักษาระยะยาว และการส่ง upstream ไปยัง Debian เพื่อให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สได้ประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ ROCm LTS จะได้รับการสนับสนุนด้าน Security Patch และ Performance Fixes ผ่านระบบอัปเดตปกติของ Ubuntu และหากใช้ Ubuntu Pro จะได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี. 🌍 ความหมายต่อระบบนิเวศ การรวม ROCm เข้ากับ Ubuntu ไม่เพียงช่วยผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังเป็นการเปิดทางให้ Data Center, Workstation, Laptop, WSL และ Edge Computing สามารถใช้ GPU ของ AMD ได้อย่างราบรื่น ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันในตลาด AI ที่ก่อนหน้านี้ NVIDIA ครองความได้เปรียบด้านซอฟต์แวร์. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ความร่วมมือ Canonical + AMD ➡️ ROCm จะถูกบรรจุใน Ubuntu ตั้งแต่เวอร์ชัน 26.04 LTS ➡️ มีให้ใช้งานต่อเนื่องในทุกเวอร์ชันหลังจากนั้น ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา ➡️ ติดตั้งง่ายด้วย sudo apt install rocm ➡️ ใช้งานสะดวกสำหรับ AI, HPC และ Machine Learning ✅ ความปลอดภัยและการบำรุงรักษา ➡️ Canonical ตั้งทีมเฉพาะดูแลแพ็กเกจ ROCm ➡️ Security Patch และ Performance Fixes ผ่านระบบอัปเดต ➡️ Ubuntu Pro สนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี ✅ ความหมายต่อระบบนิเวศ AI ➡️ รองรับ Data Center, Workstation, Laptop, WSL และ Edge Computing ➡️ เพิ่มการแข่งขันกับ NVIDIA ในตลาด AI ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต ROCm อาจพลาด Security Patch สำคัญ ⛔ การใช้ฮาร์ดแวร์ AMD รุ่นเก่าอาจไม่รองรับ ROCm เต็มรูปแบบ ⛔ การพัฒนา AI ที่พึ่งพา ROCm ต้องตรวจสอบ Compatibility กับแพ็กเกจอื่น ๆ https://itsfoss.com/news/ubuntu-rocm-support/
    ITSFOSS.COM
    Ubuntu Will Soon Make AMD GPUs Much Easier to Use for AI Workloads
    Canonical teams up with AMD to package ROCm directly in Ubuntu.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Divine D — สมาร์ทโฟน Linux รุ่นใหม่จากทีม Dawndrums”

    แนวคิดและการพัฒนา
    ทีมวิศวกรจากตูนิเซียภายใต้ชื่อ Dawndrums กำลังพัฒนาโครงการ Divine D. ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สชื่อ DawnOS (สร้างบน Mobian และ Debian พร้อม Phosh UI) จุดมุ่งหมายคือการคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้และชุมชน โดยล่าสุดทีมได้อัปเดตบอร์ดเป็น Rev 1.1 และโชว์วิดีโอการบูต DawnOS บนเครื่องต้นแบบสำเร็จแล้ว.

    สเปกฮาร์ดแวร์
    Divine D ใช้ชิป Rockchip RK3588S ที่มี 4 คอร์ Cortex-A76 และ 4 คอร์ Cortex-A55 พร้อม GPU Arm Mali-G610 และ NPU 3 คอร์ที่ให้พลังประมวลผลสูงถึง 6 TFLOPS ทำให้สามารถรันโมเดลภาษา AI ได้แบบ local โดยไม่ต้องส่งข้อมูลออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก รองรับ RAM สูงสุด 32 GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 64–256 GB.

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ
    สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มี Physical Kill Switches สำหรับปิดการทำงานของกล้อง, ไมโครโฟน และโมเด็มเซลลูลาร์โดยตรงที่ระดับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ยังรองรับ LoRa module สำหรับการสื่อสารระยะไกลแบบพลังงานต่ำ, พอร์ต Micro HDMI 2.1 (รองรับ 8K 60Hz), ช่อง MicroSD Express, และคอนเน็กเตอร์ M.2 สำหรับโมดูล 4G/GSM.

    สถานะโครงการ
    ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลด้านราคาและกำหนดการวางจำหน่าย ทีม Dawndrums ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเผยแพร่ซอร์สโค้ดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0 แต่ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย ผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord ของโครงการ.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    แนวคิดโครงการ Divine D
    สมาร์ทโฟน Linux ที่ใช้ DawnOS (Mobian + Debian + Phosh)
    เป้าหมายคือคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้ผู้ใช้

    สเปกฮาร์ดแวร์หลัก
    Rockchip RK3588S, GPU Mali-G610, NPU 6 TFLOPS
    RAM สูงสุด 32 GB, Storage 64–256 GB

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ
    Physical Kill Switches สำหรับกล้อง, ไมค์, โมเด็ม
    รองรับ LoRa, Micro HDMI 2.1, MicroSD Express, M.2 สำหรับ 4G/GSM

    สถานะโครงการ
    ยังไม่มีข้อมูลราคาและกำหนดวางจำหน่าย
    ซอร์สโค้ดเปิดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0
    ติดตามได้ผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจ
    โครงการยังอยู่ระหว่างพัฒนา อาจมีการเปลี่ยนแปลงสเปก
    ไม่มีการยืนยันเรื่องการผลิตเชิงพาณิชย์
    ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย

    https://itsfoss.com/news/divine-d-project/
    📱 “Divine D — สมาร์ทโฟน Linux รุ่นใหม่จากทีม Dawndrums” 🌐 แนวคิดและการพัฒนา ทีมวิศวกรจากตูนิเซียภายใต้ชื่อ Dawndrums กำลังพัฒนาโครงการ Divine D. ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สชื่อ DawnOS (สร้างบน Mobian และ Debian พร้อม Phosh UI) จุดมุ่งหมายคือการคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้และชุมชน โดยล่าสุดทีมได้อัปเดตบอร์ดเป็น Rev 1.1 และโชว์วิดีโอการบูต DawnOS บนเครื่องต้นแบบสำเร็จแล้ว. ⚙️ สเปกฮาร์ดแวร์ Divine D ใช้ชิป Rockchip RK3588S ที่มี 4 คอร์ Cortex-A76 และ 4 คอร์ Cortex-A55 พร้อม GPU Arm Mali-G610 และ NPU 3 คอร์ที่ให้พลังประมวลผลสูงถึง 6 TFLOPS ทำให้สามารถรันโมเดลภาษา AI ได้แบบ local โดยไม่ต้องส่งข้อมูลออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก รองรับ RAM สูงสุด 32 GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 64–256 GB. 🔒 ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มี Physical Kill Switches สำหรับปิดการทำงานของกล้อง, ไมโครโฟน และโมเด็มเซลลูลาร์โดยตรงที่ระดับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ยังรองรับ LoRa module สำหรับการสื่อสารระยะไกลแบบพลังงานต่ำ, พอร์ต Micro HDMI 2.1 (รองรับ 8K 60Hz), ช่อง MicroSD Express, และคอนเน็กเตอร์ M.2 สำหรับโมดูล 4G/GSM. 📅 สถานะโครงการ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลด้านราคาและกำหนดการวางจำหน่าย ทีม Dawndrums ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเผยแพร่ซอร์สโค้ดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0 แต่ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย ผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord ของโครงการ. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ แนวคิดโครงการ Divine D ➡️ สมาร์ทโฟน Linux ที่ใช้ DawnOS (Mobian + Debian + Phosh) ➡️ เป้าหมายคือคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้ผู้ใช้ ✅ สเปกฮาร์ดแวร์หลัก ➡️ Rockchip RK3588S, GPU Mali-G610, NPU 6 TFLOPS ➡️ RAM สูงสุด 32 GB, Storage 64–256 GB ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ ➡️ Physical Kill Switches สำหรับกล้อง, ไมค์, โมเด็ม ➡️ รองรับ LoRa, Micro HDMI 2.1, MicroSD Express, M.2 สำหรับ 4G/GSM ✅ สถานะโครงการ ➡️ ยังไม่มีข้อมูลราคาและกำหนดวางจำหน่าย ➡️ ซอร์สโค้ดเปิดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0 ➡️ ติดตามได้ผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจ ⛔ โครงการยังอยู่ระหว่างพัฒนา อาจมีการเปลี่ยนแปลงสเปก ⛔ ไม่มีการยืนยันเรื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ ⛔ ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย https://itsfoss.com/news/divine-d-project/
    ITSFOSS.COM
    A Linux-Powered Smartphone That Has Features You Won't Find on Most Phones
    The Divine D. is set to come with LoRa networking, hardware privacy switches, and local AI processing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Raspberry Pi Imager 2.0.2 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รองรับหลาย SSH Keys และ Direct I/O Bypass”

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
    Raspberry Pi Imager เวอร์ชัน 2.0.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ Multiple SSH Keys ทำให้ผู้ใช้สามารถใส่กุญแจ SSH หลายชุดลงไปในระบบได้สะดวกขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกันหลายคนหรือหลายเครื่อง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Direct I/O Bypass ที่ช่วยให้การเขียนข้อมูลลง microSD card มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดปัญหาความเข้ากันได้.

    การแก้ไขปัญหาและปรับปรุง
    อัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้เจอเมื่อรัน Imager แบบ AppImage บน Linux ด้วยสิทธิ์ root ผ่าน xhost ซึ่งก่อนหน้านี้ทำให้เกิดข้อผิดพลาดด้านการอนุญาต X11 การแก้ไขนี้ช่วยให้การใช้งานบน Linux ราบรื่นขึ้นโดยไม่ต้องปรับแต่งมาก.

    ความสำคัญต่อผู้ใช้
    การรองรับหลาย SSH Keys มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการจัดการ Raspberry Pi ในสภาพแวดล้อมที่มีหลายผู้ดูแล เช่น ห้องแล็บ, ทีมวิจัย หรือโครงการ IoT ส่วน Direct I/O Bypass ช่วยให้การเขียนระบบปฏิบัติการลงการ์ดเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ทำให้การติดตั้ง Raspberry Pi OS และดิสทริบิวชันอื่น ๆ มีความเสถียรมากขึ้น.

    สถานะและการเผยแพร่
    Raspberry Pi Imager 2.0.2 พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วทั้งบน Windows, macOS และ Linux โดยผู้ใช้สามารถอัปเดตได้ทันทีจากเว็บไซต์ทางการหรือ GitHub ของโครงการ ถือเป็นการต่อยอดจากเวอร์ชัน 2.0 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์ใหม่ใน Raspberry Pi Imager 2.0.2
    รองรับ Multiple SSH Keys สำหรับหลายผู้ใช้
    Direct I/O Bypass ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนข้อมูล

    การแก้ไขปัญหา
    แก้บั๊ก X11 Authorization เมื่อรัน AppImage บน Linux ด้วย root
    ทำให้ใช้งานบน Linux ราบรื่นขึ้น

    ความสำคัญต่อผู้ใช้
    เหมาะสำหรับทีมที่มีหลายผู้ดูแล Raspberry Pi
    ลดข้อผิดพลาดในการเขียน OS ลง microSD card

    การเผยแพร่
    พร้อมดาวน์โหลดแล้วบน Windows, macOS และ Linux
    อัปเดตต่อยอดจากเวอร์ชัน 2.0 ที่เพิ่งเปิดตัว

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต อาจพลาดฟีเจอร์และการแก้ไขบั๊กสำคัญ
    การใช้ SSH Key เดียวในหลายผู้ใช้อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย
    การเขียนข้อมูลโดยไม่ใช้ Direct I/O Bypass อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการติดตั้ง

    https://9to5linux.com/raspberry-pi-imager-2-0-2-adds-support-for-multiple-ssh-keys-direct-i-o-bypass
    🖥️ “Raspberry Pi Imager 2.0.2 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รองรับหลาย SSH Keys และ Direct I/O Bypass” 🔧 ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา Raspberry Pi Imager เวอร์ชัน 2.0.2 ได้รับการอัปเดตครั้งสำคัญ โดยเพิ่มการรองรับ Multiple SSH Keys ทำให้ผู้ใช้สามารถใส่กุญแจ SSH หลายชุดลงไปในระบบได้สะดวกขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกันหลายคนหรือหลายเครื่อง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Direct I/O Bypass ที่ช่วยให้การเขียนข้อมูลลง microSD card มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดปัญหาความเข้ากันได้. 🛠️ การแก้ไขปัญหาและปรับปรุง อัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้เจอเมื่อรัน Imager แบบ AppImage บน Linux ด้วยสิทธิ์ root ผ่าน xhost ซึ่งก่อนหน้านี้ทำให้เกิดข้อผิดพลาดด้านการอนุญาต X11 การแก้ไขนี้ช่วยให้การใช้งานบน Linux ราบรื่นขึ้นโดยไม่ต้องปรับแต่งมาก. 🚀 ความสำคัญต่อผู้ใช้ การรองรับหลาย SSH Keys มีความสำคัญต่อผู้ใช้ที่ต้องการจัดการ Raspberry Pi ในสภาพแวดล้อมที่มีหลายผู้ดูแล เช่น ห้องแล็บ, ทีมวิจัย หรือโครงการ IoT ส่วน Direct I/O Bypass ช่วยให้การเขียนระบบปฏิบัติการลงการ์ดเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ทำให้การติดตั้ง Raspberry Pi OS และดิสทริบิวชันอื่น ๆ มีความเสถียรมากขึ้น. 📅 สถานะและการเผยแพร่ Raspberry Pi Imager 2.0.2 พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วทั้งบน Windows, macOS และ Linux โดยผู้ใช้สามารถอัปเดตได้ทันทีจากเว็บไซต์ทางการหรือ GitHub ของโครงการ ถือเป็นการต่อยอดจากเวอร์ชัน 2.0 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Raspberry Pi Imager 2.0.2 ➡️ รองรับ Multiple SSH Keys สำหรับหลายผู้ใช้ ➡️ Direct I/O Bypass ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนข้อมูล ✅ การแก้ไขปัญหา ➡️ แก้บั๊ก X11 Authorization เมื่อรัน AppImage บน Linux ด้วย root ➡️ ทำให้ใช้งานบน Linux ราบรื่นขึ้น ✅ ความสำคัญต่อผู้ใช้ ➡️ เหมาะสำหรับทีมที่มีหลายผู้ดูแล Raspberry Pi ➡️ ลดข้อผิดพลาดในการเขียน OS ลง microSD card ✅ การเผยแพร่ ➡️ พร้อมดาวน์โหลดแล้วบน Windows, macOS และ Linux ➡️ อัปเดตต่อยอดจากเวอร์ชัน 2.0 ที่เพิ่งเปิดตัว ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจพลาดฟีเจอร์และการแก้ไขบั๊กสำคัญ ⛔ การใช้ SSH Key เดียวในหลายผู้ใช้อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⛔ การเขียนข้อมูลโดยไม่ใช้ Direct I/O Bypass อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการติดตั้ง https://9to5linux.com/raspberry-pi-imager-2-0-2-adds-support-for-multiple-ssh-keys-direct-i-o-bypass
    9TO5LINUX.COM
    Raspberry Pi Imager 2.0.2 Adds Support for Multiple SSH Keys, Direct I/O Bypass - 9to5Linux
    Raspberry Pi Imager 2.0.2 microSD card flashing utility is now available for download with numerous new features and improvements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รีบอัปเดต! Windows 11 December 2025 Patch แก้ช่องโหว่ร้ายแรงและบั๊กกวนใจ”

    อัปเดต Windows 11 เดือนธันวาคม 2025 (KB5072033) มีความสำคัญมาก เพราะแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน PowerShell และ Windows Cloud Files รวมถึงปรับปรุงคุณภาพการใช้งาน เช่น แก้บั๊ก File Explorer และปัญหา Copilot

    ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข
    อัปเดตนี้แก้ไข PowerShell Vulnerability ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถ inject script อันตรายเข้าสู่ระบบได้ โดย Microsoft เพิ่ม confirmation prompt เพื่อให้ผู้ใช้สามารถยกเลิกคำสั่งที่น่าสงสัยได้ทันที นอกจากนี้ยังแก้ไขช่องโหว่ Privilege Escalation ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver และช่องโหว่ที่ทำให้ GitHub Copilot for JetBrains เสี่ยงต่อ Remote Code Injection.

    การปรับปรุงคุณภาพการใช้งาน
    นอกจากด้านความปลอดภัยแล้ว อัปเดต KB5072033 ยังแก้ไขบั๊กที่ผู้ใช้เจอเป็นประจำ เช่น:
    ปัญหา Ask Copilot Extension ที่ทำงานผิดพลาด
    ปัญหาใน Networking Stack ที่ทำให้ virtual switches สูญเสียการเชื่อมต่อกับ physical adapters
    แก้ไข File Explorer Visual Glitch ที่ทำให้เกิดแฟลชสีขาวรบกวนสายตา โดยเฉพาะผู้ใช้ Dark Mode.

    การอัปเดตฟีเจอร์ AI
    บางส่วนของฟีเจอร์ AI เช่น Image Search ได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Microsoft ยังแนะนำให้ผู้ใช้ปรับการตั้งค่า เช่น ปิดฟีเจอร์ Recall หากไม่ต้องการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว.

    ปัญหาที่ทราบแล้ว
    แม้อัปเดตนี้จะช่วยแก้ไขหลายปัญหา แต่ยังมี Known Issue คือไอคอนรหัสผ่านในหน้าล็อกสกรีนอาจหายไปหลังการอัปเดต อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขชั่วคราวได้ด้วยการเลื่อนเมาส์ไปบริเวณที่ไอคอนควรอยู่ ซึ่งจะทำให้ปุ่มกลับมาปรากฏ.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข
    PowerShell Vulnerability: ป้องกันการ inject script อันตราย
    Privilege Escalation ใน Cloud Files Mini Filter Driver
    ช่องโหว่ GitHub Copilot for JetBrains

    การปรับปรุงคุณภาพการใช้งาน
    แก้บั๊ก Ask Copilot Extension
    ปัญหา Networking Stack กับ virtual switches
    File Explorer Visual Glitch (แฟลชสีขาว)

    การอัปเดตฟีเจอร์ AI
    Image Search ได้รับการปรับปรุง
    แนะนำให้ปิด Recall หากไม่ต้องการใช้งาน

    Known Issue
    ไอคอนรหัสผ่านหายไปในหน้าล็อกสกรีน
    แก้ไขชั่วคราวโดยเลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่งเดิม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วย Remote Code Injection
    การละเลยการแก้ไขบั๊กอาจทำให้ระบบไม่เสถียร
    Known Issue อาจสร้างความสับสนในการเข้าสู่ระบบ

    https://www.slashgear.com/2048149/windows-11-december-2025-update-why-users-should-install-asap/
    🛡️ “รีบอัปเดต! Windows 11 December 2025 Patch แก้ช่องโหว่ร้ายแรงและบั๊กกวนใจ” อัปเดต Windows 11 เดือนธันวาคม 2025 (KB5072033) มีความสำคัญมาก เพราะแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน PowerShell และ Windows Cloud Files รวมถึงปรับปรุงคุณภาพการใช้งาน เช่น แก้บั๊ก File Explorer และปัญหา Copilot 🔓 ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข อัปเดตนี้แก้ไข PowerShell Vulnerability ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถ inject script อันตรายเข้าสู่ระบบได้ โดย Microsoft เพิ่ม confirmation prompt เพื่อให้ผู้ใช้สามารถยกเลิกคำสั่งที่น่าสงสัยได้ทันที นอกจากนี้ยังแก้ไขช่องโหว่ Privilege Escalation ใน Windows Cloud Files Mini Filter Driver และช่องโหว่ที่ทำให้ GitHub Copilot for JetBrains เสี่ยงต่อ Remote Code Injection. 🛠️ การปรับปรุงคุณภาพการใช้งาน นอกจากด้านความปลอดภัยแล้ว อัปเดต KB5072033 ยังแก้ไขบั๊กที่ผู้ใช้เจอเป็นประจำ เช่น: 🐞 ปัญหา Ask Copilot Extension ที่ทำงานผิดพลาด 🐞 ปัญหาใน Networking Stack ที่ทำให้ virtual switches สูญเสียการเชื่อมต่อกับ physical adapters 🐞 แก้ไข File Explorer Visual Glitch ที่ทำให้เกิดแฟลชสีขาวรบกวนสายตา โดยเฉพาะผู้ใช้ Dark Mode. 🤖 การอัปเดตฟีเจอร์ AI บางส่วนของฟีเจอร์ AI เช่น Image Search ได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Microsoft ยังแนะนำให้ผู้ใช้ปรับการตั้งค่า เช่น ปิดฟีเจอร์ Recall หากไม่ต้องการใช้งาน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว. ⚠️ ปัญหาที่ทราบแล้ว แม้อัปเดตนี้จะช่วยแก้ไขหลายปัญหา แต่ยังมี Known Issue คือไอคอนรหัสผ่านในหน้าล็อกสกรีนอาจหายไปหลังการอัปเดต อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขชั่วคราวได้ด้วยการเลื่อนเมาส์ไปบริเวณที่ไอคอนควรอยู่ ซึ่งจะทำให้ปุ่มกลับมาปรากฏ. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ช่องโหว่ที่ถูกแก้ไข ➡️ PowerShell Vulnerability: ป้องกันการ inject script อันตราย ➡️ Privilege Escalation ใน Cloud Files Mini Filter Driver ➡️ ช่องโหว่ GitHub Copilot for JetBrains ✅ การปรับปรุงคุณภาพการใช้งาน ➡️ แก้บั๊ก Ask Copilot Extension ➡️ ปัญหา Networking Stack กับ virtual switches ➡️ File Explorer Visual Glitch (แฟลชสีขาว) ✅ การอัปเดตฟีเจอร์ AI ➡️ Image Search ได้รับการปรับปรุง ➡️ แนะนำให้ปิด Recall หากไม่ต้องการใช้งาน ✅ Known Issue ➡️ ไอคอนรหัสผ่านหายไปในหน้าล็อกสกรีน ➡️ แก้ไขชั่วคราวโดยเลื่อนเมาส์ไปที่ตำแหน่งเดิม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วย Remote Code Injection ⛔ การละเลยการแก้ไขบั๊กอาจทำให้ระบบไม่เสถียร ⛔ Known Issue อาจสร้างความสับสนในการเข้าสู่ระบบ https://www.slashgear.com/2048149/windows-11-december-2025-update-why-users-should-install-asap/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why You Should Install Windows 11's December 2025 Patch ASAP - SlashGear
    Install Windows 11’s December 2025 patch ASAP because it fixes major security flaws, including a PowerShell vulnerability and multiple remote code exploits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • “5 แกดเจ็ตสุดร้อนแรงที่โลกจับตามองในปี 2026”

    บทความนี้พูดถึง 5 แกดเจ็ตที่ถูกคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 ได้แก่ Steam Machine, Steam Frame VR Headset, iPhone Fold, AYN Odin 3, และ Retroid Pocket 6 ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นและความคาดหวังสูงจากทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักเล่นเกม

    Steam Machine และ Steam Controller
    Valve เตรียมเปิดตัว Steam Machine รุ่นใหม่ ในไตรมาสแรกปี 2026 ตัวเครื่องเป็นทรงสี่เหลี่ยมเล็ก (ถูกเรียกเล่น ๆ ว่า GabeCube) ใช้ระบบ SteamOS แทน Windows รองรับการเล่นเกม AAA ที่ 4K 60fps (ผ่าน FSR Upscaling) มีรุ่น 512GB และ 2TB จุดเด่นคือขนาดเล็ก ใช้งานได้ทั้งเป็นคอนโซลในห้องนั่งเล่นหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องราคา (คาด $600–$800) และประสิทธิภาพจริงเมื่อเทียบกับคอนโซล.

    Steam Frame VR Headset
    Valve ยังเปิดตัว Steam Frame ซึ่งเป็น VR Headset รุ่นใหม่ ใช้เทคโนโลยี 6GHz Wireless Adapter ที่ให้ประสบการณ์ไร้สายแต่ใกล้เคียงการเชื่อมต่อแบบสาย และมี Foveated Streaming ที่เรนเดอร์ภาพเฉพาะจุดที่สายตามอง ทำให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่เสียคุณภาพภาพรวม ใช้ชิป ARM64 Snapdragon SoC พร้อม FEX Translation Layer ที่อาจเปิดประตูให้ PC Gaming บนสถาปัตยกรรม ARM64 เช่น Android และ macOS.

    iPhone Fold
    Apple ถูกคาดว่าจะเปิดตัว iPhone Fold ในเดือนกันยายน 2026 โดยมีดีไซน์แบบ Book-Fold ขนาด 7.8 นิ้ว (หรือรุ่น Max 8.3 นิ้ว) พร้อมจอด้านนอก 5.5 นิ้วและกล้องหลัก 48MP จุดเด่นคือความบางเพียง 4.5 มม. เมื่อกางออก และการใช้ Liquid-Metal Hinge ที่อาจทำให้ iPhone Fold เป็นรุ่นแรกที่ “ไร้รอยพับ” ราคาคาดว่าจะเกิน $2,000.

    AYN Odin 3
    ตลาดเครื่องเล่นเกมพกพา Android กำลังเติบโต และ AYN Odin 3 ที่จะเปิดตัวมกราคม 2026 เป็นที่จับตามองมากที่สุด ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite (3nm), จอ OLED 120Hz, แบต 8,000 mAh และมีระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม รองรับการเล่นเกม Emulator ตั้งแต่ N64 ถึง PS3 และยังสามารถเล่นเกม PC AAA อย่าง The Witcher 3 ได้ที่ 40fps ผ่าน GameHub ราคาเริ่มต้น $329.

    Retroid Pocket 6
    สำหรับผู้ที่มองหาตัวเลือกที่ถูกกว่า Retroid Pocket 6 เปิดตัวพร้อมกันในมกราคม 2026 ใช้ Snapdragon 8 Gen 2, RAM สูงสุด 12GB, จอ AMOLED 5.5 นิ้ว 1080p และแบต 6,000 mAh ราคาถูกกว่า Odin 3 มาก ($229–$279) แม้ประสิทธิภาพต่ำกว่า แต่ยังสามารถเล่นเกม AAA รุ่นเก่าได้ดี เช่น Skyrim 75fps และ Tomb Raider 60fps.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Steam Machine (Q1 2026)
    SteamOS, ขนาดเล็ก, รองรับ 4K 60fps (FSR Upscaling)
    ราคา $600–$800, ยังมีข้อกังวลเรื่องประสิทธิภาพ

    Steam Frame VR Headset
    6GHz Wireless Adapter, Foveated Streaming
    ใช้ ARM64 Snapdragon SoC + FEX Translation

    iPhone Fold (Sep 2026)
    Book-Fold 7.8 นิ้ว, รุ่น Max 8.3 นิ้ว
    Liquid-Metal Hinge, บางเพียง 4.5 มม., ราคา > $2,000

    AYN Odin 3 (Jan 2026)
    Snapdragon 8 Elite, OLED 120Hz, แบต 8,000 mAh
    ราคาเริ่มต้น $329, รองรับ Emulator และ PC Gaming

    Retroid Pocket 6 (Jan 2026)
    Snapdragon 8 Gen 2, RAM 8–12GB, AMOLED 1080p
    ราคา $229–$279, เหมาะกับเกม AAA รุ่นเก่าและ Emulator

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    Steam Machine อาจไม่ถึง 60fps จริงในเกม AAA
    iPhone Fold ราคาสูงเกิน $2,000 และอาจเข้าถึงยาก
    Odin 3 ยังมีปัญหา Driver Support บางเกมไม่รันได้ดี

    https://www.slashgear.com/2047164/gadgets-2026-most-anticipated-expected-to-release/
    🎮 “5 แกดเจ็ตสุดร้อนแรงที่โลกจับตามองในปี 2026” บทความนี้พูดถึง 5 แกดเจ็ตที่ถูกคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 ได้แก่ Steam Machine, Steam Frame VR Headset, iPhone Fold, AYN Odin 3, และ Retroid Pocket 6 ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นและความคาดหวังสูงจากทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักเล่นเกม 🖥️ Steam Machine และ Steam Controller Valve เตรียมเปิดตัว Steam Machine รุ่นใหม่ ในไตรมาสแรกปี 2026 ตัวเครื่องเป็นทรงสี่เหลี่ยมเล็ก (ถูกเรียกเล่น ๆ ว่า GabeCube) ใช้ระบบ SteamOS แทน Windows รองรับการเล่นเกม AAA ที่ 4K 60fps (ผ่าน FSR Upscaling) มีรุ่น 512GB และ 2TB จุดเด่นคือขนาดเล็ก ใช้งานได้ทั้งเป็นคอนโซลในห้องนั่งเล่นหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องราคา (คาด $600–$800) และประสิทธิภาพจริงเมื่อเทียบกับคอนโซล. 🕶️ Steam Frame VR Headset Valve ยังเปิดตัว Steam Frame ซึ่งเป็น VR Headset รุ่นใหม่ ใช้เทคโนโลยี 6GHz Wireless Adapter ที่ให้ประสบการณ์ไร้สายแต่ใกล้เคียงการเชื่อมต่อแบบสาย และมี Foveated Streaming ที่เรนเดอร์ภาพเฉพาะจุดที่สายตามอง ทำให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่เสียคุณภาพภาพรวม ใช้ชิป ARM64 Snapdragon SoC พร้อม FEX Translation Layer ที่อาจเปิดประตูให้ PC Gaming บนสถาปัตยกรรม ARM64 เช่น Android และ macOS. 📱 iPhone Fold Apple ถูกคาดว่าจะเปิดตัว iPhone Fold ในเดือนกันยายน 2026 โดยมีดีไซน์แบบ Book-Fold ขนาด 7.8 นิ้ว (หรือรุ่น Max 8.3 นิ้ว) พร้อมจอด้านนอก 5.5 นิ้วและกล้องหลัก 48MP จุดเด่นคือความบางเพียง 4.5 มม. เมื่อกางออก และการใช้ Liquid-Metal Hinge ที่อาจทำให้ iPhone Fold เป็นรุ่นแรกที่ “ไร้รอยพับ” ราคาคาดว่าจะเกิน $2,000. 🎮 AYN Odin 3 ตลาดเครื่องเล่นเกมพกพา Android กำลังเติบโต และ AYN Odin 3 ที่จะเปิดตัวมกราคม 2026 เป็นที่จับตามองมากที่สุด ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite (3nm), จอ OLED 120Hz, แบต 8,000 mAh และมีระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม รองรับการเล่นเกม Emulator ตั้งแต่ N64 ถึง PS3 และยังสามารถเล่นเกม PC AAA อย่าง The Witcher 3 ได้ที่ 40fps ผ่าน GameHub ราคาเริ่มต้น $329. 🎮 Retroid Pocket 6 สำหรับผู้ที่มองหาตัวเลือกที่ถูกกว่า Retroid Pocket 6 เปิดตัวพร้อมกันในมกราคม 2026 ใช้ Snapdragon 8 Gen 2, RAM สูงสุด 12GB, จอ AMOLED 5.5 นิ้ว 1080p และแบต 6,000 mAh ราคาถูกกว่า Odin 3 มาก ($229–$279) แม้ประสิทธิภาพต่ำกว่า แต่ยังสามารถเล่นเกม AAA รุ่นเก่าได้ดี เช่น Skyrim 75fps และ Tomb Raider 60fps. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Steam Machine (Q1 2026) ➡️ SteamOS, ขนาดเล็ก, รองรับ 4K 60fps (FSR Upscaling) ➡️ ราคา $600–$800, ยังมีข้อกังวลเรื่องประสิทธิภาพ ✅ Steam Frame VR Headset ➡️ 6GHz Wireless Adapter, Foveated Streaming ➡️ ใช้ ARM64 Snapdragon SoC + FEX Translation ✅ iPhone Fold (Sep 2026) ➡️ Book-Fold 7.8 นิ้ว, รุ่น Max 8.3 นิ้ว ➡️ Liquid-Metal Hinge, บางเพียง 4.5 มม., ราคา > $2,000 ✅ AYN Odin 3 (Jan 2026) ➡️ Snapdragon 8 Elite, OLED 120Hz, แบต 8,000 mAh ➡️ ราคาเริ่มต้น $329, รองรับ Emulator และ PC Gaming ✅ Retroid Pocket 6 (Jan 2026) ➡️ Snapdragon 8 Gen 2, RAM 8–12GB, AMOLED 1080p ➡️ ราคา $229–$279, เหมาะกับเกม AAA รุ่นเก่าและ Emulator ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ Steam Machine อาจไม่ถึง 60fps จริงในเกม AAA ⛔ iPhone Fold ราคาสูงเกิน $2,000 และอาจเข้าถึงยาก ⛔ Odin 3 ยังมีปัญหา Driver Support บางเกมไม่รันได้ดี https://www.slashgear.com/2047164/gadgets-2026-most-anticipated-expected-to-release/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Of The Most Anticipated Gadgets Expected To Release In 2026 - SlashGear
    Tech in 2026 might not be as dull as it looks. From Valve’s hardware push to Apple’s foldable iPhone, these upcoming releases actually feel worth tracking.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โปรตุเกสออกกฎหมายใหม่ ปกป้อง Ethical Hackers จากการถูกดำเนินคดี”

    เนื้อหากฎหมายใหม่
    รัฐบาลโปรตุเกสได้ปรับปรุง Cybercrime Law (Decree Law No. 125/2025) โดยเพิ่มบทบัญญัติ Article 8-A ที่ระบุว่า “การกระทำที่ไม่ต้องรับโทษเนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงไซเบอร์” ซึ่งเปิดทางให้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยและ Ethical Hackers สามารถทดสอบระบบ, ค้นหาช่องโหว่ และรายงานได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี หากทำไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ.

    เงื่อนไขการคุ้มครอง
    แม้จะได้รับการคุ้มครอง แต่กฎหมายกำหนดเงื่อนไขเข้มงวด เช่น:
    ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
    ห้ามทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การหยุดบริการ, ขโมยข้อมูล, หรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง (DoS, Phishing, Malware)
    ต้องรายงานช่องโหว่ต่อเจ้าของระบบ, หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูล และ National Cybersecurity Centre (CNCS) อย่างรวดเร็ว
    ข้อมูลที่ได้มาต้องถูกลบภายใน 10 วันหลังจากช่องโหว่ถูกแก้ไข.

    แนวโน้มระดับนานาชาติ
    โปรตุเกสไม่ใช่ประเทศเดียวที่เดินหน้าแนวทางนี้ สหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act เพื่อเพิ่ม “statutory defence” ให้กับนักวิจัยที่ทำงานอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรม แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายประเทศเริ่มตระหนักว่า การเปิดพื้นที่ให้ Ethical Hackers ทำงาน เป็นสิ่งสำคัญต่อการป้องกันภัยไซเบอร์ในระดับโลก.

    ความหมายต่อวงการไซเบอร์
    การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการยอมรับว่า การค้นหาช่องโหว่เป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณะ ไม่ใช่อาชญากรรม และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักวิจัยที่มักกังวลว่าจะถูกดำเนินคดีเมื่อรายงานช่องโหว่ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สาระสำคัญของกฎหมายใหม่ในโปรตุเกส
    เพิ่ม Article 8-A ใน Cybercrime Law
    ปกป้อง Ethical Hackers ที่ทำงานเพื่อสาธารณะ

    เงื่อนไขการคุ้มครอง
    ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย
    ห้ามทำให้เกิดความเสียหายหรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง
    ต้องรายงานต่อ CNCS และลบข้อมูลภายใน 10 วัน

    แนวโน้มระดับนานาชาติ
    สหราชอาณาจักรพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act
    หลายประเทศเริ่มยอมรับบทบาท Ethical Hackers

    ความหมายต่อวงการไซเบอร์
    สร้างความเชื่อมั่นให้นักวิจัย
    ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญ

    คำเตือนสำหรับ Ethical Hackers
    หากทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือสร้างความเสียหาย จะไม่ถูกคุ้มครอง
    การไม่รายงานช่องโหว่ตามกำหนดเวลาอาจทำให้สูญเสียสิทธิ์คุ้มครอง
    การใช้วิธีโจมตีเชิงรุก เช่น DoS หรือ Malware ถือว่าผิดกฎหมาย

    https://hackread.com/portugal-cybercrime-law-protects-ethical-hackers/
    ⚖️ “โปรตุเกสออกกฎหมายใหม่ ปกป้อง Ethical Hackers จากการถูกดำเนินคดี” 📜 เนื้อหากฎหมายใหม่ รัฐบาลโปรตุเกสได้ปรับปรุง Cybercrime Law (Decree Law No. 125/2025) โดยเพิ่มบทบัญญัติ Article 8-A ที่ระบุว่า “การกระทำที่ไม่ต้องรับโทษเนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงไซเบอร์” ซึ่งเปิดทางให้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยและ Ethical Hackers สามารถทดสอบระบบ, ค้นหาช่องโหว่ และรายงานได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี หากทำไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ. 🛡️ เงื่อนไขการคุ้มครอง แม้จะได้รับการคุ้มครอง แต่กฎหมายกำหนดเงื่อนไขเข้มงวด เช่น: 🎗️ ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 🎗️ ห้ามทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การหยุดบริการ, ขโมยข้อมูล, หรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง (DoS, Phishing, Malware) 🎗️ ต้องรายงานช่องโหว่ต่อเจ้าของระบบ, หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูล และ National Cybersecurity Centre (CNCS) อย่างรวดเร็ว 🎗️ ข้อมูลที่ได้มาต้องถูกลบภายใน 10 วันหลังจากช่องโหว่ถูกแก้ไข. 🌍 แนวโน้มระดับนานาชาติ โปรตุเกสไม่ใช่ประเทศเดียวที่เดินหน้าแนวทางนี้ สหราชอาณาจักรกำลังพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act เพื่อเพิ่ม “statutory defence” ให้กับนักวิจัยที่ทำงานอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรม แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่าหลายประเทศเริ่มตระหนักว่า การเปิดพื้นที่ให้ Ethical Hackers ทำงาน เป็นสิ่งสำคัญต่อการป้องกันภัยไซเบอร์ในระดับโลก. 🔎 ความหมายต่อวงการไซเบอร์ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการยอมรับว่า การค้นหาช่องโหว่เป็นกิจกรรมเพื่อสาธารณะ ไม่ใช่อาชญากรรม และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักวิจัยที่มักกังวลว่าจะถูกดำเนินคดีเมื่อรายงานช่องโหว่ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สาระสำคัญของกฎหมายใหม่ในโปรตุเกส ➡️ เพิ่ม Article 8-A ใน Cybercrime Law ➡️ ปกป้อง Ethical Hackers ที่ทำงานเพื่อสาธารณะ ✅ เงื่อนไขการคุ้มครอง ➡️ ต้องมีเจตนาเพื่อปรับปรุงความปลอดภัย ➡️ ห้ามทำให้เกิดความเสียหายหรือใช้วิธีโจมตีรุนแรง ➡️ ต้องรายงานต่อ CNCS และลบข้อมูลภายใน 10 วัน ✅ แนวโน้มระดับนานาชาติ ➡️ สหราชอาณาจักรพิจารณาปรับปรุง Computer Misuse Act ➡️ หลายประเทศเริ่มยอมรับบทบาท Ethical Hackers ✅ ความหมายต่อวงการไซเบอร์ ➡️ สร้างความเชื่อมั่นให้นักวิจัย ➡️ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ, เอกชน และชุมชนผู้เชี่ยวชาญ ‼️ คำเตือนสำหรับ Ethical Hackers ⛔ หากทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือสร้างความเสียหาย จะไม่ถูกคุ้มครอง ⛔ การไม่รายงานช่องโหว่ตามกำหนดเวลาอาจทำให้สูญเสียสิทธิ์คุ้มครอง ⛔ การใช้วิธีโจมตีเชิงรุก เช่น DoS หรือ Malware ถือว่าผิดกฎหมาย https://hackread.com/portugal-cybercrime-law-protects-ethical-hackers/
    HACKREAD.COM
    New Portuguese Law Shields Ethical Hackers from Prosecution
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • Valve ชนกำแพง HDMI Forum: Linux ยังถูกบล็อก HDMI 2.1

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ HDMI Forum ยังคงไม่เปิดสเปก HDMI 2.1 ให้กับ Linux ทำให้ Valve และ AMD ไม่สามารถพัฒนาไดรเวอร์โอเพ่นซอร์สได้ แม้ฮาร์ดแวร์รองรับ แต่ถูกจำกัดด้วยซอฟต์แวร์ ส่งผลต่อการใช้งาน 4K และรีเฟรชเรตสูงบน Steam Machine

    Valve ยืนยันว่า Steam Machine ของตนที่ใช้ AMD Ryzen APU และ Radeon GPU สามารถรองรับ HDMI 2.1 ได้ในเชิงฮาร์ดแวร์ แต่ถูกจำกัดให้ใช้เพียง HDMI 2.0 บน Linux เนื่องจาก HDMI Forum ไม่ยอมเปิดสเปกสำหรับการพัฒนาไดรเวอร์โอเพ่นซอร์ส การจำกัดนี้ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งาน 4K ที่ 120Hz หรือ 144Hz ได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้เทคนิคการบีบอัดภาพ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    AMD เคยเสนอไดรเวอร์ที่รองรับ HDMI 2.1 ให้กับ HDMI Forum ตั้งแต่ปี 2024 แต่ถูกปฏิเสธ ทำให้การพัฒนาโอเพ่นซอร์สหยุดชะงัก ผู้ใช้ Linux ที่ต้องการเล่นเกมหรือใช้งานจอภาพความละเอียดสูงจึงต้องพึ่งพาวิธีแก้ปัญหาทางอ้อม เช่นการใช้ DisplayPort 1.4 พร้อมอะแดปเตอร์ไป HDMI 2.1 ซึ่งแม้ช่วยเพิ่มเฟรมเรต แต่ยังไม่รองรับ VRR อย่างเป็นทางการ

    ทางเลือกและข้อจำกัด
    Valve พยายามแก้ปัญหาด้วยการเปิดใช้ chroma subsampling เพื่อให้ได้ 4K ที่ 120Hz แต่คุณภาพข้อความและรายละเอียดภาพจะลดลง นอกจากนี้ VRR บน Linux ทำงานได้เฉพาะกับ AMD FreeSync และต้องใช้จอที่รองรับเท่านั้น ขณะที่อะแดปเตอร์ DisplayPort มีจำหน่ายจากผู้ผลิตรายเล็ก แต่ไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน

    มุมมองกว้างจากวงการโอเพ่นซอร์ส
    กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายของชุมชนโอเพ่นซอร์สที่ต้องพึ่งพามาตรฐานปิดจากองค์กรกลางอย่าง HDMI Forum หากไม่มีการเปิดสเปก นักพัฒนาจะไม่สามารถสร้างไดรเวอร์ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ส่งผลต่อทั้งผู้ใช้ทั่วไปและวงการเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงบน Linux

    สรุปสาระสำคัญ
    Valve ยืนยัน Steam Machine รองรับ HDMI 2.1 ทางฮาร์ดแวร์
    แต่ถูกจำกัดซอฟต์แวร์ให้ใช้เพียง HDMI 2.0 บน Linux

    AMD เคยเสนอไดรเวอร์ HDMI 2.1 แต่ถูกปฏิเสธ
    ทำให้การพัฒนาโอเพ่นซอร์สหยุดชะงัก

    ผู้ใช้ Linux ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาทางอ้อม
    เช่น DisplayPort 1.4 → HDMI 2.1 adapter

    การใช้ chroma subsampling ลดคุณภาพภาพและข้อความ
    ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความคมชัดสูง

    VRR บน Linux ยังไม่รองรับอย่างเต็มรูปแบบ
    ต้องใช้ AMD FreeSync และจอที่รองรับเท่านั้น

    การไม่เปิดสเปก HDMI 2.1 กระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    นักพัฒนาไม่สามารถสร้างไดรเวอร์ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้

    https://www.heise.de/en/news/Valve-HDMI-Forum-Continues-to-Block-HDMI-2-1-for-Linux-11107440.html
    🖥️ Valve ชนกำแพง HDMI Forum: Linux ยังถูกบล็อก HDMI 2.1 ข่าวนี้เล่าถึงการที่ HDMI Forum ยังคงไม่เปิดสเปก HDMI 2.1 ให้กับ Linux ทำให้ Valve และ AMD ไม่สามารถพัฒนาไดรเวอร์โอเพ่นซอร์สได้ แม้ฮาร์ดแวร์รองรับ แต่ถูกจำกัดด้วยซอฟต์แวร์ ส่งผลต่อการใช้งาน 4K และรีเฟรชเรตสูงบน Steam Machine Valve ยืนยันว่า Steam Machine ของตนที่ใช้ AMD Ryzen APU และ Radeon GPU สามารถรองรับ HDMI 2.1 ได้ในเชิงฮาร์ดแวร์ แต่ถูกจำกัดให้ใช้เพียง HDMI 2.0 บน Linux เนื่องจาก HDMI Forum ไม่ยอมเปิดสเปกสำหรับการพัฒนาไดรเวอร์โอเพ่นซอร์ส การจำกัดนี้ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งาน 4K ที่ 120Hz หรือ 144Hz ได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้เทคนิคการบีบอัดภาพ ⚡ ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา AMD เคยเสนอไดรเวอร์ที่รองรับ HDMI 2.1 ให้กับ HDMI Forum ตั้งแต่ปี 2024 แต่ถูกปฏิเสธ ทำให้การพัฒนาโอเพ่นซอร์สหยุดชะงัก ผู้ใช้ Linux ที่ต้องการเล่นเกมหรือใช้งานจอภาพความละเอียดสูงจึงต้องพึ่งพาวิธีแก้ปัญหาทางอ้อม เช่นการใช้ DisplayPort 1.4 พร้อมอะแดปเตอร์ไป HDMI 2.1 ซึ่งแม้ช่วยเพิ่มเฟรมเรต แต่ยังไม่รองรับ VRR อย่างเป็นทางการ 🔧 ทางเลือกและข้อจำกัด Valve พยายามแก้ปัญหาด้วยการเปิดใช้ chroma subsampling เพื่อให้ได้ 4K ที่ 120Hz แต่คุณภาพข้อความและรายละเอียดภาพจะลดลง นอกจากนี้ VRR บน Linux ทำงานได้เฉพาะกับ AMD FreeSync และต้องใช้จอที่รองรับเท่านั้น ขณะที่อะแดปเตอร์ DisplayPort มีจำหน่ายจากผู้ผลิตรายเล็ก แต่ไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน 🌐 มุมมองกว้างจากวงการโอเพ่นซอร์ส กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายของชุมชนโอเพ่นซอร์สที่ต้องพึ่งพามาตรฐานปิดจากองค์กรกลางอย่าง HDMI Forum หากไม่มีการเปิดสเปก นักพัฒนาจะไม่สามารถสร้างไดรเวอร์ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ส่งผลต่อทั้งผู้ใช้ทั่วไปและวงการเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงบน Linux 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Valve ยืนยัน Steam Machine รองรับ HDMI 2.1 ทางฮาร์ดแวร์ ➡️ แต่ถูกจำกัดซอฟต์แวร์ให้ใช้เพียง HDMI 2.0 บน Linux ✅ AMD เคยเสนอไดรเวอร์ HDMI 2.1 แต่ถูกปฏิเสธ ➡️ ทำให้การพัฒนาโอเพ่นซอร์สหยุดชะงัก ✅ ผู้ใช้ Linux ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาทางอ้อม ➡️ เช่น DisplayPort 1.4 → HDMI 2.1 adapter ‼️ การใช้ chroma subsampling ลดคุณภาพภาพและข้อความ ⛔ ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความคมชัดสูง ‼️ VRR บน Linux ยังไม่รองรับอย่างเต็มรูปแบบ ⛔ ต้องใช้ AMD FreeSync และจอที่รองรับเท่านั้น ‼️ การไม่เปิดสเปก HDMI 2.1 กระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส ⛔ นักพัฒนาไม่สามารถสร้างไดรเวอร์ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ https://www.heise.de/en/news/Valve-HDMI-Forum-Continues-to-Block-HDMI-2-1-for-Linux-11107440.html
    WWW.HEISE.DE
    Valve: HDMI Forum Continues to Block HDMI 2.1 for Linux
    Technically, the Steam Machine supports HDMI 2.1. However, Valve and AMD are not allowed to offer an open-source driver for it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว